สิงห์ เอสเตท กางแผน 5 ปี ปั้นโปรเจ็กต์บ้านหรูมูลค่ารวม 52,000 ล้าน ด้วยกลยุทธ์ RISE ABOVE การเติบโตเหนือความคาดหวัง เดินสู่เป้าหมายรายได้ 10,000 ล้าน พร้อมลุยตลาดลักชัวรี่ เปิด 3 เซ็กเมนต์ใหม่ จับตลาดบ้านหรู 10-100 ล้าน ประเดิมโปรเจ็กต์แรก “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส” 2,900 ล้าน เติมรายได้ปี 65 สู่เป้า 4,400 ล้าน
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบัน สิ่งที่เห็นชัดเจนนอกเหนือจากเรื่องความสะอาด สุขอนามัยที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษแล้ว ก็คือ การลดความเสี่ยงจากการออกไปเจอผู้คนมากมาย หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งนำมาถึง วิถีชีวิตการทำงานในรูปแบบ Work from Home หรือการทำงานจากที่บ้าน
แม้ปัจจุบันการทำงานจากที่บ้าน จะลดน้อยลง หลายองค์กรเริ่มให้พนักงานกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศกันมากขึ้น แต่ก็มีผู้คนไม่น้อยที่ยังทำงานจากที่บ้าน หรือจากที่ไหนก็ได้ ที่สำคัญ ผู้คนเริ่มคุ้นชินกับการไม่ต้องนั่งทำงานประจำที่ออฟฟิศทุกวันแล้ว เพราะบทพิสูจน์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพของงานไม่ได้ลดน้อยลง แม้พนักงานจะทำงานจากที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้
การที่ไวรัสโควิด-19 ได้มาเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเช่นนี้ ยังได้ส่งผลต่อเนื่องมาถึง พฤติกรรมการเลือกอยู่อาศัยของคนยุคปัจจุบัน ในการเลือกที่พักอาศัยซึ่งมีพื้นที่มากขึ้น เพราะต้องมีสถานที่สำหรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ เวลาอยู่บ้าน ทำให้ตลาดบ้านแนวราบในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา เติบโตได้อย่างดี ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมก็ชะลอตัวลง เพราะโครงการใหม่แทบจะไม่มีเปิดตัวออกมา แม้ว่ายังมียอดซื้อยอดขายคอนโดอยู่บ้าง แต่นั่นก็คือ สต็อกเก่าที่ผู้ประกอบการมีอยู่แล้วในมือ
เมื่อเทรนด์การอยู่อาศัย และการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบัน ใช้เวลาภายในบ้านมากขึ้น บรรดาดีเวลลอปเปอร์จึงต้องปรับตัวตามความต้องการของลูกค้า ผู้ประกอบการจำนวนมาก จึงหันมาพัฒนาโครงการบ้านแนวราบ ออกมารองรับกับความต้องการของตลาดที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)
ล่าสุด กลุ่มธุรกิจพักอาศัย ของสิงห์ เอสเตท ก็ประกาศแผนธุรกิจระยะ 5 ปี (ปี 2565-2569) กับตัวเลขที่จะพัฒนาโครงการออกมาขายมีมูลค่ารวมมากถึง 52,000 ล้านบาท พร้อมกับรายได้รวม 34,000 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ 5 จะมีรายได้ระดับ 10,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,221 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าจะทำรายได้ 4,400 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยเทรนด์ในปัจจุบันที่คนอยู่บ้านนานขึ้น มองหาบ้านที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ บ้านจึงต้องให้ความสุขได้ตลอด 24 ชม. ที่สำคัญต้องตอบโจทย์ฟังก์ชั่นที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังต้องเป็นที่สังสรรค์ และที่ทำงานแบบ Work from home ได้ด้วย สิงห์ เอสเตทจึงได้นำแนวคิดนี้มาออกแบบโครงการที่พักอาศัยแนวราบ และเพื่อต่อยอดจากความสำเร็จที่สามารถปิดการขายโครงการบ้านสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคของตลาดระดับบน
โดยสิงห์ เอสเตท ตอกย้ำจุดยืนในการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ทุกชีวิต หรือ Enriching Life ด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ใส่ใจ และมุ่งมั่นพัฒนาโครงการให้เป็น Best In Class เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยคุณภาพในระดับสากล ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
สำหรับกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโต และการเดินหน้าตามแผนเพื่อไปสู่เป้าหมาย พัฒนาโครงการรวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท และสร้างรายได้รวม 34,000 ล้านบาทนั้น คือ “RISE ABOVE” ที่สิงห์ เอสเตท จะพัฒนาสินค้าให้เหนือกว่ามาตรฐาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุก ๆ กลุ่มเป้าหมาย โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก
เราจะเติบโตกว่าที่เราคาดหวัง รวมถึงความคาดหวังของลูกค้า 7-8 ปีก่อนหน้านี้ เราพัฒนาโครงการ เราบอกว่าไม่ได้เป็นแค่ดีเวลลอปเปอร์ที่ขายแค่สินค้า แต่เราขายประสบการณ์ที่ดีด้วย
ที่นอกเหนือจากแผนการลงทุน และการพัฒนาโครงการเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันแล้ว ยังโฟกัสการตั้งเป้าตัวเลขที่ท้าทายขึ้นอีกด้วย สืบเนื่องจากเทรนด์ของโครงการอสังหาฯ แนวราบได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนจากตัวเลขที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์
สิงห์ เอสเตท จึงได้วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบ้านแนวราบที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วง 5 ปีต่อจากนี้บริษัทวางสัดส่วนพัฒนาโครงการบ้านแนวราบ 75% และคอนโด 25% เน้นทำเลศักยภาพ ใน 3 เซ็กเมนท์ เป็นโครงการบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 – 100 ล้านบาท แบ่งเป็น
การออกแบบที่สอดรับกับ New Trend of Living การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน พื้นที่ใช้สอยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน เพื่อให้บ้านเป็นพื้นที่สำหรับทุกๆคนในครอบครัว ด้วยแนวคิด
กับ Privileges ต่างๆ ภายใต้ ‘S life’ ที่รวบรวมสิทธิประโยชน์จากบริษัทในเครือและ Partners ที่ตอบรับกับ Lifestyle ของลูกบ้านทุกคน ทั้งในส่วนของ
สำหรับแผนในปี 2565 สิงห์ เอสเตท พร้อมเปิดตัว 1 โครงการมูลค่า 2,900 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ โครงการตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 32 โครงการจะเป็น Horizontal Luxury House ในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวนเพียง 32 หลังเท่านั้น
ส่วนอีก 2 เซ็กเมนท์ใหม่ จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมชื่อแบรนด์ในปีหน้า ซึ่งวามแผนเบื้องต้นจะเปิดตัว 4 โครงการ ในทำเลฝั่งตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพฯ ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 2,000-4,000 ล้านบาท และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายรายได้ บริษัทจะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 3,000 – 14,000 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจที่พักอาศัยจะสร้างรายได้รวมต่อปีสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ในปี 2569 และทำให้เพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 35% ของรายได้รวม จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 25%
ตลาดบ้านแนวราบจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้โตแบบก้าวกระโดด หลายบริษัทพิสูจน์แล้วว่าการ Work from Home ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ต่อไปการอยู่อาศัยที่คำนึงถึง mass transit จะลดความสำคัญลง
ปัจจุบันสิงห์ เอสเตท ยังมียอดขายรอรับรู้รายได้มูลค่า 1,500 ล้านบาท และรายได้จากไตรมาสแรกแล้ว 1,000 ล้านบาท ทำให้สะสมรายได้ปีนี้ในกระเป๋า 2,500 ล้านบาท ขณะที่โครงการใหม่ซึ่งจะเปิดตัวในปีนี้ คาดว่าจะทำรายได้อีก 600 ล้านบาท และยังมียอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในมืออีกจำนวนหนึ่ง จึงเชื่อมั่นว่าปีนี้จะทำรายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 4,400 ล้านบาทอย่างแน่นอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-‘สิงห์ เอสเตท’ รายได้รวมลด 40% หลังขาย NVD แต่ใช้เงินยังทำกำไร 70 ล้าน