Sena Business 2021

เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ปรับแผนเปิดโปรเจ็กต์เพิ่ม เจาะฐานลูกค้าเรียลดีมานด์

เสนา ปรับแผนเปิดโปรเจ็กต์เพิ่ม เป็น 18 โปรเจ็กต์มูลค่ากว่า 16,764 ล้าน รับตลาดกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ หลังไตรมาสแรก ผลการดำเนินงานยังทำกำไรกว่า 228 ล้าน

 

นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA  เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ปีในปีนี้ ​ จากเดิมวางแผนเปิดโครงการทั้งหมด 17 โครงการ รวมมูลค่า 15,700 ล้านบาท ได้ปรับเพิ่มเป็น 18 โครงการ รวมมูลค่า 16,764 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 7 โครงการ และแนวสูง 11 โครงการ เพื่อให้สอดรับกับกำลังซื้อที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ภายใต้มาตรการ “SENA Strong” 

Sena Kitt Bangkae 1

โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังเป็นปัจจัยที่สำคัญ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ได้เปิดตัวโครงการไปแล้ว 1 โครงการ คือ เสนาคิทท์ เวสต์เกต -บางบัวทอง มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 3 วางแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 8 โครงการ รวมมูลค่า 6,109 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ และแนวสูง 3 โครงการ โดยเดือนกรกฏาคม เตรียมเปิดขาย “เสนาคิทท์ ฉลองกรุง – ลาดกระบัง” ราคาเริ่ม 799,000 ล้านบาท

 

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม​ 907.8 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 7% ซึ่งมีสาเหตุหลักจากธุรกิจให้เช่าปรับตัวลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในขณะที่รายได้จากธุรกิจการขายที่อยู่อาศัย มีรายได้รวมทั้งสิ้น 623.6 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 10.3% โดยมี รายได้จากโครงการแนวราบ 221.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 116.7% ซึ่งมาจาก  5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ เสนา พาร์คแกรนด์ วงแหวน – รามอินทรา ​โครงการเสนาวิลล์ ลำลูกกา-คลอง 6 ​โครงการเสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5 โครงการเสนาวิลล์ รามอินทรา และโครงการเสนา แกรนด์ โฮม รามอินทรา กม.8

 

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 7,399 ล้านบาท ณ สิ้น 31 มีนาคม 2564 และจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ 4,390 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในปีต่อไป​​​

Sena Kitt Bangkae

นางสาวอธิกา กล่าวอีกว่า สถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ใน​ภาพรวมยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทยังสามารถรักษาฐานตลาดในเซกเมนท์ที่มีกำลังซื้อ  โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างต่อเนื่อง

 

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น  228.6 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นและการบริหารจัดการต้นทุนทางการขายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องการขายและการบริหารจัดการโครงการ รวมถึงมีการวางกลยุทธ์ทางการตลาดในการเปิดโครงการใหม่ ๆ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยเน้นไปยังพื้นที่ที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด