Awc Business Plan 2020

บทสรุป AWC ปี 62 กำไรพุ่ง109% ชู 5 กลยุทธ์ไปต่อในปี 2020

แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนอง ไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เปิดผลประกอบการประจำปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,040 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 109% และในไตรมาส 4 ปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 482 ล้านบาท เติบโต 140% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พร้อมเดินหน้าธุรกิจในปี 2563 ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก มุ่งมั่นสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมยกระดับเศรษฐกิจของประเทศแบบองค์รวม

บทสรุปผลงาน AWC ปี 2562

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ในปี  2562 ที่ผ่านมาเป็นปีที่สำคัญของบริษัท นอกจากความสำเร็จจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ผลการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจก็มีอัตรา   การเติบโตที่แข็งแกร่งเป็นที่น่าพอใจ

 

บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,040 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 109% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงาน  เติบโต 8.4% ซึ่งกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงาน  แบ่งสัดส่วนเป็นโรงแรมและการบริการ (Hospitality) 45% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบกิจการการค้า (Retail) 22% และธุรกิจอาคารสำนักงาน (Office)  33% รายได้จากพอร์ทโฟลิโอสินทรัพย์ดำเนินงาน  เติบโต 3.4% (อ่านเพิ่มเติม…แผนพัฒนาอสังหาฯ​ เพื่อการพาณิชย์)

 

ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เกิดจากกลยุทธ์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นการเติบโต การปรับปรุงตำแหน่งทางธุรกิจของสินทรัพย์ที่มีอยู่ การพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ และการปรับกลยุทธ์พอร์ทการลงทุนเพื่อเน้นผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมาย

 

สำหรับผลการดำเนินงาน ของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในปี 2562 กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงาน เพิ่มขึ้น 1.3% โดยรายได้หลักเพิ่มขึ้นจากโรงแรม กลุ่มไมซ์ที่เพิ่มขึ้น 6.8% โดยโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ที่อยู่ในช่วงการดำเนินงานเริ่มต้น (Ramp up) มีรายได้เติบโต 13.9% และมีกำไรจากการดำเนินงานเติบโต 26% ทั้งนี้บริษัท มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) สูงกว่าอุตสาหกรรมโรงแรมโดยรวม โดยมีดัชนีชี้วัด (RGI Index) เท่ากับ 108

 

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial) มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงาน  เพิ่มขึ้น 7.7% จากความสำเร็จในการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ เกทเวย์ แอท บางซื่อ ที่มีรายได้เติบโต 1,037% และกำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้น 225%  และ ลาซาล อเวนิว ที่มีรายได้เติบโต 175% และกำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้นถึง 9,245% ประกอบกับธุรกิจอาคารสำนักงานมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้เช่าพื้นที่ให้รองรับความต้องการของลูกค้าและธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตรา 6% (ไม่รวมผลการดำเนินงานของสินทรัพย์ที่บริษัทจำหน่ายออกจากกลุ่มในระหว่างปี 2561) และด้วยกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมทั้งการจัดซื้อจำนวนมากส่งผลให้การเติบโตของอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้สำหรับพอร์ตทรัพย์สินดำเนินงาน สูงขึ้นจาก 48 % เป็น 51%

 

ขณะที่สินทรัพย์รวมของบริษัทเติบโต 17.3% หนี้สินรวมของบริษัทลดลงร้อยละ 50.7% จากการนำเงินจากการเพิ่มทุนบางส่วนมาใช้ในการบริหารสภาพคล่องและจ่ายชำระคืนเงินกู้และเตรียมการลงทุนในทรัพย์สินกลุ่ม 3 (บริษัทได้เข้าซื้อสินทรัพย์กลุ่ม 3 ณ วันที่ 1 มกราคม 2563 ด้วยมูลค่าลงทุนรวม 26,229.5 ล้านบาท) ทำให้บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งโดยพิจารณาได้จากอัตราหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ 0.4 เท่า

Marriott

5 กลยุทธ์ “BUILDING A BETTER FUTURE 2020

ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของ AWC บริษัทได้กำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ การสร้างตอบแทนต่อส่วนทุนที่คุ้มค่า การสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืน และการเป็นองค์กรที่น่าชื่นชมและเชื่อถือ โดยดำเนินงานผ่านกลยุทธ์หลัก 5 ข้อ  ของ AWC สำหรับปี 2563 คือ

1.เติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง (Growth-Led Strategy)

มุ่งเน้นให้โครงการใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามแผนการเติบโตของบริษัทมีศักยภาพที่จะสร้างการเติบโตที่ชัดเจนให้บริษัท โดยมีแผนจัดสรรเงินทุนมากกว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาทั้งโครงการโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์มากกว่า 12 โครงการ ซึ่งจะเพิ่มจำนวนห้องพักในโรงแรมเป็น 8,506 ห้อง และเพิ่มพื้นที่เช่าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าเป็น 415,481 ตารางเมตร ภายในปี 2024

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัท ยังได้ซื้อโรงแรมเข้าในพอร์ตเพิ่มอีก 4 แห่ง ด้วยมูลค่า 26,000 ล้านบาท ทำให้ภายในสิ้นปีนี้AWC มีโรงแรมภายใต้การบริหารงานทั้งสิ้น 17 แห่ง (อ่านข่าว…แผนซื้ออสังหา 12 แห่งเข้าเติมพอร์ต)

2.มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูง (Middle to High Income Customer Segment)

บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน อันได้แก่ ลูกค้าและนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ระดับกลาง ถึงสูง และนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ที่มีอัตราการเติบโตและอัตราส่วนกำไรต่อรายได้สูง

