Life+Style

 

Life+Style ล่าสุด

1 ... 11 12 13 ... 16
ห้องครัวในแบบของคุณ ต้องชุดครัว STARMARK

ห้องครัวในแบบของคุณ ต้องชุดครัว STARMARK

การเลือกห้องครัวให้สามารถใช้งานได้เต็มที่ มักจะเป็นปัญหาใหญ่ของคุณแม่บ้าน ส่วนใหญ่มักมีความละเอียดจุกจิกเต็มไปหมด แต่งานนี้ STARMARK ช่วยคุณได้ เพราะ STARMARK เข้าใจไลฟ์สไตล์ของคุณได้ดีที่สุด ทุกการดีไซน์สามารถตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในคอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม หรือบ้านเดี่ยว มีวัสดุ และแบบให้เลือกมากมายค่ะ   ในงาน HomePro EXPO ครั้งที่ 27 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-25 มี.ค.นี้ ทาง STARMARK ออกบูธใหญ่ ขนชุดครัวมาให้เลือกมากมาย ไม่ว่าพื้นที่บ้านของคุณจะเป็นรูปแบบใด มีโจทย์อยากได้ครัวรูปตัว L เข้ามุม, ครัว Built-in, ครัวเล็กครัวใหญ่ ที่ STARMARK ก็สามารถเนรมิตได้ทุกสไตล์ เพื่อให้คุณได้ครัวสวยๆ ถูกใจ ซึ่งวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับชุดครัวที่เอามาโชว์ในงานกันค่ะ       เริ่มต้นกันที่รุ่น GLAZZO เคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิต ซึ่งทนความร้อน แรงกระแทก และป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ชุดครัวรุ่นนี้ออกแบบมาให้มีราวแขวน และตู้ด้านบนให้คุณแม่บ้านมีพื้นที่เก็บข้าวของ เครื่องครัวได้อย่างเต็มที่ แถมยังสามารถหยิบใข้ได้สะดวก ตัวตู้ชั้นบนมีจุดเด่นที่สามารถเปิดได้กว้างตามความต้องการ นอกจากนี้ในชุด GLAZZO ยังเพิ่มฟังก์ขั่นการใช้งานเข้าไปในทุกๆ จุด ยกตัวอย่างเช่น ตู้สูงเก็บของ เปิดใช้งานได้สะดวก ด้วยบาน roller แถมยังมีลิ้นชักที่ดึงออกมาก็จะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น เพราะลิ้นชักนี้ซ่อนโต๊ะเล็กๆ เอาไว้ น่าจะถูกใจคุณแม่บ้านแน่นอน ชุดครัวของ STARMARK ไม่ได้มีดีแค่เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานนะคะ ทุกการออกแบบยังลงรายละเอียดไปถึงปัญหาต่างๆ ที่เรามักจะเจอบ่อยๆ เช่น ปัญหาน้ำรั่วซึมจากซิงค์ เคาน์เตอร์ของ STARMARK ได้ติดตั้งแผ่นอลูมิเนียมไว้ด้านล่างซิงค์ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึมลงมาด้านล่าง รวมถึงอุปกรณ์ "ตะแกรง" ภายในตู้ที่ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและจัดเก็บอย่างเป็นระบบ   สำหรับการใช้งานแบบ Multi-Function สำหรับบ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด ชุดครัวแบบ 2 in 1 อย่างชุดครัว ATRO น่าจะตอบโจทย์ได้ดเป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบแบบฟรีฟอร์ม และใส่ใจถึงความคุ้มค่าของการใช้งานในพื้นที่ที่จำกัด การออกแบบให้มีตู้เก็บของ ชั้นวางไมโครเวฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก แถมด้วยโต๊ะประทานอาหารที่ออกแบบมาพร้อมกันเลยก็นับว่าเป็นไอเดียที่เก๋ไม่ซ้ำใคร ใครที่อยู่คอนโดเล็กแต่ชอบเข้าครัว และอยากได้ชุดครัวที่สามารถใช้งานได้จริงต้องแวะมาเลือกกันดูค่ะ   ความพิเศษของ STARMARK ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ วัสดุพิเศษที่มีชื่อว่า Quarandum ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ โดยวัสดุตัวนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ เคาน์เตอร์ท้อปที่ถูกออกแบบบัวและ water drop เผื่อไม่ให้น้ำไหลลงสู่หน้าตู้เป็นชิ้นเดียวกันกับเคาน์เตอร์ท้อป อีกทั้งยังมีอ่างซิงค์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการใช้งานอย่างจุใจ แถมยังมีให้เลือกได้มากถึง 10 เฉดสีกันเลยทีเดียว   สำหรับใครที่กำลังมองหาชุดครัวอยู่ อยากให้ลองไปเจอกันได้ที่บูธ STARMARK ในงาน HomePro EXPO ครั้งที่ 27 กันก่อนค่ะ ในงานนี้ทาง STARMARK จัดเต็มทั้งโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม พร้อมพนักงานที่น่ารักจะมาให้คำปรึกษา และช่วยออกแบบชุดครัวที่ตอบโจทย์คุณแม่บ้านในราคาที่โดนใจแน่นอน...... แล้วพบกันได้ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 5-8 ตั้งวันนี้-25 มีนาคม 2561   พิเศษ!! สั่งซื้อชุดครัวในงาน ลดทันที 30% และลดเพิ่มอีก 5% เมื่อซื้อสินค้าเพิ่ม สำหรับลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ สามารถเลือกผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน **ทุกการใช้จ่ายภายในงาน สามารถร่วมโปรโมชั่นสุดคุ้ม ของ HomePro ได้อีก เช่น ของสมนาคุณ ส่วนลดเพิ่มเติม (ตามเงื่อนไขในงาน)   หากภายในงาน HomePro EXPO ยังไม่จุใจ สามารถเลือกชมชุดเครื่องครัวเพิ่มเติมได้ที่ Show Room STARMARK ทุกสาขา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FB : Facebook.com/StarmarkKitchen IG : Instagram.com/StarmarkKitchen LINE : LINE.me/ti/p/~@StarmarkKitchen www.starmark.co.th  
วิธีตรวจสอบที่ดิน และหาราคาประเมิน แบบง่ายๆ แค่คลิ๊กเดียว

วิธีตรวจสอบที่ดิน และหาราคาประเมิน แบบง่ายๆ แค่คลิ๊กเดียว

ยุคนี้จะทำอะไรก็ง่ายแค่คลิ๊กเดียว วิธีตรวจสอบที่ดิน และการหาราคาประเมินก็เช่นเดียวกันค่ะ แค่เปิดเว็บไซต์ค้นหาที่ดินที่เราสนใจจะซื้อ หรือจะเป็นที่ดินของเราอยู่แล้วมาตรวจสอบดูว่าที่ดินตรงนั้นมีขนาดเท่าไร เป็นที่ดินประเภทไหนสามารถนำไปพัฒนาในรูปแบบไหนได้บ้างตามกฎหมายกำหนด และสามารถดูราคาประเมินที่ดินได้ด้วย ที่สำคัญคือสามารถดูได้ทั่วประเทศค่ะ ซึ่งตรงนี้มีประโยชน์มากสำหรับก่อนจะตัดสินใจซื้อที่ดิน หรือจะทำอะไรกับที่ดินก็ตามแต่ ที่สำคัญไม่ต้องเดินทางไปถึงกรมที่ดินเสียเวลาไปเป็นวันแบบสมัยก่อนค่ะ วิธีเช็คที่ดินก็ง่ายมาก ลองทำตามดูทีละข้อนะคะ ขั้นตอนการตรวจสอบที่ดิน 1.เปิดเว็บไซต์กรมที่ดินก็ตรวจสอบที่ดินได้ทันที เลือกจังหวัด อำเภอ ด้านบน หากเรามีฉโนดในมืออยู่แล้วก็ระบุเลขโฉนดลงไปแล้วกดค้นหาได้เลยค่ะ แต่ถ้าในกรณีที่เราสนใจที่ดินผืนไหน หรือแม้กระทั่งคอนโดฯ โครงการไหนก็ลองซูมแผนที่ ไล่หาที่ดินแล้วคลิ๊กตรงที่ดินได้เลยค่ะ จะมีข้อมูลขึ้นมาให้ตามภาพเลย    หาราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์ ในกรณีที่บางที่ดินคลิ๊กขึ้นมาแล้วไม่ได้ระบุราคาประเมินก็ต้องเปิด เว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ เราสามารถหาราคาประเมินที่ดินได้จากทั้งเลขที่โฉนด หรือเลขที่ดินก็ได้ค่ะ โดยเอาเลขที่เราได้จากเว็บไซต์กรมที่ดินในข้อที่ 1 มาระบุก็จะได้ราคาประเมินมาค่ะ ซึ่งราคาประเมินที่ได้เป็นเพียงราคาเบื้องต้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาที่ดิน รวมถึงราคาตัวบ้านและคอนโดตามไปด้วยค่ะ    ตรวจสอบที่ดิน สีผังเมือง ที่ดินแต่ละแปลงย่อมมีข้อกำหนดเอาไว้ค่ะ ว่าสามารถใช้ประโยชน์แบบไหนได้บ้างตามผังเมือง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เกิดความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนนั่นเอง 2.ตรวจสอบที่ดิน รายละเอียดการใช้ประโยชน์ ย่อหน้าสุดท้ายของข้อมูลที่ดิน จะระบุเอาไว้ว่าเป็นที่ดินประเภทไหน อย่างในรูปด้านบนนี้เป็นที่ดินประเภท ย.6 ซึ่งที่ดินแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดในการอนุญาตใช้ประโยชน์จากที่ดินได้แตกต่างกัน เช่น ที่ดิน ย.6 อนุญาตให้สร้างที่อยู่อาศัยประเภทอาคารอยู่อาศัยรวม พื้นที่ไม่เกิน 10,000 เมตร ตามเงื่อนไขที่ 3 คือ ตั้งอยู่ริมถนนที่มีเขตทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร หรืออยู่ในระยะ 500 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน, ไม่อนุญาตให้ใช้ที่ดินในเชิงพาณิชยกรรมพื้นที่เกิน 10,000 ตร.ม. เป็นต้น วิธีตรวจสอบที่ดินแบบดูสีผังเมือง ง่ายๆ เลย คือ เมื่อปักแปลงที่ดินที่เราดูไว้แล้วก็แค่คลิ๊กตรงช่อง เปิด/ปิด ผังเมือง ตรงด้านบน แล้วก็จะกลายเป็นสีผังเมืองขึ้นมา สามารถคลิ๊กดูข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินฯ แต่ละสีได้เลย ซึ่งตามภาพตัวอย่างนี้ ที่ดินที่เราดูเอาไว้เป็นสีน้ำตาล เราก็ไปคลิ๊กตารางทางขวามือที่เป็นสีน้ำตาล ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก ก็จะมีรายละเอียดทั้งหมดขึ้นให้อ่านแยกกันไปตามสีผังเมือง หรือสามารถเข้าไปรายละเอียดอ่านข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบตารางให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นได้ที่ เว็บไซต์ของสำนักผังเมือง    3.ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายด้านโยธาธิการและผังเมืองเพิ่มเติม  ถ้าอ่านข้อกำหนดจากข้อ 2 แล้วยังไม่เข้าใจ ก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องกฏหมายด้านโยธาธิการและผังเมืองได้ที่ เว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง สรุปเว็บไซต์ที่สามารถตรวจสอบที่ดิน และราคาประเมิน ได้ฟรี! ระบบค้นหารูปแปลงที่ดิน กรมที่ดิน ค้าหาราคาประเมินจาก กรมธนารักษ์  รายละเอียดข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินจาก สำนักผังเมือง  ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ทำให้เราสามารถทราบข้อมูลเบื้องต้นของที่ดินแต่ละแปลง และยังสามารถรู้ข้อกำหนดที่สามารถสร้างได้กับที่ดินอย่างคร่าวๆ ด้วยค่ะ  
ผังเมืองกรุงเทพหลากสี แบ่งไปทำไมกัน?

ผังเมืองกรุงเทพหลากสี แบ่งไปทำไมกัน?

หลายครั้งหลายหนที่เราพูดถึงเรื่องที่ดิน แต่ทราบหรือเปล่าคะว่าแต่ละพื้นที่นั้นมีการจัดการวางผังเมืองเอาไว้แบ่งเป็นโซนๆ แล้วในแต่ละโซนก็มีการกำหนดสีเอาไว้ด้วยว่าสีไหนสร้างอะไรบนที่ดินนั้นได้ แล้วสร้างได้ขนาดไหน หรือห้ามสร้างอะไรบ้าง ซึ่งในบทความนี้เราจะโฟกัสพื้นที่ของกรุงเทพฯ ค่ะ   ผังเมือง คือ การจัดการพื้นที่ของเมืองให้เป็นสัดส่วน แล้วตั้งข้อกำหนดเพื่อให้การนำที่ดินไปพัฒนานั้นเกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นไปตามแนวทางที่วางเอาไว้ มองภาพรวมแล้วมีความสอดคล้องกันควบคู่ไปกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพทย์สินของประชาชน รวมถึงต้องรักษาสภาพแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปด้วย ซึ่งในประเทศไทยมีกรมโยธาธิการและผังเมืองที่เป็นหน่วยงานดูแลจัดทำผังเมือง ส่วนในกรุงเทพฯ มีสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร คอยจัดการดูแล ซึ่งในบ้านเรามีการแบ่งผังเมืองแยกออกเป็นหลายสี แต่ละสีก็มีความหมายรวมถึงมีข้อกฎหมายในการใช้ประโยชน์จากที่ดินแตกต่างกันออกไป จากภาพเราจะเห็นว่ากรุงเทพฯ ถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายสี แต่ละสีก็จะมีความหมายรวมถึงกฎข้อบังคับการใช้ประโยชน์ที่ดินแตกต่างกันออกไป โดยแบ่งตามสีได้ดังนี้        สีเหลือง(ย.1-ย.4) ที่ดินประเภทอยู่อาศัยหนาแน่นน้อย สีส้ม(ย.5-ย.7) ที่ดินประเภทอยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง สีน้ำตาล(ย.8-ย.10)   ที่ดินประเภทอยู่อาศัยหนาแน่นมาก สีแดง(พ.1-พ.5)    ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม สีม่วง(อ.1-อ.2)    ที่ดินประเภทอุตสาหกรรม สีม่วงเม็ดมะปราง(อ.3) ที่ดินประเภทคลังสินค้า สีขาวมีกรอบและเส้นทแยงสีเขียว(ก.1-ก.3) ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม สีเขียว(ก.4-ก.5) ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม สีน้ำตาลอ่อน(ศ.1-ศ.2) ที่ดินประเภทอนุรักษ์เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมไทย สีน้ำเงิน(ส.) ที่ดินประเภทสถาบันราชการการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ   ปัจจุบันกรุงเทพฯ มีการขยายตัวของเมืองออกไปอย่างรวดเร็วตามรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างอยู่หลายสายรวมถึงถนนที่ขยายเส้นทางเพิ่มขึ้น จากเดิมที่กระจุกตัวอยู่แค่ในโซน CBD เช่น สีลม สาทร อโศก สุขุมวิทช่วงต้น รวมถึง New CBD อย่างพระราม9 และพื้นที่อื่นๆ อีกในอนาคต ซึ่งย่อมต้องมีผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองแม้จะเกิดผลดีต่อการพัฒนาบ้านเมือง แต่ทั้งนี้ย่อมเกิดผลกระทบด้านลบตามมาด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อไหร่ที่มีความเจริญเข้ามาพื้นที่เกษตรกรรมก็มักจะลดลงตามไปด้วย โดยพื้นที่การเกษตรในเขตกรุงเทพฯ เกิดการใช้ประโยชน์ลดลงกว่า 4% หรือประมาณ 2.6 แสนไร่ จากพื้นที่การเกษตรในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 1,500 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 27% แต่ในขณะที่พื้นที่อยู่อาศัยกลับเพิ่มขึ้นประมาณ 7.3% และพื้นที่พาณิชยกรรมเพิ่มขึ้น 25.43%     เมื่อเมืองเกิดการพัฒนาที่ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นเช่นนี้แล้วจึงต้องมีการเตรียมปรับปรุงผังเมืองฉบับใหม่ซึ่งฉบับที่กำลังเร่งพลักดันให้ประกาศใช้ในปีนี้นั้นเป็นฉบับที่ 4 โดยการปรับปรุงผังเมืองแต่ละครั้งจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจาก 14 ด้านมาดำเนินงานร่วมกันกับสำนักผังเมือง เพื่อให้ผังเมืองออกมาสมบูรณ์มากที่สุด ได้แก่ ด้านประชากร, เศรษฐกิจ, อุตสาหกรรม, ผังเมือง, การคมนาคมขนส่ง, สิ่งแวดล้อม, สาธารณูปโภค, สังคม, ยุทธศาสตร์ความมั่นคง, การวางผังชุมชนและภูมิทัศน์เมือง, กฏหมาย, สารสนเทศด้านภูมิศาสตร์, การจัดทำร่างผังเมืองรวม และด้านการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสาระสำคัญของผังเมืองฉบับใหม่นี้คือการกำหนดการขยายตัวเท่าที่จำเป็น กำหนดโซนเพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุดทำให้กระชับเมืองเข้าไปอีก แต่จะไม่เป็นการเสียพื้นที่สีเขียวของกรุงเทพฯ ไป สร้างความสมดุลระหว่างพื้นที่ในเมืองกับชานเมือง ขณะเดียวกันกลุ่มนักลงทุนก็พยายามพลักดันให้เกิดการกระจายของเมืองให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาโครงการได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และยังช่วยเรื่องราคาที่ดินได้ด้วย       สุดท้ายแล้วหน้าตาของผังเมืองใหม่จะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อบังคับใช้แล้วจะสามารถนำมาใช้จริงโดยไม่เกิดผลเสียต่อฝ่ายใดได้หรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไปค่ะ  
NPL คือ? ส่งผลต่อคนจะกู้สินเชื่ออย่างไร

NPL คือ? ส่งผลต่อคนจะกู้สินเชื่ออย่างไร

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อไรที่เราจะยื่นกู้สินเชื่อบ้านเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยไม่ว่าประเภทไหนก็ตามทางธนาคารจะมีวิธีพิจารณาเพื่ออนุมัติคล้ายๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นรายได้หลัก การเดินบัญชี ฯลฯ หรือแม้แต่ปัจจัยภายนอกอย่าง NPL ที่จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจปล่อยกู้ ซึ่งตัวผู้ที่ต้องการยื่นกู้เองควรจะลองศึกษาหาข้อมูลในเบื้องต้นเอาไว้บ้าง เพื่อเพิ่มโอกาสให้เราได้รับการอนุมัติมากยิ่งขึ้น NPL ย่อมาจาก Non-Performing Loan คือ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือที่เรียกกันว่าหนี้เสีย โดยเกิดจากการที่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นคืนให้สถาบันการเงินเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 เดือน สถาบันการเงินนั้นจะมองว่าเป็นหนี้เสียทันที โดยหากตัวบุคคลถูกตีว่าติด NPL จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินอย่างมาก ยิ่งหากจะทำการกู้สินเชื่อไม่ว่าจะประเภทใดก็ตามมักจะถูกปฏิเสธได้ง่าย ซึ่งจากสถิติจากปีที่ผ่านมา NPL ที่พุ่งสูงที่สุด 3 อันดับแรก คือ ธนาคารกรุงเทพ ประมาณ 87,000 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย ประมาณ 69,000 ล้านบาท และธนาคารไทยพาณิชย์ ประมาณ 65,000 บาท แต่ธนาคารที่มีอัตราลดลง คือ ธนาคารทหารไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย และธนาคารเกียรตินาคิน ตามลำดับ   อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าเราจะต้องศึกษาข้อมูลที่เป็นปัจจัยหนึ่งก่อนการยื่นขอสินเชื่อนั่นคือ NPL ที่กล่าวถึงนี้ เพราะหากช่วงไหนที่ภาพรวม NPL ของประเทศสูงจะส่งผลให้ธนาคารมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะเมื่อช่วงปีที่ผ่านมามี NPL พุ่งสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสินเชื่อบุคคลประเภทอื่นๆ สาเหตุหลักมาจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ที่มีรายได้น้อย ส่งผลต่อการถูกปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง ซึ่งปีที่แล้วสูงถึง 40-50% และเมื่อยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ทางผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จึงหันไปพัฒนาโครงการระดับสูงทำเลใจกลางเมืองมากกว่า เพราะนอกจากเรื่องของการจับกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อระดับสูงในประเทศไทยแล้ว ยังหันไปหากลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติโดยเฉพาะในเอเชียด้วยกันที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยกันมากขึ้น แม้ว่าในปี 2561 หลายฝ่ายต่างเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นจากหลายๆ ปัจจัยต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนของยูนิตมากที่สุดในรอบ 4-5 ปี การร่วมทุนระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยและจากต่างประเทศ รวมถึงตัวเลข GDP ที่จะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มของ NPL ค่อยๆ ลดลง แต่การขยายตัวเพิ่มขึ้นของภาคอสังหาริมทรัพย์นี้ยังคงกระจุกตัวอยู่กลางเมืองกรุงเทพฯ ในโครงการที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้มีรายได้สูง  จึงทำให้ธนาคารยังคงต้องพิจารณาการอย่างถี่ถ้วนในการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อพยายามควบคุมไม่ให้มีตัวเลข NPL ที่สูงขึ้นอีก   แม้ว่าหลายธนาคารจะยังคงเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อบุคคลโดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้เลย เพราะหลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าในปีนี้อสังหาริมทรัพย์จะดีขึ้นยิ่งกว่าปีที่แล้ว และหากเราแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ได้ รวมถึงการมีวินัยทางการเงินก็จะทำให้กู้ผ่านได้ไม่ยาก แม้แต่ผู้ที่มีประวัติ NPL ก็สามารถเข้าไปปรึกษากับทางธนาคารได้ แต่จะใช้ระยะเวลานานกว่า และมีข้อแม้หลายอย่างที่ต้องปฏิบัติเสียก่อนจะยื่นกู้ เช่น ต้องจ่ายหนี้สินทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อน เป็นต้น   ความรู้อื่นเกี่ยวกับ NPL ธนาคารแห่งประเทศไทย บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กู้ไม่ผ่าน เกิดจากอะไร วิเคราะห์ LTV หลักเกณฑ์ใหม่ ดีต่อตลาดอสังหาฯ แค่ไหน-ใครได้ประโยชน์ EIC วิเคราะห์ ใครคือผู้ได้รับผลกระทบจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง  
8 เคล็ดลับ แต่งห้องนอนไม่ได้นอน เติมไฟรักให้ชีวิตคู่

8 เคล็ดลับ แต่งห้องนอนไม่ได้นอน เติมไฟรักให้ชีวิตคู่

เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์เดือนแห่งความรักกันแล้ว สำหรับคู่รักทั่วไปคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการมอบของขวัญแทนใจเพื่อแสดงความรักให้กันและกันในวันวาเลนไทน์ ไม่ว่าจะเป็นการมอบช่อดอกไม้, ของขวัญ, Chocolate, ตุ๊กตา ไปจนถึงของใช้ส่วนตัว ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจและกำลังทรัพย์ส่วนตัวนะคะ แต่การแสดงความรักนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินหรือของขวัญแทนใจเสมอไป เพราะเพียงแค่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก็ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขแล้ว ซึ่ง 'ห้องนอน' ก็ถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ตอบโจทย์คู่รักได้มากที่สุดเลยทีเดียวค่ะ เพราะนอกจากจะใช้สำหรับพักผ่อนแล้ว ยังเป็นพื้นที่เติมเต็มความรักของใครหลายๆ คนอีกด้วย ดังนั้นเราจึงควรตกแต่งห้องนอนธรรมดาๆ ให้กลายเป็นสวรรค์ของรังรักเพื่อกระตุ้นบรรยากาศให้หอมหวานและโรแมนติก ด้วยเคล็บลับเหล่านี้..   1. เริ่มต้นที่เลือกเตียงนอนและฟูก คิดจะแต่งห้องนอนให้เป็นรังรักทั้งที การลงทุนเลือกซื้อเตียงและฟูกดีๆ นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากเลยนะคะ โดยเตียงนอนนั้นควรเลือกวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน และรองรับน้ำหนักได้ดี สำหรับฟูกนั้นควรเลือกที่ความนุ่มสบาย ลงตัวกับสรีระ แนะนำให้ลองศึกษาหาข้อมูลสเปคของฟูกให้ตรงกับความต้องการของตนเองก่อน ว่าชอบความสบายประมาณไหน ตัวฝูกทำมาจากอะไร เช่น ทำมาจากโฟม, ยางพารา, สปริง หรือแบบธรรมชาติอื่นๆ ทั้งนี้ควรคำนึงถึงขนาดของเตียงนอนและฟูกที่ต้องกว้างพอสำหรับ 2 คนด้วยนะคะ เพราะพื้นที่ส่วนนี้มักเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของกิจกรรมบนเตียงนั่นเอง   2. เพิ่มความโรแมนติกด้วยแสงไฟ ข้อนี้หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าภายในห้องนอนควรมีแสงไฟส่องสว่างเพียงพอ แต่ไฟที่ช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติกเสมือนห้องพักในโรงแรมคือ แสง Warm White ในโทนสีแดงอมส้ม สาเหตุที่ควรใช้ไฟโทนสีอุ่นในห้องนอนนั้น เป็นเพราะไฟสีนี้มีความอ่อนโยนต่อสายตา สว่างน้อย ช่วยสร้างบรรยากาศสลัวๆ อันแสนโรแมนติกที่มีความนุ่มนวล ดูอบอุ่น ที่สำคัญคือช่วยให้ผู้หญิงดูเซ็กซี่ มีเสน่ห์ และน่าสัมผัสมากขึ้นอีกด้วยค่ะ   3.  ปลุกอารมณ์ด้วยโทนสี คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้โทนสีอ่อน และสีพาสเทลที่ผนังหรือวอลเปเปอร์ทำให้ห้องดูอ่อนหวาน ชวนฝัน และโรแมนติกได้เป็นอย่างดี แต่บางครั้งโทนสีเข้มๆ อย่างสีม่วงเข้มที่ดูมีเสน่ห์น่าค้นหา หรือสีแดงที่ดูเร่าร้อน ก็ช่วยปลุกอารมณ์ร้อนแรงได้ดีกว่านะคะ เพราะมีผลวิจัยออกมาแล้วว่าสีม่วงและสีแดงมีคุณสมบัติในการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้สูงกว่าสีอื่นๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของคู่รักแล้วค่ะ ว่าสีอะไรจะช่วยปลุกอารมณ์รักแก่คู่ของคุณได้มากกว่า หากชอบกันคนละสีก็อาจลองผสมสองสีเข้าด้วยกัน และจัดไฟสลัวๆ ด้วยแสง Warm White เพิ่มอีกนิด เท่านี้ก็ปลุกความพลุ่งพล่านสำหรับคืนพิเศษได้แล้วค่ะ   4. เครื่องนอนชวนสัมผัส นอกจากสัมผัสอันนุ่มนวลของกันและกันจะสามารถเติมอารมณ์รักได้ดีแล้ว การเลือกเครื่องนอนอย่างผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่ม ก็นับว่าควรใส่ใจทุกรายละเอียดนะคะ เพราะนอกจากสีสันและลวดลายที่สวยถูกใจแล้ว เนื้อผ้าของเครื่องนอนก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยปัจจุบันได้มีการนำผ้าหลากหลายแบบมาตัดเย็บเป็นเครื่องนอนมากมาย ซึ่งผ้าแต่ละชนิดก็จะให้สัมผัสนุ่มนวลที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่เราอยากแนะนำให้ใช้เป็นพิเศษคือผ้าแพรและผ้าซาตินค่ะ เพราะเนื้อผ้าค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีความเซ็กซี่เล็กๆ เพราะเนื้อเรียบเนียน มันวาว นิ่ม และนุ่มลื่น เรียกได้ว่าถ้าผิวกายของคุณและคนรักได้สัมผัสกับเนื้อผ้าแล้วจะยิ่งเคลิบเคลิ้ม และช่วยกระตุ้นอารมณ์รักได้ดีทีเดียวค่ะ   5. เคลิบเคลิ้มด้วยกลิ่นหอม   แน่นอนว่ากลิ่นหอมช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย สบาย และเพลิดเพลิน ซึ่งเรื่องของ 'กลิ่น' ก็มีผลต่อกิจกรรมบนเตียงอย่างมาก เพราะนอกจากกลิ่นฟีโรโมนร่างกาย และกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวที่ช่วยปลุกอารมณ์ให้ตื่นตัวแล้ว การทำให้ห้องนอนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนชวนหลงใหลก็เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำอย่างยิ่ง แนะนำให้ใช้เทียนหอม, น้ำมันหอมระเหย หรือน้ำหอมที่มาพร้อมก้านไม้หอม ในกลิ่นอโรมาที่คุณชื่นชอบมาวางไว้ในบริเวณห้องนอนหรือโต๊ะข้างเตียง รับรองว่าไอเท็มเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย สบายดุจสปาส่วนตัว ที่สำคัญยังช่วยเพิ่มความโรแมนติก เร้าอารมณ์ทางเพศให้คุณเคลิบเคลิ้มจนไม่อยากก้าวขาออกจากห้องนอนเลยล่ะ   6. เปิดเสียงเพลงคลอเคล้าพร้อมจังหวะรัก เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ค่ำคืนพิเศษของคุณและคนรัก ด้วยการเปิดเพลงจังหวะช้าๆ เพิ่มบรรยากาศโรแมนติกในห้องนอน เพราะจังหวะของเพลงนั้นมีผลต่อการเย้ายวน ปลุกอารมณ์ทางเพศของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงได้ดี และการใช้เสียงเพลงเบาสบาย หรือเสียงธรรมชาติ ก็ช่วยขับกล่อมให้นอนหลับได้ง่ายและสบายขึ้นด้วยนะคะ แต่หากใครกลัวว่าดนตรีเบาๆ จะทำให้เคลิ้มหลับไปเสียก่อน ก็อาจจะเปิดเพลงที่มีจังหวะสนุกๆ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้คึกคักในจังหวะรักของคุณได้เช่นกันนะ   7. กระตุ้นอารมณ์รักด้วยรูปภาพ หากคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศห้องนอนที่ชวนหลับใหล ให้กลายเป็นห้องนอนที่แสนโรแมนติกแถมยังกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ แนะนำให้ตกแต่งด้วยรูปภาพที่ช่วยเสริมอารมณ์รักด้วยรูปภาพแนวอีโรติก, รูปถ่ายกันและกัน, รูปถ่ายสมัยที่เพิ่งคบกัน, รูปตอนไปเที่ยวด้วยกัน หรือรูปคู่หวานชื่น แทนการตกแต่งด้วยรูปภาพแนวธรรมชาติจำพวกป่าเขาทั่วไป ก็นับว่าเป็นตัวช่วยที่เติมไฟรักได้ดี หากใครอยากเพิ่มความมุ้งมิ้งก็อาจจะนำมารูปมาแปะเรียงบนผนังห้องเป็นรูปหัวใจ ก็เป็นการเพิ่มลูกเล่นให้ห้องนอนดูแปลกตาไปจากทุกวันได้ดีนะคะ ซึ่งรับรองเลยค่ะว่าวิธีนี้ต้องทำให้คนรักของคุณรู้สึกอยากขยับเข้ามาชิดใกล้เพื่อกระชับความสัมพันธ์แน่นอน   8. เติมความเซ็กซี่ให้ขยี้หัวใจด้วยกระจกวิเศษ แน่นอนค่ะว่า 'กระจกเงา' มีคุณสมบัติที่โดดเด่นมากมาย ถ้าเป็นเรื่องของ interior ก็เป็นวัสดุที่ช่วยสะท้อนหลอกตาทำให้ห้องดูกว้างขึ้น แต่ในเรื่องของฮวงจุ้ยก็เป็นไอเท็มสำคัญที่ช่วยสะท้อนสิ่งไม่ดีออกไป ส่วนด้านของการใช้งานในห้องนอนส่วนใหญ่นั้นมักใช้ส่องสำรวจร่างกายเวลาแต่งตัว นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นอารมณ์รักจากมองเห็นรูปร่าง และลีลาระหว่างที่กำลังทำกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของตัวเองได้ดีอีกด้วย ซึ่งแนะนำให้ลองแขวนหรือติดกระจกเงาไว้ที่ผนังหัวเตียงนะคะ เพราะเมื่อเปิดไฟสลัวๆ จะยิ่งช่วยสะท้อนให้เกิดอารมณ์เซ็กซี่ได้ดีทีเดียว เคล็ดลับแต่งห้องนอนไม่ได้นอน ที่เรานำมาฝากในบทความด้านบนเป็นเพียงตัวช่วยเติมไฟรักให้ชีวิตคู่ของคุณมีสีสันและชีวิตชีวามากขึ้นเท่านั้น หากแต่การรักษาชีวิตคู่ให้ยืนยาวนั้นต้องขึ้นอยู่กับการกระทำ ความใส่ใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และการประนีประนอมซึ่งกันและกันนะคะ สุดท้ายหากชาว Review Your Living ได้ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปตกแต่งห้องนอนกันแล้ว ก็อย่าลืมถ่ายรูปมาให้ทีมงานชื่นชมในแฟนเพจบ้างนะคะ :) รูปภาพจาก : Pinterest
รายได้น้อยก็กู้ซื้อบ้านได้

รายได้น้อยก็กู้ซื้อบ้านได้

เมื่อพูดถึงเรื่องการกู้สินเชื่อบ้านหลายคนต้องมีคำถามตามมามากมาย และหนึ่งในคำถามที่หลายคนอยากรู้กันมากที่สุดคือ ต้องมีรายได้ขั้นต่ำเท่าไหร่จึงจะยื่นกู้ได้ แล้วถ้ามีรายได้ต่อเดือนน้อยจะสามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้ไหม คำตอบคือ “ได้” ซึ่งหากติดตามข่าวจะทราบว่าทั้งทางภาครัฐและเอกชนมีมาตรการสำหรับผู้มีรายได้น้อยออกมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็มีเงื่อนไขแตกต่างกันไป ในบทความนี้เราจะยกตัวอย่างโครงการสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย รวมถึงวิธีคำนวณวงเงินกู้สินเชื่อบ้านดูอย่างคร่าวๆ ว่าเงินเดือนเท่านี้ จะสามารถยื่นกู้ได้แค่ไหน   โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ เป็นโครงการบ้านประชารัฐระยะที่ 2 โดยวางวงเงินสินเชื่อทั้งหมดเอาไว้ที่ 4,000 ล้านบาท จากธนาคารออมสินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีวิธีการพิจารณาแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรกคือประชาชนที่มีรายชื่อขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการรัฐเอาไว้แล้ว กลุ่มต่อมาคือประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาท/เดือน และกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มประชาชนทั่วไป โดยลักษณะของโครงการจะมีทั้งบ้านแฝด 18 ตร.ว. บ้านแถวชั้นเดียว 16 ตร.ว. และอาคารที่พักอาศัย 24 ตร.ม. ในราคาไม่เกินยูนิตละ 350,000-700,000 บาท ผ่อนชำระไม่เกิน 2,000 บาท/เดือน ซึ่งโครงการระยะที่ 2 นี้จะอยู่ในพื้นที่ของราชพัสดุ กรมธนารักษ์ ทั้งหมด  8 แปลง คือ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง 618 ยูนิต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 584 ยูนิต อ.เมือง จ.เชียงราย 352 ยูนิต อ.เมือง จ.นครพนม 322 ยูนิต อ.เมือง จ.ขอนแก่น 292 ยูนิต อ.เมือง จ.อุดรธานี 264 ยูนิต อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 186 ยูนิต และอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 139 ยูนิต ซึ่งในแต่ละพื้นที่โครงการจะถูกแบ่งเป็นที่พักอาศัย 70% กับพื้นที่เชิงพาณชิย์อีก 30% ทั้งหมดนี้กรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้ได้รับสิทธิ์ระยะยาว 30 ปี   โครงการสินเชื่อบ้านสวัสดิการแห่งรัฐดำเนินการโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) โดยในปีนี้กำหนดวงเงินในสินเชื่อรายใหม่สูงถึง 1.89 แสนล้านบาท ซึ่งมีทั้งหมด 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นโครงการสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนที่มีรายได้น้อยไม่เกิน 25,000 บาท/เดือน สามารถยื่นกู้ได้นานที่สุดถึง 40 ปี ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก 2.โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นโครงการสำหรับบุคลากรภาครัฐ ไม่จำกัดวงเงินสูงสุดต่อราย อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก 3.โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นโครงการสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประชาชนที่มีรายได้น้อยไม่เกิน 25,000 บาท/เดือน ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นผู้ที่มีภูมิลำเลาอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือต้องการอาศัยอยู่ วงเงินกู้ 1,000,000-2,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก ทั้งนี้ถ้ากู้ไม่เกิน 1,000,000 บาท จะมีข้อกำหนดในรายได้ต่อเดือนประมาณ 12,000 บาท ผ่อนชำระไม่เกิน 4,200 บาท/เดือน ที่สำคัญผู้ที่ไม่มีงานทำสามารถยื่นเป็นผู้กู้ร่วมได้ และในกรณีที่มีหลักฐานด้านรายได้ไม่เพียงพอ ธอส. จะให้เปิดให้มีการเดินบัญชี 6-9 เดือน หากเป็นไปตามเงื่อนไขกำหนดแล้วจึงค่อยอนุมัติสินเชื่อให้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  ghbank.co.th นอกจากนี้ยังมีอีกหลายธนาคารที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมากนักก็สามารถกู้สินเชื่อบ้านได้ตามกฏที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละธนาคาร ที่สำคัญคือผู้กู้จะต้องมีความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุดแต่ละเดือนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ ระยะเวลาผ่อนประมาณ 15-35 ปี  และไม่มีภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย(ถ้ามีภาระผ่อนอย่างอยู่ด้วยก็จะถูกหักลบไปในความสามารถการผ่อนต่อเดือน 40%) ซึ่งสำหรับการกู้บ้านจะขอกู้ได้ไม่เกิน 85% ของราคาประเมิน อาคารพาณิชย์ขอกู้ได้ไม่เกิน 75% ของราคาประเมิน ส่วนคอนโดมิเนียมจะขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการว่ามีการร่วมกับธนาคารไหนบ้างซึ่งบางโครงการสามารถยื่นกู้ได้ถึง 100% โดยเรามีวิธีคำนวณเงินกู้จากฐานเงินเดือนคร่าวๆ เช่น 15,00040% = 6,000 บาท/เดือน รายได้ต่อเดือน 15,000 บาท ผ่อน 40% ของรายได้ต่อเดือน เท่ากับต้องผ่อนเดือนละ 6,000 บาท วงเงินการกู้ซื้อบ้าน ฐานเงินเดือน 15,000 ระยะเวลาผ่อน 15 ปี จะได้วงเงินกู้ประมาณ  640,000 - 730,000 บาท ฐานเงินเดือน 15,000 ระยะเวลาผ่อน 20 ปี จะได้วงเงินกู้ประมาณ  740,000 - 870,000 บาท ฐานเงินเดือน 15,000 ระยะเวลาผ่อน 25 ปี จะได้วงเงินกู้ประมาณ  810,000 - 970,000 บาท ฐานเงินเดือน 15,000 ระยะเวลาผ่อน 30 ปี จะได้วงเงินกู้ประมาณ  850,000 - 1,000,000 บาท ฐานเงินเดือน 15,000 ระยะเวลาผ่อน 35 ปี จะได้วงเงินกู้ประมาณ  880,000 - 1,100,000 บาท *ทั้งนี้แล้วแต่อัตราดอกเบี้ยและการพิจารณาของแต่ละธนาคารด้วย นั่นหมายความว่าแม้มีรายได้น้อยก็สามารถยื่นกู้ได้เพียงแต่วงเงินที่ทางธนาคารอนุมัติก็จะน้อยลงไปตามสัดส่วน และแต่ละโครงการที่อยู่อาศัย แต่ละโปรโมชั่นของธนาคารนั้นแตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นผู้สนใจยื่นกู้สินเชื่อบ้านควรจะรวบรวมข้อมูลจากหลายๆ แห่งมาเปรียบเทียบกัน โดยเฉพาะเรื่องดอกเบี้ยเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด เกี่ยวกับเรื่องกู้ซื้อที่อยู่อาศัย วิธีเตรียมกู้ซื้อบ้าน สำหรับอาชีพอิสระ เคล็ด (ไม่) ลับ เลือกธนาคารกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อบ้าน-คอนโด ให้ได้ 100% ทำยังไง  
จัดระเบียบคอนโดพื้นที่จำกัด ด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาโดนใจ ตอบทุกไลฟ์สไตล์

จัดระเบียบคอนโดพื้นที่จำกัด ด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาโดนใจ ตอบทุกไลฟ์สไตล์

ต้องยอมรับจริงๆ ค่ะว่าวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมยุค 4.0 นั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ จึงเป็นตัวเลือกที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมือง การเดินทางที่สะดวกใกล้ทางด่วนหรือรถไฟฟ้า รวมไปถึงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้แหล่งความเจริญอย่าง ห้างสรรพสินค้า, สถานที่ทำงาน, โรงเรียน หรือโรงพยาบาล ก็ล้วนแต่อยู่ในพิกัดที่ง่ายต่อการไปถึง แต่ความสะดวกสบายนั้นก็ต้องแลกกับพื้นที่จำกัดของคอนโดฯ ที่ทำให้การใช้ชีวิตของมนุษย์ต้องอาศัยอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เท่านั้น ดังนั้นการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของแต่งห้องเอง จึงต้องให้ความสำคัญเป็นอับดับต้นๆ เพราะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับขนาดว่าจะนำมาจัดวางอย่างไรให้ลงตัว รวมไปจนถึงการใช้งานภายในห้องเล็กๆ เหล่านี้ด้วยว่าตอบโจทย์หรือไม่ นอกจากนี้การออกแบบของรูปลักษณ์ และราคาก็ถูกนำมาพิจารณาในการตัดสินใจอีกด้วย อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall) ผู้นำด้านเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านและของใช้ภายในบ้าน จึงได้ออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถสร้างพื้นที่และแต่งห้องไปพร้อมๆ กัน เพื่อเป็นการตอบโจทย์ให้กับผู้อยู่อาศัยที่มีปัจจัยจำกัดด้านพื้นที่ในสมัยนี้ ชุดห้องนอน CLICK คือเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาพื้นที่อันจำกัดภายในคอนโดฯ อย่างห้อง Studio หรือห้องขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยในห้องนอนขนาดเล็กให้กว้างขวางมากขึ้นได้ ตัวเฟอร์นิเจอร์เป็นได้ทั้งเตียงนอนสำหรับการพักผ่อน และพื้นที่จัดเก็บในชิ้นเดียวกัน เน้นรูปแบบที่เรียบง่ายสไตล์โมเดิร์นกับโทนสีขาวสบายตา พร้อมโดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานอันหลากหลาย โดยนำคุณสมบัติของโต๊ะ ตู้ และเตียง มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมอบความสะดวกสบาย โดยไม่จำเป็นต้องสรรหาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นให้มาเปลืองพื้นที่เลยค่ะ จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีความคุ้มค่า เพราะดีไซน์ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้ชีวิตภายใต้พื้นที่อันน้อยนิดในคอนโดฯ เหมาะกับทุกสไตล์ห้อง เนื่องจาก ชุดห้องนอน CLICK มีรูปลักษณ์ที่ดูโมเดิร์น สบายตา ภายใต้ดีไซน์ที่เรียบง่าย จึงทำให้เข้ากับการแต่งคอนโดฯ ได้หลากหลายรูปแบบ หลากหลายสไตล์ เช่น การตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นของผู้คนสมัยใหม่ การตกแต่งในแบบ Cozy Living ที่ดูอบอุ่น หรือแม้กระทั่งการตกแต่งในสไตล์มินิมอล น้อยชิ้นแต่มีฟังก์ชั่น เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ก็สามารถรองรับได้ทุกรูปแบบ ราคาสบายกระเป๋า เมื่อราคามีผลต่อการตัดสินใจ หากคุณผู้อ่านมีงบประมาณในการจับจ่ายอย่างจำกัด การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เพียงชิ้นเดียวแต่สามารถใช้สอยประโยชน์ได้อย่างมากมายภายใต้ราคาอันย่อมเยา ซึ่งมีให้เลือกสรรถึง 2 รุ่นด้วยกัน คือ ชุดห้องนอน CLICK  รุ่นหัวเตียงเตี้ย ในราคา 19,900 บาท และ รุ่นหัวเตียงสูง ในราคา 29,900 บาท ทำให้มั่นใจได้ว่านอกจากจะได้เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้หลากหลายแล้ว ยังมีพื้นที่ในการจัดเก็บสิ่งของได้อย่างจุใจ ไม่ว่าจะไซส์เล็กหรือใหญ่ก็สามารถจัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและครบถ้วนได้อย่างง่ายดายเลยค่ะ ช่องสำหรับเก็บสัมภาระขนาดใหญ่บริเวณท้ายเตียง หรือสามารถเอาไว้เลี้ยงสัตว์ได้ คืนพื้นที่ให้คอนโดฯ หลายครั้งที่พื้นที่เล็กๆ ของคอนโดฯ เต็มไปด้วยข้าวของที่กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ชุดห้องนอน CLICK นั้นสามารถเก็บข้าวของเครื่องใช้ได้หลากหลาย ด้วยช่องใส่ของที่มีมากมายไม่ว่าจะเป็นลิ้นชักหรือบานตู้ที่ช่วยซ่อนความรกของข้าวของได้เป็นอย่างดี โดยมาพร้อมขนาดและรูปทรงอันหลากหลายรายล้อมรอบเตียงไว้ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นด้านบน ด้านข้าง หรือแม้กระทั่งด้านล่าง ก็ล้วนตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกรูปแบบ ซึ่งทำให้มีพื้นที่ในการจัดเก็บเพิ่มมากขึ้น รวมไปจนถึงการหยิบใช้ก็แสนสะดวกสบาย ทำให้ประหยัดเวลาในการหาของใช้ แถมยังประหยัดเงินด้วยราคาที่คุ้มค่ากับฟังก์ชั่นการใช้งานภายในงบประมาณที่จับต้องได้ เพื่อให้คอนโดฯ ของคุณได้มีพื้นที่เหลือมากขึ้น ตู้วางทีวี มีช่องสำหรับเก็บของเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ภายในตู้ถูกออกแบบมาให้สามารถปรับเป็นตู้รองเท้าและวางของได้ สวยครบเครื่องในเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียว หลายคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ ห้องขนาดเล็ก คงเข้าใจดีว่าพื้นที่แต่งตัวนั้นยากต่อการจัดสรรให้เป็นอย่างใจ ยิ่งถ้าขนาดห้องเล็กมาก บางคนอาจต้องใช้โต๊ะเครื่องแป้งในห้องน้ำ หากมุมแต่งตัวเพื่อเตรียมความพร้อมในแต่ละวันของคุณยังจัดได้ไม่ลงตัว ทำให้เกิดความลำบากและยุ่งยากในการใช้ชีวิตมากขึ้น การเลือกชุดห้องนอนครบฟังก์ชั่น CLICK แบบรุ่นหัวเตียงสูง ที่รวมตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งในหนึ่งเดียว พร้อมช่องเก็บของเอนกประสงค์ที่สามารถจัดเก็บหนังสือ ของใช้ส่วนตัวและอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งการเสริมเฟอร์นิเจอร์ อย่างตู้เสื้อผ้าบานสไลด์ และตู้วางทีวี มาช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้มากยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถดำเนินชีวิตในแต่ละวันได้อย่างสะดวกสบาย และมีสไตล์ไปพร้อมๆ กันแล้ว ชุดห้องนอน รุ่น CLICK ที่รวมเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งในหนึ่งเดียว พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ การตกแต่งคอนโดในปัจจุบันแค่ความสวยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอนะคะ การตกแต่งห้องนอนที่ดีจึงต้องคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอยไปพร้อมกับการใช้งานด้วย หากคุณอยากจัดระเบียบคอนโดพื้นที่จำกัดให้คุ้มค่าทุกตารางนิ้ว การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ทันสมัยในฟังก์ชั่นที่เป็นมากกว่าหนึ่งที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ ก็สามารถจัดระเบียบห้องให้สวยมีสไตล์ และพร้อมสำหรับทุกการใช้สอยในงบประมาณจำกัดก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย สำหรับผู้ที่สนใจลองไปสัมผัสของจริงได้ที่โชว์รูม อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ทั่วประเทศ หรือคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.indexlivingmall.com ขอบคุณรูปภาพจาก : indexlivingmall
10 วิธี เปลี่ยนบ้านจัดสรรให้สวยงาม มีสไตล์ เหมาะสมกับการใช้งาน

10 วิธี เปลี่ยนบ้านจัดสรรให้สวยงาม มีสไตล์ เหมาะสมกับการใช้งาน

ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่า "บ้านจัดสรร" คือตัวเลือกและทางออกของใครหลายคนที่ต้องการลดความยุ่งยากในขั้นตอนการสร้างบ้านสักหลัง เพราะโครงการจัดสรรต่างๆ มักตั้งอยู่ในทำเลที่เราคงไม่สามารถหาเองได้ง่าย อีกทั้งมีระบบสาธารณูปโภคครบครัน จึงมักเป็นคำตอบส่วนใหญ่ของคนที่อยากมีบ้านหลังแรก ซึ่งการออกแบบโดยใช้ระบบอุตสาหกรรมในการทำองค์ประกอบของบ้านซ้ำๆ กันนั้นก็เพื่อช่วยลดต้นทุน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่บ้านจัดสรรจะมีรูปแบบและหน้าตาเหมือนกันไปหมดทั้งโครงการ บางคนอาจจะเบื่อเพราะอยากได้บ้านที่ไม่เหมือนใคร ทีมงานเราเข้าใจดีค่ะ จึงค้นหาคำตอบว่าจะตกแต่งบ้านจัดสรรอย่างไรให้ออกมาสวยงามมีสไตล์ ดูแตกต่าง เหมาะกับการใช้งาน และลงตัวกับชีวิตของเรามากขึ้น 10 วิธีปรับปรุงบ้านที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน เริ่มตั้งแต่ พื้น ผนัง เพดาน ไปจนพื้นที่นอกบ้าน ให้คุณได้ค่อยๆ ปรับปรุงไปทีละเล็กทีละน้อย โดยจะเลือกทำข้อไหนก่อนก็ได้นะคะ ตามกำลังและความสะดวกของแต่ละคนเลย แต่จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันเลย.. 1. เปลี่ยนผนังตามใจฉัน ถ้าเบื่อผนังสีขาวแบบเดิมๆ ลองเติมสีสันให้ห้องด้วยการเปลี่ยนสี หรือสร้างลวดลายให้ผนัง หากผู้อ่านมีความสามารถเชิงช่างและมีใจรักงานศิลปะก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ เลยค่ะ หรือจะใช้ความสวยงามของวัสดุแทนสีสัน อย่าง อิฐโชว์แนวโทนสีส้มตัดสลับกับผนังสีขาวธรรมดา ก็ทำให้มุมเดิมๆ ของบ้านดูแปลกตาได้ขึ้นมาง่ายๆ 2. เปลี่ยนมือจับประตูจากหมุนเป็นบิด อย่างที่ทราบกันดีแหละค่ะว่าบ้านจัดสรรคงไม่มีอะไรถูกใจเราไปทั้งหมด ดังนั้นการปรับเปลี่ยนเพียงนิดหน่อยอาจทำให้เราใช้งานได้สะดวกขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ลูกบิดทรงกลมแบบมาตรฐานทั่วไป ที่หาซื้อง่ายและมีราคาประหยัด หากคุณเป็นสายช่วยเหลือตัวเองที่ชอบถือข้าวของพะรุงพะรัง การใช้มือจับแบบก้านโยกน่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกได้มากขึ้น ถึงมือไม่ว่าง แต่ข้อศอกยังอยู่ สามารถใช้ศอกกดเพื่อเลื่อนเปิดประตูได้ในยามฉุกเฉินได้เช่นกัน 3. กั้นพื้นที่ใหม่  การกั้นพื้นที่ด้วยพาร์ทิชั่นคงไม่ใช่เรื่องใหม่ของการต่อเติมใช่ไหมคะ แต่การออกแบบให้มีระยะที่พอดี มีระยะช่องเก็บของที่สวยงามเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่อยากง้อช่าง ลองซื้อตู้สำเร็จรูปมาประกอบร่างดู เพียงเท่านี้ก็สามารถกั้นพื้นที่และเก็บของได้ในตัวแล้ว ยิ่งถ้านำของใช้ของตกแต่งมาประดับเพิ่ม ก็ยิ่งทำให้บ้านมีความสวยงามมากขึ้น 4. ปรับบ้านให้โปร่งโล่ง หากคุณอยากให้บ้านดูโปร่งโล่งสบายแล้วล่ะก็ การรื้อผนังทึบออก เปลี่ยนมาติดผนังกระจกแทน หรือแค่ใช้วิธีกั้นห้องเพิ่มด้วยการใช้บานประตูแคบๆ อย่างบานเฟี้ยม ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เราสามารถจัดการกับพื้นที่ได้อย่างเป็นสัดส่วนมากขึ้น ทั้งยังทำให้บ้านดูกว้างขึ้นอีกด้วย 5. แค่เปลี่ยนพื้น อารมณ์ก็เปลี่ยน นอกจากผนังและหลังคาแล้ว องค์ประกอบหนึ่งซึ่งกินบริเวณในบ้านของเรามากเป็นพิเศษก็คือพื้นด้วยวัสดุที่โครงการจัดสรรเลือกมาให้ก็อาจไม่ตรงกับใจที่เราอยากจะให้บ้านในฝันของเราเป็นได้ ดังนั้นหากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศให้บ้าน การเปลี่ยนวัสดุปูพื้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นผลได้เด่นชัดที่สุด เช่น กระเบื้องดินเผาช่วยเพิ่มความอบอุ่นและดูเป็นกันเอง หรือจะเป็นกระเบื้องลายสวยๆ ที่สร้างเรื่องราวให้พื้นที่ที่ออกแบบไว้ นอกจากนี้ยังมีวัสดุอย่างพื้นปูนขัดมัน ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ในทางกลับกันวัสดุปูพื้นอย่างไม้ปาร์เกต์ หรือกระเบื้องยางลายธรรมชาติต่างๆ ก็เป็นตัวเลือกที่ช่วยให้บรรยากาศอบอุ่นน่าสัมผัสด้วยเท้าเป็นอย่างดี 6. ทำเคาน์เตอร์ครัวแสนเก๋ แน่นอนว่าเคาน์เตอร์ครัวสมัยนี้ต้องมีไอส์แลนด์ไว้เพิ่มการใช้งาน เพื่อให้สมาชิกภายในบ้านได้นั่งรับประทานอาหารเช้า หรือมีเพื่อนมานั่งจิบไวน์พูดคุยเบาๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือขนาดของเคาน์เตอร์ที่ต้องปรับไปตามการใช้งาน หากใช้งานครัวทำขนมหรืออาหารเป็นหลัก ความกว้างของเคาน์เตอร์ที่ใช้งานสะดวกอยู่ที่ประมาณ 80-85 เซนติเมตร ความสูงประมาณ 1.10 เซนติเมตร และอย่าลืมเว้นระยะกันเตะด้านล่างเคาน์เตอร์ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานด้วยนะคะ 7. ต่อเติมกันสาดและชายคา ประเทศไทยมีแสงแดดและฝนเยอะ ช่องเปิดต่างๆ เช่น ประตูหน้าต่างจึงมักถูกปิดเอาไว้หรือไม่ก็มีม่านบังแดด น่าเสียดายหากมีสวนสวยๆหรือวิวดีๆที่ต้องอดมองไป มากกว่านั้นคือการที่ช่องเปิดต่างๆ ไม่เปิดระบายอากาศได้ ลองทำกันสาดคุ้มแดดคุ้มฝนให้ช่องประตูหน้าต่าง เท่านี้เราก็ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน สามารถใช้งานช่องเปิดเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ จะให้ดีก็ลองเลือกรูปแบบกันสาดตามสไตล์ที่ชอบไปเลย เช่น โครงอะลูมิเนียมบางๆกับอะคริลิกกรองแสงสำหรับบ้านโมเดิร์น  หรือจะเติมไม้ระแนงให้ดูอบอุ่นแบบบ้านไม้เพิ่มขึ้นก็เข้าที 8. ทำทางเดินบริเวณบ้านให้น่าเดิน ส่วนใหญ่แล้วบริเวณข้างบ้านจัดสรรจะมีพื้นที่อยู่โดยรอบ ครั้นจะเทปูนก็น่าเสียดาย แต่จะปูหญ้าหมดก็คงอยู่ได้ไม่ได้  ข้อแนะนำคือลองแบ่งพื้นที่หญ้า และวางแผ่นทางเดินแค่พอเดินได้ โดยเว้นพื้นที่ไว้ให้หญ้าสามารถขึ้นได้บ้าง ซึ่งแผ่นทางเดินสมัยนี้ก็มีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นคอนกรีต หรือไม้เทียม ก็ล้วนแต่ดูดี ถ้าหากต้องการแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจน ก็อาจทำยกพื้นด้วยเหล็กกล่องเพื่อแยกพื้นออกจากแนวดิน หากข้างบ้านมีประตูบานเลื่อนก็นั่งเล่นหย่อนขาได้อีกด้วย  และสำหรับปัญหาหญ้าขึ้นรกนั้น วิธีการหนึ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้หญ้าขึ้นจนรกมาบดบังทางเดินก็คือการโรยกรวดหรือหินก้อนเล็กๆ เอาไว้ เพียงเท่านี้ทางเดินก็จะดูเรียบร้อยน่าเดินแม้ในวันที่หญ้าขึ้นสูงแล้วค่ะ 9. จัดพื้นที่สวนสวยเล็กๆ  เมื่อมีทางเดินข้างบ้านแล้ว แนะนำให้จัดสวนสวยๆ ไว้ข้างบ้านด้วยนะคะ ซึ่งปกติแล้วการจัดสวนต้องมีพื้นที่พอประมาณ แต่หากมองว่ารั้วของเราสามารถเป็นพื้นที่สีเขียวได้ การทำสวนกระถาง สวนแขวน หรือการปลูกไม้เลื้อย ก็สามารถสร้างวิวดีๆ ที่ทำให้พื้นที่ในบ้านมีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติภายนอก สามารถมองจากหน้าต่างห้องรับแขกหรือห้องกินข้าวได้เลยทีเดียว หรืออาจวางม้านั่งเล็กๆ ไว้เป็นมุมพักผ่อนก็ยังได้ 10. รั้วบ้านต้องสวยงาม เราสามารถสร้างความเชื่อมโยงจากภายในสู่ภายนอกให้ผู้อยู่ในบ้านไม่รู้สึกอึดอัด ด้วยการทำแนวรั้วบ้านด้วยต้นไม้อย่างโมก ข่อย หรือเฟิร์นเกาหลี นอกจากจะช่วยลดความแข็งกระด้างของรั้วปูนทึบๆ ด้วยการที่รั้วแบบนี้สามารถเห็นภายนอกรั้วบ้านได้โดยสะดวก การใช้ต้นไม้ผสมกับโครงสร้างของรั้วเดิมก็เป็นวิธีการที่น่าสนใจหากต้องการความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นสำหรับรั้วเดิมที่สูงอยู่แล้วและการต่อโครงเพื่อปลูกไม้เลื้อยให้สูงขึ้นไปจากแนวรั้วเดิมก็เพื่อบดบังมุมมองสายตาจากชั้นสองบ้านข้างๆ หรือจะลดความสูงของรั้วปูนเดิมลง ปลูกต้นไม้สลับบ้าง ก็จะลดความทึบทึมของบ้านลงได้อย่างมากเลยล่ะ การออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุที่ทางโครงการจัดสรรเลือกมาให้อาจไม่ตรงกับใจกับบ้านในฝันของเราไปทั้งหมดหรอกค่ะ ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล แต่ถ้าคุณผู้อ่านอยากให้บ้านจัดสรรของคุณดูสวยงาม ไม่เหมือนใคร แถมยังใช้งานได้เป็นอย่างดี ลองนำวิธีที่เรานำมาฝากไปปรับใช้กันดูนะคะ รับรองว่าบ้านของคุณจะสวยและมีเอกลักษณ์อย่างที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ รูปภาพจาก Pinterest
รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายแห่งการเชื่อมต่อกรุงเทพฯ

รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายแห่งการเชื่อมต่อกรุงเทพฯ

ในช่วง 1-2 ปีหลังที่ผ่านมานี้ เราจะได้เห็นการก่อสร้างของรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่าเดิม รวมถึงรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ที่ยังคงอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานอยู่อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางมากกว่าการเดินทางแบบอื่น รถไฟฟ้าจึงกลายเป็นความหวังของระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่หลายคนรอคอยให้เกิดขึ้นโดยเร็ว   ในบรรดารถไฟฟ้าทั้งหมด 11 สาย แต่ละสายก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป ซึ่งมีอยู่สายหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นสายที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกกับกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน โดยวิ่งผ่านใจกลางเมือง สถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลศิริราช สนามหลวง ราชเทวี ประตูน้ำ รัชดาภิเษก ฯลฯ และยังเป็นจุด interchange กับรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ในอนาคตมากมาย นั่นคือ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม (MRT) เป็นรถไฟฟ้าที่มีทั้งช่วงที่เป็นใต้ดินกับช่วงที่เป็นยกระดับ โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือฝั่งกรุงเทพฯ โซนตะวันตก(บางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) กับกรุงเทพฯ โซนตะวันออก(ศูนย์วัฒนธรรมฯ - บางกะปิ - มีนบุรี) โดยใช้จุดกึ่งกลางของสายนี้ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นจุด interchange รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินในปัจจุบัน รวมระยะทาง 35.4 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการประมาณปี 2566   รถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งกรุงเทพฯ โซนตะวันตก(บางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ทั้งหมด 13 สถานี เป็นรถไฟฟ้าใต้ดินทั้งหมด ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเวนคืนที่ดิน เริ่มจาก   1.สถานีตลิ่งชัน interchange กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน 2.สถานีบางขุนนนท์ บนถนนสุทธาวาสตัดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 3.สถานีศิริราช ใต้สะพานอรุณอัมรินทร์ ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช จากนั้นก็จะลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาไปอีกฝั่ง 4.สถานีสนามหลวง ใกล้กับโรงละครแห่งชาติ 5.สถานีอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณถนนราชดำเนินกลาง ใกล้กับแยกผ่านฟ้าลีลาศ interchange กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางใหญ่ – ราษฎร์บูรณะ สถานีผ่านฟ้า 6.สถานีหลานหลวง บริเวณถนนหลานหลวง แยกหลานหลวงตัดกับถนนจักรพรรดิพงษ์ 7.สถานียมราช บริเวณถนนหลานหลวง ใกล้โรงพยาบาลมิชชั่น interchange กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม 8.สถานีราชเทวี  บริเวณถนนเพชรบุรี ใกล้แยกราชเทวี interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีราชเทวี 9.สถานีประตูน้ำ บริเวณถนนเพชรบุรี ใกล้ห้างแพลทินัม 10.สถานีราชปรารภ บริเวณถนนราชปรารภ interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีราชปรารภ 11.สถานีรางน้ำ บริเวณถนนราชปรารภ ปากซอยรางน้ำ 12.สถานีดินแดง บริเวณถนนวิภาวดีขาเข้าตัดกับถนนดินแดง 13.สถานีประชาสงเคราะห์ บริเวณถนนมิตรไมตรี ใกล้กับศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร2 เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออกที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย     ส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งกรุงเทพฯ โซนตะวันออก(ศูนย์วัฒนธรรมฯ - บางกะปิ - มีนบุรี) ปัจจุบันเริ่มดำเนินงานก่อสร้างแล้วในช่วงปลายปี 60 ที่ผ่านมา โดยมีการปิดถนนฝั่งละ 1 เลน บริเวณซอยรามคำแหง 162/1 ถึงซอยรามคำแหง 166 ทั้งขาเข้า-ขาออก, ซอยรามคำแหง 76 – 108 (ขาเข้า), ซอยรามคำแหง 127 – 129 (ขาออก) และบริเวณซอยรามคำแหง 151/1 – 159 เริ่มจาก   1.สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับห้างเอสพลานาดรัชดา interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 2.สถานีรฟม. บริเวณถนนวัฒนธรรม ใกล้กับแยกผังเมือง 3.สถานีประดิษฐ์มนูธรรม บริเวณถนนพระราม 9 ใกล้สี่แยกพระราม 9 – ประดิษฐ์มนูธรรม 4.สถานีรามคำแหง 12 บริเวณถนนรามคำแหง หน้าห้างเดอะมอลล์ สาขารามคำแหง 5.สถานีรามคำแหง บริเวณถนนรามคำแหง หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง 6.สถานีราชมังคลา บริเวณถนนรามคำแหง หน้าสนามกีฬาราชมังคลา 7.สถานีหัวหมาก บริเวณถนนรามคำแหง หน้าโรงพยาบาลรามคำแหง 8.สถานีลำสาลี บริเวณถนนรามคำแหง ใกล้แยกลำสาลีตัดกับถนนศรีนครินทร์ interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 9.สถานีศรีบูรพา บริเวณถนนรามคำแหงตัดกับถนนศรีบูรพา แยกบ้านม้า ใกล้กับบิ๊กซี สุขาภิบาล3 10.สถานีคลองบ้านม้า บริเวณถนนรามคำแหง ระหว่างซอยรามคำแหง 92-94 และมีอาคารจอดแล้วจร 5 ชั้น รองรับการจอดรถได้ประมาณ 1,200 คัน และตั้งแต่สถานีนี้จะค่อยๆ ยกระดับจากใต้ดินมา 11.สถานีสัมมากร บริเวณถนนรามคำแหง หน้าหมู่บ้านสัมมากร 12.สถานีน้อมเกล้า บริเวณถนนรามคำแหง  หน้าหน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า 13.สถานีราษฎร์พัฒนา บริเวณถนนรามคำแหง บริเวณถนนรามคำแหง สามแยกมิสทีน 14.สถานีมีนพัฒนา บริเวณถนนรามคำแหง หน้าทางเข้าวัดบางเพ็ญใต้ ตรงข้ามนิคมอุตสาหกรรมบางชัน 15.สถานีเคหะรามคำแหง บริเวณถนนรามคำแหง  ใกล้เคหะรามคำแหง 16.สถานีมีนบุรี บริเวณถนนรามคำแหง interchange กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู 17.สถานีสุวินทวงศ์ บริเวณถนนรามคำแหงตัดกับถนนสุวินทวงศ์ บริเวณแยกสุวินทวงศ์   เมื่อรถไฟฟ้ากำลังจะมาถึง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่พลาดที่จะขยับตาม ผู้ซื้อก็จับจองกันอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้ก็มีหลายทำเลที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัย และลงทุนในอนาคต ซึ่งเราได้รวบรวมบางโครงการที่เป็นตัวเด็ดๆ ตามสายนี้ เช่น   THE LINE ราชเทวี คอนโด High Rise ที่อยู่บนถนนเพชรบุรี ใกล้จุด interchange ระหว่างสายสีเขียวกับสายสีส้ม สถานีราชเทวี ประมาณ 220 เมตร ห่างเพียง 1 สถานีก็สามารถเชื่อมต่อไปยัง Airport Link กับสถานีสยาม     Ideo Mobi รางน้ำ คอนโด High Rise อยู่ภายในถนนรางน้ำ ฝั่งใกล้กับถนนราชปรารภ ซึ่งก็ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรางน้ำ อีกด้วย ตัวนี้เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนกลางออกแบบมาได้สวย รวมถึงสระว่ายน้ำส่วนกลางที่ว่ายได้รอบ 360 องศา บนชั้นสูงสุดของคอนโด     Metris พระราม 9-รามคำแหง คอนโด High Rise บริเวณสี่แยกรามคำแหงฝั่งขาออก ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างแห่ง เช่น ฟู้ดแลนด์ เดอะมอลล์รามคำแหงที่กำลังจะทำการรีโนเวทใหม่ เดอะไนท์ รามคำแหงที่กำลังจะทำการรีโนเวทใหม่ ถนนพระราม 9 กล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรางน้ำ อีกด้วย ใจกลางเมือง สถานที่สำคัญๆ หลายแห่งใกล้ทางด่วน และสามารถออกไปถนนกาญจนาภิเษกไม่ไกล     KnightsBridge Collage รามคำแหง คอนโด High Rise สไตล์อังกฤษ ทำออกมาได้หรูหราที่สุดในย่านนี้ ปากซอยรามคำแหง 42 ใกล้กับจุดinterchange ระหว่างสายสีส้มกับสายสีเหลือง บริเวณสี่แยกลำสาลี ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานศึกษาหลายแห่ง     สุดท้ายในระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจากนี้ไปอีก 5 ปี อาจมีการปิดถนนเป็นระยะ โดยเราสามารถติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ผ่านทาง facebook.com/MRTOrangeLineEast     ภาพจาก : facebook/โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี  
วิธีกำจัดแมลงสาบในบ้านง่ายๆ ได้ผลดีที่สุด

วิธีกำจัดแมลงสาบในบ้านง่ายๆ ได้ผลดีที่สุด

เมื่อพูดถึงสัตว์ ที่มักสร้างความรำคาญและน่ากลัวภายในบ้าน คงหนีไม่พ้น แมลงสาบ ใช่ไหมคะ? เพราะแมลงชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ในที่อุ่นชื้น, มืด ชอบกินเศษอาหารและขยะ ซึ่งฝุ่นจากซากแมลงสาบนั้นจัดเป็นสารก่อภูมิแพ้ทำให้เกิดโรคจมูกอักเสบ และโรคภูมิแพ้อื่นๆ อย่างหอบหืดได้ ทั้งยังก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้จากการสัมผัส การสูดดมและการกิน รวมถึงเป็นสัตว์พาหะนำเชื้อโรคมาสู่มนุษย์ได้ เพราะเป็นตัวกลางของพยาธิบางชนิด แน่นอนว่าคงไม่มีอยากพบเจอแมลงชนิดนี้ในบ้าน หากคุณเคยประสบปัญหาแมลงสาบกวนใจวิ่งพล่านไปทั่ว สร้างความปวดหัวให้สมาชิกในครอบครัวไม่น้อย แถมยังทำให้บ้านดูสกปรก เกิดเชื้อรา เป็นพาหะนำโรค วันนี้เราจึงมีวิธีป้องกันและกำจัดแมลงสาบในบ้านมาฝากค่ะ วิธีป้องกันแมลงสาบในบ้าน 1. หมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ แน่นอนว่าความสะอาด เป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่ป้องกันเฉพาะแมลงสาบเท่านั้น แต่รวมไปถึงสัตว์อื่นๆ อย่าง มด และหนู เป็นต้น ฉะนั้นเราจึงควรดูแลบ้านให้ดี และหมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ นอกจากนี้ไม่ควรวางอาหารทิ้งไว้ เพราะแมลงสาบมักชอบกินเศษอาหารและขยะ ซึ่งควรกำจัดเศษอาหารที่เป็นแหล่งรวมเชื้อโรค เท่านี้ก็ช่วยป้องกันแมลงสาบกวนใจได้ในระดับหนึ่งแล้วค่ะ 2. อุดรอยรั่ว รวมถึงแหล่งน้ำขังต่างๆ สำหรับวิธีการป้องกันแมลงสาบอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ รอยรั่วซึม รวมไปจนถึงแหล่งน้ำขังต่างๆ เพราะแมลงสาบไม่สามารถขาดน้ำได้เกิน 1 อาทิตย์ ดังนั้นหากพบรอยรั่วซึมของน้ำ หรือแหล่งน้ำขัง แนะนำให้ทำการแก้ไขโดยทันทีค่ะ เพื่อช่วยป้องกันแมลงสาบเข้ามาวุ่นวายในบ้านได้ วิธีกำจัดแมลงสาบในบ้าน 1. ลองใช้สบู่ผสมน้ำดูสิ.. หลายคนอาจสงสัยว่าสบู่สามารถช่วยกำจัดแมลงสาบได้ด้วยเหรอ? ขอตอบเลยค่ะว่า ได้! เพราะกลิ่นหอมของสบู่ เป็นกลิ่นที่ทำให้แมลงสาบไม่ชอบ และไม่อยากเข้าใกล้ วิธีง่ายๆ ก็แค่นำสบู่ไปผสมกับน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็นำไปวางตามบริเวณจุดต่างๆ ที่มักมีแมลงสาบ เท่านี้ก็สามารถไล่แมลงสาบได้แล้วค่ะ แต่วิธีนี้ผู้อยู่อาศัยต้องหมั่นเติมสบู่อยู่บ่อยครั้งนะคะ เนื่องจากสบู่จะค่อยๆ ละลายหายไปกับน้ำนั่นเอง 2. ใบกระวานก็ช่วยได้นะ ใบกระวาน ถือเป็นใบที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ จึงนิยมนำไปใช้เป็นเครื่องเทศแต่งกลิ่นในอาหารต่างๆ  ซึ่งถือเป็นอีกกลิ่นที่แมลงสาบไม่อยากเข้าใกล้และไม่ชอบเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อเรารู้ว่าเจ้าแมลงสาบไม่ชอบ ก็แค่เพียงนำใบกระวานไปวางตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน หรือบริเวณที่มักมีแมลงสาบ ก็จะสามารถไล่แมลงสาบได้เช่นกันค่ะ 3. ลูกเหม็นก็สำคัญ ลูกเหม็นที่เราใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำ ไม่เพียงแค่ช่วยไล่แค่จิ้งจกเท่านั้น แต่ลูกเหม็นยังสามารถไล่แมลงสาบได้อีกด้วย โดยนำลูกเหม็นไปวางใกล้ๆ ถังขยะ หรือบริเวณตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน ด้วยกลิ่นฉุนของลูกเหม็นก็จะทำให้แมลงสาบไม่กล้าเข้าใกล้ แต่วิธีนี้จะต้องเก็บให้พ้นมือเด็กนะคะ และควรมีภาชนะปิดฝาให้เรียบร้อยด้วยเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายแก่เด็ก 4. ง่ายๆ แค่ใช้..สเปรย์พริกไทย อีกหนึ่งวิธีที่แสนง่าย สามารถทำเองได้สบายเลยค่ะ เพราะแค่นำพริกไทย ผสมกับน้ำ ใส่ลงในขวดสเปรย์เท่านี้ก็จะได้ สเปรย์พริกไทยกันแล้ว จากนั้นก็นำไปฉีดบริเวณที่แมลงสาบมักชอบอาศัยอยู่ หรือใครจะใช้เป็นพริกไทยเม็ดแทนก็ได้เช่นกันนะคะ เพียงนำพริกไทยเม็ดใส่ห่อผ้า แล้วไปวางตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน กลิ่นฉุนของพริกไทยก็จะทำให้แมลงสาบนั้นหนีไป และไม่กล้าเข้ามาใกล้อีกค่ะ 5. เปลือกส้ม เปลือกมะนาว อย่าทิ้ง! เปลือกส้ม และเปลือกมะนาว นั้นมีประโยชน์จริงๆ ค่ะ ด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นอีกกลิ่นที่แมลงสาบไม่ชอบเช่นกัน ดังนั้นแนะนำให้นำเปลือกส้ม เปลือกมะนาว ไปปั่นเข้ากับน้ำ แล้วนำไปฉีดราดบริเวณที่แมลงสาบมักชอบอยู่ หรือจะนำเปลือกส้ม เปลือกมะนาวใส่ภาชนะไปวางตามจุดต่างๆ บริเวณภายในบ้านก็ได้เช่นกัน เท่านี้ก็สามารถไล่แมลงสาบกันได้แล้ว นอกจากไล่แมลงสาบแล้วยังสามารถใช้ไล่มดและจิ้งจกได้อีกด้วยค่ะ วิธีการป้องกันและกำจัดแมลงสาบที่เรานำมาฝาก เป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งเท่านั้น ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดควรตรวจสอบในบ้านให้ดี เพราะแหล่งอาหาร น้ำ มักเป็นที่หลบซ่อนของแมลงเหล่านี้ ดังนั้นถ้าหารรับประทานอาหารไม่หมด หรือมีเศษอาหารเหลือจึงควรเก็บอาหารในกล่องที่มีฝาปิดมิดชิด รวมไปถึงการทำความสะอาดและกำจัดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ รวมไปจนถึงการซ่อมแซมรอยร้าว และรูโหว่ต่างๆ ในบ้านเพื่อไม่ให้แมลงตัวป่วนเข้ามาในบ้านของเราได้อีก รูปภาพจาก : Pinterest, google 
ทำความรู้จักกับบ้านสำเร็จรูป ตัวเลือกของคนงบน้อย ใช้เวลาไม่มาก

ทำความรู้จักกับบ้านสำเร็จรูป ตัวเลือกของคนงบน้อย ใช้เวลาไม่มาก

เมื่อเทคโนโลยียุค 4.0 เดินหน้าต่อเนื่องอย่างไม่เคยหยุดยั้ง หากมองย้อนกลับไปในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 20 ปีที่โลกได้รู้จักคอมพิวเตอร์ จะเห็นภาพชัดเลยว่าเทคโนโลยีได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ให้ต่างไปจากเดิมมากมาย ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นด้านของการติดต่อสื่อสาร การเดินทาง การเรียนรู้ และที่อยู่อาศัย ซึ่งประเด็นสุดท้ายนั้นมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของเราทุกคนโดยตรง เพราะวันนี้ 'บ้าน' ได้เปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม เล่าย้อนไปสัก 30 ปีที่แล้ว ระบบการสร้างบ้านที่คุ้นเคยกันดีคือระบบก่อสร้างในพื้นที่ โดยฝีมือแรงงานมนุษย์ที่ลงมือทำทีละส่วนตามแบบแปลน ค่อยๆ บรรจงในทีละขั้นตอน ตั้งแต่เทคาน ก่ออิฐ ฉาบปูน เฉพาะงานโครงสร้างนั้นกินเวลาหลายเดือน และด้วยระยะเวลาในก่อสร้างที่ยาวนานนี้ทำให้เกิดนวัตกรรมก่อสร้างที่อยู่อาศัยหลายรูปแบบเพื่อร่นระยะเวลา ลดปัจจัยเสี่ยงจากการขนส่ง และลดค่าใช้จ่ายไม่ให้บานปลาย รวมทั้งหมดก็เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการสร้างที่อยู่อาศัยนั่นเอง สำหรับคนที่สนใจในเรื่องของบ้านสำเร็จรูป แต่ไม่รู้ว่างานก่อสร้างแบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานที่แท้จริง วันนี้เราจะพาไปรู้จักระบบของบ้านสมัยใหม่ที่จะช่วยให้เข้าใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น   KNOCK DOWN     บ้านสมัยใหม่ที่หลายคนคงคุ้นหูคุ้นตาคนไทยมานานสำหรับระบบก่อสร้างแบบ Knock down หรือเรียกว่าบ้านสำเร็จรูป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะติดภาพ บ้านไม้ชั้นเดียว ที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด สร้างอยู่ทำเลที่เข้าถึงยาก และมักจะสร้างเป็นรีสอร์ต เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว แต่ในปัจจุบัน รูปทรงของบ้านน็อคดาวน์ได้ต่างไปจากเดิมแล้วนะคะ เพราะผ่านการพัฒนารูปแบบให้ทันสมัย มีความแข็งแรงคงทน และสามารถปรับเปลี่ยนวัสดุเป็นวัสดุสมัยใหม่ที่สามารถยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น โดยใช้ผนังรับแรง ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีเสาคานรับน้ำหนัก ง่ายต่อการขนย้าย บ้านน๊อคดาวน์จะเป็นบ้านที่ออกแบบทุกส่วนไว้เสร็จสรรพ ไม่สามารถปรับแบบเพิ่มเติมได้แต่ก็ง่ายในการก่อสร้าง ส่วนเรื่องของความแข็งแรงนั้นมั่นใจได้เป็นอย่างดีว่ามีความคงทนแน่นอน ระยะเวลา : 2-4 เดือน/ยูนิต จุดเด่น : ติดตั้งประกอบได้อย่างรวดเร็ว รื้อประกอบใหม่ได้ หมายเหตุ : ไม่เหมาะในการปรับแบบจากอาคารเดิม   MODULAR HOUSE     บ้านสมัยใหม่ อันดับต่อมาที่ถือว่าได้รับความสนใจในเมืองไทยเลยทีเดียวกับระบบก่อสร้างที่ชื่อ Modular หรือบ้านกึ่งสำเร็จรูปอีกรูปแบบ ที่มีความแตกต่างจากบ้านน็อคดาวน์ในหลายจุด ถ้าจะให้อธิบายแบบง่ายๆ ให้เห็นภาพชัดๆ คือระบบนี้ก็เปรียบเสมือนตัวต่อเลโก้ที่นำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบกัน สามารถขยายขนาดได้เรื่อยๆ โดยที่สามารถปรับรูปแบบฟังก์ชั่นภายในได้ตามที่ต้องการ ตัวอาคารจะถูกออกแบบในสเกลที่พอเหมาะเป็นขนาดมาตรฐานของวัสดุซึ่งช่วยลดขยะจากวัสดุก่อสร้างได้ ใช้ระยะเวลาน้อย ระบบโมดูล่าจำเป็นจะต้องมีการลงเสาเข็มเพื่อรากฐานที่มั่นคงในขณะที่ส่วนอื่นๆ สามารถถอดประกอบได้ใหม่ตามความต้องการ โดยชื่อที่คุ้นหูกันดีคือบ้าน SCG-Heim ซึ่งใช้ระบบภายในจากประเทศญี่ปุ่น และก่อสร้างด้วยระบบโมดูล่า ระยะเวลา : 3 เดือน/ยูนิต จุดเด่น : ถูกออกแบบให้ใช้ประโยชน์ในทุกส่วนอย่างครบครัน หมายเหตุ : ราคาค่อนข้างสูงกว่าระบบอื่นๆ   CONTAINER     อีกหนึ่งบ้านสมัยใหม่ที่นับว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของคนไทยเลยก็คือ บ้านคอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนฟังก์ชั่นของตู้คอนเทนเนอร์เก่านำมาใช้ประโยชน์อย่างอื่น ส่วนมากนิยมสร้างเป็นพื้นที่สำหรับทำธุรกิจ อย่างคาเฟ่ร้านกาแฟ โรงแรมรีสอร์ต ซึ่งการนำตู้คอนเทนเนอร์กลับมาใช้ใหม่จะต้องมีการปรับปรุงหลายขั้นตอน ตั้งแต่การจัดการเรื่องสนิม ติดตั้งฉนวนกันร้อนกันเสียง การเพิ่มช่องประตูหน้าต่าง และติดตั้งระบบปรับอากาศภายในรวมถึงระบบไฟฟ้าด้วย ขนาดมาตรฐานจะมี 2 ไซส์ด้วยกันคือ 20 ฟุต และ 40 ฟุต ระยะเวลา : 7-14 วัน/ยูนิต จุดเด่น : ติดตั้งได้รวดเร็วขนย้ายได้คล่องตัวไม่ต้องมีงานโครงสร้างเสาเข็ม หมายเหตุ : ปัญญาเรื่องเสียง ความร้อน และขนาดที่เป็นไซส์มาตรฐาน   PREFAB     ถ้าไม่พูดถึงบ้านสมัยใหม่ระบบ Prefab หรือ Prefabrication เลยก็คงไม่ได้แล้วค่ะ เพราะการก่อสร้างระบบนี้มีมาตั้งแต่อดีต ถ้าจะให้ยกตัวอย่างชัดๆ ก็คงหนีไม่พ้นพีรามิดที่เมืองกีซ่า ประเทศอิยิปต์ที่ใช้ระบบนี้ก่อสร้าง ซึ่งระบบ Prefab คือการนำชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบไว้แล้วไปประกอบกันที่หน้างาน โดยสิ่งก่อสร้างดังกล่าวมักจะมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะขนย้าย อย่างสะพานขนาดใหญ่ หรืออาคารสูงหลายสิบชั้น ซึ่งความสะดวกสบายดังกล่าวถูกนำมาใช้กับการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อย่างบ้านจัดสรร โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ ในเมืองไทยอย่าง พร๊อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค, แลนด์แอนด์เฮ้าส์, แสนสิริ และพฤกษา ต่างเปลี่ยนมาใช้ระบบก่อสร้างแบบ Prefabrication ทำให้การสร้างบ้านหนึ่งหลังสมบูรณ์อย่างรวดเร็วนั่นเอง ระยะเวลา : 2-3 เดือน/ยูนิต จุดเด่น : ได้สเปซการใช้งานในบ้านที่กว้างไม่มีเสาหรือคานมาบดบัง หมายเหตุ : การต่อเติม ทุบรื้อ ต้องอยู่ในการดูแลของวิศวกร     รูปภาพจาพ : Pinterest
ส่องทำเลฝั่งธนฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ส่องทำเลฝั่งธนฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด

เคยได้ยินคำว่า "รถไฟฟ้าสร้างเมือง" กันไหมคะ ทุกวันนี้เราจะสังเกตได้ว่าหากบริเวณไหนมีรถไฟฟ้าตัดผ่าน ย่านนั้นจะเริ่มมีความคึกคักขึ้นมาทันทีทั้งห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เมื่อมีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยเยอะขึ้นอาหารการกินก็มากตามไปด้วย กลายเป็นแหล่งที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบตัว เดินทางสะดวกรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้กลายเป็นวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน   ย่านที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปธรรมสายหนึ่งคือรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ–ท่าพระ (สายสีน้ำเงินฝั่งเหนือ) ทั้งหมด 10 สถานี ได้แก่ เตาปูน-บางโพ-บางอ้อ-บางพลัด-สิรินธร-บางยี่ขัน-บางขุนนนท์-แยกไฟฉาย-จริญสนิทวงศ์13-ท่าพระ เป็นรถไฟฟ้าแบบทางยกระดับตลอดสายรวมแล้ว 13 กิโลเมตร และช่วงหัวลำโพง–บางแค (สายสีน้ำเงินฝั่งใต้) เป็นรถไฟฟ้าใต้ดินตั้งแต่สถานีหัวลำโพงแล้วลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงสถานีท่าพระ มี 5 สถานี คือ วัดมังกรกมลาวาส-วังบูรพา-สนามไชย-อิสรภาพ-ท่าพระ รวมระยะทาง 5 กิโลเมตร แล้วต่อด้วยทางยกระดับตั้งแต่สถานีท่าพระ-บางแค มี 6 สถานี คือ ท่าพระ-บางไผ่-บางหว้า-เพชรเกษม 48-ภาษีเจริญ-บางแค อีก 9 กิโลเมตร ความพิเศษของสายนี้คือการเจาะอุโมงค์ทางวิ่งลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีไฮไลท์ที่สถานีสนามไชย ซึ่งมีการตกแต่งอย่างสวยงามผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ เมื่อเสร็จสมบูรณ์จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานีที่สวยที่สุดของประเทศไทย เพราะเป็นสถานีอยู่ในช่วงเกาะรัตนโกสินทร์ ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น  วัดโพธิ์, วัดพระแก้ว, มิวเซียมสยาม ฯลฯ ปัจจุบันมีการก่อสร้างแล้วเสร็จไปมากกว่า 90% คาดว่าจะเปิดใช้บริการประมาณปี 2562 และส่วนต่อขยายช่วงบางแค – พุทธมณฑลสาย 4 คาดว่าจะเปิดให้บริการประมาณปี 2564   ฝั่งธนบุรีย่านเมืองเก่าอันทรงเสน่ห์ที่วิถีชีวิตกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ทว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นตามยุคสมัยจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่จะเป็นเสมือนกุญแจสำคัญของการเปิดการขยายตัวของเมืองออกไป จนทำให้ฝั่งธนฯ กลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยเศรษฐกิจที่กำลังจะเติบโตตามไปด้วย เพราะหากรถไฟฟ้าสายนี้เสร็จสมบูรณ์ จะเป็นสายที่เดินรถเป็นวงกลม และเชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่าย ราคาที่ดินยังไม่แพงจนเกินไป โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 บาท/ตร.ว. แต่ที่ดินติดรถไฟฟ้าอยู่ที่ราว 400,000-500,000 บาท/ตร.ว. ในแง่ของโครงการคอนโดมิเนียมที่เราเริ่มเห็นเปิดตัวกันในปีนี้ กระแสแรงไม่แพ้ทำเลอื่น โดยเฉพาะย่านเจริญนคร ท่าพระ เพชรเกษม มีโครงการคอนโดมิเนียมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น     ศุภาลัยพรีเมียร์ หนึ่งในคอนโดตัวเด่นของปีนี้จากศุภาลัย อยู่ติดกับถนนลาดหญ้า กับถนนสมเด็จเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาลตากสิน ติดรถไฟฟ้าในอนาคตสายสีทอง สถานีคลองสาน คาดว่าแล้วเสร็จปี 2564 ราคาเริ่มต้น 3.1 ล้านบาท   บันยันทรี เรสซิเดนท์ จากเนอวานา ไดอิ ที่จับมือกับบันยันทรี กรุ๊ป เป็นคอนโดติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน อยู่ภายในซอยสมเด็จเจ้าพระยา 17 เน้นความเป็นส่วนตัวตามแบบฉบับคอนโดสไตล์ลักชัวรี่ ทุกห้องได้วิวแม่น้ำ ราคาเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท       เดอะ ไพรเวซี่ ท่าพระ-อินเตอร์เชนจ์ จากพฤกษา คอนโด High Rise คาดว่าแล้วเสร็จปี 2563 ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้สี่แยกท่าพระ ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีท่าพระ 100 เมตร ซึ่งจะเป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเทา และเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินฝั่งเหนือและฝั่งใต้ไว้ด้วยกัน ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท     ไอดีโอ สาทร-ท่าพระ คอนโดพร้อมอยู่ล่าสุดตัวหนึ่งจากอนันดา ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีโพธิ์นิมิตร 350 เมตร   วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา – ท่าพระ ทำเลตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีตลาดพลู 80 เมตร ราคาตอนเปิดตัวอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท   แอสปาย สาทร-ท่าพระ คอนโดพร้อมอยู่จากเอพี อยู่ใกล้กับสี่แยกรัชดา-ราชพฤกษ์ ติดกับบันไดทางขึ้น-ลง ของรถไฟฟ้าสถานีตลาดพลู ติด BRT สถานีราชพฤกษ์ ห่างจากเดอะมอลล์ท่าพระ 150 เมตร ในฝั่งเดียวกัน ราคา 2.77 ล้านบาท     เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56 จากนารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ติดถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้า ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค ในอนาคตก็จะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีภาษีเจริญ เพียง 40 เมตร ส่วนกลางสวยจัดเต็ม ในราคาเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท   เดอะเบส เพชรเกษม คอนโด High Rise จากแสนสิริ คาดว่าแล้วเสร็จประมาณปี 2563 เป้นโครงการที่เน้นเรื่องการเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างหลากหลาย ทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีเพชรเกษม48 ห่างจากรถไฟฟ้า สถานีบางหว้า ซึ่งจะเป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีน้ำเงิน เดินทางเข้าตัวเมืองได้ง่าย ห่างจากท่าเรือเพชรเกษม 31 เพียง 300 เมตร โดยซอยเพชรเกษม48 เป็นเส้นทางลัดไป ถ.บางแวก เชื่อมคุณสู่ ถ.พุทธมณฑล และถ.ราชพฤกษ์ ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท   ไม่เพียงแต่ตลาดคอนโดมิเนียมที่ให้ความสำคัญกับการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนี้เท่านั้น แต่ทางด้านห้างสรรพสินค้า ก็มีการขยับตัวตามไปด้วย เช่น เดอะมอลล์ บางแค ที่จะสร้างทางเชื่อมต่อกับสถานีหลักสอง, ศูนย์การค้าซีคอน บางแค จะสร้างทางเชื่อมกับสถานีภาษีเจริญ, ศูนย์การค้าเกตเวย์บางโพ จะสร้างทางเชื่อมกับสถานีบางโพ สิ่งสำคัญที่จะมาปลุกฝั่งธนให้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอันเพียบพร้อมของกรุงเทพฯ คือ ไอคอนสยาม เมกะโปรเจคริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะเป็นศูนย์การค้าพื้นที่กว่า 500,000 ตร.ม. และคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่   ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมเริ่มรุกตลาดฝั่งธนกันอย่างคึกคักในปีนี้ เชื่อว่าในปีหน้าหน้าและต่อไปจะต้องมีโครงการที่น่าสนใจจากหลายค่าย เพราะฝั่งธนฯ ยังคงมีที่ดินเปล่าเหลืออยู่พอสมควรทั้งที่ดินติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ดินที่เป็นคลังสินค้าเก่า โกดังเก่า โรงงาน ฯลฯ ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาได้อีกหลายโครงการ ยิ่งหากรถไฟฟ้าเปิดให้บริการก็จะยิ่งเพิ่มสีสันให้ย่านนี้มีมนต์เสน่ห์ของความเป็นเมืองเก่าในกลิ่นอายโมเดิร์นตามยุคสมัยควบคู่กัน
คู่มือการทำบุญบ้าน ต้อนรับปีใหม่ ฉบับเข้าใจง่าย!

คู่มือการทำบุญบ้าน ต้อนรับปีใหม่ ฉบับเข้าใจง่าย!

ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ทั้งที ใครมีแผนการทำบุญบ้าน คงต้องกดเซฟบทความนี้ไว้เลยค่ะ เพราะการทำบุญคือการแสดงเคารพต่อพระรัตนตรัยอันเป็นที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด เพื่อให้การเริ่มต้นเข้าอยู่อาศัยหรือการเริ่มกิจการประสบแต่ความสุขความสำเร็จ นอกจากนี้การทำบุญยังเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีอันดีกับเหล่าเทวดา สัมภเวสี ที่อาศัยอยู่ ณ สถานที่นั้นๆ ก่อนที่เราจะเข้าไปอยู่ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็น ต่างฝ่ายต่างให้คุณกัน ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน แต่ถ้าใครอยู่บ้านมาหลายปีแล้ว แต่อยากทำบุญเสริมสิริมงคลให้กับตัวเองและบ้านในปีหน้า Review Your Living ขอรวบรวมหลักการน่าสนใจของพิธีการนี้มาให้ก่อนใคร ไปดูว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องพิจารณากันบ้างค่ะ ทำบุญบ้านช่วงปีใหม่ไปทำไม? นอกจากเหตุผลเพื่อการเสริมสิริมงคลให้กับบ้านแล้ว หลายคนเชื่อว่าการทำบุญบ้านใหม่ คือการแสดงเคารพต่อพระรัตนตรัย และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกียรติกับเหล่าเทวดา เจ้าที่เจ้าทางที่อาศัยอยู่ ณ สถานที่นั้นๆ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของผู้อยู่อาศัยนั่นเองค่ะ ทำบุญบ้าน ต้องนิมนต์พระกี่รูป? จำนวนพระตามประเพณีนิยมในการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ คือเลขคี่ ซึ่งตามปกตินิยมนิมนต์ตั้งแต่ 5, 7 หรือ 9 รูป โดยถือกันว่าเลข 9 เป็นเลขมงคลขลังดี จะได้มีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป แต่ทั้งหมดนี้ก็แล้วแต่กำลังศรัทธานะคะ ถ้าหากสถานที่จัดงานทำบุญมีพื้นที่มากพอ แนะนำให้นิมนต์พระจำนวน 9 รูป จะดีที่สุดค่ะ ทำบุญบ้าน วันไหนดี? ถึงแม้ว่าฤกษ์ที่ดีที่สุดของการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ คือฤกษ์ที่เจ้าของบ้านสะดวก อาจจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เจ้าของบ้านและหมู่ญาติสามารถมารวมตัวกันได้ แต่ว่าบางตำราโบราณยังมีความเชื่อว่าไม่ควรทำในวันเสาร์ เพราะเชื่อกันว่าเป็นวันแห่งโทษทุกข์ รวมถึงดาวเสาร์ยังจัดเป็นดาวแห่งบาปเคราะห์ บางบ้านอาจจะดูปฏิทินจีนประกอบให้เลือกวันที่ตรงกับวันธงไชย ว่าเป็นวันดีหรือวันที่มีฤกษ์ดีที่เหมาะสมกับสิ่งที่ดี ช่วยส่งเสริมให้มีความสุข ความสำเร็จ เช่นการขึ้นบ้านใหม่ พิธีแต่งงาน ฤกษ์เข้าหอ ส่งตัว การออกรถใหม่ การเปิดบริษัท โรงงาน เป็นต้น ที่สำคัญควรนิมนต์พระล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน ทำบุญบ้าน ต้องเริ่มพิธีกี่โมง? ช่วงเวลาการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ สามารถเลือกว่าจะถวายภัตตาหารเช้าหรือเพล โดยถ้าเป็นการถวายภัตตาหารเช้าให้เริ่มเวลาประมาณ 7.30 น. หรือหากเลือกถวายภัตตาหารเพลก็ควรเริ่มพิธีเวลาประมาณ 10.30 น. อย่างไรก็ตามเวลาก็อาจยืดหยุ่นตามศาสนกิจของพระวัดที่เราได้ทำการนิมนต์ด้วย ควรเตรียมบทสวดอะไรไว้บ้าง? บทสวดสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ที่เจ้าของบ้านต้องเตรียมนำไว้สวดต่อหน้าพระก็มีตั้งแต่บทบูชาพระรัตนตรัย และ บทกราบนมัสการพระรัตนตรัย บทอาราธนาศีล 5, บทสมาทานศีล และบทอาราธนาพระปริตร เตรียมสถานที่ทำบุญบ้านอย่างไร? การจัดสถานที่ก่อนวันทำบุญขึ้นบ้านใหม่ นั้นควรทำความสะอาดบ้านให้สะอาด เก็บสิ่งของต่างๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย กำหนดมุมที่จะจัดวางโต๊ะหมู่บูชา พื้นที่สำหรับสงฆ์ ซึ่งเป็นมุมที่ไม่ควรแขวนหรือประดับภาพใดๆ เหนือศีรษะของพระภิกษุสงฆ์ ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง? อุปกรณ์สำคัญในการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ได้แก่โต๊ะหมู่บูชา, อาสนะพระ, ตาลปัตร, ขันน้ำมนต์, แป้งเจิม, แผ่นทอง, สายสิญจน์, เทียนน้ำมนต์, ดอกไม้, ธูปเทียน, พานพุ่ม เป็นต้น โดยจัดวางให้เป็นระเบียบถูกที่ถูกตำแหน่งดังต่อไปนี้   1. โต๊ะหมู่บูชาพระ ที่จัดเพื่อการแสดงความเคารพในพระรัตนตรัย จำต้องมีพระพุทธรูปที่เป็นพระประธาน ทิศการตั้งโต๊ะหมู่ไม่ได้ถูกกำหนดมาแบบตายตัว ควรพิจารณาจากความเหมาะสมของสถานที่โดยวางไว้ด้านขวามือของพระสงฆ์องค์ที่ 1 และไม่ควรตั้งอยู่ใต้บันได หน้าห้องน้ำ หรือหันไปในมุมอับเป็นต้น   2. อาสนะ สามารถหยิบยืมจากวัดมาใช้ได้ โดยอาสนะให้จัดวางให้มีระยะห่างพอดี ไม่ชิดติดกันจนเกินไป คำนึงถึงการวางข้าวของเครื่องใช้ของพระสงฆ์ด้วย (ตาลปัตร พร้อมน้ำดื่ม กระดาษชำระ และกระโถน)   3. อาหาร แบ่งออกเป็น 3 ชุดได้แก่ชุดบูชาข้าวพระพุทธ สำหรับพระสงฆ์ตามจำนวน และสำหรับเจ้าที่เจ้าทาง (หรือศาลพระภูมิที่ได้ทำการตั้งวางไว้แล้วของแต่ละบ้าน) ประกอบด้วยข้าว อาหารคาว ผลไม้ ของหวาน และน้ำดื่ม ชุดสำหรับพระพุทธวางไว้ด้านหน้าโต๊ะหมู่ สำหรับภัตตาหารของสงฆ์สามารถแบ่งออกเป็น 2 วง (ในกรณีนิมนต์พระ 9 รูป) สำหรับเจ้าที่เจ้าทางจัดเป็นสำรับเช่นกันแล้วนำไปวางไว้นอกชายคาบ้าน อาหารที่เป็นมงคลนิยมถวายได้แก่ ขนมมงคลไทย 5 อย่าง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน และขนมถ้วยฟู ผลไม้มงคลอย่างกล้วย มะพร้าว สาลี่ ทับทิม และส้ม   4. ของถวายสังฆทาน สามารถถวายได้ทั้งเครื่องอุปโภคและบริโภค ปัจจัย หรือผ้าไตรที่หลายบ้านนิยมถวายร่วมด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคล   5. อุปกรณ์เพื่อการการเจิมและการปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ ที่จะทำเป็นขั้นตอนท้ายสุดของพิธี โดยเจ้าของบ้าน (ฝ่ายชาย) ต้องเดินถือขันน้ำมนต์นำพระสงฆ์ไปตามห้องต่างๆเพื่อการปะพรม และปิดท้ายที่การเจิมประตู (ส่วนมากนิยมที่ประตูด้านหน้า) โดยอุปกรณ์ประกอบไปด้วยขี้ผึ้งสำหรับติดแผ่นทอง แผ่นทอง หรืออาจใช้เพียงแป้งเจิมหรือดินสอพองก็ได้ค่ะ   ใช้งบประมาณเท่าไหร่? โดยเฉลี่ยแล้ว หากเป็นพิธีเล็กๆ มีแค่คนในครอบครัว ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท แต่หากเป็นพิธีใหญ่ขึ้น ก็อาจจะอยู่ที่ 10,000 บาท ซึ่งเจ้าของบ้านเองควรเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสม เพราะจุดประสงค์ของพิธีขึ้นบ้านใหม่โดยแท้จริง คือการสร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้ผู้อยู่อาศัย ส่วนเรื่องพิธีการจะยิ่งใหญ่แค่ไหนนั้น ถือเป็นเรื่องรองค่ะ การเชิญแขกร่วมงานทำบุญบ้าน การเชิญแขกมาร่วมงานบุญบ้านนั้น ในกรณีที่เป็นการทำบุญบ้าน หากเจ้าภาพจัดงานได้แยกครอบครัวออกมาแล้ว บุคคลสำคัญที่ควรระลึกถึงและเชิญร่วมงานเป็นอันดับแรกคือ "พ่อและแม่" หากท่านมีชีวิตอยู่ ควรเชิญท่านได้ร่วมทำบุญ หากท่านไม่อยู่ ก็ควรทำบุญอุทิศกุศลแก่ท่าน เพราะความกตัญญูต่อพ่อแม่คือความเป็นสิริมงคลอันสูงสุด และยังความปลาบปลื้มให้ท่านได้เห็นความก้าวหน้าและความสำเร็จของเรา นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นญาติมิตร และพ้องเพื่อนที่สนิท การปฏิบัติตัวของผู้มาร่วมงาน สำหรับการปฏิบัติตัวของผู้มาร่วมงาน ผู้ไปงานทำบุญที่ถูกต้องควรปฏิบัติ 3 ประการ คือ ทำทาน, รักษาศีล และฟังการเจริญพระพุทธมนต์ จึงจะเรียกได้ว่าไปงานทำบุญอย่างเต็มปาก ไม่ใช่ไปคุย กินข้าว และกินเหล้า เพราะทั้งสามข้อหลังไม่ได้บุญแม้แต่น้อย และควรงดสุราและอบายมุข เพราะการทำบุญคือการนำความมงคลเข้าสู่บ้าน บุคคล และบริษัท ดังนั้นจึงควรงดการเลี้ยงสุรา เล่นการพนัน ในการทำบุญ อันเป็นอบายมุขสู่ความเสื่อม เพราะความเป็นมงคลมิได้เกิดจากการที่นิมนต์พระเจริญพระพุทธมนต์เท่านั้น แต่หากเกิดจากการที่เจ้าภาพกระทำในสิ่งที่เป็นมงคลคือ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ประกอบด้วยเป็นสำคัญ ขั้นตอนปฏิบัติของพิธีทำบุญบ้าน 1. นิมนต์พระสงฆ์เข้ายังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ ถวายน้ำดื่ม สนทนาธรรม และพร้อมเริ่มพิธีการเมื่อถึงเวลาฤกษ์ 2. จุดเทียนธูปที่โต๊ะหมู่บูชา ประธานฝ่ายเจ้าบ้านจุดเทียนโดยเริ่มจากด้านขวาของพระพุทธก่อนแล้วจึงตามด้วยเทียนด้านซ้าย และธูป ตามลำดับ 3. กราบพระพุทธ แบบเบญจางค์ประดิษฐ์ ประธานฝ่ายเจ้าบ้านกล่าวบูชาพระรัตนตรัย ตามด้วยอาราธนาศีล 5 ฝ่ายเจ้าบ้านกล่าวตามพระสงฆ์ด้วยบทสมาทานศีล ฝ่ายเจ้าบ้านกล่าวบทอาราธนาพระปริตร 4. ประธานฝ่ายเจ้าบ้านจุดเทียนสำหรับทำน้ำพระพุทธมนต์ เมื่อพระสงฆ์สวดถึง “อเสวนา จ พาลานัง” ถวายข้าวพระพุทธ ประธานถวายพระพุทธโดยวางภัตตาหารบนโต๊ะหรือผ้าขาวด้านหน้าโต๊ะหมู่ฯ วางให้สูงกว่าอาสนะพระสงฆ์ 5. ประเคนภัตตาหารแด่พระสงฆ์ เจ้าบ้านและแขกเหรื่อช่วยกันประเคน 6. เมื่อพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้วให้นำจตุปัจจัย ดอกไม้ ธูป เทียน และหรือสังฆทานมาวางรอไว้ที่หน้าพระสงฆ์ทุกรูป ดอกไม้วางขนานปลายดอกไม้ชี้ไปทางด้านขวามือของพระสงฆ์ และเจ้าภาพเข้ามาที่ต่อหน้าพระเพื่อยกถวาย หลังจากที่กล่าวคำถวายสังฆทานแล้ว 7. ลาข้าวพระพุทธ ต่อเนื่องด้วยการถวายสังฆทานด้วยบทถวายสังฆทาน 8. พระสงฆ์สวดอนุโมทนา เจ้าบ้านและผู้ร่วมงานกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศล 9. พระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ พร้อมทั้งสวดชยันโตฯ พนมมือ รับน้ำพระพุทธมนต์ 10. การเจิมและการปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ เจ้าภาพกราบนิมนต์ประธานสงฆ์ไปยังที่ๆ ต้องการเจิม เช่น ประตูทางเข้าออกหลัก ควรทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อยก่อนเจิม เมื่อท่านเจิมแล้วไม่ควรลบออก การปะพรมน้ำเจ้าภาพอาจนำท่านไปพรมตามห้องต่างๆได้ ในขณะพระสงฆ์พรมน้ำพุทธมนต์ ควรประนมมือรับน้ำพุทธมนต์ด้วยความเคารพอ่อนน้อม 11. การส่งพระกลับวัด เมื่อเสร็จพิธีแล้ว เจ้าภาพกราบขอบพระคุณในความเมตตาที่ท่านได้มาเป็นเนื้อนาบุญ และนำส่งคณะพระภิกษุสงฆ์ไปยังรถ ควรช่วยท่านยกไทยธรรมที่ถวายสังฆทานแล้วไปยังรถ ให้ประนมมือส่งท่านขึ้นรถด้วยความอ่อนน้อมและรอจนกว่ารถจะเคลื่อนตัวออกไปแล้วจึงค่อยเข้าบ้าน 12. เสร็จพิธี   แต่ถ้าบ้านไหนไม่มีเวลามากพอที่จะเตรียมทั้งข้าวของอุปกรณ์ต่างๆ อาหารเลี้ยงพระ อาหารสำหรับแขก ไปจนถึงนิมนต์พระ แล้วล่ะก็ เดี๋ยวนี้มีบริการจัดงานเลี้ยงทำบุญบริการถึงบ้านเลยนะคะ มีหลากหลายราคาให้ได้เลือกตามขนาดของงานที่จะจัด ตัวอย่างร้านที่รับจัดงาน อาทิ ธรรมะจัดสรร  3 minutesfood horapacatering
8 ทริค จัดบ้านตามฮวงจุ้ย เปิดรับโชค อยู่แล้วรวยตลอดปี

8 ทริค จัดบ้านตามฮวงจุ้ย เปิดรับโชค อยู่แล้วรวยตลอดปี

เมื่อบ้านคือที่อยู่อาศัย และเป็นพื้นที่พักผ่อน ตัดขาดความวุ่นวายจากโลกภายนอกของสมาชิกในครอบครัวได้ จึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่านิยามคำว่า 'บ้านคือวิมาน' นั้นหมายความว่าอย่างไร แต่การอยู่บ้านให้อยู่ เย็น เป็นสุข ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ควรคำนึงนะคะ เพราะหลายๆ คนที่เชื่อในเรื่องของ ฮวงจุ้ย ก็มักจะให้ซินแซเข้ามาเป็นผู้ดูแล ตรวจสอบในบ้านว่ามีอะไรผิดหลักไปบ้างหรือเปล่า ต้องจัดวางอะไรตรงไหนถึงจะเฮง ปังไปทั้งปี ซึ่งถ้าใครกำลังรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงตกทำอะไรก็ไม่ค่อยรุ่ง เงินขาดสภาพคล่องต้องหยิบยืมบ่อยๆ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะสละโสดเหมือนคนอื่นสักที วันนี้ Review Your Living มี 8 ทริค จัดบ้านเพื่อรับโชคลาภ อยู่แล้วรวยตลอดปี มาฝากกันค่ะ บอกเลยว่าเป็นวิธีที่ง่ายมาก แถมยังไม่ต้องทุบ รื้อ ถอน ให้สิ้นเปลืองใดๆ เพียงแค่ใช้เวลาว่างช่วงวันหยุดจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ยเรียกทรัพย์เสริมดวงกันหน่อย เงินทองจะได้ไหลมาเทมามีใช้ไม่ขาดมือแน่นอน 1.หน้าบ้านต้องเปิดโล่งรับทรัพย์ หลายๆ บ้านที่มักมีของกองอยู่หน้าบ้าน โดยเฉพาะรองเท้า คือข้อเสียในการกีดกันโชคลาภในหลักฮวงจุ้ย เพราะบริเวณหน้าบ้าน โดยเฉพาะลานที่ตรงกับหน้าประตู เปรียบเสมือนโต๊ะที่วางกับข้าว สำหรับป้อนเข้าปาก ส่วนประตู ก็เปรียบเสมือนปาก ที่รอรับอาหาร หรือพลังงานดีๆ นั่นเอง หากวางของกีดขวาง หน้าบ้าน หน้าประตู ก็เหมือนถูกขวางปาก ไม่ให้รับอาหารเต็มที่ ทำให้กินได้น้อย โชคก็น้อยตามไปด้วย หากจำเป็นต้องมีของวางจริงๆ ก็ควรวางให้อยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และใส่ตู้เก็บให้เรียบร้อยมิดชิด ไม่ให้กีดขวางด้านหน้า และที่สำคัญไม่ควรอยู่เหนือลม เพราะลมจะพากลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เข้ามาในบ้าน ซึ่งถือเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดี 2.เรียกเงินทองด้วยการเปิดประตูและหน้าต่าง การเปิดประตูและหน้าต่างเพื่อเรียกเงินและทอง ไม่จำเป็นต้องเปิดทั้งวันนะคะ สำหรับบ้านบางพื้นที่ที่มีอากาศร้อนมาก ต้องเปิดแอร์ ก็ควรเปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศในช่วงเช้าๆ ก่อน เพื่อรับมวลอากาศใหม่ๆ ที่บริสุทธิ์เข้ามาในบ้าน ซึ่งเป็นการสะสมพลังงานดีให้บ้านของเรา สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แนะนำให้เปิดประตูหน้าต่าง ในขณะที่เริ่มเปิดแอร์  สัก 5-15 นาที เพื่อให้ความชื้นที่สะสมในแอร์ และเชื้อโรคที่คั่งค้าง ได้รับการระบายออกไปก่อน แล้วค่อยรับอากาศใหม่เข้ามาในบ้านของเราค่ะ เพราะเมื่อมีลม ก็จะมีโชค เพราะลมนำพาออกซิเจนเข้ามา เพิ่มความสดชื่น และความปลอดโปร่งให้กับบ้านของเราได้เป็นอย่างดี 3.เปิดแสงสว่างส่องทางเข้าบ้าน แสงสว่าง คือ พลังหยาง หรือการเคลื่อนไหว Active หากคุณผู้อ่านรู้สึกนิ่งๆ เนือยๆ โชคลาภ ก็ไม่ถูกกระตุ้น ถ้าจัดบ้านให้มีความเป็นหยางมากเกินไป ก็จะส่งทำให้บรรยากาศในบ้านเคร่งเครียด อยู่ไม่สุข ดังนั้นควรเลือกไฟให้เหมาะกับตำแหน่งที่ใช้งาน จะได้เสริมทั้งโชค และอยู่บ้านอย่างมีความสุขด้วย เช่น บริเวณที่เราชอบอ่านหนังสือ หรือมุมแต่งหน้า ควรใช้ไฟขาว จะได้ไม่หลอกตา และไม่เสียสายตา ส่วนมุมที่เรานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ก็อาจเป็นวอร์มไลท์ เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย และไม่เคร่งเครียดมากเกินไปนะคะ ที่สำคัญทุกๆ พื้นที่ต้องมีไฟสว่างเพียงพอ ในตำแหน่งทางเดินต่างๆ ซึ่งเป็นเหมือนการนำทางพลังงานไปทุกที่ และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี 4.จัดวางเฟอร์นิเจอร์ซะใหม่ เมื่อมุมนั่งเล่นในบ้านเป็นที่ที่สมาชิกครอบครัวทุกคนพุดคุยปรึกษากัน ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ควรจะจัดให้ล้อมวง หรือชิดกันเพื่อง่ายต่อการพูดคุยกัน ไม่ควรจัดชิดผนังทั้งหมด เพราะจะเป็นการเพิ่มระยะห่างและทำให้สมาชิกแต่ละคนอยู่ในมุมของตัวเอง อีกอย่างหนึ่งที่แนะนำคือการปูพรมรองพื้นเฟอร์นิเจอร์ ไม่จำเป็นต้องวางเฟอร์นิเจอร์ทั้งตัวไว้บนพรมก็ได้ แต่อย่างน้อยควรให้ขาด้านหน้าของเฟอร์นิเจอร์วางอยู่บนพรม 5.เลือกของตกแต่งบ้านตามธาตุ ในวิชาโหราศาสตร์จีนและฮวงจุ้ยเชิงวิชาการ เรามองทุกสิ่งรอบตัวเป็นธาตุ รวมถึงทิศทางต่างๆ ด้วย ดังนั้นการตกแต่งบ้านให้รับโชค จึงควรทำระบบธาตุในบ้านของเรา เกิดความสอดคล้อง ทั้งก่อเกิด และถ่ายเท เพื่อความสมดุลของพลังงานทุกๆ ส่วนในบ้าน นอกจากจะช่วยส่งเสริมโชคลาภแล้วยังช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัย มีสุขภาพที่ดี และมีความรักใคร่สามัคคีกันอีกด้วย โดยในขั้นสูงนั้น ซินแสจะมีการเสริมธาตุที่ดีกับดวงให้กับแต่ละบุคคลอย่างเฉพาะเจาะจง ในตำแหน่งที่ดีกับดวงเป็นพิเศษด้วย   สำหรับทิศเหนือ : เป็นทิศธาตุน้ำ ควรตกแต่งด้วยน้ำพุหรือวัตถุทรงโค้ง ทรงกลม วาว รูปคลื่น หรือใช้สีฟ้า น้ำเงิน เทา ดำ ขาว เงิน ทอง และห้ามใช้สี เหลือง ส้ม ครีม น้ำตาล โอรส ตกแต่งบ้านเด็ดขาด ทิศใต้ : เป็นทิศธาตุไฟ ควรประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ต้นไม้ หรือวัตถุทรงสูง ทรงกระบอก ทรงปิระมิด หรือใช้สีแดง ชมพู เขียว และห้ามใช้สี ฟ้า น้ำเงิน เทา ดำ ตกแต่งบ้านเด็ดขาด ทิศตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ : เป็นทิศธาตุไม้ ควรตกแต่งด้วยต้นไม้ น้ำพุ หรือวัตถุทรงสูง รูปทรงคลื่น หรือใช้สีเขียว ฟ้า น้ำเงิน เทา ดำ และห้ามใช้สีเงิน ทอง โลหะ ต่างๆ ตกแต่งบ้านในทิศนี้เด็ดขาด ทิศตะวันตก และตะวันตกเฉียงเหนือ : เป็นทิศธาตุทอง ควรตกแต่งด้วยโลหะ ทรงกลม แวววาว เซรามิก เครื่องปั้นดินเผา หรือสีเงิน ทอง น้ำตาล ครีม เหลือง ส้ม โอรส ห้ามใช้สีแดง ชมพู ตกแต่งบ้านในทิศทางนี้โดยเด็ดขาด ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ : เป็นทิศธาตุดิน ควรตกแต่งด้วย เซรามิก เครื่องปั้นดินเผา หรือสีเหลือง ส้ม ครีม น้ำตาล โอรส แดง ชมพู ห้ามใช้สีเขียว ตกแต่งบ้านในทิศทางนี้โดยเด็ดขาด 6.เก็บกวาดบ้าน เตรียมรับโชค พื้นที่รกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย มักจะทำลายพลังและนำความไม่มั่นคงมาสู่บ้าน ดังนั้นควรจัดการทำความสะอาดพื้นที่เหล่านั้นให้เรียบร้อย และเพิ่มต้นไม้หรือดอกไม้เข้าไปเพื่อปรับพื้นที่ให้อากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งถ้าเป็นไปได้ควรนำน้ำพุมาตกแต่งบ้านด้วยก็ดีนะคะ เพราะน้ำพุถือว่าเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งในหลักของฮวงจุ้ย ซึ่งช่วยสร้างพลังและความเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของเงินทองด้วยค่ะ 7.เลือกใช้สีส่งเสริมการเงิน หากอยากเสริมโชคลาภ ส่งเสริมการเงิน ลองใช้สีที่สื่อถึงธาตุไม้ ธาตุน้ำ และธาตุดิน อย่าง สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีดำ สีส้มดิน หรือสีเหลืองอ่อน ตกแต่งในพื้นที่การเงิน ไม่ว่าจะในรูปแบบของสีผนัง สีผ้า หรือของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ก็จะช่วยส่งเสริมพลังแห่งความมั่งคั่งให้กับเราได้ นอกจากนี้สีของธาตุไฟอย่าง สีแดง สีส้ม สีม่วง สีม่วงแดง หรือสีชมพู ก็ช่วยกระตุ้นพลังทางด้านการเงินได้เช่นกัน เพียงแต่ควรใช้แต่น้อยหรือแค่แต่งแต้มเป็นบางจุดก็พอค่ะ 8.เครื่องรางทางฮวงจุ้ยก็ช่วยเกื้อหนุนได้ อีกหนึ่งทริคดีๆ ในการจัดบ้านเพื่อเรียกโชคลาภ ควรเลือกเครื่องรางทางฮวงจุ้ยที่ชอบและเข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านมาใช้ เช่น ตู้ปลาที่จัดถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย หรือเลี้ยงปลาที่ส่งเสริมโชคลาภ เช่น ปลาเงิน ปลาทอง ปลามังกร ปลาคาร์พ นอกจากนี้การตกแต่งบ้านด้วยเหรียญจีนโบราณมหาจักรพรรดิ แจกันความมั่งคั่ง เรือสำเภาจีน พระพุทธรูปแห่งความสุข (Laughing Buddha) คริสตัลไพไรต์ หรือซิทริน ก็ล้วนแต่ช่วยส่งเสริมโชคภาภได้เป็นอย่างดี   การจัดและตกแต่งบ้านอย่างถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย จะช่วยดึงดูดความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่คนในบ้านได้ ลองนำ 8 ทริค จัดบ้านเพื่อรับโชคลาภ อยู่แล้วรวยตลอดปี  ไปประยุกต์ใช้กันดูนะคะ นอกจากนี้ยังควรรักษาพลังงานให้สดชื่นและมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ โดยการทำบ้านให้มีกลิ่นหอมสดชื่นด้วยการใช้กลิ่นอโรมา กลิ่นดอกไม้สด หรือเทียนหอมก็ได้ค่ะ และอย่าลืมว่าแสงสว่างที่พอดีก็มีความสำคัญเช่นกันนะคะ รวมถึงอาจเปิดเพลงที่ฟังไพเราะเพื่อกระตุ้นพลังงานด้านบวก และสิ่งสุดท้ายที่ลืมไม่ได้ คือพื้นที่การเงินจะต้องสะอาดและเป็นระเบียบอยู่เสมอนั่นเอง จัดบ้านตามฮวงจุ้ย เสริมสิ่งดีๆ หลากหลายด้าน ของแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย ความรัก หาคู่แท้ ฮวงจุ้ยตำแหน่งเตียงนอน เสริมรักรุ่ง เงินพุ่ง ฮวงจุ้ยตู้เย็น วางตรงไหนเสริมดวง สีอะไรถูกโฉลก  
สูตรคำนวณผลตอบแทน ก่อนปล่อยเช่าคอนโด

สูตรคำนวณผลตอบแทน ก่อนปล่อยเช่าคอนโด

ทุกวันนี้มีหลายคนที่หันมาเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขายเพื่อเก็งกำไร โดยเฉพาะการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมที่ให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า ซึ่งมีให้เห็นกันอยู่เกือบทุกโครงการ แต่การปล่อยห้องให้เช่าในคอนโดมิเนียมนั้นจะต้องคำนึงถึงหลายสิ่งให้รอบด้าน ตั้งแต่การเลือกซื้อตัวโครงการที่มีศักยภาพสูง ทำเลที่ตั้งดี การเลือกทิศทางของห้อง การตกแต่งห้อง ไปจนถึงการคำนวณอัตราค่าเช่าให้เหมาะสมกับราคาตลาด เพื่อไม่ให้ผู้ปล่อยเช่าเจ็บตัวเสียเอง ผลตอบแทนจากการลงทุนปล่อยเช่า หรือที่เรียกกันในนักลงทุนคอนโดมิเนียมว่า “Yield” (Rental Yield) เป็นเครื่องมือในการคำนวณปล่อยเช่าที่ไม่ใช่เฉพาะกับคอนโดมิเนียมเท่านั้น คำนวณกับบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หอพัก โรงแรมก็ยังได้ ซึ่งมีหลายสูตรด้วยกัน คือ 1.Gross Rental Yield การคำนวณก่อนปล่อยเช่าคอนโด การคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าเบื้องต้น วิธีนี้ง่าย สะดวก แต่จะไม่มีการคิดต้นทุน กับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย               เช่น ราคาคอนโดที่เราซื้อมาอยู่ที่ 3,000,000 บาท แล้วจะปล่อยเช่า 15,000 บาท/เดือน โดยคาดว่าผู้เช่าจะเช่าอยู่ตามสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี(12 เดือน) ฉะนั้นค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดทั้งปี = 180,000 บาท แล้วเอามาคำนวณตามสูตรด้านบน คือ (180,000÷3,000,000) x100 = 6% ต่อปี วิธีนี้อาจมีความคาดเคลื่อนค่อนข้างสูง เพราะผู้เช่าอาจอยู่ไม่ครบตามสัญญา 1 ปี และอาจมีช่วงที่ไม่มีผู้เช่า 2-3 เดือน ฉะนั้นเราอาจจะเปลี่ยนตัวเลขการคำนวณจาก 12 เดือน เป็นเพียง 10 เดือน ก็ได้ 2.ปล่อยเช่าคอนโดให้คำนวณ Net Rental Yield การคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าสุทธิ วิธีนี้คล้ายกับวิธีแรก เพียงแต่จะนำค่าใช้จ่ายอื่นมาคำนวณด้วย เช่น ค่าส่วนกลาง ที่ต้องจ่ายกันเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น ราคาคอนโดที่เราซื้อมาอยู่ที่ 5,000,000 บาท แล้วจะปล่อยเช่า 30,000 บาท/เดือน โดยคาดว่าผู้เช่าจะเช่าอยู่ตามสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี(12 เดือน) ฉะนั้นค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดทั้งปี = 360,000 บาท เสร็จแล้วคำนวณค่าส่วนกลาง เช่น ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม. ยูนิตที่จะปล่อยเช่ามีขนาด 50 ตร.ม. ก็จะเท่ากับ 2,250 บาท/เดือน รวม 12 เดือน = 27,000 และเมื่อคำนวณตามสูตร (333,000÷5,000,000) x100 = 6.66% วิธีนี้เราจะมองเห็นผลตอบแทนได้เห็นภาพจริงมากกว่าแบบแรก แต่หากจะคำนวณเผื่อช่วงที่ไม่มีคนเช่าก็เปลี่ยนจาก 12 เดือน เป็น 10 เดือนแทนดูก็ได้ 3.คำนวณ Cash on Cash Rental Yield ก่อนปล่อยเช่าคอนโด เป็นวิธีคำนวณที่เหมาะกับผู้ที่กู้สินเชื่อธนาคารเพื่อซื้อคอนโดมิเนียม เพราะไม่ได้จ่ายเงินทั้งก้อนตามราคาจริงของคอนโด และยังมีการนำค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนที่เราจ่ายออกไปจริงๆ มาคำนวณด้วย เช่น ค่าเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้อง ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าดาวน์ เป็นต้น เช่น ปล่อยเช่าเดือนละ 15,000 บาท/เดือน ทั้งหมด 12 เดือน จะได้ค่าเช่า 180,000 บาท/ปี ค่าส่วนกลาง 2,000 บาท/เดือน เท่ากับมีค่าใช้จ่าย 24,000 บาท/ปี สรุปค่าเช่าที่จะได้รับจริงเป็น 156,000 บาท/ปี เจ้าของห้องต้องผ่อนจ่ายสินเชื่อทุกเดือน งวดละ 10,000 บาท/เดือน ภายใน 1 ปี จะต้องจ่ายเป็นเงิน 120,000 บาท/ปี เงินจอง 50,000 บาท เงินดาวน์ 200,000 บาท ค่าเฟอร์นิเจอร์ และค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งหมด 100,000 บาท เมื่อคำนวณตามสูตร (180,000-24,000)÷(10,000+200,000+100,000)×100 = 10.3%   วิธีทั้งหมดนี้เมื่อคำนวณออกมาแล้วไม่ควรต่ำกว่า 5% และผลตอบแทนที่ได้ควรสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ 2% ขึ้นไป ทั้งนี้เราก็ต้องดูองค์ประกอบของห้องที่เราจะปล่อยเช่า เช่น ห้องอยู่ในมุมที่ได้วิวโล่ง ไม่ถูกบล็อควิว ไม่โดนแดดบ่าย เฟอร์นิเจอร์พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมเข้าอยู่ เลขชั้นที่อยู่ เลขห้องที่เป็นมงคล สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางของโครงการ ทำเลที่ตั้งของโครงการ รวมถึงดูราคาตลาดปล่อยเช่าในโครงการเดียวกัน และโครงการใกล้เคียงด้วย การที่เราให้ราคาที่สมเหตุสมผลจะทำให้ปล่อยเช่าได้ง่ายมากกว่า และแม้ว่าสูตรทั้งหมดนี้จะสามารถนำไปใช้คำนวณเบื้องต้นได้จริง แต่ก็ให้ระวังความคาดเคลื่อนไว้ด้วย เพราะอสังหาริมทรัพย์นั้นมีปัจจัยจากทั้งภายนอก และภายในเข้ามาทำให้มีผลกระทบอยู่หลายอย่าง บทความอื่นๆ เกี่ยวกับการปล่อยเช่าคอนโด 4 เทคนิคเบื้องต้นแต่งคอนโดปล่อยเช่า ลงทุนคอนโดฯ ปล่อยเช่า ทำอย่างไรให้ไปรอด ชินวะ เรียลเอสเตส ติดอาวุธให้คอนโดปล่อยเช่า
ไอเดียแต่งบ้าน 5 มุม ตามเทรนด์สี Pantone ประจำปี 2018

ไอเดียแต่งบ้าน 5 มุม ตามเทรนด์สี Pantone ประจำปี 2018

สำหรับปี 2018 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ทุกอย่างรอบตัวมักเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ โดยเฉพาะการอัพเดทเทรนด์ฮิตที่กำลังมาแรง จนทำให้ผู้เขียนได้ติดตามมาเรื่อยๆ หากใครอยากตกแต่งบ้านเพื่อให้ดูดีน่าอยู่ยิ่งขึ้น การตกแต่งบ้านตามเทรนด์สี Pantone ก็นับว่าเป็นไอเดียที่ดี เพราะเมื่อไม่นานมานี้ทาง Pantone Color Institute บริษัทสีและสถาบันวิเคราะห์สีชั้นนำของโลก ได้ออกมาประกาศเทรนด์สีโดดเด่นที่คาดว่าจะถูกใช้กันในปี 2018 โดยสี Pantone Color นั้นมีอิทธิพลกับวงการออกแบบแทบจะทุกวงการ ตั้งแต่การนำไปใช้ในแวดวงแฟชั่น, งานออกแบบสินค้า, งานออกแบบโฆษณา และสื่อสิ่งพิมพ์ ไปจนถึงการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกเลยทีเดียว สำหรับเทรนด์สีปี 2018 ที่ทาง Pantone ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ สีม่วง Ultra Violet (PANTONE 18-3838) หรือ สีม่วงโทนน้ำเงิน เป็นสีที่สื่อถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความฉลาดหลักแหลม การไม่ตีกรอบความคิด จินตนาการอันไร้ขอบเขต ความกว้างขวาง และความลึกลับของจักรวาล โดยเป็นสีที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้สามารถทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ดังนั้นการแต่งบ้านตามเทรนด์สีสุดฮิตของแพนโทน จึงนับได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณผู้อ่านอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถเลือกซื้อของตกแต่งบ้าน พร้อมทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ชื่นชอบตามเฉดสีของ Pantone ได้ตามใจ ครั้งนี้ทีมงานเราจึงได้คัดไอเดียแต่งบ้านสีม่วง 5 มุม มาฝากกัน สำหรับใครที่ชอบสีม่วงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือใครอยากจะอินเทรนด์ก็ลองนำไอเดียไปใช้กันดูนะคะ   แต่งมุมนั่งเล่นด้วยสีม่วง Ultra Violet หากคุณผู้อ่านอยากให้ห้องนั่งเล่นของคุณดูอินเทรนด์ ตามสี Pantone 2018 การเลือกใช้สีม่วงทาที่ผนังจะทำให้ห้องดูโดดเด่นมากขึ้น ซึ่งถ้าใครอยากได้ไอเดียในการตกแต่งบ้านก็สามารถเลือกใช้เฉดสีนี้ได้เลยค่ะ เพราะจะส่งผลทำให้บ้านของคุณดูน่าสนใจ มีความสะอาดตามากยิ่งขึ้น ข้อแนะนำอีกหนึ่งสิ่งควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ พร้อมของตกแต่งบ้านที่มีสีขาวควบคู่ ไม่ว่าจะเป็น โซฟา, โต๊ะ, เก้าอี้, แจกัน หรือกรอบรูปแต่งบ้าน เพื่อให้โทนสีดูตัดกัน แต่ถ้าอยากให้ห้องดูสวยงามรับกันมากขึ้นก็เพียงแค่เลือกหมอนอิง, ม่าน หรือพรมปูพื้น เป็นสีม่วงโทนเดียวกับผนังห้อง ก็ย่อมทำให้บ้านของคุณดูสวย สง่า และโดดเด่นไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน   ห้องน้ำก็อินเทรนด์ได้นะ! จะแต่งบ้านให้อินเทรนด์รับกับโทนสีใหม่ทั้งที ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้สีม่วงแต่งห้องเพียงสีเดียวก็ได้นะคะ เพราะสีม่วงเป็นสีรองที่เกิดจากการผสมกันของแม่สี ได้แก่สีแดงและสีน้ำเงิน ทำให้สามารถเข้ากันได้ดีกับทั้งสีโทนร้อนและโทนเย็น เช่น การใช้สีม่วง+สีแดง+สีชมพู จะให้มีความรู้สึกลึกลับและดูเป็นห้องที่มีความมั่นใจ หากเลือกใช้สีม่วง+สีเหลือง จะให้ความรู้สึกที่ดูอบอุ่นและสบายมากขึ้น และถ้าใช้สีม่วง+สีเทา อย่างห้องน้ำในภาพตัวอย่างที่เราเลือกมา ก็ใช้สีม่วงแค่ส่วนของเคาน์เตอร์ล้างหน้า ซึ่งดูตัดกับสีของผนังและกระเบื้องสีเทา ที่ทำให้ห้องดูสุขุม สงบนิ่ง เป็นทางการ และดูโมเดิร์นมากขึ้น ทั้งนี้การเลือกใช้คู่สีต้องพิจารณาจากการใช้งานของห้องและอารมณ์ที่ต้องการนั้นๆ   เท่ก็ได้ อ่อนหวานบ้างก็ดี.. สำหรับห้องนอนบ้านใครที่ก่อผนังอิฐก่อโชว์แนวสไตล์เท่ๆ ไว้อยู่แล้ว หากอยากแต่งบ้านให้อินเทรนด์ตามโทนสีใหม่แพนโทน ข้อแนะนำง่ายๆ ให้ทาสีทับผนังอิฐไปเลยค่ะ ซึ่งการใช้สีม่วงนั้นไม่จำเป็นต้องเลือกสีเข้มเสมอไป เพราะสีม่วงโทนอ่อน ก็เป็นตัวเลือกที่ทำให้ห้องดูสว่างมากขึ้นซึ่งจะเหมาะกับห้องนอนมากกว่า การใช้สีม่วงที่ดูมืดจะให้ความรู้สึกที่ดูลึกลับและสนุกสนาน แต่ด้วยห้องนอนเป็นห้องที่ไว้ใช้สำหรับพักผ่อน เราจึงควรใช้สีม่วงผสมผสานกับโทนอื่น อาทิ สีม่วงโทนแดง, สีชมพู หรือสีขาว เพื่อให้ห้องดูมีอ่อนหวานชวนฝันมากขึ้น นอกจากนี้หากเลือกใช้ผ้าปูที่นอนหรือผ้าห่มสีม่วงอ่อน ก็จะทำให้ห้องนอนของคุณดูสวย สบายตา และมีนุ่มนวลได้แบบไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว   เรียบแต่เก๋! ต้องขอบอกก่อนเลยว่าสีม่วง Ultra Violet จากแพนโทน 2018 ที่ใช้ในงานอินทีเรียหรือสถาปัตยกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องทาอาคาร, ผนังทั้งหมด ซึ่งถ้าเราอยากตกแต่งบ้านให้อินเทรนด์ ก็สามารถเลือกทาสีเฉพาะจุดก็ได้ค่ะ อย่างเช่น ห้องครัวในภาพตัวอย่างที่เราเลือกมา ก็ทาสีม่วงที่ผนังเพียงฝั่งเดียว เพื่อย้อมสีให้ห้องดูสนุกสนาน น่าหลงใหล และมีเสน่ห์มากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเคาน์เตอร์ครัวใหม่ แถมยังคงมีความเก๋ไก๋ สร้างจุดน่าสนใจในห้องครัวขึ้นมาง่ายๆ   เก้าอี้สีม่วงของฉัน แต่งห้องครัวด้วยโทนสีม่วง Ultra Violet ไว้แล้ว แน่นอนว่าปีหน้าจะต้องมีเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ชั้นนำออกคอลเล็คชั่นตามสี Pantone ประจำปีมาอย่างมากมาย ซึ่งใครที่ชื่นชอบการตกแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ ให้ลองเริ่มจากการเปลี่ยนเก้าอี้เก่าที่บ้านให้เป็นของใหม่ก่อนก็ได้ค่ะ ทั้งนี้สีม่วงเป็นสีที่เข้ากันกับห้องสีขาวและสีเทาอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับพื้นไม้และเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็สามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์สีม่วงมาวางได้เลย แต่หากต้องการให้ห้องดูมีความโมเดิร์นและดูสงบนิ่ง ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีม่วงแค่ไม่กี่ชิ้นก็เพียงพอแล้วค่ะ ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างไอเดียแต่งบ้านผ่านเฉดสี Pantone 2018 ไม่ว่าคุณผู้อ่านจะชื่นชอบสีโทนไหน อยากจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้านในรูปแบบอะไร ก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยค่ะ เพียงแค่ควรยึดหลักในการตกแต่งตามเฉดสี Pantone เทรนด์สีสุดฮอตไว้เท่านั้น เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเปลี่ยนแปลงบ้านของคุณให้ดูสวยน่ามองน่าอยู่ จนใครๆ พากันหลงใหลและอยากมาเยี่ยมเยียนบ้านของคุณบ่อยๆ แน่นอน รูปภาพจาก : Pinterest
7 เช็คลิสต์สำคัญในบ้าน ที่ควรเช็คก่อนไปท่องเที่ยววันหยุด

7 เช็คลิสต์สำคัญในบ้าน ที่ควรเช็คก่อนไปท่องเที่ยววันหยุด

ใกล้สิ้นปีทั้งที ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็เวียนมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่หลายคนรอคอย เพราะมีวันหยุดยาวติดกันหลายวันทำให้มีโอกาสได้ท่องเที่ยวอีกด้วย แน่นอนค่ะว่าหลายๆ ครอบครัว ก็คงจะถือโอกาสช่วงนี้ไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุดสิ้นปีใช่ไหมล่ะคะ บางบ้านอาจจะไปต่างจังหวัดแค่ไม่กี่วัน แต่บางครอบครัวอาจไปพักผ่อนต่างประเทศยาวเป็นสัปดาห์ก็ได้ แต่การไปเที่ยวโดยมีความกังวลห่วงบ้าน ก็คงไม่มีความสุขหรอกค่ะ ผู้เขียนเข้าใจดี จึงรวบรวม 7 ข้อเช็คลิสต์สำคัญในบ้าน ที่ควรเช็คก่อนไปท่องเที่ยววันหยุด มาฝาก ซึ่งการเตรียมความพร้อมก่อนวันหยุดยาวเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญนะคะ จะมองข้ามไปเฉยๆ ไม่ได้เลย ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของบ้านและทรัพย์สินต่อตัวผู้อ่านเอง เอาล่ะค่ะ! จะมัวชักไปทำไม ว่าแล้วก็เตรียมกระดาษปากกาให้พร้อม แล้วมาทำความรู้จักกับเรื่องสำคัญที่ควรเช็คลิสต์กันดีกว่า จะได้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ หายห่วง แถมบ้านยังปลอดภัยอีกด้วยนะ 1. ตรวจเช็คกุญแจ  เรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ก่อนออกจากบ้าน แนะนำให้ตรวจเช็คอุปกรณ์ตัวล็อคประตูหน้าต่างให้พร้อมใช้งาน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าต่างห้องน้ำ และห้องครัวที่เป็นจุดที่คาดไม่ถึง ห้ามคิดเลยนะคะว่าปิดแน่นสนิทแล้ว ควรตรวจเช็คให้ดี หากจุดไหนมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ควรจะเปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อยก่อนวันหยุดติดต่อกันยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่อยู่บ้านติดต่อกันนานๆ เพื่อป้องการมิจฉาชีพที่เข้ามาโจรกรรมในบ้าน 2. ระบบไฟฟ้าในบ้านควรตรวจสอบให้เรียบร้อย  หากคุณผู้อ่านเดินทางไปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ไม่อยู่บ้านติดต่อกันหลายๆ วัน หลังจากตรวจเช็คกุญแจแล้ว ควรตรวจปลั๊กไฟ และเต้าเสียบไฟไม่ให้มีไฟรั่วไหลเป็นอันตราย หากอุปกรณ์ชำรุดให้ทำการแก้ไขให้เพื่อป้องกันความปลอดภัย พร้อมทั้งตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า และดึงปลั๊กออกให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือไฟช็อต ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ได้นั่นเอง 3. ปิดวาล์วแก๊ส และวาล์วน้ำ อีกหนึ่งข้อที่หลายๆ บ้านมักจะลืมเช็คก่อนออกจากบ้าน ก็คือ ปิดวาล์วแก๊ส และวาล์วน้ำ ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดมากมายตามข่าวที่เราพบเจอ ดังนั้นก่อนออกจากบ้านแนะนำให้ทำการปิดวาล์วให้เรียบร้อย พร้อมตรวจเช็คว่าไม่มีการรั่วไหลของแก๊ส และตรวจสอบไม่ให้มีอุปกรณ์ที่ติดไฟง่าย ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งการปิดวาล์วน้ำก็เพื่อป้องกันอุบัติเหตุกรณีท่อน้ำประปาแตก หรือชำรุดทำให้น้ำท่วมบ้านเวลาที่ไม่อยู่เป็นระยะนาน 4. ทำความสะอาดบ้าน และตู้เย็นให้สะอาด ก่อนวันหยุดยาวมาถึง สิ่งที่ควรทำนอกจากทำความสะอาดบ้าน ขจัดสิ่งสกปรก อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือควรเคลียร์ตู้เย็น ตรวจสอบไม่ให้มีอาหารสดตกค้างอยู่ในตู้เย็น และนำขยะไปทิ้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นภายในบ้าน พร้อมทั้งทำความสะอาดเสื้อผ้าก่อนไปเที่ยว จัดการซักผ้าที่ไม่ใช้แล้วและเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยนะคะ เพราะเสื้อผ้าที่สกปรกอาจจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและส่งกลิ่นเหม็นและยังทำให้เสื้อผ้าเก่าเร็วอีกด้วย 5. ตรวจสอบระบบกล้องวงจรปิด ก่อนไปเที่ยววันหยุดยาวทั้งที อีกหนึ่งสิ่งที่ควรตรวจสอบคือ ระบบกล้องวงจรปิด แนะนำให้เช็คว่าตัวกล้องนั้นสามารถใช้งานได้ดีหรือไม่ ตรวจสอบแบตเตอร์รี่และปลั๊กไฟให้พร้อมใช้งาน และหมั่นตรวจเช็คกล้องวงจรปิดเวลาอยู่นอกบ้านเป็นเวลานานผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่ออย่างสมาร์ทโฟน ว่าภายในบ้านเรียบร้อยปลอดภัยดีหรือเปล่า 6. เปิดไฟในบ้านให้เหมือนมีคนอยู่อาศัย สำหรับคนที่ห่วงบ้านมาก ไปเที่ยวไหนก็ไม่เคยสนุก เพราะมัวแต่กังวลว่าบ้านจะเป็นอย่างไร? จะปลอดภัยไหม? การเปิดไฟไว้ในบ้านให้เหมือนมีคนอยู่อาศัย ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยค่ะ เพราะบ้านที่มืดไม่มีแสงสว่างมักจะล่อตาล่อใจโจรได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการเปิดไฟทิ้งไว้ก็ทำให้อุ่นใจได้ขึ้นมาบ้าง แนะนำให้ติดตั้งหลอดไฟที่สามารถติดได้เองในเวลากลางคืน และดับลงในเวลาที่มีแสงอาทิตย์ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้า 7. ไม่ควรเก็บทรัพย์สินมีค่าไว้ที่บ้าน หลังจากเช็คลิสส์ข้อต่างๆ ก่อนออกจากบ้านทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้อสำคัญสุดท้ายที่ไม่ควรลืม คือ ทรัพย์สินมีค่า จำพวก เงินสด, เพชร, ทอง หรือของมีค่าอื่นๆ ซึ่งไม่ควรเก็บไว้ในบ้าน ควรนำไปฝากเซฟในธนาคารแทน แต่หากจำเป็นก็ควรเก็บล็อคไว้ในตู้เซฟให้มิดชิด เพื่อป้องกันขโมยขึ้นบ้าน สำหรับใครที่กำลังมีแพลนจะเดินทางไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวนี้ อย่าลืมนำเช็คลิสต์สำคัญที่เรานำมาฝากด้านบนไปตรวจสอบกันนะคะ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยต่อทรัพย์สิน และความอุ่นใจต่อสมาชิกในครอบครัว จะได้ไปเที่ยวกันอย่างมีความสุข เพลิดเพลิน และควรขับรถระมัดระวังด้วยนะคะ ยังไงทีมงาน Review Your Living ก็ขออวยพรให้ทุกคนเดินทางปลอดภัยและมีความสุขตลอดทั้งทริปเลยค่า :)
เคล็ดลับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้าน

เคล็ดลับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้าน

เบื่อไหมคะกับปัญหาโลกแตกจำพวก กลิ่นอับ กลิ่นเหม็นต่างๆ ภายในบ้าน ซึ่งนับได้ว่าเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์อย่างยิ่งในครอบครัว นอกจากจะก่อความรําคาญเป็นมลพิษทางอากาศแล้ว ยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอีกด้วย จริงๆ แล้ว กลิ่นเหม็น กลิ่นอับ เกิดขึ้นได้หลายปัจจัย ทั้งจากสิ่งที่เรานำเข้ามาไว้ภายในห้อง โดยเฉพาะอาหารนานาชนิด หรือจะเป็นกลิ่นบุหรี่ กลิ่นห้องน้ำ วันนี้เราจึงรวบรวม กลิ่นไม่พึงประสงค์ ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน พร้อมเคล็ดลับการกำจัดกลิ่นเหล่านี้ให้หมดไป วิธีไหนถูกใจใคร อ่านเสร็จแล้วลงมือทำตามกันได้เลยค่ะ   1. กลิ่นอับในตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าจํานวนมากและไม่ได้ทําความสะอาด หรือบางครั้งเผลอนําเสื้อผ้าที่ยังแห้งไม่สนิทเก็บใส่เข้าตู้ ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดกลิ่นอับและมีคราบเชื้อราจนกลิ่นนั้นติดอยู่ตามเสื้อผ้า หลักการกําจัดกลิ่นอับเหล่านี้แบบง่ายๆ คือ ห้ามให้ภายในตู้มีความชื้น ควรเปิดบานตู้ทิ้งไว้สักพักเป็นประจําเพื่อให้อากาศถ่ายเท และควรเช็ดทําความสะอาดควบคู่กันไปด้วย โดยใช้ผ้าชุบน้ําบิดหมาดๆ เช็ดคราบฝุ่นและเชื้อรา แล้วจึงจัดเรียงเสื้อผ้าแยกเป็นหมวดหมู่อย่างเรียบร้อย แต่ไม่ควรแน่นจนเต็มตู้นะคะ ซึ่งอาจเพิ่มความหอมด้วยสบู่ก้อนใหม่ที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน โดยนําใส่ภาชนะแล้ววางไว้ตามมุมตู้หรือแขวนเครื่องหอมอย่างการบูรก็ช่วยให้กลิ่นอับหมดไป แถมยังได้เสื้อผ้าที่มีกลิ่นหอมๆ มาสวมใส่สร้างความมั่นใจได้อีกด้วย   2. กลิ่นอาหารติดครัว ไม่ว่าจะเป็นครัวขนาดเล็กหรือใหญ่ก็มักมีกลิ่นอาหารติดครัว ยิ่งอยู่ในพื้นที่ปิดการติดตั้งเครื่องดูดควันและพัดลมระบายอากาศยิ่งจําเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันกลิ่นอาหารลอยคละคลุ้งไปทั่วบ้าน และไอจากความร้อนกลายเป็นคราบมันเกาะติดตามผนัง สําหรับการเลือกซื้อเครื่องดูดควัน ควรพิจารณาจากกําลังวัตต์ซึ่งมีผลต่อความแรงในการดูดควันมาเป็นอันดับแรก เพราะยิ่งกําลังดูดสูงเท่าไรก็ยิ่งดูดกลิ่นและควันออกจากห้องครัวได้เร็วขึ้น แต่ทางที่ดีควรเลือกใช้กําลังวัตต์ให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ครัว เพื่อช่วยประหยัดไฟส่วนกลิ่นไหม้ของอาหารที่ติดตามภาชนะ เช่น หม้อ กระทะ ฯลฯ ลองใช้มะนาวหั่นเป็นชิ้นขัดถูแล้วทําความสะอาดตามปกติ กลิ่นอาหารก็จะหมดไปแล้วค่ะ   3. กลิ่นติดตู้เย็น สารพัดอาหารที่สมาชิกในครอบครัวมักเก็บเข้าตู้เย็น หากแช่ทิ้งไว้เป็นเวลานานจนลืม กระทั่งหมดอายุหรือเกิดการเน่าเสีย นานวันเข้าจะกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและทําให้ตู้เย็นส่งกลิ่นเหม็น วิธีป้องกันกลิ่นอาหารติดตู้เย็นที่ได้ผลดี คือ ทุกครั้งก่อนนําอาหารเข้าตู้เย็นต้องบรรจุอาหารใส่กล่องที่มีฝาปิดสนิท ถุงซิปล็อก หรือหุ้มด้วยพลาสติก นอกจากมีประโยชน์เรื่องกําจัดกลิ่นแล้ว ยังช่วยถนอมอาหารได้อีกด้วย ควรเช็ดทําความสะอาดภายในตู้เย็นและเคลียร์ของที่แช่ไว้ทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ถ่านหุงต้มใส่ภาชนะเล็กๆ แช่ภายในชั้นตู้เย็นเพื่อช่วยดูดกลิ่น หรือวางมะนาวผ่าครึ่งลูกในตู้เย็นก็ได้ผลดีเช่นเดียวกัน อีกทั้งกลิ่นมะนาวยังทําให้รู้สึกสดชื่นขึ้นด้วยนะ   4. กลิ่นจากห้องน้ำ หากคุณทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจํา แต่กลิ่นเหม็นยังคงอยู่กวนใจสาเหตุส่วนใหญ่อาจเกิดจากกลิ่นที่ย้อนขึ้นมา จากท่อน้ำทิ้ง ซึ่งมีวิธีจัดการไม่ยุ่งยาก เพียงใช้ฟองน้ำชุบน้ำ นําไปปิดไว้ตรงฝาท่อน้ำทิ้ง แต่ฟองน้ำนั้นต้องชุ่มน้ำตลอดเวลาถึงจะได้ผลดี หรือราดน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ (EM) ลงท่อระบายน้ำทิ้ง เพื่อให้ไปทําปฏิกิริยากําจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรก อีกหนึ่งตัวช่วยที่น่าสนใจที่สะดวกและมีประสิทธิภาพก็คือ การติดตั้งท่อกันกลิ่นแบบสําเร็จรูปไว้ภายในท่อน้ำทิ้ง หาซื้อได้ตามร้านสุขภัณฑ์ทั่วไป สําหรับกลิ่นที่มาจากโถสุขภัณฑ์ ถ้าเป็นชักโครกต้องมีน้ำหล่ออยู่ภายในตลอดเวลา เพื่อป้องกันกลิ่นที่ย้อนขึ้นมาจากบ่อเกรอะ สําหรับโถปัสสาวะชายที่ส่งกลิ่นเหม็นฉุน แนะนำให้ลองหั่นผลมะกรูดเป็นชิ้นวางไว้ หรือใส่ลูกเหม็นไว้ก็ดับกลิ่นได้ดี และควรติดตั้งพัดลมระบายอากาศภายในห้องน้ำ จะช่วยระบายกลิ่นเหม็นออกไปได้มากเลยทีเดียวค่ะ   5. กลิ่นจากตู้เก็บรองเท้า อีกหนึ่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็คือ ตู้เก็บรองเท้าส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมา ต้นตอของปัญหาเหล่านี้ก็มาจากรองเท้าที่เราใส่เป็นประจํา แต่ขาดการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี จึงเกิดการหมักหมมของเหงื่อไคล ความอับชื้น ก่อนเก็บควรดูสักนิด หากรองเท้าที่ใส่เปียกชื้นห้ามเก็บเข้าตู้ทันที ต้องผึ่งให้แห้งหรือซักทําความสะอาดก่อน และหมั่นนํารองเท้าไปตากแดดเป็นประจํา อีกวิธีที่ช่วยลดกลิ่นได้ก็คือม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นก้อนใส่ในรองเท้า หมึกจากกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดซับกลิ่นอับและความชื้นได้ หรือจะใช้ถุงผ้าห่อเบกกิ้งโซดาหรือกากกาแฟนําไปใส่ไว้ในรองเท้าก็ให้ผลดีเช่นเดียวกัน ถ้าใครอยากใช้วิธีธรรมชาติในการลดกลิ่น ก็อาจเลือกใช้ใบเตย โดยนำมาตัดออกประมาณ 5-10 ใบ และนํามาตากแดดแล้ววางไว้บนชั้นวางรองเท้า เมื่อใบเตยเจอกับแดด กลิ่นของใบเตยจะช่วยดูดซับความอับและมีกลิ่นหอมสดชื่นด้วยค่ะ ปัญหากลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้บรรยากาศในบ้านเสียไม่ใช่น้อยเลยนะคะ ดังนั้นนอกจากการดูแลรักษาความสะอาดให้บ้านดูน่าอยู่อาศัยแล้ว การขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามหัวข้อด้านบนที่เรานำมาฝาก ก็นับเป็นเรื่องจำเป็นและควรทำอย่างยิ่งเลยนะคะ ทั้งนี้ก็เพื่อความสุขของสมาชิกทุกคนในครอบครัว  รูปภาพจาก : www.pinterest.com            
DI Wireless Switch ตัวช่วยประหยัดพลังงานภายในบ้าน

DI Wireless Switch ตัวช่วยประหยัดพลังงานภายในบ้าน

ปลดล็อกการใช้งานสวิตซ์ไฟรูปแบบเดิมๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาเจาะผนังและเดินสายไฟให้ยุ่งยาก กับ DI Wireless Switch ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ DI (ดีไอ) Concept Store ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท จาร์เค็น ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นมาเพื่ออำนวยความสะดวก อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า ลดโลกร้อน จากการนำพลังงานในการเคลื่อนไหวของร่างกาย มาแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยสามารถนำกลับมาใช้ไหม่แบบไม่มีวันหมด สำหรับการออกแบบสินค้าชิ้นนี้เกิดจากความตั้งใจที่ว่า.. 'การออกแบบที่ดีต้องมาพร้อมกับความยั่งยืนในการใช้งานทุกๆ มิติ รวมถึงมิติของพลังงานด้วย' ดังนั้นสวิตซ์ควบคุมไฟในบ้านจึงเป็นผลงานที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยเหตุผล คุณค่า ผ่านหลักการ energy-harvesting ซึ่งเป็นแนวโน้มการพัฒนาวัสดุพลังงานที่กำลังได้รับความสนใจในยุคนี้ จากการเก็บเกี่ยวพลังงานสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ทั้งการเคลื่อนไหวของร่างกายจากแรงสั่นสะเทือน แปรให้เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วนำกลับมาใช้ใหม่แบบที่ไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในต่างประเทศ ทุกวันนี้สังคมเราเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เป็นสังคมแบบพลวัตที่ต้องคำนึงถึงคนรุ่นหลัง ทาง DI (ดีไอ) เลยตั้งใจออกแบบโดยทิ้งอะไรให้คนรุ่นหลังคิดได้ว่าโลกยังมีอะไรให้เรารักษา โดยที่ลงมือทำผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จากความคิดสร้างสรรค์ คำนึงถึงผลกระทบต่ออนาคต โดยเน้นการเก็บเกี่ยวพลังงานจากสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการเก็บพลังงานขนาดเล็กทุกที่ทุกเวลา แตกต่างจากแหล่งเก็บเกี่ยวอย่างพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่คนส่วนใหญ่มักนึกถึง ซึ่งเจ้า DI Wireless Switch เป็นการเก็บพลังงานตรงจากแรงสั่นสะเทือนของการกดนิ้วมือลงบนสวิตซ์โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ไม่เพียงเท่านี้ DI Wireless Switch ยังถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและใช้งานง่าย ดีไซน์สไตล์มินิมอล ทรงกลม มีให้เลือกหลากหลายสีสันตามสไตล์ของผู้ใช้งาน อาทิ สีขาว สีเขียว สีแดง และสีทอง เป็นต้น ซึ่งคลอบคลุมทุกจุดทั้งภายในและภายนอกอาคาร รวมไปจนถึงสำนักงาน เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ไร้สายที่มีระยะควบคุมได้ไกลถึง 170 เมตร (ภายนอก) และระยะ 30 เมตร (ภายในอาคาร) โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การติดตั้งอย่างไม่ยุ่งยากเพียงนำ receiver อุปกรณ์ที่มาพร้อมในกล่องไปติดที่สวิตซ์ไฟในบ้าน เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ผู้เขียนเชื่อว่าการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อมง่ายๆ เริ่มต้นได้จากการ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ไม่ต้องมีค่าบำรุงรักษาอย่าง DI Wireless Switch ที่ออกแบบมาได้น่ารัก พกพาง่าย เหมาะสมแก่การให้เป็นของขวัญแด่คนสนิท และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานดีไซน์รักษ์โลกที่เราสามารถช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อีกทาง
9 ต้นไม้มงคล ช่วยเสริมโชคลาภ มอบเป็นของขวัญปีใหม่

9 ต้นไม้มงคล ช่วยเสริมโชคลาภ มอบเป็นของขวัญปีใหม่

ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ใครหลายคนต่างเฉลิมฉลอง มอบของขวัญให้แก่กัน บางคนอาจจะมีของขวัญไว้ในใจแล้ว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยใช่ไหมคะที่รู้สึกเบื่อกับของขวัญเดิมๆ เช่น กระเช้าปีใหม่ เค้ก หรือแม้แต่ของใช้ส่วนตัว เป็นต้น หากใครยังคิดไม่ออกว่าจะหาของขวัญแบบไหนไปมอบให้คนพิเศษ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพรัก Review Your Living ขอแนะนำของขวัญปีใหม่ที่ทั้งมีประโยชน์และเป็นมงคล ความหมายดีกับ 9 ต้นไม้มงคล ที่คุณหาซื้อได้ง่ายๆ ตามตลาดต้นไม้ทั่วไปมาฝากค่ะ 1.วาสนา “เชื่อว่าถ้าผู้ใดปลูกแล้วเจริญงอกงามจนออกดอก ถือเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาดี” พรรณไม้ที่คนไทยรู้จักกันมานาน มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นหลายแบบและ มีชื่อแตกต่างกันไป เช่น สายสะพายจอมพล วาสนาเรือนนอก และวาสนาอธิษฐาน ซึ่งนับว่าเป็นชนิดเดียวกันทั้งสิ้น เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 2–7 เมตร ลำต้นแก่สีน้ำตาลอ่อนเห็นข้อปล้องชัดเจน ดอกออกเป็นช่อกระจุก ออกดอกในฤดูหนาวหรือช่วงที่มีอากาศเย็น สามารถเติบโตได้ในดินทุกประเภท ชอบแสงแดดจัดตลอดวันหรือครึ่งวัน 2.เศรษฐีเรือนแก้ว “เชื่อว่าหากปลูกแล้วเจริญงอกงามดี ผู้เลี้ยงก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน” ต้นเศรษฐีเรือนแก้ว หรืออีกชื่อเรียกว่าเศรษฐีเรือนเขียว เป็นไม้ชอบน้ำและความชื้นสูง แสงรำไร ควรปลูกในดินร่วนซุยหรือดินปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี หากปลูกในร่มก็ควรให้ถูกแสงแดดบ้าง นิยมนำมาปลูกในกระถางแขวน หรือกระถางเตี้ย เชื่อกันว่ามีประโยชน์ในด้านป้องกันสรรพภัย 3.โป๊ยเซียน “เชื่อกันว่าถ้าปลูกโป๊ยเซียนไว้ที่บ้านจะอยู่เย็นเป็นสุข และมีโชคลาภ” อีกหนึ่งต้นไม้ยอดฮิตประจำบ้านคือ 'โป๊ยเซียน' ไม้พุ่มอายุหลายปี ต้นสูงได้ถึง 1 เมตร ทุกส่วนอวบน้ำและมีน้ำยางสีขาว มีหนามขึ้นอยู่รอบลำต้น ดอกออกเป็นช่อกระจุกที่ซอกใบใกล้ปลายยอด ทั้งขาว ชมพู แดง ส้ม เขียว เหลือง ฯลฯ เติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำดี หรือดินร่วนปนทราย ชอบแสงแดดตลอดวัน ปลูกเลี้ยงง่าย หากปลูกแล้วให้ดอก 8 หรือ 16 ดอก เชื่อว่าจะมีโชคลาภเกิดขึ้นนั่นเอง 4.บานไม่รู้โรย “เชื่อว่าหากปลูกไว้รอบบ้านจะช่วยให้เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน” ต้นบานไม้รู้โพรยเป็นไม้ล้มลุกอายุ 1-2 ปี ต้นเป็นพุ่มสูง 20-60 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรงหรือทอด มีขนนุ่มสีขาวหนาแน่น ดอกมีหลายสีทั้งสีขาว ชมพู แดง และม่วง สามารถปลูกในดินทั่วไปที่ระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดเต็มวัน นิยมปลูกเป็นแปลงไม้ดอกแบบธรรมชาติ ประดับสวน ปลูกริมทางเดิน นอกจากความหมายดีแล้วยังเพิ่มความสวยงามให้แก่บ้านอีกด้วย 5.นางกวัก “เชื่อว่าถ้าปลูกไว้ที่บ้านจะช่วยให้บ้านร่มเย็น เป็นสิริมงคล หากกินหัวและใบ จะคงกระพันชาตรี” นางกวัก เป็นพรรณไม้ในประเทศแถบอินโดจีน เป็นไม้ล้มลุก สูงถึง 30 – 60 เซนติเมตร ลำต้นใต้ดินเป็นหัวคล้ายเผือก ใบลักษณะรูปหัวใจ ปลูกในดินได้ทุกประเภท ควรปลูกในที่แสงแดดรำไรและที่มีความชื้นสูง นับว่าเป็นว่านที่ได้รับความนิยมมาแต่ครั้งโบราณ เพราะความเชื่อที่ว่าควรปลูกไว้ที่บ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ก็มีข้อควรระวังนะคะ เพราะทุกส่วนของต้นนั้นมีสารแคลเซียมออกซาเลตที่ทำให้คันได้ 6.คล้าถุงเงิน "เชื่อว่าถ้าปลูกไว้ที่บ้านจะทำมาค้าขึ้น เก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ" คล้าถุงเงิน เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ความสูงประมาณ 30 – 50 เซนติเมตร ลำต้นมีเหง้าสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน สำหรับการปลูกเลี้ยงนั้นก็ดูแลง่าย เพราะคล้าถุงเงินชอบดินร่วนระบายน้ำดีหรือดินร่วนปนทราย แสงแดดรำไร ขยายพันธุ์โดยการแยกกอ ซึ่งสามารถตัดใบมาจัดดอกไม้หรือปักแจกันได้อีกด้วย แถมยังทนทานอยู่ได้หลายวันด้วยค่ะ 7.ไผ่น้ำเต้า "เชื่อว่า ใครปลูกน้ำเต้าหน้าบ้านจะเก็บเงินได้มากมาย" ไผ่น้ำเต้า เป็นไผ่ขนาดเล็ก อายุหลายปี ความสูงไม่เกิน 5 เมตร ทรงพุ่มแตกกอแน่น ลำต้นเส้นผ่านศูนย์กลางลำ 5–6 เซนติเมตร ปล้องสั้น ยาว 5-20 เมตร ปล้องด้านล่างโป่งพองออกคล้ายน้ำเต้า เนื้อลำหนา สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกประเภท แสงแดดตลอดวัน ทนแล้ง ทนน้ำท่วม โตช้า ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่ง นิยมปลูกเพื่อให้ความร่มเงา 8.ทับทิมเศรษฐี "เชื่อว่าถ้าปลูกไว้ที่บ้านแล้วจะร่ำรวย มีเงินทองเหลือใช้" ต้นทับทิมเศรษฐี เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูงได้ถึง 1.20 เมตร ลำต้นมีเหง้าทอดเลื้อยใต้ดิน เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายความชื้นสูง แสงแดดรำไร ขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอ หากได้รับความชื้นไม่พอหรือแสงแดดมากเกินไป ใบจะไหม้ง่าย เป็นไม้ที่ด่างเกิดจากการกลายพันธุ์ของชนิดปกติ เดิมมีราคาสูง ต่อมามีการขายพันธุ์เพิ่มมากขึ้นจึงมีราคาถูกลงมาตามลำดับ 9.เศรษฐีกอดทรัพย์ "เชื่อว่าปลูกเศรษฐีกอดทรัพย์แล้วใบม้วนเป็นหลอดจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและร่ำรวย" เศรษฐีกอดทรัพย์ เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ความสูง 50 เซนติเมตร ลำต้นใต้ดินมีรากสะสมอาหารเป็นกระจุก ก้านใบแผ่ออกเป็นกาบโอบหุ้มลำต้น ไม้ต้นนี้เป็นชนิดเดียวกับซุ้มกระต่ายด่างหรือเศรษฐีไซ่ง่อน ต่างกันที่ใบไม่ม้วนงอ ขอบใบด่างสีขาว ซึ่งมีความเชื่อว่าปลูกไปแล้วใบม้วนเป็นหลอดจะประสบความสำเร็จนั่นเอง ความเชื่อในเรื่องสิ่งมงคล เหมือนเป็นสิ่งที่ฝั่งรากลึกลงในความนึกคิดของคนไทยมาช้านาน ให้ยึดถือ เชื่อมั่น และปฏิบัติตาม ในเรื่องของการปลูกต้นไม้ ที่ว่าต้นไหนปลูกแล้ว ดี หรือไม่ดี อย่างไร ก็เป็นความเชื่อที่คนส่วนใหญ่ยึดปฏิบัติตามกันมานาน ดังนั้นเราจึงเลือกแนะนำ 9 ต้นไม้มงคล ที่ปลูกแล้วส่งเสริมบารมี เหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญปีใหม่ มาฝากผู้อ่าน เพื่อให้สวนของสวย แถมยังเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้ที่อยู่อาศัยอีกด้วย  เกี่ยวกับต้นไม้มงคลอื่นๆ พรรณไม้เสริมสิริมงคลประจำวันเกิดและราศีเกิด ต้นไม้มงคลเสริมฮวงจุ้ย 12 นักษัตร นอกจากต้นไม้มงคล ยังมีต้นไม้ประเภทอื่นอีกมากมาย 5 ต้นไม้ริมรั้วบ้าน สวยงาม แถมปลูกไว้กันขโมย! ต้นไม้ไล่ยุง ปลูกไว้ไร้แมลงร้าย 5 ต้นไม้ใหญ่ เสริมสิริมงคล ช่วยให้เย็นสบายที่ควรปลูกไว้ในบ้าน
แต่งคอนโดเล็กๆ ของคนงบน้อยให้น่าอยู่ แถมมีพื้นที่เก็บของเยอะ

แต่งคอนโดเล็กๆ ของคนงบน้อยให้น่าอยู่ แถมมีพื้นที่เก็บของเยอะ

ในยุคที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ “คอนโดมิเนียม” จึงเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของผู้คนทั่วไป เหตุผลหลักนอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลทองซึ่งมักอยู่ติดกับถนนสายหลักที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายและประหยัดเวลาแล้ว ผู้อยู่อาศัยยังสามารถออกแบบและตกแต่งห้องให้สวยงามในสไตล์ตัวเองได้ดั่งใจ แม้พื้นที่ห้องจะมีขนาดจำกัดแค่ไหน แต่ก็ยังสามารถเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นที่ผสานพื้นที่พักผ่อนกับพื้นที่เก็บของเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และหากคุณตัดสินใจจะซื้อคอนโดฯ ขนาดเล็กไว้สักห้องหนึ่ง นอกจากการคำนึงถึงรูปแบบของพื้นที่ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่ดีจะต้องแข็งแรง ทนทาน สวยงามและใช้งานได้หลากหลาย วันนี้ Review Your Living จึงขอเสนอไอเดียหลักเพื่อช่วยคุณในการจัดสรรพื้นที่เล็กๆ ให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการตกแต่งสเปซภายในให้ลงตัวพร้อมอยู่ได้ทันทีมาฝาก ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ก็คือ Bricko Collection จาก Koncept Furniture ด้วยไอเดียการผสาน Style & Function ไว้ด้วยกัน นอกจากจะได้ความสวย เท่ แล้ว ยังใช้งานได้จริงอย่างแน่นอน จุดเด่นของ Bricko Collection คือเฟอร์นิเจอร์ที่ยืดขนาดพื้นที่ความสุขในคอนโดได้มากขึ้น ด้วยการออกแบบสินค้าทุกชิ้นให้เข้ากับพื้นที่ใช้สอยทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ที่สำคัญคือมีขนาดกะทัดรัด เว้นขอบบัว ลงตัวง่ายแม้คอนโดเล็กๆ ซึ่งก็ทำให้ห้องสวยพร้อมตอบโจทย์สไตล์โมเดิร์น ทันสมัย แต่งสวยได้ทุกห้อง เพราะครบครันไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องทานข้าว ซึ่งเทรนด์การตกแต่งที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คือการตกแต่งในสไตล์ LOFT ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นการโชว์พื้นผิว เช่น ปูนเปลือย อิฐ โครงเหล็ก รวมไปถึงการเดินสายไฟต่างๆ แต่ในบางครั้งโครงสร้างของที่อยู่อาศัย ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เราเสมอไป ดังนั้นวิธีแก้คือการหันมาโฟกัสที่เฟอร์นิเจอร์ แทนการไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างของตัวอาคาร ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ LOFT ที่นำมาฝากกันในวันนี้ค่ะ...     LIVING ROOM  มาเริ่มกันที่มุมแรกกับเป็นมุมรับแขก ในที่นี้ขอแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ มุมโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กับมุมโซฟา  เริ่มกันที่มุมโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ประกอบไปด้วยชั้นวางทีวี (ที่ดีไซน์ให้เป็นตู้เก็บรองเท้าไปด้วยในตัว) และชั้นแขวนด้านบน ที่มีดีไซน์ครอบเบรกเกอร์ ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้พื้นที่ผนังได้อย่างเต็มที่ ตอบโจทย์ชีวิตคอนโดถึงแม้จะพื้นที่น้อย ก็มีห้องสวยคุมโทนได้ ชุดวางทีวี บริคโก้ สไตล์ลอฟท์ (Bricko Loft Style) ขนาด 120 x 30 x 230 ซม. สีออทัมบราวน์ ตัด เกรย์โต้ ชั้นวางทีวีด้านบนเป็นชั้นแขวนมีรูร้อยสายไฟ พร้อมด้วยฟังก์ชั่นตู้เก็บของด้านล่างเป็นชั้นวางรองเท้า สามารถวางรองเท้าได้ 16-24 คู่ พร้อมรูระบายอากาศด้านหลัง 4 ช่อง ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บพื้นที่จัดเก็บได้มากขึ้น อีกด้านคือโซฟา มุมพักผ่อนเล็กๆ ที่เอาไว้เอนกาย เหยียดขา เมื่อคุณกลับมาถึงห้อง ซึ่งในมุมนี้ Bricko มีการดีไซน์ที่ผสานความจำเป็นในการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็น โซฟา ชั้นเก็บของ และโต๊ะทำงาน  พร้อมฟังก์ชั่นการจัดเก็บมากมาย เช่น โซฟามีช่องเก็บของหน้าบานสไลด์ไว้ด้านล่าง โต๊ะทำงานมีรูร้อยสายไฟเพื่อความเป็นระเบียบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังคงความ Loft ไว้ได้อย่างลงตัว กล่องแขวนด้านบนเพิ่มพื่จัดเก็บมากขึ้น ซึ่งมีขนาดกว้าง 160 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เจาะยึดผนังแขวนด้วยไม้ก้อน มีบานเปิดด้วยกัน 4 บาน  ภายในแบ่งเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น 8 ช่อง โดยแต่ละชั้นสามารถรองรับน้ำหนักในการวางของได้ 5 กิโลกรัม และยังสามารถเลื่อนปรับระดับได้อีกด้วย โซฟาบริคโก้ ขนาดกว้าง 160 x ยาว 100 x  สูง 90 ซม. โครงสร้างทำมาจากไม้สีโซลิดโอ๊ค ซึ่งเป็นสีไม้อ่อนที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ มีเบาะรองหนา 13 ซม. เป็นเบาะที่ห่อหุ้มด้วยผ้า นุ่มสบาย นอกจากนั้นยังสามารถถอดซักแห้งทำความสะอาดได้อีกด้วย ด้านบนของโซฟาเป็นพื้นปิดผิวสีเดนิม และช่องริมสุดเป็นช่องวางสำหรับวางของอื่นๆ ความพิเศษของโซฟาบริคโก้ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะด้านล่างของโซฟาเป็นหน้าบานสไลด์ สำหรับเก็บของ 2 บาน มีความลึก 70 ซม. เราสามารถเก็บของได้ไว้ในใต้โซฟานี้ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า, กล่องใส่ของ, หนังสือ หรือจิปาถะอื่นๆ ชั้นแขวนบริคโก้ ขนาดกว้าง 160 x ยาว 20 x สูง 60 ซม. มีส่วนประกอบหลักเป็นเหล็กสีดำ เพิ่มความดิบในแนวสไตล์ลอฟท์มากขึ้น โดยแบ่งชั้นวางของ 4 ชั้น สามารถวางของโชว์ ตุ๊กตา ต้นไม้เล็ก หรืออื่นๆ พร้อมด้วยกล่องแขวนขนาดกว้าง 160 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เจาะยึดผนังแขวนด้วยไม้ก้อน มีบานเปิดด้วยกัน 4 บาน  ภายในแบ่งเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น  8 ช่อง ซึ่งแต่ละชั้นสามารถรองรับน้ำหนักในการวางของได้ถึง 5 กิโลกรัม และยังสามารถเลื่อนปรับระดับได้อีกด้วย BEDROOM  ห้องนอน จุดเด่นคือชั้นและตู้เก็บของบริเวณหัวเตียงที่ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งาน โดยตัวเตียงจะมีลิ้นชักเก็บของบริเวณด้านข้าง ที่สำคัญคือสามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งซ้ายหรือขวาตามความชอบ ในส่วนของดีไซน์ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะมีการหยิบเอาลูกเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์ลอฟท์อย่าง “ปูนเปลือย” มาดีไซน์เป็นหน้าบานลิ้นชักตัดกับโทนสีน้ำตาลเข้มและพื้นผิวของวัสดุในบริเวณอื่น ทำให้สไตล์ลอฟท์ในห้องนอนนี้ ดูโดดเด่นมากขึ้น “ชุดห้องนอนบริคโก้  (Bricko Bedroom Set 6 ชิ้น)” ที่มาพร้อมเตียงนอน 5 ฟุต ขนาดกว้าง 160 x  ยาว 220 x  สูง 90 ซม. โดยโครงสร้างทำมาจากไม้สีออทัมน์ บราวน์ ซึ่งเป็นสีไม้เข้มที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ ส่วนเรื่องรองรับน้ำหนักไม่มีปัญหาเลยค่ะ ไม่ว่าผู้อยู่อาศัยจะตัวเล็กตัวใหญ่ก็สามารถนอนได้สบาย เพราะสามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 800 กิโลกรัมเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่เพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้กับเรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวเตียง ที่ปิดผิวด้วยสีเกรย์โต้ ซึ่งเป็นวัสดุปิดผิวสีใหม่ให้ดูคล้ายเหมือนสีปูนเปลือย ซึ่งเป็นสีประจำในแนวสไตล์ลอฟท์ และมีช่องว่างเปล่าๆ อีก 1 ช่องริมสุด ซึ่งเราสามารถวางวางไอแพด วางมือถือได้สะดวกเมื่อตอนเวลาเรานอนอีกด้วย ฟังก์ชั่นของเตียงรุ่นบริคโก้ยังมีความพิเศษอีกอย่างนั่นคือใต้เตียงเป็นลิ้นชัก 2 ช่อง ที่เราสามารถดึงเข้าดึงออก เอาไว้ใส่สิ่งของต่างๆ ได้สารพัดไม่ว่าจะเป็นหนังสือ กล่อง รูปภาพ และอื่นตามแต่ใจ ถือว่าเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับห้องมากยิ่งขึ้น ในส่วนบริเวณด้านข้างนั้นยังมีตู้ข้างเตียง ขนาดกว้าง 160 x  ยาว 220 x  สูง 90 ซม. มีช่องใส่ของด้านบน ถัดลงมาเป็นลิ้นชักเก็บของ ส่วนด้านล่างก็เป็นช่างวางของขนาดใหญ่ ไม่มีผนังหลังสะดวกในการใช้ปลั๊กไฟหรือจะวางหนังสือซ้อนกันเป็นชั้นๆ ก็สะดวกสบายแบบสุดๆ มาพร้อมกับกล่องแขวนด้านบน กว้าง 30 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เป็นชั้นวางของ 2 ชั้น สามารถเลื่อนปรับระดับได้ และชั้นวางของขนาด กว้าง 30 x ยาว 20 x สูง 80 ซม.ที่จะเราสามารถวางของได้สารพัดนึกเลยค่ะ ถัดมาเป็นพื้นที่บริเวณปลายเตียง ซึ่งขอเรียกรวมๆ ว่าเป็นมุมจัดเก็บสำหรับห้องนอน เพราะเฟอร์นิเจอร์ในมุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้านั้น จะเน้นการดีไซน์ที่โดดเด่นเรื่องฟังก์ชั่นการจัดเก็บที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้ได้จัดเก็บเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกายอื่นๆ ในคอนโดของคุณ ให้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง เรื่องแต่งตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับคนที่ชอบรักการแต่งตัวเป็นชีวิตจิตใจ ก็ต้องอยากมีไว้ภายในห้อง เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นชุดบริคโกก็จัดหนักจัดเต็มออกแบบมาตอบสนองความต้องการด้วย “โต๊ะเครื่องแป้งแบบยืนรุ่นบริคโก้” เหมาะสำหรับคอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด โดยโครงสร้างเป็นไม้สีออทัมน์ บราวน์ ซึ่งเป็นสีไม้เข้มที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ได้เป็นอย่างดี ด้านบนเป็นกระจกบานใหญ่เอาไว้สำส่องสำหรับแต่งตัว แถมยังมีตะขอแขวนตรงด้านข้าง 2 ตะขอ เราสามารถใช้ไว้สำหรับแขวนสร้อยคอ กุญแจ นาฬิกา ก็ง่ายสะดวกสบาย มีชั้นวางของตรงใต้กระจกสามารถวางของเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง น้ำหอม หรืออื่นๆ ส่วนด้านล่างนั้นเป็นราวแขวนผ้า เราสามารถแขวนกางเกง ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้า ได้ที่ราวแขวนนี้เลย ก้มลงไปหยิบได้สะดวก แถมด้านหลังไม่มีผนังหลัง เปิดโล่ง เพิ่มความสะดวกในการใช้ปลั๊กไฟ และยังดีไซน์เข้ามุมหลบบัวด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์มากยิ่งขึ้น DINING CORNER มุมเล็กๆที่คุณสามารถเอาไว้นั่งชิลกับทุกมื้ออาหารของคุณ ตอบโจทย์ความต้องการนี้ด้วย ชุดโต๊ะอาหาร Bricko ที่มีดีไซน์กระทัดรัด สวย จบในเซตเดียว ทั้งลิ้นชักเก็บของด้านข้าง สำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ กล่องแขวนติดผนังด้านบน และชั้นวางของอเนกประสงค์ สำหรับใช้จัดเก็บหรือวางของตกแต่ง...เรียกได้ว่าสวยเต็มสไตล์เหมาะสำหรับชาวคอนโดอย่างแท้จริง ชุดโต๊ะอาหาร บริคโก้ สไตล์ลอฟท์ (Bricko Loft Style) สีออทัมบราวน์ ตัดสีเกรย์โต้ ประกอบด้วย โต๊ะ 100 ซม., ชั้นแขวน 20 ซม., ชั้นแขวน 80 ซม. และ กล่องแขวน 100 ซม. ทั้งหมดจำนวน 4 ชิ้น โต๊ะอาหารที่พร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นมากมาย โต๊ะเพิ่มความเท่บ่งบอกสไตล์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยส่วนประกอบเหล็กสีดำ 1 ด้าน มีหน้าบานลิ้นชัก เปิดเก็บของด้านใน 2 ชั้น มือจับเป็นเหล็กสีดำ ดีไซน์หลบบัวบ้านด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอยได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสินค้าชุดนี้เหมาะสำหรับผนังที่มีความสูง 240 ซม. เป็นต้นไป และจำเป็นต้องยึดเกาะผนังด้วยนะคะ ถ้าใครที่ชื่นชอบในสไตล์การตกแต่งห้องแนวลอฟท์ และกำลังหาเฟอร์นิเจอร์ไปจัดวาง โดยเฉพาะห้องขนาดพื้นที่จำกัดที่เน้นประหยัดพื้นที่ แต่ก็ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน  เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นใหม่จาก Koncept Furniture ก็นับว่าน่าสนใจและถูกออกแบบมาเพื่อพื้นที่เล็ก เอาใจสาวกลอฟท์ที่อยากแต่งห้องสวย เท่ แต่มีขนาดจำกัดได้เป็นอย่างดี เพราะ  “Bricko Style for Condo” เผยเสน่ห์ดิบเท่ด้วยงานดีไซน์เรียบง่าย ผสานหลากวัสดุ ใช้พื้นที่จัดวางน้อยแต่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มาก นอกจากนี้ยังมีมัณฑนากรหรือเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบตกแต่งห้องประจำแต่ละสาขาด้วย เพียงคุณมีแปลนห้องและรายละเอียดขนาดห้องต่างๆ ก็สามารถปรึกษาและรับการออกแบบได้ฟรี! จะวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่สนใจ ตรงไหน ห้องไหน ยังไงดี ก็ลองไปปรึกษาดูนะคะ ถือว่าครบชุดและคุ้มค่ากับราคาจริงๆ ค่ะ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกมาแนะนำในวันนี้ เพราะนอกจากจะตกแต่งได้ง่าย เลือกขนาดได้ตามใจ สามารถประกอบเข้าชุดกับตัวอื่นๆ ในคอลเลคชั่นเดียวกันได้อย่างสะดวก รวดเร็วแล้ว ยังมีความสวยเท่ ทันสมัย และมีสไตล์ในแบบลอฟท์ได้ดีทีเดียว หากอยากรู้จักเฟอร์นิเจอร์ Bricko Collection มากขึ้น หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://goo.gl/75Ljpv
คิดจะเปลี่ยนแบบห้องน้ำใหม่ให้สวยและปลอดภัย เริ่มต้นง่ายๆ ที่ HomePro

