เอเชียทีค ทศวรรษที่ 2 ที่ไม่เหมือนเดิม AWC ทุ่ม 800 ล้าน ปรับโฉมใหม่ All Day Everyday Happiness เพิ่มเติม กิน-ชม-ช้อป ได้ทั้งวันทั้งคืน แถมผนึก ดีสนีย์ ฉลองครบรอบ 100 ปี ดึงตัวการ์ตูน มาเอาใจเด็กและครอบครัวคนไทย เริ่ม 24 มี.ค.ถึง 31 ก.ค.66 นี้
เผลอแป๊ปเดียว เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ที่มีนางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารงาน ก็ก้าวย่างมาครบ 10 ปีแล้ว ซึ่งถือว่า เอเชียทีค กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญด้านการท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใหญ่ที่สุดในไทย เป็นที่ชื่นชอบชองชาวต่างชาติที่ต้องมาช็อปปิ้ง กินดื่ม ชมการแสดงหรือสถานที่ซึ่งมีประวัติศาสตร์มายาวนาน นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าแห่งแรกของไทย
โดยแผนพัฒนาโครงการเอเชียทีค ของ AWC จะพัฒนาไปสู่โครงการระดับ เมกะโปรเจ็กต์ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งโครงการใหญ่อย่างเช่น อาคารสูง 100 ชั้น ที่ประกอบไปด้วยโรงแรมระดับ 6 ดาว 3 แบรนด์ทั้ง ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ, เจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ และโรงแรมออโตกราฟ
นอกจากนี้ ยังจะมีพื้นที่รีเทล และออฟฟิศตามมาด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบให้ลงตัว คาดว่าภายในอีก 4-5 ปีเราจะได้เห็นภาพของเมกะโปรเจ็กต์แห่งนี้ชัดเจนขึ้น ซึ่งมูลค่าโครงการคงหลายหมื่นล้านบาทแน่นอน
แต่สำหรับการก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ของเอเชียทีค ได้มีความเปลี่ยนแปลง และรูปแบบการให้บริการที่แตกต่างออกไปจากช่วงทศวรรษแรก ซึ่งทาง AWC มีการทุ่มงบประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ซึ่งจะไม่ได้เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น แต่จะรวมถึงกลุ่มคนไทยด้วย ซึ่งมี 7 ไฮไลท์สำคัญของการก้าวสู่ทศวรรที่ 2 ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงอย่างแรกของเอชียทีค คือ การเปิดบริการตั้งแต่เวลา 10.00 น. ไปจนถึงเที่ยงคืน เพื่อให้ลูกค้ามาใช้เวลาและสร้างประสบการณ์ได้ตลอดทั้งวัน จากเดิมที่เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงเวลา 16.00 น. เท่านั้น
สิ่งที่น่าจะเรียกความตื่นเต้นครั้งใหญ่ของปีนี้ สำหรับเอเชียทีค ก็คงเป็นการดึงเอา ดีสนีย์ มาร่วมฉลองวาระ 100 ปี กับ DISNEY100 VILLAGE ที่จะจัดพื้นที่ POP EVENT และ Exhibition ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.ถึง 31 ก.ค.66 ซึ่งจะมีตัวละครจาก Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars มาสร้างประสบการณ์การและเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนทั้งครอบครัวได้มีส่วนร่วม บางพื้นที่จัดแสดงจะมีการขายบัตร และบางพื้นที่แสดงจะให้เข้าชมฟรี ซึ่งราคาจะประกาศอีกครั้งหนึ่ง
