ตลาดอสังหาฯ 66
ส่องตลาดอสังหาฯ 66 ท่ามกลางปัจจัยบวกการเติบโตของตลาดท่องเที่ยว การบริโภคของเอกชน แต่ยังมีปัจจัยลบเงินเฟ้อสูง ราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย แต่คาดการณ์มีดีมานด์บ้าน-คอนโด 1.2 แสนยูนิต
ภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 จากปัจจัยการเปิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ และส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปี 2565 ที่ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ ขณะเดียวกันในปีนี้ยังมีปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจไทยให้เติบโต และสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มชาวต่างชาติ จากการจัดประชุม APEC 2022 ในประเทศไทยอีกด้วย
ภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลสำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นธุรกิจที่มีทิศทางเดียวกันกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ที่สำคัญยังเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยกำลังซื้อของผู้บริโภค และความมั่นคงในอาชีพการงาน เมื่อทุกอย่างเติบโตไปในทิศทางบวก จึงส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ มีการเติบโตตามไปด้วย
ปัจจัยในการวิเคราะห์ตลาดอสังหาฯ ว่าจะอยู่ในภาวะอย่างไร นอกจากการดูภาพรวมเศรษฐกิจแล้ว ยังจะต้องดูจากภาวการณ์ขายของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ ทั้งในส่วนจำนวนยูนิตขายได้ และยอดสัญญาที่เป็นตัวเงินที่ผู้ประกอบการได้รับ ซึ่ง 2 ตัวแปรนี้มีความสำคัญมากกว่าข้อมูลอื่น เช่น ข้อมูลการขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร
ในปี 2563 บริษัทอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 10 แห่ง มีจำนวนยูนิตขายได้และยอดสัญญาเป็นตัวเงินตกต่ำที่สุด แต่เริ่มฟื้นตัวขึ้นในปี 2564 และขยายค่อนข้างชัดเจนในปี 2565 โดยในปี 2565 มีจำนวนยูนิตที่ขายได้ประมาณ 110,000 ยูนิตสูงขึ้นจากปี 2564 ที่มีจำนวนประมาณ 75,000 ยูนิต
สำหรับยอดขายของบริษัท จดทะเบียนในปี 2564 มีประมาณ 220,000 ล้านบาท และปี 2565 สูงขึ้น เป็นประมาณ 260,000 ล้านบาท แม้ว่าตัวเลขทั้งสองจะอยู่บนฐานที่แตกต่างกันแต่ก็แสดงทิศทางชัดเจน
ในปี 2565 มีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ เริ่มมีจำนวนกลับสู่ภาวะปกติ โดยมีที่อยู่อาศัยทุกประเภทรวมกันประมาณ 100,000 ยูนิต มีอัตราการขยายตัวในสินค้าประเภทคอนโดมิเนียมมากที่สุด ประมาณ 54,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปี ในปี 2564 ที่มีประมาณ 20,000 ยูนิต ส่วนบ้านเดียวมีประมาณ 15,000 ยูนิต จากปกติที่ 10,000-12,000 ยูนิต
ทั้งหมดนี้สะท้อนความมั่นใจของผู้ประกอบการ ที่มองว่ากำลังซื้อในตลาดมีสูงขึ้น เพียงพอที่จะรองรับการทำตลาดตามปกติเช่นเมื่อก่อนโควิด
เมื่อย้อนกลับไปพิจารณายอดขายที่เป็นตัวเงินของบริษัทจดทะเบียน จะเห็นได้ว่า การล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดในปี 2563 ส่งผลกระทบอยู่ในระดับที่ไม่มากนัก โดยยอดขายลดลงเพียง 1% ของภาวะปกติเท่านั้น ถ้าหากไปดูในรายละเอียดแล้วจะพบว่า กลุ่มผู้บริโภคหลัก ๆ ที่กลายมาเป็นกลุ่มที่สนับสนุนไม่ให้ยอดขายที่อยู่อาศัยตกลงมาก คือ กลุ่มที่มีอายุ 26-30 ปี ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าหลักจะมีอายุ 36-40 ปี
สำหรับกลุ่มผู้มีอายุ 26-30 ปี กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เริ่มทำงานไม่นานและ ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยลง นอกจากนี้ระบบการเงินเพื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ได้ส่งเสริมให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ไม่ยาก และมีอัตราการผ่อนชำระต่อเดือนที่ต่ำกว่าในอดีตมาก
ในช่วงปี 2566 อัตราการขยายตัวโดยรวมของระบบเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ 3.4% ซึ่งเท่ากับช่วงปี 2565 โดยสภาวะเศรษฐกิจส่งผลกระทบสำคัญต่อตลาดที่อยู่อาศัย
สำหรับปัจจัยบวกสำคัญในปี 2566 มีดังนี้
สำหรับปัจจัยด้านลบในปี 2566 ได้แก่
เมื่อประมวลจากปัจจัยต่าง ๆ โดยรวมแล้ว คาดว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยโดยรวมน่าจะรักษาอยู่ในระดับไม่น้อยกว่า 120,000 ยูนิต ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมออกสู่ตลาดจำนวนมาก คงจะเป็นแรงผลักดันส่วนหนึ่งที่ทำให้ ผู้ประกอบการต้องทำการตลาดอย่างหนักเพื่อรักษาผลการดำเนินงานให้ได้มากที่สุด กลุ่มผู้บริโภค อายุน้อยน่าจะเป็นเป้าหมายของสินค้าประเภทนี้
บ้านเดี่ยวเป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่ง ที่จะส่งเสริมตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมได้ดี จากการพัฒนาโครงการออกมาทำตลาด ในภาวะเศรษฐกิจที่อัตราการขยายตัวยังไม่สูง แต่อัตราเงินเฟ้อที่สูง
ที่มา-เรียบเรียงจากบทความ ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2565-2566 โดย ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
–ศูนย์ข้อมูลฯ เปิดอินไซด์ตลาดอสังหาฯ EEC พร้อมส่องทำเลบ้าน-คอนโด ขายดี