Tag : News

2376 ผลลัพธ์
HBA เตรียมเปิดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Material Focus 2019”

HBA เตรียมเปิดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Material Focus 2019”

HBA เตรียมเปิดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Material Focus 2019”  ระหว่างวันที่ 21-24 มีนาคม 2562 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์   นับถอยหลังเข้าสู่โหมดการจัดงานใหญ่ที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA )ได้รวมบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำที่ผนึกกำลังกันโชว์แบบบ้านอย่างมืออาชีพ!! ในงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Material Focus 2019” ระหว่างวันที่ 21-24 มีนาคม 2562 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ...“ศิริพร สิงหรัญ” นายกสมาคมฯแอบกระซิบมาว่า นอกจากแบบบ้าใหม่แล้ว สมาชิกสมาคมฯยังพร้อมใจกันจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ เอาใจผู้บริโภค “ให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่ายง่าย” ตามคอนเซ็ปต์การจัดงานแล้วยังมีกลุ่มผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างชั้นนำที่จะนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาแสดงในงานนี้ด้วย   โดยผู้ที่จองปลูกสร้างบ้านภายในงานนอกจากจะได้รับโปรโมชันพิเศษจากบริษัทรับสร้างบ้านที่มาแสดงภายในงานแล้ว ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทองคำมูลค่า 100,000 บาทด้วย ผู้ที่สนใจเข้าชมงานสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.hba-th.org/      
เออเบิ้ลฯ ส่งคอนโดใหม่ “SAVVI PHAHOL2” ใกล้ 3 ทางด่วน 2 บีทีเอส

เออเบิ้ลฯ ส่งคอนโดใหม่ “SAVVI PHAHOL2” ใกล้ 3 ทางด่วน 2 บีทีเอส

เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ เลือกทำเลซอยพหลโยธิน 2 เปิดตัวโครงการ “SAVVI PHAHOL2”(แซฟวี่ พหล2) คอนโดฯ Low Rise ขนาด 62 ยูนิต มั่นใจจุดเด่นด้านการเดินทางใกล้ 3 ทางด่วน 2 บีทีเอส 1 โทลล์เวย์ ตอบรับความต้องใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เตรียมจัดงาน Open House 16-17 มี.ค.62 มอบส่วนลดเริ่มต้นเพียง 12x,xxx บาทต่อตร.ม. รวมถึงสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย ก่อนเริ่มลงเสาเข็มไตรมาสสองของปี 62 คาดแล้วเสร็จช่วงไตรมาสแรกของปี 64   นายสมภพ วาณิชเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้บริหารโครงการคอนโดมิเนียมแนว Low Rise ความสูง 7 ชั้น ภายใต้ชื่อ “SAVVI PHAHOL2” เปิดเผยว่า โครงการ SAVVI PHAHOL 2 เน้นจุดเด่นด้านจำนวนยูนิตเพียง 62 ยูนิต เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว แต่มีเพดานที่สูงกว่าถึง 2.8 ม. เพื่อบรรยากาศโปร่งสบาย ทั้งยังมีรูปแบบห้องหลากหลาย ตั้งแต่ขนาด 1 ห้องนอน-ขนาดดูเพล็กซ์ ขนาดเริ่มต้น 29.53-152.67 ตร.ม. มีที่จอดรถประมาณ 84% ของพื้นที่ โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณช่วงไตรมาสที่สองของปี 2562 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณช่วงไตรมาสแรกของปี 2564   โครงการ SAVVI PHAHOL 2 เป็นโครงการที่ต่อยอดความสำเร็จจาก โครงการ SAVVI PHAHOL-ARI ที่ขายพื้นที่หมดไปแล้ว SAVVI ถูกออกแบบมาแล้วให้มีความแตกต่างไม่เหมือนใครโดยคงจะเป็นที่คุ้นหูมากขึ้นไปอีกจากระยะเวลาเพียง 2-3 ปี ที่ปัจจุบันมีถึง 3 SAVVI แล้วในย่านอารีย์ โดยโครงการ SAVVI PHAHOL 2 มีแนวคิดในการออกแบบที่ต้องการผสมผสานธรรมชาติกับสถาปัตยกรรมเพื่อการใช้ชีวิตที่ลงตัว คงเอกลักษณ์และบรรยากาศของความเป็นบ้านในทำเลย่านซอยอารีย์ โดยมีพื้นที่สีเขียวบนระเบียงเสมือนสวนหน้าบ้าน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติได้มากกว่า โดยวันที่ 16-17 มี.ค.62 โครงการฯ จะจัดงาน OPEN HOUSE ให้ผู้สนใจได้สัมผัสบรรยากาศจริงของการใช้ชีวิตที่สูง โปร่ง สบาย พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับในวันงานกับยูนิตราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 12x,xxx บาทต่อตร.ม. รวมถึงสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย   นายสมภพ กล่าวด้วยว่า โครงการ SAVVI PHAHOL 2 เน้นแนวคิดหลักในการสร้างบรรยากาศผสมผสานธรรมชาติกับสถาปัตยกรรมเพื่อการใช้ชีวิตเมืองที่ลงตัว แตกต่างด้วยเอกลักษณ์ในแบบของ SAVVI ที่เชื่อมโยงความสมดุลของธรรมชาติจากภายในถึงภายนอก โดยการนำพื้นที่สีเขียวของต้นไม้เข้ามาอยู่ในทุกสัดส่วนของตัวอาคารทั้งแนวตั้งและแนวนอน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านได้เป็นอย่างดี และคงเอกลักษณ์ของความมีเสน่ห์ของย่านพักอาศัยในโซนอารีย์ เน้นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือคนรุ่นใหม่ที่เป็นตัวของตัวเอง ชอบบรรยากาศความเป็นซอยอารีย์ รวมถึงกลุ่มคนที่ต้องการขยายครอบครัวในทำเลกลางเมือง   “โครงการฯ ตั้งอยู่ใน ซอยพหลโยธิน 2 ซึ่งถือเป็นซอยหลักที่เชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดี ง่ายต่อการเข้าออกในทุกเส้นทาง สามารถทะลุซอยพหลโยธินเลขคู่ 4 และ 8 ซึ่งผู้คนในพื้นที่มักใช้ในการเดินทางไปอินทามาระ วิภาวดี ประดิพัทธ์ และสะพานควาย ยังใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและดินแดง รวมถึงโทลล์เวย์ นอกจากนี้ยัง   ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ทั้งสถานีอารีย์และสนามเป้า ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญในเรื่องการคมนาคมเมื่อเทียบกับโครงการอื่น ๆ ในทำเลเดียวกัน”   นายสมภพ กล่าวด้วยว่า โครงการ SAVVI PHAHOL 2 มีนโยบายการก่อสร้างที่ใส่ใจสภาพแวดล้อมเหมือนกับโครงการ Savvi Ari4 ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรในทุกรายละเอียด ทั้งชุมชนรอบข้าง สภาพแวดล้อม ด้วยมาตรการก่อสร้างที่ดูแลครอบคลุมในเรื่องต่าง ๆ ครอบคลุมระบบการสำรวจข้างเคียงก่อนเริ่มงาน ได้แก่ ระบบกันฝุ่น ระบบทดสอบรถวิ่ง บ่อดักตะกอนและบ่อตรวจสภาพน้ำทิ้ง ยามรักษาการณ์และการอำนวยความสะดวก มาตรการดูแลความสะอาดระหว่างการทำงาน การสำรวจผลกระทบระว่างการทำงาน การป้องกันผลกระทบด้านเสียง ระบบตรวจจับแรงสั่นสะเทือน แนวทางการดำเนินงานด้านมวลชนสัมพันธ์ และกิจกรรม CSR เป็นต้น      
SENA เปิดเกมชิงพื้นที่ ปั้นคอนโด “นิช โมโน สุขุมวิท–ปู่เจ้า” โชว์จุดชิค กับ  facilities 3 อาคาร 3 สไตล์

SENA เปิดเกมชิงพื้นที่ ปั้นคอนโด “นิช โมโน สุขุมวิท–ปู่เจ้า” โชว์จุดชิค กับ facilities 3 อาคาร 3 สไตล์

SENA นำร่องเปิดตัวคอนโดใหม่ล่าสุด “นิช โมโน สุขุมวิท–ปู่เจ้า” ขานรับการขยายตัวของเมืองตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงแบริ่ง–เคหะสมุทรปราการ ย้ำแนวคิดการพัฒนาคอนโดแบบ “MADE FROM HER” บนทำเลที่ดีที่สุดเพียง 30 เมตรจาก BTS ปู่เจ้า ราคาเริ่ม 2.59 ล้านบาท* พร้อมเปิดขายรอบ Soft opening 30- 31 มีนาคมนี้ สำหรับลูกค้าลงทะเบียน www.sena.co.th รับส่วนลด Gift Voucher 100,000 บาท*  และลุ้นทอง มูลค่ากว่า 100,000 บาท    นางสาวสมพิศ ศรีระทัด ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่าจากอานิสงค์เส้นทางการเดินรถไฟฟ้าทั้งโครงข่ายคมนาคมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือ รถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมเปิดให้บริการล้วนแต่ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมย่านดังกล่าวยังมีดีมานด์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ทางเสนาได้พัฒนาโปรเจกต์ใหม่บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดในย่านสุขุมวิทตอนปลาย และพร้อมเปิดขายคอนโดมิเนียมหรู “นิช โมโน สุขุมวิท – ปู่เจ้า” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่เศษ ติดถนนสุขุมวิท ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีปู่เจ้า เพียง 30 เมตร พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม สูง 12 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 572 ยูนิต และ 1 ร้านค้า โดยมีห้องชุดพักอาศัยให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ 1 ห้องนอนพลัสและลิฟวิ่งพลัส ขนาดพื้นที่ใช้สอย 35 – 37 ตรม.และแบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย  48 ตรม. ราคาเริ่ม 2.59 ล้านบาท*หรือเฉลี่ยต่อตารางเมตรละ 79,000 บาท รวมมูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท โดยเริ่มก่อสร้างแล้วตั้งแต่ต้นปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2562 โดยเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมาทางโครงการได้เปิดให้ชมห้องตัวอย่างเป็นครั้งแรก ซึ่งมีลูกค้าสนใจและให้การตอบรับที่ดี   การออกแบบยังคงดึงแนวคิดความละเอียดของผู้หญิง “MADE FROM HER” ใส่ใจทุกดีเทลของชีวิต มาสร้างเอกลักษณ์ทุกมิติด้านฟังก์ชั่นและเติมเต็มพื้นที่ส่วนกลางให้หลากหลายและสร้างความต่างให้มากกว่าด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ครบคุ้มและ facilities 3 อาคาร 3 สไตล์ เป็น Connecting facilities ประยุกต์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์โครงการ “RECHARGE” ทั้งแบบ  Active facilities, Family facilities , Connecting facilities เพื่อตอบโจทย์การใช้งานตามพฤติกรรมของลูกค้า อาทิ  Entrance Lobby & Social Lounge, Fitness (Male & Female) , Jacuzzi, Outdoor Co kitchen (BBQ Area) , Steam & Sauna, Co-working Space, Swimming Pool & Kid Pool ,Play Room , EV Charger   ด้านนายปรีชา ศุภปีติพร  กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอคคิวท์ เรียลตี้ จำกัด กล่าวว่าหากพูดถึงทำเลเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) นับว่ามีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด 40% เนื่องจากรถไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว (เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2561) ที่ผ่านมา ทั้งหมด 9 สถานี ได้แก่ สถานีสำโรง ปู่เจ้าสมิงพราย ช้างเอราวัณ โรงเรียนนายเรือ ปากน้ำ ศรีนครินทร์ แพรกษา สายลวด และเคหะสมุทรปราการ จึงส่งผลให้ราคาที่ดินในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวปรับสูงขึ้น โดยราคาที่ดินขณะนี้อยู่ที่ราวเกือบ 2-3 แสนบาท/ตารางวา ซึ่งพื้นที่นี้ยังมีการเติบโตและขยายตัวได้อีกมาก     ด้วยศักยภาพทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง เคหะสมุทรปราการนั้น สามารถตอบสนองความต้องการของคนทำงานในเมืองและคนทำงานในย่านสมุทรปราการ ที่สำคัญการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดฯ รอบสถานีรถไฟฟ้า โดยเฉพาะ “สถานีปู่เจ้า” ซึ่งเป็นแหล่งชุมชน  ใกล้นิคมอุตสาหกรรม ในจังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้ห่างไป 1 สถานีตรงสถานีสำโรงจะเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรงทำให้สถานีสำโรงเป็นอินเตอร์เชนจ์ที่สำคัญจุดหนึ่ง และหากผังเมืองสมุทรปราการมีการปรับสีผังใหม่ให้สอดรับการพัฒนา ก็จะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางในการเดินทางเชื่อมต่อเข้าเมือง โดยจะเป็นทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งงานและช๊อปปิ้ง อีกทั้งยังมองว่า แนวโน้มทั้งดีมานด์และซัพพลายของตลาดที่อยู่อาศัยในเส้นทางนี้จะไปได้ดี   ทั้งนี้ ทางเสนาเตรียมเปิดขายรอบ Soft Opening ระหว่างวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2562 ณ Sale Gallery โครงการ “นิช โมโน สุขุมวิท – ปู่เจ้า” สำหรับลูกค้าลงทะเบียนรับ Gift Voucher Central 100,000 บาท*และร่วมลุ้นทอง มูลค่ากว่า 100,000 บาท  พร้อมพบโปรโมชั่นอีกมากมายภายในวันงาน      
ควิกโคทฯ เปิดตัวสินค้าใหม่ MY LOFT ปูน D.I.M. สำเร็จรูปสไตล์ลอฟท์

ควิกโคทฯ เปิดตัวสินค้าใหม่ MY LOFT ปูน D.I.M. สำเร็จรูปสไตล์ลอฟท์

บริษัท ควิก โคท โปรดักส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผลิตภัณฑ์ปูนสำเร็จรูปสำหรับงานก่อสร้าง ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “MY LOFT” ปูน D.I.M. (Do It Myself) ฉาบแต่งผิวสำเร็จรูปสไตล์ลอฟท์ ปูนฉาบสำเร็จรูปที่สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อผสมกับน้ำสะอาดตามสัดส่วนที่กำหนด มีคุณสมบัติพิเศษในการยึดเกาะ เหมาะสำหรับใช้กับงานฉาบตกแต่งแก้ไขพื้นผิวใหม่ พื้นผิวที่ทาสีรองพื้น พื้นผิวที่ทาสีจริง และแต่งผิวผนังเดิมที่ต้องการตกแต่งเพิ่มเติมให้เหมือนผิวงานปูนดิบตามธรรมชาติ (ขัดมัน) สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ผลิตภัณฑ์ MY LOFT มาพร้อมน้ำยาเคลือบสูตรน้ำเกรดพรีเมี่ยม เกรียงเหล็กฉาบ เกรียงปาด กระบอกตวง ไม้กวนปูน และแปรงลูกกลิ้งพร้อมใช้ สามารถฉาบได้พื้นที่ 8-10 ตารางเมตรต่อกล่อง ที่ความหนา 1-2 มิลลิเมตร หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ห้าง HomePro ทุกสาขา ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.quickcoat.co.th หรือ โทรสอบถาม 02-408-9888      
“มองบน เดอะแฟมมิลี่” แคมเปญหนังโฆษณาล่าสุดจากยิปซัมตราช้าง

“มองบน เดอะแฟมมิลี่” แคมเปญหนังโฆษณาล่าสุดจากยิปซัมตราช้าง

“ยิปซัมตราช้าง”  เปิดตัวแคมเปญหนังโฆษณาชุดใหม่ “มองบน เดอะแฟมมิลี่” ภายใต้สโลแกน “อุ่นใจ ฟังก์ชันครบ ปกป้องพลัส” ผ่านการบอกเล่าเรื่องของครอบครัวคนรุ่นใหม่กับการใช้ชีวิตภายใต้บ้านหลังใหม่ โดยนำเสนอเรื่องราวในมุมมองเจ้าของบ้านที่ใส่ใจ และต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้าน พร้อมชูจุดเด่นความเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ามอบความไว้วางใจในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องฝ้าเพดานยิปซัม กับคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ครบทุกการใช้งานในบ้าน “เรียบเนียนสวย แกร่งทน กันร้อน ทนชื้น” ผลิตภัณฑ์ฝ้าเพดานที่ให้ความคุ้มค่า เพื่อครอบครัวอุ่นใจได้ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนในบ้านก็สามารถใช้ชีวิตได้เต็มที่ ซื้อบ้าน ต่อเติมบ้าน มั่นใจเลือกฝ้าเพดานคุณภาพ “เลือกยิปซัมตราช้าง” ใช้แล้วสบายใจได้ไปอีกยาวๆ   คุณจรุง กาญจนภูมิ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด หรือยิปซัมตราช้าง กล่าวว่า “แคมเปญหนังโฆษณาออนไลน์ “มองบน เดอะแฟมมิลี่” นี้ สร้างขึ้นไม่เพียงแต่เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมฝ้าเพดานและระบบผนังยิปซัมแนวหน้าของประเทศไทย และยังคาดหวังให้เจ้าของบ้านหันมาใส่ใจในการเลือกสรรสิ่งที่ดีมีคุณภาพให้กับบ้าน นอกจากนี้เพื่อเป็นสิ่งยืนยันให้กับผู้บริโภคที่มอบความไว้วางใจให้กับแบรนด์ “ยิปซัมตราช้าง” ด้วยจุดยืนที่แข็งแกร่งที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพราะเราเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย แตกต่างอย่างชัดเจน ด้านคุณสมบัติแผ่นยิปซัมที่มีโมเลกุลหนาแน่น เรียงตัวสม่ำเสมอ ทำให้แผ่นมีความแกร่งทน ไม่แอ่นตัว และผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)  อีกด้วย”   ทั้งนี้ แคมเปญหนังโฆษณา “มองบน เดอะแฟมมิลี่” เน้นชูภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์ “เรียบเนียน แกร่งทน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตให้แผ่นมีโมเลกุลหนาแน่นสม่ำเสมอ ทั้งยังตอบโจทย์ครบทุกการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการ ฝ้าเพดานกันร้อน และทนชื้น” นำเสนอผ่านการเล่าเรื่องของตัวละครพ่อ แม่ และลูกสาว ครอบครัวของคนรุ่นใหม่ เปิดตัวด้วยฉากครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังใหม่ สิ่งที่พบคือบรรยากาศภายในบ้านที่สร้างความแปลกใหม่ ตื่นเต้น และอบอุ่น ในขณะเดียวกันทุกคนต่างมองบนไปยังฝ้าเพดาน “มองบน มองฝ้า มองให้มั่นใจ” และพบกับมนุษย์ฝ้าซึ่งเป็นตัวแทนของผลิตภัณฑ์ที่ส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น  ด้วยการสื่อถึงความจริงใจและเป็นมิตร ในแต่ละฉากสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของบ้านที่มอบความเชื่อถือ และไว้วางใจให้ “ยิปซัมตราช้าง” ได้เข้ามาช่วยคุณดูแลบ้านในทุกพื้นที่   แคมเปญหนัง “มองบน เดอะแฟมมิลี่” เป็นการสะท้อนให้เห็นมุมมองเจ้าของบ้านที่เลือกสรรผลิตภัณฑ์อย่างพิถีพิถันและมีคุณภาพให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว ด้วยวัสดุคุณภาพดีและทนทานเจ้าของบ้านต้องเลือกใช้งานตามความหมาะสม สำหรับห้องต่างๆ  อาทิ ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอน และห้องน้ำ   https://www.youtube.com/watch?v=OgdEARDrmWg   สามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนยิปซัมตราช้าง โทร. 02-555-0000 หรือ www.siamgypsum.com หรือ facebook fanpage:@GypsumTraChangTH      
จีนเล็งศักยภาพอสังหาฯ ไทย เผยสงครามการค้าจีน-สหรัฐ อาจส่งบวกอสังหาฯ ไทย

จีนเล็งศักยภาพอสังหาฯ ไทย เผยสงครามการค้าจีน-สหรัฐ อาจส่งบวกอสังหาฯ ไทย

กลุ่มนักธุรกิจอสังหาฯจีน รวมตัวตั้งสมาคมการค้าตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ไทย-จีน ฉายภาพโอกาสและศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย รองรับนักลงทุนจากประเทศจีน หลังพบข้อมูลชาวจีนสอบถามข้อมูลอสังหาฯไทยเพิ่มขึ้นสูงถึง 154.9% กลายเป็นอันดับ 3 ที่นักลงทุนจีนสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มวัยเกษียณ มองวิกฤตสงครามการค้าจีน-สหรัฐ อาจส่งผลจีนย้ายฐานการผลิตมาอาเซียนเพิ่มโดยเฉพาะไทย ซึ่งส่งผลต่อความต้องการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมีเนียมใกล้ห้างฯ รถไฟฟ้า โรงพยาบาล    ลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวจีน ร่วมกันจัดงาน“ประกาศผลรางวัลอสังหาริมทรัพย์ไทย ครั้งที่ 1 ประจำปี 2018” เป็นครั้งแรก พร้อมเปิดเผยถึงบทบาทสำคัญของ สมาคมการค้าตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ไทย- จีน ที่จัดตั้งขึ้นในปี 2559โดยมี นายหลี่ หรง เป็นประธานสมาคมฯ   ซึ่งภายในงาน นางหลี่ หรง ประธานสมาคมฯ ได้เผยถึงบทบาท และมุมมองของชาวจีนต่อวงการอสังหาฯไทย ว่า “สมาคมการค้าตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ไทย-จีน จัดตั้งขึ้นในปี 2559 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์รวมของผู้ประกอบธุรกิจตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์จีนในประเทศไทยสร้างมาตรฐานในการให้บริการและแสวงหาแนวทางความร่วมมือระหว่างสมาชิก ประกอบด้วยบริษัทตัวแทนการค้าอสังหาริมทรัพย์จำนวน 20 บริษัทโดยเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงนักลงทุนจากประเทศจีนและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ให้มีโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ทั้งนี้ การดำเนินงานของสมาคมฯ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ไทย ในการแบ่งปันข้อมูลให้กับสมาคมฯ เพื่อนำเสนอให้กับกลุ่มนักลงทุนจากประเทศจีน ที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา ผลสำรวจขององค์กรระดับสากลชีว่า การจัดตลาดดาวรุ่งพุ่งแรงภาคอสังหาฯ ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก โดยในปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ซื้ออสังหาฯชาวจีนมีจำนวนการสอบถามข้อมูลอสังหาฯออสเตรเลีย ลดน้อยลง 9.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกาลดน้อยลง 18.4% แต่ความสนใจในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 154.9%แซงหน้าแคนนาดา กลายเป็นอันดับ 3 ที่นักลงทุนชาวจีนสนใจ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและหัวเมืองหลัก ด้วยปัจจัยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน และการเป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวจากนักเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาปีละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน ในจำนวนนี้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนยังครองอันดับ 1ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงไทยยังเป็นหนึ่งในเส้นทางสำคัญของยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative ของประเทศจีน ที่จะเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งและเศรษฐกิจจีนกับ 65 ประเทศ ใน 3 ทวีป ซึ่งจะสร้างโอกาสด้านการค้าและการลงทุนในประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก   นอกจากนี้ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ของไทย ยังเอื้อต่อการเข้ามาลงทุน หรือการอยู่อาศัยของชาวต่างชาติ โดยสามารถถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมได้ถึง 49% ของพื้นที่ขาย ในช่วงปี 2560-2561 พบว่ายอดการซื้อคอนโดมิเนียมในไทยคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท มีกำลังซื้อจากชาวต่างชาติสูงถึง 7.6 หมื่นล้านบาท และในจำนวนดังกล่าวเป็นชาวจีน-ฮ่องกงมากที่สุดถึง 2.3 หมื่นล้านบาทโดยห้องชุดที่เป็นที่นิยมสูงสุดอยู่ที่ราคาตารางเมตรละ 100,000 บาท หรือราคาประมาณห้องละ 2-3 ล้านบาท ขณะที่คอนโดมิเนียมระดับราคา 10-20 ล้านบาท ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้ที่มีรายได้สูงอีกด้วย สำหรับ ทำเลยอดนิยมสำหรัยชาวจีน คือ โครงการฯ แนวเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน เช่น อโศก สุขุมวิท สีลม รัชดาภิเษก ห้วยขวาง เป็นต้น   จากปัจจัยต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดอสังหาฯ ของประเทศไทยที่ยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุนจากประเทศจีนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ เข้มข้นขึ้น นายหรี่ หรง มองว่าน่าจะเป็นโอกาสดีของอสังหาฯไทย เนื่องจากอาจมีผู้ประกอบการจีนจำนวนมากที่ย้ายฐานการผลิตจากอเมริกามาในอาเซียน และไทยจะเป็นประเทศที่นักลงทุนจีนเลือกเข้ามาลงทุนเป็นอันดับต้นๆ และมีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตามมาแน่นอน โดยเฉพาะคอนโดมีเนียม ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้า จะได้รับความสนใจพิเศษ  ดังนั้น ผู้ประกอบการอสังหาฯ ในประเทศไทย จะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการเพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ต้องสร้างความโดดเด่น ทั้งด้านการออกแบบโครงการที่เอื้อต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะคนจีนวัยเกษียณที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งมีแนวโน้มการเข้ามาลงทุนและอยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้นประกอบกับประเทศไทยมีนโยบายการทำวีซ่าเกษียณอายุ สำหรับชาวต่างชาติที่มีอายุ 50ปีขึ้นไป ให้สามารถพำนักในประเทศได้ถึง 1ปี คนกลุ่มนี้พร้อมจ่ายสำหรับคุณภาพที่ดีทั้งเรื่องสุขภาพ อาหารการกิน และที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการต้องศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของชาวจีนอย่างลึกซึ้ง เพื่อนำเสนอจุดขายที่แตกต่างและสามารถนำมากำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการ รวมทั้งต้องอาศัยช่องทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากของชาวจีนในปัจจุบัน จะต้องสร้างแพลตฟอร์มที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้สามารถค้นหาข้อมูลโครงการได้อย่างละเอียดชัดเจน รวมถึงการนำเสนอโครงการผ่านเอเจนซี่หรือตัวแทนที่น่าเชื่อถือที่สามารถให้ข้อมูลที่เอื้อประโยชน์ต่อการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์สำหรับแนวโน้มการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของนักลงทุนจากประเทศจีนยังคงมีทิศทางขยายตัวที่ดี นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ความชัดเจนหลังการเลือกตั้งในประเทศไทยน่าจะเป็นตัวช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น รวมถึงเมกะโปรเจคของภาครัฐหลายโครงการจะเป็นตัวผลักดันให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง   ทั้งนี้ ล่าสุดสมาคมการค้าตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ไทย- จีน จึงได้จัดงานประกาศผลรางวัลอสังหาริมทรัพย์ไทย ครั้งที่ 1 ประจำปี 2018 ขึ้น โดยมีการมอบรางวัลให้กับบริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่มีผลงานโดดเด่นในหลากหลายสาขา อาทิ รางวัลด้านการออกแบบ การตกแต่งภายใน รางวัลคอนโดมิเนียมยอดนิยม รางวัลการทำการตลาดดีเด่น รางวัลโครงการยอดเยี่ยมฯลฯ รวม 17 รายการ 30 รางวัล โดยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย นักลงทุนจากประเทศจีน รวมถึงเอเจนซี่ตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและจีนเข้าร่วมงาน      
“โตโต้” อวดโฉม “NEOREST” นวัตกรรมล้ำสมัยแห่งโลกสุขภัณฑ์

“โตโต้” อวดโฉม “NEOREST” นวัตกรรมล้ำสมัยแห่งโลกสุขภัณฑ์

เป็นระยะเวลากว่า 100 ปีที่ “โตโต้” (TOTO) มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างสรรค์วิถีการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย โดยมุ่งหวังอนาคตที่ดียิ่งกว่าเดิม ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของโตโต้จึงไม่ใช่เพียงแค่สุขภัณฑ์ หากแต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความใส่ใจความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดตามแบบฉบับวัฒนธรรมญี่ปุ่น เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่คุณใช้งานผลิตภัณฑ์ของ “โตโต้” จะได้รับประสบการณ์อันน่าพึงพอใจอย่างถึงที่สุด   NEOREST สุขภัณฑ์อัจฉริยะดีไซน์สุดหรู “โตโต้” เป็นผู้นำด้านสุขภัณฑ์มาอย่างยาวนาน และเป็นผู้คิดค้นพัฒนาฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ซึ่งต่อมาได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจนกลายเป็นภาพจำของวัฒนธรรมการใช้ห้องน้ำในแบบญี่ปุ่น รวมถึงมียอดขายเป็นอันดับ 1 ทั่วโลก “โตโต้” จึงพยายามรังสรรค์สิ่งใหม่ๆ จนได้มาซึ่ง “NEOREST”นวัตกรรมล้ำสมัยแห่งโลกสุขภัณฑ์ที่เป็นการผสานฝารองนั่งอัตโนมัติเข้ากับโถสุขภัณฑ์ จนกลายเป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะที่รวมกันเป็นชิ้นเดียว ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ไม่ใช่เพียงแค่มอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้ แต่เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ด้านสุขอนามัยที่สมบูรณ์แบบ   สำหรับ NEOREST รุ่นใหม่ล่าสุดจาก “โตโต้” ที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 3 รุ่น ได้แก่   1. NEOREST AH (รุ่น CES9788VA) โดดเด่นด้วยฝาปิดที่ได้รับการออกแบบให้เป็นเส้นตรง แนบสนิทไปกับโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ เข้ากันได้ดีกับพื้นที่สไตล์โมเดิร์น ยกระดับด้วยสัมผัสแห่งความหรูหราที่ประณีต ราคา 118,000 บาท   2. NEOREST RH (รุ่น CES9768VA) ด้วยลายเส้นที่สวยงามสะอาดตา มาพร้อมกับรูปทรงโค้งมนอย่างละเมียดละไม ให้ความรู้สึกสุขุม นุ่มนวล กลมกลืนเข้ากันได้ดีกับทุกพื้นที่ ราคา 118,000 บาท   3. NEOREST DH (รุ่น CES989VA) การดีไซน์แบบเรียบง่าย (Minimalist) แต่สามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างชาญฉลาดด้วยขนาดที่เหมาะเจาะลงตัว สามารถเข้ากันได้กับห้องน้ำในทุกรูปแบบ ราคา 89,000 บาท   NEOREST ซีรีส์ใหม่ทั้ง 3 รุ่น ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยความเข้าใจ ด้วยเทคโนโลยีด้านสุขอนามัยอันล้ำสมัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ “โตโต้” ไม่ว่าจะเป็น ระบบชำระล้างแบบ TORNADO FLUSH ที่ไม่เพียงทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังทำงานเงียบและใช้น้ำเพียง 3.8/3 ลิตร ผสานกับแรงหมุน 360 องศา   ทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม พร้อมดีไซน์พื้นผิวสุขภัณฑ์แบบไร้ขอบ (RIMLESS DESIGN) อันเป็นเอกลักษณ์ และเคลือบพื้นผิวสุขภัณฑ์ให้เรียบลื่นด้วยสาร CEFIONTECT ช่วยลดการเกาะติดของคราบสกปรกและง่ายต่อการ ทำความสะอาด และเพิ่มความมั่นใจอีกขั้นด้วย EWATER+ ซึ่งเป็นน้ำที่ผ่านการอิเล็กโตรไลซ์ ช่วยขจัดคราบสกปรก รวมถึงแบคทีเรียที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สำหรับทำความสะอาดก้านฉีดชำระและโถสุขภัณฑ์แบบไร้สารเคมี ซึ่งถือเป็นการทำงานที่ผสมผสานระหว่างสุดยอดเทคโนโลยีที่เรียกว่า CLEAN SYNERGY ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับมิติใหม่แห่งความสะอาดอันล้ำสมัยเพื่อสุขอนามัยเหนือที่ชั้นกว่า   นอกจากนี้โตโต้ยังเปิดตัว WASHLET+ เพื่อปฏิวัติวงการฝารองนั่งอัตโนมัติด้วยดีไซน์ที่ซ่อนท่อน้ำและสายน้ำดีไว้ในตัวโถสุขภัณฑ์ทำให้โถสุขภัณฑ์สวยเนียน เรียบหรู ไร้สิ่งรบกวนสายตา ฝารองนั่งเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างที่จะทำงานทันทีเมื่อฝารองนั่งเปิด และสามารถปรับอุณหภูมิฝารองนั่งให้อุ่นสบายตลอดการใช้งาน ระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มีประสิทธิภาพสูงจะทำการฟอกกลิ่นภายในโถสุขภัณฑ์ และระบบชำระล้างอัตโนมัติ ควบคุมการทำงานเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยรีโมทคอนโทรล เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันที่แสนธรรมดาของคุณให้เป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายสุดพิเศษอย่างแท้จริง   สำหรับผู้สนใจสัมผัสประสบการณ์จริงกับนวัตกรรมสุดล้ำของสุขภัณฑ์ “โตโต้” สามารถนัดหมายเพื่อเข้าเยี่ยมชมได้ที่ TOTO Technical Center Bangkok โทรศัพท์ 02-117-9520 อาคารจี ทาวเวอร์ แกรนด์ พระราม 9 ชั้น 12 หรือคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ th.toto.com      
แสนสิริ ตอกย้ำความเป็น “Thailand’s First Digital Real Estate Developer” ผนึกยักษ์ไอที Amazon Web Services, Digital Ventures และ Microsoft มุ่งเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบผ่านเทคโนโลยี

แสนสิริ ตอกย้ำความเป็น “Thailand’s First Digital Real Estate Developer” ผนึกยักษ์ไอที Amazon Web Services, Digital Ventures และ Microsoft มุ่งเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบผ่านเทคโนโลยี

แสนสิริ ผู้นำด้าน “Digital Real Estate Developer” ตัวจริงรายแรกของวงการอสังหาฯ ไทย ประกาศวิสัยทัศน์ Sansiri Tech Forward ทุ่มงบ 600 ล้านบาท ชูเทคโนโลยีเป็นฟันเฟืองสำคัญในการดำเนินธุรกิจประจำปี 2019 ผ่าน AI, IoT และ Blockchain ควบคู่กับการผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำด้านไอทีของไทยและระดับโลก อาทิ Amazon Web Services, Digital Ventures และ Microsoft ร่วมพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าให้วงจรธุรกิจ Sansiri Value Chain ตั้งแต่ การพัฒนาโครงการ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร ไปถึงการสร้างสรรค์บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านแสนสิริในทุกมิติ ครั้งแรกในไทย! ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ (AI First) ภายในปี 2020 พร้อมนำร่องเตรียมเปิดตัว “บ้านตัวอย่าง Smart Home” เรียนรู้พฤติกรรมผู้อยู่อาศัย และ “Virtual Sales Gallery” จำลองสำนักงานขายของโครงการต่าง ๆ มารวมกันไว้ที่ Sales Centre ในไตรมาส 3 นี้   “ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แสนสิริเซตมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ด้วยการนำนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ๆ มาใช้ในโครงการอย่างจริงจังก่อนใคร จนกลายมาเป็นนวัตกรรมมาตรฐานในการพัฒนาโครงการใหม่ของแสนสิริในปัจจุบัน ตอกย้ำความเป็น “Digital Real Estate Developer” ตัวจริงรายแรกของวงการที่มุ่งยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตให้กับลูกบ้านอย่างสมบูรณ์ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ iConvenience (ความสะดวกสบาย) iSafe (ความปลอดภัย) และ iGreen (ด้านประหยัดพลังงาน) ผ่านการทำความเข้าใจและความต้องการของลูกค้า โดยยึดหลัก Human-Centric ด้วยเทคโนโลยี” ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว   ในปี 2019 แสนสิริเตรียมยกระดับศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ ผ่าน 3 กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี ได้แก่ การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี AI, IoT และ Blockchain พัฒนาโครงการและบริการให้มีคุณภาพ สร้างความ พึงพอใจให้ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น การแสวงหาพันธมิตรชั้นนำ ด้านเทคโนโลยี ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก อาทิ Amazon Web Services, Digital Ventures และ Microsoft ร่วมพัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กร และการสร้างแพลตฟอร์มการทำงานและการให้บริการแบบดิจิทัล ส่งเสริมให้พนักงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะพื้นฐานและพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อส่งต่อเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง   “ปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ในปีนี้ แสนสิริเร่งเครื่องนำ AI , IoT และ Blockchain มาขับ เคลื่อน 3 กลยุทธ์ มุ่งยกระดับการพัฒนาโครงการ (Product) การสร้างสรรค์การบริการ (Service) และการปลดล็อกประสิทธิภาพการทำงาน (Process)” ดร.ทวิชา กล่าว   ด้านการพัฒนาโครงการ (Product) แสนสิริก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยการยกระดับเทคโนโลยี Home Automation  สู่การเป็น Smart Home กับเทคโนโลยี AI และ IoT ที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย มอบความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ช่วยประหยัดพลังงานและยกระดับ คุณภาพชีวิตได้อย่างก้าวหน้ามากขึ้น พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับ Amazon Web Services เพื่อพัฒนานวัตกรรม PorpTech ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ร่วมกันในอนาคต โดยบ้านตัวอย่าง Smart Home ของแสนสิริ วางแผนที่จะเปิดตัวในไตรมาส 3 นี้   นอกจากนี้ แสนสิริเดินหน้าเสริมสร้างความปลอดภัยด้วย Smart Command Centre ศูนย์เฝ้าระวังอัจฉริยะ จากส่วนกลาง ยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการระบบวิศวกรรมอาคารและความปลอดภัย เสริมสร้างความอุ่นใจให้ลูกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกโครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 29 โครงการในปี 2019 พร้อมส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สานต่อพันธกิจ Green Mission ด้วยเทคโนโลยีตรวจสอบการใช้น้ำและพลังงาน และแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ หากมีการใช้งานที่ผิดปกติ ตลอดจนมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต (Well-Being) ของลูกบ้านในทุกมิติ ด้วยการพัฒนา Dust-Free House “บ้านปลอดฝุ่น” สร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้อยู่ศัยทุกคนในครอบครัว   ด้านการสร้างสรรค์การบริการ (Service) แสนสิริเน้นย้ำการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าบนโลกออนไลน์ นำเทคโนโลยี AI มาศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและสร้างคอนเทนต์ ที่ตอบโจทย์ความสนใจของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Personalization) และเตรียมเปิดตัว Virtual Sales Gallery จำลองสำนักงานขายของโครงการต่าง ๆ มารวมกันไว้ที่ Sale Centre ให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมหลาย ๆ โครงการได้ในที่เดียวในไตรมาส 3 นี้   ด้านการปลดล็อคประสิทธิภาพการทำงาน (Process) แสนสิรินำเทคโนโลยี PropTech มาใช้ในวงจรธุรกิจ Sansiri Value Chain อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการบริหารการก่อสร้างออนไลน์แบบครบวงจร เริ่มจากการนำระบบ AI มาจัดหาและประเมินศักยภาพของที่ดินก่อนซื้อมาพัฒนาโครงการ นำระบบ BIM และ Primavera มาใช้บริหารจัดการและวางแผนการก่อสร้าง ตั้งแต่ การออกแบบแบบจำลอง 3 มิติ (3D Model) ก่อนก่อสร้างจริง รวมถึงติดตามความคืบหน้าการก่อสร้าง พร้อมกำหนดระยะเวลาและงบประมาณการก่อสร้างได้แม่นยำขึ้น ทำให้กระบวนการก่อสร้างโครงการเป็นไปตามระยะเวลาและงบประมาณที่วางแผนไว้ พร้อมนำ Inspection Mobile Apps มาใช้ตรวจสอบโครงการให้กับลูกบ้านก่อนส่งมอบ และจับมือกับ Digital Ventures นำ Blockchain มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพระบบจัดซื้อจัดจ้าง B2P (Blockchain Solutions for Procure-to-Pay) กับกลุ่มคู่ค้าของแสนสิริให้มีความโปร่งใส รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการยกระดับเทคโนโลยีการทำงาน ผ่านความร่วมมือกับ Microsoft ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเป็นดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ มุ่งสนับสนุนประสิทธิภาพการทำงานของบุคคลากรให้มีความคล่องตัวผ่านเทคโนโลยี เพื่อส่งต่อการบริการคุณภาพ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกบ้านได้รวดเร็วและตรงจุด   “ด้วยกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง เราเชื่อมั่นในศักยภาพความเป็น Thailand’s First Digital Real Estate Developer ของแสนสิริ ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการอสังหาฯ ไทย มุ่งเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกบ้านในทุกมิติ (Complete your Living Experience) ผ่านเทคโนโลยี Proptech ตลอดปี 2019 และต่อไปในอนาคต” ดร. ทวิชา กล่าวสรุป      
พฤกษา เตรียมเปิดจอง The Plant ซิตี้ แจ้งวัฒนะ ทาวน์โฮมทำเลทอง ติดอิมแพ็คเมืองทองธานี