เดิมการทำตลาดและกลุ่มเป้าหมายหลักของเอเชียทีค คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่หลังจากนี้จะหันมาขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ด้วยการจับกลุ่มเป้าหมายคนไทย เพื่อเพิ่มทราฟิกการเข้ามาใช้บริการ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่เอเชียทีคจะปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ การเพิ่มกิจกรรม การมีร้านอาหารชั้นนำมาเปิดให้บริการ จะช่วยทำให้ขยายฐานลูกค้าคนไทยได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการทั้งหมดวันละประมาณ20,000 คน จากก่อนหน้ามีประมาณ 50,000 คนในช่วงวันหยุด แต่หลังจากปรับคอนเซ็ปต์ใหม่ทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะเพิ่มจำนวนเป็น 60,000-80,000 คนต่อวัน
ถ้าพูดถึงห้างค้าปลีกขวัญใจคนจีน และคนในอาเซียน ต้องยกให้กับ บิ๊กซี โดยเฉพาะสาขาราชดำริ ที่สามารถครองใจนักท่องเที่ยวให้เข้ามาช้อปปิ้ง ซื้อของฝากกลับประเทศของตนเองได้อย่างมากมาย แต่ละวันมีคณะทัวร์นั่งรถบัสมาไม่รู้กี่คันต่อกี่คัน ทำให้ เอเชียทีค ดึงเอาบิ๊กซีเข้ามาเปิดให้บริการในพื้นที่ด้วย ในขนาด 2,000 ตารางเมตร เพื่อเอาใจกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และอาเซียน ที่ชื่นชอบซื้อสินค้าไทยได้ในที่เดียว และยังจะเอาบรรดาร้านค้าของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวไปไว้ในพื้นที่เดียวกันกับบิ๊กซีอีกด้วย
อีกโซนไฮไลท์ที่จะต้องมี คือ การสร้างประสบการณ์ด้านอาหาร ซึ่งงานนี้เอเชียทีค วางแผนรวมเอาร้านอาหารอร่อยทั่วกรุงเทพฯ และในแต่ละภาคมาไว้ในพื้นที่เดียวกัน รวมถึงร้านสตรีทฟู้ดที่มีชื่อเสียง และมีรายการอาหารไม่ซ้ำกันด้วย ยกเว้น ร้านผัดไทย จะมี 2 ร้านเพราะรูปแบบแตกต่างกัน ซึ่งจะอยู่ในพื้นที่ของโกดัง 1 และ 2 ตอนนี้มีร้านค้าต่าง ๆ ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกแล้ว 236 ราย ซึ่งจัดคัดเลือกเฉพาะร้านเด็ดร้านดังอีกครั้ง
นอกจากนี้ ในส่วนการบริหารงานของ AWC ก็ยังมีพื้นที่ของร้านอาหารและเครื่องดื่มบริการในส่าวนต่างๆ อาทิ เรือสิริมหรรณพ ห้องอาหรเดอะคริสตัลล์กริลล์เฮาส์ เป็นต้น
ส่วนการดึงกลุ่มลูกค้าชาวไทย AWC เตรียมปรับพื้นที่การช้อปปิ้งจากเดิมที่มีแต่ร้านขายของที่ระลึกสำหรับชาวต่างชาติ มาสู่พื้นที่ LIFELSTYLE MARKET ที่ได้ร่วมกับ Mad Face และ Made by Legacy ซึ่งจะมีพื้นที่ขายของและโซนใหม่สำหรับคนไทย ทั้งของแต่งบ้านและสวน ของวินเทจ หรือของสำหรับคนรักสัตว์ต่าง ๆ ให้มาใช้ชีวิตได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยพื้นที่ขายทั้งหมดได้ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ตารางเมตร จากเดิมที่มีพื้นที่ขายรวมอยู่ประมาณ 40,000 ตารางเมตร รวมถึงการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปีด้วย
นอกจากสร้างกิจกรรม การดึงร้านอาหารชั้นนำ และไฮไลท์สำคัญเข้ามาในพื้นที่เอเชียทีคแล้ว สถานที่ของเอเชียทีค ทาง AWC ยังได้ปรับปรุงให้มีบรรยากาศน่าเดินเล่น และเข้ามาพักผ่อน ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทั้งดอกไม้และต้นไม้ รวมถึงการทำให้อากาศภายในเอเชียทีคเย็นสบาย เพื่อให้คนได้เดินช้อปปิ้งได้ในช่วงเวลากลางวัน ตามคอมเซ็ปต์ All Day Everyday Happiness
ถ้าจะเราเป็น All Day Everyday Happiness เราต้องมีการปรับปรุงพื้นที่ ใส่ดอกไม้ในพื้นที่ เเพิ่มพื้นที่กันแดดกันฝน และการทำให้ลมโฟลว์ ทั้งโครงการ การเพิ่มเฟอร์นิเจอร์จุดพักผ่อน เป็นการพาเอเชียทีคไปสู่ทศวรรษใหม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง