Tag : Home

816 ผลลัพธ์
“Taiwan in Design” ยกขบวน 10 แบรนด์ชั้นนำ ร่วมงาน STYLE Bangkok 2025

“Taiwan in Design” ยกขบวน 10 แบรนด์ชั้นนำ ร่วมงาน STYLE Bangkok 2025

"Taiwan in Design" ยกขบวน 10 แบรนด์ชั้นนำ ร่วมงาน STYLE Bangkok 2025 "Taiwan in Design" งานจัดแสดงสินค้าการออกแบบครั้งใหญ่จากไต้หวัน เปิดตัวแล้ว ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ในงาน STYLE Bangkok 2025 ระหว่างวันที่ 2-6 เมษายน 2568 โดยงานจัดแสดงนี้จะนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่หลากหลายประเภทจากไต้หวันกว่า 10 แบรนด์ชั้นนำ ครอบคลุมสินค้าไลฟ์สไตล์ เครื่องเขียน โคมไฟ เครื่องประดับแฟชั่น และ IoT ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการออกแบบที่การันตีรางวัลจากระดับโลกของไต้หวัน     งานจัดแสดงสินค้าการออกแบบจัดแสดงโดยหน่วยงานบริหารการค้าระหว่างประเทศ ของไต้หวัน (Taiwan International Trade Administration (TITA) และ สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) ได้นักออกแบบและตัวแทนแบรนด์ของไต้หวันมาแนะนำนวัตกรรมล่าสุด พร้อมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปรัชญาการสร้างสรรค์ ซึ่งงานนี้จะเป็นโอกาสพิเศษสำหรับผู้ซื้อและสื่อมวลชนนานาชาติในการสำรวจเทรนด์ล้ำสมัยด้านการออกแบบที่ยั่งยืน นวัตกรรมที่มีวิสัยทัศน์ และงานฝีมือที่ยอดเยี่ยม   สำหรับ 10 แบรนด์ไต้หวันที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ ได้แก่ Dian-Ya Design Studio เครื่องประดับอันประณีตที่ทำจากหยกและเงินโบราณ ผสมผสานความสง่างามเหนือกาลเวลาเข้ากับสุนทรียศาสตร์ร่วมสมัย Pai Pen Pro International Ltd. ผู้เชี่ยวชาญด้านปากกาหมึกซึมสุดหรูที่ประดับด้วยองค์ประกอบเครื่องประดับชั้นดี ผสานงานฝีมือเข้ากับความสวยงามที่เหนือจะบรรยาย     The One Inc. บริษัทที่พัฒนาโซลูชันบ้านอัจฉริยะที่เปิดใช้งาน AIoT ซึ่งผสานรวมเข้ากับ Google Home และ Apple HomeKit ได้อย่างราบรื่น เพิ่มความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อ ในขณะเดียวกันมาพร้อมกับLumi Décor Co., Ltd. ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมไฟ LED ที่ล้ำสมัยพร้อมปรับแต่งตามไลฟ์สไตล์ของคุณ เสริมด้วย Microlite Industrial Co., Ltd. บริษัทผู้จัดจำหน่ายวัสดุสะท้อนแสงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความยั่งยืนในภาคส่วนต่าง ๆ   Rose O’Neill Kewpie International IP Ltd. ผสานความคิดถึงในอดีตกับคาแรกเตอร์ Kewpie ที่คุ้นเคย เข้ากับความสร้างสรรค์ ตีความภาพลักษณ์ Kewpie ขึ้นมาใหม่ให้สดใสขึ้น KenmouEnterprise บริษัทที่นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์สั่งทำพิเศษ ที่หรูหราระดับไฮเอนด์ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความพิเศษเฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์และแบรนด์ได้อย่างลงตัว Camaleon Co. ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะกระดาษทิชชู่พิมพ์ลาย และ กระดาษอาร์ตคุณภาพสูง สำหรับงานเดคูพาจ สร้างสรรค์ชิ้นงานตกแต่งอันโดดเด่นที่เปี่ยมเสน่ห์และไม่เหมือนใคร ในโลกแห่งแฟชั่น ForyuDesign Co., Ltd. ผู้สร้างคอลเลกชันกระเป๋า SOAR ONE ที่ได้รับรางวัล Paperworld Middle East Award ประจำปี 2024 อันทรงเกียรติจากการออกแบบและการใช้งานที่หลายหลาย Emjour International Co., Ltd. แสดงงานฝีมือปักผ้าอันประณีตผ่านแบรนด์ EMJOUR อันเป็นเอกลักษณ์ ที่สะท้อนถึงความพิถีพิถันและความเคารพต่อขนบธรรมเนียมดั้งเดิม แม้ว่าภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่อุตสาหกรรมการออกแบบแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในบ้านยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดเอเชีย ส่งผลให้งานจัดแสดงสินค้าและการออกแบบนี้พร้อมที่จะนำเสนอมุมมองใหม่ ๆ และมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้ร่วมงานจากทั่วโลก "Taiwan in Design" งานจัดแสดงสินค้าและการออกแบบจากไต้หวัน ขอต้อนรับผู้ร่วมงานจากทั่วโลก ตัวแทนสื่อมวลชน และผู้ที่ชื่นชอบการออกแบบ เพื่อสัมผัสกับความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือที่ดีที่สุดจากไต้หวัน มาร่วมค้นพบอนาคตของการออกแบบไต้หวันไปพร้อมกัน       เกี่ยวกับหน่วยงานบริหารการค้าระหว่างประเทศ ของไต้หวัน (TITA) หน่วยงานบริหารการค้าระหว่างประเทศ ของไต้หวัน (Taiwan International Trade Administration : TITA) ก่อตั้งภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจ มีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งเสริมการค้าโลกและการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวัน โดย TITA มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการค้า เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ และสนับสนุนธุรกิจไต้หวันในการขยายการเข้าถึงทั่วโลก โดยการส่งเสริมนวัตกรรม อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาด และยกระดับไต้หวันในการค้าระหว่างประเทศ TITA ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันระดับโลก เว็บไซต์: www.trade.gov.tw   เกี่ยวกับสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 เป็นองค์กรส่งเสริมการค้าที่ไม่แสวงหาผลกำไรของไต้หวัน เพื่อช่วยเหลือบริษัทในไต้หวันในการขยายตลาดไปสู่ทั่วโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและสมาคมการค้าต่างๆ ทั้งนี้ TAITRA มีเครือข่ายสำนักงานกว่า 60 แห่งทั่วโลก พร้อมด้วยสาขาภายในประเทศ 5 แห่งในเถาหยวน ซินจู๋ ไถจง ไถหนาน และเกาสง เพื่อให้การสนับสนุนที่ครอบคลุมแก่ธุรกิจไต้หวันทั่วโลก อีกทั้ง TAITRA ยังทำงานร่วมกับ Taiwan Trade Center (TTC), Taipei World Trade Center (TWTC) และ Far East Trade Service (FETS) เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลก เว็บไซต์: https://www.taitra.org.tw/en/
มอนท์เอซัวร์ เปิดบทใหม่แห่งการลงทุน บนทำเลใจกลางหาดกมลา ภูเก็ต

มอนท์เอซัวร์ เปิดบทใหม่แห่งการลงทุน บนทำเลใจกลางหาดกมลา ภูเก็ต

มอนท์เอซัวร์ เปิดบทใหม่แห่งการลงทุน บนทำเลใจกลางหาดกมลา ภูเก็ต มอนท์เอซัวร์ จัดงาน 'Investment Chronicle' เปิดบทใหม่แห่งการลงทุน กับ MGallery Residences MontAzure บนทำเลศักยภาพใจกลางหาดกมลา ภูเก็ต พร้อมข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟในงาน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 16 มีนาคมนี้ ณ ห้างเอ็มโพเรียม   มอนท์เอซัวร์ (MontAzure) อาณาจักรมิกซ์ยูสซูเปอร์ไฮเอนด์ บนทำเลอันเป็นเอกลักษณ์ของหาดกมลา ภูเก็ต มอบประสบการณ์การพักผ่อนระดับโลกสำหรับผู้ที่มองหาที่พักตากอากาศเหนือระดับ ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของพระอาทิตย์อัสดง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน "Investment Chronicle" เปิดบทใหม่แห่งการลงทุนกับ MGallery Residences MontAzure (เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์) โดยถือเป็น ‘เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์’ แห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการบริหารโดยกลุ่มโรงแรมชื่อดังระดับโลกอย่าง แอคคอร์ (Accor) บนทำเล Ultimate Beachfront Community ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงของภูเก็ต ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์และผู้ที่มองหาบ้านพักตากอากาศหลังที่สองสำหรับการอยู่อาศัย ซึ่งโครงการมีกำหนดทยอยแล้วเสร็จและพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ราคาพิเศษเฉพาะในงาน เริ่มต้นเพียง 9.29 ล้านบาท ณ ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม ตั้งแต่วันที่ 11 – 16 มีนาคมนี้ เท่านั้น     MGallery Residences MontAzure ประกอบด้วยห้องชุดสุดหรูจำนวน 227 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 47 ตร.ม. ขึ้นไป มีทั้งยูนิตแบบสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน ให้เลือกทั้งวิวทะเลสาบและทิวเขา ห้องชุดทุกยูนิตได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถันแนวร่วมสมัยที่เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพและเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้ที่ทันสมัยครบครัน เสริมด้วยบริการระดับพรีเมียม ให้ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ในแบบลักชัวรี เจ้าของห้องชุดยังจะได้รับสิทธิประโยชน์และข้อเสนอระดับวีไอพีของแอคคอร์ผ่าน Accor Ownership Benefits Program ซึ่งสามารถใช้บริการได้ตามโรงแรมและรีสอร์ตในเครือทั่วโลก และได้รับเชิญเข้าร่วมเป็นสมาชิกไดมอนด์ของ Le Club AccorHotels ซึ่งเป็น Loyalty Program ระดับสูงสุดของแอคคอร์โดยสมาชิกจะได้รับการดูแลในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่สุดและพร้อมสิทธิพิเศษมากมายจากโรงแรมในเครือ     ปัจจุบัน MGallery Residences MontAzure ราคาเริ่มต้นที่ 9.29 ล้านบาท ให้กรรมสิทธิ์ถือครองแบบFreehold พร้อมมอบโปรแกรมการบริหารปล่อยเช่าห้องชุดซึ่งให้ผลตอบแทนสูง ข้อเสนอสุดพิเศษภายในงานกับโอกาสการลงทุนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ! เป็นเจ้าของ MGallery Residences MontAzure พร้อมสิทธิประโยชน์เหนือระดับ อาทิ ราคาสุดพิเศษ – ส่วนลดเงินสดสูงสุด 1 ล้านบาท* ยูนิตราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 29 ล้านบาท* ฟรี! แพ็กเกจเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ฟรี! ค่าบำรุงรักษา 1 ปี ฟรี! ค่ากองทุนแรกเข้า ฟรี! ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ฟรี! MontAzure Card และ สมาชิก Accor Diamond ฟรี! ทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟสู่ภูเก็ต รับบัตรกำนัล Emporium มูลค่า 50,000 บาท เอกสิทธิ์เหนือระดับทั้งหมดนี้สำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าและจองภายในงานเท่านั้น  *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ขึ้นอยู่กับยูนิตที่มีเพื่อการขาย​     ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ทาง https://montazure.com/mgallery-event/register/en สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดชมโครงการ โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.montazure.com, อีเมล sales@montazure.com หรือโทร 093-624-8800   ข่าวอื่นที่น่าสนใจ เปิดแล้ว  ‘Design Village Ratchada’ Community Living Mall แห่งใหม่ใจกลางเมือง ชาญอิสสระ กางแผนปี 68 เปิด 6 โครงการซูเปอร์ลักชัวรี่ ทั้งในกรุงเทพฯ – ต่างจังหวัด เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยเดินเครื่องธุรกิจฝ่าทุกความผันผวนปี 68      
เอพี ไทยแลนด์ ปี68 พร้อมต่อยอดครองความเป็นหนึ่ง สร้างที่สุด…ให้ชีวิตดีที่สุด

เอพี ไทยแลนด์ ปี68 พร้อมต่อยอดครองความเป็นหนึ่ง สร้างที่สุด…ให้ชีวิตดีที่สุด

เอพี ไทยแลนด์ ปี68 พร้อมต่อยอดครองความเป็นหนึ่ง สร้างที่สุด...ให้ชีวิตดีที่สุด เปิดโครงการใหม่มูลค่า 65,000 ล้านบาท ที่สุดทุกมิติในอุตสาหกรรม    บมจ. เอพี ไทยแลนด์ ตั้งเป้าปี 2568 ขยายพอร์ตสินค้าในเครือเอพีพร้อมขายกระจายทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 226 โครงการ โดยเป็นโครงการพัฒนาใหม่ จำนวน 42 โครงการ มูลค่าประมาณ 65,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท ทาวน์โฮม และบ้านแฝด 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 55,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 52,900 ล้านบาท   ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา (2567) บริษัทฯ มียอดขายสุทธิสูงสุดในอุตสาหกรรมถึง 46,752 ล้านบาท มีรายได้รวมจากสินค้ากลุ่มแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 47,125 ล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 5,020 ล้านบาท และมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.70 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนในระดับที่ไม่เกิน 1 เท่า ณ 23 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้มูลค่า 41,621 ล้านบาท     เจาะกลยุทธ์ เอพี “สร้างที่สุด...ให้ชีวิตดีที่สุด”   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทฯ​ ยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ใหญ่ “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” และในปี 2568 นี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีของความท้าทายด้วยปัจจัยต่างๆ รอบด้าน แต่อย่างไรก็ตามเพื่อคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือเอพี ไทยแลนด์ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจไปด้วยกัน ภายใต้แผนกลยุทธ์ “สร้างที่สุด...ให้ชีวิตดีที่สุด” ด้วยการสร้างที่สุดในทุกๆ มิติ ทั้งผ่านสินค้าหลักอย่างบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม บ้านแฝด และคอนโดมิเนียม หรือผ่านประสบการณ์การอยู่อาศัยด้วยเซอร์วิสต่างๆ ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้น เพื่อส่งมอบชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ให้กับทุกคน   ทั้งนี้ปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายอสังหาริมทรัพย์ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 52,900 ล้านบาท กับที่สุดแรกด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 42 โครงการ มูลค่า 65,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท ทาวน์โฮมและบ้านแฝด จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท และเมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (ongoing projects) จะทำให้ เอพี ไทยแลนด์เป็นที่สุดด้วยจำนวนโครงการมากที่สุดรวม 226 โครงการ ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย   ด้วยเทรนด์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เอพีเราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนเซอร์วิสต่างๆ ให้สอดรับกับวิถีชีวิตและความต้องการที่เปลี่ยนไป ซึ่งภายใต้กลยุทธ์ “สร้างที่สุด...ให้ชีวิตดีที่สุด” นั้น บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ เพื่อนำพาเอพีครองความเป็นหนึ่ง ตลอดจนสร้างที่สุดให้เกิดขึ้นในทุกๆ Touch Point ของการอยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์เครือเอพี โดยมี 3 DNA สำคัญในการส่งมอบความเป็นที่สุดที่ลูกค้าจะสัมผัสได้จากโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในปีนี้ ได้แก่     Diversity & Desires สร้างที่สุด...ให้ทุกพื้นที่สะท้อนตัวตน บนความเข้าใจในความแตกต่างและความชอบส่วนตัว เพื่อให้สิ่งที่เป็นที่สุดในชีวิต อยู่กับคุณตลอดไป ครอบคลุมทุกมิติของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่การให้ความสำคัญในการพัฒนาแบบบ้านโมเดลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกพื้นที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น รวมถึงการเลือกทำเลศักยภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งของเอพี เพื่อให้บ้านที่คุณเลือก เป็นที่สุดในชีวิตที่อยู่กับคุณตลอดไป   Craft Space & Design สร้างที่สุด...ในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยแนวคิด Empathy Design ที่นอกเหนือจากการสร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แล้ว แต่ยังเติมเต็มสุนทรียศาสตร์ในการอยู่อาศัย สร้างเสน่ห์ให้ทุกประสบการณ์พิเศษและแตกต่าง ด้วยดีไซน์ที่งดงามเหนือกาลเวลา   Elevation & Intuitive Living สร้างที่สุด...ให้ทุกสิ่งรอบตัวเป็นเรื่องง่าย เพื่อชีวิตดีๆ ที่ไม่ต้องคิด ด้วย Service ที่ทำให้ทุกเรื่องง่าย ตอบโจทย์ชีวิตอย่างลงตัว ด้วยความตั้งใจในการออกแบบประสบการณ์ที่ทำให้การอยู่อาศัยเป็นเรื่องง่าย สบาย และสมบูรณ์แบบ โดยไม่ต้องคิดหรือจัดการให้ยุ่งยาก เพราะทุกอย่างถูกคิดและเตรียมไว้ให้แล้ว ด้วยบริการต่างๆ ในเครือเอพี ไทยแลนด์ ที่ครอบคลุมทุกเรื่องการอยู่อาศัย   เบอร์ 1 ผู้นำตลาดทาวน์โฮมและบ้านแฝดที่ไม่หยุดนิ่ง  นายเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝด บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมเอพีมีอัตราการเติบโตด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% ในปีที่ผ่านมา จนทำให้วันนี้เรายังคงครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝดมากที่สุด สำหรับในปีนี้กลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมและบ้านแฝดยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งในทุกมิติ โดยตั้งเป้าสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมสานต่อกลยุทธ์หลักขององค์กร ในการ “สร้างที่สุด...ให้เกิดขึ้นในทุกมิติ เพื่อให้ลูกค้าก้าวไปสู่ที่สุดของชีวิต” โดยในปีนี้เรามีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท ครอบคลุมครบทั้ง 6 Sub-Brand ตั้งแต่ระดับราคา 1.49 - 25 ล้านบาท   ทั้งนี้ สร้างที่สุดแรกคือ การเป็นอันดับ 1 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝดครอบคลุมทุกโซนของกรุงเทพฯ มากที่สุด ภายใต้กลยุทธ์ Zoning Expansion Strategy ถือเป็น key สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการที่ครอบคลุมทั้งในแง่ของจำนวน รูปแบบโครงการ และแพ็กเกจราคาที่หลากหลาย ที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจมีจำนวนโครงการที่กระจายครอบคลุมพื้นที่มากถึง 11 โซน กับจำนวนโครงการพร้อมอยู่มากที่สุดกว่า 70 โครงการ ซึ่งมั่นใจว่าสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝดเอพีมีสินค้าที่พร้อมขาย พร้อมโอนมากที่สุดในอุตสาหกรรม   ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงการของเอพีประสบความสำเร็จอย่างมาก สร้าง AP Community ให้เกิดขึ้นในหลายทำเลใหญ่ ซึ่งถ้านับ AP Community ที่เอพีลงทุนพัฒนาไปแล้วรวมได้กว่า 1,000 ไร่ ซึ่งในปีนี้มีแผนขยายความสำเร็จในการสร้าง AP Community ไปยังทำเล เมืองเอก วิภาวดี-รังสิต ด้วยขนาดที่ดินรวมกว่า 120 ไร่ ด้วยศักยภาพของทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เชื่อมต่อทางด่วนบางพูน และ ติดถนน 345 เชื่อมไปยังโซนราชพฤกษ์ เพื่อเข้าสาทร หรือ ถนนกาญจนาภิเษก-วงแหวน ไปยังนนทบุรี พระราม 5 ได้หลากหลายเส้นทาง โดยเตรียมเปิดตัวทาวน์โฮมและบ้านแฝดใหม่ในทำเล เมืองเอก วิภาวดี-รังสิต จำนวน 3 โครงการ ซึ่งพร้อมจะเปิดขายโครงการแรก คือ Grande Pleno วิภาวดี-รังสิต บ้านแฝดไซส์ใหญ่ เริ่มต้น 5.49 ล้านบาท ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้     สร้างที่สุดในมิติที่ 2 กับที่สุดของแบบบ้านที่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตอบทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในทุกเซกเมนต์  ซึ่ง ณ ปัจจุบันเรามีแบบบ้านกว่า 100 โมเดล และในปีนี้มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 13 โมเดล ด้วยทาวน์โฮมและบ้านแฝดในคอนเซ็ปต์ใหม่ เช่น CoLive Model ทาวน์โฮมแรกที่ลูกค้าสามารถปล่อยเช่าแยกชั้นได้ ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Solo Living ที่ชอบใช้ชีวิตคนเดียว Mirth Model ทาวน์โฮม 2 ชั้นที่มาพร้อมกับ Duplex Space พื้นที่พิเศษที่เพิ่มมากขึ้น Xavier Model ทาวน์โฮม 3 ชั้นที่มากับคอนเซ็ปต์บ้านเล่นระดับ หรือ Asher Model บ้านแฝดหน้ากว้างสุด 16.4 เมตร เป็นต้น     สร้างที่สุดที่ 3 กับการสร้างมาตรฐานใหม่ของพื้นที่ส่วนกลางที่ดีที่สุดในทาวน์โฮมและบ้านแฝด เพื่อให้พื้นที่ส่วนกลางไม่ได้เป็นเพียงจุดพักผ่อน แต่คือการออกแบบส่วนกลางที่ผสานแนวคิดความยั่งยืน โดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน พร้อมยังทำให้สภาพแวดล้อมภายในโครงการร่มรื่นสวยงามน่าอยู่ ด้วยการให้ความสำคัญกับการใช้นวัตกรรมมาช่วยในการประหยัดพลังงาน เช่น 24Fitness ฟิตเนสที่พร้อมเปิด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันในแต่ละช่วงเวลา และมีการออกแบบระบบเปิด-ปิดไฟแยกตามโซนการใช้งานเพื่อประหยัดพลังงาน การออกแบบ Eco Waste Station สถานีจัดการขยะอย่างเป็นระบบเพื่อความสะอาดและความยั่งยืน โดยในทาวน์โฮมและบ้านแฝดทุกโครงการจะมีการออกแบบตัวอาคารที่เป็นจุดจัดการขยะไว้อย่างเป็นสัดส่วนตามมาตรฐานการแยกขยะที่ทางภาครัฐกำหนดขึ้น พร้อมรณรงค์ผ่านแคมเปญ แยก.เท.ได้ เพื่อเชิญชวนลูกบ้านร่วมกันแยกขยะก่อนทิ้ง โดยในปีนี้มีการตั้งเป้า recycle ขยะให้ได้ที่ 100 ตัน จากทุกโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 20,000 ต้น หรือการใช้ระบบ Solar Roof เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง โดยจะติดตั้งเพิ่มเติมในส่วนของ Main Gate นอกเหนือจากติดตั้งไปแล้วในส่วนของพื้นที่ Club House     The Greatest Home ที่สุดของบ้านที่เข้าใจชีวิต นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บ้านเดี่ยวเอพีเรายังคงพัฒนาสินค้าภายใต้จุดยืน FUNCTIONAL IS BEAUTIFUL บ้านที่สวยที่สุด คือบ้านที่เข้าใจชีวิต ที่ที่ทุกตารางนิ้วถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานได้จริง และเข้าใจทุกชีวิตในบ้านมากที่สุด โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวมีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวพร้อมจะสร้างที่สุดภายใต้แนวคิด The Greatest Home เพื่อสร้างที่สุดของที่อยู่อาศัย ที่เติมเต็มทุกพื้นที่ชีวิตของทุกเจเนอเรชัน ซึ่งนอกเหนือจากการ Maintain ความสำเร็จในตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 7-20 ล้านบาท ปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่บ้านเดี่ยวเอพีมีการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ครบทุกแบรนด์พร้อมกัน การเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ทั้งหมดนี้เพื่อให้เติมเต็มความต้องการพื้นที่ชีวิตที่แตกต่าง และครอบคลุมทุกเซกเมนต์ นอกจากนี้เพื่อสร้างการเติบโตที่มากยิ่งขึ้น เราจึงมาพร้อมที่สุดแรกกับการ เปิดตัว ‘Majestic Collection’ คอลเลกชันบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี แบรนด์ The Palazzo และบ้านกลางกรุง ในเซกเมนต์ราคาประมาณ 50-100 ล้านบาทขึ้นไป โดย ‘Majestic Collection’ สะท้อนนิยามของความสง่างามเหนือกาลเวลา ด้วยการออกแบบที่งดงามเหนือกาลเวลา ที่ไม่เพียงแต่เป็นบ้าน แต่คือผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ที่ผสานความประณีตในทุกรายละเอียดเข้ากับความหรูหราสง่างาม ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาที่สุดของการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง     3 ที่สุดของโครงการกับ ‘Majestic Collection’ 1) The Palazzo กรุงเทพกรีฑา ราคา 75-120 ล้านบาท 2) The Palazzo ปิ่นเกล้า-บรมฯ ราคา 50-85 ล้านบาท 2 ที่สุดของบ้านเดี่ยวระดับ Flagship ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมระดับ World-Class ผสานงานดีไซน์ที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด สร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยให้เป็นเสมือน ‘Masterpiece’ ที่หลอมรวมทั้งความโอ่อ่าของพื้นที่ ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับสูง และงานออกแบบที่สะท้อนรสนิยมเหนือระดับ กับจุดเด่นคฤหาสน์หรูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขนาดพื้นที่ใช้สอยสูงสุดกว่า 1,000 ตร.ม. พิเศษด้วยการออกแบบพื้นที่พิเศษเฉพาะในแต่ละเจเนอเรชัน และส่วนกลางที่ไม่ได้เป็นเพียง Facilities แต่เป็นแลนด์มาร์กแห่งการใช้ชีวิตระดับ Majestic Living อย่างแท้จริง ซึ่งพร้อมเปิดให้เข้าชมแบบ Private Preview ในวันที่ 29-30 มีนาคมนี้ และ 3) บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 The Rarest of Rarity ที่สุดของดีไซน์และโลเคชันสุดยูนีคใจกลางเมือง กับบ้านแนวคิดใหม่สูง 4-5 ชั้น พร้อมชั้นดาดฟ้า เพียงแค่ 9 หลัง มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท ที่ให้ทั้งความเป็นส่วนตัว ความโอ่อ่า และความสะดวกสบาย ในพื้นที่แนวตั้ง ซึ่งพร้อมเปิดขายในช่วงไตรมาส 2     อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว มีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ BEON [บีร์ออน] เพื่อยกระดับที่อยู่อาศัยให้เปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการใช้ชีวิต กับที่สุดของบ้านเดี่ยวสุดโมเดิร์นสูง 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 614- 814 ตารางเมตร ดีไซน์ใหม่สุด Exclusive พิเศษในเรื่องของการออกแบบสเปซให้มี Ultra Volume เชื่อมต่อพื้นที่ทุกชั้นภายในเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีไลฟ์สไตล์ Unique และมองหาบ้านเดี่ยวในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก โดยมีแผนเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ “BEON” ในทำเลแรกแถวนวลจันทร์ ซึ่งพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง     LIFE Condo ให้ความสำเร็จได้ใช้ชีวิต  นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปีนี้กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม พร้อมสร้างที่สุด...เพื่อให้คุณเริ่มชีวิตที่อยากใช้ ไปกับคอนโดใหม่จากเอพี โดยในปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท ด้วยการสร้างเมจิกให้เกิดขึ้นผ่านวิธีคิดในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและสเปซภายในห้องชุด ทลายข้อจำกัดเดิมๆ ในการใช้ชีวิตแนวตั้ง เพื่อสร้างความรู้สึกใหม่ให้ทุกพื้นที่สะท้อนตัวตน โดยคีย์ไฮไลต์ของปีกับ LIFE CONDO ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Version 2025: Success Like no Others - ให้ความสำเร็จได้ใช้ชีวิต ซึ่ง LIFE CONDO Version 2025 พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุก Moment ของชีวิต ด้วย 5 นวัตกรรมพื้นที่ขอบคุณชีวิต ได้แก่     Modular Flow Design แนวคิดในการออกแบบเพื่อสร้างพื้นที่ใช้สอยใหม่ ค้นหาพื้นที่ที่ซ่อนอยู่ ด้วยวิธีคิดใหม่ในการจัดสรรสเปซ ทั้งในมิติแนวตั้ง (Vertical) และแนวนอน (Horizontal) จนเกิดเป็นสเปซใหม่ที่ให้ความรู้สึกใหม่ ทั้งยังให้ทุกพื้นที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างกลมกลืนและลงตัว ตลอดจนการให้ความสำคัญกับแสงและการไหลเวียนของอากาศ Openness to Biodiversity เชื่อมต่อชีวิตเมืองเข้ากับธรรมชาติ ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อสุขภาพกายและใจ ให้รู้สึกและเข้าถึงความเป็นธรรมชาติได้ในทุกสัมผัส ด้วยแนวคิด Stand-alone facilities พื้นที่ส่วนกลางที่ทำให้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชันการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น Botanical Gym ที่ทำให้การออกกำลังกาย แวดล้อมเหมือนอยู่ในสวน หรือ ‘Biodiverse Co-Working Forest’ ที่ช่วยสร้างพื้นที่ทำงานในบรรยากาศของป่าในเมือง New Feel-Safe Design แนวคิดในการออกแบบที่มุ่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์ที่เป็นมิตรกับทุกชีวิตที่อยู่อาศัยภายในโครงการ ครอบคลุมไปถึงการออกแบบที่อยู่อาศัยร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ด้วยความใส่ใจในการออกแบบอาคารอยู่อาศัยที่มี function พิเศษให้ความอุ่นใจเกิดขึ้นทั้งกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงและตัวสัตว์เลี้ยงเอง A Building That Gives Back สะท้อนถึงความรับผิดชอบที่เรามีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยไม่เพิ่มภาระหรือค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า เช่น การเลือกใช้พรรณไม้ช่วยฟอกอากาศ เพื่อร่วมสร้างอากาศที่ดีให้กับลูกค้า และคืนอากาศที่ดีกลับให้ชุมชนข้างเคียง การติดตั้งระบบ EV Charger การติดตั้งหลอดไฟที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน เป็นต้น Choose the Persona of Your City คอนเซ็ปต์ในการพัฒนา LIFE CONDO ที่มอบทางเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง Micro-Village in Inner City Concept เป็น Low-Rise Rare Collection ถึงทำเลจะตั้งอยู่ในเมือง แต่ยังคงบรรยากาศที่สงบและส่วนตัว และ Metropolis-Within City Concept เป็น High-Rise Super Facilities โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอย่างแท้จริง ที่ไม่เพียงแต่สะดวกในการเข้าถึงชีวิตเมืองที่เต็มไปด้วยกิจกรรม แต่ยังมาพร้อมกับ ‘Super Facilities’ ที่ครบและจัดเต็มในแบบเอพี     โดย LIFE สาทร-นราธิวาส 22 คือ LIFE CONDO ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่เตรียมเปิดตัวเป็นโครงการแรก ซึ่งมาในรูปแบบ Micro-Village in Inner City Concept สูง 8 ชั้น 2 อาคาร มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จำนวน 416 ยูนิต ทำเลที่ตั้งอยู่ในซอยนราธิวาส 22 ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความเงียบสงบในบรรยากาศรีทรีต โดยเตรียมเปิดจองรอบ VVIP Day ในวันที่ 22 - 23 มีนาคมนี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 3.6 ล้านบาท ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/oj6r   ข่าวอื่นที่น่าสนใจ ซีคอน เปิดตัวโครงการบ้าน Your Home: Your Family ซีรีส์ 2 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยเดินเครื่องธุรกิจฝ่าทุกความผันผวนปี 68 AWC ลงเสาเอก “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” โครงการมิกซ์ยูสใหญ่ที่สุดในไชน่าทาวน์  
ORN ประกาศแผนปี 68 ทุ่ม 2,148 ล้านบาท เปิด 3 โครงการ

