Lalin Performace 2020

เจาะ 4 กลยุทธ์ “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” สร้างกำไรเป็นบวก ในภาวะตลาดอสังาหฯ ติดลบ

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบสารพัด นับตั้งแต่มาตรการ LTV  ซึ่งเกิดขึ้นมาก่อนหน้าในปี 2562 จนมาถึงสงครามการค้าโลก ที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว จนมาถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ตลาดอสังหาฯ ปีนี้คงมีตัวเลขติดลบไปตาม ๆ กัน  ซึ่งคาดว่าตลาดอสังหาฯ จะติดลบกว่า 10% เลยทีเดียว

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีบางบริษัทที่สามารถสร้างยอดขาย ทุบสถิติของตนเองได้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปรากฏให้เห็น แต่นั่นคงเป็นผลจากการทำตลาด และการหั่นราคาลง พร้อม ๆ กับการอัดโปรโมชั่น แบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยเช่นกัน แต่หากจะวัดประสิทธิภาพ (Performance) ของการบริหารธุรกิจ ที่ดูตัวเลขในบรรทัดสุดท้ายของงบกำไรขาดทุนทางบัญชี ตัวเลขของผลกำไร น่าจะชี้วัดได้ดีที่สุด ว่าบริษัทไหนมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจมากกว่ากัน ​​

 

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาน) บริษัทขนาดไม่ใหญ่มากนัก หากวัดกันด้วยขนาดสินทรัพย์แล้ว ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีมูลค่าสินทรัพย์รวม ณ ไตรมาส 2 ปี 2563 กว่า 12,427.39 ล้านบาท ห่างไกลอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้นำตลาดอสังหาฯ  ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ระดับใกล้แสนล้านหรือมากกว่าแสนล้านบาท แต่หากวัดกันที่ผลงานการทำกำไร ต้องยอมรับว่าลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ในปีนี้ทำผลงานได้ดีไม่แพ้บริษัทขนาดใหญ่  เรียกได้ขึ้นติดอันดับ Top 10 เลยทีเดียว  เโดยไตรมาส 2  บริษัทสามารถสร้างกำไรให้เป็นบวกได้ ซึ่งมีกำไรสุทธิ จำนวน 395.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 149.79 ล้านบาท

 

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยถึงยอดขายในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ว่า สามารถทำยอดขายได้ 5,250 ล้านบาท เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้ 6,200 ล้านบาท ส่วนรายได้คาดว่าจะทำได้ 4,600 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนภายในปีนี้

 

สำหรับกำไรในปีนี้คาดว่าจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ เนื่องจากบริษัทเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ ซึ่งไม่มีการทำสงครามราคาเพื่อแข่งขันในตลาด เหมือนกับกลุ่มคอนโดมิเนียม แม้ว่าจะมีกลุ่มลูกค้าบางส่วนหายออกไปจากตลาด เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพนักงานในธุรกิจสายการบิน หรือที่เกี่ยวข้อง กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก

 

ปัจจัยความสำเร็จและกลยุทธ์ที่ทำให้ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ยังทำกำไรและสร้างการเติบโตสวนท่ามกลางปัจจัยลบของปีนี้ คงมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ดังนี้

1.การพัฒนาสินค้าตรงตามความต้องการของลูกค้า

การพัฒนาบ้านให้มีห้องอเนกประสงค์บริเวณชั้นล่าง ที่ให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนห้องได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะใช้เป็นห้องผู้สูงอายุ ห้องทำงาน หรือห้องเรียนออนไลน์ของลูก ซึ่งถือว่าตอบโจทย์คนในยุควิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) ที่ใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น

Lalin Lio 2

2.การทำราคาบ้านที่แข่งขันได้

การบริหารต้นทุนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นค่าที่ดิน หรือค่าก่อสร้าง รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทำให้การพัฒนาโครงการสามารถทำราคาได้ถูกกว่าคู่แข่ง และเป็นราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำโปรโมชั่นแรง ๆ หรือการทำสงครามราคาก็ตาม

3.การทำตลาดดิจิตอล

Lalin Lio 1

การหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดดิจิตอล โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ทำให้ประสิทธิภาพการโฆษณาสูงขึ้น และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเลือกและโฟกัสกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด และสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ต้นทุนการใช้งบประมาณลดลงกว่าการใช้สื่อออฟไลน์

4.การบริหารที่มีประสิทธิภาพ

บริษัทได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารมาอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตและมีผลกำไรเป็นบวกได้  โดยเฉพาะต้นทุนสำคัญทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ ต้นทุนทางการเงิน การซื้อที่ดิน การก่อสร้าง การบริหารจัดการ และต้นทุนทางการเงิน ซึ่งต้นทุนทั้งหมดอยู่ในอัตราที่ต่ำ หากดูสถิติย้อนหลังในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีค่าบริหารจัดการต่าง ๆ อยู่ในอัตราต่ำติดอันดับ Top 5 ในอุตสาหกรรม จึงทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ และสร้างผลกำไรให้เป็นบวกได้

Lalin Lio 3

บริษัทบริหารจัดการต้นทุนและปรับองค์กรให้ลีนมาโดยตลอด ปรับทุกปี ซึ่งปีนี้ปรับกันแทบทุกอาทิตย์ ไม่ได้ปรับเพราะเจอโควิด จากผลการปรับตัวมาสม่ำเสมอ พอเจอโควิดจึงทำให้เราผ่านมาได้ และยังสามารถสร้างกำไรเป็นบวก

 

ล่าสุด บริษัทเปิดตัว 2 โครงการใหม่ โครงการลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่  และโครงการไลโอ บลิสซ์ วงแหวน-ปิ่นเกล้า (พระราม 5) รวมมูลค่า 1,450 ล้านบาท  ซึ่งโครงการลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่  มีมูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท รวม 457 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท  และโครงการไลโอ บลิสซ์ วงแหวน-ปิ่นเกล้า (พระราม 5) มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท รวม 283 ยูนิต กับการเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมเฟสใหม่ใกล้คลับเฮ้าส์ ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด