ในบรรดาทำเลยอดนิยม ที่ดีเวลลอปเปอร์ใช้เป็นพื้นที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ต้องยกให้กับทำเลตามแนวรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นสายที่เปิดให้บริการในปัจจุบันแล้ว หรือที่กำลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จในอนาคต เพราะคนจะเลือกอยู่อาศัยกับทำเลที่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนสะดวก และรถไฟฟ้าก็คือตัวเลือกหลัก เพราะสะดวกรวดเร็วไม่ต้องเผชิญปัญหารถติด
ทำเลตามแนวรถไฟฟ้าซึ่งถือว่ามีการพัฒนาโครงการคอนโดฯ หนาแน่น นอกจากทำเลใจกลางเมืองแล้ว รถไฟฟ้าสายสีเขียวในส่วนของถนนสุขุมวิทยาวตลอดสาย เป็นทำเลที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ หนาแน่นอันดับต้นๆ
แต่ดูเหมือนว่าในปีนี้ การพัฒนาคอนโดฯ จะชะลอตัวลง จากมาตรการ LTV ที่ออกมาควบคุมความร้อนแรงของตลาดนักเก็งกำไร แม้ทำเลยอดนิยมตามแนวรถไฟฟ้า การพัฒนาก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ผลวิจัยล่าสุด ของบริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ระบุว่า ตลาดคอนโดฯในบริเวณถนนสุขุมวิทตอนปลาย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงทั้งดีมานด์และซัพพลาย โดยผู้ประกอบการต่างชะลอการเปิดตัวโครงการในปี 2562 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด
นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ซัพพลายของตลาดคอนโดฯ บริเวณพระโขนง-อ่อนนุช-ปุณณวิถี-อุดมสุข ในช่วง 11 เดือนของปี 2562 มีจำนวน 47,927 ยูนิต และมีจำนวนคอนโดฯ เปิดขายใหม่เพียง 1,788 ยูนิต ส่วนซัพพลายตลาดคอนโดฯ บริเวณลาซาล-แบริ่ง-สำโรง มีจำนวน 19,312 ยูนิต มีจำนวนคอนโดฯ เปิดขายใหม่เพียง 639 ยูนิต
การลดลงของจำนวนคอนโดฯ ใหม่ส่งผลให้อัตราการขาย บริเวณสุขุมวิทตอนปลายมีอัตราการขายที่ปรับตัวสูงขึ้น กล่าวคือ จำนวนขายของคอนโดฯ ในบริเวณพระโขนง-อ่อนนุช-ปุณณวิถี มีจำนวนคอนโดฯ ขายไปได้ทั้งสิ้น 43,214 ยูนิต จากจำนวนทั้งสิ้น 47,927 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขายที่ 90.2% อัตราการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ในอัตรา 87%
ส่วนจำนวนขายของคอนโดฯ ในบริเวณลาซาล-แบริ่ง-สำโรง มีจำนวนหน่วยขายไปได้ทั้งสิ้น 15,179 ยูนิต จากจำนวนทั้งสิ้น 19,312 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขาย 78.6% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีอัตราการขายอยู่เพียง 72.4%
โดยกลุ่มผู้ซื้อคอนโดฯ บริเวณสุขุมวิทตอนปลายมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยจุดประสงค์ในการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า โดยผู้ซื้อบางส่วนยังซื้อคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้เพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สิน เนื่องจากระดับราคาขายคอนโดฯ ในบริเวณนี้ยังมีราคาที่จับต้องได้และมีแนวโน้มในการปรับราคาขึ้นในอนาคต
ศักยภาพของบริเวณสุขุมวิทตอนปลาย ยังได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาโครงการรูปแบบต่างๆ ที่ทำให้สุขุมวิทกลายเป็นทำเลมีศักยภาพ อย่างล่าสุด มีการเปิดตัวโปรเจ๊กยักษ์ระดับหมื่นล้าน ได้แก่ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค” และยังมีอีกโครงการที่เตรียมพัฒนาออกมา ได้แก่ “แบงค็อค มอลล์” ซึ่งทั้งสองโครงการเป็นโครงการมิกซ์ยูสเมืองอัจฉริยะ
โดยโครงการ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค” ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดินขนาด 40 ไร่ โดยการพัฒนาในเฟสแรกประกอบด้วยตึกสูง 40 ชั้น จำนวน 2 อาคาร โดยโครงการเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ และอาคารสำนักงาน อยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นแหล่งช้อปปิ้ง อีกทั้งในเฟสสองยังมีการพัฒนาโรงแรมในโครงการนี้
ส่วนโครงการ “แบงค็อค มอลล์” เป็นโครงการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีก อันได้แก่ กลุ่มเดอะมอลล์ โดยโครงการนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดินขนาด 100 ไร่ คาดว่าพื้นที่ก่อสร้างในการพัฒนาโครงการนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และโรงแรม หากโครงการขนาดใหญ่ทั้ง 2 โครงการ เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ย่อมสร้างการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ในบริเวณสุขุมวิทตอนปลายอย่างแน่นอน
กราฟที่ 1
อุปทาน อุปสงค์ และ อัตราการขายคอนโดมิเนียมบริเวณพระโขนง-อ่อนนุช-ปุณณวิถี-อุดมสุข 2553 ถึง พฤศจิกายน 2562
กราฟที่ 2
อุปทาน อุปสงค์ และอัตราการขาย คอนโดมิเนียมบริเวณลาซาล-แบริ่ง-สำโรง 2553 ถึง พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
ในส่วนของระดับราคาขายคอนโดฯ ย่านสุขุมวิท ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาขายคอนโดฯ บริเวณพระโขนง-อ่อนนุช-ปุณณวิถี-อุดมสุข มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 166,780 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2555 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 122,493 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณนี้จากปี 2555 ถึง กลางปี 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 6 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 5.9%
ส่วนราคาขายเฉลี่ยคอนโดฯ เกรดบี มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 100,500 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2554 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 83,600 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณนี้จากปี 2554 ถึง พฤศจิกายน 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 7 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 2.7%
ราคาขายเฉลี่ยคอนโดฯ เกรดซี มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 68,125 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2554 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 57,098 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณนี้จากปี 2554 ถึง พฤศจิกายน 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 7 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 2.6%
กราฟที่ 3
ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมบริเวณพระโขนง-อ่อนนุช-ปุณณวิถี-อุดมสุข 2554 ถึง พฤศจิกายน 2562
ราคาขายของคอนโดฯ บริเวณลาซาล-แบริ่ง-สำโรง มีระดับราคาขายเฉลี่ยคอนโดฯ เกรดบี อยู่ที่ 93,459 บาท/ตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2555 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 83,235 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณนี้จากปี 2555 ถึง พฤศจิกายน 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 6 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 2.05%
ส่วนราคาขายเฉลี่ยคอนโดฯ เกรดซี มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 62,113บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2554 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 45,571 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณนี้จากปี 2554 ถึง พฤศจิกายน 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 7 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 5.2%
ราคาขายของคอนโดฯ บริเวณนี้มีแนวโน้มในการปรับตัวขึ้นอีก เนื่องจากหากเทียบกับราคาขายของคอนโดฯ ในบริเวณพระโขนง-อ่อนนุช-ปุณณวิถี-อุดมสุข ระดับราคาขายของคอนโดฯ ในบริเวณนั้นหากเป็นอาคารสูงจะมีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 138,000 บาทต่อตารางเมตร
กราฟที่ 4
ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมบริเวณลาซาล-แบริ่ง-สำโรง พ.ศ. 2554 ถึง พฤศจิกายน พ.ศ. 2562