Lo Feature Image Letcare

ล็อกซเล่ย์ ส่ง “LET care” บุกตลาดรักษาความปลอดภัย บ้าน-ออฟฟิศ-ร้านทอง

การพักอาศัยอยู่ในบ้าน นอกจากบ้านจะตอบโจทย์เรื่องของความสะดวกสบายแล้ว เดี๋ยวนี้ผู้ประกอบการยังได้ใส่ฟังก์ชั่นพิเศษ เพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดีอีกหลายอย่างภายในบ้าน อาทิ ระบบระบายอากาศ เพื่อให้บ้านปลอดโปร่ง เย็นสบาย ระบบแสงจากธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้าน ระบบการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การนำระบบ IoT เข้ามาพัฒนาให้บ้านเป็น Smart Home เป็นต้น แต่ไม่ว่าบ้านจะมีฟังก์ชั่นพิเศษอะไรก็ตาม หากผู้อยู่อาศัยไม่มีความปลอดภัยจากการโจรกรรม หรือบรรดามิจฉาชีพ ฟังก์ชั่นของบ้านที่ดีแค่ไหนก็คงไม่มีประโยชน์

 

“ระบบรักษาความปลอดภัย” จึงเป็นอีกหัวใจสำคัญของการอยู่อาศัย ที่ให้ทั้งความ “อุ่นใจ” และ “สบายใจ” ทั้งในขณะที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหรือออกไปทำงานนอกบ้าน ซึ่งระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่ผู้ประกอบการมักจะนำเอามาใส่ไว้ในโครงการ  คือ ระบบรปภ. ระบบกล้องวงจรปิด และสมาร์ทคีย์การ์ด แต่ในยุคปัจจุบันคงไม่เพียงพอ  เพราะเจ้าของบ้านต้องการความสบายใจมากกว่านั้น  ทางเลือกของเจ้าของบ้านจึงต้องหาอุปกรณ์  และระบบรักษาความปลอดภัยมาติดตั้งไว้ในบ้านของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นระบบกล้องวงจรปิด  เพื่อเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นแม้ว่าจะไม่ได้พักอาศัยอยู่ภายในบ้านก็ตาม ​

Un2

ธุรกิจกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน จึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่เจ้าของบ้านหลายราย เลือกจะนำเอามาใช้สร้างความอุ่นใจ  และปกป้องบ้านของตัวเอง รวมถึงใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ด้วย เช่น การเฝ้าดูผู้สูงอายุภายในบ้าน เพราะเดี๋ยวนี้ระบบกล้องวงจรปิด สามารถจะมอนิเตอร์ดูภาพของกล้องได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ไม่ว่าเจ้าของบ้านจะอยู่ที่ใดบนโลกนี้ ก็สามารถตรวจดูบ้านของตนเองได้ ขอเพียงแต่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตกับโทรศัพท์มือถือเท่านั้นก็พอ  ส่งผลให้ตลาดอุปกรณ์กล้องวงจรปิดเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ประกอบการเข้ามาจับตลาดนี้เพิ่มมากขึ้น

 

ว่าที่ร้อยตรีนำพล ใคร้วานิช  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ  บริษัท ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด ในกลุ่มล็อกซเล่ย์  เปิดเผยว่า แต่ละปีตลาดระบบและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยน่าจะเติบโตประมาณ 5% เพราะปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์มีความทันสมัย เป็นระบบ IoT ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้งาน ขณะเดียวกันดีเวลลอปเปอร์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้นำระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาติดตั้งภายในโครงการ และใช้เป็นจุดขายของโครงการด้วย

 

“ปัจจุบันบ้านระดับ 3-5 ล้านบาท หันมาให้ความสนใจในการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยสำเร็จรูปมากขึ้น เพราะต้องการความสะดวกสบายในการควบคุมและดูแล”

 

สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังนี้  ได้เตรียมขยายตลาดระบบรักษาความปลอดภัย LET care จับตลาดกลุ่มลูกค้าทั่วไป หรือ B2C จากที่ผ่านมามุ่งจับตลาดลูกค้า B2B เป็นหลัก เช่น ร้านวัตสัน และธนาคารฮ่องกง รวมถึงกลุ่มลูกค้าโครงการขนาดใหญ่และหน่วยงานภาครัฐ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่บริษัทจะขยายตลาด คือ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์  ร้านทอง สำนักงาน และลูกค้าทั่วไปที่ต้องการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย โดยแนวทางการทำตลาดจะใช้สื่อออนไลน์เพื่อสร้างการรับรู้ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการใช้ตัวแทนจำหน่ายและทีมขายของบริษัทในการทำตลาด โดยคาดว่าในปีแรกจะมียอดขาย LET care ประมาณ​ 200 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนประมาณ​ 20% จากยอดขายรวมของทั้งบริษัท 1,000 ล้านบาท ​

 

โดยชุดระบบรักษาความปลอดภัย LET care  วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 29,900 บาท ​โดยยังได้ร่วมมือกับบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบกรมธรรม์ให้สูงสุด 1 ล้านบาท ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปีด้วย ภายในชุดรักษาความปลอดภัยจะประกอบด้วย กล้องวงจรปิด IP CCTV กล่องควบคุมสัญญาณ เซ็นเซอร์ประตู หน้าต่าง เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว ระบบควบคุมไฟฟ้า สัญญาณเตือนภัย และรีโมทคอนโทรล ซึ่งจะมี Application LET care ในการแจ้งเตือนผู้บุกรุกหรือดูไลฟ์วิดีโอผ่านสมาร์ทโฟน การตรวจจับความผิดปกติทั้งความร้อน อุณหภูมิ กลุ่มควันภายในบ้าน รวมถึงสามารถควบคุมแสงสว่าง เปิด/ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่อยู่อาศัย พร้อมส่งสัญญาณแจ้งเตือนหน่วยงานฉุกเฉินที่เกี่ยวข้อง อาทิ แจ้งสถานีตำรวจหากมีผู้บุกรุก แจ้งทีมแพทย์ฉุกเฉินหากเกิดอุบัติเหตุกับผู้พักอาศัย ผสานกับการให้บริการของทีมตรวจสอบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน CCC (Command Control Communication)

 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแพลทฟอร์มเป็นของตนเอง มีชื่อว่า บียอน แพลทฟอร์ม (Beyond Platform) ซึ่งร่วมมือกับ บริษัทบราเซ็นท์ ประเทศสิงคโปร์ ในการพัฒนาแพลทฟอร์มอัจฉริยะด้านรักษาความปลอดภัย ผ่านบิ๊กดาต้าและการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาผสานเข้ากับ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด โดรน-อากาศยานไร้คนขับ ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับต่างๆ ในระดับเมือง จังหวัด และภูมิภาค บริหารจัดการแบบศูนย์รวมผ่านห้องปฏิบัติการ Single Command Control Center ภายใต้คอนเซ็ปต์ 3P : Predict, Prepare, Prevent และ 1M : Manage

Aw Letcare A4 4p Cre

โดยบริการบริษัทประกอบด้วย 4 กลุ่มงานเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ซึ่งสามารถออกแบบและให้บริการได้ตามความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านอุปกรณ์ เทคโนโลยี ระบบงานและงบประมาณ  ได้แก่ 1.กลุ่มงานระบบเทคโนโลยีความมั่นคงเพื่อความปลอดภัยระดับเมืองและเขตชุมชนขนาดใหญ่ (Public Safety) 2.กลุ่มงานเทคโนโลยีไร้มนุษย์ควบคุมและระบบบริหารจัดการล้ำอนาคต (Beyond Platform & Unmanned Security)  3.กลุ่มงานเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อระบบท่าอากาศยาน (Airport Technology) และ 4.กลุ่มงานเทคโนโลยีขั้นสูง (Special Technology)

 

สำหรับผลงานที่บริษัทดำเนินการติดตั้งและส่งมอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ระบบบูรณาการรักษาความปลอดภัยของตำรวจภูธรภาค 5 เฟสหนึ่ง ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ 4 จังหวัด จากทั้งหมด 8 จังหวัด เป็นต้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามอาชญากรรมต่างๆ ได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที นอกจากนี้ยังมีที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สถานีขนส่งหมอชิต) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานหาดใหญ่

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด