Tag : News

2376 ผลลัพธ์
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ลุยจัด “MEET & MINGLE” งานสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ลุยจัด “MEET & MINGLE” งานสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่

คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยที่สร้างสรรค์คอนโดมิเนียมคุณภาพระดับไฮเอนด์ในคอนเซ็ปต์ Pet-Friendly Residences คอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้ ยังคงมุ่งหน้าสานต่อจุดแข็งอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้าง Pet Friendly Community จากความเข้าใจในกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี เตรียมจัด “MEET & MINGLE” งานสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงสุดยิ่งใหญ่แห่งปี เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ในทุกๆ ด้านสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงให้การเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงตัวโปรดในคอนโดมิเนียมเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น   ภายในงานประกอบด้วย 4 โซน และกิจกรรมที่น่าสนใจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Major Petscape” ได้แก่ Pet Health               รับบริการตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง ฟรี! จากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ Pet Games               เพลิดเพลินกับเกมส์สนุกๆ ที่จะให้น้องหมาและน้องแมวฟินสุดๆ และรับของรางวัลมากมาย รวมมูลค่ากว่า  30,000 บาท Pet Workshops      ฟรี! Workshop อาทิ Marbling Art เพ้นท์กระเป๋าผ้าแฮนเมดไม่ซ้ำใคร และ Dog Studio ถ่ายภาพสวยๆ กับน้องหมาสุดเลิฟ Pet Charity               ร่วมสมทบทุนบริจาคให้กับมูลนิธิ The Voice Foundation ช่วยเหลือสัตว์ที่ยากไร้   นอกจากนี้ยังมี ไฮไลต์ในงานที่เหล่าคนรักสัตว์ห้ามพลาด! กับกิจกรรมเอาใจคนรักสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ การประกวดชุดแฟนซี พร้อมแฟชั่นโชว์ของน้องหมาเซเลบริตี้ที่มาร่วมสนุกในงาน รวมถึงเต็มอิ่มกับการช้อปปิ้ง เลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงจากแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งมีเฉพาะงานนี้งานเดียวเท่านั้น อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารสัตว์, อาหารเสริม และเสื้อผ้าเครื่องประดับ เป็นต้น พร้อมกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมายให้กลุ่มผู้รักสัตว์เลี้ยงได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน   พาน้องหมาและน้องแมวคู่ใจ มาร่วมเดินเที่ยวได้ฟรี! ในงาน “MEET & MINGLE” ซึ่งจะจัดมอบความสุขให้แก่ลูกบ้านเมเจอร์ฯ ตลอดทั้งปี เริ่มโครงการแรกที่ “อกัสตัน สุขุมวิท 22” (Aguston Sukhumvit 22) ในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 14.00 – 17.00 น. คาดว่างานนี้จะสามารถขยายฐานกลุ่ม Pet-Friendly Residence คนรักสัตว์เลี้ยงของเมเจอร์เพิ่มขึ้นกว่า 30%   สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Major Development Contact Center โทร. 02-116-1111 หรือ www.mde.co.th      
แคปปิตอล จีฯ ปักหมุด “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9”  คอนโดฯใหม่รับรถไฟฟ้าสายสีส้ม

แคปปิตอล จีฯ ปักหมุด “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” คอนโดฯใหม่รับรถไฟฟ้าสายสีส้ม

“พระราม 9- รามคำแหง” นับวันจะยิ่งฉายภาพ “ทำเลทอง” เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตะวันออก)ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) รวมระยะทาง 22.57 กม.มีจำนวนสถานีรถไฟฟ้าแบบใต้ดิน จำนวน 10 สถานี และแบบยกระดับ จำนวน 7 สถานีที่ความก้าวหน้าของงานก่อสร้างอยู่ที่ 27 % ณ สิ้นเดือนมกราคม 2561 มีกำหนดเปิดบริการในปี 2566 รวมถึงการลงทุนรีโนเวทเดอะมอลล์ รามคำแหง 2 (ฝั่งมุ่งหน้ามาแยกพระราม 9-รามคำแหง) ของบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ที่อยู่ระหว่างปรับโฉมใหม่ ให้กลายเป็น “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” รับรถไฟฟ้าสายสีส้ม บนที่ดินกว่า 30 ไร่ และคาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2-3 ปี ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้รามคำแหง และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นทำเลที่ร้อนแรงเป็นอย่างมากขึ้น   นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งขนาดกลาง –ใหญ่ได้แห่ชิงพื้นที่เปิดโครงการใหม่เพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้กับทำเล “พระราม9 – รามคำแหง” โดยหนึ่งในผู้ประกอบการที่ปักหมุดผุดโครงการคอนโดมิเนียมนั่นก็คือ บริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Capital G Development Co. Ltd.) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท มีนบุรีซีเมนต์ไทย จำกัด ที่ล่าสุดได้เปิดตัว “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” บนพื้นที่โครงการ 3-3-24 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 536 ยูนิต แบ่งเป็น อาคาร A จำนวน 105 ยูนิต ,อาคาร B จำนวน 216 ยูนิต และ อาคาร C จำนวน 215 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โครงการได้ออกแบบให้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 22-44 ตารางเมตร (ตร.ม.) แบ่งเป็น Units Type ดังนี้   - Studio suite ขนาดพื้นที่ 22 ตารางเมตร จำนวน 145 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 27% - 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ 27 ตารางเมตร จำนวน 56 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 10%   - 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ 29 ตารางเมตร จำนวน 258 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 48 % - 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 35 ตารางเมตร จำนวน 49 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 9 % - 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 44 ตารางเมตร จำนวน 28 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 5 %   นายชัยรัตน์ พิรุฬหพัสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” เป็นคอนโดฯ สไตล์ “Modern Luxury Resort” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sense of Nature.. Life is Signature : ออกแบบชีวิต ..ใกล้ชิดธรรมชาติ” โครงการเน้นพื้นที่ส่วนตัวที่เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์คนเมือง ผสมผสานการออกแบบที่ทันสมัย รู้ใจคนรุ่นใหม่ สอดคล้องไปกับพื้นที่สีเขียวให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แม้อยู่กลางใจเมืองเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ Work Hard Play Hard ที่มีความเป็นตัวเอง อายุประมาณ 28-40 ปี ระดับรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน   จุดเด่นของโครงการนอกจากเน้นพื้นที่สีเขียวมากเป็นพิเศษแล้ว “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” ยังตั้งอยู่ Prime Location สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ 2 เส้นทาง ทั้ง ถ.พระราม 9 (แยกซ. 39) และ ถ.รามคำแหง ซ.12 โครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานีรามคำแหง 12 เพียง 150 ม. เท่านั้น นอกจากนี้“โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” ยังใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ใกล้ Airport Link ทางด่วนศรีรัช และทางด่วนฉลองรัช โดยที่ตั้งโครงการยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD: Central Business District) ได้หลายเส้นทางไม่ว่า ถนนพระราม 9 ทองหล่อ พัฒนาการและถนนรัชดาภิเษก อีกทั้งยังเดินทางสะดวกสบายด้วยรถยนต์สาธารณะและ ทางเรือ(ท่าเดอะมอลล์รามฯ) รายล้อมด้วยแหล่งสาธารณูปโภค มหาวิทยาลัยชั้นนำ โรงพยาบาล และ ใกล้แหล่ง Lifestyle Shopping Mall และ Cafe สุดชิค! มากมาย อาทิ เดอะ มอลล์ รามคำแหง, เดอะมอลล์บางกะปิ, บิ๊กซี, เดอะไนท์ พระราม 9 และ ฟู๊ดส์แลนด์ รามคำแหง เป็นต้น   นายชัยรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบ Function ให้ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้าง โดดเด่นด้วยครัวไทยแยกสัดส่วนใช้งานได้จริง ขายแบบ Fully Furnished ตอบโจทย์การใช้ชีวิต พร้อมกับ Facilities ที่จัดเต็ม อาทิ Relaxing Swimming Pool, Greenery Garden ,The GYM, Multi-Purpose Area , Duplex Lobby Lounge, Co-Working Space, Private Lobby Lounge , Private Meeting Area & Mini Theater ,Fitness , Sky Garden และ Carwash zone ฯลฯ   ด้วยศักยภาพของทำเลและโปรดักส์ดีไซน์ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดรวมถึงส่วนกลางจัดเต็มเพื่อในวันนี้และความยั่งยืนในอนาคต เรียกได้ว่า รองรับทุกไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์ทั้งคนสายชิลล์และคนที่เน้นกิจกรรม พร้อมเปิดให้จองและชมห้องตัวอย่างได้ทุกวัน ณ สำนักงานขาย โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9 เปิดรอบVIP Day วันที่ 30 มีนาคม 2562 รับส่วนลด 200,000 บาท   ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าชมห้องตัวอย่าง ที่ http://www.cg.co.th/monterama9 โทร. : 099-164- 6888 หรือ Line ID : @MonteRama9          
แสนสิริ ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่นครั้งแรกในไทย ประเดิมโครงการแรก “เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา”

แสนสิริ ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่นครั้งแรกในไทย ประเดิมโครงการแรก “เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา”

แสนสิริเดินเกมส์ต่อยอดที่อยู่อาศัยแนวราบ หลังโกยยอดขาย 18,800 ล้านบาทเติบโตขึ้นถึง 40% ในปีที่ผ่านมา ชูแนวราบหัวหอกสำคัญในการรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริในปี 2562 วางแผนขยายการเติบโตส่วนแบ่ง ทางการตลาดให้กับธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง เคาะแผนเปิดตัว 16 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 24,200 ล้านบาท ครอบคลุมทุกเซกเมนต์และระดับราคาทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองชั้นนำ เตรียมเปิดตัว Tiger Lane ในระดับ S Segment และตอกย้ำความสำเร็จในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับกลางบน ด้วยแบรนด์เศรษฐสิริและบุราสิริ พร้อมนำแบรนด์ระดับราคาที่เข้าถึงง่ายมาเปิดขายในสัดส่วน ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ แบรนด์สราญสิริ – คณาสิริ – อณาสิริ รวมถึงทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ สิริ เพลส ต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าพิชิตยอดพรีเซลกว่า 14,400 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมทั้งรุกต่อยอดวิสัยทัศน์ “SANSIRI FOR GREATER WELL-BEING” เปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการแรกของปี “เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา” มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท จัดเต็มแนวคิดเต็มรูปแบบ ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น “Dust free House” ครั้งแรกในไทย รับมือปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้านในทุกมิติ   พร้อมชูจุดเด่นด้านการออกแบบภายใต้แนวคิด “ชีวิตสุนทรีย์ มีดีเทล” นำแรงบันดาลใจจากกล้วยไม้ สะท้อนความภาคภูมิใจของผู้อยู่อาศัย ผ่านดีไซน์อย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียดควบคู่กับการนำเสนอนวัตกรรม และการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ในการอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ   นายสมเกียรติ หงษ์ทรัพย์ภิญโญ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จ ก้าวสู่ปีแห่งที่สุดในทุกด้านตามเป้าหมายที่วางไว้ #SansiriBestYearEver จากยอดขายรวมที่สามารถทำได้ถึง 48,500 ล้านบาท นับว่าสูงที่สุดในรอบ 34 ปี ความสำเร็จมาจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับที่ดี โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบที่เปิดตัว มียอดขาย 18,800 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 40% โดยทาวน์เฮาส์ที่เติบโตขึ้นถึง 75% จากการชูจุดขายฉีกตลาดในความโดดเด่นของทาวน์เฮาส์คุณภาพ ในระดับ Best in Class ตอบรับเทรนด์การอยู่อาศัยคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ขยายทุกความชอบ ให้เป็นไปได้ รวมถึงบ้านเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จในทุกแบรนด์และเติบโตขึ้น 35% ทุกโครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด   “ในปี 2562 นี้แสนสิริมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งสิ้น 28 โครงการ มูลค่ารวม 46,600 ล้านบาท โดยจะเน้นเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างสมดุลย์ของพอร์ตโฟลิโอและตอบรับความต้องการของตลาดบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบ จำนวน 16 โครงการ มูลค่ากว่า 24,200 ล้านบาท ครอบคลุมทุกเซกเมนต์และระดับราคา ได้แก่ การเตรียมเปิดตัวโครงการ Tiger Lane ในระดับ S Segment โครงการบ้านเดี่ยวในระดับกลางบน อาทิ แบรนด์เศรษฐสิริและบุราสิริ นอกจากนี้ยังเปิดตัวโครงการในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่ายในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ แบรนด์สราญสิริ – คณาสิริ – อณาสิริ รวมถึงทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ สิริ เพลส เพื่อเต็มเติมพอร์ตโฟลิโอที่อยู่อาศัยแนวราบของแสนสิริให้ครอบคลุมความต้องการกลุ่มลูกค้า ทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา และขยายการเติบโตของส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบของบริษัท โดยโครงการใหม่ของแสนสิริที่จะเข้าสู่ตลาดในปี 2562 จะมีการพัฒนาให้สอดคล้องกับเทรนด์ด้านที่อยู่อาศัย ในปัจจุบัน และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เช่นกลุ่มครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและเด็กกลุ่มผู้รักสุขภาพ และกลุ่มผู้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” นายสมเกียรติ กล่าว   โครงการ ‘เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา’ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยวโครงการแรกภายใต้แนวคิด “Sansiri For Greater Well-Being” ซึ่งนับเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ด้วยการมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมควบคู่ไปกับการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของลูกบ้าน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกองค์ประกอบผ่านแนวคิดหลักทั้ง 3 ด้านได้แก่ Physical (สบายกาย), Mental (สบายใจ) และ Social Wellbeing (ความสัมพันธ์ที่ดีกับสังคมเพื่อนบ้าน) โดยนำนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น (Dust-Free House) มาใช้ในโครงการบ้านเดี่ยวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อรับมือกับวิกฤตฝุ่นควันที่ประเทศไทยกำลังประสบอยู่ในปัจจุบันและเทรนด์ของผู้คนที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเทคโนโลยีนี้สามารถกรองฝุ่นละอองได้ขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอนรวมทั้งกรองกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น จุลินทรีย์ในอากาศ และเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในห้องปลอดเชื้อในโรงพยาบาล ลูกบ้านจึงมั่นใจได้ว่าอากาศในบ้านของโครงการจะสะอาด ปราศจากฝุ่นละออง ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้นำนวัตกรรมบ้านเย็น Cooliving Designed Home มาช่วยให้ทุกมุมของบ้านปลอดโปร่งและเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศภายในบ้านรวมถึง Universal Design ที่ออกแบบสำหรับครอบครัวในทุกเจเนอเรชันทั้งในบ้านและพื้นที่ส่วนกลาง นอกจากนี้ยังส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตของครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจธรรมชาติด้วยการมอบ Food Waste Machine ให้ลูกบ้านในช่วงเปิดขายโครงการตามแนวคิดการดำเนินธุรกิจ Sansiri Green Mission อีกด้วย” นายสมเกียรติ กล่าวเสริม   โครงการ “เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา” โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนที่ดิน 100 ตร.วา ขึ้นไป ในระดับราคา15-20 ล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลที่เชื่อมต่อไปยังตัวเมืองกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง สามารถเดินทางเข้าเมืองโดยใช้ทางพิเศษ ศรีรัชวงแหวนรอบนอกหรือ ทางยกระดับบรมราชชนนี มีโครงข่ายคมนาคมที่สะดวก รวมถึงส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่กำหนดเปิดใช้งานในปี 2562 และสายสีแดงอ่อนซึ่งกำหนดเปิดใช้งานในปี 2565 นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลพุทธมณฑล และแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่รองรับการใช้ชีวิตของครอบครัวยุคใหม่ ตอบรับความต้องการบ้านเดี่ยวระดับราคา 10.00 – 19.99 ล้านบาทในทำเลทวีวัฒนาที่มียอดขายได้เฉลี่ยรวมถึง 84% ขณะที่ปัจจุบันเหลือยูนิตขายในตลาดน้อยลง จึงนับเป็นโอกาสที่แสนสิริจะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวที่สามารถตอบรับความต้อง การของลูกค้าในทุกด้านอย่างครอบคลุมโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้นหรือต้องการแยกครอบครัวในพื้นที่ใกล้เคียงเขตทวีวัฒนา โดยหลังจากเปิดขายโครงการเฟสแรกในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีโดยมียอดขายไปแล้ว 12 ยูนิตภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนซึ่งนับเป็นการตอบรับที่ดีในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 15 – 20 ล้านบาท   สำหรับแนวคิดการพัฒนาโครงการนำแรงบันดาลใจจากพืชเศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อของเขตทวีวัฒนาอย่างกล้วยไม้มาใช้ในการสร้างสรรค์งานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะทั้งภายในตัวบ้านและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความภาคภูมิและสง่างามให้แก่ผู้อยู่อาศัย ทั้งยังเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุดด้วยสังคมคุณภาพเพียง 133 ยูนิตที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งในบ้านและในพื้นที่ส่วนกลาง รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ จากพืชพันธุ์นานาชนิดเปิดโอกาสให้ลูกบ้านทุกคนได้ดื่มด่ำสุนทรียะท่ามกลางธรรมชาติในส่วนของฟังก์ชันการใช้งานภายในตัวบ้านที่ถูกจัดสรรอย่างลงตัวเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของคนทุกเจเนอเรชันในครอบครัว อาทิ Triple Master Bedroom ห้องนอนขนาดใหญ่ 3 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว,Enclosed Balcony พื้นที่เอนกประสงค์กึ่งเอาท์ดอร์ ที่ขยายจากห้องนอนให้เป็นมุมโปรดสะท้อนตัวตนของผู้ใช้งาน, Garden Access Bedroom ห้องนอนใกล้ชิดธรรมชาติบริเวณชั้นล่างที่รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ, My Pavilion เรือนรับรองเชื่อมกับตัวบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้ตามต้อง การ และ Universal Design for 3 Generations การออกแบบบ้านที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยทุกวัย พร้อมระบบHome Automation ที่สามารถสั่ง เปิด-ปิด ไฟและแอร์ได้จากมือถือผ่าน Sansiri Home Service Application และมาตรฐานความปลอดภัยภายใต้ Sansiri Security Inspection ที่ช่วยให้ลูกบ้านอุ่นใจ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น”   “บริษัทคาดว่าการพัฒนาโครงการ“เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา” ภายใต้แนวคิด Sansiri For Greater Well-being จะสามารถสร้างยอดขายให้กับโครงการได้กว่า 30% มูลค่ารวม 640 ล้านบาทภายในปลายปีนี้ ผลักดันให้แสนสิริบรรลุเป้าหมายในการสร้างยอดขายในกลุ่มธุรกิจแนวราบ 14,400 ล้านบาทตามที่ตั้งไว้” นายสมเกียรติกล่าวสรุป สัมผัสชีวิตสุนทรีย์ มีดีเทล ได้แล้ววันนี้ ที่โครงการ “เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการฯ กรุณาติดต่อทาง โทร. 1685 หรือทาง www.sansiri.com        
ออริจิ้น ส่งโปรฯ “ลดด่วน ขบวนสุดท้าย” ปักหมุดในงาน มหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่40

ออริจิ้น ส่งโปรฯ “ลดด่วน ขบวนสุดท้าย” ปักหมุดในงาน มหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่40

ด่วนมาก!! เลือกคอนโดที่ใช่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนมาตรการคุมสินเชื่อจะบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ใจดีส่งโปรฯ ORIGIN LAST CHANCE !! ลดด่วน ขบวนสุดท้ายราคาเริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท* ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่40 ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 21 - วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 เวลา 10.00 - 20.00 น. บูธ G 85 – G 102  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงานพบโปรโมชั่นสุดพิเศษ รับสิทธิ์ ผ่อน 0% นาน 3 ปี* กู้เต็ม 100% และฟรีทุกค่าใช้จ่าย* รวมส่วนลดสูงสุดมูลค่ากว่า 500,000 บาท ห้ามพลาดโปรดีๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/orilastchance ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2562 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 020 300000 หรือที่ LINE @originproperty    
ACARA BY EMPEROR รับสร้างบ้านดีไซน์ทันสมัย เตรียมจัดโปรแรง 3 เด้ง!

ACARA BY EMPEROR รับสร้างบ้านดีไซน์ทันสมัย เตรียมจัดโปรแรง 3 เด้ง!

สร้างบ้านทั้งทีต้องเลือกบริษัทที่ดี ด้วยมาตรฐานที่ดีที่สุด‼ อะคาร่า (ACARA) รับสร้างบ้านโมเดิร์น ลักชัวรี่ ภายใต้ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด ที่การันตีด้วยมาตรฐานการก่อสร้างที่เหนือกว่า รับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มาพร้อมผลงานสร้างบ้านหรูกว่า 30 ปี งานนี้เลยเตรียมจัดโปรโมชั่นหนักถึง 3 ต่อ!!  ไม่ว่าจะเป็น ต่อที่ 1 ลดค่าจองแบบ 20 % ต่อที่ 2 ส่วนลดเงินสดสูงสุด 295,000 และ ต่อที่3 เลือกรับของแถมอีก 300,000 บาท เมื่อจองสร้างบ้านภายใน  “งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Focus 2019” พบกันที่บูธ A-21 ระหว่างวันที่ 21-24 มีนาคม 2562 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ห้องเพลนนารี ฮอลล์ 1-2 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 081-376-4999, ID Line : @ACARA และ Facebook : Acara.Official      
‘เอพี ไทยแลนด์’ สานต่อวิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ เปิดตัวแนวคิด ‘PROJECT GROW’

‘เอพี ไทยแลนด์’ สานต่อวิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ เปิดตัวแนวคิด ‘PROJECT GROW’

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าและผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัย สานต่อวิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างพิมพ์เขียวใหม่ให้กับเมืองที่สมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) ล่าสุดเปิดตัวแนวคิด ‘PROJECT GROW’ ปรัชญาแห่งการสร้างมาสเตอร์แพลนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ผ่านการออกแบบที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่มีสุขภาพกายและใจที่ดี การพัฒนาพื้นที่สีเขียว การรักษาสิ่งแวดล้อม และการเอื้อประโยชน์สู่สังคมรอบข้างอย่างสูงสุด นำร่องแนวคิดการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองด้วยการอนุรักษ์ต้นไม้เก่าอายุกว่า 50 ปีบนที่ดินพัฒนาโครงการ ‘RHYTHM EKKAMAI ESTATE’ เพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนและสังคมเมือง เพราะต้นไม้เปรียบเสมือนประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตที่เป็นตัวแทนความทรงจำที่ดี และความผูกพันกับคนในชุมชน พร้อมจับมือพันธมิตรกลุ่มบิ๊กทรีส์ และเครือข่าย ต้นไม้ในเมืองต่อยอดจุดประกายความตระหนักและให้ความรู้ในการดูแลต้นไม้แก่คนรุ่นใหม่ ในงาน ‘AP GROW DAY’ 30 มีนาคมนี้ที่สวนรถไฟ   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตออกซิเจนลดอุณหภูมิ และฟอกอากาศได้ดีจะมีรูปทรงของต้นที่แผ่ร่มเงาในพื้นที่บริเวณกว้าง และมีใบเล็กละเอียด จึงไม่น่าแปลกใจที่ต้นจามจุรีจะได้รับการจัดอันดับให้เป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ในด้านสิ่งแวดล้อมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในการอนุรักษ์ต้นไม้ประวัติศาสตร์ทั้ง 3 ต้นในที่ดินโครงการ RHYTHM EKKAMAI ESTATE ถือว่าเป็นความท้าทาย เพราะการเคลื่อนย้ายต้นไม้ใหญ่ ไปพร้อมๆ กับการจัดสรรพื้นที่ในโครงการให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มพื้นที่ และต้องทำอย่างถูกวิธี เพื่อให้ต้นไม้ทุกต้นรอด และสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน”   “จากวิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้าที่สมบูรณ์ ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) นั้น ในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สิ่งที่เอพีดำเนินงานยังคงเกี่ยว เนื่องต่อการพัฒนาเมือง และคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างมาก เราจึงไม่สามารถให้ความสำคัญเฉพาะเรื่องของการออกแบบก่อสร้างเพียงอย่างเดียว ‘PROJECT GROW’ จึงถือเป็นปรัชญาที่ทีมเอพีจะนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างมาสเตอร์แพลนในการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ เคียงคู่ไปกับการออกแบบพื้นที่ภายในโครงการ การให้ความสำคัญกับวิธีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง   การเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสภาพแวดล้อม ตลอดจนการร่วมสร้างสังคมให้ตระหนักรู้ โดยเริ่มต้นจากเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ซึ่งสำหรับเอพีแล้วเริ่มต้นด้วยการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่ต้องทำควบคู่ไปกับรายละเอียดอื่นๆ ในการพัฒนาโครงการ สำหรับคอนโดมิเนียม RHYTHM EKKAMAI ESTATE ที่เป็นโครงการนำร่องภายใต้แนวคิด ‘PROJECT GROW’ ปรัชญาแห่งการสร้างมาสเตอร์แพลนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนนั้น เอพีมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะรักษาให้ต้นจามจุรีใหญ่ทั้ง 3 ต้น อยู่คู่กับชุมชนย่านเอกมัยตราบนานเท่านาน ในขณะเดียวกัน เรายังคงมองถึงการจัดสรรให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วภายในโครงการสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด เราจึงตัดสินใจย้ายต้นจามจุรี ที่แต่ละต้นมีขนาดสูงประมาณ 20 เมตร หรือเท่าตึกสูง 8 ชั้น โดยมีคุณธราดล ทันด่วน หรือครูต้อรุกขกรผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่ในงานภูมิทัศน์เมืองมาเป็นที่ปรึกษาและดูแลการย้ายต้นไม้ในครั้งนี้ให้สำเร็จและเติบโตต่อไป” นายวิทการกล่าว   “ถ้าเราดูจากภายนอกเราก็เห็นว่าต้นไม้น่าจะมีสุขภาพดี แต่เมื่อทีมรุกขกรได้ขุดลงไป กลับพบปัญหาเกี่ยวกับรากที่ติดอยู่กับแผ่นปูนใต้ดินทำให้ทีมงานต้องแก้ปัญหาเรื่องรากก่อนเริ่มเคลื่อนย้ายไปปลูกในตำแหน่งใหม่ที่วางไว้ ส่วนอีกต้นหนึ่งพบปัญหาลำต้นเอียงก็ต้องปรับลำต้นให้ตรง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับสิ่งปลูกสร้างในอนาคต ความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพของทุกๆ ฝ่ายจะช่วยสานต่อให้ความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิต ที่ดีให้กับสังคมเมืองภายใต้วิสัยทัศน์ใหญ่ ‘AP WORLD’ ประสบความสำเร็จได้ในเร็ววัน” คุณวิทการ กล่าวสรุป   ล่าสุดเอพี ไทยแลนด์ เตรียมต่อยอด จัดงาน ‘AP GROW DAY’ เพื่อจุดประกายให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ต้นไม้ และสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง มุ่งให้คนกับต้นไม้ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยจับมือกับภาครัฐ, กลุ่มบิ๊กทรีส์, เครือข่ายต้นไม้ในเมือง เพื่อขยายแนวร่วมรักษ์ต้นไม้ ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ ภารกิจพลิกฟื้นคืนพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองร่วมกับ ‘แพตตี้ - อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา’ ดารานักแสดงคนดัง ตัวแทนคนรุ่นใหม่ครั้งแรกกับการเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจศึกษาธรรมชาติในมุมมองที่สูงกว่า 25 เมตร กับกิจกรรม Tree Climbing ปีนต้นไม้ใต้ร่มเงาจามจุรียักษ์อายุกว่า 50 ปี และกิจกรรม Zip Line ผจญภัยผ่านต้นไม้ใหญ่นานาพันธ์กับความยาวกว่า 50 เมตร รวมถึงการให้ความรู้เรื่องต้นไม้ การตรวจสุขภาพต้นไม้ จากรุกขกรมืออาชีพ ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการรับฟังดนตรีในสวนกับ บอย ตรัย ภูมิรัตน และรับพันธุ์ไม้พิเศษกลับบ้าน งาน ‘AP GROW DAY’ จะจัดขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 18.00 น. ที่สวนรถไฟ กรุงเทพฯ โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ ที่ www.APprojectgrow.com (รับจำนวนจำกัด)          
แอสเซทไวส์ รุกเจาะทำเลทองย่านแจ้งวัฒนะ เปิดตัว “แอทโมซ  แจ้งวัฒนะ”

แอสเซทไวส์ รุกเจาะทำเลทองย่านแจ้งวัฒนะ เปิดตัว “แอทโมซ แจ้งวัฒนะ”

“แอสเซทไวส์” รุกเจาะทำเลทองย่านแจ้งวัฒนะ เปิดโครงการ “แอทโมซ แจ้งวัฒนะ” คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สไตล์รีสอร์ท จำนวน 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 625 ยูนิต แบบ Fully Furnished ที่มีเอกลักษณ์ พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยสอดรับกับไลฟ์สไตล์ทุกยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายครบครันถึง 3 ชั้น ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 1,100 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพแจ้งวัฒนะ  -เลียบคลองประปา ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท โดยพร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้   นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัย เพื่อการใช้ชีวิตที่ดี ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” (We Build Happiness) เปิดเผยว่า “หลังจากที่บริษัทฯ ได้ขยายศักยภาพของการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่อย่างโครงการเคฟทาวน์ และได้รับความสนใจจากการเปิดพรีเซลล์ไปเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ ยังคงศึกษา และมองเห็นความต้องการที่ต่อเนื่องของลูกค้าอีกกลุ่ม นั่นคือกลุ่มคนทำงานในย่านแจ้งวัฒนะ ล่าสุด บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์แอทโมซเพิ่มอีกหนึ่งโครงการ ได้แก่ “แอทโมซ แจ้งวัฒนะ” (Atmoz Chaengwattana) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบคลองประปาใกล้สี่แยกคลองประปาตัดกับถนนแจ้งวัฒนะ โดยถือว่าเป็นทำเลที่มีการเติบโตของภาคธุรกิจ และการขยายตัวของการอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นที่สำคัญของพื้นที่ คือความสะดวกสบายในการเดินทางทั้งเข้าสู่ใจกลางเมือง หรือเดินทางเชื่อมต่อกับพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม โดยมีถนนเส้นหลักอย่างถนนแจ้งวัฒนะที่สามารถเชื่อมตรงเข้าสู่เมือง พร้อมกันนั้นยังมีจุดขึ้นลงทางด่วนแจ้งวัฒนะ และศรีสมาน หรือแผนการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูของรัฐในอนาคต ซึ่งโครงการ “แอทโมซ แจ้งวัฒนะ” จะตั้งอยู่ใกล้กับสถานีแจ้งวัฒนะ 14 และสถานีศรีรัช อีกด้วย”   “แอทโมซ” (Atmoz) เป็นหนึ่งในแบรนด์คอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ที่ประสบความสำเร็จ จากการเน้นเลือกทำเลที่มีศักยภาพสะดวกสบายในการเดินทาง รวมถึงการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้ามาโดยตลอด อาทิ แอทโมซ ลาดพร้าว 71 ซึ่งขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 70 % และจะก่อสร้างเสร็จตรงตามที่กำหนดไว้ในเดือน พ.ค นี้อย่างแน่นอน ในขณะที่แอทโมซ รัชดา – ห้วยขวาง ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ยังสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 40 % ทีเดียว สำหรับทำเลย่านแจ้งวัฒนะ มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้พักอาศัยในพื้นที่ ทำให้ทำเลแจ้งวัฒนะ กลายเป็นทำเลเด่นที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศสำนักงานทั้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ อย่าง “ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ” บริษัทเอกชนต่าง ๆ และสถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ซึ่งถ้ามองในมุมตลาดการเช่าคอนโดมิเนียมในโซนของแจ้งวัฒนะเอง ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่มากสำหรับการอยู่อาศัย เนื่องจากอยู่ในแหล่งงานที่มีดีมานต์สูง โดยมีราคาขายเฉลี่ยที่ 63,000 บาท ต่อตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมาก และคาดว่าเมื่อรถไฟฟ้าสายสีชมพูก่อสร้างเสร็จจะทำให้ได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดี จึงถือว่าย่านแจ้งวัฒนะจะสร้างความคึกคักในตลาดอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง” นายกรมเชษฐ์ กล่าวเสริม   แอทโมซ แจ้งวัฒนะ” (Atmoz Chaengwattana) ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด Futuristic Design ที่มีความอบอุ่น ผ่อนคลาย และมีสไตล์ พร้อมการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished ที่มีเอกลักษณ์ โดยเน้นคำนึงถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่คุ้มค่า พร้อมมอบเทคโนโลยีเพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยในทุกยูนิต อาทิ Bluetooth Sound System ที่ไม่ว่าจะอยู่บริเวณไหนของห้องก็สามารถเพลิดเพลินกับการฟังเพลงได้ทุกที่, Thermostat ระบบระบายความร้อนภายในห้อง, Rescue Alarm ระบบแจ้งเตือนอุบัติเหตุภายในห้องพัก และ LED Lighting Motion Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวติดตั้งที่ปลายเตียง ช่วยเปิด – ปิดไฟอัตโนมัติ   นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบโครงการครบครันถึง 3 ชั้น ที่ออกแบบทุกรายละเอียดให้การพักผ่อนไม่ธรรมดา และไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม โดยได้รับการออกแบบได้โดดเด่นทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยน รองรับกิจกรรมของลูกบ้านได้ 24 ชม. ไม่ว่าจะเป็น SECRET GARDEN พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางโครงการ มาพร้อมกับ THE OASIS POOL สระว่ายน้ำท่ามกลางสวนขนาดใหญ่ WATERFALL KIDS POOL สระว่ายน้ำเด็กพร้อมม่านน้ำตก TASTY2PARTY SPACE เพิ่มพื้นที่ให้กับงานปาร์ตี้พิเศษของ ทุกคน LIFEBRARY สำหรับความเป็นส่วนตัวกับการอ่านหนังสือเล่มโปรด CO-CREATIVE SPACE พื้นที่สำหรับนั่งทำงาน และยกระดับด้วย ADAPTABLE MEETING ROOM ห้องประชุมที่สามารถปรับโต๊ะได้ตามจำนวน ที่ต้องการ O2 JOGGING TRACK พื้นที่ออกกำลังกายเพื่อเปิดรับออกซิเจนในสวนได้ทุกวัน เป็นต้น และมั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง   “แอทโมซ แจ้งวัฒนะ” (Atmoz Chaengwattana) เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 625 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,100 ล้านบาท บนพื้นที่โครงการกว่า 4 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองประปา ใกล้สี่แยกคลองประปาตัดกับถนนแจ้งวัฒนะ ประกอบด้วยห้องชุด 4 แบบ ได้แก่ ห้อง Studio ขนาดพื้นที่ 20.10 – 21.56 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ประมาณ 22.98 – 25.89 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ประมาณ 29.04 – 30.38 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ประมาณ 33.12 – 34.99 ตร. พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ รร.เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ, รพ.เวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์, อิมแพค เมืองทองธานี, เซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะ, โลตัส แจ้งวัฒนะ, ดิ อเวนิว แจ้งวัฒนะ เป็นต้น ในราคาเริ่มต้นที่ 1.29 ล้านบาท โดยเริ่มก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2563   ผู้สนใจ สามารถเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง ณ เซลส์ แกลเลอรี่ แอทโมซ แจ้งวัฒนะ ถนนเลียบคลองประปา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-168-0000 หรือ www.assetwise.co.th        
“อะคาร่า-เอ็มเพอเร่อร์” ซีซั่น 2 เชิญชวนประกวดแบบบ้าน “The PHENOMENON 2” ชิงเงินรางวัลกว่า 3 แสนบาท

“อะคาร่า-เอ็มเพอเร่อร์” ซีซั่น 2 เชิญชวนประกวดแบบบ้าน “The PHENOMENON 2” ชิงเงินรางวัลกว่า 3 แสนบาท

อะคาร่า (ACARA) รับสร้างบ้านโมเดิร์น ลักชัวรี่ ภายใต้ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด โดย สุรัตน์ชัย  กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร จัดสัมมนาหัวข้อ “The PHENOMENON 2” ปรากฏการณ์บ้านลักชัวรี่สำหรับคนรุ่นใหม่ พร้อมเชิญสถาปนิก-ดีไซเนอร์ชื่อดัง ม.ล.วรุตม์ วรวรรณ, จูน เซคิโน และ อดุลย์ แก้วดี มาร่วมแชร์ประสบการณ์การออกแบบบ้านลักชัวรี่ ให้เหล่านิสิต นักศึกษา และนักออกแบบรุ่นใหม่ ได้ปิ๊งไอเดียเจ๋งๆ ครีเอทเป็นผลงานส่งประกวดออกแบบบ้าน ภายใต้คอนเซปต์ “ URBAN  |  NATURE  |  LUXURY ” ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโอกาสในการร่วมงานกับอะคาร่า ซึ่งงานสัมมนาจัดขึ้น ณ ห้อง Meeting Room 1-2 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2562   นายสุรัตน์ชัย เผยว่า อะคาร่า มาจากคำว่า อัคร ที่แปลว่า ความเป็นเลิศ และที่โลโก้จะเห็นว่ามีรูป A 3 ตัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึง ดีเยี่ยมที่สุด นั่นหมายถึงการสร้างที่อยู่อาศัยที่ดีมีมาตรฐานที่สุด ซึ่งสมัยก่อนความต้องการบ้านหรูหรา จะมาจากครอบครัวใหญ่ แต่ในปัจจุบันเมื่อไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ ถึง 30 ปี ต้องการความคล่องตัว และรวดเร็ว มีความคิดความต้องการเป็นของตัวเองสูง ขนาดของตัวบ้านที่มีขนาดเล็กลง อยู่ใจกลางเมือง ตอบสนองเทคโนโลยีต่างๆในยุคดิจิทัล มีความทันสมัยมากขึ้น ฯลฯ แบรนด์อะคาร่า จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการมีบ้านลักชัวรี่สำหรับคนรุ่นใหม่นี้ แต่ยังคงมาตรฐานการก่อสร้างสูงสุด ด้วย Core Business เดียวกันกับเอ็มเพอเร่อร์ ดังนั้นทุกคนสามารถที่จะเข้ามารับบริการสร้างบ้านลักชัวรี่ที่ตอบสนองความต้องการได้หลากหลายมากขึ้น ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น โดยที่ยังเน้นในเรื่องมาตรฐานการก่อสร้างสูงสุดที่เมืองไทยมีสำหรับไฮคลาสเรสซิเดนท์   และถ้าหากได้ติดตามข่าวสารของเอ็มเพอเร่อร์มาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า จากความสำเร็จในการประกวดโครงการ “The PHENOMENON 1”ที่ผ่านมาในปีที่แล้ว เราได้รับผลงานออกแบบที่น่าสนใจมากมาย จึงทำให้เกิดการจัดงานต่อเนื่องในปีนี้ กับโครงการ “The PHENOMENON 2” โดยครั้งนี้เรามีโจทย์ใหม่ ที่จะให้นิสิต นักศึกษา และนักออกแบบรุ่นใหม่ ได้ร่วมเสนอไอเดียเพื่อออกแบบบ้านลักชัวรี่ในแบบที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ขึ้นอีกครั้ง   นายสุรัตน์ชัย กล่าวอีกว่า ดิ เอ็มเพอร์เร่อร์ เฮ้าส์ ทำธุรกิจมากกว่า 30 ปี ผ่านประสบการณ์ในการออกแบบก่อสร้างบ้านระดับสูงมายาวนานและได้พัฒนารูปแบบ กระบวนการ และที่สำคัญคือเทคนิคการก่อสร้างที่เป็นมาตรฐานสูงสุดของการรับสร้างบ้านอย่างเป็นรูปธรรม คือ ได้ผ่านมาตรฐานISO 9000:2015 เรื่องการให้บริการ ออกแบบ ก่อสร้าง และตกแต่งภายใน ที่พักอาศัยระดับสูงแบบบูรณาการ (INTERGRATED HOME DESIGN, CONSTRUCTION AND INTERIOR DECORATION SERVICES FOR HIGH CLASS RESIDENCE) และใช้มาตรฐานนี้กับบ้านทุกหลังรวมทั้งบ้านที่ก่อสร้างภายใต้แบรนด์อะคาร่า   ทั้งนี้ ภายในงานเสวนา วิทยากรทั้ง 3 ท่าน ซึ่งเป็นสถาปนิกและนักออกแบบชื่อดัง ได้เล่าประสบการณ์ในการออกแบบบ้านลักชัวรี่ ในบรรยากาศที่ได้มีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ของบุคคลผู้อยู่ในวงการออกแบบบ้าน สถาปนิก นิสิต นักศึกษา และนักออกแบบรุ่นใหม่ และผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน   โดย มล.วรุตม์ วรวรรณ (M.L. Varudh Varavarn) จาก Vin Varavarn Architects สัมมนาในหัวข้อ ‘IDEAS of THE NEW LUXURY' ไอเดียใหม่ในบ้านลักชัวรี่ ได้แชร์ประสบการณ์ในการออกแบบ “บ้านที่ไม่สมบูรณ์แบบ” โดยเริ่มจากการตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าอะไรคือลักชัวรี่ หรือความหรูหราของตัวเรา เพราะแต่ละคนต่างมีมุมมองที่แตกต่างกัน และนำมุมมองนั้นมาเลือกใช้ในงานให้เหมาะสม อาทิ ความไม่สมบูรณ์แบบของวัสดุ แต่เมื่อออกแบบให้ลงตัวด้วยมุมมองใหม่ ก็อาจจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่สวยงามได้ หรือการออกแบบความหรูหราที่สะท้อนความสวยงามของธรรมชาติ โดยให้สถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย เป็นสื่อกลางในการให้ผู้คนได้รับความรู้สึกผ่านการรับรู้ประสบการณ์ความหรูหราจากธรรมชาติ   “ผมมองว่าความหรูหราไม่ได้มีอะไรตายตัว ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา ที่เราชอบ อยู่ในสไตล์แบบนี้ สเปซแบบนี้  มีความสุขความสบายใจ ก็เป็นความหรูหราในแบบที่คุณเป็นตัวของตัวเอง”   นายอดุลย์ แก้วดี (Mr. Adul Kaewdee) จาก บริษัท กอรปฝัน จำกัด (KOPFUN CO., LTD) สัมมนาในหัวข้อ ‘THE URBAN LUXURY HOUSE’ บริบทที่เปลี่ยนไปของบ้านใหญ่ในเมือง โดยนำผลงานการออกแบบบ้านลักชัวรี่ในเมืองและในสถานที่ต่างๆ ที่แม้อาจไม่ใช่ใจกลางเมือง แต่เกิดจากการมองหาจากความลงตัวจากแนวคิดที่เกิดขึ้นระหว่างความต้องการของเจ้าของและธรรมชาติโดยรอบของพื้นที่ สิ่งที่เราสนใจ และเป็นแรงผลักดันสำหรับแนวความคิดการออกแบบ หลักๆ มีอยู่ 3 อย่าง คือ 1. สิ่งแวดล้อม 2. สถาปัตยกรรม และ 3. คน  ที่เราสนใจสภาพแวดล้อมเพราะ การปลูกอะไรลงไปในที่ดินสักอย่างหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในไซต์นั้นสำคัญทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแดด ลม ฝน เป็นสิ่งที่ไม่ต้องซื้อ และถ้าสามารถออกแบบโดยนำสิ่งแวดล้อมมาใช้ได้ นั่นก็คือสิ่งที่ดี ทำอย่างไรจึงจะให้งานสถาปัตยกรรมที่เราสร้างสามารถเกิดขึ้นในพื้นที่ตรงนั้นเลย   ในปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จเร็วตั้งแต่อายุยังน้อย ไลฟ์สไตล์ก็จะแตกต่างไปจากคนรุ่นก่อนพอสมควร เมื่อก่อนการจะมีบ้านแต่ละหลังได้นั้น อาจหมายถึงการเก็บเงินมาทั้งชีวิตและมีบ้านที่สะท้อนเอกลักษณ์ของตัวเขาเอง แต่เดี๋ยวนี้คนอาจไม่ได้มีบ้านเพียงหลังเดียว และบ้านลักชัวรี่ของคนรุ่นใหม่แต่ละหลังก็อาจจะมีวัตถุประสงค์ในการอยู่อาศัยที่แตกต่างไป ความต้องการในบ้านแต่ละหลังจึงไม่เหมือนกัน และจะเห็นได้ว่าขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่คนต้องการ และหลายๆ อย่างที่เป็นองค์ประกอบ บ้านจะอยู่กลางเมืองหรือที่ไหนไม่สำคัญเท่ากับการที่นักออกแบบเสนออะไร   “และผมคิดว่า การทำบ้าน เป็นการร่วมมือกันของทั้งเจ้าของบ้าน ผู้ออกแบบ และคนสำคัญคือผู้รับเหมา ที่ทั้งสามส่วนนี้ต้องให้ใจ และใช้ใจช่วยกันสร้าง เพื่อให้ได้งานที่ออกมาในระดับที่ทุกคนพอใจ”   นายจูน เซคิโน (JUN SEKINO) จาก JUN SEKINO Architect and Design สัมมนาในหัวข้อ ‘THE EXPERIENCE of THE NEW LUXURY’ประสบการณ์ใหม่ในความลักชัวรี่ ได้นำผลงานการออกแบบลักชัวรี่ที่เกิดจากวัสดุที่หลากหลาย อาทิ ปูน อิฐ เหล็ก ที่บางคนอาจจะคิดว่าวัสดุเหล่านี้จะสร้างความลักชัวรี่อย่างไร   เมื่อก่อนอาจจะมองว่า ลักชัวรี่คือรูปแบบ แต่ตอนนี้ผมมองว่า เป็นเรื่องของความต้องการของแต่ละคน ผมขอใช้คำว่า meaning ของ material ในการออกแบบให้เกิดขึ้น การรับรู้ในเรื่องของลักชัวรี่อาจเป็นเรื่องของประสบการณ์ในการรับรู้มากกว่า ในอดีตเราอาจจะทำงานที่เริ่มด้วยการทำแปลนก่อน แต่ผมไม่เป็นอย่างนั้น ผมชอบคิดว่าเราจะเห็นอะไรในงานก่อน   “สิ่งที่หรูหราอาจไม่ต้องพยายามหา แต่เป็นการใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นวัสดุอะไร และนำสิ่งเหล่านั้นมาทำให้เกิดผลงานที่เรียบง่าย แต่ให้ความหรูหราขึ้นได้ จากความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้สัมผัส”   นอกจากนี้ นายยศวัฒน์ เศรษฐบรมศักดิ์ (แชมป์) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 อินทีเรียดีไซน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่สนใจและมาเข้าร่วมงานสัมมนา พร้อมเผยถึงแนวคิดใหม่ที่ได้จากงานครั้งนี้ว่า “รู้สึกว่าได้มุมมองใหม่ในการคิดประเด็นของโจทย์ และคิดว่าอาจจะส่งงานเข้าประกวด ซึ่งอาจจะส่งในนามของกลุ่ม ตอนนี้อาจจะยังไม่แน่ใจว่าได้ไอเดียพร้อมที่จะเข้าประกวดหรือยัง แต่คิดว่าน่าจะเน้นเรื่องของการใช้ฟังก์ชันและสเปซที่จะมาเพิ่มมูลค่าให้เกิดความลักชัวรี่”   ด้าน นางสาวอนินทิตา แวอาแซ (เดียร์) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 อินทีเรียดีไซน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เผยว่า “ได้แรงบันดาลใจ และได้มุมมองใหม่ๆ ที่จะสามารถนำมาปรับใช้กับแนวคิดในการประกวดและในการเรียนด้วยค่ะ ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะส่งผลงานแบบเดี่ยวหรือกลุ่ม และยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ไอเดียไหนในการออกแบบ แต่ก็คิดเอาไว้ว่าน่าจะเป็นแนวทางในการเพิ่มมูลค่าของวัสดุหรืออะไรสักอย่างที่จะสามารถนำมาใช้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แค่ความหรูหราอย่างเดียว อยากที่จะทำให้เป็นการเพิ่มมูลค่าให้ materials”   การประกวด “The PHENOMENON 2 - ปรากฏการณ์บ้านลักชัวรี่สำหรับคนรุ่นใหม่” มีโจทย์ให้ออกแบบ “บ้าน” ที่สร้างปรากฏการณ์ ในการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ สะท้อนไลฟ์สไตล์ที่ใหม่ไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์ความลักชัวรี่ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน โดยมี ขอบข่ายในการออกแบบดังนี้   1. การออกแบบวางผัง Master Plan โดยสามารถเลือกพื้นที่ตั้ง และขนาดพื้นที่ดินได้   2. การออกแบบสถาปัตยกรรม The PHENOMENON   3. การออกแบบและตกแต่งภายใน The PHENOMENON   URBAN - LUXURY บ้านสำหรับคนรุ่นใหม่ในเมือง ให้ออกแบบ “บ้าน” ที่สร้างปรากฏการณ์ในการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ สะท้อนไลฟ์สไตล์ความความลักชัวรี่ที่เปลี่ยนไปในเมือง โดยออกแบบวางผังMaster Plan บนพื้นที่ดินในเมือง ขนาด 200 ตร.วา (800 ตร.ม.) 20.00 ม. X 40.00 ม. (สามารถกำหนดที่ตั้ง และสภาพแวดล้อมเองได้) พื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้าน 500-1,000 ตร.ม.   NATURE - LUXURY บ้านตากอากาศชิดธรรมชาติชานเมือง ให้ออกแบบ “บ้าน” ที่สร้างปรากฏการณ์ ในการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติ สะท้อนไลฟ์สไตล์ความความลักชัวรี่ที่เปลี่ยนไปในบ้านชานเมือง โดยออกแบบวางผัง Master Plan บนพื้นที่ดินชานเมือง ขนาด 400 ตร.วา (1,600 ตร.ม.) 40.00 ม. x 40.00 ม. (สามารถกำหนดที่ตั้งและสภาพแวดล้อมเองได้) พื้นที่ใช้สอย ภายในตัวบ้าน 500-1,000 ตร.ม.   เงินรางวัล จะแบ่งเป็น 11 รางวัล ได้แก่ รางวัลที่ 1           :                       120,000 บาท รางวัลที่ 2           :                       60,000 บาท รางวัลที่ 3           :                       30,000 บาท รางวัลชมเชย (2 รางวัล) :             15,000 บาท เข้ารอบสุดท้าย (5 รางวัล) :            10,000 บาท Popular Vote :                           20,000 บาท   วันเวลาตัดสิน วันตัดสินรอบแรก : วันเสาร์ที่ 25 พ.ค. 2562 (10.00 - 12.00 น.) ณ บ. ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ วันรับบรีฟเพิ่มเติมพร้อมชมงานจริง : วันเสาร์ 1 มิ.ย. 2562 (10.00 - 12.00 น.) ณ หน่วยงาน บ. ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ วันตัดสินประกวดแบบ + popular Vote : วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. 2562 (13.00 - 16.00 น.) ณ ห้องอเนกประสงค์ (ชั้น1)  หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสมัครและส่งผลงานเป็นเพลทขนาด A1 จำนวน 2 แผ่น (ติดลงบนแผ่น Future Board) และไรท์ผลงานเป็นไฟล์ภาพใส่ใน CD แนบเพลท  พร้อมกรอกรายละเอียดใบสมัครให้สมบูรณ์ (ไม่เสียค่าสมัคร) ภายในวันพุธที่ 22 พ.ค. 2562 โดยส่งผลงานมาที่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด 288/77 ถนนพหลโยธิน อนุสาวรีย์บางเขน กรุงเทพฯ 10220 สอบถามเพิ่มเติมผ่านช่องทางEmail : mkt@enperorhouse.com, Line : @ACARA, โทร. 086-889-9224 และ FACEBOOK : ACARA.official      
โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล จัดหนัก อยู่ฟรี 3 ปี* ทุกหลัง

โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล จัดหนัก อยู่ฟรี 3 ปี* ทุกหลัง

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ส่งแคมเปญสุดพิเศษ เพิ่มอรรถรสแห่งความคุ้มด้วยโปรโมชั่น อยู่ฟรี 3 ปี* ทุกหลัง ฟรีค่าส่วนกลางและเงินกองทุนรวมมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท* กับโครงการ โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล (Noble Gable Kanso Watcharapol) บ้านพร้อมอยู่ในราคาเริ่มต้นเพียง 5 ล้านบาท*   โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล (Noble Gable Kanso Watcharapol) โครงการบ้านพร้อมอยู่ กับออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “คิดอย่างเซน อยู่อย่างเซน” ผสานงานออกแบบสถาปัตยกรรมสะท้อนถึงวิถีการใช้ชีวิตในแบบญี่ปุ่น สร้างสรรค์องค์ประกอบที่เป็นอัตลักษณ์แฝงสุนทรียะของธรรมชาติไว้ในทุกรายละเอียด ให้คุณปล่อยชีวิตให้เป็นอิสระในพื้นที่ส่วนตัวผสานความเรียบง่ายเข้ากับทุกมุมของบ้านอย่างลงตัว   สัมผัสความสุขแบบวิถีเซน พร้อมรับข้อเสนอรวมมูลค่าสูงสุด 2.9 ล้านบาท* ได้ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมนี้ 2562 จำนวนจำกัด* ณ โครงการ Noble Gable Watcharapol ระหว่างซอยเพิ่มสิน 21 และ 23 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทร. 02–251–9955 หรือ www.noblehome.com      
พฤกษา เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “Chapter Thonglor 25” ลูกค้าให้การตอบรับล้นหลาม

พฤกษา เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “Chapter Thonglor 25” ลูกค้าให้การตอบรับล้นหลาม

พฤกษาเปิดตัวคอนโดพรีเมียมแบรนด์ใหม่ “Chapter” จับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ โดยเปิดตัวที่แรก ในทำเลทองหล่อลูกค้าให้การตอบรับเข้าเยี่ยมชมโครงการอย่างล้นหลาม เกิดเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์สนั่นโลกออนไลน์ ด้วยการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงบรรยากาศและไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยจริง พร้อมเปิดตัว Chapter café สุดชิค ที่ Sales Gallery โครงการ ร่วมสัมผัสความชิคที่ไม่เหมือนใครได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มี.ค. นี้   นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท - พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “หลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวคอนโดพรีเมียมแบรนด์น้องใหม่ Chapter เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าระดับราคา 5 - 10 ล้านบาท ให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ โดยส่งโครงการ “Chapter Thonglor 25” เป็นโครงการแรก ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับเข้าเยี่ยมชมโครงการกันอย่างคับคั่ง จนเกิดกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ในโลกออนไลน์ จากกลยุทธ์ในการทำการตลาดรูปแบบใหม่ โดยการสร้างประสบการณ์แห่งการอยู่อาศัย ให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสถึงไลฟ์สไตล์และบรรยากาศจริงของการอยู่อาศัยในโครงการ พร้อมเปิดตัว CHAPTER CAFÉ จับมือกับร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Pacamara มาสร้างเป็นคาเฟ่สุดชิคไว้ที่ Sales Gallery ซึ่งถูกออกแบบไว้เป็นพื้นที่เปิดสำหรับนั่งเล่น ชมวิวสวน พร้อมมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร   นอกจากนี้แล้วบริษัทฯ ได้สร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ Chapter Thonglor 25 ภายใต้คอนเซ็ปต์ของโครงการ “Curated Thonglor Living” ร่วมมือกับ Illustrator ชื่อดัง คุณก้อง – กันตภน ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านงานศิลปะ Wrap สติ๊กเกอร์ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยการตกแต่งภายในขบวนไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ที่สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยของคนเมือง อาทิ คนดื่มกาแฟ เดินช็อปปิ้ง ถ่ายรูป เพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากอยู่ทำเลใจกลางเมืองในราคาที่เอื้อมถึงง่ายๆ   Chapter Thonglor 25 คอนโด Low – Rise ระดับไฮเอนด์ สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 288 ยูนิต แต่งครบด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบชุด จัดเต็มด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครันพร้อมบริการตลอด 24 ชม. อาทิ The Chapter Hall, Co-function Space, Co-living Garden, The Sunset Deck, Co-Creating Deck, The Social Club, White Marble Pool, Steam & Suana และ Fitness มีแบบห้องพักให้เลือกตั้งแต่ขนาด 28.91 - 61.17 ตร.ม ทุกยูนิตจะเน้นพื้นที่เก็บของใช้และเสื้อผ้าที่กว้างเป็นพิเศษ และบางยูนิตมีฟังก์ชั่นพิเศษเอาใจสาวๆ ด้วย Walk-in Closet ราคาพร้อมตกแต่งเริ่มต้น 5.3 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 160,000 บาท/ตรม. ในราคาที่หาไม่ได้อีกแล้วในย่านทองหล่อ มาร่วมสัมผัสกับบรรยากาศสุดชิคได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 31 มี.ค. นี้ ที่ Sales Gallery โครงการ Chapter Thonglor 25 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1739 หรือ https://chapter.pruksa.com/22379/thonglor-25          
โอกาสดีๆมาถึงแล้ว!!  เอสซี แอสเสทฯ เปิด Open House   ในงาน SC Wants you 2019

โอกาสดีๆมาถึงแล้ว!! เอสซี แอสเสทฯ เปิด Open House ในงาน SC Wants you 2019

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลเปิดบ้านต้อนรับอีกครั้งในงาน “SC Wants you 2019” สมัครพร้อมสัมภาษณ์ทันที! 23 มี.ค.นี้   เวลา 9.00-17.00 น. เพื่อร่วมเป็นหนี่งในทีมงานคุณภาพกับ Culture ใหม่ #SKYDIVE  ภายใต้บรรยากาศHappy Workplace และ Rue Jai Living Solutions ทั้งวันหยุดพิเศษในเดือนเกิดพร้อม Birthday Gift , Happy Free Meal พร้อมสวัสดิการและกิจกรรมดีๆ อีกมากมาย   ด้วยจำนวนตำแหน่งงานมากกว่า 100 ตำแหน่ง  ลงทะเบียนล่วงหน้าและเตรียมเอกสารให้ครบ พบกันที่ชั้น 14 อาคารชินวัตร 3 ถ.วิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-949-2543, 02-949-2387  หรือที่ https://bit.ly/2Tnevlb      
“ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่ คลับ (ชวนชื่น)  ปทุมธานี”  สนามกอล์ฟที่เหล่านักกอล์ฟต้องมาเยือน

“ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่ คลับ (ชวนชื่น) ปทุมธานี” สนามกอล์ฟที่เหล่านักกอล์ฟต้องมาเยือน

สนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ พัฒนาขึ้นโดย บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย เพื่อเช่า และเพื่อการบริการ ที่มีความเชี่ยวชาญ การันตีด้วยประสบการณ์ยาวนานมากว่า 60 ปี มากกว่า 60 โครงการ   ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ใช้งบในการพัฒนาโครงการไปกว่า 160 ล้านบาท เพื่อให้เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตที่มีความครบครัน สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนการแข่งขันทัวร์นาเมนต์, งานเลี้ยงสังสรรค์ และงานสัมมนา ภายใต้บรรยากาศสบายๆ ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติเนื้อที่กว่า 400 ไร่ ด้วยทำเลที่โดดเด่นและมีศักยภาพบนถนนกรุงเทพ – ปทุมธานี สะดวกสบายต่อการเดินทาง  ใช้เวลาเพียง 15 นาทีจากจุดขึ้น – ลงทางด่วนศรีสมาน ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อเส้นทางเข้าเมืองได้หลากหลายเส้นทาง อาทิ ถนนกรุงเทพ - ปทุมธานี,ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนชัยพฤกษ์ และถนนราชพฤกษ์ ช่วยให้นักกอล์ฟสามารถมาออกรอบและกลับไปทำงานต่อได้     พื้นที่โครงการทั้งหมดถูกจัดสรรแบ่งสัดส่วนออกเป็นพื้นที่สนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 18 หลุม พาร์ 72  มีเลย์เอ้าท์ ที่หลากหลาย ท้าทายความสามารถของนักกอล์ฟด้วยอุปสรรคน้ำเกือบทุกหลุม กรีนสปีดเร็ว ประกอบกับแฟร์เวย์ ที่ไม่เรียบแบน มีเนินสลับไปมา ทำให้เล่นสนุก ไม่ยากและง่ายจนเกินไป สำหรับหลุมเด่นประจำสนามแห่งนี้ (Signature Hole) ได้แก่ หลุมที่ 18 พาร์ 5 ซึ่งเป็นหลุมจบที่ท้าทาย ด้วยอุปสรรคของน้ำและบังเกอร์กลางแฟร์เวย์ดักอยู่ถึง 4 บ่อ อีกทั้งกรีนที่มีความลาดเอียงเข้าหาน้ำ เรียกว่าเป็นหลุมเสน่ห์ที่ทำให้เหล่านักกอล์ฟมีความรู้สึกอยากกลับมาเล่นใหม่อีกครั้ง และที่พลาดไม่ได้กับ Recommended Hole หลุมแนะนำ ซึ่งบรรดาเหล่านักกอล์ฟต้องมาพิชิตให้ได้ คือ บริเวณหลุม 9 พาร์ 5 เป็นหลุมพาร์ 5 ที่มีระยะค่อนข้างสั้นแต่ตีสนุกและท้าทาย ด้วยทิศทางถูกบังคับให้ไดร์ฟผ่านอุปสรรคน้ำ โดยลูกยังต้องให้อยู่ในแฟร์เวย์ ซึ่งต้องอาศัยเทคนิคและประสบการณ์ ประกอบกับการคำนวณทิศทางลมให้ดี หากวางตำแหน่งดีๆ ก็สามารถออนกรีนได้ แถมมีโอกาสพัตเบอร์ดี้ถือเป็นหลุมโบนัสได้อีกด้วย นอกจากนี้หากมองไปรอบๆ สนาม ถูกตกแต่งอย่างร่มรื่น สวยงาม ด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ที่จะผลิใบสวยงามในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อต้อนรับผู้มาเยือนให้ได้เก็บภาพประทับใจ   อีกหนึ่งความโดดเด่นของสนาม  ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ แห่งนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ “คลับเฮาส์และสปอร์ทคลับ” ที่มีพื้นที่รวมกว่า5,000 ตารางเมตร ออกแบบโดย บริษัท ดีดับเบิ้ลยูพี ซิตี้สเปซ จำกัด (DWP| design worldwide partnership) บริษัทชั้นนำด้านงานตกแต่งภายในและสถาปัตยกรรม ตัวอาคารถูกออกแบบให้เป็นอาคารชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น มีโถงทางเข้าที่โล่งและโปร่งสามารถมองเห็นวิวสนามกอล์ฟได้อย่างชัดเจน อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าว ยังเตรียมไว้เพื่อรับรองการจัดกิจกรรมและงานสังสรรค์ต่างๆ ภายในตัวอาคารได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เน้นสีเอิร์ทโทน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นท่ามกลางธรรมชาติ มีสิ่งอำนายความสะดวกครบครัน เมื่อเดินเข้ามาบริเวณโถงกลางทางฝั่งซ้ายจะพบกับ ห้องอาหาร (Restaurant) ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม เน้นความโปร่ง โล่ง สบายตา ให้ผู้ใช้บริการได้เพลิดเพลินกับมื้ออาหารสุดอร่อย พร้อมบรรยากาศสุดพิเศษที่รายล้อมไปด้วยวิวธรรมชาติอันสวยงามของสนามกอล์ฟ ซึ่งห้องอาหารมีให้บริการทั้งเครื่องดื่ม อาหารคาว อาหารหวาน หลากหลายสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็น ไทย จีน ญี่ปุ่น หรือยุโรป และพลาดไม่ได้กับอาหารจานพิเศษประจำสนาม (Recommended Dishes) อาทิ แกงคั่วหอยขม  แกงปูใบชะพู ซึ่งเป็นสูตรพิเศษที่ดึงเอาเอกลักษณ์ความหอมของพริกแกงภาคใต้ผสมผสานกับพริกแกงภาคกลางที่ให้มี รสละมุมอย่างลงตัว เป็นต้น สำหรับทางฝั่งขวา ห้องแรกจะเป็น ห้องเอนกประสงค์ (Pavilion Rooms) ที่รองรับการจัดสัมมนาต่างๆ ถัดมาจะเป็น ห้องล็อกเกอร์ (Locker rooms) ที่มีพื้นที่และห้องอาบน้ำอันกว้างขวาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการอย่างครบครัน โดยแบ่งสัดส่วนเป็นห้องอาบน้ำ จำนวน 24 ห้องแยกให้บริการชาย – หญิง   มีอ่างจากุซซี่ (Jacuzzi) ให้บริการจำนวน 7 ห้อง, ตู้ล็อกเกอร์ VIP จำนวน 265 ล็อกเกอร์ ที่ออกแบบให้มีลักษณะทรงยาวเป็นพิเศษ นอกจากนี้บริเวณห้องล็อกเกอร์หญิงยังมีบริการห้องแต่งตัวพิเศษไว้รองรับอีกด้วย ต่อมาเป็น ร้านค้าขายสินค้า (Pro Shop) ที่นอกจากมีสินค้าแบรนด์ดัง อาทิ Nike Titleist FootJoy เป็นต้น ให้เลือกหลากหลายแล้ว ยังมีสินค้าโลโก้สนามที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับเป็นของที่ระลึกจากทางสนามให้เหล่าบรรดานักกอล์ฟได้เลือกซื้ออีกด้วย ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถัดจากตัวอาคารของคลับเฮ้าส์มาอีกนิดก็จะเจอกับ สปอร์ต คลับ (Sports Clubs)  ที่สร้างขึ้นเพื่อเอาใจคนรักสุขภาพทั้งลูกบ้านและลูกค้า ด้วยสระว่ายน้ำและห้องฟิตเนสสระดับพรีเมียมครบวงจร พร้อมเครื่องออกกำลังกายที่ครบครัน ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญจาก Fit-D Fitness ที่คอยให้บริการเทรนเนอร์ส่วนตัวแบบมืออาชีพ รวมถึงห้องคลาสออกกำลังกายที่ออกแบบให้เป็นกระจก มีกิจกรรมมากมายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้ง โยคะ, แอโรบิค, แอโร บ็อกซิ่ง, ซุมบ้า นอกจากได้สุขภาพทางกายแล้วยังได้ความสุนทรีย์ทางจิตใจกับทัศนียภาพอันสวยงามของวิวสนามกอล์ฟอีกด้วย  ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 6.00 - 17.30 น. ห้องอาหารปิดเวลา 21.00 น. ส่วนวันเสาร์ –  วันอาทิตย์ และวันหยุดนขัตฤกษ์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 5.30 - 17.30 น. ห้องอาหารปิดเวลา 21.00 น โดยอัตราค่าบริการ กรีนฟี (Green Fee) วันจันทร์ – วันศุกร์ ราคา 1,600 บาท, วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดนขัตฤกษ์ ก่อนเวลา 12.00 น. ราคา 2,200 บาท และหลังเวลา 12.00 น. ราคา 1,700 บาท อัตราค่าบริการแคดดี้ (Caddy) ราคา 350 บาท, อัตราค่าบริการรถกอล์ฟ ราคา 700 บาท (นั่งเดี่ยว) พิเศษ!! สำหรับวันจันทร์ – วันศุกร์ Early bird ช่วงเวลา 6.00 - 7.00 น. กรีนฟี 1,000 บาท, Morning smile ช่วงเวลา 7.00 - 9.00 น. กรีนฟี 1,200 บาท, Golf package 2,350 บาท ติดต่อสอบถามหรือจองสนามได้ที่ โทร.0-2598-2839, 0-2598-2699   สำหรับ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ บริษัทฯ  มุ่งหวังให้สนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตในด้านสันทนาการที่มีความครบครัน ตลอดจนตอบโจทย์ลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงให้เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน อาทิ ออกรอบตีกอล์ฟ เล่นกีฬา ออกกำลังกาย หรือพักผ่อน และรับประทานอาหารภายใต้บรรยากาศสบายๆ ที่แวดล้อมด้วยวิวของสนามกอล์ฟที่สวยงาม สร้างให้พื้นที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่เราได้อยู่ร่วมกัน      
ออลล์ อินสไปร์ กางแผนธุรกิจปี 62 ประกาศเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

ออลล์ อินสไปร์ กางแผนธุรกิจปี 62 ประกาศเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

แกรนด์ ยูนิตี้ กางแผนธุรกิจปี 2562 เร่งตอกย้ำความสำเร็จแนวคิด “Simply Makes Sense. : ใช้ชีวิต…บนเหตุผลของคุณ” ชูการออกแบบและเลือกสรรวัสดุสำหรับการอยู่อาศัยบนพื้นฐานการใช้งานจริง พร้อมทำเลศักยภาพ ผ่านหลากหลายแบรนด์ใหม่หลังปรับกลยุทธ์นี้ตั้งแต่ปี 2561 พบผู้บริโภคเข้าใจสิ่งที่นำเสนอหนุนแบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมเดินหน้าเปิดตัว 6 โครงการใหม่ หลากหลายเซกเมนต์ ตลอดทั้งปี มูลค่ารวมกว่า 9,600 ล้านบาท นายวรวรรต ศรีสอ้าน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียมคุณภาพ ในเครือบริษัทยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าธุรกิจโดยเน้นต่อยอดความสำเร็จของแนวคิด Simply Makes Sense. : ใช้ชีวิต…บนเหตุผลของคุณ ซึ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมาแล้วได้ผลสำเร็จ เป็นอย่างดี โดยจากการสำรวจผลตอบรับหลังออกแนวคิดไป ผู้บริโภคที่ตอบแบบสำรวจรับรู้ในแบรนด์ของแกรนด์ ยูนิตี้เพิ่มขึ้น และยังรับรู้สิ่งที่ต้องการสื่อภายใต้แนวคิด เช่น การออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้เป็นคอนโดที่ ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตได้สะดวกสบายตามเหตุผลของตัวเอง สำหรับปีนี้ บริษัทฯ จะยังคงนำเสนอแนวคิดดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มความมั่นใจถึงคุณภาพ และการตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง ชูจุดเด่นด้านทำเล การออกแบบ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่ให้ความสำคัญกับการมอบอุปกรณ์มาตรฐานที่มีคุณภาพในทุก ๆ โครงการดังเช่นที่ผ่านมา   เพื่อแสดงถึงความใส่ใจในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้ง Tempered Glass หรือกระจกนิรภัยทั้งโครงการเพื่อมอบความรู้สึกปลอดภัยให้ผู้อยู่อาศัย และการติดตั้ง W/C Pod หรือ ห้องน้ำสำเร็จรูป เพื่อการดูแล และซ่อมแซมได้ง่าย ตลอดจนการให้พื้นที่สีเขียวในทุก ๆ โครงการ เพื่อการใช้ชีวิตในเมืองร่วมกับธรรมชาติได้อย่าง มีคุณภาพสูงสุด “ปีที่ผ่านมา แกรนด์ ยูนิตี้ ได้ปรับกลยุทธ์ พัฒนาเอกลักษณ์แบรนด์ให้ชัดเจนขึ้น ผ่านแนวคิด Simply Makes Sense. : ใช้ชีวิต…บนเหตุผลของคุณ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีด้านการรับรู้ ปีนี้บริษัทฯ จึงเดินหน้าแนวคิดนี้ต่อ ตอกย้ำให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเป็นคอนโดมิเนียมที่สะดวกสบาย ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองได้ตามไลฟ์สไตล์ที่มีในพื้นที่ส่วนตัวใจบนทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ที่เราเลือกสรรแล้ว”   ทั้งนี้ นายวรวรรต กล่าวเพิ่มเติมว่า แกรนด์ ยูนิตี้ ให้ความสำคัญกับการเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจ ในภาพรวม เพื่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน (Towards Sustainable Growth) จึงเดินหน้าธุรกิจให้เป็นไปตามกลยุทธ์ 3 ปีให้มีความชัดเจนขึ้น ตามทิศทางของบริษัทแม่อย่าง บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ใน 5 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น Optimization, Diversification, Supply Chain, Synergy, Opportunistic Investment ซึ่งมั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านผลการดำเนินการ รวมถึงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างแน่นอน ในขณะที่ นายปัฐวิน วงศ์เสถียร ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY เปิดเผยว่า นอกจากการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แกรนด์ ยูนิตี้ ยังคงเดินหน้าในการเปิดตัวโครงการคุณภาพใหม่ ๆ เช่นกัน   โดยในปี2562 มีแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,600 ล้านบาท ซึ่งโครงการไฮไลท์ของปี ได้แก่ อนิล สาทร 12 (ANIL Sathorn 12) โครงการคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury โครงการแรกจากแกรนด์ ยูนิตี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านสาทร ติดสถานี BTS สายสีเขียว สถานีศึกษาวิทยา เป็นอาคาร 42 ชั้น จำนวน 222 ยูนิต มาพร้อมการออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุระดับพรีเมี่ยมในทุกๆ รายละเอียด และเป็นโครงการที่พักอาศัย แห่งแรกของไทยที่มีการยื่นขอ WELL Multifamily Precertification ตามมาตรฐาน WELL Building Standard จาก IWBI หรือ International WELL Building Institute ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยให้ได้อยู่ในสิ่ง แวดล้อมภายในอาคารที่ดีต่อสุขภาพในระดับเดียวกับอาคารที่พักอาศัยชั้นนำระดับโลก ถือได้ว่าเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของที่พักอาศัยในระดับบน แบบที่เรากล้าเรียกว่า Luxury Redefined “นอกจากนี้ เรายังได้สานต่อความสำเร็จภายใต้แบรนด์ “เซียล่า” (CIELA) ที่ได้รับการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกัน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ เซียล่า จรัญฯ 13 สเตชั่น (CIELA Charan 13 Station) คอนโดมิเนียมไฮไรส์ จำนวน 1 อาคาร 20 ชั้น 360 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีจรัญฯ 13 แบบ “0 เมตร” ในขณะที่ เซียล่า เจริญนคร (CIELA Charoen Nakhon) จะเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน105 ยูนิต ตั้งอยู่บนถนนสมเด็จเจ้าพระยา ใกล้รถไฟฟ้าสายสีทอง ที่สามารถเชื่อมต่อกับทั้งสายสีเขียว และสายสีม่วงในอนาคต ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านแหล่งชุมชนเก่าที่มีเสน่ห์ มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะด้านอาหารการกิน อีกทั้งยังใกล้กับแลนด์มาร์คของฝั่งธน อย่าง ไอคอน สยาม ซึ่งเซียล่าทั้ง 2 โครงการใหม่จะมาพร้อมการออกแบบพื้นที่ภายในโครงการเพื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย และครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก   อีกโครงการที่มีมูลค่าสูงที่สุดจากแกรนด์ ยูนิตี้ ในปีนี้ ได้แก่ เดนิม จตุจักร (DENIM Jatujak) คอนโดมิเนียมรูปแบบไฮไรส์ จำนวน 4 อาคารรวม 1,813 ยูนิต ตั้งอยู่ซอยพหลโยธิน 18/3 สะดวกสบายในการเดินทาง ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้ทั้ง BTS สายสีเขียว เเละ MRT สายสีน้ำเงิน อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยแหล่ง ช้อปปิ้ง, ร้านอาหาร, คาเฟ่ และบริษัทชั้นนำต่าง ๆ นับว่าเป็นทำเลที่เติมเต็มให้ชีวิตมีความสมบูรณ์แบบในการ พักอาศัย และใช้ชีวิตสำหรับคนรุ่นใหม่ และอีกหนึ่งโครงการ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพย่านอารีย์ - พระราม 6 ได้แก่ โครงการ คาร่า อารีย์ - พระราม 6 (KARA Ari - Rama 6) คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี แบบโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร เพียง 28 ยูนิต ใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัช ที่ทำให้สะดวกสบายในทุกการเดินทาง มาพร้อมยูนิตใหญ่ และที่จอดรถ 100% ปิดท้ายด้วยโครงการพิเศษ เดอะ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ ราชดำริ (The Private Residence Rajdamri) คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี แบบโลว์ไรส์ จำนวน 8 ชั้น 29 ยูนิต ที่ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองอย่างถนนสารสิน ห่างจาก BTS สถานีราชดำริ 500 เมตร ที่สำคัญคือเป็นที่ Free Hold ที่หายากมาก ๆ แล้วในทำเลย่านนี้ โดยเป็น ยูนิตขนาดใหญ่ มาพร้อมบรรยากาศเงียบสงบ เพียงข้ามถนนสารสินก็สามารถไปพักผ่อนที่สวนลุมพินี และอยู่กลาง CBD ที่ล้อมรอบด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และเมกะโปรเจ็คสำคัญๆ ของกรุงเทพฯ” นายปัฐวิน กล่าวในตอนท้าย    
“แกรนด์ ยูนิตี้” เผยแผนปี’62 ย้ำต่อเนื่องแนวคิด “Simply Makes  Sense.”

“แกรนด์ ยูนิตี้” เผยแผนปี’62 ย้ำต่อเนื่องแนวคิด “Simply Makes Sense.”

แกรนด์ ยูนิตี้ กางแผนธุรกิจปี 2562 เร่งตอกย้ำความสำเร็จแนวคิด “Simply Makes Sense. : ใช้ชีวิต…บนเหตุผลของคุณ” ชูการออกแบบและเลือกสรรวัสดุสำหรับการอยู่อาศัยบนพื้นฐานการใช้งานจริง พร้อมทำเลศักยภาพ ผ่านหลากหลายแบรนด์ใหม่ หลังปรับกลยุทธ์นี้ตั้งแต่ปี 2561 พบผู้บริโภคเข้าใจสิ่งที่นำเสนอหนุนแบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมเดินหน้าเปิดตัว 6 โครงการใหม่ หลากหลายเซกเมนต์ ตลอดทั้งปี มูลค่ารวมกว่า 9,600 ล้านบาท   นายวรวรรต ศรีสอ้าน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียมคุณภาพ ในเครือบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าธุรกิจโดยเน้นต่อยอดความสำเร็จของแนวคิด Simply Makes Sense. : ใช้ชีวิต…บนเหตุผลของคุณ ซึ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมาแล้วได้ผลสำเร็จ เป็นอย่างดี โดยจากการสำรวจผลตอบรับหลังออกแนวคิดไป ผู้บริโภคที่ตอบแบบสำรวจรับรู้ในแบรนด์ของแกรนด์ ยูนิตี้เพิ่มขึ้น และยังรับรู้สิ่งที่ต้องการสื่อภายใต้แนวคิด เช่น การออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้เป็นคอนโดที่ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตได้สะดวกสบายตามเหตุผลของตัวเอง   สำหรับปีนี้ บริษัทฯ จะยังคงนำเสนอแนวคิดดังกล่าวอย่างต่อเนื่องพร้อมเพิ่มความมั่นใจถึงคุณภาพ และการตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง ชูจุดเด่นด้านทำเลการออกแบบ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่ให้ความสำคัญกับการมอบอุปกรณ์มาตรฐานที่มีคุณภาพในทุก ๆ โครงการดังเช่นที่ผ่านมาเพื่อแสดงถึงความใส่ใจในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้ง Tempered Glass หรือกระจกนิรภัยทั้งโครงการเพื่อมอบความรู้สึกปลอดภัยให้ผู้อยู่อาศัย และการติดตั้ง W/C Pod หรือ ห้องน้ำสำเร็จรูป เพื่อการดูแล และซ่อมแซมได้ง่าย ตลอดจนการให้พื้นที่สีเขียวในทุก ๆ โครงการ เพื่อการใช้ชีวิตในเมืองร่วมกับธรรมชาติได้อย่าง มีคุณภาพสูงสุด   “ปีที่ผ่านมา แกรนด์ ยูนิตี้ ได้ปรับกลยุทธ์พัฒนาเอกลักษณ์แบรนด์ให้ชัดเจนขึ้น ผ่านแนวคิด Simply Makes Sense. : ใช้ชีวิต…บนเหตุผลของคุณ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีด้านการรับรู้ ปีนี้บริษัทฯจึงเดินหน้าแนวคิดนี้ต่อ ตอกย้ำให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเป็นคอนโดมิเนียมที่สะดวกสบาย ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองได้ตามไลฟ์สไตล์ที่มีในพื้นที่ส่วนตัวใจบนทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ที่เราเลือกสรรแล้ว”   ทั้งนี้ นายวรวรรต กล่าวเพิ่มเติมว่า แกรนด์ ยูนิตี้ ให้ความสำคัญกับการเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจ ในภาพรวม เพื่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน (Towards Sustainable Growth) จึงเดินหน้าธุรกิจให้เป็นไปตามกลยุทธ์ 3 ปีให้มีความชัดเจนขึ้น ตามทิศทางของบริษัทแม่อย่าง บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ใน 5 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น Optimization, Diversification, Supply Chain, Synergy, Opportunistic Investment ซึ่งมั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านผลการดำเนินการรวมถึงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างแน่นอน   ในขณะที่ นายปัฐวิน วงศ์เสถียร ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY เปิดเผยว่านอกจากการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แกรนด์ ยูนิตี้ ยังคงเดินหน้าในการเปิดตัวโครงการคุณภาพใหม่ ๆ เช่นกัน โดยในปี2562 มีแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,600 ล้านบาท ซึ่งโครงการไฮไลท์ของปี ได้แก่ อนิล สาทร 12 (ANIL Sathorn 12) โครงการคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury โครงการแรกจากแกรนด์ ยูนิตี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านสาทร ติดสถานี BTS สายสีเขียว สถานีศึกษาวิทยา เป็นอาคาร 42 ชั้น จำนวน 222 ยูนิต มาพร้อมการออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุระดับพรีเมี่ยมในทุกๆ รายละเอียด และเป็นโครงการที่พักอาศัย แห่งแรกของไทยที่มีการยื่นขอ WELL Multifamily Precertification ตามมาตรฐาน WELL Building Standard จาก IWBI หรือ International WELL Building Institute ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยให้ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมภายในอาคารที่ดีต่อสุขภาพในระดับเดียวกับอาคารที่พักอาศัยชั้นนำระดับโลก ถือได้ว่าเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของที่พักอาศัยในระดับบนแบบที่เรากล้าเรียกว่า Luxury Redefined   “นอกจากนี้ เรายังได้สานต่อความสำเร็จภายใต้แบรนด์ “เซียล่า” (CIELA) ที่ได้รับการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกัน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ เซียล่า จรัญฯ 13 สเตชั่น (CIELA Charan 13 Station) คอนโดมิเนียมไฮไรส์ จำนวน 1 อาคาร 20 ชั้น 360 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีจรัญฯ 13 แบบ “0 เมตร” ในขณะที่ เซียล่า เจริญนคร (CIELA Charoen Nakhon) จะเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน105 ยูนิต ตั้งอยู่บนถนนสมเด็จเจ้าพระยา ใกล้รถไฟฟ้าสายสีทอง ที่สามารถเชื่อมต่อกับทั้งสายสีเขียว และสายสีม่วงในอนาคต ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านแหล่งชุมชนเก่าที่มีเสน่ห์ มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะด้านอาหารการกินอีกทั้งยังใกล้กับแลนด์มาร์คของฝั่งธน อย่าง ไอคอน สยาม ซึ่งเซียล่าทั้ง 2 โครงการใหม่จะมาพร้อมการออกแบบพื้นที่ภายในโครงการเพื่อการอยู่อาศัยที่ สะดวกสบาย และครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก   อีกโครงการที่มีมูลค่าสูงที่สุดจากแกรนด์ ยูนิตี้ ในปีนี้ ได้แก่ เดนิม จตุจักร (DENIM Jatujak) คอนโดมิเนียมรูปแบบไฮไรส์ จำนวน 4 อาคาร รวม 1,813 ยูนิต ตั้งอยู่ซอยพหลโยธิน 18/3 สะดวกสบายในการเดินทาง ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้ทั้ง BTS สายสีเขียว เเละ MRT สายสีน้ำเงิน อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยแหล่ง ช้อปปิ้ง, ร้านอาหาร, คาเฟ่ และบริษัทชั้นนำต่างๆ นับว่าเป็นทำเลที่เติมเต็มให้ชีวิตมีความสมบูรณ์แบบในการ พักอาศัย และใช้ชีวิตสำหรับคนรุ่นใหม่   และอีกหนึ่งโครงการ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพย่านอารีย์ - พระราม 6 ได้แก่ โครงการ คาร่า อารีย์ - พระราม 6 (KARA Ari - Rama 6) คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี แบบโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร เพียง 28 ยูนิต ใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัช ที่ทำให้สะดวกสบายในทุกการเดินทางมาพร้อมยูนิตใหญ่ และที่จอดรถ 100%   ปิดท้ายด้วยโครงการพิเศษ เดอะ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ ราชดำริ (The Private Residence Rajdamri) คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี แบบโลว์ไรส์ จำนวน 8 ชั้น 29 ยูนิต ที่ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองอย่างถนนสารสิน ห่างจาก BTS สถานีราชดำริ 500 เมตร ที่สำคัญคือเป็นที่ Free Hold ที่หายากมาก ๆ แล้วในทำเลย่านนี้ โดยเป็น ยูนิตขนาดใหญ่ มาพร้อมบรรยากาศเงียบสงบ เพียงข้ามถนนสารสินก็สามารถไปพักผ่อนที่สวนลุมพินี และอยู่กลาง CBD ที่ล้อมรอบด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และเมกะโปรเจ็คสำคัญๆ ของกรุงเทพฯ” นายปัฐวิน กล่าวในตอนท้าย    
V Property “ปลดล็อก 3 ทำเลใจกลางเมือง” เอาใจ Exclusive Lifestyle ใจกลางสุขุมวิท

V Property “ปลดล็อก 3 ทำเลใจกลางเมือง” เอาใจ Exclusive Lifestyle ใจกลางสุขุมวิท

V Property Development - ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้าใจกลางเมือง และพร้อมตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมืองโดยเฉพาะ ล่าสุด ผู้บริหาร คุณพรชัย เลิศอนันตโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บ. วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ส่งแคมเปญ “ปลดล็อก 3 ทำเลใจกลางเมือง” มาเอาใจผู้ที่กำลังมองหาคอนโดทำเลใจกลางสุขุมวิทโดยเฉพาะ กับคอนโด 3 โครงการใหม่แนวรถไฟฟ้าฟ้า 3 สถานี ได้แก่ทองหล่อ - พระโขนง - อ่อนนุช ราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 - 6.49 ล้านบาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท     ซึ่งทำเลทองหล่อได้ถูก”ปลดล็อก-กู้100%*” ด้วยโครงการ V TARA สุขุมวิท 36 คอนโดใหม่ แต่งครบพร้อมอยู่ ใกล้ BTS ทองหล่อ โอนก่อนมาตรการรัฐ กู้ได้100%* ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอน* 2 ห้องนอน เริ่ม 5.89 ล้านบาท   ทำเลติดรถไฟฟ้าสถานีพระโขนงเองก็ “ปลดล็อก-ราคาเดียว*” ห้องชั้นสูงวิวสวย ราคาพิเศษกับโครงการ VERTIER สุขุมวิท คอนโดใหม่มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนเพียง 10 ยูนิตต่อชั้น พร้อมมอบ Exclusive Lifestyle ใกล้เอกมัย-ทองหล่อ ปลดล็อกยูนิตชั้นพิเศษ วิวเมืองชั้นสูง ราคาเดียว* 6.49 ล้านบาท   และสุดท้ายอ่อนนุช ทำเลสุดฮิตที่ได้ถูก “ปลดล็อก-เฟสใหม่” ด้วยคอนโดสุดชิคกับโครงการ  IKON สุขุมวิท77 คอนโดใหม่ แต่งครบ ติดห้าง ส่วนกลาง 24 ช.ม. ใกล้บีทีเอส อ่อนนุช ปลดล็อกเฟสใหม่ผ่อน 2,999 บาท/เดือน* เริ่ม 1.89 ล้านบาท   พร้อมพบกับสิทธิพิเศษมากมายที่จะมาทำให้อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านจนกระเป๋าตังค์คุณสั่น ห้ามพลาดตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคมนี้ เท่านั้น แล้วพบกันที่ Sales Gallery ทั้ง 3 โครงการ สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1298   ใกล้ BTS ทองหล่อ    V TARA สุขุมวิท คอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ โอนก่อนมาตรการรัฐ กู้ได้100%* ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอน* 2 ห้องนอน เริ่ม 5.89 ล้านบาท วันนี้-31 มี.ค. เท่านั้น พบกันที่ Sales Gallery สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1298 คลิกชมรายละเอียดโครงการเพิ่มได้ที่  http://bit.ly/2Jdajka     ติด BTS พระโขนง VERTIER สุขุมวิท คอนโดใหม่ทำเลใกล้เอกมัย-ทองหล่อ ปลดล็อกยูนิตชั้นพิเศษ วิวเมืองชั้นสูงราคาเดียว* 6.49 ล้านบาท วันนี้-31 มี.ค. เท่านั้น พบกันที่ Sales Gallery สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1298 คลิกชมรายละเอียดโครงการเพิ่มได้ที่  http://bit.ly/2Jjv6Cu   ใกล้ BTS อ่อนนุช IKON สุขุมวิท77 คอนโดใหม่ แต่งครบ...สุด Chic!! ใกล้ บีทีเอส อ่อนนุช ปลดล็อกเฟสใหม่ติดห้าง  ผ่อน 2,999 บาท/เดือน* เริ่ม 1.89 ล้านบาท วันนี้-31 มี.ค. เท่านั้น พบกันที่ Sales Gallery สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1298 คลิกชมรายละเอียดโครงการเพิ่มได้ที่ http://bit.ly/2JnRefp    
นับถอยหลังเปิดตัว “ครอสโร้ดส์” เกาะสวรรค์กลางทะเลมัลดีฟส์ กลางปี 2562

นับถอยหลังเปิดตัว “ครอสโร้ดส์” เกาะสวรรค์กลางทะเลมัลดีฟส์ กลางปี 2562

สิงห์ เอสเตท นับถอยหลังเตรียมตัวเปิดเฟสแรกของโครงการ “ครอสโร้ดส์” จุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนและสันทนาการครบวงจรแห่งแรกในมัลดีฟส์กลางปี 2562 ณ เอ็มบูดู ลากูน เตรียมพบกับการเปิดตัวโรงแรมชั้นนำถึง 2 แห่ง ได้แก่ ซาย ลากูน มัลดีฟส์ คูริโอ คอลเล็กชั่น บาย ฮิลตัน (SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton) และโรงแรมฮาร์ด ร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) รวมทั้งพื้นที่สำหรับความบันเทิงและร้านค้าปลีกขนาด 11,000 ตารางเมตร ภายใต้ชื่อ “เดอะ มารีน่า แอท ครอสโรดส์” (The Marina @ CROSSROADS) ชูทัพร้านค้าปลีกและร้านอาหารที่มีสไตล์ รวมทั้งร้านที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างฮาร์ด ร็อค คาเฟ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว เพื่อนฝูง นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือนักธุรกิจ ก็สามารถค้นพบประสบการณ์การท่องเที่ยวมัลดีฟส์รูปแบบใหม่ได้ที่ครอสโร้ดส์ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว ครอสโร้ดส์พร้อมนำเสนอกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจหลากหลายรูปแบบ เอาใจสมาชิกทุกคนในครอบครัว อาทิ Maldives Discovery Centre ศูนย์เรียนรู้เชิงวัฒนธรรมที่มีดีไซน์สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ภายในจัดมีการแสดงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น และโซนให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการอนุรักษ์ทางทะเล พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับโซนจัดแสดงเส้นทางเดินปะการังแบบเสมือนจริง และโซนเล่นเกมให้ความรู้ทางทะเลแบบอินเตอร์แอคทีฟสำหรับเด็ก นอกจากนั้นสำหรับผู้ที่สนใจการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตทางทะเล ครอสโร้ดส์ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์สิ่งมีชีวิตในทะเล Marine Discovery Centre ซึ่งภายในมีห้องทดลองชีววิทยาทางทะเล และกิจกรรมทางน้ำเชิงอนุรักษ์ต่างๆ อาทิ การดำน้ำลึก การดำน้ำผิวน้ำ (สนอร์เกิลลิ่ง) การปลูกปะการัง การปล่อยปลาการ์ตูน และการอนุบาลปะการังในทะเล ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัวโครงการในกลางปีนี้ จะมีการเปิดศูนย์ประชุม CROSSROADS Event Hall ซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ถึง 460 คน ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมระดับเวิร์ลคลาส รวมทั้งบริการจัดเลี้ยง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อธุรกิจอีกด้วย อีกไม่นานเกินรอ ครอสโร้ดส์จะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวมัลดีฟส์ในรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้มาเยือน พร้อมรับบทบาทสำคัญในการสร้างนิยามใหม่ของประสบการณ์การท่องเที่ยวในมัลดีฟส์      
โอกาสพิเศษสุด “The Legend by Boathouse Hua Hin” จัดโปรฯ 2 ห้องนอน เริ่ม 5.29 ล้าน

โอกาสพิเศษสุด “The Legend by Boathouse Hua Hin” จัดโปรฯ 2 ห้องนอน เริ่ม 5.29 ล้าน

ซัมเมอร์นี้ เข้าสู่ฤดูกาลขายคอนโดมิเนียมตากอากาศเจ้าใหญ่โครงการติดทะเล อาคารชุด  The Legend by Boathouse Hua Hin (อาคารชุด เดอะ เลจเจ้นท์ บาย โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน) เตรียมปล่อยโปรโมชั่นรับหน้าร้อน “สองห้องนอน” และ “บ้านแฝดติดสระ เฟสใหม่” ในราคาที่เอื้อมถึง เอาใจลูกค้ายุคใหม่ที่ต้อง Smart Investment มากขึ้น เผยไฮไลท์ห้องตัวอย่าง ใหม่สไตล์ Natural Fulfill เอาไว้ในงานอินทีเรีย และโปรโมชั่นลดสะใจ ห้องชุดขนาดสองห้องนอน เริ่มต้น 5.29 ล้านบาท และ บ้านแฝดติดสระ 45 ตรว.เพียง 6.89 ล้านบาท เฉพาะช่วงไฮซีซั่นนี้เท่านั้น   คุณประไพสิทธิ์ ตัณฑ์เกยูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน จำกัด เปิดเผยว่า The Legend  เป็นอาคารชุดตึกที่ 4 ตามแผนพัฒนาภายในโครงการขนาดใหญ่ของ Boathouse Hua Hin พิกัด อยู่ตรงช่วงโค้งก่อนเข้าอุโมงค์ลอดใต้รันเวย์สนามบินหัวหิน และมีถนนแยกลงมาที่โครงการอีกที ทำเลตรงนี้สุดเขตชะอำ เริ่มต้นหัวหิน มีเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ ประกอบไปด้วย บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์โฮม และ คอนโดมิเนียม มีจุดเด่นตรง ติดหาดที่ไม่มีถนนเลียบหาดจึงเหมือนมีชายหาดส่วนตัว ไปโดยปริยาย สร้างเสร็จไปแล้ว 4 ตึก ปัจจุบันอยู่ในช่วง Resale โดยตัวอาคารหลังใหม่  “เดอะเลจเจ้นท์” จุดเด่นเป็น Private Beach วิวทะเลเต็มตาจากห้องนอนพร้อมจุดขาย ให้มากกว่า อยู่แล้วคุ้มค่า น่าลงทุน จากปัจจัย   1.  Single Loaded Corridor   พื้นที่ทางเดินโล่ง โปร่งกว้าง 2. สระว่ายน้ำรายล้อมทั้งโครงการฯ 3.พื้นที่ส่วนกลางสาธารณูปโภค, สระว่ายน้ำ และสวนเขียวขจี 50% ของพื้นที่โครงการ   ล่าสุดทางโครงการฯ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษรับซัมเมอร์ โปรโมชั่นลดสะใจ ห้องชุดขนาดสองห้องนอน เริ่มต้น 5.29 และ บ้านแฝดติดสระ 45 ตรว.เพียง 6.89 ล้านบาท นับว่า คุ้มค่า น่าลงทุน เพราะปัจจุบันจะหาคอนโดตากอากาศขนาดใหญ่ วิวทะเล ระบบบริหารจัดการส่วนกลางได้มาตรฐาน ค่อนข้างน้อย และที่ผ่านมาปัจจัยทางเศรษฐกิจส่งผลให้ราคาไม่ปรับตัวสูงมากนัก แต่ในระยะยาวคอนโดฯ วิวทะเล มีหน้าหาดส่วนตัว มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นแน่นอน ทั้งนี้ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยของโครงการฯ อยู่ที่ 90,000 บาท (เทียบกับราคาตลาดหรือคอนโดมีเนียมเกิดใหม่อยู่ที่ 110,000 บาท ถือได้ว่าถูกกว่า 20 เปอร์เซนต์)   สำหรับ The Legend by Boathouse Hua Hin (เดอะ เลจเจ้นท์ บาย โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน) มีจำนวนห้องชุด 159 ยูนิต และมีที่จอดรถ 83 คัน  แบ่งเป็นห้องชุดขนาด 1 ห้องนอน 46 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน เริ่มต้น 49-102 ตารางเมตร, 3 ห้องนอน เริ่มต้น 120-131 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.29 ล้านบาท (สำหรับ 1 นอน) จุดขายเป็นโครงการขนาดใหญ่   สาธารณูปโภคครบครัน สร้างเสร็จแล้ว และสัมผัสได้จริง จัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านเป็นสวนสวย สระว่ายน้ำบริการสาธารณะถึง  50  เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ดินทั้งหมด   สระว่ายน้ำให้เลือกทั้งแบบอินฟินีตี้พูล และ Mega Swimming Free-Form Pool  ขนาด 15,000 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าที่ทุ่มลงไปกว่า 500 ล้านบาท ปัจจุบันครองแชมป์คอนโดฯ ตากอากาศของหัวหินที่ให้ส่วนกลางเยอะมากที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต   สนใจโครงการฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 032-442570-2 หรือ 086 366 3371-2 หรือ http://www.boathouse-huahin.com/the_legend/      
Landscope Thailand จับจังหวะเงินปอนด์อ่อนค่านำเสนอ Garden House London

Landscope Thailand จับจังหวะเงินปอนด์อ่อนค่านำเสนอ Garden House London

Residential Land ร่วมกับ แลนด์สโคป (ประเทศไทย) เปิดตัว Garden House ที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ ย่าน Kensington Gardens ทำเลศักยภาพเชื่อมต่อไฮด์ปาร์คและสนามบินฮีทโธรวภายใน 24 นาที เผยสถานการณ์เงินปอนด์อ่อนจาก Brexit เป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนไทยและเอเชียที่สนใจ อสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ พร้อมย้ำปัจจัยพื้นฐานลอนดอนระยะยาวยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการมาเยือนของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ล่าสุดพบต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ลอนดอนสูงถึง 60 – 65% เหตุเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในโลกตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์คาดยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแปลงไปจนถึงปี 2025   อิสซาเบลล่า  ญาณ (Isabelle Yan) หัวหน้าฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ – เอเชียแปซิฟิก   Residential Land เปิดเผยว่า Residential Land ได้เปิดตัวที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ Garden House ตั้งอยู่ย่าน Kensington Gardens Square หนึ่งในเขตพิเศษที่หรูหราที่สุดในกรุงลอนดอน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากไฮด์ปาร์คที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเมืองหลวง Garden House เป็น อาคารที่มีจัดอยู่ในอันดับเกรด 2  (นำตึกเก่ามาสร้างใหม่) ซึ่งเป็นที่รวบรวมอพาร์ทเม้นท์ หนึ่ง สองและสามห้องนอน ด้วยราคาเริ่มต้น 995,000 ปอนด์ ผู้พักอาศัยของ Garden House ยังเพลิดเพลินกับการเข้าถึงสวนส่วนตัวที่สวยงาม รวมถึงสิ่งที่เป็นสิ่งจำเป็นของลอนดอนในย่านที่มีชื่อเสียง ซึ่งเสนอพื้นที่อันเงียบสงบด้วยต้นไม้ใหญ่  สนามหญ้าสีเขียวและแปลงดอกไม้ที่ดูแลอย่างดีที่สุด   Garden House เปี่ยมด้วยคุณภาพและความสะดวกสบายให้ความรู้สึกอันแสนอบอุ่น ด้วยขอบประตูแบบย้อนยุคที่สวยงามและอุปกรณ์ที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเสนอศิลปะของการใช้ชีวิต  บ้านแต่ละหลังมีเทคโนโลยีภาพและเสียงขั้นสูงโดยใช้ระบบอัตโนมัติในบ้านของยี่ห้อ Creston ซึ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันรวมถึง แสงสว่าง ความร้อน เสียง และความปลอดภัย ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับ iPad ส่วนบุคคลGarden House ยังเสนอการออกแบบตกแต่งภายในที่มีคุณภาพสูง เช่นห้องครัวยี่ห้อ Macasser ที่มีความมันวาวสูงรวมถึงการขัด ผลึกบนพื้นผิวส่วนบนของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าครบวงจรรวมถึง ห้องเก็บไวน์ที่ควบคุมอุณหภูมิ ห้องนอนได้ประโยชน์จากหน้าต่างบานใหญ่ที่หรูหราและทิวทัศน์ทั่วทั้งสวน   Garden House ตั้งอยู่ใกล้กลับ  Notting Hill  ถนนพอร์ทโตเบลโล และ ไฮด์พาร์คซึ่งเป็นย่านที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของลอนดอน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารรสเลิศมากมายรวมถึง Core by Clare Smyth ร้านอาหารสองดาวมิชลิน ที่ได้รับรางวัลมิชลินซึ่งดำเนินการโดย Clare Smyth ที่ได้รับรางวัล Best Female Chef Award จาก 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของโลก Garden House ยังอยู่ใกล้กับ  Whiteleys, ศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงอันดับ 2 ทำให้โครงการพัฒนาไปสู่การอยู่อาศัยระดับไฮเอนด์รวมถึงร้านค้าปลีกใหม่ ร้านอาหาร และ สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อน   เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงมูลค่า 1 พันล้านปอนด์ของพื้นที่ Queensway ที่กว้างขวางขึ้น   Garden House ตั้งอยู่บนทำเลมีการเดินทางที่ดีที่สุดเชื่อมด้วยสถานีรถไฟ Bayswater และ Queensway ภายใน 5 นาที ด้วยการเดิน อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากการมาของสาย Elizabeth (Crossrail) ที่สถานี Paddington ซึ่งร่นระยะการเดินทางครึ่งชั่วโมงจากถนน Bond โดยใช้เวลาแค่ 3 นาที ถนน Liverpool 10 นาที และ Canary Wharf ในเวลา 17 นาที และอยู่ห่างจากสนามบิน Heathrow เพียง 24นาที   นายบรูซ ริตชี่ (Bruce Ritchie)  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Residential Land ให้ความเห็นว่า “การเปิดตัว Garden House ในกรุงเทพฯ ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Residential Land เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เราได้เปิดตัวการพัฒนาใหม่ ๆ ในประเทศไทย เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบ้านหรูราคาไม่แพงในใจกลางกรุงลอนดอน มีความภาคภูมิใจที่จะได้แสดงผลงานคุณภาพสูงของเราที่งานแสดงสินค้ากรุงเทพ อสังหาริมทรัพย์ของเราอยู่ในย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดในลอนดอนและยังได้รับประโยชน์จากความมีชีวิตชีวาที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง ทำให้ผู้ซื้อมีโอกาสในการลงทุนที่ปลอดภัยเนื่องจากเมืองหลวงยังคงเติบโตและเจริญเติบโตต่อไป   ทั้งนี้ปัจจุบันถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างชาติที่ต้องการที่อยู่อาศัยในลอนดอน เนื่องจากปัจจุบันค่าเงินปอนด์ได้อ่อนค่าลง จากปัจจัยเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (BREXIT)จึงส่งผลดีให้นักลงทุนหรือผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในลอนดอนได้เข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ถูกลง อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า BREXIT จะเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีต่อสหราชอาณาจักรในระยะสั้นเท่านั้น  สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนนั้น ในภาวะปกติ ระยะยาวมีอัตราเติบโตของราคาประมาณ 5-7% ต่อปี โดยส่วนมากด้วยการยอมรับจากที่ปรึกษา และยังไม่มีสัญญาณที่จะเปลี่ยนแปลงไปจนถึงปี 2025ไม่เพียงเท่านี้อสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษเป็นหนึ่งในประเภทสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดจากทั่วโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา   นาย ทิม สเคพวิงตัน (Mr. Tim Skevington) กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์สโคป (ประเทศไทย) จำกัด  บริษัทผู้แทนขายอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า นักลงทุนชาวเอเชียให้ความสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนอย่างมาก เพราะลอนดอนเป็นมหานครที่เป็นจุดหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก โดยในปีที่ผ่านมาพบว่า  จำนวนชาวต่างชายที่เข้ามาซื้อและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนคิดเป็น ประมาณ60-65% ของ อสังหาริมทรัพย์ที่ นอกจากนี้ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อนำมาขายใหม่ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่ง 1 ใน 5 ถูกขายให้ผู้ซื้อชาวต่างชาติ ปัจจัยที่นักลงทุนต่างชาติชื่นชอบอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน เนื่องด้วยระบบกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินของสหราชอาณาจักร ภาษาอังกฤษ เอื้ออำนวยให้มีการถือครองนานถึง 999 ปี   สำหรับการโรดโชว์ Garden House จะทำการเปิดตัวทั่วเอเชียเนื่องจากเป็นตลาดที่มีทิศทางการเติบโตที่ดี และเป็นกลุ่มประเทศที่นิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักร จึงมีโอกาสสูงที่จะซื้อที่อยู่อาศัยไว้ให้บุตรหลานในช่วงศึกษาเล่าเรียน และสามารถขายทำกำไรได้เมื่อจบการศึกษา      
โนเบิลฯ อัดแคมเปญ “ฮอตที่สุดในย่าน” ส่งแบรนด์ “รีวอลฟ์” คอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ เริ่มต้นเพียง 3.4 ล้าน*

โนเบิลฯ อัดแคมเปญ “ฮอตที่สุดในย่าน” ส่งแบรนด์ “รีวอลฟ์” คอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ เริ่มต้นเพียง 3.4 ล้าน*

โนเบิลฯ ส่งแคมเปญใหม่ “ฮอตที่สุดในย่าน” รวม 2 คอนโดพร้อมอยู่ใจกลางรัชดา โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 จัดเต็มแต่งครบ ฟรีเฟอร์ฯ พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เข้าอยู่ได้ทันที บนทำเลศักยภาพ ติด MRT ศูนย์วัฒนธรรม เริ่มต้นเพียง 3.4 ล้าน* ชมห้องตัวอย่างพร้อมสัมผัสบรรยากาศโครงการจริงได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขายโครงการ   คุณธีรพล  วรนิธิพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โนเบิลฯ ได้จัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่มองหาคอนโดฯ ในย่านรัชดา ด้วยการเปิดตัวแคมเปญใหม่ “ฮอตที่สุดในย่าน” กับ 2 โครงการพร้อมอยู่ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ที่มีจุดเด่นของทำเลศักยภาพใจกลางรัชดา ย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) ติดรถไฟฟ้า MRT ศูนย์วัฒนธรรมเพียง 80 เมตร ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่บนทำเลที่ลงตัวที่สุด โดยทั้ง 2 โครงการที่นำมาจัดแคมเปญในครั้งนี้มีขนาดห้องชุดให้เลือกตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอน และแบบ 2 ห้องนอน ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.4 ล้านบาทเท่านั้น*   โครงการโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ออกแบบด้วยแนวคิด “Revolve Living” ที่ปรับทุกฟังก์ชั่นของพื้นที่ใช้สอย ให้ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่ทันสมัยได้อย่างลงตัวบนสุดยอดทำเลศักยภาพใจกลางรัชดา ซึ่งปัจจุบันนับเป็นย่านธุรกิจการค้าสำคัญแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งมอลล์ สถานศึกษา และอาคารสำนักงานต่างๆ ส่งผลให้ย่านนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเป็นจุดเชื่อมต่อของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะทำให้ย่านรัชดาเป็นอีกทำเลสำคัญที่สามารถเชื่อมต่อไปได้ทุกที่ สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถชมห้องตัวอย่างจริงได้วันนี้ ที่สำนักงานขายโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ติด MRT ศูนย์วัฒนธรรม ลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดออนไลน์ 50,000 บาท* ได้ที่ www.noblehome.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 02-251-9955      
LPN Final Call บ้าน & คอนโดพร้อมอยู่ “ลุมพินี ราคา Outlet”

LPN Final Call บ้าน & คอนโดพร้อมอยู่ “ลุมพินี ราคา Outlet”

LPN จัดแคมเปญ “ลุมพินี ราคา OUTLET” 15 วันสุดท้ายก่อนเข้าสู่มาตรการ LTV เจาะกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ “ลุมพินี” ทั้งซื้อเพื่ออยู่เองและนักลงทุน ผลตอบแทนประมาณ (Yeild) 5% ด้วยราคาขายคุ้มสุด เริ่ม 9 แสน – 8.9 ล้าน ประกอบด้วยบ้าน ทาวน์โฮมและคอนโดพร้อมอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ กว่า 660 ยูนิต มูลค่า 1,160 ล้านบาท ที่เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ เพียงวางเงินจองเริ่ม 5,000 บาท สำหรับคอนโด และ 10,000 บาท สำหรับบ้าน ทั้งรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคาร ก่อนมาตรการ Loan to Value (LTV) บังคับเพิ่มเงินดาวน์ 20% การันตีสินค้าแบรนด์ “ลุมพินี” เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นจากความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการตามกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่” และทำเลคุณภาพ ก่อนสิ้นเดือนมี.ค.นี้เท่านั้น    นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN)  เปิดเผยว่า ก่อนเข้าสู่มาตรการควบคุมสินเชื่อ Loan to Value (LTV) ซึ่งจะมีการเพิ่มเงินดาวน์ในการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับการขอสินเชื่อบ้านหลังที่สองเป็น 20% จากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ในวันที่ 1 เมษายน 2562 นี้ บริษัทได้จัดแคมเปญส่งเสริมการตลาดภายใต้ชื่อแคมเปญ “ลุมพินี ราคา OUTLET” อันจะเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดพร้อมอยู่ได้ง่ายๆ ทั้งยังได้รับอานิสงส์ของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยก่อนที่ธนาคารต่างๆจะทยอยปรับขึ้นตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบัน บางธนาคารได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ไปแล้ว และมีการคาดการณ์ว่า กนง. จะประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้   ภายใต้แคมเปญนี้บริษัทได้คัดสรรสินค้า 16 โครงการบนทำเลคุณภาพทั้งบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดกว่า 660 ยูนิต มูลค่ารวม 1,160  ล้านบาทมาให้เลือกช้อป เพียงวางเงินจองเริ่ม 5,000 บาทสำหรับคอนโดและ 10,000บาทสำหรับบ้าน จึงนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่เอง ด้วยราคาที่คุ้มค่าเริ่มต้นเพียง 9 แสน - 8.9 ล้านบาท และสำหรับกลุ่มเป้าหมายนักลงทุน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าสินค้าของบริษัทเป็นที่ต้องการของตลาด มีความต้องการเช่าต่อเนื่อง จึงทำให้ปล่อยเช่าได้โดยง่าย โดยมีหน่วยงาน Brokerage ที่ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งการปล่อยเช่า-ขาย ประจำอยู่ในทุกโครงการ ผลตอบแทนที่ได้รับจากค่าเช่า (Yield) เฉลี่ย 5 % จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า นอกจากนี้ LPN ยังมีบริษัทในเครือ บริษัท ลุมพินี พรอเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) ที่ดูแลด้านการบริหารจัดการหลังลูกค้าเข้าอยู่อย่างมืออาชีพด้วยกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่” จึงมั่นใจได้ว่าผู้อยู่อาศัยจะได้รับคุณภาพชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยปัจจุบันบริษัทLPP ยังได้เข้าบริหารจัดการหลังเข้าอยู่อาศัยในโครงการของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ อีกด้วย   “ผลจากการตื่นตัวของมาตรการ LTV ส่งผลให้ลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าการจัดแคมเปญพิเศษในครั้งนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และถือเป็นโค้งสุดท้ายที่ไม่ควรพลาดในการซื้อสินทรัพย์เก็บไว้ภายใต้เงื่อนไขเดิม ซึ่งนับวันก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เริ่มอย่างเป็นทางการเสาร์ที่ 16 -31 มี.ค.นี้ เท่านั้น ณ สำนักงานขายทั้ง 16 โครงการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม LPN Call Center 02-689-6888          
สยามพิวรรธน์ ประกาศจุดยืน  “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) นำไทยยิ่งใหญ่บนเวทีโลก

สยามพิวรรธน์ ประกาศจุดยืน “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) นำไทยยิ่งใหญ่บนเวทีโลก

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ‘ไอคอนสยาม’ อภิมหาโครงการเมืองสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประกาศจุดยืน  “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) ด้วยการนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย มุ่งสร้างชื่อเสียงประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่บนเวทีโลก เผยกลยุทธ์สำคัญใน 5 ปีข้างหน้า พร้อมฉลองการเข้าสู่ปีที่ 60 ด้วยความสำเร็จของธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดดนับจากปี 2557 ถึงวันนี้ รายได้เติบโตขึ้นถึงเท่าตัว   นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ตลอด 60 ปี สยามพิวรรธน์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการสร้างต้นแบบและนำมาตรฐานใหม่ๆ มาพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด  เราสร้างปรากฎการณ์ปฏิวัติวงการให้เกิดขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่า และจากทิศทางที่สยามพิวรรธน์ได้ประกาศไปเมื่อ 5 ปีก่อน การเปลี่ยนสยามเซ็นเตอร์ ให้กลายเป็นเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ และการปรับโฉมสยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางรูปแบบไฮบริดรีเทล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การค้าไทยได้รับรางวัลชนะเลิศจากทั้งวงการศูนย์การค้าและการค้าปลีกของโลกพร้อมกัน และล่าสุด สำหรับการเปิดอภิมหาโครงการเมืองไอคอนสยามที่เป็นกระแสร้อนแรงที่สุดแห่งปี 2561 โดยได้วางแผนกลยุทธ์ใหม่ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ และกำหนดทิศทางการลงทุนของสยามพิวรรธน์ ซึ่งจะเน้นไปที่การสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกับคนไทยทั้งประเทศ และพันธมิตรชั้นนำในต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหนือชั้นเพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจร โดยเราตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปีข้างหน้ารายได้กลุ่มธุรกิจของเราจะโตขึ้นอีก 1 – 1.5 เท่า      จุดยืนที่แข็งแกร่งและแตกต่างนี้  สยามพิวรรธน์ ได้เผยกลยุทธ์สำคัญที่จะเป็นแผนธุรกิจ 5 ปี ดังนี้   1.เดินหน้าสร้างมหาปรากฏการณ์ โครงการระดับโลกทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดจากความสำเร็จของ วันสยาม และไอคอนสยาม ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมือง โครงการที่สยามพิวรรธน์สร้างขึ้นจะต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องปฏิวัติวงการค้าปลีก (Retail revolution) และต้องเป็นโครงการที่สร้างสรรค์โดยเฉพาะ (Tailor made) โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบและคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่เหนือความคาดหมาย ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบเร็วๆ นี้  นอกจากนี้สยามพิวรรธน์ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อน “วันสยาม” (One Siam)  คือการผนึกกำลังของ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นสถานที่หนึ่งเดียวในเอเชียและวงการค้าปลีกของโลก ที่ก้าวขึ้นแท่นติดอันดับ 1 ใน 10 ของสถานที่ยอดนิยมระดับโลก อันดับ 1 ใน Instagram  และอันดับ 6 ในFacebook    ไอคอนสยามยังคงเดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดองค์ประกอบสำคัญเพิ่มเติม เช่น ทรู ไอคอน ฮอลล์ (TRUE ICON HALL) ศูนย์ประชุมพร้อมนวัตกรรมล้ำยุคแห่งแรกในกรุงเทพบนพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร และ ริเวอร์มิวเซียม แบงค็อก (rivermusuem bangkok) ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์มาตรฐานระดับสากลครั้งแรกในเมืองไทย โดยจะทำงานร่วมกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก เพื่อนำผลงานศิลปะล้ำค่าจากต่างประเทศมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย   2.ผนึกกำลังพันธมิตรแถวหน้าระดับโลก ร่วมพัฒนาธุรกิจค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมากมาย และเลือกที่จะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจและร่วมลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ไปกับสยามพิวรรธน์ ในขณะเดียวกัน สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากหลายๆ บริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศต่างๆ  ซึ่งมีความประสงค์จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นกลางจึงจะทำให้สยามพิวรรธน์สามารถจับมือกับทุกพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษา โดยได้มองหาทำเลทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด    ในส่วนธุรกิจค้าปลีก สยามพิวรรธน์ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่แปลกใหม่เป็นคนแรกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจค้าปลีกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งการขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบแฟรนไชส์ การร่วมทุนกับบริษัทค้าปลีกชั้นนำจากต่างประเทศเพื่อเปิดตัวแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์อีก 2 แบรนด์ และมีกำหนดการที่จะเปิด Luxury Premium Outlets แห่งแรกในประเทศไทยในปลายปีนี้ และขยายเพิ่มไปนอกกรุงเทพฯ อีก 2 แห่ง    นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นการให้ความสนับสนุนดีไซน์เนอร์ไทยและผู้ประกอบการ SME ไทยให้พัฒนาบน platform การจัดจำหน่ายสินค้าที่สยามพิวรรธน์บริหารอย่างครบวงจร เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยๆ ที่มีต้นทุนต่ำ ได้ใช้ประโยชน์จากศูนย์กลางข้อมูลของสยามพิวรรธน์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง   3.ลงทุนธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก สยามพิวรรธน์มีความสนใจที่จะลงทุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์  การลงทุนในธุรกิจอื่น และขยายธุรกิจค้าปลีก  ที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักเพื่อเสริมศักยภาพของสยามพิวรรธน์  เช่น การซื้ออาคารสำนักงาน กิจการจัดส่งสินค้า(logistics) รวมไปถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ   นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าในการขยายธุรกิจภายใต้บริษัทลูกอีก 4 - 5 บริษัทใหญ่ อาทิ การจัดตั้งบริษัท สยามอัลไลแอนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ต่อยอดความเชี่ยวชาญจากการบริหาร Royal Paragon Hall เพื่อรับบริหารจัดการศูนย์การประชุมและศูนย์แสดงนิทรรศการใหม่ๆ อาทิ TRUE ICON HALL และลงทุนในการสร้างศูนย์ประชุมสำหรับการจัดงานต่างๆ รวมถึงการการจัดแสดงคอนเสิร์ตในทำเลใหม่ การเดินหน้าให้บริการกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดอย่างครบวงจรของบริษัท ซูพรีโม่ จำกัด ที่สร้างประสบการณ์ระดับโลกเหนือความคาดหมายมาแล้วมากมาย อาทิ การจัดงาน Amazing Thailand Countdown ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีธุรกิจให้คำปรึกษาและบริการเกี่ยวกับการจัดการอาคารของบริษัท สยามโปรเฟสชั่นแนล แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้ให้บริการแก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาแล้วหลายราย ซึ่งบริษัทในเครือเหล่านี้ จะเดินหน้าให้บริการทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง   4.เปิดตัวระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการบริหารจัดการข้อมูล ที่ได้ถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี สร้างความแตกต่างแต่โดนใจ เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ในปีนี้ สยามพิวรรธน์จะเปิดตัวระบบสารสนเทศทางการตลาด (Marketing Intelligence System) ที่ได้พัฒนามานานกว่า 5 ปีด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท สำเร็จพร้อมใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้วในปีนี้ โดย อาจารย์สรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ และผศ.ดร.พีรพล เวทีกูล อาจารย์ประจำ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยระบบจะแบ่งเป็น 2 ส่วน   - ในส่วน Front-end สยามพิวรรธน์ได้มีการทำ Location awareness และ Member awareness ผ่านระบบ Mobile Application รวม ศูนย์ข้อมูลการตลาดโดยทำ Web Centralization และพัฒนาElectronic Digital Marketing (EDM) เพื่อเข้าถึงลูกค้าผ่านทางช่องทางบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น   - ในส่วน Back-end สยามพิวรรธน์ได้พัฒนาระบบ Data Infrastructure เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในหลายมิติ และใช้ Advanced data analytics ในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล เพื่อนำไปต่อยอดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้ตรงใจลูกค้าและได้ผลตอบแทนมากที่สุด   5.กลยุทธ์การสร้างคุณค่า สมประโยชน์ร่วมกันสู่ความยั่งยืน จับมือผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศพร้อมแข่งขันบนเวทีโลก ปั้น Local Heroes ให้เป็น Global Heroes  สยามพิวรรธน์ ยังคงยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability)  โดยการสร้างแบบอย่างการดำเนินธุรกิจ คือ การร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และ การสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) ซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักในการพัฒนาทุกโครงการของสยามพิวรรธน์ตลอดมา ด้วยการผนึกกำลังร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ บุคคลผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากทั่วโลก ถูกสะท้อนออกมาอย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบ อาทิ สนับสนุนโครงการดีมาร์ค โชว์ โครงการทาเลนต์ไทย แอนด์ ดีไซน์เนอร์รูม และการเปิดร้าน Objects of Desire Store (ODS) ที่ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันผลงานของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก เป็นต้น    นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ ยังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการท้องถิ่นรายย่อยจากทั่วประเทศไทย ในโครงการสุขสยาม ส่งผลให้ผลิตผลจากหมู่บ้านและท้องถิ่นต่างๆ มียอดขายที่ดีและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมองหาโอกาสที่จะทำโครงการดีๆ ร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เชิดชูความสามารถและผลักดันฝีมือคนไทย  ปั้น “Local Heroes” ให้กลายเป็น “Global Heroes”   6.การพัฒนาสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) และการสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader สยามพิวรรธน์มีแผนปรับโครงสร้างบริหารและพัฒนาองค์กรดังนี้ การสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader ปั้นคนรุ่นใหม่เสริมทัพผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนองค์กร โดย 5 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างหน่วยงาน Think Tank ที่ได้ทำงานร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้บริหารระดับสูงที่มากด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอย่างใกล้ชิด เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้ถูกฝึกฝีมืออย่างเข้มข้น และมีเวทีในการแสดงศักยภาพ มีโอกาสเติบโตและภาคภูมิใจไปกับทุกความสำเร็จขององค์กร   นอกจากนี้ โครงการสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) ซึ่งคือหลักสูตรการบริหารจัดการ ที่นำองค์ความรู้ในการบริหารศูนย์การค้าและการค้าปลีกของสยามพิวรรธน์ที่สั่งสมมากว่า 60  ปีมาถ่ายทอดให้กับสังคม ในปีต่อไปนี้สยามพิวรรธน์จะเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ มีความชำนาญที่หลากหลาย (Multi Skills) ที่สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้า และเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิตอล     สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะปรับโครงการสร้างองค์กรด้วยการสร้าง Center of Excellence หรือ การสร้างหน่วยงานกลางที่รวมเอาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในสาขาต่างๆ ขึ้นเป็นหน่วยงานส่วนกลางเพื่อกำกับดูแล และให้การสนับสนุนบริษัทลูกในเครือทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีแผนการปรับกระบวนการทำงานโดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีผลิตภาพมากขึ้น อาทิ การใช้ Chatbot, Robotic, AI ทำให้องค์กรมีความคล่องตัว (Agile organization)  สามารถปรับตัวได้เร็วตอบสนองความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว      
ริชี่ เพลซ 2002 เปิดตัวคอนโดหรู “The Rich Ekkamai”  ใจกลางสุขุมวิท เอกมัย

ริชี่ เพลซ 2002 เปิดตัวคอนโดหรู “The Rich Ekkamai” ใจกลางสุขุมวิท เอกมัย

บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY ประกาศศักดา เปิดตัวโครงการคอนโด มูลค่ากว่า 3,400 ล้านบาท ใจกลางสุขุมวิท เอกมัย ใกล้ BTS ติดบิ๊กซี “The Rich @Ekkamai” ยึดสโลแกน คอนโดมิเนียมสุดยอดทำเล คุณภาพระดับไฮเอนด์ในราคาที่คุณสัมผัสได้ ชี้จุดเด่น ภายใต้แนวคิด “Intensify Your Passion” หนุนผลงานปี 62 ทุบสถิตินิวไฮได้ต่อเนื่อง   ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สุดยอดทำเลทุกโครงการ” เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีความเปราะบางด้วยปัญหาเศรษฐกิจ และการเมืองในปีนี้ ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นสภาพตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ บนทำเลศักยภาพที่แนวโน้มมูลค่าที่ดินเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา ซึ่งข้อมูลจากแผนกวิจัย CBRE พบว่า โดยภาพรวมในตลาด สุขุมวิทยังคงเป็นทำเลที่เป็นที่นิยมที่สุดในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ในปี 2561 มีคอนโดมิเนียมเปิดตัวกว่า 6,500 ยูนิต จาก 21 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับ high-end และ luxury และมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 260,000 บาทต่อตารางเมตรในโครงการที่เปิดใหม่ ตลาดคอนโดมิเนียมในเส้นสุขุมวิทนั้นมีการขยายตัวออกไปตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสอย่างต่อเนื่อง   “ปัจจุบันตลาดคอนโดมิเนียมในย่านเอกมัยมีจำนวนยูนิตจากโครงการที่เปิดใหม่และกำลังก่อสร้างอยู่ประมาณ 3,800 ยูนิต จาก 8 โครงการ เป็นรองเพียงแค่ย่านทองหล่อ และมียอดขายแล้วประมาณ 65% ย่านเอกมัยได้รับความสนใจมากขึ้นเนื่องจากพื้นที่ในย่านทองหล่อเริ่มเหลือน้อยและมีราคาแพง โดยราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในย่านทองหล่อปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาทต่อตารางเมตร  ประกอบกับเอกมัยเป็นถนนเส้นสำคัญใจกลางเมืองที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทตอนกลาง ใกล้ย่านพร้อมพงษ์ ทองหล่อและอโศก และอีกด้านหนึ่งของถนนเส้นนี้ยังเชื่อมต่อถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และถนนพระราม 9 และด้วยราคาคอนโดมิเนียมในเอกมัยยังอยู่ในระดับที่ถือว่าไม่แพงหากเทียบกับทำเลใกล้เคียงเช่นทองหล่อ   โดยโครงการในเอกมัยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ประมาณ 185,000 บาทต่อตารางเมตร ทำให้ทำเลเอกมัยเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ในเมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ใจกลางสุขุมวิทเพียงไม่ถึง 500 เมตร มีการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานเกรดเอ และศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เอกมัยในปัจจุบันมีความหลากหลายและครบครันมากกว่าแต่ก่อน นอกจากนี้ ถ้าเราดูตามอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาคอนโดมิเนียมในตลาด อีกไม่นานราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในเอกมัยจะสูงกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรอย่างแน่นอน  ราคาที่ The Rich Ekkamai เปิดตัวออกมานั้นจึงเป็นราคาที่ดีมากสำหรับโซนสุขุมวิท และด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในช่วงเอกมัยตอนต้น ซึ่งห่างจาก BTS เอกมัยไม่มาก ทำให้ The Rich Ekkamai ได้เปรียบกว่าโครงการอื่นๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปในเอกมัย”   สำหรับมุมมองเกี่ยวกับภาพรวมของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 1/2562 ยังอยู่ในทิศทางที่ดี และยังมีแนวโน้มเติบโตได้หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และบริษัทคาดว่าจะสามารถอัตราการเติบโตทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ต่อเนื่องอีกปี   อนึ่ง ผลการดำเนินงานในงวดปี 2561 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 451.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 239.32% หรือเติบโต 2 เท่าจากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 132.92 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 2,708.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,381.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 104.10% เมื่อเทียบกับปีก่อนรายได้รวมอยู่ที่ 1,327.13 ล้านบาท   ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตในครั้งนี้มาจากการโอนรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น จำนวน 1,366.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 103.97% โดยบริษัทฯมีรายได้จากการขายอาคารชุด มูลค่ารวม 2,663.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,407.24 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น111.99 %จากปีก่อน เนื่องจากโครงการริชพาร์ค @ ทริปเปิ้ลสเตชั่น สามารถก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถโอนรับรู้รายได้ในปี 2561 ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้หลักมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ   การเปิดตัวโครงการในปีนี้ จะเป็นการแข่งขันในการตอบโจทย์เรื่องไลฟ์สไตล์ของลูกค้า หรือการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดมากกว่าการแข่งขันในด้านของราคาเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบัน หากโครงการใดเปิดตัวในราคาที่สมเหตุสมผล ก็จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าจากความสำเร็จของการเปิดโครงการคอนโดภายใต้แบรนด์ เดอะริช ที่ผ่านมา เช่น โครงการเดอะริช นานา-เพลินจิต, โครงการเดอะริช สาทร-ตากสิน, โครงการเดอะริช พระราม 9-ศรีนครินทร์ เป็นต้น ส่งผลให้เป็นปัจจัยสำคัญใน การทำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) แก่บริษัทฯ ขณะเดียวกันในปีที่ผ่านมายังได้ประกาศเป็นเจ้าของไพร์ม โลเคชั่น ทำเลที่ดีที่สุดบนถนนเอกมัย ติดบิ๊กซี-เอกมัย จึงพบช่องทางในการพัฒนาและสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง โครงการในตระกูลเดอะริชอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าโครงการใหม่นี้จะตอบรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ   โครงการ The Rich Ekkamai ตั้งอยู่บนถนนเอกมัย (สุขุมวิท63) คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา มีพื้นที่โครงการรวม 1-3-67 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 37 ชั้น ซึ่งประกอบด้วยห้องพัก 487 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต แบบห้องแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ แบบที่ 1) 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 28-32 ตร.ม.,แบบที่ 2) 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 34-36 ตร.ม. และแบบที่ 3) 2 Bedrooms ขนาดพื้นที่ 51-60 ตร.ม. โดยทุกแบบจะมีฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร รวมจุดแข็งในการดีไซน์พื้นทีใช้สอยและฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากขึ้น ภายใต้แนวคิด “Intensify Yours Passion” ซึ่งหัวใจหลักและคอนเซ็ปต์ของโครงการเน้นให้ความสำคัญแก่ “ผู้อยู่อาศัย” และ “Passion” โดยเป็นโครงการที่ให้มากกว่าคำว่าอยู่อาศัย โดยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อยู่อาศัย ผ่าน Active Facilities แบบครบครัน พร้อม Active Studio สระว่ายน้ำแบบ Vivid Spectrum pool ขนาดฮาล์ฟโอลิมปิก ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารให้สามารถเห็น Ekkamai View Point 360 องศา โดยตั้งราคาขายเปิดตัวมาแบบคนรุ่นใหม่สามารถเอื้อมถึงได้ง่ายๆ ด้วยราคาห้องเริ่มต้นเพียง 4.79 ล้านบาท โดยกลุ่มเป้าหมายจะเน้นเจาะลูกค้าระดับบนทั้งคนไทย ต่างชาติ และเน้นที่ลูกค้าวัยทำงาน และรวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อ เพื่อการลงทุนอีกด้วย   ดร.อาภา กล่าวต่ออีกว่า “บริษัทฯมั่นใจว่าโครงการ "เดอะริช เอกมัย" จะได้รับความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะอยู่ในทำเลที่ดี สะดวกสบายเหมาะกับสังคมเมืองในยุคปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเปิดพรีเซลแล้วคาดว่าจะเป็นอีกโครงการที่ประสบความสำเร็จและช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตมั่นคงอย่างยั่งยืน พร้อมเอาใจลูกค้าทุกท่านเปิดรับจองสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเลือกห้องที่ตรงใจในการเปิดขายวัน VVIP Day ทั้งนี้ลูกค้าที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ก่อนจะมีโอกาสได้เลือกห้องก่อน พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษสุดเฉพาะลูกค้าที่จองในวัน VVIP Day เท่านั้น” ดร.อาภากล่าวทิ้งท้าย    
“Elevated Returns” จับมือ “ZMICO” เตรียมพลิกวงการอสังหาฯไทย แปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน

“Elevated Returns” จับมือ “ZMICO” เตรียมพลิกวงการอสังหาฯไทย แปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน

“Elevated Returns” จับมือ “ZMICO” เตรียมพลิกวงการอสังหาฯไทย เดินหน้าแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2019 ตั้งเป้า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ ผลักดัน “Tezos Southeast Asia” จับมือ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” สร้างหลักสูตรบล็อกเชนครั้งแรก มุ่งพาประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับภูมิภาค   เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ (Elevated Returns หรือ ER) กลุ่มบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำจากนิวยอร์กที่ทำงานด้านการเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล จับมือบริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ (ZMICO) และเทซอส (Tezos) บริษัทด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังประสบความสำเร็จในการขายโทเคนของโรงแรมเซนต์รีจิส แอสเพน รีสอร์ตด้วยมูลค่ารวม 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ER วางแผนพลิกวงการอสังหาริมทรัพย์โลกด้วยการเปิดขายหุ้นแบบดิจิทัลในรูปแบบของโทเคน ตั้งเป้ายอดขายโทเคน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นยอดขายโทเคนในไทย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ และวางแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมยื่นคำร้องขอใบอนุญาตซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศไทย โดยบริษัท เอสอี ดิจิทัล จำกัด ในเครือของซีมิโก้ยังได้ยื่นขอใบอนุญาตเพื่อการเสนอขายหุ้นครั้งแรกในรูปแบบของเหรียญ (Initial Coin Offering Portal: ICO Portal) จากก.ล.ต.ด้วย การจับมือร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของการจัดการสินทรัพย์ในรูป แบบดิจิทัลภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย และเพื่อสร้างระบบนิเวศบล็อกเชนที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นในประเทศไทยยังได้ผลักดันให้ Tezos Southeast Asia จับมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสร้างหลักสูตรและการวิจัยด้านบล็อกเชนเป็นครั้งแรกของประเทศ   นาย สเตฟาน เดอ เบตส์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ (Elevated Returns หรือ ER) กล่าวว่า “เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์มีความตั้งใจที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตในประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดรับการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิทัล (digital transformation) โดยภาครัฐก็ให้การสนับสนุนผ่านนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ทั้งนี้ ภายใต้การขยายธุรกิจเข้ามาสู่ประเทศไทยของบริษัทฯ ER จึงได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท หลักทรัพย์ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) จำนวนร้อยละ 21 รวมมูลค่า 467.1 ล้านบาท เป็นการเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดย ER มีแผนที่จะพลิกวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยด้วยการเปิดขายหุ้นแบบดิจิทัลในรูปแบบของโทเคน โดยใช้โมเดลความสำเร็จแบบเดียวกับที่บริษัทฯ เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในสหรัฐอเมริกา กับการระดมทุนได้ 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านการขายโทเคนของโรงแรมเซนต์ รีจิส แอสเพน รีสอร์ต ซึ่งถือว่าเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ดิจิทัลของโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งนี้ ER มีความมั่นใจอย่างยิ่งต่อการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับซีมิโก้ในการให้องค์ความรู้ธุรกิจ การเข้าถึงกฏเกณฑ์ข้อบังคับ ฐานลูกค้าในประเทศไทยและช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศที่กว้างขวาง ในปีนี้ เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการระดมทุนในประเทศไทย โดยเราวางแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือไตรมาสที่ 3 ของปีนี้”   “การขยายธุรกิจเข้ามาในประเทศไทยของ ER เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การทำธุรกรรมทางโทรศัพท์มือถือกำลังเติบโตสูงถึง 74% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดในโลก และอัตราการเติบโตที่สูงเป็นลำดับที่ 2 ในเชิงของจำนวนผู้ถือเงินคริปโตที่ 9.9% ของจำนวนประชากรผู้ใช้อินเทอร์เนตในไทย บริษัทฯ เล็งเห็นว่าก.ล.ต.กำลังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมบล็อกเชนมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก” นาย เดอ เบตส์ กล่าว   การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นโทเคน (Tokenization) คือคำที่ใช้อธิบายการแปลงสินทรัพย์ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรืองานศิลปะ ให้กลายเป็นสัญญาดิจิทัลในรูปของโทเคนที่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในบล็อกเชน แผนกเทคโนโลยีของERจับมือกับเทซอส ผู้นำในเทคโนโลยีบล็อกเชนและแพลตฟอร์มการทำสัญญาแบบ smart contracts ที่เปิดโอกาสให้องค์กรหรือลูกค้าบุคคลสามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยใช้ “Tezos (XTZ)” หน่วยเงินดิจิทัลของบริษัท ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการ smart contract จะช่วยทำให้ ER สามารถเปิดขายอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของโทเคนด้วยความปลอดภัยสูงสุด   “การนำสินทรัพย์มาแปลงเป็นโทเคนคือกระบวนการที่จะช่วยมอบอิสรภาพในการลงทุนให้กับนักลงทุนเพราะเราไม่จำเป็นต้องมีคนกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์อีกต่อไป นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นให้กับผู้ขายด้วยหากเทียบกับวิธีการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเดิม เพราะเราสามารถลดค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับคนกลางได้ และหากโทเคนมีสภาพคล่องที่ดีก็สามารถเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นได้” นาย เดอ เบตส์กล่าว   นาย เดอ เบตส์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ER ให้ความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพราะอสังหาริมทรัพย์ในตลาดโลกเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่ามากถึง 228 ล้านล้านดอลลารสหรัฐฯ ทว่าเนื่องจากอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำที่สุด อย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นในระยะยาว หากเทียบกับเงินสดที่มูลค่าอาจลดลงได้เมื่ออยู่สภาวะเงินเฟ้อ”   นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) (ZMICO) กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญครั้งนี้กับเอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ เพราะเราเชื่อว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะต่อยอดไปสู่การทำงานร่วมกันที่มีความสำคัญเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ของ ER ประกอบกับความรู้ความเชี่ยวชาญในตลาดไทยของซีมิโก้จะช่วยปฏิวัติธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในแบบเดิมให้เกิดสิ่งใหม่ได้อย่างแน่นอน เรากำลังก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิทัลอย่างแท้จริง ทั้งนี้บริษัท เอสอี ดิจิทัล ในเครือของซีมิโก้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการขอใบอนุญาตเพื่อการเสนอขายหุ้นครั้งแรกในรูปแบบของเหรียญ (ICO Portal) จาก ก.ล.ต. ซึ่งก.ล.ต.จะอนุมัติให้เฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยและมีคนไทยเป็นเจ้าของเท่านั้น การเสนอขายหุ้นครั้งแรกในรูปแบบของเหรียญนั้นต้องผ่านการประเมิน การจัดการ และให้คำแนะนำตามระเบียบใหม่ของการทำ ICO ในฐานะพันธมิตรของ ก.ล.ต. ซึ่งเทียบได้กับการขอใบอนุญาตวาณิชธนกิจเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ดิจิทัล การจับมือกันระหว่างซีมิโก้และ ER จึงถือว่าเป็นการริเริ่มธุรกิจเป็นครั้งแรกในเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”   และเพื่อการสร้างระบบนิเวศของสินทรัพย์ทางการเงินดิจิทัลในประเทศไทย ER จึงอยู่ในช่วงของการเตรียมขอใบอนุญาตซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลกับ ก.ล.ต. ซึ่งใบอนุญาตนี้จะเปิดโอกาสให้บริษัทฯสามารถซื้อขายโทเคนได้อย่างถูกต้องบนแพลตฟอร์มของบริษัท และจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องก่อนหน้านี้   การจับมือเป็นพันธมิตรยังเปิดโอกาสให้ ERและซีมิโก้สามารถแปลงสินทรัพย์ให้กลายเป็นดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มบล็อกเชนของเทซอส สร้างโทเคนผ่าน ICO Portal และจัดหาตลาดรอง (Secondary Market) เพื่อเสนอขายในขั้นแรกได้สินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกซื้อและแลกเปลี่ยนในหน่วยที่เล็กลงมาก ๆ เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกสามารถถือกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงได้ แนวทางนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดที่เคยอยู่ไกลการเข้าถึงทางการเงิน ทั้งยังเป็นการเปิดช่องทางใหม่ในการระดมเงินทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย นี่คือจุดหมายสำคัญสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะนักลงทุนสามารถซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ โดยเฉพาะการสามารถขายได้ก่อนที่อสังหาริมทรัพย์นั้นๆ จะเปลี่ยนเจ้าของการจับมือร่วมกันเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย   “การบุกเบิกการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิทัลครั้งนี้จะช่วยเปิดโอกาสในเชิงบวกให้กับคนไทย รัฐบาล และภาคเอกชนในการเข้าถึงการสร้างแหล่งเงินทุนส่งเสริมความโปร่งใส และลดต้นทุนค่าดำเนินการ” นายสุเทพ กล่าวเพิ่มเติม   มากไปกว่านั้น เทซอส เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Tezos Southeast Asia หรือ TSA) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ที่มุ่งส่งเสริมการสร้างความรู้ความเข้าใจและการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ให้แก่เทคโนโลยีบล็อกเชนของ Tezos ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทำงานร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาหลักสูตรและการวิจัยด้านบล็อกเชนเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการในปีการศึกษา 2562 ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้ TSA จะออกแบบหลักสูตรเพื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสร้างความรู้ความเข้าใจถึงแนวคิดและพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชนของเทซอส ทั้งยังจะมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาและเปิดรับการฝึกงานกับบริษัทสตาร์ทอัพมากมาย ซึ่งสนับสนุนโดย tzVentures โครงการบ่มเพาะและสนับสนุนเหล่าสตาร์ทอัพที่สร้างธุรกิจบนเทคโนโลยีบล็อกเชนของเทซอส ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งแรงส่งเสริมสำคัญที่จะช่วยให้ความร่วมมื อระหว่าง ER และ ซีมีโก้ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีส่งเสริมประสิทธิภาพภายในประเทศจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เข้ากับคนในประเทศ ความสำเร็จจากความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลดีในเชิงเศรษฐกิจและสังคมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ในระดับภูมิภาค    
เพอร์เฟค เร่งแคมเปญเพิ่มยอดขาย คาดไตรมาสแรกทำได้  4,500 ล้าน

เพอร์เฟค เร่งแคมเปญเพิ่มยอดขาย คาดไตรมาสแรกทำได้ 4,500 ล้าน

ไตรมาสแรกแนวโน้มดี พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เร่งแคมเปญเพิ่มยอดขายคาดทำยอดพรีเซลส์ได้ 4,500 ล้าน โดยกลับมาเน้นกลุ่มโครงการแนวราบสัดส่วน 70:30 และเน้นกลุ่มบ้านระดับบนมากขึ้น เผยต้นปีทำยอดขายเพิ่มจากโครงการโซนตะวันออก พร้อมลุยเปิดโครงการใหม่ และเตรียมเปิดบ้านนวัตกรรมโครงการร่วมทุนกับ เซกิซุย เคมิคอล ในเดือนมีนาคมนี้   นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลงานในช่วงต้นปีมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องบริษัทจึงเร่งทำแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อเร่งให้ลูกค้าตัดสินใจจองและโอนก่อนวันที่เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ยอดขายช่วงต้นปีเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับต้นปีก่อน คาดไตรมาส 1/2562 จะมียอดพรีเซลส์ประมาณ 4,500 ล้านบาท โดยเป้าที่วางไว้ปีนี้จะมุ่งยอดขายจากโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม เป็นสัดส่วน 70:30 ปีนี้จะให้ความสำคัญกับกลุ่มบ้านระดับบน ซึ่งมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้านกลุ่มนี้ และเน้นบ้านแบบสั่งสร้าง เพื่อให้ลูกค้ามีเวลาผ่อนดาวน์ก่อนโอน 6-7 เดือน   ไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทยังทำยอดขายเพิ่มขึ้นจากโครงการโซนตะวันออก สุขุมวิท77-สุวรรณภูมิ, กรุงเทพกรีฑา และรามคำแหง ซึ่งโซนนี้มีการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้น ทั้ง รถไฟฟ้าสายสีส้ม ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ มีโครงการค้าปลีกและโรงแรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัลวิลเลจ เอาท์เล็ต,พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตของกลุ่มสยามพิวรรธน์, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง, โรงแรมคอร์ทยาร์ด บายแมริออท สุวรรณภูมิ เป็นต้น   ในไตรมาส 1/2562 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ ซึ่งขณะนี้เปิดไปแล้ว 2 โครงการ ส่วนที่เหลือจะเปิดภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยมีโครงการทั้งฝั่งตะวันออก ได้แก่ เพอร์เฟค เพลส พระราม9-กรุงเทพกรีฑา ติดถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ และโซนตะวันตกได้แก่ เพอร์เฟค เพลส รัตนาธิเบศร์-สถานีไทรม้า ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีไทรม้า, เดอะ เมทโทร เพชรเกษม 48 900 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยาย และ เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์-ปทุมธานี บนทำเลราชพฤกษ์ตัดใหม่ ถนนเส้นใหม่ที่ต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ-ใต้) เพื่อรองรับการขยายตัวออกมาจากพื้นที่เดิม ซึ่งพอร์ตที่ดินในทำเลดังกล่าวมีขนาด 174 ไร่ และมีจุดเด่นอยู่ที่ทะเลสาบขนาดใหญ่ถึง 55 ไร่   ในเดือนมีนาคมนี้ ยังพร้อมเปิดรับลูกค้ากลุ่มแรก สำหรับโครงการร่วมทุนกับ เซกิซุย เคมิคอล ประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาบ้านนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์ ที่ก่อสร้างด้วยระบบโมดูลาร์ บน 4 ทำเล ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา รามคำแหง แจ้งวัฒนะ และรัตนาธิเบศร์ และคาดว่าจะมีผลตอบรับที่ดี ด้วยเทคโนโลยีการก่อสร้างของญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ยอมรับ ตลอดจนแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมเพื่อการอยู่สบายปลอดภัยจากมลภาวะ อาทิ Air Factory ระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้านเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์, Air Tightness ระบบติดตั้งที่ปิดรอยต่ออย่างแน่นหนาทำให้ไม่มีฝุ่นเข้ามาในตัวบ้าน เป็นต้น โดย นายชุนอิจิ เซคิกุจิ President of Sekisui Chemical Co.,Ltd. Housing Company และ นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้ลงตรวจสอบความเรียบร้อยในการก่อสร้างบ้านตัวอย่าง พร้อมทดสอบระบบต่างๆ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานเดียวกับญี่ปุ่น   ตลอดเดือนมี.ค.นี้ บริษัทยังมีแคมเปญบ้านและทาวน์โฮมพร้อมอยู่ใน 33 โครงการ ซึ่งเป็นล็อตสุดท้ายที่ไม่ต้องดาวน์ พร้อมข้อเสนอดอกเบี้ย 3% นาน 3 ปี ผ่อนต่ำเริ่มต้นล้านละ 3,000 บาท/เดือน ฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอน สำหรับคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ เมื่อจองและโอนฯ ภายใน มี.ค.นี้ สามารถกู้ได้เต็ม พร้อมอยู่ฟรี 2 ปี และ ฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอน