Tag : Review

672 ผลลัพธ์
Bangkok Feliz กรุงธนบุรี : รีวิวคอนโด

Bangkok Feliz กรุงธนบุรี : รีวิวคอนโด

ย่านธนบุรี เป็นอีกย่านหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ใจกลางเมือง เพราะปัจจุบันนี้รถไฟฟ้าวิ่งผ่านแล้ว คราวนี้เราเลยหยิบเอาโครงการ Bangkok Fe’liz’ กรุงธนบุรี 5-2 มาฝาก ทั้งทำเลที่อยู่เกาะแนวรถไฟฟ้า BTS แถมยังอยู่ใกล้เมืองและศูนย์กลางธุรกิจแค่แม่น้ำเจ้าพระยากั้น จึงนับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว การเดินทาง ถ้ายึดเอาการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS เป็นหลัก เพียงแค่นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีกรุงธนบุรีแล้วออกทางออกที่ 3 จากนั้นเดินต่อมาทางซอยกรุงธนบุรี 5 เข้าซอยแล้วเลี้ยวไปทางซอยเจริญนคร 14 อีกหน่อย รวมระยะทางไม่เกิน 300 เมตร ก็ถึงหน้าโครงการพอดี ช่วงถนนในซอยกรุงธนบุรี 5 ที่ต้องเดินผ่านไปอาจจะมีรถราวิ่งผ่านมากหน่อย เวลาเดินก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะครับ เพราะเป็นซอยเล็กเลยไม่มีฟุตบาทให้เดินง่ายๆ โชคดีที่ระยะทางที่ต้องเดินผ่านซอยนี้แค่ 150 เมตร เลยไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ถือว่าสะดวกไม่น้อยเหมือนกัน เพราะแค่ข้ามสะพานตากสินมาก็เข้าเขตใจกลางธุรกิจอย่างย่านสาทรแล้ว แต่ติดอยู่ที่ปัญหารถติดที่หนักเอาเรื่องทั้งขาไปและขากลับ ส่วนเส้นทางเลี่ยงอื่นๆ ก็ดูจะหนีไม่ค่อยพ้นปัญหารถติดเท่าไหร่ ไม่ว่าจะหนีไปออกวงเวียนใหญ่ หรือเจริญนครแต่สุดท้ายการข้ามสะพานตากสินก็ดูจะเป็นเลือกในการเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุดแล้ว ลืมบอกไปว่าที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยกรุงธนบุรี 5 ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งขาเข้าเมือง ดังนั้นถ้าข้ามมาทางสะพานตากสินเราจะต้องเลยมากลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยกตากสิน แล้วค่อยออกทางคู่ขนานเพื่อเลี้ยวเข้าซอยกรุงธนบุรี หรือจะเลือกเส้นทางลงจากสะพานตากสินแล้วเลี้ยวเข้าถนนเจริญนคร เพื่อมาเข้าทางซอยเจริญนคร 14 ก็จะใกล้กว่า รวมถึงน่าจะรถติดน้อยกว่าหน่อย นอกเหนือจากนี้ถ้าต้องการใช้บริการระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็ต้องเดินออกมาตั้งหลักที่ปากซอย ซึ่งสามารถเลือกได้ตามสะดวกทั้งฝั่งถนนกรุงธนบุรี และถนนเจริญนคร แน่นอนว่ามีรถเมล์ รถแท็กซี่ รวมถึงกะป๊อก็มีด้วยเช่นกัน แต่ถ้าต้องการเดินทางแบบเร่งด่วน พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็น่าจะสะดวกสุดแล้วครับ แถมมีวินอยู่ใกล้ๆ หน้าโครงการเลยด้วย เชื่อได้ว่าสะดวก ถึงที่หมายรวดเร็วแน่นอน วิเคราะห์ตัวโครงการ Bangkok Fe’liz’ กรุงธนบุรี เป็นคอนโด Low Riseสูง 8 ชั้น อาคารเดียวซึ่งตั้งอยู่ในซอยเจริญนคร 14 ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ด้วยความที่ทำเลอยู่ใกล้ใจกลางเมืองมาก เพียงแค่ขับรถหรือนั่งรถไฟฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาก็เข้าสู่ย่านธุระกิจสำคัญอย่างสาทรได้ไม่ยาก เรื่องการเดินทางจึงจัดว่าค่อนข้างสะดวกมากเลยทีเดียว อีกทั้งความเจริญต่างๆ ก็แวดล้อมอยู่ครบเช่นกัน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล คอมมิวนิตี้มอลล์ และแหล่งช็อปปิ้ง รวมถึงร้านค้า ร้านอาหารก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์ดี ใกล้ๆ ตัวโครงการมีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว และร้านสะดวกซื้ออยู่ระหว่างทางในซอยที่ต้องเดินผ่านเข้าออกอยู่แล้ว แค่เดินลงมาจากห้องก็หาซื้ออาหารได้ไม่ยาก แต่ถ้าอยากมีตัวเลือกมากหน่อย ขยับมาทางปากซอยเจริญนคร 14 ก็มีร้านอาหารแบรนด์ดังอีกหลายร้านซึ่งอยู่ในอาคารสำนักงาน หรือจะข้ามไปฝั่งตรงกันข้ามก็มี Vue และ เสนาเฟสที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ความสะดวกสบายในการจับจ่ายข้าวของเครื่องใช้จึงไม่เป็นปัญหาที่ต้องกังวลเลย ที่สำคัญถนนเจริญนครตลอดทั้งสายก็มีร้านค้า ร้านอาหารเจ้าดังๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นย่านที่มีชุมชนเดิมอยู่อาศัยกันมานาน บรรยากาศจึงคึกคัก แทบจะมีร้านรวงเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงกันเลย ปัจจุบันตัวโครงการเริ่มทำการก่อสร้างไปแล้ว พอได้ไปดูที่ตั้งโครงการจริง เราจึงพอจะเห็นภาพรวมของอาคารได้ชัดเจนขึ้น รอบๆ โครงการมีอาคารสูงหลายอาคาร ถึงแม้ว่าในระยะประชิดจะเป็นอาคารพาณิชย์และบ้านเดี่ยวเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เรื่องวิวก็ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้เลย ห้องที่อยู่ต่ำกว่าชั้น 5 ลงมา ก็ถูกอาคารพาณิชย์ข้างๆ บัง ส่วนห้องที่อยู่สูงขึ้นไป วิวระยะไกลก็ยังถูกอาคารสำนักงานสูงบังอีก หมดสิทธิ์เรื่องเล็งหาห้องวิวสวยไปเลยครับ ตัวโครงการออกแบบมาให้มีอาคารเดียว เพราะที่ดินของโครงการมีขนาดเพียง 278.6 ตร.ว. เท่านั้น เรื่องบรรยากาศของการอยู่อาศัยจึงค่อนข้างสงบเงียบ เนื่องจากจำนวนยูนิตรวมมีเพียง 79 ยูนิตเท่านั้น และด้วยที่ตั้งของโครงการที่อยู่เข้ามาในซอยจึงลดความพลุกพล่านไปได้พอสมควร ถึงจะเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่เรื่อง Facilities ต่างๆ ทางโครงการก็พยายามจัดมาให้อย่างครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านหน้าโครงการบริเวณชั้น 1 ส่วนห้องออกกำลังกายจะอยู่ที่ชั้น 2 และสวนหย่อมเล็กๆ บนชั้น 3 และ 7 แต่เรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอยของส่วนกลางก็กระทัดรัดเหลือเกิน จนไม่แน่ใจว่าจะใช้งานได้จริงแค่ไหน รวมถึงเรื่องลิฟท์โดยสารซึ่งมีเพียง 1 ตัว ดูแล้วการใช้งานก็ไม่ได้หนาแน่นเท่าไหร่ อีกทั้งตัวโครงการก็สูงเพียง 8 ชั้น คนที่อยู่ชั้นไม่สูงมากก็ยังพอจะเดินขึ้นลงบันไดได้ กลับกันกับเรื่องที่จอดรถ เพราะถ้าใครที่มีรถยนต์ส่วนตัวหรือมีแนวโน้มจะซื้อรถคงต้องพิจารณาเรื่องที่จอดรถของโครงการให้ดี เนื่องจากนับรวมจอดแบบซ้อนคันแล้ว สามารถจอดได้เพียง 40 คันเท่านั้นนะครับ ถ้าจำนวนรถเกินขึ้นมายังนึกภาพไม่ออกว่าจะแก้ปัญหากันยังไง เพราะบริเวณใกล้ๆ ก็หาที่จอดรถ หรือหาที่รับฝากรถไม่ได้เลยด้วย เรื่องนี้จึงมองข้ามไม่ได้เหมือนกัน พาชมห้องตัวอย่าง ห้องของโครงการ Bangkok Fe’liz’ กรุงธนบุรี 5-2 มีด้วยกัน 2 แบบใหญ่ ๆ คือ ห้อง 1 ห้องนอน เริ่มต้นที่ขนาด 27.5 ตร.ม. และห้องแบบ 2 ห้องนอน ซึ่งมีขนาดห้องเริ่มต้นที่ 42 ตร.ม. โดยขนาดและ Lay out ของห้องก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของห้องนะครับ จะมีพื้นที่เว้า พื้นที่ยื่นเพิ่มมากบ้างน้อยบ้างก็เป็นไปตามแบบของอาคาร ซึ่งอันนี้อาจจะเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของห้องบาง Type ที่ทำให้การแต่งห้อง หรือการหาเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปมาใช้ยากขึ้น บางทีเลยเหมือนจะถูกบังคับกลายๆ ให้ต้องใช้เลือกเฟอร์นิเจอร์แบบ Built in แทนเพื่อตัดปัญหา สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน มีการจัดวาง Lay out ห้องไว้ค่อนข้างลงตัว เปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก่อน และด้วยการจัดพื้นที่ห้องได้หน้ากว้างพอสมควร ระยะห่างของโซฟาและทีวีจึงได้ระยะกำลังดีไม่แคบจนเกินไป ส่วนด้านหลังโซฟาจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งมีการจัดแบ่งบริเวณอาบน้ำ แยกพื้นที่โซนแห้งและเปียกออกจากกันให้เรียบร้อย ถัดเข้าไปด้านในเป็นบริเวณของห้องนอนซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ห้องเปิดรับแสงได้ดีขึ้นเพราะหน้าต่างห้องนอนก็เป็นกระจกบานสไลด์ที่กว้างกินพื้นที่เกือบเต็มผนังเลยทีเดียว อีกด้านที่ติดกับห้องนอน เป็นพื้นที่ของครัวและระเบียง ซึ่งน่าจะเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารกินเอง เนื่องจากเป็นครัวปิดมีประตูกระจกกั้นเรียบร้อย และยังสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อช่วยระบายกลิ่นได้อีกทาง ส่วนพื้นที่ระเบียงของห้อง ต้องบอกว่าคาดหวังอะไรมากไม่ได้ เพราะมีพื้นที่แคบชนิดที่ว่าถ้าวางเครื่องซักผ้าลงไปแล้วก็แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้ตากผ้ากันเลย  ที่สำคัญห้องใน Type นี้ก็เป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการด้วย ซึ่งอาจจะมีขนาดพื้นที่ต่างกันบ้างเล็กน้อย ไม่เกิน 1-2 ตร.ม. จึงค่อนข้างเหมาะกับการอยู่อาศัยคนเดียวมากกว่า แต่ถ้าอยากได้ห้องที่กว้างขึ้นอีกหน่อยในขณะที่ยังเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนอยู่ ทางโครงการก็ยังมีห้องอีก Type ที่จัดมาให้พื้นที่กว้างถึง 33 ตร.ม. ซึ่งดูจากแปลนแล้วจะเห็นว่ามีการเพิ่มพื้นที่ในส่วนของห้องทำงานเล็กๆ ขึ้นมา โดยพื้นที่ในส่วนนี้ทางโครงการก็ทำประตูกระจกกั้นมาให้ด้วย ซึ่งข้อดีก็อาจจะได้พื้นที่ใช้สอยและพื้นที่เก็บของมากขึ้น แต่ก็อย่าลืมเรื่องของราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นด้วยนะครับ นอกเหนือจากห้องแบบหนึ่งห้องนอนแล้ว ทางโครงการก็ยังมีห้องแบบ 2 ห้องนอนให้เลือกด้วย โดยมีขนาดห้องตั้งแต่ 42 ตร.ม. ขึ้นไป แต่ข้อเสียของห้องแบบ 2 ห้องนอนในโครงการนี้ก็คือ Lay out ห้องที่ถูกบังคับด้วยลักษณะของอาคารทำให้มีพื้นที่ของห้องไม่ค่อยเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม เนื่องจากห้องแบบ 2 ห้องนอนส่วนใหญ่จะอยู่ในตำแหน่งมุมของอาคาร ลักษณะห้องจึงดูขาดๆ เกินๆ มากไปหน่อย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องของวัสดุสุขภัณฑ์ ซึ่งทางโครงการก็เลือกมาใช้ได้ตามมาตรฐานครับ เฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาพร้อมห้องก็เป็นชุดครัว เคาน์เตอร์ครัว และเครื่องปรับอากาศ ส่วนของแถมและโปรโมชั่นเพิ่มเติมอันนี้ต้องลองเข้าไปสอบถามกันดู อาจจะต่อรองกันได้บ้างอันนี้ก็แล้วแต่ความสามารถเฉพาะตัวครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Bangkok Fe’liz’ กรุงธนบุรี 5-2 ซึ่งหมาะมากกับคนที่ต้องการที่พักอาศัยใกล้ใจกลางเมืองและแหล่งธุรกิจสำคัญของกรุงเทพ แถมตัวโครงการยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียง 400 เมตร ทำให้การเดินทางเข้าใจกลางเมืองสะดวกสุด ไม่ว่าจะเป็นย่านสาทร สีลม สยาม หรือแม้แต่สุขุมวิท ก็สามารถเดินทางได้โดยแทบจะไม่จำเป็นต้องใช้รถส่วนตัวเลย ที่สำคัญแวดล้อมโครงการก็มีทั้งแหล่งช็อปปิ้ง โรงพยาบาล โรงเรียน รวมถึงร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ความเจริญจึงไม่ต่างจากเขตเมืองเลยถึงแม้จะข้ามมาอยู่ด้านฝั่งธนบุรีก็ตาม เหมาะกับการจับจองไว้อยู่อาศัยเอง รวมถึงการลงทุนปล่อยห้องเช่าด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเดินทางที่สะดวก และใกล้แหล่งธุรกิจ บริเวณใกล้ๆ ในย่านฝั่งธนฯ ก็มีอาคารสำนักงานจำนวนไม่น้อยเลย ทำให้การหาผู้เช่ามีความเป็นไปได้มาก และด้วยทำเลที่ตั้งที่ใกล้รถไฟฟ้า ก็ยังทำราคาค่าเช่าห้องได้ค่อนข้างดีทีเดียว ที่สำคัญตัวโครงการเองก็เริ่มทำการก่อสร้างไปพอสมควรแล้วด้วย จึงไม่ต้องรอกันนานหลายปี นอกเหนือจากเรื่องทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบมากๆ แล้ว เรื่อง Facilities ต่างๆ ในโครงการรวมถึงเรื่องที่จอดรถ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม และนำมาประกอบการตัดสินใจ เพราะถ้าหากต้องจ่ายค่าส่วนกลางไปแล้วไม่ได้ใช้หรือใช้ไม่ได้จริง ก็อาจจะทำให้เสียเงินเปล่า ส่วนเรื่องที่จอดรถถ้าหากไม่เพียงพอจริงๆ ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ เช่นกัน ใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวเดินทางเป็นหลัก นอกจากจะต้องปวดหัวกับปัญหารถติดแล้ว ถ้าต้องมาเครียดเรื่องไม่มีที่จอดรถอีกคงไม่ดีแน่ แต่ถ้าจะลงทุนไว้เพื่อปล่อยเช่าหรือขายห้องต่อและไม่ได้อยู่อาศัยเอง ก็อาจจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องพวกนี้มากนัก  
PARK 24 CONDO : รีวิวคอนโด

PARK 24 CONDO : รีวิวคอนโด

โครงการ: PARK 24 CONDO (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 4,000,000 บาท บาท/ตารางเมตร 170,000 บาท เจ้าของโครงการ Proud Real Estate Co.,Ltd. จุดเด่น คอนโดมิเนียนหรูกลางกรุง เดินทางสะดวกใกล้ BTS สถานีพร้อมพงษ์ พร้อมแหล่งช้อปปิ้ง มอลล์ อาทิ The Emporium, Emquartier และ Terminal 21 จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2561 ที่ตั้ง: PARK 24 CONDO (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 5-0-82 ไร่ (เฟสแรก) ที่ตั้ง ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพ พิกัดโครงการ 13.72569,100.566874 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS พร้อมพงษ์ สถานที่สำคัญใกล้เคียง Terminal 21 Emporium Emquartier สวนเบญจสิริ ลักษณะโครงการ: PARK 24 CONDO (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms Duplex ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 27.77 -37.98 ตารางเมตร จำนวน 590 ยูนิต 2 Bedrooms ขนาด 51.57 – 57.16 ตารางเมตร จำนวน 234 ยูนิต Duplex ขนาด 79.90 – 103.64 ตารางเมตร จำนวน 9 ยูนิต จำนวนตึก 2 อาคารที่อยู่อาศัย / 1 อาคารพาณิชย์ จำนวนชั้น 51 ชั้นและ 29 ชั้น จำนวนห้อง รวมทั้งหมด 837 ยูนิต ส่วนกลาง: PARK 24 CONDO (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 426 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 51% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 65 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค Lobby Fitness center & Yoga studio Steam room Library & Living room and Outdoor deck Garden Swimming pool and Jacuzzi pool Meeting room and recreation room Keycard Access Control (Digital door lock)   เพิ่มเติม: PARK 24 CONDO (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-258-3333 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.park24.co.th/ ข้อมูล ณ วันที่
The Lumpini 24 : รีวิวคอนโด

The Lumpini 24 : รีวิวคอนโด

โครงการ: The Lumpini 24 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 3,500,000 บาท บาท/ตารางเมตร 160,000 - 170,000 บาท เจ้าของโครงการ L.P.N. Development Co.,Ltd. จุดเด่น สัมผัสบรรยากาศแห่งความหรูหรา ด้วยการออกแบบสไตล์ Modern Luxury ที่ลงตัวในทุกองศาทั้งภายในและภายนอก ให้ความรู้สึกของ “บ้าน” ที่สมบูรณ์แบบพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่กับกลิ่นอายสีสันของกรุงเทพมหานคร ตลอด 24 ชั่วโมง จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ เดือนธันวาคม 2558 ที่ตั้ง: The Lumpini 24 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 3 - 2 - 22.50 ไร่ ที่ตั้ง ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.722785,100.566055 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS พร้อมพงษ์ สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนเบญจสิริ ห้างสรรพสินค้า ดิเอ็มโพเรี่ยม โรงแรม เดอะ เดวิส กรุงเทพ เค วิลเลจ บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส ลักษณะโครงการ: The Lumpini 24 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms 3 Bedrooms ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 26.00 – 99.50 ตร.ม. 2 Bedrooms 53.50 – 109.00 ตร.ม. 3 Bedrooms 124.00 – 164.00 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 46 ชั้น จำนวนห้อง 400 ยูนิต ส่วนกลาง: The Lumpini 24 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 290 คัน หรือคิดเป็น 70% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 70 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 1,000 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ซาวน่า รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card สตรีม, สวนหย่อม ห้องสมุด   เพิ่มเติม: The Lumpini 24 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-689-6888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.lpn.co.th/ ข้อมูล ณ วันที่
The President สาทร – ราชพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

The President สาทร – ราชพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

ข้ามฝั่งมาดู คอนโดมิเนียม แถวฝั่งธนบุรีกันบ้างครับ กับโครงการ The President สาทร - ราชพฤกษ์ โครงการใหญ่ติดสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้จะสังเกตุเห็นได้ง่าย เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนตรงแยกถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์พอดี โครงการนี้มีเจ้าของโครงการเป็น Developer หน้าใหม่ในวงการที่อยู่อาศัยแบบอาคารสูง แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่น่าสนใจมาก และขนาดของโครงการที่กำลังขยายไปถึงเฟสที่ 3 แล้ว จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าจับตามองเลยทีเดียว   การเดินทาง   การเดินทางมายังโครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ สามารถมาได้หลายทาง แต่วิธีที่สะดวกที่สุดคือ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีบางหว้า ออกทางออกที่ 4 แล้วข้ามถนนมาอีกนิดหน่อยก็ถึงตัวโครงการแล้ว ระยะห่างจากตัวสถานีถึงหน้าโครงการไม่เกิน 50 เมตรเท่านั้น ส่วนรถไฟฟ้าอีกสายที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างขณะนี้คือรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งมีสถานีบางหว้าเป็นจุด Inter Change Station ที่คาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในอนาคตอันใกล้นี้ เรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจากหน้าโครงการThe President จึงถือว่าสะดวกมากๆ ทั้งการมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจอย่างสาทรหรือสยามด้วยรถไฟฟ้า BTS  รวมถึงการเดินทางออกไปยังย่านบางแค-บางซื่อด้วยรถไฟฟ้า MRT ก็สามารถกำหนดระยะเวลาในการเดินทางได้แน่นอนมากขึ้น วิ่งมาจาก สะพานตากสิน มาลงที่แยกบางหว้า แล้วให้เลี้ยวซ้ายเพราะแยกนี้ยังไม่ให้เลี้ยวขวา เมื่อเลี๊ยวซ้ายมาแล้ว ให้เตรียมกลับรถ กลับรถ เมื่อกลับรถแล้ว ก็ให้วิ่งไปแยกบางหว้า ผ่านรถไฟฟ้าสถานีบางหว้า ผ่านแยกบางหว้า จะเห็นโครงการ The President อยู่ทางขวา ผ่านแยกมาแล้ว ให้เตรียมตัวกลับรถ ทางกลับรถจะเห็นปั้มเชลล์อยู่ทางซ้าย เมื่อกลับรถมาแล้วให้เข้าซ้ายทันที เพราะโครงการอยู่ก่อนถึงแยกบางหว้า วิ่งเลยไปหน่อยจะเป็นทางเข้าโครงการ The President เฟส 2 ทางเข้า The President เฟส 2 นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้ว การเดินทางด้วยรถยนต์ก็จัดว่าสะดวกไม่น้อยไปกว่ากันเลย เพราะถนนหน้าโครงการเป็นสี่แยกถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์ ซึ่งถือเป็นเส้นทางหลักๆ ที่สามารถใช้เดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายๆ ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการไม่ว่าจะเลือกถนนราชพฤกษ์ข้ามมาฝั่งสาทร หรือจะไปทางถนนเพชรเกษมเข้าวงเวียนใหญ่ก็ได้  จะมีปัญหาหน่อยก็ตรงที่ช่วงเวลาเร่งด่วนปริมาณรถจะหนาแน่นมากๆ เข้าขั้นวิกฤตเลยทีเดียว แถมพื้นที่ฝั่งธนบุรีก็ไม่มีทางด่วนอยู่ใกล้ๆ เลย เส้นทางเลี่ยงรถติดจึงทำได้แค่ใช้เส้นทางลัดเลาะตามซอยเล็กซอยน้อยเท่านั้น ส่วนใครที่หวังจะพึ่งพาบริการรถสาธารณะอย่างรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือแม้แต่วินมอเตอร์ไซค์ เพื่อเดินทางในระยะใกล้ๆ บริเวณหน้าโครงการก็หาเรียกรถได้ไม่ยากเลย แถมปัจจุบันทางกรุงเทพมหานครยังเปิดให้บริการเดินเรือโดยสารในคลองภาษีเจริญแล้วด้วย จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับใครที่ต้องการโดยสารเรือไปยังจุดต่างๆ ตามแนวคลองภาษีเจริญ ที่สำคัญท่าขึ้นเรือก็อยู่บริเวณด้านหลังโครงการพอดีอีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยวิธีไหนก็ดูจะสะดวกไปซะทุกทางเลย   วิเคราะห์ตัวโครงการ   โครงการThe President สาทร-ราชพฤกษ์ เปิดตัวไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันจึงเริ่มเปิดขายในเฟสที่ 2 ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการที่ซึ่งอยู่ตรง 4 แยกพอดี ทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวก (ถ้ารถไม่ติด) แถมบริเวณรอบๆ ก็เป็นเขตชุมชนเดิมมีคนอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เรื่องร้านค้า ร้านอาหาร ตัวอาคารและการออกแบบในเฟสที่ 2 ไม่ได้ต่างจากเฟสแรกมากนัก ถ้าใครได้เคยเข้าไปชมโครงการก่อนหน้านี้แล้วก็น่าจะพอนึกภาพตามได้ไม่ยาก สำหรับอาคารในเฟสที่ 2 นี้ เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น ส่วนของที่พักอาศัยเริ่มกันตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไป บริเวณชั้น 1-5 จึงเป็นที่จอดรถทั้งหมด ซึ่งนับรวมแล้วจำนวนที่จอดรถก็มีเพียง 30% เท่านั้น ถือว่าจัดมาแบบพอให้มีจำนวนจอดได้ตามมาตรฐาน ตามแบบฉบับโครงการใกล้รถไฟฟ้าที่เน้นจับกลุ่มคนที่ไม่ใช้รถส่วนตัว และต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก พื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และพื้นที่พักผ่อนจะอยู่ที่ชั้น 6 แต่ดูจากขนาดคร่าวๆ ในแปลนแล้ว ต้องบอกว่าพื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างน้อยไปหน่อยสำหรับคอนโด High Rise ที่มีจำนวนลูกบ้านเกือบ 600 ห้องแบบนี้ ถึงแม้จะมีสวนหย่อมบนดาดฟ้าเพิ่มขึ้นมาด้วยก็ตาม เวลาที่ต้องใช้งานจริงๆ อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกบ้านก็ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดมาให้ 4 ตัว ซึ่งเฉลี่ยแล้วลิฟต์ 1 : 146 นับว่าหนาแน่นมากเหมือนกันครับ เวลาเช้าๆ อาจต้องรอลิฟท์กันนานหน่อย อย่างที่บอกว่าอาคารของเฟส 2 ตั้งอยู่ติดๆ กันกับเฟสแรก ห้องพักด้านนี้จึงถูกบังวิวอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ในขณะที่ด้านอื่นๆ ยังโชคดีที่ไม่มีอาคารอะไรมาอยู่ในระยะประชิด เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย และอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้นเท่านั้น จะเลือกห้องมุมไหนก็พิจารณาดูแปลน และทิศทางของทั้ง 2 เฟสเปรียบเทียบกันให้ดีๆ ครับ เพราะทางโครงการจะโชว์แปลนแยกกัน บางทีเราเลยลืมไปว่ายังมีตึกของเฟสแรกบังวิวกันอยู่ model โครงการ The President เฟส 1 model โครงการ The President เฟส 2 ด้านข้างของ model โครงการ The President เฟส 2 ด้านหลังโครงการติดกับคลองภาษีเจริญ-ซึ่งมีท่าเรือของกรุงเทพมหานครที่กำลังทดลองให้บริการฟรีอยู่ พื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่ของ โครงการ The President เฟส 3 ในช่วงทดลองให้บริการ-เรือจะให้บริการแค่ช่วงเช้าและช่วงเย็นเท่านั้น บริเวณท่าเรือจะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้วย-ค่าบริการตรวจสอบได้ตามป้าย   พาชมห้องตัวอย่าง   สำหรับห้องพักของโครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ ก็มีให้เลือกทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 30 ตร.ม. ไปจนถึงขนาด 60 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่สุด ห้องทั้งหมดขายกันมาแบบห้องเปล่าๆ จะมีที่มาพร้อมห้องก็แค่ ชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศเท่านั้น สำหรับ Lay out ของห้องแบบ 1 ห้องนอน ต้องบอกว่าจัดพื้นที่ใช้สอยมาได้ค่อนข้างลงตัวดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัวแบบปิดที่วางอยู่ในตำแหน่งติดระเบียง จึงช่วยเรื่องการระบายกลิ่นได้เป็นอย่างดี   สำหรับแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาด 30 ตร.ม. และ 34.5 ตร.ม. จะต่างกันอยู่พอสมควรในเรื่องของฟังก์ชั่นห้อง เพราะห้อง 30 ตร.ม. ใช้กระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่บริเวณห้องนอน ซึ่งช่วยให้ห้องดูโปร่งสบายตามากขึ้น แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า ห้องแบบนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน และไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมห้องบ่อยๆ ครับ ส่วนห้อง 1 ห้องนอนที่ขนาด 34.5 ตร.ม. จะเป็นอีกแบบที่เป็นตัวเปรียบเทียบที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากจะได้พื้นที่ห้องเพิ่มขึ้นแล้ว การจัดวาง Lay out ห้องที่กั้นห้องนอนด้วยผนังทึบและติดตั้งประตูบานสวิงแทน จึงทำให้ห้องแบบนี้ดูเป็นสัดส่วนเรียบร้อยมากกว่า ในส่วนของห้องครัวนั้นถือว่าจัดมาได้เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารกินเอง เพราะมีประตูบานเลื่อนกั้นห้องครัวออกจากพื้นที่นั่งเล่นเรียบร้อย แถมตำแหน่งที่อยู่ติดระเบียงก็ยังสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อช่วยระบายกลิ่นได้อีกทางด้วย หันกลับมาดูที่ห้องน้ำ ทางโครงการก็จัดเตรียมชุดสุขภัณฑ์ไว้ตามมาตรฐาน มีฉากกั้นอาบน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียก โดยรวมแล้วห้องแบบ 1 ห้องนอนออกแบบมาค่อนข้างดีทีเดียวครับ นอกจากนี้ทางโครงการยังมีห้องแบบ 2 ห้องนอน ที่ขนาด 50-60 ตร.ม. เผื่อคนที่ต้องการห้องใหญ่ไว้อยู่อาศัยเป็นครอบครัว แต่ราคาห้องก็โดดขึ้นไปอีกเท่านึงเลยทีเดียว ทำให้คนที่อยากจะได้ห้องใหญ่ต้องคิดหนักกันหน่อย เพราะราคาขนาดนี้อาจจะมีตัวเปรียบเทียบให้เลือกมาก ทั้งในเรื่องของทำเล ขนาด และแบรนด์เจ้าของโครงการ เมื่อเข้าห้องก็จะเจอกับส่วนของห้องนั่งเล่น มองตรงเข้าไปจะเป็นห้องนอน ส่วนของโซฟาจะอยู่ทางซ้าย มุมทานข้าวอยู่หน้าห้องนอน ติดกับมุมนั่งเล่น ถัดมาเป็นห้องนอน ห้องนอนกับห้องนั่งเล่น จะกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน ห้องนอน มองจากห้องนอนออกมา มุมด้านในห้องนอน มาถึงห้องครัว ถ่ายจากระเบียงเข้ามา จะเห็นว่าตู้เย็นจะวางติดกับเคาเตอร์ครัว เคาเตอร์ครัวที่ทางโครงการมีให้ เตากับเครื่องดูดควัน ทางโครงการมีทำการแบ่งพื้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัว ห้องนั่งเล่นจะใช้เป็นพื้นไม้ลามิเนต ส่วนพื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้อง เข้ามาดูห้องน้ำจะได้กระจกบานใหญ่ แยกส่วนเปียกส่วนแห้ง อุปกรณ์ต่างๆ ก็เป็นแบบมาตรฐาน ธรณีประตูระหว่างห้องน้ำกับห้องครัว สวิทซ์ไฟแบบมาตรฐาน มาดูห้องขนาด A2 บ้าง เข้ามาก็เป็นห้องนั่งเล่นเหมือนกัน ถัดจากห้องนั่งเล่น ก็จะเป็นห้องครัว โต๊ะทานข้าวอยู่ติดกับส่วนห้องนั่งเล่น ทีวีจะอยู่ติดกับประตูทางเข้า โต๊ะทาานข้าวติดกับห้องครัว เคาเตอร์ที่โครงการมีให้ เตากับเครื่องดูควันจะอยู่แยกกับส่วนของซิ้งค์ล้างจาน จากห้องครัวมองออกไปที่ห้องนั่งเล่น มุมห้องนอน มุมเตียงนอน ชั้นวางทีวีปลายเตียง มุมตู้เสื้อผ้า มองจากห้องนอนออกมา ความคุ้มค่าน่าลงทุน โครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ เป็นโครงการที่มีจุดเด่นดีในด้านของทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่เกาะติดกับสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าทั้ง 2 สาย และตั้งอยู่บริเวณ 4 แยกของถนนสายหลักอย่างราชพฤกษ์และเพชรเกษม การเดินทางไปไหนมาไหนจึงจัดว่าสะดวกมากเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงในเรื่องของมลภาวะทางเสียง และฝุ่นละอองที่อาจะเลี่ยงได้ยาก สำหรับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าในงบประมาณไม่เกิน 3 ล้าน โครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ คงได้เปรียบมาก เพราะตัวสถานีอยู่ห่างออกไปเพียง 50 เมตรเท่านั้น ศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งจึงเรียกคะแนนความสนใจได้สูงมากๆ สำหรับด้านการลงทุน โครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ จัดว่ามี Upside Gain สูง ทั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า แหล่งสาธาณูปโภคต่างๆ ที่จัดว่าสะดวกครบครัน การจะขายเพื่อทำกำไรต่อ หรือปล่อยห้องเช่าก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าหมดจากเฟสแรกไปแล้ว มาจนถึงเฟส 2 ที่กำลังเปิดขายอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ปริมาณห้องค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีข่าวมาว่าทางโครงการอาจจะสร้างเฟสที่ 3  เพิ่มเติมขึ้นมาอีก ซึ่งแต่ละอาคารก็มีจำนวนยูนิตไม่ต่ำกว่า 500 ห้อง จำนวนห้องมีโอกาสล้นเกินความต้องการ แถมความหนาแน่นของผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้ก็จะมากตามไปด้วย  นอกจากนี้ตัว Developer ก็เป็นรายใหม่ในวงการที่อยู่อาศัยแบบอาคารสูง เรื่องการจัดการในด้านต่างๆ จึงยังไม่มีข้อมูลเก่าๆ ให้ศึกษามากนัก ความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือของ Developer ก็ทำให้ต้องคิดกันเยอะขึ้นอีกนิดครับ
IDEO Q จุฬา – สามย่าน : รีวิวคอนโด

IDEO Q จุฬา – สามย่าน : รีวิวคอนโด

โครงการ: IDEO Q จุฬา - สามย่าน (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 3,500,000 บาท บาท/ตารางเมตร ราคาเฉลี่ย 140,000 – 160,000 บาท เจ้าของโครงการ Ananda Development Co., Ltd. จุดเด่น “ไม่ใช่แค่กลางเมือง แต่คือจุดที่ทั้งเมืองต้องสนใจ” ตอบความเป็นจุดศูนย์กลาง ด้วยสถานที่ศักยภาพรอบด้าน ทำเลที่ตั้งอยู่บนศูนย์กลางย่านธุรกิจ ใกล้ MRT สามย่าน เพียง 270 เมตร และรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญของกรุงเทพมหานครทั้งสถานศึกษา ชั้นนำของประเทศไทย ศูนย์การค้าหลากหลายแห่ง สวนลุมพินี สถานีรถไฟหัวลำโพง โรงพยาบาลชั้นนำมากมาย รวมไปถึง Lifestyle Retail Shop ภายในโครงการ เช่น MaxValu / Starbucks / Thai Fight / TCDC เป็นต้น จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ - ที่ตั้ง: IDEO Q จุฬา - สามย่าน (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 5-3-59.80 ไร่ ที่ตั้ง ถนนพระรามที่ 4 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.733349, 100.526690 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สามย่าน สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีสามย่าน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จามจุรี สแควร์ มาบุญครอง วัดหัวลำโพง ตลาดสามย่าน ลักษณะโครงการ: IDEO Q จุฬา - สามย่าน (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio 1 Bedroom 2 Bedrooms 2 Bedrooms Duplex ขนาดห้องที่มี Studio 21 – 28.5 ตารางเมตร 1 Bedroom 33.50 – 34.00 ตารางเมตร 2 Bedrooms 47.00 – 50.00 ตารางเมตร 2 Bedrooms Duplex 66 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 40 ชั้น จำนวนห้อง 1,598 ยูนิต / ร้านค้า 7 ยูนิต ส่วนกลาง: IDEO Q จุฬา - สามย่าน (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 629 คัน คิดเป็น 40% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) - ค่ากองทุน(/ตร.ม) - สาธารณูปโภค โถงต้อนรับ ห้องประชุม สำนักงานนิติบุคคล สวนส่วนกลาง โซเชียลคลับ สระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก พร้อมกับจากุซซี่ ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ ห้องซาวน่า ห้องสมุดและบิซิเนสเซ็นเตอร์ ลานดูภาพยนตร์กึ่งกลางแจ้ง ห้องซักรีด   เพิ่มเติม: IDEO Q จุฬา - สามย่าน (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.ananda.co.th/ ข้อมูล ณ วันที่
Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

ครั้งนี้จะพาไปดู คอนโดมิเนียมในแบรนด์ Rich Park 2@ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านไหน แต่ถ้าจะใช้ชัดกว่านั้นก็ต้องบอกว่า คอนโดนี้ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) และสายสีม่วง (บางซื่อ-บางให่) จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับการเลือกหาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า การเดินทาง จากแยกวงศ์สว่าง วิ่งมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาจนถึงแยกเตาปูน และเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2  ก็จะเห็นโครงการ Rich Park 2 ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำได้ไม่ยากเพราะสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้ทั้งทางแยกวงศ์สว่าง วิ่งเข้าถนนรัชดา หรือจะเลือกขึ้นทางด่วนด่านรัชดาภิเษกตรงแยกประชานุกูลก็ได้ ในขณะที่เส้นทางฝั่งแยกเตาปูน สามารถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านย่านพหลโยธิน ตรงถนนกำแพงเพชรได้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าปกติอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ ทั้งเส้นทางเข้าเมือง และออกนอกเมือง ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถ้าหากมีการเปิดให้ใช้เมื่อไร ก็น่าจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะทางขึ้นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย อยู่ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 100 เมตร เอาเป็นว่าแค่ข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามโครงการก็สามารถเลือกวิธีการเดินทางได้ตามความสะดวก แต่ในระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้นั้น ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ไปก่อน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ซึ่งสามารถหาเรียกได้ง่าย ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางมายังตัวโครงการก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว แผนที่ของโครงการ Rich Park 2 แผนที่รอบๆ โครงการ ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน(บางซื่อ – ท่าพระ) และสายสีม่วง(บางซื่อ – บางให่) ประมาณ 80-100 เมตร จากแยกวงศ์สว่างให้ขับตรงไปทางเตาปูน ซึ่งทางซ้ายจะไปถนนประชาชื่น และทางขวาไปสะพานพระราม 9 เมื่อเลยแยกวงศ์สว่างมาแล้ว ให้ขับตรงไปตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เมื่อขับตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาจนถึงแยกเตาปูน ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 อีกประมาณ 100 ม. ก็จะเจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ วิเคราะห์ตัวโครงการ ณ วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และลูกบ้านก็เริ่มทยอยย้ายเข้ากันแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศในการอยู่อาศัยจริงได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น รอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยที่เป็นชุมชมเดิม ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นจำนวนมาก จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้ง หรือย่านเศรษฐกิจการค้า แต่บรรยากาศก็คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่แพ้กัน นอกจากการจับจ่ายใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านค้าใกล้ๆ แล้ว ห้างที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นเทสโก้ โลตัส ประชาชื่น และ Big C วงศ์สว่าง ถึงจะไม่ใช่ห้างใหญ่หรูหรา แต่ก็พอให้พึ่งพาในการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป เลยจากบริเวณนี้ไป ก็เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว กลับมาดูที่ตัวโครงการกันบ้าง Rich Park 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 26 ชั้น ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว L ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก รูปแบบอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นเพียงตึกสูงเรียบๆ ทั่วไป บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า รวมทั้งหมด 14 ห้อง ซึ่งยังเปิดให้บริการไม่ครบ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีแค่ร้านซักรีดเท่านั้น ส่วนบริเวณร้านค้าอื่นๆ ยังเป็นห้องว่างๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะในอนาคตอันใกล้ยังจะพอพึ่งพาร้านค้าในโครงการได้รึเปล่า ส่วนบริเวณที่พักอาศัยนั้น เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 5 ในบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Facility ส่วนกลาง ถัดขึ้นไปที่ชั้น 6-26 จะเป็นพื้นที่ของห้องพักทั้งหมด ดูตามแปลนการจัดวางห้องของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว เพราะแต่ละชั้นมีจำนวนห้องมากถึง 34 ยูนิต ซึ่งนับยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีมากถึง 720 ยูนิต ในขณะที่ลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดเตรียมไว้แค่ 3 ตัวเท่านั้น เทียบเป็นอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ 267 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าเราต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหนถ้าทุกห้องต้องออกไปทำงานพร้อมๆ กันในช่วงเช้า สำหรับ Facility ทั้งหมดของโครงการถูกจัดรวมไว้ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ส่วนเรื่องที่จอดรถก็นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะนับดูคร่าวๆ ก็ไม่น่าจะจอดได้เกิน 50% ซึ่งรวมแบบจอดซ้อนคันไว้ด้วยแล้ว ใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็เตรียมปวดหัวกับการแย่งชิงที่จอดรถกันได้เลย นอกเหนือจากที่เห็นนี้ก็ยังไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม จากบรรยากาศคร่าวๆ ระหว่างเยี่ยมชมโครงการ ก็ต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรื่องความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านที่ทางโครงการยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เช่น เรื่องร้านค้าภายใน เรื่องที่จอดรถ รวมถึงเรื่องการบริการของพนักงานขายที่ออกจะใส่ใจลูกค้าน้อยไปซักหน่อย จึงอดไม่มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายของโครงการหากต้องเข้าอยู่อาศัยจริง ภาพจำลองรอบๆ โครงการ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ชั้น G นอกจากส่วนของ Lobby แล้วยังถูกแบ่งเป็น Shop อีกจำนวน 14 ยูนิต ชั้น 2 - 4 ถูกใช้เป็นที่จอดรถ คิดเป็น 50% รวมจอดซ้อนคัน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ชั้น 6 - 25 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย มีจำนวนยูนิตประมาณ 34 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 26 จะมียูนิตเหลือเพียง 12 ยูนิต และพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 ในขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นห้องตัวอย่างที่ได้ชมจึงเป็นห้องจริงที่ยังพอมีเหลือว่างอยู่บ้าง เรื่องตำแหน่งของห้องอาจจะเลือกมุมที่ถูกใจได้ยากขึ้น รวมถึงเรื่องราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดตัวอีกพอสมควร ดูจากการออกแบบจัดห้องในแต่ละชั้น ก็เห็นว่าทางโครงการค่อนข้างเน้นจุดขายด้านปริมาณมากกว่า เพราะห้องทั้งหมดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นอยู่ที่ 21 ตร.ม. และห้องใหญ่สุดก็พื้นที่ไม่เกิน 35 ตร.ม. ตำแหน่งในการจัดวาง เหลี่ยมมุม และเสาภายในห้อง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดต่างกัน ส่วน Lay out แบ่งออกเป็นแบบหลักๆ  2 Type คือ Type A และ Type B ซึ่งต่างกันที่ผนังกั้นห้องนอน โดยห้องแบบ Type B จะใช้กระจกบานใหญ่แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ข้อดีก็คือ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่โซนกลางห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนห้อง Type A ซึ่งมีหน้ากว้างกว่า การจัดวางตำแหน่งห้องนอนจึงอยู่คนละด้านกับห้องนั่งเล่น ผนังห้องจึงเป็นผนังทึบปกติ จากห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าการจัด Lay out ห้องของ Rich Park 2 ดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเหลี่ยมมุมของห้องที่มีเสายื่นออกมา รวมถึงตำแหน่งในการติดตั้งทีวีในบางห้อง และตำแหน่งหน้าต่างที่มีเพิ่มเติมในห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมตึก ซึ่งนอกจากจะดูแปลกจากที่เคยเห็นแล้ว ยังทำให้การตกแต่งห้องมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องติดตั้งผ้าม่านเพิ่ม หรือการเลือกซื้อ เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ที่ในตำแหน่งใกล้หน้าต่าง ตำแหน่งที่วางทีวีไม่ตรงกับแนวโซฟา หรือการแยกเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจาน กับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารไว้คนละฝั่ง ลักษณะภายในห้องจึงดูเหมือนว่าขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล นี่ยังไม่นับรวมถึงตำแหน่งห้องที่มีผลกับวิวด้านนอกอาคารเลยนะครับ เพราะบางห้องก็ถูกบังวิวกันเอง มองออกไปเห็นแต่กำแพงอีกฝั่งของห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่นออกมา จะเลือกตำแหน่งห้องนอกจากการไปดูห้องจริงแล้ว แนะนำให้กางแปลนห้องควบคู่กันไปด้วยก็นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ว่าห้องไหนยื่นเลยออกไป ห้องไหนเว้าเข้าด้านใน เพราะเค้าเล่นออกแบบเป็นลูกคลื่นบังวิวกันเอง ไม่รู้ว่าคนออกแบบตั้งใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า Type A ขนาด 30 ตารางเมตร Type A1 ขนาด 29 ตารางเมตร Type A2 ขนาด 28 ตารางเมตร Type A3 ขนาด 35 ตารางเมตร Type B ขนาด 30 ตารางเมตร Type B1 ขนาด 35 ตารางเมตร Type C ขนาด 35 ตารางเมตร Type D ขนาด 21 ตารางเมตร Type D1 ขนาด 21 ตารางเมตร Type E ขนาด 35.50 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการ Rich Park 2 คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีตลาด และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานี Inter change ทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ราคาห้องจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ศักยภาพภายในของตัวโครงการเอง ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน คะแนนความน่าสนใจจึงถูกฉุดดึงให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการห้องพักไว้อยู่อาศัยเอง ถ้าไม่ติดเรื่องที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลย่านสำนักงาน แหล่งธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ทำเลแถบนี้ก็ยังพอเดินทางไปมาได้สะดวกพอสมควร แต่ถ้าพิจารณาในส่วนของห้องพักแล้ว คงต้องแนะนำให้ไตร่ตรองกันดีๆ ว่าถ้าหากต้องเข้ามาอยู่อาศัยจริงฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในห้องจะใช้งานได้สะดวก เหมาะสมหรือไม่ ไหนจะเรื่อง Facility ภายในโครงการอีก ต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าเราจะได้ใช้งานจริงแค่ไหน คุ้มค่ากับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายรึเปล่า เช็คข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ครบถ้วนนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เสียใจกันภายหลัง
Chateau in Town รัชดา 10 : รีวิวคอนโด

Chateau in Town รัชดา 10 : รีวิวคอนโด

โครงการ Chateau in town รัชดา 10 เป็นอีกหนึ่งโครงการของ CMC ที่เลือกทำเลขยับเข้ามาใกล้เขต New CBD (Central Business District) บนถนนรัชดาภิเษกมากขึ้น ซึ่งตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยรัชดา 10 หลังตึก Cyber World และอยู่ระหว่างรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีห้วยขวางและสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ เราจึงแวะไปดูที่ตั้งโครงการจริงมาฝากกันครับ การเดินทาง การเลือกทำเลในย่านนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจัยหลักจากความสะดวกสบายด้วยการเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน สำหรับการเดินทางมายังโครงการ Chateau in town รัชดา 10 โดยรถไฟฟ้าใต้ดินสามารถเลือกลงได้ทั้งสถานีห้วยขวาง และสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ โดยสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ จะมีระยะทางเดินที่ใกล้กว่าคือ 550 เมตรโดยประมาณ ซึ่งใช้เส้นทางเดินลัดตัดออกมาจากด้านหลังตึก Cyber World ทำให้ย่นระยะทางไปได้พอสมควร ในขณะที่จากสถานีห้วยขวางเดินมายังโครงการจะมีระยะทางมากถึง 900 เมตรเลยทีเดียว ด้วยระยะขนาดนี้ต้องบอกว่าถ้าต้องเดินไปกลับทุกเช้า-เย็นคงจะไม่สะดวกนัก ดังนั้นการเลือกใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจึงเป็นเรื่องที่อาจเกิดได้บ่อยกว่าที่คิด โดยเฉพาะคุณสาวๆ ที่ต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าคนเดียว เส้นทางบางช่วงอาจจะเงียบไม่คนมีคนเดินจนเกือบจะเรียกว่าเปลี่ยวเลยทีเดียว ถึงจะเป็นเส้นทางเดินติดถนนใหญ่ที่มีรถราขวักไขว่ แต่ก็ยังไม่น่าเดินเท่าไหร่ครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ นั้นจัดว่าสะดวกดีทีเดียว เพราะออกมาทางปากซอยรัชดา 10 ก็เจอป้ายรถเมล์อยู่ตรงหน้าพอดี มีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย รวมถึงรถแท็กซี่ก็มีให้บริการทั้งวันทั้งคืน ถึงจะไม่มีรถส่วนตัวก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางเลย ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ถนนสายหลักๆ ที่ต้องใช้คือ ถนนรัชดาภิเษก ไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปทางแยกพระราม 9 หรือแยกลาดพร้าว เพื่อต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงบริเวณแยกศูนย์วัฒนธรรมฯ ที่สามารถเลี้ยวไปออกเหม่งจ๋ายและเลียบทางด่วนรามอินทราได้ นอกจากนี้ยังมีด่านขึ้นลงทางด่วนตรงพระราม 9 ที่จะช่วยให้การเดินทางไปยังส่วนอื่นๆ ของกรุงเทพสะดวกมากขึ้น แต่ปัญหาใหญ่ๆ ที่ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ก็คือ ปัญหารถติดบนถนนรัชดาภิเษก และถนนสายอื่นๆ ใกล้เคียงในช่วงเวลาเร่งด่วน กว่าจะหลุดไปได้แต่ละแยกก็ใช้เวลากันนานเลยทีเดียว แผนที่เส้นทางการเดินทางโดยรถยนต์ โดยเริ่มจากลาดพร้าวมาถึง โครงการ เริ่มมาจากแยกลาดพร้าว ให้วิ่งมุ่งหน้าไปพระราม 9 ลงอุโมงต์ลอดใต้แยกห้วยขวาง ลงอุโมงค์ ออกจากอุโมงค์ให้พยายามชิดซ้าย วิ่งมาเรื่อยๆ จะเจอโรงเรียน เตรียมอุดมพัฒนาการอยู่ทางซ้าย ก่อนเข้าซอย เตรียมตัวเลี้ยวเข้าซอย รัชดาภิเษก 10 เข้าซอยรัชดาภิเษก 10 เลยครับ พอเข้าซอยมาแล้ว ให้เลี้ยวขวาแรกทันที วิ่งตรงไปเรื่อยๆจนเกือบสุดทาง จะเห็นโครงการ Chateau in Town 10 อยู่ทางซ้ายครับ   วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ Chateau in town รัชดา 10 ตั้งอยู่ถัดจากปากซอยเข้าไปประมาณ 100 เมตร ซึ่งบริเวณปากซอยมีทั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารแผงลอยหลายร้าน ถัดออกมาอีกหน่อยที่แยกศูนย์วัฒนธรรมฯ ก็มีทั้งห้าง Big C Extra, Esplanade และCyber World ที่สามารถเป็นที่พึ่งพาในการจับจ่ายใช้สอยและฝากท้องได้ ขยับออกมาอีกหน่อยก็ยังมี Tesco Lotus, Fortune Tower และห้าง Central พระราม 9 ที่อยู่ห่างออกไปอีกแค่สถานีรถไฟฟ้าเดียว รวมถึงร้านอาหาร สถานบันเทิงบนถนนรัชดาในบริเวณใกล้ๆ ก็มีให้เลือกไม่น้อยเช่นกัน นอกจากนี้อาคารสำนักงานรอบๆ ก็มีอีกหลายตึก ทั้ง Forum Tower, ตึก Cyber World และตึกไทยประกันชีวิต เป็นต้น ทำเลในย่านนี้จึงคึกคักและพลุกพล่านไม่น้อยเลย ดีหน่อยที่ที่ตั้งโครงการอยู่ถัดเข้ามาในซอยซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยที่มีอยู่ก่อนแล้ว บรรยากาศจึงเงียบสงบกว่าด้านนอกมาก ตัวอาคารของ Chateau in town รัชดา 10 สูง 8 ชั้น สร้างใกล้เสร็จในอีกไม่นานนี้ ซึ่งการออกแบบตัวอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เพราะเป็นโครงการเล็กที่มียูนิตรวมแค่ 79 ยูนิตเท่านั้น ทางโครงการจึงบอกว่าลูกบ้านจะได้ความเป็นส่วนตัวเพราะแต่ละชั้นมีเพื่อนบ้านแค่ 10-12 ห้องเท่านั้น พื้นที่ส่วนกลางเริ่มตั้งแต่บริเวณชั้น 1 ซึ่งเป็นที่จอดรถภายในอาคาร สามารถจอดรถได้ 31 คัน มีทางเข้าออกทางเดียวด้านซอยรัชดา 10 แยก 7 ส่วนพื้นที่ด้านหลังโครงการที่อยู่ติดกับซอยรัชดา 10 แยก 9 จะเป็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อมเล็กๆ สำหรับการพักผ่อน สำหรับส่วนที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 2 ขึ้นไป โดยที่บริเวณชั้น 2 ด้านเดียวกับสระว่ายน้ำจะมีห้องฟิตเนส ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปที่สระว่ายน้ำได้ด้วย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานทั่วไป รวมถึงเรื่องลิฟท์โดยสารที่ถึงจัดมาให้ 1 ตัว แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับคอนโดโครงการขนาดนี้ การจัดวางแปลนห้องในแต่ละด้านมีจำนวนห้องไม่มากนัก ซึ่งการเลือกตำแหน่งและขนาดห้องก็ถูกบังคับไปโดยปริยาย รอบๆ อาคารเป็นอาคารพาณิชย์เสียเป็นส่วนใหญ่ ตรงข้ามกันมีอพาร์เม้นท์สูง 7-8 ชั้น 2 อาคาร อยู่ห่างจากตัวโครงการแค่ถนนในซอยกั้นเท่านั้น หันไปทางด้านหลังโครงการก็มีตึก Cyber World สูงตระหง่าน แทบจะบังแดดบังลมได้มิดเลย เรียกว่าเรื่องวิวทิศทัศน์อันสวยงามคงหวังอะไรไม่ได้ไม่ว่าจะเลือกห้องทางทิศไหน หรืออยู่ชั้นสูงที่สุดก็ตาม เพราะมองออกไปยังไงก็เห็นแต่วิวหลังคาตึกใกล้ๆ แย่หน่อยก็อาจจะเปิดหน้าต่างออกไปจ๊ะเอ๋มองเห็นเพื่อนบ้านที่อพาร์ทเม้นท์ข้างๆ อีกต่างหาก ความเป็นส่วนตัวตามที่ทางโครงการขายไว้ก็อาจจะลดลงไปบ้าง เช่นเดียวกับการใช้สระว่ายน้ำซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ในขณะที่รอบๆ มีบ้านและอาคารพาณิชย์รายล้อมอยู่ เวลาลงมาว่ายน้ำเล่นก็อาจจะรู้สึกโป๊ไปหน่อย ถึงแม้ว่าทางโครงการจะพยายามยกพื้นและขอบรั้วให้สูงกว่าปกติแล้ว แต่ใกล้ๆ กันก็ยังมีตึกที่สูงกว่าที่สามารถมองลงมาที่สระว่ายน้ำได้อยู่ดี คะแนนความเป็นส่วนตัวจึงถูกลดลงไปอีกครับ เห็นแบบนี้สาวๆ คงไม่กล้าลงมาว่ายน้ำเล่นเท่าไหร่ จะขึ้นจะลงสระอาจมีอาการระแวงสายตาจากคนในบ้านข้างๆ ได้ ทีนี้เลยพาลจะทำให้ใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก การเสียค่าส่วนกลางโดยที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่ หรืออาจไม่ได้ใช้เลย จึงกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าคิดนะครับ พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าแบรนด์ Chateau in town มีการออกแบบ Lay out ในแต่ละโครงการไม่ได้แตกต่างกันมาก เราจึงไม่ต้องพูดกันมากให้เสียเวลา ทั้งโครงการมีแบบห้องให้เลือกมากถึง 15 Type ซึ่งเยอะได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Lay out ห้องก็คล้ายๆ กัน กลับตำแหน่งซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เว้าตรงนี้นิด ยื่นตรงนั้นหน่อย ตัดทอนไปแล้วก็เหลือห้องแบบหลักๆ อยู่ 5 แบบด้วยกัน เริ่มจากห้องแบบ 1 ห้องนอน จะมีขนาดเริ่มต้นที่ 25-41 ตร.ม. ขึ้นอยู่กับตำแหน่งห้อง ห้องขนาดเล็กจะกั้นพื้นที่ห้องนอนออกจากครัวด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อช่วยในการประหยัดพื้นที่ และไม่ทำให้ห้องดูแคบจนเกินไป ส่วนพื้นที่นั่งเล่นในห้องขนาด 25 ตร.ม. อาจไม่มีพื้นที่เหลือให้มากนัก เพราะต้องแบ่งกันใช้กับบริเวณห้องนอน จะว่าไปแล้วลักษณะห้องก็คล้ายกับห้องแบบ Studio เสียมากกว่า แต่ถ้าใครที่อยากจะได้ห้องที่กว้างขึ้น และมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกออกมาเป็นสัดส่วน ก็ต้องขยับขึ้นมาที่ห้องขนาด 35 ตร.ม. เพราะห้องแบบนี้จะกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ จึงมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกจากกันชัดเจน แต่ก็ต้องบอกว่ามีพื้นที่แค่พอใช้สอยนะครับ ไม่ได้กว้างขวางอะไรมากมาย แต่ถ้าอยากได้ห้องกว้างๆ ไปเลย ก็ต้องเป็นห้องขนาด 39 ตร.ม. และ 41 ตร.ม. เลยครับ รับรองว่าพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางแน่นอน ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนก็มีให้เลือกเช่นกัน ในขนาดตั้งแต่ 47-52 ตร.ม. เลยทีเดียว เท่าที่ได้ดูห้องตัวอย่างมา ต้องบอกว่า Lay out ห้องบางตำแหน่งอาจจะทำหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งให้ลงตัวได้ยาก เพราะมีเสายื่นมาบ้าง หรือผนังเว้าเข้าไปบ้าง ไหนจะไฟเพดานที่ยื่นออกมาแทนที่จะเป็นแบบฝังติดฝ้าเพดาน อันนี้ก็อาจจะติดปัญหาในบางตำแหน่งที่ต้องวางตู้สูงจรดเพดาน บางทีการตัดปัญหาด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ก็อาจจะช่วยได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย ถ้าจะเลือกห้องจริงๆ แนะนำว่าให้เดินดูทีละห้องไปเลยครับ เพราะปัจจุบันตัวอาคารสร้างเสร็จแล้ว เหลือแค่ตกแต่งภายในและเก็บรายละเอียดเท่านั้น จะได้เช็คกันในละเอียดๆ ไปเลยว่ามีพื้นที่ใช้สอยในห้องอย่างไรบ้าง ถูกใจและเหมาะสมแค่ไหน อย่าดูแค่แปลนในกระดาษ เกิดอยู่แล้วไม่ถูกใจขึ้นมาจะหาทางแก้ไขลำบากครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน จุดด้อยหลักๆ ของตัวโครงการ Chateau in town รัชดา 10 คือเรื่องที่ตั้งโครงการที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี ซึ่งไม่ว่าจะเลือกเดินจากสถานีไหนก็จัดว่าไกลพอสมควรเลยทีเดียว ถึงแม้ตัวโครงการจะอยู่เกาะแนวรถไฟฟ้า แต่ด้วยระยะทางที่ต้องเดินมากกว่า 500 เมตรขึ้นไป ก็อาจทำให้เราใช้ประโยชน์จากรถไฟฟ้าได้ไม่เต็มที่นัก แต่ในขณะเดียวกันบริเวณรอบๆ โครงการกลับมีอาคารสำนักงานหลายแห่ง รวมถึงสถานศึกษา และห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้งมากมาย ถ้าใครที่ทำงานอยู่ในระแวกนี้ โดยเฉพาะในระยะที่สามารถเดินไปกลับได้ หรือนั่งรถต่อไปใกล้ๆ โครงการนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะการจราจรบนถนนรัชดาภิเษกนั้นติดหนักขึ้นชื่ออยู่แล้ว ถ้าไม่ต้องเดินทางออกไปทำงานนอกพื้นที่รัชดาไกลๆ ก็เผชิญปัญหารถติดกันน้อยลง นอกเหนือจากนี้เรื่องพื้นที่ส่วนกลางของโครงการก็ต้องพิจารณากันให้ดีๆ ว่าเราจะได้ใช้งานมากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละส่วนทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนสก็ไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่มาก รวมถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวในระหว่างการใช้งานที่อาจจะน้อยไปบ้างตามที่บอกไปข้างต้น ไม่อย่างนั้นอาจจะเสียค่าส่วนกลางไปโดยไม่คุ้มค่าเงินก็ได้ สำหรับการซื้อหาไว้เพื่อการลงทุนหรือปล่อยห้องให้เช่า แน่นอนว่าบริเวณโดยรอบนี้มีอาคารสำนักงานอยู่มาก โอกาสที่จะหาผู้เช่าก็ดูจะมีความเป็นไปได้มาก แต่ต้องไม่ลืมว่าในซอยเดียวกันนี้ยังมีอพาร์ทเม้นท์อีกหลายตึกที่จะกลายเป็นตัวเลือกเปรียบเทียบ ทั้งตำแหน่งที่อยู่ใกล้ปากซอยมากกว่า และราคาเช่าที่อาจจะถูกกว่าเพราะไม่มีเรื่อง Facility อื่นๆ บวกเพิ่มขึ้นมา การปล่อยห้องให้เช่าจึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าก็ได้ครับ
VERY สุขุมวิท 72 : รีวิวคอนโด

VERY สุขุมวิท 72 : รีวิวคอนโด

ปัจจุบันสถานีปลายทางรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลย นอกจากในซอยแบริ่งที่มีคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆ เกิดขึ้นมากมายแล้ว ทำเลในซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 72 ก็มี Very Condo สุขุมวิท 72 อีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายนี้ เราเลยไม่พลาดที่จะเก็บข้อมูลเอามาฝากกันครับ   การเดินทาง   ถ้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า การเดินทางหลักๆ ก็คงหนีไม่พ้นการใช้รถไฟฟ้า BTS เป็นตัวเลือกแรก นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีแบริ่งแล้วออกทางออกที่ 4 เดินต่อไปทางซอยสุขุมวิท 72 และเข้าซอยอีกเล็กน้อย ก็จะถึง Very Condo ระยะทางรวมแล้วไม่เกิน 400 เมตร จัดว่าเป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ โดยไม่ต้องพึ่งพารถสองแถว หรือวินมอเตอร์ไซค์เลยก็ได้ การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะถนนหนทางในย่านนี้มีเส้นทางเลี่ยงเข้าออกเมืองได้หลายทาง ทั้งด่านทางด่วนบางนา และทางด่วนสุขสวัสดิ์-บางพลี ถนนวงแหวนรอบนอก สะพานภูมิพล (สะพานอุตสาหกรรม) รวมถึงถนนสายหลักๆ อย่างถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ เรียกได้ว่ามีทางไปได้เยอะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเส้นทางไหนจะสะดวกมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องปัญหารถติดที่ยังไงก็หนีไม่พ้นทั้งช่วงเช้าและเย็น การเดินทางครั้งนี้เราลงมาจากทางด่วนบางนา แล้วตรงเข้ามาตามถนนสุขุมวิท ซึ่งซอยสุขุมวิท 72 อยู่เยื้องๆ กับซอยแบริ่ง ดังนั้นจึงต้องเลยขึ้นไปอีกเล็กน้อยเพื่อกลับรถมายังซอยสุขุมวิท 72 พอเข้าซอยมาแล้วก็เลี้ยวขวาที่แยกแรก ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้ๆ แยกนี่เลย นับระยะทางจากปากซอยสุขุมวิท 72 เข้ามาถือว่าไม่ไกลเลย ส่วนการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็สะดวกเช่นกัน เพราะถนนสุขุมวิทแถบนี้ รถราคึกคักดีทีเดียว เส้นทางระยะใกล้ๆ ก็มีรถสองแถวให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงรถเมล์อีกหลายสาย และแน่นอนว่ารถแท็กซี่ก็มีเยอะแยะมากมาก โดยเฉพาะบริเวณทางลงรถไฟฟ้า ดังนั้นการเดินทางไม่ว่าจะเลือกเดินทางด้วยวิธีไหนก็สะดวกไม่ต่างกันครับ เส้นทางการเดินทางจาก BTS สถานีแบริ่ง ถึงโครงการ VERY Condo เริ่มต้นโดยเดินทางจากอุดมสุขมุ่งหน้าสู่บางนา ให้ตรงไปแยกบางนามุ่งหน้าไปสมุทรปราการ ตรงผ่านแยกบางนา เมื่อผ่านแยกบางนามาแล้ว ทางซ้ายจะเป็น BITEC ด้านหน้าเป็น BTS สถานีแบริ่ง ผ่านสามแยก (ซอยลาซาล) ผ่าน BTS สถานีแบริ่ง วิ่งตรงผ่านสามแยก ผ่านซอยสุขุมวิท 107 (ซอยแบริ่ง) วิ่งมาเรื่อยๆ ทางขวาจะเห็นเต้นท์รถอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 72 เมื่อเลยซอยที่อยู่ทางขวา ให้ชิดขวาเพื่อกลับรถ กลับรถมาแล้วก็เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 72 เลยครับ ปากซอยจะมีเต้นท์รถเห็นชัดๆอยู่ เมื่อเข้าซอยมาแล้วให้เข้าซอย ศิริคาม 4 เลี้ยวเข้ามาแล้ว ให้ตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นโครงการ VERY Condo อยู่ด้านหน้า ถึงแล้วครับโครงการ VERY Condo วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่อยู่ในย่านแบริ่งนี่เอง ความเจริญของบริเวณแวดล้อมโครงการจัดว่าดีทีเดียวครับ เพราะมีทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ ครบครัน ทั้งโรงเรียนนานาชาติรายใหญ่ๆ โรงเรียนเอกชนชื่อดัง รวมถึงโรงเรียนอื่นๆ ในระแวกใกล้เคียงก็มีอยู่หลายแห่งเช่นกัน รวมถึงสถานพยาบาลก็มีเยอะไม่แพ้กัน ทั้งโรงพยาบาลใหญ่ๆ และคลินิคในเขตชุมชน เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็สามารถพึ่งพาได้สบายๆ และถ้าจะถามถึงแหล่งช็อปปิ้ง แค่หลับตาก็เห็นภาพเซ็นทรัลบางนา ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค และห้างอิมพีเรียลเวิร์ดสำโรงขึ้นมาในหัวแล้วแน่ๆ แถมด้วยโลตัส ศรีนครินทร์ และแมคโครเข้าไปอีก ถือว่ามีห้างใหญ่ๆ ให้จับจ่ายใช้สอยไม่น้อยเลยในระยะ 10 กิโลเมตร และยังมีตลาดสดสำโรงอีกที่เราสามารถพึ่งพาฝากท้องได้ในราคาประหยัด การอาศัยอยู่ในแถวนี้จึงถือว่าอุดสมบูรณ์ดีทีเดียว ขอแค่ไม่ขี้เกียจเดินออกมาจากซอยสุขุมวิท 72 แค่นั้นแหละ รับรองว่าไม่มีคำว่าขาดแคลนแน่นอน ที่ตั้งในซอยสุขุมวิท 72 อาจจะเป็นรองซอยแบริ่งอยู่บ้างในด้านความเจริญ และความพลุกพล่านของร้านค้าต่างๆ เนื่องจากซอยแบริ่งเป็นซอยใหญ่ แต่ในทางกลับกันซอยสุขุมวิท 72 ก็มีความเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนอาศัยมากกว่า ภายในซอยยังเป็นบ้านอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีก็เพียงคอนโดเพื่อนบ้านอย่าง Cattleya เพียงอาคารเดียวที่ตั้งอยู่ติดกันในระยะประชิดเนื่องจากเป็นโครงการเก่าที่อยู่มาก่อนแล้ว ห้องในฝั่งนี้จึงถูกบังวิวกันไปแบบเต็มๆ ด้วยตัวโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น เรื่องวิวจึงไม่ใช่จุดเด่นเท่าไหร่ ส่วนของที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 มียูนิตรวมเพียงแค่ 68 ยูนิตเท่านั้น จัดว่าน้อยเหมือนกันครับ เลยค่อนข้างได้เปรียบเรื่องความเป็นส่วนตัวสูงกว่าโครงการอื่นที่มีจำนวนห้องมากๆ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจัดรวมไว้ที่บริเวณดาดฟ้าของอาคารทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และ Roof Top Garden จากที่สังเกตุภาพรวมๆ แล้ว ถือว่าทางโครงการจัดส่วนกลางมาได้ดีพอสมควร ปริมาณความหนาแน่นไม่มากนักลูกบ้านก็น่าจะใช้ส่วนกลางได้จริงจังมากขึ้น เช่นเดียวกันกับลิฟท์โดยสาร ถึงจะมีเพียง 1 ตัว แต่เทียบกับจำนวนห้องแล้วถือว่าใช้ได้สบายๆ ดีทีเดียว กลับกันกับเรื่องที่จอดรถที่ดูจะจำกัดจำเขี่ยอยู่พอสมควร นับรวมจอดซ้อนคันแล้วก็ไม่เกิน 30% เพราะพื้นที่ชั้น G ส่วนหนึ่งถูกแบ่งไว้เป็นส่วนของ Lobby ห้องจดหมาย ห้องซักรีด และห้องนิติบุคคล เลยทำให้พื้นที่จอดรถมีน้อยไปนิด ถ้าต้องมาอยู่อาศัยจริงก็ต้องลุ้นกันหน่อยว่าลูกบ้านแต่ละห้องจะมีรถส่วนตัวกันเยอะแค่ไหน ถึงจะเป็นโครงการเกาะแนวรถไฟฟ้าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับทำเลแถบนี้โอกาสที่ลูกบ้านจะมีรถส่วนตัวก็ความเป็นไปได้สูงเหมือนกัน พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องของโครงการ Very สุขุมวิท 72 กันบ้าง ซึ่งทางโครงการก็จัดมาทั้งห้องแบบ Studio, ห้องแบบ 1 ห้องนอน และห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาดห้องเริ่มต้นกันที่ 25.8 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้อง Studio เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนของ Pantry ครัวเล็กๆ และห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หรือหลังประตูเข้าห้องพอดี ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัดเหมือนกัน วางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้าไปแล้วก็เหลือพื้นที่ว่างไม่มากเท่าไหร่ บริเวณปลายเตียงวางตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวีแล้ว ก็เกือบเต็มพื้นที่ห้องพอดี ด้านในสุดของห้องแบ่งเป็นระเบียงเล็กๆ ส่วนอีกด้านติดหน้าต่างเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะทำงาน หรือเดย์เบดได้อีกตัว ขยับมาที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนกันบ้าง ซึ่งขนาดพื้นที่ 36 ตร.ม. โดยประมาณ Lay out ของห้องแบบนี้ดูจะค่อนข้างลงตัวและน่าอยู่มากกว่า เพราะมีการจัดสรรพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน เปิดเข้าห้องมาจะเจอพื้นที่ของห้องนั่งเล่นก่อน ส่วนครัวของห้องนี้จะได้เป็นครัวปิด ซึ่งมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่ไว้ให้เรียบร้อย ส่วนอีกด้านของห้องครัวจะมีประตูกระจกอีกทางสำหรับออกไปยังระเบียง ซึ่งระเบียงของห้องนี้จะแคบและมีลักษณะอยู่ในแนวลึก ลักษณะของห้องนี้จึงเสียเปรียบเรื่องวิว เพราะ Lay out ห้องไม่ได้ออกแบบมาให้เปิดรับวิวเท่าไร หันกลับอีกด้านของห้องเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งมีห้องน้ำอยู่ในตัว พื้นที่ใช้สอยภายในก็ค่อนข้างลงตัว ถึงจะไม่ได้กว้างมากแต่ก็กำลังพอใช้งานได้ครับ ห้องทั้งหมดของโครงการขายกันมาแบบ Fully Furnished นะครับ มีทั้งชุดครับ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามชุดมาตรฐาน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ Built in บางชิ้น ซึ่งแนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่โครงการให้ดีนะครับว่ามีชิ้นไหน และสเปคเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่ดูจากห้องตัวอย่างก็ได้รับแจ้งว่าในห้องจริงอาจจะมีของแถม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับเรื่องของความคุ้มค่าน่าลงทุนของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ซึ่งดูแล้วน่าจะได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าพอสมควร ด้วยระยะห่างเพียง 400 เมตร จึงทำให้การเดินเท้าต่อไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ไม่ยาก รวมถึงเรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่คึกคักดีทีเดียว เพราะใกล้ทั้งแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ หลายแห่ง แถมยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสดอยู่ใกล้ๆ ด้วย ทำเลย่านนี้จึงอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเลย สำหรับการซื้อหาเพื่ออยู่อาศัย ที่ตั้งโครงการค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของความเงียบสงบ เหมาะกับการพักอาศัย ส่วนการลงทุนเพื่อหวังปล่อยห้องให้เช่า อาจจะมีโอกาสน้อยหน่อย เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงไม่ค่อยมีบริษัทใหญ่ๆ รวมทั้งไม่ได้อยู่ใกล้ย่านธุรกิจเท่าที่ควร กลุ่มคนเช่าส่วนหนึ่งอาจจะต้องเป็นกลุ่มคนที่ทำงานในเมือง ซึ่งอาจจะต้องการที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่จะว่าไปแล้ว คอนโด หรือห้องเช่าที่อยู่เกาะแนวรถไฟฟ้าก็มีตัวเลือกไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้มีตัวเปรียบเทียบในตลาดค่อนข้างมาก การลงทุนเรื่องปล่อยห้องเช่าจึงห้องศึกษาข้อมูล และทำการบ้านกันให้ดีๆ ครับ จะได้ไม่เจ็บตัว อ้อ! ข้อด้อยอีกเรื่องของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือ เรื่องของ Developer ที่เป็นรายย่อยในวงการ เรื่องการบริหารงานนิติบุคคลในช่วงแรกๆ รวมถึงคุณภาพงานก่อสร้างอาจจะต้องลุ้นกันหน่อย ยังดีที่ปัจจุบันตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมโอนเข้าอยู่เต็มทีแล้ว เรื่องเจ้าของโครงการทิ้งงานจึงหมดห่วงไปได้เปราะหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องการรอตรวจรับงานของเจ้าของห้องเท่านั้นครับ ส่วนใครที่สนใจอยากได้เป็นเจ้าของซักห้อง ทางโครงการก็ยังพอมีห้องเหลืออยู่บ้าง ลองแวะเข้าไปดูห้องที่โครงการจริงกันก่อนได้ เผื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจครับ
Ideo Mobi Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi Sukhumvit : รีวิวคอนโด

โครงการ: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 6,900,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 150,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโด High Rise จากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ติดถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ ที่ตั้ง: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 3-0-86.5 ไร่ ที่ตั้ง ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.704313,100.601762 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS อ่อนนุช สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS อ่อนนุช เทสโก้ โลตัส อ่อนนุช บิ๊กซี ตลาดบางจาก Gateway เอกมัย Major เอกมัย J-Avenue K-Village The Emporium Emquartier Emsphere มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท โรงเรียนนานาชาติเอกมัย โรงพยาบาลสุขุมวิท โรงพยาบาลสมิติเวช ลักษณะโครงการ: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio 1 Bedroom 2 Bedrooms ขนาดห้องที่มี Studio ขนาด 21 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 42-60 ตารางเมตร จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น อาคาร A 23 ชั้น, อาคาร B 25 ชั้น จำนวนห้อง อาคาร A 446 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต, อาคาร B 489 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต ส่วนกลาง: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 187 คันคิดเป็น 38% รวมจอดซ้อนคันเป็น 45% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 45 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำขนาด 7 x 20 เมตรระบบเกลือ แบ่งสระเด็กลึก 0.6 ม.และสระผู้ใหญ่ลึก 1.5 ม. ห้องออกกำลังกาย ที่ชั้น 5 สวนหย่อมรอบโครงการ และชั้น 4 Games Room พร้อมโต๊ะพูลและโต๊ะโกล์ Living Room พร้อม Pantry ครัวครบชุด สามารถจัด Private Party ได้ ห้องสมุดที่ชั้น 5 ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสาร 233.75 ห้อง/ลิฟท์ 1 ตัว Service Lift 1 ตัว ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันทั้งโครงการคิดเป็น 45% ระบบ CCTV / Access Card / Proxy Lift   เพิ่มเติม: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.ananda.co.th/condo/ideomobi/sukhumvit/index.php ข้อมูล ณ วันที่
The Privacy ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

The Privacy ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

The Privacy ติวานนท์ ตั้งอยู่ในซอยติวานนท์ 50 อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าในอนาคต และมีการคาดการณ์ว่าตัวโครงการจะมีระยะห่างจากตัวสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ 300 เมตร และด้วยที่เส้นทางนี้อยู่ในแนวรถไฟฟ้าความเจริญจึงเริ่มขยายตัวมาถึง ทำเลแถบนี้จึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้ย่านชุมชนเดิม ซึ่งมีแหล่งสาธารณูปโภคต่างๆ เพียบพร้อมอยู่แล้ว   การเดินทาง   ปัจจุบันการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมายังโครงการถือว่าสะดวกดีทีเดียว เพราะมีทั้งเส้นทางหลักอย่างถนนติวานนท์ ถนนสามัคคี รวมถึงถนนเส้นอื่นๆ ที่ใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงได้ทั้งทางแยกแครายออกถนนงามวงศ์วานซึ่งมีด่านขึ้นลงทางด่วนห่างออกไปไม่ไกล รวมถึงถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนสนามบินน้ำ ที่ใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงออกไปทางสะพานพระนั่งเกล้าได้อีกทาง แต่ปัญหารถติดก็ยังคงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ถนนไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งอยู่ใกล้ๆ กำลังก่อสร้าง รถที่เลี่ยงมาใช้ถนนติวานนท์ก็เยอะ พอรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้ใช้แล้ว ก็ใช่ว่าจะปัญหารถติดจะหมดไปนะครับ เพราะหลังจากปี 57 ซึ่งตัวโครงการพร้อมเข้าอยู่แล้ว รถไฟฟ้าสายสีชมพูบนเส้นติวานนท์ก็จะเริ่มทำการก่อสร้างกันต่อ ปัญหาการจราจรจึงติดยาวกันไปอีกหลายปี   เริ่มต้นมาจากทางด่วน ลงแจ้งวัฒนะเลยครับ วิ่งไปทางปากเกร็ดนะครับ วิ่งเลนในนะ อย่าขึ้นสะพาน ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้แต่จะโดนกล้องถ่ายเอาได้ครับ ผ่านทางเข้า เมืองทองธานีไปครับ ผ่านโรงพยาบาล World Medical Center ผ่านตึกจัสมิน เมื่อเลยตึกจัสมินมาก็จะเห็นสะพานลอย ให้ชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด เข้าถนนเลี่ยงเมือง ก็วิ่งตรงยาวเลยครับ พอมาถึงสามแยกให้เลี้ยวขวา ทางซ้ายจะไปซอยสามัคคี เจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายอีกทีครับ ให้ชิดซ้ายเพื่อเข้าซอยติวานนท์ 50 เลี้ยวเข้าซอยมาแล้วก็ตรงเข้าไปเรื่อยๆเลยครับ ถึงแล้วโครงการ The Privacy ติวานนท์ ยังไม่มีอะไรขึ้นเลยครับ ส่วนการเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะ บริเวณปากซอยติวานนท์ 50 ก็มีทั้งรถแท็กซี่ รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ การเดินทางไปไหนมาไหนจึงไม่ลำบากนัก แค่ต้องเผื่อเวลากันให้ดีๆ หน่อย ส่วนหลังจากที่โครงการรถไฟฟ้าพร้อมเปิดใช้บริการแล้วการเดินทางคงสะดวกขึ้นมาก ในระยะแรกๆ คงได้พึ่งพารถไฟฟ้าสายสีม่วงกันไปก่อนสำหรับการเดินทางเข้าเมือง พอรถไฟฟ้าสายสีชมพูแล้วเสร็จก็น่าจะสะดวกยิ่งขึ้นไปอีก ถึงจะต้องเปลี่ยนสายกันหลายต่อหน่อย แต่ก็ยังพอจะกะเวลาเดินทางที่แน่นอนได้   วิเคราะห์ตัวโครงการ   ทำเลที่ตั้งโครงการ The Privacy ติวานนท์ อยู่ในย่านชุมชนเดิมบรรยากาศจึงค่อนข้างพลุกพล่านอยู่พอสมควร แต่ด้วยความที่ตัวโครงการไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ และอยู่ห่างจากปากซอยติวานนท์ 50 เข้ามาอีกประมาณ 100 เมตร บรรยากาศรอบโครงการจึงค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยขึ้นเยอะ ยิ่งบ้านเรือนในซอยนี้ก็เป็นบ้านเดี่ยวเตี้ยๆ ไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้ๆ จึงไม่ห่วงเรื่องเสียงรบกวนเลย ถึงจะบอกว่าตัวโครงการอยู่ในย่านชุมชนที่มีบรรยากาศคึกคัก แต่เรื่องอาหารการกิน ร้านค้า ร้านอาหารที่พอจะฝากท้องได้ก็ไม่มีอยู่ในระยะที่เดินสบายๆ เลย บริเวณปากซอยส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านจำพวกฮาร์ตแวร์ อุปกรณ์ก่อสร้าง จานดาวเทียม แบตเตอรี่รถยนต์ ฯลฯ แต่ถ้าขับรถขยับออกไปหน่อยก็จะมีทั้ง ห้างโลตัส ติวานนท์ โลตัสรัตนาธิเบศร์ The Mall งามวงศ์วาน Big C Extra แจ้งวัฒนะ รวมถึง Central แจ้งวัฒนะ และ Central รัตนาธิเบศร์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในรัศมีที่สามารถเดินทางได้ในระยะเวลา 10-15 นาที (ถ้ารถไม่ติด) นอกจากนี้แล้วบริเวณรอบๆ ยังมีสถานที่ราชการใหญ่ๆ โรงพยาบาล อีกหลายแห่ง ถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยเส้นทางอยู่บ้าง หรือทำงานในแถบนี้ คงจะเคยชินกับสภาพแวดล้อมได้ไม่ยาก สำหรับตัวโครงการ The Privacy ติวานนท์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น มีจุดเด่นที่ตัวโครงการมีขนาดค่อนข้างเล็กและมีจำนวนยูนิตค่อนข้างน้อย รวมทั้ง 2 อาคารแล้วก็มีจำนวนแค่ 156 ยูนิต (อาคารละ 78 ยูนิต) ดังนั้นจึงได้เรื่องความเป็นส่วนตัวมากกว่าโครงการใหญ่ๆ แน่นอน ตัวอาคารไม่ได้มีลูกเล่นในการออกแบบเป็นพิเศษ แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ชูเรื่องเพดานห้องที่สูง 2.6 เมตรและเรื่องช่องลมที่ช่วยระบายอากาศ ทำให้อากาศภายในอาคารไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ภาพรวมของตัวโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร ถึงจะอยู่บนพื้นที่เดียวกันแต่ก็แยกออกจากกันเป็น 2 โครงการ คือ โครงการ A ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าโครงการเป็นอาคารทรงตรงๆ แบบปกติ ส่วนโครงการB จะเป็นอาคารรูปตัว L อยู่ทางด้านใน โดยทั้ง 2 อาคารจะใช้ทางเข้าออกแยกกันอย่างชัดเจน รวมถึงการบริหารงานก็ใช้นิติบุคคลดูแลแยกกันนะครับ เว้นแต่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส สวนหย่อม และล็อบบี้ที่ยังใช้ร่วมกัน ที่จอดรถจะมีเฉพาะบริเวณใต้อาคารนับรวมจอดซ้อนคันแล้วสามารถจอดได้ทั้งหมด 62 คันเท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมาก ถ้าคิดว่าตัวโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ยังต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวพอสมควร ส่วนเรื่องลิฟท์โดยสารนั้น แต่ละอาคารมีลิฟท์ให้ 1 ตัว อัตราส่วนที่ 1:78 ห้องถือว่าไม่หนาแน่นมากแต่ลิฟท์ห้ามเสียเด็ดขาด ไม่งั้นได้เดินขึ้นบันไดกันสนุกแน่ Plan ของอาคาร A Plan ของอาคาร B ภาพตัวโมเดลของโครงการ The Privacy ติวานนท์ ครับ อีกมุมนึงของโมเดลโครงการ The Privacy ติวานนท์   พาชมห้องตัวอย่าง   สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ The Privacy ติวานนท์ เรามีโอกาสได้เข้าไปชมห้องที่โครงการ The Privacy งามวงศ์วานแทน เนื่องจากสำนักงานขายได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่งามวงศ์วาน ซึ่ง 2 โครงการนี้มีความใกล้เคียงกันทั้งตัวแปลนและ Lay out ห้อง แบบห้องที่มีมากที่สุดก็คือห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33 ตร.ม. ซึ่งถ้าใครที่เคยมีโอกาสได้ชมห้องตัวอย่างในเครือ The Privacy มาบ้าง ก็คงจะเห็นถึงความใกล้เคียงกันกับโครงการอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่ห้องที่นี่จะขายให้แบบ Fully Furnished เลย เปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องครัวก่อนเลย ซึ่งเป็นครัวเล็กๆ ขนาดกำลังเหมาะกับการเตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากเป็นครัวแบบเปิด แน่นอนว่าเคาน์เตอร์ครัว พร้อมซิงค์ล้างจานก็ Built-in มาให้แล้ว ส่วนด้านตรงข้ามกับ Pantry ครัวจะเป็นห้องน้ำ ที่สามารถเปิดประตู้เข้าห้องน้ำได้ทั้งจากทางห้องครัวและห้องนอนครับ ถัดจากบริเวณครัวเข้ามาก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียง โดยระยะระหว่างโซฟากับผนังนั้นไม่ได้กว้างมากนัก ดังนั้นแนะนำให้แขวนทีวีติดผนังจะดีกว่ามาก นอกจากจะประหยัดพื้นที่แล้วยังช่วยเพิ่มระยะการดูทีวีได้ด้วยครับ ติดกันกับพื้นที่นั่งเล่นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนออกไปยังระเบียง ซึ่งมีพื้นที่ให้ใช้งานได้เต็มที่ เพราะทางโครงการเลือกที่จะแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน เราจึงได้พื้นที่ใช้สอยบริเวณระเบียงไปเต็มๆ ธรณีประตูระเบียงก็ก่อมาให้สูงมาก ได้ข้อดีเรื่องไม่ต้องห่วงว่าน้ำจากระเบียงจะท่วมเข้าห้องครับ ถัดเข้ามาดูที่ห้องนอนกันบ้างครับ พื้นที่ห้องนอนไม่ได้กว้างมากนัก วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตเข้าไปก็เกือบจะไม่เหลือพื้นที่ปลายเตียงแล้ว แต่กลับกันพื้นที่ห้องที่มีลักษณะลึกเป็นแนวยาวมากกว่า บริเวณหน้าห้องน้ำจึงมีพื้นที่มากพอที่จะวางตู้เสื้อผ้าใหญ่ได้ 2 ตู้ เลยทำให้เหมือนได้พื้นที่แต่งตัวแบบ walk in closet เพิ่มขึ้นมา ส่วนในห้องน้ำก็จัดพื้นที่แยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้เรียบร้อย มี Shower Box ติดตั้งมาให้พร้อมชุดสุขภัณฑ์มาตรฐาน แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้นะครับ อันนี้ต้องไปติดเพิ่มกันเอง อ้อ! อีกอย่างที่ติดตั้งมาให้พร้อมห้องเลยก็คือ Digital Door Lock ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบ Key Card และกดรหัสเข้าห้อง   Plan ห้องขนาด 28.00 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเห็นส่วนครัวอยู่ทางซ้าย มุมครัวจะมีโต๊ะทานข้าวอยู่ติดกับส่วนครัว ซิ้งค์ล้างจานก็ใช้เป็นแบบมาตรฐาน ถัดจากส่วนครัว ก็จะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ถัดไปก็จะเป็นส่วนของระเบียง จากห้องนั่งเล่นมองออกไปทางประตู มาที่ห้องนอน ในห้องนอนก็จะมีหน้าต่างบานใหญ่ไว้รับแดดอีกด้วย ส่วนของโต๊ะเครื่องแป้ง มองจากด้านในมองออกมาก็จะเห็นว่าส่วนของโต๊ะเครื่องแป้งนั้นจะอยู่อีกมุมนึง ตู้เสื้อผ้านก็จะอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ เข้ามาในห้องน้ำกันครับ มีกระจกกั้นส่วนแห้งและส่วนเปียกชัดเจนครับ ฝักบัวที่โครงการให้มาครับ ชักโครกใช้ของ MOGEN อ่างล้างหน้าใช้แบบมาตรฐาน สวิทส์ไฟก็ใช้แบบธรรมดา Plan ห้องขนาด 33.00 ตร.ม. Plan ห้องขนาด 50.00 ตร.ม. ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดอยู่อาศัยในย่านติวานนท์-แจ้งวัฒนะ โครงการ The Privacy น่าจะเหมาะกับความต้องการ เพราะทั้งทำเลที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็ใกล้แหล่งชุมชน อีกทั้งยังได้พึ่งพาใช้งานรถไฟฟ้าสายสีชมพูด้วยในอนาคต การเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้าจึงสะดวกขึ้นมากเลยทีเดียว ส่วนคนที่ใช้รถส่วนตัวอยู่แล้วการเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลย นอกจากเรื่องการจราจรติดขัดจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก นอกจากนี้สาธารณูปโภคต่างๆ ก็อยู่แวดล้อมในระยะที่เดินทางถึงได้ไม่ยาก ถึงจะไม่ค่อยมีร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารให้พึ่งพาในระแวกใกล้ๆ แต่ห้างสรรพสินค้าก็มีหลายแห่งให้เลือกไปจับจ่ายใช้สอยได้ เช่นเดียวกันกับ Facilities ส่วนกลางที่มีมาให้ครบถ้วน แต่ก็เป็นแบบแค่พอใช้งานเท่านั้น ถ้าใครไม่ได้ซีเรียสเรื่องส่วนกลางมากก็จัดว่าอยู่ในระดับที่รับได้ครับ ส่วนซื้อหาห้องไว้เพื่อการลงทุน จัดว่าทำเลในย่านนี้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการรถไฟฟ้าทั้งสายสีม่วงที่ใกล้จะเปิดให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะเริ่มสร้างในอนาคตอันใกล้นี้ จึงทำให้ความเจริญด้านต่างๆ ขยายตัวเข้ามามากขึ้น อีกทั้งในระแวกใกล้ๆ ก็มีศูนย์ราชการนนทบุรี และสถานที่ราชการอีกหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลเฉพาะทาง และโรงงานด้วย การปล่อยห้องให้เช่าจึงเป็นเรื่องที่น่าจะทำได้ไม่ยาก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่จะเป็นผู้เช่าซึ่งทำงานอยู่ระแวกนี้มีจำนวนมากพอสมควร รวมถึงการปล่อยขายห้องให้ผู้ที่สนใจและอยากได้ที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานก็มีโอกาสทำกำไรได้เช่นกัน
THAN Living สาทร – เจริญราษฎร์ : รีวิวคอนโด

THAN Living สาทร – เจริญราษฎร์ : รีวิวคอนโด

หลังจากที่ดูคอนโดแนวรถไฟฟ้าในแถบชานเมืองกันมาหลายโครงการแล้ว คราวนี้ขอพามาดูโครงการในเขตเมืองกันบ้างนะครับ โครงการ Than  Living สาทร-เจริญราษฏร์ คอนโด High Rise สูง 36 ชั้น ริมถนนเจริญราษฏร์ ซึ่งถือว่าอยู่ใกล้ใจกลางเมืองหรือถนนสาทรแค่เอื้อม   การเดินทาง โครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ ตั้งอยู่บนถนนเจริญราษฎร์ช่วงระหว่างถนนจันทน์ไปยังถนนพระราม 3 ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางที่ไกลอยู่พอสมควร ถ้าเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS พอลงจากสถานีแล้วต้องอาศัยต่อรถแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อมายังโครงการแบบไม่ค่อยมีทางเลือก เพราะการเดินเท้าคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ด้วยระยะทาง 2 กิโลเมตร บนเส้นทางถนนเจริญราษฎร์ที่เป็นถนนตัดใหม่และมีบ้านเรือนหรือร้านค้าอยู่ประปรายเนื่องจากเป็นถนนใหญ่ที่อยู่ใต้ทางด่วนคงไม่ใช่เส้นทางที่น่าเดินแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินตอนกลางวันแสกๆ หรือตอนค่ำๆ ก็ตาม อีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนก็คือ การเดินทางด้วย BRT ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีเจริญราษฏร์ แต่ก็มีระยะห่างจากโครงการมากถึง 1.7 กิโลเมตร นับว่าไม่ได้ใกล้กว่ากันเลย และก็ยังต้องต่อรถมายังโครงการเหมือนกันอีกด้วย   การเดินทางที่ดูน่าจะสะดวกที่สุดก็คือ การใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะมีจุดขึ้นลงทางด่วนถึง 2 ด่าน อยู่ใกล้ๆ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังส่วนอื่นๆ ได้หลายเส้นทาง ทั้งฝั่งบางนา รามอินทรา ดินแดง หรือแจ้งวัฒนะก็เดินทางได้สะดวกมาก ส่วนเส้นทางราบถนนเจริญราษฎร์ก็เป็นเส้นทางเชื่อมต่อถนนพระราม 3 และถนนสาทรเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังตัดผ่านถนนจันทน์ซึ่งเป็นอีกเส้นทางที่เลี่ยงเข้าเมืองได้ด้วยเช่นกัน ส่วนถ้าจะข้ามไปฝั่งธนบุรีก็ยังมีทางเลือกทั้งสะพานตากสินบนถนนสาทร หรือจะออกถนนพระราม 3 ไปข้ามสะพานกรุงเทพก็ได้อีกเช่นกัน ถ้าใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว เส้นทางเลี่ยงลัดเลาะไปยังถนนต่างๆ มีมากเลยครับ เพราะช่วงเวลาเช้าและเย็นบนถนนสาทรนั้นรถติดหนักอย่างที่รู้ๆ กันดีอยู่แล้ว นอกเหนือจากนี้การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ดูจะไม่มีตัวเลือกมากนักนอกจากบริการรถรับส่งของทางโครงการ ที่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้เพราะทางโครงการยกให้ลูกบ้านและนิติบุคคลเป็นผู้ดูแลกันเองครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้ขอเริ่มจากถนนสาทร บริเวณสถานี BTS สุรศักดิ์ นะครับ เลยจากสถานี BTS มานิดเดียว เราก็จะมาเลี้ยวซ้ายที่แยก สาทร-สรุศักดิ์ เพื่อเข้าถนนเจริญราษฎร์ เลี้ยวซ้ายมาแล้วให้วิ่งตรงยาวไปเลยนะครับ ทางซ้ายจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช ฝั่งขาออกไปทางบางนา-ดาวคะนอง หรือถ้าใครสะดวกเดินทางด้วยทางด่วน ก็มาลงที่ถนนจันทร์ เลยนะครับ ลงทางด่วนมาแล้วจะเจอสี่แยกถนนเจริญราษฎร์ตัดถนนจันทร์ ให้ตรงไปทางถนนพระราม 3 ตามป้านเลยนะครับ ทางขวาจะไปถนนเจริญกรุง ส่วนทางซ้ายจะไปสาธุประดิษฐ์ ตรงจากสี่แยกมาก็จะเป็นถนนเจริญราษฎร์ ทีนี้ก็ตรงยาวเลยนะครับ ระยะทางจากจุดลงทางด่วนถึงตัวโครงการประมาณ 1 กม. ก่อนถึงโครงการจะเห็นโรงแรม Best Western Grand Howard อยู่ฝั่งขวามือ ส่วนตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่นั่นคือโครงการ Supalai Lite ที่อยู่ใกล้ๆ กับ Than Living 1 ใน 3 โครงการที่อยู่ติดกัน โครงการแรก Supalai Lite โครงการต่อมา The Key สาทร-เจริญราษฎร์ จาก Land House อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ตึก ต่อจากโครงการ The Key ก็จะเป็นโครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ แล้วครับ มองจากสำนักงานขายย้อนกลับไปทางฝั่งสาทร จะเห็นโครงการ Supalai Lite กำลังก่อสร้างอยู่ ส่วนโครงการ The Key สาทร ที่อยู่ข้างๆ กันยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง สถานที่ก่อสร้างอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ เพื่อเริ่มก่อสร้างรากฐานอาคาร ตึกแถวข้างๆ โครงการเป็นร้านขายของ และโรงพยาบาลสัตว์ ส่วนการเดินทางจากโครงการไป BRT ก็ตรงไปตามถนนเจริญราษฎร์เลยนะครับ มาถึงตรงนี้จะเป็นสามแยกตัดถนนพระราม 3 เราสามารถเลือกไปได้ทั้ง 2 ทางเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายไปทางคลองเตยจะเป็น BRT สถานีพระราม 9 เลี้ยวขวาไปทางถนนตก มไหสวรรย์ จะเป็นสถานีเจริญราษฎร์ ระยะทางก็พอๆ กันนะครับ แต่ทางสถานีเจริญราษฎร์จะใกล้กว่า ประมาณ 100 เมตร ผมเลือกมาทางสถานีพระราม 9 นะครับ เพราะเลี้ยวซ้ายได้เลย จะได้ไม่ต้องไปติดไฟแดงรอเลี้ยวขวา   วิเคราะห์ตัวโครงการ สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ ต้องบอกว่าอยู่ในย่านชุมชนที่อยู่อาศัยเดิมที่มีมาก่อนจะตัดถนนเจริญราษฏร์ ความเจริญรอบๆ อาจไม่เด่นเท่าถนนนราธิวาสฯ เพราะเป็นถนนเลียบทางด่วน ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในระยะเดินถึงจึงมีให้พึ่งพาไม่มากนัก แต่ถ้าขับรถออกจากโครงการไปหน่อย รับรองว่าวิถีชีวิตแบบคนเมืองมีให้ครบเครื่องเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่แหล่งช๊อปปิ้งอย่าง เซ็นทรัล พระราม 3 โลตัส โฮมโปร โรบินสันบางรัก เอเชียทีค ไปจนถึงเซ็นทรัลสีลม คอมเพล็กซ์ ก็อยู่ไม่ไกลนัก โรงพยาบาลก็มีทั้งของรัฐฯ อย่างโรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ หรือจะเลือกโรงพยาบาลเอกชนก็เช่น โรงพยาบาลเซนหลุยส์ โรงพยาบาลไทยจักษุ ที่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง รวมไปถึงโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน และโรงพยาบาล BNH ที่อยู่แถบสีลมด้วย ส่วนสถานศึกษา โรงเรียนรัฐฯ โรงเรียนเอกชนเล็กใหญ่ไปจนถึงโรงเรียนนานาชาติก็มีอีกเพียบ ไหนจะวัดวาอาราม สุเหร่า โบสถ์ ก็ยังอยู่ในรัศมีที่เดินทางได้สบายๆ และเพราะอยู่ใกล้ย่านชุมชนเดิมบนถนนจันทน์ ร้านค้า ร้านอาหารเจ้าดังๆ เก่าแก่ และตลาดสด ก็มีให้พึ่งพาฝากท้องได้ตั้งแต่เช้ายันดึก ขอแค่ไม่ขี้เกียจขับรถออกมาเท่านั้นแหละ รับรองว่าไม่อดตายแน่นอน ขยับเข้ามาใกล้ๆ ตัวโครงการกันบ้าง ที่ดินติดกันทางด้านซ้ายล้อมรั้วเตรียมขึ้นโครงการ The Key เจริญราษฎร์ ส่วนที่ดินแปลงถัดจาก The Key ไป ที่กำลังก่อสร้างคือ ศุภาลัย ไลท์ สาทร-ถนนจันทน์ ซึ่งทั้งหมดเป็นตึก High Rise ความสูงเทียบเคียงกัน เรื่องวิวของห้องในมุมด้านนี้จึงบังมุมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ ยิ่งไปเลือกซื้อห้องขณะที่ยังไม่มีการก่อสร้างแบบนี้ เรียกว่าต้องอาศัยพลังจิต จินตนาการล้วนๆ ว่าตึกข้างๆ จะขึ้นมามุมไหน ยังดีที่มีส่วนของ Facility บนชั้น 6 ซึ่งวางไว้ด้านเดียวกับ The Key มาช่วยเพิ่มระยะห่างระหว่างตึกเข้าไปได้อีกพอสมควร ส่วนด้านอื่นๆ ของโครงการยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะติดกับย่านชุมชนเดิมในพื้นที่ จึงมีแค่บ้านเดี่ยว หรือตึกแถวสูงไม่เกิน 4-5 ชั้นเท่านั้น เท่าที่เห็นก็ยังไม่น่าจะมีโครงการอื่นๆ ที่เป็นตึกสูงขึ้นในระยะใกล้อีก วิวด้านหลังทางฝั่งทิศตะวันออก และทางทิศใต้จึงยังโอเคอยู่ครับ อ้อ! ลืมบอกไปว่าฝั่งตรงข้ามโครงการมีสถาบันเทิงชื่อ X-zyte และร้านอาหารอีสานแนวจิ้มจุ่ม ถึงจะไม่ได้มีเสียงดังรบกวนในตอนกลางคืน แต่เท่าที่รู้มาหน้าสถานบันเทิงก็มีเรื่องตีกันบ่อยเหมือนกันนะครับ กลับบ้านดึกๆ ก็ระมัดระวังกันหน่อยโดยเฉพาะคุณสาวๆ ที่ต้องกลับบ้านค่ำๆ คนเดียว แบบจำลองโครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ ออกแบบอาคารในสไตล์โมเดิร์น ตัวอาคารฝั่งทิศเหนือจะเห็นว่าตำแหน่งห้องไม่ได้วางไว้ในระนาบเดียวกัน โซนด้านหน้าจะถูกเว้าเข้าไปเล็กน้อย ส่วนนึงก็เพราะเว้นตามพื้นที่ส่วนกลางของชั้น 6 นั่นเอง ที่บริเวณชั้น 6 เป็นแหล่งรวม Facility ต่างๆ ไว้ ทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือ มีสระเด็กให้ด้วย ขนาดของสระมีความยาวประมาณ 20 เมตร จึงเพียงพอที่จะว่ายน้ำออกกำลังกายได้ ใกล้ๆ กันเป็นห้องโยคะ ห้องฟิตเนส ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และห้องสมุด นอกจากนี้ยังมีสวนหย่อมกระจายอยู่ตั้งแต่ชั้นล่าง ชั้น 6 ไปจนถึงสวนบนดาดฟ้า ที่เปิดรับวิวแบบ Panorama ซึ่งสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้เลยทีเดียว ส่วนของห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปจนถึงชั้น 36 การจัดวางแปลนห้องค่อนข้างเน้นความเป็นส่วนตัวโดยที่แต่ละชั้นจะมีจำนวนห้องสูงสุดอยู่ที่ 18 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งยูนิตรวมทั้งหมดของโครงการคือ 528 ยูนิต ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย ความหนาแน่นของลิฟท์โดยสารก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดีเหมือนกัน ด้วยจำนวนลิฟท์โดยสาร 4 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 1:132 ถือว่าแน่นอยู่เหมือนกัน และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับคอนโดที่อยู่ในทำเลที่ต้องอาศัยรถส่วนตัวเป็นหลักแบบนี้ก็คือ เรื่องที่จอดรถ ซึ่งทางโครงการก็ดูเหมือนจะเข้าใจตรงจุดนี้ดีอยู่แล้ว จึงจัดที่จอดรถไว้มากถึง 68% (นับรวมจอดซ้อนคัน) นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ระบบ Key Card ในการเข้าอาคาร และมี CCTV ให้อุ่นใจตามมาตรฐานครับ มาดูตัว Plan อาคารกันบ้างนะครับ ชั้น G จะเป็นส่วนของ Lobby ร้านค้า และที่จอดรถตั้งแต่ชั้น G - ชั้น 5 ด้านหน้าทางเข้าโครงการ และที่จอดรถขึ้นไปถึงชั้น 5 แบบจำลองทางเข้าโครงการ หน้าตาของ Lobby ต่อที่ชั้น 6 จะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และห้องสมุด ส่วนพักอาศัยก็จะเริ่มต้นที่ชั้นนี้นะครับ หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 6 แบบจำลองสระว่ายน้ำ Sky Fitness Private Library ชั้น 7 - 34 จะเป็นส่วนของที่พักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 18 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 35 ยูนิตจะลดลงเหลือ 15 ยูนิต มีห้อง Penthouse ขนาด 265 และ 284 ตารางเมตร อยู่ที่ชั้นนี้นะครับ มุมมองจากชั้นสูงๆ ของโครงการ ชั้นสุดท้ายที่ชั้น 36 จะมีเพียง 4 ยูนิตเป็นห้องแบบ Executive ทั้ง 4 ยูนิต Roof Top Garden จุดชมวิวแบบ Panorama บนชั้นดาดฟ้าของโครงการ พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเตรียมไว้นั้นมีด้วยกัน 3 แบบ เราเริ่มต้นกันด้วยห้อง Type A แบบ 1 ห้องนอนในขนาดพื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. ตัวห้องวาง Lay out มาเป็นแนวลึก ของที่แถมมาให้พร้อมกับห้องก็เป็นไปตามมาตรฐานทั่วๆ ไปครับ ชุดเครื่องครัว และสุขภัณฑ์ต่างๆ ในห้องน้ำตามที่เห็นในห้องตัวอย่าง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ต้องหามาตกแต่งกันเอง ถ้าไม่ได้มีข้าวของเครื่องใช้มากมาย ห้องขนาดนี้ก็กำลังพออยู่เลย เว้นเสียแต่สมบัติบ้าจะเยอะ งานนี้อาจจัดสรรหาที่เก็บของกันยากหน่อย โชคดีที่ทางโครงการออกแบบให้ฝ้าเพดานของห้องสูงถึง 2.7 เมตร บรรยากาศโดยรวมภายในห้องจึงไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ ถึงแม้แบบห้องจะเป็นห้องหน้าแคบก็ตาม เรื่องสเปควัสดุแนะนำว่าให้สอบถามและตรวจสอบกับทางโครงการให้ดูนะครับ ว่าชิ้นไหนแถมมาให้พร้อมห้อง หน้าตา สีสันเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่คุยๆ มาดูเหมือนห้องจริงจะไม่เป็นไปตามแบบห้องตัวอย่างหลายจุดเหมือนกัน Room Type A1 ขนาด 29 ตารางเมตร plan ห้อง ประตูจะเป็นแบบ Digital Door Lock เปิดเข้าห้องมาจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟากำลังดี ชุดสวิตช์และปลั๊กไฟใช้ของ Sierra ทั้งหมด พื้นที่ข้างโซฟาทั้ง 2 ข้าง มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะข้างได้ครับ ชั้นวางทีวีเตี้ยๆ อยู่ในระยะสายตาพอดี ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน ซึ่งถูกกั้นพื้นที่ไว้ด้วยผนังครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ วางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังพอดีครับ เหลือพื้นที่รอบเตียงนิดหน่อย ด้านที่ติดกับหน้าต่าง ด้านปลายเตียงเหลือพื้นที่พอให้เดินได้ ถ้าจะติดทีวีไว้ในห้องนอน คงต้องแขวนอย่างเดียวเลยครับ อีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า มุมมองจากห้องนอนออกมาที่ส่วน Living Area อีกด้านของห้องจัดเป็นโซนห้องครัวและห้องน้ำ เดี๋ยวเราเลี้ยวซ้ายไปดูห้องครัวกับก่อนนะครับ เคาน์เตอร์ครัวแนวยาวไปถึงระเบียง ซิงค์ล้างจานแบบฝัง และเตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควัน มีระเบียงเล็กๆ อยู่ติดกับห้องครัว ประตูออกไปยังระเบียงเป็นบานพับเล็กๆ จากที่เห็นพื้นที่ระเบียงนั้นแคบมากจนแทบจะไม่เหลือที่ให้ยืนเลย เมื่อวางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์ลงไปแล้ว ดังนั้นเรื่องพื้นที่ตากผ้าจึงต้องทำใจกันได้เลย เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่งกันต่อนะครับ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ แยกส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ด้วยประตูกระจกแทมเปอร์ ด้านล่างอ่างล้างมือไม่มีตู้ให้นะครับ เป็นพื้นที่โล่งๆ ข้างโถสุขภัณฑ์จะมีที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้ด้วย ชุดฝักบัวจะใช้ของ Sierra ต่อมาเป็น Type C แบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่พื้นที่ใช้สอยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ตร.ม. Type นี้จะย้ายส่วนครัว กับห้องน้ำมาไว้ที่หน้าห้อง เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L เชื่อมต่อกับโต๊ะทานอาหาร และส่วน Living Area ที่ติดกับระเบียง แต่ระเบียงจะไม่เล็กเหมือน Type A แล้วนะครับ วางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แล้วยังไม่ที่เหลือให้ทำอย่างอื่นได้อีก ส่วนห้องนอนขนาดกำลังพอดี วางเตียงแล้วด้านที่ติดกับหน้าต่างมีที่เหลือให้วางโต๊ะทำงานหรือจะเป็น Daybed เอาไว้นอนอ่านหนังสือริมหน้าต่างก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ Type C1 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 41 ตารางเมตร Plan ห้อง เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนครัวก่อนนะครับ ครัวแบบเปิดรูปตัว L แยกซิงค์ล้างจานกับเตาไฟฟ้าไว้คนละฝั่ง ซิงค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัวยี่ห้อ Teka มาพร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน โต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน อยู่ติดกับส่วนครัว ถัดไปด้านในเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวี จากมุมมองออกไปหน้าห้อง เราออกมาดูที่ระเบียงกันต่อนะครับ ห้องนี้ระเบียงจะดูกว้างขวางกว่า Type A เพราะจะแยกคอมเพรสเซอร์แอร์ กับจุดที่วางเครื่องซักผ้าออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ด้านซ้ายจะเป็นจุดที่วางเครื่องซักผ้า คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านขวามือ หันหน้าออกนอกระเบียง กลับเข้ามาดูในห้องนอนกันต่อนะครับ วางเตียงแล้วพื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งมีพื้นที่เหลือเยอะเลยครับ ด้านที่ติดกับหน้าต่าง โครงการ Built-in โต๊ะทำงานให้ดูเป็นไอเดีย ส่วนปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้เท่านั้น ทีวีในห้องนอนต้องใช้แบบแขวน อีกด้านของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ถัดไปก็จะเป็นห้องน้ำ ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ด้านนะครับ จากทางห้องนอนและห้องครัว การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Type A อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ส่วนเปียกจะกั้นด้วยกระจกแทมเปอร์ ขอบปูนกันส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ชุดฝักบัว สุดท้ายเป็นห้อง Type F แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ บนพื้นที่ใช้สอยขนาด 70 ตร.ม.  บรรยากาศภายในห้องดูโอ่งโถง โปร่งสบายตา พร้อมเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L ที่ทำให้พื้นที่ในการทำครัวกว้างขึ้น ครัวเป็นแบบเปิดนะครับ เชื่อมต่อกับส่วนของพื้นที่นั่งเล่นพอดี อีกจุดเด่นหนึ่งของห้องนี้ก็คือ ระเบียงที่กว้างขวางสามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่า ขยับเข้ามาที่โซนห้องนอน เริ่มจากห้องนอนเล็ก ที่ขนาดกำลังพอใช้งาน วางตู้เสื้อผ้าและเตียงเข้าไปแล้วยังพอเหลือที่ว่างอยู่บ้าง บรรยากาศภายในห้องจึงไม่อึดอัดจนเกินไป ต่างจากห้องนอนใหญ่ที่พื้นที่ค่อนข้างกว้างมากพอที่จะวางโต๊ะทำงานตัวยาว หรือ Daybed ไว้ที่ริมหน้าต่างได้อีกตัว ส่วนห้องน้ำทั้ง 2 ห้องก็จัดพื้นที่ได้กว้างพร้อมฉากกั้นอาบน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งเรียบร้อย โดยรวมแล้วบรรยากาศภายในห้อง Type นี้ น่าอยู่เลยทีเดียว Plan ห้อง เข้ามาในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็น Living Area แต่เราจะไปดูทางขวามือที่เป็นส่วนครัวก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือตรงข้ามครัว จะมีตู้เก็บของ เก็บรองเท้า Built-in ให้ดูเป็นไอเดียอยู่ด้วย มาดูที่ครัวกันเลยดีกว่าครับ ครัว Type นี้จะเป็นรูปตัว L เหมือนห้อง Type C แต่จะใหญ่กว่า มีพื้นที่ให้เตรียมอาหาร ทำอาหารได้มากกว่า และมีโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านอยู่กลางครัวเลยครับ ทำอาหารเสร็จก็ไม่ต้องเดินไปเสิร์ฟไกล เตาไฟฟ้าจะเป็นเตา 4 หัว ของ Teka ซิงค์ล้างจานแบบฝัง มุมมองจากส่วน Living Area ออกไปที่ส่วนครัว มาดูที่ Living Area ต่อนะครับ ส่วนนี้กว้างขวางมาก สามารถวางโซฟาแบบ L Shape ได้เลย ระยะห่าวระหว่างโซฟากับทีวี สามารถตั้งทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ ระเบียงที่อยู่ติดกับ Living Area ก็ดูกว้างขวางดีนะครับ วางเครื่องซักผ้าแล้วยังมีที่เหลืออีกเยอะเลย อีกฝั่งจะเป็นคอมเพรสเซอร์แอร์ หันหน้าออกนอกระเบียง มีระแนงเหล็กกั้น ทางเดินต่อไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง จะเจอห้องนอนเล็กก่อนนะครับ แต่ขนาดก็ไม่ได้เล็กเท่าไหร่ วางเตียงแล้วยังพอมีที่เหลือให้วางโคมไฟหรือโต๊ะข้างได้อยู่ ที่ปลายเตียงเหลือให้พอได้เดินได้สะดวก ใช้ทีวีแบบแขวนเหมือนห้องตัวอย่าง จะทำให้ห้องดูโล่งกว่าครับ อีกฝั่งของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ระยะห่างระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้า ว่างพอให้วางของตกแต่งได้อีกหน่อย ข้ามฝั่งจากห้องนอนเล็กมาอีกด้านจะเป็นห้องน้ำ การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกันห้องที่ผ่านมา เดินตรงมาที่ห้องนอนใหญ่ จะอยู่สุดทางเดินเลยครับ ห้องนอนใหญ่นี่ก็ใหญ่สมชื่อครับ วางเตียง 6 ฟุตแล้วยังมีที่เหลือให้จัดได้อีกเพียบ ปลายเตียงวางชั้นวางทีวีได้สบายๆ ข้างเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่าง โครงการวาง Daybed ไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ที่ติดกับ Daybed เป็นโต๊ะทำงาน ข้างเตียงอีกฝั่งมีทีเหลือพอให้วางโคมไฟหรือจะเป็นโต๊ะข้างก็ได้ มองไปมุมนี้จะเห็นตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างเตียง ต่อด้วยห้องน้ำในห้องนอนใหญ่อีกหนึ่งห้อง ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่นี่จะขนาดเท่ากับห้องแรกเลยนะครับ การจัดวางสุขภัณฑ์ก็เหมือนกัน ความคุ้มค่าน่าลงทุน โครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ น่าจะเหมาะกับกลุ่มคนที่ใช้รถส่วนตัว และชอบย่านที่ไม่ค่อยพลุกพล่านในขณะที่อยู่ไม่ห่างจากใจกลางเมืองมากนัก ด้วยศักยภาพของทำเลถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะมีเส้นทางเลี่ยงเข้าออกเมืองได้หลายทาง จะเดินทางไปไหนก็จัดว่าสะดวกมาก ที่สำคัญสาธารณูปโภคต่างๆ ก็แวดล้อมรอบด้านและครบครันมากๆ อีกทั้งราคาห้องเริ่มต้นในระดับไม่เกิน 3 ล้านในทำเลที่ห่างจากถนนสาทรแค่ 2 กิโลเมตร ถือว่าดึงดูดใจสุดๆ ไปเลย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีด้อยอื่นๆ ที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณานะครับ เพราะที่ดินข้างๆ มีคอนโดมิเนียมของ Developer รายใหญ่ในตลาดซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอยู่ถึง 2 โครงการ คือ ศุภาลัย ไลท์ สาทร-เจริญราษฎร์ และ The Key เจริญราษฎร์ ดังนั้นเรื่องศักยภาพความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งจึงไม่ต่างกันเลย แถมโครงการข้างๆ ดันเป็นของเจ้าตลาดระดับมหาชนด้วยแล้ว บริษัท สิราลัย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ Than Living จึงดูเสียเปรียบไปถัดตา เพราะตัวเปรียบเทียบมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ทั้งเรื่องความเชี่ยวชาญในตลาดที่ทำมานานกว่า และจุดขายที่สร้างเสร็จก่อนขายของแบรนด์ The Key การจะตัดสินใจเลือกโครงการไหนจึงต้องทำการบ้านกางใบราคาเปรียบเทียบกันหนักหน่อย ว่าโครงการไหนจะมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่ากัน ทั้งการเกร็งกำไรจากการขายต่อ และการทำกำไรในการปล่อยห้องเช่า
Supalai Veranda รัชวิภา – ประชาชื่น : รีวิวคอนโด

Supalai Veranda รัชวิภา – ประชาชื่น : รีวิวคอนโด

โครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา – ประชาชื่น ตั้งอยู่บนถนนประชาชื่น ใกล้กับซอยประชาชื่น 18 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงและอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ดังนั้นโอกาสที่จะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายนี้จึงไม่ใช่แค่โครงการในฝันอีกต่อไป ตัวโครงการของนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันดีกว่าครับ การเดินทาง เริ่มจากแยกประชานุกูลมุ่งหน้ามาทางเตาปูนเป็นระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ก็จะเห็นตัวโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่นอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งเดิมทีที่ดินตรงนี้เคยเป็นอู่รถเมล์เก่ามาก่อน ชื่อว่า อู่ศรีณรงค์ ถ้าหากใครพอจะคุ้นเคยกับทำเลแถบนี้อยู่บ้างก็คงพอจะนึกภาพออก หรือลองถามคนแถวนั้นดูรับรองว่าชี้บอกตำแหน่งได้หมดแน่นอนครับ  สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักถนนหนทางสะดวกดีทีเดียว ทั้งเส้นทางขึ้นลงทางด่วนบริเวณแยกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ จะเข้าออกเมืองก็สามารถตรงไปเข้าถนนรัชดาภิเษก หรือหันกลับมาอีกทางก็มีถนนพระราม 5 ที่ใช้เป็นเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะก็ทำได้ไม่ยากเช่นกัน เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ จะหาเรียกแท็กซี่ก็ง่าย รอรถเมล์ หรือใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็สะดวกเนื่องจากป้ายรถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่หน้าโครงการเลย ดังนั้นการเดินทางด้วยรถยนต์จึงไม่เรื่องยากเลย จะติดก็แค่ปัญหารถติดมากหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วนของวัน เริ่มเดินทางมากจากแยกพงเพษร วิ่งมาตามทางถนนประชาชื่นเพื่อมุ่งหน้าไปทางประชานุกูล วิ่งมาเรื่อยๆจะเห็นตึกของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อยู่ทางขวา ตึกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อยู่ทางขวาส่วนด้านหน้าจะเป็นแยกประชานุกูล ให้วิ่งตรงผ่านแยกประชานุกูลไปเลยครับ จะผ่านโครงการ ยู ดีไลท์ที่อยู่ทางขวา วิ่งลอดรางรถไฟฟ้า ก็จะเจอโครงการอยู่ทางขวา เลี้ยวเข้าไปเลยครับ สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ในขณะนี้เส้นทางที่สะดวกที่สุดก็คือ การใช้รถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีปลายทางบางซื่อ แล้วต่อรถมาที่ตัวโครงการก็สะดวกดีเหมือนกัน ส่วนในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้ใช้บริการแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สะดวกขึ้นมาก เพราะตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซ่อน ซึ่งอยู่ทางด้านหลังโครงการตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตร รวมถึงสถานีรถไฟบางซ่อน (สายสีแดงอ่อน) ก็อยู่ติดๆ กัน แต่ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตรเท่านั้น ด้วยระยะทางเท่านี้เรียกว่ากำลังเดินได้สบายๆ ไม่ไกลจนเกินไป แต่ถ้าวันไหนรีบๆ ก็สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ได้ครับ วิเคราะห์ตัวโครงการ บริเวณรอบๆ ตัวโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่นถือว่าเพียบพร้อมดีทีเดียว ทั้งเรื่องอาหารการกินที่มีให้เลือกหลากหลายและตั้งอยู่ติดหน้าโครงการทั้งซ้ายขวา เช่นร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว รวมไปถึงร้านกาแฟและร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเราสามารถพึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือถ้าจะขับรถออกมาจากตัวโครงการซักหน่อย บนถนนประชาชื่นช่วงเย็นๆ ก็มีร้านข้าวต้ม ร้านอาหารให้เลือกอีกหลายร้าน แต่ถ้าอยากจะช็อปปิ้ง โลตัส ประชาชื่น น่าจะเป็นตัวเลือกที่ใกล้ที่สุด และก็ยังมีบิ๊กซี วงศ์สว่างที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนแหล่งช็อปปิ้งอื่นๆ ทั้งเซนทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอล เมเจอร์รัชโยธิน สวนจตุจักร และตลาดบองมาเช่ ก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินไป รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล คลินิค โรงเรียน สถานที่ราชการ ก็ถือว่าอยู่ในระแวกใกล้เคียงเช่นกัน สภาพแวดล้อมรอบโครงการถือว่าเปิดโล่งใช้ได้เลย ตึกสูงที่อยู่ใกล้ๆ ที่พอจะมีผลในการบดบังทิศทางแดด ลม และวิว ก็เห็นจะมีแต่ตึกของโครงการ U Delight2 ที่อยู่ทางทิศเหนือเท่านั้น นอกนั้นก็มีแต่บ้านพักอาศัยที่อยู่มาแต่เดิม และอาคารของประชาชื่นคอนโดสูง 5 ชั้นที่อยู่ขนาบข้างทางด้านทิศใต้ แต่ตึกนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ เนื่องจากส่วนของที่พักอาศัยในโครงการศุภาลัย เวอเรนด้าฯ จะเริ่มที่ชั้น 5 ขึ้นไป ห้องที่ถูกบังวิวจึงมีไม่ค่อยมากนัก ด้วยลักษณะของที่ดินที่เป็นแนวยาวลึกเข้าไปด้านใน ทางโครงการจึงออกแบบตัวอาคารให้วางเรียงกันโดยแบ่งเป็น 3 ตึก สูง 29 ชั้น และมีพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อถึงกัน โดยมียูนิตรวมทั้งหมด 1,705 ยูนิต และพื้นที่ร้านค้าด้านล่างอีก 26 ยูนิต จัดได้ว่าหนาแน่นอยู่เหมือนกัน ตัวอาคารของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า ไม่ได้มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากนัก รูปทรงอาคารเป็นแบบทั่วๆ ไปธรรมดา ทางเข้าออกโครงการหลักมีทางเดียวคือฝั่งถนนประชาชื่น ส่วนทางด้านหลังโครงการจะมีประตูเล็กสามารถเดินทะลุออกไปยังซอยกรุงเทพ-นนท์ 30 เพื่อเดินต่อไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ทางนี้รถออกไม่ได้นะครับ เป็นทางคนเดินอย่างเดียว มาดูที่พื้นที่ส่วนกลางกันบ้าง ซึ่งหลักๆ แล้วจะถูกรวมไว้ที่ชั้น 5 เกือบทั้งหมด เช่น สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ยาวถึง 53 เมตร ห้องสมุด ห้องออกกำลังกาย ห้องแอโรบิค ห้องซาวน่า ห้องสันทนาการ ห้องอเนกประสงค์ ห้องประชุม และสวนหย่อมที่จัดไว้ทั้งบริเวณชั้น 5 และบริเวณด้านล่างโครงการ ซึ่งต้องบอกว่าจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะดีทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับขนาดของโครงการแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าแค่พอใช้งานได้ครับ เพราะจำนวนลูกบ้านทั้งหมดมีมากกว่า 3,000 คนแน่นอน ถ้าแห่กันลงมาใช้บริการที่ส่วนกลางพร้อมๆ กัน ยังไงก็ไม่พอรองรับได้หรอกครับ อีกเรื่องที่ไม่น่ามองข้ามสำหรับโครงการใหญ่ๆ คือ ลิฟท์โดยสาร ซึ่งแต่ละตึกจัดไว้เพียง 2 ตัวเท่านั้น รวมแล้วก็แค่ 6 ตัวต่อจำนวนห้องกว่า 1,700 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนที่ 285 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่ต้องขยายความก็คงพอจะนึกภาพออกนะครับว่าต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหน ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการเคลมไว้ว่ามีจำนวน 56% แน่นอนว่านับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้ว ก็นับว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลกับโครงการราคาระดับนี้ พาชมห้องตัวอย่าง ห้องส่วนใหญ่ของโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น จะเป็นแบบสตูดิโอ และห้องแบบ 1 ห้องนอน ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนก็มีให้เลือกบ้างเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องมุมของอาคาร ส่วนตำแหน่งห้องใครจะเลือกชั้นไหน อาคารไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และความสะดวกส่วนตัวครับ แต่ก่อนอื่นไปดูห้องตัวอย่างกันก่อนดีกว่า เริ่มต้นกันด้วยห้องแบบสตูดิโอ ขนาด 31.5-33 ตร.ม. ซึ่งถือว่าจัดพื้นที่มาให้ใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว เปิดประตูเข้าห้องมาก็เจอส่วนของพื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนที่อยู่ติดกันเลย ห้องแบบนี้จะไม่มีการกั้นประตูกระจกแยกส่วนของห้องนอนกับห้องนั่งเล่นให้นะครับ การจัดสรรพื้นที่ก็แล้วแต่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้อง ส่วนพื้นที่ถัดไปด้านในเป็นห้องน้ำและห้องครัว โดยห้องครัวจะเป็นแบบครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้เป็นสัดส่วน และอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งพื้นที่ของห้องครัวนั้นถือว่าใหญ่ใช้ได้เลย คนที่ชอบทำครัวด้วยตัวเองน่าจะถูกใจพื้นที่ส่วนนี้ เพราะถ้าต้องทำครัวหนักๆ ก็สามารถเปิดประตูระเบียงให้ช่วยระบายกลิ่นได้ด้วย ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอน มีขนาดตั้งแต่ 42.5-45 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายในห้องจัดว่ากว้างขวางเลยทีเดียว เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นที่ดูโล่งสบายตาดี การจัดสรรพื้นที่ในห้องทำมาแบบหลวมๆ ด้านหลังชั้นวางทีวีจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันกับห้องครัว แน่นอนว่าพื้นที่ห้องครัวยังคงจัดสรรมาให้กว้างมากพอที่จะทำครัวได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอนนี้ พื้นที่ห้องนอนจะดูเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่อึดอัดเกินไป เพราะประตูห้องเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้แสงสว่างส่องมาถึงห้องนั่งเล่นได้ และช่วยให้บรรยากาศโดยรวมภายในห้องโปร่งมากขึ้นครับ ห้องทั้งหมดขายมาให้แบบ Fully Furnished ซึ่งทางโครงการก็จัดมาให้พอสมควรทั้ง Wallpaper เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ชุดครัวพร้อมตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง ฉากกั้นอาบน้ำ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานราคาห้อง ไม่ได้หรูหรามากมายแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกรดที่ใช้งานได้ ถ้าใครได้มีโอกาสไปชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายของ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ก็จะได้เห็นบรรยากาศห้องแบบคร่าวๆ เท่านั้น เพราะทางโครงการไม่ได้กั้นห้องให้มีผนังทึบตามแบบจริง เรื่องตำแหน่งของประตูเข้าห้องเราอาจจะต้องกะระยะกันคร่าวๆ รวมถึงเรื่องบรรยากาศห้องที่อาจจะทึบมากขึ้นเมื่อมีผนังปูนรอบด้าน ในขณะที่ห้องในสำนักงานขายกั้นเป็นผนังกระจกใส เราจึงอาจจะถูกหลอกตาให้รู้สึกว่าห้องโปร่งโล่งสบายตากว่าในความเป็นจริงก็ได้ โมเดลห้องของขนาด 31.5 ตร.ม. เมื่อเข้ามาในห้องก็จะมาเจอส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องแบบสตูดิโอ ห้องนั่งเล่นจะติดกับห้องนอนโดยไม่มีอะไรมากั้น มุมห้องนั่งเล่นมองเข้าไปยังห้องครัว ส่วนของเตียงนอนก็จะมีมุมทีวีอยู่ปลายเตียง เตียงนอนวางในตำแหน่งที่ใก้ลกับโซฟา จากมุมห้องนอนมองออกมาทางด้านหน้าประตูห้อง ส่วนของห้องน้ำ โครงการก็มีแยกส่วนแห้งส่วนเปียก ส่วนสุขภัณฑ์ก็ใช้แบบมาตรฐาน ห้องครัวจะไม่มีส่วนของเตาจะมีแค่ซิ้งค์ล้างจาน หน้าตาซิ้งค์ล้างจากของโครงการครับ โมเดลของห้องขนาด 44.0 ตร.ม. จากห้องนั่งเล่นจะมกระจกกั้นห้องระหว่างน้องนั่งเล่นกับห้องนอน ห้องนอนจะมีกระจกบานใหญ่อยู่ในห้องด้วย จากห้องนอนมองออกไปจะเห็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องน้ำ มุมทานข้าวอยู่ใกล้กับส่วนของนั่งเล่น มาถึงงห้องน้ำ เมื่อมองจากห้องนอนเข้าไป ห้องน้ำก็จะมีส่วนแห้งส่วนเปียกแยกชัดเจนครับ ออกจากห้องน้ำก็จะตรงกับส่วนครัวเลยครับ ห้องครัวโครงการก็ให้อุปกรณ์มาตรฐาน ประตูห้องครัวตรงกับห้องน้ำพอดี ความคุ้มค่าน่าลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ต้องถือว่าค่อนข้างได้เปรียบเรื่องการเดินทางที่สะดวกสบายไม่ว่าจะใช้รถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งบริการรถสาธารณะก็ตาม ยิ่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้นี้แล้วด้วย ความเจริญ ความสะดวกสบายต่างๆ ก็จะขยายตัวมาแถบนี้มากขึ้น ศักยภาพด้านการเติบโตในอนาคตจึงมีมาก และแน่นอนว่าคอนโดโครงการอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็มีขึ้นมากันเยอะ ทำให้มีตัวเลือกเปรียบเทียบมากตามไปด้วย อีกส่วนที่ควรระวังก็คือจำนวนห้องที่ล้นตลาดของทำเลในแถบนี้ ทำให้การปล่อยขายห้อง หรือการปล่อยห้องเช่าทำได้ยาก ยิ่งในบริเวณรอบๆ ก็ไม่มีแหล่งสำนักงาน หรือศูนย์ราชการใหญ่ๆ ที่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการหาที่พักอาศัย บางทีการหาคนเช่าก็อาจจะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้ามองในแง่ของการซื้อหาไว้สำหรับอยู่อาศัยเอง ตัวโครงการก็จัดว่าอยู่ในทำเลที่ดี เพราะอย่างที่ทราบดีอยู่แล้วว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เป็นสถานี Interchange ด้วย คนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวจึงเดินทางได้สะดวกมาก อีกทั้งบริเวณใกล้ๆ และใต้โครงการเองก็มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ให้เลือกมากมาย เรื่องปากท้องจึงไม่น่าเป็นห่วง จัดว่าอุดมสมบูรณ์ดีด้วยซ้ำไป นอกเหนือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการต่อรองกับเซลล์ว่าจะได้ของแถม หรือส่วนลดอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอีกตัวช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นก็ได้ครับ
The Tree Elegance Tiwanon : รีวิวคอนโด

The Tree Elegance Tiwanon : รีวิวคอนโด

สวัสดีค้าบบบ..รีวิวฉบับนี้ผมจะพาไปดูโครงการ The Tree Elegance Tiwanon คอนโดใหม่จากพฤกษา บนถนนประชาราษฏร์ ที่ตั้งอยู่บนที่ดินเก่าของโรงหนังนครนนท์รามา โรงหนังเก่าแก่ในย่านนี้ ทำเลในย่านนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังจะเปิดให้บริการในปลายปีนี้แล้ว การเดินทาง ด้วยการที่ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ ใกล้กับแยกติวานนท์ มีถนนหลายสายตัดผ่าน ทำให้เรื่องการเดินทางสามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ ทั้งถนนติวานนท์ มาจากทางปากเกร็ด ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี จากทางวงศ์สว่าง-บางซื่อ หรือจะข้ามสะพานพระราม 5 มาลงถนนนครอินทร์ หรือจะเป็นถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี และถนนพิบูลสงครามก็ใช้ได้เหมือนกัน เส้นทางแรก เราใช้ถนนติวานนท์มาจากทางปากเกร็ด ขับตรงตามถนนติวานนท์มาเรื่อยๆ ผ่านแยกแคราย ก่อนจะผ่านสถานี MRT กระทรวงสาธารณสุข มาเลี้ยวขวาที่แยกติวานนท์ เข้าสู่ถนนประชาราษฏร์ จากแยกติวานนท์มาประมาณ 800 เมตร ก็ถึงโครงการแล้วครับ ขอเริ่มจากบริเวณถนนติวานนท์ ก่อนถึงกระทรวงสาธารณสุขเลยนะครับ เราตรงมาตามถนนติวานนท์เรื่อยๆ จนเริ่มจะเห็นรางรถไฟฟ้าอยู่ด้านบนแล้ว ตรงมาอีกหน่อยจะเห็นตัวสถานี MRT กระทรวงสาธารณสุข ด้านซ้ายมือจะเห็นทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข อยู่ติดกับตัวสถานีเลยครับ ต่อไปข้าราชการที่ทำงานในกระทรวงฯ จะเดินทางกันได้สะดวกมากขึ้น เลยจากกระทรวงสาธารณสุขมานิดเดียว จะเห็นสะพานข้ามแยกติวานนท์ ให้ชิดซ้ายไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ มองไปทางขาวมือจะเห็นบิ๊กซี ติวานนท์แอบอยู่ จากนั้นเราก็มาเลี้ยวขวาที่แยกติวานนท์ เลี้ยวขวามาเราก็เข้าสู่ถนนประชาราษฏร์แล้วล่ะครับ เลยแยกมานิดหน่อยจะเห็นทางเข้าบิ๊กซี บรรยากาศบนถนนประชาราษฏร์เป็นถนน 4 เลน แต่ใช้งานจริงๆ ได้แค่ 2 เลน เพราะจะเห็นว่าเลนซ้ายสุดของทั้ง 2 ฝั่งกลายเป็นที่จอดรถไปเรียบร้อย จากแยกติวานนท์มาประมาณ 800 เมตร ก็ถึงตัวโครงการแล้วครับ ตั้งอยู่ด้านขวามือ สังเกตเห็นได้ไม่ยากครับ เส้นทางที่ 2 เราใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาจากทางบางซื่อ วิ่งตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาเรื่อยๆ ผ่านแยกวงศ์สว่าง ผ่านสถานี MRT แยกติวานนท์ จากนั้นตรงผ่านแยกติวานนท์ เข้าถนนประชาราษฏร์ ด้านถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เราเริ่มใกล้ๆ กันเลยนะครับ ที่สถานี MRT แยกติวานนท์ เส้นนี้เดินทางง่ายครับ ตรงอย่างเดียว เลยมาอีกนิดเดียวก็เป็นแยกกติวานนท์ เราตรงผ่านแยกไปก็จะเข้าประชาราษฏร์แล้วครับ อีกหนึ่งเส้นทาง เราใช้ถนนพิบูลสงคราม มาจากถนนนครอินทร์ ข้ามสะพานพระราม 5 ตรงนี้สามารถเลือกไปได้ 2 ทางนะครับ จะตรงไปตามถนนนครอินทร์แล้วค่อยไปเลี้ยวซ้ายที่แยกติวานนท์ก็ได้ หรือจะลงที่ถนนพิบูลสงคราม แล้วค่อยมาเลี้ยวขวาตรงตลาดนนทบุรี เข้าถนนประราษฏร์ก็ได้เหมือนกัน ด้านถนนพิบูลสงครามขอเริ่มจากบริเวณตลาดนนทบุรีเลยนะครับ ตลาดนนทุบรีถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ของกิน ของใช้ เพียบ!! ขับมาเรื่อยๆ เรามาเลี้ยวขวาที่สามแยก เพื่อเข้าถนนประชาราษฏร์ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางท่าน้ำนนทบุรี จากนั้นตรงยาวไปเลยครับ เลยมาอีกจะมีอีกแยกเป็นแยก อ.ต.ก. ตลาดสด ถนนประชาราษฏร์ตัดกับถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี จากสี่แยก อ.ต.ก. ตลาดสด ไปอีกประมาณ 350 เมตร ก็ถึงโครงการอยู่ด้านซ้ายมือแล้วครับ ส่วนใครที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะปลายปีนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงก็จะเปิดให้บริการแล้ว สถานีที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการอีก 2 สถานีให้เลือก คือสถานีแยกติวานนท์ ห่างจากโครงการประมาณ 1.3 กม. และสถานีกระทรวงสาธารณสุข ห่างจากโครงการประมาณ 1.4 กม. แม้จะไม่ใช่ระยะทางที่เดินได้สบายๆ แต่ถนนประชาราษฎร์หน้าโครงการมีรถสาธารณะวิ่งให้บริการเยอะพอสมควร ทั้งวินอมเตอร์ไซค์ รถสองแถว รถเมถ์สายต่างๆ หรือแม้แต่รถสามล้อถีบ ก็ยังมีให้บริการ หรือถ้าใครสะดวกเดินทาง ทางน้ำ นั่งเรือมาลงท่าน้ำนนทบุรี ต่อรถสองแถวอีกนิดเดียว ก็สะดวกไปอีกแบบนะครับ ถือว่าการเดินทางในย่านนี้ค่อยข้างสะดวกดีทีเดียวนะครับ ทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ที่มีถนนให้เลือกหลายสาย และการเดินทางด้วยระบบสาธารณะ ทั้งทางบก และทางน้ำ ยิ่งเมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกให้มากขึ้นไปอีก วิเคราะห์รอบโครงการ โครงการ The Tree Elegance ติวานนท์ ตั้งอยู่ติดถนนประชาราษฎร์ ซึ่งเป็นถนนใหญ่ และอยู่ห่างจากแยกติวานนท์ไม่มากนัก เพราะเดินจากหน้าโครงการออกไปเพียงแค่ 700 เมตร ก็เจอห้าง Big C ติวานนท์แล้ว ที่สำคัญทำเลในย่านนี้ยังเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยที่พักอาศัยที่อยู่กันมานานแล้ว อาคารพาณิชย์ ร้านค้าต่างๆ จึงเรียงรายไปตลอดถนนทั้งสาย เรียกได้ว่าเกือบทุกประเภทกิจการ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านโชห่วย ร้านขายอะไหล่ยนต์ ร้านแบตเตอรี่ ศูนย์รถยนต์ ฯลฯ ยิ่งถ้าเลยไปทางท่าน้ำนนท์ ก็จะยิ่งพบกับความอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นแหล่งจับจ่ายสำคัญของย่านนี้ เพราะมีทั้งตลาดสด ร้านขายข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินนี่มีร้านดังๆ เพียบเลยครับ ได้ข่าวว่าถ้าจะชิมให้ครบคงต้องใช้เวลากันนานเลยทีเดียว แต่ถ้าต้องการที่จะช็อปปิ้งในห้างใหญ่ๆ ก็ต้องออกไปทางงามวงศ์วาน ไม่ก็ทางรัตนาธิเบศร์ ซึ่งก็มีทั้ง The Mall, ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า, Tesco Lotus, เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และ Esplanade รอบๆ โครงการจะเป็นตึกแถวเก่าๆ ส่วนใหญ่จะเปิดเป็นร้านขายแบตเตอรี่ และมีร้านขายอาหารบ้างประปราย อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ จะมีเซเว่น และร้านขายอาหาร เท่าที่เห็นมีธนาคารอยู่ 2 เจ้าบนถนนเส้นนี้ คือธนาคารกรุงเทพ อยู่เลยจากโครงการไปทางท่าน้ำนนท์ และธนาคารไทยพาณิชย์ อยู่ก่อนถึงบิ๊กซี บิ๊กซีอยู่ห่างจากโครงการมาประมาณ 700 เมตร มีรถสองแถว รถเมถ์ หลายสายไว้คอยให้บริการ สำหรับใครที่เคยชินกับการอาศัยอยู่ท่ามกลางชุมชน ทำเลของโครงการ The Tree Elegance ติวานนท์ คงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ เพราะนอกจากเรื่องแหล่งอาหารการกินแล้ว บริเวณใกล้ๆ โครงการก็ยังมีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล วัด หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ทำให้องค์ประกอบสำหรับการอยู่อาศัยครบถ้วนสมบูรณ์ดีทีเดียว การเดินทางก็สะดวก และทำได้หลายทางอย่างที่กล่าวไปแล้วในหัวข้อการเดินทางข้างต้น ทีนี้เรามาดูรอบๆ ที่ตั้งโครงการกันบ้างครับ ที่ดินของโครงการมีลักษณะลึกเข้าไปด้านใน ด้านหน้าขนาบข้างด้วยอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น ซ้ายขวาของที่ดินมีอาคารหอพักอยู่ทางด้านตะวันออก ส่วนด้านที่เหลือเป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 3 ชั้น ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้ผลกระทบเรื่องวิวจากห้องพักเท่าไหร่ เพราะห้องพักอาศัยของ The Tree Elegance เริ่มต้นกันตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไป เลยพ้นระยะเรื่องถูกตึกข้างๆ บังวิวไปเรียบร้อยครับ และในปัจจุบันพื้นที่ใกล้ๆ โครงการก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีคอนโด High Rise หรือตึกอื่นๆ จะขึ้นมาบังวิว การเลือกตำแหน่งห้องพักจึงตัดกังวลไปได้บ้าง ส่วนใครที่เน้นเรื่องวิวสวย ห้องพักทางทิศตะวันตกซึ่งหันไปทางท่าน้ำนนท์ ถ้าเลือกชั้นสูงๆ หน่อยก็จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน ในขณะที่ทางฝั่งตะวันออกจะเป็น City View ครับ เรื่อง Facility ทางโครงการก็จัดมาให้เต็มที่เลยครับ เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 1 ซึ่งนอกจากล็อบบี้ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor แล้ว ก็ยังมีห้องประชุม สวนหย่อม รวมถึงที่จอดจักรยานด้วย ส่วนที่ชั้น 8 ก็จะมีสวนขนาดใหญ่ไว้สำหรับพักผ่อน มุมอ่านหนังสือ สนามเด็กเล่น และลานโยคะ ในขณะที่ชั้นที่ 40-42 จะเป็นศูนย์รวม Facility หลักของโครงการ ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือ แบบ Infinity Edge Pool พร้อมสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่ใช้พื้นที่มากขึ้น 2 ชั้น นอกจากนี้ยังมี Jogging Track, Pool Room และ Sky Lounge ไว้ชมวิวจากมุมสูงได้อีกด้วย และจากข้อมูลที่ได้มาทำให้เราทราบว่า เดิมทีที่ดินของโครงการเคยเป็นโรงหนังมาก่อน ดังนั้นทางโครงการจึงพยายามคงบรรยากาศของความเป็น Entertainment Center ไว้ด้วยการเพิ่มห้องดูหนัง ห้องคาราโอเกะ และพื้นที่จัดปาร์ตี้ไว้ให้ลูกบ้านได้ใช้สอยกันอย่างเต็มที่ครับ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องของที่ระบบรักษาความปลอดภัย ที่เป็นไปตามมาตรฐานทั้ง รปภ. CCTV 24 ชั่วโมง และการเข้าออกอาคารด้วยระบบ Key Card ล็อคชั้น ลิฟท์โดยสารทั้งหมด 5 ตัว และลิฟท์ขนของแยกให้อีก 1 ตัว ในขณะเดียวกันพื้นที่จอดรถก็จัดสรรไว้ให้ตั้งแต่ชั้น 1-7 ซึ่งนับรวมแล้วก็มาถึง 410 คันเลยทีเดียว (ยังไม่รวมจอดซ้อนคัน) ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับโครงการระดับนี้ครับ แบบจำลองโครงการ เป็นอาคารสูง 42 ชั้น Master Plan ของโครงการ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor อีกส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถ ทางเข้า-ออกโครงการ ใช้ทางเดียว บรรยากาศ Lobby ที่ชั้น G ด้านข้างโครงการมี Drop off เล็กๆ ไว้จอดรถรับ-ส่ง ให้บรรยากาศเหมือนโรงหนังเก่า ด้านหน้าโครงการยังคงความเป็นโรงหนังเก่า โดยมีพื้นที่เล็กๆ ทำเป็นห้องดูหนัง และห้องคาราโอเกะ ไว้ให้ความบันเทิงกับลูกบ้าน ที่จอดรถจักรยาน ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 8 เลยนะครับ เพราะชั้น 1-7 จะถูกใช้เป็นที่จอดรถทั้งหมด และมีส่วนหนึ่งถูกแบ่งไปทำเป็นสวนสีเขียว เป็นมุมพักผ่อนให้ลูกบ้าน ภาพจากโมเดลจำลองของสวนบนชั้น 8 ตั้งแต่ชั้น 11 ขึ้นเป็นจะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด ถึงชั้น 40 จะเริ่มมีส่วนหนึ่งเป็น Facility ชั้น 41 จะเป็น Facility เต็มรูปแบบ ทั้งสระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก Jogging Track Pool Room และ Duplex Gym ที่กินพื้นที่ขึ้นไปถึงชั้น 42 บรรยากาศภายในฟิตเนส แบบจำลอง Duplex Gym บนชั้น 41-42 สระว่ายน้ำแนวยาวบนชั้น 41 บรรยากาศของ Jogging Track ให้ลูกบ้านได้วิ่งออกกำลังกาย ชั้น 42 จะเป็นชั้นบนสุด จะมีฟิตเนสส่วนหนึ่งที่กินพื้นที่ขึ้นมาจากชั้น 41 และอีกส่วนหนึ่งเป็น Sky Lounge เป็นมุมพักผ่อน รับวิวจากชั้นสูงสุดของโครงการ Sky Lounge บนชั้น 42 พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับโครงการ The Tree Elegance ติวานนท์ จะมีความแตกต่างจากแบรนด์ The Tree โครงการอื่นๆ อยู่บ้าง เพราะด้วย Concept การออกแบบที่ต้องการสะท้อนความหรูหรา และความคลาสสิคของย่านนนทบุรี จึงมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมอันคลาสสิคของนนทบุรีเข้ามาให้เห็นรูปแบบการตกแต่งอาคารด้วย ในขณะที่ภายในห้องพักก็ยังคงเน้นความเรียบหรู อยู่สบาย แน่นอนว่าเราเก็บภาพบรรยากาศภายในห้องตัวอย่างมาให้ได้ชมกันด้วย ซึ่งทางโครงการก็จัดเตรียมห้องตัวอย่างไว้ให้ชมถึง 3 แบบด้วยกัน โดยเริ่มกันที่ห้องแบบ Studio ขนาด 22-23 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom ขนาด 24-29 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom ขนาด 48 ตร.ม. ซึ่งห้องทั้งหมดภายใต้แบรนด์ The Tree จะขายกันมาแบบห้องโล่งๆ มีเพียงวัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานเท่านั้นมีให้มาพร้อมห้อง ส่วนอื่นๆ ที่เหลือลูกบ้านจะต้องตกแต่งเพิ่มเติมกันเอาเองครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 24.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเป็นส่วน Living Area ก่อนเลยครับ พื้นที่ในส่วนของ Living Area ได้ขนาดพอเหมาะ ระยะห่างระหว่างทีวี กับโซฟา ไม่แคบจนเกินไป จุดที่วางโซฟา สามารถเลือกวางโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่งกำลังดีครับ ให้เหลือพื้นที่สักหน่อย ถ้าวางโซฟาเต็มพื้นที่จะดูอึดอัดไปหน่อย ถัดจาก Living Area เข้ามาจะเป็นส่วนของห้องนอน วางเตียง 5 ฟุตกำลังดีครับ มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดหน่อย ระหว่างห้องนอนกับ Living Area จะกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน 3 ตอน หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ด้านปลายเตียงจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง จากห้องนอนมองตรงไปจะเป็นส่วนครัว และห้องน้ำ พื้นที่ส่วนครัวที่ให้มาประมาณนี้นะครับ Built in เคาน์เตอร์ครัวเข้าไปแล้ว ก็เหลือพื้นที่อยู่พอสมควร ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุด ติดกับครัว ระเบียงจะอยู่ติดกับครัว จุดที่วางเครื่องซักผ้า และคอมเพรสเซอร์แอร์ จะอยู่ที่ระเบียงนี่แหละครับ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะได้ของ American Standard อ่างล้างหน้าทรงสี่แหละ ในส่วนเปียก ห้องจริงจะไม่มีกระจกกั้นให้นะครับ ชุดฝักบัวก็เป็นของ American Standard เหมือนกัน แบบต่อมาเป็นแบบ 1 ห้องนอน เหมือนกันครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 27.5 ตารางเมตร ห้อง Type นี้จะจัด Layout เป็นสัดส่วนมากขึ้น ห้องนอนจะแยกออกมาชัดเจน เมื่อเข้ามาให้ห้องแล้วจะเป็นส่วน Living Area ก่อนเหมือนเดิมครับ พื้นที่จะกว้างขวางขึ้นพอสมควร ระยะห่างของทีวีกับโซฟาก็มากขึ้น วางทีวีจอใหญ่สะใจได้เลยครับ สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งแบบ L-Shape ได้สบายๆ จาก Living Area เข้าไปด้านใน จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ด้านซ้ายมือจะเป็นห้องนอน ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องครัว ห้องครัวจะเป็นแบบปิด กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของครัวจะใกล้เคียงกับห้อง Type ก่อนหน้านี้เลยนะครับ แต่จุดวางตู้เย็นจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว ระเบียงจะอยู่ติดกับครัวเหมือนกันครับ มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้น ขนาดของระเบียงจะได้ประมาณนี้ จุดที่วางเครื่องซักผ้า และคอมเพรสเซอร์แอร์ จะอยู่ที่ระเบียงเหมือนเดิม ออกมาครัวมาดูที่ห้องนอนกันต่อ ห้องนอนจะกว้างขึ้นกว่าเดิมอยู่สักหน่อยนะครับ วางเตียง 5-6 ฟุต ได้ตามใจชอบเลยครับ หน้าต่างในห้องนอนก็จะเหมือนเดิมนะครับ เป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน Fix ปลายเตียงจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า ข้างเตียงอีกด้าน จะมีพื้นที่เหลือพอให้วางโต๊ะเครื่องแป้งอยู่หน้าห้องน้ำ การจัดวางและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็จะเหมือนๆ กันนะครับ สุดท้ายเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 48.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นโถงยาว มองตรงไปจะเป็น Living Area อยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ด้านซ้ายสุดจะเป็นห้องน้ำ อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ติดกับครัว เราตรงมาดูที่ Living Area กันก่อน พื้นที่ที่ให้มาค่อนข้างเล็กไปสักหน่อยสำหรับห้อง Type 2 ห้องนอน พื้นที่บังคับให้วางโซฟา 3 ที่นั่ง เพราะถ้ายาวกว่านี้โซฟาจะเลยผนังออกมา ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area พื้นที่ระเบียงจะยาวกว่า Type 1 ห้องนอน คอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบน หันหน้าออกนอกระเบียง จาก Living Area มองไปทางขวาจะมีโต๊ะทานอาหารตั้งอยู่หน้าห้อง ก่อนเข้าไปที่ห้องนอนเล็กและห้องครัว ที่อยู่ด้านในสุด พื้นที่ที่ให้มาสามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านได้เลย พื้นที่ครัวที่ให้มาจะมาสามารถเลือก Built in เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L ก็ได้ครับ มีหน้าต่างเล็กๆ ให้ด้วย ขยับมาดูห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกับห้องครัว วางเตียง 5 ฟุต กำลังดีครับ ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้ ถ้าอยากมีทีวีในห้อง ก็สามารถติดทีวีแบบแขวนได้ครับ ส่วนหน้าต่างก็ได้เหมือนเดิมครับ ข้างเตียงอีกด้านเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า ออกจากห้องนอนเล็กมา เราไปดูห้องน้ำกับห้องนอนใหญ่กันต่อ หน้าห้องน้ำโครงการทำเป็นโต๊ะทำงานไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ภายในห้องน้ำการจัดวางกับสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Type 1 ห้องนอน ส่วนในห้องนอนใหญ่ ขนาดที่ได้ค่อนข้างกว้างเลยนะครับ วางเตียง 5-6 ฟุต ได้ตามใจชอบ ปลายเตียงต้องใช้ทีวีแบบแหวนผนังแทนนะครับ ไม่มีที่เหลือพอให้ Built in ชั้นวางทีวี อีกด้านจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า ภาพมุมกว้างของห้องนอนใหญ่
Ideo Mobi พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi พระราม 9 : รีวิวคอนโด

โครงการ: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 7,550,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 130,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโด High Rise บนถนนพระราม 9 จากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ใกล้ เซ็นทรัล และ MRT พระราม 9 จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ ที่ตั้ง: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 3-2-85 ไร่ ที่ตั้ง ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.755695,100.565762 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT พระราม 9 สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT พระราม 9 เซ็นทรัล พระราม 9 ฟอร์จูน ทาวเวอร์ เอสพลานาด รัชดา ลักษณะโครงการ: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms Duplex Sky Home ขนาดห้องที่มี พื้นที่ใช้สอย 21 – 61 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 27 ชั้น จำนวนห้อง 703 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต ส่วนกลาง: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 297 คัน (42%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 45 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค Fitness สระว่ายน้ำ ห้องสมุด สวน ห้องซักผ้า   เพิ่มเติม: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.ananda.co.th/condo/ideomobi/rama9/index.php ข้อมูล ณ วันที่
Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

ครั้งนี้จะพาไปดู คอนโดมิเนียมในแบรนด์ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านไหน แต่ถ้าจะใช้ชัดกว่านั้นก็ต้องบอกว่า คอนโดนี้ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางซ่อน (MRT) และรถไฟชานเมืองสายสีแดง (รฟม.) จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับการเลือกหาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า การเดินทาง จากแยกวงศ์สว่าง วิ่งมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาทางแยกเตาปูน เป็นระยะทางแค่ 800 เมตร ก็จะเห็นโครงการ Rich Park 2 ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนใกล้ทางข้ามทางรถไฟพอดี สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำได้ไม่ยากเพราะสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้ทั้งทางแยกวงศ์สว่าง วิ่งเข้าถนนรัชดา หรือจะเลือกขึ้นทางด่วนด่านรัชดาภิเษกตรงแยกประชานุกูลก็ได้ ในขณะที่เส้นทางฝั่งแยกเตาปูน สามารถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านย่านพหลโยธิน ตรงถนนกำแพงเพชรได้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าปกติอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ ทั้งเส้นทางเข้าเมือง และออกนอกเมือง   ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถ้าหากมีการเปิดให้ใช้เมื่อไร ก็น่าจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะทางขึ้นสถานีบางซ่อนอยู่ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 50 เมตร ซึ่งบริเวณทางขึ้นนี้ก็อยู่ติดกับตัวสถานีรถไฟบางซ่อน (รฟม.) อีกเช่นกัน เอาเป็นว่าแค่ข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามโครงการก็สามารถเลือกวิธีการเดินทางได้ตามความสะดวก แต่ในระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้นั้น ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ไปก่อน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ซึ่งสามารถหาเรียกได้ง่าย ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางมายังตัวโครงการก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว วิเคราะห์ตัวโครงการ ณ วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และลูกบ้านก็เริ่มทยอยย้ายเข้ากันแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศในการอยู่อาศัยจริงได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น รอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยที่เป็นชุมชมเดิม ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นจำนวนมาก จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้ง หรือย่านเศรษฐกิจการค้า แต่บรรยากาศก็คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่แพ้กัน นอกจากการจับจ่ายใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านค้าใกล้ๆ แล้ว ห้างที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะมีแต่ Big C วงศ์สว่างที่ตั้งอยู่บริเวณแยกวงศ์สว่างเลย ถึงจะไม่ใช่ห้างใหญ่หรูหรา แต่ก็พอให้พึ่งพาในการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป เลยจากบริเวณนี้ไป ก็เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว กลับมาดูที่ตัวโครงการกันบ้าง Rich Park 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 27 ชั้น ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว L ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก รูปแบบอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นเพียงตึกสูงเรียบๆ ทั่วไป บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า รวมทั้งหมด 12 ห้อง ซึ่งยังเปิดให้บริการไม่ครบ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีแค่ร้านซักรีดเท่านั้น ส่วนบริเวณร้านค้าอื่นๆ ยังเป็นห้องว่างๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะในอนาคตอันใกล้ยังจะพอพึ่งพาร้านค้าในโครงการได้รึเปล่า ส่วนบริเวณที่พักอาศัยนั้น เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 4 ในบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Facility ส่วนกลาง ถัดขึ้นไปที่ชั้น 5-26 จะเป็นพื้นที่ของห้องพักทั้งหมด ดูตามแปลนการจัดวางห้องของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว เพราะแต่ละชั้นมีจำนวนห้องมากถึง 34 ยูนิต ซึ่งนับยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีมากถึง 803 ยูนิต ในขณะที่ลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดเตรียมไว้แค่ 3 ตัวเท่านั้น เทียบเป็นอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ 267 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าเราต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหนถ้าทุกห้องต้องออกไปทำงานพร้อมๆ กันในช่วงเช้า สำหรับ Facility ทั้งหมดของโครงการถูกจัดรวมไว้ที่ชั้น 4 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ซึ่งขนาดของพื้นที่ส่วนกลางก็น้อยนิดมากๆ เมื่อเทียบกับจำนวนห้องทั้งหมด จนเกือบจะไม่สามารถใช้งานได้จริงเลย เพราะพื้นที่บริเวณชั้น 4 ถูกแบ่งเป็นห้องพักจำนวน 9 ยูนิตในโซนด้านทิศตะวันออก และแบ่งเป็นที่จอดรถในด้านทิศตะวันตก ดังนั้นพื้นที่ของ Facility จึงเหลือใช้แค่ส่วนหนึ่งของชั้นเท่านั้น ไหนๆ ก็เกริ่นถึงที่จอดรถกันไปบ้างแล้ว เรื่องที่จอดรถก็นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะนับดูคร่าวๆ ก็ไม่น่าจะจอดได้เกิน 40% ซึ่งรวมแบบจอดซ้อนคันไว้ด้วยแล้ว ใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็เตรียมปวดหัวกับการแย่งชิงที่จอดรถกันได้เลย นอกเหนือจากที่เห็นนี้ก็ยังไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม จากบรรยากาศคร่าวๆ ระหว่างเยี่ยมชมโครงการ ก็ต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรื่องความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านที่ทางโครงการยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เช่น เรื่องร้านค้าภายใน เรื่องที่จอดรถ รวมถึงเรื่องการบริการของพนักงานขายที่ออกจะใส่ใจลูกค้าน้อยไปซักหน่อย จึงอดไม่มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายของโครงการหากต้องเข้าอยู่อาศัยจริง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 ในขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นห้องตัวอย่างที่ได้ชมจึงเป็นห้องจริงที่ยังพอมีเหลือว่างอยู่บ้าง เรื่องตำแหน่งของห้องอาจจะเลือกมุมที่ถูกใจได้ยากขึ้น รวมถึงเรื่องราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดตัวอีกพอสมควร ดูจากการออกแบบจัดห้องในแต่ละชั้น ก็เห็นว่าทางโครงการค่อนข้างเน้นจุดขายด้านปริมาณมากกว่า เพราะห้องทั้งหมดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นอยู่ที่ 21 ตร.ม. และห้องใหญ่สุดก็พื้นที่ไม่เกิน 35 ตร.ม. ตำแหน่งในการจัดวาง เหลี่ยมมุม และเสาภายในห้อง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดต่างกัน ส่วน Lay out แบ่งออกเป็นแบบหลักๆ 2 Type คือ Type A และ Type B ซึ่งต่างกันที่ผนังกั้นห้องนอน โดยห้องแบบ Type B จะใช้กระจกบานใหญ่แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ข้อดีก็คือ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่โซนกลางห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนห้อง Type A ซึ่งมีหน้ากว้างกว่า การจัดวางตำแหน่งห้องนอนจึงอยู่คนละด้านกับห้องนั่งเล่น ผนังห้องจึงเป็นผนังทึบปกติ จากห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าการจัด Lay out ห้องของ Rich Park 2 ดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเหลี่ยมมุมของห้องที่มีเสายื่นออกมา รวมถึงตำแหน่งในการติดตั้งทีวีในบางห้อง และตำแหน่งหน้าต่างที่มีเพิ่มเติมในห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมตึก ซึ่งนอกจากจะดูแปลกจากที่เคยเห็นแล้ว ยังทำให้การตกแต่งห้องมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องติดตั้งผ้าม่านเพิ่ม หรือการเลือกซื้อ เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ที่ในตำแหน่งใกล้หน้าต่าง ตำแหน่งที่วางทีวีไม่ตรงกับแนวโซฟา หรือการแยกเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจาน กับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารไว้คนละฝั่ง ลักษณะภายในห้องจึงดูเหมือนว่าขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล นี่ยังไม่นับรวมถึงตำแหน่งห้องที่มีผลกับวิวด้านนอกอาคารเลยนะครับ เพราะบางห้องก็ถูกบังวิวกันเอง มองออกไปเห็นแต่กำแพงอีกฝั่งของห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่นออกมา จะเลือกตำแหน่งห้องนอกจากการไปดูห้องจริงแล้ว แนะนำให้กางแปลนห้องควบคู่กันไปด้วยก็นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ว่าห้องไหนยื่นเลยออกไป ห้องไหนเว้าเข้าด้านใน เพราะเค้าเล่นออกแบบเป็นลูกคลื่นบังวิวกันเอง ไม่รู้ว่าคนออกแบบตั้งใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า ความคุ้มค่าน่าลงทุน ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการ Rich Park 2 คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีตลาด และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานี Inter change ทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ราคาห้องจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ศักยภาพภายในของตัวโครงการเอง ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน คะแนนความน่าสนใจจึงถูกฉุดดึงให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการห้องพักไว้อยู่อาศัยเอง ถ้าไม่ติดเรื่องที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลย่านสำนักงาน แหล่งธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ทำเลแถบนี้ก็ยังพอเดินทางไปมาได้สะดวกพอสมควร แต่ถ้าพิจารณาในส่วนของห้องพักแล้ว คงต้องแนะนำให้ไตร่ตรองกันดีๆ ว่าถ้าหากต้องเข้ามาอยู่อาศัยจริงฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในห้องจะใช้งานได้สะดวก เหมาะสมหรือไม่ ไหนจะเรื่อง Facility ภายในโครงการอีก ต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าเราจะได้ใช้งานจริงแค่ไหน คุ้มค่ากับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายรึเปล่า เช็คข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ครบถ้วนนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เสียใจกันภายหลัง  
ASPIRE สุขุมวิท 48 : รีวิวคอนโด

ASPIRE สุขุมวิท 48 : รีวิวคอนโด

โครงการ: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 2,450,000 บาท บาท/ตารางเมตร เริ่มต้น 98,000 บาท เจ้าของโครงการ Asian Property., Plc. จุดเด่น เติม Surprise ให้…เกินคาด โลดแล่น…ให้ถึงขีดสุดกับไลฟ์สไตล์แบบ ENERGETIC LIVING ที่พร้อมสปาร์คความสุขให้คุณ…แบบเกินความคาดหมาย พบความสุขอีก ฯลฯ ได้ที่ Aspire คอนโด สุขุมวิท 48 โลดแล่น…ให้ถึงขีดสุดกับไลฟ์สไตล์แบบ ENERGETIC LIVING ที่พร้อมสปาร์คความสุขให้คุณ…แบบเกินความคาดหมาย มีคอนโดบนสุขุมวิท…ง่ายเกินคาด มีสเปซในการใช้ชีวิต…กว้างเกินคิด มีพื้นที่ของวันพักผ่อน…สูงกว่าที่ฝัน มีการเดินทาง…รวดเร็วกว่าที่เคย และพบความสุขอีก ฯลฯ ได้ที่ Aspire คอนโด สุขุมวิท 48 ปีที่สร้างเสร็จ 2557 ที่ตั้ง: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 5-0-98.3 ไร่ ที่ตั้ง ซอยสุขุมวิท 48 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.711467,100.594341 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS สถานีพระโขนง (650 ม.)   สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เอกมัย พาร์คเลน เอกมัย เจ อเวนิว ทองหล่อ ห้าง ดิเอ็มโพเรี่ยม   ลักษณะโครงการ: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bed 2 Bed ขนาดห้องที่มี 1 Bed / 25-38 ตร.ม. 2 Bed / 54-64 ตร.ม. จำนวนตึก 3 อาคาร จำนวนชั้น อาคาร A สูง 25 ชั้น, อาคาร B สูง 30 ชั้น, อาคาร C สูง 8 ชั้น จำนวนห้อง อาคาร A จำนวน 277 ยูนิต, อาคาร B จำนวน 560 ยูนิต, อาคาร C เป็นอาคารจอดรถ   ส่วนกลาง: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 40% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 35 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 350 บาท   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และ กล้องวงจรปิด ประตู Key Card สวนหย่อม Wi-Fi Internet บริเวณ Lobby   เพิ่มเติม: ASPIRE สุขุมวิท 48 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apthai.com/Aspire/Aspire-Sukhumvit-48/home/ ข้อมูล ณ วันที่
Supalai City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา : รีวิวคอนโด

Supalai City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา : รีวิวคอนโด

โครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สถานีพระนั่งเกล้า – เจ้าพระยา เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ขนาดใหญ่ ใกล้สี่แยกพระนั่งเกล้า ซึ่งอยู่ในย่านที่กำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มคนที่มองหาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า ด้วยระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสะพานพระนั่งเกล้า (สายสีม่วง) ไม่เกิน 300 เมตร จึงตอบโจทย์ได้ดีสำหรับคนที่หวังพึ่งพาการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก แถมช่วงระยะเวลาที่ตัวโครงการจะสร้างเสร็จพร้อมเข้าก็อยู่ก็พอๆ กับที่รถไฟฟ้าจะเปิดให้บริการ ทุกอย่างจึงค่อนข้างลงตัวเลย   การเดินทาง   การเดินทางหลักๆ ของคนที่ไม่ใช้รถส่วนตัวก็คือ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งตัวสถานีสะพานพระนั่งเกล้า อยู่ห่างออกไปเพียง 300 เมตร จัดว่าอยู่ในระยะเดินถึงได้สบายๆ ติดอยู่เล็กน้อยที่ตัวสถานีไม่ได้อยู่ด้านเดียวกันกับถนนหน้าโครงการ การเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าจึงต้องเดินข้ามทางม้าลายบริเวณสี่แยกถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งเป็นถนนใหญ่หลายเลนและมีปริมาณรถมาก การเดินข้ามทางม้าลายจึงต้องใช้ความระมัดระวังกันมากหน่อย แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยง ก็มีสะพานลอยที่อยู่ห่างจากตัวสถานีออกไปอีกประมาณ 100 เมตร อาศัยว่าเพิ่มระยะเดินอ้อมอีกประมาณ 200 เมตรแต่ปลอดภัยกว่ากันเยอะครับ ภาพเส้นทางจากโครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท มาถึงสถานีพระนั่งเกล้า ระยะทางประมาณ 300 เมตร เริ่มออกจากโครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท ต้องข้ามถนนไป เพื่อไปขึ้น Sky Walk เมื่อขึ้นไปแล้วก็เดินบน Sky Walk ไปเลยครับ สถานีจะอยู่ห่างประมาณ 300 เมตรครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวถือว่าสะดวกไม่น้อยเหมือนกัน เพราะมีทั้งถนนรัตนาธิเบศร์ที่เป็นถนนสายหลัก และยังสามารถเลี่ยงไปใช้ถนนติวานนท์ หรือถนนงามวงศ์วานที่เป็นเส้นทางสายรองเพื่อไปขึ้นทางด่วนเพื่อเข้า-ออกเมือง แต่ถ้าต้องการเลี่ยงปัญหารถติดที่แยกแคราย ก็สามารถข้ามสะพานพระนั่งเกล้าไปใช้เส้นทางถนนราชพฤกษ์ หรือเลยไปใช้ถนนวงแหวนรอบนอกเพื่อเข้า-ออกเมืองได้อีกเช่นกัน ตัวอย่างการเดินทางที่เราเลือกใช้ในครั้งนี้ เริ่มจากแยกแครายมุ่งหน้ามายังสะพานพระนั่งเกล้า พอเห็นป้ายบอกทางไปสนามบินน้ำก็ให้ชิดซ้ายเพื่อตรงไปกลับรถใต้สะพานพระนั่งเกล้าเลยครับ จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำมาอีกประมาณ 120 เมตร ก็จะเห็นตัวโครงการตั้งอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งเราต้องเลยขึ้นไปอีกเล็กน้อยเพื่อกลับรถมายังตัวโครงการ แต่ถ้าใครที่ค่อนข้างชำนาญเส้นทางในแถบนี้อยู่บ้าง ก็น่าจะพอนึกภาพออกว่า ถนนสนามบินน้ำที่อยู่หน้าโครงการ สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนติวานนท์ หรือจะวิ่งเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาไปออกถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี เพราะไปใช้เส้นทางอื่นๆ ได้อีกมากมายเลยทีเดียว ภาพเดินทางจากปากเกร็ด วิ่งมาบนเส้นติวานนท์ แล้วเข้าสนามบินน้ำ เพื่อไปยังโครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท มาจากปากเกร็ด เมื่อมาถึงสามแยกสนามบินน้ำ ให้เลี้ยวขวา เมื่อเลี้ยวขวามาแล้วจะเข้าถนนสนามบินน้ำ จะผ่านการประปานครหลวงที่อยู่ทางซ้ายมือ เมื่อวิ่งมาเรื่อยๆ ก็จะผ่าน สำนักงานปปช. และกองสลากกินแบ่งรัฐบาลที่อยู่ทางขวาครับ วิ่งเลยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมา ก็จะเจอศูนย์การค้าสลากไทยที่อยู่ทางขวา มาเจอสามแยกให้วิ่งตรงไป วิ่งมาก็จะเจอ ตึกกระทรวงพาณิชย์ที่อยู่ทางขวา วิ่งมาเรื่อยๆ ก็จะเจอโครงการอยู่ทางซ้าย เลี้ยวเข้าไปเลยครับ นอกเหนือจากนี้ การเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ก็สามารถทำได้ไม่ยากเพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่จึงมีรถผ่านไปมาค่อนข้างมาก ในขณะที่การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก เพราะไม่มีวินมอเตอร์ไซค์ หรือป้ายรถเมล์อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเลย   วิเคราะห์ตัวโครงการ   โครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สถานีสะพานพระนั่งเกล้า เป็นคอนโด High Rise ตึกเดี่ยว สูง 33 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ดังนั้นทางโครงการจึงชูประเด็นเรื่องวิวแม่น้ำมาเป็นจุดขายกลายๆ สำหรับห้องพักที่อยู่ในชั้นสูงๆ ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะจะสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้ด้วย ปัจจุบันบริเวณรอบๆ โครงการยังเป็นที่ดินว่าง และมีบ้านพักอาศัยในแนวราบอยู่บ้าง จึงยังไม่มีตึกสูงขนาบข้าง เรื่องวิวจากมุมสูงจึงเปิดโล่งในทุกๆ ด้านและยังค่อนข้างได้เปรียบเมื่อเทียบกับโครงการที่มีตึกสูงอยู่ใกล้ๆ แต่ในอนาคตก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่จะมีโครงการอื่นๆ ขึ้นมาบังวิวนะครับ ซึ่งถ้ามีอาคารสูงขึ้นในระยะใกล้เคียงจริง วิวแม่น้ำก็คงหมดไปอย่างแน่นอน ดังนั้นเรื่องวิวแม่น้ำอย่าตั้งความหวังไว้เยอะนะครับ กว่าโครงการจะสร้างเสร็จพร้อมอยู่ อาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงกันได้เหมือนกัน   บริเวณรอบๆ โครงการในรัศมี 500 เมตร จัดว่าขาดแคลนเลยทีเดียว เพราะไม่มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อใดๆ เลย ต้องรอดูร้านค้าที่จะมาเปิดใต้โครงการว่าจะมีร้านอะไรให้พอพึ่งพาได้บ้าง ไม่อย่างนั้นคงต้องขับรถออกไปไกลอีกหน่อยบนถนนรัตนาธิเบศร์ จึงพอจะมีห้างสรรพสินค้าให้พึ่งพาอาศัยกัน เช่น เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ บิ๊กซี เลยไปถึงเทสโก้โลตัสบริเวณแยกแคราย และห้างเดอะมอลล์ บนถนนงามวงศ์วาน ซึ่งจัดว่าไกลจากตัวโครงการพอสมควรเลยทีเดียว แต่ถ้าในเรื่องสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล และสถานที่ราชการกลับอยู่ในระยะที่ใกล้กว่ามาก   ที่นี้ขยับเข้ามาดูภายในโครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สถานีสะพานพระนั่งเกล้า – เจ้าพระยากันบ้าง ตัวที่ดินของโครงการมีขนาด 3 ไร่เศษ ซึ่งจัดสรรเป็นอาคารพักอาศัยรูปตัว L ที่มียูนิตรวมมากกว่า 700 ยูนิตเลยทีเดียว โดยห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นกันตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไป ส่วนชั้น G จะแบ่งเป็นพื้นที่บริเวณ Drop-Off ร้านค้าใต้โครงการ และล็อบบี้ ส่วนชั้น 1-5 จะเป็นที่จอดรถ ที่นับรวมการจอดซ้อนคันแล้ว จะจอดได้เพียง 48% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของโครงการระดับนี้ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้า เพราะเคลมว่าลูกบ้านส่วนใหญ่จะอาศัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามากกว่าการใช้รถยนต์ส่วนตัว เรื่อง Facility ต่างๆ ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้ก็มีทั้ง สระว่ายน้ำที่มีสระเด็กแยกไว้ให้ด้วย รวมถึงห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า ที่อยู่ในชั้น 6 แน่นอนว่าห้องพักบางส่วนจะได้วิวสระว่ายน้ำไปเต็มๆ เพราะมีระเบียงติดสระว่ายน้ำด้วย แต่ก็ต้องแลกกับความวุ่นวายเวลาลูกบ้านคนอื่นๆ มาใช้สระว่ายน้ำ และพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ นอกจากนี้ยังมี Rooftop Garden และ Sky Lounge บนชั้นดาดฟ้า รวมถึงสวนหย่อมที่กระจายอยู่ตามชั้นต่างๆ ซึ่งลูกบ้านสามารถออกมาเดินเล่นรับลมเย็นๆ ได้ด้วยเช่นกัน ดูจากจำนวนพื้นที่ส่วนกลางเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดแล้ว ถ้าต้องใช้งานจริงๆ คงไม่เพียงพอต่อความต้องการแน่ๆ ต้องแบ่งๆ กันใช้ บางช่วงเวลาถ้ามีปริมาณคนใช้สระว่ายน้ำ ฟิตเนส หรือสวนหย่อมหนาแน่นไปบ้างก็ต้องทำใจครับ   พาชมห้องตัวอย่าง   มาถึงห้องตัวอย่าง ซึ่งทางศุภาลัยยังคงสไตล์การจัดสรรให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องค่อนข้างกว้าง โดยห้องแบบ Studio ก็มีพื้นที่เริ่มต้นที่ 33 ตร.ม.แล้ว ในขณะที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนก็จัดมาให้ในพื้นที่ 47 ตร.ม. เลยทีเดียว ถ้ามีโอกาสเข้าไปดูห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย จะเห็นว่าทางโครงการเปิดผนังห้องออกมาให้ดูแบบโล่งๆ ดังนั้นตำแหน่งประตูห้องและบรรยากาศภายในห้องหลังจากมีกำแพงล้อมรอบครบทุกด้านเราต้องอาศัยจิตนาการกันหน่อย ห้องทั้งหมดของโครงการขายกันมาแบบ Fully Furnished ตามแบบในห้องตัวอย่างเป๊ะเลย รวมถึงเครื่องปรับอากาศ และ Wallpaper ก็มีแถมมาให้ด้วย ถ้าเป็นห้องแบบ Studio พอเปิดประตูเข้าห้องมาก็จะเจอกับห้องนอน โดยมีมุมเล็กๆ หลังประตูห้อง แบ่งเป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีไว้ ถัดเข้าไปด้านในก็คือ ห้องน้ำและห้องครัวที่แบ่งพื้นที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนช่วยป้องกันปัญหาเรื่องกลิ่นควันจากการทำอาหารได้ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งเครื่องครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจัดมาให้สมน้ำสมเนื้อกับราคาตามมาตรฐานของโครงการในระดับเดียวกัน ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอน จะมี Lay out ที่แบ่งพื้นที่ห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้น เพราะตัวห้องนอนจะถูกแยกออกจากห้องนั่งเล่น พร้อมกับพื้นที่ของระเบียงที่กว้างขึ้นด้วยเช่นกัน เฟอร์นิเจอร์ที่แถมมากับห้อง ส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว จึงยังพอจะจัดห้องและปรับเปลี่ยนตำแหน่งกันได้บ้าง และด้วยพื้นที่ภายในห้องที่ค่อนข้างกว้างขวางเลยไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.6 เมตรและการใช้ประตูกระจกบานเลื่อนทำให้เปิดรับแสงได้มาก ห้องจึงดูโปร่งสบายกว่าเมื่อเทียบกับหลายๆ โครงการ นอกจากห้องพักทั้ง 2 แบบที่ทางโครงการจัดไว้ให้ชมในสำนักงานขายแล้ว ก็ยังมีห้องแบบอื่นๆ ในพื้นที่ขนาดต่างๆ กันให้เลือกอีกมาก ทั้งห้องแบบ 2 ห้องนอน และห้องแบบ Penthouse ซึ่งสามารถตรวจสอบ และสอบถามเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ของโครงการได้เลย ความคุ้มค่าน่าลงทุน ถ้านับในเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สะพานพระนั่งเกล้า – เจ้าพระยา นับว่าปัจจุบันจัดอยู่ในย่านที่กำลังได้รับความสนใจจากตลาดมากเลยทีเดียว เพราะความเจริญกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมาพร้อมๆ กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่คาดว่าจะพร้อมให้บริการภายในปี 2559 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่โครงการส่วนใหญ่จะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ดังนั้นจึงถือว่ามีศักยภาพด้านความพร้อมในการอยู่อาศัยมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย หรือต้องทำงานในย่านนี้ สำหรับการอยู่อาศัย จัดว่าตัวโครงการมีบรรรยากาศที่เงียบสงบ ไม่พลุกพล่านจนเกินไปถึงแม้จะตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียง 300 เมตรก็ตาม ในขณะที่สาธารณูปโภคอื่นๆ ในรัศมี 5 กิโลเมตรก็มีเพียบพร้อมทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานที่ราชการขนาดใหญ่ ส่วนการเดินทางเข้าเมือง แน่นอนว่าถ้าอาศัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลักก็จัดว่าสะดวกมากๆ ในการเดินทางเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ แต่ถ้าต้องการลงทุนห้องไว้ปล่อยเช่าอาจจะยังไม่ใช่ทำเลที่ดีที่สุด เพราะในระแวกใกล้ๆ ไม่มีสำนักงานขนาดใหญ่ หรือสถานศึกษาที่น่าจะเป็นกลุ่มผู้เช่าเท่าที่ควร ซึ่งคาดว่าน่าจะหาคนเช่าได้ค่อนข้างยาก ยิ่งถ้ามีโครงการอื่นๆ ในแนวรถไฟฟ้าเดียวกันเป็นตัวเปรียบเทียบด้วย โครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สะพานพระนั่งเกล้า – เจ้าพระยา ก็อาจจะเสียเปรียบในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ เพราะหาร้านค้า ร้านอาหารที่อยู่ในระยะเดินถึงพึ่งพาไม่ได้เลย
The Sky รัชดา : รีวิวคอนโด

The Sky รัชดา : รีวิวคอนโด

โครงการ: The Sky รัชดา (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 2,300,000 บาท (ณ วันเปิดตัว) บาท/ตารางเมตร เริ่มต้น 85,200 บาท เจ้าของโครงการ ไบรท์ ดีเวลลอปเมนท์ กรุงเทพ (ในเครือ Property Perfect) จุดเด่น คอนโดมิเนียมหรู ใจกลาง CBD ความเฟอร์เฟคระดับ Hi-Exclusive เรียบหรูดูมีสไตล์ในแบบ Elegant Simplicity ท่ามกลางความพร้อมของทำเลริมถนนรัชดาภิเษก ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีสุทธิสารและห้วยขวาง เพียง 400 เมตร ปีที่สร้างเสร็จ พ.ศ. 2558 ที่ตั้ง: The Sky รัชดา (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 6-1-99.80 ไร่ ที่ตั้ง ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง สามเสนนอก (บางซื่อใต้) เขตดินแดง, บางกะปิ (บางซื่อ) กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.784143,100.572399 ระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า MRT สถานีห้วยขวาง (600 ม.) และ สถานีสุทธิสาร (600 ม.)   สถานที่สำคัญใกล้เคียง Central พระราม9 เอสพลานาด TESCO LOTUS Fortune Town   ลักษณะโครงการ: The Sky รัชดา (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bed 2 Bed Duplex ขนาดห้องที่มี 1 Bed / 27.00- 51.00 ตร.ม. 2 Bed / 48.00 – 62.00 ตร.ม. Duplex / 65.00 – 88.00 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 29 ชั้น จำนวนห้อง 1,028 ยูนิต   ส่วนกลาง: The Sky รัชดา (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 411 คัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) ค่ากองทุน(/ตร.ม)   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และ กล้องวงจรปิด ประตู Key Card สวนหย่อม ห้องสมุด (Sky Garden) ร้าน ซักอบรีด Sky Lounge   เพิ่มเติม: The Sky รัชดา (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1375 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.pf.co.th/condominium/thesky/ratchada/overview.php ข้อมูล ณ วันที่
A Space ME รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

A Space ME รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

ที่ผ่านมาเราพาไปดู คอนโดมิเนียม ที่ตั้งอยู่ตามแนว รถไฟฟ้าสายสีม่วง มาก็หลายโครงการแล้ว ซึ่งแต่ละครั้งที่ผ่านมา บนถนนรัตนาธิเบศร์ก็มักจะเห็นโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ครั้งนี้เราจึงถือโอกาสพาไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจของ บริษัท อารียา พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรด์ A Space ME คอนโดมิเนียม High Rise สูง 22 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสถานีศรีพรสวรรค์ และสถานีแยกนนทบุรีนั่นเอง   การเดินทาง   ถึงที่ตั้งของ A Space ME รัตนาธิเบศร์ จะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง แต่เนื่องจากการก่อสร้างรถไฟฟ้ายังไม่แล้วเสร็จ การเดินทางที่สะดวกที่สุดในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถึงแม้ว่าการจราจรบนถนนสายนี้จะติดขัดเอาการในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่ในขณะเดียวกันก็มีเส้นทางเลี่ยงอยู่พอสมควร ทั้งเส้นทางเลี่ยงเมืองนนทบุรี ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนติวานนท์ ถนนราชพฤกษ์ รวมถึงทางด่วนงามวงศ์วาน ก็สามารถเลือกใช้เป็นเส้นทางเข้าเมืองได้ตามความสะดวก ด้วยความที่ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออกตรงข้ามกับเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ การเดินทางมาจากฝั่งแครายมุ่งหน้าไปทางสะพานพระนั่งเกล้า จึงไม่ต้องกลับรถให้ยุ่งยาก พอผ่านสถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์มาแล้วก็ให้เตรียมชิดซ้ายได้เลย นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะมีทั้งรถเมล์ รถตู้ประจำทาง รวมถึงรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาตลอดเวลาเลยทีเดียว เหตุผลของการเลือกคอนโดมิเนียมที่เกาะแนวรถไฟฟ้า ก็เพราะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายสำหรับคนเมืองอย่างเราๆ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้งานไม่ได้เกินปี 2559 ดังนั้นในอนาคตการเดินทางมายังโครงการ A Space ME รัตนาธิเบศร์ด้วยรถไฟฟ้าก็ดูจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ตัวโครงการตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ และสถานีแยกนนทบุรี โดยอยู่ค่อนไปทางสถานีแยกนนทบรี ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการออกไปประมาณ 450 เมตร จัดว่าเป็นระยะทางที่สามารถเดินไปมาได้สบายๆ และไม่เหนื่อยจนเกินไป ถึงแม้ว่าทางโครงการจะไม่มีบริการรถ shuttle รับส่งให้ก็ตาม   วิเคราะห์ตัวโครงการ   เนื่องจากที่ตั้งของโครงการ A Space ME รัตนาธิเบศร์ยังถือว่าอยู่ห่างจากความเจริญในเมืองพอสมควร จึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบแบบชานเมืองอยู่มาก รอบๆ โครงการมีห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งช็อปปื้งที่สามารถพึ่งพาอาศัยและอยู่ใกล้ที่สุด ถัดเข้าหาเมืองหน่อยก็จะมี ห้าง Big C ที่อยู่บริเวณสถานีศรีพรสวรรค์ The Esplanade รัตนาธิเบศร์, Tesco Lotus บริเวณสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี รวมถึงห้างพันทิพย์ พลาซ่า และห้าง The Mall งามวงศ์วาน ที่เรียงรายกันมาตั้งแต่ถนนรัตนาธิเบศร์ถึงถนนงามวงศ์วาน ดังนั้นในเรื่องอาหารการกิน รวมถึงที่จับจ่ายซื้อของใช้ในบ้านจึงอยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า และรถสาธารณะอื่นๆ นอกจากนี้รอบๆ โครงการยังไม่มีตึก หรืออาคารสูงขึ้นขนาบข้าง เพราะส่วนใหญ่ยังเป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบ และยังเป็นที่โล่งซึ่งยังไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะมีโครงการอื่นๆ สร้างตามมาในระยะประชิดหรือไม่ สำหรับการออกแบบของ A Space ME รัตนาธิเบศร์นั้น ตัวอาคารเป็นอาคารเดี่ยวสูง 22 ชั้น เน้นการสร้างบรรยากาศแบบรีสอร์ท ในขณะที่ยังตอบโจทย์ได้ดีในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานตามรูปแบบ Life Style ของคนรุ่นใหม่ รูปลักษณ์ภายนอกอาคารจึงดูทันสมัย โดยพยายามเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ตั้งแต่พื้นที่ร้านค้าในโซน Plaza Space เชื่อมต่อกับสวนบริเวณรอบอาคาร และล็อบบี้ขนาดใหญ่ ด้านบนมีสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่บนชั้น 17 และ 18 ที่มาพร้อมวิวแบบพาโนรามา สระว่ายน้ำแบบ Infinite Edge และห้องออกกำลังกาย ซึ่งให้บรรยากาศแบบการพักผ่อนในรีสอร์ท นอกจาก Facility พื้นฐานที่บอกไปแล้ว ทางโครงการยังมีห้องประชุม และห้องสมุดพร้อมอินเตอร์เน็ต wi-fi ไว้ให้บริการอีกด้วย เรียกได้ว่าจัดกันให้แบบไม่มีกั๊กกันเลย ในส่วนของที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป ซึ่งจะมีห้องให้เลือกในฝั่งทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของตัวอาคาร แต่สำหรับห้องพักในชั้น 18-22 ที่มีพื้นที่ทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor จะมีแต่ห้องทางด้านทิศตะวันตกเท่านั้น ถ้าอยากได้พื้นที่หน้าห้องที่เปิดโล่งรับลม และรับวิวกว้างๆ ก็ต้องแลกกับแดดร้อนๆ ในช่วงบ่ายกันนิดนึงนะครับ นอกเหนือจากสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นที่ฐานที่บอกไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมกล้องวงจรปิด มีระบบ Key Card Access ใช้ในการเข้าออกอาคาร และที่ลืมพูดถึงไม่ได้ก็คือเรื่องลิฟท์โดยสาร ซึ่งมีบริการทั้งหมด 4 ตัว นับตามสัดส่วนของจำนวนยูนิตรวมที่ 401 ยูนิตแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สบายๆ ไม่หนาแน่นจนเกินไปครับ แถมทางโครงการก็คุยไว้ว่ามีระบบการจัดการลิฟท์ที่ให้ความรวดเร็วด้วย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไหร่ตอนใช้งานจริงๆ ส่วนเรื่องที่จอดรถสามารถจอดได้ตั้งแต่ชั้น 1-4 ซึ่งสามารถจอดได้ประมาณ 40% นับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้วด้วย จัดว่าน้อยไปซักหน่อยถ้าคิดว่าการอยู่อาศัยในแถบนี้ ลูกบ้านน่าจะต้องอาศัยรถส่วนตัวในการเดินทางบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นถ้าหากเจ้าของห้องกว่าครึ่งมีรถยนต์ส่วนตัว เรื่องที่จอดรถก็คงจะไม่พอแน่ๆ ครับ ปัญหาที่ตามมาก็น่าจะเป็นเรื่องการแย่งที่จอดรถกันนี่แหละที่น่ากังวล   พาชมห้องตัวอย่าง   ห้องพักของ A Space ME รัตนาธิเบศร์ เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด แบ่งเป็น 2 Type ที่ขนาด 25 ตร.ม. และ 32.10 ตร.ม. โดยที่ห้องขนาด 32.10 ตร.ม. จะมีอยู่เพียงชั้นละ 2 ห้องเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นห้องขนาด 25 ตร.ม. ซึ่งทางโครงการมีห้องตัวอย่างไว้ให้เยี่ยมชม การจัดวาง Lay out ห้องต้องชมว่าทำออกมาได้ลงตัวมากๆ ถึงแม้ห้องจะมีขนาดแค่ 25 ตร.ม. แต่ก็ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และไม่น่าอึดอัดเลย ทั้งๆ ที่ภายในห้องจัดการตกแต่งไว้เต็มที่ พื้นที่ห้องครัวและห้องน้ำจะอยู่ในโซนด้านหน้าห้อง เปิดเข้าห้องมาปุ๊ปก็จะเจอครัวขนาดเล็ก ที่เหมาะกับการประกอบอาหารเบาๆ ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่ติดอยู่นิดหน่อยตรงที่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้ ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่อาศัยประตูกระจกบานเลื่อนช่วยแยกพื้นที่ทั้งสองออกจากกัน บริเวณห้องนอนมีขนาดกระทัดรัด วางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้าไปด้านข้างก็เกือบจะเต็มพื้นที่แล้วนะครับ บริเวณปลายเตียง Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย ซึ่งสามารถใช้เป็นมุมแต่งตัวเล็กๆ ได้พอดี ถ้าดูตาม Lay out ห้องในแบบแปลนจะเห็นว่ามีระเบียงเล็กๆ อยู่ในห้องนอนด้วย ซึ่งของจริงพื้นที่ของระเบียงก็เล็กจริงๆ จนแทบจะไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้มากนัก แถมประตูเข้า-ออกระเบียงยังเป็นประตูบานสวิงในตำแหน่งตรงปลายเตียงพอดิบพอดี รูปแบบห้องตรงบริเวณนี้จึงดูขัดตาไปซักหน่อย จากที่ได้เข้าไปดูห้องตัวอย่างมาแล้ว ต้องบอกว่าทาง Areeya ตั้งใจออกแบบมาได้ดีทีเดียว เพราะการจัดวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทำได้ลงตัว และให้ความรู้สึกน่าอยู่และสามารถใช้งานได้จริง ทั้งชั้นเก็บของ และตู้แขวนต่างๆ ที่ Built-in มาให้พร้อมห้อง ซึ่งน่าจะช่วยให้มีพื้นที่เก็บของได้เป็นจำนวนมากและเป็นระเบียบเรียบร้อย ของที่เห็นในห้องส่วนใหญ่ทางโครงการจะให้มาพร้อมห้องเลย เรียกว่าขายกันแบบ Fully-Fitted แต่หน้าตา สีสันของเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาพร้อมห้องอาจจะไม่เหมือนกับแบบในห้องตัวอย่างซะทีเดียวนะครับ ลองสอบถามกับเซลล์ดูว่าชิ้นไหนแถมมาให้ แล้วหน้าตาจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนบ้าง ถามให้ละเอียดกันไปเลยจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง นอกจากนี้เรื่องระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในห้อง ทางโครงการก็เตรียมติดตั้งไว้ให้เสร็จสรรพ เช่น ตำแหน่งของเครื่องซักผ้า ที่วางอยู่ใต้เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ตำแหน่งที่จะวางตู้เย็น เครื่องกรองน้ำ เป็นต้น เอาเป็นว่าซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่แล้ว เมื่อเปิดเข้ามาในห้องทางซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ส่วนทางขวาจะเป็นส่วนครัว ส่วนครัวทางโครงการจะ Build ให้ จะมีพื้นที่วางตู้เย็นอยู่ติดกับประตู อีกมุมหนึ่งของส่วนครัว ซิ้งค์ล้างจากก็ให้เป็นแบบมาตรฐาน มาดูห้องน้ำกันบ้าง อ่างล้างหน้า ก็เป็นแบบมาตรฐาน ชักโครกจะใช้ของ American Standard ฝักบัวที่โครงการให้จะเป็นแบบนี้ครับ พื้นระหว่างส่วนครัวกับส่วนนั่งเล่นจะแบ่งชัดเจน ส่วนครัวจะเป็นกระเบื้อง ส่วนห้องนั่งเล่น จะเป็นไม้ลามิเนต มาถึงส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องนั่งเล่นจะอยู่หน้าห้องนอน ตรงนี้เป็นที่วางทีวี จากห้องนั่งเล่น สามารถมองไปทางส่วนครัวได้ ประตูกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น จะเป็นกระจกบานเลื่อน มาถึงห้องนอน ก็ถือว่ากว้างพอสมควร อีกมุงนึงของห้องนอน พื้นที่วางตู้เสื้อผ้า หน้าต่างเป็นบานเกล็ด มองจากห้องนอนออกไปทางประตู จากห้องนอนมองไปมุมห้องนั่งเล่น มุมห้องครัวครับ สวิทซ์ไฟ   ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับทำเลของโครงการ A Space ME รัตนาธิเบศร์นั้น นับว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างน่าความสนใจเลยทีเดียว เนื่องจากอยู่ติดถนนรัตนาธิเบศร์ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีขนาดหลายเลน มีเส้นทางเลี่ยงได้หลายทาง อีกทั้งยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงตัดผ่าน แน่นอนว่าในอนาคตการเดินทางเข้าเมืองก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น ศักยภาพด้านความเจริญเติบโตก็มีโอกาสอย่างต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับคนที่เริ่มต้นมองหาที่อยู่อาศัยในแนวรถไฟฟ้าไว้อยู่อาศัยเอง โครงการนี้น่าจะช่วยตอบความต้องการได้ไม่มากก็น้อย ทั้งในเรื่องของราคาห้องที่เริ่มต้นอยู่ที่ 1 ล้านปลายๆ (ในช่วงเปิดตัว) ซึ่งจัดสรรวัสดุอุปกรณ์มาได้มาตรฐานสมราคาคอนโดระดับนี้ รวมถึงเรื่อง Facility ที่มีครบทุกรูปแบบ และยังอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า มีแหล่งพักผ่อนอยู่ในระยะที่เดินทางสะดวก ทำให้การอยู่อาศัยในบริเวณจัดว่าสะดวกสบายดีทีเดียว ส่วนในแง่ของการลงทุน แน่นอนว่าทำเลในแถบนี้มีโอกาสในการเติบโตค่อนข้างดี การซื้อมาขายไปจึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำกำไรได้เช่นกัน แต่ก็ต้องระวังเรื่องคู่แข่ง และตัวเปรียบเทียบเยอะเนื่องจากปริมาณห้องที่ล้นตลาดของทำเลในย่านนี้ เช่นเดียวกันกับการปล่อยห้องให้เช่า เพราะในบริเวณใกล้เคียงมีคอนโดอื่นๆ อีกหลายโครงการ ทำให้กลุ่มคนเช่ามีตัวเปรียบเทียบมากขึ้น รวมถึงการแข่งขันในเรื่องราคาค่าเช่า จึงอาจจะต้องทำการบ้านและลงโฆษณากันเหนื่อยหน่อย
Chateau in Town สุขุมวิท 62/1 : รีวิวคอนโด

Chateau in Town สุขุมวิท 62/1 : รีวิวคอนโด

Chateau in Town สุขุมวิท 62/1 เป็นอีกหนึ่งโครงการภายใต้แบรนด์ CMC ซึ่งเกาะแนวรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ในซอยเดียวกันนี้มีโครงการ Chateau in Town อยู่ก่อนแล้วที่บริเวณท้ายซอย ซึ่งขณะนี้ทำการก่อสร้างเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงการที่เราจะพาไปดูในคราวนี้ เป็นอีกหนึ่งโครงการในชื่อเดียวกันแต่ต่างกันที่คอนเซ็ปต์การตกแต่งอาคาร รวมถึงทำเลที่ตั้งที่อยู่ค่อนมาทางปากซอยมากกว่า เราไปดูกันดีกว่าว่าโครงการนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง การเดินทาง เนื่องจากเป็นคอนโดในแนวรถไฟฟ้า BTS ดังนั้นการเดินทางไปยัง Chateau in Town สุขุมวิท 62/1 ถ้าไม่พูดถึงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ก็คงจะผิดขึ้นมาทันที สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุดก็คือสถานีบางจาก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 62 พอดี เมื่อลงจากสถานีแล้วให้เดินจากปากซอยสุขุมวิท 62 ไปยังซอยสุขุมวิท 62/1 เป็นระยะทางประมาณ 300 เมตร สังเกตุหน้าปากซอยมีเต้นท์ขายรถ เข้าซอยมาอีกประมาณ 50 เมตรจะเห็นโครงการ Chateau in Town ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังตัวโครงการถึงแม้จะเป็นระยะทางที่ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ทางเท้าที่ต้องเดินผ่านในช่วงค่ำๆ ถือว่าเปลี่ยวพอสมควรเหมือนกัน เพราะตลอดทางเป็นมีร้านค้าบ้างประปราย รวมถึงอาคารสำนักงานที่พอหมดเวลางานก็จะเงียบเหงาไปทันตาเหมือนกัน ดังนั้นถ้าคุณสาวๆ ต้องเดินกลับบ้านคนเดียวในช่วงค่ำๆ อาจจะอันตรายไปซักหน่อย แนะนำให้เลือกลงที่สถานีปุณณวิถีแล้วต่อรถเข้าไปอีกทีจะดีกว่าครับ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว มีเส้นทางหลักๆ คือถนนสุขุมวิท ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องรถติดอยู่แล้ว ดังนั้นในชั่วโมงเร่งด่วนจึงเป็นช่วงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โชคดีหน่อยที่ท้ายซอยเชื่อมต่อไปยังซอยสุขุมวิท 62 ได้ จึงสามารถเลี่ยงไปใช้ทางด่วนเป็นเส้นทางเข้าเมืองได้อีกทาง กลับกันถ้าต้องการออกนอกเมืองถนนบางนา-ตราดและเส้นทางบูรพาวิถีก็เป็นอีกเส้นทางที่ใช้ได้ดีทีเดียว นอกจากนี้การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ทั้งรถเมล์ แท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มีให้เลือกมากมายตลอดทั้งวัน การเดินทางเข้า-ออกโครงการจึงถือว่าสะดวกสบายดีทีเดียวครับ   วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Chateau in Town สุขุมวิท 62/1 ซึ่งอยู่บนถนนสุขุมวิท ถนนสายที่ขึ้นชื่อว่าราคาที่ดินสูงลิบ และยิ่งเกาะแนวรถไฟฟ้า BTS ในทำเลไม่ไกลจากใจกลางย่านธุรกิจมากนักแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้โครงการคอนโดต่างๆ ได้รับความสนใจไม่น้อยเลย เช่นเดียวกับ Chateau in Town Beach Sense แห่งนี้ ที่นับเป็นโครงการที่ 2 แล้วที่สร้างอยู่ในซยอเดียวกันกับโครงการแรกซึ่งกำลังจะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในอีกไม่ช้านี้แล้ว สำหรับโครงการ Chateau in Town Beach Sense นั้นมีความแตกต่างจากโครงการอยู่พอสมควร ทั้งในเรื่องการออกแบบ และการจัดวางตำแหน่งห้อง ด้วยรูปทรงตึกที่ต่างออกไป มีการจัดวางสระว่ายน้ำไว้ที่บริเวณชั้น 2 ในโซนด้านหน้าของโครงการ ส่วนตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว U เน้นบรรยากาศแบบบ้านพักริมชายหาดตามคอนเซปต์ของโครงการนั่นเอง บริเวณใกล้ๆ ซอยสุขุมวิท 62/1 ส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยในแนวราบ สังเกตุได้จากในซอยยังมีบ้านเดี่ยวที่อาศัยกันอยู่ก่อนแล้ว เรื่องอาคารสูงๆ ที่จะขึ้นมาบังวิวกันในระยะประชิดจึงยังไม่มีปัญหาให้เห็น เรื่องอาหารการกินก็มีร้านอาหารกึ่งผับในซอยให้พอฝากท้องได้ หรือถ้าอยากได้อาหารตามสั่งธรรมดาอาจจะต้องเดินออกไปบริเวณปั๊มน้ำมันที่ปากซอยนั่นแหละครับ ถึงจะพอมีร้านอาหารแผงลอยให้พึ่งพาได้บ้าง รวมถึงร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 และร้านกาแฟก็มีให้บริการอยู่ในปั๊มน้ำมันเช่นครับ นอกเหนือจากนี้แล้วก็เห็นจะมีแต่ต้องอาศัยนั่งรถไฟฟ้า BTS เข้าเมืองลงตามแหล่งช็อปปิ้ง และห้างสรรพสินค้าในเมืองอย่าง เอ็มโพเรียม, เทอมินัล 21, สยามพารากอน, เซ็นทรัลชิดลม ฯลฯ นั่นแหละครับ รวมถึงโรงพยาบาล โรงเรียน สถาบันกวดวิชาต่างๆ ที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าก็มีให้เลือกอีกหลายแห่งเช่นกัน แค่ต้องขยันเดินไปกับระหว่างสถานีรถไฟฟ้ากับตัวโครงการซักหน่อยเท่านั้นเอง ด้วยความที่เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้นเท่านั้น เรื่องวิวสวยๆ จากในห้องจึงไม่ถือเป็นจุดขายเท่าไหร่ ทางโครงการมีการจัดวางสระว่ายน้ำไว้ที่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งจัดเป็นศูนย์รวมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ ทั้งฟิตเนส ห้องสตรีม รวมถึงสวนหย่อมสำหรับพักผ่อนหย่อนใจก็อาศัยพื้นที่ในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน ห้องส่วนหนึ่งจึงอาศัยวิวสระว่ายน้ำนี่แหละที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศแบบริมชายหาดได้บ้าง ในส่วนของที่พักอาศัยก็เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป ใครที่เลือกห้องในชั้นนี้ก็ต้องแลกกับการขาดความเป็นส่วนตัวกันหน่อย เพราะเพื่อนร่วมบ้านคงเดินขึ้นลง เข้าออกที่ชั้นนี้เป็นว่าเล่นแน่ๆ แต่ก็ใช่ว่าห้องที่หันหน้าเข้าสระว่ายน้ำในชั้นที่สูงขึ้นจะไม่เจอปัญหาเรื่องเสียงรบกวนนะครับ พิจารณาทิศทางในการเลือกกันให้ดีๆ ส่วนที่น่าจะเป็นกังวลกันหน่อยก็เห็นจะเป็นเรื่องจำนวนที่จอดรถที่นับรวมซ้อนคันแล้วก็จอดได้เพียง 95 คันเท่านั้น ในขณะที่มีจำนวนยูนิตรวมเกือบๆ 200 ยูนิตเข้าไปแล้ว ถ้าใครที่มีรถยนต์ส่วนตัวและต้องอาศัยการเดินทางด้วยการขับรถก็คงต้องคำนึงถึงปัญหานี้ไว้ด้วยนะครับ เพราะทางโครงการเค้าเน้นกลุ่มลูกค้าที่อาศัยรถไฟฟ้าเป็นหลักอยู่แล้ว เรื่องที่จอดรถเลยไม่เน้นเท่าไหร่ นอกจากนี้เรื่องจำนวนลิฟท์โดยสารก็มีให้เพียง 2 ตัว ในโซนปีกขวาของตึก ใครที่อยู่ไปทางปีกซ้ายก็เดินกันไกลหน่อยนะครับ พาชมห้องตัวอย่าง ในช่วงที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ ยังไม่มีห้องตัวอย่างของโครงการ Chateau in Town Beach Sense ให้ชมนะครับ ต้องอาศัยดูตามแบบแปลนในกระดาษ อย่างดีก็เข้าไปเดินชมห้องตัวอย่างของโครงการก่อนหน้าที่อยู่ในซอยเดียวกันได้ แต่ก็ต้องบอกว่าได้แค่ความคล้าย แต่ไม่ได้ใกล้เคียงความเป็นจริงเลยซักนิด ทั้งเรื่องขนาดห้อง และการจัดวาง Lay out ห้อง ทำให้ไม่ค่อยเห็นภาพห้องที่ชัดเจนเท่าที่ควร งานนี้ก็เกิดอาการลังเลสิครับ ฟันธงได้ไม่เคลียร์ว่าของจริงจะเป็นอย่างไรกันแน่ จากที่ดูตามแบบแปลนซึ่งมี Type ห้องเยอะเหลือเกิน เพราะการจัดวางกลับซ้าย กลับขวา หลบเหลี่ยมมุมของตึกอีก เราจึงแบ่งเป็น Type หลักๆ คือ แบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอนครับ เปิดประตูห้องเข้ามากเจอพื้นที่ในส่วนห้องนั่งเล่นก่อนเลย ซึ่งอารมณ์แรกต้องบอกว่าไม่ค่อยสบายตาเท่าที่ควร เนื่องจากการกำแพงกั้นห้องนอนค่อนข้างทึบ บริเวณห้องนั่งเล่นจึงไม่ค่อยให้ความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ถัดจากห้องนั่งเล่นเข้าไปจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน ส่วนห้องน้ำและห้องครัวจะแยกออกไปอยู่อีกด้านของห้องทำให้ได้ห้องครัวแบบปิด ในขณะที่จะเข้าห้องน้ำทีก็ต้องเดินผ่านเข้าออกทางห้องครัวด้วยเช่นกัน พื้นที่ใช้สอยของห้องค่อนข้างกระทัดรัดเลยทีเดียว เพราะห้องแบบ 1 ห้องนอน มีขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 28-34 ตร.ม. โดยที่แต่ละห้องจะมีขนาดต่างกันเพราะ Lay out ของตำแหน่งห้อง บางห้องมีระเบียงกว้าง บางห้องระเบียงแคบนิดเดียว ในขณะที่บางห้องก็มีพื้นที่ห้องนอนกว้างเพราะเป็นส่วนของอาคารที่ยื่นออกไป ดังนั้นการเลือกตำแหน่ง และเลือกแบบห้องให้โดนใจในหลายๆ ด้านจึงเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกันครับ ห้องทั้งหมดขายมาให้แบบห้องเปล่าๆ โล่งๆ มีเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาพร้อมกับห้องก็แค่ ชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น ด้วยราคาห้องที่เริ่มต้นอยู่ที่ 2 ล้านต้นๆ ในย่านสุขุมวิทใกล้รถไฟฟ้าด้วย จึงหวังของแถมมากไม่ได้ครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ในเรื่องความน่าลงทุน โครงการ Chateau in Town จะได้เปรียบในเรื่องราคาของห้องที่อยู่ในทำเลใกล้ย่านธุรกิจสำคัญของเมือง หากใครที่มีที่ทำงานเกาะอยู่ในแนวรถไฟฟ้า และกำลังมองหาที่พักอาศัยที่เดินทางไปมาสะดวก ที่นี่ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเหมือนกัน จะติดก็แต่ถ้ามีรถยนต์ส่วนตัว ไม่ว่าจะต้องใช้งานทุกวัน หรือจอดทิ้งไว้เป็นส่วนใหญ่ เรื่องที่จอดรถคงเป็นปัญหาได้เหมือนกันนะครับ เพราะดูยังไงแล้วก็ไม่พอจอดจริงแน่ๆ ในเรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้ก็จัดว่าครับครันดีตามมาตรฐาน มีแค่พอใช้งานได้ ถ้าไม่ได้หวังกับ Facility อลังการงานสร้าง ก็มองผ่านเรื่องนี้ไปได้อีกเรื่อง จะติดขัดอีกทีก็เรื่อง Lay out ห้องนี่แหละครับที่ต้องอาศัยจินตนาการกันให้ดีๆ เวลาเลือกห้อง ให้คิดเผื่อการตกแต่งห้องไว้ด้วย เพราะห้องบางแบบดูจะตกแต่งให้ลงตัวได้ยาก อาจจะต้องอาศัยการ Built-in ซึ่งก็ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย หากใครคิดจะลงทุนไว้ปล่อยเช่า อาจจะเหนื่อยหน่อย ถึงจะมีบริษัทห้างร้านในระแวกใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนพนักงานพลุกพล่านเหมือนในย่านธุรกิจกลางเมือง การทำการบ้าน ลงประกาศให้เช่าให้ดีๆ บวกกับราคาและการตกแต่งห้องที่ดึงดูดในน่าจะพอช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ ในโซนรถไฟฟ้าปลายๆ สายสุขุมวิทยังคงมีตัวเลือกอีกมากให้เปรียบเทียบ ถ้าต้องนั่งรถไฟ้ฟ้าไกลออกไปอีก 2-3 สถานีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังไงก็ต้องศึกษาปัจจัยต่างๆ ให้รอบครอบไว้ก่อนก็ดีครับ (คลิกดูบทวิเคราะห์การลงทุน)
The Privacy รัชดา – สุทธิสาร : รีวิวคอนโด

The Privacy รัชดา – สุทธิสาร : รีวิวคอนโด

ใครที่เคยผ่านไปผ่านมาบนถนน สุทธิสารวินิจฉัย น่าจะพอนึกภาพกันออกว่า ถนนสายนี้มีการจราจรที่คับคั่งแค่ไหน เนื่องจากเป็นอีกเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อระหว่างถนน รัชดาภิเษก และถนนลาดพร้าว เอาไว้ด้วยกัน แถมบริเวณปากซอยด้านถนน รัชดาภิเษกยังมีสถานี รถไฟฟ้าใต้ดินอีก ที่อยู่อาศัยในแถบนี้จึงเป็นที่น่าจับตาไม่น้อยเลยครับ เราจึงอยากจะพาไปชมอีกหนึ่งโครงการในแบรนด์ The Privacy ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งตั้งอยู่กลางซอยพอดิบพอดี   การเดินทาง   การเดินทางมายังโครงการ The Privacy รัชดา-สุทธิสาร ถือว่าค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว เพราะมีทางเลือกหลายเส้นทาง ทั้งการโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานีสุทธิสาร แล้วต่อรถเข้าซอย หรือจะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็เข้าออกได้ทั้งทางถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว และถนนประดิษฐ์มนูญธรรม (เลียบทางด่วนพระราม 9 – รามอินทรา) ทำให้มีเส้นทางหลีกเลี่ยงปัญหารถติดในเวลาเร่งด่วนได้พอสมควรเลยทีเดียว   การไปชมโครงการ The Privacy รัชดา-สุทธิสารของเราในครั้งนี้ เราเลือกใช้เส้นทางถนนรัชดาภิเษก เริ่มต้นจากฝั่งลาดพร้าววิ่งตามถนนรัชดาภิเษกมาเรื่อยจนถึงแยกสุทธิสาร ซึ่งเป็นแยกใหญ่และมีอุโมงค์ข้ามแยก แต่เราไม่ต้องลงอุโมงค์นะครับ ให้ชิดซ้ายตรงมาที่แยก แล้วเลี้ยวเข้าถนนสุทธิสารวินิจฉัยเลย ตรงเข้ามาในซอยอีกประมาณ 1.6 กิโลเมตร ก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ทางซ้ายมือ หรือถ้าคุณต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นหลัก พอมาถึงสถานีสุทธิสารแล้วให้เลือกทางออกที่ 3 ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากปากซอยสุทธิสารแค่ 50 เมตรเท่านั้น แล้วค่อยต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือรถสาธารณะอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าใครที่กำลังคิดว่าจะอาศัยสองเท้าคู่ใจเดินจากปากซอยเข้าไป ต้องแอบเดือนกันดังๆ ว่าถนนหนทางในซอยไม่ได้เอื้อต่อการเดินเลยซักนิด เพราะไม่มีฟุตบาท และถนนในซอยก็เป็นถนน 2 เลนที่รถสวนกันไปมาในปริมาณมาก แถมระยะทางก็ไมใช่ใกล้ๆ การใช้บริการรถรับจ้าง หรือ Shuttle Bus ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้น่าจะเป็นทางเลือกที่สะดวก และปลอดภัยมากกว่าครับ   จากทางออกสถานีสุทธิสาร เดินไปทางแยกสุทธิสาร ่ตามทางก็จะมีของขายเต็มไปหมดเลย มีของกินให้เลือกก่อนเข้าห้องเยอะมากครับ วินมอเตอร์ไซด์ ต่อคิวกันได้ตรงนี้ครับ ป้ายราคาวินมอเตอร์ไซด์ อยากไปที่ไหนเช็คราคาตรงนี้ได้เลยครับ   ปัญหาหลักๆ ของการเดินทางเข้า-ออกถนนสุทธิสารวินิจฉัยก็คือ การจราจรที่ติดขัดมากๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนของวัน เพราะในซอยมีทั้งโรงเรียน บริษัท สำนักงาน ร้านค้า และยังมีอพาร์ทเม้นท์อีกหลายแห่ง ปริมาณคนและรถจึงหนาแน่นอยู่พอสมควร ถ้าต้องฝ่าฟันรถติดทุกๆ เช้า-เย็นก็ควรจะต้องวางแผนการเดินทาง และเผื่อเวลากันให้ดีๆ นะครับ เริ่มจากแยกลาดพร้าวมุ่งหน้าไปทางพระราม 9 ให้วิ่งมาถึงแยกสุทธิสาร เมื่อมาถึงแยกสุทธิสาร ให้เตรียมตัวเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุทธิสาร เมื่อเข้ามาถนนสุทธิสาร ริมทางทั้งสองฝั่งจะมีร้านค้าวางเต็มไปหมด แต่เมื่อเข้ามาสักพักจะกลายเป็นถนน 2 เลน ช่วงนี้ให้ขับกันระวังนะครับ ก่อนจะถึงตรงคอขวดจะมีวินมอเตอร์ไซด์อยู่ทางขวามือครับ วิ่งเข้าไปตามทาง จะเป็นถนน 4 เลน ในซอยมีคลีนิกด้วยครับ มี 7-Eleven ร้านทำฟันก็มี ในซอยมีปั้ม ปตท อยู่ทางขวามือครับ ก่อนถึงโครงการ จะเห็นโครงการของเครือ Areya อยู่ก่อนถึงโครงการ The Privacy มาถึงจะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ถึงแล้วครับ Sale Office the privacy ส่วนถนนเลย โครงการ The Privacy ไป จะไปเจอถนนลาดพร้าวครับ   วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ   The Privacy รัชดา-สุทธิสาร เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น มีด้วยกันทั้งหมด 3 อาคาร บนเนื้อที่ 2 ไร่นิดๆ โดยมียูนิตรวมทั้งหมด 199 ยูนิต ภายใต้คอนเซ็ปต์การใช้ชีวิตติดธรรมชาติ เน้นความเป็นส่วนตัวในขณะที่ก็ยังคงความสะดวกสบายแบบคนเมืองไว้ ทำเลที่ตั้งเดินทางได้สะดวก ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และบริเวณโดยรอบก็มีสิ่งอำนวยความสะดวก และสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งคลินิค โรงเรียน ร้านอาหาร ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ไปจนถึงสถานบันเทิงยามราตรีก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก จึงสามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการของคนเมืองอย่างแท้จริง ในขณะที่พื้นที่ติดๆ กันกับตัวโครงการยังคงเป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีก็แต่คอนโด Low Rise ในเครือ Areeya ที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลังเท่านั้นที่เป็นอาคารสูงในระดับเดียวกัน ดังนั้นเรื่องความเงียบสงบจึงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมกับการพักผ่อนอาศัยไม่น้อยเลย ในระยะใกล้ๆ ที่สามารถเดินถึงได้โดยไม่ลำบากเกินไป ยังพอมีร้านอาหารให้พึ่งพาได้บ้าง สำหรับคนที่พึ่งพาอาหารสำเร็จรูปเป็นหลัก บริเวณปากซอยสุทธิสารวินิจฉัยอุดมไปด้วยร้านค้าและแผงลอยขายอาหารมากมาย รวมถึงร้านสะดวกซื้อด้วย จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องปากท้องซักเท่าไหร่ สำหรับห้างสรรพสินค้าก็มีทั้งเซ็นทรัลพระราม 9, เทสโก้โลตัส, เอสพลานาด ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งถนนรัชดาภิเษก นอกจากนี้ยังมีห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว, คริสตัลพาร์ค และห้างซีดีซี อีกด้วย   ภายในโครงการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางไว้ในบริเวณด้านหน้าโครงการฝั่งที่ติดกับถนนสุทธิสารวินิจฉัย ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ ห้องซาวน่า ห้องสมุด และLounge ที่ด้านบนของคลับเฮาส์ ส่วนอาคารพักอาศัยรายล้อมอยู่โดยรอบ และมีทางเดินภายในและพื้นที่สีเขียวของสวนเป็นตัวเชื่อมโยงส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ตัวอาคารถูกออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น เน้นความทันสมัยซึ่งทางโครงการเรียกว่า สไตล์ Timeless Tropical Modern อีกทั้งยังชูจุดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 7-9 ยูนิตเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับจำนวนลิฟท์โดยสารที่ในแต่ละอาคารมีอยู่ 1 ตัวเท่านั้น ก็จัดว่ามีความหนาแน่นพอประมาณ ไม่ต้องรอใช้ลิฟท์กันนานมาก และโชคดีที่เป็นแค่คอนโด Low Rise การเดินขึ้นลงบันไดจึงพอทำได้ไม่ยากนักถ้าหากอยากจะเดินออกกำลังกายขึ้นมา ส่วนเรื่องจำนวนที่จอดรถทั้งโครงการก็ที่มีเพียง 38% เท่านั้น ถ้ารวมที่จอดซ้อนคันด้วยก็เพิ่มขึ้นมาอีกแค่นิดหน่อยเองครับ จึงนับว่ามีจำนวนน้อยเหมือนกันสำหรับคอนโดในทำเลที่น่าจะต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางอยู่พอสมควร แต่ถ้าไม่ติดขัดกับการฝ่าการจราจรเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าซักเท่าไหร่ และคิดว่าไม่มีแผนจะซื้อรถยนต์ส่วนตัว เรื่องที่จอดรถคงไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ครับ Masterplan แปลนอาคาร A แปลนอาคาร B แปลนอาคาร C แปลนห้องขนาด 28 ตร.ม. แปลนห้องขนาด 33 ตร.ม. แปลนห้องขนาด 42 ตร.ม. แปลนห้องขนาด 50 ตร.ม. พาชมห้องตัวอย่าง The Privacy รัชดา-สุทธิสาร มีแบบห้องให้เลือกทั้งแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 28 ตร.ม. – 42 ตร.ม. ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอน จะมีพื้นที่ 50 ตร.ม. สำหรับห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเตรียมไว้มีแบบ 1 ห้องนอน ทั้งขนาด 28 ตร.ม. และ 33 ตร.ม. ซึ่งทั้ง 2 ห้องมีการจัดวาง Lay out คล้ายคลึงกันมาก พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอพื้นที่ครัวซึ่งมีประตูกระจกบานเลื่อนแยกไว้เป็นสัดส่วน ถัดเข้าไปด้านในเป็นมุมรับประทานอาหารและพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งทั้งหมดนี้กินพื้นที่ยาวจนถึงระเบียงเลยทีเดียว ส่วนห้องนอนนั้นแยกออกไปอีกด้าน ซึ่งมีการจัดแบ่งไว้เป็นสัดส่วน ภายในห้องนอนมีพื้นที่สำหรับ walk in closet ด้วย ซึ่งห้องทั้ง 2 ขนาดจะต่างกันก็ตรงพื้นที่ในส่วนนี้ด้วย แน่นอนว่าห้องขนาด 33 ตร.ม. ต้องมีพื้นที่ในส่วนของห้องแต่งตัวมากกว่า แถมยังติดประตูกระจกบานเลื่อนกันพื้นที่ห้องแต่งตัวไว้อย่างชัดเจน ต่างจากห้องขนาด 28 ตร.ม. ที่มีพื้นที่เหลือพอให้วางตู้เสื้อผ้าแบบธรรมดาไว้หน้าห้องน้ำเท่านั้น ภายในห้องนอนเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้าไปแล้ว ก็ยังมีพื้นที่ปลายเตียงเหลืออยู่แค่เล็กน้อยเท่านั้น อย่างมากก็ทำได้แค่แขวนทีวีติดผนังที่ปลายเตียง ข้างเตียงวางโต๊ะเล็กๆ ไว้ที่หัวเตียงได้อีกนิดหน่อย พื้นที่ใช้สอยในห้องจึงค่อนข้างมีอยู่อย่างจำกัดเหมือนกัน การบริหารพื้นที่เก็บของเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรงัดเทคนิคต่างๆ มาใช้ เพื่อไม่ให้ห้องรกจนเกินไป เรื่องเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง ทางโครงการมี Built-in มาให้ด้วย ทั้งห้องครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างจาน ตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า และชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ รวมถึงระบบ Digital Door Lock ที่ติดตั้งมาให้ทุกห้อง ช่วยเพิ่มความรู้สึกทันสมัยและหรูหราได้อีกไม่น้อยเลยครับ เข้าห้องไปจะเจอส่วนครัวอยู่ทางซ้าย โครงการจะ Build ครัวมาให้ตามนี้เลยครับ เดินเข้ามาอีก ก็จะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ก่อนจะไปส่วนห้องนั่งเล่น จะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานข้าวได้ ส่วนทางขวาจะเป็นทางเข้าห้องนอน ห้องจะแคบสักหน่อย ทางเดินจะค่อนข้างน้อย เครื่องปรับอากาศจะติดตั้งไว้ตรงปลายเตียง ห้องน้ำจะอยู่ในส่วนของห้องนอน เข้าไปจะเห็นส่วนครัวจะอยู่ทางขวา และโต๊ะทานข้าวจะเลยเข้าไป Build in ครัวที่ทางโครงการมีให้ ส่วนทางซ้ายจะเป็นส่วนของห้องน้ำ กับที่วางรองเท้า เข้ามาก็จะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ไปต่อกันที่ห้องนอนกันเลยครับ ส่วนของห้องนอน พื้นที่สำหรับว่าตู้เสื้อผ้า ส่วนของตู้เสื้อผ้าสามารถเดินไปห้องน้ำได้ ห้องน้ำในห้องนอน ความคุ้มค่าน่าลงทุน   โครงการ The Privacy รัชดา-สุทธิสาร มีการเปิดให้จองแบบ Pre-Sale ไปบ้างแล้ว ทำให้จำนวนห้องที่เหลืออยู่ไม่มากนัก หลักๆ ก็จะเป็นห้องในอาคาร C ซึ่งเป็นอาคารตรงกลางที่เปิดขายทีหลังสุด ตัวโครงการเริ่มมีการก่อสร้างไปแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2557 นี้ ถ้ามองในแง่ของการลงทุนเพื่อปล่อยห้องให้เช่า ทำเลที่ไกลจากปากซอยมาเกือบ 2 กิโลเมตรแบบนี้ ถือว่าเสียเปรียบโครงการอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ปากซอยมากกว่า อีกทั้งในบริเวณใกล้ๆ ถึงจะมีบริษัท ห้างร้านอยู่พอสมควร แต่ก็คงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะเช่าห้องพักในราคาหมื่นต้นๆ โชคดีหน่อยที่ทางโครงการมีบริการรถรับส่งไปยังสถานีรถไฟฟ้า เรื่องการเดินทางโดยรถสาธารณะจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว ที่เหลือก็แค่จัดสรรเวลาในการเดินทางไปยังที่ทำงานให้เหมาะสมเท่านั้น   ส่วนใครที่กำลังมองหาคอนโดไว้อยู่อาศัยเอง The Privacy รัชดา-สุทธิสารน่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่ไม่เลว สำหรับคนที่อยากได้ที่บรรยากาศสงบๆ เพื่อการพักผ่อน ยิ่งในบริเวณโครงการมีต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในที่เดิมอยู่แล้ว ก็ยิ่งช่วยเพิ่มความร่มรื่นได้อีกมาก จะติดก็แต่เรื่องการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น รวมถึงปัญหาที่จอดรถที่มีค่อนข้างจำกัด ถ้าอยู่อาศัยกันในระยะยาว มีแผนการว่าจะซื้อรถอีกซักคัน เรื่องที่จอดรถก็ต้องไม่ลืมคิดคำนวนเผื่อไว้ด้วยนะครับ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็จัดว่าทางโครงการเตรียมมาให้ครบถ้วนดี ถ้าจะเล็งไว้ขายต่อในอนาคตก็น่าพิจารณาเช่นกัน เพราะถ้าชอบทำเลในย่านสุทธิสาร โครงการนี้ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ไม่เลว ถือแล้วจะอยู่ลึกเข้ามาในซอย แต่ราคาห้องเริ่มต้นก็จับต้องได้ไม่ยากนักถ้าเทียบกับคอนโดอื่นๆ บนถนนรัชดาภิเษก และระแวกใกล้เคียง
FUSE Mobius รามคำแหง – คลองตัน : รีวิวคอนโด

FUSE Mobius รามคำแหง – คลองตัน : รีวิวคอนโด

คราวนี้จะพาไปดูคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ตามแนวรถไฟฟ้า Airport Rail Link กันบ้าง กับโครงการ Fuse Mobius รามคำแหง ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรามคำแหง 450 เมตร   การเดินทาง   Fuse Mobius รามคำแหง ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 3/1 ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับแยกคลองตัน การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link ถือว่าสะดวกดีทีเดียว เพราะสามารถใช้เดินทางไปทำงานในเมือง ไปต่อรถไฟฟ้า BTS ที่พญาไท หรือแม้กระทั่งเดินทางไปยังสุวรรณภูมิก็สะดวกเช่นกัน ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของโครงการที่ห่างจากสถานีรามคำแหง 450 เมตรจึงไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคในการเดินเท่าไหร่ครับ อยู่ในระยะที่เดินได้จริงและยังไม่เหนื่อยจนเกินไป แต่ถ้าวันไหนเจอฝนตกหนักๆ ก็อาจจะเดินกันยากลำบากซักหน่อย นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link ที่เป็นเส้นทางต่อเข้าเมืองที่น่าจะสะดวกที่สุดแล้ว การเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะอื่นๆ ก็ยังมีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ หรือแม้กระทั่งการเดินทางด้วยเรือในคลองแสนแสบก็เป็นอีกทางเลือกที่ทำได้ด้วยเหมือนกัน   แผนที่ของโครงการ ที่ลากเส้นจาก Airport Link ไปยังโครงการ เส้นทางการเดินทางจากรถไฟฟ้า Airport link สถานีรามคำแหง ไปตัวโครงการ เริ่มจาก Airport link สถานีรามคำแหง เดินจากสถานีรามคำแหง ไปถึงโครงการประมาณ 450 เมตรครับ ผ่า่นการไฟฟ้านครหลวง เดินมาเรื่อยๆ จนถึงซอยรามคำแหง 3 เมื่อเข้าซอยรามคำแหง 3 มาแล้วให้ผ่านหน้า Show room Ford เพื่อเข้าซอยรามคำแหง 3/1 เมื่อเข้าซอยมาแล้ว เข้าไปอีกนิด ก็จะเจอโครงการ Fuse Mobius อยู่สุดซอย ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ถือว่าไม่ได้แย่เท่าไหร่ จะติดปัญหาก็แค่เรื่องรถติดเท่านั้นที่ต้องทำใจกันเยอะๆ หน่อย แต่ก็โชคดีที่มีเส้นทางเลี่ยงไปได้หลายทาง ทั้งทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัชอยู่ใกล้ๆ หรือจะเลือกเส้นทางเข้าเมืองด้วยถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 ไปออกพญาไท ทองหล่อได้ หรือถ้าจะออกนอกเมืองก็ออกถนนศรีนครินทร์ มอเตอร์เวย์ หรือใช้เส้นทางเลียบทางด่วนรามอินทราก็ได้เช่นกัน ในชั่วโมงเร่งด่วนก็ต้องเลือกเส้นทางกันให้ดีๆ นะครับ เพราะรอบๆ นี้รถติดเอาเรื่องเลยทีเดียว อย่างครั้งนี้เรามาจากถนนพัฒนาการมาถึงแยกคลองตันแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนรามคำแหง โชคดีที่รถไม่ติดจึงใช้เวลาเดินทางไม่นาน พอผ่านสถานีรถไฟฟ้ารามคำแหงมาแล้ว ให้สังเกตุโชว์รูมฟอร์ดทางซ้ายมือให้ดีๆ เพราะโชว์รูมอยู่ที่ปากซอยรามคำแหง 3/1 พอดี  เลี้ยวเข้าซอยมาอีกประมาณ 150 เมตรก็จะถึงหน้าทางเข้าโครงการพอดี เริ่มต้นเดินทางจากถนนพัฒนาการครับ เลี้ยวขวาลอดใต้สะพานข้ามแยกคลองตันเลยครับ ให้วิ่งไปตามทางเรื่อยๆเลยครับ เมื่อวิ่งมาเรื่อยๆ จะเห็นรถไฟฟ้า Airport link อยู่ด้านหน้า สถานีรถไฟฟ้า Airport Link รามคำแหงอยู่ทางด้านซ้ายครับ เมื่อผ่าน Airport Link ก็จะเข้าสู่ถนนรามคำแหง จะผ่านการไฟฟ้านครหลวงที่อยู่ทางด้านซ้าย เมื่อวิ่งมาเรื่อยๆจนถึงซอยรามคำแหง 3 ให้เลี้ยวเข้าไปเลย เมื่อเข้าซอยรามคำแหง 3 มาแล้วให้ผ่านหน้า Show room Ford เพื่อเข้าซอยรามคำแหง 3/1 เข้าซอยรามคำแหง 3/1 มาแล้ว ก็จะเห็นตัวโครงการ Fuse Mobius อยู่สุดซอยเลยครับ เมื่อเข้าซอยมาแล้ว เข้าไปอีกนิด ก็จะเจอโครงการ Fuse Mobius อยู่สุดซอย วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ โครงการ Fuse Mobius รามคำแหง เป็นคอนโด High Rise ประกอบด้วยกัน 3 ตึก บนเนื้อที่ 9 ไร่เศษๆ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้แยกคลองตัน และไม่ห่างจากชุมชน แถมยังมีบริษัท ห้างร้านอีกมากมาย บริเวณรอบๆ จึงคับคั่งเอาการ ไหนจะโครงการ Airport Link Square ที่ใกล้จะสร้างเสร็จในเร็วๆ นี้ ห่างออกไปทางแยกคลองตันยังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ โชว์รูมรถ Volvo รวมถึงสำนักงานการไฟฟ้านครหลวง ช่วงกลางวันจึงมีร้านค้า ร้านอาหารริมฟุตบาทให้เลือกกันพอสมควร แต่แค่เฉพาะในช่วงกลางวันเท่านั้นนะครับ ช่วงเย็นๆ หรือค่ำๆ อาจจะเงียบกว่ามาก ในระยะทางที่สามารถเดินถึง พื้นที่รอบๆ ไม่มีอาคารสูงอยู่ในระยะประชิดที่จะมาบังมุมบังวิวเท่าไหร่ ถ้าเลือกห้องในชั้นสูงๆ ได้ก็จะได้วิวมุมกว้างสบายตา ต้องบอกว่ายิ่งสูงวิวยิ่งดีครับ พื้นที่ทั้งหมดถูกจัดสรรไว้สำหรับอาคารพักอาศัย 3 ตึก แบ่งเป็นตึก A รูปทรงตัว L สูง 30 ชั้น ตึก B อยู่ถัดเข้ามาสูง 32 ชั้น และตึก C น้องเล็กสุดสูง 12 ชั้น ส่วนอีกหนึ่งอาคารขนาดใหญ่ทางด้านหน้าเป็นอาคารจอดรถ และศูนย์รวม Facility หลักๆ ของทางโครงการ การออกแบบอาคารพักอาศัยชูความโดดเด่นที่หน้าต่างห้องแบบ Fly Window ที่ยื่นออกมาเพื่อเปิดรับวิวได้กว้างขึ้น และทำให้หน้าตาตึกไม่ดูน่าเบื่อจนเกินไป  พื้นที่อยู่อาศัยของแต่ละอาคารเริ่มต้นที่ชั้น 2 ขึ้นไป ส่วนบริเวณชั้นล่างของอาคาร A และ B จะเป็นพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด และสำนักงานนิติบุคคล ซึ่งขณะนี้ยังเปิดให้บริการไม่ครบ ถ้าหากมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอยู่ใต้อาคารก็คงจะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้อาศัยมากขึ้นครับ สำหรับอาคาร A ซึ่งดูจะมีความหนาแน่นมากที่สุด ด้วยจำนวนห้องที่มากถึง 652 ยูนิต กับจำนวนลิฟท์โดยสาร 3 ตัว การใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะต้องรอลิฟท์กันนานหน่อย ส่วนอาคาร B ซึ่งมีจำนวนห้อง 606 ยูนิต ซึ่งน้อยกว่าอาคาร A เล็กน้อย ในขณะที่ความหนาแน่นของจำนวนลิฟท์โดยสารต่อห้องแทบไม่ต่างกันเลย จะมีก็แต่อาคาร C ที่ดีกว่าหน่อยเพราะจำนวนยูนิตรวมน้อยกว่า แถมมีลิฟท์โดยสารให้ 2 ตัว ทำให้อัตราการใช้งานอยู่ที่ 66 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว จึงสบายๆ ไม่ต้องรอกันนานเท่าไหร่ เรื่อง Facility ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทางโครงการให้ความสำคัญ เพราะมีการจัดสรรพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วนแยกจากอาคารพักอาศัย โดยใช้พื้นที่บริเวณชั้น 4 ให้เป็นศูนย์รวมกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ทั้งสระว่ายน้ำเกลือขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบเต็มความยาวของอาคาร รวมถึงห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องอเนกประสงค์ที่มีอุปกรณ์สันทนาการมากมาย นอกจากนี้ยังมีลู่วิ่งทำเป็นทางลาดวนรอบอาคารไว้เอาใจคนชอบออกกำลังกาย ส่วนพื้นที่สีเขียวในโครงการก็ไม่ได้มีน้อยเลย เพราะมีสวนหย่อมอยู่ทั้งด้านบนอาคาร และรอบๆ บริเวณพื้นที่ด้านล่างที่เป็นทางเดินเชื่อมต่อระหว่างตึก ทำให้มีมุมให้พักผ่อนหย่อนใจอยู่หลายมุม ส่วนเรื่องที่จอดรถนั้น มีปริมาณรวมอยู่ที่ 60% ของจำนวนห้องทั้งหมด 1,390 ยูนิต คิดเป็น 834 คัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มากสมควร แต่ก็ต้องลุ้นให้ลูกบ้านส่วนหนึ่งไม่มีรถส่วนตัวสำหรับใช้ในการเดินทาง เพราะถ้าทุกห้องมีรถกันครบ ก็ย่อมเกิดปัญหาที่จอดรถตามมาแน่นอน ถึงแม้ว่าการจัดสร้างอาคารจอดรถแยกออกจากที่อยู่อาศัยจะทำให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้นก็ตาม แต่การใช้งานจริงๆ ลูกบ้านอาจจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร เพราะไหนจะต้องรอลิฟท์ลงจากห้องพัก แล้วเดินไปต่อลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นจอดรถอีก ซึ่งอาคารจอดรถก็มีลิฟท์โดยสารให้แค่ 1 ตัวเท่านั้น จึงทำให้เสียเวลาพอสมควร ยังไม่นับเวลาที่ต้องหิ้วของปริมาณมากๆ จากรถกลับห้องอีก คงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้นก็คงเป็นช่วงเวลาฝนตกเพราะทางเดินระหว่างอาคารจอดรถไปยังตึกต่างๆ ไม่มีหลังคาให้หลบฝนเลย จุดนี้จึงอาจจะเสียเปรียบโครงการที่มีที่จอดรถอยู่ใต้ตึกไปซักหน่อยครับ บริเวณในซอยด้านหน้าโครงการครับ เมื่อเข้ามาในบริเวณโครงการ ก็จะมองไปเห็นตัวตึกสูงๆ ตั้งอยู่ เข้ามาในตัวโครงการจะเห็น ตึก A อยู่ด้านหน้า และจะเห็นพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทางซ้าย ใต้อาคาร A และอาคาร B จะมีห้องสำหรับร้านค้า ส่วนของร้านค้า สำนักงานขาย และส่วนนิติบุคคล จะอยู่ด้านล่างของอาคาร A และอาคาร B ครับ มองไปจะเห็นอาคาร A และ อาคาร B อยู่ทางขวา และส่วนกลางอยู่ทางซ้าย อาคารส่วนกลางจะเป็นอาคารจอดรถ และเป็น Club House อยู่ด้านบน ลานจอดรถด้านหลังอาคาร C พาชมห้องตัวอย่าง เนื่องจากโครงการ Fuse Mobius รามคำแหงเป็นโครงการที่สร้างเสร็จ และมีลูกบ้านย้ายเข้าอยู่อาศัยกันแล้ว ดังนั้นห้องที่เหลือจึงอาจจะมีให้เลือกไม่มากนัก ซึ่งทางโครงการยังคงมีห้องตัวอย่าง และห้องว่างให้เลือกอยู่พอสมควร ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในครั้งนี้ก็คือห้องแบบ 1 ห้องนอน  ซึ่งเป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการ ด้วยขนาดห้องที่มีให้เลือกตั้งแต่ 29-38 ตร.ม. การจัดวาง Lay out ห้องของทั้ง 2 ขนาดต่างกันเล็กน้อยครับ ระหว่างนี้ทางโครงการเหลือห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเสร็จให้ชมที่ขนาด 29 ตร.ม. พอเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นก่อน มองเลยเข้าไปจะเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้พื้นที่ห้องนอนดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น ด้านหนึ่งของห้องนั่งเล่นคือห้องครัว ซึ่งถูกวางไว้ในแนวเดียวกันกับห้องน้ำและระเบียง ครัวเป็นครัวแบบเปิดนะครับ ชุดเครื่องครัวและเคาน์เตอร์ครัวที่แถมมา ทางโครงการมีการคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้สอยพ่วงมาด้วย เพราะมีโต๊ะกินข้าวขนาดเล็ก แบบพับเก็บได้มาเป็นฟังก์ชั่นเสริม ทำให้ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้องได้มากขึ้น ถืงแม้พื้นที่ครัวจะกว้างขวางเหมาะกับการทำครัวแต่กลับไม่มีการติดตั้งเครื่องดูดควันมาให้ แถมตำแหน่งครัวยังอยู่ด้านในทำให้การระบายอาการทำได้ไม่ดี จึงกลายเป็นว่าไม่ค่อยเหมาะกับการทำครัวไปโดยปริยาย ถัดจากห้องครัวเข้ามาจะเป็นห้องน้ำขนาดกระทัดรัด ซึ่งทางโครงการออกแบบไว้แปลก ตรงที่ด้านในสุดซึ่งเป็นบริเวณห้องอาบน้ำ กลับมีประตูบานเลื่อนเป็นกระจกขุ่น สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงเล็กๆ ของห้องได้ ทั้งๆ ที่พื้นที่ระเบียงนั้นก็เล็กแสนเล็ก ชนิดที่วางเครื่องซักผ้าและแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์แล้วก็แทบจะไม่เหลือที่ไว้ทำประโยชน์อะไรได้ด้วยซ้ำ ลองนึกภาพว่าจะต้องเดินไปซักผ้า หรือตากผ้าที่ระเบียงก็ต้องเดินผ่านห้องน้ำทุกครั้งก็แปลกดีเหมือนกันนะครับ ส่วนพื้นที่ของห้องนอนนั้น ไม่เล็กไม่ใหญ่ เรียกว่าขนาดกำลังฟิตพอดี วางเตียงแล้วพื้นที่ปลายเตียงยังมีที่ว่างพอให้วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกด้วย และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ Fly Window ที่อยู่ในห้องนอน ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้กรุกระจกบานใหญ่ แถมยังเป็นส่วนที่ยื่นออกไปนอกอาคาร ทำให้รับวิวได้กว้างขึ้น ในห้องตัวอย่างจึงตกแต่งทำเป็น Day Bed ติดริมกระจกให้นั่งเล่นชมวิวได้ชิลๆ กันไป ข้าวของที่เห็นในห้องตัวอย่างนั้นต้องบอกก่อนว่าไม่ได้มีแถมมาให้ทั้งหมดนะครับ สิ่งที่ได้นอกเหนือจากชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานแล้ว ก็จะมีตู้เสื้อผ้า ที่นั่งบริเวณ Fly Window พร้อมช่องเก็บของ และติดตั้ง Wallpaper มาให้เรียบร้อย นอกเหนือจากนี้ก็ต้องจัดหากันเอง หรือถ้าเกิดถูกในเฟอร์นิเจอร์ตามแบบในห้องตกแต่ง ทางโครงการก็สามารถจัดตกแต่งให้ได้ เพียงแค่เราต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนมีการโอนห้อง และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเท่านั้นครับ เข้าในส่วนของห้องนั่งเล่นจะจัดวางประมาณนี้ครับ ด้านหลังส่วนนั่งเล่น จะเป็นห้องนอน โดยมีฉากกระจกกั้นครับ ห้องนอนมีตู้ built มาให้ครับ ตำแหน่งห้องนอน มุมจากห้องน้ำมองออกมาที่ประตูห้อง จะเห็นครัวอยู่ด้านขวาครับ ส่วนของครัวทางโครงการ built มาให้ครับ โต๊ะทานข้าวสามารถพับเก็บเข้าไปด้านในได้ ส่วนของห้องน้ำ อ่างล้างหน้าใช้ของ American Standard โถสุขภัณฑ์ American Standard อีกมุมหนึ่งจากส่วนเปียกมองออกมาด้านนอก ประตูกั้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ส่วนพื้นห้องนั่งเล่นจะใช้เป็นกระเบื้องแกรนิโต้ ส่วนห้องนอนจะใช้เป็นพื้นลามิเนตครับ Audio Door Phone เอาไว้คุยกับคนที่มาหาเราที่รออยู่ที่ Lobby แอร์โครงการให้มาตัวเดียวติดในห้องนอน ใช้แอร์ Panasonic ความคุ้มค่าการลงทุน เนื่องจากโครงการนี้สร้างเสร็จและมีลูกบ้านย้ายเข้ามาอยู่กันแล้ว จึงอาจจะไม่มีห้องให้เราได้เลือกมากนัก นอกจากห้องที่เหลือๆ อยู่แล้ว อาจจะลองมองหาห้องที่หลุดจอง หรือเจ้าของห้องปล่อยขาย ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จากที่ลองสอบถามพนักงานขายคร่าวๆ ก็พอจะเห็นว่ามีชาวต่างชาติมาพักอาศัยกันพอประมาณ รวมทั้งยังมีลูกบ้านที่เป็นนักศึกษามาเช่าห้องอยู่อีกจำนวนหนึ่ง การลงทุนเพื่อการปล่อยห้องเช่าจึงไม่น่าจะมีอุปสรรคในการหาคนเช่ามากนัก แถมบริเวณใกล้ๆ ก็มีอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ที่พอจะมีกำลังเช่าห้องได้ไม่ยาก รวมถึงเรืองทำเลที่ตั้งของโครงการที่จัดว่าอยู่ในทำเลที่มีการเดินทางให้เลือกหลากหลายอยู่พอสมควร ทั้งรถไฟฟ้า Airport Rail Link และรถบริการสาธารณะอื่นๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คอนโด Fuse Mobius รามคำแหงจะมีความน่าสนใจในหมู่นักลงทุน ยิ่งถ้าโครงการ Airport Link Square ที่เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าติดสถานีรามคำแหงเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ด้วยแล้วล่ะก็ บริเวณรอบๆ ก็จะคึกคัก และอุดมสมบูรณ์ขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้เรื่องสาธารณูปโภคที่ทางโครงการมีให้มาก็ถือว่าได้มาเต็มที่เหมือนกัน ทั้ง Club House ที่รวมกันอยู่ที่บริเวณชั้น 4 ของอาคารจอดรถ รวมถึงพื้นที่สีเขียวที่มีรอบโครงการ จึงทำให้บรรยากาศภายในร่มรื่นมากขึ้น  ภาพรวมของโครงการจึงดูน่าอยู่อาศัยดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียให้ต้องคำนึงถึงนะครับ เพราะจำนวนยูนิตรวมของโครงการที่ค่อนข้างหนาแน่น จึงต้องพิจารณาถึงปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตด้วย รวมถึงรื่องการตกแต่งห้อง หรือติดตั้งเครื่องปรับอากาศ และเครื่องดูดควันเพิ่มเติม ก็ต้องพิจารณากันแต่เนิ่นๆ เพราะทางโครงการแถมเครื่องปรับอากาศมาให้เครื่องเดียวเท่านั้น ถ้าไม่พิจารณาติดตั้งก่อนตกแต่งห้อง หรือก่อนเข้าอยู่  แล้วมาทำเพิ่มทีหลังก็จะยุ่งยากมากขึ้นได้ครับ สำหรับทำเลแถบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีตัวเลือกอื่น หรือตัวเปรียบเทียบนะครับ ซึ่งแต่ละโครงการด็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป จึงอยากจะแนะนำให้ลองดูเปรียบเทียบกันให้รอบคอบ เพื่อที่คุณจะได้ห้องที่ตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุดยังไงล่ะครับ
The Diplomat Sathorn : รีวิวคอนโด

The Diplomat Sathorn : รีวิวคอนโด

โครงการ: The Diplomat Sathorn (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้นประมาณ 7,900,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 200,000 บาท เจ้าของโครงการ KPN Group Co., Ltd. จุดเด่น คอนโดหรู ติดรถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์ ใกล้แหล่งธุรกิจหลักกลางใจเมือง จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2559 ที่ตั้ง: The Diplomat Sathorn (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 1 - 2 - 12 ไร่ ที่ตั้ง ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.720135,100.52207 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS สุรศักดิ์ สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม และ โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ อาคารหอการค้าไทย-จีน (Thai CC) และ ร้านอาหารบลูเอเลเฟ่นท์ อาคาร Chartered Square อาคาร บสก. (บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด) อาคาร Jewelry Trade Center Silo Health Land สาขาสาทร (สาทร 12) สถานีตำรวจยานนาวา โรงแรมอิสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ (สีลม) วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) – ถนนปั้น ลักษณะโครงการ: The Diplomat Sathorn (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms 3 Bedrooms Penthouse ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 40 – 52 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 59 – 76.5 ตารางเมตร 3 Bedrooms ขนาด 85.5 – 99.5 ตารางเมตร Penthouse ขนาด 133 – 205 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 38 ชั้น จำนวนห้อง 192 ยูนิต ส่วนกลาง: The Diplomat Sathorn (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 192 คัน หรือ 100% – ไม่รวมจอดซ้อนคัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 80 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 800 บาท สาธารณูปโภค ห้องสันทนาการ ชั้น 8 (The Diplomat Club) สระว่ายน้ำสำหรับเด็กพร้อม Rain-Cloud และห้องพักผ่อนสำหรับผู้ปกครอง ชั้น 8 สวนพักผ่อนชั้น 8 และ ชั้น 35 Lap pool ชั้น 35 ห้องออกกำลังกาย ชั้น 36 สวนหย่อมรอบโครงการ ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ 1:64 Service Lift 1 ตัว ที่จอดรถ 192 คัน คิดเป็น 100% ระบบ CCTV / Access Card   เพิ่มเติม: The Diplomat Sathorn (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-637-8788 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.thediplomatcondo.com/sathorn/index.php/home ข้อมูล ณ วันที่ 13 ธันวาคม 2556