เสนา เดินหน้า จับมือกลุ่มฮันคิว ฮันชิน พันธมิตรจากญี่ปุ่น ปั้นโครงการต่อเนื่อง ประเดิมครั้งแรกบุกตลาดแนวราบ พัฒนาโครงการทาวน์โฮม กลุ่มตลาดราคา Affordable โครงการแรกของวงการอสังหาฯ เจาะทำเลเพทพารักษ์-บางบ่อ
บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นจับมือกับกลุ่มฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ด้วยแนวความคิดที่ต้องการนำเอาความแข็งแกร่ง และประสบการณ์ด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่น มาปรับใช้กับตลาดภายในประเทศไทย โดยโครงการแรกเป็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม “นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง”
การพัฒนาโครงการภายใต้ความร่วมมือของ 2 ดีเวลลอปเปอร์ ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนรวม 14 โครงการ รวมมูลค่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดแนวสูงเป็นหลัก แต่สำหรับปีนี้เป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ของการร่วมกับกลุ่มฮันคิว ฮันชิน ซึ่งความร่วมมือที่ดีระหว่างกัน ได้ขยายตลาดมาสู่การพัฒนาโครงการแนวราบ ด้วยการพัฒนาโครงการทาวน์โฮมโปรเจกต์แรก ภายใต้แบรนด์ เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อ มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกของของดีเวลลอปเปอร์ไทยและต่างชาติในการพัฒนาโครงการทาวน์โฮม และเป็นกลุ่มตลาดราคาจับต้องได้ (Affordable)
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายในการดำเนินธุรกิจในปี 2564 คือ SENA Strong ซึ่งประกอบด้วย 7 Strong ได้แก่ 1.Strong Step 2.Strong Affordable Condo 3.Strong Partner 4.Strong Solar 5.Strong Digitalized Service App 6.Strong Agent และ 7.Strong Management Team ซึ่งการพัฒนาโครงการร่วมทุนในรูปแบบทาวน์โฮม ได้นำเอา 3 Strong มาพัฒนาร่วมกัน ได้แก่ 1.Strong Affordable Condo 2.Strong Partner และ 3.Strong Solar
ระหว่างเสนา และ ฮันคิว ฮัน ชิน วันนี้เราเป็นมากกว่าพันธมิตรร่วมทุนทางธุรกิจ ซึ่งในปี 2564 เสนา วางแผนธุรกิจตามนโยบาย SENA Strong และยังคงแนวทางการทำงานกับทาง ฮันคิว ฮันชิน เหมือนเดิมคือการคิดถึงลูกค้าเป็นหลัก และสร้างที่อยู่อาศัยที่ดีให้กับผู้บริโภค
โดยจุดเด่นของการพัฒนาโครงการทาวน์โฮม ระหว่างเสนาและกลุ่มฮันคิว ฮันชิน คือ การนำแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “Geo fit+” มาปรับใช้ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยประกอบด้วย 4 เรื่อง คือ
1.Geo fit+ Day เน้นว่าจะพัฒนาโปรดักท์อย่างไรให้เข้ากับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
2.Geo fit+ Eco การแสวงหาแนวทางประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น พลังงานไฟฟ้า เชื้อเพลิง หรือน้ำ
3.Geo fit+ Stage การออกแบบบนแนวคิดเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย
4.Geo fit+ Sonae ใส่ใจทุกดีเทลในการใช้ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความปลอดภัย
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นปีนี้เสนาและกลุ่มฮันคิว ฮันชิน จะพัฒนาโครงการทาวน์โฮมร่วมกันอย่างน้อย 3 โครงการ ซึ่งอาจจะพัฒนามากกว่านี้ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจ จากปีนี้ที่บริษัทวางแผนเปิดโครงการทั้งหมด 17 โครงการ โดยแผนการเปิดโครงการอีก 15 โครงการยังเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้
การมีพาร์ทเนอร์ที่ดี เป็นการทำให้เราเป็น strang company และอยากเป็น sustain company ที่ sustain ไปเรื่อย ๆสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งไม่มีคำว่าจุดจบ เพราะเราไม่คิดว่ามีคำว่าดีที่สุด มีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ มีแต่คำว่าพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายประสิทธิ์ วัฒนานุกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสนับสนุนงานก่อสร้าง บริษัท เสนาดีเวล ลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงรายละเอียดโครงการ เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อ ว่าพัฒนาโครงการบนคอนเซ็ปต์แบรนด์ “ชีวิตที่ลงตัวกับความสุขที่เรียบง่าย” เป็นทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ สูง 2 ชั้น บนเนื้อที่โครงการ 39 ไร่เศษ จำนวน 298 หลัง มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ แบบบ้าน THEE และแบบบ้าน THEE Plus ขนาดที่ดินเริ่ม 20 – 41 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเริ่ม 127 – 140 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องเอนกประสงค์ พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ราคาเริ่ม 2.99 ล้านบาท* โดยกำหนดก่อสร้างตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 และ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี 2567
เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อ ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพติดถนนใหญ่ ใกล้แหล่งงาน นิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมบางปู และนิคมเวลโกร์ว แวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญทั้งโรงพยาบาล สถานศึกษา แหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เมกาบางนา ,มาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ เทสโก้ โลตัส ซิตี้พาร์ค และ บิ๊กซี บางพลี เป็นต้น ในอนาคตมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากเคหะ สมุทรปราการ วิ่งไปถึงบางปู เพิ่มอีก 4 สถานี ประกอบด้วย สถานีบางปู สถานีศรีจันทร์ประดิษฐ์ สถานีเมืองโบราณ และสถานีสวางคนิวาส รวมระยะทาง 7 กิโลเมตร