อัปเดตตลาดคอนโด พื้นที่ชะอำ หัวหิน และเขาเต่า ในช่วงครึ่งปีแรก พบเปิดตัวใหม่ 1 โครงการ พื้นที่ใกล้ถนนหัวนาทับใต้ ซัพพลายสะสม 28,307 ยูนิต ขณะที่ครึ่งปีแรกมียูนิตขายได้ทั้งสิ้น 1,773 ยูนิต บทสรุปปี 65 ตลาดมีแนวโน้ฟื้นตัวดีขึ้น กำลังซื้อกลับมา
นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ชะอำ หัวหิน และเขาเต่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ที่ผ่านมา พบว่า เริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า เนื่องจากซัพพลายคอนโดในตลาดที่มีเหลือน้อย ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์ได้มีการจัดรายการส่งเสริมการขายอยู่ตลอด เพื่อลดจำนวนยูนิตเหลือขายลง ทำให้ภาพรวมในปีนี้ ตลาดน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น
โดยจากการสำรวจตลาดของไนท์แฟรงค์ พบว่ามี 9 ปรากฏกาณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับตลาดคอนโด พื้นที่ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ช่วงครึ่งปีแรก 2565 ดังนี้
โครงการเปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวน 1 โครงการ คือ เฮย์หัวหิน มีจำนวน 252 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นประมาณ 1.39 ล้านบาท เป็นโครงการฝั่งไม่ติดทะเล ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ถนนเพชรเกษม ใกล้ถนนหัวนาทับใต้
จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลของไนท์แฟรงค์ พบว่า มีการเปิดตัวโครงการตึกสูงใหม่ ในไตรมาสที่ 3 ของ 2565 ซึ่งน่าจะเพิ่มภาวะการแข่งขันและความหลากหลายของตลาดคอนโดในบริเวณหัวหิน
ซัพพลายสะสมของคอนโดบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ก่อนปี 2551 ถึงครึ่งปีแรก 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 28,307 ยูนิต
ทำเลที่ตั้งของคอนโดโดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ พื้นที่ชะอำ ด้วยสัดส่วนถึง 57% ส่วนพื้นที่อื่น ๆ มีสัดส่วนของจำนวนคอนโด ดังนี้
โดยคอนโด ส่วนใหญ่เป็นคอนโด ที่ไม่เห็นวิวทะเล คิดเป็นสัดส่วน 55% และคอนโด ที่เห็นวิวทะเลคิดเป็นสัดส่วน 45% ของจำนวนทั้งหมด
ในครึ่งปีแรก 2565 อัปเดตตลาดคอนโด บริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า จะพบว่า มียูนิตขายได้แล้วทั้งสิ้น 22,344 ยูนิต จากซัพพลายทั้งหมด 28,307 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขายที่ 79%
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกของ 2565 มียูนิตขายได้ทั้งสิ้น 1,773 ยูนิต จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลพบว่า ภาพรวมจำนวนยูนิตเหลือขาย ณ ครึ่งปีแรกของ 2565 มีจำนวนประมาณ 5,963 ยูนิต
โดยกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นผู้ซื้อหลักในปัจจุบันกว่า 90% ที่เหลือจะเป็นคนไทยในจังหวัดอื่นๆ อีก 5% และต่างชาติอีก 5%
โดยผู้ซื้อค่อนข้างตอบรับได้ดีกับราคาขายเฉลี่ยที่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรลงมา ซึ่งมีอัตราการขายที่ค่อนข้างดีและเป็นโครงการที่ไม่เห็นทะเลเป็นส่วนมาก
คอนโดบริเวณเขาตะเกียบมีอัตราการขายสูงสุด ในอัตรา 96% รองลงมาได้แก่ คอนโดบริเวณฝั่งไม่ติดทะเล มีอัตราการขายที่ 93% บริเวณเขาเต่ามีอัตราการขาย 91% บริเวณหัวหินมีอัตราการขาย 88% บริเวณชะอำมีอัตราการขาย 69%
สำหรับพื้นที่มีคอนโดเหลือขายมากที่สุด จะเป็นบริเวณชะอำ มีจำนวนยูนิตเหลือขายสูงสุดคือ 5,078 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 85% ของซัพพลายเหลือขายทั้งหมด
ปัจจุบันที่ดินติดทะเลบริเวณหัวหินที่จะพัฒนาโครงการแทบไม่มีเหลือแล้ว ในส่วนของที่ดินที่ยังมีเหลือสำหรับการพัฒนาโครงการจะอยู่บริเวณชะอำ แต่พื้นที่ในบริเวณโซนชะอำยังเป็นที่นิยมน้อยกว่าหัวหิน เนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกหากเทียบกับคอนโดในหัวหิน
ส่วนพื้นที่บริเวณเขาตะเกียบ พบว่ายังพอมีที่ดินติดทะเลเหลือให้พัฒนาได้บ้าง โดยเมื่อเทียบกับโครงการติดทะเล ล่าสุดจะพบว่าห้องมีราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่ประมาณ 150,000 บาท ในส่วนพื้นที่บริเวณฝั่งภูเขาที่ไม่ติดทะเลยังมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาโครงการอีกมาก และน่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนเนื่องจากอยู่โซนเขตตัวเมืองหัวหินและเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ และยังสามารถทำราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรได้ต่ำกว่า 100,000 บาท
อัปเดตตลาดคอนโด ในส่วนของราคาขายเฉลี่ย สำหรับคอนโดที่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 143,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตรา 1% จากปี 2564 โดยโครงการใหม่ที่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาขายต่อห้องเฉลี่ยสูงถึง 250,000 บาทต่อตารางเมตร
ส่วนราคาขายเฉลี่ยของคอนโดที่ไม่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 69,800 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายค่อนข้างทรงตัวและลดลงมาเล็กในอัตรา 1.3% จากปี 2564 เนื่องจากโครงการที่ยังมีห้องว่างเหลือขายเกิน 50% ซึ่งอยู่บริเวณโซนชะอำ ผู้ประกอบการยังคงจัดโปรโมชั้นและส่วนลดอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดการขายโครงการ และโครงการใหม่ที่ขึ้นฝั่งไม่ติดทะเลมีการทำราคาขายที่ประมาณ 52,000 บาทต่อตารางเมตร ทำให้ราคาเฉลี่ยโซนไม่เห็นทะเลนั้นปรับตัวลดลงเล็กน้อย
ทิศทางตลาดคอนโดหัวหินในปี 2565 มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นและเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้นทำให้ยูนิตเหลือขายในตลาดลดน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงการติดทะเลที่มียูนิตเหลือขายไม่มาก และที่ดินในการพัฒนาโครงการติดทะเลในบริเวณตัวเมืองหัวหินหรือเขาตะเกียบก็เหลือน้อยและยากที่จะพัฒนาได้
ทั้งนี้ หากมีการพัฒนาโครงการที่ติดทะเล ราคาขายจะมีทิศทางในการปรับตัวที่สูงขึ้น อาจจะมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงกว่า 150,000 บาท สืบเนื่องมาจากที่ดินที่เหลือน้อย และราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่โครงการบริเวณโซนชะอำ อาจจะต้องใช้เวลาในการระบายยูนิตเหลือขาย ซึ่งจะเห็นบางโครงการมีการปรับลดราคาลง เนื่องจากอายุของคอนโด ในขณะที่โครงการที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในหัวหิน ช่วงต้นปี 2565 ยังคงมีการจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดโครงการ สะท้อนให้เห็นว่าโครงการคอนโดบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาตะเกียบอยู่ในภาวะที่สมดุลทั้งในแง่ดีมานด์และซัพพลาย
โดยจากการสำรวจ อัปเดตตลาดคอนโด ช่วงที่ผ่านมา ยังพบว่า มีโครงการแนวสูงเปิดตัวใหม่ บริเวณสวนน้ำวานานาวา ซึ่งมีจุดเด่นคือเห็นวิวทะเลจากห้องพักอาศัย เป็นซัพพลายใหม่ของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ของปี 2565 ซึ่งทำให้เกิดสีสันในตลาดคอนโดหัวหินพอสมควร จากการเปิดตัวของโครงการดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มการการเพิ่มขึ้นของคอนโด กำลังขยายตัวไปยังบริเวณฝั่งที่ไม่ติดทะเลมากขึ้น เนื่องจากยังคงมีที่ดินเหลือให้พัฒนาอีกค่อนข้างมาก และหากสามารถทำราคาขาย รวมถึงการมีจุดเด่นของโครงการที่น่าสนใจอาจจะทำให้ผู้ซื้อให้การตอบรับที่ดีแก่โครงการมากขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
–พราว เรียลเอสเตท ปั้นโปรเจ็กต์ “เวหา” 2,290 ล้าน ชู 6 ไฮไลท์คอนโดลักชัวรี่สูงสุดในหัวหิน
–ส่องตลาดคอนโด ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า 5 เดือนแรกปี 63 ในภาวะโควิด-19