3.สร้างความแข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรระดับโลก (Global and Unique Partners)

เพื่อสร้างและขยายเครือข่ายพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในสายงานต่างๆ ในการแบ่งปันความชำนาญและมาตรฐานการดำเนินงานให้อยู่ในระดับสากล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จากระบบจัดจำหน่ายทั่วโลก (Global Distribution Channel) โปรแกรมสมาชิก (Loyalty Program) กว่า 300 ล้านสมาชิกของผู้บริหารโรงแรม และเพิ่มตัวเลือกแบรนด์ที่หลากหลายให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น

4.เป็นผู้นำตลาด สร้างประสบการณ์ใหม่ให้วงการ (New Benchmark)

ด้วยการสร้างสรรค์โครงการขนาดใหญ่และมีจุดดึงดูดเพื่อสร้างขีดการแข่งขันและเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กับประเทศ โดยโครงการของบริษัทมีจุดเด่นที่เป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการหรือจุดหมาย การท่องเที่ยวนั้น ๆ อาทิ การส่งเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับอุตสากรรมไมซ์ให้กับ ประเทศไทย การดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านเครือข่ายระดับโลกที่แข็งแกร่ง และการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้จุดหมายปลายทางที่โครงการของ AWC เปิดดำเนินการ

5.พัฒนาและดำเนินธุรกิจเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อคุณค่าองค์รวม (Synergy & Sustainability)

การสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ ด้วยการจัดทำแผนงานเพื่อความยั่งยืนในมิติต่างๆ ทั้งในด้านการรับรองมาตรฐานความยั่งยืนจากหน่วยงานต่างๆ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนตอบสนองนโยบาย “การบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน” ของบริษัทผ่านการดำเนินงานของมูลนิธิแอสเสท เวิรด์  เพื่อการกุศล (Asset World Foundation for Charity) และ The Gallery วิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งทั้งหมดนี้คือการเดินหน้าสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับบริษัท นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมยกระดับเศรษฐกิจ และสังคมไทยแบบองค์รวม

Awc

ปรับโฉม 7 รีเทลสู่ “F&B Destination”  

กลุ่มธุรกิจรีเทลของ AWC ในปีนี้ ได้วางแผนปรับปรุง และรีแบรนด์ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีด้วยกัน 7 แห่ง ที่จะถูกรีโพสิชั่นนิ่งใหม่  ได้แก่ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า 3 แห่ง ได้ก่ สาขางามวงศ์วาน ประตูน้ำ และเชียงใหม่ ศูนย์การค้าเกทเวย์ เอกมัย เกทเวย์ แอท บางซื่อ โครงการตะวันนา บางกะปิ และโครงการที่อยู่ด้านข้างอีก 1 แห่ง

 

สำหรับโครงการทั้งหมด จะมุ่งเน้นในเรื่องความเป็นไลฟ์สไตล์เพิ่มมากขึ้น ด้วยการเพิ่มพื้นที่อาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) ขณะที่จะลดสัดส่วนร้านค้าอื่นลง อย่างเช่น ศูนย์การค้าพันธุ์พลาซ่า ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสินค้าไอที จะกลายเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งในศูนย์การค้าเท่านั้น เช่น สาขางามวงศ์วาน จะเพิ่มพื้นที่ส่วนของอาหารมากขึ้น โดยวางคอนเซ็ปต์เป็นศูนย์รวมอาหารที่มีชื่อเสียง และร้านสตรีทฟู้ดที่ได้รับความนิยม เป็นต้น

 

ขณะที่ศูนย์การค้าเกทเวย์ เอกมัย จะทำการปรับโฉมใหม่ เป็นศูนย์กลางสินค้าจากต่างประเทศทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “Gate way to the world” เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเลือกซื้อสินค้าของต่างชาติ และยังคงเน้นเรื่องอาหาร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน ส่วนตะวันนาจะเพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์ และไลฟ์สไตล์เข้าไปเช่นกัน ส่วนที่ดินใกล้กับโครงการตะวันนา จะทำเป็นศูนย์จำหน่ายอาหารสด และมีบริการมี Chief Table ไว้คอยบริการ

ลดค่าเช่า 25% ช่วยร้านค้าเอเชียทีค รับมือไวรัสโควิด-19

Awc Asiatique 2

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย AWC มีความห่วงใย และได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้ออกมาตรการอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลความปลอดภัย เรื่องสุขอนามัยภายในโครงการ โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรโรงแรมชั้นนำต่าง ๆ ในการออกนโยบายยกเว้นค่าธรรมเนียมในการยกเลิกเข้าพักในโรงแรมและการยกเลิกหรือเลื่อนการจัดประชุม โดยพิจารณาความเหมาะสมในช่วงเวลาที่เดินทางและประเทศต้นทาง

 

ส่วนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า บริษัทจะมอบส่วนลดค่าเช่าตามสถานการณ์ผลกระทบด้านจำนวนลูกค้าและเศรษฐกิจของแต่ละโครงการเดือนต่อเดือน และพิจารณามอบความช่วยเหลือเพิ่มตามความเหมาะสมของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และจะร่วมยืนหยัดรับมือทุกปัญหาเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกันอย่างดีที่สุด

 

โดยบริษัทพิจารณาลดค่าเช่าให้กับผู้เช่าที่ศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ (อ่านเพิ่มเติม…แผนพัฒนาเอเชียทีค สู่เมกะโปรเจ็กต์) ในอัตรา 25% โดยมีผลในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนผู้เช่าในศูนย์การค้าอื่นๆ จะพิจารณาตามผลกระทบที่ได้รับ ซึ่งประเมินว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด