Tag : Review

672 ผลลัพธ์
เดอะ ไลน์ ราชเทวี : รีวิวคอนโด

เดอะ ไลน์ ราชเทวี : รีวิวคอนโด

จากความร่วมมือของ แสนสิริ กับ BTS Group ได้ปล่อยคอนโดแบรนด์ เดอะ ไลน์ ออกมาแล้ว 2 โครงการ คือ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต และ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเปิดตัว วันนี้เราจะพาไปชมโครงการที่ 3 อย่าง เดอะ ไลน์ ราชเทวีกันครับ โครงการนี้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านราชเทวีกันเลยครับ เพียง 220 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี สามารถเดินได้สบายๆ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     6,900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 250,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 38 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    231 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 2 - 0 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 67% ที่ตั้งโครงการ    ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ สถานะโครงการ    EIA Approved เริ่มก่อสร้าง    เดือนธันวาคม 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนกันยายน 2561 ค่าส่วนกลาง    90 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    600 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ วิธีการเดินทาง สำหรับตัวโครง เดอะ ไลน์ ราชเทวี จะตั้งอยู่ปากซอยเพชรบุรี 18 ติดถนนเพชรบุรี ก่อนถึงแยกราชเทวีนิดหน่อย การเดินทางในวันนี้เราเลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS ดูจะสะดวกที่สุดในการเดินทางในย่านนี้ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ห่างจากตัวสถานี BTS ราชเทวีประมาณ 220 เมตรเท่านั้น ซึ่งอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ไม่ไกลจนเกินไป แผนที่โครงการ การเดินทางวันนี้เราขอให้รถไฟฟ้า BTS นะครับ เนื่องจากเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดแล้วในย่านนี้ มาลงที่สถานีราชเทวี ตามชื่อโครงการเลยครับ เราลงทางออกที่ 4 นะครับ ไปทางพันธ์ทิพย์พลาซ่าตามป้ายเลย ลงมาจากสถานีราชเทวีแล้ว จะเจอแยกราชเทวี เราเดินเลี้ยวขวาตามทางไปถนนเพชรบุรีเลยนะครับ จากแยกราชเทวีเดินตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งโครงการแล้วละครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ ล้อมรั้วไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัด ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ แต่อาจจะต้องทำใจเรื่องการจราจรกันสักหน่อย เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าในย่านนี้ การจราจรค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่ทีเดียว เริ่มจากด้านหน้าโครงการคือถนนเพชรบุรี ตัวโครงการจะตั้งอยู่ปากซอยเพชรบุรี 18 ก่อนถึงแยกราชเทวี ถ้ามาจากถนนราชดำริก็สามารถเลี้ยวซ้ายที่แยกประตูน้ำเข้าถนนเพชรบุรี แล้วตรงผ่านพันธุ์ทพย์ พลาซ่า ก่อนถึงโครงการ ส่วนถ้ามาจากทางถนนพญาไทฝั่งขาเข้า สามารถมาเลี้ยวซ้ายที่แยกราชเทวี แล้วไปกลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยกประตูน้ำกลับมาที่โครงการได้เช่นกัน แต่ถ้ามาจากถนนพญาไทฝั่งขาออก จะไม่สามารถเลี้ยวขวาที่แยกราชเทวีได้นะครับ ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพญานาคที่อยู่ข้างๆ โรงแรมเอเชีย ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงถนนบรรทัดทอง จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง ตรงไปอีกนิดเดียวก็จะออกถนนเพชรบุรี พอออกมาถึงถนนเพชรบุรีแล้วให้เลี้ยวขวาอีกทีนะครับ จากนั้นก็ตรงขึ้นสะพานข้ามแยกราชเทวีได้เลย การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเหมือนจะง่ายนะครับ แต่ค่อนข้างจะซับซ้อนสักหน่อย แยกไหนเลี้ยวได้ เลี้ยวไม่ได้ ต้องดูกันดีๆ หากไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวจริงๆ เลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS จะสะดวกสบายมากขึ้นเยอะเลยครับ เพียงสถานีเดียวก็ถึงศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งใจกลางกรุงเทพฯ อย่างสยามแล้ว สถานที่สำคัญใกล้เคียง พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า แพลทินั่ม ประตูน้ำ MBK สยาม พารากอน สยาม เซ็นเตอร์ สยาม สแควร์ สยาม สแควร์ วัน จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เซ็นทรัล เวิลด์ วิเคราะห์รอบโครงการ ภาพรวมของที่ตั้งโครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี ซึ่งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตรงช่วงซอยเพชรบุรี 18 ในตำแหน่งนี้มีเพื่อนบ้านใกล้ๆ เป็นคอนโดบ้านกลางกรุง สยาม-ปทุมวัน อยู่ทางทิศตะวันตก ทางทิศใต้มีคอนโด Low Rise ของ The Address ปทุมวัน แล้วก็มีอาคารของกรมการพลังงานทหารอยู่ทางทิศตะวันออกอีกตึก ส่วนในซอยเพชรบุรี 18 ก็มีอพาร์ทเม้นท์กับบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้บริเวณนี้จะค่อนข้างมีรถวิ่งผ่านไปมาพลุกพล่านตลอดทั้งวัน แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศยังค่อนข้างเหมาะกับการอยู่อาศัยเหมือนกันนะครับ ไหนจะเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่ถือเป็นจุดเด่นที่ทางโครงการเลือกมาเป็นประเด็นชูโรง ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้งสำคัญมากมายทั้งสยามสแควร์ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ ประตูน้ำ อนุสาวรีย์ชัยฯ King Power Duty Free เรียกว่าอยู่ในระยะที่เดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า 1-2 สถานีเท่านั้น  และแถมยังใกล้สถานศึกษาชื่อดังใจกลางเมืองอีก จึงทำให้โครงการนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยครับ BTS สถานีสยามจุดเชื่อมต่อของสายสุขุมวิทและสายสีลม ห่างจากสถานีราชเทวี เพียง 1 สถานี ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น เป็นอาคารเดี่ยวแต่ออกแบบมาให้ตัวอาคารเป็นทรงตัว L จนถึงชั้นที่ 31 ส่วนชั้นที่เลยขึ้นไปจะมีจำนวนห้องต่อชั้นน้อยลง และด้วยจำนวนยูนิตรวมที่มากถึง 231 ยูนิต ทางโครงการจึงใส่ใจเพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง และ Facility ต่างๆ ให้เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกบ้าน เริ่มตั้งแต่จำนวนที่จอดรถที่มากถึง 67% ซึ่งให้พื้นที่จอดตั้งแต่ชั้น 1-10 เลยทีเดียว แถมด้วยที่จอดรถอัจริยะ (Mechanical Parking) สำหรับผู้มาติดต่ออีก 16 คัน ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 11 ขึ้นไป​ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งของชั้นที่ 11 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ของ Facility หลัก ทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ พร้อม Outdoor Theater ริมสระว่ายน้ำ ในขณะที่พื้นที่บนชั้น 31 ส่วนหนึ่งจะเป็นห้องสมุดภายในอาคาร และห้องอ่านหนังสือที่จัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วน ถือว่าเป็น Co-working Space สำหรับนั่งทำงาน ประชุมงาน หรือติวหนังสือก่อนสอบได้เลย ซึ่งพื้นที่บนชั้นนี้มาพร้อมกับสวนกลางแจ้ง และวิวสีเขียวสวยๆ สบายตา และถ้าขึ้นไปที่ชั้น 38 ก็ยังมี Rooftop Garden ที่จัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นจุดชมวิวและที่พักผ่อนได้ในคราวเดียวกัน โมเดลของโครงการ ดูจาก Master Plan ของโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้า-ออกทางเดียว ด้านหน้าจะมี Drop off สำหรับรับ-ส่งลูกบ้าน ใกล้ๆ กันจะมีจุดจอดรถอัจฉริยะอยู่ด้วย ส่วนด้านในอาคารจะมี Lobby ขนาดใหญ่ ก่อนจะถึงโถงลิฟท์ ที่มีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว เป็นลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service Lift 1 ตัว ทางเข้าโครงการ หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G ตกแต่งได้อย่างหรูหราทีเดียวครับ จากชั้น G ขึ้นไปถึง 10 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด สามารถรองรับได้ประมาณ 67% ขึ้นมาที่ชั้น 11 จะเป็นชั้นเริ่มของห้องพักอาศัย ที่มีเพียง 5 ห้อง เนื่องจากส่วนหนึ่งจะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำและ ฟิตเนส ทำให้ห้องพักอาศัยของชั้น 11 จะมีเพดานสูงกว่าชั้นอื่นๆ อยู่ประมาณ 60 ซม. โมเดลจำลองฟิตเนสบนชั้น 11 ที่มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอก โมเดลจำลองของสระว่ายน้ำบนชั้น 11 ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำในเวลากลางวัน สระว่ายน้ำจะประดับด้วยสาย Fibre Optic พอถึงเวลากลางคืนจะมีแสงระยิบระยับให้บรรยากาศเหมือนว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวบนฟากฟ้า (งานมโนต้องมา ฮ่าๆๆ) นอกจากนั้นยังมี Outdoor Theater จอใหญ่ให้ได้ชมรายการต่างๆ เวลาเล่นได้อีกด้วย บรรยากาศห้องฟิตเนส ขึ้นมาที่ชั้น 13-29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีประมาณ 11 ห้องต่อชั้น พอถึงชั้นที่ 30 จำนวนห้องพักอาศัยจะลดลงเหลือเพียง 6 ห้อง เนื่องจากถูก Facility บนชั้น 31 กินพื้นที่ลงมาบางส่วน ชั้น 31 ห้องพักอาศัยจะเหลือเพียง 3 ห้อง และเป็นอีกชั้นหนึ่งที่มี Facility อยู่ด้วยทั้งห้องสมุด ห้องซักผ้า พร้อมกับพื้นที่พักผ่อนที่แยกกันอย่างเป็นสัดส่วน เชื่อมต่อไปออกถึงสวนสีเขียวด้านนอก Facility บนชั้น 31 ที่กินพื้นที่ลงมาที่ชั้น 30 ด้วย บรรยากาศภายในห้องสมุดบนชั้น 31 ของโครงการ โมเดลจำลองของสวนสีเขียวที่เชื่อมต่อกับห้องสมุดบนชั้น 31 ตั้งแต่ชั้น 32-37 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดอีกครั้งนะครับ แต่จำนวนห้องจะน้อยลงอีกเหลือเพียงชั้นละ 3-4 ยูนิตต่อชั้น เนื่องจากจะเป็นห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2-3 ห้องนอน และห้อง Penthouse มาถึงชั้นบนสุดของโครงการที่ชั้น 38 จะเป็น Rooftop Garden ให้ลูกบ้านได้ขึ้นมาชมวิวมุมสูงที่ชั้นดาดฟ้า ในส่วนของที่พักอาศัย ทางโครงการเน้นออกแบบให้เหมาะกับ Lifestyle คนเมือง ซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ห้องแบบ Studio ห้อง 1-3 Bedroom ไปจนถึงห้องแบบ Duplex และ Penthouse เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยในลักษณะต่างๆ ทั้งแบบเดี่ยว หรืออาศัยกันทั้งครอบครัวก็สามารถเลือกแบบห้องได้ตามต้องการ แถมทางโครงการยังจัดขายห้องมาแบบ Semi Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in วัสดุคุณภาพมาให้เสร็จสรรพ ห้องที่ได้มาจึงแทบจะไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มมากนักก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ภายในห้อง เดี๋ยวเราไปดูในห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเตรียมไว้ตอนนี้มีด้วยกัน 2 แบบ คือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 34.25 ตร.ม และห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 59 ตร.ม. เราเริ่มต้นกันที่ห้อง 1 Bedroom กันก่อนนะครับ พอเปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกับครัวและพื้นที่นั่งเล่นก่อน โดยที่พื้นที่ของห้องนอนจะแยกไว้เป็นสัดส่วน การจัดวาง Layout ของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องค่อนข้างทำได้ดีเลยทีเดียว ยิ่งในห้องตัวอย่างนี้เป็นแบบห้องที่อยู่ในตำแหน่งห้องมุมของอาคาร จึงได้หน้าต่างเพิ่มขึ้นมาที่ผนังด้านข้างด้วย ทำให้ห้องนี้รับแสงและเห็นวิวได้มากขึ้น แปลนห้อง Type 1E ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 34.25 ตารางเมตร ที่นี่จะให้ Digital Door Lock รุ่น push and pull ของ Samsung ที่ใช้ได้ 3 ระบบทั้ง Key Card , Password และ กุญแจไข เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ด้านหน้า มองตรงเข้าไปด้านในถึงจะเป็น Living Area พื้นที่ส่วนครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาว ส่วนพื้นที่ Living Area จะเป็น Engineering Wood สีไม้โอ๊ค ครัวที่อยู่ด้านหน้าห้องจะเป็นแบบเปิดนะครับ ตัวท็อปครัวจะเป็นกระเบื้องหินแกรนิต Black Galaxy ด้านซ้ายมือจะเป็นซิงค์ล้างจานทรงสีเหลี่ยมของ MEX ด้านขวาเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมกันฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านบนจะเป็นตู้ลอยติดผนัง ห้องจริงจะได้หน้าบานเป็นกระจกแบบนี้เลยนะครับ เปิดเข้าไปก็จะเป็นที่เก็บจาน ชาม ช้อน ส้อม ด้านล่างจะเป็นจุดวางไมโครเวฟและตู้เก็บของ ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีโต๊ะอเนกประสงค์ ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ใช้เป็นโต๊ะทานอาหารก็สะดวกดีนะครับ แต่เก้าอี้โครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามครัวจะเป็นจุดวางตู้เย็น และตู้เก็บของที่โครงการ Built in มาให้ ตู้ที่ได้มานี่สารพัดประโยชน์เลยนะครับ เก็บได้ทั้งไม้กวาด ไม้ถูพื้น รองเท้า ไปจนถึงของเล็กๆ น้อยๆ ถัดจากส่วนครัวเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ด้านชั้นวางทีวีโครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง โซฟาที่โครงการจัดวางมาให้ดูเป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง ทำให้ด้านข้างมีที่ว่างเหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟ ส่วน Living Area จะให้แอร์ฝั่งฝ้าแบบนี้นะครับ ทำให้เพดานตรงส่วนครัวถูกดรอปลงมาเหลือ 2.5 เมตร ในขณะที่เพดานในส่วน Living Area จะสูง 2.75 เมตร ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน แบบ Full High Window พื้นที่บริเวณระเบียงจะกว้างประมาณ 1 เมตร ที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่นอกเบียงนี่นะครับมี Grill กั้นอย่างเป็นสัดส่วน คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเครื่องซักผ้าอีกที เรากลับเข้ามาดูที่ห้องนอนกันต่อเลยนะครับ ภายในห้องนอนสามารถเลือกวางเตียง 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยนะครับ เพราะมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควร ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะทำงานเลยทีเดียว แต่โครงการวางให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ นะครับ ไม่ได้แถมให้ด้วย ส่วนหน้าต่างจะได้บานประมาณนี้นะครับ ที่เห็นเป็นกระจกข้างๆ หน้าต่างนั่นไม่ใช่ตู้เก็บของนะครับ แต่เป็นส่วนของที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่ยื่นเข้ามาในห้องนอน หน้าต่างจะเป็นบาน Fix บานใหญ่เลยนะครับ พื้นที่ปลายเตียงจะเหลืออยู่นิดหน่อยให้พอเดินได้ ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอน ก็คงต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทนนะครับ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า และทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าโครงการจะ Built in มาให้ด้วยนะครับ เป็นตู้สูงถึงเพดานห้องเลย หน้าบานจะเป็นกระจกสีชาแบบที่เห็นนี่เลยครับ ติดกับตู้เสื้อผ้าจะมีชั้นวางของเล็กๆ พร้อมกับกระจกเงาที่สามารถปิด-เปิด ได้ ช่วยให้ดูเรียบร้อยขึ้น เราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อนะครับ ภายในห้องน้ำจะปูด้วยหินแกรนิต Misty Grey ทั้งห้องเลยนะครับ ทั้งพื้นและผนัง จะมีความแตงต่างกันตรงที่ผิวของกระเบื้อง บริเวณผนังห้องจะมีผิวขรุขระให้ความรู้สึกเหมือนหินจริงๆ ส่วนที่พื้นจะเป็นผิวเรียบ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Cotto ตัวเคาน์เตอร์จะเป็นหินแกรนิตเหมือนที่ปูผนังห้องน้ำ กระจกเงาจะได้บานสูงแบบนี้เลยนะครับ โถสุขภัณฑ์จะได้เป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะของ Cotto รุ่น The Tunio มีฟังก์ชัน Automatic Flushing Sensor พร้อมกันรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ที่ให้มาพร้อมทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ของ Cotto ชุดฝักบัวของ Cotto มาพร้อมกับ Rain Shower ของ Cotto เหมือนกัน ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้อง คือ ห้องแบบ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายในห้องกว้างขวางมากขึ้น ด้วยลักษณะของห้องเป็นห้องหน้ากว้างนะครับ เด่นที่พื้นที่ระเบียง ที่จะติดตั้งกระจกกั้นไว้สองชั้น คือชั้นแรกเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อออกสู่ระเบียง ซึ่งกระจกชั้นที่สองจะติดตั้งเต็มพื้นที่ด้านนอก โดยติดตั้งเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อเปิดระบายอาการและรับลมจากด้านนอก ซึ่งห้องแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไปจะได้ระเบียงแบบนี้ทั้งหมดนะครับ แปลนห้อง Type 2B-1 ขนาด 59 - 59.75 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ด้านข้างประตูห้องจะมีตู้เก็บของ เก็บรองเท้า เราไปดูด้านขวามือกันก่อนนะครับ ด้านขวามือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ซึ่งจะคล้ายๆ กับห้อง 1 ห้องนอนที่เราดูมาเมื่อกี้เลยนะครับ แต่ห้องนี้จะได้ครัวใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย พื้นบริเวณส่วนครัวจะเป็นกระเบื้องเซรามิคสีขาว ส่วน Living Area จะเป็นพื้น Engineering Wood สีไม้โอ๊ค เหมือนห้อง 1 ห้องนอนเมื่อสักครู่ เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L ตัวท็อปจะเป็นกระเบื้องหินแกรนิต Black Galaxy เหมือนกัน ด้านบนก็จะเป็นตู้ลอยเก็บของ ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยมของ MEX เตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมกับฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ พร้อมจุดวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ที่วางตู้เย็นจะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัว ขยับออกมาทาง Living Area จะเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหาร ขนาด 4 ที่นั่ง อยู่ตรงกลางระหว่างครัวกับ Living Area มุมมองจาก Living Area ไปที่ส่วนครัวที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้อง ถัดจากส่วน Dining Area เข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area Living Area ของห้อง Type นี้ ถือว่ากว้างขวางเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่ากว้างพอสมควร สามารถวางทีวีจอใหญ่ๆ ได้บายๆ โครงการเลือกวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งให้ดูนะครับ แต่จริงๆ แล้วมีพื้นที่เหลือพอให้วางโซฟา 4 ที่นั่งได้เลย ด้านชั้นวางทีวี โครงการ Built in มาให้เป็นเป็นเคาน์เตอร์ยาวสีดำ ติดกับ Living Area เข้าไปด้านในจะเป็นระเบียง ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงของห้องจริงจะกว้างกว่าที่เราเห็นนี้ประมาณ 15 ซม. นะครับ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องโครงสร้างทำให้โครงการทำขนาดเท่าห้องจริงไม่ได้ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงเหมือนเดิมนะครับ มี Grill กั้น ให้เรียบร้อย จะสังเกตว่าที่ระเบียงจะมีกระจกกั้นอีก 1 ชั้นนะครับ เพราะห้องแบบ 2 ห้องนอน เกือบทั้งหมดจะอยู่ทิศใต้ หันไปทางวังสระปทุม จึงต้องมีกระจกกั้นไว้อีกชั้น ซึ่งจะเป็นบานกระทุ้ง 3 บาน สามารถเปิดได้ประมาณ 30 องศา เรากลับเข้ามาดูด้านในกันต่อ จาก Living Area จะเป็นทางเดินเข้าไปที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องและห้องน้ำ ห้องแรกจะเป็นห้องนอนเล็ก พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้นะครับ ถ้าจะวางทีวีไว้ในห้องนอน อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน พื้นที่ในห้องนอนเล็กค่อนข้างกว้าพอสมควรนะครับ สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้เลย หน้าต่างภายในห้องนอนเล็กจะได้บานใหญ่เลยนะครับ แต่จะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in บานสูงขึ้นไปจนถึงเพดาน เปิดตู้เสื้อผ้าออกมาแล้ว หน้าตาจะประมาณนี้นะครับ ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำเล็ก สุขภัณฑ์ที่ใช้และการวาง Layout ในห้องน้ำจะเหมือนกับห้อง 1 ห้องนอนที่เราดูมาแล้วนะครับ แต่ห้องน้ำเล็กห้องนี้จะไม่ได้โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Cotto พร้อมกับกระจกเงาบานสูง อย่างที่บอกนะครับ โถสุขภัณฑ์ของห้องน้ำเล็กจะเป็นแบบธรรมดา ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ชุดฝักบัวของ Cotto พร้อมกับ Rain Shower ของ Cotto เช่นกัน จากห้องน้ำเล็ก เราเข้ามาดูที่ห้องนอน Master พื้นที่ในห้องนอน Master ค่อนข้างใหญ่เลยนะครับ วางเตียง 6 ฟุตเข้าไปแล้วยังมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลืออีกพอสมควร ด้านปลายเตียงโครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีพร้อมกับที่เก็บของ หน้าต่างในห้องนอนใหญ่ก็จะเหมือนกับในห้องนอนเล็กนะครับ คือจะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า Built in อยู่มุมห้อง ติดกับทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าจะคล้ายๆ กับของห้อง 1 ห้องนอนนะครับ หน้าบานเป็นกระจกสีชา มีชั้นวางของอยู่ด้านข้าง สุดท้ายเราไปดูที่ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ การจัดวางสุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องน้ำเล็กเมื่อสักครู่นะครับ แต่ห้องนี้จะได้โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะด้วย โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะของ Cotto พร้อมกันรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส ติดกับโถสุขภัณฑ์จะเป็น Shower Box พร้อมชุดฝักบัวของ Cotto และ Rain Shower ยี่ห้องเดียวกัน มุมมองจากห้องนอนใหญ่ออกไปที่ Living Area สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ทางโครงการก็มีห้องแบบ 3 Bedroom และ Penthouse ให้เลือก 3 Type ด้วยกันนะครับ คือ 3 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 85 ตร.ม. 3 Bedrooms 3 Bathrooms ขนาด 105 ตร.ม. Penthouse ขนาด 119.50 ตร.ม. ซึ่งการออกแบบก็ตอบโจทย์ให้พื้นที่ใช้สอยที่เป็นส่วนตัวกับสมาชิกทุกคน รวมถึงการ Upgrade วัสดุอุปกรณ์บางชิ้นให้สูงขึ้นด้วยถึงแม้ว่าโดยรวมทางโครงการจะเลือกใช้วัสดุแบรนด์คุณภาพ หรือวัสดุนำเข้าอยู่แล้วก็ตาม อย่างตัวอย่างของวัสดุอุปกรณ์ที่ถูก Upgrade ขึ้นมาก็เช่น ในส่วนครัวเตาไฟฟ้าจะได้เป็นเตา 4 หัว พร้อมฮูดดูดควันของ Küppersbusch ซึ่งเป็นแบรนด์นำเข้าจากเยอรมัน เช่นเดียวกับซิงค์ล้างจานที่เพิ่มมาเป็น 2 หลุม นอกจากนั้นจะมีตู้เย็นและไมโครเวฟ Built in ของ Foster แบรนด์จากอิตาลีเพิ่มมาให้อีกด้วย ส่วนห้องน้ำทุกห้องให้เป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะ Cotto รุ่น The Tunio ที่มีฟังก์ชันสุดล้ำ Automatic Flushing Sensor และรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส และยังได้ความเป็น private มากขึ้น เพราะเป็น High Floor เริ่มตั้งแต่ชั้น 31 -37 มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อย ที่สำคัญวิวที่ได้รับจะเป็นวิวเมือง เปิดโล่ง มุมสูง แปลนห้อง Type 3A 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 85 ตารางเมตร แปลนห้อง Type 3B 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 105 ตารางเมตร แปลนห้อง Penthouse (3 ห้องนอน) ขนาด 119.50 ตารางเมตร ด้วยทำเลที่จัดว่าได้เปรียบเรื่องศักยภาพในด้านต่างๆ ทั้งการเดินทางที่สะดวก แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีสาธารณูปโภคครบครัน โครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี จึงเป็นที่น่าจับตา และน่าสนใจทั้งในแง่ของการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อการลงทุน แถมตัวโครงการเองก็ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองด้วย ใครที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างพร้อมพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับพนักงานขายได้ที่ THE LINE Sales Centre (BTS หมอชิต) โดยโครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี จะเปิดจองในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย.นี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/condominium/theline_ratchathewi หรือ โทร.1685
The Esse Asoke : รีวิวคอนโด

The Esse Asoke : รีวิวคอนโด

The Esse Asoke คอนโด High Rise หรูสูง 55 ชั้น บนถนนอโศกมนตรี ใกล้แหล่งธุรกิจใจกลางเมือง โครงการแรกจาก Singha Estate รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    7,890,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 220,000 บาท เจ้าของโครงการ   Singha Estate Public Company Limited ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 55 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     419 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   2 - 2 - 74.4 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ที่จอดรถ    ประมาณ 432 คัน หรือคิดเป็น 102% พร้อมที่จอดรถซุปเปอร์คาร์และซุปเปอร์ไบค์ เริ่มก่อสร้าง    ปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาส 4 ปี 2561 ค่าส่วนกลาง    80 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    800 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สุขุมวิท MRT เพชรบุรี BTS อโศก Airport Rail Link มักกะสัน ท่าเรือสะพานอโศก ตลาดรวมทรัพย์ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรจน์ประสานมิตร Terminal 21 อาคาร GMM Grammy อาคาร Exchange Tower อาคาร Interchange Tower โรงแรม The Continent Sukhumvit ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 37.00 - 53 ตารางเมตร 2 Bedrooms 2 Bathrooms  ขนาด 75.50 - 84 ตารางเมตร Penthouse ขนาด 104.50 – 195.50 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก The ESSE court, 1,000 sq.m. garden Locker for super bike accessories Grand lobby Mail box room Central storage for golf bag and suitcase Laundry room Driver waiting room Serenity court Sky swimming pool with kids pool , lap pool , and jacuzzi Pool terrace Steam room and plunge pool Sky gym Golf simulation The ESSE residences lounge Reading club Business center and board room (size S,M,L) Skyscraper deck สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-664-3555 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  condo.singhaestate.co.th
Chewathai Residence Bang Pho : รีวิวคอนโด

Chewathai Residence Bang Pho : รีวิวคอนโด

รีวิววันนี้ เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ความน่าสนใจของโครงการนี้นอกจากจะเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบางโพแล้ว ยังเป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ที่อยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 ในช่วงที่ใกล้มากพอจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ พร้อมกับการออกแบบที่เน้นความหรูหรา ในสไตล์ Modern Contemporary และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่าคอนโดอื่นๆ ในทำเลเดียวกัน ซึ่งขณะนี้โครงการได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วนะครับ และจะเปิด Pre-Sales ในวันที่ 26-27 กันยายนนี้แล้วด้วย ใครสนใจก็อย่าลืมแวะไปชมกันนะครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,900,000 บาท (เฉพาะช่วง Pre-Sales เท่านั้น) ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 125,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 24 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     172 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 1 - 94.3 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 80% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    เดือนกันยายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2560 วิธีการเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้ เราเริ่มจากถนนรัชดาภิเษกก่อนถึงแยกประชานุกูล วิ่งมาตามถนนรัชดาภิเษกมาที่แยกวงศ์สว่าง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งมาจนสุดที่แยกเตาปูนแล้วเลี้ยวขวา เพื่อเข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ก่อนจะถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 เล็กน้อย เราก็จะเห็นที่ตั้งของโครงการชีวาทัยบางโพอยู่ทางด้านซ้ายมือ ติดกับที่ทำการไปรษณีย์ ส่วนสำนักงานขายตอนนี้จะแยกตัวไปอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้ามนะครับ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลบางโพ รับรองว่าหาไม่ยากครับ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นกันตรงถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปทางวงศ์สว่าง ข้างหน้าเราจะเป็นแยกประชานุกูล ตรงนี้มีทางเลือก 2 ทางนะครับ จะตรงไปขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล เพื่อไปทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ก็ได้ หรือจะเลี้ยวซ้ายที่แยกประชานุกูล เพื่อไปทางถนนประชาชื่น ก็ได้ เราเลือกตรงขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล เพื่อไปเข้าทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี พอลงสะพานข้ามแยกมาแล้ว ให้ค่อยๆ ชิดซ้ายไว้นะครับ ข้างหน้าจะมีอีก 1 สะพาน เป็นสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง เราไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ เพราะเราจะต้องเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ไปทางเตาปูนตามป้าย ชิดซ้ายไว้ ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ จากนั้นเรามาเลี้ยวซ้ายที่แยกวงศ์สว่าง พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรีแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ เลยครับ ผ่านแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง ด้านขาวมือตอนเย็นๆ จะมีตลาดสยามยิปซี เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเตาปูน ข้างหน้าจะเป็น MRT สถานีเตาปูน เป็นสถานี Interchange เชื่อมต่อสายสีน้ำเงินกับสายสีม่วง ที่กำลังจเปิดให้บริการในปลายปีนี้แล้ว ตรงนี้เราต้องเลี้ยวขวาไปทางบางโพ ตามป้าย เลี้ยวขวาลอดใต้สถานีเตาปูน เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางบางโพ เลี้ยวขวามาแล้วจะเห็นโครงการชีวาทัย Interchange ที่อยู่ติดกับสถานีเตาปูน จากแยกเตาปูนเราตรงมาตามถนนประชาราษฎร์สาย 2 เรื่อยๆ ตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดกับไปรษณีย์บางโพ (ที่ไฮท์ไลท์สีเขียวไว้นะครับ) ก่อนถึงแยกบางโพนิดหน่อย ส่วนสำนักงานขาย จะไม่ได้ตั้งอยู่ที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้างโครงการนะครับ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยโรงพยาบาลบางโพไปนิดหน่อย สำหรับการเดินทางมายังโครงการ นอกจากจะใช้รถส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่แพ้กัน ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวัน ที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็จะเปิดให้บริการ การเดินทางมายังโครงการก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะมีสถานีรถไฟฟ้าบางโพอยู่ห่างจากหน้าโครงการออกไปเพียง 80 เมตรเท่านั้น สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีบางโพ โรงพยาบาลบางโพ ตลาดบางโพ ตลาดเตาปูน เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น บิ๊กซี วงศ์สว่าง รัฐสภา แห่งใหม่ โรงเรียนโยธินบูรณะ วิเคราะห์รอบโครงการ ทำเลที่ตั้งของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ต้องบอกว่าอยู่ในทำเลที่น่าสนใจเลยทีเดียว ทั้งเรื่องที่มีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ ห่างจากสี่แยกออกไปไม่ไกล สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลายเส้นทาง และยังได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ อีกด้วย ขณะเดียวกันบรรยากาศในบริเวณรอบๆ โครงการยังคงมีความเป็นชุมชนเก่า มีตลาดสด ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล วัด และสถานที่ราชการแวดล้อมอยู่หลายแห่ง เลยไม่ต้องกลัวว่าจะเงียบเหงาเลย ในขณะเดียวกันถ้าต้องการออกไปช๊อปปิ้ง ทำเลที่ตั้งของโครงการก็ไม่ได้อยู่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ มากนัก เช่น สวนจตุจักร เจเจกรีน ห้างเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ รวมถึงย่านฮิปๆ แถวอารีย์เลย ซึ่งสามารถเดินทางรอบเมืองได้ด้วยเส้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่วิ่งเป็น loop เพียงสายเดียวเท่านั้น สำหรับตัวโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น บนพื้นที่ขนาด  1 ไร่เศษ ริมถนนประชาราษฎร์ ไม่ต้องเข้าซอยอีกให้ยุ่งยากครับ คอนเซปต์การออกแบบของโครงการนี้เน้นมาในสไตล์ Modern Contemporary ชูความต่างจากโครงการอื่นๆ ในเครือชีวาทัย ด้วยขนาดของห้องที่กว้างขวาง และเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตรวมเพียง 172 ยูนิตเท่านั้น ในแต่ละชั้นก็มีจำนวนห้องน้อยมาก แถมห้องส่วนใหญ่จะเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเต็มๆ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ Master Plan ของโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้าออกทางเดียว คือด้านถนนประชาราษฏร์สาย 2 ถนนรอบโครงการเป็นแบบ One Way ที่ชั้น 1 จะประกอบไปด้วย Main Lobby, Business Lounge, Mail Box และโถงลิฟท์ แบ่งเป็นลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว ส่วนที่จอดรถก็เริ่มที่ชั้น 1 ขึ้นไปถึงชั้น 6 เลยนะครับ รวมแล้วจอดได้ประมาณ 80% Lobby หรูหราที่ชั้น 1 ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 7 ชั้น 8-15 แปลนจะคล้ายๆ กับชั้น 7 นะครับ มีห้องพักอาศัยประมาณ 12 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 17-20 จำนวนห้องพักจะลดลงเหลือ 10 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นสูงสุดของห้องพักอาศัยที่ชั้น 21-22 จะมี 7 ยูนิตต่อชั้น และมีห้อง Penthouse อยู่ชั้นละ 2 ยูนิต หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ทางด้านของ Facility ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ก็ต้องบอกว่าเต็มที่เลยทีเดียว ซึ่ง Facility หลักจะรวมอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ทั้งสระว่ายน้ำแบบ River View Sky Lap Pool, Panoramic Fitness, Steam Room, Sky Garden, Business Lounge และ Pocket Garden รวมถึงเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ระบบ Elevators Access Control มี Key Card ล็อคชั้น มีกล้อง CCTV และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้เรื่องที่จอดรถก็จัดมาให้มากถึง 80% เลยนะครับ ถือว่าเยอะมากๆ สำหรับคอนโดที่มีทำเลติดรถไฟฟ้าแบบนี้ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้นบนสุดคือชั้น 23-24 ที่ชั้น 23 จะเป็นสระว่ายน้ำและส่วนลอยฟ้า ส่วนที่ชั้น 24 จะเป็นฟิตเนส บรรยากาศสระว่ายน้ำและฟิตเนส บนชั้นดาดฟ้าของโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวก Main Lobby Panaromic Fitness Mailbox Room Pocket Garden River View Sky Lap Pool Steam Room Business Lounge Sky Garden 24 hr. Security Guards CCTV พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ชมด้วยกัน 2 แบบครับ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 42.50 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 78.50 ตร.ม. โดยที่ห้องทั้งหมดจะขายให้แบบ Fully Furnished เลยนะครับ ชุดเฟอร์นิเจอร์จะเป็นแบบสั่งทำยี่ห้อ Starmark ทั้งหมด ทั้งหน้าตา สีสันก็สวยงาม เรียบหรูมากๆ เดี๋ยวเราไปชมในห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องกันเลยดีกว่าครับ Type B1 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 42.5 ตารางเมตร บานประตูลายไม้ ประตูจะเป็น Digital Door Lock ของ Yale เข้ามาด้านในแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ มองตรงไปด้านในถึงจะเป็น Living Area ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เชื่อมตัวกับโต๊ะอาหาร ขนาด 2 ที่นั่ง หันหน้าเข้าหาครัว ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ค่อนข้างลึกพอสมควร ตู้ด้านล่างซิงค์ล้างจาน พร้อมถังขยะ ขยับมาอีกหน่อยจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Take ด้านบนจะเป็นฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องวางเตาอบ ตู้ลอยเก็บของด้านบน ภาพรวมของส่วนครัวด้านหน้าห้อง ส่วนฝั่งตรงข้ามครัว จะเป็นทางเข้าห้องน้ำ และเป็นจุดที่วางตู้เย็นอยู่ข้างๆ ติดกับตู้เย็นมีตู้เก็บรองเท้าให้ด้วย ด้านในห้องน้ำส่วนแรกจะเป็นอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ฝั่งตรงข้ามเป็นโถสุขภัณฑ์ จากห้องน้ำตรงนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน เพื่อเข้าไปยังห้องอาบน้ำด้านใน เลยเข้ามาด้านในอีกจะเป็นส่วนอาบน้ำ มีอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาให้อีก 1 จุด อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม รอบๆ ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ติดกับอ่างล้างหน้าจะเป็นอ่างอาบน้ำ อีกฝั่งจะเป็น Shower Box ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto มุมมองจากห้องอาบน้ำออกไปถึงส่วนครัวด้านนอก คราวนี้เราออกมาดูที่ Living Area กันต่อ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรนะครับ สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้เลย โซฟาที่โครงการวางมาให้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อีกด้านโครงการ Built in ชั้นวางทีวี ขนาดพอดีกับผนัง Living Area จะอยู่ติดกับระเบียง ขนาดของระเบียงกว้างประมาณนี้นะครับ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จาก Living Area เราเข้าไปดูห้องนอนกันต่อ ห้องนอนถือว่าใหญ่พอสมควรนะครับ สามารถวางเตียง King Size ได้เลย ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย แนะนำเป็นทีวีแบบแขวนผนังจะดีกว่าครับ ส่วนหน้าต่างด้านในจะเป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานกระทุ้ง 2 บานข้างๆ ข้างเตียงอีกด้านโครงการจัดวางเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ต่อจากโต๊ะทำงานเข้าไปจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Walk in closet ข้างๆ ตู้เสื้อผ้าจะเห็นประตูบานเลื่อน เป็นทางเข้าห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง ต่อมาเรามาดูกันที่ห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 78.5 ตารางเมตร กันต่อ เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ การวาง Lay Out ส่วนนี้จะคล้ายๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่เราดูมาเมื่อกี้เลย ด้านซ้ายมือจะเป็นตู้สูงไว้สำหรับเก็บรองเท้า ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เตาไฟฟ้าจะได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกเป็นเตาแบบ 4 ตัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ขยับมาอีกจะเป็นซิงค์ล้างจาน ห้องนี้จะได้ 2 หลุมเลยนะครับ ด้านบนก็เป็นตู้ลอยเก็บของ จุดวางตู้เย็นจะอยู่ใกล้ๆ กับไมโครเวฟและเตาอบ ภาพรวมๆ ของส่วน Dining Area มีโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง เป็น Island อยู่ตรงกลาง ถัดเข้าไปด้านในเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่ากำลังดีเลยนะครับ สามารถเลือกวางทีวีจอใหญ่ได้เลย โซฟาที่โครงการจัดมาให้เป็นขนาด 3 ที่นั่ง และเก้าอี้อาร์มแชร์อีก 1 ตัว ด้านชั้นวางทีวีเป็นตู้ Built in ยาวไปจรดกับตู้เก็บรองเท้า ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ฝ้าบริเวณนี้โครงการจะทำเป็นร่องไว้สำหรับซ่อนรางผ้าม่านให้ด้วยนะครับ ขนาดของระเบียง จาก Living Area เราเดินเข้าไปดูห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ ห้องนอนแรกเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ติดกับ Living Area ขนาดของห้องนอนเเล็ก เมื่อวางเตียง 5 ฟุต ลงไปแล้วจะเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงนิดหน่อย ปลายเตียงมีที่เหลือให้เดินได้สะดวก และโครงการยังได้ Built in ชั้นวางทีวีเล็กๆ มาให้ด้วย หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ เป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานกระทุ้งบานเล็ก 2 บานอยู่ข้างๆ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า หน้าบานเป็นบานกระจกแบบในรูปเลยครับ จากห้องนอนเล็กเราเดินต่อเข้าไปด้านใน ก่อนถึงห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำเล็ก 1 ห้อง สุขภัณที่ใช้จะเหมือนกับห้องน้ำของห้อง 1 ห้องนอน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมมาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box จะประมาณนี้นะครับ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนดูอึดอัด ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto เหมือนกัน ติดๆ กับห้องน้ำเล็กก็จะเป็นห้องนอนใหญ่ ห้องนอนใหญ่นี่กว้างขวางดีเลยครับ โครงการจัดเตียง King Size มาให้ พื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลืออีกเยอะพอสมควร ปลายเตียง Built in เป็นชั้นวางทีวียาวไปเป็นโต๊ะทำงานด้วย หน้าต่างในห้องนอนใหญ่จะเหมือนกับหน้าต่างในห้องนอนเล็กนะครับ ข้างเตียงอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า ดีไซน์จะเหมือนกับตู้เสื้อในห้องนอนเล็ก แต่ขนาดจะใหญ่กว่า ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวอีก 1 ห้อง ซึ้งขนาดจะใหญ่กว่าห้องน้ำข้างนอกเยอะเลยครับ โถสุขภัณฑ์จะแยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วน เป็นห้องเล็กๆ กั้นด้วยประตูกระจก อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ยาวมี 2 อ่าง กระจกเงาก็ได้ 2 บาน ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box จะพอๆ กับห้องน้ำเล็กข้างนอก ชุดฝักบัวกับ Rain Shower ก็จะเหมือนๆ กัน ด้านในสุดจะเป็นอ่าง Jacuzzi บริเวณอ่าง Jacuzzi จะเป็นกระจกรอบด้านเลยนะครับ เวลานอนแช่น้ำในอ่างได้ชมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย ในช่วงแรกที่มีการเปิดขายนี้จะมีโปรโมชั่นพิเศษ แถม Motion Sensor, Digital Door Lock ของ Yale และ Water Heater ในห้องมาให้ด้วย อันนี้สามารถไปต่อรองและคุยกับเซลล์ที่สำนักงานขายกันได้ครับ เท่าที่รู้มาโครงการนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยนะครับ รีบเข้าไปดูห้องตัวอย่างประกอบการตัดสินใจก่อนหน่อยก็ดีครับ เพราะจำนวนห้องมีน้อย พลาดห้องสวยๆ ไปแล้วจะเสียดายครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 14/08/2558 1 Bedroom จอง 30,000 บาท ทำสัญญา 70,000 บาท 2 Bedroom จอง 50,000 บาท ทำสัญญา 150,000 บาท ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตร ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
U Delight รัชวิภา : รีวิวคอนโด

U Delight รัชวิภา : รีวิวคอนโด

U Delight รัชวิภา คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น บนถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า ใกล้เมเจอร์ รัชโยธินและ SCB Park Plaza โครงการใหม่จาก Grand U รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,490,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     875 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   6 - 0 - 69 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนวิภาวดี-รังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    345 คัน คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนพฤศจิกายน 2559 ค่าส่วนกลาง    35 บาทต่อตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาทต่อตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมเจอร์ รัชโยธิน SCB Park Plaza วัดเสมียนนารี ตลาดบองมาเช่ โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ โรงพยาบาลวิภาวดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงเรียนหอวัง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom  ขนาด 30.4 – 52 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 51.5 – 66.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด สวนสีเขียว ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-652-4000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  grandu.co.th
สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาทุกคนไปดูโครงการใหญ่จาก J.S.P. Property บนทำเลที่ถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ ชื่อว่า “สำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม” ซึ่งเป็นส่วนของที่พักอาศัยในหมู่อาคาร High Rise รวม 7 ตึก โดยพื้นที่ใกล้ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของโครงการสำเพ็ง 2 เซ็นเตอร์ และสำเพ็ง 2 พลาซ่า ที่ถือเป็นพื้นที่รวมร้านค้าขนาดใหญ่ และคาดว่าจะเป็นแหล่งการค้าที่สำคัญอีกแห่งของย่านนี้เลยก็ว่าได้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,100,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 48,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   High Rise สูง 25 ชั้น 1 อาคาร และสูง 16 ชั้น 6 อาคาร จำนวนห้อง    2,821 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    20 - 0 - 4 ไร่ ที่จอดรถ    938 คัน หรือคิดเป็น 33% ที่ตั้งโครงการ   ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางแค เขตบางแค กทม. คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2559 ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร ต่อเดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ การเดินทาง สำหรับการเดินทางมายังตัวโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม ในครั้งนี้เราเริ่มต้นกันจากแยกบางแค ตรงช่วงถนนเพชรเกษมตัดกับถนนกาญจนาภิเษก พอเลี้ยวเข้าถนนกาจนาภิเษกมุ่งหน้ามาทางถนนพระราม 2 ให้วิ่งตรงมาตามถนนคู่ขนานมาอีกประมาณ 2.7 กิโลเมตร ก็จะเห็นทางแยกซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายมาเล็กน้อย ก็จะเห็นโครงการสำเพ็ง 2 ในส่วนของพลาซ่าอยู่ทางซ้ายมือ ให้ตรงขึ้นมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นพื้นที่ก่อสร้างคอนโดมิเนียม ซึ่งตอนนี้มีสำนักงานขายอยู่ตรงด้านหน้าเลยครับ มองเห็นได้ชัดเจน แผนที่ของโครงการ คราวนี้เรามาดูแผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการกันบ้าง การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม ขาออก บริเวณเดอะมอลล์ บางแค ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอใกล้ถึงเดอะ มอลล์ บางแค แล้วให้ชิดซ้ายไว้เลยนะครับ เพราะเราต้องเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายช่องแรกเลยนะครับ พอเข้าสู่ถนนกาญจนาภิเษกแล้ว ตรงไปอีกประมาณ 1 กม. จะมีทางเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ ตามป้ายที่บอกอยู่ข้างทาง สังเกตป้ายบอกทางนะครับ จะมีบอกเรื่อยๆ ใกล้ถึงถนนกัลปพฤกษ์แล้วครับ มีป้านยบอกให้เตรียมตัวเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลปพฤกษ์มาได้นิดหน่อย จะเจอศูนย์การค้าสำเพ็ง 2 อยู่ทางซ้ายมือ ตรงนี้ไม่ใช่ที่ตั้งโครงการนะครับ โครงการจะเลยตรงนี้ไปอีก เลยจากศูนย์การค้าสำเพ็ง 2 มานิดเดียวก็ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ นอกจากเส้นทางที่เลือกเข้ามาทางฝั่งถนนกาญจนาภิเษกแล้ว สำหรับการเดินทางเข้าเมืองก็สามารถใช้เส้นทางถนนกัลปพฤกษ์ ต่อมายังถนนราชพฤกษ์ และมุ่งหน้าเข้าสู่สาทรได้เลย ซึ่งที่ตั้งของโครงการสามารถเดินทางได้สะดวกมากด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าหากต้องการพึ่งพาบริการขนส่งมวลชนบนถนนกัลปพฤกษ์ไม่มีรถเมล์ หรือรถบริการสาธารณะวิ่งผ่านเท่าไหร่นัก ดังนั้นถ้าใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็อาจจะเดินทางไปไหนมาไหนยากหน่อย สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะ มอลล์ บางแค เทสโก้ โลตัส บางแค บิ๊กซี แมคโคร   วิเคราะห์รอบโครงการ ที่ตั้งโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม อยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ค่อนไปทางด้านถนนกาญจนาภิเษกนะครับ ซึ่งเส้นทางนี้สามารถเชื่อมต่อมายังถนนสาทรได้ไม่ยาก แต่อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อยโดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าและเย็น เนื่องจากมีปริมาณรถมาก รอบๆ โครงการเป็นหมู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ หาร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อได้ยากในระยะเดินใกล้ๆ ต้องมุ่งหน้าเลยขึ้นไปทางด้านขาเข้าเมือง จึงจะมีร้านค้า ร้านอาหารให้แวะพึ่งพาได้บ้าง หรือไม่ก็ต้องออกไปทางถนนกาญจนาภิเษก หรือออกบางแคไปเลยจะดีกว่า แหล่งช็อปปิ้งที่ใกล้ที่สุดจะเป็นที่ไหนไม่ได้เลย นอกจากโครงการสำเพ็ง 2 นั่นแหละครับ รอให้ตัวโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์ทุกส่วนแล้ว ก็คงจะคึกคัก มีที่ให้แวะช็อปได้เต็มที่ ส่วนห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ก็คงต้องออกไปทางด้านบางแค ซึ่งจะมีทั้ง The Mall บางแค, Seacon บางแค, Tesco Lotus และ Big C รวมถึง Macro บางบอน บนถนนกาญจนาภิเษกด้วย นอกเหนือจากนี้คาดว่าภายในโครงการก็น่าจะมีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้ลูกบ้านพอพึ่งพา ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง สำหรับตัวโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม จัดว่าเป็นโครงการใหญ่เลยนะครับ เพราะมียูนิตรวมมากถึง 2,821 ยูนิต โดยแบ่งเป็นตึกสูง 16 ชั้น 6 ตึก และตึกสูง 25 ชั้นอีก 1 ตึก นอกจากนี้ยังมีอาคารจอดรถแยกให้อีก 1 ตึก ซึ่งเป็นตึกสูง 6 ชั้น และมี Facility อยู่บนชั้นดาดฟ้าด้วย สำหรับเรื่องของ Facility ภายในโครงการนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ ลูกบ้านที่เลือกอยู่ในอาคาร 16 ชั้นทั้งหมด สามารถเดินมาใช้ Facility ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนสได้ที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ส่วนลูกบ้านในตึกใหญ่ จะมี Facility แยกไว้ให้ต่างหากที่ชั้น 4 ของตึก 25 ชั้น โดยขนาดของ Facility ทั้ง 2 ส่วนนี้ไม่ได้ต่างกันมาก ทั้งเรื่องของขนาดสระว่ายน้ำ 8x30 เมตร แบบ Infinity Pool และห้องฟิตเนสพร้อมห้องอาบน้ำแต่งตัวแยกชายหญิง ส่วนพื้นที่สีเขียวรอบโครงการก็ใช้ร่วมกันนะครับ สำหรับลูกบ้านที่เลือกห้องในตึกใหญ่ หรือตึก 25 ชั้น จะค่อนข้างได้เปรียบกว่าลูกบ้านในตึกเล็กนะครับ เพราะมีสิทธิ์ในการใช้อาคารจอดรถ และที่จอดรถกลางแจ้ง เช่นเดียวกันกับลูกบ้านในตึกอื่นๆ รวมถึง Facility ที่บนดาดฟ้าของอาคารจอดรถด้วยนะครับ ในขณะที่ Facility ต่างๆ ในตึกใหญ่สามารถใช้ได้เฉพาะคนในตึกเท่านั้นครับ ทางเข้าโครงการ โมเดลจำลองอาคารใหญ่ สูง 25 ชั้น เรามาดูแปลนของตึกใหญ่ก่อนนะครับ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby และเป็นที่จอดรถขึ้นไปถึงชั้น 3 ชั้น 4 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย และเป็น Facility หลักๆ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนสีเขียว โมเดลจำลอง Facility บนชั้น 4 สระว่ายน้ำขนาด 8x30 เมตรบนชั้น 4 ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปขึ้นถึงชั้น 25 อาคารจะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง และเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด พื้นที่สีเขียวบนชั้นดาดฟ้า อาคาร 2 อาคาร 3 อาคาร 4 อาคาร 5 อาคาร 6 อาคาร 7 สำหรับ Facility ของลูกบ้านตึก 16 ชั้น ทั้ง 6 ตึกจะอยู่บนอาคารจอดรถ ทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนส ถ้าดูแปลนที่ดินของโครงการ จะเห็นว่า มีทางเข้าออก 2 ทางนะครับ เป็นทางเข้าลึกเข้ามาด้านใน และมีที่จอดรถกลางแจ้งอยู่ตลอดทางเข้า ซึ่งลูกบ้านที่ต้องมาจอดรถตรงนี้ก็ต้องเดินกันไกลหน่อย เช่นเดียวกับระยะการเดินจากด้านในออกมาที่หน้าโครงการถือว่าไกลมากเหมือนกัน ยิ่งทางโครงการไม่มีบริการรถรับส่งด้วย ก็ค่อนข้างลำบากนิดหน่อยครับ ไหนจะเดินจากตึกที่พักไปอาคารจอดรถหรือที่จอดรถ หรือเดินไปใช้ส่วนกลาง เชื่อว่าต้องมีเหงื่อตกกันบ้างไม่มากก็น้อยเลยครับ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ สระว่ายน้ำ Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างของโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม มีให้ชมด้วยกัน 3 แบบนะครับ โดยเริ่มต้นกันที่ขนาด 25 ตร.ม. 28 ตร.ม. และ 35 ตร.ม. ซึ่งขายกันมาแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์เลย เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างแต่ละแบบกันเลยดีกว่าครับ ห้องแรกเรามาดูห้องไซส์เล็กสุดของโครงการกันก่อนนะครับ เป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวที่อยู่หน้าห้องก่อนเลยครับ ตรงข้ามกับครัวจะเป็นประตูเข้าห้องน้ำ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันก่อน อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ยาว อยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ อีกด้านเป็น Shower Box ติดตั้งฉากกั้น 3 ตอนมาให้เรียบร้อย เราออกมาดูที่ส่วนครัวด้านนอกกันต่อ ชุดครัวจะเป็นเคาน์เคาน์เตอร์เล็กๆ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่าทำทานเอง เพราะโครงการไม่มีเตาไฟฟ้ามาให้ด้วย ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ถัดจากส่วนครัวเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area โครงการ Built in ชั้นวางทีวีเล็กๆ มาให้ โดยระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าเยอะพอสมควร สามารถเลือกว่าทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ ด้านที่วางโซฟาโครงการจัดวางโซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางมาให้ ซึ่งจะอยู่ติดกับห้องนอนเลย สำหรับห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ด้านในห้องนอนโครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ มีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือนิดหน่อย ด้านที่ติดกับหน้าต่างมีที่เหลือพอให้เลือกวางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้เลย ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in อยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งและประตูออกไปที่ระเบียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built in มาให้ ประตูที่ระเบียงจะเป็นประตูกระจก มุมมองจากจากห้องนอนออกไปด้านนอก ต่อมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 28 ตารางเมตร Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร Layout ห้อง Type นี้จะต่างกับ 25 ตารางเมตรเลยนะครับ เจ้ามาในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อน โครงการจัดวางโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางมาให้เหมือนกันนะครับ ข้างๆ โซฟามีที่เหลือพอสมควร โครงการจัดวางโต๊ะทำงานมาให้ดูเป็นไอเดีย ไม่ได้ให้ไปด้วยนะครับ ด้านชั้นวางทีวีเป็นชั้น Built in เล็กๆ พร้อมตู้เก็บของด้านข้าง และชั้นลอยด้านบน ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน 3 ตอน โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ พื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งเหลือนนิดหน่อย ทำให้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป หน้าต่างในห้องนอนได้บานใหญ่เลยนะครับ เป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีที่เหลือให้เดินได้สะดวก ตู้เสื้อผ้า Built in จะอยู่ที่ปลายเตียง เป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ขนาดค่อนข้างจะเล็กไปสักหน่อย มีชั้นลอยวางของเล็กๆ ติดมาให้ด้วย เดี๋ยวออกจากห้องนอนไปดูด้านนอกกันต่อนะครับ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนดีกว่า การจัดวาง Layout ภายในห้องน้ำจะคล้ายๆ กับห้องไซส์ 25 ตารางเมตรนะครับ แต่จะแตกต่างกันตรงที่อ่างล้างหน้า ห้องนี้จะได้เป็นอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Balena ไม่ได้เป็นเคาน์เตอร์ยาวเหมือนห้อง 25 ตารางเมตร โถสุขภัณฑ์ของ Balena อยู่ข้างๆ Shower Box Shower Box ขนาดค่อนข้างจะกะทัดรัดไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เล็กจนดูอึดอัด ชุดฝักบัว ออกจากห้องไปดูห้องครัวด้านซ้ายกันต่อ ครัวห้อง Type นี้จะเป็นครัวเปิดเหมือนกันนะครับ เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ สำหรับจัดเตรียมอาหาร พร้อมซิงค์ล้างจานแบบฝัง ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานอาหาร Built in ขนาด 2 ที่นั่ง ด้านในสุดจะเป็นระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของระเบียงค่อนข้างกะทัดรัดไปสักหน่อย คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ที่ระเบียงนะครับ ห้องตัวอย่างอีก 1 ห้องเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่ขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็น 35 ตารางเมตร แต่ตอนนี้ขายหมดเรียบร้อยแล้วนะครับ เราจึงเอาแค่ภาพรวมของห้องไซส์นี้มาให้ชมกัน Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร ห้องไซส์ใหญ่สุดของโครงการเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร สำหรับใครที่สนใจคอนโดมิเนียมในทำเลแถบนี้ ก็ลองเข้ามาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการและห้องตัวอย่างกันดูก่อนได้นะครับ เพราะราคาห้องนั้นจับต้องได้ไม่ยากเลย ถ้าไม่ติดขัดเรื่องการเดินทางมากนัก มีรถส่วนตัวใช้ และการดำเนินชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในย่านนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าโครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 19/08/2558 Type E ขนาดห้อง 25 ตารางเมตร ราคาขาย 1.180 - 1.575 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 3,900 บาท ผ่อนดาวน์ 3,900 บาท 18 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type A ขนาดห้อง 28 ตารางเมตร ราคาขาย 1.391 - 1.931 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 4,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type B ขนาดห้อง 35 ตารางเมตร ราคาขาย 1.965 - 2.395 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 5,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type C ขนาดห้อง 43 ตารางเมตร ราคาขาย 2.435 - 2.871 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 7,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์
Miami Bangpu : รีวิวคอนโด

Miami Bangpu : รีวิวคอนโด

รีวิวครั้งนี้เราจะพาไปดูอีกหนึ่งโครงการใหญ่จาก J.S.P. Property เป็นที่อยู่อาศัยแบบผสมผสานบนถนนสุขุมวิทสายเก่า ในย่านบางปู ซึ่งเป็นเมืองพักตากอากาศที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี และยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นส่วนต่อขยายด้วย โครงการ Miami บางปู จึงออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัย และรองรับการขยายตัวของเมืองที่จะตามมาในอนาคตด้วย   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    995,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   Low Rise สูง 5 ชั้น 90 อาคาร จำนวนห้อง    5,010 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    120 - 0 - 5.2 ไร่ ที่จอดรถ    39% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนกรกฏาคม ปี 2559 (เฟส 1) ค่าส่วนกลาง    Garden Villa 25 บาท/ตร.ม. , Beach Front 35 บาท/ตร.ม. ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    Garden Villa 350 บาท/ตร.ม. , Beach Front 500 บาท/ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ วิธีการเดินทาง สำหรับการเดินทางไปยังโครงการ Miami บางปู ปัจจุบันยังคงต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งเราสามารถเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่า มุ่งหน้าสู่บางปูได้เลย หรือจะอาศัยเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) แล้วมาเข้าถนนสุขุมวิทสายเก่าก็ได้เช่นกัน ส่วนการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่า เดินทางต่อจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง วิ่งมาตามเส้นทางส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผ่านช้างสามเศียรแล้วก็ตรงไปตามเส้นทางสู่สถานตากอากาศบางปู ซึ่งตัวโครงการ Miami บางปู ตั้งอยู่เยื้องๆ กับเมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของย่านนี้ พอเห็นเมืองโบราณแล้ว เราก็เตรียมชิดขวากลับรถมายังโครงการ Miami บางปูได้เลยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นจากถนนสุขุมวิท เลยจาก BTS แบริ่ง มานิดเดียว เลยมานิดหน่อย จะเห็นอิมพี เวิลด์ สำโรง อยู่ทางขวามือ เราวิ่งตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ นะครับ ตามป้ายสมุทรปราการไปเรื่อยๆ หรืออีกจุดสังเกตหนึ่งที่ง่ายๆ เลย คือตามแนวรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ เลยก็ได้ครับ ตามป้ายสมุทรปราการต่อนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เรายังคงวิ่งตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ถึงตรงนี้จะเป็นสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิทต่อ ถ้าตรงไปจะเป็นถนนประโคนชัย-ปากน้ำ เลี้ยวซ้ายมาแล้วจะไม่มีป้ายสมุทรปราการแล้วนะครับ คราวนี้ตามป้ายชลบุรีกันต่อ เรายังคงตามแนวรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือจะเป็นโรบินสัน สมุทรปราการ พอหมดเขตการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว เราก็เข้าสู่เทศบาลบางปูแล้วครับ จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามมือ ทางเข้าเมืองโบราณจะอยู่เยื้องๆ กับโครงการ พอถึงเมืองโบราณแล้วให้ชิดขวาเตรียมตัวกลับรถไว้เลยนะครับ เลยจากเมืองโบราณมาก็จะเจอที่กลับรถ กลับรถมาแล้ว พอเห็นวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ให้ชิดซ้ายไว้ได้เลยนะครับ เลยจากวิทยาเทคนิคสมุทรปราการมานิดเดียว ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ สำนักงานขายโครงการ ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ต้องบอกว่ามีให้เลือกพอสมควร ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ แต่ก็อาจจะมีให้เลือกไม่มากนักนะครับ ส่วนรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ส่วนต่อขยายส่วนแรกจากแบริ่งมายังสมุทรปราการ ยังมีระยะทางเพิ่มมาเพียง 13 กิโลเมตรเท่านั้นนะครับ ต้องรอส่วนต่อขยายในลำดับต่อไปถึงจะมีรถไฟฟ้าวิ่งมาถึงสถานพักตากอากาศบางปู และคาดว่าตัวสถานีที่ใกล้กับโครงการ Miami บางปูที่สุดก็น่าจะเป็น สถานีสวางคนิวาศ ที่ห่างเพียง 100 เมตรเท่านั้น ถ้ารถไฟฟ้ามาถึงเมื่อไหร่ การเดินทางเข้าออกเมืองก็คงจะสะดวกขึ้นอีกมากเลยทีเดียวครับ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมืองโบราณ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ สถานตากอากาศบางปู สนามกอล์ฟบางปู เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการ วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงทำเลที่ตั้งของโครงการ Miami บางปู อยู่ออกมาในเขตจังหวัดสมุทรปราการ แต่ก็ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพเลย เพราะถนนหนทางแถบนี้ยังเดินทางได้สะดวก มีเส้นทางเชื่อมต่อหลายเส้นทาง ทั้งถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ถนนวงแหวนรอบนอก ถนนศรีนครินทร์ และถนนตำหรุ-บางพลี ที่เชื่อมถึงถนนเทพารักษ์ ถนนบางนา-ตราด ฯลฯ เราสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้เดินทางเข้า-ออกเมือง รวมถึงเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ไม่ยากเลย และต่อไปถ้าหากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมาถึงก็จะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก พื้นที่รอบๆ ในย่านนี้ ยังคงมีความเจริญในรูปแบบชานเมืองอยู่มาก ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีห้างสรรพสินค้ามาเปิดในพื้นที่บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงบรรยากาศเรียบๆ แบบชานเมืองมากกว่า ในบริเวณนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เช่น สถานตากอากาศบางปู แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 7 กิโลเมตร เยื้องๆ กับโครงการก็เป็น เมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง รวมถึง ฟาร์มจรเข้สมุทรปราการ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และพิพิธภัณฑ์ทหารเรือก็ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และด้วยความเป็นเมืองตากอากาศที่ขึ้นชื่อมายาวนาน บริเวณรอบๆ จึงมีร้านอาหารใหญ่ๆ บรรยากาศดี ติดริมทะเลบางปูให้เลือกเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พื้นที่แถบนี้ก็ยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมด้วย มีโรงงานใหญ่ๆ ตั้งอยู่มากมาย มีรถบรรทุกใหญ่ๆ วิ่งผ่านตลอดทั้งวัน บางช่วงของถนนอาจจะมีกลิ่นรบกวนจากโรงงานอุตสาหกรรมฟอกหนังบ้าง เหมือนเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นแหล่งอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกันบริเวณโดยรอบก็เป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ทำให้มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล วัดวาอาราม และสถานที่ราชการสำคัญๆ มากมายเลยทีเดียว ทำให้บรรยากาศโดยรวมเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น มากกว่าให้ความรู้สึกว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว สำหรับโครงการ Miami บางปู เป็นโครงการขนาดใหญ่บนที่ดิน 120 ไร่ ซึ่งแบ่งพื้นที่หลักๆ ออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Miami Bayside อยู่โซนด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท พื้นที่ตรงนี้จะเป็นไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งมอลล์ เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ มากกว่า 500 ร้านค้าเลยทีเดียว ซึ่งในอนาคตพื้นที่ตรงนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งช็อปปิ้งที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในบางปู ส่วนโซนที่ 2 เรียกว่า Miami Garden Villa ซึ่งอยู่ถัดเข้ามาในโซนตรงกลาง พื้นที่ตรงนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 60 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวโดยรอบเลยครับ และโซนสุดท้ายจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลบางปู เรียกว่า Miami Beach Front Villa มีคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 30 อาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ครบครัน ทางโครงการต้องการเน้นบรรยากาศอยู่อาศัยแบบเมืองตากอากาศนะครับ ดังนั้นการออกแบบจึงเน้นเรื่องการเปิดรับวิว ทั้งวิวสวน และวิวทะเลได้อย่างเต็มที่ ผสมผสานกับความสะดวกสบายด้วยแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ด้านหน้า ทำให้ลูกบ้านสามารถเลือกกินเลือกช็อปกันได้อย่างมีความสุข สนุกสนาน โดยแทบจะไม่ต้องเดินทางออกไปไกลๆ เลย Facility ต่างๆ ในแต่ละโซนและแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะครับ ลูกบ้านในแต่ละโซนก็จะใช้พื้นที่ส่วนกลางในส่วนของตัวเองไป รวมถึงเรื่องที่จอดรถก็เช่นกันนะครับ ทางโครงการจัดเป็นที่จอดรถกลางแจ้งไว้รอบโครงการ ไม่มีที่จอดรถในอาคาร เนื่องจากห้องพักอาศัยจะเริ่มกันตั้งแต่ชั้น 1 กันเลย และแน่นอนว่าจำนวนที่จอดรถอาจจะไม่เพียงพอต่อจำนวนห้องทุกห้อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่น่ากังวลสำหรับโครงการที่ยังต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลักแบบนี้ โซน Miami Bayside จะเป็นโซนที่รวบรวมศูนย์การค้า ร้านอาหารต่างๆ ไว้ด้วยกัน บรรยากาศจำลองจะเห็น McDonald's ตั้งอยู่หน้าโครงการ โซนที่ 2 เรียกว่า Miami Garden Villa จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 60 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวโดยรอบ Floor Plan ของทั้ง 60 อาคารในโซน Garden Villa จะเหมือนกันหมดนะครับ โดยห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปเลย บรรยากาศภายในโซน Garden Villa โซนสุดท้ายจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลบางปู เรียกว่า Miami Beach Front Villa มีคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 30 อาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ครบครัน Floor Plan ของโซนนี้จะเป็นรูปวงรี ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 เหมือนกันนะครับ ทางเข้าโซน Beach Front Villa บรรยากาศจำลองบริเวณ Club House ให้อารมณ์เหมือนสถานตากอากาศมั่กๆ บรรยากาศจะลองของส่วนที่ติดกับทะเล โครงการทำเป็นส่วนหย่อมกับทางเดินไว้เดินเล่นพักผ่อนริมทะเล โมเดลจำลองของโครงการ ด้านหน้าสุดโซน Miami Bayside ติดถนนสุขุมวิท โมเดลโซน Garden Villa Club House ของโซน Garden Villa ตั้งอยู่บริเวณถนนเส้นหลัก โมเดลโซน Beach Front Villa ระหว่างโซน Garden Villa และโซน Beach Front Villa จะแบ่งโซนกันอย่างชัดเจน Club House ของโซนนี้จะอยู่ด้านหน้าโซนตรงทางเข้าเลยนะครับ จาก Club House ยาวเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่สีเขียว ให้บรรยากาศเหมือนสถานพักตากอากาศ ด้านท้ายโครงการที่ติดกับทะเล จะเป็นสถานที่พักผ่อนเดินเล่น ปั่นจักรยาน ริมทะเล ด้านหน้าโครงการในโซน Miami Bayside เริ่มก่อสร้างไปได้เยอะแล้วนะครับ ส่วนด้านในโซนคอนโดก็เริ่มทะเยอะสร้างเข้าไปเรื่อยๆ ด้านขวามือที่เห็นเป็นพื้นที่โล่งๆ เป็นพื้นที่ของเทศบาลใหม่บางปู ได้ยินแว้วๆ มาว่าในอนาคตจะทำเป็นสวนสาธารณะ แต่ต้องรอดูกันอีกทีนะครับว่าจะจริงรึเปล่า ทะเลที่ติดกับโครงการจะเป็นสันเขื่อนแบบนี้นะครับ ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ สระว่ายน้ำ Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า คอนโดมิเนียมของโครงการ Miami บางปู แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ Garden Villa และ Beach Front Villa รูปแบบอาคาร และห้องพักของทั้ง 2 โซนจึงแตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจนนะครับ ในโซน Garden Villa จะมีด้วยกัน 60 อาคาร ประกอบไปด้วยห้องพักแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตร.ม. จำนวน 3,840 ยูนิตนะครับ ห้องพักในโซนนี้จะเน้นวิวสวนสวยๆ สบายตา ส่วนแปลนห้องก็เหมาะกับการอยู่อาศัยอย่างเรียบง่าย พื้นที่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และครัวขนาดเล็กเชื่อมโยงถึงกันเลย แปลนห้อง Type Garden Villa ขนาด 25 ตารางเมตร เปิดประตูเข้าในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ ตรงข้ามกับครัวจะเป็นห้องน้ำ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนนะครับ มองตรงเข้าไปด้านในสุดจะเป็นส่วนเปียก โครงการไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วย อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Balena และกระจกเงา โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ออกมาดูครัวที่ด้านนอกกันต่อ ครัวจะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ สำหรับเตรียมอาหาร มีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ส่วนด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของ ซิงค์ล้างจานแบบฝังติดมากับเคาน์เตอร์ครัว จากครัวเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอน ด้านปลายเตียงส่วนที่ติดกับครัวจะ Built in เป็นชั้นวางทีวี และโต๊ะทำงาน ข้างเตียงด้านขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ข้างเตียงอีกด้านเป็นเหมือน Living Area หลบเข้าไปอยู่ในช่อง วางโซฟา 2 ที่นั่งได้พอดิบพอดี ระเบียงจะอยู่ติดกับโต๊ะทำงานนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ขนาดของระเบียงพอวางเครื่องซักผ้าลงไปแล้วอาจจะเล็กไปสักหน่อย ส่วนในโซน Beach Front Villa จะอยู่ด้านในสุดติดกับทะเลนะครับ มีทั้งหมด 30 อาคาร แบบห้องยังคงเป็นแบบ 1 ห้องนอน จำนวนรวม 1,170 ยูนิต แต่ขนาดห้องจะเริ่มต้นกันที่ 34-41.50 ตร.ม. แล้วแต่ตำแหน่งห้อง เนื่องจากตัวอาคารถูกออกแบบมาให้มีลักษณะโค้งมนเปิดรับวิวทะเลได้มากยิ่งขึ้น ห้องแต่ละห้องจึงมี Layout ต่างกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ แปลนห้อง Type Beach Front Villa ขนาด 40.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอส่วน Dining Area อยู่ด้านหน้าห้องก่อนเลยครับ ทางขวามือจะเป็นห้องครัวหลบอยู่ในมุม ถ้าติดกระจกหรือกั้นเป็นห้องจะเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น เคาน์เตอรืครัวจะเป็นรูปตัว L ซิงค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันของ Hafele ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ และช่องวางไมโครเวฟ ส่วนด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของเช่นกัน ตู้เย็นจะอยู่ด้านในสุดต่อจากเคาเตอร์ครัว ฝั่งตรงข้ามกับครัวเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ห้องน้ำจะอยู่เยื้องๆ กับโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า พร้อมกระจกเงา ขนาดจะใหญ่กว่าห้อง Type Garden Villa ห้องนี้จะได้อ่างล้างหน้าเป็นเคาเตอร์ สามารถวางของได้เยอะขึ้น โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ด้านในติดกับ Shower Box Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ประตูเข้าออกเป็นบานเลื่อน 2 บาน เข้ามุม ชุดฝักบัวใน Shower Box ออกจากห้องน้ำเข้าไปด้านในอีกจะเป็น Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาประมาณ 2 เมตร ชั้นวางทีวีที่ได้ขนาดจะไม่ใหญ่มากนะครับ มาพร้อมโต๊ะกลาง โซฟาที่โครงการจัดวางไว้เป็นโซฟา 3 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ความกว้างเต็มพื้นที่เลยครับ ทำให้แสงเข้ามาได้เยอะ ช่วยประหยัดไฟในเวลากลางวันได้อีกแรง พื้นที่ระเบียงจะเป็นลักษณะโค้งๆ เหมือนในภาพนะครับ ได้พื้นที่เยอะพอสมควร สามารถเอาเก้าอี้มาวางเพื่อนั่งรับลมทะเลได้เลย มุมมองจากระเบียงเข้ามาด้านในห้อง กลับเข้ามาข้างใน ห้องนอนจะอยู่ต่อจาก Living Area นะครับ ขนาดห้องนอนจะค่อนข้างกะทัดรัดไปสักหน่อย เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่ Dining Area กับ Living Area ซะมากกว่า ระหว่างห้องนอนกับ Living Area จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น ในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้ว จะเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงไม่มาก หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in ฝังผนังห้อง ในส่วนของ Beach Front Villa ถึงแม้จะบอกว่าติดทะเลบางปู แต่ทะเลในแถบนี้ลงเล่นน้ำไม่ได้นะครับ เพราะติดแนวเขื่อนกั้น และมีถนนลาดยางเล็กๆ กั้นอยู่ ลูกบ้านจึงทำได้แค่ออกมาเดินเล่นรับลมชมวิวทะเลตามแนวสันเขื่อนเท่านั้นครับ ส่วนถ้าจะเล่นน้ำก็แนะนำให้เล่นในสระว่ายน้ำของโครงการจะดีกว่า โครงการ Miami บางปู เป็นโครงการขนาดใหญ่มากๆ และอาจจะใหญ่ที่สุดของย่านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีจำนวนห้องพักอาศัยรวมมากกว่า 5,000 ยูนิต แถมยังมีพื้นที่ร้านค้าอีกมากกว่า 500 ร้าน อาจจะเรียกว่าเป็นเมืองย่อยๆ เลยทีเดียว แถมราคาเริ่มต้นของห้องก็อยู่ในเรทที่จับต้องได้ไม่ยาก จึงไม่น่าแปลกใจที่โครงการนี้จะได้รับความสนใจ และถูกจับจองห้องกันเป็นจำนวนมากแล้ว ยิ่งถ้าหากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสร้างมาถึงตามแผนการขยายตัวของเมือง ความสะดวกสบายในการเดินทางก็จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไปอีก ใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ หรือว่ามีที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ ทำเลแถบย่านนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าโครงการ Miami บางปู ก็เป็นที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่งนะครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 27/08/2558 Garden Villa ขนาดห้อง 25 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 995,000 บาท จอง 900 บาท ทำสัญญา 3,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 34 ตารางเมตร ราคาขาย 1.671 - 1.799 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 40.50 ตารางเมตร ราคาขาย 1.976 - 2.117 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 41.50 ตารางเมตร ราคาขาย 2.033 - 2.176 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท
Ideo O2 : รีวิวคอนโด

Ideo O2 : รีวิวคอนโด

Ideo O2 คอนโด High Rise 3 อาคาร พร้อมพื้นที่ส่วนกลางเกือบ 10 ไร่ ใกล้ BTS บางนา โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,200,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise 3 อาคาร อาคาร A และ B สูง 34 ชั้น อาคาร C สูง 33 ชั้น จำนวนห้อง     ทั้งหมด 1,559 ยูนิต ร้านค้า 10 ยูนิต แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 419 ยูนิต อาคาร B และ C จำนวน 1,140 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   14 - 3 - 18.69 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสรรพวุธ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS บางนา BITEC บางนา Bangkok Mall เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา พาราไดซ์ พาร์ค ซีคอน สแควร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio  ขนาด 26.2  ตารางเมตร 1 Bedroom  ขนาด 32.4 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 46.2 - 53 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Jogging Track สนามฟุตซอลมาตรฐาน Co-Working Space พื้นที่พิเศษพร้อม Internet Wi-Fi Ultimate Connecting Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 3 สระ 3 โซน ยาวตลอดต่อเนื่องทั้งโครงการ กว่า 200 เมตร   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th  
Q Chidlom – Petchaburi : รีวิวคอนโด

Q Chidlom – Petchaburi : รีวิวคอนโด

Q Chidlom-Phetchaburi คอนโดมิเนียมหรูใจกลางชิดลม ใกล้ BTS สถานีชิดลม พร้อมแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    5,500,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 42 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     352 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 2 - 80.9 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนเพชรบุรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 224 คัน สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS ชิดลม เซ็นทรัล ชิดลม เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ แพลตตินั่ม เกษร พลาซ่า เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน The Market ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom  ขนาด 35-47 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 63 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby Mail Box ห้องสมุดและ Co-working space โซเชียล คลับ สระว่ายน้ำแยกสระเด็ก สวนส่วนกลาง ฟิตเนส สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th
ชีวิตมีสไตล์ เดินทางสะดวกสบาย ในใจกลางย่านรัชโยธิน : รีวิวทาวน์โฮม

ชีวิตมีสไตล์ เดินทางสะดวกสบาย ในใจกลางย่านรัชโยธิน : รีวิวทาวน์โฮม

พูดถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ในกรุงเทพฯ เวลานี้ หลายคนคงต้องการหาที่อยู่ในเมือง ไม่ไกลจากที่ทำงาน และสามารถเดินทางได้สะดวก ในขณะเดียวกันก็ยังอยากจะมีพื้นที่ใช้สอยกว้างๆ มากกว่าการอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ (ถ้าทำได้) ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าหากว่ามีบ้านดูเพล็กซ์ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่งที่มีราคาพอๆ กัน และตั้งอยู่ในทำเลใกล้เคียง แถมมีความสะดวกสบายที่แทบไม่ต่างกัน เราคงเลือกซื้อบ้านมากกว่าห้องเดี่ยวในคอนโดตึกสูงอย่างแน่นอน วันนี้เราเลือกปักหมุดไปที่ทำเลในโซนกรุงเทพเหนือ (จตุจักร-รัชโยธิน) ย่านที่หลายคนอาจจะเคยคุ้นกับการเดินทางผ่านไปผ่านมาในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ทันได้ทำความรู้จักในแง่ความเป็นที่อยู่อาศัยมากเท่าไหร่นัก หนึ่งในโครงการที่น่าสนใจที่เราจะพาไปดูกันก็คือ “บ้านกลางเมือง รัชโยธิน” จาก AP ซึ่งมีความน่าอยู่และเชื่อว่าจะตอบโจทย์คุณภาพชีวิตแบบคนเมืองได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว เดี๋ยวเราไปดูกันก่อนว่า พื้นที่รอบๆ นี้มีอะไรที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างเราบ้าง ไม่อยากใช้รถ ก็เดินทางได้สะดวก เพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าหลักทั้งรถไฟฟ้า​ BTS สถานีหมอชิต และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีจตุจักร การคมนาคมสาธารณะ มีครบทุกรูปแบบตั้งแต่ รถเมล์ รถตู้ รถสองแถว แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ และถ้ามองไปถึงแผนการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้เพิ่มเติมเข้าไปด้วย ก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ตรงปากซอยพหลโยธิน 34 พอดี ห่างจากบ้านกลางเมือง รัชโยธิน เพียง 650 เมตร ดังนั้นคำพูดที่ว่า “ไม่ต้องใช้รถก็อยู่ได้” ก็คงจะไม่เกินความจริงเลย ศูนย์รวมแหล่งช็อปปิ้ง, ย่าน Hang Out และปอดสีเขียวของคนกรุง เริ่มกันด้วยความเป็นศูนย์กลางของแหล่งช็อปปิ้งสำคัญๆ ในโซนกรุงเทพเหนือ อันประกอบไปด้วย Central Plaza Ladprao ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีทั้งร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ร้านอาหารมากมาย รวมถึง Tops Market ที่เราสามารถจับจ่ายข้าวของเข้าบ้านได้ ตรงข้ามกันมี Union Mall แหล่งรวมเสื้อผ้าราคาน่าคบหาที่มีร้านค้ามากจนเลือกแทบไม่ถูก รวมถึงตลาดนัดวันหยุดชื่อดังอย่าง ตลาดนัดสวนจตุจักร อีกแหล่งที่รวบรวมสินค้าสุดชิคที่พลาดไม่ได้ เดินได้เรื่อยๆ ไปจนถึง ตลาดต้นไม้จตุจักร, ตลาด อ.ต.ก. และตลาดนัดเจเจกรีน กันเลยทีเดียว หรือถ้าไลฟ์สไตล์ส่วนตัวชื่นชอบการ Hang Out สังสรรค์ ออกไปดูหนัง ฟังเพลง เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากวันหนักๆ Major Cineplex รัชโยธิน อยู่ใกล้แค่อึดใจ หรือจะนัด Hang Out กับเพื่อนสนิท ใน The Avenue Ratchayothin ก็มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย เชื่อเลยว่าชีวิตธรรมดาก็มีสีสันและไม่น่าเบื่อเหมือนที่เคยได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกัน สำหรับคนที่ชื่นชอบการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปไกล ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เกือบ 200 ไร่ บริเวณจตุจักร พื้นที่ที่รวมสวนสาธารณะขนาดใหญ่ไว้ด้วยกันถึง 3 แห่ง นั่นก็คือ สวนจตุจักร สวนรถไฟ (สวนวชิรเบญจทัศ) และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ถือเป็นทั้งแหล่งพักผ่อนหย่อยใจและพื้นที่ออกกำลังกายของคนทุกเพศทุกวัย โดยรวมสำหรับการอยู่อาศัยในย่านนี้ เราเชื่อว่าสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองรุ่นใหม่ได้รอบด้านอย่างแท้จริง ซึ่งโครงการ “บ้านกลางเมือง รัชโยธิน” ก็ได้ทำเลที่ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 34 ห่างจาก Landmark สำคัญๆ ข้างต้นแค่เอื้อมเท่านั้น เราไปดูรายละเอียดของโครงการนี้กันเลยดีกว่า รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    7,690,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร จำนวน 92 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    9 - 0 - 94.2 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยพหลโยธิน 34 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ค่าส่วนกลาง    67 บาท/ตารางวา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ วิธีการเดินทาง อย่างที่บอกไปแล้วว่าโครงการ บ้านกลางเมือง รัชโยธิน ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 34 ห่างจากแยกรัชโยธินมาไม่ไกล ในขณะที่อยู่ใกล้กับแยกเกษตรนวมินทร์นิดเดียว และถ้าดูจากแผนที่ของโครงการก็จะเห็นว่า มีเส้นทางเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งจากฝั่งถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าซอยพหลโยธิน 34 หรือ 32 ก็ได้ ทางถนนประเสริฐมนูกิจ เข้าจากซอยประเสริฐมนูกิจ 2 หรือเลือกเข้าจากทางถนนลาดพร้าว เข้าซอยโชคชัย 4 มาแยกวังหินและผ่านมาทางซอยเสนานิคม 1 ก็สามารถมาที่โครงการได้เช่นกัน การเดินทางหลักๆ มายังโครงการ สะดวกมากๆ นะครับถ้าใช้รถส่วนตัว เพราะถนนในแถบนี้เชื่อมโยงเข้าออกได้หลายทาง ใช้เป็นเส้นทางหลีกหนีรถติดได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ถ้าวันไหนเกิดไม่อยากขับรถขึ้นมา ระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ก็มีรองรับทุกรูปแบบเลยทีเดียว สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงพยาบาลเมโย โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย4 เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน เซ็นทรัล ลาดพร้าว โรงเรียนหอวัง โรงเรียสารวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม มหาวิทยาลัยศรีปทุม บรรยากาศรอบโครงการ พื้นที่ในซอยพหลโยธิน 34 เป็นถนน 2 เลนที่เชื่อมต่อกับซอยต่างๆ มากมาย ดังนั้นจึงมีรถราวิ่งผ่านในซอยตลอดทั้งวัน บริเวณปากซอยพหลโยธิน 34 อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลเมโยเลยครับ ช่วงต้นๆ ซอยจะเป็นบ้านเดี่ยว และตึกแถวเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่พอเลยเข้ามาในซอยอีกหน่อยก็จะเริ่มเห็นว่ามีโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ให้เห็นหลายโครงการ และมีแผงลอยขายของประปราย พอเลยจากหน้าโครงการไปนิดหน่อย ก็เป็นตึกแถวเรียงกันเป็นแถบ ซึ่งมีร้านค้า ร้านอาหาร คลินิค ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อเยอะเลยครับ เนื่องจากถัดไปอีกนิดก็เป็นตลาดสดศรีเสนาแล้ว ช่วงนี้ของซอยก็จะคึกคักมีบรรยากาศในแบบชุมชนมากหน่อย แค่เดินออกมาจากโครงการนิดเดียวก็มีของกินของใช้ รวมถึงร้านค้าให้พึ่งพาเยอะเลย จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ตัวโครงการบ้านกลางเมือง รัชโยธิน เป็นบ้านดูเพล็กซ์ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ที่มีเพียง 92 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นโครงการบ้านในแนวราบสร้างใหม่รายเดียวในแถบนี้เลยก็ว่าได้ เพราะพื้นที่รอบๆ โครงการถูกพัฒนาไปเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise แล้วหลายเจ้า ทั้ง The Key ที่อยู่ติดกัน หรือจะเป็นโครงการของศุภาลัยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แถมด้วย You2 Condo อีกแห่งที่อยู่ในซอยทางด้านหลัง ดังนั้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านทางโครงการจึงเน้นเป็นพิเศษ รอบโครงการกั้นรั้วทึบสูง 3 เมตร และต่อแนวรั้วโปร่งขึ้นไปอีก 1.5 เมตร ยิ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านมากขึ้นไปอีก ในขณะที่ตัวบ้านแบบดูเพล็กซ์ทาวน์โฮมของโครงการเองก็ออกแบบให้ดูสูงโปร่งมากพอ ดูเผินๆ แล้ว บ้านสูง 3 ชั้นครึ่งนี่ก็แทบจะสูงเท่ากับคอนโดชั้นที่ 4-5 เลยทีเดียว พื้นที่ของโครงการแบ่งออกเป็น 2 เฟส นะครับ โดยโซนแรกจะมีจำนวนบ้านทั้งหมด 63 ยูนิต และส่วนที่ 2 ที่เป็น Private Zone มีจำนวนเพียง 29 ยูนิต ทำให้ลูกบ้านใน Private Zone นี้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะจำนวนเพื่อนบ้านในโซนนี้มีน้อยมาก ในขณะที่ Facility ส่วนกลางทั้งหมดจะอยู่ที่โซนแรก ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แยกชายหญิง และตู้ล็อคเกอร์ นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะส่วนกลาง เป็นสนามหญ้ากว้าง พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อน ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ มี CCTV รอบโครงการตลอด 24 ชั่วโมง ประตูเข้าออกหลักด้วยระบบ Key Card มีเจ้าหน้าที่ รปภ. ประจำตลอดทั้งวัน ที่ประตูเข้าออกของทั้ง 2 เฟส สิ่งอำนวยความสะดวก Access Card เข้า – ออกโครงการ พร้อมป้อมยามรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดทางเข้า-ออก และภายในโครงการ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ พร้อมส่วนพักผ่อน สโมสร สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และห้องสมุด ระบบสายไฟฟ้าปักเสาพาดสาย ตามแบบมาตรฐานการไฟฟ้านครหลวง ระบบท่อเมนประปา ตามมาตรฐานการประปานครหลวง พาชมบ้านตัวอย่าง บ้านทาวน์โฮมของ โครงการบ้านกลางเมือง รัชโยธิน มีเพียงแบบเดียวนะครับ ตัวบ้านสูง 3 ชั้นครึ่ง มีพื้นที่ใช้สอยรวม 193 ตร.ม. หน้าบ้านกว้าง 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คันพอดี ฟังก์ชั่นในบ้านแบ่งเป็น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ซึ่งภายในบ้านถูกออกแบบพื้นที่ใช้สอยมาได้คุ้มค่า ในขณะที่ยังคงความรู้สึกโอ่โถงอยู่สบาย ลองดูแปลนบ้านไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า โครงการบ้านกลางเมือง รัชโยธิน จัดว่าค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้งนะครับ เพราะถือเป็นโครงการบ้านทาวน์โฮมที่อยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการอยู่อาศัยมากๆ แถมแผนการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีกำหนดจะเริ่มสร้างในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว ก็จะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นอีกหลายเท่า และแน่นอนว่าด้วยศักยภาพการเติบโตของที่ดินที่อยู่ในระยะใกล้รถไฟฟ้าขนาดนี้ น้อยมากที่จะมีโครงการบ้านในแนวราบให้เห็น เมื่อเทียบเรทราคาของคอนโดในแนวรถไฟฟ้าที่อยู่ในระดับเดียวกัน ต้องบอกว่า บ้านทาวน์โฮม ยังคงได้เปรียบในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า และมีพื้นที่จอดรถแน่นอน ยิ่งแบบบ้านของ บ้านกลางเมือง ที่เป็น "ดูเพล็กซ์ทาวน์โฮม" ซึ่งให้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ในขณะที่ยังโอ่อ่าอยู่สบาย ไม่เหมือนกันทาวน์โฮมทั่วไป จึงตอบโจทย์การอยู่อาศัยในรูปแบบครอบครัวได้ดีเลยทีเดียว   (Advertorial)
Nirvana Icon วงแหวน-พระราม 9 : รีวิวบ้าน

Nirvana Icon วงแหวน-พระราม 9 : รีวิวบ้าน

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปชมบ้านเดี่ยวของหมู่บ้าน Nirvana Icon วงแหวน-พระราม 9 ซึ่งตั้งอยู่สุดถนนกรุงเทพกรีฑา ใกล้กับตรงช่วงแยกใหญ่บ้านทับช้างที่ถนนมอเตอร์เวย์ตัดกับถนนกาญจนาภิเษก (ถนนวงแหวน) ที่ดินตรงนี้เป็นผืนเดียวกันกับที่ดินของ หมู่บ้านณุศาศิริ ที่อยู่มาก่อนหลายมีแล้ว ถ้าดูในภาพรวมของที่ดินขนาดใหญ่ โซนด้านขวามือจะเป็นหมู่บ้านณุศาศิริครับ ส่วนที่ดินในโซนด้านซ้ายจะเป็นของ Nirvana Icon ที่เราจะพาไปดูกันนี่แหละครับ ก่อนอื่นต้องบอกว่าทั้ง 2 โครงการนี้เป็นพันธมิตรเพื่อนบ้านที่จับมือกันเป็นอย่างดี โดยทั้ง 2 หมู่บ้านจะใช้ทางเข้าออกเดียวกัน และใช้พื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ร่วมกันด้วยนะครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    10,500,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะโครงการ    บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 60 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    67 - 0 - 26.50 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ วิธีการเดินทาง เรามาเริ่มกันด้วยวิธีการเดินทางกันก่อนครับ ซึ่งการเดินทางมายังโครงการนี้ก็เหมือนกับโครงการ Nirvana Beyond Lite เลยครับ แค่ขับเลยซอยกรุงเทพกรีฑา 32 มาอีกนิดหน่อย (ดูรีวิว Nirvana Beyond Lite) สำหรับเส้นทางถนนที่สามารถเลือกเดินทางมายังโครงการได้ก็มีทั้งทางซอยรามคำแหง 24 หรือจากแยกลำสาลี รวมถึงสามารถเลือกเดินทางมาตามเส้นทางถนนคู่ขนานกับถนนมอเตอร์เวย์ ซึ่งเข้าได้จากตรงแยกศรีนครินทร์ตัดกับพระราม 9 ส่วนเส้นทางอื่นๆ อย่างเส้นถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) ก็สามารถใช้เป็นทางหลักๆ ในการเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพได้ มีด่านทับช้างซึ่งเป็นด่านที่ใกล้ที่สุดก็แถวๆ วัดลาดบัวขาวนั่นแหละครับ แต่โดยภาพรวมแล้วการเดินทางด้วยรถยนต์ในย่านนี้ก็จัดว่าสะดวกใช้ได้เลยนะครับ ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเพราะถนนหนทางในย่านนี้บางทีถ้าขับรถพลาดแล้ว ก็ต้องกลับรถกันหลายครั้งหน่อย แนะนำว่าให้ใช้เส้นทางจากทางฝั่งรามคำแหงจะสะดวกที่สุดครับ การเดินทางเราเริ่มต้นจากซอยรามคำแหง 24 กันเลยนะครับ ตรงมาเรื่อยๆ ก่อนถึงแยกกรุงเทพกรีฑาจะมีป้ายบอก พอมาถึงแยกกรุงเทพกรีฑาข้างหน้าที่เราเห็นจะเป็นถนนศรีนครินทร์ เราตรงไปเพื่อเข้าถนนกรุงเทพกรีฑานะครับ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางบางกะปิ เลี้ยวขวาจะไปทางพัฒนาการ ตรงผ่านแยกมาแล้ว เราก็เข้าสู่ถนนกรุงเทพกรีฑาเป็นที่เรียบร้อย คราวนี้ตรงอย่างเดียวเลยครับ ระยะทางจากแยกกรุงเทพกรีฑาไปจนถึงที่ตั้งโครงการรวมๆ แล้วประมาณ 6 กิโลนิดๆ ทางขวามมือจะมีผ่านสนามกอล์ฟ 2 แห่งนะครับ ที่แรกเป็นสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา สปอร์ต คลับ อีกสนามใกล้ๆ กัน เป็นสนามกอล์ฟยูนิโก้ ตรงมาจนถึงตรงนี้จะเป็น 3 แยก ทางซ้ายจะเป็นซอยนักกีฬาแหลมทอง ตรงไปจะยังเป็นถนนกรุงเทพกรีฑาอยู่นะครับ เราต้องตรงต่อไป เลยสามแยกมาอีกหน่อย เราโค้งขวาตามทางไปเลยครับ ตรงมาอีกจะเห็นซอยกรุงเทพกรีฑา 32 อยู่ทางขวามือ เข้าไปในซอยนี้อีกนิดเดียวจะเจอโครงการ Nirvana Beyond Lite พระราม 9 เผื่อใครอยากจะดูทั้ง 2 โครงการ ก็แวะเข้าไปได้เลยนะครับ จากนั้นเราตรงไปกันต่อ ข้ามสะพานข้ามคลองตรงนี้ไปอีกนิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วครับ ถึงหน้าโครงการ Nirvana Icon แล้วครับ ที่เห็นป้ายณุศาศิริเพราะพื้นที่โครงการเป็นที่ดินผืนเดียวกัน เลยใช้ทางเข้าออกเดียวกัน ไม่ต้องตกใจคิดว่ามาผิดโครงการนะครับ นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว รถไฟฟ้า Airport Rail Link ก็เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสบายเช่นกัน เพราะตัวสถานีบ้านทับช้างอยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งทางโครงการก็มีบริการรถรับส่งลูกบ้านจากโครงการไปถึงสะพานลอยฝั่งตรงข้ามสถานีตลอดทั้งวัน ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้าได้สะดวกมากขึ้น วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องสภาพแวดล้อมรอบโครงการนั้นต้องบอกว่าเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยมากๆ เพราะพื้นที่รอบๆ โครงการส่วนใหญ่ยังเป็นที่ดินว่าง บ้านพักอาศัยในแนวราบ รวมถึงหมู่บ้านอื่นๆ อีกมากมาย และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ หมู่บ้านณุศาศิริ ที่เป็นเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ติดกัน ซึ่งทำให้เราเห็นบรรยากาศความเป็นอยู่จริงๆ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีเพื่อนส่วนหนึ่งเข้าอยู่อาศัยกันมาก่อนแล้ว เช่นเดียวกันกับพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ที่ลูกบ้านจะได้ใช้งานร่วมกัน รวมถึงนิติบุคคลของทั้ง 2 โครงการก็จะเป็นนิติบุคคลเดียวกันด้วย สำหรับโครงการ Nirvana Icon นี้มีจำนวนบ้านทั้งหมด 60 ยูนิต ซึ่งจัดว่าเป็นจำนวนไม่มากเลย แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเงียบเกินไปนะครับ เพราะมีเพื่อนบ้านณุศาศิริอีกหลายหลัง รับรองว่าไม่เหงาแน่นอน ถ้าดูถามแปลนของที่ดินทั้งหมด จะเห็นว่าพื้นที่สีเทาๆ ก็คือโครงการณุศาศิริเดิม ส่วน Nirvana Icon จะอยู่ทางฝั่งซ้าย ทั้งสองโครงการนี้ใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันนะครับ บรรยากาศในหมู่บ้านครับ ถนนเมนกว้าง 12 เมตร ส่วนถนนในซอยกว้าง 9 เมตรนะครับ ในส่วนของพื้นที่รอบๆ โครงการไม่ค่อยมีร้านค้าให้เห็นมากนัก แต่ถ้าออกมาในช่วงต้นๆ ของถนนกรุงเทพกรีฑา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงซอยนักกีฬาแหลมทองจะคึกคักมากหน่อย เพราะบริเวณนี้จะเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ มีทั้งตลาดสด โรงเรียน สำนักงานที่ดิน สวนสาธารณะ หมู่บ้านนักกีฬา ร้านสะดวกซื้อ เทสโก้โลตัส รวมถึงร้านค้า แผงลอยอีกมากมาย เรื่องอาหารการกินมีให้เลือกเยอะเลยทีเดียว และยังสามารถจับจ่ายซื้อหาอาหารสดไปทำครัวกันได้ ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ หน่อยก็มีทั้ง เดอะมอลล์รามคำแหง เดอะมอลล์บางกะปิ เดอะไนน์ พระราม 9 แฟชั่นไอส์แลนด์ พรอมานาด รามอินทรา หรือถ้าเป็นโซนศรีนครินทร์ก็มี ห้างซีคอนสแควร์ และพาราไดซ์พาร์ค ที่สามารถเดินทางได้ไม่ไกลจนเกินไปนัก ดังนั้นเรื่ององค์ประกอบแวดล้อมสำหรับการอยู่อาศัย จึงจัดว่าครบถ้วนใช้ได้เลยทีเดียวครับ สิ่งอำนวยความสะดวก คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. กล้อง CCTV พาชมบ้านตัวอย่าง สำหรับบ้านตัวอย่างของโครงการ Nirvana Icon ที่เราได้มีโอกาสเข้าไปชมในครั้งนี้ เป็นแบบบ้านที่มีชื่อว่า New Inspiration ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่จากแบบบ้าน Inspiration เดิม ให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเพิ่มมากขึ้น สำหรับแบบบ้าน New Inspiration นี้ เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในสไตล์โมเดิร์น ตามเอกลักษณ์ของ Nirvana ตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. แบ่งเป็น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้จะตั้งอยู่บนที่ดินเริ่มต้นที่ขนาด 80 ตร.ว. แต่ถ้าลูกบ้านอยากจะให้มีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านด้วย ทางโครงการก็มีเตรียมไว้ให้เลือกเหมือนกัน แต่มีจำนวนไม่มากนะครับ แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย SPIRIT พื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน SPIRIT SPECIAL พื้นที่ใช้สอย 210 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน ELEMENT พื้นที่ใช้สอย 225 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน LIFE&SOUL พื้นที่ใช้สอย 265 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน 1 ห้องแม่บ้าน INSPIRATION 275 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน 1 ห้องแม่บ้าน NEW INSPIRATION 275 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ เดี๋ยวเราไปดูแปลนบ้านกันก่อนนะครับว่า มีการปรับเปลี่ยนตรงไหนและเพิ่มอะไรเข้ามาใหม่บ้าง ก่อนจะไปชมภายในบ้านตัวอย่างสวยๆ ครับ อันนี้เป็นแปลนของบ้าน New Inspiration ซึ่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนี้แน่นครบทุกตารางเมตรเลยทีเดียว ทรงบ้านเป็นสไตล์โมเดิร์นตามแบบของ Nirvana เลย จากด้านหน้าจะเห็นว่าตัวบ้านโอ่อ่าใหญ่โตมาก บริเวณหน้าบ้านนะครับ เป็นรั้วเตี้ยและปลูกต้นไม้ไว้สวยงาม ประตูเล็กเป็นบานทึบสีเทา พื้นที่ด้านข้างตัวบ้านเป็นที่จอดรถ 2 ที่ ซึ่งบ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นบ้านบนที่ดินขนาดใหญ่ ที่จอดรถเลยขยับออกมาทางที่ดินด้านข้างมากหน่อย ไม่ได้อยู่บริเวณหน้าตัวบ้านอย่างในแปลนครับ ประตูใหญ่ทางเข้าที่จอดรถเป็นรั้วเหล็กโปร่งๆ ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล จากบริเวณที่จอดรถตรงนี้จะเห็นทางเดินเข้าสู่พื้นที่บ้านครับ เดี๋ยวเราไปชมรอบๆ บ้านกันก่อน อันนี้เป็นสนามหญ้าบริเวณด้านหลังที่จอดรถนะครับ ก็ที่ดินตรงข้างๆ ตัวบ้านนั่นแหละครับ มีต้นไม้ปลูกไว้รอบรั้วเลย ถ่ายกลับมาให้ดูที่ด้านหลังที่จอดรถบ้าง จะเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกว้างเหมือนกัน แถมยังมีศาลานั่งเล่นที่ทางโครงการทำไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย แต่บ้านจริงที่ที่ดินขนาดเล็กกว่านี้จะไม่มีให้นะครับ ตรงนี้เป็นบริเวณด้านหลังบ้านครับ มีปลูกต้นไม้ไว้ตลอดแนวรั้ว และห้องแม่บ้านก็จะอยู่ทางด้านหลังนี้ด้วย อันนี้เป็นห้องน้ำแม่บ้านซึ่งอยู่ทางด้านหลังของบ้าน ใกล้ๆ กันมีประตูเข้าออกทางด้านหลังบ้าน บริเวณนี้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวไทย ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดนะครับ บ้านตัวอย่างหลังนี้มีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านด้วยนะครับ สระว่ายน้ำอยู่ตรงหน้าบ้านเลย เวลาเดินเข้าประตูหลักของบ้านจะต้องเดินผ่านสระว่ายน้ำก่อน ในขณะที่รอบบ้านชั้นล่างกั้นเป็นกระจกเกือบทั้งหมด จึงมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้รอบบ้านเลย ประตูหลักของบ้านเป็นประตูไม้สักบานเล็กอยู่ในตำแหน่งกลางบ้าน ที่จับเป็นแบบคันโยก พร้อมด้วยล็อค 2 ชั้น เปิดเข้ามาจะเจอโถงพักตรงหน้าบันได บริเวณนี้ Built-in เป็นตู้เก็บรองเท้า และมีมุมให้นั่งใส่รองเท้าเล็กๆ ตรงนี้ด้วย ดูภาพมุมกว้างกันบ้าง จะได้เห็นชัดๆ ว่าต่อจากโถงทางเข้าบ้านไป ทางขวาจะเป็น Living Area ส่วนบันไดและห้องนอนเล็กด้านล่างจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน เรามาดู Living Area โซนแรกกันก่อน เป็นห้องนั่งเล่นกว้างขวางมากๆ ตำแหน่งที่วางโซฟา ได้ระยะดูทีวีกำลังดี มองเห็นเลยไปถึงอีกด้านของบ้านด้วย พื้นที่ภายในบ้านกว้างขวางมากนะครับ วางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบายๆ Living Area ในโซนนี้กว้างมากนะครับ จัดแบ่งพื้นที่กันดีๆ ก็จะใช้งานได้หลากหลายมากขึ้นครับ อย่างในตัวอย่างที่เห็น มุมติดกันสามารถวางโต็ะทำงานขนาดใหญ่ จัดเป็นมุมทำงานได้สวยงาม เหมือนได้ห้องทำงานกว้างๆ อีกห้องเลยใช่มั้ยครับ แถมอยู่ติดประตูกระจกบานใหญ่ทำให้รับแสงธรรมชาติได้เป็นอย่างดี บรรยากาศภายในบ้านโอ่โถงสบายตา เพราะประตูกระจกบานใหญ๋ช่วยให้เปิดรับแสงและวิวได้เต็มที่ นั่งทำงานไปชมวิวสระว่ายน้ำไปได้เพลินๆ ครับ ออกจากโซนนั่งเล่น เดี่ยวเราไปดู Dining Area กันบ้าง เดินผ่านโถงทางเข้าก่อน มุมนี้นั่งใส่รองเท้าตรงหน้าตู้รองเท้าได้ด้วย ภายใน Dining Area ครับ บรรยากาศโปร่งสบายๆ เช่นกัน โต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่วางเป็น island ไว้กลางห้องได้เลยครับ ยังเหลือที่รอบโต๊ะให้เดินสบายๆ บรรยากาศภายใน Dining Area อบอุ่นมากทีเดียว ตำแหน่งที่ตั้งโต๊ะกินข้าว มีประตูกกระจกบานเลื่อนเข้ามุม สามารถเปิดโล่งให้เชื่อมต่อถึงสระว่ายน้ำได้เลย เหมาะกับเวลาจัดปาร์ตี้มากๆ บริเวณนั่งรับประทานอาหารใช้พื้นที่เดียวกันกับ pentry ครัวเลยนะครับ Pentry ครัวโซนนี้เป็นครัวเปิดนะครับ มี island ตรงกลางไว้วางของ และเคาน์เตอร์รอบด้านสำหรับจัดเตรียมอาหาร เคาน์เตอร์บริเวณด้านข้างครับ ยาวตลอดแนวเลย ด้านบนและล่าง Built-in ตู้เก็บของไว้เรียบร้อย เคาน์เตอร์ครัวท๊อปด้วยหินอ่อน มีหน้าต่างกระจกยาวตลอดแนวช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติได้อีกทาง ซิงค์ล้างจานจะอยู่ที่เคาน์เตอร์ทางด้านนี้ครับ เป็นซิงค์ขนาดใหญ่เหมาะกับขนาดครัว เคาน์เตอร์ประกอบอาหารจะอยู่อีกด้าน มีหัวเตาและฮูตดูดควันพร้อม ช่องว่างที่เห็นนี่เว้นไว้วางตู้เย็นครับ รองรับตู้เย็นคิวใหญ่ๆ สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ได้สบาย ประตูด้านข้างครัว เป็นประตูออกไปที่หลังบ้าน ตรงนี้มีซิงค์ล้างจานอย่างที่บอก สามารถตกแต่งเพิ่มเป็นครัวไทยไว้ทางด้านหลังบ้านได้ บ้านแบบใหม่ผนังด้านหน้าเปลี่ยนเป็นกระจกทั้งหมด นอกจากจะได้วิวสระว่ายน้ำแล้ว ยังเปิดรับแสงได้เต็มที่มากๆ ครับ เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำ และห้องนอนที่บริเวณชั้นล่างกันครับ ห้องนี้มีทางเข้าอยู่ตรงบันไดทางขึ้นบ้านนั่นแหละ ประตูทางด้านซ้ายเป็นห้องน้ำนะครับ ไปดูห้องน้ำกันก่อน ในห้องน้ำชั้นล่างมีชุดสุขภัณฑ์พร้อมสรรพ ด้านบนมีหน้าต่างบานเลื่อน เปิดออกระบายความชื้นได้ดีแถมยังช่วงรับแสงได้อีก อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ มีพื้นที่วางของได้พอสมควร โถสุขภัณฑ์ครบชุด พื้นบริเวณที่อาบน้ำ ดร๊อปต่ำลงมาอีกประมาณ 3 ซม. ป้องกันน้ำเอ่อล้นเวลาอาบน้ำได้ดี ชุดฝักบัวอาบน้ำหน้าตาแบบนี้ครับ ภายในห้องนอนที่ชั้นล่างครับ ซึ่งในบ้านตัวอย่างตกแต่งให้เป็นห้องอเนกประสงค์ บริเวณหน้าต่างด้านข้าง Built-in เป็นมุมนั่งเล่นน่ารักๆ ภายในห้องมีหน้าต่างทั้ง 2 ด้าน ทำให้ภายในห้องสว่างด้วยแสงธรรมชาติ ทางโครงการตกแต่งเป็นโต๊ะทำงานพร้อมตู้เข้ามุมไว้ให้ชมเป็นไอเดียครับ ตู้ Build-in เข้ามุม ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ดีครับ หน้าต่างบานเลื่อนเป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำ มีล็อค 2 ชั้น เพิ่มความแน่นหนาได้มากขึ้น ขึ้นไปดูชั้นบนกันครับ ตรงโถงพักบันได เจาะช่องกระจกเปิดรับแสงธรรมชาติได้ กระจกบานใหญ่ตรงโถงบันไดชั้น 2 เปิดช่องให้แสงผ่าน ทำให้บริเวณโถงนี้สว่างมากขึ้น ในบ้านตัวอย่าง ทางโครงการ Built-in เพิ่มตรงราวบันไดให้เป็นตู้โชว์ อันนี้เป็นไอเดียที่น่าสนใจนะครับ โถงหน้าห้องบนชั้นสอง จัดเป็นมุมนั่งเล่นเก๋ๆ ครับ ด้านที่ติดกับราวบันไดจัดเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ หรือเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือได้ครับ ช่วงกลางวันภายในบ้านสว่างไปด้วยแสงธรรมชาติ เนื่องจากมีกระจกเกือบรอบด้าน เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยในบ้านมีมาก วางเก้าอี้นั่งเล่น เอนหลังอ่านหนังสือได้หลายมุม เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนเล็กกันครับ อยู่ใกล้กับบันไดทางขึ้นพอดี ในห้องนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built-in ออกแบบให้เป็นห้องนอนเด็ก ถึงจะเป็นห้องนอนเล็ก แต่ก็วางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้ว เหลือที่อีกเหลือเฟือ ข้างเตียงติดกระจกเงาบานใหญ่ ให้เป็นมุมแต่งตัวขนาดกว้างเลยทีเดียว ตำแหน่งเตียงอยู่ใกล้กับหน้าต่าง Built-in ชั้นวางของไว้ด้านหัวเตียง ทำให้มีที่เก็บของมากขึ้น ช่วงปลายเตียงยังมีที่เหลืออีกมาก ทำเป็นโต๊ะทำการบ้านและชั้นเก็บของได้อีก หน้าต่างของห้องก็เป็นบานใหญ่ เกือบเต็มแนวกำแพงเลย ภายในห้องนอนเล็กมีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ ภาพรวมภายในห้องน้ำครับ ก็เป็นไปตามมาตรฐาน ติดกระจกเงาบานใหญ่มาให้ตามนี้ อ่างล้างหน้าสีขาว ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระครบ บริเวณที่อาบน้ำ ไม่มีกระจกกั้นมาให้นะครับ ต้องติดเพิ่มเอง หน้าต่างบานเลื่อนในห้องน้ำ ห้องนี้มีเพิ่มกระจกเข้ามุมมาด้วย ยิ่งทำให้ในห้องน้ำสว่างมากขึ้น ชุดฝักบัวอาบน้ำในห้องนี้จะต่างจากห้องข้างล่างนิดหน่อย พื้นห้องอาบน้ำดร๊อปต่ำลงมาเช่นกัน ต่อไปเป็นห้องนอนที่ 2 ครับ อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน บรรยากาศภายในห้องนอนครับ ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์หวานๆ หน่อย หัวเตียงทั้ง 2 ด้านมีหน้าต่างบานกระทุ้งตามภาพ บริเวณปลายเตียง Built-in เป็นตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง พร้อมด้วยมุมทำงานเล็กๆ ติดกับหน้าต่าง ตู้เก็บของด้านข้างเตียง Built-in สูงจรดเพดานเลยนะครับ พื้นที่บริเวณปลายเตียงครับ เหลือที่วางกว้างเลยทีเดียว สำหรับห้องนอนนี้ พื้นที่หน้าห้องน้ำกว้างพอที่จะสามารถตกแต่งเป็น walk in closet ได้ด้วย มุมแต่งตัวตรงหน้าห้องน้ำครับ หวานๆ แบบห้องผู้หญิง หน้าหลังกระจกเงาที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีหน้าต่างกระจกเปิดรับแสงธรรมชาติได้สวยๆ ภายในห้องน้ำครับ Lay out ไม่ได้ต่างกันมากนัก เครื่องสุขภัณฑ์ครบเซ็ต อ่างล้างหน้าสเปคเดียวกับห้องก่อนหน้าเลยครับ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระก็เช่นกัน บริเวณอาบน้ำไม่ได้กั้นกระจกให้นะครับ และในห้องน้ำก็มีหน้าต่างบานเลื่อนเปิดระบายความชื้นได้เช่นเดิม พื้นบริเวณที่อาบน้ำดร๊อปต่ำลงมาเหมือนห้องอื่นๆ ครับ แล้วก็มาถึง Master Bedroom ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนเล็กนะครับ เดินเข้าห้องมาก็จะเจอโซนแต่งตัวหน้าห้องน้ำก่อนเลย ภายโดยรวมของห้องน้ำใน Master Bedroom ครับ ตกแต่งต่างไปจากห้องอื่นๆ มีอ่างอาบน้ำเพิ่มมาด้วย ชุดก๊อกน้ำที่อ่างอาบน้ำครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า และชุดสุขภัณฑ์จะอัพสเปคขึ้นมาอีก อ่างล้างหน้าทรงรีขนาดใหญ่ฝังบนเคาน์เตอร์สีดำเข้มขรึม เคาน์เตอร์ล้างหน้าในห้องน้ำติดกระจกเงาบานใหญ่มาให้ด้วย ชุดโถสุขภัณฑ์ของห้องนอนใหญ่นี่หน้าตาดูหรูหรามากขึ้น มุมอาบน้ำติดกับอ่างอาบน้ำ (ตัวกระจกกั้นทางโครงการติดไว้เป็นตัวอย่าง ของจริงไม่มีมาให้นะครับ) ส่วนชุดฝักบัวอาบน้ำก็หน้าต่างแบบนี้ครับ เป็นหัวก๊อปแบบผสม เข้ามาดูในห้องนอนกันบ้าง อันนี้เป็นภาพรวมครับ พื้นที่ภายในห้องกว้างขวางมากๆ ตรงหัวเตียงของห้องนี้ก็มีหน้าต่างกระจกทั้ง 2 ด้านเช่นกัน บริเวณปลายเตียงแขวนทีวี และมีมุมแต่งตัวพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ติดกับตู้เสื้อผ้าเลย ด้านหลังกระจกเงาเป็นหน้าต่างนะครับ เปิดรับแสงธรรมชาติเวลาแต่งตัวแต่งหน้าได้ ดูกันชัดๆ ครับ มีผ้าม่านบังแสงไว้ให้นิดหน่อย มองกลับไปที่หน้าห้องน้ำจะเห็นว่าฝั่งตรงข้าม Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ตลอดแนว ในห้องนอนใหญ่กว้างและเหลือที่พอให้วางโซฟา 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังมีมุมทำงานด้วย มุมทำงานจะอยู่ติดกับเตียงอีกด้าน ด้านหลัง Built-in ตู้เก็บของเพิ่ม และติดกันก็เป็นประตูบานเลื่อนออกไประเบียงครับ โต๊ะทำงานในห้องนอนครับ ไม่ใช่เล็กๆ เลยนะครับ นี่ครับพื้นที่ระเบียง รั้วระเบียงเป็นกระจก เปิดออกไปก็มองเห็นหน้าบ้านพอดี พื้นระเบียงดร๊อปต่ำกว่าพื้นห้องนอนมาก ป้องกันเรื่องน้ำท่วมขังเข้าห้องได้เป็นอย่างดี จากระเบียงห้องนอนใหญ่สามารถมองเห็นได้รอบบริเวณหน้าบ้านเลยนะครับ มองลงไปเห็นวิวสระว่ายน้ำ และประตูหน้าบ้านเต็มตา ใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวสวยๆ ที่มาพร้อมกับการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่าในย่านวงแหวน-พระราม 9 โครงการ Nirvana Icon ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องแบบบ้านที่ทันสมัย อยู่ไม่ไกลจากในเมืองมากนัก และมีบรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ที่สำคัญเรายังสามารถไปเยี่ยมชมบรรยากาศของหมู่บ้านได้จริงก่อนการตัดสินใจซื้อด้วยครับ
Nirvana Beyond LITE พระราม 9 : รีวิวบ้าน

Nirvana Beyond LITE พระราม 9 : รีวิวบ้าน

รีวิวฉบับนี้ เรามีบ้านเดี่ยวสวยๆ จาก Nirvana ในชื่อ Beyond Lite ​มาฝากกันครับ ทำเลที่ตั้งโครงการก็อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า  Airport Rail Link สถานีบ้านทับช้าง อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถส่วนตัว ทั้งเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) โซนกรุงเทพกรีฑา และเส้นทางมอเตอร์เวย์ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ   รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น    12,400,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะโครงการ    บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 156 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    34 - 3 - 72.8 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยกรุงเทพกรีฑา 32 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ค่าส่วนกลาง    20 บาท/ตารางวา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี   วิธีการเดินทาง   สำหรับการเดินทางไปยังโครงการ Nirvana Beyond Lite พระราม 9 ในครั้งนี้ เราเลือกเดินทางกันด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link ไปลงที่สถานีบ้านทับช้าง แล้วเดินขึ้นสะพานลอยข้ามมอเตอร์เวย์มายังที่โครงการ ซึ่งทางโครงการบอกไว้ว่ามีระยะห่างเพียง 300 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าลองวัดระยะกันจริงๆ จังๆ ต้องบอกว่าจากทางลงสถานีรถไฟฟ้าบ้านทับช้างจะมาถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้านต้องมีระยะเดินไม่ต่ำกว่า 550 เมตร เลยนะครับ แต่โชคดีหน่อยที่ทางหมู่บ้านมีบริการรถรับ-ส่งถึงบันไดสะพานลอย ระยะเดินที่ต้องเดินจริงๆ จึงร่นเหลือแค่ 300 เมตรตามที่ทางโครงการบอกเลยครับ (เดี๋ยวจะหาว่าโกหก) ที่สำคัญลูกบ้านทุกหลังสามารถเรียกใช้บริการรถรับส่งได้ตลอดทั้งวันเลยทีเดียว แผนที่กราฟฟิกของโครงการ จะเห็นว่าอยู่ใกล้กับมอเตอร์เวย์เลยนะครับ แผนที่จาก google map จะได้เห็นทิศทางกันชัดๆ ครับ ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยรถไฟฟ้า Airport Rail Link มาลงที่สถานีบ้านทับช้างครับ ลงจากสถานีมาจะเห็นซอยเล็กๆ ที่เลี้ยวออกไปถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ เดินทางตามซอยไม่ไกลมาก็จะเห็นสะพานลอยแล้วครับ เราจะเดินขึ้นสะพานลอยนี้เพื่อข้ามถนนมอเตอร์เวย์ไปยังฝั่งที่ตั้งโครงการกันนะครับ ข้ามมาลงฝั่งตรงข้ามแล้ว ก็เดินเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปได้เลย หรือจะรอเรียกรถกอล์ฟของโครงการให้มารับตรงนี้ก็ได้ครับ เดินเข้าซอยมาประมาณกลางซอยก็จะเห็นป้ายโครงการ Nirvana อันใหญ่ๆ เอาล่ะใกล้จะถึงโครงการแล้วใช่มั้ย จากป้าย Nirvana ตัวใหญ๋ตรงหัวโค้งนั่น เราต้องเลี้ยวขวาไปตามถนนอีกนิดหน่อยนะครับ ถึงจะเจอทางเข้าโครงการ ระยะเดินจริงๆ จากตัวสถานีทับช้างมาถึงหน้าโครงการก็ต้องมีมากกว่า 550 นะครับ ส่วนที่ทางโครงการแจ้งไว้ว่า 300 เมตรคือนับมาถึงแค่สุดสะพานลอยตรงปากซอยทางเข้า หลังจากนี้ถ้าเรียกให้รถมารับ ก็ไม่นับเป็นระยะเดินแล้ววครับ ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ ​Nirvana Beyond Lite ใหญ่โตสวยงามเช่นเคย เข้ามาแล้วก็จะเจอถนนเมนตรงเข้าไปหมู่บ้านเลย ซึ่งลักษณะที่ดินของหมู่บ้านก็ลึกทีเดียว เดี๋ยวเราไปชมบรรยากาศของโครงการกันก่อนครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมายังซอยกรุงเทพกรีฑา 32 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการก็มีให้เลือกได้หลายเส้นทาง เช่น จากฝั่งรามคำแหงก็สามารถเข้ามาตามเส้นทางกรุงเทพกรีฑา โดยทางซอยรามคำแหง 24 หรือจากแยกลำสาลี หรือถ้ามาจากแยกพระราม 9 ผ่านแยกศรีนครินทร์มาแล้วจะใช้ถนนคู่ขนานกับมอเตอร์เวย์มาเรื่อยๆ ก็ได้นะครับ อีกทั้งยังมีเส้นทางจากฝั่งอ่อนนุชมาเข้าทางประเวศได้ แต่อาจจะต้องกลับรถข้ามฝั่งมอเตอร์เวย์กันไกลหน่อย เส้นทางนี้จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) และถนนมอเตอร์เวย์ แต่กว่าจะถึงด่านเข้า-ออกของถนนแต่ละเส้นก็ต้องขับรถอ้อมหรือเลยไปไกลหน่อยนะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ ทำเลที่ตั้งของโครงการ Nirvana Beyond Lite อยู่ค่อนไปทางโซนชานเมืองหน่อยนะครับ แต่เรื่องการเดินทางเข้า-ออกเมืองยังถือว่าสะดวกดี โดยเฉพาะคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก เพราะถนนหนทางแถบนี้ใกล้ทั้งมอเตอร์เวย์ และถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) ซึ่งน่าจะเป็นเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพฯ รวมถึงการเดินทางออกไปทางภาคตะวันออกด้วย แต่ติดที่ด่านทางเข้าของทั้งมอเตอร์เวย์ และถนนวงแหวนรอบนอกไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ตัวโครงการเท่าไหร่นัก บางครั้งการเลือกใช้เส้นทางปกติก็อาจจะเดินทางได้ง่ายกว่าก็ได้ จึงต้องวางแผนเลือกเส้นทางกันนิดหน่อยน่าจะดีกว่า ในย่านนี้ที่พักอาศัยจะเป็นบ้านเดี่ยว ตึกแถว หรือบ้านพักในแนวราบสูงไม่เกิน 4-5 ชั้นเกือบทั้งหมด และก็เป็นหมู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นบรรยากาศโดยทั่วไปจึงไม่พลุกพล่านมากนัก โดยเฉพาะในซอยกรุงเทพกรีฑา 32 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการด้วยแล้ว ต้องบอกว่าเงียบสงบมากเลยทีเดียว แต่เรื่องอาหารการกินก็ไม่ได้ขาดแคลน หรือห่างไกลจากร้านค้าอย่างที่คิดนะครับ ถ้าออกจากซอยกรุงเทพกรีฑา 32 มาตามถนนกรุงเทพกรีฑาช่วงซอยนักกีฬาแหลมทอง แถบนี้ก็จะมีร้านค้าต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ มินิมาร์ท แผงลอย ตลาดสด เทสโก้โลตัส ธนาคาร รวมถึงสำนักงานที่ดินสาขาประเวศ สวนสุขภาพเคหะชุมชนหัวหมาก โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภช และโรงเรียนอื่นๆ อีกหลายแห่ง บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มากทีเดียวจึงไม่ต้องกลัวอดเลยครับ ถ้าไม่อยากขับรถก็ขี่จักรยานออกมาก็ยังได้ เพราะระยะทางไม่ได้ไกลเลย แต่ถ้าอยากจะช็อปปิ้งจับจ่ายซื้อของแบบจริงจัง ในย่านนี้ก็มีทั้งห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ซีคอนสแควร์ และพาราไดซ์พาร์ค ที่พอจะจัดว่าใกล้หน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นก็แนะนำให้ขึ้นรถไฟฟ้า Airport Rail Link เข้าเมืองไปช็อปปิ้งที่สยามกันไปเลยครับสะดวกดี สิ่งอำนวยความสะดวก คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. กล้อง CCTV รถกอล์ฟรับ-ส่งลูกบ้าน ไปสะพานลอยข้าม Airport Link จากหน้าหมู่บ้านเข้ามาไม่ไกลมากก็จะเจอพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทางขวามือ ตึกที่เห็นนั่นคือ ห้องฟิตเนสในบริเวณคลับเฮาส์ ห้องฟิตเนสอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ เป็นห้องกระจกติดแอร์เย็นฉ่ำ ภายในห้องออกกำลังกายมีอุปกรณ์ครบเลยทีเดียวครับ ถึงแม้พื้นที่ไม่ได้กว้างมากก็ตาม ออกมาจากห้องฟิตเนสก็จะเจอกับสระว่ายน้ำเลย สระว่ายน้ำมีก้ันแยกสำหรับสระเด็กไว้ด้วย พร้อมพื้นที่นั่งเล่นริมสระ จากมุมนี้จะเห็นได้ชัดว่าห้องฟิตเนสจะอยู่บริเวณเดียวกับสระว่ายน้ำเลย ทำให้การออกกำลังกายสะดวกมากๆ เดินลงมาอีกด้านของสระว่ายน้ำ จะเจอกับสวนสาธารณะส่วนกลาง บริเวณนี้จะเป็นสนามหญ้ากว้าง พร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ ลานบริเวณนี้จัดเป็นสนามเด็กเล่นให้ด้วย พร้อมมุมนั่งเล่นรอบๆ เผื่อให้ผู้ปกครองได้ดูแลลูกๆ อย่างใกล้ชิด มีทั้งของเล่น และพื้นที่กว้างให้เด็กๆ วิ่งเล่นได้สบาย เครื่องเล่นมีหลากหลายเลยครับ แถมบรรยากาศก็ร่มรื่นด้วย พาชมบ้านตัวอย่าง ก่อนอื่นต้องบอกกันก่อนว่าโครงการ Nirvana Beyond Lite พระราม 9 นั้นมีลูกบ้านอยู่กันมานานแล้วพอสมควร เราจึงได้เห็นบรรยากาศภายในหมู่บ้านจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่บรรยากาศตัวอย่างขณะก่อสร้างเหมือนหมู่บ้านใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้ทางโครงการได้มีการขยายพื้นที่เปิดเฟสใหม่ รวมถึงเพิ่มแบบบ้านใหม่เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ชื่อว่า Just So บนที่ดินขนาดเริ่มต้นที่ 50 ตร.ว. ตัวบ้านแบ่งเป็น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ ภายใต้การออกแบบตัวบ้านในสไตล์โมเดิร์น และด้วยคอนเซปต์บ้านของ Nirvana ที่เน้นการออกแบบให้ภายในบ้านมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่คุ้มค่าทุกตารางเมตร ตัวบ้านจึงมีพื้นที่ใช้สอยรวมมากถึง 270 ตร.ม. เลยทีเดียว เราไปดูภายในบ้านตัวอย่าง Just So กันเลยดีกว่าครับ หน้าตาของตัวบ้านแบบเต็มๆ ครับ บ้านที่เราจะได้ดูกันมีชื่อว่า Just So ครับ และนี่คือแปลนชั้นล่างของบ้านครับ เข้ามาในตัวบ้าน จะเจอโถงเล็กๆ Built-in ตู้เก็บรองเท้าไว้เรียบร้อย พื้นที่ตรงประตูทางเข้าบ้านครับ บ้านจริงไม่มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้นะครับ ถัดเข้ามาใน Living Area ครับ บันไดทางขึ้นก็อยู่ใกล้ๆ กัน บรรยากาศภายในพื้นที่นั่งเล่น หรือห้องรับแขกครับ กว้างๆ โล่งๆ เลย ทีวีแขวนติดผนังเลยนะครับ มุมด้านที่ติดกับประตูทางเข้าเป็นผนังกระจกบางส่วน เปิดรับแสงธรรมชาติได้อีกทาง อีกด้านของห้องนั่งเล่น เป็นประตูกระจกบานใหญ่ทำให้บรรยากาศภายในห้องสว่าง และโปร่งมากขึ้น พื้นที่ติดกันใน Living Area แบ่งมาตั้งโต๊ะกินข้าวได้สบายๆ ด้านนึง Built-in เป็นโซฟาที่นั่งติดหน้าต่าง วางโต๊ะกินข้าวขนาด 6-8 ที่นั่งได้สบายๆ เลย บรรยากาศรวมๆ ใน Living Area ครับ ถัดจากโต๊ะกินข้าวเข้าไปด้านใน เป็นห้องครัวนะครับ ครัวเป็นแบบครัวปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เรียบร้อย ส่วนประตูข้างๆ เป็นประตูที่ออกไปข้างๆ บ้านได้ ประตูกระจกห้องครัว เป็นกรอบอลูมิเนียมสีขาว พร้อมที่จับตามภาพครับ ในห้องครัวมีหน้าต่างบานใหญ่ เลื่อนเปิดเพื่อระบายกลิ่นได้ และยังช่วยให้รับแสงได้มากขึ้น เคาน์เตอร์ครัว Built-in เข้ามุม มาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่บ้านจริงไม่มีมาให้นะครับ ส่วนภาพนี้เป็นห้องน้ำที่บริเวณชั้นล่างครับ อยู่ติดกับห้องครัว มีหน้าต่างบานใหญ่ในห้องน้ำเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้เลย พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างล้างหน้า มีตู้เก็บของด้านล่างด้วยนะครับ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระครับ ส่วนพื้นของห้องน้ำก็ดร๊อปต่ำลงมาจากพื้นบ้านอีกพอสมควรเลย เดี๋ยวเราขึ้นไปดูชั้นบนกันครับ อันนี้เป็นแปลนของชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ทั้งหมดครับ ขึ้นบันไดมา ตรงจุดพักจะตกแต่งเป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆ เพดานตรงนี้สูงโปร่ง ทำให้บรรยากาศโอ่โถงมากขึ้น จากพื้นที่พักบันได มีบันไดอีก 2 ขั้นก่อนขึ้นไปดูที่ชั้น 2 ครับ อันนี้เป็นบริเวณหน้าห้อง Master Bedroom ตรงชั้น 2 ครับ หน้าห้องนอนใหญ่มีแผงคอนโทรลระบบกันขโมย หน้าตาแผงควบคุมครับ ภายในห้องนอนใหญ่ กว้างขวางมาก สามารถวางโซฟาชุดใหญ่ได้ แถมยังเหลือที่อีกเพียบ ข้างๆ โซฟา ยัง Built-in เป็นชั้นวางของและใช้เป็นมุมอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานได้ ดูกันชัดๆ ครับ ตรงมุมชั้นวางของตรงประตูทางเข้าห้องครับ ติดกับพื้นที่นั่งเล่นในห้องนอน เป็นประตูระเบียงกระจกบานเลื่อนนะครับ ระเบียงกว้างขวางมากๆ นะครับ แถมเลยไปด้านของห้องด้วย พื้นที่ระเบียงด้านข้างครับ จากระเบียงห้องนอนใหญ่สามารถมองเห็นวิวหน้าบ้านได้ชัดเจน เดี๋ยวไปดูพื้นที่ของห้องนอนกันบ้างครับ บริเวณกลางห้องกว้างมากพอให้เหลือที่จะวาง ชุดเก้าอี้ได้อีก เตียงนอนขนาดใหญ่ วางไว้กลางห้องเลยครับ จะเห็นว่าพื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลือกอีกเพียบ ปลายเตียงแขวนทีวีติดผนังไว้ และ Built-in เป็นชั้นวางของด้วย พื้นที่ของห้องนอนเต็มหน้ากว้างของบ้านเลยนะครับ มีโต๊ะทำงานตรงหัวเตียงด้วย ดังนั้นเตียงนอนจึงไม่ได้วางชิดผนังห้องนะครับ จากโต๊ะทำงานที่หัวเตียงสามารถนั่งทำงานไป ดูทีวีไปได้ ระยะทีวีไกลพอสมควรเลย สามารถเลือกแขวนทีวีขนาดใหญ่ได้สบาย ถัดจากห้องนอนเข้ามาก็เป็นห้องน้ำครับ ประตูห้องน้ำเป็นกระจกใสเต็มผนัง ห้องอาบน้ำแอบเซ็กซี่ ติดกระจกเปิดโล่งทั้ง 2 ด้าน ของอ่างอาบน้ำเลย ชุดก๊อกของอ่างอาบน้ำครับ หน้าต่างตรงอ่างอาบน้ำไม่ได้เปิดออกไปนอกตัวบ้านนะครับ พื้นที่ตรงนี้เหมือนเป็นระเบียงเล็กๆ เปิดเป็นโถงรับลม ที่อาบน้ำอยู่ในมุมด้านในสุด มีชุดฝักบัวแบบ Rain Shower ด้วย แต่พื้นที่ไม่ได้กว้างมากนัก มีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายความชื้นได้ครับ เปิดออกไปก็จะเป็นพื้นที่ระเบียงเดียวกับอ่างอาบน้ำนั่นแหละ พื้นที่ในห้องน้ำยาวเข้าไปด้านในเลย ถัดจากอ่างอาบน้ำอีกด้านเป็นอ่างล้างหน้าครับ มุมทำธุระส่วนตัว อยู่ติดกับเคาน์เตอร์ล้างหน้าครับ มีกระจกเงาบานใหญ่มากติดมาให้แล้ว เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่วางของได้เยอะแยะเลย หน้าตาของอ่างล้างหน้าและชุดก๊อกแบบผสมครับ ก๊อกน้ำดีไซน์สวยงามทันสมัยมาก หน้าตาชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระครับ จากบริเวณที่อาบน้ำเข้าไปเป็นพื้นที่แต่งตัวครับ พื้นตรงนี้จะยกสูงกว่าพื้นห้องน้ำหนึ่งสเตป มุมแต่งตัวออกแบบให้อยู่ติดกับหน้าต่าง ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ตู้เสื้อผ้า Built-in ทำเป็น Walk in closet ยาวตลอดแนวเลย มุมด้านในมีมุมแต่งตัวอีกมุมนะครับ และตู้เสื้อผ้าก็เต็มพื้นที่ทั้ง 2ด้านเลย ออกจากห้องนอนใหญ่มาจะเห็นห้องระบบ ซึ่งอยู่ตรงบันไดทางขึ้นชั้น 3 ครับ เดี๋ยวเราไปดูที่ชั้น 3 กัน จะสังเกตุได้ว่า ตรงบันไดบ้านทุกส่วนจะติดกระจกบานใหญ่ ช่วยเปิดรับแสงได้ทุกช่วง ต่อไปเป้นแปลนชั้น 3 ของบ้านครับ แบ่งเป็น 2 ห้องนอน โถงนั่งเล่นตรงที่พักบันได คล้ายๆ ที่ชั้นสองครับ พื้นที่ตรงนี้ต้องตกแต่งเพิ่มเติมเองนะ ชั้นบนสุดนี้แบ่งเป็น 2 ห้องนอน เดี่ยวเราไปดูห้องนอนเล็กกันก่อน ภาพบรรยากาศโดยรวมของห้องนอนเล็กครับ มีห้องน้ำในตัวด้วย ถึงจะเรียกว่าห้องนอนเล็กแต่พื้นที่ก็ไม่ได้เล็กเลยนะครับ กว้างขวางใช้ได้เลย วางเตียงไซส์ 5 ฟุตลงไปแล้วยังเหลือที่อีกกว้างให้เดินสบาย พื้นที่ภายในห้องกว้างมาก กำแพงฝั่งปลายเตียงยัง Built-in ทำตู้เก็บของ และโต๊ะทำงานได้อีก พื้นที่ติดผนังนี้ Built-in ใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะเลยนะครับ แล้วแต่ไอเดียแต่ละคน อย่างห้องนี้ยังคงเน้นแสงธรรมชาติ มีหน้าต่างอีก 2 บาน แถมวางโต๊ะทำงานไว้มุมนี้พอดีเลย ฝั่งด้านข้างที่นอนเป็นห้องน้ำครับ Lay out ในห้องน้ำก็เรียบง่ายครับ วางเรียงกันเป็นแนวเลย เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีที่เก็บของด้านล่างด้วย อันนี้ดีมากเลยครับ จะได้มีที่เก็บเครื่องใช้ในห้องน้ำมากขึ้น ข้างกันคือชุดโถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกไว้เป็นสัดส่วนครับ มีเจาะช่องให้วางของได้ด้วย หน้าตาชุดฝักบัวอาบน้ำครับ และมีตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนมาให้เรียบร้อย หัวฝักบัวเป็นหัวขนาดใหญ่ครับ พร้อมก๊อกน้ำแบบหัวผสม พื้นห้องอาบน้ำดร๊อปต่ำลงมาอีกเล็กน้อย เข้ามาดูห้องนอนใหญ่ของชั้น 3 กันบ้าง ภายในมีบรรยากาศโปร่งสบายดีทีเดียวครับ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง Built-in ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งก็ดูลงตัวมากๆ ครับ วางเตียงลงไปแล้ว ยังเหลือที่กว้างอยู่ สามารถเลือกว่า Day Bed ได้สบายๆ หรือจะตกแต่งตามแบบตัวอย่างก็ได้ ห้องนอนนี้มีระเบียงในห้องด้วยนะครับ เป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ กรอบอลูมิเนียมสีขาว พร้อมระบบล็อคแบบ 2 ชั้น เพิ่มความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยครับ พื้นที่ตรงระเบียงไม่ได้กว้างมากนะครับ เอาไว้ออกไปยืนชมวิวได้สวยๆ พื้นระเบียงดร๊อปต่ำลงมามากพอสมควรเช่นเคย ลักษณะพื้นที่ของห้องนี้คล้ายตัว L ครับ มีมุมลึกเข้าไปด้านในอีก ซึ่งทางโครงการตกแต่งให้เป็นมุมแต่งตัวขนาดใหญ่ ก่อนถึงห้องน้ำครับ ผนังด้านนึง Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มพื้นที่ เพิ่มพื้นที่เก็บของได้ถูกใจสาวๆ มาก ใครชอบตู้แบบนี้ลองดูเป็นไอเดียวได้ครับ มีการแบ่งพื้นที่แขวนเสื้อผ้าได้มากมาย อีกด้านจะติดเป็นกระจกบานใหญ่ทั้งหมดเลยนะครับ และจัดเป็นมุมแต่งตัว วางโต๊ะเครื่องแป้งให้รับกับแสงธรรมชาติเลย พื้นที่บริเวณที่แต่งตัวนี้ เพดานสูงโปร่งมากๆ นะครับ ด้านบนยังเพิ่มช่องติดกระจกเปิดรับแสงอีกทาง ไม่สว่างก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว ส่วนภายในห้องน้ำก็เหมือนกับห้องนอนเล็กเลยครับ อ่างล้างหน้าสเปคเดียวกันเป๊ะ ก๊อกน้ำเลือกมาได้สวยหรูมีดีไซน์ดีทีเดียว ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระครับ ห้องอาบน้ำกั้นกระจกเทมเปอร์มาให้เช่นกัน พร้อมตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนมาแล้วด้วย ชุดฝักบัวอาบน้ำก็เหมือนกับในห้องนอนเล็กครับ บริเวณที่อาบน้ำจะต่ำกว่าพื้นห้องน้ำอีกนิดหน่อยนะครับ ส่วนการวางตำแหน่งสุขภัณฑ์ก็เรียงตัวกันเหมือนเดิม แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย JUST SO    พื้นที่ใช้สอย 270 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้า 2 ที่จอดรถ และห้องแม่บ้าน KEEN   พื้นที่ใช้สอย 310 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้า 3 ที่จอดรถ LIVE   พื้นที่ใช้สอย 350 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้า 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ MOST   พื้นที่ใช้สอย 418 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้า 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ ถึงแม้ว่าทั้งโครงการจะมีจำนวนบ้านมากถึง 156 หลัง แต่บรรยากาศโดยรวมภายในหมู่บ้านก็เงียบสงบเหมาะแก่การอยู่อาศัยมากเลยครับ พื้นที่ส่วนกลางก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ลูกบ้านทุกหลังสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทั้งสระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น และห้องออกกำลังกาย ไม่ต้องกังวลว่านิติบุคคลจะดูแลพื้นที่ส่วนกลางได้ไม่ดีเพราะเราได้เห็นสภาพหมู่บ้านจริงกันก่อนตัดสินใจซื้อ หรือจะลองสอบถามกับลูกบ้านที่อยู่กันมาก่อนแล้วก็ได้ครับว่าสะดวกสบายมากน้อยแค่ไหน อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครสนใจโครงการ Nirvana Beyond Lite พระราม 9 หรือว่ากำลังมองหาบ้านเดี่ยวสวยๆ ในย่านนี้อยู่แล้ว ก็ลองแวะไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
RHYTHM Sathorn : รีวิวคอนโด

RHYTHM Sathorn : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยาชื่อ Rhythm Sathorn อีกหนึ่งโครงการที่สร้างเสร็จแล้วของ AP ถ้าใครผ่านไปผ่านมาตรงสะพานตากสินบ่อยๆ น่าจะคุ้นตากับตึกนี้ดีนะครับ เพราะตำแหน่งที่ตั้งก็อยู่ฝั่งสาทรใต้ ตรงเชิงสะพานตากสินพอดิบพอดี ถึงแม้ที่ตั้งของ Rhythm Sathorn จะไม่ได้อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็เรื่องของวิวแม่น้ำจากห้องพักที่นี่ก็สวยไม่แพ้ใครเลยนะครับ ยิ่งในเรื่องของการดีไซน์ภายใต้คอนเซปต์ที่ว่า W – Double of everything ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย ไปดูรายละเอียดโครงการกันดีกว่าครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    5,100,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise 2 อาคาร สูง 37 ชั้น และ 41 ชั้น จำนวนห้อง     910 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 4 ไร่ 1 งาน 91.6 ตารางวา (1,791.6 ตารางวา) ที่จอดรถ    ประมาณ 489 คัน ที่ตั้งโครงการ    ซอย สาทร 21 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ วิธีการเดินทาง ว่ากันด้วยเรื่องทำเลที่ตั้งของ Rhythm Sathorn แบบชัดๆ ต้องบอกว่าอยู่บนถนนสาทรใต้ค่อนไปทางถนนเจริญกรุง ตรงปากซอยสาทร 21 เชิงสะพานตากสินเลยครับ เส้นทางหลักๆ ที่จะใช้ในการเดินทางมายังโครงการ ก็คงหนีไม่พ้นถนนสาทรนะครับ เว้นแต่ว่าจะเริ่มต้นจากตรงช่วงไหน จะเริ่มกันตั้งแต่ต้นถนนสาทร แยกนราธิวาสราชนครินทร์ หรือว่าแยกสุรศักดิ์ แต่หลักๆ คือให้มุ่งหน้าไปถนนเจริญกรุง พอผ่านแยกสุรศักดิ์มาแล้ว ไม่ต้องขึ้นสะพานตากสินนะครับ ให้ชิดซ้ายวิ่งผ่านเชิงสะพานมานิดหน่อย ไม่เกิน 200 เมตร ก็จะเห็นทางเข้าโครงการแล้ว ดูแผนที่โครงการ Rhythm Sathorn 21 ก่อนจะได้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของโครงการชัดเจนขึ้นครับ เราเลือกใช้เส้นทางถนนสาทรใต้มุ่งหน้าไปเจริญกรุงนะครับ ตรงนี้เป็นแยกใหญ่ ถนนสาทร ตัดกับ ถนนราธิวาสราชนครินทร์ หลายๆ คนคงคุ้นตากับ landscape ตรงนี้ดี ข้ามแยกมาแล้วก็ตรงมาเรื่อยๆ ครับ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ และโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ สถานพยาบาลเอกชนใหญ่บนถนนสาทรใต้ครับ พอเห็นสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ก็เตรียมเข้าสองเลนซ้ายเลยครับ แยกสุรศักดิ์เป็นอีกหนึ่งแยกใหญ่นะครับก่อนขึ้นสะพานตากสิน ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญราษฎร์ก็จะเจอกับด่านทางด่วนเลย แต่เดี๋ยวเราตรงข้ามแยกนี่ไปนะครับ ข้ามแยกสุรศักดิ์มาแล้วก็ชิดซ้ายไปตามป้ายบอกไปเจริญกรุงเลยครับ ไม่ต้องขึ้นสะพานตากสินนะ ผ่านเชิงสะพานตากสินมานิดหน่อยก็จะเริ่มเห็นบ้านเรือนและบรรยากาศแบบ old town นิดๆ ก็ใกล้จะถึงแล้วครับ พอเห็นป้ายซอยสาทร 21 ก็ถึงหน้าโครงการ Rhythm แล้วครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปในโครงการกันได้เลย พ้นจากเส้นทางถนนสาทรแล้ว การเดินทางมายังโครงการยังสามารถเลือกได้อีกหลายเส้นทาง เพียงแต่ต้องดูเส้นทางเดินรถให้ดีก่อน เนื่องจากถนนหน้าโครงการมีเส้นทางเดินรถแค่ทางเดียว หลายๆ ครั้งเราจึงต้องขับรถเลยแยกสุรศักดิ์ไปกลับรถมายังโครงการอีกที เช่น เส้นทางจากถนนเจริญกรุง หรือจากฝั่งธนบุรี โดยการข้ามสะพานตากสินมา แต่ถ้ามาจากทางฝั่งพระราม 3 ก็ใช้เส้นทางถนนเจริญราษฎร์ เลี้ยวซ้ายที่แยกสุรศักดิ์มาอีกนิดหน่อยก็ถึงโครงการแล้ว เช่นเดียวถ้าเลือกมาจากถนนสุรศักดิ์ พอถึงแยกสุรศักดิ์ก็เลี้ยวขวามาได้เลย นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีด่านขึ้นลงทางด่วนก็อยู่ไม่ห่างจากตัวโครงการมากนัก ทั้งด่านสาทร ตรงหัวถนนเจริญราษฎร์ และด่านสุรวงศ์ (สีลม) ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ในบริเวณนี้สะดวกขึ้น แต่อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในช่วงเช้าและเย็นของวันทำงาน ถนนในย่านนี้จะมีปริมาณรถมาก ดังนั้นอีกหนึ่งการเดินทางที่สะดวกที่สุดในการเลี่ยงปัญหารถติดก็คือ รถไฟฟ้า BTS ห่างจากหน้าโครงการออกไปเพียง 300 เมตร ก็จะเจอสถานี BTS สะพานตากสิน แถมด้านท้ายของสถานียังอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีทางเลือกในการเดินทางด้วยเรือด่วนและเรือข้ามฟากเพิ่มขึ้นอีกทาง วันไหนชิวๆ อยากนั่งเรือต่อรถก็ทำได้ไม่ยาก ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ รถเมล์ รถสองแถว รถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ครบทุกวิธีเลยทีเดียวครับ อันนี้เราจะลองเดินไปทางบางรัก ไปสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินกันบ้าง ออกจากโครงการแล้วก็เลี้ยวซ้ายเลย เดินออกมาไม่ไกลก็ใกล้จะถึงสามแยกบางรักแล้ว บริเวณนี้จะมีรถราคึกคักมากนะครับ นอกจากจะเลี้ยวเข้าถนนเจริญกรุงได้ทั้งซ้ายและขวาแล้ว แยกนี้ยังเป็นจุดกลับรถเข้าถนนสาทรเหนืออีกด้วยนะครับ แต่เดี๋ยวเราข้ามถนนไปดูฝั่งตรงข้ามกัน พอข้ามถนนมาแล้ว จะเห็นว่าบริเวณนี้มีรถเข็นแผงลอยเรียงรายเต็มเลย ได้บรรยากาศแบบวิถีชุมชนมากๆ เดินตรงไปอีกหน่อยก็จะถึงทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าแล้วครับ ถึงทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินแล้วครับ บริเวณนี้จะเป็นจุดรวมการเดินทางที่หลากหลายมากครับ มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์ คิวรถสองแถวสาย 1256 (บางรัก-ช่องนนทรี) ลึกเข้าไปสุดซอยก็จะเป็นท่าน้ำสาทร จุดขึ้นเรือข้ามฟาก และเรือด่วนเจ้าพระยาครับ บริเวณตีนบันไดสถานีรถไฟฟ้านี้มีรถเข็นแผงลอยขายของกินเพียบเลย และผู้คนก็ขึ้นรถ ต่อเรือกันเยอะแยะไปหมด และในซอยนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมแชงกรีลาด้วยนะครับ เดินไปดูบรรยากาศตรงบางรักกันนิดหน่อยครับ แค่ช่วงต้นๆ ก็คึกคักผู้คนหนาแน่นเกือบทั้งวันเลยทีเดียว ร้านสะดวกซื้อ รถเข็นขายอาหาร บรรดาช่างซ่อมต่างๆ มีให้เห็นตลอดทางครับ บรรยากาศถนนเจริญกรุงบริเวณนี้เรียกกันรวมๆ ว่าย่านบางรักนะครับ ที่เห็นด้านซ้ายมือคือ ห้างโรบินสันบางรัก ห้างสรรพสินค้าหลักๆ ของย่านนี้ และตึกสีขาวใหญ่ๆ นั่นคือ The State Tower ครับ ข้างๆ โรบินสันบางรักมีตลาดนัดบางรักบาซาร์ลึกเข้าไปในซอยเจริญกรุง 50 ทั้งซอยเลยครับ เปิดตั้งแต่เย็นๆ ไปจนค่ำ สาวๆ ขาช็อปไม่ควรพลาด และในซอยบริเวณนี้มีอาหารการกินอร่อยๆ เพียบเลยนะครับทั้งซ้ายและขวา แนะนำให้เดินสำรวจทีละซอยไปเลย รับรองมีให้ชิมทั้งวันทั้งคืน วิเคราะห์รอบโครงการ ด้วยทำเลที่ตั้งของ Rhythm Sathorn ซึ่งอยู่ในย่านชุมชนเก่าที่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ บางรัก บรรยากาศใกล้ๆ โครงการที่ค่อนไปทางถนนเจริญกรุงอันเป็นถนนเก่าแก่ของกรุงเทพ จึงคงเสน่ห์ของชุมชนดังเดิมไว้เต็มเปี่ยม บ้านเรือนเก่าๆ ประตูบานเฟี้ยมยังมีให้เห็น ที่สำคัญเรื่องอาหารการกินในย่านนี้จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ มีร้านอร่อยเก่าแก่หลายร้าน รวมถึงร้านค้าแผงลอยแนวสตรีทฟู้ดเรียงรายเต็มไปหมด แถมยังมีขายกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ บางร้านเปิดขายกันเฉพาะกลางดึก ความอร่อยในย่านนี้จึงมีให้ฝากท้องกันได้เกือบตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ห้างโรบินสัน บางรัก ห้างใหญ่แห่งเดียวบนถนนสายนี้ ที่แทรกตัวอยู่กลางชุมชนอย่างกลมกลืน ผ่านจากความเจริญในแบบชุมชมเก่าไปแล้ว ถ้าข้ามมาทางฝากถนนสาทรบ้าง บนถนนสายนี้ก็จะเห็นถึงความเจริญในรูปแบบเมืองใหญ่ เพราะเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ มีอาคารสำนักงานใหญ่ๆ เบียดเสียดกันอยู่มากมาย อย่างที่หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องบรรยายให้มากความนะครับ ทีนี้มาดูเรื่องสถานที่สำคัญๆ ในย่านนี้ก็บ้าง ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแห่งเลยครับ ตั้งแต่วัดวาอารามไปจนถึงแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ ยกตัวอย่างเช่น เอเชียทีค วัดยานนาวา ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตกรุงเทพใต้ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย อู่ต่อเรือกรุงเทพ สะพานปลา โรงแรมแชงกรีรา โรงพยาบาลเลิดสิน โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ สเตททาวเวอร์ ไปรษณีย์กลาง ฯลฯ สำหรับตัวโครงการ Rhythm Sathorn เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise 2 อาคาร บนที่ดินขนาด 4 ไร่ 1 งานเศษๆ โดยแบ่งเป็นตึก North สูง 37 ชั้น และตึก South สูง 41 ชั้น มียูนิดที่พักอาศัยรวม 910 ยูนิต ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้คอนเซปต์ “W – Double of everything” ซึ่งต้องการจะสื่อถึงลักษณะของตัวอาคารทั้ง 2 ตึก ที่วางตัวต่อกันเป็นรูปตัว W และยังหมายถึงการ Double Value ในหลายๆ ด้าน เช่น  Double View ซึ่งมีให้เลือกชมทั้งวิวแม่น้ำและวิวเมือง, Double Floor Sky High Facility เพิ่มพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้าของทั้ง 2 ตึก, Double Convenience ด้วยจำนวนลิฟต์โดยสารมากถึง 11 ตัว และพื้นที่จอดรถใต้ดินอีก 4 ชั้น เป็นต้น จุดหลักๆ ที่เป็นพื้นที่ที่ 2 อาคารเชื่อมต่อถึงกันได้ก็คือ บริเวณลานจอดรถ และล็อบบี้ชั้นล่างเท่านั้น ส่วนที่พักอาศัยนั้นจะแยกออกจากกัน และใช้ระบบ Key Card สำหรับการเข้าออกตึก เช่นเดียวกันกับ Facility หลัก ที่บนดาดฟ้า ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำ Panoramic View พร้อมห้องฟิตเนส ห้องซาวน่า และสวนหย่อมบนดาดฟ้า จะแยกเป็นตึกใครตึกมัน โดยตึก North จะอยู่ที่ชั้น 37 และตึก South จะอยู่ที่ชั้น 41 สูงกว่านิดหน่อยครับ แต่เรื่องวิวรับรองว่าสวยไม่แพ้กันเลย แปลนอาคารที่ชั้นแรกครับ จะเห็นว่าจากทางเข้าหน้าโครงการมาก็จะตรงดิ่งลงสู่ลานจอดรถใต้ดินเลยนะครับ และตัวอาคารทั้ง 2 ตึกก็เรียงตัวกันเป็นรูป W ชัดเจน ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปทั้ง 2 ตึกเลยนะครับ การจัดวางตำแหน่งห้องในแต่ละ wing จะเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว จำนวนห้องจึงมีเพียง 6 ยูนิต ต่อ1 wing เท่านั้น Facility จะแยกกันในแต่ละตึกเลยนะครับ โดยตึก South จะอยู่บนชั้น 36 และตึก North อยู่บนชั้น 40 ซึ่งทุกพื้นที่การใช้งานจะมีขนาดและจำนวนเท่ากันหมด เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายของลูกบ้านแต่ละตึกครับ เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโถงกลางของ Lobby ซึ่งเป็นจุดเชื่อมพื้นที่ Lobby ของทั้งตึก South และ North ไว้ก่อนจะไปขึ้นลิฟท์ของแต่ละตึก บรรยากาศโดยรวมของบริเวณ Lobby นะครับ มีชุดโซฟารับรองอยู่หลายชุดเลย ลูกบ้านสามารถลงมานั่งเล่นพักผ่อนที่ Lobby ได้สบายเลยครับ หรือเวลามีแขกมาเยี่ยมก็ใช้ตรงนี้เป็นที่นัดพบพูดคุยได้ บรรยากาศภายใน Lobby ตกแต่งไว้อย่างหรูหรามากๆ ทั้งเพดานสูงโปร่งประดับด้วยโคมไฟระย้า การเข้าออกจะใช้ระบบ Key Card และลิฟท์โดยสารแบบล็อคชั้นนะครับ บรรยากาศสบายๆ มุมนึงของสวนลอยฟ้าที่ชั้น 36 ของตึก South ครับ มีศาลานั่งเล่นให้รับลมชมวิวกันได้เพลินๆ วิวนี้จากตรงศาลานั่งเล่น มองลงมาทางแยกสุรศักดิ์ครับ ด้านนี้จะได้ City View สวยๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน จากมุมเดียวกันมองไปทางใต้หน่อยจะเห็นคุ้งน้ำเจ้าพระยาอยู่ไกล แถมยังมองเห็นได้ไกลไปถึงบางกระเจ้าและสะพานภูมิพลเลยทีเดียว ที่นอนเล่นกลางแจ้งพร้อมวิวสวยๆ สามารถมานอนเล่นได้ทั้งเช้าและเย็นเพราะสวยไปคนละแบบจริงๆ สระว่ายน้ำถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายตัว L ยาวไปตามแนวขอบอาคารเลยครับ ว่ายน้ำไปชมวิวไปได้ด้วย เพราะเป็น infitity edge pool มุมนี้มองลงไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานตากสินพอดีเลย มุมจากุชซี่แช่ตัวได้สบายเลย สระว่ายน้ำที่นี่เป็นระบบน้ำเกลือนะครับ ตัวสระไม่ได้กว้างมาก แต่เน้นความยาวที่เลียบไปตามแนวอาคารมากกว่า วิวมุมสูงจากบนชั้น 36 นี่กว้างสุดๆ เลยครับ ได้วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาสวยมาก City View ของย่านสาทรมุมนี้ เห็นตึกใหญ่ๆ ที่เป็น Landmark ครบเลยครับ ส่วนมุมนี้ จะเห็นบรรยากาศบริเวณบางรัก และถนนเจริญกรุงที่โค้งขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาเลย จุดอาบน้ำล้างตัวริมสระว่ายน้ำครับ เป็น rain shower ด้วย ในห้องฟิตเนสที่อยู่เหนือสระว่ายน้ำขึ้นมาอีกชั้น มีอุปกรณ์ครบครันเลยครับ ออกกำลังกายไปก็ชมวิวสวยๆ กันไปได้เลย อุปกรณ์รวมถึงเครื่องออกกำลังกายมีเหมือนกันทั้ง 2 ตึกเลยนะครับ สิ่งอำนวยความสะดวก คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. กล้อง CCTV พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงในส่วนของห้องพักอาศัยกันบ้าง Rhythm Sathorn นี้ จะมีห้องชุดให้เลือกหลากหลายแบบทั้งแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom โดยจะมีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเริ่มตั้งแต่ 35-65.7 ตร.ม. ครับ ส่วนเรื่องการจัดวาง Layout ของแต่ละยูนิตก็จะเน้นความเป็นส่วนตัว เพราะในแต่ละ wing จะมีเพียง 5 ยูนิตเท่านั้นเอง สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้เข้าไปเยี่ยมชมกันในครั้งนี้ จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom นะครับ แต่มีด้วยกัน 2 Type ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Sky Living และ Sky Kitchen ภาพโดยรวมของทั้ง 2 Type จะต่างกันไม่มาก ทั้งเรื่องขนาดห้อง และฟังก์ชั่นภายใน แต่จะเน้นพื้นที่ใช้สอยตามวัตถุประสงค์ที่ต่างกันครับ เดี๋ยวไปดูตามภาพถ่ายของแต่ละห้องกันเลยดีกว่า ห้อง Type นี้มีอีกชื่อเรียกว่า Sky Kitchen ครับ เป็นห้องขนาด 45.5 ตร.ม. เปิดประตูเช้าห้องมาก็จะเป็น Living Area แบบนี้เลยครับ ด้านขวาของประตูทางเข้าห้อง จะมีห้อง Laundry Room ซ่อนเครื่องซักผ้า และมีชั้นเก็บของ Built-in มาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นที่ภายในโซนนี้ถือว่ากว้างเลยทีเดียว ขนาดวางโซฟาชุดใหญ่ลงไปแล้วยังเหลือที่ว่างอีกเยอะเหมือนกัน ตู้เก็บรองเท้าก็ Built-in ติดมาให้ที่ผนังอีกด้านของประตูทางเข้าครับ บริเวณนั่งเล่นอยู่ติดกับห้องครัวเลยนะครับ ซึ่งภายในห้องออกแบบมาให้เปิดโล่งรับแสงธรรมชาติได้ดี ทำให้ไม่อึดอัดเลย ทีวีแขวนบนชั้นติดผนังช่วยประหยัดพื้นที่ภายในห้องได้ดีเลยครับ บรรยากาศโดยรวมของห้องนั่งเล่นครับ ออกแบบมาได้ดูเรียบร้อยลงตัวทุกมุมดีนะครับ ห้อง Type นี้จะเน้นพื้นที่ในห้องครัวให้กว้างหน่อยตามชื่อเลยนะครับ ใครที่ชอบทำกับข้าวน่าจะถูกใจห้องนี้ ประตูห้องครัวเป็นกระจกบานเลื่อน 3 ตอนครับ ทำให้ได้ครัวปิดดูเป็นสัดส่วนมากๆ รางเลื่อนประตูกั้นพื่นที่ห้องให้เป็นสัดส่วนครับ พื้นห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องเพื่อการทำความสะอาดที่ง่ายขึ้นครับ เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และซิงค์ล้างจานครบชุดเลย ตำแหน่งวางตู้เย็นอยู่ติดประตูห้องครัว ด้านบนมีตู้เก็บของและชั้นวางอุปกรณ์ต่างๆ ประตูตู้ด้านบนเป็นบานพับแบบเปิดขึ้นด้านบนนะครับ ตู้ตรงเหนือตู้เย็นอาจจะหยิบของยากหน่อย ซิงค์ล้างจานเป็นแบบฝังติดกับเคาน์เตอร์ครัวตามภาพเลย เตาไฟฟ้าสองหัวยี่ห้อ Franke เครื่องดูดควันยี่ห้อ Franke เข้าชุดกันเลยครับ โต๊ะกินข้าว Built ให้เป็นเคาน์เตอร์ยาวต่อจากเคาน์เตอร์ครัวติดกับหน้าต่าง เปิดรับวิวเวลารับประทานอาหารได้เต็มตา พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ช่วยระบายอากาศ โต๊ะกินข้าวหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ได้มุมดีๆ ไว้นั่งเล่นดูวิวแม่น้ำเจ้าพระยาให้เพลินไปเลยครับ เนื่องจากบริเวณห้องครัวติดกระจกบานใหญ่เต็มผนัง แสงภายนอกจึงเพิ่มความสว่างให้กับห้องได้เยอะเลยทีเดียว มาดูในห้องนอนกันบ้างครับ ห้อง Type นึ้ ระเบียงจะอยู่ในห้องนอนนะครับ ภายในห้องพอวางเตียงขนาด 5 ฟุตลงไปแล้ว ยังเหลือที่ว่างข้างๆ เตียงอีกพอสมควรเลยครับ ปลายเตียง Built-in เป็นชั้นวางของเล็กๆ และเว้นที่ไว้แขวนทีวีติดผนัง และที่ติดกันเป็นมุมแต่งตัวครับ ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนที่หนาและหนักเอาเรื่องเลยครับ ออกแบบมาได้แน่นหนามากๆ ส่วนธรณีประตูก็กั้นไว้สูงเลยทีเดียว เวลาเดินเข้าออกต้องระวังสะดุดกันหน่อยครับ พื้นที่ระเบียงไม่ได้กว้างมากนะครับ แต่ก็พอใช้งานได้ดี ทางโครงการติดตั้งที่แขวนผ้าแบบพับเก็บได้มาให้เรียบร้อย อีกด้านของระเบียบเป็นห้องแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ มีประตูปิดเรียบร้อยเลย ภายนี้มองจากระเบียงกลับเข้าไปในห้องครับ เดี๋ยวเราไปดูในห้องน้ำกัน ห้องอาบน้ำออกแบบมาเซ็กซี่มากเลยนะครับ เพราะติดกระจกเข้ามุมตรงอ่างอาบน้ำพอดีเลย ถ้าไม่ได้เป็นคนเปิดเผยมากๆ ก็สามารถติดม่านเพิ่มได้ ส่วนห้องส้วมจะแยกออกมาต่างหากนะครับ ตู้เสื้อผ้าติดกระจกบานใหญ่เต็มผนังเลย อันนี้ทางโครงการก็ Built-in ไว้ตรงหน้าห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย ธรณีประตูห้องน้ำจะกั้นสูงขึ้นมาประมาณ 5 ซม. แทนการดร๊อปพื้นห้องน้ำครับ อ่างอาบน้ำอยู่ชิดกับกระจกเลย โซนตรงกลางเป็นอ่างล้างหน้าครับ อ่างล้างหน้าทรงกลม ผนังทำเป็น Low Wall เอาไว้วางของได้ครับ อีกด้านเป็นห้องอาบน้ำ ซึ่งกันกระจกเทมเปอร์ พร้อมชุดฝักบัวแบบ rain shower มาให้เรียบร้อย ในห้องน้ำซึ่งแยกออกมาจากบริเวณห้องอาบน้ำนะครับ แต่จะมีประตูทางเข้า 2 ทาง ทั้งจากฝั่งห้องนอน และห้องนั่งเล่นครับ โดยประตูทางด้านห้องนอนจะเป็นประตูบานเลื่อน ส่วนประตูฝั่งห้องนั่งเล่นเป็นบานสวิงครับ มีอ่างล้างมือขนาดเล็กในห้องน้ำครับ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ ห้องตัวอย่างแบบต่อไปที่เราได้ดู มีชื่อว่า Sky Living นะครับ ขนาดก็เล็กกว่าห้องก่อนหน้านิดเดียวเอง แต่ก็ยังเป็นแบบ 1 Bedroom เหมือนกัน กลอนประตูห้องเป็นแบบคันโยก และล็อคด้วยลูกบิดกุญแจ น่าเสียดายที่ไม่มีระบบ Digital Door Lock ให้ การออกแบบของห้องนี้จะเน้นประโยชน์ใช้สอยของห้องนั่งเล่นเป็นหลักนะครับ พอเปิดเข้าห้องมาจะเจอกับ Pentry ครัวเล็กๆ ก่อนเลย ห้องเก็บอุปกรณ์ซักรีดตรงด้านหลังประตูห้อง Built มาเรียบร้อยเหมือนกันทุกห้อง การใช้งานของห้องนี้ไม่ได้เน้นการเข้าครัวทำกับข้าวหนักๆ นะครับ เลยได้เป็นครัวเปิด มี island เล็กๆ เป็นส่วนเชื่อมต่อพื้นที่ให้ดูกลมกลืนกัน อ่างล้างจานจะอยู่ฝั่งเคาน์เตอร์ด้านนี้นะครับ ติดตั้งเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันไว้ในมุมเล็กๆ ติดกับตู้เย็นเลย อย่างที่บอกว่าไม่เหมาะกับการทำกับข้าวหนักๆ เลยนะครับห้องนี้ เน้นเอาไว้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า ประตูทางเข้าห้องน้ำจากทางห้องนั่งเล่นครับ อยู่ติดกับห้องเก็บอุปกรณ์ซักรีดนั่นเลย การตกแต่งเน้นพื้นที่ใช้สอยในบริเวณนั่งเล่นมากหน่อย โต๊ะกินข้าวจึงวางติดกับเคาน์เตอร์ครัวเลย เพื่อการประหยัดพื้นที่ครับ ทำให้มีพื้นที่เหลือในห้องนั่งเล่นมากหน่อย บริเวณนั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้เลย และยังอยู่ติดกับระเบียงห้องด้วย เปิดม่านตรงระเบียงออกแล้ว แสงธรรมชาติจะช่วยให้ภายในห้องสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยนะครับ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ พื้นที่บริเวณระเบียงไม่กว้างมากครับ แต่ก็พอตากผ้าได้ แถมมีติดตั้งที่แขวนผ้ามาให้แล้วด้วย อีกด้านเป็นห้องแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ มีประตูปิดมาเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เปิดประตูออกมาจะเห็นว่าใต้คอมเพรสเซอร์แอร์ยังมีที่ว่างอีกนะครับ มุมนี้อาจจะเอาไว้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องได้บ้าง ซึ่งจะช่วยให้ภายในห้องเป็นระเบียบมากขึ้นไปอีก เดี๋ยวเข้าไปดูในห้องนอนกันครับ ตู้ที่เห็นหน้าห้องเป็นตู้เก็บรองเท้านะครับ Built-in มาไว้ตรงกลางระหว่างประตูห้องน้ำกับห้องนอนเข้ามุมพอดีเลย ภายในห้องนอนดูมีพื้นที่กว้างมากขึ้น เพราะไม่มีระเบียงในห้องนอนนะครับ พื้นที่ห้องจึงกว้างติดริมกระจกเลย การจัดวาง lay out ภายในห้องนอนก็จะคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ บริเวณปลายเตียงแขวนทีวีติดผนังและมีมุมโต๊ะเครื่องแป้งติดกระจกมาให้เหมือนกัน ตำแหน่งโต๊ะเครื่องแป้งจะเข้ามุมชิดกำแพงห้องเลยนะครับ คนถนัดซ้ายอาจจะใช้งานลำบากนิดหน่อย แขนอาจจะชนกำแพงได้เวลาแต่งหน้าแต่งตัว หน้าต่างในห้องนอนติดเป็นกระจกบานใหญ่ มุมนี้สามารถวาง daybed ไว้นั่งเล่นชมวิวได้เต็มตามากๆ หรือจะจัดเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือก็ดีนะครับ เพราะเปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่มากๆ พื้นที่ปลายเตียงเหลืออีกเยอะเลยนะครับ เดินได้สบายๆ ไม่ต้องเบี่ยงตัวหลบมุมเวลาเดินเลย ห้องอาบน้ำเซ็กซี่เหมือนกันครับ อ่างอาบน้ำติดกระจกเลย อาบไปดูทีวีในห้องนอนไปได้ด้วย เข้าห้องน้ำมาเจออ่างล้างหน้าทรงกลมอยู่โซนกลางห้องน้ำเลยครับ อ่างอาบน้ำก็เข้ามุมชิดผนังด้านนึง ซึ่งติดกระจกเข้ามุมไว้ตามภาพ ถ้าไม่ชอบอาบน้ำแบบเปิดโล่งก็แนะนำให้ติดม่านหรือมูลี่เพิ่มได้ครับ อีกด้านเป็นห้องอาบน้ำ ซึ่งทางโครงการติดตั้งประตูกระจกเทมเปอร์ไว้ให้เป็นสัดส่วน แถมมี Rain Shower มาให้อีก ถ้าไม่ชอบแบบ Rain Shower ก็มีชุดฝักบัวแบบมือถืออีกชุด ส่วนหัวก๊อกเป็นแบบผสมหน้าตาตามภาพเลยครับ ห้องน้ำสำหรับทำธุระส่วนตัวจะแยกออกมาจากห้องอาบน้ำนะครับ มีชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระเรียบร้อย อ่างล้างมือขนาดเล็กกระทัดรัดในห้องน้ำครับ บริเวณของห้องน้ำนี่จะมีประตูเปิดเข้าได้สองทางนะครับ ด้านนี้หันไปทางห้องนอน ประตูห้องน้ำจะเป็นกระจกขุ่นกรอบอลูมิเนียมบานเลื่อน ส่วนอันนี้จะถ่ายจากในห้องน้ำออกไปทางห้องครัวครับ ประตูด้านนี้เป็นประตูบานสวิง จากห้องตัวอย่างที่เราได้ชมกันไป หลายคนคงจะกำลังคิดถึงห้องที่ขายให้กับลูกบ้านแล้วใช่มั้ยครับ ว่าทางโครงการจะให้อะไรมาพร้อมห้องบ้าง ต้องบอกกันว่า โครงการ Rhythm Sathorn นี้ ทาง AP ขายกันให้แบบ Full Furnished เลย มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ชุดเคาน์เตอร์ครัว เตาเซรามิค เครื่องดูดควัน อ่างล้างจาน ชุดสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมด รวมถึงเครื่องปรับอากาศด้วย เรียกแทบจะหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ได้เลย ถ้าใครที่สนใจคอนโดในย่านนี้อยู่แล้ว Rhythm Sathorn น่าจะเป็นอีกโครงการที่ตอบโจทย์แบบชีวิตคนเมืองได้เป็นอย่างดี ถึงถนนสาทรจะมีปัญหารถติดหนักหน่วงหน่อย แต่ก็มีทางออกด้วยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่สะดวกมากๆ รวมถึงเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือข้ามฟากด้วย ซึ่งเชื่อว่าลูกบ้านของโครงการน่าจะได้ใช้บริการกันบ่อยๆ แน่ ยิ่งโครงการนี้เป็นอาคารสร้างเสร็จ และมีลูกบ้านย้ายเข้ามาอยู่ได้ระยะหนึ่งแล้ว เราก็จะมีโอกาสเยี่ยมชมโครงการในบรรยากาศจริง ซึ่งทางโครงการยังมีห้องสวยๆ ให้เลือกอีกหลายตำแหน่ง อย่างไรแล้วลองแวะเข้าไปดูห้องตัวอย่างที่โครงการกันก่อน จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ ท่านใดที่สนใจโครงการสามารถลงทะเบียนเพื่อติดต่อนัดหมายเข้าชมโครงการและรับสิทธิพิเศษก่อนใครที่นี่ http://goo.gl/yKm3u5
ชีวาทัย รามคำแหง : รีวิวคอนโด

ชีวาทัย รามคำแหง : รีวิวคอนโด

สวัสดีครับวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูคอนโด ชีวาทัย รามคำแหง ซึ่งสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว โครงการนี้มีจุดเด่นที่เป็นคอนโด High Rise ติดถนนรามคำแหงเลย และยังอยู่ห่างจากแยกลำสีแค่นิดเดียวเองด้วย ส่วนเรื่องการเดินทางก็ไปมาได้หลายทาง เราเริ่มเดินทางไปกันเลยดีกว่าครับ     รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,890,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 63,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     535 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    3 - 3 - 32 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    321 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    30 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร Promotion เดือน กรกฎาคม – สิงหาคม 2558 จ่าย 1 บาท พร้อมเข้าอยู่ (เฉพาะธนาคาร ไทยพาณิชย์) เริ่ม 1.89 ห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม. ฟรีทุกค่าใช่จ่าย : ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ ฟรีค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 1 ปี ฟรีค่ากองทุนแรกเข้า ฟรีค่ามิเตอร์ไฟฟ้า มิเตอร์น้ำ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) การเดินทาง โครงการชีวาทัย รามคำแหง ตั้งอยู่ริมถนนรามคำแหงตรงช่วงระหว่างซอย 79/1 และ 79/2 ครั้งนี้เราเริ่มต้นเดินทางมาจากทางแยกพระราม 9 ซึ่งห่างจากสี่แยกพระราม 9 ไปทางคลองตันไม่ไกลนักจะมีรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีรามคำแหง เป็นอีกตัวเลือกในการร่นระยะเวลาในการเดินทาง และหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรเวลาต้องเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองครับ ลงจากตัวสถานีมาแล้วก็สามารถต่อรถแท็กซี่ รถสองแถว หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้เลย วิ่งตรงมาข้ามแยกพระราม 9 แล้วเข้าสู่ถนนรามคำแหงมาเรื่อยๆ เป็นระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร ก็ถึงหน้าโครงการแล้วครับ เราก็จะผ่านทั้ง ห้างเดอะมอล์รามคำแหง ห้างบิ๊กซี เมเจอร์ฮอลลิวูด มหาวิทยาลัยรามคำแหง วัดเทพลีลา สนามรัชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญบนถนนสายนี้ ที่สำคัญเส้นทางบนถนนรามคำแหงช่วงก่อนจะถึงโครงการ ก็มีซอยใหญ่ๆ ที่สามารถลัดไปออก ประชาอุทิศ ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม และถนนลาดพร้าวได้ด้วย ทำให้การจราจรในบริเวณนี้หนาแน่นมากเลยทีเดียว สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำ ก็สามารถเลือกใช้เส้นทางต่างๆ ข้างต้นลัดเลาะมาที่ถนนรามคำแหงได้ หรือจะขึ้นทางด่วนมาลงที่พระราม 9 แล้วต่อมาที่ถนนรามคำแหงก็ได้เหมือนกัน แต่อย่าขึ้นสะพานยกระดับบนถนนรามคำแหงนะครับ เพราะทางลงจะอยู่เลยโครงการมาแล้ว ไม่อย่างนั้นจะต้องไปกลับรถที่แยกลำสาลีกลับมาที่โครงการอีกครั้งนะครับ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะมอลล์ บางกะปิ เดอะมอลล์ รามคำแหง บิ๊กซี หัวหมาก เมเจอร์ ฮอลลีวูด รามคําแหง โรงพยาบาลรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สนามกีฬาหัวหมาก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABACC) แต่ถ้าจะพึ่งพาระบบขนส่งมวลชน บนถนนรามคำแหงก็มีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสายมากๆ ทั้งเข้าเมือง ออกเมือง มีรถเมล์วิ่งผ่านตลอดทั้งวันทั้งคืน ส่วนป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดจากหน้าโครงการไปนิดเดียวเองครับ นอกจากนี้ด้านหลังโครงการก็ติดคลองแสนแสบ ซึ่งมีประตูเล็กสามารถเดินออกทางด้านหลังไปที่ท่าเรือวัดกลางได้ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดครับ นอกจากนี้ก็จะมีรถสองแถว รถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง พร้อมจะให้บริการทุกทาง การเดินทางมายังโครงการชีวาทัย รามคำแหงจึงจัดว่าสะดวกดีทีเดียว ถ้าไม่ติดช่วงเร่งด่วนที่รถติดมากๆ นะครับ ทำเลที่ตั้งของโครงการบนถนนรามคำแหง มีสถานที่สำคัญๆ แวดล้อมอยู่มากมาย แผนที่ของโครงการชีวาทัย รามคำแหง เราเดินทางกันด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link มาลงที่สถานีรามคำแหง ตึกที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link คือ ตึก A Link ซึ่งมีร้านค้าเปิดให้บริการอยู่บ้างบางส่วน จากสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link เรามุ่งหน้าไปตามถนนรามคำแหง พอเจอแยกพระราม 9 ให้ตรงไปเลยครับ จุดสังเกตุแรกในช่วงต้นถนนรามคำแหงคือ Foodland ครับ วิ่งผ่านห้างเดอะมอลล์รามคำแหง ซึ่งอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนน และเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่สำคัญแห่งหนึ่งของย่านนี้ ตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นร้านค้าตลอดทาง และมีซอยใหญ่ๆ ที่สามารถลัดไปออกถนนสายอื่นได้ พอผ่านหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงไปแล้ว อีกไม่ไกลก็จะถึงโครงการชีวาทัย รามคำแหง โครงการชีวาทัย รามคำแหงจะอยู่ช่วงระหว่าง ซอยรามคำแหง 79/1 และ 79/2 ทางรถเข้าออกใช้ระบบ Key Card เพื่อความปลอดภัยครับ โครงการชีวาทัย รามคำแหง เป็นตึกเดี่ยวสูง 33 ชั้น ด้านหน้าทางเข้าอาคารครับ ด้านซ้ายเป็นจุด Drop Off ก่อนจะเข้าไปที่ลานจอดรถด้านใน มีทางเดินรถล้อมรอบตัวอาคาร บริเวณด้านหน้าล็อบบี้ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการชีวาทัย รามคำแหง ต้องบอกว่าค่อนข้างได้เปรียบเพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย ไม่ต้องเดินเข้าซอยให้ยุ่งยากอีก แถมบริเวณรอบๆ ก็ยังเป็นย่านชุมชน มีตึกแถวสูง 3-4 ชั้นอยู่ขนาบทางเข้าหน้าโครงการ ซึ่งก็เป็นร้านค้า มินิมาร์ท ร้านขายอาหารอีกนิดหน่อย ส่วนพื้นที่ข้างๆ ติดกับโครงการก็เป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีอาคารอพาร์ทเม้นท์บ้าง แต่ก็สูงไม่เกิน 6 ชั้น หมดกังวลเรื่องปัญหาตึกรอบๆ บังวิว บังแดด บังลมไปได้เลย ความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการจัดว่าดีใช้ได้เลยนะครับ มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง มินิมาร์ท ร้านกาแฟ ร้านขายของชำ อยู่ในระยะเดินสบายๆ รวมถึงห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ ทั้ง ห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ศูนย์การค้าตะวันนา เดอะมอลล์รามคำแหง บิ๊กซี ฟู้ดแลนด์ ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็ครบถ้วน ทั้งโรงพยาบาล คลินิค มหาวิทยาลัยรัฐ และเอกชน โรงเรียน รวมถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ก็อยู่รายล้อมบริเวณนี้ไม่น้อยเลย ถึงจะไม่ใช่เขตใจกลางเมือง แต่เรื่องความเจริญนี่เข้าขั้นสะดวกสบายพอตัวเลยครับ ตึกแถวริมถนนรามคำแหง ทางฝั่งซอยรามคำแหง 79/1 มีร้านค้า ร้านอาหารให้พึ่งพาได้ครับ ก่อนถึงหน้าโครงการมีคลองระบายน้ำกั้นอยู่ คลองระบายน้ำเส้นนี้จะขนาบข้างตลอดโครงการไปจนถึงคลองแสนแสบเลยนะครับ ส่วนทางด้านซอยรามคำแหง 79/2 จะมีตึกแถวซึ่งเป็นร้านค้าเรียงรายอยู่หลายร้านเช่นกัน เดินออกจากโครงการไปทางซอยรามคำแหง 79/2 จะผ่านร้านต่างๆ มากมาย และมีสะพานลอยอยู่ไม่ไกล รวมถึงป้ายรถเมล์ด้วย ฝั่งตรงข้ามมีอาคารสำนักงาน และมี Max Value อยู่ ให้พึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดริมทางไปจนถึงแยกลำสาลีจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคารเด็มไปหมด ตรงนี้เป็นบริเวณปากซอยรามคำแหง 81 ซึ่งเป็นซอยใหญ่ สามารถลัดไปออกซอยลาดพร้าว 130 ได้ ทางเรือวัดกลาง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองแสนแสบสามารถเดินเข้ามาทางซอยรามคำแหง 81 หรือจะออกทางประตูเล็กที่ด้านหลังโครงการได้เลย สำหรับตัวโครงการชีวาทัย รามคำแหง ที่ตอนนี้สร้างเสร็จเรียบร้อย และมีลูกบ้านเข้าอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีห้องว่างสวยๆ เหลือให้จับจองกันอีกพอสมควร ซึ่งข้อดีของโครงการที่สร้างเสร็จแบบนี้ก็คือ เราจะได้เห็นห้องจริง ในทำเลและบรรยากาศจริง ไม่ต้องจินตนาการให้เสียเวลา เรื่อง Facility ต่างๆ ก็มีพร้อมให้ใช้งานแล้วเช่นกัน ซึ่งทางโครงการก็จัด Facility หลักๆ ทั้งหมดไปไว้ที่ชั้น 33 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดหรือดาดฟ้านั่นเอง ที่เด่นๆ เลยก็คือ สระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool Edge ว่ายน้ำไปชมวิวกันได้เต็มตา เช่นเดียวกันกับห้องฟิตเนส ที่กว้างขวางและใช้กระจกบานใหญ่เปิดรับวิวไปได้เต็มที่ พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรับลมเย็นๆ บนชั้น 33 นี้ด้วย ส่วนพื้นที่สีเขียวก็ถูกจัดไว้บริเวณด้านล่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง Floor Plan ชั้น 1 จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่จอดรถทั้งด้านหน้าและหลังโครงการ รวมถึงเส้นทางการเดินรถรอบอาคารด้วย แปลนของชั้น 6-29 จะเห็นว่าการจัดวางตำแหน่งห้องไม่มีอะไรซับซ้อน ระเบียงห้องจะหันออกไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก อันนี้เป็นแปลนของชั้นที่ 30 ซึ่งมีจำนวนห้องน้อยกว่า เนื่องจากเป็นไปตามระเบียบของกฏหมายอาคารสูงนะครับ ส่วนอันนี้เป็นแปลนของชั้นที่ 31-32 ซึ่งมีจำนวนห้องน้อยที่สุด และเป็นห้อง Type ใหญ่เกือบทั้งหมด พื้นที่บนชั้นที่ 33 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด จะเป็นศูนย์รวมของ Facility หลักของโครงการ มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องอาบน้ำ ซาวน่า และมุมนั่งเล่นพักผ่อน บรรยากาศภายในล็อบบี้ สำนักงานนิติบุคคลก็ตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้นี้ด้วย ตู้จดหมายของทุกยูนิตอยู่บริเวณล็อบบี้ชั้น 1 ลิฟต์โดยสารล็อคชั้น ต้องใช้ Key Card ในการขึ้นลง ไปดู Facility ที่บนดาดฟ้าชั้น 33 กันก่อน เครื่องออกกำลังการ ลู่วิ่งพร้อมอุปกรณ์อื่นๆ ครบ ภายในห้องฟิตเนสดูกว้างขวางน่าใช้งานดีทีเดียวครับ สามารถออกกำลังกายไปชมวิวสวยๆ ไปได้เพลินๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมวิวสวย ตัวสระว่ายน้ำยาว 22 เมตร เป็นแบบ infinity pool edge อยู่ติดกับห้องฟิตเนสเลยครับ ที่สระว่ายน้ำมีแยกสระเด็กเอาไว้ให้ด้วยนะครับ มุมพักผ่อนริมสระว่ายน้ำครับ ลานกว้างอีกด้านใกล้กับสระว่ายน้ำ มีชุดโซฟาให้นั่งเล่นพักผ่อนได้ ที่นั่งเล่นมุมนี้ก็เปิดรับวิวมุมสูงได้กว้างเต็มตาเลย ทางขึ้น-ลง ที่จอดรถ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งการเข้าออกอาคารด้วย Key Card ลิฟต์โดยสารล็อคชั้น และกล้อง CCTV พร้อม รปภ. ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทางโครงการก็จัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้กับลูกบ้านเต็มที่เลยทีเดียว สิ่งอำนวยความสะดวก LOBBY SKY SWIMMING POOL WITH SALT SYSTEMS PLUNGE POOL WITH SUN DECK SAUNA & STEAM TRIPLE SECURITY ACCESS CONTROL 24 –HR SECURITY GUARD CCTV พาชมห้องตัวอย่าง ทีนี้มาถึงห้องตัวอย่างกันบ้าง ด้วยความที่ตัวอาคารของโครงการถูกบังคับด้วยลักษณะของที่ดินที่เป็นแนวยาว ทำให้ห้องพักส่วนใหญ่ของโครงการหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงแดดแรงๆ ได้ยากหน่อย ทำได้แค่เลือกว่าจะชอบแดดเช้าหรือแดดบ่ายมากกว่ากัน สำหรับห้องที่เราจะพาไปดูในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ ในขนาดพื้นที่ที่ต่างกันนิดหน่อย ไปดูกันเลยดีกว่าครับ ห้องแรกเป็นแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาดประมาณ 30 ตร.ม. เปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอห้องหน้าตาแบบนี้เลยครับ โซน Pantry ครัว ติดกับประตู้ห้องน้ำ และถัดไปก็เป็นห้องนอนครับ Pantry ครัว อยู่ตำแหน่งมุมห้องด้านซ้าย ติดกันคือห้องน้ำครับ ชุดครัวมีซิงค์ล้างจานมาให้ ตู้ด้านบนทำเตรียมไว้สำหรับใส่ฮูทดูดควัน ซึ่งต้องติดเพิ่มเติมเองนะครับ ตรงข้ามครัวสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารได้พอดี พื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดรับแสงได้ดี ภาพรวมในโซนนั่งเล่น ซึ่งใช้พื้นที่ร่วมกัน ระหว่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีก็กำลังพอดี เดินผ่านไประเบียงได้สะดวกเลย ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อน และพื้นระเบียงปูกระเบื้องดรอปต่ำลงมาอีกเล็กน้อย คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ตามภาพ ส่วนพื้นที่ด้านล่างสามารถวางเครื่องซักผ้าได้พอดี ซึ่งทางโครงการเดินติดก๊อกน้ำ ท่อน้ำทิ่ง และปลั๊กไฟไว้เรียบร้อย เราไปดูห้องน้ำกันบ้างดีกว่า เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่ บริเวณอ่างล้างหน้ามีพื้นที่ให้วางของได้เยอะพอสมควร ห้องอาบน้ำกันด้วยกระจกเทมเปอร์ และตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ก็อยู่ทางด้านเดียวกัน ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระของ Cotto ห้องอาบน้ำ กั้นไว้ให้เรียบร้อย พร้อมเตรียมตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว ชุดฝักบัวหน้าตาแบบนี้ครับ เป็นของ Cotto เช่นกัน พื้นที่ของห้องอาบน้ำ และชุดสุขภัณฑ์ มีขนาดพื้นที่กำลังพอใช้งานสะดวก พื้นในห้องอาบน้ำดรอปให้ต่ำลงมาอีกนิดหน่อยตามภาพเลยครับ มาดูภายในห้องนอนกันบ้าง วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี ตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เรียบร้อยแล้ว ระยะห่างของเตียงกับหน้าต่างกำลังดี และเป็นกระจกบานใหญ่ทำให้เปิดรับวิวได้เต็มตา ห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่มีขนาดประมาณ 35 ตร.ม. และเป็นตำแหน่งห้องหัวมุมตึก เปิดเข้าห้องมาก็จะเห็นบรรยากาศประมาณนี้ครับ แต่อันนี้ขอปิดม่านไว้ก่อน ด้านซ้ายมือของประตูห้องเป็น Pantry ครัว และมุมรับประทานอาหาร ถ้าเปิดม่านออกก็จะเห็นวิวสวยๆ ด้วย เคาน์เตอร์ครัวจะใหญ่กว่าห้องก่อนหน้านิดหน่อย แต่โดยรวมก็ไม่ได้ต่างกันมากครับ มีตำแหน่งติดตั้งฮูทดูดควันไว้ให้แล้วเช่นกัน ซิงค์ล้างจานขนาดกะทัดรัด พื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดริมระเบียงเช่นกัน ถ้าเปิดม่านออกมาก็รับแสง รับวิวได้เต็มๆ เหมือนกันครับ ชั้นวางทีวีที่ให้มาพร้อมห้องหน้าตาแบบนี้เลยนะครับ มุมนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้เข้าที่พอดี และตำแหน่งติดแอร์อยู่ด้านบน หน้าตาแอร์ที่แถมมาพร้อมห้องยี่ห้อ York ตามนี้ครับ ภาพรวมของโซนนั่งเล่นอีกมุมในบรรยากาศอุ่นๆ ของแสงจากหลอดไฟ ด้วยตำแหน่งห้องนี้ที่เป็นห้องมุมตึก ทำให้ประตูกระจกตรงระเบียงเป็นแบบเข้ามุม เพื่อให้เปิดรับวิวได้มากขึ้น พอเปิดม่านแล้ว ได้แสงธรรมชาติบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนก็ไปอีกแบบ ระเบียงปูด้วยกระเบื้อง และดรอปลงมาต่ำกว่าพื้นห้องไม่มากไม่น้อย คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ที่ระเบียง พร้อมเว้นตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าไว้ให้แล้วเหมือนเดิม ห้องนี้เป็นห้องมุมในโซนด้านหน้าโครงการ จะได้วิวถนนรามคำแหงกว้างสุดสายตา มาดูในห้องน้ำกันบ้าง การจัดวางก็เหมือนกับห้องก่อนหน้าเป๊ะ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ชุดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าของ Cotto กระจกบานใหญ่ และเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระก็ของ Cotto เช่นกัน ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ พื้นที่บริเวณห้องอาบน้ำดรอปให้ต่ำกว่างพื้นห้องน้ำลงมาอีกเล็กน้อย ชุดฝักบัวอาบน้ำก็ของ Cotto เหมือนเดิม ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังพอดี วางเตียงแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินได้สะดวก ด้านข้างเตียงที่ติดกับหน้าต่างก็เหลือที่อีกพอสมควรเลย หน้าต่างในห้องนอนเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดรับลมได้เต็มที่ นอกจากจะเปิดรับลมรับแสงได้ดีแล้ว เรื่องวิวจากหน้าต่างห้องนอนก็เปิดชมวิวได้เต็มตาเช่นกัน อันนี้เป็นวิวจากในห้องนอนมองไปทางด้านหลังโครงการจะเห็นคลองแสนแสบด้วย ภายในห้องนอนก็มีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน อ้อ...กลอนประตูห้องเป็นแบบธรรมดาเหมือนกันทุกยูนิตครับ เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับห้องตัวอย่างของโครงการชีวาทัย รามคำแหง น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ เพราะตัวอาคารได้เปรียบเรื่องที่ไม่มีอาคารสูงอยู่ใกล้ๆ เลย ทำให้เรื่องวิวทิวทัศน์จากห้องพักเปิดกว้างสุดสายตา แถมเรื่อง Facility ต่างๆ ก็จัดมาให้เต็มที่ เช่นเดียวกันกับวัสดุอุปกรณ์ภายในห้องที่ขายกันมาแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ พร้อมเข้าอยู่ คุณภาพของของทุกชิ้นก็คุ้มค่า ในราคาน่าคบหาสำหรับคอนโดระดับนี้ ใครที่กำลังมองหาที่อยู่ในย่านนี้ หรือต้องทำงานในแถบนี้อยู่แล้ว ก็น่าจะลองเก็บมาพิจารณากันดูนะครับ
Ideo Sukhumvit 115 : รีวิวคอนโด

Ideo Sukhumvit 115 : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการใหม่แกะกล่องในแนวรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวจากบริษัท อนันดา เดลเวลลอปเมนท์  ซึ่งใช้ชื่อว่า Ideo Sukhumvit 115 แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่าทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ตรงส่วนไหนของถนนสุขุมวิท แต่ถ้าจะให้เจาะจงให้ชัดกว่านี้ก็ต้องบอกว่า ที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าปู่เจ้าสมิงพรายเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละโครงการของแบรด์นี้ก็่ขึ้นชื่อในเรื่องของทำเลติดรถไฟฟ้าดีอยู่แล้ว และโครงการนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอีกเช่นเคย ว่าแล้วเราก็ไปเยี่ยมชมบรรยากาศกันเลยดีกว่า การเดินทาง เรื่องการเดินทางไปยังโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ในปัจจุบัน รถไฟฟ้า BTS จะมีปลายทางสถานีอยู่ที่แบริ่ง และในส่วนต่อขยายนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากแล้ว โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จเปิดใช้งานได้ในช่วงปลายปี 59 หรือต้นปี 60 ซึ่งก็น่าจะเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ตัวคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่พอดี อันนี้นับว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว ดังนั้นในเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงไม่เป็นปัญหาเลย ด้วยบันไดสถานีรถไฟฟ้าอยู่ห่างจากหน้าโครงการเพียง 30 เมตร จัดว่าสะดวกสบายแบบสุดๆ ครับ ใครที่กำลังอยากได้คอนโดติดรถไฟฟ้า โครงการนี้จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าเก็บไว้พิจารณาครับ ส่วนการเดินของเราในวันนี้ เราเลือกเดินทางข้ามมาจากทางฝั่งพระราม 3 ด้วยเส้นทางข้ามสะพานภูมิพลมาลงที่ปู่เจ้าสมิงพรายเลย จากนั้นก็ขับตรงมาเรื่อยๆ จนสุดถนน พอเจอถนนสุขุมวิทก็ให้เลี้ยวขวาไปทางพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ หรือช้างสามเศียร จากแยกนี้วิ่งอีกนิดเดียวก็เจอะกับห้างบิ๊กซี จัมโบ้ แล้วที่อยู่ติดกันก็คือ โครงการ Ideo Sukhumvit 115 นั่นแหละครับ รั้วติดกันเลย แผนที่ตั้งโครงการ Ideo Sukhumvit 115 จะเห็นว่ารอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยถนนหนทางหลายสาย และสถานที่สำคัญมากมาย ครั้งนี้เราเลือกเดินทางมาจากทางฝั่งพระราม 3 มุ่งหน้าไปขึ้นสะพานภูมิพลครับ ขึ้นสะพานภูมิพลแล้วให้สังเกตุป้ายไปทางปู่เจ้าสมิงพรายให้ดี ข้ามจากสะพานภูมิ ๑ ต่อไปยังสะพานภูมิพล ๒ เลยนะครับ มุ่งหน้าไปตามป้ายปู่เจ้าสมิงพรายนะครับ เส้นทางนี้เป็นทางโค้งต้องระมัดระวังให้ดีๆ นะครับ ลงจากสะพานมาแล้วก็สังเกตุป้ายสำโรงนะครับ วิ่งมาจนสุดถนนแล้วก็จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางสำโรงนะครับ ตลอดถนนปู่เจ้าสมิงพรายจะมีโรงงานอุตสาหกรรม โกดังใหญ่ๆ ให้เห็นตลอดทั้งสายเลย ถนนสายนี้เป็นถนนใหญ่ 6 เลน มีเกาะกลางตลอดทั้งทาง ขับมาจนช่วงกลางๆ ถนนจะเจอสถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้นะครับ เนื่องจากถนนปู่เจ้ามีโรงงานอุตสากรรม โกดังมากมาย ดังนั้นเราจะเจอรถบรรทุกเป็นจำนวนมากบนถนนสายนี้ สุดถนนปู่เจ้าสมิงพรายแล้วจะมาเจอกับถนนสุขุมวิทนะครับ ที่เห็นด้านบนคือ รางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย จากตรงนี้เดี๋ยวเราเลี้ยวขวาไปที่โครงการกันครับ พอเลี้ยวขวามาแล้ววิ่งตรงมาตามรางรถไฟฟ้าเรื่อยๆ บนถนนสายนี้ยังคงเจอรถบรรทุกอยู่เป็นระยะนะครับ ขับรถก็ระวังๆ กันหน่อย พอเจอห้างบิ๊กซีจัมโบ้ก็เตรียมตัวชิดซ้ายได้เลยครับ ตรงหน้าทางเข้าห้างบิ๊กซีจัมโบ้จะมีทางกลับรถพอดี ถ้ามาจากทางถนนวงแหวนก็สามารถมากลับรถเข้าโครงการตรงนี้ ส่วนถ้าใครจะมาดูโครงการ Ideo ก็สามารถจอดรถในห้างบิ๊กซีได้นะครับ พอสุดรั้วห้างบิ๊กซีจัมโบ้ ก็จะเจอโครงการ Ideo เลยครับ จะเห็นได้ว่าตัวสถานีปู่เจ้าฯ อยู่ตรงหน้าโครงการพอดีเลย ตัวสถานีรถไฟฟ้าอยู่ตรงหน้าเลยครับ ยืนอยู่หน้าโครงการนี่เห็นกันชัดเจนเลยว่าติดรถไฟฟ้าจริงๆ มุมนี้จากนห้าทางเข้าครับ มองกลับไปทางบิ๊กซี อีกด้านที่อยู่ติดกับโครงการเป็นตึกแถว ร้านค้าที่อยู่มาก่อนแล้ว เส้นทางการใช้รถใช้ถนนในย่านนี้ก็อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าสามารถเลือกได้ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งถนนวงแหวนสายตะวันออก สะพานภูมิพล ถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด ดังนั้นเวลาที่รถติดหนักๆ ก็สามารถหาเส้นทางเลี่ยงเข้า-ออกเมืองได้อยู่เหมือนกัน นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ สามล้อ ที่มีวิ่งกันตลอดทั้งวัน ต่อให้ไม่มีรถส่วนตัวก็ยังสามารถเดินทางกันได้สะดวกมากๆ เลยล่ะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงแม้ปัจจุบันทำเลในย่านนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนมากแล้ว เนื่องจากมีทั้งรถไฟฟ้า BTS ที่ต่อขยายและจะพร้อมใช้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มีถนนหนทางเชื่อมโยงหลายสาย มีคอนโดใหญ่ๆ และที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเจริญแผ่ขยายมามาก แต่ในขณะเดียวก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าทำเลในแถบชานเมืองตรงนี้ ยังมีบรรยากาศเป็นแหล่งชุมชนเก่า และยังเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกมากมาย ดังนั้นย่านนี้จึงมีกลุ่มพนักงานเป็นจำนวนมากที่ยังต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน และโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย ไม่ต้องนั่งรถต่อเข้าซอยอีกเหมือนอย่างคอนโดในซอยแบริ่ง ลงจากรถไฟฟ้าปุ๊ปก็เดินเข้าโครงการได้เลย นอกจากนี้ในเรื่องของสภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัยก็จัดว่าเพียบพร้อมไม่น้อยเลย เริ่มตั้งแต่ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อที่จะมีอยู่ใต้โครงการ ห้างบิ๊กซีจัมโบ้ก็อยู่รั้วติดกัน ห่างออกไปไม่ไกลก็มีตลาดสำโรง มีโรงพยาบาล และโรงเรียนดังอยู่รอบๆ หลายแห่ง เช่นเดียวกันกับแหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า ก็มีทั้ง ห้างเซ็นทรัลบางนา ศูนย์การค้าไบเทค ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค ฯลฯ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เมืองโบราณ สถานตากอากาศบางปู เป็นต้น อีกทั้งยังมีบรรยากาศของความเป็นชุมชนเก่า ความอุดมสมบูรณ์จึงเข้าขั้นพอใช้ได้เลยทีเดียว ห้างบิ๊กซี จัมโบ้ นี่อยู่ติดกับโครงการ Ideo เลยนะครับ แถมเป็นจุดจอดรถเมล์ด้วย สะดวกสุดๆ ถ้ามาอยู่ที่นี่รับรองว่าไม่มีอดครับ เพราะมีห้างบิ๊กซีจัมโบ้ให้พึ่งพาซื้อหาของกินของใช้ได้   เรามาดูที่ตัวโครงการกันบ้างครับ สำหรับ Ideo Sukhumvit 115 เป็นคอนโด High Rise สูง 35 ชั้น เป็นอาคารเดี่ยวเลยนะครับ เรื่องการออกแบบตกแตกตัวอาคารก็เป็นสไตล์โมเดิร์นตามแบบของแบรนด์ Ideo ที่เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่เน้นเรื่องความสะดวกสบาย ดังนั้นทำเลที่ตั้งของโครงการจึงถูกเลือกมาให้ตอบโจทย์ได้มากที่สุด มียูนิตที่พักอาศัยรวมไม่ถึง 1,000 ยูนิต จัดว่าเป็นโครงการใหญ่ติดถนนสุขุมวิทเลยนะครับ เรื่อง Facility ภายในก็จัดว่าครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด พื้นที่สีเขียวทั้งบริเวณด้านหน้าโครงการ และ Sky Garden บนดาดฟ้า รวมถึงพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อที่บริเวณชั้น 1  เช่นเดียวกับเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีพร้อมทั้ง Digital Door Lock กล้อง CCTV เข้าออกด้วย Key Card และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามมาตรฐานของโครงการที่จัดกันมาให้เต็มที่เพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้านทุกยูนิต สำหรับเรื่องที่จอดรถทางโครงการเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ชั้น 1-6 ซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 30% (รวมจอดซ้อนคันแล้ว) ตามคอนเซปต์ของคอนโดที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าเลยครับ ที่ไม่ได้เน้นเรื่องที่จอดรถมากนัก เพราะอย่างไรก็สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลักอยู่แล้ว โมเตลอาคารครับ เป็นอาคารเดี่ยวขนาดใหญ่ ดีไซน์โมเดิร์นเท่ห์ๆ เลย จากโมเดลจะเห็นว่า สถานีรถไฟฟ้าปู่เจ้าสมิงพรายอยู่ตรงหน้าโครงการเลย แต่บันไดทางลงจากตัวสถานีจะอยู่ค่อนมาทางหน้าหน้าบิ๊กซี ซึ่งห่างจากหน้าโครงการเพียง 30 เมตร โซนด้านหน้าโครงการจัดเป็นสวนสำหรับนั่งพักผ่อน ที่โซนด้านหลังโครงการก็ยังมีพื้นที่สีเขียวเล็กๆ เอาไว้ให้เป็นจุดนั่งเล่นพักผ่อนอีกแห่ง สระว่ายน้ำที่ชั้น 7 จะยื่นออกมาจากตัวอาคารหลักนะครับ ทำให้ได้สระกลางแจ้งขนาดใหญ่หน่อย ด้านล่างของสระว่ายน้ำเป็นอาคารจอดรถซึ่งเพิ่มเติมมาจากตัวอาคารหลัก ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายโครงการ แปลนบริเวณชั้น 1 ของโครงการ จะเห็นว่าโซนด้านหน้าเป็นพื้นที่ของร้านค้า ซึ่งยังไม่ได้มีการระบุนะครับว่าจะมีร้านอะไรบ้าง ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นจุด Drop Off และ Lobby ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 6 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดครับ ส่วนจอดรถที่ชั้น 6 ก็จะน้อยหน่อยนะครับ มาถึงชั้น 7 ก็จะเริ่มเป็นที่พักอาศัยแล้ว ในขณะที่โซนด้านหลังจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวม Facility หลักเอาไว้ทั้งหมด แปลนตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 34 ก็จะเป็นแปลนแบบเดียวกันทั้งหมด ดาดฟ้าที่ชั้น 35 มี Sky Garden นะครับ เอาไว้ขึ้นไปนั่งเล่นรับลม ชมวิวได้ ส่วนใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าปัจจุบันถนนหนทางในย่านนี้ยังมีการจราจรที่ติดขัดอยู่พอสมควรทั้งในช่วงเช้าและเย็น หรือบางทีก็มีปริมาณรถเยอะจนเคลื่อนตัวไปได้ช้ากว่า อีกทั้งจำนวนรถบรรทุก รถสิบล้อ และรถพ่วงบนถนนก็มีปริมาณมากเกือบทั้งวัน เนื่องจากอยู่ในย่านอุตสาหกรรมจึงหลีกเลี่ยงได้ยาก การขับรถขับราบนถนนหนทางแถวนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง พาชมห้องตัวอย่าง ทีนี้เราจะพาไปดูภายในห้องตัวอย่างกันบ้าง ซึ่งทางโครงการจัดห้องตัวอย่างไว้ให้ชม 3 แบบด้วยกัน โดยที่แต่ละห้องก็มีรายละเอียดการตกแต่งที่เหมาะกับการใช้สอยต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือ ทางโครงการขายห้องชุดทุกห้องมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเสร็จ (Fully Furnished) พร้อมชุดครัว และเครื่องปรับอากาศ ตามรายการที่แสดงไว้ชัดเจนในทุกๆ ห้องตัวอย่างเลยครับ เดี๋ยวเราไปชมชัดๆ กันเลยดีกว่า ห้อง Type แรกที่เราจะดูกันเป็นห้อง Studio ขนาด 27.50 ตร.ม. นะครับ เฟอร์นิเจอร์ที่จะแถมมากับห้องก็เป็นไปตามนี้เลยครับ เราไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า เปิดเข้าห้องมาก็จะเห็นภาพรวมในห้องแบบนี้ โซนนั่งเล่นกับที่นอนจะแชร์พื้นที่ใช้สอยร่วมกันตามในภาพเลยครับ ในห้องตัวอย่างชั้นวางทีวี ชั้นวางของเป็นแบบ​ Built-in ซึ่งห้องจริงจะเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวนะครับ ภาพมุมนี้จะเห็นโซนนั่งเล่นชัดๆ ซึ่งวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้วางตู้ หรือทำชั้นเก็บของได้อีก อันนี้ลองนั่งที่โซฟาดูก็รู้สึกว่าระยะห่างจากทีวีก็กำลังดีเลยครับ โต๊ะกินข้าวตัวนี้ ออกแบบมาช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในห้องได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้ใช้ก็สามารถพับเก็บได้เรียบร้อย มุมห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี เหลือพื้นที่บริเวณปลายเตียงให้เดินได้สะดวก ไม่แคบจนเกินไป บริเวณปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าอยู่ติดกับชั้นวางทีวีเลยครับ ของจริงจะเป็นตู้แบบลอยตัวไม่ได้ Built-in มาให้ จากมุมข้างหัวเตียงตรงหน้าห้องน้ำ วางโต๊ะเครื่องแป้งไว้เป็นมุมแต่งตัวได้ จากมุมนี้เราจะได้เห็นภาพรวมของห้องในอีกมุม เดี๋ยวเราไปดูในห้องน้ำกันบ้าง ซึ่งห้องน้ำของห้อง Type นี้จะอยู่ใกล้กับที่นอนเลย ภาพรวมในห้องน้ำ มีการจัดวาง Layout ตามนี้ครับ เน้นสีโทนเข้ม เรื่องการระบายอากาศในห้องน้ำ มีสองรูปแบบ มีทั้งพัดลมดูดอากาศ และหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะเป็นข้อดีในเรื่องการระบายกลิ่นแล้วยัง ช่วยในเรื่องการเพิ่มแสงธรรมชาติในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย สีกระเบื้องภายในห้องเป็นสีโทนเข้ม ตัดกับสีชุดสุขภัณฑ์สีขาว อ่างล้างหน้าของ American Standard ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ ก็ใช้ของ American Standard เช่นกัน ฝักบัวอาบน้ำครับ อันใหญ่ดีทีเดียว พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำก็กำลังดีครับ ไม่แคบจนเกินไป มาดูห้องครัวกันบ้าง ตำแหน่งห้องครัวอยู่ด้านเดียวกับห้องน้ำเลย ในครัวจะมีตู้เก็บของและเคาน์เตอร์ครัวมาให้แล้ว ครัวจะเป็นระบบปิด แยกส่วนระหว่างพื้นที่ครัวและห้องรับแขกหรือพื้นที่ส่วนอื่นๆออกจากกัน โดยมีประตูกั้นแบ่งแยกชัดเจน ทำให้ไม่มีกลิ่นอาหารในห้อง และป้องกันคราบน้ำมัน รวมทั้งฝุ่นละอองที่เกิดจากการปรุงอาหารเข้าสู่พื้นที่ใช้สอยอื่นๆ อีกทั้งพื้นที่ครัวติดหน้าต่าง ทำให้มีการระบายเรื่องกลิ่นได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย ซิงค์ล้างจานเป็นแบบฝังติดเคาน์เตอร์เลย เตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ MEX ครับ มาพร้อมกับฮูทดูดควันเข้าชุดยี่ห้อเดียวกัน ถัดจากห้องครัวออกไปเป็นระเบียง พื้นที่ระเบียงก็ไม่กว้างมาก แต่ก็พอใช้สอยประโยชน์ได้สบายๆ อยู่ครับ ตรงระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ช่วยระบายกลิ่นเวลาทำกับข้าวได้ดี ธรณีประตูตรงระเบียงก็สูงพอสมควร และพื้นระเบียงก็ดร็อปลงมาอีก ป้องกันเรื่องน้ำท่วมขังแล้วไหลเข้าห้องได้ คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ตรงระเบียงมีระแนงบังตาให้เรียบร้อย ด้านล่างคอมเพรสเซอร์แอร์เว้นที่ไว้วางเครื่องซักผ้าได้พอดิบพอดี ห้องต่อไปเป็น Type 1 Bedroom ที่ขนาดห้อง 34 ตร.ม. ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้องนี้ก็มีตามภาพเลยครับ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง โซฟา ฯลฯ ไปดูในห้องตัวอย่างกัน เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะโซนนั่งเล่นก่อนเลยครับ บรรยากาศรวมก็จะเป็นประมาณนี้ ชุดโซฟาวางชิดกับกำแพงด้านประตูเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางของ ส่วนทีวีแขวนไว้กับผนังห้อง มุมกินข้าวของห้องนี้ จะอยู่ต่อจากโซฟานั่งเล่น ซึ่งวางเป็นโต๊ะชุดเล็กๆ ได้กำลังดี อีกด้านของโต๊ะกินข้าวคือห้องครัว สังเกตุได้ว่าพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกระทัดรัดเลยทีเดียว ภายในห้องครัวจะมีเคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย กำแพงอีกด้านสามารถติดชั้นวางของเพิ่มเติมได้ จะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มากขึ้นกว่าเดิม ประตูห้องครัวใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนสีดำแบบนี้เลย อันนี้คือรางเลื่อนของประตูห้องครัวนะครับ จะเห็นว่าพื้นห้องครัวดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องลงมาเล็กน้อยด้วย ห้องครัวนี้ไม่ได้อยู่ติดระเบียง หน้าต่างเลยติดมาบานใหญ่หน่อย นอกจากจะช่วยในเรื่องรับแสงได้มากขึ้นแล้ว บานกระทุ้ง 2 บานก็จะช่วยเปิดให้ระบายกลิ่นได้ดีเช่นกัน ซิงค์ล้างจานแบบฝังครับ ตำแหน่งวางของห้องนี้อยู่ทางด้านขวา ติดกับตู้เย็นเลย เตาไฟฟ้า และฮูทดูดควันมาเป็นเซ็ตของ MEX แบบห้องก่อนหน้าเลย ด้านบนเป็นตู้เก็บของ Built-in มาให้ มีเว้นที่สำหรับวางไมโครเวฟเรียบร้อย หน้าต่างบานกระทุ้งในห้องครัวเป็กรอบอลูมิเนียมสีดำตามนี้ ติดกับห้องครัวก็เป็นห้องน้ำนะครับ ซึ่งยังคงเน้นโทนสีเทา-ดำเช่นเดิม การจัดวางภายในก็ไม่ต่างจากห้องก่อนหน้ามากนัก ห้องอาบน้ำกั้นกระจกเทมเปอร์มาให้ด้วยแล้ว อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ก็วางเรียงอยู่ในด้านเดียวกัน เหนืออ่างล้างหน้าทางโครงการจะติดกระจกเงาบานใหญ่ให้ตามภาพเลย อ่างล้างหน้าสเปคเดียวกัน ตินิดหน่อยตรงที่มีที่วางของได้น้อยไป ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระของ American Standard เหมือนเดิม ในห้องน้ำ มีหน้าต่างบ้านกระทุ้งให้อีกบาน สามารถเปิดระบายความชื้นได้ พื้นของห้องอาบน้ำดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องน้ำอีกประมาณ 2 ซม. เวลาอาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวน้ำจะไหลออกไปถึงโซนอื่นครับ ชุดฝักบัวของ American Standard เช่นกัน หัวใหญ่จับถนัดมือมากครับ บรรยากาศในห้องนอนครับ วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย ข้างเตียงนอน Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มพื้นที่ผนังเลย แต่ห้องจริงจะให้มาเป็นตู้แบบลอยตัวนะครับ อย่าลืม บริเวณปลายเตียงแขวนทีวีติดผนัง แต่ที่ปลายเตียงเหลือนิดเดียวเองนะครับ เดินไปมายากหน่อยนึง สำหรับห้อง Type นี้จะได้ห้องนอนที่มีระเบียงครับ ทำให้เพิ่มพื้นที่ทำงานติดริมระเบียงได้อีกหน่อย ดูกันชัดๆ ครับ มุมนี้ตกแต่งเป็นโต๊ะทำงาน หรือจะให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นมุมแต่งตัวก็ได้ ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดรับแสงได้ดีครับ ออกมาที่ระเบียงก็มีพื้นที่ใช้สอยได้พอสมควร พื้นระเบียงดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องเยอะเหมือนกัน ป้องกันน้ำขังแล้วท่วมเข้าห้องได้ดีเลย พื้นที่ของระเบียงครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดกำลังพอใช้งานได้ จะวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็ได้ หรือจะเลือกแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบนก็ได้ครับ ห้องตัวอย่างแบบสุดท้ายคือ 2 Bedroom ที่ขนาด 62 ตร.ม. ครับ เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้องก็จะมีจำนวนเยอะขึ้นกว่าห้องอื่นๆ ตามขนาดห้องครับ อย่าลืมว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ให้เป็นแบบลอยตัวทั้งหมดนะครับ ไม่ใช่ Built-in ไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ สวยดีทีเดียว เดินเข้าห้องมาก็เจอกับ Living Area หรือห้องนั่งเล่นก่อนเลย ลองดูบรรยากาศในห้องก่อนครับ มีมุมทำงานเพิ่มขึ้นมาในห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนพื้นที่โดยรวมก็กว้างขวางพอใช้ได้เลย มุมทำงานพร้อมตู้เก็บของจัดเต็มผนังด้านเดียวกับประตูทางเข้าห้องเลย โต๊ะกินข้าวยังคงใช้พื้นที่เดียวกันกับห้องนั่งเล่นนะครับ แบ่งๆ พื้นที่กัน จัดวางดีๆ หน่อยก็ลงตัวดีครับ โต๊ะกินข้าวขนาด 4 ทีนั่งวางไว้ตรงหน้าห้องครัวได้พอดี ดูกันชัดๆ ครับ พอวางโต๊ะกินข้าวแล้ว ยังเหลือพื้นที่ข้างๆ ให้ลากเก้าอี้ออกมานั่งได้สบายๆ พื้นที่โถงกลางห้องที่เป็น Living Area ถูกจัดสรรให้ใช้สอยได้คุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ห้องครัวกับห้องน้ำอยู่ด้านเดียวกันนะครับ คล้ายๆ กับห้องแบบ 1 Bedroom ภายในห้องครัวจะคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้นะครับ แต่มีขนาดที่กว้างขวางขึ้น ซึ่งเคาน์เตอร์ครัวก็ติดตั้งมาให้เรียบร้อย เว้นแต่ไม่ได้เว้นช่องไว้วางเครื่องซักผ้ามาด้วย เครื่องซักผ้าจึงต้องมาตั้งอยู่อีกฝั่งแทน เคาน์เตอร์ครัว ตำแหน่งการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็คล้ายๆ กับห้อง 1 Bedroom เลยครับ ซิงค์ล้างจานอยู่ทางขวา เตาไฟฟ้าอยู่ทางซ้ายใกล้กับหน้าต่าง ซิงค์ล้างจานอยู่ชิดขอบด้านขวา ติดกับตู้เย็น หัวเตาไฟฟ้า ยี่ห้อ MEX เป็นแบบ 2 หัวเหมือนเดิม ฮูตดูดควันยี่ห้อ MEX เข้าชุดกัน ภายรวมในห้องครัวครับ จะเห็นว่ากว้างขวางกว่าห้องก่อนหน้ามาก ในห้องน้ำติดกระจกบานใหญ่มาให้เรียบร้อย อ่างล้างหน้าของ American Standard สเปคเดิมครับ ชุดโถสุขภัณฑ์สเปคเท่ากับห้องอื่นๆ ในห้องน้ำใช้โทนสีเข้มเหมือนเดิม ส่วนห้องอาบน้ำก็กั้นกระจกเทมเปอร์มาให้เรียบร้อย ชุดฝักบัวในห้องอาบน้ำครับ ในห้องน้ำมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่ เปิดระบายอากาศได้ดี เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนกันครับ ประตูที่เห็นทางด้านซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ทางด้านขวา อันนี้เป็นห้องนอนใหญ่ครับ พื้นที่ภายในห้องกว้างขวางไม่น้อยเลย ในห้องวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงมากอยู่เหมือนกัน บรรยากาศในห้องจึงไม่อึดอัดเลย ด้านข้างเตียงมีช่องหน้าต่างกระจกบานไม่ใหญ่นัก แต่สามารถเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับห้องได้อีกทาง ผนังด้านที่ติดกับประตูห้อง ​Built-in เป็นมุมแต่งตัว มีทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้ามาพร้อม ในห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ ซึ่งจะอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องเลย ห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งหลังฝนังทีวีตรงปลายเตียงนะครับ อ่างล้างหน้า ชุดโถสุขภัณฑ์ กระจกเงาบานใหญ่ จัดวางไว้เหมือนกับห้องน้ำห้องอื่นๆ เป๊ะ ห้องอาบน้ำของห้องนอนใหญ่จะกว้างขึ้นมาอีกพอสมควร ถึงแม้จะอยู่ตรงกับตำแหน่งของเสาไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็จัดว่ากว้างมากเลยทีเดียว ระเบียงของห้องแบบ 2 Bedroom จะอยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ ซึ่งก็ได้ระเบียงที่กว้างขวาง ยาวเต็มความกว้างของห้อง ที่ระเบียงนอกจากจะเป็นจุดแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์เหมือนห้องอื่นๆ แล้ว ยังกว้างพอให้วางชุดเก้าอี้นั่งเล่นได้สบายๆ เอาไว้มานั่งเล่นชมวิวได้ครับ ส่วนอันนี้เป็นห้องนอนเล็กครับ ซึ่งขนาดก็กระทัดรัดกำลังดี ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเล็กๆ ห้องนี้ก็เหมาะเลย มีทั้งเตียงนอน โต๊ะทำการบ้าน และตู้ครบ เตียงนอนเล็กจัดวางไว้ชิดผนังห้อง ทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้น ภายในห้องนี้ตกแต่งให้โต๊ะอ่านหน้งสือไว้ตรงหัวเตียง และมีตู้เสื้อผ้า กับชั้นวางทีวีอยู่ติดผนังอีกด้าน อันนี้เป็นเฟอร์นิเจอร์ของห้องนอนเล็กในห้องตัวอย่างนะครับ แต่ของจริงอาจจะหน้าตาต่างกันนิดหน่อย เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว สำหรับห้องนอนเล็ก อาจปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องทำงาน หรือใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นก็ได้ ตามแต่จะดีไซน์กันครับ สำหรับโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ซึ่งเป็นคอนโดที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ล้านต้นๆ ถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะจับจองเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุนปล่อยห้องเช่า ก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีอยู่พอสมควร เนื่องจากศักยภาพการเติบโตของที่อยู่อาศัยในย่านนี้ยังโตอีกได้เยอะ ยิ่งถ้ารถไฟฟ้า BTS เปิดให้บริการก็จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองมากขึ้น ถ้าใครที่กำลังเล็งที่อยู่อาศัยในย่านนี้ หรือว่ามีที่ทำงานในแถบนี้อยู่แล้ว ลองเก็บไว้พิจารณาดูก็ไม่เลวครับ
รีวิวทำเล The Line Sukhumvit 71 : รีวิวคอนโด

รีวิวทำเล The Line Sukhumvit 71 : รีวิวคอนโด

แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลหลัก ในการมองหาคอนโดสักแห่ง คือ ทำเลที่ตั้งของโครงการ ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย อาหารการกินที่มีให้เลือกหลากหลาย และอยู่ไม่ไกลจากแหล่งธุรกิจหรือออฟฟิศต่างๆ ย่อมนำมาซึ่งความได้เปรียบในการใช้ชีวิตประจำวัน วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปสำรวจทำเลของคอนโดโครงการใหม่อีกหนึ่งโครงการจากแสนสิริ ชื่อโครงการ The Line Sukhumvit 71 ตัวโครงการตั้งอยู่ในถนนสุขุมวิท 71 ใกล้ BTS สถานีพระโขนง เราไปดูกันดีกว่าครับ ว่ารอบๆ โครงการจะเป็นยังไงกันบ้าง นอกจากทำเลที่อยู่ใก้รถไฟฟ้าแล้ว ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ตามผมมาเลยครับ สำหรับตัวโครงการ The Line Sukhumvit 71 จะตั้งอยู่ในถนนสุขุมวิท 71 ตามชื่อโครงการ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนงประมาณ 500 เมตร หรือ 400 เมตร หากเดินลัดเลาะเข้าไปทาง W District ซึ่งอยู่ในระยะทางที่ถือว่าเดินได้นะครับ ไม่ไกลจนเกินไป แต่ถ้าใครขี้เกียจเดิน ใต้สถานีรถไฟฟ้าจะมีรถสองแถวเล็กคอยให้บริกาอยู่ หรือเดินมาอีกนิดเดียวก็มีพี่วินรอให้บริการอยู่หน้าไปรษณีย์พระโขนง เราลองไปดูรอบๆ โครงการกันก่อนดีกว่า เราเริ่มกันที่รถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนงกันเลยนะครับ ลงมาจากรถไฟฟ้าก็เจอเลยครับ โฆษณาของ The Line Sukhumvit 71 เต็มไปหมด ทางออกที่จะไปฝั่งโครงการจะต้องออกทางออกที่ 3 นะครับ สภาพการจราจรบนถนนสุขุมวิท ช่วงเที่ยงๆ อาจจะยังไม่เห็นบรรยากาศเท่าไหร่ เราย้อนมาดูร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ รถไฟฟ้ากันก่อนนะครับ ในอาคาร Taisin Square มีร้านชาบูญี่ปุ่นอันแสนอร่อยอย่างร้าน Akiyoshi เลยจากอาคาร Taisin จะเจอโรงแรม Jasmine ติดกับโรงแรม Jasmine และสถานีรถไฟฟ้าจะมี Max Valu อยู่ด้วย ลงจากสถานีรถไฟฟ้ามานิดเดียว จะเจอซอยสุขุมวิท 69 มีไปรษณีย์พระโขนง ตั้งอยู่อยู่หน้าปากซอย และมีร้านขายอาหารอยู่ด้วยนะครับ ซอยนี้สามารถเดินทะลุไปออกซอยปรีดี พนมยงค์ 3 ที่อยู่ใกล้ๆ โครงการได้นะครับ หรือนั่งวินมอไซค์ที่อยู่ปากซอยนี้ไปก็ได้ ใครขายของออนไลน์ก็สะดวกหน่อยนะครับ มีไปรษณีย์อยู่ใกล้ๆ เลย ไปรษณีย์พระโขนง จะตั้งอยู่ตรงสามแยกถนนสุขุมวิทตัดกับถนนพระราม 4 เลยจากสามแยกมานิดเดียวจะเจอคอมมูนิตี้ มอลล์ ชื่อ W District ด้านในจะมีโรงแรม Beat Hotel และร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อต่างๆ เลยจาก W District มาก็จะมีธนาคารให้เลือกใช้บริการ เราเดินตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ตามข้างทางก็จะมีทั้งร้านขายของ ร้านสปา และร้านอาหารเล็กๆ เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงถนนสุขุมวิท 71 หรือซอยปรีดี พนมยงค์ ระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้าพระโขนงมาถึงตรงนี้ประมาณ 300 เมตร บรรยากาศในซอยสุขุมวิท 71 ฝั่งขาออกจากซอยรถจะมาหนาแน่นในช่วงปากซอยเพราะติดไฟแดง เลี้ยวเข้ามาปุ๊บในซอยก็เจอร้านพิซซ่าทันที ฟุตบาทกว้างขวางเดินได้สะดวกปลอดภัยดีครับ เดินมาอีกหน่อยก็เจอทางเข้า W Market เป็นส่วนหนึ่งของ W District ที่รวบรวมร้านอาหารหลากหลายสไตล์ และแหล่ง Hang Out สุดชิค ใกล้ๆ โครงการ ฝั่งตรงข้ามจะเห็นพระโขนงพลาซ่า แหล่งค้าขายเก่าแก่ในย่านนี้ เดินต่อมาอีกจะเจอร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี ซอยปรีดี พนมยงค์ 3 ที่บอกไว้ตอนแรกว่าเดินทะลุมาทางซอยสุขุมวิท 69 ได้ ในซอยก็จะมีร้านอาหาร ร้านขายของอยู่ด้วยเหมือนกัน เลยจากซอยปรีดี พนมยงค์ 3 มานิดเดียวก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ ทางเข้าสถานที่ก่อสร้างโครงการ มีป้ายบอกชัดเจน การก่อสร้างก็เริ่มไปได้สักพักแล้วนะครับ เลยจากโครงการไปก็เป็นตึกแถว มีร้านขายของอยู่ชั้นล่าง การจราจรบริเวณหน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามโครงการมีร้าน Family Mart อยู่ติดกับซอยปรีดี พนมยงค์ 2 เดี๋ยวเราข้ามไปดูฝั่งตรงข้ามกันต่อ ในซอยปรีดี พนมยงค์ ถือว่าเป็นแหล่งฝากท้องได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ เพราะในซอยมีร้านขายอาหาร ผลไม้ ต่างๆ เยอะมาก ยาวตลอดแนวเข้าไปในซอย แถมอยู่ใกล้โครงการ เพียงแค่ข้ามถนนมาเท่านั้น ตลอดทั้ง 2 ฝั่งในซอยสุขุมวิท 71 นี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นชุมชน มีตึกแถวขึ้นอยู่ทั้ง 2 ข้างทาง มองไปฝั่งตรงข้าม ก็จะเห็นโครงการ วายน์ บาย แสนสิริ ที่มาบุกเบิกทำเลนี้เมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ชั้น 1 ของตึกแถวจะเป็นเป็นร้านขายของ ขายอาหาร ร้านทองก็มีอยู่หลายร้านเลยนะครับ ไม่เพียงแค่อยู่ริมถนนสุขุมวิท 71 เท่านั้น ตามตรอกซอกซอยก็มีร้านขายของยาวเข้าไปในซอย สามารถเดินทะลุไปถึงตลาดสดพระโขนงที่อยู่ข้างในได้เลย บรรยากาศบนถนนสุขุมวิทฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปทางอ่อนนุช จะเป็นตึกแถว และมีร้านขายของยาวไปตลอดแนวจนถึงสะพานข้ามคลองพระโขนง ส่วนฝั่งตรงข้าม เป็นฝั่งซอยสุขุมวิท 48 ก็เป็นตึกแถว มีร้านขายของเหมือนกันนะครับ แต่จะไม่คึกคักเท่าฝั่งซอยสุขุมวิท 71 ทำเลในย่านพระโขนงนี้เป็นทำเลที่ดีพอสมควรเลยนะครับ ด้วยทำเลในย่านนี้ที่ถือว่ายังอยู่ในเมืองและสามารถเดินทางออกนอกเมืองได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS อยู่ใกล้ๆ โครงการ ที่ใช้ได้ทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง เพียงไม่กี่นาทีก็ถึงใจกลางเมือง อย่างทองหล่อ พร้อมพงศ์ หรืออโศกแล้ว เรียกได้ว่าสะดวกสบายไม่ต่างกับอยู่ใจกลางเมืองเลยทีเดียว หรือจะใช้เส้นทางถนนพระราม 4 ผ่านกล้วยน้ำไท ไปถึงสีลม สาทร แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันนะครับว่าการจราจรบนถนนพระราม 4 ติดขัดขนาดไหน โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน อีกทางจะใช้ถนนสุขุมวิท 71 นี่แหละครับวิ่งตรงไปตัดถนนเพชรบุรี เลือกไปทางพระราม 9 หรือรามคำแหงได้ไม่ยาก ส่วนการเดินทางออกนอกเมืองก็ง่ายพอๆ กัน สามารถใช้รถไฟฟ้าได้เหมือนกันนะครับ หรือถ้าใช้รถยนต์ส่วนตัวก็วิ่งตรงตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ก็ออกไปถึงอุดมสุข ตัดสี่แยกบางนา เลือกไปทางบางนา บางพลี หรือสำโรง เทพารักษ์ได้เลย หรือจะขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ตรงสะพานข้ามคลองพระโขนง ไปทางพระราม 9 รามอินทรา หรือจะออกต่างจังหวัดไปวนลงถนน Motorway กรุงเพท-ชลบรีสยาใหม่ ก็ยังได้ เรื่องการเดินทางถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยนะครับ สำหรับทำเลในย่านนี้ ไม่ว่าจะเข้าเมือง หรือออกนอกเมือง แต่อาจจะต้องทำใจกับเรื่องการจราจรอยู่สักหน่อยสำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง ส่วนใครที่ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเป็นประจำ ถือว่าได้เปรียบอยู่พอสมควร คราวนี้เรามาดูเรื่องอาหารการกิน และคอมมูนิตี้ มอลล์ กันบ้าง ถ้าเรื่องการเดินทางถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เรื่องอาหารการกินต้องเรียกอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเลยหล่ะครับ ตั้งแต่ลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง เรื่อยไปจนถึงตัวโครงการ และเลยไปในซอยสุขุมวิท 71 ก็ยังมีร้านอาหาร หรือตลาดในเลือกซื้อเลือกหามากมาย ทั้งของกินของใช้ เดี๋ยวผมจะพาไปดูครับ ว่ามีที่ไหนกันบ้าง เราซูมแผนที่ลงมาดูใกล้ๆ กันอีกหน่อย ร้านอาหารที่อยู่รอบๆ โครงการถือว่าเยอะเลยนะครับ สังเกตหมุดที่ปักอยู่ในแผนที่ คือร้านอาหารที่เราจะพาไปชมกัน สังเกตหมุดตัวที่ใหญ่ที่สุดนะครับ เริ่มจากร้านชาบูญี่ปุ่นชื่อดังอย่างร้าน Akiyoshi ที่อยู่ในอาคาร Taisin Square ใกล้ๆ สถานี BTS พระโขนง ขยับมาทางซอยสุขุมวิท 69 จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นอีกหนึ่งร้าน ชื่อร้าน Okinawa Kinjo HOF Art Space พื้นที่ศิลปะแห่งใหม่ในกรุงเทพ HOF Art Residency อีกหนึ่งพื้นที่ศิลปะใกล้ๆ โครงการ ขยับเข้ามาใกล้ๆ โครงการเป็นร้านอาหารเกาหลีชื่อร้าน Mapo Galbi ฝั่งตรงข้ามโครงการมีร้านอาหารมังสวิรัติ ชื่อร้านครัวสวนผัก เหมาะกับคนรักสุขภาพ Cielo Sky Bar เป็น Bar & Restaurant ได้ทานอาหารอร่อยๆ พร้อมชมบรรยากาศมุมสูงของกรุงเทพมหานคร เราขยับเข้าไปในซอยสุขุมวิท 71 อีกหน่อย มีร้านก๋วยเตี๋ยวปลาเจ้าดัง อย่างร้านง้วนหลังวัง เลยเข้าไปอีกมีร้านข้าวต้มกระดูกหมู สุขุมวิท 71 เปิดขายมายาวนานกว่า 40 ปี ด้วยความอร่อยที่ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เมนูเจ้าประจำที่ลูกค้าชื่นชอบ ข้าวต้มกระดูกหมู, ข้าวต้มปลา, ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา และหมูสะเต๊ะ หิวกันรึยังครับ ^__^ เปลี่ยนบรรยากาศจากอาหารหนักๆ มาใช้ชีวิต Slow Life กันบ้าง ในซอยปรีดี พนมยงค์ 31 หรือซอยเอกมัย 12 มีร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่น ชื่อร้าน Nikko Cafe ให้ได้นั่งชิวหลีกหนีความวุ่นวาย ใกล้ๆ กับร้าน Nikko Cafe มีร้านชาบูนางใน ชาบูสไตล์ไทย ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วกรุงเทพ ลึกเข้าไปในซอยสุขุมวิท 71 อีกหน่อย ก็ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา และร้านผัดไทเสวย ให้เลือกชิมกันอีก เรามาไกลสุดถึงแยกคลองตัน มีร้านอาหารจีนเก่าแก่ ชื่อร้านฉั่วคิมเฮง ที่คนแน่นร้านทุกวัน เมนูห้ามพลาดของร้านคือห่านพะโล้รสเด็ด เนื้อหนุ่ม หนังหนุบ น้ำพะโล้เข้มข้นหวานเค็มกำลังดี อาจจะอยู่ไกลโครงการสักหน่อย แต่บอกคำเดียวครับว่ามาแล้ว คุ้ม!! นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ ที่เรานำมาให้ชมกัน ยังมีร้านอาหารแอบอยู่อีกหลายร้าน ใครเป็นคนในพื้นที่มีร้านอาหารเด็ดๆ ในย่านนี้ ก็ส่งกันเข้ามามาแนะนำกันได้เลยนะครับ โดยสรุปแล้วที่ตั้งของโครงการ The Line Sukhumvit 71 ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีเลยนะครับ ด้วยที่ตั้งโครงการอยู่ไม่ไกลจากแหล่งธุรกิจใจกลางเมืองมากนัก สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ที่อยู่ใกล้ๆ โครงการ อีกทั้งเรื่องอาหารการกิน ที่รายล้อมอยู่รอบๆ โครงการ ก็มีให้เลือกมากมาย หลากหลายสไตล์ ทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่ และยังมีคอมมูนิตี้ มอลล์ ที่รวบรวมไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองไว้ด้วยกัน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ สำหรับข้อเสียก็อาจจะมีเรื่องการจราจร แต่ก็เป็นที่สิ่งที่หลีกเลี่ยงกันไม่ได้อยู่แล้วนะครับสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว แต่สำหรับใครที่ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นประจำ เรื่องนี้ก็หายห่วงเลยครับ ส่วนเรื่องการลงทุน ทำเลในย่านนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวเลยนะครับ เนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และราคาของคอนโดในย่านพระโขนงนี้ก็ขยับขึ้นถึง 24% ต่อปี และมีแนวโน้มจะที่ดีในอนาคต แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีนะครับ ว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนกันด้วยนะครับ
HALLMARK งามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

HALLMARK งามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

สวัสดีทุกท่านครับ ^_^.. รีวิวฉบับนี้เราจะพาแวะไปแถวงามวงศ์วาน ใกล้ๆ กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเยี่ยมชมโครงการ Hallmark งามวงศ์วานคอนโดแบรนด์ Hallmark โครงการแรกจากชีวาทัย ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยก็พร้อมให้ลูกบ้านได้ย้ายเข้าอยู่กันแล้ว รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,390,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย อินเตอร์เช้นจ์ จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวนห้อง     792 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    7 - 0 - 70.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยดวงมณี ถนนงามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง นนทบุรี ที่จอดรถ    255 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) การเดินทาง ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยดวงมณี ติดกับกระทรวงสาธารณสุขเลยนะครับ การเดินทางก็มีให้เลือกหลายเส้นทาง ทั้งจากทางถนนงามวงศ์วาน เข้าทางซอยงามวงศ์วาน 2 และซอยหลวงวิเชียรแพทยาคม ผ่านกระทรวงสาธารณสุขมาออกซอยดวงมณี ส่วนทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เข้าทางซอยกรุงเทพ-นนท์ 14 ก่อนมาเข้าซอยดวงมณี แต่ทางนี้ใครที่ไม่คุ้นชินเส้นทางไม่แนะนำนะครับ เพราะต้องเลี้ยวเยอะหน่อย แถมซอยเล็กอีกตั้งหาก ส่วนทางที่สะดวกและง่ายที่สุดคือมาจากทางด่วนศรีรัช ลงที่ถนนงามวงศ์วานแล้ววกกลับวิ่งเลียบทางด่วน ก่อนมาเลี้ยวขวาเข้าซอยดวงมณีก็ถึงโครงการแล้วครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เราเริ่มกันบนทางด่วนศรีรัช ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางแจ้งวัฒนะเลยนะครับ เรามาลงที่ถนนงามวงศ์วาน มีป้ายบอกชัดเจน ลงมาแล้วชิดซ้ายไว้เลยนะครับ ลงมาแล้วจะเจอทางให้เลี้ยวซ้าย ตรงนี้เราเลี้ยวซ้ายไปแล้ววกกลับอีกทีเพื่อเข้าถนนเลียบทางด่วน มีป้ายบอกทางไปโครงการอยู่เป็นระยะๆ ไม่หลงแน่นอนครับ พอเราวกกลับเข้าถนนเลียบทางด่วนแล้ว ก็ตรงยาวเลยครับ ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอโรงการ Saijo Denki อยู่ด้านขวามือ แสดงว่าใกล้ถึงซอยดวงมณีแล้วครับ เลยจากโรงงาน Saijo Denki มาเจอสามแยก ให้เราเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอยดวงมณี เลี้ยวเข้ามาในซอยดวงมณีแล้วก็ตรงไปอีกนะครับ สังเกตุป้ายบอกทางโครงการให้ตรงไปอีก 500 เมตร ทางเข้า-ออก กระทรวงสาะารณสุข ใครมาจากทางถนนงามวงศ์วานต้องมาทะลุออกทางนี้แหละครับ ตรงมาเรื่อยๆ ก็ถึงโครงการแล้วครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปโลดดดด สีเขียวเตะตาแบบนี้สังเกตุได้ไม่ยากครับ ทางเข้าโครงการ ผ่านป้อมยามหน้าโครงการ ใครมาเยี่ยมชมโครงการก็จอดรถใต้อาคารตรงนี้ได้เลยนะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน อาจจะอยู่ในซอยลึกไปสักหน่อยนะครับ เมื่อมองจากทางถนนงามวงศ์วาน หรือทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่อาจจะสับสนกับการเดินทางอยู่สักหน่อย แต่จะสะดวกและใกล้มากๆ ถ้าใครทำงานอยู่กระทรวงสาธารณสุข สามารถเข้าออกได้ทางประตู 4 และประตู 5 ฝั่งซอยดวงมณี ถ้าใครไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะภายในซอยมีวินมอเตอร์ไซค์และรถสองแถวคอยให้บริการออกไปถึงถนนกรุงเทพ-นนท์ และไปถึงรถไฟฟ้าสถานีแยกติวานนท์กันเลย สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการเป็นชุมชนขนาดเล็กมีหมู่บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ และตึกแถวอยู่รอบๆ โครงการ ส่วนเรื่องของกินของใช้จะมีร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ อยู่ไม่ห่างจากโครงการมากนัก สำหรับตัวโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน ตอนนี้ก็สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ใครสนใจไปดูโครงการตอนนี้ก็จะได้เห็นตำแหน่งห้องจริงๆ กันเลยว่าอยู่ตรงไหน วิวห้องเราเป็นยังไง โดยตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร ล้อมรอบ Facility หลักของโครงการอย่างสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ที่อยู่ตรงกลาง สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby area Exercise room with equipment Swimming Pool Jogging Track Garden and outdoor recreation area Access card control 24-hours security by guard service 24-hours CCTV Master Plan ของโครงการ จะแสดงให้เราเห็นถึงตัวอาคารทั้ง 4 อาคารที่ล้อมรอบ Facility อย่างสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวไว้ตรงกลาง ที่ชั้น 1 จะแบ่งเป็นที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร ทั้ง 4 อาคาร รวมแล้วจอดได้ 255 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันนะครับ และอีกส่วนหนึ่งของชั้น 1 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย ที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร นอกจากห้องพักอาศัยที่อยู่ชั้น 1 แล้ว ยังมีร้านค้าด้วยนะครับ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีร้านอะไรบ้าง เรามาดูที่ฟิตเนสกันก่อนนะครับ ฟิตเนสจะอยู่ด้านหน้าอาคาร A บรรยากาศภายในฟิตเนส เป็นกระจกทั้งอาคาร ทำให้ดูโปร่งโล่ง มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำด้านนอก ภาพกราฟฟิกของสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางโครงการ คราวนี้เรามาดูสระว่ายน้ำของจริงกันบ้าง สระว่ายน้ำจะเป็นแนวยาว มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ อยู่ข้างๆ ฟิตเนส ทางเดินระหว่างอาคาร พาชมห้องตัวอย่าง เนื่องจากตอนนี้โครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเปิดให้ลูกบ้านเข้าอยู่กันได้แล้วนะครับ ทำให้เราได้เห็นพื้นที่จริงๆ สถานที่จริง ห้องจริง ของโครงการกันเลย โดยโครงการจะขายแบบ Fully Furnished ซึ่งห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ชมก็จัดเต็มแบบจุใจกันเลยถึง 4 แบบ ทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ประกอบด้วยห้อง Type A 1 ห้องนอน ขนาด 24-25 ตารางเมตร, Type B 1 ห้องนอน ขนาด 27-28 ตารางเมตร, Type C 31-32 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน Type G ขนาด 48-49 ตารางเมตร แต่เราไม่ได้เก็บภาพห้องตัวอย่างของ Type B มาให้ชมด้วยนะครับ เพราะการจัดวาง Layout จะเหมือนกับ Type A เลย ต่างกันแค่ Type B จะขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย ห้องแรกเรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 ห้องนอน Type A ก่อนเลยนะครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน Type A ขนาด 24-25 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอ Living Area ด้านหน้าก่อนเลยนะครับ ก่อนที่จะมองตรงไปเจอครัวที่อยู่ด้านใน โซฟาที่โครงการจัดมาให้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง มุมมองจากโซฟาไปที่ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม ระยะห่างถือว่ากว้างพอสมควรนะครับ วางทีวีจอใหญ่ได้เลย ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านในเป็นครัวแบบเปิด เคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะขนาดประมาณนี้นะครับ เหมือนเป็นเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารมากกว่า เพราะไม่มีเตาไฟฟ้าให้ด้วย มีซิ้งค์ล้างจานแบบฝังกับพื้นที่เตรียมอาหารนิดหน่อย ด้านล่างเป็นลิ้นชักและตู้เก็บของ ด้านบนเป็นที่วางไมโครเวฟ และตู้เก็บของเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหาร พื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัวนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน คอมเพรสเซอร์แอร์จะวางไว้ที่ด้านนอกระเบียง เราออกจากครัวไปดูที่ด้านนอกกันต่อ มาดูที่ห้องน้ำกันก่อนนะครับ ห้องน้ำจะอยู่ติดกับชั้นวางทีวีที่เราเห็นเมื่อสักครู่ การจัดวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำก็หน้าตาแบบนี้นะครับ พื้นที่ห้องน้าจะดรอปลงนิดหน่อย ได้อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ American Standard พื้นที่วางของอาจจะน้อยไปหน่อยนะครับ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard หลบอยู่ข้างๆ Shower Box ติดกับโถสุขภัณฑ์ จะเป็น Shower Box ประตูทางเข้าจะเป็นบานสไลด์เข้ามุม รูปร่างหน้าตาของฝักบัวที่ได้ สุดท้ายเราเข้ามาดูกันที่ห้องนอน ห้องนอนจะอยู่ติดกับห้องน้ำ เหมือนในแปลนนะครับ ขนาดห้องนอนถือว่ากว้างพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ ห้องเลยดูโล่งขึ้นอีกหน่อย เปิดประตูเข้ามาเกือบถึงขอบเตียงพอดี ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมาติดขอบเตียงพอดี ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ มีบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix ห้องต่อมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่ขนาดห้องจะใหญ่ขึ้นมาอีกเป็น 30.5 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ก็จะแตกต่างจาก Type A ด้วยนะครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน Type C ขนาด 31-32 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้ว มองเอียงมาทางซ้ายนิดหน่อย จะเป็น Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง โซฟาที่โครงการจัดมาให้จะเป็นโซฟา 2 ที่นั่ง เหมือนห้อง Type A ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม จะอยู่ติดกับประตูห้อง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area ห้องนี้ได้วิวสระว่ายน้ำด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามกับ Living Area จะเป็นส่วนครัวแบบเปิด เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับครัวของห้อง Type A นะครับ เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ไว้สำหรับเตรียมอาหาร แต่ชุดครัวของห้องนี้มีช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ด้านล่างด้วย ใกล้ๆ กันจะเป็นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน จริงๆ แล้วมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะยาว 4 ที่นั่งได้เลยนะครับ ด้านบนเป็นชั้นลอย และช่องวางไมโครเวฟ ใกล้ๆ กับครัวจะแยกออกเป็น 2 ห้อง คือห้องน้ำและห้องนอน เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อน ห้องน้ำจะเข้าออกได้ 2 ทางนะครับ นอกจากทางครัวแล้ว ยังเข้าทางห้องนอนได้ด้วย ทางเข้าจากห้องนอน สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนๆ กับห้อง Type A นะครับ อ่างล้างหน้าของ American Standard อยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box ห้องนี้จะใหญ่กว่าห้อง Type A เราเข้ามาดูในห้องนอนกันต่อ เตียงที่ทางโครงการจัดมาให้เป็นเตียง 5 ฟุต ข้างเตียงด้านที่ติดกับประตูห้องน้ำ จะเป็นตู้เสื้อผ้า ติดกับตู้เสื้อผ้ามีหน้าต่างบานเล็กๆ 1 บาน ข้างเตียงอีกฝั่งเป็นหน้าต่าง แต่จะได้บานเล็กกว่าห้อง Type A หน่อยนะครับ หน้าต่างจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix สุดท้ายมาดูที่ห้องแบบ 2 ห้องนอน Type G ขนาด 49 ตารางเมตร แบบห้อง Type G ขนาด 48-49 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ก่อนจะมองตรงไปเป็น Dining Area ด้านซ้ายเป็น Living Area และด้านขวาเป็นห้องน้ำ มือจับประตูและที่ล็อค เราเลี้ยวซ้ายมาดู Living Area กันก่อนนะครับ โซฟาที่โครงการให้มาเป็นโซฟา 3 ที่นั่ง ขนาดของโซฟาเท่ากันผนังเป๊ะเลย ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม จาก Living Area เราตรงเข้ามาดูที่ส่วน Dining Area ที่มีเคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะเป็นแนวยาวแบบนี้นะครับ แต่ไม่มีเตาไฟฟ้าให้ ใครอยากได้ไว้ทำอาหารอาจจะต้องติดตั้งเพิ่มกันเอง มีช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ด้านล่าง ตู้และลิ้นชักเก็บของด้านล่าง ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ด้านบนเป็นตู้แขวนผนัง พร้อมช่องวางไมโครเวฟ ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว เป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 3 ที่นั่ง ถัดจากครัวเข้าไปด้านในจะเป็นระเบียงใหญ่ กั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ 2 บาน พื้นที่ระเบียง จากระเบียงมองเข้าไปเห็นห้องนอน ที่ทำเป็นกระจกเข้ามุมไว้ อีกด้านเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ หันหน้าเข้าระเบียง จากระเบียงเรากลับเข้ามาด้านใน มาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อ ห้องนอนเล็กจะอยู่ติดกับโต๊ะทานอาหาร ในห้องนอนเล็กโครงการวางเตียงขนาด 3 ฟุต พร้อมโต๊ะทำงานอยู่ข้างเตียง ที่หัวเตียงจะเป็นหน้าต่างบานยาวเท่ากับผนัง หน้าต่างจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน และบาน fix อีก 2 บานด้านข้าง พื้นที่ปลายเตียงเหลือนิดหน่อยนะครับ เป็นที่วางตู้เสื้อผ้า เราออกจากห้องนอนเล็กข้ามมาดูห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ขนาดจะใหญ่กว่า 2 ห้องแรกที่เราดูมานิดหน่อย มาพร้อมกับกระจกเงาบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์จะอยู่ติดกับอ่างล้างหน้า มีที่ใส่กระดาษชำระอยู่ข้างๆ ด้านในสุดเป็น Shower Box กั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างพอสมควร ที่แขวนผ้าเช็ดตัว จะอยู่หน้า Shower Box ขนาดของ Shower Box ชุดฝักบัวที่ได้ สุดท้ายเราเข้ามาดูที่ห้องนอนใหญ่ ในห้องนอนใหญ่โครงการวางเตียง 5 ฟุตไว้ให้ ข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานยาว เข้ามุมไว้ทั้ง 2 ด้าน มองออกไปเห็นระเบียงด้านนอก มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะข้างเตียง จะมีบ้านเลื่อนให้ 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix ทั้งหมด ข้างเตียงอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า และมีโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ อยู่ด้วย โดยรวมแล้วตัวโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนคอนโดในเมือง และเหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในย่านนี้ โดยเฉพาะข้าราชการหรือบุคคลากรที่ทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข จะสะดวกมากที่สุด เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้กระทรวงสาธารณสุข ส่วนเรื่องการเดินทางถ้าหากใครที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็อาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อย เพราะทำเลที่ตั้งโครงการถือว่าอยู่ในซอยลึกพอสมควร แต่ก็ยังมีรถสองแถวและวินมอเตอร์ไซค์ไว้คอยให้บริการอยู่ อีกทั้งปลายปีนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่อยู่ใกล้ๆ อย่างสถานีแยกติวานนท์ก็จะเปิดให้บริการแล้ว อาจจะช่วยให้การเดินทางในอนาคตสะดวกมากขึ้น
ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปดูคอนโด High Rise ของชีวาทัย ในทำเลที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน สำหรับโครงการชีวาทัย Interchange นี้ แต่ก่อนเป็นโครงการคอนโดที่มีชื่อว่า “Cross Point At Taopoon Station” แล้วนำมาพัฒนาต่อ จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ชีวาทัย Interchange ตามปัจจุบัน การเดินทาง สำหรับเรื่องการเดินทางก็สามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ เนื่องจากว่าโครงการตั้งอยู่ตรงแยกเตาปูนพอดี ไม่ว่าจะเป็นทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งตรงจากติวานนท์ วงศ์สว่าง มาถึงแยกเตาปูน, ถนนประชาชื่น ตรงมาจากงามวงศ์วาน เรียบคลองประปามาเรื่อยๆ ก่อนเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ก็ได้ ส่วนใครมาจากทางจรัญฯ ข้ามสะพานพระราม 7 มาแล้ววกเข้าถนนประชาราษฏร์ สาย 1 ก่อนมาเลี้ยวซ้ายที่แยกบางโพ เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ได้ก็เหมือนกัน อีกเส้นทางหนึ่งคือถนนสามเสน วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ก่อนมาเลี้ยวขวาที่แยกบางโพ เข้าถนนประชาราษฏร์สาย 2 แผนที่เส้นทางรอบๆ โครงการ เราซูมลงมาดูกันใกล้ๆ อีกหน่อย จะเห็นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแยกเตาปูน ติดกับตัวสถานี MRT เตาปูนเลยล่ะครับ การเดินทางครั้งนี้เราใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เราตรงมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เรื่อยๆ ก่อนจะตรงผ่านแยกวงศ์สว่าง ตรงนี้เป็นแยกวงศ์สว่าง ถ้าเลี้ยวขวาจะไปทางวงศ์สว่าง ผ่านบิ๊กซี ก่อนขึ้นสะพานพระราม 7 ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางประชาชื่น รัชโยธิน เราตรงไปทางบางซื่อ เตาปูน ต่อเลยครับ ตามเส้นทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรีเราจะเห็นแนวรถไฟฟ้า มาตลอดทาง ปลายปีนี้ รถไฟฟ้าสายนี้ก็จะเริ่มเปิดทดลองให้บริการแล้วนะครับ ที่เห็นด้านหน้าจะเป็นแนวรถไฟชานเมืองสายสีแดง เราตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเตาปูน จะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนอยู่ด้านหน้า ถึงแยกเตาปูนแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะเราต้องเลี้ยวขวาที่แยกนี้ เลี้ยวขวามาแล้วให้รีบชิดซ้ายเลยนะครับ เพราะตัวโครงการจะอยู่ห่างจากแยกเตาปูนแค่นิดเดียว ถึงแล้วล่ะครับ สำนักงานขายจะตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 หน้าไซต์ก่อสร้างโครงการเลย ตอนนี้ตัวโครงการสร้างไปเยอะแล้วนะครับ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้ลูกบ้านได้ย้ายเข้าอยู่ได้ภายในสิ้นปีนี้ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ​ ชีวาทัย Interchange ก็มีความสำคัญมากๆ เพราะอยู่ในจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินพอดิบพอดี ชนิดที่เดินออกจากโครงการมาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนแล้ว หรือถ้าจะบอกว่าบันไดสถานีแทบจะเกยหน้าโครงการเลยก็คงจะไม่เกินไปนัก แต่ก็ใช่ว่าการที่ตัวโครงการอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าจะไม่มีข้อพึงระวังนะครับ เรื่องเสียงดังรบกวนอาจจะมีโอกาสเล็ดลอดมาบ้าง รวมถึงมลภาวะทางอากาศเนื่องจากอยู่ใกล้สี่แยกใหญ่ด้วย ทั้งนี้คนที่อยู่ในห้องสูงๆ หน่อยก็จะห่างไกลปัญหาเหล่านี้ได้มากกว่าห้องล่างๆ ครับ สภาพแวดล้อมในย่านนี้ยังคงความเป็นชุมชนเก่า ค่อนข้างสงบ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย ยิ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยิ่งทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต ดังนั้นเรื่องอาหารการกินและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่แวดล้อมอยู่รอบๆ จึงจัดว่าครบครันมาก เราไปดูกันดีกว่าว่าใกล้ๆ โครงการมีอะไรน่าสนใจบ้าง จากสถานีเตาปูนมาทางถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี นิดเดียวจะมีร้านสะดวกซื้อ และร้านขายอาหาร อยู่หลายร้านเลยครับ ใกล้ๆ กันก็มีตลาดสดให้เลือกซื้อเลือกหา มีทั้งผัก ผลไม้ ของสด ของแห้ง เสื้อผ้า จากถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เราสามารถเดินทะลุตลาดสดมาออกถนนประชาชื่นได้เลยครับ บรรยากาศบนถนนประชาชื่น ถ้าใครไม่ชอบเดินตลาดสด ข้ามมาฝั่งถนนประชาชื่นก็จะมีเทสโก้ โลตัส ไว้คอยบริการ ถ้าเดินมาแล้วขี้เกียจเดินกลับก็มีพี่วินมอไซค์ คอยรับ-ส่ง อยู่หน้าโลตัส สำหรับตัวโครงการ ชีวาทัย Interchange เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้น โดยแบ่งชั้น1-5 เป็นพื้นที่จอดรถ และตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปก็จะเป็นพื้นที่พักอาศัย ซึ่ง Facility หลักภายในโครงการจะรวมกันอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรฐานเลย ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย... ทางเข้าโครงการ จากถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby และเป็นที่จอดรถส่วนหนึ่ง ซึ่งที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปถึงชั้น 5 หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G ชั้น 6 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย Facility หลักของโครงการก็จะอยู่ที่ชั้น 6 ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนส สระว่ายน้ำและฟิตเนสบนชั้น 6 จากชั้น 7 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14 ยูนิตต่อชั้น ห้องมุมทั้ง 4 ด้านจะเป็นห้อง 2 ห้องนอน พาชมห้องตัวอย่าง ห้องพักทั้งหมดของโครงการมีทั้งแบบ 1 Bedroom, 2 Bedroom และ 3 Bedroom ซึ่งแบบ 1 Bedroom ตอนนี้ขายหมดเกลี้ยงแล้วนะครับ สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในวันนี้ จึงเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ซึ่งมีขนาดห้องตั้งแต่ 51 ตร.ม​. ไปจนถึงขนาด 57 ตร.ม. โดยที่ห้องแบบ 2 Bedroom นี้จะอยู่ในตำแหน่งมุมตึกทั้งหมด ทำให้สามารถเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ แถมห้องที่ทางโครงการขายให้ก็เป็นแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่เรียบร้อย หน้าตาห้องตัวอย่างจะเป็นอย่างไรบ้าง เรามีรูปพร้อมคำบรรยายกันแบบชัดๆ มาฝากครับ โดยที่รูปทั้งหมดถ่ายจากห้องตัวอย่างที่อยู่บนอาคารจริง ไม่ใช่ห้องในสำนักงานขายนะครับ ห้องแรกเรามาดูที่ห้อง Type B2 ขนาด 57.40 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ มองตรงเข้าไปข้างในจะเป็น Living Area ส่วน Dining Area วางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างของทีวีกับโซฟาจะประมาณนี้นะครับ สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งแบบ L-Shape ได้สบายๆ ฝั่งชั้นวางทีวี โครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ ไว้ให้ ติดกับ Living Area จะมีระเบียงใหญ่อยู่ด้วย ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงที่ได้จะกว้างประมาณนี้นะครับ อีกด้านจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ ห้องที่เราทำการรีวิวนี้จะอยู่ที่ชั้น 7 มองจากระเบียงออกมาจะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน มุมมองย้อนกลับไปทางประตูหน้าห้อง คราวนี้เราเข้าไปดูในครัวกันบ้าง เคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจัดไว้ให้จะได้แบบนี้เลยนะครับ เป็นชุดครัวของ Starmark สังเกตที่ผนังทางโครงการจะติดกระจกให้ด้วยนะครับ เวลามีเศษอาหาร หรือน้ำมันกระเด็นไปโดนผนัง จะได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้จะประกอบด้วยเตาไฟฟ้า 4 หัว ของ Teka พร้อมฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ และจุดวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟของ Teka ที่เป็นทั้งไมโครเวฟและเตาอบเครื่องนี้ก็ได้ด้วยนะครับ จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ข้างๆ ไมโครเวฟ แต่เครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ภายในครัวจะมีประตูเล็กๆ สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ เวลาซักผ้าเสร็จแล้วก็เอาออกมาตากที่ระเบียงได้เลย อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ Mogen ทั้งหมดนะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ใต้อ่างล้างหน้ามีตู้เก็บของเล็กๆ ให้ด้วย กระจกเงาได้ขนาดพอดีตัว กระจกเงาสามารถเปิดได้นะครับ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้านหลัง โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box พื้นที่ใน Shower Box กว้างพอสมควร ชุดฝักบัวของ Mogen พร้อม Rain Shower ออกจากห้องน้ำกับห้องครัวมา มองตรงผ่าน Living Area ไปจะเป็นทางเข้าห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ที่แยกกันอยู่คนละด้าน เรามาดูห้องนอนทางซ้ายกันก่อน หน้าบานประตูห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะเป็นสีขาว มือจับประตูเป็นลูกบิดแบบที่เห็นเลยนะครับ เมื่อดูจากแปลนห้องแล้ว ขนาดของห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะไม่ต่างกันมากนะครับ ห้องนี้จะใหญ่กว่านิดหน่อย จะเรียกว่าเป็น Master Bedroom ก็ได้ วางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังดีเลยครับ ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป เตียงจะวางอยู่ติดกับหน้าต่าง ด้านบนจะเป็นบานเปิด 3 บาน ส่วนด้านล่างจะเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควรนะครับ สามารถ Built in เป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะเปลี่ยนเป็นชั้นวางทีวีก็ได้ ใกล้ๆ กันจะเป็นตู้เสื้อผ้า ตรงกลางระหว่างโต๊ะทำงานกับตู้เสื้อผ้ามีหน้าต่างบานเล็กๆ อีก 1 จุด ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำในตัว การจัดวาง Layout ในห้องน้ำ และสุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกันห้องน้ำ ห้องแรกที่เราดูกันมาแล้ว อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box เหมือนเดิมนะครับ แต่ขนาดของห้องนี้จะเล็กกว่าห้องน้ำด้านนอกนิดหน่อย ชุดฝักบัว มาพร้อม Rain Shower เหมือนเดิม เราข้ามมาดูที่ห้องนอนอีกห้องกันบ้าง ห้องนอนห้องนี้ขนาดจะเล็กลงมาอีกนิดหน่อย เตียงใช้ขนาด 5 ฟุตเหมือนกัน หน้าต่างข้างเตียงจะเป็นบานเปิดบานเดียว ปลายเตียงไม่มีที่เหลือพอให้ Built in ชั้นวางทีวีนะครับ อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง วางอยู่ใกล้ๆ กับตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะคล้ายๆ กับห้อง Master Bedroom นะครับ ห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นแบบ 2 ห้องนอนเหมือนกันนะครับ การจะวาง Layout แทบจะไม่ต่างกับห้องเมื่อกี้เลย จะต่างกันแค่ขนาด ห้องนี้นี้ขนาดจะเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 59.20 ตารางเมตร อย่างที่บอกนะครับว่าการจัดวาง Layout แทบจะเหมือนกับห้องเมื่อกี้เป๊ะๆ เข้ามาแล้วก็เจอส่วน Dining Area อยู่หน้าห้องก่อนเลยครับ โต๊ะทานอาหารก็วางขนาด 4 ที่นั่งเหมือนกัน ถัดเข้ามาด้านในเป็นส่วน Living Area มองย้อนกลับออกไปหน้าห้อง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area เหมือนเดิมนะครับ ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็อยู่ที่ระเบียง เรากลับเข้ามาดูที่ห้องครัวกันต่อ ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะเป็นของ Starmark เหมือนกัน ซิ้งค์ล้างจากทรงสี่เหลี่ยมแบบฝัง เตาไฟฟ้า 4 หัวของ Teka มาพร้อมฮูดดูดควัน ด้านบนเป็นตู้แขวนผนัง มีประตูเล็กๆ ออกไปที่ระเบียงเหมือนเดิมครับ อีกด้านเป็นห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Type B2 อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen กระจกเงามีตู้อยู่ด้านหลังเหมือนกัน โถสุขภัณฑ์วางอยู่ระหว่างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ากับ Shower Box Shower Box จะอยู่ด้านในสุดเหมือนเดิมนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กันกับห้อง Type B2 เราออกมาดูที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ เริ่มจากห้องนอนเล็กทางซ้ายมือกันก่อน ห้องนี้วางเตียง 5 ฟุตจะพอดีเลยนะครับ ปลายเตียงไม่มีที่เหลือแล้ว ถ้าอยากดูทีวีในห้องนอน ก็ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแล้วล่ะครับ โต๊ะเครื่องแป้งจะ Built in ไว้ที่ข้างเตียง ใกล้ๆ กันจะเป็นตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บาน เราข้ามไปดูห้อง Master Bedroom กันต่อ ห้องนี้การจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้อง Master ของ Type B2 เลยนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่กว่านิดหน่อย เตียงที่โครงการจัดไว้ให้เป็นเตียงขนาด 5 ฟุต เตียงจะวางติดกับหน้าต่าง ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ด้านปลายเตียง ใกล้ๆ กับชั้นวางทีวี ส่วนในห้องน้ำก็จะคล้ายๆ กับห้องน้ำด้านนอกนะครับ การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม โถสุขภัณฑ์อยู่ระหว่างอ่างล้างหน้ากับ Shower Box Shower Box อยู่ด้านในสุด ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower อย่างที่ทราบกันแล้วว่า โครงการ ชีวาทัย Interchange ได้เปรียบมากในเรื่องทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่ติดกับทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าเลย ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ ถึงจะอยู่ในทำเลเดียวกัน แต่ก็ยังตั้งอยู่ห่างจากตัวสถานีรถไฟฟ้าออกไปอย่างน้อย 300 เมตร จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจโครงการนี้ก่อนรายอื่นๆ ปัจจุบันห้องแบบ 2 Bedroom ยังมีเหลือให้เลือกจับจองอีกพอสมควร ถ้าใครกำลังมองหาห้องพักอาศัยในย่านนี้ แนะนำให้นัดหมายเพื่อเข้าไปชมห้องตัวอย่างในสถานที่จริงกันก่อนครับ เผื่อจะได้ตัดสินใจซื้อในเร็ววัน เพราะคาดว่าในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเมื่อไหร่ ราคาห้องก็คงขยับสูงขึ้นไปอีกแน่ๆ แล้วจะต้องมาเสียดายทีหลัง
Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ : รีวิวคอนโด

Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปชมคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุดจากเครือ LPN ในชื่อ Lumpini Mixx (ลุมพินี มิกซ์) ซึ่งปักหมุดในทำเลใกล้สี่แยกศรีเทพา (ถนนศรีนครินทร์ตัดกับถนนเทพารักษ์) เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับสายสีเหลืองอยู่เนืองๆ แถมเปิดตัวที่ราคา 7 แสนเศษเท่านั้น ยิ่งทำให้รู้สึกน่าจับจองเป็นที่สุด ว่าแล้วก็ไปดูโครงการกันเลยดีกว่าครับ การเดินทาง การเดินทางวันนี้เราขอยืดรถไฟฟ้าเป็นหลัก ด้วยการมาลงที่สถานีแบริ่ง ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ณ ขณะนี้ แล้วต่อรถมายังตัวโครงการอีกที ซึ่งก็สามารถเลือกได้ทั้งเส้นทางในซอยแบริ่ง มาออกถนนศรีนครินทร์ แล้วค่อยมาเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ หรือวิ่งตรงมาผ่านสถานีตำรวจภูธรตำบลสำโรงเหนือแล้วก็เลี้ยวซ้าย วิ่งตรงมาตามถนนเทพารักษ์ยาวๆ เลย พอผ่านแยกศรีเทพา ก็ให้กลับรถแล้วชิดซ้ายเพื่อเข้าโครงการ เนื่องจากที่ตั้งโครงการ Lumpini Mixx อยู่ห่างจากสี่แยกศรีเทพาเพียง 260 เมตรเท่านั้น การต่อรถจากสถานีรถไฟฟ้ามายังโครงการก็ทำได้ง่าย มีให้เลือกทั้งรถสองแถวสีส้ม (บางนา-สำโรง หนามแดง) หรือจะเรียกรถแท็กซี่ หรือใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างตรงทางลงรถไฟฟ้าก็สะดวกดีเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทางโครงการ Lumpini Mixx ก็จัดให้มีรถรับ-ส่งจากโครงการไปยังสถานีรถไฟฟ้าแบริ่งเพื่อเพิ่มความสะดวกสำหรับลูกบ้านด้วย   การเดินทางวันนี้เราเริ่มจาก BTS สถานีแบริ่งกันเลยนะครับ จากตรงนี้ไปมี 2 เส้นทางให้เลือกคือเข้าถนนสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งก็ได้ หรือตรงไปเข้าถนนเทพารักษ์เลยก็ได้เหมือนกัน เราเลือกตรงมาตามถนนสุขุมวิท แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเทพารักษ์นะครับ จาก BTS สถานีแบริ่งมา มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีเขียว ตลอดทางไปจนถึงบริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเลยนะครับ จาก BTS แบริ่งมาประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ จะเจอบิ๊กซี สำโรงอยู่ทางขวามือ เราตรงมาตามถนนสุขุมวิทเรื่อยๆ ตรงนี้จะเป็นจุดก่อสร้าง BTS สถานีสำโรง อยู่ก่อนถึงแยกที่เราจะเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ ตรงมาอีกหน่อยจะเจอ 3 แยก ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนเทพารักษ์ เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะเห็นบรรยากาศบนถนนเทพารักษ์เป็นถนน 3 เลน ตอนเราไปเป็นช่วงเกือบจะเที่ยงแล้ว การจราจรจึงคล่องตัวอย่างที่เห็น เข้าสู่ตำบลบางเมืองกันแล้ว จากแยกถนนสุขุมวิท เราตรงมาตามถนนเทพารักษ์อีกประมาณ 4 กม. จะเจออีกแยก เป็นแยกศรีเทพา (ถนนเทพารักษ์ตัดกับถนนศรีนครินทร์) เราตรงผ่านแยกศรีเทพาไปเลยนะครับ เลยแยกมานิดเดียว จะเห็นโครงการอยู่ทางด้านขวามือ เราชิดขวาเพื่อกลับรถ จุดกลับรถจะอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าโครงการเลยนะครับ กลับรถแล้วรีบชิดซ้ายทันที ถึงแล้วละครับ สำนักงานขายของโครงการ ถ้าใครไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว หน้าโครงการก็มีรถสาธารณะไว้ให้บริการด้วยนะครับ ทั้งรถเมล์ และรถสองแถว วิ่งไปถึง BTS แบริ่งกันเลย เลี้ยวเข้าไปจอดรถด้านหลังสำนักงานขายได้เลยครับ เข้ามาในสำนักงานขายแล้วคึกคักทีเดียวครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็สะดวกไม่แพ้กัน เพราะมีเส้นทางให้เลือกทั้งถนนเทพารักษ์ ถนนศรีนครินทร์ ที่ไปออกได้ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนบางนา-ตราด และถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งใต้ สำหรับในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวทำส่วนต่อขยายเสร็จแล้ว สถานีก็จะขยับเข้ามาใกล้ตัวโครงการมากขึ้น จากสถานีแบริ่งก็จะเป็นสถานีสำโรงแทน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งอยู่ในแผนก่อสร้างในอนาคต ก็จะมีสถานีศรีด่าน และสถานีศรีเทพาอยู่ใกล้ๆ ในระยะเพียง 1 กิโลเมตรครับ วิเคราะห์รอบโครงการ โครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ในชุมชนตรงสี่แยกย่านศรีเทพาพอดี พื้นที่รอบๆ เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมด ริมถนนเทพารักษ์แถบนี้เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย มีอาหารการกินขายตั้งแต่เช้ายันค่ำ รถราก็วิ่งผ่านไปมาตลอดวัน บรรยากาศจึงคึกคักไม่เงียบเหงา หรือห่างไกลความเจริญเลยครับ แหล่งช็อปปิ้งสำคัญๆ ของย่านนี้ก็อยู่รอบๆ โครงการ บนเส้นศรีนครินทร์ก็มีทั้ง Food Land, Big C, Makro, Paradise Park และ Seacon Square เลยไปทางถนนบางนา-ตราดก็มี Central บางนา, Mega บางนา และ Tesco Lotus ส่วนสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีแวดล้อมครบถ้วนทั้ง โรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน มหาวิทยาลัย ธนาคาร และหน่วยงานราชการ ใกล้โครงการมีร้านขายอาหารอยู่หลายร้านเลยนะครับ สำหรับโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ที่มีทั้งหมด 7 อาคารด้วยกัน แต่ละอาคารตั้งเรียงตัวกันยาวเข้าไปตามแนวของที่ดิน โซนด้านหน้าเรียกว่าโซน A มี 3 อาคาร ส่วนด้านในเป็นโซน B มีอีก 4 อาคาร โดยที่ Facilities ต่างๆ ก็กระจายกันไปในแต่ละอาคาร ลูกบ้านแต่ละอาคาร ดังนี้ อาคาร A1 จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด และร้านเสริมสวย อาคาร A2 มีร้านอาหาร ห้องเด็กเล่น และห้องสมุด อาคาร A3 มีห้องออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ อาคาร B1 มีห้องกิจกรรมผู้สูงอายุ อาคาร B2 มีร้านอาหาร อาคาร B3 มีห้องออกกำลังกายอีกห้อง อาคาร B4 ห้องเด็กเล็ก และห้องสมุด ส่วนพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนก็มีอยู่ทุกๆ อาคาร เช่นเดียวกับที่จอดรถที่มีให้จอดที่บริเวณด้านหลังของทุกๆ อาคาร และมีอาคารจอดรถสูง 4 ชั้น อยู่ระหว่างอาคาร B2 และ B3 เพิ่มเติมมาให้ด้วย ช่วยเพิ่มจำนวนที่จอดรถได้มากขึ้นพอสมควร แต่โดยรวมแล้วก็ยังสามารถรองรับได้ประมาณ 30% เรื่องทิศทางของอาคาร อาคารทั้งหมดจะตั้งอยู่ในแนวเหนือใต้ตามรูปที่ดิน หน้าอาคารในโซน A จะหันไปทางทิศตะวันออก ส่วนโซน B หันหน้าไปทางทิศตะวันตกครับ ดังนั้นห้องเกือบทั้งหมดจึงเผชิญกับทิศตะวันออก และทิศตะวันตก รักชอบด้านไหนก็เลือกกันได้ตามสะดวก นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน ลิฟท์โดยสารอาคารละ 2 ตัว และรถรับส่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านเพิ่มเติม Master Plan ของโครงการที่มีทั้งหมด 7 อาคาร เรียงตัวกันยาวเข้าไปตามแนวของที่ดิน มีอาคารจอดรถสูง 4 ชั้น 1 อาคาร อยู่ระหว่างอาคาร B2 กับ B3 แต่ละอาคารจะมีสวนสีเขียวอยู่หน้าอาคาร อาคาร A1 จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด และร้านเสริมสวย อยู่ที่ชั้น 1 และห้องพักบางส่วนจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 และอีกส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร ชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด อาคาร A2 ชั้น 1 จะมีร้านอาหาร ห้องเด็กเล่น ห้องสมุด ส่วนหนึ่งเป็นห้องพักอาศัย และที่จอดรถใต้อาคารและรอบๆ อาคาร อาคาร A3 มีห้องออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ อยู่ที่ชั้น 2 สระว่ายน้ำบนชั้น 2 ของอาคาร A3 อาคาร B1 ชั้น 1 มีห้องกิจกรรมผู้สูงอายุ และห้องพักอาศัยก็เริ่มต้นที่ชั้น 1 นี่เลยนะครับ ที่จอดรถจะใช้พื้นที่รอบๆ อาคาร อาคาร B2 มีร้านอาหาร อยู่ที่ชั้น 1 อาคาร B3 จะมีห้องออกกำลังกายอยู่อีก 1 ห้อง อาคาร B4 จะมีห้องเด็กเล็ก และห้องสมุด พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกว่าโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ เป็นแบรนด์ใหม่เอี่ยมแกะกล่องจากเครือ LPN เลยมีห้องแบบใหม่มาฝากกันด้วย แต่ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ห้องแบบเดิม ไซส์เดิมตามมาตรฐานของ Lumpini ยังคงมีอยู่ครบ โดยทางโครงการจะแบ่ง Layout ห้องแบบเดิมในขนาด 22.50-26.50 ตร.ม. ไว้ในอาคารโซน A ส่วนห้อง Layout ใหม่ ขนาดใหม่จะอยู่ในอาคารโซน B ทั้งหมด ซึ่งห้องแบบใหม่จะมีขนาดที่ 21.50-22 ตร.ม. เรียกว่าเป็นขนาดที่เล็กกระทัดรัดกว่านิดหน่อย แต่ก็มีการจัดวางพื้นที่ภายในให้สามารถใช้สอยได้คุ้มค่าเหมือนเดิม ดังนั้นราคาห้องเริ่มต้นของโครงการนี้จึงอยู่ในช่วงราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก เชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นหน้าตาของห้องตัวอย่างกันแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่าครับ ห้อง Studio ขนาด 21.50 ตารางเมตร เรามาเริ่มกันจากห้อง Studio ขนาด 21.50 ตารางเมตร กันก่อนเลยนะครับ ห้องที่ได้จะเป็นห้องเปล่า แต่ถ้าอยากได้แบบห้องตัวอย่าง ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 175,000 บาท ห้องนี้จะเป็น Layout แบบใหม่ของ LPN อาจจะแปลกตาหน่อยนะครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นส่วน Living Area อยู่ด้านหน้า ถัดเข้าไปจะเป็นห้องนอน พื้นที่ Living Area ขนาดกะทัดรัต ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา จะได้ประมาณนี้นะครับ ก็ถือว่าไม่แคบเกินไป สำหรับห้อง size นี้ จุดที่วางทีวี โครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ แบ่งครึ่งกับโต๊ะทานอาหารหรือจะเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ ฝั่งที่วางโซฟาในห้องตัวอย่าง Built in เป็นโซฟา 2 ที่นั่ง ที่อยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังพอดีครับ ติดกับเตียงนอนจะมีหน้าต่าง เป็นกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้ Built in เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ อีกฝั่งของห้องจะเป็นส่วนครัว อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับระเบียง เคาน์เตอร์ครัว จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ นะครับ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่า ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง ด้านขวามือของครัวจะเป็นห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นของ American Standard อ่างล้างหน้า มาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว ด้านไหนจะเป็นส่วนเปียก ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะครับ อาจจะต้องติดเพิ่มเอง ชุดฝักบัว มีก๊อกน้ำอยู่ด้านล่างให้ด้วย ส่วนด้านซ้ายของครัว จะเป็นประตูออกไปที่ระเบียงด้านนอก ระเบียงด้านนอกรูปร่างหน้าตาก็ตามสไตล์ LPN นะครับ ด้านบนจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ มีกริลเป่าลมออกด้านนอก มีหน้าต่างบานเกล็ด เพื่อช่วยระบายกลิ่นออกจากส่วนครัว ต่อมาเรามาดูแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร แปลนห้อง 2 ห้องนอนขนาด 43 ตารางเมตร เป็นการเอาห้อง 21.50 ตารางเมตร 2 ห้องรวมกัน ห้องนี้หากให้โครงการตกแต่งให้เหมือนในห้องตัวอย่าง ต้องเพิ่มเงินอีก 350,000 บาท เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เราจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ จุดที่วางโซฟาและทีวีจะวางเยื้องๆ กันอยู่สักหน่อยนะครับ เพราะว่าติดทางเข้าห้องนอนเล็ก ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านใน จะเป็นจุดที่วางโต๊ะทานอาหาร อยู่ติดกับหน้าต่าง โต๊ะทานอาหารวางเข้ามุมอยู่ จริงๆ จะวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งแนวยาว ก็ยังสามารถวางได้นะครับ จากมุมโต๊ะทานอาหาร และ Living Area เข้าไปจะเป็นส่วนครัว อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำ กับระเบียง คล้ายๆ กับห้อง Studio ชุดเคาน์เตอร์ครัวจะเหมือนกับแบบห้อง Studio เลยนะครับ ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้เป็นไปตามมาตรฐานของ LPN ด้านขวาเป็นระเบียงห้อง ขนาดของระเบียงเป็นไปตามมาตรฐานของ LPN ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ด้านขวาจะเป็นห้องนอนเล็ก ด้านซ้ายจะเป็นห้องนอนใหญ่ เรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อน ขนาดห้องค่อนข้างจะเล็กอยู่เหมือนกันนะครับ อาจจะทำเป็นห้องนอนให้เด็กๆ ก็ถือว่าลงตัวทีเดียว ทางโครงการใช้เตียง Built in เข้ากับขนาดห้องพอดี ด้านหน้าห้องเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า และมีโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ด้วย มีช่องหน้าต่างมองทะลุไปที่ห้องนอนใหญ่ได้ด้วย อาจจะทำไว้เพื่อไม่ให้ห้องดูทึบหรือดูอึดอัดเกินไป มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อ ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย วางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังดีครับ ข้างเตียงเป็นทางเดินไปห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง ตรงนี้จะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับระเบียง ด้านขวาจะมีห้องน้ำในตัวให้อีก 1 ห้อง การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกับห้องข้างนอก อีกด้านเป็นประตูออกไปที่ระเบียง ขนาดของระเบียงเป็นไปตามมาตรฐานของ LPN แบบสุดท้ายไปดูห้อง 1 ห้องนอนขนาด 26 ตารางเมตร ห้องนี้จะเป็น Layout ตามแบบฉบับของ LPN ที่หลายๆ คนคุ้นเคย ห้องนี้คิดค่าตกแต่งเพิ่ม 225,000 บาท เข้ามาในห้องก็จะส่วน Living Area อยู่ด้านหน้าเหมือนเดิม พื้นที่วางโซฟา ถ้าจะวางให้เต็มพื้นที่เลย สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้เลยนะครับ ฝั่งตรงข้ามเป็นจุดที่วางทีวี ติดกับ Living Area จะเป็นห้องนอน ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่ข้างๆ เตียงเหลือนิดหน่อย ปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ที่โครงการ Built in ไว้ให้ ออกมาดูที่ส่วนครัวกันต่อ เคาน์เตอร์ครัวที่ได้ จะเป็นครัวแบบมาตรฐานของ LPN นะครับ เหมาะสำหรับการเตรียมอาหารมากกว่าทำอาหารเอง พื้นที่ในส่วนครัว ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว จะเป็นจุดที่วางดต๊ะทานอาหาร วางได้เป็นโต๊ะเล็กๆ ขนาด 2 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัวนี่นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้างพอสมควร มีธรณีประตูเตี้ยๆ กั้นอยู่ด้วย จากระเบียงเรากลับเข้าดูห้องน้ำด้านในกันต่อ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าเป็นเคาน์เตอร์ยาวเต็มแนวผนัง วัสดุเป็น Fiber กระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อยู่ติดกับอ่างหน้าล้าง อีกด้านเป็น Shower Box ที่มีฉากกั้นมาให้ด้วย ชุดฝักบัวของ Hafele แบบห้องขนาดอื่นๆ โดยรวมแล้วโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ ถือว่าอยู่ในทำเลที่น่าสนใจ เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ไม่ไกลจากย่านนี้มากนัก ที่ตั้งโครงการยังอยู่ในเขตชุมชนใกล้ๆ แยกศรีเทพา พื้นที่รอบๆ เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมด ริมถนนเทพารักษ์แถบนี้เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย มีอาหารการกินขายตั้งแต่เช้ายันค่ำ รถราก็วิ่งผ่านไปมาตลอดวัน บรรยากาศจึงคึกคักไม่เงียบเหงา แหล่งช็อปปิ้งสำคัญๆ ของย่านนี้ก็อยู่รอบๆ โครงการ การเดินทางถือว่าสะดวกทีเดียว หากไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็มีรถโดยสารประจำทางคอยให้บริการอยู่ตลอด แถมในอนาคตอันใกล้จะมีรถไฟฟ้าขยับใกล้เข้าอีกหน่อยคือ BTS สถานีสำโรง ที่ต่อขยายมาจาก BTS แบริ่ง อยู่บริเวณปากทางถนนเทพารักษ์ และยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเพิ่มมาอีก คราวนี้จะใกล้เข้ามาอีกคือสถานีศรีด่านอยู่ใกล้ๆ แยกศรีเทพา ในอนาคตการเดินทางจะสะดวกสบายเพิ่มขึ้นอีกมาก ส่วนเรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่จัดมาให้ก็ได้ตามมาตรฐานของ LPN จะต่างกันตรงที่โครงการนี้ถือว่าเป็นแบรนด์ใหม่ของ LPN ที่มีห้อง Layout แบบใหม่เพิ่มขึ้นมา แต่เรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็จะได้ตามคุณภาพของ LPN เหมือนเดิมครับ หมายเหตุ : โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม
บียอนด์ ศรีนครินทร์ : รีวิวบ้าน

บียอนด์ ศรีนครินทร์ : รีวิวบ้าน

วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการ บียอนด์ ศรีนครินทร์ บ้านเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติ ตรงข้ามสวนหลวง ร.9 ภายใต้คอนเซปต์ Ever Green Living ซึ่งทางโครงการเปิดบ้านสไตล์โมเดิร์นให้เราได้เข้าไปเก็บภาพมาฝากแฟนๆ กันครับ   การเดินทาง การเดินทางมายังโครงการนี่ค่อนข้างสะดวกทีเดียว เพราะสามารถเลือกเส้นทางในการเดินทางได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านถนนสุขุมวิท เข้าซอยอุดมสุข (สุขุมวิท 103) ตรงมาข้ามแยกตัดถนนศรีนครินทร์ แล้วเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 มาอีกนิดหน่อยก็จะเจอกับโครงการ บียอนด์ ศรีนครินทร์ อยู่ทางด้านขวามือ นับจากปากซอยอุดมสุขมาถึงหน้าโครงการก็มีระยะทางแค่ 6.6 กิโลเมตรเท่านั้นครับ ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่ การเดินทางเส้นทางแรกเราเริ่มจากปากซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุข กันเลยนะครับ ใครใช้รถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีอุดมสุข แล้วก็ต่อรถเข้าซอยนี้ได้เลยครับ บริเวณปากซอยอุดมสุขทั้ง 2 ข้างทาง จะมีร้านขายอาหาร เยอะแยะให้เลือกซื้อหา การจราจรตรงช่วงปากซอยจะติดขัดอยู่สักหน่อยนะครับ เพราะมีรถสองแถวจอดรอรับผู้โดยสารกินเลนซ้ายไป 1 เลน เลยจากปากซอยมาเข้าหน่อยการจราจรก็เริ่มโล่งขึ้นแล้วครับ ในซอยนี้มีร้านอาหารอยู่เยอะเหมือนกันนะครับ จะมีอยู่ตาม 2 ข้างทางเป็นช่วงๆ ช่วงไหนมีรถจอดข้างทางเยอะ แสดงว่าตรงนั้นแหละครับ มีร้านอาหาร เราตรงเข้ามาในซอยอุดมสุขเรื่อยๆ ก็เจอป้ายบอกทางไปถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ข้างหน้าจะมีสะพานข้ามถนนศรีนครินทร์ เราตรงขึ้นสะพานไปทางประเวศเลยครับ เราขึ้นสะพานไปเลยนะครับ ตรงนี้จะเป็นถนนศรีนครินทร์ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางซีคอน ถ้าเลี้ยวขวาจะไปออกถนนบางนา-ตราด หรือไปทางเทพารักษ์ก็ได้ พอลงสะพานมาแล้ว จะเป็นถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แล้วนะครับ ถนนเส้นนี้จะมีโครงการบ้านจัดสรรอยู่เป็นระยะๆ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงบ่ายๆ การจราคล่องตัวดีนะครับ แต่ได้ยินมาว่าช่วงเช้ากับช่วงเย็นรถจะมาติดอยู่บริเวณหน้าวัดตะกล่ำตรงนี้แหละครับ เลยจากวัดตะกล่ำมาอีกสักหน่อยก็ใกล้ถึงโครงการแล้วครับ ถึงแล้วครับ โครงการ บียอนด์ ศรีนครินทร์ อยู่ด้านขวามือ หรือถ้าจะเลือกเข้าจากทางถนนบางนา-ตราดก็ได้ พอลงทางด่วนบางนามาแล้ว วิ่งผ่านเซ็นทรับบางนามานิดหน่อยก็ให้เลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ พอมาถึงแยกตัดกับถนนอุดมสุขก็เลี้ยวขวาเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติฯ ได้เลย เส้นทางนี้นับจากลงทางด่วนมาก็แค่เกือบๆ 8 กิโลเมตร เท่านั้น สำหรับเส้นทางนี้เราสามารถเลือกเลี้ยวเข้าซอยเชลียง 7 หรือ ซอยบางนา-ตราด 21 ซึ่งถึงก่อนห้างเซ็นทรัลบางนาเล็กน้อยมาเข้าถนนอุดมสุขได้ด้วย ซึ่งเส้นทางนี้เหมาะกับใช้เดินทางจากโครงการมาช็อปปิ้งที่ห้างเซ็นทรัลมากครับ เพราะไม่ต้องออกถนนบางนาตราดไปกลับรถให้เสียเวลา เส้นทางที่ 2 เราเริ่มจากถนนบางนา-ตราด ฝั่งตรงข้ามไบเทค บางนา ใครมาทางด่วน มาลงสี่แยกบางนา แล้วใช้เส้นทางนี้ต่อเลยนะครับ เลยมาอีกจะเจอเซ็นทรัล ซิตี้ บางนา ติดกับเซ็นทรัล จะเป็นบิ๊กซี เลยจากบิ๊กซีมา เตรียมชิดซ้าย ตามป้ายบางกะปิเลยครับ เจอ SB Design Square แล้วชิดซ้ายไว้เลยครับ เลยจาก SB มานิดเดียว เราต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปเข้าถนนศรีนครินทร์ เลี้ยวมาแล้วจะเจอวัดศรีเอี่ยมอยู่ทางซ้ายมือ จากนั้นขับตรงไปเลยครับ อาจจะมีโค้งเยอะหน่อยนะครับ ตรงมาเรื่อยๆ เราก็มาออกถนนศรีนครินทร์กันแล้ว ตรงมาตามถนนศรีนครินทร์เรื่อยๆ เราชิดซ้ายไว้นะครับ ข้างหน้าจะมีอุโมงค์ลอดผ่านแยกหนองบอน เราไม่ต้องลงอุโมงค์นะครับ เลยทางลงอุโมงค์มาแล้ว ให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะเดี๋ยวเราจะเลี้ยวขวาไปทางลาดกระบัง เลี้ยวขวามาแล้ว เราก็เข้าสู่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 กันแล้วนะครับ คราวนี้ตรงไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางแรกเลยครับ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางถนนอ่อนนุช ออกถนนศรีนครินทร์ แล้วมาเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติฯ มาที่โครงการได้ หรือจะเลี่ยงไปวิ่งถนนวงแหวนตะวันออกแล้วเข้ามาทางเขตประเวศก็ได้อีกเช่นกัน เรียกว่าเส้นทางเดินรถรอบๆ โครงการนั้นมีให้เลือก ให้เลี่ยงรถติดได้เยอะดีเหมือนกันครับ นี่แค่เส้นทางหลักๆ เท่านั้น ถ้าใครที่คุ้นเคยถนนหนทางแถบนี้หน่อยก็จะรู้ว่า ตรอกซอกซอยย่านนี้เชื่อมโยงถึงกันได้หลายทาง ถึงบริเวณรอบๆ นี้จะมีปัญหารถติดค่อนข้างมาก แต่ยังมีทางเลี่ยงได้เยอะเลยไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไหร่ครับ ในขณะเดียวกัน ถ้าใครอยากจะใช้บริการระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ หน้าโครงการก็หาเรียกได้ทั้งแท็กซี่ รถเมล์ และรถสองแถว ซึ่งมีให้เลือกหลายสายไปได้หลายเส้นทาง หรือถ้าจะต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สามารถทำได้ไม่ยากครับ สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุขเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุด แค่เรียกรถต่อไปอีกหน่อยก็สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่ายและรวดเร็วแล้วครับ วิเคราะห์รอบโครงการ อย่างที่ชื่อโครงการก็บอกชัดไว้แล้วว่า ทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้สวนหลวง ร.9 จากหน้าโครงการไปไม่ไกลก็จะเจอทางเข้าสวนหลวง ร.9 แล้ว บริเวณใกล้เคียงนี้จะเป็นหมู่บ้านเดี่ยว และบ้านพักอาศัยเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะห่างไกลแหล่งช็อปปิ้ง และร้านค้าร้านอาหารชนิดขาดความอุดมสมบูรณ์ไปเลยนะครับ เพราะแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ในย่านนี้ก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เช่น ห้างเซ็นทรัลบางนา ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค เทสโกโลตัส แถมตลอดถนนเฉลิมพระเกียรติฯ ก็มีร้านอาหารเรียงรายอยู่มากมาย รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อก็รายล้อมอยู่ใกล้ๆ เช่นเดียวกับสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีครบถ้วนทั้งโรงพยาบาล ธนาคาร โรงเรียน มหาวิทยาลัย และที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ Landmark สำคัญอย่างสวนหลวง ร.9 ซึ่งถือเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ให้ผู้คนในย่านนี้ได้มาออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ ใกล้ชิดธรรมชาติ และสูดอากาศบริสุทธิ์กันได้เต็มปอด ในส่วนของพื้นที่ของโครงการจะมีลูกบ้านทั้งหมดเพียง 58 หลังเท่านั้น อีกทั้งทางโครงการยังกั้นรั่วรอบโครงการสูงถึง 6 เมตร จึงค่อนข้างได้เปรียบเรื่องความปลอดภัยและให้ความเป็นส่วนตัวไปพร้อมๆ กัน โซนด้านหน้าของโครงการจะเป็นคลับเฮาส์ส่วนกลาง มีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือขนาดใหญ่ ห้องฟิตเนส สนามเด็กเล่น และสวนส่วนกลาง นอกจากนี้ระบบไฟฟ้าภายในโครงการก็เป็นระบบฝังใต้ดินทั้งหมด จึงไม่มีสายไฟระโยงระยางให้เกะกะสายตา ในขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปตามมาตรฐานทั้งกล้อง CCTV ทั่วโครงการ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และระบบ Key Card เข้าออกโครงการครับ สำหรับแผนผังที่ดินของโครงการก็ไม่มีอะไรยากครับ ที่ดินมีลักษณะเป็นรูปตัว T จากหน้าโครงการลึกเข้าไปแล้วแยกออกเป็นซ้าย-ขวา ไม่มีซอยแยกซับซ้อนเพราะจำนวนบ้านมีไม่มาก บ้านส่วนใหญ่จะหันหน้าไปในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ แต่ถ้าใครที่อยากได้บ้านหันหน้าไปทางทิศเหนือ ใต้ ก็ต้องเลือกในโซนด้านหน้าโครงการ แต่ก็มีจำนวนไม่มากนะครับ เข้ามาในโครงการจะเป็นถนนหน้ากว้าง 10 เมตร วิ่งตรงเข้าไปด้านในโครงการจะเป็นถนนกว้าง 9 เมตร ด้านขวามือจะเป็นคลับเฮาส์ของโครงการ เข้าไปชมคลับเฮาส์กันซะหน่อย เข้ามาแล้วจะเจอสระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกสระเด็กไว้เรียบร้อย สระใหญ่ก็ลึกไม่เกิน 1.2 เมตรครับ มุมอาบน้ำข้างสระว่ายน้ำ เตียงพักผ่อนริมสระ ช่วงเย็นมานั่งเอนหลังได้ชิวๆ บรรยากาศสไตล์รีสอร์ทเลยนะครับ ไม่ธรรมดาจริงๆ ที่เห็นเป็นอาคาร 2 ชั้น ตอนนี้ชั้นล่างจะเป็นสำนักงานของนิติบุคคล ส่วนด้านบนจะเป็นฟิตเนส มีห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว แยกชายหญิง อยู่ด้านล่างอาคาร ภายในห้องน้ำก็จะมีทั้งห้องอาบน้ำ และห้องสุขา สำหรับคนที่มาใช้บริการที่คลับเฮาส์ ด้านหลังสระว่ายน้ำ จะมีสนามเด็กเล่นเล็กๆ ปูพื้นด้วยหญ้าเทียม ครอบครัวที่มีลูกๆ ยังเล็กน่าจะชอบ พาชมบ้านตัวอย่าง แบบบ้านของโครงการมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ซึ่งแบ่งกันตามขนาดของที่ดินและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ในขณะที่ลักษณะหน้าตาของบ้านแต่ละหลังก็ไม่ได้ต่างกันมาก ยังคงคงคอนเซปต์การออกแบบในแนวโมเดิร์นไว้ บ้านทุกหลังจะมีสัญญาณกันขโมย ลำโพง Bose ฝังฝ้า แอร์ฝังฝ้าแบบ Flow Way หนึ่งตัวที่ห้องนั่งเล่น และแอร์ติดผนังตามจำนวนห้อง รวมถึงเครื่องครัว สุขภัณฑ์ ตามมาตรฐานโครงการ และประตูรั่วพร้อม Remote Control ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลแบบคร่าวๆ ที่ทางโครงการจัดไว้ให้ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนอื่นๆ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานขาย แต่ก่อนอื่นเราไปชมบรรยากาศในบ้านตัวอย่างกันดีกว่าครับ จะได้พอเห็นภาพและหน้าตาวัสดุต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น แบบบ้านที่เราได้ชมกันในครั้งนี้มีชื่อว่า Keen เป็นบ้านทรงโมเดิร์นบนที่ดินขนาด 52 ตร.วา ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ซึ่งมาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยกว่า 310 ตร.ม. จุดเด่นภายในบ้านแต่ละหลังคือ การเล่นระดับพื้นที่ภายในให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ยังได้ความโอ่อ่า หรูหรา อยู่สบาย ซึ่งก็น่าจะถูกใจหลายๆ คนไม่มากก็น้อยครับ บ้าน Keen สูง 3 ชั้น บนที่ดินขนาด 52 ตร.วา แปลนบ้านชั้น 1 หน้าบ้านจอดรถได้ 3 คัน แปลนบ้านชั้นที่ 2 จะเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ครับ แปลนชั้นที่ 3 จะแบ่งเป็นห้องนอน 2 และพื้นที่ระเบียง รูปแบบบ้านจะออกแบบในสไตล์โมเดิร์น เน้นความเรียบหรู บริเวณหน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน ลานหน้าบ้านเป็นทรายล้างเล่นลายนะครับ ซึ่งต่างจากที่เห็นในบ้านตัวอย่าง เดี๋ยวเราไปชมรอบๆ บ้านกันก่อน พื้นที่ตรงนี้สามารถจอดรถได้คันหนึ่งพอดีๆ พื้นที่ข้างบ้านเหลือนิดหน่อย พอให้เดินไปยังหลังบ้านได้ พื้นที่รอบบ้านจะตกแต่งเป็นสวน ปูหญ้าให้ด้วย ภายใต้คอนเซปต์ Ever Green Living พื้นที่สวนหลังบ้านกว้างประมาณ 2 เมตร บ้านจริงจะเป็นพื้นหญ้าสีเขียวปกตินะครับ ไม่ได้แต่งสวนให้แบบนี้ ลานด้านข้างของบ้านตัวอย่างจะปูพื้นกระเบื้องไว้ แต่บ้านจริงจะเป็นสนามหญ้าทั้งหมดครับ มุมนั่งเล่นหลังบ้านส่วนนี้ทางโครงการก็ตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียเช่นกันครับ หน้าบ้านมีซุ้มประตูเล็กดูหรูหราด้วยกระเบื้องหินอ่อนครับ จากซุ้มประตูเข้ามา ก็จะเป็นบันไดเข้าสู่ตัวบ้าน เดี๋ยวเราเข้าไปดูในตัวบ้านกันต่อ สวิชไฟดีไซน์เรียบหรู เข้ามาในบ้านแล้วมองตรงไปจะเป็นห้องทานอาหาร ด้านขาวมือจะเป็น Living Room Living Room พื้นที่จะค่อนข้างกระทัดรัด อาจจะดูไม่ใหญ่สมกับที่มีถึง 4 ห้องนอน แต่จะให้ความรู้สึกอบอุ่นซะมากกว่า บ้านตัวอย่างจัดวางโซฟา L-Shape พร้อมชั้นวางทีวีเล็กๆ บริเวณห้องนั่งเล่นเป็น Double Ceiling ให้บรรยากาศโอ่โถง หรูหรามากเลยทีเดียว ช่องแอร์ฝังฝ้าบริเวณห้องนั่งเล่น ด้านหลังมีหน้าต่างสูงคอยให้แสงสว่างเข้ามา ทำให้ไม่ดูทึบ จนดูอึดอัด มีช่องหน้าต่างจากห้อง Master Bedroom มองลงมาเห็นที่ Living Room บันไดขึ้นชั้น 2 จะแอบอยู่ด้านซ้ายมือก่อนลงไปที่โต๊ะทานอาหาร เดินเลยเข้ามาด้านในเป็นจุดที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน พื้นบริเวณชั้น 1 จะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ อยู่ติดกับห้องครัว จาก Living Room จะดรอปพื้นลงมาระยะประมาณบันได 3 ขั้น โต๊ะทานอาหารวางได้ขนาด 6 ท่านเลยนะครับ มีหน้าต่างอยู่ด้านหลังด้วย มองออกไปเห็นสวนได้นอก ให้ความร่มรื่นเวลาทานอาหาร อีกด้านของโต๊ะทานอาหารจะมีประตูกระจกบานเลื่อน ออกไปยังสวนด้านนอก ห้องครัวในบ้านตัวอย่างจะทำเป็นประตูกระจกบานเลื่อน และกระจกเข้ามุม กั้นห้องครัวให้ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่บ้านจริงไม่มีให้นะครับ ประตูกระจกบานเลื่อนตรงห้องครัวเป็นอลูมิเนียมสีดำตามแบบเลยครับ ชุดครัวที่ทางโครงการเลือกให้เป็นเคาน์เตอร์รูปตัว U ของ Star Mark ตามแบบในบ้านตัวอย่างเลย มีหน้าต่างอยู่ทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้แสงเข้ามาอย่างเพียงพอ และเป็นการระบายกลิ่นอาหารออกนอกตัวบ้านด้วย จะได้เตาไฟฟ้า 4 ตัวของ Teka มาพร้อมฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกัน ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง มีที่พักจานข้างๆ ด้านล่างจะเป็นตู้และลิ้นชักเก็บของ ลิ้นชักเคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบ Soft Close ในครัวจะมีประตูออกมาที่สวนด้านนอก ส่วนที่ติดกับห้องครัวมีห้องน้ำอยู่อีก 1 ห้อง ห้องน้ำที่ชั้น 1 นี้ค่อนข้างจะเล็กกระทัดรัดอยู่สักหน่อยนะครับ จุดที่วางโถสุขภัณฑ์นี่อยู่ใต้บันไดพอดีเลยนะครับ ถ้าไม่ระวังอาจจะชนเอาได้ ห้องน้ำชั้นล่างอยู่ตรงตำแหน่งใต้บันได เวลาลุกจากนั่งชักโครกต้องระวังกันหน่อยสำหรับคนตัวสูงๆ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมมีตู้เก็บของด้านล่าง กระจกเงาจะได้บานสูง Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ พื้นที่ใน Shower Box ขนาดก็กระทัดรัดตามขนาดห้องน้ำ มีช่องระบายอากาศอยู่ด้านบน ติดกับห้องน้ำ เป็นห้องนอนที่มีขนาดเล็กที่สุด บ้านตัวอย่างจะตกแต่งเป็นห้องทำงาน วางตู้โชว์ Daybed และโต๊ะทำงานเข้าไป ก็สามารถเปลี่ยนเป็นห้องทำงานเล็กๆ ได้เลยครับ หรือถ้าจะทำเป็นห้องนอน วางเตียงขนาด 3 ฟุต กำลังดีครับ ถ้าใหญ่กว่านี้จะดูอึดอัดเกินไป หน้าต่างมองออกไปที่ที่จอดรถหน้าบ้าน มุมนี้ตกแต่งไว้เป็นโต๊ะทำงานให้ดูเป็นตัวอย่าง สำหรับชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้อง Master Bedroom แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ เมื่อขึ้นมาแล้วด้านซื้อมือจะเป็นห้องนอน ส่วนด้านขาวมือจะเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet และห้องน้ำ บันไดขึ้นชั้น 2 ไม่มีราวจับนะครับ ทั้ง 2 ด้านเป็นผนังปูน ขึ้นมาถึงจะเจอประตูเข้าห้อง Master Bedroom แผงควบคุมระบบสัญญาณกันขโมย จะอยู่บริเวณหน้าห้องนอนใหญ่ เข้ามาในห้องแล้วจะแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นห้องนอน ฝั่งขวาเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet และห้องน้ำ เราเข้ามาในห้องนอนกันก่อน ภายในห้องนอนก็ไม่ได้ใหญ่มากนะครับ เนื่องจากพื้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง เพื่อทำเป็นห้องแต่งตัว และยังถูก Double Ceilling ของ Living Room กินพื้นที่ขึ้นมาด้วย พื้นของชั้น 2 และชั้น 3 จะปูพื้นด้วยปาร์เก้ไม้สัก วางเตียง King Size ลงไปแล้วพื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลือให้ตกแต่งได้อีกเพียบเลยครับ ข้างเตียงด้านซ้ายจะมีหน้าต่างเล็กๆ ปลายเตียงมีพื้นที่เลหือเยอะให้ Built in ชั้นวางทีวี และชั้นวางของได้ บรรยากาศภายในห้องนอนใหญ่ดูโปร่งสบายมากครับ มีหน้าต่างบานเลื่อน มองลงไปเห็น Living Room ที่อยู่ด้านล่าง มองจากหน้าต่างห้องนอนใหญ่ลงไปจะเห็นห้องนั่งเล่นแบบนี้ครับ มุมห้องอีกด้านมีหน้าต่างบานสูงเข้ามุมไว้ด้วย เมื่อแสงเข้ามาในห้องแล้ว ทำให้รู้สึกว่าห้องโปร่งโล่ง ไม่ดูอึดอัด บานด้านขวามือจะเป็นบานเลื่อน ติดกับบ้านข้างๆ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นระเบียง ออกมาด้านหน้าบ้าน เราออกจากห้องนอนข้ามไปดูห้องแต่งตัวที่อยู่อีกด้านกันต่อ ระหว่างทางเดินมีหน้าต่างอยู่อีก 1 บาน ห้องแต่งตัวปรับพื้นที่ขึ้นไปสูงกว่าห้องนอนอยู่ประมาณบันได 3 ขั้น ตู้ และชั้นวางของทั้งหมดจะ Built-in มาให้ดูเป็นไอเดียเท่านั้นนะครับ ภายในห้องจะ Built in เป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet มีเคาน์เตอร์กระจกเงาอยู่ตรงกลาง บ้านไหนที่มีเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้เยอะๆ ลองเอาไอเดีย Built-in ตู้แบบนี้ไปลองใช้ดูได้ ภาพมุมกว้างของห้องแต่งตัว ในห้องจะมีหน้าต่างบานสูง สามารถเลื่อนเปิดได้ มองลงไปเห็นสวนหลังบ้าน วิวจากหน้าต่างห้องแต่งตัวครับ แทรกด้วยสีเขียวสบายตา มองเข้าไปด้านในสุด จะเป็นห้องน้ำนะครับ ผนังห้องน้ำจะเป็นกระจกเข้ามุม ห้องอาบน้ำนี่เซ็กซี่ดีทีเดียว มุมนี้มองจากห้องแต่งตัวเข้าไปที่ห้องน้ำครับ เข้าในห้องน้ำจะเจอ Shower Box อยู่ตรงกลางเลยนะครับ ขนาดค่อนข้างกว้างทีเดียว ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Kohler ในห้องอาบน้ำมีมุมเล็กๆ ก่อเป็นที่นั่งไว้ให้ด้วย อีกด้านจะเป็นอ่างล้างหน้า และอ่างอาบน้ำ อยู่ติดกับผนังกระจก ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยดทนสีเข้ม ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายไม้ อ่างอาบน้ำจะใช้ของ Kohler อ่างอาบน้ำมีระบบควบคุมตามแบบในรูปเลยครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า มาพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างล้างหน้าจะเป็นทรงสีเหลี่ยมของ Kohler เหมือนกันนะครับ มาพร้อมเคาน์เตอร์สีดำเข้ม มีพื้นที่วางของเยอะเลยครับ ติดกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า มีหน้าต่างอยู่อีก 1 บาน คอยให้แสงสว่าง มองย้อนกลับมาทาง Shower Box จะมีโถสุขภัณฑ์แอบอยู่ข้างๆ จุดที่วางโถสุขภัณฑ์จะมาแอบอยู่อีกด้านนะครับ พื้นที่ค่อนข้างเล็กไปสักหน่อย ชุดโถสุขภัณฑ์มาพร้อมสายชำระ มีหน้าต่างบานเล็กๆ อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย ภายในห้องนอนใหญ่มีชุดลำโพง Bose ฝังฝ้าติดตั้งมาให้พร้อม ชั้น 3 จะเป็นห้องนอนอีก 2 ห้องขนาดเท่าๆ กัน พร้อมกับมีระเบียงใหญ่อยู่ด้วย จากชั้น 2 เราขึ้นบันไดไปดูที่ชั้น 3 กันต่อ โถงบันไดทางขึ้นชั้น 3 จากโถงบันไดที่ชั้น 3 มองออกไปเห็นระเบียงใหญ่ด้านนอก เราเลี้ยวเข้ามาดูในห้องทางขวามือกันก่อนนะครับ ห้องนี้จะอยู่เหนือห้องแต่งตัวที่ชั้น 2 นะครับ จะได้นึกภาพตามกันได้ พื้นที่ห้องถือว่ากว้างพอสมควรนะครับ วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ พื้นที่ปลายเตียงเหลือเยอะเลยครับ Built in เป็นชั้นวางของและชั้นวางทีวีได้เลย ข้างเตียงอีกด้านมีพื้นที่เหลือเยอะให้วางโต๊ะทำงาน เหมือนในบ้านตัวอย่างยังได้ มีหน้าต่างคอยให้แสงสว่างจากด้านหลังโต๊ะทำงาน ติดกับโต๊ะทำงานมีประตูกระจกบานเลื่อน ออกไปที่ระเบียงใหญ่ด้านนอก มุมนี้มองจากระเบียงกลับเข้ามาที่ห้องนอนครับ จะเห็นว่าภายในห้องกว้างขวางดีทีเดียว ห้องน้ำจะอยู่อีกด้าน เป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งอยู่หน้าห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของด้านล่าง กระจกเงาจะได้เป็นแนวยาว โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่หน้า Shower Box Shower Box จะอยู่ด้านในสุดเลยนะครับ จะได้เป็นชุดฝักบัวไม่มี Rain Shower ให้เหมือนห้อง Master ประตูกระจกบานเลื่อนออกไปที่ระเบียงเป็นอลูมิเนียมสีดำ พร้อมระบบ Double Lock ตามภาพเลย พื้นที่ระเบียงถือว่าใหญ่พอสมควรนะครับ สามารถจัดกิจกรรมเล็กๆ ภายในครอบครัวได้เลย ระเบียงจะเข้าออกได้ทั้ง 2 ห้องบนชั้น 3 เลยนะครับ ทีนี้เราข้ามไปดูห้องนอนอีกห้องกันต่อ ขนาดของห้องนี้จะพอๆ กับห้องเมื่อกี้นะครับ แต่การตกแต่งที่ต่างกัน ทำให้ห้องนี้ก็โปร่งโล่ง เลยดูกว้างมากกว่า ถ่ายจากประตูห้องนอนเข้าไปในห้องก็พอจะเห็นภาพว่าห้องนี่ดูกว้างขวางไม่น้อยเลย มุมห้องด้านซ้ายโครงการตกแต่งเป็นมุมแต่งตัว ที่มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและเดย์เบดเล็กๆ อยู่รวมกัน ดูน่ารักดีนะครับ ติดกันจะเป็นห้องน้ำ การจัดวางและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะคล้ายๆ กับอีกห้องเลยนะครับ ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะได้ตามแบบนี้เลย แต่กระจกเงาของห้องนี้จะเล็กกว่า โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระเหมือนห้องก่อนหน้า ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์อย่างในรูปเลยครับ จะได้ชุดฝักบัวเหมือนกันนะครับ ไม่มี Rain Shower ให้ ใน Shower Box จะมีช่องระบายอากาศอยู่ด้านบน พื้นที่ในห้องมีเยอะเลยนะครับ วางเตียง 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยครับ พื้นที่ในห้องนอนกว้างมาก บริเวณปลายเตียงมีพื้นที่โล่งเหลือเฟือ ห้องนี้ปลายเตียงจะไม่เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้นะครับ ห้องนี้ปลายเตียงจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ อาจจะต้องใช้ชั้นวางทีวีแทนการ Built in หน้าต่างกระจกบานใหญ่หันออกไปทางหน้าบ้าน เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ หน้าต่างที่ได้จะเป็นบานเลื่อนบานใหญ่ด้านบน และด้านล่างเป็นบาน Fix อีกดานจะมีประตูบานเลื่อนออกไปที่ระเบียง จะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน เหมือนห้องแรก มองจากระเบียงเข้าไปด้านในโครงการ สำหรับตัวโครงการบียอนด์ ศรีนครินทร์ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีเลยนะครับ สภาพแวดล้อมรอบๆ เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ ไปหน่อยก็เป็นสวนหลวง ร. 9 สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือเรียกได้ว่าเป็นปอดของย่านนี้เลยก็ว่าได้ เรื่องการเดินทางก็ถือว่าสะดวกพอสมควร ที่ตั้งโครงการไม่ได้อยู่นอกเมืองจนเกินไป การเดินทางเข้าเมืองมีให้เลือกหลายเส้นทาง แถมอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าอีกต่างหาก เรื่องทำเลถือว่าหายห่วงเลยครับ เรื่องวัสดุที่ติดมากับตัวบ้านก็ถือว่าเป็นวัสดุเกรดพรีเมี่ยมเหมาะสมกับราคาระดับนี้ ส่วนเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ของโครงการหรือของตัวบ้านเอง  ถ้ารูปภาพที่เรานำมาให้ชมยังไม่จุใจหรืออาจจะยังเห็นภาพรวมๆ ของโครงการไม่ชัดเจน สามารถเดินทางไปชมโครงการด้วยตัวเองได้ทุกวันนะครับ ดูรายละเอียดโครงการหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลยนะครับ โทร : 1787 www.nirvana-group.com www.nirvanabeyond.com E-Mail : contact@nirvana-group.com
รีวิวทำเล Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

รีวิวทำเล Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งในหลายโครงการของเครือ AP ที่มีกระแสการตอบรับที่ดีมากๆ วันนี้เราเลยจะพาไปสำรวจทำเลที่ตั้งโครงการ และบรรยากาศโดยรอบแบบคร่าวๆ กันก่อนที่จะมีการเปิดตัวเต็มๆ อีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ เผื่อว่าใครที่กำลังสนใจอยู่จะได้เก็บข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจ เพราะได้ข่าวมาว่ายอดลงทะเบียนทางหน้าเว็บไซต์ของโครงการตอนนี้พุ่งกระฉูดเกินความคาดหมายไปไกลแล้วครับ สำหรับใครสนใจโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ ก็อย่าลืมไปลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ ผ่านทาง www.apthai.com ไว้ด้วยนะครับ   การเดินทาง   ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ อยู่ติดถนนราชพฤกษ์ ตรงหัวมุมถนนเทอดไทพอดิบพอดี ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมที่ดินสำหรับก่อสร้าง ซึ่งเราได้มีโอกาสได้เข้าไปดูพื้นที่จริงก่อนที่จะมีการเปิด Pre-sale พร้อมๆ กับได้เดินสำรวจดูทำเลใกล้ๆ ไปด้วยเลย   สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เราขับรถข้ามสะพานตากสินมาทางถนนกรุงธนบุรี แล้วเข้าถนนราชพฤกษ์ ผ่านสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศมาก็ชิดซ้ายเลี้ยวไปตามป้ายบอกทางถนนเทอดไท พอขึ้นสะพานข้ามแยกมาแล้วให้ชิดซ้ายเพื่อไปถนนเทอดไท ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ ไม่งั้นจะเลยไปเข้าถนนเพชรเกษมกันซะก่อน วิ่งมาตามทางอีกนิดหน่อยก็จะเห็นตำแหน่งที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือพอดี ซึ่งเส้นทางนี้น่าจะเป็นเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางมายังโครงการ ส่วนเส้นทางรองอีกทางก็สามารถเข้ามาทางถนนบางแคก็ได้ หรือถ้ามาจากทางถนนเพชรเกษม ก็ให้สังเกตป้ายวัดนิมมานรดีตรงปากซอย เส้นทางในซอยแถวนี้พอจะให้ใช้หลีกหนีรถติดได้พอสมควรครับ ส่วนการเดินทางมายังโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ ด้วยรถไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นอีกวิธีที่สะดวกพอสมควร เพราะอยู่ห่างออกไปเพียง 10 สถานีเท่านั้น แค่เดินจากหน้าโครงการไปอีก 350 เมตร ก็ขึ้นรถไฟฟ้าได้แล้ว ยิ่งในอนาคตทางกรุงเทพมหานครจะทำทางเดินเชื่อมจากตัวสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าข้ามคลองภาษีเจริญมายังฝั่งเทอดไท ก็จะยิ่งความสะดวกกับคนที่อาศัยอยู่ฝั่งนี้มากขึ้น แถมทางโครงการจะเชื่อมต่อทางเดินบน Sky Walk ให้ยาวมาจนถึงหน้าทางเข้าโครงการเลย ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้านที่ต้องใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นไปอีกหลายเท่า เพราะแค่ก้าวเท้าออกจากประตูโครงการเพียงก้าวเดียวก็สามารถขึ้น (บันไดสถานี) รถไฟฟ้าได้แล้วครับ ในขณะที่การเดินทางด้วยวิธีการอื่นๆ ก็มีไว้รองรับพอสมควรเลยเหมือนกัน ทั้งรถสองแถวที่วิ่งผ่านหน้าโครงการเลย รถแท็กซี่ก็หาเรียกได้ไม่ยากเท่าไหร่ หรือถ้าจะลองใช้บริการเรือด่วนในคลองภาษีเจริญก็ได้เช่นกัน ทางกรุงเทพมหานครก็จัดให้มีเรือด่วนวิ่งรับส่งทั้งเช้าและเย็น ก็ทำให้การเดินทางไปยังโซนต่างๆ บนถนนเพชรเกษม ตั้งแต่ประตูน้ำภาษีเจริญ ไปจนถึงเพชรเกษม 69 จะเดินทางขึ้นรถ ต่อเรือ นั่งรถไฟฟ้า ก็จัดว่าสะดวกดีทีเดียวเลย สำรวจรอบโครงการ   ทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตที่ใกล้แหล่งชุมชนเก่าที่มีอยู่กันมาก่อนแล้ว ถึงจะอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ซึ่งเป็นถนนใหญ่ แต่ก็ยังได้บรรยากาศความคึกคักของชุมชนอยู่พอสมควร เพราะถนนเทอดไทเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมไปออกถนนบางแค และถนนเพชรเกษมได้ จึงมีรถวิ่งผ่านไปมาเยอะพอสมควร แต่ยังไม่ถึงกับมีปัญหารถติดหนักๆ ในซอยนะครับ เรียกว่าวิ่งกันได้สบายๆ ตลอดทั้งวัน บริเวณใกล้ๆ โครงการไม่ได้มีตึกสูงขึ้นมาใกล้ๆ เลย ดังนั้นปัญหาเรื่องการบังวิวจึงยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง รอบๆ ที่ดินโครงการจะเป็นที่พักอาศัยในแนวราบสูงไม่เกิน 4-5 ชั้น ฝั่งตรงข้ามมีห้องพักให้เช่าซึ่งมีอยู่เดิม บริเวณด้านหน้าจึงมีเพิงขายอาหารเล็กๆ อยู่ให้พอซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง แต่ถ้าเลยเข้ามาในถนนเทอดไทหน่อย ก็จะเห็นว่ามีร้านค้า ร้านขายของอยู่เรื่อยๆ ยิ่งออกไปที่ถนนบางแค และถนนเพชรเกษมก็ยิ่งคึกคักใหญ่เลย ร้านค้า ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า มีให้เลือกจับจ่ายได้เต็มที่ สาธารณูปโภคต่างๆ ก็มีครบทั้งสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล ศาสนสถาน หน่วยงานราชการต่างๆ อีก ต่อไปในอนาคตอันใกล้พอรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเปิดให้บริการ การเดินทางก็จะยิ่งสะดวกขึ้น บรรยากาศการค้าบริเวณนี้ก็คงจะยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีกหลายเท่า ดังนั้นเรื่องการอยู่อาศัยในย่านนี้จึงจัดว่าค่อนข้างสะดวกสบาย ครบครันดีทีเดียว ในขณะที่บรรยากาศรอบๆ โครงการก็ยังเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อน   พอวิ่งตามถนนราชพฤกษ์มาตามป้ายบอกไปถนนเทอดไทแล้ว พอเจอป้ายแบบนี้ก็เลี้ยวซ้ายเตรียมเข้าโครงการได้เลย ที่ดินของโครงการฝั่งที่ติดกับถนนราชพฤกษ์จะมีคลองเล็กๆ กั้นอยู่ ความคืบหน้าของโครงการขณะนี้ก็มีการล้อมรั้ว เตรียมปรับหน้าดินเพื่อก่อสร้างกันแล้ว มุมนี้ถ่ายจากหัวมุมถนนเทอดไทครับ ตรงที่รถตู้จอดอยู่กำลังก่อสร้าง Sale Gallery ส่วนทางเข้าโครงการก็อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นเลยครับ หน้าโครงการฝั่งถนนเทอดไทครับ จะเห็นว่าอยู่ตรงหัวมุมทางเข้าพอดีเลย ถ่ายจากหน้าโครงการก็เห็นรางรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ เลย อีกไม่นาน Sale Gallery ก็คงเปิดให้เข้าชมได้ละครับ บริเวณ Sale Gallery หน้าโครงการเลยครับ จะเห็นว่าถนนเทอดไทตรงหน้าโครงการก็ไม่ได้ใหญ่มาก เป็นถนนสองเลนมีรถราวิ่งผ่านตลอดวัน ข้างๆ Sale Gallery ตอนนี้ยังเป็นซอยเล็กๆ และมีบ้านอยู่ แต่อีกไม่นานก็จะถูกปรับพื้นที่ใหม่แล้ว ที่ดินตรงนี้รวมถึงบ้านที่เห็นก็เป็นพื้นที่ของโครงการนะครับ ภายในพื้นที่จริงที่กำลังจะมีการเตรียมก่อสร้างครับ พอเจ้าของบ้านหลังที่เห็นย้ายออก ที่ตรงนี้ก็จะลึกไปถึงด้านหลังนู่นเลย คลองระบายน้ำที่อยู่ตรงหน้าโครงการจะยาวไปจนถึงคลองภาษีเจริญเลย ตอนนี้ทางกทม.ก็มีการปรับภูมิทัศน์บริเวณทางเดินจากหน้าโครงการไปจนถึงคลองภาษีเจริญให้ดูสวยงามและเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น สถานีรถไฟฟ้าบางหว้าอยู่ฝั่งตรงข้ามนะครับ เดี๋ยวทาง BTS จะทำทาง Sky Walk มาลงที่ฝั่งนี้ แล้วทาง AP ก็ลงทุนต่อทางเดินเพิ่มเพื่อไปลงยังหน้าโครงการเลย บรรยากาศในคลองภาษีเจริญครับ มีเรือด่วนวิ่งรับส่งด้วย ทำให้การเดินทางในแถบนี้สะดวกมากยิ่งขึ้น ถนนเทอดไทหน้าโครงการ เป็นถนนสองเลนมีรถวิ่งสวนไปมาเกือบตลอดเวลาเลยครับ เพราะในซอยนี้ทะลุไปออกถนนบางแคได้ ตรงข้ามโครงการมีเพิงขายอาหารเล็กๆ พอให้พึ่งพาได้บ้าง ตรงข้ามโครงการยังมีหอพักสูง 2 ชั้น เลยเข้ามาในถนนเทอดไทเพื่อไปออกถนนบางแค ก็เริ่มเป็นแหล่งชุมชน มีโรงเรียนและบ้านพักอาศัยเยอะเลยครับ จากถนนเทอดไทก็เลี้ยวมาออกถนนบางแคได้ ถือว่าการเดินทางก็สะดวกดีครับ ถ้ามาทางถนนเพชรเกษมก็สามารถเข้าถนนบางแค ตรงทางเข้าวัดนิมมานรดีเลย แหล่งช็อปปิ้งสำคัญของฝั่งบางแคครับ ซึ่งถือว่าอยู่ใกล้โครงการที่สุดแล้ว รายละเอียดโครงการ ในส่วนของรายละเอียดโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอะไรออกมามากนัก เพราะทาง AP เตรียมจะมีการเปิดตัวใหญ่ในช่วงปลายเดือนที่จะถึงนี้ แต่เท่าที่เราสอบถามข้อมูลมาคร่าวๆ ก็พอจะเห็นจุดเด่นของโครงการในเรื่อง ทางเชื่อมต่อขึ้น Sky Walk ไปยังสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ที่ใกล้ชนิดที่เรียกว่า ก้าวเดียวถึง!! รวมถึง Facility ที่จัดกันมาแบบเต็มที่ และที่แน่ๆ สำหรับโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ นี่ยังมี Layout ห้องแบบใหม่ที่ทาง AP เอามาใช้เป็นโครงการแรก ซึ่งภายในห้องมีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้ทำประโยชน์ได้มากขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานของลูกบ้านได้ดีขึ้นกว่าเดิม Master Plan ของโครงการ ทางเข้า-ออก โครงการใช้ทางเดียวนะครับ คือทางถนนเทอดไท Outdoor lobby ที่แบ่งพื้นที่นั่งเป็น pocket space ส่วนตัว ขนาบด้วย waterscape และ green area Indoor Lobby ชั้น 8 จะเป็น Facility หลักของโครงการ มีสระว่ายน้ำแบบ Infinity edge pool ยาว 40 เมตร และฟิตเนส สระว่ายน้ำแบบ Infinity edge pool ยาว 40 เมตร ชั้น 11-28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มี Rooftop Garden อยู่ที่ชั้น 33 Rooftop Garden บนชั้น 33 ทั้งนี้ก็อดใจรอชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในงานเปิดตัวของ AP ที่สยามพารากอนอีกครั้ง หรือที่ www.apthai.com ส่วนรีวิวโครงการแบบเต็มๆ พร้อมห้องตัวอย่าง เราจะรีบตามไปเก็บข้อมูลมาฝากกันอีกครั้งนะครับ อย่าลืมติดตามกันด้วย
RHYTHM รางน้ำ : รีวิวคอนโด

RHYTHM รางน้ำ : รีวิวคอนโด

Rhythm รางน้ำ คอนโด High Rise ในซอยรางน้ำ ใกล้ BTS อนุเสาวรีย์ชัย ประมาณ 100 เมตร  โครงการใหม่จาก AP ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่  www.apthai.com รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    N/A เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด มหาชน ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 27 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     385 ยูนิต และ 1 ร้านค้า เนื้อที่ทั้งหมด    1 - 3 - 93 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 171 คัน หรือคิดเป็น  44% Master Plan ของโครงการ มีลิฟท์ 3 ตัว ลิฟท์ขนของอีก 1 ตัว มีสวนเล็กๆ อยู่บนชั้น 6 ทำไว้เป็นมุมอ่านหนังสือ outdoor ชั้น 7-10,12-15,17-20 ห้องแบบ 2 ห้องนอนที่นี่ เป็นห้องมุมทั้งหมด Facility จะอยู่บนชั้นที่ 27 มีสระว่ายน้ำ วางเป็นแนวยาว, Steam แยกชาย-หญิง, Sky Fitness และด้านบน มี Multi Purpose Area สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆ กับกลุ่มเพื่อนพร้อมชมวิวเมืองได้ สถานที่สำคัญใกล้เคียง King Power ซอยรางน้ำ อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ Century Mall สวนสันติภาพ Center One Victory Mall โรงพยาบาลราชวิถี ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio  ขนาด 28 ตารางเมตร 1 Bedroom  ขนาด 35 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 47-62 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนหินสไตล์ญี่ปุ่น ที่ชั้น G สระว่ายน้ำ วางเป็นแนวยาว Stream แยกชาย-หญิง Sky Fitness Multi Purpose Area สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.apthai.com
Life Asoke : รีวิวคอนโด

Life Asoke : รีวิวคอนโด

Life Asoke คอนโด High Rise โครงการใหม่จาก AP บนถนนอโศก-ดินแดง ใกล้ MRT เพชรบุรี และ Airport Link มักกะสัน ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่  www.apthai.com รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    N/A เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด มหาชน ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 35 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     1,624 ยูนิต และ 3 ร้านค้า เนื้อที่ทั้งหมด    6 - 2 - 85 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนอโศก-ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 675 คัน หรือคิดเป็น  41% Master Plan จะเห็นทางเข้า-ออกรถ 3 ทาง + 1 ประตูทางเข้าจากทางบันได Sky walk พร้อมทางเดิน Cover Way จากประตูถึงตัวตึก Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 7 มีทั้งสระขนาดใหญ่ 30.00 x12.50 ม. Fitness 2 ห้อง, ห้อง Sauna แยกชายหญิง และลานอเนกประสงค์และพื้นที่สวนรับมุมมองที่เปิดกว้าง รูปทรงอาคารที่พักอาศัยเป็นรูปตัว H ที่ชั้น 9-34 เป็นห้องพักอศัยทั้งหมด ชั้น 35 เป็น Roof Top Facility ขนาดเกือบ 1 ไร่ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT เพชรบุรี Airport Link มักกะสัน โรงพยาบาลผิวหนังอโศก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โรงเรียนนานาชาติ NIST Terminal 21 โรงพยาบาลพระราม 9 เซ็นทรัล พระราม 9 ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio  ขนาด 24 ตารางเมตร 1 Bedroom  ขนาด 29-35 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 54 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus 35 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Infinity Edge Pool สระขนาดใหญ่ 30.00 x12.50 ม.  พร้อม Pool Bed ในแบบ Indoor & Outdoor ฟิตเนส 2 ห้อง 4 Private Lobby Rooms สวนหน้าโครงการขนาดเกือบ 2 ไร่ ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง ประตูทางเข้าจากทางบันได Sky walk พร้อมทางเดิน Cover Way จากประตูถึงตัวตึก พื้นที่ Drop off area ก่อนเข้าถึง Grand Lobby ที่เชื่อมต่อทั้ง 2 ตึก Infinity Edge Pool สระขนาดใหญ่ 30.00 x12.50 ม. พร้อม Pool Bed ในแบบ Indoor & Outdoor Fitness 2 ห้อง รับวิวแบบ Panoramic ลานอเนกประสงค์ + สวนชั้น 7 ขนาด 1 ไร่กว่า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.apthai.com
Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

สวัสดีแฟนเพจทุกท่านครับ วันนี้เราจะพาไปชมคอนโดใจกลางเมือง ที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อมกับงานแถลงข่าวครบรอบ 25 ปี ของ Noble Development  ชื่อโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ และ The EM District ในระยะที่สามารถเดินได้ จะน่าสนใจขนาดไหน ตามผมไปดูกันเลยดีกว่าครับ อ่อ..ลืมบอกไปครับ หากสนใจโครงการ สามารถลงทะเบียนผ่านทาง http://goo.gl/TFpM99 เพื่อรับส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท ได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย. นี้เท่านั้น !! การเดินทาง ตัวโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากสถานี BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 650 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้ (ถ้าไม่ใช่ช่วงที่อากาศร้อนตับแล่บนะครับ ฮ่าๆ ) สำหรับตัวสถานี BTS พร้อมพงษ์จะอยู่ใจกลาง ล้อมรอบด้วยศูนย์การค้าหรูอย่าง The Em District ที่เป็นการรวมตัวกันของ 3 ห้างระดับท็อปของ The Mall Group อย่าง The Emporium ที่ตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์นี้มาอย่างยาวนาน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น The EmQuartier ห้างสรรพสินค้าน้องใหม่สุดหรู ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปได้ไม่นาน และอีกแห่งจะอยู่ฝั่งเดียวกับ The Emporium แต่ถูกกั้นกลางด้วยสวนเบญจสิริ คือ  The EmSphere ที่กำลังก่อสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 33 เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องสาธารณูปโภคในย่านนี้ถือว่าหายห่วงเลยครับ ทั้งเรื่องของกิน ของใช้ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถ้าจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ก็แทบจะไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเลย นอกจากในห้างสรรพสินค้าแล้ว บริเวณรอบๆ ก็ยังมีร้านอาหารให้เลือกกันเยอะแยะเลยครับ ทั้งอาหารฝรั่ง หรืออาหารญี่ปุ่น เพราะย่านนี้จะอุดมไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น แผนที่ของโครงการ เราเริ่มกันที่สถานี BTS พร้อมพงษ์เลยนะครับ เดินลงมาแล้วก็จะเจอสภาพแบบนี้เลยครับ ผู้คนพลุกพล่านแทบจะทุกวัน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ตัวสถานีจะมี Sky Walk เชื่อมต่อกับห้างทั้ง 2 ฝั่ง ด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้าง Emporium เดินเลยมาอีกหน่อยทางเดินก็จะหรูหราขึ้น ปูพรหมแดงต้อนรับกันเลยทีเดียว ด้านขวามือจะเป็นทางเข้าห้าง EmQuartier ส่วนด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าอีกทางของ Emporium จากตัวสถานี Sky Walk ทอดยาวมาถึงสวนเบญจสิริ บรรยากาศบนถนนสุขุมวิท ที่ถนนโล่งแบบนี้ เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่ ทางลงด้านซ้ายมือจะเป็นฝั่งสวนเบญจสิริ ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อน และที่ออกกำลังของคนในย่านนี้ สวนเบญจสิริแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 29 ไร่ ของกรมอุตุนิยมวิทยา สร้างขึ้นในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษาในปีพ.ศ. 2535 ภายในสวนมีประติมากรรมที่งดงาม และเป็นชิ้นงานสำคัญของศิลปินระดับชาติที่ร่วมใจกันถวายเป็นการเทิดพระเกียรติฯ แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ที่สามารถเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังมีลานกีฬา อยู่ในส่วนพื้นที่รอบนอก สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายและกีฬากลางแจ้ง ประกอบไปด้วย สนามตระกร้อ สนามวอลเล่ย์บอล สนามบาสเก็ตบอล ลานสเก็ต สวนสุขภาพ สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำ ขนาด 12.5 x 25 เมตร และยังมีดนตรีในสวน เป็นส่วนที่จัดแสดงดนตรีในแนวไทย หรือสากล ตามโปรแกรมการแสดงดนตรีวันเสาร์-อาทิตย์ ในช่วงเย็นที่จัดหมุนเวียนไปตามสวนสาธารณะหลายแห่งทั่วกรุงเทพมหานคร ส่วนทางลงด้านขวามือจะเป็น จะเป็นทางลงมายังถนนสุขุมวิท ฝั่งซอยเลขคี่ เราต้องลงฝั่งนี้แหละครับ เพื่อเดินไปซอยสุขุมวิท 33 ลงมาจากสถานีได้ไม่ไกล จะเจอซอยสุขุมวิท 33/1 เป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนาม Japanese Town ภายในซอยก็จะมีร้านอาหาร ให้เลือกกันมากมายจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้าน Subway ถัดมาจะเจอ Villa Market ที่ขายสินค้าทั้งของกิน ของใช้ เดินมาอีกหน่อย ก่อนถึงซอยสุขุมวิท 33 จะเจอร้าน Gute Express เป็นร้านเบเกอรี่เล็กๆ น่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่น ให้เลือกซื้อก่อนกลับเข้าคอนโด ติดกับร้าน Gute Express เป็น UBC II Building อาคารสมัชชาวาณิช 2 อาคารสำนักงาน มีธนาคารกรุงไทยกับธนาคารกสิกรไทย อยู่หน้าอาคาร หลังจากเดินมาจนเหงื่อซึม ก็ถึงแล้วล่ะครับ ซอยสุขุมวิท 33 ฝั่งตรงข้ามจะเห็นสถานที่ก่อสร้าง EmSphere ถ้าสร้างเสร็จแล้วไม่รู้ว่าจะมี Sky Walk ทอดยาวมาถึง EmSphere รึเปล่า ถ้ามีจริงก็คงจะดีนะครับ หน้าปากซอยยังมีร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Family Mart อยู่อีกด้วย บรรยากาศภายในซอยนะครับ มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ปากซอยด้วย อัตราค่าบริการคร่าวๆ ตามนี้เลยครับ จากปากซอยเข้ามาประมาณ 350 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วล่ะครับ วิเคราะห์โครงการ โครงการ Noble BE 33 Sukhumvit เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ที่ออกแบบมาในสไตล์เรียบ หรู และสวยงาม ตามแบบฉบับของโนเบิล โดยโครงการนี้จะเน้นให้เห็นเส้นตัดของแนวตั้งกับแนวนอนชัดเจนกว่าโครงการที่ผ่านๆ มา เรียกได้ว่าเป็น Timeless Design ที่จะยังคงสวยงาม ทันสมัย อยู่แบบนี้ไปอีกหลายปี ตัวโครงการจะหันไป 2 ด้าน คือด้านหน้าโครงการที่ติดกับซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการเป็นทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก แม้ว่าจะต้องหันไปรับแดดเต็มๆ ทั้ง 2 ด้าน แต่ก็แลกมาด้วย City View ใจกลางกรุงเทพฯ สำหรับ Master Plan ของโครงการเรายังไม่มีให้ชมนะครับ ดูจากโมเดลจำลองของตัวอาคารประกอบกันไปก่อนแล้วกันนะครับ เริ่มจากทางเข้าโครงการจะใช้ทางเข้าเดียวเป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนที่จะลงไปจอดรถที่ชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น สามารถจอดรถได้ประมาณ 67% ของจำนวนห้องพัก ( 187 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งส่วนที่เป็น Indoor และแบบ Semi Outdoor เชื่อมต่อกับสวนด้านนอก โซนแรกจะเป็น Indoor Lobby ตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ที่ทางโครงการบอกมาว่าในตอนกลางวันกระจกจะสะท้อนแสงกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน Lobby อย่างสวยงาม โดย Lobby ส่วนนี้จะมาพร้อมกับ Drop-Off มีจุดจอดรถรับ-ส่ง ด้านหน้า Lobby อีกโซนหนึ่งจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อออกมาสู่สวนสีเขียวด้านนอก ที่ทางโครงการบอกว่าเน้นการปลูกต้นให้เหมือนป่ามากที่สุด เลยจาก Lobby เข้ามาด้านในจะเป็น Lift Hall จะมีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัว แบ่งเป็น Private Lift 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว อยู่ตรงกลางอาคารแบบ Single Loaded Corridor และมีบันไดหนีไฟอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ตั้งแต่ชั้น 2-28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีแบบห้อง 1-3 ห้องนอน คละเคล้ากันไป ส่วน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 29 ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย-หญิง ขยับขึ้นไปที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ที่มีอยู่เพียง 4 ยูนิต แบ่งเป็นชั้นละ 2 ยูนิต รูปทรงของอาคารออกแบบมาในสไตล์เรียบหรู โดยห้องพักอาศัยจะหันหน้าไปใน 2 ทิศทาง คือทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ด้านหน้าโครงการที่หันออกมาทางซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการจะหันไปทางทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก ห้อง Type ที่อยู่หัวมุม จะได้ระเบียงเล็กๆ ด้านข้างด้วย ด้านบนที่ชั้น 29 จะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย หญิง ส่วนที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ที่มีเพียงแค่ 4 ยูนิต ชั้นละ 2 ยูนิต บรรยากาศสระว่ายน้ำบนชั้น 29 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งแบบ Indoor ที่มาพร้อมกับ Drop-Off และแบบ Semi Outdoor ที่มีสวนสีเขียวล้อมรอบ Lobby โซนแรกจะตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ให้ความสวยงาม โดยในเวลากลางวันจะสะท้อนสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนจะเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby บรรยากาศจำลองภายนอก Lobby ในเวลากลางวัน กระจกโค้งที่ Lobby จะเป็นเหมือนกระจกเงา สะท้อนสิ่งแวดล้อมรอบๆ แต่ในเวลากลางคืน จะส้อนให้เห็น Interior ต่างๆ ที่อยู่ภายใน Lobby Lobby อีกโซนจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อกับสวนสีเขียวภายนอก มุมมองจาก Lobby ออกมาที่สวนด้านนอก ทางเข้าโครงการจะเข้าออกทางเดียว เป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น ภาพบรรยากาศ Lift Hall ที่บริเวณ Lobby พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบนะครับ ประกอบด้วยแบบ 1 ห้องนอน มี 2 ขนาด เริ่มต้นที่ 34.25 ตารางเมตร และขนาดประมาณ 40-43 ตารางเมตร ต่อมาเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 51 - 69 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาด 109-139 ตารางเมตร สำหรับห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ชมนั้น จะมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ ประมาณ 43 ตารางเมตร และอีกแบบเป็นห้อง 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร โดยโครงการจะขายแบบ Fully Fitted ลูกบ้านจะได้ในส่วนของห้องครัวประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตาไฟฟ้า 2 หัว, ฮูดดูดควัน, ไมโครเวฟ และตู้เย็น Built in ตามแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะครับ นอกจากนั้นยังมีตู้เสื้อผ้า Built in ที่มีให้ในห้องนอนทุกห้อง และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำด้วย สำหรับแอร์ที่ใช้ โครงการจะใช้แอร์แบบฝังฝ้า ทุกอยู่นิตจะได้แอร์ที่ห้องนอน และ Living Area มาดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่าครับ แบบแรกเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องค่อนข้างลงตัว พื้นที่ที่ให้มาสามารถใช้งานได้จริง โดยลักษณะห้องจะแบ่งออกเป็น 2 โซน เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Dining Living ก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ที่จัดชุดเคาน์เตอร์ครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้อย่างครบครัน และที่ติดกับครัวจะเป็นส่วน Dining Area ที่สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ขยับเข้าไปด้านในจะเป็น Living Area และอีกด้านจะเป็นส่วนของห้องนอน และมีห้องน้ำอยู่ด้านใน ห้องนี้จะได้แอร์ 2 จุด คือที่ Living Area และในห้องนอน ประตูห้องจะเป็นบานสูง 2.4 เมตร ผิวลามิเนตลายไม้ ประตูจะใช้ระบบ Digital Door Lock ซึ่งคีย์การ์ดจะมีขนาดเล็กและบางกว่าคีย์การ์ดแบบทั่วไป พื้นห้องจะเป็นลามิเนตเกรดพรีเมี่ยม ที่ทำเลียบแบบผิวไม้ เวลาสัมผัสจะให้ควมรู้สึกเหมือนไม้จริงๆ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dinning Living ก่อนเลยนะครับ ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวแนวยาว ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน โดยโครงการจะให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วย 4 รายการ คือตู้เย็น Built in, โมโครเวฟ, เตาไฟฟ้า 2 หัว และฮูดดูดควัน เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดจะให้ของ Smeg ด้านซ้ายสุดที่ติดกับผนังห้องจะเป็นตู้เย็น Built in เปิดออกมาก็จะมี 2 ส่วน ตัวท็อปครัวจะเป็นแนวยาว ด้านบนจะเป็นไมโครเวฟ ติดกันจะเป็นตู้ลอยเก็บของ มีจุดที่วางเครื่องซักอยู่ด้านล่าง แต่ตัวเครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ซิ้งล่างจานแบบหลุม มีความลึกพอสมควร ขยับมาอีกจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันแบบฝัง ตรงข้ามกับครัว จะเป็นส่วน Dining Area ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านได้เลย ด้านในสุดจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวี สามารถวางโซฟา L Shape 4 ที่นั่ง ได้เลยครับ ที่ Living Area ที่มีระเบียงให้ด้วยนะครับ พื้นที่ระเบียงจะดูเล็กไปสักหน่อย ความกว้างประมาณ 55 ซม. อาจจะใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก ออกไปยืนรับลม ชมวิว พอไหวอยู่ จุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงนี่แหละครับ มีฉากอลูมิเนียมปิดกั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน เฟรมกระจกที่ระเบียงจะมีความสูง 2.95 เมตร ซึ่งสูงกว่าเพดานห้องที่มีความสูง 2.75 เมตร มาดูกันต่อที่ห้องนอน พื้นที่ในห้องนอนถือว่ากว้างขวางอยู่นะครับ วางเตียง 5 ฟุต กำลังดีจะได้ไม่ดูอึดอัดเกินไป แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จัดเตียง King Size ก็ยังไหวนะครับ พื้นที่ปลายเตียงมีที่พอให้เดินผ่านได้ ถ้าจะเอาทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็คงต้องใช้แบบแขวนผนัง ในห้องนอนก็มีระเบียงให้อีกนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กับที่ Living Area ไม่สามารถเดินเชื่อมกับระเบียงที่ Living Area ได้นะครับ เพราะมีจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์กั้นอยู่ ข้างเตียงอีกด้านก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกจุดหนึ่ง จุดนี้จะเป็นระเบียงที่อยู่ด้านข้างอาคาร ฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเดินเข้าไปห้องน้ำ ที่หน้าห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in เป็นบานกระจกยาวตลอดแนว แต่สเปคที่ได้จริงๆ จะไม่ใช่แบบนี้นะครับ ห้องจริงบานกระจกจะเป็นกระจกขุ่นๆ ส่วนเฟรมอลูมิเนียมก็จะไม่ใช่สีทองแบบที่เห็น จะเป็นเฟรมอลูมิเนียมสีธรรมขาติ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันบ้าง การจัดวาง Layout ในห้องน้ำจะมีลักษณะแบบนี้นะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำทั้งหมดจะใช้ของ TOTO พื้นห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องลายหิน ขนาด 60x60 ซม. อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม พร้อมกับเคาน์เตอร์ยาว กระจกเงาที่ได้ที่จะเป็นแนวยาวตามเคาน์เตอร์เลยครับ เคาน์เตอร์ยาวเท่าไหน กระจกเงาก็ยาวเท่านั้น Lighting ที่กระจกเงาเป็นแนวยาวทั้งด้านบน ด้านล่าง นี่โครงการก็ติดให้ด้วยนะครับ กระจกเงาสามารถเปิดปิดได้ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้วย โถสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบอัตโนมัติของ TOTO อีกด้านจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบนั่ง ให้มาด้วย ซึ่งอ่างอาบน้ำแบบนี้จะได้ทุกยูนิต ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower แบบต่อมาเป็นแบบ 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาเป็นขนาด 76 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นทาง Corridor ยาวเข้าไปในห้องก่อนที่จะเจอกับห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ แม้ว่าขนาดจะดูเล็กกระทัดรัดไปสักหน่อย แต่เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานก็ยังครบครันเหมือนเดิม ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนของ Dining Area ที่ให้มาค่อนข้างกว้างพอสมควร สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้สบายๆ ขยับเข้ามาด้านในอีกจะเป็น Living Area ที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง ที่มีขนาดพอๆ กัน ซึ่งแต่ละห้องก็จะมีห้องน้ำในตัวแยกต่างหาก ส่วนห้องนอนเล็กจะแยกมาอยู่ฝั่งตรงข้าม จะมีห้องน้ำรวมอยู่ที่หน้าห้อง ซึ่งสามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากทางห้องนอนเล็ก และทาง Dining Area โดยห้องนี้จะได้แอร์ทั้งหมด 4 จุด คือที่ห้องนอนทั้ง 3 ห้อง และที่ Living Area อีก 1 จุด เข้ามาให้ห้องแลเวจะเป็นทาง Corridor ยาว ตรงนี้ผนังทั้ง 2 ด้านโครงการตกแต่งเป็นตู้เก็บของและตู้โชว์เป็นไอเดีย แต่ห้องจริงจะเป็นผนังปูน ไม่มีตู้ Built in มาให้ด้วยนะครับ เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ ฟังก์ชั่นการใช้งานก็จะเหมือนกันกับครัวของแบบ 1 ห้องนอน เมื่อสักครู่นะครับ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้เหมือนๆ กัน ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับครัว จะเป็นส่วน Dining Area เป็นแนวยาวทอดไปหา Living Area ตรงนี้สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้เลย ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area อยู่ตรงกลางระหว่าง ห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง Living Area จะมีขนาดพอๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน มีระเบียงให้เหมือนกัน ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน ออกมาที่ระเบียงด้านขวาจะเป็นจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นแผงคอนกรีตกั้นไว้ เพื่อความสวยงามของโครงสร้างด้านนอก เรมาดูห้องนอนทางซ้ายมือกันก่อน ขนาดห้องจะใกล้เคียงกับห้องแบบ 1 ห้องนอน การจัดวาง Layout ต่างๆ ก็จะคล้ายๆ กัน ในห้องนอนก็จะมีระเบียงอีก 1 จุด อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อ Built in อยู่หน้าห้องน้ำทั้ง 2 ด้าน อย่างที่บอกนะครับ ว่าเฟรมอลูมิเนียมที่ตู้เสื้อผ้า ในห้องจริงๆ จะไม่ได้สีทองแบบนี้นะครับ จะเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ด้านในห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกับแบบ 1 ห้องนอน ข้ามมาดูที่ห้องนอนใหญ่อีกห้อง ห้องนี้เป็นห้อง Master Bedroom นะครับ การจัดวาง Layout จะเหมือนกันเลย แต่ห้องน้ำจะแอบเล็กกว่านิดหน่อย อีกด้านก็จะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อผ้า Built in อยู่หน้าห้องน้ำเหมือนกัน ซึ่งการจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน โถสุขภัณฑ์ของห้อง Master Bedroom จะพิเศษกว่าห้องน้ำห้องอื่นๆ จะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัตินะครับ มาดูที่ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนเล็ก ตรงนี้จะมีห้องน้ำแยกออกมา 1 ห้อง แต่สามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากด้านห้องนอนเล็ก และจาก Dining Living ห้องนอนเล็กนี้สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้นะครับ แต่ทางโครงการตกแต่งเห็นเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นอีกห้อง ด้วยการวาง Daybed แทน ในห้องนอนเล็กก็จะมีตู้เสื้อผ้าให้อีก 1 ตู้ เป็นหน้าบานสไลด์ ในห้องนอนเล็กนี้ก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกด้วยนะครับ มองจากห้องนอนเล็กเข้าไปในห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่าแบบที่อยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก็จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ แต่สุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เป็นของ TOTO เหมือนเดิม และอีกอย่างที่ห้องน้ำนี้แตกต่างจากห้องอื่น คือจะไม่ได้อ่างอาบน้ำ แต่จะมีเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ให้แทนครับ โดยรวมแล้วโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ถือว่าอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอย่างแท้จริง สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า แต่ก็ถือว่ายังอยู่ระยะที่สามารถเดินได้ อีกทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ทั้งของกิน ของใช้ มีให้เลือกมากมาย และอยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก หากซื้อเพื่ออยู่อาศัยก็เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในเมือง หรืออยู่ตามแนวรถไฟฟ้า แต่อาจจะต้องแลกมากับความพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง คนที่ชอบความสงบ และต้องการความเป็นส่วนตัว อาจจะต้องคิดหนักหน่อยนะครับ ส่วนเรื่องการซื้อเพื่อลงทุน ก็อาจจะหาผู้เช่าได้ไม่ยาก เนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และแหล่งออฟฟิศต่างๆ แถมยังเป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านนี้
The Line Jatujak-Mochit – เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต : รีวิวคอนโด

The Line Jatujak-Mochit – เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต : รีวิวคอนโด

THE LINE จตุจักร-หมอชิต คอนโด High Rise โครงการใหม่จากแสนสิริ ตรงข้ามสวนจตุจักร ใกล้ BTS หมอชิตและ MRT สวนจตุจักร พร้อมวิวสวนจตุจักรขนาด 700 ไร่และวิวเมืองที่โดดเด่นยามค่ำคืน   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    4,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 159,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     841 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    4 - 2 - 95 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 420 คัน หรือคิดเป็น  50% คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ต้นปี 2561 Master Plan โครงการ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 7-9 ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อมขนาดใหญ่ และ Jogging Track ตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย   สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนจตุจักร ตลาดอ.ต.ก. JJ Green JJ Mall เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ สวนสิริกิติ์ สวนรถไฟ โรงเรียนหอวัง โรงเรียนเซนต์จอนห์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.25 – 26.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท 668 ยูนิต 2 Bedroom ขนาด 53.5 – 66 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท 134 ยูนิต 3 Bedroom ขนาด 77.75 – 85.25 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท 34 ยูนิต Duplex ขนาด 102.5 – 105.75 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 15.5 ล้านบาท 5 ยูนิต Type 1A แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25.75 - 26.50 ตารางเมตร Type 2A แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 56.75 ตารางเมตร Type 2B แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 53.5 ตารางเมตร Type 3A แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 77.75 ตารางเมตร Type 3A-1 แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 85.25 ตารางเมตร   Type 3DP แบบ 3 ห้องนอน Duplex ขนาด 105.75 ตารางเมตร   สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 40 x 6.4 ม. ห้องออกกำลังกาย แบบ Double Space Kids Room แบบ Triple Space Library Meeting Room Business Lounge Game Room Sky Pavilion พร้อมจากุชชี่ สวนหย่อมรอบโครงการ ระบบ CCTV / Access Card สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  https://www.sansiri.com/condominium/theline_jatujak_mochit/th/