พฤกษา เตรียมเปิดจอง The Plant ซิตี้ แจ้งวัฒนะ ทาวน์โฮมทำเลทอง ติดอิมแพ็คเมืองทองธานี

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท - แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ บริษัทฯ จะเปิดให้จองโครงการ The Plant ซิตี้ แจ้งวัฒนะ ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ซึ่งเป็นโซนใหม่ ติดถนนใหญ่หน้าโครงการ  บนสุดยอดทำเลติดถนนใหญ่ป๊อปปูล่า เมืองทองธานี  ซึ่งในปัจจุบันทำเล “เมืองทองธานี” เป็นย่านที่มีการขยายตัวทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว   เนื่องจากมีธุรกิจที่ให้บริการหลากหลาย ทั้งงานจัดแสดงสินค้า นิทรรศการ ประชุมสัมมนา งานเลี้ยงสังสรรค์ คอนเสิร์ต กิจกรรมพิเศษอื่นๆ มากมายตลอดปี  อีกทั้งยังมีร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง สถานศึกษา รวมถึงที่พักอาศัยโดยรอบ ซึ่งถือว่ามีความครบครัน ทำให้เมืองทองธานีผู้คนหลั่งไหลเข้าออกเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน  โครงการ The Plant ซิตี้ แจ้งวัฒนะ เป็นทาวน์โฮมโครงการเดียวในเมืองทองที่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน และติดถนนใหญ่ โดยสามารถอยู่อาศัย ทำร้านค้า หรือโฮมออฟฟิศ ด้วยหน้ากว้างถึง 7.7 เมตร ซึ่งมีเพียง 22 ยูนิตเท่านั้น โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 30 มีนาคม 2562  ลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ก่อนจองทางเว็บไซต์หรือสำนักงานขายภายในวันที่ 10 มีนาคม 2562”   The Plant ซิตี้ แจ้งวัฒนะ เป็นทาวน์โฮมสไตล์ Luxury Loft โดยนำแนวคิดจากสถาปัตยกรรมแห่งการอยู่อาศัยที่ผสมกลิ่นอายความโมเดิร์นเรียบหรูเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ตัดรูปทรงด้วยกรอบเส้นที่คมชัด พร้อม Shade Panel ช่วยป้องกันแสงแดด และลดความร้อน สามารถเปิดปิดได้ตามความต้องการ อีกทั้งออกแบบให้ทุกฟังก์ชั่นใช้งานได้หลากหลาย โดดเด่นด้วยพื้นที่ใช้สอยที่มากถึง 235 ตารางเมตร  และหน้าบ้านที่กว้างถึง 7.7 เมตร ซึ่งกว้างกว่าทาวน์โฮมทั่วไป ขนาดที่ดินเริ่มต้น 26.9 ตารางวา ให้คุณจัดสรรพื้นที่ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะอยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนด่านเมืองทองธานี ใกล้รถไฟฟ้า MRT  เพียง 300 เมตร สถานศึกษา และห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย อาทิ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1739 หรือ pruksa.com    
“THE ESSE ASOKE” ชวนสัมผัสประสบการณ์ Live  Highest, Live Finest  พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษในงาน Open House 9-10  มีนาคมนี้

“THE ESSE ASOKE” ชวนสัมผัสประสบการณ์ Live Highest, Live Finest พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษในงาน Open House 9-10 มีนาคมนี้

THE ESSE ASOKE (ดิ เอส อโศก) คอนโดมิเนียมสุดลักชัวรี โดยสิงห์ เอสเตท เตรียมจัดงาน THE ESSE ASOKE OPEN HOUSE วันที่ 9-10 มีนาคม 2562 เพื่อเชิญเยี่ยมชมบรรยากาศและสัมผัสประการณ์การอยู่อาศัยในแบบลักชัวรี โดยภายในงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ต้อนรับลูกค้ามากมาย อาทิ เพลงบรรเลงจาก SWU BAND วงจากนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผ่อนคลายไปกับการนวดแบบ Stones Massage และร่วมเวิร์คชอปการจัดดอกไม้สไตล์ญี่ปุ่น (IKEBANA) อีกทั้งยังเตรียมโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจจองในงาน ได้แก่ แพคเกจเฟอร์นิเจอร์มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท และบัตรกำนัลใช้แทนเงินสด มูลค่า 100,000 บาท สำหรับซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในศูนย์การค้าชั้นนำ โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้จาก Call center 1221   THE ESSE ASOKE (ดิ เอส อโศก) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแห่งแรกของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองภายใต้คอนเซป ‘Live Highest, Live Finest’ ‘ที่สุด...ทุกการใช้ชีวิต’ โดดเด่นเหนือใครด้วยความสูง 55 ชั้น สูงที่สุดในย่านอโศก พร้อมรายละเอียดการออกแบบที่งดงามเหนือกาลเวลาเน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยการออกแบบจัดวางผังอาคารแบบไม่มีห้องตรงข้าม (Single Corridor) ทำให้มีจำนวนห้องพักต่อชั้นสูงสุดเพียง 12 ห้องเท่านั้น พร้อมเติมเต็มความสุขในการใช้ชีวิตด้วยพื้นที่สีเขียวส่วนกลางรวมกว่า 1 ไร่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้อง Golf Simulation ห้องประชุม ห้องสมุด และ Residence Lounge อีกทั้งยังสะดวกสบายทุกการเดินทาง ทั้ง MRT, BTS, Airport Link และทางด่วน รายรอบด้วยห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย ราคาเริ่มต้น 9.59 ล้านบาท    
มหกรรมบ้านและคอนโด เดินหน้าขับเคลื่อนอสังหาฯ ไทย ปลุกกระแสตลาดให้คึกคัก

มหกรรมบ้านและคอนโด เดินหน้าขับเคลื่อนอสังหาฯ ไทย ปลุกกระแสตลาดให้คึกคัก

สามบิ๊กสมาคมอสังหาฯ ยังคงเดินหน้าจัดมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 40 คาดว่าตลาดยังมีกำลังซื้อ ด้วยมีปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค การจัดงานมหกรรมฯ เป็นการตอกย้ำความต้องการด้านที่อยู่อาศัย และขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงต้นปี 2562   นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 40 เปิดเผยว่า “ถึงแม้จะมีปัจจัยที่จะส่งผลต่อตลาดอสังหาฯ อาทิ มาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมากขึ้น งานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้ นับเป็นโอกาสของผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย ด้านผู้ประกอบการต่างเร่งระบายสินค้าในสต๊อกภายในงานมหกรรมฯ โดยแข่งขันการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นพิเศษ ตลอดจนผู้จัดงานฯ ได้มีการออกแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในงานด้วย และคาดว่าหลังการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ น่าจะมีแนวนโยบายต่างๆ ในการกระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเปรียบเสมือนฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ”   งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 40 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 มีนาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริเวณโซนซี ชั้น 1 ชั้น 2 และโซนเอเทรียม “โดยมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมแสดงสินค้าภายในงานกว่า 150 บริษัท และมีโครงการมากกว่า 1,000 โครงการ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อพร้อมรับแคมเปญภายในงานมากมาย โดยสินค้าที่นำมาแสดง ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 32.8%  บ้านเดี่ยว 19.7% ทาวน์เฮ้าส์ 16.4% และอื่นๆ เป็นต้น และตลอดการจัดแสดงงาน 4 วัน คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคเข้ามาชมงานเกือบ 1 แสนคน และมียอดจองและยอดขายทั้งภายในงานและต่อเนื่องหลังงานมากกว่า 6 พันล้านบาท”   ภายในงานครั้งนี้ คณะกรรมการจัดงานได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ “7 Weeks 7 Flash Deal” เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเรื่องเป็นอยู่เป็นเรื่องง่าย โดยแคมเปญนี้ได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ และจะสิ้นสุดในวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานฯ ลูกค้าที่ได้ลงทะเบียนออนไลน์หรือจองซื้อภายในงานจะได้รับสิทธิ์ลุ้นรับดีลพิเศษ 7 ดีล ได้แก่ ฟรีผ่อน 1 ปี ฟรีดาวน์ ฟรีโอน ฟรีค่าส่วนกลาง ฟรีบิวท์อิน ฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า และฟรีเฟอร์นิเจอร์ มูลค่ารวมมากกว่า 1 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้จัดโซนพื้นที่ HC SOLUTIONS เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจหาข้อมูลโครงการที่สนใจจากระบบฐานข้อมูล ซึ่งรวบรวมข้อมูลทุกอย่างจากผู้ประกอบการทุกรายที่มาร่วมออกบูธแสดงสินค้า ตั้งแต่ตำแหน่งที่ตั้งบูธ ประเภทโครงการ ทำเล ราคา และโปรโมชั่นต่างๆ ไปจนถึงการคำนวณความสามารถในการขอสินเชื่อ พร้อมขอรับคำปรึกษาเรื่องการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินชั้นนำมากมาย ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น   ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้าได้ทาง www.housecondoshow.com หรือติดตาม รายละเอียดข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ทางเฟสบุ๊ค housecondoshow - งานมหกรรมบ้านและคอนโด, อินสตาแกรม housecondoshow  หรือช่องทางไลน์ @housecondoexpo เพื่อรับข้อมูลโครงการและโปรโมชั่นจากผู้ประกอบการได้อย่างง่ายดายและสะดวกรวดเร็ว    
“ออริจิ้น” ฉลองยอดขายทะลุเป้า 450 ล้านบาท เพียงอาทิตย์เดียว  พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ จนถึง 31 มี.ค นี้

“ออริจิ้น” ฉลองยอดขายทะลุเป้า 450 ล้านบาท เพียงอาทิตย์เดียว พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ จนถึง 31 มี.ค นี้

ส่งโปรฯ ยืนหนึ่ง ORIGIN LAST CHANCE !! ลดด่วน ขบวนสุดท้ายไปดลใจขาช้อปที่ศูนย์การค้าพารากอน และ เทอมินิล 21 เพียงหนึ่งอาทิตย์ ล่าสุดบอสหนุ่ม อภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ถึงกับยิ้มแก้มปริ ฉลองยอดขายทะลุเป้า 450 ล้านบาท หลังจากมอบข้อเสนอให้กับคนอยากเป็นเจ้าของคอนโด ราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท* รับสิทธิ์ ผ่อน 0% นาน 3 ปี*, กู้เต็ม 100% และฟรีทุกค่าใช้จ่าย* อาทิ นอตติ้งฮิลล์ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ เจริญกรุง, ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม9, ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช ฯลฯ และยังคงจัดโปรฯ ให้จองสิทธิ์กันยาวๆ จนถึง 31 มีนาคมนี้ ที่ https://bit.ly/2HpRPvO สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 020 300 000 หรือที่ LINE @originproperty   หมายเหตุ : รายชื่อโครงการบางส่วนที่เข้าร่วมแคมเปญ ORIGIN LAST CHANCE!! ลดด่วน ขบวนสุดท้าย Readytomove นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร-อินเตอร์เชนจ์ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท แพรกษา ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ เคนซิงตัน เกษตร แคมปัส ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา นอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง-ศรีราชา นอตติ้ง ฮิลล์ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ เจริญกรุง เดอะ คาบาน่า นอตติ้ง ฮิลล์ ติวานนท์ ไนท์บริดจ์ สกาย ริเวอร์ โอเชี่ยน บีลอฟท์ ไลท์ สุขุมวิท 115 บีลอฟท์ สุขุมวิท 107 Park 24 --------------------------- Pre sale เคนซิงตัน 63 เคนซิงตัน สุขุมวิท-เทพารักษ์ ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช    
SC ชูทิศทาง 5 ปี “NEXT is NOW” ปี 62 รุกเปิด 13 โครงการใหม่

SC ชูทิศทาง 5 ปี “NEXT is NOW” ปี 62 รุกเปิด 13 โครงการใหม่

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชูทิศทาง 5 ปี 2562-2566 “NEXT is NOW” ทำอนาคตให้เกิดขึ้นจริง สร้าง living solutions ให้จับต้องได้ เพื่อส่งมอบสู่ผู้อยู่อาศัย หลังประกาศวิชั่นอนาคตก้าวสู่การเป็น living solutions provider ในปี 61 ที่ผ่านมา โดยขับเคลื่อน SC ผ่าน 3 เป้าหมายหลัก (objectives ) คือ   1. “SC ASSET Profit Growth” กำไรดี หนี้ลด มุ่งสร้างการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิ 2,000 ล้านบาท ในปี 62สู่ 3,000 ล้านบาท ในปี 66   2. “SC ASSET is Quality” เติบโตโดยรักษาระดับมาตรฐานคุณภาพสูง SC Family จะเติบโตจาก 20,000 ครอบครัว ปี 62 เป็น 35,000ครอบครัว ปี 66 คุณภาพเป็น top priority ในการขับเคลื่อนบริษัท   3. “SC ASSET as Living Solutions Provider” รู้ใจผู้อยู่อาศัย ประสานนวัตกรรมสู่ที่อยู่อาศัยและบริการ    ทำ living solutions ให้เกิดขึ้นจริง ส่งมอบสู่ผู้อยู่อาศัยอย่างจับต้องได้   หัวใจสำคัญของความสำเร็จขององค์กร คือ บุคลากรองค์กร และสิ่งที่ขับเคลื่อนบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ วัฒนธรรมองค์กร ต้นปี 62 SC ได้ประกาศวัฒนธรรมองค์กรใหม่ที่มีชื่อว่า #SKYDIVE สู่การเป็น living solutions provider โดยมีค่านิยม (core values) 4 อย่างคือ care, courage, collaboration, continuous improvement     สำหรับปี 2562 นายณัฐพงศ์  กล่าวว่า “SC ตั้งเป้ารายได้ 19,000 ล้านบาท เติบโต 22% แบ่งสัดส่วนแนวราบ-แนวสูง-เพื่อเช่า ในสัดส่วน 60-35-5 พร้อมกับเป้ายอดขาย 22,000 ล้านบาท เติบโต 46%  โดยการเติบโตของรายได้และยอดขาย มาจากโครงการเปิดขายทั้งหมดรวม 59 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 62,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 46 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดอีก 13 โครงการใหม่ มูลค่า 22,700 ล้านบาท ได้แก่ แนวราบ 9 โครงการใหม่ มูลค่า 6,500 ล้านบาท มีทั้งโครงการบ้านและทาวน์โฮมซีรีย์ใหม่ในทุกระดับราคา แบ่งเป็นกลุ่มระดับราคาน้อยกว่า 8 ล้านบาท  ประมาณ 71% กับ กลุ่มระดับราคามากกว่า 8  ล้านบาท  ประมาณ 29%   โดยข้อมูลจาก Area (Agency Real Estate Affairs) สรุปเมื่อปี 2561 ชี้ว่า บ้านเดี่ยวจาก SC ในกลุ่มบ้านราคามากกว่า 8 ล้านบาทขึ้นไป  ครองอันดับ 1 มี Market Share ถึง 14% ส่วนบ้านระดับราคา น้อยกว่า 5 ล้านบาท   เติบโตจาก Top 10 มาอยู่อันดับ 4 ด้วย Market Share 6%   พร้อมกับแนวสูง 4 โครงการใหม่  มูลค่า 16,200 ล้านบาท  แบ่งเป็น SC พัฒนา 2 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ The Crest  (เดอะเครสท์)  ได้แก่   1. โครงการ The Crest Park Residences ขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ มูลค่า 3,500 ล้านบาท บนที่ดิน Prime ที่สุดของห้าแยกลาดพร้าว เพียง 75 เมตร ถึง MRT พหลโยธิน ใกล้กับศูนย์การค้า ชั้นนำอย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ใกล้สวนจตุจักร และสวนรถไฟ ทำให้ได้วิวสวนพื้นที่กว่า 700 ไร่ โดยพัฒนาภายใต้บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.) บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชูของประเทศญี่ปุ่น   2. โครงการ The Crest Asoke Residences บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ 2 งาน มูลค่า 2,500 ล้านบาท ทำเลสุขุมวิท 23 เพียง 450 เมตรถึง MRT สุขุมวิท และ BTS สถานีอโศก ย่านใจกลางธุรกิจที่ผสมผสานความสะดวกสบาย และความเงียบสงบเป็นส่วนตัว อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อพื้นที่ lifestyle ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและชอปปิ้ง ในย่านทองหล่อ พร้อมพงษ์ และอโศกและ พัฒนาโดยบริษัท สโคป จำกัด  อีก 2 คอนโดฯ ระดับ Super Luxury  มูลค่า 10,200 ล้านบาท ทำเลหลังสวน ศูนย์รวมธุรกิจใจกลางเมือง และทำเลติด  BTS สถานีทองหล่อ   บางส่วนของ living solutions ที่ทั้งเกิดขึ้นจริงแล้ว และ กำลังจะเกิดขึ้นจริงในครึ่งปีแรก ปี 62 ดังนี้   - “Baan Rue Jai application” พร้อมให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการโดย SC ทั้งหมดกว่า 20,000 ครอบครัวดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ มี feature เบื้องต้นคือ สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ SC, แจ้งซ่อม, และตรวจสอบคุณภาพอากาศ (AQI) บริเวณใกล้เคียงที่อยู่อาศัย และ SC จะเพิ่ม feature ใหม่ๆอีก 6-7 อย่าง ภายในครึ่งปีแรกนี้   - “Rue Jai Subscription” ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต  เป็น feature ล่าสุด ช่วยอำนวยความสะดวกรายเดือน พร้อมให้บริการบน application ครั้งแรก 7 มี.ค. 62 นี้ โดยเสนอแพคเกจรายเดือนเริ่มต้น เดือนละ 1,990 บาท ครอบคลุมบริการดูแลที่อยู่อาศัย เช่น ดูแลสวน, ซัก อบ รีด, ทำความสะอาดบ้าน รวมไปถึงบริการอื่นๆ ในอนาคต ที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องที่อยู่อาศัยเท่านั้น   - “Mr. Holmes” หุ่นยนต์ตรวจการอัจฉริยะสัญชาติสิงคโปร์ตัวแรกในประเทศไทย ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยรอบโครงการ The Neighbourhood บางกระดี เป็นก้าวแรกของการใช้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับ รปภ.ที่เป็นมนุษย์   - “Project Agora” เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง SC X IDEO Tokyo บริษัท ออกแบบโซลูชั่นระดับโลก ผู้นำแนวคิด human-centered design และใช้ design thinking มาสร้างงานออกแบบพื้นที่ “Third Space” ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางแนวคิดใหม่ในโครงการของ SC ในแบบที่ไม่เคยมีบริษัท ไหนทำมาก่อน   - “Project Computational” เป็นการทดลองนวัตกรรมการออกแบบผังโครงการครั้งแรกของวงการอสังหาฯไทย ร่วมกันระหว่าง SC X Fire One One โดยให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้การออกแบบผังโครงการ เพื่อเป็นก้าวแรกสำหรับสร้าง AI ที่จะออกแบบผังโครงการให้ SC ในอนาคต และก้าวต่อไปจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์นักออกแบบและ AI นักออกแบบ   ทั้งนี้ในปี 2561 SC มีผลการดำเนินงานที่ดีเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 15,616 ล้านบาท เติบโต 25% กำไรสุทธิ1,782 ล้านบาท เติบโต 42% พร้อมมียอดขาย 15,022 ล้านบาท นอกจากนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบนำเสนอจ่ายเงินปันผลประจำปี 2561 ในอัตรา 0.16 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 โดยจะนำเสนอขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 25 เมษายนนี้ ต่อไป      
พฤกษา ผุดไอเดียใหม่ขายคอนโดพร้อมผู้เช่า พร้อมการันตีผลตอบแทน

พฤกษา ผุดไอเดียใหม่ขายคอนโดพร้อมผู้เช่า พร้อมการันตีผลตอบแทน

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ได้พัฒนาแนวคิดรูปแบบการขายใหม่ Condo Smart Investment มิติใหม่ของการลงทุนในคอนโดมิเนียม ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงสำหรับลูกค้าที่เป็นนักลงทุนที่ต้องการซื้อคอนโดไว้ปล่อยเช่า  โดยเฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพในการลงทุนปล่อยเช่าสูง พฤกษาจะช่วยหาผู้เช่าให้ก่อน แล้วจึงขายห้องชุดที่มีผู้เช่าแล้วให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวก และสร้างความมั่นใจด้านผลตอบแทนให้กับลูกค้า โดยที่ไม่ต้องไปหาผู้เช่าเองในภายหลัง ทั้งนี้ยังมีการการันตีผลตอบแทน (Guaranteed Yield)  5% นาน 2 ปี  นำร่องที่โครงการ “พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น”  ซึ่งอยู่ทำเลที่มีศักยภาพในการปล่อยเช่าสูง สะดวกต่อการเดินทาง และอยู่ในย่านชุมชน ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีบางยี่ขันเพียง 600 เมตร และใกล้ทั้งแหล่งมหาวิทยาลัยชั้นนำ และแหล่งงาน เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า โรงพยาบาลศิริราช ธนาคารแห่งประเทศไทย สหประชาชาติ และหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมาย แบบห้องชุดขายพร้อมผู้เช่ามีห้อง 2 ขนาดให้เลือกคือ 25 ตารางเมตร ราคา 2.55 ล้านบาท และ แบบ 27 ตารางเมตร ราคา 2.61 ล้านบาท  ทั้งนี้หากลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ก็จะเริ่มนำไปใช้กับคอนโดมิเนียมโครงการอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งพฤกษามีคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ใกล้รถไฟฟ้าที่น่าลงทุนอีกในหลายทำเล การซื้อคอนโดพร้อมผู้เช่าถือ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ และคุ้มค่าอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยง และไม่ต้องลุ้นผลตอบแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาวเพราะอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นทรัพย์สินที่ราคาจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย”   พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น  เป็นคอนโดมิเนียมสูง 22 ชั้น 1 อาคาร พร้อมเข้าอยู่ มีห้องชุดพักอาศัย 964 ยูนิต ร้านค้า 4 ยูนิต รวม 968 ยูนิต มาพร้อมวัสดุตกแต่งใน Spec ที่เหนือระดับ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน สวนหย่อมวิวสะพานพระราม 8 และเกาะรัตนโกสินทร์บนชั้นดาดฟ้า  โครงการอยู่บนถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใกล้สถานี MRT สถานีบางยี่ขัน ในระยะเพียง 600 เมตร เป็นแหล่งชุมชนที่เพียบพร้อมทั้งอาหารการกินและใกล้ห้างสรรพสินค้ามากมาย อาทิ เซ็นทรัล พลาซาปิ่นเกล้า โลตัส ปิ่นเกล้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 1739 หรือ plum.pruksa.com    
EVER ประเดิมโครงการแรก แบรนด์ “เอเวอร์ซิตี้” ทาวน์โฮมเหนือระดับ…คิดเผื่อทุกรายละเอียดของชีวิต

EVER ประเดิมโครงการแรก แบรนด์ “เอเวอร์ซิตี้” ทาวน์โฮมเหนือระดับ…คิดเผื่อทุกรายละเอียดของชีวิต

บมจ.เอเวอร์แลนด์  (EVER) ได้เวลาขยายแนวรบบุกตลาดอสังหาฯแนวราบ ประเดิมโครงการแรก ภายใต้แบรนด์ “เอเวอร์ซิตี้” บนทำเลทองย่านสุขสวัสดิ์ 30-พุทธบูชา มูลค่า 380 ล้านบาท “ทาวน์โฮมเหนือล้ำจินตนาการ  (Evercity Suksawat 30 - Puttaboocha)” นิยามใหม่ของทาวน์โฮมพร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้สอย  ราคาเริ่มต้นเพียง 2 .89 ล้านบาท  พร้อมพรีเซลวันที่ 9–10 มีนาคม 62 นี้   นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER)  ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เดอะโพลิแทน” ทำเลย่านสนามบินน้ำ ,โครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว แบรนด์  “มายโฮม อเวนิว” และทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยแผนธุรกิจในปี 2562 เตรียมบุกตลาดโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพิ่มขึ้น  เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ผลักดันให้รายได้เติบโตอย่างแข่งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต   ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดโครงการทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้”  ซึ่งถือเป็นโครงการแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทาวน์โฮมเหนือล้ำจินตนาการ (Evercity Suksawat 30–Puttaboocha” นิยามใหม่ของทาวน์โฮม พร้อมการออกแบบฟังก์ชั่นการดีไซน์ห้องที่ลงตัว และคุ้มค่าด้วยดีไซน์หรูหรา และแตกต่าง สะท้อนความสำเร็จของคนพิเศษเช่นคุณราคาเริ่มต้น 2.89  ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลในวันที่  9-10  มีนาคม 2562   โดยโครงการดังกล่าวเป็นทาวน์โฮมหรู 2 ชั้น สไตล์ฝรั่งเศส FranÇais Palais (French Palace) สวยสง่าตั้งแต่ตัวบ้านจรดรั้วบ้าน ดีไซน์พิเศษติดตั้งกล่องจดหมายวินเทจ วัสดุที่ใช้คัดสรรแต่เกรดพรีเมี่ยม นำเข้าจากต่างประเทศ ตกแต่งราวบันไดและระเบียงให้ดูเหนือระดับยิ่งกว่าด้วย Wrought Iron ดูภูมิฐาน สะท้อนความสำเร็จในชีวิตของคุณ   “โครงการ เอเวอร์ ซิตี้ สุขสวัสดิ์ 30-พุทธบูชา” เป็นโครงการแนวราบแรก EVER ในปีนี้ ซึ่งเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1/2562 และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม จากจุดขายที่ลงตัว และการออกแบบฟังก์ชันการดีไซน์ห้องที่ลงตัวและคุ้มค่า สอดคล้องคอนเซ็ปต์ “ทาวน์โฮมเหนือระดับ...คิดเผื่อทุกรายละเอียดของชีวิต” ซึ่งโครงการนี้ถือเป็น 1 ใน 3 โครงการแนวราบ ตามแผนจะเปิดใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาทในปีนี้ และจะทยอยเห็นการเปิดขายต่อเนื่องในปีนี้”นายสวิจักร กล่าว   ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER)  กล่าวอีกว่า โน้มผลการดำเนินงานในปี 2562 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นปีที่เริ่มรับรู้จากโครงการต่างๆที่ลงทุน จากโครงการแนวสูงแบรนด์ เดอะโพลิแทน และโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ "มายโฮม อเวนิว" รวมถึงทาวน์โฮม ที่จะทยอยเปิดตัวในไตรมาส 1 ปีนี้  รวมทั้งยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) ในมือที่จะสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย      
อนันดาฯ จับมือ ช้อปปี้ เปิดเกมรุกบุกตลาดอีคอมเมิร์ซกับดีลที่ดีที่สุด

อนันดาฯ จับมือ ช้อปปี้ เปิดเกมรุกบุกตลาดอีคอมเมิร์ซกับดีลที่ดีที่สุด

คุณพงศ์อนันต์ สุขเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จับมือ คุณอากาธา โซห์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) ร่วมเปิดประสบการณ์การซื้ออสังหาฯ รูปแบบใหม่ในแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ ผ่านแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ Shopee โดยนำ 12 โครงการคุณภาพทั้งคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้าและบ้านทำเลศักยภาพ ภายใต้แบรนด์ ไอดีโอ โมบิ / ไอดีโอ / เอลลิโอ / อาร์เด้น และ เอโทล เข้าร่วมแคมเปญครั้งนี้ ห้ามพลาด!! Ananda Deals Day 3 มี.ค. นี้ เท่านั้น กับดีลที่ดีที่สุด จำนวนจำกัด สำหรับลูกค้าที่จองคอนโดและบ้านเดี่ยว ผ่าน Shopee รับสิทธิ์จองเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท รับส่วนลดสูงสุด 1,900,000 บาท รับ Shopee Coin 3,000 coins / ยูนิต(ทุกยูนิต) พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0 บาท อยู่ฟรีสองปี* (เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ) พบดีลและโปรโมชั่นสุดพิเศษได้ผ่านทางร้านค้าออฟฟิเชียลของอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ บนช้อปปี้ มอลล์ที่ https://shopee.co.th/ananda_development_official สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 316 2222 หรือ www.ananda.co.th      
โนเบิล ประกาศผลการดำเนินงานปี 2561 พร้อมด้วยความแข็งแกร่งของปี 2562

โนเบิล ประกาศผลการดำเนินงานปี 2561 พร้อมด้วยความแข็งแกร่งของปี 2562

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานประจําปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 987.0 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีรายได้จำนวน 5,152.9 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรขั้นต้นคิดเป็นร้อยละ 43.4 และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิร้อยละ 19.2 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานจำนวน 2.16 บาทต่อหุ้น   “สำหรับปี 2561 นับว่าเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ ซึ่งผลสำเร็จมาจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี เป็นแรงผลักดันที่จะส่งผลต่อเนื่องไปยังปี 2562 และในอนาคตตามที่บริษัทได้คาดการณ์” กล่าวโดยนาย แฟรงค์ เหลียง รองประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม “สำหรับปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สร้างยอดขายกว่า 9,800 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ในอนาคตเป็นจำนวนประมาณ 17,700 ล้านบาท สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการส่งเสริมการขายโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ โนเบิล เพลินจิต ซึ่งมียอดจองกว่า 150 ยูนิต และมีการโอนกรรมสิทธิ์แล้วในต้นปี 2562”   “ในเดือน ธันวาคม 2561 บริษัทฯ ได้จำหน่ายที่ดินเปล่าจำนวนสองแปลง และได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนงานในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 บริษัทฯ จะเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยประมาณ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท” กล่าวโดยนาย แฟรงค์ เหลียง “บริษัทฯ คาดหวังว่าปี 2562 นี้และปีต่อๆ ไปในอนาคตข้างหน้าจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโนเบิลที่จะก้าวไปสู่จุดที่สูงกว่าที่เคยเป็นมา”   บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมใหม่ และสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการอยู่อาศัย เพื่อตอบสนองความต้องการ พร้อมนำคุณภาพที่ดีกว่ามาสู่ลูกค้า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจประเภทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งรูปแบบของบ้านเดี่ยว อาคารชุดพักอาศัยทั้งเชิงราบและตึกสูง   ณ เดือน ธันวาคม 2561 บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการแล้วรวมทั้งสิ้น 47 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาและเปิดการขายก่อนปี 2545 จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,800 ล้านบาท และโครงการที่เปิดการขายตั้งแต่ปี 2545 ถึงปี 2561 มีจำนวน 39 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 83,000 ล้านบาท    
อิโตชู ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ MQDC พัฒนาวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท

อิโตชู ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ MQDC พัฒนาวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท

นับเป็นการลงทุนครั้งแรกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในรอบกว่า 20 ปี ของอิโตชู (ITOCHU) บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นที่ตัดสินใจร่วมลงทุนในโครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท คอนโดมิเนียมระดับคุณภาพจาก MQDC ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพได้รับความสนใจจากตลาดโลก   MQDC ลงนามร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับอิโตชู (ITOCHU) จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท คอนโดมิเนียมสูง 39 ชั้น วิวสวนป่าเบญจกิติ มูลค่าโครงการกว่า 9.5 พันล้านบาท โดยอิโตชู (ITOCHU) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทรดดิ้งตัดสินใจร่วมลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 38% นับเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยครั้งแรกในรอบ 20 ปี   การร่วมมือในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งโครงการที่พักอาศัยและจังหวัดกรุงเทพมหานครกำลังได้รับความสนใจจากตลาดโลก กล่าวโดย คุณอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการแบรนด์วิสซ์ดอม บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล “ความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท คือสินทรัพย์ที่มีค่าทั้งต่อผู้พักอาศัยและนักลงทุนทั่วโลก อีกทั้งยังทำให้อิโตชู (ITOCHU) หวนกลับมาลงสนามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยในรอบ 20 ปี ด้วยสุดยอดทำเลที่ตั้ง การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และคุณภาพระดับพรีเมี่ยม” คุณอัษฎากล่าว   “ข้อตกลงนี้ยังแสดงให้เห็นว่าท่ามกลางแนวโน้มของตลาดที่ยังคงลอยตัวต่อโครงการที่พักอาศัยที่ต้องการนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง เช่นวิวทิวทัศน์ที่น่าทึ่งของสวนป่าขนาด 450 ไร่ แต่กรุงเทพมหานครคือสถานที่สำหรับการใช้ชีวิตและเหมาะสมในการลงทุน และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับอิโตชู (ITOCHU) ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดลำดับต้น ๆ ของการจัดอันดับ 500 บริษัทจาก Fortune”   พิธีลงนามความร่วมมือทางธุรกิจนี้ได้จัดขึ้น ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด หรือ MRB โดยมีคุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดีทีจีโอคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MQDC พร้อมด้วย คุณรัช ตันตนันตา ประธานผู้อำนวยการ บริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC และคุณอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ แบรนด์วิสซ์ดอม จาก MQDC เป็นตัวแทนเข้าร่วมงาน   มร. มาซาโตชิ มากิ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ฝ่ายก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์และโลจิสติกส์ บริษัทอิโตชู (ITOCHU) เป็นตัวแทนลงนามร่วมด้วยมร. โทโมฟุมิ โยชิดะ ประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อการอยู่อาศัย และ อสังหาริมทรัพย์ บริษัทอิโตชู (ITOCHU) และ มร. ยูจิ ฟุคุดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอิโตชู สิงคโปร์ (ITOCHU Singapore Pte Ltd)   MQDC และ อิโตชู มีพันธกิจร่วมกันนั้นคือเรื่องคุณภาพและความยั่งยืน คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ กล่าว “พันธกิจหลักของ MQDC คือ For all well-being ซึ่งแปลว่าเรามุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีไม่เพียงแค่ผู้อยู่อาศัยในโครงการเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงชุมชน สภาพแวดล้อม และทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ โดยผ่านการดำเนินงานตามแนวคิดนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” “พันธกิจนี้สอดคล้องกับทางอิโตชู (ITOCHU) ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง MQDC เรามุ่งมั่นที่จะร่วมงานกับหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่และได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ไม่เพียงแค่เกิดผลดีต่อ MQDC เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าทั่วโลกให้ความสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย”   อิโตชู (ITOCHU) กำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่ “แข็งแกร่งและยั่งยืน” ซึ่งขยายความไปถึง “ธุรกิจทางนวัตกรรม” ด้วย มร. มากิ กล่าว “นี่เป็นทำเลที่ดีที่สุดด้วยวิวที่หันหน้าสู่สวนเบญจกิติ และเรากำลังมองหาโอกาสในการลงทุนในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ” มร.มากิกล่าว “อิโตชู (ITOCHU) ร่วมพัฒนาโครงการวิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท ซึ่งถือได้ว่าเป็นพันธมิตรที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนได้ และ MQDC คือพันธมิตรที่มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในการขยายธุรกิจทางด้านนวัตกรรม”      
ออลล์ อินสไปร์ฯ ผนึก 2 พันธมิตรญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ เปิดตัว “อิมเพรสชั่น เอกมัย”

ออลล์ อินสไปร์ฯ ผนึก 2 พันธมิตรญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ เปิดตัว “อิมเพรสชั่น เอกมัย”

บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จับมือพันธมิตรทางธุรกิจยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ (Hoosiers Holdings) และ คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี (Kyushu Railway Company) พัฒนาโครงการ “อิมเพรสชั่น เอกมัย เจาะกลุ่มไฮเอนด์ ชิงตลาดลักซูรี เรสสิเดนท์ ย่านเอกมัย มั่นใจ 2 ห้องนอนตอบโจทย์ดีมานด์เพื่ออยู่อาศัยและปล่อยเช่า เริ่มต้นที่ 7.9 ลบ. มูลค่าโครงการ 4,800 ลบ.   นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากจุดแข็งของบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ทำให้ทุกโครงการของออลล์ อินสไปร์ฯ ได้รับการการันตีด้วยยอดขายที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เหตุผลนี้ทำให้ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นอย่าง ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ (Hoosiers Holdings) และ คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี (Kyushu Railway Company) เห็นถึงศักยภาพ ความโดดเด่น และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ จึงได้มั่นใจในการร่วมทุนจับมือกับ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อบริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดย ออลล์ อินสไปร์ฯ จะถือครองหุ้นในสัดส่วน 51% ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ 29% และ คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี 20%   ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ และ คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี เป็นบริษัทชั้นนำในญี่ปุ่น ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวโยงที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่น โดยเฉพาะด้านคุณภาพ การออกแบบสถาปัตยกรรม และการบริหารพื้นที่ใช้สอย รวมถึงทีมออกแบบและทีมควบคุมคุณภาพที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ออลล์ อินสไปร์ฯ ซึ่งมีความมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพในพื้นที่ศักยภาพ และบริเวณพื้นที่แนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ เช่น BTS และ MRT เพื่อการคมนาคมที่สะดวกสบาย ใกล้แหล่งชุมชน และสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง ดังนั้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการผสมผสานการดำเนินงานพัฒนาโครงการอย่างกลมกลืนจากทั้ง 3 พันธมิตรทางธุรกิจจะเสริมสร้างศักยภาพให้ การพัฒนาโครงการมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยก้าวสู่ระดับสากล   โครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย”เป็นโครงการลักซูรี เรสสิเดนท์ ICONIC PROJECT ภายใต้สโลแกน BORN TO STAND OUT เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยโครงการถูกออกแบบให้มีความสมบูรณ์แบบหรูหราอยู่สบาย เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับไฮเอนด์ บนถนนเอกมัย เดินทางสะดวกสบายใกล้สถานี BTS เอกมัย ราคาเริ่มต้น 2 ห้องนอน 7.9 ลบ. โครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย มีแรงบันดาลใจในการออกแบบอาคารมาจากรูปทรงของอักษรนำของ ออลล์ อินสไปร์ฯ ซึ่งเป็นรูปทรงของตัว A โดดเด่นตอกย้ำการเป็น ICONIC ใจกลางเอกมัย โครงการเป็นไฮไรส์ เรสสิเดนท์ จำนวน 380 ยูนิต บนเนื้อที่ 2-3-3.9 ไร่ แบ่งเป็นอาคารที่อยู่อาศัย 2 อาคาร สูง 25 ชั้น และ 43 ชั้น อีก 1 อาคารเป็นอาคารจอดรถ 16 ชั้น มูลค่าโครงการทั้งสิ้น 4,800 ลบ. อิมเพรสชั่น เอกมัย มีขนาดห้องให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน ดูเพล็กซ์ และ เพนท์เฮาส์ ขนาดตั้งแต่ 30 -183 ตารางเมตร นายธนากรกล่าวเสริมว่าจากการวิเคราะห์ของทีมพัฒนาโครงการของบริษัทฯ มั่นใจว่าห้องพักอาศัยประเภท 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางพร้อมฟังก์ชั่นที่ลงตัวมีดีมานด์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการอยู่อาศัยหรือการปล่อยเช่าที่พร้อมด้วย 6 จุดขายของโครงการ   1) เพดานห้องที่สูงถึง 2.9 เมตร 2) ส่วนกลางที่เชื่อมต่อระหว่างอาคารที่อยู่อาศัย A และ B 3) ที่จอดรถระบบ Auto Parking รวม 85% พร้อมที่จอดรถ Super Car และรองรับระบบ EV Charger 4) เครื่องปรับอากาศระบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) ซึ่งไม่มีคอยล์ร้อนในพื้นที่พักอาศัย ไม่กระทบทัศนียภาพและพื้นที่ใช้สอย 5) ห้อง Duplex ที่มาพร้อมอ่างจากุชซี่ 6) ฟังก์ชั่นการใช้งานได้ถูกออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพ   ขณะนี้โครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์จองห้องสวยในราคาพิเศษก่อนใครได้ที่สำนักงานขาย หรือคลิก www.impressionekkamai.com สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02 029 9999      
“ดิ เอส อโศก” คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแห่งแรกของ สิงห์ เอสเตท เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

“ดิ เอส อโศก” คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแห่งแรกของ สิงห์ เอสเตท เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานยิ่งใหญ่ในย่านอโศกเลยก็ว่าได้ กับการเปิดตัวโครงการ “ดิ เอส อโศก” คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแห่งแรกของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Live Highest, Live Finest  นำโดย คุณนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในระดับพรีเมียมบนตึกที่สูงที่สุดในย่านอโศก โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์ Modern Contemporary และการดูแลอย่างเหนือระดับด้วย เอส คลาส แมเนจเม้นท์ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้แมเนจเม้นท์ที่บริหารงานโดย สิงห์ เอสเตท อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากดารานักแสดงสาวสวย แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และลูกบ้านของโครงการ อมิตา ยัง สีณพงศ์ภิภิธ และครอบครัว มาร่วมแสดงความยินดี ณ โครงการ ดิ เอส อโศก   ภายในงานเริ่มด้วย คุณนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่มาร่วมงาน หลังจากนั้นคณะผู้บริหารได้พาสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการตามจุดไฮไลท์ต่างๆ อาทิ Sculpture Court บริเวณชั้น 10 ต่อด้วยชั้น 33 ที่มีสระว่ายน้ำ Golf Simulation และฟิตเนส และ ชั้น 43 เป็นชั้นสุดท้ายที่ได้พาแขกผู้มีเกียรติเยี่ยมชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกบริเวณResidences Lounge ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่น่าประทับใจที่สุดเลยก็ว่าได้ และมาถึงช่วงพูดคุยกับเซเลบริตี้ แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตและตัวตนที่สะท้อนคำว่า “Live Highest, Live Finest” ร่วมด้วย อมิตา ยัง สีณพงศ์ภิภิธ พร้อมครอบครัว ที่มาพูดถึงการใช้ชีวิตครอบครัวและเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกโครงการ ดิ เอส อโศก แห่งนี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง   หลังจากที่คณะผู้บริหารพาผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการแล้วนั้น ก็เข้าสู่พิธีการเปิดโครงการ ดิ เอส อโศก อย่างเป็นทางการบริเวณชั้น G พร้อมฉายวีดีโอโครงการ ต่อด้วยมินิคอนเสิร์ต จาก ทาทา ยัง ที่งานนี้ได้นำเพลงฮิตมาเอ็นเตอร์เทนผู้ร่วมงานอย่างสนุกสนาน   แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ กล่าวว่า “จากที่ได้ยินข้อมูลของโครงการและการที่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ รู้สึกว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่น่าสนใจที่สุดในย่านอโศก ที่สำคัญอยู่ใจกลางเมืองและยังมีพื้นที่สีเขียวกว่า1ไร่ให้พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะแอฟมีน้องปีใหม่ ก็รู้สึกว่ามันคงจะดีถ้ามีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่ ด้วยไลฟสไตล์และการทำงานของแอฟที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลานั้น ณ ที่แห่งนี้ถือว่าเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกมากค่ะ เพราะอยู่ใกล้เส้นทางคมนาคมหลักมากมาย ถ้าใครสนใจโครงการนี้ ยังมีอีกหลายห้องให้มาเยี่ยมชมกัน พลาดไม่ได้นะคะ”   อมิตา ยัง สีณพงศ์ภิภิธ กล่าวว่า “วันนี้มาเป็นลูกบ้านที่ดีกับการเป็นแขกรับเชิญในวันนี้ ทาทาและครอบครัวคิดว่า เราตัดสินใจไม่ผิดที่ได้ลงทุนกับโครงการนี้ จะบอกว่าสวยงาม หรูหรา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง เพราะเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งช้อปปิ้งที่ทำงาน โรงเรียนลูก ส่วนตัวแล้วนั้นยังมองว่าเป็นการลงทุนที่ดีเพื่ออนาคตของลูกอีกด้วย สำหรับคนที่สนใจมาเป็นเพื่อนบ้านทาทา อย่าลืมมางาน Open House วันที่ 9-10 มีนาคม 2562 นี้ นะคะ ที่สำคัญสำหรับคนที่กำลังมองหาห้องดีๆ ทำเลทอง ขอบอกว่าจัดเต็มโปรโมชั่นสุดพิเศษ เหลือไม่กี่ห้องแล้วนะคะ”   โอกาสสุดท้ายสำหรับผู้สนใจในงาน THE ESSE ASOKE OPEN HOUSE ในวันที่ 9-10 มีนาคม 2562 พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ อาทิ แพคเกจเฟอร์นิเจอร์มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท รวมทั้งบัตรกำนัลใช้แทนเงินสด มูลค่า 100,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้จาก www.singhaestate.co.th หรือสอบถามรายละเอียดที่ 1221        
RICHY ประกาศพร้อมนำ “เดอะริช@เพลินจิต-นานา” สู่ตลาดบน ปักหมุดเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์–ต่างชาติ

RICHY ประกาศพร้อมนำ “เดอะริช@เพลินจิต-นานา” สู่ตลาดบน ปักหมุดเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์–ต่างชาติ

RICHY ประกาศศักดา นำคอนโดมิเนียมทำเลทองย่านซีบีดี "เดอะริช@เพลินจิต-นานา" มูลค่าโครงการ 3.7 พันล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยสไตล์ MIXED USE พร้อมจัดโปรโมชั่นสุดเพอร์เฟคให้กลุ่มผู้สนใจซื้อลงทุนด้วยผลตอบแทน 16% การันตีทุกยูนิต มั่นใจสามารถดันยอดขายเพิ่ม หนุนผลประกอบการปี 62 เติบโตโดดเด่น   ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จํากัด (มหาชน) หรือ RICHY เปิดเผยว่า บริษัทฯ จัดแคมเปญและโปรโมชั่นสำหรับโครงการคอนโดมิเนียม "เดอะริช@เพลินจิต-นานา" มูลค่าโครงการ 3.7 พันล้านบาท ภายใต้แนวคิดโครงการ Wellness Living เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยชั้นนำย่าน CBD พร้อมได้แต่งตั้ง บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่าย (เอเจนซี่) โครงการดังกล่าว   ทั้งนี้เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับบนทั้งคนไทย และต่างชาติ โดยนำร่องเน้นที่กลุ่ม Medical Tourist , คนจีน และตะวันออกกลาง ลูกค้าชาวไทยที่มีรายได้ตั้งแต่ 180,000 บาทขึ้นไป รวมถึงเจ้าของธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการซื้อ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย หรือเพื่อการลงทุน โดยใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นพิเศษ สำหรับกลุ่มที่ต้องการซื้อลงทุนด้วยการมอบ Yield guaranteeสูงถึง 16%   สำหรับโครงการเดอะริช@เพลินจิต-นานา เป็นคอนโดมิเนียม High rise ระดับไฮเอนด์ สูง 32 ชั้น 427ยูนิต หนึ่งเดียวบนถนนสุขุมวิทซอย 3 (นานา) ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ติดธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ใกล้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพียง 290 เมตร ชูจุดขาย 1 ห้องนอน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้จริงตามผู้อยู่อาศัย สามารถเปลี่ยนห้อง Plus เป็นห้องทำงาน , Walk in closet หรือห้องนอนเล็กได้ตามต้องการ และแบบ 2 ห้องนอน ที่สามารถเปลี่ยนห้องนอนเล็กเป็นห้องทำงาน ห้องฟังเพลง ได้ตามต้องการ   นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Wellness Living” เน้นการสร้างความเป็นอยู่ที่พิถีพิถัน สุขสบายเพื่อสุขภาพที่ดี กลมกลืน กับธรรมชาติ ท่ามกลางความ ดีเลิศในด้านสังคมการอยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัวสูง หรูหรา ด้วยส่วนกลางที่มาพร้อมสระว่ายน้ำแบบ CHROMOTHERAPY HEALING SWIMMING POOL , Kids room ,Yoga room และสวนแบบ Pocket Garden ตอบสนองความต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง   ในส่วนของ Mixed -Use แบ่งสัดส่วนเป็น 3 ชั้น ประกอบไปด้วยร้านค้า Retail ระดับ Luxury กว่า 50 shops ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Mix Life ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะกิน ,ช้อป และดูแลสุขภาพ โดยสามารถเดินทางได้ง่ายด้วยรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิตและนานา ถือได้ว่าเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่บนทำเลที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจการค้า บนถนนสุขุมวิท-นานา ที่แนวโน้มราคามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น จึงเหมาะทั้งสำหรับเพื่ออยู่อาศัย และซื้อเพื่อการลงทุน      
“รอแยลเฮ้าส์” ขยายเซ็กเมนท์ สร้างบ้านตอบโจทย์คนยุค Millennials

“รอแยลเฮ้าส์” ขยายเซ็กเมนท์ สร้างบ้านตอบโจทย์คนยุค Millennials

“รอแยลเฮ้าส์” มองโอกาสขยายฐานลูกค้า เดินหน้าพัฒนาบ้านแนวใหม่เอาใจคนยุค Millennials เน้นแบบบ้านทันสมัย-เข้ากับที่ดินกะทัดรัด-ปรับฟังก์ชันได้ตามใจ นำร่องเปิดตัวแบบบ้านใหม่สไตล์ญี่ปุ่นและสไตล์โมเดิร์น ทรอปิคัลในงาน Home Builder & Materials Focus 2019 วันที่ 21-24มี.ค.นี้ พร้อมจัดหนักโปรโมชั่นแถมแอร์Daikin มูลค่าสูงสุดกว่า 60,000 บาท รับSummer ตั้งเป้า 5 ปี ฐานลูกค้ากลุ่มMillennial เพิ่มสัดส่วนแตะ 10% ติดเครื่องตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศด้วย Local Marketing   นายโกศล โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี และมีสาขามากที่สุดในประเทศ ภายใต้สโลแกน “สร้างบ้านด้วยสมอง” เปิดเผยว่า แม้ที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจรับสร้างบ้านจะเป็นกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 40ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีที่ดินเป็นของตัวเอง แต่ในอนาคต ลูกค้ากลุ่มยุคMillennials ซึ่งเกิดประมาณ พ.ศ.2523-2537หรือมีอายุราว 25-39 ปี จะกลายเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจรับสร้างบ้านมากขึ้น บริษัทจึงมองโอกาสการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดกลุ่มดังกล่าว ด้วยการพัฒนาแบบบ้านที่ตอบโจทย์คนยุค Millennials   “ตลาดคนยุค Millennials อาจไม่ใช่ตลาดที่เติบโตเร็วสำหรับธุรกิจรับสร้างบ้าน แต่เป็นตลาดที่เราต้องก้าวไป เพราะตลาดนี้ยังมี Pain Point เกี่ยวกับความต้องการที่อยู่อาศัยหลายเรื่อง ที่ธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถเข้าไปตอบโจทย์ได้” นายโกศล กล่าว   ทั้งนี้ กลุ่มคนยุค Millennials ในตลาดที่อยู่อาศัย ยังสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มคนที่อยู่คนเดียว ต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับทำงานในเมือง กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่นิยมซื้อคอนโดมิเนียม 2.กลุ่มที่เริ่มมีครอบครัว ต้องการบ้านขนาดกะทัดรัด 3.กลุ่มที่ต้องการบ้านสำหรับอยู่อาศัย 3 เจเนอเรชั่น คือรุ่นตัวเอง รุ่นพ่อแม่ และรุ่นลูก โดยกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 จะเป็นกลุ่มหลักที่สามารถก้าวเข้ามาเป็นลูกค้าของรอแยลเฮ้าส์ได้   นายโกศล กล่าวอีกว่า คนยุค Millennials ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง มักพบปัญหาหลายเรื่องในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย 1.แบบบ้านขาดความทันสมัย 2.แบบบ้านที่ธุรกิจรับสร้างบ้านมี มักเป็นแบบบ้านที่ไม่เข้ากับขนาดที่ดิน เนื่องจากที่ดินที่คนกลุ่ม Millennials มี มักมีขนาดแปลงเล็กกว่าที่ดินของคนรุ่นก่อน3.บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมถูกออกแบบมาแบบสำเร็จรูป ไม่สามารถปรับเปลี่ยนวัสดุ หรือปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างได้ตามใจ บริษัทจึงจะให้ความสำคัญกับการออกแบบบ้านใหม่ๆ ที่มีความทันสมัย เป็นแบบบ้านที่เข้ากับที่ดินขนาดกะทัดรัด และชูจุดแข็งของธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน วัสดุ และรายละเอียดบางอย่างให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้   ในวันที่ 21-24 มี.ค.นี้ บริษัทจึงจะเปิดตัวแบบบ้านใหม่ 2 สไตล์ คือแบบบ้านสไตล์ญี่ปุ่น (Modern Japanese) และแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ทรอปิคัล (Modern Tropical) รวมทั้งสิ้น4 แบบ ในงาน Home Builder & Material Focus 2019 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ “คนยุค Millennials รับวัฒนธรรมจากประเทศญี่ปุ่นมาค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน คนยุคMillennials ยังชอบที่อยู่อาศัยที่ให้กลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ เราจึงออกแบบบ้าน 2สไตล์นี้ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว คำนึงถึงการออกแบบทั้งภายในและภายนอกให้มีความทันสมัย ภายในบ้านฟังก์ชันครบ Facade ก็ดูมีสไตล์ บ้านแบบญี่ปุ่นก็จะมีห้องน้ำสไตล์ออนเซน โดย 4 แบบที่ออกมานี้มีทั้งแบบที่เจาะลูกค้ากลุ่ม Millennials ขณะเดียวกันก็มีแบบที่เจาะกลุ่มฐานลูกค้าเดิมของรอแยลเฮ้าส์ด้วย” นายโกศล กล่าว สำหรับผู้ที่ตัดสินใจจองในงาน Home Builder & Material Focus 2019 บริษัท มีโปรโมชั่นสุดพิเศษรับส่วนลดสูงสุดถึง 12% พร้อมรับแอร์Daikin มูลค่าสูงสุดถึง 60,000 บาท ภายในบูธยังมีการจัดแสดงแบบบ้านอื่นๆ ของรอแยลเฮ้าส์ และมอบประสบการณ์ความพึงพอใจสูงสุดผ่านกลยุทธ์ Multi-Sensory ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทั้งการตกแต่งบูธภายในงานด้วยกลิ่นอโรม่าจาก Diffuser ของ ORGANIKA HOUSEให้ความรู้สึกของความเป็นบ้าน การเสิร์ฟขนมหวานจาก BRIX Dessert Bar ให้บรรยากาศสบายๆ  และพิเศษด้วยมินิคอนเสิร์ตจากเปอติ๊ดThe Voice 4 ในวันเสาร์ที่ 23 มี.ค. เวลา 14.00-15.00 น. ทั้งนี้ ตลาดคนยุค Millennials จะเป็นตลาดที่สร้างโอกาสในระยะยาว ไม่ใช่ตลาดที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะสั้น บริษัทจึงตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี จะมีฐานลูกค้ากลุ่ม Millennialsเติบโตขึ้นแตะ 10% ของสัดส่วนลูกค้าทั้งหมดของรอแยลเฮ้าส์ นายโกศล กล่าวอีกว่า นอกจากการขยายเซ็กเมนท์เจาะตลาดกลุ่มคนยุค Millennials แล้ว อีกกลุ่มหนึ่งที่บริษัทจะให้ความสำคัญในปีนี้ คือกลุ่มตลาดต่างจังหวัด โดยจะใช้กลยุทธ์ Local Marketing ลงไปยังจังหวัดหัวเมืองขนาดใหญ่โดยตรง เช่น การทำโฆษณาผ่านสื่อนอกบ้าน (Out of Home Media) อย่างป้ายบิลบอร์ดต่างๆ การลงสปอตโฆษณาผ่านวิทยุชุมชน   “ตลาดต่างจังหวัดต้องการวิธีการเข้าถึงและกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างจากตลาดในกรุงเทพฯ และแม้ตลาดต่างจังหวัดจะค่อยๆ เติบโต แต่ก็เติบโตอย่างมีศักยภาพ เพราะยังมีคนที่มีที่ดินเปล่าสำหรับรอสร้างที่อยู่อาศัยอยู่พอสมควร ด้วยจำนวนสาขา 12 สาขาครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ และประสบการณ์ในการก่อสร้างมาแล้วเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ รอแยลเฮ้าส์จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในต่างจังหวัดอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้มีที่อยู่อาศัยคุณภาพ” นายโกศล กล่าว    นายโกศล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2561 บริษัทมียอดขายทั้งสิ้น 1,120 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงกลางปีที่ 1,000 ล้านบาท สำหรับในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเบื้องต้นไว้ที่ 1,120 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจัยต่างๆ ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจในปีนี้   บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านมานานกว่า 30 ปี ภายใต้สโลแกน “สร้างบ้านด้วยสมอง” มีสาขาอยู่ทั่วประเทศแล้วมากกว่า 12 สาขา สร้างบ้านมาแล้วมากกว่า 5,000หลัง ปัจจุบันดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านครอบคลุมหลายเซ็กเมนท์ ตั้งแต่ระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ระดับ 5-10 ล้านบาท ระดับ 10-20 ล้านบาท และระดับมากกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมไปถึงระดับมากกว่า 100 ล้านบาท    
ซีบีอาร์อีซีจัดงานสัมมนาแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ

ซีบีอาร์อีซีจัดงานสัมมนาแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ

ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จัดงานสัมมนา “แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ” สำหรับลูกค้าและนักลงทุน เพื่ออัพเดตแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมของกรุงเทพฯ รวมถึงเคล็ดลับการลงทุนโดยนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ   นอกจากนี้ ลูกค้าทั้ง 100 ท่านยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ล่าสุดและข้อเสนอพิเศษสุดจากโครงการชั้นนำและคอนโดมิเนียมรีเซลส์ทั้งในกรุงเทพฯ และแหล่งตากอากาศที่สำคัญของไทยเมื่อไม่นานมานี้   ในภาพ นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้การต้อนรับนายกิติชัย เตชะงามเลิศ นักเขียนด้านการลงทุนติดอันดับขายดีและนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และสินประเภททรัพย์อื่นๆ    
You Need = Younique “ยูนีค” เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ

You Need = Younique “ยูนีค” เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ

ในยุคที่คนเมืองมีความเป็นตัวของตัวเอง ชอบความแตกต่าง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อะไรที่ได้ชื่อว่ามีชิ้นเดียวในโลกหรือผลิตมาเพื่อเราโดยเฉพาะถือว่าเจ๋งสุดๆ ไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่ยังรวมถึงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ที่ปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาไปจนถึงขีดความสามารถที่ Customize ได้แบบรายบุคคล และเมื่อ You Need คือ อะไรที่คุณอยากได้ คุณต้องการ Younique “ยูนีค” ทำให้ได้ทุกอย่างจริงๆ ทำให้เกิดกระแสตอบรับที่ดีมาก จึงอยากบอกต่อ ไม่เชื่อมาดูคู่รักดาราที่คบกันมาราธอนยาวนานกว่า 15 ปี อย่าง “ซาร่า เล็กจ์” และ “เอ็ม-สืบสกุล ทวีผล” หรือ “เอ็ม โอไอซี” ที่เพิ่งจะควงแขนเข้าประตูวิวาห์กันเมื่อไม่นานมานี้ โดยทั้งคู่ได้มาแชร์ไอเดียการ Customized Furniture ที่ “ยูนีค” (Younique) เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ (Customized Furniture 4.0) โดย อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall) ที่ปรับพื้นที่ใช้สอยจาก 35 ตร.ม. ให้เพิ่มขึ้นเทียบเท่า 53 ตร.ม. พร้อมสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและออกแบบจนคุณพอใจ ทำให้สามารถจัดสรรพื้นที่ใช้สอยในห้องโปรดเต็มพื้นที่ ทั้งแนวราบ แนวดิ่ง ด้วยการยืด ย่อ หด ขยาย ปรับขนาดได้ถึงขั้นมิลลิเมตรเลยทีเดียว แถมยังเลือกสี ขนาด และฟังก์ชันการใช้งานได้ตามใจโดยมีดีไซเนอร์ส่วนตัวช่วยดูแลและให้คำปรึกษาตั้งแต่ก้าวแรกจนเสร็จสิ้นการประกอบติดตั้ง ในงบประมาณที่แสนน่าพอใจอีกด้วย!!   ซาร่า เล็กจ์ ดารานักแสดงสาวเผยด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขว่า “ทุกคนเชื่อไหมว่า โลกของซาร่าและคุณเอ็มช่างเป็นโลกที่แตกต่างกันมากค่ะ ซึ่งซาร่าจะเป็นคนชัดเจน เป็นผู้หญิงที่มีความชอบเฉพาะตัวสูง เช่น อยากได้ห้องแต่งตัวที่มีชั้นใส่ของที่เก็บได้ทุกไอเท็มแฟชั่น ตั้งแต่เครื่องประดับ หมวกใบเก๋ กระเป๋าใบเล็กใบน้อย ไปจนถึงรองเท้า พร้อมอยากเพิ่มความน่าสนใจให้ห้องนอนดูสวยหรู ด้วยการมี Bed Bench ที่ใช้ประโยชน์ได้สารพัดตรงปลายเตียง ส่วนคุณเอ็มจะมีสไตล์ที่ชัดเจน รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มีสเปซแค่ไหน มองภาพการใช้ชีวิตแบบ 3 มิติ แล้วตีความออกมาเป็นไลฟ์สไตล์ แต่ดีตรงที่เราทั้งคู่ ต่างคนก็ต่างรู้ว่า “I know what I need” ถึงแม้ในบางครั้งความชอบของเราทั้งคู่จะมีบ้างที่ชอบไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ “ยูนีค” (Younique) เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ (Customized Furniture 4.0) เพราะที่นี่มีทุกอย่างที่เราทั้งคู่ต้องการสำหรับการออกแบบและตกแต่งบ้านของเราค่ะ”   ทั้งนี้เพราะ “ยูนีค” (Younique) เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ (Customized Furniture 4.0) เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเดิมๆ ที่น่าเบื่อจากการสั่งทำเฟอร์นิเจอร์สมัยก่อนหรือที่เรียกกันว่า “บิวท์อิน” ด้วยการนำเทคโนโลยีอัฉจริยะ 4.0 ใหม่ล่าสุด มาใช้ในวงการเฟอร์นิเจอร์ครั้งแรกในไทย ซึ่งฉีกทุกกฏปฏิวัติทุกวงการเฟอร์นิเจอร์ นำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อรองรับตลาดเฟอร์นิเจอร์ปัจจุบัน สร้างสรรค์เป็นงานเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างละเอียดขั้นมิลลิเมตร รายเดียวในไทย เป๊ะที่สุด!! ดีที่สุด!! ช่วยลดขั้นตอน ลดปัญหา ลดค่าใช้จ่าย และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น   และเพราะความต่างคนต่างรู้ว่าต้องการอะไร “ยูนีค” (Younique) เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ (Customized Furniture 4.0) จึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด ที่จะทำให้โลกของทั้งซาร่าและสามี กลายเป็นโลกใบเดียวกันที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ด้วยการช่วยดีไซน์เฟอร์นิเจอร์สั่งตัด หรือ Customize Furniture ที่ทั้งคู่ต้องการให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของทั้งคู่ “วันนี้ รู้สึกดีมากๆ เพราะซาร่าได้เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจสมกับที่ต้องการจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะฟังก์ชันชั้นวางของที่สามารถเลื่อนเก็บได้ ที่จะทำให้ซาร่ามีที่เก็บของได้เยอะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ หมวก หรือกระเป๋า หรือการประหยัดพื้นที่ด้วยการซ่อนที่รีดผ้าให้สามารถพับเก็บไปในตู้เสื้อผ้าได้ และที่คุณเอ็มปลื้มสุดๆ คือโต๊ะแป้งสุดไฮเทคที่กระจก เป็นได้มากกว่ากระจก เพราะผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่เพิ่มฟังก์ชันให้เราถึง 4 ฟังก์ชันการใช้งาน คือ 1. สามารถเปิดไฟที่กระจกโดยรอบได้ 2.ช่วงกลางคืนเลือกเปิดไฟหลังกระจกเพื่อเพิ่มความสะดวกในการมองเห็น 3.ระบบไล่ฝ้าบริเวณกระจก และฟังก์ชันสุดท้าย ยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth ที่จะสร้างความบันเทิงทำให้สามารถเปิดเพลงจากโทรศัพท์ ที่สำคัญระบบทุกอย่างนี้ เปิดปิดได้ง่ายเพียงแค่สัมผัส! เรียกได้ว่ามัลติฟังก์ชันสุดๆ ไปเลยค่ะ” ดาราสาวมากความสามารถกล่าวปิดท้าย   ส่วนใครอยากรู้ว่าสะดวก รวดเร็ว และเป๊ะแค่ไหนนั้น ตามซาร่าและคุณเอ็มไปดูบริการดีๆ ที่ “ยูนีค” (Younique) เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ (Customized Furniture 4.0) ได้ที่ • https://www.youtube.com/watch?v=be2MqvrvIaU&t=3s •https://www.facebook.com/224028041561/posts/10158291368251562/   ทั้งหมดนี้ “ยูนีค” (Younique) เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ (Customized Furniture 4.0) สามารถช่วยให้คุณออกแบบเฟอร์นิเจอร์สั่งตัดได้เอง ทั้งขนาด สี ดีไซน์ วัสดุ ครบสุดทุกความต้องการ ช่วยให้การแต่งบ้านเป็นเรื่องที่เร็ว ง่าย เป๊ะ ใช่ในแบบที่เป็นตัวคุณ เพราะที่นี่มีบริการดีไซเนอร์ส่วนตัวที่พร้อมช่วยเหลือแนะนำ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เป็นการประกอบติดตั้ง ตลอดจนการออกแบบที่ทำให้ลูกค้าได้เห็นภาพการ ออกแบบห้อง 3 มิติเสมือนจริงได้เลยทันทีที่สรุปแบบ   หลังจากตกลงแบบกันเรียบร้อยก็จะทราบราคาทันที ซึ่งในขั้นตอนนี้ลูกค้าจะรู้ได้เลยว่า เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งตัดไปนั้นจะสามารถจัดส่งวันไหน ติดตั้งเสร็จเมื่อไหร่ เรียกว่ารวดเร็วและง่าย แตกต่างจากเดิมจริงๆ ให้คุณอิสระไปกับการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในทุกมุมห้องตามสไตล์คุณ เชิญพบกับห้องตัวอย่างมากมาย หลายดีไซน์ของ “ยูนีค” (Younique) เฟอร์นิเจอร์สั่งตัดตามใจคุณ (Customized Furniture 4.0) ได้ที่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall) ทั้ง 8 สาขา ได้แก่ สาขาพระราม 2, บางนา, รังสิต, เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์, เดอะวอล์ค เกษตรนวมินทร์, บางกรวย-ไทรน้อย, พัทยา และสาขาใหม่ล่าสุด ที่สาขาชัยพฤกษ์ พร้อมโปรโมชั่นดีๆ ตั้งแต่วันนี้ – 27 มีนาคม 2562 กับสิทธิพิเศษ ดังนี้   • พิเศษ!! Big Extra Bonus ชำระค่ามัดจำบริการวัดพื้นที่เหลือเพียง 1,000.- (จากปกติ 2,000.-) พร้อมรับฟรี Index Voucher มูลค่า 1,500.- • เมื่อช้อป “ยูนีค” ครบ 180,000 ขึ้นไป รับฟรี 2 ต่อ ต่อที่ 1 รับฟรี บัตรเติมน้ำมัน Esso มูลค่า 2,000.- ต่อที่ 2 รับฟรี แพ็กเกจพรีเมียมกำจัดไรฝุ่น จาก Index Home Service มูลค่า 1,490.- (ภายในใบเสร็จเดียวกัน* จำกัด 40 ท่านแรก*) • ช้อปง่ายสบายกระเป๋า รับสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ   สนใจปรึกษาดีไซน์เนอร์ส่วนตัว Add Line@: @Younique (มี@ด้วยนะ) หรือคลิก http://bit.ly/2OoeBGC Website http://bit.ly/2RYq5hP ติดต่อ Call Center Tel. 0-2417-1111