คิดจะเปลี่ยนแบบห้องน้ำใหม่ให้สวยและปลอดภัย เริ่มต้นง่ายๆ ที่ HomePro

ส่วนประกอบในการสร้างบ้านสักหลังหนึ่งให้ออกมาสวยงามและสมบูรณ์แบบ นอกจากการออกแบบลักษณะการใช้งานให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าแล้ว การเลือกใช้วัสดุที่ดีก็ย่อมทำให้บ้านดูแข็งแรงทนทานมากขึ้น โดยเฉพาะกับ ‘ห้องน้ำ’ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของทุกคนตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน นับว่าเป็นห้องที่มีความสำคัญอีกห้องหนึ่ง ดังนั้นการออกแบบตกแต่งให้สวยงามน่าใช้งานจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น สำหรับคนที่กำลังอยากปรับปรุงห้องน้ำใหม่ หรือสร้างบ้านใกล้จะสำเร็จเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว งานโครงสร้างหลักของบ้านเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเกือบเสร็จสมบูรณ์ เหลือเพียงขั้นตอนส่วนตกแต่งจิปาถะต่างๆ ในห้องน้ำที่แม้จะเป็นงานที่ดูยิบย่อย หากใครคิดจะเปลี่ยนห้องน้ำใหม่แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไม่ควรพลาดขั้นตอนเหล่านี้.. หา Reference แบบห้องน้ำตัวอย่าง ขั้นตอนแรกเริ่มด้วยการค้นหาแบบห้องน้ำตัวอย่าง รูปภาพ reference ห้องน้ำสไตล์ที่ชื่นชอบให้ตรงใจมากที่สุด ซึ่งแหล่งค้นหาภาพห้องน้ำสวยๆ มีหลากหลายช่องทางจาก Google, Pinterest, instagram และภาพจากนิตยสารเกี่ยวกับบ้าน รวมทั้ง ภาพถ่ายจากห้องน้ำ, โรงแรม หรือรีสอร์ท ที่ชื่นชอบ เป็นต้น เมื่อได้แนวทางแบบห้องน้ำที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปแนะนำให้ลองไปเดินเลือกดูผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้อง, สุขภัณฑ์ หรือวัสดุ โดยเฉพาะกระเบื้องที่มีให้เลือกหลากหลาย ลองเลือกมาจับคู่กันและจินตนาการถึงภาพตอนจัดวางเสร็จแล้ว ปูทั้งห้องจะเป็นอย่างไร โทนสีเป็นแบบไหน หรืออยากใช้ลวดลายไหนบ้าง ซึ่งการที่คุณได้เห็นวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้งานภายในห้องน้ำของจริง ก่อนจะตัดสินใจซื้อสินค้าและติดตั้ง ย่อมดีกว่าอยู่แล้วค่ะ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบห้องน้ำก่อน กระเบื้องและสุขภัณฑ์เป็นหนึ่งในวัสดุสำคัญภายในห้องน้ำ ทั้งด้านการใช้งานและเพิ่มความสวยงามอย่างมีสไตล์และมีสีสันที่ไม่จำเจ การจะเลือกวัสดุสักชิ้นจึงต้องใส่ใจและ “รู้” ถึงความชอบและความต้องการของเราก่อน ซึ่งการออกแบบที่ดีคือจุดเริ่มต้นให้งานทั้งหมดประกอบเสร็จเป็นรูปร่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทาง HomePro ก็ได้ให้ความสำคัญกับลูกค้า จึงมีทีม Home Service นักออกแบบผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาและออกแบบห้องน้ำสวยให้ลูกค้าประจำแต่ละสาขา โดยมีประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ใครที่สนใจอยากให้ทางผู้เชี่ยวชาญออกแบบห้องน้ำให้ ก็เพียงนำแปลนห้องน้ำ หรือบอกความต้องการของตัวเองไปโดยเจ้าหน้าที่จะทำแบบห้องน้ำขึ้นมาให้ดู พร้อมทั้งตำแหน่งการวาง สุขภัณฑ์ เคาน์เตอร์ ต่างๆ ลายกระเบื้องที่สวยงามเข้ากับห้องน้ำโดยคำนึงถึงความปลอดภัยมาให้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาหรือปวดหัวกับการค้นหาแบบและเลือกกระเบื้องกันลื่นเองเลยค่ะ แบบห้องน้ำจะสวย ต้องเลือกวัสดุอย่างพิถีพิถัน เมื่อได้แบบห้องน้ำสวยๆ แล้ว การเลือกวัสดุที่จะใช้ในการทำห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องหรือสุขภัณฑ์ จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อถือของสินค้าด้วย เพราะบางครั้งห้องน้ำถูกออกแบบมาสวยงาม แต่เลือกสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพก็จะมีผลต่อการใช้งาน เช่น ถ้ากระเบื้องไม่ได้ฉากหรือมุมเมื่อปูออกมาแล้วร่องยาแนวอาจจะเบี้ยวได้ เป็นต้น เลือกผู้รับเหมา โดยดูที่ผลงานแบบห้องน้ำมากกว่าค่าจ้างถูก สิ่งสำคัญในการทำห้องน้ำใหม่คือการเลือกช่างติดตั้ง เพราะงานปรับปรุงห้องน้ำเป็นส่วนงานที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการปูพื้นหรือผนัง, งานระบบประปา, งานเดินสายไฟ ซึ่งถ้าเราไม่จ้างผู้รับเหมาที่มีคุณภาพเพราะคิดว่าแพง แต่กลับไปจ้างช่างราคาถูกที่ไม่ได้เก่งด้านนี้ ก็จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาทำห้องน้ำผิดแบบจนต้องทุบทิ้งหรือรื้อทำใหม่ หรือมีปัญหาเพิ่มเติมในภายหลังได้ ก่อเกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณจนบานปลาย รวมทั้งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาจุกจิกไม่จบไม่สิ้น เพราะฉะนั้นการเลือกช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ มีความสำคัญมากกว่าการเลือกช่างที่เห็นว่าราคาถูกค่ะ ซึ่งควรดูผลงานที่ผ่านมาของช่างด้วยนะคะ ใครที่คิดจะทำห้องน้ำใหม่ การเริ่มต้นที่ดีและถูกต้องโดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงทำไปทีละขั้นตอนอย่างเป็นสเต็ป นอกจากช่วยลดปัญหาจุกจิกจิกที่อาจจะตามมาภายหลัง ยังได้ห้องน้ำสวยตรงใจปลอดภัยไร้กังวล หากไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แนะนำให้ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการออกแบบห้องน้ำที่ HomePro ได้ทุกวันค่ะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 0-2831-6000 หรือ Home Pro บทความอื่นๆ เกี่ยวกับแบบห้องน้ำ 10 ปัญหาห้องน้ำที่แก้ได้ 5 ขั้นตอนในการวางแผนปรับปรุงห้องน้ำ อย่างมืออาชีพ 10 วิธีดับกลิ่นฉุนปัสสาวะในห้องน้ำ
How to แต่งห้องนอนสไตล์ Zen สร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่น

How to แต่งห้องนอนสไตล์ Zen สร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่น

ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าในยุคปัจจุบันการแต่งบ้านสไตล์ Zen หรือที่เราเรียกติดปากกันว่ามินิมอล ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยวิถีชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบคนญี่ปุ่น รวมไปจนถึงการออกแบบที่พิถีพิถัน คำนึงถึงการใช้งานของผู้อยู่อาศัยมาเป็นอย่างดี ทำให้ผู้คนที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวต่างประทับใจ และไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะได้เห็นการตกแต่งบ้านในสไตล์นี้ในประเทศไทยมากขึ้น   เมื่อกระแสของความมินิมอลยังดีอยู่เสมอ และดูมีทีท่าที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะอย่างที่ทราบกันดีแหละค่ะว่าความมินิมอลอยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่าย และถึงจะมีความเรียบง่าย แต่ก็ดูไม่ธรรมดา แม้จะใช้ของตกแต่งเพียงน้อยชิ้น แต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันตามความต้องการ นี่จึงถือเป็นเสน่ห์สำคัญที่สไตล์มินิมอล เข้ามาครองใจใครหลายคน วันนี้ Review Your Living เลยขอหยิบเอาไอเดียการตกแต่งห้องนอนในสไตล์ Zen หรือสไตล์มินิมอลแบบฉบับญี่ปุ่น ที่เน้นความเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สำหรับคนที่กำลังคิดจะแต่งหรือเปลี่ยนโฉมห้องนอนใหม่มาฝาก โดยเฉพาะห้องนอนไซส์มินิ ที่หากจัดเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งเยอะจนเกินไปอาจจะทำให้ดูรกและเกะกะได้ ดังนั้นการแต่งห้องนอนสไตล์นี้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้ห้องนอนออกมาดูสวยและตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนในบ้านได้.. ตกแต่งห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่น ห้องนอนที่เรานำมาให้ชมกันเป็นห้องนอนในบ้านตัวอย่าง โครงการ Noble Gable Kanso Watcharapol ด้วยคอนเซ็ปต์ของการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สงบและใกล้ชิดธรรมชาติ มาสู่แรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยลดทอนความฟุ่มเฟือยให้เหลือเพียงแก่นแท้ของประโยชน์ใช้สอยแบบตะวันตก ทว่ายังแอบแฝงรายละเอียดสัมผัสความเป็นธรรมชาติของพื้นผิวรอบข้าง หลอมรวมออกมาในสไตล์เซน สะท้อนผ่านการตกแต่งห้องนอนขนาดพื้นที่จำกัด โทนสีของห้องใช้จึงเป็นสีเอิร์ธโทน เพื่อให้ห้องนอนดูเรียบง่ายมากที่สุด และการใช้วัสดุไม้มาตกแต่ง ก็ทำให้ห้องดูสว่าง และให้ความรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น   ภายในห้องนอนตกแต่งอย่างเรียบง่าย ดูอบอุ่นด้วยโทนสีอ่อนละมุนจากวัสดุไม้โทนสีวอร์มโอ๊คที่นำมากรุผนังและฝ้า เซาะร่องเพื่อเพิ่มความมีมิติ ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งและทำให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น ใช้หน้าต่างกระจกใสรับแสงธรรมชาติที่มาเสริมให้ห้องดูสว่างโดยไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน ทั้งยังทำหน้าที่ช่วยถ่ายเทอากาศ ทำให้ห้องนอนเล็กๆ ดูสะอาดสะอ้านน่าพักผ่อนแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ขนาดน้อยนิดก็ตาม เทคนิค แต่งห้องนอนขนาดเล็ก ส่วนการตกแต่งที่ทำให้ห้องนอนดูไม่คับแคบไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ คือการบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์ ไปตามความยาวของผนังห้องฝั่งหนึ่งเพื่อเหลือพื้นที่ว่างให้ได้มากที่สุด บริเวณข้างเตียงออกแบบให้เป็นลิ้นชักเก็บของ ซึ่งข้อดีของงานบิลต์อินคือเราสามารถทำขึ้นให้พอดีกับพื้นที่ได้โดยไม่เสียประโยชน์การใช้งานส่วนนั้นไป ทั้งยังเหมาะกับขนาดพื้นที่จำกัด จึงเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ทำให้สามารถใช้พื้นที่อันน้อยนิดได้อย่างคุ้มค่า   รวมไปถึงการบิลต์อินตู้เสื้อผ้า แทนการซื้อเฟอร์นิเจอร์ และการเลือกชั้นวางแบบโปร่งไม่มีหน้าบานเปิดปิด ก็ช่วยทำให้ห้องนอนไม่อึดอัด และยังทำให้ผู้อยู่อาศัยใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น จะเห็นว่าแม้จะมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งน้อยชิ้น แต่ในทุกๆ ชิ้นต่างใช้ประโยชน์ได้เต็มที่และเข้ากับสไตล์ Zen ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ นี่เป็นเพียงไอเดียส่วนหนึ่ง ที่สามารถทำออกมาให้เป็นจริงได้ สำหรับใครที่มีไอเดียหรือแรงบันดาลใจแล้วอยากเปลี่ยนโฉมห้องนอนใหม่ สามารถนำไอเดียที่เรานำมาฝากไปปรึกษาสถาปนิกหรืออินทีเรียเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เลยค่ะ :) ตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์ แต่งห้องนอนแบบเรียบง่าย IKEA Younique ไอเดียแต่งห้องนอนหลากหลายสไตล์ แต่งห้องนอนสวยด้วยวอลเปเปอร์ ชี้เป้าเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านสไตล์อินดัสเทรียล 10 วิธีแต่งห้องนอนแบบประหยัด ใช้แค่ของใกล้ตัว 22 ไอเดียแต่งห้องนอนโทนสีเบจ เติมเต็มความอบอุ่น
เลือกอ่างอาบน้ำแบบไหนให้ได้บรรยากาศผ่อนคลายแบบรีสอร์ท

เลือกอ่างอาบน้ำแบบไหนให้ได้บรรยากาศผ่อนคลายแบบรีสอร์ท

หลายคนอาจจะยกให้ห้องน้ำเป็นห้องที่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากที่สุดในบ้านห้องหนึ่ง บางคนก็ใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ มากมายในห้องน้ำ เชื่อไหมคะว่าเราสามารถเปลี่ยนห้องน้ำธรรมดาให้กลายเป็นสปาได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เรามี ‘อ่างอาบน้ำ’ ใช่แล้วค่ะอ่างอาบน้ำนี่แหละที่จะเป็นสถานที่พักผ่อนกายอีกแห่งหนึ่งให้กับคุณผู้อ่าน ลองนึกภาพในวันที่กลับจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้าจากการเดินทางบนท้องถนน แล้วได้หย่อนกายแช่น้ำอุ่นๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ พร้อมด้วยกลิ่นหอมจากเทียนหอมหรือดอกไม้ดูสิค่ะ ผู้เขียนมีไอเดียมาแนะนำสำหรับคนที่อยากตกแต่งห้องน้ำให้ดูผ่อนคลายได้บรรยากาศแบบรีสอร์ทด้วยการเลือกใช้อ่างอาบน้ำค่ะ   เรียบหรูสไตล์คลาสสิก     หากอยากให้ห้องน้ำในบ้านดูสวยงามเหมือนดั่งรีสอร์ทชั้นนำ การเลือกใช้อ่างอาบน้ำลอยตัวสีขาวให้ดูเรียบหรู ตัดกับสีผนังปูนเปลือยอย่างสีเทา และสีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยสุขภัณฑ์สีขาว ของประดับกลิ่นอายวินเทจย้อนยุค เพียงเท่านี้ก็จะได้ห้องน้ำที่เรียบหรูในสไตล์คลาสสิกเหมือนเวลาไปรีสอร์ทหรูแล้วค่ะ   เล็กน้อยแต่พอตัว     หากห้องน้ำของคุณผู้อ่านมีพื้นที่ใช้สอยน้อยค่อนข้างจำกัดไม่ต้องกังวลไปนะคะ พื้นที่เล็กๆ ก็สามารถเนรมิตให้น่าใช้งานได้เหมือนกัน เพราะเพียงแค่รู้จักหามุมหรือตำแหน่งจัดวางอ่างอาบน้ำให้เหมาะสม เพียงเท่านี้ก็สามารถนอนแช่น้ำได้อย่างสบายในห้องน้ำโทนสีหวานซึ่งแบ่งสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน   ธรรมชาติเติมเต็ม     เพราะแสงแดดและทิวทัศน์อันงดงาม มักจะเป็นพลังบำบัดแห่งธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ว่าได้ใช่ไหมคะ การเลือกวางอ่างอาบน้ำจากุซซี่ทรงกลมติดกับผนังที่มีหน้าต่างไม้บานเล็กซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของงานตกแต่งแบบสเปนิซที่สามารถเปิดชมทัศนียภาพภายนอก หรือปิดไว้ให้แสงธรรมชาติสอดส่องเข้ามาได้ ก็จะช่วยเสริมเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ห้องอีกด้วย   เสน่ห์ชวนต้องมนต์     เปลี่ยนห้องน้ำเดิมๆ ให้ดูน่าใช้งานมากขึ้น ด้วยการเลือกใช้อ่างอาบน้ำลอยตัวทรงกลมสีขาวเรียบแสนเก๋ ตัดกับผนังสีเหลืองมัสตาร์ด เพิ่มเติมความเซ็กซี่ในแบบฉบับของสาวเซี่ยงไฮ้ด้วยฉากกั้นฉลุลายประแจจีน ทำให้มีกลิ่นอายแบบไชนีสที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แบบนี้เวลาอาบน้ำต้องเพลิดเพลินแน่นอน   สวยงามอย่างสมดุล   การใช้วัสดุอย่างไม้เข้ามาเติมเต็มการตกแต่งภายในห้องน้ำนั้น จะช่วยเสริมสร้างความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี แต่หากบ้านของคุณผู้อ่านมีพื้นที่ห้องน้ำขนาดใหญ่ก็คงจะกังวลกับการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ให้สมดุลใช่ไหมคะ ผู้เขียนขอแนะนำให้เลือกใช้อ่างอาบน้ำที่มีขนาดสมดุลกับขนาดของห้อง นอกจากจะดูกลมกลืนแล้วยังดูสวยงามอีกด้วย   ความงามเฉพาะตัว   ใครที่หลงรักเสน่ห์แบบชาวเหนือ คงอยากแต่งห้องน้ำสไตล์ไทยล้านนาที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนย้อนยุคกลับไปอยู่กับความคลาสสิกแบบดั้งเดิมใช่ไหมคะ เพราะความสวยงามในแบบเอกลักษณ์ที่มีจุดเด่นในการตกแต่งโดยการใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลักนั้น เป็นสไตล์ที่สามารถอยู่ไปได้นาน ทุกยุคสมัย ไอเดียการใช้อ่างอาบน้ำแบบคลาสสิกขาสิงห์ก็ช่วยให้สะดุดตาไม่ใช่น้อย   เรียบง่ายอย่างพอดี   การเลือกอ่างอาบน้ำไว้ในห้องน้ำนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแบบลอยตัวเสมอไปนะคะ หากอยากตกแต่งห้องน้ำในสไตล์โมเดิร์นเรียบหรู การใช้อ่างอาบน้ำแบบฝังก็เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ห้องน้ำไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังสะท้อนถึงความเรียบง่ายอย่างมีสไตล์ที่ชัดเจนด้วยการเลือกสีกระเบื้องหรือหินมาตกแต่งที่ขอบอ่างด้วยค่ะ ถ้าคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้เป็นรีสอร์ทหรูแบบง่ายๆ ลองนำไอเดียด้านบนที่เรานำมาฝากไปลองทำกันดูนะคะ รับรองว่ากลับบ้านมาเหนื่อยๆ หลังจากทำงาน ก็คงผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่เหมือนรีสอร์ทสบายๆ และคลายเครียดได้ดี ที่สำคัญ อย่าลืมหมั่นทำความอ่างอาบน้ำและห้องน้ำให้น่าใช้งานอยู่เสมอด้วยนะคะ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องเสียงสตางค์ไปพักรีสอร์ทหรูๆ แล้วค่ะ :)

1 ... 11 12 13 ... 16