ORN ประกาศแผนปี 68 ทุ่ม 2,148 ล้านบาท เปิด 3 โครงการ

ORN ประกาศแผนปี 68 ทุ่ม 2,148 ล้านบาท เปิด 3 โครงการ ตั้งเป้ารายได้โตแรง 60% พร้อมเร่งเครื่อง 2 ธุรกิจใหม่ ORN ประกาศแผนธุรกิจปี 68 เดินหน้าลุยอสังหาฯ เชียงใหม่-ภูเก็ต เตรียมเปิดตัว 3โครงการใหม่ “HABITAT” “THE ASTRA” และคอมมูนิตี้มอลล์ครบวงจร THE BACKYARD มูลค่ารวม 2,148 ล้านบาท โชว์ Backlog แน่น 1,763 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 68-69 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2,218 ล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 60% ขณะที่ Mill Hill International School Thailand พร้อมเปิดการเรียนการสอน ก.ย. 68     นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) (ORN) กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้าลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ตเต็มกำลัง โดยมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาฯ แนวราบ แนวสูง ระดับกลาง-บน ที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติได้อย่างครอบคลุม โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,148  ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแนวราบ HABITAT บ้านหรูสไตล์ Neo Classic มูลค่าโครงการ 568 ล้านบาท เปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568 โครงการคอนโดมิเนียม THE ASTRA คอนโดฯระดับลักชัวรี บนทำเลศักยภาพ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท เปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568 โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ THE BACKYARD ขนาด 4,000 ตร.ม. มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท ศูนย์กลางใหม่แห่งการช้อปปิ้งและการพักผ่อนครบวงจร ภายในโครงการประกอบด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์สุขภาพ และ พื้นที่การศึกษา บนอาคาร 2 ชั้น พร้อมให้บริการภายใน ไตรมาส 4/2568     ส่วนงบประมาณลงทุนปีนี้อยู่ที่ 2,595 ล้านบาท แบ่งเป็น ลงทุนซื้อที่ดินในจ.เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 500 ล้านบาท งบรองรับการพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 1,469 ล้านบาท และงบปรับปรุงการดำเนินงาน การก่อสร้าง ให้สอดรับต่อการดำเนินการด้าน ESG จำนวน 626 ล้านบาท   นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORN กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ยังสามารถขยายตัวต่อได้ ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเมือง การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐกระตุ้นภาคอสังหาฯ เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถเช่าอสังหาฯ ในประเทศไทยระยะยาว เป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า และ ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่มากขึ้น ORN ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความท้าทาย และสร้างโอกาสในตลาดที่เปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นพัฒนาบ้านและคอนโดฯ ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ การให้ความสำคัญด้านการออกแบบพื้นที่สอดคล้องกับทุกไลฟ์สไตล์และความปลอดภัยด้านสุขภาพ พัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงกลยุทธ์การตลาดส่งเสริมการขายอย่างเข้มข้นและการบริการหลังการขาย อีกทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยผสานแนวคิดด้าน ESG ในการกำหนดนโยบายแนวทางการดำเนินงาน รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาฯแนวราบ-แนวสูงทุกโครงการ ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขาย ทั้งนี้ โครงการแนวราบ-แนวสูงกลุ่มราคาระดับกลาง-บน ยังคงมีความต้องการจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ แม้ตลาดอสังหาฯเชียงใหม่จะเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ORN มั่นใจในศักยภาพการแข่งขัน ด้วยคุณภาพของโครงการที่ตอบโจทย์ด้านการออกแบบให้รองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างลงตัว พิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน ควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน การกำหนดราคามี่เหมาะสม-คุ้มค่า เพื่อส่งมอบโครงการคุณภาพบนทำเลศักยภาพแก่ลูกค้า ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 27 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 14 โครงการ แนวสูง 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,551 ล้านบาท และมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 1,763 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568 -69 โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 2,218 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 60%     สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand โรงเรียนสัญชาติอังกฤษแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ มีเป้าหมายนำปรัชญาและคุณค่าตามมาตรฐานการศึกษาระดับโลก เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ   ปัจจุบันการก่อสร้างเฟสแรกแล้วเสร็จ ประกอบด้วย อาคารอำนวยการ และอาคารเรียนชั้นปฐมวัย โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 4 อาคาร มีนักเรียนให้ความสนใจสมัครแล้วกว่า 130 ราย และอยู่ระหว่างการคัดเลือกคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ โดยจะรองรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 3 ถึง 10 ปี มีกำหนดเปิดทำการในเดือนกันยายนปี พ.ศ. 2568 เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล-Year 6 ซึ่งจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป พร้อมแผนขยายไปยังระดับYear 13 ในอนาคต  ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ สร้างความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว    
CPANEL ปรับพอร์ต พุ่งเป้างานภาครัฐ เสริมแกร่งธุรกิจ

CPANEL ปรับพอร์ต พุ่งเป้างานภาครัฐ เสริมแกร่งธุรกิจ

CPANEL ปรับพอร์ต พุ่งเป้างานภาครัฐ เสริมแกร่งธุรกิจ CPANEL เผยทิศทางธุรกิจช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 ปรับกลยุทธ์รับมือทุกสถานการณ์ ขยายฐานลูกค้างานภาครัฐเพิ่มขึ้น และงานภาคเอกชนต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายขยับสัดส่วนงานภาครัฐ 40% เอกชน 60% เพื่อลดความผันผวน สร้างการเติบโตอย่างมั่นคง พร้อมมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพผลิตภัณฑ์ ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน แรงงาน ตอบสนองความต้องการของตลาด สร้างยอดขาย รักษา Backlog แตะ 1,418ล้านบาท หนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน   นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 มีสัญญาณการเติบโตของงานกลุ่มโครงการภาครัฐต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนความต้องการที่อยู่อาศัยแนวสูงในเมืองใหญ่และแนวโน้มการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้น ผลักดันให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น       บริษัทฯ จึงปรับกลยุทธ์เพื่อลดความผันผวน กระจายความเสี่ยง และรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าในกลุ่มภาครัฐและงานเอกชนประเภทโครงการแนวสูงมากขึ้น รวมถึงงานอาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนงาน ภาครัฐที่ 40% ภาคเอกชน 60 % ทั้งนี้ คาดว่าจะมีโอกาสเข้ารับงานกลุ่มงานภาครัฐ และงานใหม่เข้ามาเพิ่ม ในช่วงไตรมาส 4/2567  เป็นต้นไป   นอกจากนี้ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาสินค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน ประหยัดพลังงาน และเตรียมความพร้อมด้านกำลังการผลิต รองรับงานโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและงานโครงการภาครัฐ เปิดโอกาสสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น รักษาปริมาณงานในมือ (Backlog) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ประมาณ 1,418 ล้านบาท     อีกทั้ง บริษัทมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตบนโลก และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดย CPANEL เป็นบริษัทผู้ผลิตแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Carbon Footprint Organization (CFO)   “ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 การก่อสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์และงานโครงการภาคเอกชน ชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่บริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง มีผลการดำเนินงานดีกว่าค่าเฉลี่ยของภาพรวมอุตสาหกรรมการก่อสร้าง บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน CPANEL จะสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นผู้นำในตลาดผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของประเทศไทย” นายชาคริต กล่าว   ข่าวอื่นที่น่าสนใจ ซีเค แอสเสท เปิดตัวโครงการริมน้ำสุดหรูที่เก่าแก่กว่า 100 ปี ใจกลางย่านเชลซี didacta asia 2024 เปิดเวทีการศึกษาครั้งใหญ่     
5 สิ่งที่คนติดตั้งโซลาร์เซลล์บ้านห้ามพลาด! ติดตั้งอย่างไรให้คุ้ม ง่าย และตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย

5 สิ่งที่คนติดตั้งโซลาร์เซลล์บ้านห้ามพลาด! ติดตั้งอย่างไรให้คุ้ม ง่าย และตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย

5 สิ่งที่คนติดตั้งโซลาร์เซลล์บ้านห้ามพลาด! ติดตั้งอย่างไรให้คุ้ม ง่าย และตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย ตอนนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นกระแสให้หลายประเทศรวมถึงประเทศไทย และหลายหน่วยงานใหญ่ต่างก็ตั้งเป้าหมายกับเรื่อง Sustainability เป็นนโยบายหลักขององค์กร ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดปัญหาด้านพลังงานและหันมาให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานทดแทน หรือพลังงานสะอาดมากขึ้น   หนึ่งในพลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานสะอาดและได้รับความนิยมในประเทศไทย คือ “พลังงานแสงอาทิตย์” เนื่องจากเราเป็นประเทศที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี การใช้โซลาร์เซลล์ในไทยก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทั้งการมองหาพลังงานสะอาดทดแทนขององค์กรต่างๆ รวมถึงการติดตั้งเพื่อลดค่าไฟฟ้าของครัวเรือน ทำให้เห็นว่าตลาดโซลาร์เซลล์ในไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกในท้องตลาด     วันนี้ Reviewyourliving จึงลิสสิ่งที่ห้ามพลาด! สำหรับผู้อยู่อาศัยที่กำลังตั้งเป้าหมายในการติดตั้งระบบโซลาร์ที่บ้าน ไม่ว่าจะทั้งเพื่อลดบิลค่าไฟของบ้าน หรือ มีส่วนในการช่วยลดภาวะโลกร้อนและหันไปใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า สิ่งที่คนจะติดตั้งโซลาร์เซลล์คำนึงถึง มีมากมายหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และความต้องการของแต่ละครอบครัว แต่วันนี้เราจะหยิบยกตัวอย่างสำคัญๆ ที่ห้ามพลาด ลองมาดูกันว่า จะมีอะไรกันบ้าง     1. บิลค่าไฟ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง และขาดไม่ได้เลยก็คือ บิลค่าไฟ ซึ่งแต่ละบ้านมีค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าไม่เท่ากัน โดยหากย้อนกลับไปดูเรทค่าไฟฟ้าจะเห็นว่าตั้งแต่ปี 2564 ถึงปีที่ผ่านมา เรทค่าไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นถึง 30% ค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าของแต่ละครัวเรือนจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับบิลค่าไฟที่เริ่มมีความเหมาะสมในการติดตั้งระบบโซลาร์นั้น ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละครอบครัว บางครอบครัวอาจคุ้มสำหรับการติดตั้งเมื่อบิลค่าไฟเพียง 4,000 บาท แต่บางบ้านที่มีไลฟ์สไตล์ต่างกัน อาจคุ้มค่าเมื่อบิลค่าไฟสูงกว่านี้ก็ได้   2. พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของครอบครัว การติดตั้งระบบโซลาร์ของบ้านนั้น โดยทั่วไปประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ แผงโซลาร์เซลล์ อินเวอร์เตอร์ และแบตเตอรี่ โดยในบางครอบครัวที่ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในตอนกลางวัน อาจติดตั้งเพียงแผงโซลาร์เซลล์ และ อินเวอร์เตอร์ ก็เพียงพอสำหรับการช่วยลดค่าไฟแล้ว แต่หากบ้านที่ไม่อยู่บ้าน ออกไปทำงานในตอนกลางวัน ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ตอนกลางคืน หรือมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องชาร์จไฟฟ้าในตอนกลางคืน การติดระบบโซลาร์แบบไม่มีแบตเตอรี่ ก็จะเสียพลังงานโซลาร์ที่ผลิตได้ตอนกลางวันไปแบบสูญเปล่า การติดระบบโซลาร์พร้อมแบตเตอรี่จึงเหมาะสมมากกว่า   3. การรับประกัน และบริการหลังการขาย ระบบโซลาร์มีหลากหลายอุปกรณ์จากหลากหลายแบรนด์ นำมาประกอบกันในระบบเดียว ซึ่งการใช้งานของระบบโซลาร์ เป็นการใช้งานในระยะยาว ดังนั้น คุณภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ การรับประกันประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่ครอบคลุมในระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ เมื่อระบบที่เกิดจากการประกอบกันจากหลากหลายแบรนด์ หากแต่ละอุปกรณ์มีปัญหา การติดต่อเพื่อขอรับประกันและบริการหลังการขาย อาจเป็นสิ่งที่ยุ่งยากของใครหลายๆ คน และอาจมีคนพบเจอถึงปัญหาที่แต่ละแบรนด์เกิดการตั้งคำถามกันเองว่า ปัญหาของระบบเกิดจากแผง เกิดจากอินเวอร์เตอร์ หรือเกิดจากแบตเตอรี่ แบรนด์ไหนกันแน่ที่ควรรับผิดชอบเรื่องการเคลมประกันในครั้งนี้ ดังนั้น การเลือกผู้ที่ติดตั้งแบรนด์เดียวครบทั้งระบบที่มีทั้งแผงโซลาร์เซลล์ อินเวอร์เตอร์ และแบตเตอรี่ รวมถึงแบรนด์ที่ให้บริการติดตั้ง รับประกัน และบริการหลังการขาย ก็จะได้รับทั้งในแง่ของความสะดวกสบาย และในแง่ของความมั่นใจในการทำงานร่วมกันว่าระบบจะสามารถมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูงให้ได้   4. ดีไซน์ของระบบ ผู้ที่ติดตั้งระบบโซลาร์ แน่นอนว่า จะต้องพบเจอกับปัญหาของสายไฟมากมายที่ต้องเชื่อมกับทั้งอินเวอร์เตอร์ แผงโซลาร์เซลล์ ตู้โหลดไฟฟ้าภายในบ้าน และหากครอบครัวใดติดตั้งแบตเตอรี่ด้วยแล้วล่ะก็ ก็จะยิ่งมีสายไฟระโยงระยาง ระหว่างอินเวอเตอร์และแบตเตอรี่ในตัวบ้าน เกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย รกรุงรัง ดูไม่สวยงาม เรียกได้ว่า หลายคนที่เพิ่งซื้อบ้านใหม่ บ้านสวยโมเดิร์น การเลือกดีไซน์ติดตั้งของระบบจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้   5. ดีไซน์และประสิทธิภาพของอุปกรณ์และตัวแผง เวลาตกแต่งบ้าน โดยทั่วไปเราจะเลือกสิ่งที่สวยและเข้ากับตัวบ้านได้มากที่สุด ระบบโซลาร์ก็เช่นกัน เพราะในเมื่อจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านแล้ว ดีไซน์ที่เข้ากับตัวบ้านที่เป็นสิ่งที่ดูไม่สำคัญแต่จริงๆ แล้วสำคัญอย่างมาก ยิ่งใครที่มองไว้ว่าจะติดตั้งที่โรงรถหรือหน้าบ้าน เรียกได้ว่า ต้องเจออุปกรณ์นี้ในทุกๆ วัน นอกจากนี้ ดีไซน์ของแผงโซลาร์เซลล์ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากเรื่องความสวยงามที่เข้ากับหลังคาบ้านแล้ว หากตัวแผงสะท้อนแสงมากเกินไป ก็อาจจะรบกวนเพื่อนบ้าน ก่อเกิดปัญหาได้อีกด้วย อีกทั้งยังควรคำนึงถึงประสิทธิภาพของการผลิตไฟฟ้าของตัวแผงและอินเวอร์เตอร์ และความจุของแบตเตอรี่ที่เหมาะสมอีกด้วย   ทั้งหมดก็เป็นตัวอย่างของสิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อจะติดตั้งระบบโซลาร์ที่บ้าน หลายคนที่อ่านถึงตรงนี้ อาจรู้สึกถึงความยุ่งยาก ซับซ้อน แล้วถ้ามีแบรนด์ที่มีระบบโซลาร์โซลูชันแบบครบวงจรสำหรับที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะล่ะจะดีแค่ไหน? วันนี้เลยพามารู้จัก “EnergyLIB” แบรนด์แรกในประเทศไทย ที่นำเสนอระบบโซลาร์โซลูชันแบบครบวงจรสำหรับที่อยู่อาศัยกัน โดย EnergyLIB ชูจุดแข็งในด้าน one-stop solution ที่มีทั้งบริการติดตั้งพื้นฐาน[1] รับประกัน และบริการหลังการขาย ครบจบในแบรนด์เดียว เพื่อให้ระบบโซลาร์เป็นเรื่อง “ง่าย” และใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น     นอกจากนี้ ยังมาพร้อมผลิตภัณฑ์ “EnergyLIB P1 All-In-One” ช่วย “ลดค่าไฟสูงสุด 70%[2] ใช้ไฟได้ทั้งกลางวัน-กลางคืน” ที่เรียกได้ว่าครบทั้งระบบ เพราะมีทั้ง Black Magic (แผงโซลาร์เซลล์) และเครื่อง All-In-One ที่รวมอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่ไว้ในเครื่องเดียว โดย Black Magic (แผงโซลาร์เซลล์) ถูกออกแบบใหม่ในดีไซน์ Pure Black ไร้ช่องตาราง เมื่อติดตั้งบนหลังคาแล้วจะให้ความเรียบหรูสวยงาม พร้อมให้ประสิทธิภาพดูดซับแสงและความร้อนที่มากกว่า สูญเสียพลังงานแสงน้อยกว่าด้วยการลดแสงสะท้อน และยังมีระยะเวลาประกันนานถึง 25 ปี[3]     ในส่วนของเครื่อง All-In-One มาแก้ปัญหารูปแบบตู้ควบคุมและที่จัดเก็บแบตเตอรี่สำรองไฟเดิมๆ ที่มักจะไม่สวยงาม และมีสายเกะกะไม่สบายตา พอติดตั้งแล้วก็ทำให้บ้านไม่สวย ไม่เข้ากับตัวบ้าน ด้วยดีไซน์แบบโค้งมน พรีเมียม สบายตา ที่สำคัญตัวเครื่องได้รวมอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่ในที่เดียว ไร้สายไฟระโยงระยางให้เกะกะสายตา ไม่ว่าจะนำไปวางที่ตำแหน่งใดของบ้านก็กลมกลืนไปกับการตกแต่งบ้านหลากสไตล์ และยังมีระยะเวลาประกันนานถึง 10 ปี[3]   ระบบโซลาร์โซลูชันแบบครบวงจรสำหรับที่พักอาศัยทาง EnergyLIB มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายรูปแบบตามความต้องการใช้กำลังไฟในแต่ละบ้าน ได้แก่     EnergyLIB P1 All-In-One ขนาด 8kW ใช้สำหรับระบบไฟ 1 เฟส ประกอบด้วย Black Magic (แผงโซลาร์เซลล์) และเครื่อง All-In-One ที่มาพร้อมอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่ ราคา 359,000 บาท (รวมติดตั้งพื้นฐาน[1]) EnergyLIB P1 All-In-One ขนาด 15kW ใช้สำหรับระบบไฟ 3 เฟส ประกอบด้วย Black Magic (แผงโซลาร์เซลล์) และเครื่อง All-In-One ที่มาพร้อมอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่ ราคา 549,000 บาท (รวมติดตั้งพื้นฐาน[1])     EnergyLIB P1 Lite ขนาด 6kW ใช้สำหรับระบบไฟ 1 เฟส ประกอบด้วย Black Magic (แผงโซลาร์เซลล์) และอินเวอร์เตอร์ ราคา 199,000 บาท (รวมติดตั้งพื้นฐาน[1]) EnergyLIB P1 Lite ขนาด 15kW ใช้สำหรับระบบไฟ 3 เฟส ประกอบด้วย Black Magic (แผงโซลาร์เซลล์) และอินเวอร์เตอร์ ราคา 399,000 บาท (รวมติดตั้งพื้นฐาน[1])   พรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 22 กันยายน 2567 ที่ BaNANA ทุกสาขาทั่วประเทศและตัวแทนจำหน่าย พร้อมรับ EnergyLIB Voucher มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท สัมผัสผลิตภัณฑ์จริงได้ที่ร้าน BaNANA เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Official Page ของ EnergyLIB หรือ Call Center 02-070-7888   #EnergyLIB #EnergyLIBP1AllInOne #OneStopSolution #ลดค่าไฟสูงสุด70เปอร์เซ็นต์ #ใช้ไฟได้ทั้งกลางวันกลางคืน #โซลาร์เซลล์ ## หมายเหตุ [1] อาจมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลง ภายหลังจากการสำรวจพื้นที่หน้างานจริง โดยขึ้นอยู่กับโครงสร้างและสภาพแวดล้อมของบ้าน [2] ปริมาณพลังงานไฟฟ้าคำนวณจากการใช้งาน EnergyLIB P1 All-In-One ระบบไฟ 3 เฟส ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ 20 kWh และแผงโซลาร์เซลล์ 26 แผง โดยประสิทธิภาพและผลลัพธ์อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงและปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อาทิ ปริมาณแสงแดดและความร้อน ความสะอาดของแผงโซลาร์เซลล์ อายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ พฤติกรรมการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ [3] โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ใบรับประกัน        
Sivarom Hyde สาทร-บางแค บ้านหรูหลังใหญ่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง

Sivarom Hyde สาทร-บางแค บ้านหรูหลังใหญ่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง

Sivarom Hyde สาทร-บางแค บ้านหรูหลังใหญ่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง เมื่อขนาดของครอบครัวมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น การอยู่ร่วมกันของหลายเจเนอเรชั่นก็ต้องการพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นบ้านหลังใหญ่ ขนาด 4-5 ห้องนอน พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางเพียงพอกับสมาชิกและอยู่บนทำเลใกล้เมืองจึงเป็นโจทย์ที่หลายครอบครัวกำลังให้ความสนใจ   ครั้งนี้เราพาไปดูโครงการ สิวารมณ์ ไฮด์ สาทร-บางแค บ้านเดี่ยวหลังใหญ่จาก บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งในซอยกาญจนาภิเษก 3 ซึ่งเป็นทำเลที่ดี เดินทางสะดวก ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอยู่ใกล้ๆ ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด ห้างสรรพสินค้า ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง   กาญจนาภิเษกทำเลสำหรับการอยู่อาศัย ถนนกาญจนาภิเษกเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นๆ ด้วยเป็นถนนวงแหวนรอบกรุงเทพมหานคร ทำให้การเดินทางไปยังโซนต่างๆ สะดวกมาก จากซอยกาญจนาภิเษก 3 สามารถเลือกเข้าออกได้ทั้งฝั่งถนนเพชรเกษม ผ่านซอยเพชรเกษม 63 และทางถนนกาญจนาภิเษก และยังเชื่อมต่อไปยังถนนเอกชัย-บางบอน, ถนนกัลปพฤกษ์ หรือจะไปออกถนนพุทธมณฑลสาย 2 และ 3 ที่สามารถออกไปยังถนนบรมราชชนนีได้อีก ทำให้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นเรื่องง่ายและมีหลายหลายเส้นทางให้เลือกใช้     นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีหลักสองอยู่ไม่ไกลจากโครงการมากนัก นับเป็นอีกหนึ่งการเดินทางสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเข้าสู่ใจกลางเมืองแบบไม่ต้องกังวลปัญหารถติด ซึ่งการมาถึงของรถไฟฟ้าการจะทำให้พื้นที่ในย่านใกล้เคียงมีความเจริญ และเติบโตเร็วยิ่งขึ้น บ้านในทำเลนี้ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นการลงทุนที่ดีในระยะยาว และสามารถส่งต่อไปสู่รุ่นต่อๆ ไปได้ในอนาคต   เรื่องไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย พื้นที่ในย่านใกล้เคียงกับที่ตั้งโครงการถือว่าเพียบพร้อมสำหรับทุกเจเนอเรชั่น มีทั้งห้างสรรพสินค้าอย่าง The Mall บางแค ซึ่งเป็นห้างใหญ่ประจำย่าน Seacon บางแค ที่เพิ่งรีโนเวทใหม่และมีร้านค้าชื่อดังมากมาย รวมถึง Lotus บางแค, Makro บางบอน รวมถึง The Explace Mall และ Victoria Garden เพชรเกษม ก็เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวได้เป็นอย่างดี     ในขณะที่สถาบันการศึกษาชั้นนำก็มีพร้อมรองรับครอบครัวที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน เช่น โรงเรียนกรพิทักษ์ศึกษา, โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน, โรงเรียนเลิศหล้า กาญจนาภิเษก, โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี, โรงเรียนนานาชาติบริทิชโคลัมเบีย และโรงเรียนนานชาติสิงคโปร์ ธนบุรี ในด้านการดูแลสุขภาพในบริเวณใกล้ๆ โครงการมีโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังมากมายให้เลือกใช้บริการ เช่น โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค, โรงพยาบาลนครธน, โรงพยาบาลบางประกอก 8 หรือโรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชันแนล หนองแขม เป็นต้น     “บ้าน” คือความภาคภูมิใจของครอบครัว คอนเซปต์การออกแบบโครงการ “Never Hide Your Success” สะท้อนเอกลักษณ์ความสำเร็จผ่านรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สง่างาม ทรงคุณค่า แม้ผ่านกาลเวลาก็ยังคงสวยงามโดดเด่นตลอดกาล รูปแบบบ้านในโครงการจะเป็นสไตล์ European Eclectic Design คือการผสมผสานแบบยุโรปผ่านลวดลายและชิ้นงานต่างๆ ได้อย่างมีเอกลักษณ์     ภายในโครงการเพียบพร้อมไปด้วย Facility ครบครัน ตั้งแต่คลับเฮ้าส์หรูหรา สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ทั้งสระเด็ก และสระใหญ่ ฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ที่ร่มรื่นเพื่อการพักผ่อนของลูกบ้าน รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานขั้นสูง ด้วย CCTV เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และการเข้าออกโครงการผ่านระบบ Auto Access Card     เริ่มตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าออกโครงการที่เน้นความปลอดภัยด้วย Auto Access Card พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงติดตั้งกล้อง CCTV ไว้ที่บริเวณทางเข้าออก และจุดสำคัญทั่วโครงการ เพื่อให้ลูกบ้านอุ่นใจตลอดการอยู่อาศัย นอกจากนี้ด้านบนของซุ้มประตูทางเข้า ยังเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของคลับเฮ้าส์ส่วนกลางด้วย     ภายในคลับเฮ้าส์แบ่งเป็นโซน Lobby Lounge พร้อมรองรับแขกของลูกบ้าน รวมถึงเป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ที่โอ่งโถงด้วยเพดานสูงโปร่งหรูหรา  และกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับวิวได้รอบด้าน ในขณะที่พื้นที่ด้านข้างของ Lobby Lounge เป็นสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ซึ่งแบ่งพื้นที่ของสระเด็กแยกไว้ให้ด้วย พร้อม Pool Bed สำหรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่     ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 2 ของคลับเฮ้าส์ แบ่งเป็นห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้องฟิตเนสที่กินพื้นที่เกือบจะทั้งหมดของชั้น พร้อมอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ได้มาตรฐาน ครบครันทั้งอุปกรณ์ Cardio และ Weight Traning เพื่อลูกบ้านสาย active รักในการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ     บริเวณใกล้ๆ กับคลับเฮ้าส์ ทางโครงการพื้นที่สีเขียวเป็นสวนขนาดใหญ่ ให้ความร่มรื่นพร้อม Pavilion สำหรับการพักผ่อนสบายๆ ไปกับวิว Landscape ของสวนสวยๆ ซึ่งมีเน้นการตกแต่งในสไตล์สวยยุโรป และยังเครื่องเล่นสำหรับเด็กก็มีไว้รองรับเด็กให้ได้มาวิ่งเล่นออกกำลังกายกลางแจ้งร่วมกันได้อีกด้วย     สิวารมณ์ ไฮด์ สาทร-บางแค เป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ บนที่ดินเริ่มต้นตั้งแต่ 100 ตารางวาขึ้นไป และมีแบบบ้านให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ เหมาะสำหรับครอบครัวขยาย เราขอเริ่มกันด้วยแบบบ้านตัวอย่างหลังใหญ่สุดของโครงการที่มีชื่อว่า Grandeur บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 483 ตร.ม. ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ และ 2 ห้องแม่บ้าน เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 5-6 คนขึ้นไปได้เลย และทุกคนยังมีพื้นที่ส่วนตัวกว้างขวาง แต่ก็ยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน   Layout ของบ้าน Grandeur บนที่ดินเริ่มขนาดเริ่มต้นที่ 100 ตารางวาขึ้นไป ซึ่งทางโครงการเลือกออกให้ใช้สอยพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ บริเวณด้านหน้าบ้านสามารถรองรับการจอดรถได้มากถึง 5 คัน พร้อมทางลาดจากบริเวณจุดจอดรถเพื่อการใช้รถเข็นวีลแชร์ให้เข้าสู่ตัวบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับครอบครัวที่อยู่อาศัยร่วมกันหลายเจเนอเรชั่น นอกจากนี้บริเวณด้านข้างของตัวบ้านเป็นโถงทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างจุดจอดรถไปยังลานซักล้างด้านหลัง โซนนี้เป็นทั้งห้องเก็บของ โซนซักรีด และห้องแม่บ้าน ซึ่งแยกเป็นสัดส่วนทำให้สะดวกในการโหลดข้าวของเครื่องใช้จากการจ่ายตลาดไปยังห้องครัวได้เลยโดยไม่ต้องผ่านบริเวณโถงรับแขก     เมื่อเข้ามาสู่ตัวบ้านจากบริเวณชานทางเข้าหลัก จะเจอกับโถงรับแขกแบบ Double Volume ฝ้าเพดานสูงเป็นพิเศษ เพิ่มบรรยากาศความโอ่งอ่าหรูหราให้กับตัวบ้านพร้อมรับแขกด้วย Open Space ที่เชื่อมต่อพื้นที่ส่วนกลางของตัวบ้านเข้าไว้ด้วยกันแต่ยังให้ความเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว     มุมรับแขกมุมแรกบริเวณโซนด้านหน้าของบ้าน มีความเป็นส่วนตัวแต่ก็หรูหราเรียบง่าย เปิดรับแสงจากสวนด้านหน้าได้เต็มที่ด้วยกระจกบานใหญ่ ในขณะเดียวกันพื้นที่บริเวณนี้ก็พร้อมรองรับการปรับฟังก์ชันตามใจเจ้าของบ้าน ให้เป็นได้ทั้งมุมทำงาน มุมเล่นเกม มุมเด็กเล่นสำหรับครอบครัวที่มีตัวเล็ก หรือเพื่องานอดิเรกอื่นๆ นับว่าเป็นมุมอเนกประสงค์มุมหนึ่งของบ้านเลยทีเดียว     ถัดเข้าเป็นโถงกว้างที่ทางโครงการออกแบบให้เป็น Dining Area กว้างเป็นพิเศษพร้อม Pantry เหมาะสำหรับจัดปาร์ตี้สังสรรค์ในครอบครัวขนาดใหญ่ ให้สมาชิกทุกคนได้มีช่วงเวลารรับประทานอาหารอย่างมีความสุขร่วมกัน บริเวณกลางบ้านนี้ถือเป็นส่วนเชื่อมต่อส่วนต่างๆ ของบ้านเข้าด้วยกัน โซนด้านหลังของ Pantry เป็นครัวไทยแบบครัวปิด และมี Powder Room พร้อมโถงทางเข้าบ้านจากประตูฝั่งลานจอดรถ ซึ่งบริเวณนี้มีมุมเล็กๆ สำหรับชั้นเก็บรองเท้าไว้เป็นสัดส่วน     พื้นที่ครัวกว้างขวาง ออกแบบเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว U เพื่อการใช้สอยได้เต็มพื้นที่ พร้อมหน้าต่างระบายอากาศได้ทั้ง 2 ด้าน รองรับการทำครัวไทยแบบหนักๆ ได้เลย นอกจากนี้บริเวณครัวยังมีประตูเปิดออกไปยังลานซักล้าง และโถงทางเดินห้องแม่บ้านที่เชื่อมไปที่ลานจอดรถได้อีกทาง     เมื่อหันมาอีกด้านของ Dining Area จะเห็นมุมนั่งเล่นรับแขกอีกมุมของบ้าน ที่ทางโครงการออกแบบกั้นพื้นที่ด้วยฉากกั้นดีไซน์เรียบหรู ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและจัดสรรพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนชัดเจน     มุมรับแขกหรือ Living Area นี้ กว้างขวางเพียงพอที่จะรองรับสมาชิก 8-10 คนเพื่อการนั่งเล่นพักผ่อนร่วมกันได้สบายๆ ซึ่ง Living Area นี้อยู่ด้านหน้าของห้องนอนชั้นหนึ่ง ห้องนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องใช้รถเข็น ด้วยพื้นที่ห้องที่กว้างขวางไม่อึดอัด พร้อมห้องน้ำในตัวแบบพื้นเรียบระนาบเดียวกันทั้งห้อง เพื่อการใช้งานที่สะดวกและปลอดภัย รวมถึงอุปกรณ์ช่วยพยุงในห้องน้ำครบครัน     จากโถงทางเข้าบ้านอันโอ่อ่าด้วยโคมไฟระย้าหรูหราอลังการ ก่อนขึ้นบันไดไปจะเห็นว่ามมีห้องเก็บของใต้บันไดอีกจุด ทีนี้เราขึ้นไปดูที่บริเวณชั้น 2 กันบ้าง   บริเวณชั้น 2 ถูกจัดวาง Layout พื้นที่อย่างคุ้มค่า แบ่งเป็น 4 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง และ Living Area ขนาดใหญ่ ซึ่งเราจะเห็นมุมนั่งเล่นนี้ทันทีที่ขึ้นมา โดยมุมนั่งเล่นพักผ่อนของครอบครัวมุมนี้ให้ความเป็นส่วนตัว สมาชิกสามารถมานั่งดูหนังร่วมกัน หรือจะเพิ่มมุมทำงาน มุมทำการบ้านก็เหมาะมาก เพราะมีหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่     ถัดจาก Living Area เราไปดูห้อง Master Bedroom ซึ่งขนาดห้องกินพื้นที่เกือบจะครึ่งหนึ่งของชั้นเลยทีเดียว ทางโครงการแบ่งพื้นที่ในห้องนอนใหญ่เพื่อการใช้งานเป็นสัดส่วน เข้าห้องมาก็จะฉากกั้นแบ่งพื้นที่เป็นมุมพักผ่อน แขวนทีวีวางโซฟาไว้เป็นไอเดียแนะนำ ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นพื้นที่ห้องนอน สามารถวางเตียง 6 ฟุต หรือจะสั่งเตียงไซส์พิเศษเลยก็ยังได้ บริเวณห้องนอนติดกับโซนด้านหน้าของตัวบ้าน มีหน้าต่างบานใหญ่ล้อมถึง 3 ฝั่งด้วยกัน ด้านหนึ่งสามารถมองลงไปเห็นโถงบันได จึงเห็นทางโครงการจัดแต่งเป็นมุมนั่งทำงานไว้ ส่วนด้านหน้าบ้าน สามารถเปิดประตูออกไปที่ระเบียงด้านนอกได้     ห้องน้ำในห้อง Master Bedroom เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ด้วยขนาดที่ใหญ่มาก พร้อม Walk-in Closet กว้างขวาง และยังจัดฟังก์ชันไว้เป็นอย่างดี มีครบทั้ง อ่างอาบน้ำ, Rain Shower และ Washlet โถสุขภัณฑ์อัติโนมัติ ส่วนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่แบบ His&Her อีกส่วนที่เชื่อมต่อจากบริเวณห้องน้ำคือ Walk-in Closet กว้างพร้อมรองรับการ Built-in ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บเครื่องประดับได้อย่างเต็มที่ ถูกใจสายแฟชันรักการแต่งตัวแน่นอน     จากห้องนอนใหญ่ เดินผ่านโถงนั่งเล่นไปอีกด้านของตัวบ้าน จะถูกแบ่งเป็น 3 ห้องนอนในขนาดใกล้เคียงกัน ห้องนอนแรกเป็นห้องในโซนหน้าบ้าน ถูกจัดตกแต่งเป็นห้องทำงาน ภายในห้องมีประตูเปิดออกไปที่ระเบียงได้ ในขณะที่อีก 2 ห้องถูกจัดเป็นห้องนอนเล็กใน mood&tone ที่ต่างกันออกไป แต่ยังได้ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบและลงตัว ข้อดีของห้องน้ำทุกห้องในบ้านหลังนี้คือ มีหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อการระบายอากาศลดความอับชื้นได้เป็นอย่างดี       บ้านตัวอย่างอีกหลังที่เราจะพาไปดูต่อมีชื่อว่า Splendour บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 362 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ และ 1 ห้องแม่บ้าน เป็นอีกหนึ่งแบบบ้านที่มีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัวมากๆ   ขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านอาจจะเล็กลงมากว่าแบบแรกหน่อย แต่ฟังก์ชันการใช้งานยังคงครบถ้วน ตอบโจทย์สมาชิกในบ้านได้เป็นอย่างดี เริ่มด้วยบริเวณหน้าบ้านรองรับการจอดรถได้ 4 คัน พร้อมทางลาดเพื่มความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถเข็นหรือวีลแชร์ โซนด้านข้างของตัวบ้านเป็นลานซักล้างและห้องแม่บ้าน บริเวณทางด้านนี้จะอยู่ถัดจากจุดจอดรถ มีประตูเข้าสู่ห้องครัวได้ จึงสะดวกในการนำของที่จ่ายตลาดเข้าบ้านแบบไม่ต้องผ่านโถงรับแขก ส่วนประตูทางเข้าบ้านจากบริเวณลานจอดรถ เข้าไปจะเป็นห้อง Powder Room และประตูครัว     จากชานประตูหลักเข้าสู่ตัวบ้านจะเป็นโถงสูงแบบ Double Volume เพื่อเดินเข้าไปสู่ Living Area กว้างขวาง ซึ่งแบ่งเป็นมุมนั่งเล่น-รับแขก เชื่อมต่อกับ Dining Area บรรยากาศหรูหราในสไตล์ Modern European     มุมรับแขกโซนหน้าบ้าน โปร่งโล่งสบายตาด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้อย่างเต็มที่ แถมยังได้รับวิวสวนข้างๆ บ้านได้อีก เมื่อมีการกั้นผนังบางส่วนเติมเข้ามาจึงทำให้มุมรับแขกนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเลยทีเดียว ในขณะที่โซนถัดมา วางชุดโซฟาชุดใหญ่จัดให้เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน ดูทีวีของสมาชิกภายในบ้าน สามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ 5-6 คนสบายๆ และโซนนี้ยังเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารอีกด้วย     ถัดจาก Dining Area คือห้องครัวไทย ซึ่งเป็นครัวปิดพร้อมรองรับการทำครัวอย่างจริงจัง ห้องครัวมีหน้าต่างบานใหญ่เพื่อการระบายอากาศที่ดี และยังออกไปยังโซนซักล้างด้านข้างของตัวบ้านได้อีกทาง     ใกล้กันกับห้องครัว มีห้องนอนเล็กอยู่หนึ่งห้อง ซึ่งถูกออกแบบไว้สำหรับเป็นห้องผู้สูงอายุ หรือผู้ที่จำเป็นต้องใช้รถเข็น ด้วยพื้นที่เรียบเสมอกันรวมถึงห้องน้ำที่เป็น Universal Design พร้อมอุปกรณ์ช่วยพยุงครบทุกจุดสำคัญ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบเพื่อคนทุกเจเนอเรชันอย่างแท้จริง     ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งแบ่งเป็นห้องนอนหลัก 3 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว และ 1 Living Area สำหรับการพักผ่อนแบบส่วนตัวของครอบครัว   จากโถงบันไดขึ้นมาจะเจอกับ Living Area และโถงทางเดินกว้างๆ ที่เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ให้บรรยากาศโปร่งสบาย นอกจากนี้พื้นที่ด้านข้างๆ บันไดยังเหลือมุมสำหรับโยคะ หรือจะจัดวางหิ้งพระก็น่าจะเป็นพื้นที่ขนาดกำลังพอดี     Master Bedroom ใช้พื้นที่โซนด้านขวาของตัวบ้านเป็นตอนลึก ซึ่งจัดตกแต่งให้ห้องนอนอยู่โซนด้านหน้าของบ้าน พร้อมเปิดรับแสงธรรมชาติด้วยหน้าต่างกระจกใหญ่ถึง 3 ด้าน ปรับแต่งฟังก์ชันให้มีมุมนั่งเล่นอ่านหนังสือริมหน้าต่างที่มองลงไปยังโถงบันไดได้ ส่วนโซนด้านหลังเป็นพื้นที่ของ Walk-in Closet และห้องน้ำขนาดใหญ่ ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งอ่างอาบน้ำ Rain Shower อ่างล้างหน้าแบบ His&Her และโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ     อีกด้านของชั้น 2 แบ่งเป็น 2 ห้องนอนเล็กที่ไม่เล็กเลย เพราะทุกห้องมีห้องน้ำในตัว สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ และยังมีพื้นที่สำหรับจัดเก็บของมีมุม Walk-in Closet เล็กๆ อีกด้วย     โครงการ สิวารมณ์ ไฮด์ สาทร-บางแค เป็นหนึ่งในโครงการบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่กำลังมองหาบ้านเพื่อสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้อย่างอาศัยร่วมกัน บนทำเลศักยภาพเดินทางสะดวก เข้าสู่ใจกลางเมืองย่าน CBD สาทร-สีลม-พระราม 3 ได้อย่างง่ายดาย ต้องยอมรับว่าการออกแบบบ้านหรูหลังใหญ่จาก บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) โครงการนี้ เป็นการเปิดตลาด Luxury ที่น่าจับตามาก มีความได้เปรียบทั้งในเรื่องราคาที่เริ่มต้น 14.9 ล้านบาท และมีจำนวนยูนิตไม่มาก ทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวสูง เมื่อเทียบกับหลายๆ โครงการในระแวกเดียวกัน ถ้าใครที่กำลังมองหาบ้านหรูหลังใหญ่ในย่านกาญจนาภิเษก-เพชรเกษม-บางบอน หรือคุ้นชินในย่านนี้อยู่แล้ว แนะนำให้ลองเข้าไปเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างด้วยตัวเองกันดู พร้อมรับข้อเสนอดีๆ จากทางโครงการก่อนตัดสินใจ   บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง The Holmes สาทร-บางแค พรีเมี่ยมทาวน์โฮม [Preview] Morgen บางขุนเทียน-พระราม 2  
[Preview] Morgen บางขุนเทียน-พระราม 2 บ้านเดี่ยวสไตล์ French Colonia

[Preview] Morgen บางขุนเทียน-พระราม 2 บ้านเดี่ยวสไตล์ French Colonia

Morgen บางขุนเทียน-พระราม 2 บ้านเดี่ยวสไตล์ French Colonial Morgen บางขุนเทียน-พระราม 2 โครงการบ้านเดี่ยวใหม่บนทำเลศักยภาพบนถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล จาก บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด ในสไตล์ French Colonial เน้นความเรียบหรูเหนือกาลเวลา พร้อมส่วนกลางครบครัน ตลอดโจทย์การอยู่อาศัยแบบครอบครัว     โครงการ Morgen บางขุนเทียน-พระราม 2 แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งแหล่งช้อปปิ้งอย่าง เซ็นทรัลพระราม 2, บิ๊กซี พระราม 2 รวมถึงสถานพยาบาล และสถานศึกษาอีกมากมาย อีกทั้งยังเดินทางสะดวกด้วยถนนสายหลักใหญ่ๆ ที่เชื่อมต่อกันได้ทั้ง ถนนพระราม 2, ถนนสุขสวัสดิ์, ถนนวงแหวนฯ กาญจนาภิเษก, ทางด่วนเฉลิมมหานคร, ทางด่วนวงแหวน ฯลฯ ทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองสะดวกและใช้เวลาไม่นาน สถานที่ใกล้เคียง เซ็นทรัล พลาซา พระราม 26 กม. โลตัส พระราม 3 กม. โฮมโปร พระราม 29 กม. อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ พระราม 26 กม. บิ๊กซี พระราม 29 กม. เดอะ ไบรท์ พระราม 2  10 กม. สถานศึกษา โรงเรียนรุ่งอรุณ 9 กม. รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี 5 กม. โรงเรียนนานาชาติ เบซิส กรุงเทพฯ 6 กม. โรงเรียนทวีธาภิเศก บางขุนเทียน 7 กม. โรงเรียนเลิศหล้า กาญจนาภิเษก 11 กม. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 12 กม. รร.วรรณสว่างจิต 6 กม โรงพยาบาล โรงพยาบาลนครธน 6 กม. โรงพยาบาลบางมด 10 กม. โรงพยาบาล บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล 11 กม. โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน 7 กม.     ทางโครงการมีแบบบ้านให้เลือกทั้ง S M L ในขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 216 – 350 ตร.ม. เพื่อตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว และมีความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตรวมเพียง 103 ยูนิตเท่านั้น ภายในโครงการอัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่คัดสรรมาเพื่อรองรับทุกกิจกรรม และใส่ใจความปลอดภัยในการอยู่อาศัยของลูกบ้าน Facility คลับเฮ้าส์ Lobby ส่วนกลาง Double Space สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 14.3x5.2 ม. ลึก 1.20 ม. Jacuzzi สระเด็ก ลึก 60 ซม. Fitness Multifunction room สวนสาธารณะ ขนาด 1-0-05.6 ไร่ สวนหย่อม จำนวน 7 แห่ง ประตูทางเข้ารั้วเหล็ก ควบคุมการเข้าออกด้วยระบบ LPR ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ แยกช่องเข้า – ออก visitor กับ เจ้าของบ้าน CCTV 24 ชม.     บ้านทุกหลังมาพร้อม Smart Home เพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน และฟังก์ชันที่สามารถปรับเปลี่ยนให้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกทุกคนในบ้าน Salome ขนาดที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 216 ตร.ม. แบ่งเป็น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 รับแขก+รับประทานอาหาร 2 นั่งเล่น 2 จอดรถ Mael ขนาดที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. แบ่งเป็น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 แม่บ้าน 1 รับแขก+รับประทานอาหาร 2 นั่งเล่น 3 จอดรถ Leon ขนาดที่ดินเริ่มต้น 70 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 350 ตร.ม. แบ่งเป็น 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 แม่บ้าน 1 รับแขก+รับประทานอาหาร 2 นั่งเล่น 1 ห้องซักรีด 4 จอดรถ   Morgen บางขุนเทียน-พระราม 2 ราคาเริ่มต้น 8.89 - 17 ล้านบาท* เตรียมเปิดให้จองได้แล้วเร็วๆ นี้ ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ www.maison.co.th/detail.php?id=8   บทความที่เกี่ยวข้อง Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา M Life สุขุมวิท–บางปู 87 บ้านแฝดหรูดีไซน์ใหม่ “เมซัน”ประกาศลุยบ้านหรู  
[PR] สิวารมณ์ประกาศความแข็งแกร่ง ปูพรมจาก บางปู – บางแค

[PR] สิวารมณ์ประกาศความแข็งแกร่ง ปูพรมจาก บางปู – บางแค

สิวารมณ์ประกาศความแข็งแกร่ง ปูพรมจาก บางปู - บางแค สิวารมณ์ประกาศความแข็งแกร่ง ปูพรมจาก บางปู - บางแค 𝐍𝐄𝐖 𝐏𝐑𝐎𝐉𝐄𝐂𝐓 𝟐𝟎𝟐𝟒 | 𝐒𝐈𝐕𝐀𝐑𝐎𝐌 𝐇𝐘𝐃𝐄 บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ทุ่มเปิดโครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 850 ล้านบาท ในย่านที่อยู่อาศัย 2 ทำเลฝั่งกรุงเทพตะวันตก #ก้าวอย่างมั่นคง ประกาศความแข็งแกร่ง ปูพรมจาก บางปู - บางแค  ส่งบ้านหรูระดับ UPPER CLASS ที่มาพร้อมกับความเป็นส่วนตัว ส่งมอบความเชี่ยวชาญของการอยู่อาศัย 15-16 มิ.ย.นี้ ก้าวสู่ความสำเร็จใหม่ เปิดจองครั้งแรกสิวารมณ์ ไฮด์ สาทร-บางแค | เริ่มเพียง 16 ล้านบาท*     ภายใต้ CONCEPT ' NERVER HIDE YOUR SUCCESS ' เริ่มต้นแห่งแรก ทำเลแห่งการใช้ชีวิต NEW LIVING COMMUNITY ZONE บางแค ด้วยบ้านเดี่ยวหรูโครงการใหม่ 5 ห้องนอน บนที่ดินเริ่ม 100 ตร.ว. พร้อมพื้นที้ใช้สอยกว่า 500 ตร.ว. เอกสิทธิ์เพียง 29 ครอบครัว ทำเลเชื่อมต่อ CORE CBD สาทร - วงแหวนกาญนาภิเษกฯ ตะวันตก   ‘ 𝐍𝐄𝐕𝐄𝐑 𝐇𝐈𝐃𝐄 𝐘𝐎𝐔𝐑 𝐒𝐔𝐂𝐂𝐄𝐒𝐒 ’ บ้านหรู 5 ห้องนอน พร้อมพื้นที่ใช้สอยกว่า 500 ตร.ม. #NEWBRAND #NEWCOLLECTION     📍ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใคร https://sivarom-hyde.com/register.php ☎️ ติดต่อสอบถาม 0632215858 ❇️ Add LINE : https://lin.ee/XX2Pi7K ▪️ Google Location | https://shorturl.at/gksx4 ▪️ ใกล้ MRT หลักสอง ▪️ THE MALL บางแค & THE EXPLACE MALL ▪️ BEST SMART LIVING ▪️ มาตรฐานความปลอดภัยเหนือระดับ ▪️ รปภ. & CCTV 24 ชั่วโมง *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารกำหนด   #SivaromRealEstate #สิวารมณ์ #SivaromHyde #newprojects #SVR #บ้านเดี่ยวสาทร #บ้านบางแค #บ้านกัลปพฤกษ์ #คฤหาสน์ #กาญจนาภิเษก #Homeandliving #land #housing #บ้านโครงการใหม่ #บางแค #บ้านใกล้ห้าง #บ้านใกล้รถไฟฟ้า #บ้านติดถนนใหญ่ #บ้านใกล้ทางด่วน #บ้าน   ข่าวที่เกี่ยวข้อง สิวารมณ์ ปาร์ค วงแหวน – ประชาอุทิศ 76 “เมซัน”ประกาศลุยบ้านหรู “มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม2”  
[PR] “เมซัน”ประกาศลุยบ้านหรู “มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม2” รับไตรมาส 2/67

[PR] “เมซัน”ประกาศลุยบ้านหรู “มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม2” รับไตรมาส 2/67

“เมซัน”ประกาศลุยบ้านหรู “มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม2” รับไตรมาส 2/67 มั่นใจสินค้าตอบโจทย์ดีมานด์ย่านฝั่งธนฯ-พื้นที่ใกล้เคียง เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์ฯ เผยศักยภาพทำเลพระราม 2 ดีมานด์ยังมีความต้องการบ้านแนวราบระดับลักชัวรี ประกาศเดินหน้ารับไตรมาส 2/67 ผุดบ้านหรู โครงการ “มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม2”ราคาเริ่มต้นที่ 7-14 ล้านบาท มูลค่า 1,   060 ล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซลวันที่ 25-26 พ.ค.67 มั่นใจสินค้าตอบโจทย์ดีมานด์ย่านฝั่งธนฯและพื้นที่ใกล้เคียง   นายพงศ์ศักดิ์ สวาทยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯแนวราบภายใต้แบรนด์ “Maison Development”(เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในย่านพระราม 2 ว่า ถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ดีมานด์ส่วนใหญ่มีความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบในระดับลักชัวรีสูง เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากย่านเศรษฐกิจใจกลางเมือง การคมนาคมเดินทางสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับทำเลชานเมืองในโซนอื่นๆของกรุงเทพฯ   ส่งผลให้แผนการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 2/2567 เปิดตัวโครงการ “มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม2” (Morgen Bangkhunthian-Rama2) พัฒนาโดยบริษัท เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเพลินพัฒน์ แอสเสทฯ ตั้งอยู่บริเวณย่านบางขุนเทียน บนพื้นที่ 30 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์เฟรสช์โคโลเนียล (French Colonial) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "MAGNIFICENT MORNINGS, FINEST URBAN LIVING IN FRENCH COLONIAL"ขนาด 501-74.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 216-350 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 7-14 ล้านบาท จำนวน 103 ยูนิต มูลค่า 1,060 ล้านบาท โดยกำหนดเปิดพรีเซลในวันที่ 25-26 พฤษภาคม 2567 ซึ่งมั่นใจสินค้าจะตอบโจทย์ดีมานด์ย่านฝั่งธนฯและพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี     โดยโครงการดังกล่าวมีบ้านให้เลือก 3 แบบ คือ 1.แบบซาโลเม่ (Salomé) จำนวน 46 ยูนิต ขนาดที่ดินเริ่มต้น 51 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 216.1 ตารางเมตร ฟังก์ชั่นบ้าน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องรับแขก+รับประทานอาหาร 1 นั่งเล่น 2 จอดรถ 2.แบบบ้านมาเอล(Maël) จำนวน 40 ยูนิต  ขนาดที่ดินเริ่มต้น 60.8 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 275.7 ตารางเมตร ฟังก์ชั่นบ้าน 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 แม่บ้าน 1 ห้องรับแขก+รับประทานอาหาร 1 นั่งเล่น 3 จอดรถ 3.แบบบ้านเลออน (Léon) จำนวน 17 ยูนิต ขนาดที่ดินเริ่มต้น 74.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 335.2 ตารางเมตร ฟังก์ชั่นบ้าน 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องแม่บ้าน 1 ห้องรับแขก+รับประทานอาหาร 1 นั่งเล่น 1 ซักรีด 4 ที่จอดรถ     ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ -สวนสาธารณะโครงการขนาดใหญ่ 1-0-05.6 ไร่ ( 405.6 ตารางวา ) -สวนหย่อม จำนวน 7 แห่ง พื้นที่ 461.8 ตารางวา -ClubHouse ประกอบด้วย  ห้องโถงพักผ่อนส่วนกลาง Double Space สระว่ายน้ำระบบเกลือ Jacuzzi และ ห้องออกกำลังกาย -ควบคุมการเข้าออกด้วยระบบ LPR ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ -กล้องวงจรปิดรปภ. 24 ชั่วโมง (Smart home)   สำหรับจุดเด่นโครงการ  เป็นโครงการบ้านใกล้เมือง บนทำเลศักยภาพใจกลางพระราม 2 เชื่อมต่อทุกการเดินทาง ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน, 5 นาทีถึงเซ็นทรัลพระราม  2, 15 นาทีถึง พระราม3-สาทร , แบบบ้าน สโมสร สระว่ายน้ำสไตล์ เฟรนช์โคโลเนียล (French Colonial) อีกทั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้ามากมาย อาทิ เซ็นทรัล พลาซา พระราม 2, โลตัส พระราม 2,บิ๊กซี พระราม2,เดอะไบรท์ พระราม 2 รวมไปถึงใกล้สถานศึกษา อาทิ โรงเรียนรุ่งอรุณ ,รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี,โรงเรียนนานาชาติ เบซิส กรุงเทพฯ ,โรงเรียนทวีธาภิเศก บางขุนเทียน  ,โรงเรียนเลิศหล้า กาญจนาภิเษ ,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน,โรงพยาบาลนครธน และ โรงพยาบาล บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล  เป็นต้น   บทความที่เกี่ยวข้อง Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา บ้าน French Colonial สิวารมณ์ ปาร์ค วงแหวน – ประชาอุทิศ 7 บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่สไตล์นอร์ดิก M Life สุขุมวิท–บางปู 87 บ้านแฝดหรูดีไซน์ใหม่
Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา บ้าน French Colonial ทำเลดี ติด ม. เกษตร

Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา บ้าน French Colonial ทำเลดี ติด ม. เกษตร

Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา บ้าน French Colonial ทำเลดี ติด ม. เกษตร ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ พื้นที่ในแถบตะวันออก โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก หลายพื้นที่มีการขยายตัวของเขตเมืองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแถบศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่อยู่ห่างจากกรุงเทพไม่มาก มีการเดินทางที่สะดวก และมีแหล่งงานรองรับมากมาย ทั้งนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ๆ หรืองานภาคการท่องเที่ยวการโรงแรม จึงทำให้ความต้องการในที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ตลาดอสังหาฯในแถบศรีราชาเองก็คึกคัก เพราะมีผู้พัฒนาเจ้าใหญ่ๆ จากกรุงเทพฯ เข้าไปเปิดโครงการอย่างต่อเนื่องและได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นกัน   ครั้งนี้เราเลยจะพามาเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างไกลถึง “ศรีราชา” ณ โครงการ “Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา” ซึ่งเป็นโครงการใหม่ล่าสุดจาก บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด อีกหนึ่งโครงการบ้านที่น่าสนใจบนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองศรีราชา ด้วยคอนเซ็ปต์บ้านใกล้ชิดธรรมชาติ โอบล้อมด้วยภูเขาและทะเล พร้อมวิว sunset ในบรรยากาศที่เหมาะกับการพักผ่อน   พูดถึงเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการกันก่อน ตัวโครงการอยู่ห่างจากถนนสุขุมวิทเพียง 100 เมตรโดยประมาณ ซึ่งเป็นทำเลที่เชื่อมต่อไปยังถนนสายสำคัญ เช่น ถนนสุขุมวิท, ถนนมอเตอร์เวย์ (ชลบุรี-พัทยา) อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้การเดินทางสะดวกมาก ไม่ว่าจะไปพัทยา ระยอง หรือเข้ากรุงเทพฯ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก     นอกจากนี้ตัวโครงการยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งแหล่งงานอย่าง นิคมแหลมฉบัง, นิคมไทยออยล์, นิคมปิ่นทอง ฯลฯ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วย สถานศึกษา สถานพยาบาล ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ แหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์มากมาย เช่น เซ็นทรัล ศรีราชา, โรบินสัน ศรีราชา, J-Park, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา, โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา, โรงเรียนดาราสมุทร, โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา, โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา, โรงพยาบาลวิภาราม แหลมฉบัง ฯลฯ พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์คนทำงาน และเหมาะสมกับการอยู่อาศัยเลยทีเดียว   โครงการ Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา เป็นโครงการบ้านแนวราบที่รวมทั้ง ทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวไว้ด้วยกัน รวม 176 ยูนิต แบบบ้านสวยในสไตล์ French Colonial เน้นบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ ทำให้ภายในโครงการร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียวของสวนขนาดใหญ่ พร้อมสนามเด็กเล่น และคลับเฮาส์ขนาดใหญ่ ที่รวมทั้ง สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส Co-working Space รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยทันสมัย เช่น เข้า-ออกหมู่บ้านด้วยการสแกนป้ายทะเบียน, CCTV และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง Facility ทั้งหมดที่ทางโครงการเตรียมพร้อมไว้ ก็เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกบ้านในหลากหลายเจเนอเรชั่น     บ้านตัวอย่าง Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา มีแบบบ้านที่สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ตามต้องการ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวขยายที่มีลูกเพิ่ม หรือครอบครัวใหญ่ที่อยู่พร้อมหน้ากันหลายเจเนอเรชั่น ด้วยพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 100-143 ตร.ม. และมีมากถึง 4 ห้องนอน เชื่อว่าแบบบ้านในโครงการจะถูกใจหลายๆ คนได้ไม่ยาก   บ้านตัวอย่างเราจะพาไปชมในครั้งนี้ มีด้วยกัน 3 หลัง บ้านในโครงการเตรียมพร้อมรองรับการติดตั้ง EV Charger มาไว้เรียบร้อย แบบบ้านทั้ง 3 หลังมีความแตกต่างกันที่พื้นที่ใช้สอยภาพในตัวบ้าน และการจัดฟังก์ชันการใช้งานซึ่งจะมาตอบโจทย์รูปแบบการอยู่อาศัย และขนาดครอบครัวที่ต่างกัน   บ้านหลังแรกเป็นทาวน์โฮมขนาดเล็กสุด ชื่อ Mona พื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ     พอเข้ามาในตัวบ้านแล้ว จะพบกับโถงห้องนั่งเล่น ซึ่งเปิดโล่งเชื่อมต่อพื้นที่ภายในไว้ด้วยกัน ทำให้บรรยากาศภายในบ้านโอ่งโถงดูกว้างขวางขึ้น     ในบ้านตัวอย่างทางโครงการต่อเติมพื้นที่ด้านหลังออกไป ทำให้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น และต่อเติมหลังคาโปร่งแสงช่วยทำให้บ้านสว่างมากขึ้น และน่าอยู่มากๆ   พื้นที่ท่ีเปิดกว้างและติดกับโซนที่ต่อเติม ทางโครงการจัดเป็นมุมซักรีดเพื่อเป็นอีกไอเดียในการตกแต่งบ้านให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด และพื้นที่ใต้บันไดของชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งอยู่ถัดจากโถงบันไดขึ้นชั้น 2 นั่นเอง     ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 2 จะเป็นแบ่งเป็นห้องนอน 3 ห้อง ห้อง Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว พร้อมพื้นที่เล็กๆ หน้าห้องน้ำสำหรับจัดเป็น Walk-in Closet ได้ด้วย       อีก 2 ห้องนอนเล็ก จะใช้ห้องน้ำแชร์ร่วมกันที่บริเวณโถงด้านหน้า ส่วนภายในห้องนอน สามารถจัดตกแต่งใช้สอยตามความต้องการได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็ก ห้องทำงาน หรือห้องพักผ่อนสำหรับสมาชิกภายในบ้าน        หลังต่อมาเป็นทาวน์โฮมอิสระ ชื่อ บ้าน Marine พื้นที่ใช้สอย 130 ตร.ม. หน้ากว้าง 7.5 เมตร แบ่งเป็น4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ จุดเด่นของแบบบ้านทาวน์โฮมอิสสระ คือ ผนังด้านข้างตัวบ้านด้านบนไม่ติดกัน จะมีเพียงผนังบางส่วนเท่านั้นที่ใช้ร่วมกันกับบ้านข้างๆ จึงช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับบ้านในรูปแบบทาวน์โฮมมากขึ้น     เข้ามาภายในตัวบ้าน Marine ซึ่งมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น พื้นที่บริเวณชั้นล่างของตัวบ้านที่นอกจากจะดูกว้างขวางมากขึ้นกว่าบ้านแบบแรกแล้ว ยังมีห้องนอนเล็กในบริเวณชั้นล่างเพิ่มมาอีกห้อง ซึ่งเราสามารถเลือกใช้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ หรือใช้เป็นห้องทำงานก็ได้ตามต้องการ และไอเดียในการตกแต่งบ้านของโครงการที่เลือกจะต่อเติมบริเวณหลังบ้านออกไป เป็นพื้นที่ครัว และมุมซักรีดที่เป็นสัดส่วน จึงทำให้บริเวณโถงรับแขกมีพื้นที่กว้างมากยิ่งขึ้น                ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 2 พื้นที่ด้านบนก็แบ่งออกเป็นห้องนอน 3 ห้องเช่นกัน โดยที่ Master Bedroom จะอยู่บริเวณโซนด้านหน้าของตัวบ้าน พร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งพื้นที่ใช้สอยภายในห้องกว้างขวางมากพอที่จะมีมุมพักผ่อนภายในห้อง และมีมุมแต่งตัวเสมือน Walk-in Closet บริเวณหน้าห้องน้ำด้วย ที่สำคัญห้องนอนโอ่โถงเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ทำให้บรรยากาศภายในห้องเหมาะกับการพักผ่อนมากๆ   ในขณะที่อีก 2 ห้องนอนเล็กซึ่งอยู่ในโซนด้านหลังของตัวบ้าน จะถูกแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกมาในขนาดพอๆ กัน ซึ่งเราสามารถเลือกตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบ โดยที่ห้องนอนเล็กในบ้านตัวอย่าง เลือกใช้เป็นห้องนอนเด็กทั้ง 2 ห้องในสไตล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เห็นว่าภายในห้องนอนเล็กมีพื้นที่กว้างมากพอในการใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย          ส่วนหลังสุดท้าย เป็นบ้านแฝดที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่ที่สุด ชื่อ Monix มีพื้นที่ใช้สอย 143 ตร.ม. แบ่งเป็น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ     ด้วยความที่เป็นแบบบ้านที่มีขนาดใหญ่สุด ทำให้พื้นที่ใช้สอยขนาด 143 ตร.ม. ดูโอ่อ่า กว้างขวางกว่าบ้านทุกหลัง ซึ่งหากใครกำลังมองหาบ้านหลังใหญ่หน่อย ที่มีสไตล์เหมือนบ้านเดี่ยว บ้าน Monix น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี บริเวณชั้นล่างถูกตกแต่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งถึงกัน ทำให้ฟังก์ชันการใช้งานดูสมูธมากขึ้น โถงรับแขกกับพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ใกล้กัน ในขณะที่ pantry ครัวก็อยู่ใกล้ๆ อีกด้าน ที่สำคัญครัวของบ้านหลังนี้ เป็นแบบครัวปิด มีประตูกั้นเป็นสัดส่วนชัดเจน เหมาะกับครอบครัวที่ชอบทำครัวหนัก ซึ่งช่วยป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนภายในบ้านได้มากขึ้น  นอกจากนี้ ด้วยลักษณะตัวบ้านแฝดที่ไม่ต้องใช้ผนังร่วมกัน ทำให้มีมุมที่เปิดโล่ง เป็นประตูกระจกบานเลื่อนเปิดรับแสงและวิวสวนจากบริเวณด้านข้าง และด้านหลังของตัวบ้าน ทำให้ภายในบ้านดูโปร่งโล่งมากขึ้น   นอกจากนี้บริเวณชั้นล่างยังมีห้องนอนเล็กอีกหนึ่งห้องบริเวณโซนด้านหน้า ที่เหมาะจะเป็นห้องพักผ่อน, ห้องทำงาน หรือห้องผู้สูงอายุ แต่ในบ้านตัวอย่าง ทางโครงการเลือกตกแต่งเป็นห้องสำหรับน้องแมว ซึ่งถือเป็นอีกไอเดียที่เอาใจทาสแมวได้เป็นอย่างดี         ขึ้นมาที่ชั้น 2 ห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ เต็มโซนด้านหน้าของบ้าน ทำให้ได้หน้าต่างบ้านใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับพื้นที่บริเวณหน้าห้องน้ำก็จัดเป็น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ และยังเหลือพื้นที่ใช้สอยในห้องอีกมากมาย  ในขณะที่ห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง ถูกตกแต่งเป็นห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้อง ในสไตล์ที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้เราสามารถเห็นฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย และสามารถเก็บเป็นไอเดียไว้ใช้ได้ในอนาคต ซึ่งบริเวณชั้น 2 จะมีห้องน้ำส่วนกลางอีกหนึ่งห้อง ซึ่งจะใช้แชร์กันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้อง           *ส่วนบ้านเดี่ยวของโครงการ จะใช้แบบบ้าน Monix เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ขนาดของที่ดิน และบ้านเดี่ยวจะไม่มีการใช้ผนังร่วมกันแบบบ้านแฝดนั่นเอง     Maison Hill สุขุมวิท-ศรีราชา เป็นอีกหนึ่งโครงการบ้านแนวราบที่จะมาตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาบ้านหลากหลายกลุ่ม ด้วยขนาดและแบบบ้านที่มีให้เลือกหลายแบบ จึงเหมาะกับครอบครัวตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกหลายวัย ประกอบกับทำเลที่ตั้งก็เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งงาน ใกล้แหล่งชุมชน ไม่ไกลจากใจกลางเมืองศรีราชา มีความอุดมสมบูรณ์ เพียบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมากๆ   เหมาะกับกลุ่มคนทำงานในนิคมที่กำลังมองหาบ้านมากกว่าคอนโด เพราะมีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า แถมยังสามารถปรับฟังก์ชันในตัวบ้านให้ตอบโจทย์การใช้งานส่วนตัวได้ดีกว่า ในราคาเริ่ม 2-4 ล้านบาท* ซึ่งราคาเริ่มแทบไม่หนีจากการซื้อคอนโดบางโครงการในศรีราชาเลยก็ว่าได้ แต่ได้พื้นที่มากกว่า   สำหรับคนที่สนใจ สามารถเข้าชมบ้านตัวอย่างที่โครงการได้ทุกวัน หรือลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://bit.ly/3xpIKOc   บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง สิวารมณ์ ปาร์ค วงแหวน – ประชาอุทิศ 76 M Life สุขุมวิท–บางปู 87 บ้านแฝดหรูดีไซน์ใหม่ M Life สุขุมวิท–บางปู 87    
“แอสเซทไวส์” ลุยศึกอสังหา ปี 2567   เปิด 12 โครงการใหม่ และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์  

“แอสเซทไวส์” ลุยศึกอสังหา ปี 2567  เปิด 12 โครงการใหม่ และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์  

แอสเซทไวส์ หรือ ASW  เผยแผนธุรกิจชู 3 กลยุทธ์หลัก “Execute / Expand / Explore” มุ่งนำธุรกิจเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” ลุยเปิด 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 25,920 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท และรุกแผนเปิดโครงการแนวราบ รวมถึงขยายทำเลครอบคลุมกรุงเทพฯ EEC และภูเก็ต เสริมแกร่งด้วยธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้ต่อเนื่อง ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์  และธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ พร้อมปรับทัพผู้บริหารขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตแข็งแกร่งรับทุกสถานการณ์ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ASW” เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ดีของแอสเซทไวส์ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านระดับลักชัวรี เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในหลากหลายเซ็กเมนต์ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต  ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้เดิม 12 โครงการ และสามารถทำยอดขายปี 2566 ได้ถึง 16,486 ล้านบาท สูงทะลุเป้าที่วางไว้ ซึ่งเติบโตกว่า 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา   “สำหรับทิศทางอสังหาฯ ในปี 2567 นี้ แอสเซทไวส์ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง โดยปี 2567 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 9 โครงการ และ แนวราบ 3 โครงการ พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2566  และเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท  ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” กับการพัฒนาแอสเซทไวส์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในทุกมิติ โดยบูรณาการ 3 กลยุทธ์หลักซึ่งประกอบไปด้วย สำหรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต  THE TITLE ภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ในเครือแอสเซทไวส์ ซึ่งล่าสุดได้เปิดขายโครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมแล้วกว่า 80%  เพื่อต่อยอดความสำเร็จ  ในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเดอะ ไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท  โครงการเดอะ ไทเทิล เซเรนิตี้ ในยาง มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท  และ โครงการเดอะ ไทเทิล ราไวย์  มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (BOTANICA Grand Avenue) ลักชัวรี่พูลวิลล่าที่เป็นเมกะโปรเจ็คต์ มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท ในสัดส่วน 30% ทำให้พอร์ตอสังหาฯ ในภูเก็ตของแอสเซทไวส์มีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น มีโปรดักต์ครอบคลุมทั้ง Leisure คอนโดมิเนียม และวิลล่าระดับลักชัวรี สำหรับการหารายได้ประจำสมำเสมอต่อเนื่อง ทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income)  ประกอบด้วยธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้โครงการ Mingle Mall ที่ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ , Well Aesthetic & Wellness Center  พื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม บนใจกลางย่านรัชดาภิเษก ล่าสุดกับ มิงเกิ้ล สปอร์ต วิลเลจ (Mingle Sport Village at Rangsit) ศูนย์กีฬาในร่มเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึง Rocket Fitness  บริหารงานของ “บริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด” ในเครือแอสเซทไวส์ รวมถึง ZAAP World ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่าง ๆ  ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็ม และเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแอสเซทไวส์อีกด้วย พร้อมกันนี้ แอสเซทไวส์ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนในปี 2567 อีกจำนวน 9 โครงการ ซึ่งแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 7  โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,557 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 2 โครงการ และปัจจุบัน บริษัทฯ มียอด Backlog อยู่ ถึง 19,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน13,700 ล้านบาท โครงการในทำเล EEC จำนวน 1,800 ล้านบาท และโครงการในภูเก็ตอีกกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569 บทความน่าสนใจ AssetWise เข้าถือหุ้น 57% TITLE “รุกตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต” สร้างรายได้ 10,000 ล้านบาทใน 3 ปี แอสเซทไวส์  กวาดยอดขายไตรมาสแรกเกือบ  3,500 ล้าน ลุยต่อเปิด 3 โครงการใหม่  
SC ASSET ตั้งเป้า5ปี 150,000 ล้าน ภายใต้แนวคิด “มหาศาล มั่นคง สมดุล“

SC ASSET ตั้งเป้า5ปี 150,000 ล้าน ภายใต้แนวคิด “มหาศาล มั่นคง สมดุล“

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา SC ทำยอดขายนิวไฮ 4 ปีต่อเนื่อง ต่อไปทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะเวลา 5 ปี จากนี้ (2567-2571)  คาดว่าจะสร้างรายได้รวมกว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากหลากหลายธุรกิจทั้งในส่วนของ อสังหาฯที่อยู่อาศัย โรงแรม และคลังสินค้า ภายใต้แนวคิด “มหาศาล  มั่นคง สมดุล”   SC ASSET ธุรกิจบนความหลากหลายเริ่มจาก  มหาศาล การสร้างรายได้รวม (portfolio revenue) รวม 5 ปี (2567-2571) จากหลากหลายธุรกิจที่คาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 150,000 ลบ. สำหรับเป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2567 คาดการณ์จะทำยอดขายนิวไฮ 28,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น โครงการแนวราบ 65% และโครงการแนวสูง 35% โครงการเพื่อขายทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 91,000 ล้านบาท เป็นการเปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,000ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 25,000 ล้านบาท โดยมีไฮไลท์เป็นแบรนด์ใหม่ชื่อ “คอนนาเซอร์” (Connoisseur) ราคาเริ่มต้น 80 ล้านบาท และบ้านไลฟ์สไตล์เฉพาะ และโครงการใหม่แนวสูง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เรฟเฟอเรนซ์” (Reference) มั่นคง : ลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน D/E น้อยกว่า 1.5 สมดุล : ส่วนผสมกำไร จากธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีกำไรจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (engine 2) มากกว่า 25%ในส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ มาจาก 4 ธุรกิจหลัก แบ่งเป็น 1.อาคารสำนักงานให้เช่า มีพื้นที่เช่ารวม 120,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากอาคารสำนักงานรวม 6 อาคาร 2.โรงแรม มีจำนวนห้องพักรวม 545 ห้อง จากโรงแรม 3 โครงการ โดยเปิดแล้วที่ “YANH ราชวัตร” ขนาด 78 ห้องและกำลังจะเปิดปลายปี 2567 นี้ “ครอโม” (Kromo) ทำเลสุขุมวิท 29 บริหารโดย CurioCollection by Hilton จำนวน 306 ห้อง และเปิดต้นปี 2568 ในทำเลพัทยา จำนวน 161 ห้อง 3.คลังสินค้า มีพื้นที่เช่ารวม 160,000 ตร.ม. จากคลังสินค้ารวม4 โครงการ ดำเนินการแล้วที่ทำเลนครสววรค์พื้นที่ 16,000 ตร.ม. กำลังจะเปิดในปี 2567 นี้และปี 2568 อีก 144,000 ตร.ม. ใน 3 ทำเลคือ บางนา กม.20, บางนา กม.22 และแหลมฉบัง และยังมีการร่วมลงทุนกับสตอเรจเอเชีย บุกตลาด Self Storageภายใต้แบรนด์ “i-Store” 4.อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในสหรัฐอเมริกา มีห้องพักรวม78 ห้อง ใน 4 ทำเลใจกลางเมืองบอสตัน   ในส่วนของภารกิจ SCeroMission ดำเนินธุรกิจอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการออกแบบ สร้าง ใช้ ทิ้ง จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 25% ในปี 2573 ที่ผ่านมาองค์กรได้มีการติดตั้ง Solar Roof บริเวณอาคารสำนักงาน และโครงการบ้าน ติดตั้ง EV Charger ณ อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม เปลี่ยนหลอดไฟ LED เปลี่ยนระบบทำความเย็น ในอาคารสำนักงาน ช่วยลด GHG ได้กว่า 1,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในปี 2565-2566 และตั้งเป้าหมายว่าจะลดก๊าซเรือนกระจก 15% จากการดำเนินงานตามปกติ ในปี 2567 นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปอย่างมั่นใจว่า “SC พร้อมและมุ่งมั่นสำหรับการเติบโตในทศวรรษที่ 3 ตามวิสัยทัศน์ SC the Evolution เติบโตด้วยการปรับตัวตามบริบท เติบโตด้วยการสร้างคุณค่าสู่คนและโลก เติบโตด้วยธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม คลังสินค้า ออฟฟิศ”   บทความน่าสนใจ SC เปิดบ้านหรูซีรีส์ใหม่ “อยู่แบบใหม่ แบบสับ” bangkok boulevard signature westgate Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น  
Grand Opening GRAND DECO ศาลายา

Grand Opening GRAND DECO ศาลายา

โครงการ GRAND DECO ศาลายา มูลค่าโครงการ 810 ล้านบาท อยู่บนเนื้อที่กว่า 29 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านแฝด บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์ สไตล์ Minimal Nordic เรียบง่ายทันสมัย ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ มีจำนวน 163 ยูนิต   เดินทางสะดวกตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ศาลายา ใกล้ถนนปิ่นเกล้า ใกล้ทางด่วน ทางคู่ขนานบรมราชชนนี 6.4 กม.และทางด่วนศรีรัชวงแหวนรอบนอก 8.0 กม. ได้ GRAND DECO ศาลายา มีบ้านแบบ DAISY บ้านเดี่ยว 2 ชั้นขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 56 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม. หน้ากว้าง 15 เมตร ลึกถึง 7.7 เมตร ฟังก์ชัน5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 3 ที่จอดรถ ห้องนอนใหญ่สามารถกั้น Walk- in Closet เก็บของได้เยอะเป็นสัดเป็นส่วน มีห้องนอนด้านล่าง ติดห้องน้ำเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ราคาขายเริ่มต้น 6.59 ล้านบาทต่อยูนิต บ้านแบบ LILY บ้านแฝด 2 ชั้น หลังใหญ่ ด้วยหน้ากว้างถึง 10 เมตร ฟังก์ชันจัดเต็ม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ บนเนื้อที่ 37.5 ตร.ว.พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม. ออกแบบให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยว หน้ากว้าง 10 เมตร ลึก 6 เมตร จอดรถได้ 2 คัน ให้มาก กว่าถึง 3 ห้องนอน 1 ห้องเอนกประสงค์ และ 3 ห้องน้ำ มีห้องนอนด้านล่างติดห้องน้ำ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ราคาขายเริ่มต้น 4.59 ล้านบาทต่อยูนิต ส่วนอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น อยู่ด้านหน้าโครงการเป็นพื้นที่ขายในอนาคต   บทความน่าสนใจ เศรษฐสิริ กรุงเทพ ปทุมธานี 2 บ้านเดี่ยวดีไซน์ MODERN CLASSIC พร้อมวิวสนามกอล์ฟ สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) บ้านแฝด-ทาวน์โฮมพร้อมรองรับ EV ทุกหลัง  
[Preview] ไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา บ้านที่เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ แบบ French Colonial

[Preview] ไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา บ้านที่เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ แบบ French Colonial

ไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา บ้านไมสัน ฮิลล์ บ้านที่เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ บนแบบบ้าน French Colonial   เจ้าของโครงการ   : บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด ที่ตั้งโครงการ      : ซ.เขาน้ำซับ ตำบล ทุ่งสุขรา  อ.ศรีราชา ลักษณะโครงการ  : ทาวน์โฮม ทาวน์โฮมอิสระ บ้านแฝด บ้านเดียว พื้นที่โครงการ  : 22-3-20.1 ไร่ จำนวนยูนิต  : 176 ยูนิต ที่จอดรถ  : 2  คัน ขนส่งสาธารณะ  : รถตู้สาย กรุงเทพ-พัทยา // รถสองแถม // วินมอเตอร์ไซต์ กำหนดการเปิด  : 17-18 ก.พ. 67 สิ่งอำนวยความสะดวก  : สวนสวยขนาดใหญ่, สระว่ายน้ำระบบเกลือ , เข้า-ออกโครงการด้วยระบบสแกนทะเบียน  Auto Access, กล้องวงจรปิดรปภ. 24 ชม. (Smart home) รองรับ EV Ready จุดเด่นโครงการ  : เป็นโครงการบ้านใกล้เมือง บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองศรีราชา ใกล้มหาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา และนิคมฯ แหลมฉบัง เพียง 1 นาที ถึงมหาลัยเกษตรศาสตร์ และ 5 นาที ถึงนิคมฯ แหลมฉบัง , ในแบบบ้านสไตล์ เฟรนช์โคโลเนียล (French Colonial) สโมสร สระว่ายน้ำ ราคา  :  เริ่มต้น 2-4 ลบ.    
สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้า1.8 หมื่นล้าน ก้าวสู่ปีที่ 10 อย่างแข็งแกร่ง ทุกโครงการที่เปิดต้องมาสเตอร์พีซ

สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้า1.8 หมื่นล้าน ก้าวสู่ปีที่ 10 อย่างแข็งแกร่ง ทุกโครงการที่เปิดต้องมาสเตอร์พีซ

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2567 ที่ยังคงเน้นการพัฒนาและลงทุนกับโครงการระดับมาสเตอร์พีซ ภายใต้ปรัชญา “Go Beyond Dreams” เดินหน้าสร้างซินเนอร์จีธุรกิจภายในเครือ ตลอดจนผนึกกำลังพันธมิตร พร้อมชูกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน  โดยตั้งเป้ารายได้โต 20% อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท   สิงห์ เอสเตท นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า  ถึงกลยุทธ์ในการสร้าง สิงห์ เอสเตท ในปี 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ที่มีการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบขยายฐานลูกค้าครบทุก ลักซ์ชัวรีเซ็กเมนต์ และการขยายสัดส่วนการถือครองโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 รับการฟื้นตัวของความต้องการในกลุ่ม ของตลาดคอนโดมิเนียม อีกทั้งการลงทุนในที่ดินในทำเลศักยภาพที่รองรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการในอนาคตตามกลยุทธ์หลักของบริษัทที่สร้างการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน   ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ (SET: SHR) ก็มีความโดดเด่นจากการเปิดตัว SO/Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์หรูระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ และการยกระดับห้องพักโรงแรมในเครืออีก 5 แห่ง เพื่อตอบรับโอกาสจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเสริมการให้บริการในโรงแรมเพื่อให้สามารถเก็บอัตราห้องพักต่อวันและรายได้จากบริการอื่น ๆ ได้สูงขึ้นและเพิ่มมากขึ้น และการต่อยอดแบรนด์ ทราย (“SAii”)  ในการให้บริการที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้นและเพิ่มรายได้อื่น ๆ นอกจากราคาห้องโรงแรมของกลุ่ม   ในส่วนของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า บริษัทมีการนำโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการใช้พื้นที่ของคนทำงานยุคใหม่ และกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ที่มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 แห่ง และแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ภายในพื้นที่รองรับการลงทุนในอนาคต “โดยในปี 2567 นี้ เราตั้งเป้ารายได้รวมของบริษัทให้เติบโตขึ้นสูงถึง 20% หรือมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 18,000 ล้านบาทผ่านแนวคิด Go Beyond Dream ที่ใช้ 3 แนวทางสนับสนุนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตครั้งนี้ ได้แก่ 1) Go Expertise การสร้างซินเนอร์จีจากความชำนาญของทีมระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยดึงเอาจุดแข็งและความชำนาญที่แตกต่างและโดดเด่นของแต่ละธุรกิจเพื่อเกื้อหนุนกันและกัน เพื่อการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้า 2) Go Elixir การผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน 3) Go Exceed, Go Exit ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDG13 Climate Change สู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ของสิงห์ เอสเตท ในปี 2573 เพื่อสร้างความสมดุลของธุรกิจทั้งกับชุมชุน สังคมและสิ่งแวดล้อม” กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการระดับมาสเตอร์พีซอย่าง โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส โครงการลาซัวว์ เดอ เอส และโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ทำให้เกิดความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในโครงการใหม่ ๆ อาทิ SMYTH, S’RIN และ SHAWN ในปี 2567 นี้ สิงห์ เอสเตท เตรียมต่อยอดความสำเร็จโครงการบ้านแนวราบที่มีครบทุกเซ็กเมนลักซ์ชัวรีตามแผนงาน และยังคงไว้ซึ่งการถ่ายทอด DNA ที่ยึดถือในการพัฒนาโครงการให้ได้คุณภาพระดับ “Best in Class” ด้วยอัตลักษณ์ในแบบฉบับของสิงห์ เอสเตท โดยได้มีการลงทุนในที่ดินทำเลศักยภาพที่รองรับการพัฒนาสำหรับโครงการที่จะเกิดขึ้นระยะ 3-5 ปีต่อจากนี้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากยอดโอนเพิ่มขึ้นอีก 50% ในปีนี้   กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ SHR ยังคงมีแผนที่จะปรับปรุงโรงแรมตามแผนการยกระดับพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 โรงแรมในเครือที่ประเทศไทยและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มอัตราเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ได้มากกว่า 25% รวมถึงแผนการเสริมการให้บริการด้านอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับการยกระดับห้องพักที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติม นอกเหนือจากรายได้การเข้าพัก (Non-Room Revenue) จากการใช้จ่ายต่อคนในการใช้บริการ ภายในโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 15% ขณะที่การหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset Rotation) ยังเป็นปัจจัยหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการ โดยมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงการมองหาโอกาสในการควบรวมกิจการของธุรกิจที่ทำให้เกิดโอกาสรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นด้วย   กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการใช้โมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น ควบคู่ไปกับการชูจุดเด่นด้านที่ตั้งของโครงการต่างๆ ในเครือ ซึ่งจะทำให้มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยของอาคารสำนักงานในเครือที่มากกว่าในช่วงปี 2562 ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 85% ในทุกโครงการที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน มีการตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง อยู่ที่ 40% ของพื้นที่ขายรวม โดยใช้ทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลางระหว่างแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางการขนส่ง ความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคทั้งกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีสูงถึง 400 MWและปริมาณน้ำซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเฉพาะทาง อาทิ กลุ่ม Semi-Conductor หรือ กลุ่ม Data Center นอกเหนือจากธุรกิจทางด้านอาหาร และความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นแรงหนุนสำคัญในการทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย   การดำเนินงานด้านความยั่งยืน มีแผนที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ด้วยกลยุทธ์ Climate Resilience Model เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  รวมถึงการให้ความสำคัญของพื้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่ความหลากหลายทางทะเลถึง 30% นอกจากนี้ยังมุ่งเป็นศูนย์กลางในการสร้างสังคมคุณภาพ ผ่านโครงการต่าง ๆ ถึงกว่า 30 โครงการ นับเป็นจำนวนมากกว่า 100,000 คน ครอบคลุมพื้นที่การดำเนินงาน 5 ประเทศในทุกกลุ่มธุรกิจ  ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐมอริเชียส สหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ     “ภายใต้แนวคิด Go Beyond Dreams เราพร้อมก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 10 ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมที่จะพัฒนาโครงการคุณภาพระดับ “Best in Class” ในทุกกลุ่มธุรกิจ อย่างที่เราได้ประสบความสำเร็จมาแล้วกับโครงการระดับมาสเตอร์พีซ อาทิ โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส โครงการ  ครอสโรดส์ มัลดีฟส์ และโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ แม้ว่า ปี 2567 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจโลก แต่กลุ่มบริษัท สิงห์ เอสเตท มีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปพร้อมกับการเตรียมตั้งรับสถานการณ์ต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพื่อตอกย้ำแนวทางการทำธุรกิจแบบมั่นคงและยั่งยืน” นางฐิติมา กล่าว   บทความน่าสนใจ สิงห์ เอสเตท รุกตลาดบ้าน Ultra Luxury ปักหมุด SMYTH’S Ramintra เริ่ม 120 ล้าน สิงห์เอสเตท  ครึ่งปีแรกรายได้โต 92% พลิกมีกำไร 102 ล้าน สิงห์ เอสเตท เปิด 5 โครงการที่อยู่อาศัยหมื่นล้าน ขายบ้านอัลตร้า ลักชัวรี่ หลังละ 550 ล้าน
เศรษฐสิริ กรุงเทพ  ปทุมธานี 2 บ้านเดี่ยวดีไซน์ MODERN CLASSIC พร้อมวิวสนามกอล์ฟ

เศรษฐสิริ กรุงเทพ ปทุมธานี 2 บ้านเดี่ยวดีไซน์ MODERN CLASSIC พร้อมวิวสนามกอล์ฟ

เศรษฐสิริ กรุงเทพ  ปทุมธานี 2 โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ดีไซน์ MODERN CLASSIC เรียบง่ายร่วมสมัย สง่างาม TIMELESS DESIGN ที่เหนือกาลเวลา  สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีอย่างครบครัน พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ร่มรื่น สระว่ายน้ำระบบเกลือและมีสระว่ายน้ำเด็ก ฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ครบครัน โครงการตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ครบทุกการเดินทาง เชื่อมต่อถนนกรุงเทพ – ปทุมธานี, ถนนทางหลวง 345, ถนนติวานนท์, ถนนสรงประภา-วิภาวดี ดอนเมือง โดยเดินทางเพียง 10 นาที ถึง ทางด่วนศรีรัช ด่านศรีสมาน       จุดเด่นของโครงการ ส่วนกลางแบบ PANORAMIC VIEW ทั้งคลับเฮาส์ สวนส่วนกลาง สระว่ายน้ำ ที่รับวิวสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ 18 หลุม และมาพร้อมกับบ้านทั้งหมด 8 แบบ ครบครันทุกฟังก์ชันการอยู่อาศัย พิเศษส่วนตัวมากๆเพียง 70 หลังเท่านั้น     เศรษฐสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี 2   แบบบ้านให้เลือกมากถึง 8 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 200-425 ตร.ม.  ห้องโถง DOUBLE VOLUME SPACE, ห้อง PAVILION วิวสนามกอล์ฟที่จอดรถ ABSORPTION FLOOR พื้นลดแรงกระแทก และ HOME SECURITY ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ รวมถึงนวัตกรรมบ้านสีเขียว GREEN LIVING DESIGNED HOME นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สะดวกสบาย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม     เศรษฐสิริ กรุงเทพ - ปทุมธานี 2 บ้านเดี่ยววิวสนามกอล์ฟ สไตล์ MODERN CLASSIC ที่สุดของทัศนียภาพแห่งความงดงาม ในราคา 12 - 30 ล้าน บ้านนวัตกรรมบ้านสีเขียว GREEN LIVING DESIGNED HOME เพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น พร้อมส่วนกลางที่รองรับไลฟ์สไตล์ทุกวัย     บทความน่าสนใจ แสนสิริ โชว์กำไรครึ่งปี 66 โตก้าวกระโดด 162% ครึ่งปีหลัง เปิดโครงการใหม่ กว่า 56,700 ล้าน แสนสิริ ตุนยอดโอน 4 เดือนแรก โต 28% กวาดรายได้แล้ว 9,200 ล้าน 
ศรีพันวาเปิดตัว The Sky Series เวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่า หลังละ 250 ล้าน

ศรีพันวาเปิดตัว The Sky Series เวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่า หลังละ 250 ล้าน

ศรีพันวา ผุดโปรเจกต์ The Sky Series เวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่าเพียง 4 หลัง บนที่ดินกว่า 2 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,000 ลบ. ภายใต้แนวคิด Modern Natural ชูสไตล์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์จากสถาปนิกชั้นนำ บริษัทแฮบบิต้า เพื่อสร้างความเป็น World Class Tourist Destination ของจังหวัดภูเก็ต ราคาเริ่มต้น 250 ลบ.     The Sky Series นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตในปีนี้ว่ามีทิศทางการเติบโตขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาภูเก็ตยังได้รับการยกย่องว่าเป็น World Class Tourist Destination ของโลก และในปัจจุบันกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็น World Class Investment Destination ของนักลงทุนไทยและต่างชาติที่สำคัญอีกด้วย โดยเห็นได้ชัดจากจำนวนนักท่องเที่ยว นักลงทุนต่างชาติ ที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมากขึ้น ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้มีนักท่องเที่ยวมากว่า 8.2 ล้านคน และคาดว่า ณ สิ้นไตรมาส 4 ของปีจะมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 14 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และคาซัคสถาน ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ในทุกพื้นที่ คึกคักเป็นอย่างมาก     “จากภาพรวมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตที่ฟื้นตัว ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯ โรงแรม เร่งปรับตัว พร้อมพัฒนาโปรดักส์ที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศ โดยเฉพาะบ้านพักตากอากาศซึ่งค่อนข้างได้รับความสนใจซื้อจากเศรษฐี-นักลงทุน ทั้งคนไทยและต่างชาติอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านพักตากอากาศตามแนวชายหาด วิวทะเล ที่เงียบสงบ ให้ความเป็นธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันที่ดินบริเวณนี้เริ่มหายากและมีราคาที่สูง บวกกับการปรับตัวของราคาที่ดินในพื้นที่เกาะภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด” นายดิฐวัฒน์ กล่าว   ล่าสุด ศรีพันวา ภูเก็ต เดินหน้าเปิดที่ดินส่วนเรสซิเดนซ์ผืนสุดท้ายของโครงการจำนวนกว่า 2 ไร่ 1,000 ล้านบาท เปิดตัว  The Sky Series เรสซิเดนซ์ 4 หลังในโครงการ ศรีพันวา ภายใต้แนวคิด Modern Natural ชูจุดเด่นด้านงานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากสถาปนิกชั้นนำอย่างแฮบบิตา ในการสร้างให้สถานที่แห่งนี้คือจุดหมายปลายทางที่หลายคนใฝ่ฝันต้องมาเยือน ประกอบกับศักยภาพของทำเลที่ยังคงคอนเซ็ปต์การอนุรักษ์ธรรมชาติ เพราะเรสซิเดนซ์แต่ละหลังจะเน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้เห็นทั้งวิวทะเล ต้นไม้ใหญ่ที่สมบูรณ์ อีกทั้งบางแอเรียจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบซีวิว บางแอเรียจะได้สัมผัสบรรยากาศในแบบสกายวิว ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากการออกแบบ Baba Nest ภายในโครงการศรีพันวา ที่มีชื่อเสียงดังไกลระดับโลก มาย่อส่วนให้เรสซิเดนซ์ทั้ง 4 หลัง มี Baba Nest ส่วนตัว พร้อมสระว่ายน้ำ ให้สามารถขึ้นมาเทควิวที่สวยงาม ชมพระทิตย์ตก นอกจากนี้การออกแบบพื้นที่ใช้สอยยังถูกออกแบบให้พื้นที่ภายนอกและภายในเชื่อมต่อเป็นพื้นที่เดียวกัน ให้บรรยากาศของธรรมชาติ ท้องฟ้า ทะเล พื้นที่สีเขียว ให้เราได้อยู่กับธรรมชาติตลอดเวลา   “จากการพัฒนาโครงการของชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เรามีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี และสามารถพัฒนาทุกโปรดักส์ออกมาตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์ โดยโปรเจกต์ The Sky Series นับว่าเป็นสัญลักษณ์ความเป็นเวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่า ที่จะเป็นแลนด์มาร์คที่โดดเด่น และสร้างความภาคภูมิใจในการครอบครอง โดย The Sky Series เป็นเรสซิเดนซ์ 3 ชั้น 5 ห้องนอน มีจำนวนเพียง 4 หลังสุดท้าย ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 1,200 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 250 ล้านบาท โดยทุกๆ หลัง จะคงคอนเซ็ปต์ในการอนุรักษ์ธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่สำคัญๆ ที่มีอยู่ อาทิต้นมะกอก ต้นมะค่า ที่ยังคงเก็บไว้ ดังนั้นการออกแบบของเรซิเดนซ์ทั้ง 4 หลัง จะไม่เหมือนกัน เพราะเราจะรักษาต้นไม้ดั่งเดิมไว้ และทำบ้านให้อยู่โอบล้อมธรรมชาติ โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงเดือนมิถุนายน 2567” นายดิฐวัฒน์ กล่าว   ทั้งนี้จากจุดเด่นทั้งทำเลที่เป็นแลนด์มาร์ค งานออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ผสมผสานกับงานอินทีเรียดีไซน์ที่สื่อถึงความเป็น Craft และ Unique จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความภูมิใจที่เหนือระดับให้กับผู้อยู่อาศัยที่ได้ครอบครองวิลล่าหรูที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโครงการศรีพันวา ภูเก็ต นอกจากนี้ยังจะได้รับบริการ สิ่งอำนวยความสะดวก สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากโรงแรมที่ขึ้นชื่อระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, รูฟท็อปบาร์, สปา ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง   สำหรับโครงการศรีพันวา ภูเก็ต เป็นโครงการบ้านพักตากอากาศ และโรงแรมสุดหรู แบบพูลวิลล่า ตั้งอยู่บนหาดส่วนตัว ปลายสุดของแหลมพันวา ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต บนเนื้อที่ 85 ไร่ วิลล่าของศรีพันวา แฝงตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ และบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว ทั้งยังเปิดให้เห็นทะเลแสนสวยของท้องทะเลอันดามันพร้อมหมู่เกาะล้อมรอบ วิลล่าทุกหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว   ศรีพันวาได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในห้ารีสอร์ทชั้นนำของประเทศไทย และยังได้รับการคัดเลือก ให้เป็นโรงแรมที่มีเสน่ห์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก วิลล่าออกแบบในสไตล์ทรอปิคอลร่วมสมัย ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลสูงประมาณ 40-60 เมตร มีสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมสันทนาการมากมาย เพียบพร้อมไปด้วย 6 ร้านอาหาร, 2 รูฟท็อปบาร์, สปา และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่ครบครัน พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง  และโซนใหม่ล่าสุด "Yaya" ห้องพัก Pool Suite 24 ห้อง พร้อมห้อง Convention ความจุ 400 คน รวมถึง Baba Soul Cafe และ รูฟท๊อปแห่งใหม่ TU Bar ชมพระอาทิตย์ตกบนชั้นดาดฟ้าที่วิวดีที่สุด แลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ทุกคนต้องมา   บทความน่าสนใจ ชาญอิสสระ อวดโฉม โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก ชู Luxury Urbanature ชาญอิสสระ แตกไลน์ 2 ธุรกิจ “เวลเนส-คริปโตฯ” พร้อมขนบ้าน-คอนโดหั่นราคา 50%
สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) บ้านแฝด-ทาวน์โฮมพร้อมรองรับ EV ทุกหลัง

สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) บ้านแฝด-ทาวน์โฮมพร้อมรองรับ EV ทุกหลัง

สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) บ้านแฝด-ทาวน์โฮมพร้อมรองรับ EV ทุกหลัง รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปเยี่ยมชมแบบบ้านซีรีส์ใหม่ล่าสุด สไตล์เบอร์เกน นอร์เวย์ ที่โครงการ “สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์)” จาก บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หนึ่งในโครงการที่มีแบบบ้านสวย น่ารัก บนทำเลติดถนนบางกรวย-ไทรน้อย ที่จะมาตอบโจทย์ครอบครัวที่กำลังตามหาบ้านหลังใหม่เพื่อการขยับขยาย หรือคนที่ต้องการบ้านหลังแรกสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวใหม่ เพราะที่โครงการ “สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์)” มีแบบบ้านใหม่เลือกทั้งบ้านแฝดและทาวน์โฮม พร้อมรองรับทุกสไตล์ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์   ด้วยแรงบันดาลใจที่ได้มาจากเมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของยุโรป ทางโครงการจึงนำมาใช้เป็นคอนเซปต์หลักในการออกแบบตัวบ้านที่เน้นการใช้โทนสีที่สดใส และมีเอกลักษณ์ด้วยหลังคาทรงจั่ว พร้อมคิ้วหน้าต่างทรงยุโรป ทำให้ได้บรรยากาศมีชีวิตชีวาเหมือนอยู่ในชุมชนเล็กๆ ของยุโรปอย่างไรอย่างนั้น ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าที่มีรูปทรงคล้ายประภาคารสูง พร้อมป้อมรักษาความปลอดภัย เข้าออกด้วยระบบ Easy Pass และ CCTV ที่บริเวณประตูทางเข้าซึ่งจะช่วยเสริมความปลอดภัยให้ลูกบ้านอุ่นใจได้อย่างเต็มที่     ถัดเข้ามาจากซุ้มประตูเราก็จะเห็นพื้นที่สวนและคลับเฮาส์ส่วนกลางที่ตกแต่งสไตล์สวนยุโรป เด่นด้วยประติมากรรมหัวเรือไวกิ้งขนาดใหญ่ พร้อมดอกไม้มากมายซึ่งทำให้บรรยากาศภายในโครงการมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก พื้นที่ของคลับเฮ้าส์รวบรวมทั้ง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องเด็กเล่น และ Co-working Space ไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้พื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ ทางโครงการยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กๆ ด้วยเครื่องเล่นสำหรับเด็กสีสันสดใสมากมาย และยังส่งเสริมให้ลูกบ้านมีสุขภาพที่ดีด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้ง สนามบาสเก็ตบอล และลู่จ็อกกิ้งรอบๆ บ่อน้ำพุขนาดใหญ่ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดนี้สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้อย่างเต็มที่แน่นอน   แบบบ้านใหม่สดใสในสไตล์เบอร์เกน โครงการ “สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์)” มีแบบบ้านให้เลือกทั้ง ทาวน์โฮม, บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์ รวม 242 ยูนิต ซึ่งแบบบ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในครั้งนี้ มีด้วยกัน 2 หลัง นั่นคือ บ้านแฝด Flamsbana และ บ้านทาวน์โฮม Lofoten ความพิเศษของบ้านในโครงการนี้จะเป็นที่แรกของสิวารมณ์ที่พร้อมรองรับ EV Charger ทุกหลัง และ มีทั้ง Smart Security พร้อมสัญญาณกันขโมย และ IP Camera ติดตั้งให้เสร็จเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน   บ้านตัวอย่างหลังแรกเราเริ่มต้นกันด้วย บ้าน Flamsbana บ้านแฝด 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 135 ตารางเมตร หน้ากว้าง 10.2 เมตร พร้อมฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 2 ที่จอดรถ บ้านเดี่ยวหลังคาทรงจั่วสีสันสดใสนี้ เชื่อมติดกันด้วยคานบริเวณโรงจอดรถ ทำให้ไม่ต้องใช้กำแพงบ้านร่วมกัน และทางโครงการได้ออกแบบพื้นที่ระหว่างกำแพงทั้งสองหลังตกแต่งต่อเติมเป็นห้องซักรีดให้เราได้เห็นภาพการใช้สอยประโยชน์จากพื้นที่ได้มากขึ้นด้วย   มาดูพื้นที่ภายในบ้านบริเวณชั้น 1 กันก่อน ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าที่สามารถจอดรถได้ 2 คัน และยังมีพื้นที่สวนล้อมตัวบ้านไว้ถึง 3 ด้าน ช่วยเพิ่มวิวสวนให้กับตัวบ้านได้มากขึ้น พื้นที่ภายในตัวบ้าน ต้อนรับด้วยมุมรับแขกที่โอ่โถง เชื่อมต่อกับบริเวณรับประทานอาหารในสไตล์ Open Plan ที่เราสามารถจัดสรรการใช้พื้นที่ได้ตามใจ ด้วยลักษณะของบ้านแฝดที่ไม่ต้องใช้ผนังร่วมกับใคร บริเวณรับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น จึงมีหน้าต่างและประตูเชื่อมต่อกับสวนบริเวณด้านข้างของบ้านและทำให้ภายในบ้านสว่างด้วยแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่   ครัวในบ้านเป็นครัวปิดให้ความเป็นสัดส่วน ซึ่งมีประตูเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ซักล้างด้านข้างของบ้าน ซึ่งทางโครงการกั้นเป็นห้องซักรีดให้ความเป็นสัดส่วนน่าใช้งานมากๆ   ในขณะที่ห้องโซนด้านหลังของชั้น 1 เป็นห้องเอนกประสงค์ที่เราสามารถเลือกตกแต่งเป็นห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องอื่นๆ ก็ได้ตามความต้องการ ด้วยขนาดของห้องที่กำลังพอดี และมีหน้าต่างเปิดรับแสงได้ดีทั้ง 2 ด้าน จึงเป็นพื้นที่ที่เราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้มากมาย ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 2 จากโถงกลางจะแบ่งพื้นที่ด้านบนออกเป็น 3 ห้องนอน และ 1 ห้องน้ำแยก โดยที่ห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องจะใช้ห้องน้ำร่วมกัน ในขณะที่ห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว   ห้อง Master Bedroom เป็นห้องโซนด้านหน้าของตัวบ้าน ดังนั้นจะได้ห้องที่มีขนาดหน้ากว้างเต็มพื้นที่ และเปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ พื้นที่ภายในห้องกว้างขวางมาก เราสามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ และสามารถ Built-in พวกตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งฟังก์ชันในบ้านตัวอย่างทางโครงการเพิ่มฉากกั้นห้องให้มีพื้นที่สำหรับ Walk-in Closet บริเวณหน้าห้องน้ำได้เป็นสัดส่วน เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ขยับมาทางโซนด้านหลังแบ่งเป็น 2 ห้องนอนเล็กที่มีขนาดเท่าๆ กัน โดยสามารถตกแต่งให้เป็นห้องนอนสำหรับเด็ก ก็สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้กำลังดี หรือจะเพิ่มฟังก์ชันด้วยการ Built-in โต๊ะ ตู้ ได้ตามการใช้งาน ในขณะเดียวกันเราก็สามารถปรับพื้นที่การใช้งานให้เป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัวเพิ่มเติม หรือห้องออกกำลังกายก็ยังได้ ด้วยความที่ภายในห้องมีเพดานสูงถึง 2.9 เมตร และมีหน้าต่างบ้านใหญ่ ทำให้บรรยากาศภายในห้องไม่อึดอัดเลย   บ้านตัวอย่างหลังต่อไป บ้าน Lofoten ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร หน้ากว้าง 5.4 เมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บริเวณชั้น 1 มีพื้นที่นั่งเล่นหรือมุมรับแขกเชื่อมต่อยาว ลึกเข้าไปถึงด้านหลัง ซึ่งกั้นลานซักล้างด้านหลังบ้านด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ลานซักล้างด้านหลังทางโครงการลงเสาเข็มไว้พร้อมรองรับการต่อเติมทั้งหลังคา หรือต่อเติมเป็นห้องครัวเพิ่มเติมแล้ว       ห้องนอนบริเวณชั้น 1 เป็นห้องที่อยู่ในโซนด้านหลังของตัวบ้าน มีหน้าต่างเปิดรับแสงและระบายอากาศได้ และอีกเช่นกันที่เราสามารถปรับการใช้พื้นที่ของห้องนี้ให้เป็นห้องทำงาน ห้องเกม หรือห้องอื่นๆ ได้ตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านได้เลย   ขึ้นมาที่ชั้น 2 การแบ่งพื้นที่ยังคงให้ Master Bedroom อยู่โซนด้านหน้าของบ้าน และแบ่งอีก 2 ห้องนอนเล็กไว้ที่โซนด้านหลัง Master Bedroom ยังคงดีไซน์ให้มีห้องน้ำในตัว และสามารถจัดฟังก์ชั่นการใช้งานได้เป็นสัดส่วน ทั้งการวางเตียงนอนขนาดใหญ่ 6 ฟุต แล้วก็ยังคงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับตู้เสื้อผ้า ชั้นเก็บของ และโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆ ส่วนห้องน้ำภายในห้องนอน ก็แบ่งพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกไว้ให้แล้ว รองรับการติดตั้งกระจกฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมได้   ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องมีขนาดพอๆ กัน และแชร์ห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าด้วยกัน ในห้องนอนเล็กทางโครงการให้ไอเดียวการตกแต่งเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้องในสไตล์ที่แตกต่างกัน ห้องแรกน่ารักๆ แบบห้องนอนเด็กเล็ก และอีกห้องมีสไตล์ที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ทั้งนี้ เราก็สามารถเลือกใช้ประโยชน์ของพื้นที่ในห้องได้ตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว หรือตามความต้องการอื่นๆ ได้เช่นกัน   ทำเลดี ติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก โครงการ “สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์)” ปักหมุดอยู่ในทำเลที่ดี ติดถนนใหญ่ บางกรวย-ไทรน้อย ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญหลายสาย เช่น ถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก (ถนนกาญจนาภิเษก), ถนนชัยพฤกษ์, ถนนรัตนาธิเบศร์, ถนนราชพฤกษ์ และยังอยู่ไม่ไกลจากระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ ทำให้การเดินทางไปสู่แหล่งงานมีความสะดวก และง่ายมากยิ่งขึ้น   นอกจากนี้พื้นที่รอบๆ โครงการยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย ด้วยความเป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ใกล้ๆ โครงการจึงมีทั้ง ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อมากมาย รวมถึงตลาดสด, คลินิก, ร้านขายยา ก็พร้อมรองรับทุกความต้องการ ในขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Central West Gate, IKEA บางใหญ่, Lotus, Makro ก็มีครบทุกแบรนด์ เช่นเดียวกับ สถานศึกษาและสถานพยาบาลก็มีอยู่ในบริเวณใกล้ๆ พร้อมสำหรับการดูแลสุขภาพของทุกคน ด้วยดีไซน์ของตัวบ้าน บนทำเลศักยภาพ ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.45-3.99 ล้านบาท*  โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) จึงเหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านเพื่อสร้างครอบครัว หรือขยายบ้านใหม่ เพราะสามารถตอบโจทย์ของสมาชิกครอบครัวได้อย่างรอบด้าน และมีแบบบ้านหลายขนาดให้เลือก ใครที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการได้แล้ว พร้อมข้อเสนอพิเศษที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ ลงทะเบียนรับส่วนลดพิเศษ คลิกเลย http://sivaromvillagewongwaen-chaiyapruek.com/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ โทร. 063 212 2323 บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พรีวิวโครงการ สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) M Life สุขุมวิท–บางปู 87 บ้านแฝดหรูดีไซน์ใหม่ สิวารมณ์ เนเจอร์พลัส 2 (สุขุมวิท-บางปู)
ESTAR ลุยทำเลทอง  บ้านฉาง – ระยอง เปิดโครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท

ESTAR ลุยทำเลทอง บ้านฉาง – ระยอง เปิดโครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท

  บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดความสำเร็จ 5 โครงการฝั่งตะวันออก ทำนิวไฮ อัพเดท กวาดรายได้รวมแล้วกว่า 700 ล้านบาท พร้อมเร่งเครื่องท้ายปีเตรียมเปิดตัว โครงการน้องใหม่ ‘เวลาน่า ไฮด์’ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท ทำเลติดสนามกอล์ฟ ใกล้สนามบิน อู่ตะเภา   ESTAR นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ สามารถคว้าความสำเร็จในการปิดยอดขายโครงการพื้นที่ฝั่งระยอง – บ้านฉาง อาทิ โครง การบ้านสินทวี การ์เด้นท์ 2 โครงการแฮมเล็ต 3 โครงการเวลาน่า กอล์ฟ เฮ้าส์ ที่ปัจจุบันปิดโครงการเป็นที่เรียบร้อย แล้ว เช่นเดียวกันกับโครงการ บรีซ แอท อีสเทอร์น สตาร์ ฟอเรสโต้ ที่ตอนนี้ยอดขายอยู่ที่ 99% ซึ่งคาดว่าจะปิดได้ สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ สำหรับโครงการเวลาน่า อะโมด้า อู่ตะเภา - บ้านฉาง ยอดขายตอนนี้ขึ้นมาที่ 96% และในส่วน ของโครงการแกรนด์ เวลาน่า ยอดขายตอนนี้อยู่ที่ 80% นอกจากนี้ จากที่ทราบกันในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่เปิด ใหม่ โครงการเธร่า พรีม่า บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่ตอนนี้ทำยอดขายได้แล้ว 75% ของ เฟสแรก เช่นเดียวกับโครงการบรีซ ชาเล่ต์ บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่ตอนนี้ยอดขายแตะ อยู่ที่ 80% ของเฟสแรก   จากการสำรวจพื้นที่ทำเลในบริเวณรัศมีรอบโครงการอีสเทอร์น สตาร์ พบว่า โซนระยอง - บ้านฉาง มีศักยภาพทำเลสูง เนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมและประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น อีกทั้งยังมีเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย โดย เฉพาะสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาที่ตอนนี้กำลังจะมีโปรเจกต์ในการสร้างส่วนต่อขยาย อีกทั้งยังมีโครงการใน อนาคตที่เป็นเมกะโปรเจกต์ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เชื่อม กทม. สู่ EEC คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2029 การเดินทางที่สะดวก ทันสมัย จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น การจ้างงานในอุตสาหกรรมต่อเนื่องกว่า 1 แสนตำแหน่ง เกิดเมืองใหม่ที่เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตามสองข้างทางที่ รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน หากมีเมกะโปรเจกต์เหล่านี้มาก็จะสร้างแหล่งงานมากในพื้นที่ ทำให้ความต้องการ อสังหาริมทรัพย์มีอย่างต่อเนื่อง     ในปีนี้ โครงการฝั่งระยอง - บ้านฉาง ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ โดยให้ความสนใจเข้ามา เยี่ยมชมโครงการอีสเทอร์น สตาร์ เพิ่มขึ้น เห็นได้จากกระแสตอบรับสำหรับโครงการเปิดใหม่อย่าง โครงการบรีซ ชาเล่ต์ บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น หน้ากว้าง พื้นที่โครงการ 27-0-66.3 ไร่ จำนวนบ้าน 134 หลัง สไตล์ Modern English Garden Home ในราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท ซึ่งกำลังเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากสามารถทำ ยอดจองได้สูง พร้อมกับโครงการบ้านในสนามกอล์ฟที่เป็นไฮไลท์ โครงการอะโมด้า อู่ตะเภา - บ้านฉาง บ้านเดี่ยว พร้อมอยู่ 2 ชั้น จำนวน 104 ยูนิต บนที่ดินกว่า 27-1-55.80 ไร่ ในสนามกอล์ฟ สไตล์โมเดิร์นคลาสสิค รูปแบบ Timeless Design ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท ที่ตอนนี้ยอดขายกระโดดมาสูงเกือบจะ 100% ภายในระยะเวลาเพียง ไม่กี่เดือน และใกล้ปิดการขายโครงการได้ในเร็วๆ นี้   ซึ่งจากปัจจัยบวกต่างๆ ตลอดปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลให้ บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่เพิ่มในพื้นที่เดียวกัน เพื่อตอบรับความต้องการผู้อยู่อาศัย ในชื่อ โครงการเวลาน่า ไฮด์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 128 ยูนิต มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท บนคอนเซ็ปต์ Modern Classic สะท้อนความงดงาม สมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิต โดยการออกแบบตัวบ้านและโครงการได้รับแรงบันดาลใจจาก สถาปัตยกรรมยุโรป และยังคงเน้นกลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่มผู้บริหาร บริษัทในนิคมฯ มาบตาพุด กลุ่มหมอ และพนักงานสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ตั้งแต่ช่วงวัยทำงาน อายุ 30-55 ปี รายได้เดือนละ 7 หมื่น - 3 แสนบาท ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามี กำลังซื้อศักยภาพสูง และโอกาสรีเจ็กต์เรตอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก ทั้งนี้ปัจจุบัน โครงการเวลาน่า ไฮด์ อู่ตะเภา - บ้านฉาง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ดำเนินการแล้วกว่า 60% โดยคาดว่า แล้วจะเสร็จพร้อมเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ไตรมาส 1/2024     อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสำหรับโครงการอีสตาร์ในพื้นที่ระยอง ปีนี้คาดว่าจะทำนิวไฮของบริษัทฯ กว่า 700 ล้านบาท นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯ ยังมีการลงทุนเพิ่มสำหรับขยายโครงการ เพื่อตอบรับผู้อยู่อาศัย ในทุกเซกเมนท์โดยมีจะการออกโปรดักส์ในราคาเริ่มตั้งแต่ 2 ล้านบาทต้นๆ ไปจนถึง 12 ล้านบาท ซึ่งตามคาดการณ์ จะสามารถรับรู้รายได้ อยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท นายไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย   บทความน่าสนใจ ESTAR  เปิดชม ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39  ยอดนิยมในย่าน ขายแล้วกว่า 70% ESTAR เปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ ไพโรจน์ วัฒนวโรดม ปรับใหญ่รุกตลาดบ้าน
The Gentry สุขุมวิท-บางนา วิลล่าหรูเพื่อชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติสไตล์คนติดเมือง

The Gentry สุขุมวิท-บางนา วิลล่าหรูเพื่อชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติสไตล์คนติดเมือง

The Gentry สุขุมวิท-บางนา วิลล่าหรูเพื่อชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติสไตล์คนติดเมือง   ถ้าคุณเป็นคนกรุงเทพที่ติดไลฟ์สไตล์แบบใจกลางเมือง ทั้งทำงาน กินข้าว แฮงค์เอ้าท์อยู่แต่ย่าน CBD หรือแม้แต่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจนเคยชิน แล้วเกิดอยากขยับขยายครอบครัว มองหาบ้านซักหลังที่ใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่อยากได้ทำเลที่ต้องหนีไปถึงพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯ เรามีโครงการบ้านเดี่ยวบนทำเล “สุขุมวิท-บางนา” จาก SC Asset มาแนะนำภายใต้ชื่อแบรนด์ “The Gentry Sukhumvit-Bangna” (เดอะ เจนทริ สุขุมวิท-บางนา) โครงการบ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุดซึ่งปักหมุดอยู่บนถนนสุขุมวิทจริงๆ พร้อมสัมผัสนิยามของชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ตอบโจทย์ชีวิตติดเมือง แบบใกล้กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!   EFFORTLESS Location The Gentry สุขุมวิท-บางนา ตั้งอยู่บนทำเลสุขุมวิท-บางนาอย่างแท้จริง เพราะใกล้กับสี่แยกบางนาแบบสุดๆ ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 68 ใกล้ทางด่วนเฉลิมมหานคร (ด่านบางนา) เพียง 250 เมตรเท่านั้น แถมยังมีเส้นทางเข้าออกโครงการได้หลากหลายเส้นทาง เช่น ทางซอยสุขุมวิท 68,ซอยสุขุมวิท 64, ถนนบางนา-ตราด และถนนสรรพาวุธ ตอบโจทย์การเดินทางของคนติดเมืองแบบสุดๆ เพราะแค่อึดใจก็สามารถเข้าถึงใจกลาง CBD ได้อย่างรวดเร็วแล้ว หรือถ้าวันไหนไม่อยากขับรถ ก็สามารถใช้บริการรถไฟฟ้า BTS ได้ง่ายๆ ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากถึง 2 สถานี ใช้เวลาแค่ 5 นาที ก็เลือกได้เลยว่าจะไปที่สถานีอุดมสุข หรือสถานีบางนาก็ได้เช่นกัน   นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงกับโครงการยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งโรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาลชั้นนำ เช่น Berkeley International School, Anglo Singapore International School, St. Andrews International School, Bangkok Mall, Cloud 11, True Digital Park, Central Plaza Bangna, Emporium, Emquartier, รพ.ไทยนครินทร์, รพ.สมิติเวช ฯลฯ ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า ทำเลในย่านนี้จะหาบ้านเดี่ยวสักหลังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จึงไม่เกินจริงถามเราจะบอกว่าที่ตั้งของโครงการ The Gentry สุขุมวิท-บางนานั้น เป็น Rare Item ที่หาได้ยากในปัจจุบัน ห้างสรรพสินค้า บางกอกมอลล์         1.2 กม. คลาวด์ 11                2.3 กม. ทรู ดิจิทัล พาร์ค       2.5 กม. เซ็นทรัล บางนา       4.0 กม. เอ็มโพเรียม             8.5 กม. เอ็มควอเทียร์           8.7 กม. เมกา บางนา            9.6 กม.                       สถานศึกษา โรงเรียนนานาชาติเบอร์กลีย์                                 1.8 กม. โรงเรียนนานาชาติแองโกล-สิงคโปร์                   2.4 กม. โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส สุขุมวิท 107  2.8 กม. โรงเรียนนานาชาติเวลส์                                        4.5 กม. โรงเรียนบางกอกพัฒนา                                        4.7 กม. โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส กรุงเทพฯ       6.6 กม. โรงพยาบาล โรงพยาบาลไทยนครินทร์                         4.9 กม. โรงพยาบาลสุขุมวิท                                  6.8 กม. โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ                    7.9 กม. โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท                     9.5 กม. Club House และส่วนกลาง ด้วยคอนเซปต์การออกแบบโครงการที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Swedish Forest, Sweden ด้วยบรรยากาศของป่าสนที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งอยู่ร่วมกันกับชุมชน ดังนั้นบรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลางตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ, Club House และพื้นที่สวนส่วนกลางจึงแวดล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวครึ้มในสไตล์สวนป่าที่มีพื้นที่พักผ่อนแทรกตัวอยู่อย่างกลมกลืน   นอกจากบรรยากาศที่ทำให้การอยู่อาศัยของทุกคนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ทางโครงการยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยของลูกบ้าน ตั้งแต่บริเวณซุ้มทางเข้าที่ควบคุมการเข้าออกด้วย Smart Gate with License Plate จัดการการเข้าออกได้ง่ายผ่านการสแกนทะเบียนรถ รวมถึงการติดตั้ง Solar Roof ในพื้นที่ส่วนกลางเพราะใช้พลังงานทดแทนและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง   บรรยากาศสวนส่วนกลางในโครงการ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากป่าสนที่สมบูรณ์ ของประเทศสวีเดน พร้อมมุมพักผ่อนที่แทรกตัวอยู่ตามจุดต่างๆ มุมเด็กเล่นที่ถูกออกแบบให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ   บริเวณ Club House เป็นอาคาร 2 ชั้นที่มีสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ระแนงของ façade ในโทนสีเอิร์นโทนที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้าน ภายในอาคารประกอบไปด้วย ฟิตเนส, Co-working Area & Meeting Room และสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือยาวกว่า 16 เมตร ซึ่งแยกสระว่ายน้ำเด็กมาให้ด้วย พร้อมรองรับทุกการใช้งานของลูกบ้านทุกช่วงวัยอย่างแท้จริง   อาคาร Club House ถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่ใช้โทนสีสอดคล้องไปธรรมชาติ โดยมีทั้งโซน indoor และ semi outdoor สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ แบ่งโซนของสระเด็กและมุมพักผ่อนไว้เป็นสัดส่วน สระว่ายน้ำกว้างเหมาะสำหรับการออกกำลังกาย  มุมพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ ให้บรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการพักผ่อนทุกๆ วัน บริเวณชั้น 2 ของอาคาร Club House มีโซนที่เป็น Co-working & Meeting Room เพื่อรองรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ของลูกบ้านไม่ว่าจะเป็นการทำงาน WFH หรือแม้แต่การนัดประชุมงานกลุ่มย่อยๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ฟิตเนสบริเวณชั้น 2 ของ Club House พร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ระบบรักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าโครงการ ซึ่งใช้ระบบ Smart Gate with License Plate ลูกบ้านเข้าออกสะดวกด้วยการสแกนทะเบียนรถ และสามารถจัดการการเข้าออกของแขกผ่านแอปพลิเคชันรู้ใจได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้อง CCTV ซึ่งทำให้ลูกบ้านอุ่นใจได้ตลอดการอยู่อาศัย   3 แบบบ้านจาก The Gentry สุขุมวิท-บางนา The Gentry สุขุมวิท-บางนา คือบ้านเดี่ยวสุดหรู 3 ชั้น พร้อมสังคมคุณภาพที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วยจำนวนบ้านเพียง 17 ยูนิตเท่านั้น บ้านทุกหลังครบครันด้วยนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย ทั้ง Ruejai Home OS แอปพลิเคชันควบคุมบ้านอัจฉริยะ, จุดรองรับการติดตั้ง EV Charger, Active Air Qualityระบบที่ขจัดมลพิษทางอากาศในบ้าน, ติดตั้งสัญญาณกันขโมยในตัวบ้านด้วย Magnetic และ Shock Sensor, Smoke & Heat Detector และ CCTVs รอบตัวบ้าน ฯลฯ     รูปแบบบ้านของ The Gentry สุขุมวิท-บางนา ออกแบบผ่านแนวคิดเพื่อคนเจนเนอเรชั่นใหม่ที่กำลังมองหาบ้านเพื่อการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว แต่ยังไม่ทิ้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบคนเมือง สามารถตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย ความทันสมัย และมีความเป็นส่วนตัว ทางโครงการมีแบบบ้านให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ HAVEN-T พื้นที่ใช้สอย 442 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ และรองรับการติดตั้งลิฟต์ HIDEAWAY-T พื้นที่ใช้สอย 553 ตร.ม ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 4 ที่จอดรถ และลิฟต์ SANCTUARY-T พื้นที่ใช้สอย 695 ตร.ม. ขนาด 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 5 ที่จอดรถ ลิฟต์ และสระว่ายน้ำ   ซึ่งเราจะพาไปชมบ้านตัวอย่างทั้ง 3 แบบ เพื่อให้เห็นฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้าน และรูปแบบการตกแต่งภายในบ้านแต่ละสไตล์กันครับ The Gentry สุขุมวิท-บางนา เริ่มต้นกันด้วยบ้าน HAVEN-T พื้นที่ใช้สอย 442 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ และรองรับการติดตั้งลิฟต์ (หน้ากว้างของบ้าน 15 เมตร) ถึงแม้จะบอกว่าเป็นบ้านไซส์เล็กสุด แต่พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านก็ยังมากถึง 442 ตร.ม. ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันเพื่อครอบครัวขยาย สามารถอยู่ได้หลายเจนเนเรชั่น  ทางโครงการเตรียมจุดติดตั้ง EV Charger เพื่อรองรับการใช้รถไฟฟ้า และพื้นที่หน้าบ้านสามารถจอดรถได้มากถึง 3 คัน และภายในบ้านยังมี Home Automation แผงควบคุมไฟฟ้าในบ้าน ซึ่งสามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชั่น Ruejai  เมื่อเข้าบ้านมาจะเจอกับโถงรับแขกที่เป็น Double Volume เพดานสูงโปร่งและเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนบริเวณข้างๆ บ้านได้ เอื้อต่อการขยายพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมครอบครัวที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น สำหรับบ้านหลังนี้ ทางโครงการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟต์โดยสารบริเวณด้านหน้าบันไดทางขึ้นชั้นบนไว้ให้ด้วย โถงทางเดินชั้น 2 เชื่อมต่อกับบริเวณ Double Volume ชั้นล่าง และเชื่อมต่อกับห้องพักอีก 2 ห้อง ซึ่งเปิดโล่งรับแสงได้เต็มที่ ทำให้ไม่อึดอัดเลย ส่วนห้องนอนในตำแหน่งต่างๆ เราสามารถเลือกตกแต่งฟังก์ชันการใช้งานได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นห้องเสริมสวยสำหรับสาวๆ หรือจะเป็นห้องนอนของสมาชิกในบ้าน เพราะทุกห้องมีห้องน้ำในตัว โถงพักผ่อนบริเวณชั้น 3 เป็นอีกมุมที่น่าสนใจ เนื่องจากทางโครงการได้ออกแบบเป็นมุมพักผ่อนและโชว์ของเล่น ของสะสมไว้เต็มผนัง เชื่อว่ามุมนี้น่าจะถูกใจใครหลายๆ คนเลยทีเดียว   -----------------------------------------------------------------     บ้านหลังต่อมาคือ HIDEAWAY-T พื้นที่ใช้สอย 553 ตร.ม ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 4 ที่จอดรถ และลิฟต์ (หน้ากว้างของบ้าน 18 เมตร) สำหรับบ้านหลังขนาดกลางนี้ ยังคงเตรียมจุด EV Charger ไว้ให้เช่นกัน ส่วนชานข้างบ้านทางโครงการเลือกแต่งให้เป็นมุมพักผ่อน และมุมออกกำลังกายกึ่งกลางแจ้ง เลยทำให้เห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้กว้างมากเลยครับ โถงรับแขกบริเวณชั้น 1 ยังโดดเด่นด้วยความเป็น Double Volume เพดานสูงโปร่ง และบานหน้าต่างที่เปิดรับแสงได้เต็มที่มากๆ ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น จึงสามารถวางโซฟาชุดใหญ่เพื่อรองรับแขกได้จำนวนมาก   แบบบ้านหลังนี้ เพิ่มเติมห้องนอนที่ชั้น 1 ไว้ให้ด้วย ซึ่งเหมาะจะใช้เป็นห้องสำหรับผู้สูงอายุ ด้วยการออกแบบ Universal Design เสริมอุปกรณ์ช่วยพยุงในห้องน้ำเพื่อการใช้ที่สะดวกขึ้น รวมถึงการออกแบบพื้นให้เรียบ ไม่มีส่วนที่ต่างระดับ เตรียมรองรับการใช้ Wheel Chair ในอนาคต แต่ถ้าเราได้เข้ามาดูในบ้านตัวอย่าง ทางโครงการลองตกแต่งให้เป็นห้องออกกำลังกายในร่ม พร้อมเติมแสงสีให้รู้สึก Active กับการออกกำลังกายมากขึ้น และยังเชื่อมโยงกับพื้นที่ออกกำลังกายด้านนอก ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลยทีเดียว พื้นที่ของครัวไทยภายในบ้านก็แยกออกมาเป็นสัดส่วน และมีพื้นที่มากขึ้นเหมาะสำหรับการทำครัวจริงๆ  โถงทางเดินชั้น 2 ยังคงโล่งและเชื่อมต่อกับโถงรับแขกด้านล่าง และด้วยธีมการออกแบบของบ้านนี้ที่ออกแนวเท่ห์ๆ แบบคนรักรถและรักความเร็ว บรรยากาศโดยรวมของห้องต่างๆ จึงดูเท่ห์และแมนมาก ทั้งห้องทำงานที่เป็นเหมือนห้องทำงานของนักแข่ง หรือห้องเกมซึ่งก็ยังเป็นเกมแข่งรถจากเครื่อง PS5 เชื่อว่าหลายห้องของบ้านนี้ต้องถูกใจคุณผู้ชายที่มีใจรักการแข่งรถแน่นอน บ้านหลังนี้ มีห้อง Master Bedroom ที่ให้บรรยากาศคล้าย Penthouse เพราะมีทั้งมุมพักผ่อนภายในห้อง มีระเบียงกว้าง พร้อม Walk-in Closet ขนาดใหญ่ ซึ่งวาง Layout เพื่อการใช้งานไว้อย่างดี รวมถึงห้องน้ำภายในห้อง Master Bedroom ก็มาพร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และสุขภัณฑ์ไฟฟ้า (washlet) ขณะเดียวกัน ห้องนอนเล็กอีกห้องก็ไม่ได้มีขนาดเล็กเลย ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างและจัด Layout ไว้เป็นสัดส่วน ถามยังมีระเบียบส่วนตัวเหมือนกับห้องอื่นๆ จึงทำให้บรรยากาศภายในห้องโปร่งน่าอยู่มากๆ   -----------------------------------------------------------------   ส่วนแบบบ้านหลังสุดท้ายเป็นหลังที่ใหญ่สุดชื่อ SANCTUARY-T พื้นที่ใช้สอย 695 ตร.ม. ขนาด 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 5 ที่จอดรถ ลิฟต์ และสระว่ายน้ำ (หน้ากว้างของบ้าน 23 เมตร) ด้วยขนาดบ้านที่เป็นหลังใหญ่สุดสามารถรองรับสมาชิกจำนวนมาก ดังนั้นลานจอดรถหน้าบ้านจึงเตรียมพร้อมรองรับการจอดได้มากถึง 5 คัน รวมถึงจุด EV Charger  ความอลังการของโถงรับแขกของบ้านหลังนี้ เชื่อว่าใครเห็นก็ต้องร้องว้าว ทั้งความกว้างของพื้นที่ใช้สอย เพดานสูงแบบ Double Volume และประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน แถมทางโครงการยังปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นของบ้านหลังนี้หลายส่วน จนแทบจะเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยเดิมไปอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศภายในบ้านหลังนี้จึงดูพิเศษไปซะทุกส่วน จริงๆ พื้นที่บริเวณนี้ เป็นส่วนของห้องนอนชั้นล่างที่ออกแบบไว้สำหรับผู้สูงอายุ แต่พอปรับเปลี่ยนเป็นมุมพักผ่อนประกอบกับตำแหน่งห้องอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ เลยทำให้พื้นที่บริเวณชั้น 1 ของบ้าน โอ่อ่าอลังการมากที่สุด เหมือนได้ไปพักผ่อนตากอากาศในพูลวิลล่าหรูจนเกือบลืมไปว่าจริงๆ แล้วเราอยู่แค่แยกบางนาซึ่งใกล้เมืองมากๆ สระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน ให้บรรยากาศของความผ่อนคลายมากที่สุด เพราะแวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขึยวซึ่งเป็นสวนที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สังสรรค์ได้อย่างลงตัว พื้นที่ครัวไทยขนาดใหญ่จัดสรรไว้เป็นสัดส่วน และยังเชื่อมต่อไปยังโซนรับประทานอาหาร และ pentry ด้านนอก อย่างที่บอกไว้ว่า บ้านหลังนี้ทางโครงการได้นำเสนอไอเดียการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานส่วนต่างๆ ไว้หลายจุด ทั้งกั้นพื้นที่เพิ่ม หรือลองปรับให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่ห้องนอน ดังนั้นเราจะเป็นพื้นที่พักผ่อน Family Room รวมถึงพื้นที่อเนกประสงค์ที่ถูกจัดเป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ห้องซ้อมดนตรี ห้องพลู หรือมุมเก็บของสะสมต่างๆ รวมถืงพื้นที่พักผ่อนชิวๆ บริเวณระเบียง หรือบริเวณชานบ้าน เพื่อแสดงให้เห็นว่า หากสมาชิกในบ้านมีความสนใจในกิจกรรมที่ต่างกัน หรือหลากหลาย พื้นที่ทั้งหมดภายในบ้านก็สามารถรองรับทุกกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 3 ทางโครงการออกแบบให้เป็นเหมือน Penthouse ส่วนตัว มีทั้งโซนทำสปาเพื่อความผ่อนคลายของเจ้าบ้าน แล้วจัดสรรพื้นที่ใหม่โดยปรับพื้นที่เกือบทั้งชั้นให้เป็น Master Bedroom พร้อม Walk-in Closet สุดอลังการ (เพราะปรับห้องนอนเล็กอีกห้องของชั้นนี้ จัดเป็นห้องแต่งตัวทั้งหมด) แบบห้องแต่งตัวในฝันของใครหลายๆ คน โดยเสนอไอเดียแบ่งพื้นที่แต่งตัวชาย-หญิงแยกกันด้วยสไตล์การตกแต่ง ในขณะเดียวกันพื้นที่ในห้องนอนก็มีพร้อมทั้งมุมนั่งเล่น และระเบียงขนาดใหญ่สำหรับนั่งเล่นรับลมได้ตลอดวัน  ห้องนอนเล็กที่ถูกปรับฟังก์ชันให้เป็นห้องแต่งตัวแบบเข้มๆ ในสไตล์แมนๆ  Master Bedroom พร้อมอ่างอาบน้ำ และสุขภัณฑ์ washlet ซึ่งแยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้เป็นสัดส่วน   ดูบ้านตัวอย่างกันไปครบทั้ง 3 แบบแล้ว จะเห็นได้ว่าบ้านแต่ละหลังถูกออกแบบฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วนมาอย่างดี แต่ก็ยังสามารถปรับแต่งพื้นที่การใช้งานให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเจ้าบ้านได้หลากหลายเช่นกัน ซึ่ง The Gentry สุขุมวิท-บางนา สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมืองได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่อยู่บนถนนสุขุมวิท ใกล้กับสี่แยกบางนา สามารถเข้า-ออกได้หลายทาง ใกล้ทางด่วนเฉลิมมหานคร (ด่านบางนา) เพียง 250 เมตรเท่านั้น ทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองในเวลาแค่อึดใจเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการยังเพียบพร้อมพอดีกับการใช้ชีวิตของคนเมืองที่ดูยังไงก็ลงตัวไปทุกด้าน พร้อมสังคมคุณภาพที่มีเพื่อนบ้านเพียง 17 หลังเท่านั้น ในราคาเริ่มต้น 45-75 ล้านบาท* ใครที่สนใจสามารถติดต่อเข้าชมบ้านตัวอย่างได้แล้ว หรือต้องการสอบถามข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 065-919-3456 หรือคลิกลิงก์เพื่อลงทะเบียน https://m.scasset.com/If7G     บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เอสซี แอสเสท ลุยเปิดคอนโดแบรนด์ใหม่ COBEเจาะ 2 ทำเล COBE รัชดา-พระราม 9 โครงการใหม่ของคนรุ่นใหม่ เอสซี แอสเสท ส่งบ้านหรูแบรนด์ใหม่ 95E1 ราคาเริ่มต้นหลังละ 100 ล้าน  
Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น

Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น

Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น New Series ใหม่เอี่ยมของ SC ASSET บนทำเลรวมบ้านหรูราคามากกว่า 10 ล้าน กรุงเทพกรีฑา Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา บนที่ดิน 23 ไร่ ที่มีเพียง 35 ยูนิตเท่านั้นให้ความเป็นส่วนตัวมาก มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางครบครัน มี CLUBHOUSE สระว่ายน้ำระบบเกลือ ,Kid’s Room , Game room ,Fitness และพื้นที่สีเขียวจัดสวนสวยๆรอบโครงการ พร้อมกับระบบความปลอดภัยในแบบ SC ASSET ที่บอกเลยว่าเข้ม สำหรับตัวบ้าน หรือจะเรียกคฤหาสน์ก็ไม่ผิดอะไร ดีไซน์ใหม่หรูแปลกตา ในแบบ Modern Luxury ที่เหนือการเวลา บ้านมี 3 ชั้น 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ การออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจาก ORVIETO  ITALY อาสนวิหารที่สวยติดอันดับต้นๆ ในยุโรป Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา มีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ราคาเริ่มต้นที่ 45 - 85 ล้านบาท SOLIANA พื้นที่ใช้สอย 593 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ห้องพักผ่อน จอดรถได้ 4 คัน กับอีก 1 ห้องแม่บ้าน CAPPELLA พื้นที่ใช้สอย 620 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ห้องพักผ่อน จอดรถได้ 4 คัน 2 ห้องแม่บ้าน และ Lift ส่วนตัว ORVIETO  พื้นที่ใช้สอย 776 ตร.ม. ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ห้องพักผ่อน จอดรถได้ 5 คัน กับอีก 2 ห้องแม่บ้าน และ Lift ส่วนตัว   บ้านตัวอย่างเสร็จเรียบร้อยพร้อมเปิดให้ชมแล้ว ในตลอดทั้งปีนี้  SC ASSET ยังจะมีโครงการใหม่ออกมาให้ชมอีกทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 10,680 ล้านบาท ซึ่งจะประกอบไปด้วย   โครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ รามอินทรา-วัชรพล โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ - ราชพฤกษ์ โครงการ วี คอมพาวด์ ราชพฤกษ์ - 345 โครงการ เวนิว ไอดี ราชพฤกษ์ - 345 แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา กม.15 บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ บางแค โดยโครงการทั้งหมดนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่งาน “20 Years of Good Mornings” ที่ SC ASSET จะจัดขึ้น ณ ลานพาร์ค พารากอน ในวันนี้ถึง 23 ตุลาคม สิ้นค้าทุกแบบของ SC ASSET รวมอยู่ที่งาน พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมากมาย และสำหรับลูกค้าที่จองโครงการ 20 ท่านแรกภายในงาน รับทันที iPhone 15 Pro Max มูลค่า 48,900 บาท*ดูรายละเอียดและเงื่อนไขโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.scasset.com บทความที่เกี่ยวข้อง SC เปิดบ้านหรูซีรีส์ใหม่ “อยู่แบบใหม่ แบบสับ” bangkok boulevard signature westgate “เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส” อยู่อย่าง 5ดาว ที่ 5 แยกลาดพร้าว
บ้านเดี่ยวทำเลหายาก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา “Noble Aqua Riverfront Ratburana”

บ้านเดี่ยวทำเลหายาก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา “Noble Aqua Riverfront Ratburana”

Noble Aqua โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ "Noble Aqua Riverfront Ratburana" บ้านเดี่ยวทำเลหายาก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คอนเซปท์ออกแบบบนแนวคิดการสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตใจกลางเมืองที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ  เป็นโครงการบ้านเดี่ยวบนที่ดิน 15 ไร่ จำนวน 53 ยูนิต มีลิฟท์ส่วนตัวทุกยูนิต  แต่ละหลังอยู่บนที่ดินเริ่มต้น 56.5-182.3 ตร.ว.  พื้นที่ใช้สอยเต็มพื้นที่  346-795 ตร.ม.   Noble Aqua โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ มีแบบบ้านให้เลือก 5 แบบ VIA 01 พื้นที่ดินประมาณ 56.72 - 58.72 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 346.64 ตรม. เป็นบ้านสูง 3 ชั้น มีจำนวน 15 หลัง 3 นอน 4 ห้องน้ำ  จอดรถได้ 3 คัน VIA 02 พื้นที่ดินประมาณ 63.61 - 65.42 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 431.18 ตรม. เป็นบ้านสูง 4 ชั้น มีจำนวนเยอะสุดคือ 20 หลัง 4 นอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน PARC  พื้นที่ดินประมาณ 71.10 - 71.8 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 527.95 ตรม. เป็นบ้านสูง 4 ชั้น จำนวน 14 หลัง 4 นอน 1 ห้องเอนกประสงค์ 5 น้ำ จอดรถได้ 4 คัน VIU  พื้นที่ดินประมาณ 82.95 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 658.41 ตรม. สูง 4 ชั้น มีแค่ 2 หลัง 5 นอน 1 ห้องเอนกประสงค์ 7 น้ำ  จอดรถได้ 5 คัน ORA 01 พื้นที่ดินประมาณ 159.67 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 779.42 ตรม. สูง 4 ชั้น  5 นอน 1 ห้องเอนกประสงค์ 7 น้ำ จอดรถได้ 5 คัน มี 1 หลัง โนเบิล เอควาโครงการตั้งอยู่บนถนนราษฎร์บูรณะ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ เช่น สาทร สีลม และสุขุมวิทได้โดยสะดวก การเดินทางสะดวกใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน 3.9 กิโลเมตร ใกล้ MRT สีม่วงใต้ สถานีราษฎร์บูรณะ 1.2 กิโลเมตรที่จะเสร็จในอนาคต   การออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยมีโจทย์หลักคือ ทิวทัศน์ (VIEW) จากแม่น้ำ เพื่อให้บ้านทุกหลังสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้มากที่สุด โดยนำเอาพื้นที่ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของบ้านขึ้นไปไว้บนชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการมองเห็น (VISUAL) แม่น้ำ รวมถึงการสร้าง ช่องว่าง (VOID) ระหว่างบ้านแต่ละหลังคือการใช้รูปทรงหลังคาแบบทรงจั่ว   สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้าน โดยจัดเตรียมพื้นที่สำหรับครอบครัวที่เป็น Multi-Generation ไว้ในบ้านทุกหลัง เช่น การเตรียมห้องนอนและห้องน้ำผู้สูงอายุที่ชั้น 1 มีทางลาดทางเข้าบ้านสำหรับการใช้ wheelchair และมี Lift ทุกหลัง ระบบ Home Automation และระบบ Active Air Flow เติมอากาศบริสุทธิ์ พร้อมถ่ายเทความร้อนภายในบ้านให้เย็นสบายตลอดวัน รวมถึงติดตั้ง EV Charger ให้กับบ้านทุกหลัง     จุดเด่นสำคัญของ เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ หน้ากว้างริมน้ำ 110 เมตร  มีคลับเฮ้าส์ 2 จุด ด้านหน้า Garden Clubhouse และ Riverfront Clubhouse  ในโครงการออกแบบให้มีสวนขนาดใหญ่เป็นแนวยาว มี Fitness  สระน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา สายไฟฟ้าลงดินทั้งโครงการ  ค่าส่วนกลาง 100 บาทต่อตารางวาต่อเดือน   โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ จะกลายเป็น ICONIC RIVERFRONT VILLA ที่โดดเด่นริมน้ำได้โดยสมบูรณ์แบบ โดดเด่นทั้งจากการมองเห็นทั้งภายนอก และ การมองเห็นจากผู้อยู่อาศัยในโครงการ ถ้ากำลังมองหาบ้านเดี่ยวทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา การเดินทางสะดวก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ เปิดให้ชมบ้านตัวอย่าง ในวันที่ 30 ก.ย. - 1 ต.ค. 66  กับราคาเริ่มต้น 30-100 ล้านบาท คิดเป็นตร.ม. ก็ประมาณ 86,000 บาทต่อ ตร.ม. กับการออกแบบที่โนเบิลดีเวลลอปเม้นท์ตั้งใจ้ให้เป็น ICONIC RIVERFRONT VILLA ที่โดดเด่นสะดุดตา ริมน้ำได้โดยสมบูรณ์แบบ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษสุด ได้ที่  https://bit.ly/45Tqt8l หรือไลน์โครงการ @noblerarity   บทความน่าสนใจ Noble Around Ari  คอนโดพรีเมี่ยมที่สุดในย่าน อารีย์ NOBLE CREATE Condo High Rise กลางเลียบด่วน เอกมัย-รามอินทรา NUE CROSS KHU KHOT STATION  ชีวิตคูลๆ ที่คูคต  
ละไม หทัยราษฎร์ 39  บ้านที่ออกแบบอย่างละเมียดละไม

ละไม หทัยราษฎร์ 39 บ้านที่ออกแบบอย่างละเมียดละไม

ละไม หทัยราษฎร์ 39 โครงการบ้านที่ออกแบบอย่างละเมียดละไมสมชื่อ  จากการพัฒนาโดยคนที่อยู่ในวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 30 ปี ประกอบธุรกิจลงทุนและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว และอาคารชุด ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด  ในนาม บริษัท คราฟเวิร์ค จำกัด         ละไม แบรนใหม่ของบริษัท ที่ถูกพัฒนาให้สมชื่อ คือการตั้งใจ ใส่ใจ อย่างละเมียดละไม  โครงการเริ่มต้นโครงการแรกที่โซนกรุงเทพตะวันออกชื่อ  ละไม หทัยราษฎร์ 39 เป็นโซนที่อยู่อาศัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล สถานศึกษา รวมทั้งมีการตัดถนนเส้นใหม่ๆ เส้นทางลัดให้เลือกเดินทางเพื่อเชื่อมต่อไปยังพื้นที่โซนอื่นๆ ได้หลากหลายเส้นทาง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ใกล้จะเปิดให้ใช้งาน ทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น     โครงการละไม หทัยราษฎร์ 39 โครงการตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 35 ไร่ ออกแบบทั้งภายในและภายนอกสไตล์ญี่ปุ่น (Modern Japanese Philosophy) ที่มีมีรายละเอียดการออกแบบในรูปแบบที่เรียกว่า Liveable Layout  จำนวน 144 ยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางครบครัน ทั้งคลับเฮ้าส์ สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำ ห้องเรียนรู้นอกห้องเรียนสําหรับเด็กๆ สวนขนาดใหญ่รองรับพื้นที่เล่นสนุก และสิ่งอํานวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยง พร้อม Smart Village เข้าถึงจุดต่างๆ ของโครงการได้อย่างง่ายดาย ทั้งระบบประตูอัตโนมัติไปจนถึงระบบการจองพื้นที่ส่วนกลางออนไลน์ ประตูเข้า-ออก แบบ Double Gate พร้อม CCTV ระบบรักษาความปลอดภัยทั่วทั้งโครงการตลอด24 ชั่วโมง     โครงการละไม หทัยราษฎร์ 39  มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ แบบ ARUN ขนาดพื้นที่ใช้สอย 153 ตารางเมตร เป็นบ้าน 2 ชั้นมี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องอเนกประสงค์ และจอดรถได้ 2 คัน แบบ TIWA ขนาดพื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร ขนาด 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องพระ 1 ห้องอเนกประสงค์ และจอดรถได้ 2 คัน แบบ SURI ขนาดพื้นที่ใช้สอย 216 ตารางเมตร ขนาด 2 ชั้น มี 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ครัวไทย 1 ห้องอเนกประสงค์ จอดรถได้ได้ 3 คัน     บ้านในแต่ละแบบแต่ละหลังมีฟังก์ชันใช้สอยครบครัน รวมถึง EV Charger รองรับการชาร์จรถไฟฟ้า และ Application สำหรับสมาร์ทโฮมในอนาคต เพื่อให้ทุกคนในบ้านใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ บ้านมีสไตล์ MODERN JAPANESE มีความเรียบง่ายในสไตล์มินิมอล กลมกลืน ลงตัว พร้อมกับพื้นที่สีเขียวรอบบ้าน     ละไม หทัยราษฎร์ 39    สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน อาทิ คลับเฮาส์, สนามเด็กเล่น, สระว่ายน้ำ, Kids Room, ฟิตเนส, สวนขนาดใหญ่, สิ่งอํานวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยง, Smart Village  ประตูอัตโนมัติไปจนถึงระบบการจองพื้นที่ส่วนกลางออนไลน์, ประตูเข้า-ออก แบบ Double Gate, กล้อง CCTV, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และ EV Charger รองรับการชาร์จรถไฟฟ้า ราคาเริ่ม 5-9 ล้านบาท   บทความน่าสนใจ   ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 แบบบ้านใหม่ เอาใจทาสแมว Viranya บางนา-สุวรรณภูมิ บ้านหรูเพื่อการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ลลิล เปิดบ้านพลีเมียม แบบใหม่แตกต่างกว่าเดิม