เปิดแผน “สิงห์ เอสเตท” ลุย 3 ธุรกิจ เดินหน้าสู่ “โกลบอล​ โฮลดิ้ง คัมปานี”

เป้าหมายการเติบโตสำคัญของ “สิงห์ เอสเตท” หรือ บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) คือ การสร้างตัวเลขรายได้ให้ถึง 20,000 ล้านบาท ภายในปี 2563 ด้วยโครงสร้างธุรกิจ ที่แข็งแกร่ง กับ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก  และธุรกิจที่พักอาศัย  แต่สำคัญกว่าตัวเลขรายได้ คือ การก้าวไปสู่การเป็นองค์กรระดับ “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี”  โดยมีความท้าทายที่เป็นโจทย์ยาก คือ เติบโตด้วยความยั่งยืน

 

และแม้ว่าวันนี้หากดูพอร์ตฟอลิโอธุรกิจ จะเห็นการไปปักหมุดทำธุรกิจแล้วในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศอังกฤษ  มัลดีฟส์  ฟิจิ และมอริเชียส  ถือเป็นการประกาศความพร้อมสำคัญ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพฝีมือการบริหารงานของกลุ่มคนไทย แต่อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับ “สิงห์ เอสเตท” ในการก้าวไปสู่เป้าหมาย ยังคงต้องเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องไปในอีกหลายประเทศที่มีศักยภาพ  เพื่อสร้างการเติบโตแบบ “มั่นคง” และ “ยั่งยืน” นั่นเอง

 

เล็ง “เมียนมา-เวียดนาม” ขยายอสังหาฯ

 

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจชาวเมียนมา เพื่อให้เข้าไปร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเมียนมา หลังจากเขาได้เห็นโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ โครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่ บริเวณแยกเพชรบุรี-อโศก โดยนักธุรกิจดังกล่าวเป็นเจ้าของเหมืองหยกและทับทิมขนาดใหญ่ในเมียนมา มีที่ดินจำนวนมากกระจายอยู่ในหลายเมือง

 

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นยังเป็นเพียงการเจรจาพูดคุย  ยังไม่ได้ทำการศึกษาในรายละเอียด แต่บริษัทก็มีความสนใจจะเข้าไปพัฒนาโครงการในเมียนมาด้วยเช่นกัน  เนื่องจากเป็นประเทศที่มีแรงงานจำนวนมาก มีทรัพยากรธรรมชาติ และมีการขยายโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหากเข้าไปพัฒนาจะจับตลาดพรีเมียมเป็นหลัก นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสนใจในการขยายตลาดไปยังหลายประเทศในภูมิภาคที่มีศักยภาพ เช่น เวียดนาม เนื่องจากเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของบริษัท ในการกระจายความเสี่ยงจากตลาดอสังหาฯ ภายในประเทศ และเป็นการก้าวไปสู่เป้าหมายการเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” (Global Holding Company) ด้วย

 

“ปัจจุบัน สิงห์ เอสเตท มีการทำธุรกิจด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่พักอาศัย โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำบริษัทก้าวสู่การเป็น โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี ผ่านกลยุทธ์การขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ การสร้างแบรนด์ในระดับพรีเมียม การปรับองค์กรให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ดีให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม”

 

เตรียมหมื่นล้านลุยธุรกิจ

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2562 บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ 8,000-10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ รูปแบบต่างๆ โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ ซอยรางน้ำ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3 การก่อสร้างอาคารสำนักงาน Oasis บนถนนวิภาวดี-รังสิต  ส่วนธุรกิจโรงแรมปัจจุบันสิงห์มีเปิดให้บริการ 37 แห่ง ใน 5 ประเทศ จำนวน 4,271 ห้อง โดยจะเปิดให้บริการอีก 2 แห่ง ในโครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ รวม 376 ห้อง จากแผนดังกล่าวนี้จะทำให้ สิงห์ เอสเตท ก้าวขึ้นเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” อย่างสมบูรณ์แบบในปีนี้

 

ส่วนโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น THE ESSE ASOKE ซึ่งมีการทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ส่วนโครงการ THE ESSE @SINGHA COMPLEX จะมีการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบห้องให้ลูกค้าในไตรมาส 3 ปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการอื่นๆ ที่ทยอยรับรู้รายได้อีกอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปี 2562 และที่เหลือในปี 2563

 

“ถึงแม้ว่าตลาดอสังหาฯ จะมีการปรับตัวจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ อาทิ เช่น เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และนโยบายกำกับดูแลสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้าน แต่ สิงห์ เอสเตท ยังคงเดินหน้าลงทุนและพัฒนาโครงการตามแผนที่วางไว้ โดยมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ พร้อมรับความท้าทายของตลาดอสังหาฯ นอกจากนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย”

เดินหน้าเป้าหมายรายได้ 20,000 ล้าน

 

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท สูงขึ้นมากกว่า 160% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน  และมีกำไรสุทธิ 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

 

โดยปี 2562 ยังคงเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวรายได้จากการลงทุนในกิจการกลุ่มเอาท์ริกเกอร์ ที่มีโรงแรม 6 แห่ง และอาคารสำนักงานสิงห์ คอมเพล็กซ์ (The Office at SINGHA COMPLEX) ที่แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย และเริ่มรับรู้รายได้จาก โครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์  นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังมีแผนนำธุรกิจโรงแรมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ โดยใช้ชื่อ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)    

 

โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้ของการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ The Esse Asoke  โครงการ The Esse at Singha Complex  และการรับรู้รายได้ของอาคารสำนักงานสิงห์ คอมเพล็กซ์  หากเป็นไปตามแผนธุรกิจ และไม่มีอะไรผิดพลาด ในปีนี้ก็มีสิทธิ์ลุ้นว่าบริษัทอาจจะมีรายได้ถึง 20,000 ล้านบาท เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ว่าจะทำรายได้ดังกล่าวในปี 2563  ซึ่งเป็นผลจากทุกธุรกิจมีการเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่เป้าหมายที่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่นั้น  ต้องรอลุ้นกันอีกทีในช่วงปลายปีนี้

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด