Lpn New Launch 2h65

แอล.พี.เอ็น ลุยแผนเทิร์นอะราวด์​สู่รายได้ 20,000 ล้าน ฝ่าปัจจัยลบเปิด6โครงการใหม่ครึ่งปีหลัง

แอล.พี.เอ็น. เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแผน Turnaround สู่รายได้และยอดขาย  20,000 ล้าน​ ในปี 69 ลุยเปิดโปรเจ็กต์ใหม่ครึ่งปีหลังอีก ​ 6 โครงการใหม่ มูลค่า 6,700 ล้านบาท พร้อม Re-design และ Re-branding ​แบรนด์ “168” จับตลาดคนรุ่นใหม่ หวังสร้างยอดขายปี 65 แตะ 13,000 ล้าน

 

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวล ลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ว่า  ได้เตรียมเปิดตัว  6 โครงการใหม่​​ มูลค่า 6,700 ล้านบาท ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังนี้ ยังจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หรืออาจถึงขั้นถดถอย (Recession)  ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์วิกฤติซ้อนวิกฤติ ทั้งจากการแพร่ระบาดที่ยาวนานของโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) และสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ระดับราคาน้ำมัน ราคาสินค้า และอัตราเงินเฟ้อ ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้น

Lpn Plan2022 1

โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงเกิน  5% ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังประมาณ 0.25-0.5% เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น แต่บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการตามแผนที่วางไว้มูลค่ารวม 13,700 ล้านบาท และวางเป้าหมายยอดขายไม่น้อยกว่า 13,000 ล้านบาท

 

ในช่วงครึ่งแรกปี 2565 บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ เพลส 168 ปิ่นเกล้า , โครงการลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น , โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต – คลอง 1 เฟส 3 และโครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย เฟสใหม่  

 

นายโอภาส กล่าวอีกว่า ตามแผนในช่วงครึ่งหลังนี้ ​บริษัทมีแผนเปิดตัว 2 โครงการคอนโดมิเนียม มูลค่า 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการที่บริเวณราชพฤกษ์ ซอย 5 ใกล้มหาวิทยาลัยสยาม และโครงการที่อ่อนนุช ซอย 19   พร้อมเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัย 4 โครงการ ประกอบด้วย เวนู 168 ราชพฤกษ์ , เวนู 168  เวสต์เกต และเวนู 168 คูคต สเตชั่น และโครงการเรสซิเดนซ์ 168 ราชพฤกษ์ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม  3,700 ล้านบาท

Lpn Plan2022 4

โดยทุกโครงการที่เปิดตัวในช่วงครึ่งหลัง จะเปิดตัวภายใต้แบรนด์ใหม่ คือ “168” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปภายใต้แนวคิด “น่าอยู่”  (Livable Home) มากขึ้น ผ่านการออกแบบที่ตอบสนองการใช้ชีวิตวันนี้ ทั้งอาคารชุดและบ้านพักอาศัย ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับเรื่องการผสานการใช้งาน (Function) และการดึงอารมณ์ ความรู้สึก (Emotion) ตามความชอบ บุคลิก ที่เรียกว่าต้องเข้าใจ Insight ของลูกค้า

 

“เราปรับการออกแบบทุกโครงการและทุกยูนิตภายใต้แบรนด์ ”168” ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยนำผลวิจัยทุกความต้องการของลูกค้าของแอล.พี.เอ็น.​มา Re-Design ทุกโครงการใหม่ของเราให้มีรูปแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปรับฟังก์ชั่นการใช้งานให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย  และเลือกใช้เทคโนโลยี่ที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละโครงการ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์ 5 ปี (2565-2569) Turnaround ขององค์กร”

 

โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวม ​ 4,800 ล้านบาท ​ เติบโต​ 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งยอดขายดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน​ 37% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี และมียอดการรับรู้รายได้อยู่ที่ 4,190.74 ล้านบาท เติบโต 50% และมีกำไรสุทธิ 338.78 ล้านบาท เติบโต 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564  ซึ่งในปี 2565 บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 13,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย 6 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท และ โครงการบ้านพักอาศัย 4 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท

Lpn Plan2022 2

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายการเปิดตัวโครงการ และเป้าหมายยอดขายไว้เท่าเดิม แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวหรือถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี  แต่ตลาดยังคงมีกำลังซื้อ แม้ว่าผู้ซื้ออาจจะปรับลดงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะไม่แน่ใจรายได้ในอนาคตได้ก็ตาม  โดยราคาที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท  ยังคงมีแนวโน้มเติบโตทั้งคอนโดและบ้านแนวราบ  เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการและอยู่ในงบประมาณของผู้ซื้อที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูง

เราได้มีการประเมินสถานการณ์ความเสี่ยง การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรายังคงดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะเผชิญกับปัจจัยลบหลายปัจจัย ที่เป็นความเสี่ยงของธุรกิจอสังหาฯ อาทิ กฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีผลบังคับใช้ และการจัดเก็บภาษีแบบเต็มจำนวนในปีนี้ ในมุมหนึ่ง​ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น สำหรับที่ดินและสินค้าที่ยังคงเหลืออยู่ ​แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นปัจจัยบวก  จากการที่ทำให้เจ้าของที่ดินยอมที่จะขายที่ดินออกมาในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อลดภาระการถือครองที่ดิน เป็นจังหวะที่ดีในการซื้อที่ดินของผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการในอนาคต

 

ในปีนี้บริษัทวางงบประมาณในการซื้อที่ดินไว้ 4,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกได้ลงทุนซื้อที่ดินไปแล้ว 1,400 ล้านบาท และในช่วงครึ่งหลังมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มอีก 2,600 ล้านบาท

Lpn Plan2022 3

นายโอภาส กล่าวในตอนท้ายว่า  ปีนี้เป็นปีที่บริษัทเดินหน้าการทำธุรกิจเต็มสูบ หลังจากที่ชะลอแผนการลงทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อที่จะสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และสร้างฐานเพื่อการรับรู้รายได้ตามแผนยุทธศาสตร์ที่จะสร้างยอดขายแตะระดับ 20,000 ล้านบาทในปี 2569 ด้วยการเปิดตัวและพัฒนาโครงการใหม่ให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมายและในทุกทำเลในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-[PR News] LPN เปิดตัวโครงการใหม่ 1,200 ล้าน “ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น”

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด