Noble Development

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ โชว์รายได้-กำไรไตรมาสแรกโต รับเศรษฐกิจ-ยอดต่างชาติฟื้น 

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์

โนเบิล ประกาศผลงานไตรมาสแรก รับรู้รายได้รวม 2,135 ล้าน เติบโต 43% และกำไรสุทธิแตะ 73 ล้าน พุ่ง 1,195% ขณะที่ยอดขายแตะ 4,402 ล้านบาท หนุน Backlog ในมือเพิ่มเป็น 22,396 ล้านบาท รับอานิสงส์ความมั่นใจฟื้น-ต่างชาติกลับมา ประกาศตอกย้ำรายได้รวมปีนี้ส่อแววแตะ 15,000 ล้าน และยอดขายแตะ 23,000 ล้านตามเป้าหมายที่วางไว้

 

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมที่ 2,135 ล้านบาท เติบโต 43% เมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ​และกำไรสุทธิอยู่ที่ 73 ล้านบาท เติบโต 1,195% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก การรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ โครงการคอนโดมิเนียม ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2565 ที่ผ่านมา เช่น โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 โครงการนิว ศรีนครินทร์–ลาซาล โครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ โครงการนิว งามวงศ์วาน และโครงการนิว เซ็นเตอร์ บางนา เป็นต้น

 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการและบริหารงานก่อสร้าง และมีรายได้อื่นจากการยกเลิกสัญญาและรายได้จากการบริหารโครงการ (Management Fee) ที่เพิ่มมากขึ้นจากโครงการร่วมทุน  ช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทยังมียอดขายรวม (Pre-sale) แตะ 4,402 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าพร้อมขาย (Inventory) จำนวน 1,060 ล้านบาท และเป็นยอดขายจากสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและโครงการใหม่จำนวน 3,342 ล้านบาท

Noble (1) Noble

บริษัทประสบความสำเร็จ จากภาพรวมของความมั่นใจที่ฟื้นตัวกลับมา หลังจากสถานการณ์ของโรคระบาดคลี่คลาย ภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา ส่งผลดีต่อ Sentiment ทั้งลูกค้าในกลุ่มที่เป็นซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real demand) และลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน

 

ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วจำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,800 ล้านบาท ประกอบด้วย

  1. โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม Low-Rise 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร ซึ่งตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ลำลูกกาและติดสถานีรถไฟฟ้า
  2. โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ รวมจำนวนยูนิต 156 ยูนิต

 

ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากรูปแบบโครงการรวมถึงทำเลที่ตั้งสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 ในมือรวมมูลค่า 22,396 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยรับรู้ภายใน 2-3 ปี

 

สำหรับในปี 2566 บริษัทเชื่อว่า Sentiment จะยังคงฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่บริษัทได้มีการปรับพอร์ตกระจายฐานลูกค้าต่างชาติให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ใต้หวัน สิงคโปร์ และเมียร์มาร์ เป็นต้น เพื่อรองรับการเปิดประเทศโดยเฉพาะปัจจัยการเปิดประเทศของจีนทำให้ความต้องการจากลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้กลับมาคึกคักสู่ภาวะปกติ และนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มทยอยเข้ามาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรงทำให้ยอดขายของลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น เช่น โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง ติดเซ็นทรัลพระรามเก้า และ MRT เพียง 180 เมตร เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ ใจกลาง New CBD คอนโดฯ คุณภาพ ซึ่งปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้วกว่า 81% และมีสัดส่วนยอดขายจากลูกค้าต่างชาติแล้วกว่า 38%

Noble (1)

จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ประกอบกับ Backlog ที่มีในมือ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะทยอยเปิดตัว เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อทิศทางการ ดำเนินงานในปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ จะเห็นการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และยอดขายที่ระดับ 23,000 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จ่ายปันผลเพิ่มหุ้นละ 0.08 บาท พร้อมแผนปี 65 เปิดโครงการใหม่ 47,700 ล้าน

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด