Tag : News

2376 ผลลัพธ์
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ประกาศผลงานครึ่งปีแรกเติบโตอย่างแข็งแกร่งเหนือตลาด กำไรเติบโตกว่า 41% พร้อมทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลัง

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ประกาศผลงานครึ่งปีแรกเติบโตอย่างแข็งแกร่งเหนือตลาด กำไรเติบโตกว่า 41% พร้อมทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลัง

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) มองเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น รับแรงสนับสนุนจากภาคการส่งออกและท่องเที่ยวขยายตัว รวมถึงแผนการลงทุนของภาครัฐ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลัง หลังจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรก โดยรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้ 2,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 402 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 41% จากปีก่อนหน้า นับเป็นการขยายตัวติดต่อกันมาตลอด 3 ปี พร้อมกันนี้ เตรียมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.165 บาท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 30 สิงหาคม 2561 และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 กันยายน 2561   นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 และ 4 ปี 2561 ว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยภาพรวมทั้งปี 2561 น่าจะเห็นการขยายตัวราว 4 – 4.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี อีกทั้งเริ่มเห็นสัญญาณการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐเริ่มกลับมาขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดีภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องเฝ้าติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย เพราะแม้จะมีการขยายตัว แต่ยังคงเป็นการเติบโตที่กระจุกตัวในบางอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูงเป็นตัวฉุดกำลังซื้อในประเทศ และความเสี่ยงจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อเช่นเดียวกัน ในส่วนปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าระหว่างประเทศ หากลุกลามอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจของโลกและไทยได้     ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์ บริษัทฯ ได้ประเมินทิศทางเศรษฐกิจไว้แล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี จึงมีแผนธุรกิจที่สอดรับกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตได้ดี โดยในรอบไตรมาส 2 ปี 2561 บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้รวม 1,119.6 ล้านบาท ขยายตัวราว 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 และมีกำไรสุทธิ 219.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 29% นับเป็นการเติบโตในอัตราที่สูงกว่า 25% ต่อเนื่องตลอดช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ทั้งนี้ในรอบครึ่งปีแรก บริษัทฯ สามารถทำยอดขายใหม่ได้กว่า 2,800 ล้านบาท ซึ่งทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ จึงมั่นใจว่าภาพรวมในปีนี้จะสามารถทำได้ดีกว่าเป้าที่ตั้งเอาไว้   สำหรับผลประกอบการรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้ที่ 2,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 402 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 41% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นการขยายตัวติดต่อกันมาตลอด 3 ปี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.165 บาท กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 30 สิงหาคม 2561 และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่านในวันที่ 7 กันยายน 2561     ในแง่โครงสร้างเงินทุน ถึงแม้ว่าบริษัทฯ มีการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงรักษาระดับ Gearing ได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการบริหารจัดการรอบการดำเนินธุรกิจได้เร็ว ทำให้มี Internal Cash Flow มาใช้ในการขยายธุรกิจ ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.76 เท่า ปรับลดลงจาก ณ สิ้นไตรมาสแรก ซึ่งอยู่ที่ 0.82 เท่า โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าว นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ที่ราว 1.40 เท่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกมากของบริษัทฯ ในอนาคต   นายชูรัชฏ์ กล่าวถึงแผนธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2561 ว่าบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 2 โครงการภายในเดือนสิงหาคมนี้ และในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะเปิดโครงการใหม่อีกราว 3 - 4 โครงการ ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ ที่เน้นด้าน Quality, CRM และ Service Mind นอกจากนี้เตรียมรุกไปข้างหน้าด้วยการเน้นทำตลาดเชิงรุก ทั้ง Online Marketing และ Offline Marketing โดยเลือกสื่อและเครื่องมือที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าและทำเล ตลอดจนมีการเพิ่มงบประมาณในส่วนของ e-Marketing เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เฉพาะเจาะจง ซึ่งช่วยให้การใช้งบการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ มั่นใจว่าทั้งปี 2561 บริษัทฯ จะสามารถเติบโตได้เป็นตามเป้าหมายยอดรับรู้รายได้ที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 4,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน
2 นักธุรกิจชั้นนำรุ่นใหม่ เปิดตัวโครงการ The Strand Thonglor

2 นักธุรกิจชั้นนำรุ่นใหม่ เปิดตัวโครงการ The Strand Thonglor

2 นักธุรกิจชั้นนำรุ่นใหม่ ธัญทิพ เจียรวนนท์ และ ชวิน อรรถกระวีสุนทร ร่วมครีเอทไอเดียสร้างสรรค์ โครงการคอนโดมิเนียม “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” สะท้อนนิยามและบริบทใหม่ของที่อยู่อาศัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Essentially More” และการออกแบบดีไซน์สไตล์ Minimal Luxury พร้อมเปิดทุกรายละเอียดให้ทุกท่านได้สัมผัส ในวันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.00 – 15.00 น. ณ ห้องเบญจสิริ แกรนด์ บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมบางกอก แมริออท โฮเต็ล สุขุมวิท เผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทย กับ คอนโดมิเนียมสุดหรูต้นทองหล่อ กับ โครงการคอนโดมิเนียม “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” ที่ได้หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่มากความสามารถและประสบการณ์การทำงานระดับโกลบอล อย่าง ธัญทิพ เจียรวนนท์ และ ชวิน อรรถกระวีสุนทร ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แถมได้แบ็กอัพดี อย่างบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ร่วมทุนและให้คำปรึกษา บอกได้คำเดียวเลยว่า คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดทุกขั้นตอน และตั้งอยู่บนทำเลทองที่ดีที่สุดแห่งเดียวเท่านั้น เตรียมพบการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.00 – 15.00 น. ณ ห้องเบญจสิริ แกรนด์ บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมบางกอก แมริออท โฮเต็ล สุขุมวิท
“ORI” โชว์ผลงานครึ่งปีแรก กำไรนิวไฮทะยาน 267% สูงสุดในกลุ่ม

“ORI” โชว์ผลงานครึ่งปีแรก กำไรนิวไฮทะยาน 267% สูงสุดในกลุ่ม

“ออริจิ้น” เปิดผลงานครึ่งปีแรก 2561 โชว์กำไร 1,508 ล้านบาท โต 267% (YoY) เหตุโปรโมชั่นใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ดันยอดขายยอดโอนพุ่งกระฉูด เร่งเดินหน้าจัดโปรต่อเนื่อง ดึงกำลังซื้อ พร้อมลุยโครงการใหม่ครึ่งปีหลังกว่า 21,000 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก 2561 จะมีอัตราการเติบโตแบบทรงตัว แต่บริษัทก็สามารถสร้างผลการดำเนินงานก้าวกระโดดได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 6,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 224% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 (%YoY) และคิดเป็น 45% ของเป้าหมายรายได้รวมที่ 15,000 ล้านบาท   สาเหตุหลักมาจากบริษัทมียอดรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปี 2560 และมีโครงการใหม่ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มอีก 5 โครงการ คือ โครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ โครงการ พาร์ค 24 (เฟส 2) , โครงการ นอตติ้งฮิลล์ แหลมฉบัง , โครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา และโครงการ เคนซิงตัน เกษร แคมปัส และโปรโมชั่นกระตุ้นการขายกลุ่ม Ready to move ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคภายใต้ชื่อ “โปรเหนือเมฆ” ที่ให้ลูกค้าสามารถผ่อนห้องชุดได้ในราคาพิเศษเพียงล้านละ 999 บาทต่อเดือน นานเวลา 3 ปี   ด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 1,019 ล้านบาท เติบโตขึ้น 327% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 24.4% ในขณะที่กำไรสุทธิครึ่งปีแรกรวม อยู่ที่ 1,508 ล้านบาท เติบโตขึ้น 267% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22.7% อันเนื่องมาจากโครงการใหม่แล้วเสร็จ และหลายโครงการสามารถสร้างเสร็จและรับรู้รายได้ได้เร็วกว่าแผน รวมถึงการรับรู้รายได้จากการบริหารโครงการที่ร่วมลงทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ได้ตามแผน ทำให้ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทในครึ่งปีแรกนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง   “บริษัทยังสามารถสร้างยอดขายในไตรมาส 2/2561 ได้ 6,075 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 11,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 (%YoY) และคิดเป็น 56% ของเป้าหมายยอดขายที่ 20,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าโครงการของบริษัทเป็นที่ต้องการของลูกค้า ประกอบกับโปรโมชั่นที่จัดทำขึ้นสามารถช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงไตรมาส 3/2561 บริษัทยังคงดำเนินโปรโมชั่นดังกล่าว ภายใต้ชื่อ โปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 ควบคู่โปรโมชั่นอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่าในปีนี้บริษัทจะมียอดขายทะลุ 20,000 ล้านบาท และมีรายได้รวมถึง 15,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นายพีระพงศ์ กล่าว   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในครึ่งปีหลัง 2561 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่มูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการมิกซ์ยูสภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น 3 ทำเล ซึ่งถือเป็นโครงการไฮไลท์ของบริษัทในปีนี้ และโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวเพิ่มอีก 3 โครงการ
ซีคอนโฮม พาเยี่ยมชมโรงงาน

ซีคอนโฮม พาเยี่ยมชมโรงงาน

บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านรายแรกในประเทศไทย จัดกิจกรรม “รู้จริง เห็นจริง ก่อนสร้างบ้าน” ที่เดียวจบ ครบทุกเรื่องสร้างบ้าน สำหรับลูกค้าและผู้สนใจที่กำลังอยากสร้างบ้านบนพื้นที่ของตัวเอง เข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูป SCS ซอยอ่อนนุช 46 ชมขั้นตอนการผลิตโครงสร้างและชิ้นส่วนของบ้านสำเร็จรูปตาม “ระบบซีคอน”ที่บริษัทได้คิดค้นและพัฒนาเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย เพื่อควบคุมมาตรฐานความแข็งแรงของโครงสร้างและชิ้นต่างๆ จนได้รับมาตรฐาน ISO 9001:2008 รวมทั้งสามารถลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความรวดเร็วในการติดตั้ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับด้วยประสบการณ์และผลงานการรับสร้างบ้านมานานกว่า 57 ปี รวมทั้งพาชมบ้านที่กำลังก่อสร้าง นอกจากนี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับวัสดุ สุขภัณฑ์ภายในบ้านพร้อมชมของจริงกันที่ Grand Home Mart ถนนบางนา-ตราด พร้อมการบรรยายเรื่อง ฮวงจุ้ยกับการสร้างบ้าน เรียกว่ามางานเดียวทำให้ทุกขั้นตอนเรื่องการสร้างบ้านจริงๆ
บ้านในคอนเซป “ใส่ใจ..เพื่อทั้งชีวิต”ฉบับพฤกษา

บ้านในคอนเซป “ใส่ใจ..เพื่อทั้งชีวิต”ฉบับพฤกษา

เมื่อพูดถึงพฤกษา เรียลเอสเตท คงไม่มีใครไม่รู้จัก บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่เจ้านี้ เมื่อกลางปีที่ผ่านมา PRUKSA รีแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยนำเอาวิสัยทัศน์และแนวคิด ไปสู่การปฎิบัติอย่างจริงจัง จากภายในสู่ภายนอก ภายใต้ Brand Idea “PRUKSAใส่ใจ...เพื่อทั้งชีวิต” เน้นให้พนักงานทุกคน มุ่งมั่นทุ่มเทใส่ใจในทุกๆรายละเอียด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อมอบบ้านที่มีคุณภาพให้กับทุกครอบครัว ซึ่งในเรื่องพื้นฐานของความใส่ใจนั้นมาจากความเจตนารมณ์ตั้งแต่วันแรกของผู้ก่อตั้งพฤกษา คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ นั่นคือ “อยากให้ทุกคนมีบ้านที่อยู่แล้วมีความสุขที่สุด เพราะบ้านคือการลงทุนทั้งชีวิต” และถึงแม้จะเวลาจะผ่านไปกว่า 25 ปี ความตั้งใจนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน...     ด้วยพื้นฐานความเป็นวิศวกรของคุณทองมา จึงได้นำนวัตกรรมการก่อสร้างเข้ามาปรับใช้ในองค์กรอย่างสม่ำเสมอ โดยพฤกษาเป็นเจ้าแรกๆ ที่ได้นำนวัตกรรมการก่อสร้างแบบพรีคาสท์จากเยอรมันเข้ามาใช้อย่างจริงจังในไทย ทำให้พฤกษาโดดเด่นในเรื่องการใช้ พฤกษา พรีคาสท์ แผ่นผนังที่ผลิตในโรงงานที่ทันสมัยระดับโลก มาใช้ในการก่อสร้าง เพื่อส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพให้กับผู้ซื้อ ซึ่งบ้านที่ก่อสร้างด้วย “พฤกษา พรีคาสท์” ใช้ระบบผนังรับน้ำหนักด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งแผ่น จึงแข็งแรงกว่าระบบเสา-คานทั่วไป แข็งแรงทนทานกว่าบ้านที่สร้างด้วยวิธีก่ออิฐฉาบปูนธรรมดาถึง 3 เท่าและมีอายุการใช้งานยาวนาน นอกจากนี้ผนังพรีคาสท์ยังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ด้วย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงมั่นใจได้ว่า บ้านที่ก่อสร้างด้วยระบบพฤกษา พรีคาสท์ จะมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยสำหรับทุกสมาชิกในครอบครัว     นอกจากความแข็งแรงของตัวบ้านแล้ว พฤกษายังใส่ใจในรายละเอียดทั้งเรื่องคุณภาพและฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุ อาทิ เลือกใช้เสาเข็มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากมอก. การใช้หลอดไฟ LEDประหยัดพลังงาน ไปจนถึงการคิดเผื่อลูกค้า ด้วยการเสริมความแข็งแรงของพื้นที่หลังบ้านทาวน์เฮาส์ด้วยเสาเข็มขนาดยาวลึกเท่าตัวบ้าน เพื่อรองรับการใช้งานให้เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ของลูกค้า การออกแบบบ้านดัวยแนวคิดบ้านหายใจได้ หรือ ออกแบบระบบไหลเวียนอากาศภายในบ้าน โดยใช้แนวคิดการดึงอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้ดีขึ้น ลดกลิ่นอับ ดีต่อสุขภาพ และช่วยลดความร้อนในตัวบ้าน ทำให้ประหยัดไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศอีกด้วย ซึ่งทำให้โครงการ “เดอะคอนเนค”หนึ่งในแบรนด์ของพฤกษาได้รับรางวัลบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงานดีเด่น ปี 2560 นอกจากนี้พฤกษายังใส่ใจในการเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ด้วยการ เพิ่มระบบHome Automation หรือระบบอัจฉริยะที่สามารถควบคุมและสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่านSmart Phone พร้อมกล้อง CCTV ที่มีระบบป้องกันขโมย ป้องกันอัคคีภัย หากตรวจพบควันในห้อง ระบบจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนเข้าโทรศัพท์ และยังสามารถมองเห็นภาพภายในบ้านผ่านกล้องวงจรปิดได้ หรืออย่างในโครงการคอนโดมิเนียมก็ได้นำDigital Technology อาทิ ระบบ Smart Access System ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการเข้า-ออกโครงการของลูกค้า การแจ้งข่าวสาร และบริการต่างๆ ผ่าน Mobile Application ครอบคลุมถึงระบบควบคุมไฟฟ้าภายในห้องพักที่สะดวกสบาย และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี รวมไปจนถึงใส่ใจในการออกแบบบ้านให้รองรับสังคมสูงวัย เช่น เพิ่มทางลาดชันในโครงการ เพิ่มห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนชั้นล่าง และการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยแก่ผู้สูงอายุ   ซึ่งทั้งหมดนี้พฤกษายังคงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาปรับปรุงทุกกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบบ้านและการบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า โดยมุ่งมั่นใส่ใจในรายละเอียดทุกมุม เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด สามารถติดตามความใส่ใจจากพฤกษาเพิ่มเติม ได้ที่ www.pruksa.com.
แนวโน้มการเติบโต และการเปลี่ยนแปลงของตลาดรีเทล

แนวโน้มการเติบโต และการเปลี่ยนแปลงของตลาดรีเทล

จากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอสังหาฯ เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยธุรกิจรีเทลเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจในตลาดอสังหาฯ เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรีเทลของไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนทางกับตลาดรีเทลในประเทศอื่นๆ ที่โดนผลกระทบจากตลาดออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพฤติกรรมผู้บริโภค ตลาดรีเทลเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ผู้ประกอบการต่างเร่งพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อแข่งขันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือใหญ่ โดยตั้งแต่ศูนย์การค้าอย่างสยามพารากอนเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2549 เป็นเหตุให้ศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่งทำการปรับปรุงพื้นที่ โดยเฉพาะย่านพระราม 1 ราชประสงค์ เพลินจิต และสุขุมวิท พื้นที่เช่าเฉลี่ยในย่านนี้ ซึ่งคลอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่หัวถนนพระราม 1 สยามดิสคอวเวอรี่ ตลอดแนวจนถึงสุขุมวิทตอนกลาง และเอ็มควอเทียร์ ในปัจจุบันมีอัตราว่างของพื้นที่เฉลี่ยน้อยกว่า 5% อีกทั้งค่าเช่ายังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ร้านค้าอาจต้องรอเป็นปีเพื่อให้ได้พื้นที่เช่าในห้างดังหลายๆแห่ง ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นธุรกิจหลักในการดึงดูดลูกค้าของห้าง โดยใช้สื่อออนไลน์เป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าจากทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยยังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญต่อตลาดรีเทลของไทยอีกด้วย โดยในปีที่ผ่านมารายได้จากนักท่องเที่ยวเติบโตร้อยละ 11.66 เกษร ทาวเวอร์เป็นซัพพลายล่าสุดในย่านพระราม1-สุขุมวิท ซึ่งทำการเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วด้วยพื้นที่เช่าเชิงพาณิชยกรรมกว่า 10,000 ตารางเมตร ทำให้ตลาดรีเทลในย่านพระราม1-สุขุมวิท มีพื้นที่เช่ารวมที่ประมาณ 660,000 ตารางเมตร ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3,900 บาท/ตารางเมตร/เดือน และมีอัตราการเช่าที่ 96.4% แต่อย่างไรก็ตาม ที่ดินขนาดใหญ่ในย่านพระราม 1 ราชประสงค์ต่อเนื่องไปถึงสุขุมวิทตอนกลางในปัจจุบันหาได้ยากมากและราคาที่ดินสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้มีซัพพลายใหม่ๆในย่านนี้เกิดขึ้นอย่างจำกัด ผู้ประกอบการจึงให้ความสนใจในการเช่าที่ดินระยะยาวมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมองหาทำเลใหม่ๆในโซนอื่นของกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือกับพฤติกกรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หลายผู้ประกอบการเริ่มให้ความสนใจในการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด นายธีรวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้มีหลายธุรกิจที่ต้องการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร โคเวิร์กกิ้ง สเปซ หรือแม้กระทั้ง ศูนย์บริการความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ โดยมองว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามองและเป็นโอกาสที่ดีของหลายธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบของตลาดรีเทลไทย” นอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยียังเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันโดยเทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่หันมาให้ความสนใจกับสุขภาพอย่างจริงจัง โดยจะเห็นได้จากกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังต้องการความสะดวกสบายที่จะเข้าถึงสุขภาพที่ดี จึงทำให้เกิดธุรกิจเพื่อสุขภาพเช่นฟิตเนสหรือคลาสสุขภาพต่างๆ โดยสถานที่ออกกำลังกายกระจายอยู่ในแทบทุกอาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ธุรกิจฟิตเนสในไทยเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา หลายแบรนด์ดังมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ฟิตเนสเชนส่วนมากจับกลุ่มตลาดระดับบนและส่วนมาก ฟิตเนสระดับกลางจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ทำให้เกิดช่องว่างทางการตลาดของฟิตเนสระดับกลาง เมื่อความสะดวกสบายและเทรนด์สุขภาพมารวมกัน จึงทำให้เกิดโมเดลธุรกิจเพื่อสุขภาพ 24 ชั่วโมง โดยฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง อย่างน้อย 3 แบรนด์ จากต่างประเทศเล็งเห็นถึงช่องว่างและความเป็นไปได้ทางการตลาดในไทย และได้เข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาด แต่ละรายพยายามหาพื้นที่เช่าที่แตกต่างออกไปจากฟิสเนสที่เคยเห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยความต้องการหลักคือต้องการเช่าพื้นที่ชั้นล่าง ที่มองเห็น – เข้าออก - เดินทางได้สะดวก แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงความต้องการและยอมรับ “คงต้องใช้เวลาซักพักที่จะทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการหลายๆ รายว่า ฟิตเนสจะสามารถเป็นตัวดูดลูกค้าเข้ามาในพื้นที่ได้เหมือนสตาร์บัคหรือแมคโดนัล” นายธีรวิทย์กล่าว อนาคตตลาดรีเทลยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีเสน่ห์ที่น่าสนใจ สิ่งที่จะท้าทายผู้ประกอบการคือ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำอย่างไรที่จะดึงจุดเด่นทางเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความแตกต่าง เพื่อให้สามารถแข่งขันและตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคได้สูงสุด
ซีคอนโฮมจับมือ แกรนด์โฮมมาร์ท เลือกวัสดุตามฮวงจุ้ย

ซีคอนโฮมจับมือ แกรนด์โฮมมาร์ท เลือกวัสดุตามฮวงจุ้ย

บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านรายแรกในประเทศไทย จับมือร่วมกับพันธมิตร บริษัท แกรนด์โฮมมาร์ท จำกัด จัดกิจกรรม “รู้จริง เห็นจริง ก่อนสร้างบ้าน” ที่เดียวจบ ครบทุกเรื่องสร้างบ้าน ให้กับผู้ที่กำลังสร้างบ้านและเลือกสรรของตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับเลือกใช้วัสดุต่างๆ สำหรับใช้ในบ้าน และพาชมสินค้าต่างๆ พร้อมบรรยายเรื่อง ฮวงจุ้ยกับการสร้างบ้าน โดยมี คุณมนู ตระกูลวัฒนะกิจ (ยืนกลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด และนางประไพ ทยานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์โฮมมาร์ท จำกัด(ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมให้การต้อนรับ ณ Grand Home Mart ถนนบางนา-ตราด
ออลล์ อินสไปร์ฯ จัดเต็มส่งแคมเปญใหญ่ “สายเปย์ เทไม่อั้น” กับ 8 โครงการคุณภาพ ในงาน “Home Buyer Expo” อภิมหกรรม บ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018

ออลล์ อินสไปร์ฯ จัดเต็มส่งแคมเปญใหญ่ “สายเปย์ เทไม่อั้น” กับ 8 โครงการคุณภาพ ในงาน “Home Buyer Expo” อภิมหกรรม บ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018

งานดีๆ โปรโมชั่นถูกใจ มีมาให้กับลูกค้าที่กำลังมองหาคอนโดคุณภาพเยี่ยม บนทำเลศักยภาพ ได้เลือกสรรกันอีกแล้ว กับค่าย ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ โดยผู้บริหารหนุ่มไฟแรง คุณธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จัดหนักจัดเต็ม กับแคมเปญใหญ่ “สายเปย์ เทไม่อั้น” ยกทัพโครงการคุณภาพบนทำเลศักยภาพกว่า 8 โครงการ อาทิ โครงการ ดิ เอ็กเซล คูคต โครงการ ไรส์ พระราม 9 โครงการ ดิ เอ็กเซล รัชดา - ห้วยขวาง โครงการ ไรส์ พหล-อินทามระ และโครงการใหม่ล่าสุด ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17 พร้อมพบกับโปรโมชั่นพิเศษสุดเฉพาะในงานเท่านั้น ส่วนลดสูงสุดถึง 200,000 บาท* พลาดไม่ได้กับโอกาสดีๆ ในการเป็นเจ้าของห้องชุดตกแต่งพร้อม ราคาพิเศษก่อนใครพบกันได้ที่งาน “Home Buyer Expo” อภิมหกรรม บ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018 ในวันที่ 16 – 19 สิงหาคม นี้ตั้งแต่เวลา10.00 – 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โซน CG ตำแหน่ง G 14 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Contact Center 02 029 9999 หรือ www.allinspire.co.th
พฤกษา เผยหมัดเด็ดครึ่งปีหลัง เดินหน้าการตลาดรูปแบบใหม่  พร้อมปรับพอร์ตรุกหนักคอนโด

พฤกษา เผยหมัดเด็ดครึ่งปีหลัง เดินหน้าการตลาดรูปแบบใหม่ พร้อมปรับพอร์ตรุกหนักคอนโด

  พฤกษา เรียลเอสเตท ผู้นำอันดับหนึ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์ เผยกลยุทธ์หมัดเด็ดครึ่งปีหลัง เดินหน้าการตลาดรูปแบบใหม่ เล็งปรับพอร์ตรุกคอนโดตั้งเป้ารายได้ระยะยาว เปิดโครงการไฮไลท์เพียบ พร้อมเพิ่มช่องทางขายใหม่ให้เข้ากับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม   นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า “ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มียอดขายรวม 24,376 ล้านบาท รายได้ 19,282 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,426 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่แล้ว 26 โครงการ มูลค่า 19,900 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 42 โครงการ มูลค่ารวม 41,500 ล้านบาท โดยมีโครงการไฮไลท์หลายโครงการทั้งในกลุ่มธุรกิจพรีเมียม และกลุ่มธุรกิจแวลู อาทิ “เดอะรีเซิร์ฟ สาทร” “ภัสสร บางนา-วงแหวน” “เดอะไพรเวซี่ จตุจักร”, และ “พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวน” โดยจะใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ที่เน้นคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ สร้างความแตกต่างของโปรดักส์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้สื่อดิจิตอลในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ในกลุ่มทาวน์เฮาส์จะมุ่งรักษาความเป็นเจ้าตลาดทาวน์เฮาส์อย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ และในเขต EEC มากขึ้น   อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้เพิ่มช่องทางการขาย New Sales Channel อีก 3 ช่องทางได้แก่ “โบรกเกอร์” ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมที่เป็นชาวต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น “B2B” การมอบส่วนลดพิเศษกับองค์กรพันธมิตรกับพฤกษา ปัจจุบันมีองค์กรที่เป็นพาร์ทเนอร์แล้วถึง 1,314 แห่ง (รวมบริษัทในเครือ) โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายจากสองช่องทางใหม่นี้ คิดเป็นสัดส่วนถึง 28% ของยอดขายทั้งหมด และอีกช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้นได้แก่ Pruksa Member ที่เน้นให้สมาชิกพฤกษาแนะนำผู้ซื้อ ซึ่งผู้แนะนำจะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขที่กำหนด ที่ผ่านมาพบว่า 47% ของลูกค้าที่ถูกแนะนำจะซื้อที่อยู่อาศัยของพฤกษา และที่สำคัญเรามีฐานข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าขนาดใหญ่มากกว่า 1 ล้านข้อมูล ซึ่งจะช่วยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างๆ ที่อยู่ในฐานข้อมูลเพื่อผลักดันยอดขายได้ดียิ่งขึ้น”   ด้านความคืบหน้าของการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุต คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งระหว่างนี้มีแผนเปิดคลีนิค “บ้านหมอวิมุต” ซึ่งเป็นคลินิกที่เปิดให้บริการรักษาโรคทั่วไป รวมถึงให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกับผู้อาศัยในชุมชน เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต่อยอดจากโรงพยาบาลวิมุต โดยจะเปิดโครงการนำร่องให้บริการที่แรกในย่านรังสิต คลอง 3 จ.ปทุมธานี ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งย่านรังสิตถือเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ และมีโครงการของพฤกษาอยู่เป็นจำนวนมาก และจะขยายไปยังชุมชนอื่นต่อไปในอนาคต นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในครึ่งปีหลังจะมีการปรับพอร์ตเน้นเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพื่อเป็นการวางเป้าหมายรายได้ในระยะยาว โดยจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 10 โครงการ คิดเป็น 40% ของพอร์ตรวมทั้งหมด ซึ่งมีหลากหลายทำเลทั้งใจกลางเมืองย่านธุรกิจและตามแนวรถไฟฟ้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มคอนโดได้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของบ้านเดี่ยวจะเน้นการสร้างความแตกต่างทั้งในด้านของดีไซน์ ฟังก์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุด และในครึ่งปีหลังนี้จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น, พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น, เออร์บาโน่ ราชวิถี และแชปเตอร์วัน อีโค รัชดา-ห้วยขวาง มูลค่าราว 12,200 ล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มของอัตราการปฏิเสธธนาคารของลูกค้าพฤกษาในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในระดับต่ำเพียง 4.6% จากกลยุทธ์บ้านพร้อมขาย (Ready to Move in) และ Pre-Approve ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จึงคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน”
ธารารมณ์มอบโปรฯ สุดฮีทให้ลูกค้า พร้อมโรดโชว์ตลอดสิงหานี้

ธารารมณ์มอบโปรฯ สุดฮีทให้ลูกค้า พร้อมโรดโชว์ตลอดสิงหานี้

อสังหาฯ แห่งค่ายธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ เตรียมความพิเศษให้ลูกค้าตลอดเดือนสิงหาคมนี้กับโปรฯ Hot & Heat Price พร้อมโรดโชว์และข้อเสนอสุดพิเศษเพิ่มเฉพาะที่บูธเท่านั้น กับบ้านเดี่ยว 3 โครงการใน 2 ทำฮอตทั้งการเดินทางที่สะดวกสบายบนทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีส้มและใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน และฮีทกับราคาพิเศษสุดให้เป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ ในงาน Home Buyers’ Expo 2018 ระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม 2561 ที่บูธ G47 โซน CG ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ งาน Home @Mall ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 5 กันยายน 2561 บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ โอกาสสุดฮีทมีเฉพาะเดือนนี้เท่านั้น
“เสนา ฮันคิว” โชว์โครงการแฟล็กชิพบริบทใหม่ “ปีติ เอกมัย”  พลิกโฉมที่อยู่อาศัยเน้นบริการระดับเวิล์คลาส

“เสนา ฮันคิว” โชว์โครงการแฟล็กชิพบริบทใหม่ “ปีติ เอกมัย” พลิกโฉมที่อยู่อาศัยเน้นบริการระดับเวิล์คลาส

เสนา ฮันคิว เปิดชมโครงการแฟล็กชิพครั้งแรก “ปีติ เอกมัย” คอนโดมิเนียมระดับลักชูรี่แบรนด์ใหม่ล่าสุด มูลค่าโครงการกว่า 5,000 กว่าล้านบาท พลิกโฉมที่อยู่อาศัยเน้นบริการระดับเวิล์คลาสรูปแบบใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าคนเมือง ด้านไนท์แฟรงค์ วิเคราะห์ทำเลเอกมัย ชี้กำลังซื้อลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติยังไปได้สวย ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง โครงการแฟล็กชิพ “ปีติ เอกมัย (PITI EKKAMAI)” คอนโดมิเนียม Segment ลักชูรี่แห่งแรกภายใต้การร่วมทุนบริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด และเป็นโครงการร่วมทุนที่มีมูลค่าสูงสุดในปีนี้กว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพย่านเอกมัย โดยการนำหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิดญี่ปุ่น “IKIGAI (อิคิไก)” เข้ามาใช้ผสมผสานทุกรายละเอียดของงาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Good Living is The New luxury” โดยการนำโปรดักส์และพื้นที่ส่วนกลางมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อให้เป็นที่พักอาศัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวพรั่งพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานอันหลากหลายมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนไทยได้อย่างลงตัว บนทำเลคุณภาพและทุกๆช่วงเวลาของทุกวันเป็นการใช้ชีวิตที่มีความสุขและมีคุณค่าบนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 1,900 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในย่านเอกมัย โครงการ “ปีติ เอกมัย (PITI EKKAMAI)” พร้อมเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบและเพื่อให้ทุก Moment ของปีติมีความสุขและมีคุณค่า ดังนี้ · ฟังก์ชั่นการใช้งานตอบโจทย์ความสุขทุกมิติการอยู่อาศัย โครงการตั้งอยู่ใจกลางเอกมัย (ช่วงบริเวณซอยเอกมัย 26) โดยลักษณะเป็นอาคารสูง 37 ชั้น รวมทั้งหมด 879 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต แบ่งเป็นแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 29 – 40 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน 51 – 64 ตารางเมตร ในราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 170,000 บาทต่อตรม. หรือ 4.45 ล้านบาทต่อยูนิต*โดยเริ่มก่อสร้างในปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 · หนึ่งเดียวบนทำเลศักยภาพที่ดินผืนงามย่านเอกมัย ทำเลที่มีครบทุกเช็คลิสต์สำหรับผู้ที่มองหาคอนโด เพราะเป็น Prime Area ย่านไลฟ์สไตล์ทันสมัยและมีระดับ ศูนย์รวมธุรกิจชั้นนำของกรุงเทพฯ รองรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ Park Lane คอมมูนิตี้มอลล์ ,Health Land,Gate way Ekkamai ,Big C เป็นต้น และโรงพยาบาลคามิลเลียน โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ใกล้สถานศึกษาชั้นนำ เช่น โรงเรียนนานาชาติ SP International Kindergarten, Ekkamai International School · โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 37 กว่า 1,900 ตารางเมตรใหญ่ที่สุดและตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่าพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบและสมบูรณ์แบบที่สุดบนถนนเอกมัย ประกอบด้วย Sky Fitness ,สระว่ายน้ำระบบเกลือ วิว Panorama , Kid ‘ s Pool, Jacuzzi Pool ,Hydro Pool,Boxing Zone,Yoga Zone , Golf simulator, Library, Spa, Sauna, Steam, Tree House , Sky park, lkigai room , Leveling lawn · สถาปัตยกรรมเอกลักษณ์เฉพาะ “Third Place” แลนด์มาร์คแห่งใหม่บนเอกมัย ประกอบด้วย Convenient Store ,Restaurant ,Casa Lapin Coffee Shop ,Co – working Space และ Digital Service : Wash Box ,Smart Locker ,Vending Machine ,Refun (ตู้หยอดขวดพลาสติก) · บริการเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับ อาทิ Midnight Reception and Butler Service Laundry Service Shop ,Parking Guidance Systems ,Access Control · เทคโนโลยีล้ำด้วย 360 องศา Application เฉพาะทาร์เก็ตลูกค้าปีติ เอกมัย เติมเต็มทุกช่วงเวลาให้คุณได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น fixzy บริการที่จะช่วยดูแลรักษา และ ซ่อมแซมบ้านจากมืออาชีพ Shuttle Car Service Feeder และ Smart Locker บริการ 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนไปยัง Application ได้ทุกช่วงเวลา · ที่จอดรถมากสุดในย่านเอกมัย คิดเป็น 70% (612 คัน)   ด้านคุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พูดถึงตลาดคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งขอบเขตพื้นที่ศึกษาครอบคลุมตั้งแต่ถนนสุขุมวิทซอย 55 ถึงสุขุมวิทซอย 63 จากการสำรวจและวิจัย พบว่ามีอุปทานสะสมในพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี 2551 ถึงครึ่งปีแรกของปี 2561 รวมทั้งสิ้น 6,112หน่วย โดยปี 2554 เป็นปีที่มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงสุดถึง 1,268 หน่วย เติบโตกว่า 365% เมื่อเทียบกับปี 2551 อย่างไรก็ตาม อุปทานใหม่ระหว่างปี 2555 – 2557 ได้ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับคงตัวเฉลี่ย 330 หน่วยต่อปี และลดลงต่ำสุดเหลือเพียง 88 หน่วย ในปี 2558 ทั้งนี้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2559-2560 มีอุปทานใหม่เข้ามาเฉลี่ย 914 หน่วยต่อปี ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2561 มีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาด 220 หน่วย เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง คาดว่ามีอีกไม่ต่ำกว่า 2,800 หน่วย ที่จะทยอยเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ในปี 2561 ทั้งปีจะมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงถึง 3,000 หน่วย สูงที่สุดในรอบ 11 ปีเลยทีเดียว และเป็นที่น่าสังเกตว่ากว่า 40% ของคอนโดมิเนียมที่จะเปิดใหม่ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เอกมัย ซึ่งเป็นสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าทำเลนี้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งซึ่งรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยสะดวกครบครัน นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากทองหล่อ ในขณะที่ราคาสามารถเอื้อมถึงได้มากกว่า ด้านอุปสงค์พบว่าคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในทำเลทองหล่อ-เอกมัยได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยโครงการที่เปิดตัวระหว่างปี 2551 – 2559 นั้น ณ. ปัจจุบันได้ปิดการขายไปหมดแล้ว ส่วนโครงการที่เปิดตัวในปี 2560 และครึ่งแรกของปี 2561 ณ ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 70% และ 35% ตามลำดับ สาเหตุที่ยอดขายของโครงการใหม่ในครึ่งปีแรก 2561 ยังไม่หวือหวา คาดว่าเกิดจากการที่ผู้ซื้อรอดูโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังเพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ ส่วนราคาห้องชุดพบว่ามีขายโดยเฉลี่ยของโครงการเปิดใหม่ในพื้นที่ทองหล่อ-เอกมัย (ณ.สิ้น มิ.ย. 2561) อยู่ที่ประมาณ 248,000บาท/ตร.ม. ทองหล่อมีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 317,000 บาท/ตร.ม. และเอกมัยมีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 180,000 บาท/ตรม. ที่มา :ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย อย่างไรก็ดีย่านทองหล่อ – เอกมัย ถือว่ายังเป็นทำเลที่มีศักยภาพมากที่สุดบนถนนสุขุมวิท ด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางเมือง สามารถเข้าออกได้จากหลากหลายเส้นทางทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า BTS และรถโดยสารสาธารณะรูปแบบต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นซอยเล็กซอยน้อยที่มีอยู่ในทองหล่อ-เอกมัย ยังช่วยให้เดินทางทะลุไปยังถนนเส้นสำคัญและซอยต่างๆได้มากมาย ทั้งถนนสุขุมวิทสายหลักถนนพระราม 4 ถนนเพชรบุรี ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ซอยสุขุมวิท 49 สุขุมวิท 51 สุขุมวิท 53 และสุขุมวิท 71 (ปรีดี พนมยงค์) เป็นต้น ทำให้ทำเลนี้สะดวกทุกการเดินทาง ทั้งสำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวและคนที่ชื่นชอบการใช้บริการรถสาธารณะ ส่วนในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเทาระยะที่ 1 (วัชรพล-ทองหล่อ) เปิดให้บริการ ก็จะช่วยเติมเต็มการคมนาคมในพื้นที่ทองหล่อ-เอกมัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและเสริมให้ทำเลดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมโครงการและห้องตัวอย่าง สัมผัสประสบการณ์แห่งการอยู่อาศัยเหนือระดับบนนิยาม “Good Living is The New luxury” เวิล์คลาสรูปแบบใหม่ผ่านหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิดญี่ปุ่น “IKIGAI (อิคิไก)” พบกันได้แล้ววันนี้ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2tPEUtO หรือโทร.1775 กด 63
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเจาะลึกทำเลทองหล่อ-เอกมัย

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเจาะลึกทำเลทองหล่อ-เอกมัย

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ทำเลศักยภาพบนถนนสุขุมวิท ย่านทองหล่อ-เอกมัยถูกจัดไว้ในอันดับต้นๆเสมอด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางเมือง สามารถเข้าออกได้จากหลากหลายเส้นทางทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า BTS และรถโดยสารสาธารณะรูปแบบต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นซอยเล็กซอยน้อยที่มีอยู่ในทองหล่อ-เอกมัย ยังช่วยให้เดินทางทะลุไปยังถนนเส้นสำคัญและซอยต่างๆได้มากมาย ทั้งถนนสุขุมวิทสายหลัก ถนนพระราม 4 ถนนเพชรบุรี ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ซอยสุขุมวิท 49 สุขุมวิท 51 สุขุมวิท 53 และสุขุมวิท 71 (ปรีดี พนมยงค์) เป็นต้น กล่าวได้ว่าทำเลนี้เดินทางไปไหนมาไหนง่ายดายทั้งสำหรับผู้มีรถยนต์ส่วนตัวและผู้ที่ชื่นชอบการใช้บริการรถสาธารณะเลยทีเดียว ส่วนในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเทาระยะที่ 1 (วัชรพล-ทองหล่อ) เปิดให้บริการ ก็จะช่วยเติมเต็มการคมนาคมในพื้นที่ทองหล่อ-เอกมัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและส่งเสริมทำเลนี้ให้มีมูลค่าสูงกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว   แผนภาพแสดงสิ่งอำนวยสะดวกต่างๆในทำเลทองหล่อ-เอกมัยและพื้นที่ใกล้เคียง   ไม่เพียงสะดวกสบายในด้านการคมนาคมสัญจรเท่านั้น ทองหล่อ-เอกมัย ยังได้ชื่อว่าเป็นย่านซึ่งรวบรวมการใช้ชีวิตแบบ High-end Urban Living Lifestyle ที่ทันสมัยเหนือระดับไว้อย่างครบถ้วนเพื่อการใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินสมบูรณ์แบบ ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ สปา ฟิตเนสและสถานออกกำลังกายสำหรับครอบครัว co-working space พื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ร้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน Art Gallery ตลอดจนร้านอาหารนานาชาติระดับพรีเมี่ยมและคาเฟ่หลากสไตล์ที่ตั้งอยู่สองฝั่งถนน รวมถึงในซอยย่อยอันสงบร่มรื่นแซมด้วยสีเขียวของต้นไม้ใบไม้ ให้บรรยากาศ Slow life และสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกวัยกำลังศึกษาเล่าเรียน ทองหล่อ-เอกมัยและพื้นที่ใกล้เคียงก็มีสถานศึกษาคุณภาพสูงและได้รับมาตรฐานระดับสากลหลายแห่งไว้รองรับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาลนานาชาตินิวแบมบิโน โรงเรียนอนุบาลนานาชาติทรินิตี้ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติโคบาโตะ โรงเรียนแอดเวนทีสเอกมัย โรงเรียนนานาชาติเวลส์ โรงเรียนนานาชาติเอกมัย ฯลฯ โดยสถานศึกษาเหล่านี้เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ไปจนถึงอนุปริญญา   นอกจากนี้ทำเลทองหล่อ-เอกมัยและพื้นที่ใกล้เคียงยังพรั่งพร้อมไปด้วยโรงพยาบาลชั้นนำที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โรงพยาบาลคามิลเลียน โรงพยาบาลสุขุมวิท และโรงพยาบาลเพชรเวช ส่วนผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงก็สามารถใช้บริการโรงพยาบาลสัตว์ในพื้นที่ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย เช่น โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โรงพยาบาลสัตว์เอกมัย โรงพยาบาลสัตว์สุขุมวิท 49 เป็นต้น   ด้วยความครบครันทั้งด้านทำเลที่ตั้งและสิ่งอำนวยสะดวกระดับพรีเมี่ยมในพื้นที่นี่เอง จึงทำให้ทองหล่อ-เอกมัยดึงดูดผู้คนมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ได้ชื่อว่าหรูหราและมีระดับที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไม่เพียงเป็นย่านที่รุ่มรวยไปด้วยสีสันแห่งการใช้ชีวิต ทองหล่อ-เอกมัยยังเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของ Urban Lifestyle ด้วยที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมระดับ Hi-end และ Luxury กระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่ ผู้พักอาศัยในทำเลนี้นอกจากคนไทยที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตสะดวกสบายใจกลางเมืองอันรายล้อมไปด้วย facilities และ amenities ชั้นเยี่ยมแล้ว ยังมีชาวต่างชาติอีกเป็นจำนวนมากที่เลือก ทองหล่อ-เอกมัย เป็น “บ้าน” เนื่องจากย่านนี้มีความพร้อมสูงในทุกๆด้าน จึงสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัยได้อย่างไร้ข้อกังขา ความร้อนแรงของเอกมัย-ทองหล่อไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ เห็นได้ชัดจากการที่ยังมีร้านค้าใหม่ๆ ที่พักอาศัยใหม่ๆเกิดขึ้นในทำเลนี้อย่างต่อเนื่อง และนับวันย่านนี้จะทวีความเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของเมือง การได้เข้ามาใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบในทำเลทองอย่างทองหล่อ-เอกมัย โดยจับจองที่พักอาศัยฮอตฮิตอย่างคอนโดมิเนียมจึงนับเป็นเรื่องดีไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่เองหรือซื้อเพื่อลงทุนก็ล้วนคุ้มค่า เนื่องจากทำเลนี้เติบโตต่อเนื่องและแน่นอนว่าจะเป็นทำเลที่มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างท่วมท้นในอนาคต   สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งมีขอบเขตพื้นที่ศึกษาครอบคลุมตั้งแต่ถนนสุขุมวิทซอย 55 ถึงสุขุมวิทซอย 63 จากการสำรวจและวิจัยโดยทีมวิจัยอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่ามีอุปทานสะสมในพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี 2551 ถึงครึ่งปีแรกของปี 2561 รวมทั้งสิ้น 6,112 หน่วย โดยปี 2554 เป็นปีที่มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงสุดถึง 1,268 หน่วย เติบโตกว่า 365% เมื่อเทียบกับปี 2551 อย่างไรก็ตาม อุปทานใหม่ระหว่างปี 2555 – 2557 ได้ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับคงตัวเฉลี่ย 330 หน่วยต่อปี และลดลงต่ำสุดเหลือเพียง 88 หน่วย ในปี 2558 ทั้งนี้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2559-2560 มีอุปทานใหม่เข้ามาเฉลี่ย 914 หน่วยต่อปี ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2561 มีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาด 220 หน่วย เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่ามีอีกไม่ต่ำกว่า 2,800 หน่วย ที่จะทยอยเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าปี 2561 ทั้งปีจะมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงถึง 3,000 หน่วย สูงที่สุดในรอบ 11 ปีเลยทีเดียว และเป็นที่น่าสังเกตว่ากว่า 40% ของคอนโดมิเนียมที่จะเปิดใหม่ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เอกมัย ซึ่งเป็นสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าทำเลนี้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังแผ่ศักยภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งซึ่งรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยสะดวกครบครัน นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากทองหล่อ ในขณะที่ราคาสามารถเอื้อมถึงได้มากกว่า     ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
เจ้าพระยามหานคร (CMC) Kick Off เตรียมขายหุ้นไอพีโอ อสังหาฯ ตัวแรกของปี พร้อมก้าวกระโดดสู่หนึ่งในผู้นำตลาดคอนโดมิเนียม

เจ้าพระยามหานคร (CMC) Kick Off เตรียมขายหุ้นไอพีโอ อสังหาฯ ตัวแรกของปี พร้อมก้าวกระโดดสู่หนึ่งในผู้นำตลาดคอนโดมิเนียม

บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำตามแนวเส้นรถไฟฟ้า เตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ MAI  พร้อมก้าวกระโดดสู่หนึ่งในผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยซึ่งมีความโดดเด่นในที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม เพื่อรองรับลูกค้าให้ได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย     (9 สิงหาคม 2561, กรุงเทพมหานคร) นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในการเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร โดยโครงการของบริษัทฯ จะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะโดดเด่น และให้ความคุ้มค่าสูง โดยบริษัทฯประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยมากว่า 24 ปี ซึ่งบริษัทฯมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างดี ได้แก่ ชาโตว์ อินทาวน์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสำหรับคอนโดมิเนียมประเภท Low-Rise นอกจากนี้ยังมีแบรนด์       แบงค์คอก ฮอไรซอน และแบงค์คอก เฟลิซ บริษัทฯยังพัฒนาโครงการทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ คาซ่า ยูเรก้า, คาซ่า ดีว่า และ เดอะ ริช พร้อมมุ่งเน้นพัฒนาโครงการตามแนวเส้นทาง โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ล่าสุดบริษัทฯได้เตรียมเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ MAI ภายในไตรมาส 4 ของปี 2561 นี้ เพื่อก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย   “ ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงมาโดยตลอด โดยบริษัทฯมีรายได้รวม 1,525 ล้านบาทในปี 2560 , 2,091 ล้านบาท ในปี 2559  และ1,419 ล้านบาท  ในปี 2558  โดยมีกำไรขั้นต้น 634 ล้านบาทในปี 2560, 879 ล้านบาท ในปี 2559 และ     558 ล้านบาทในปี 2558 และมีกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท ในปี 2560 , 156 ล้านบาท ในปี 2559 และ 47 ล้านบาทในปี 2558 ตามลำดับ."     นายแพทย์วิเชียร กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งสร้างเสร็จพร้อมโอน    25 โครงการ มูลค่าคงเหลือกว่า 3,800 ล้านบาท ซึ่งสามารถโอนรับรู้รายได้ได้ทันทีและมีโครงการระหว่างก่อสร้างอีก 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ 1 โครงการ และจะแล้วเสร็จในปี 2562 จำนวน 2 โครงการ คาดว่าโครงการเหล่านี้จะสร้างผลกำไรและการเติบโตให้แก่บริษัทฯอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีโครงการที่จะพัฒนาเพิ่มเติมตามแผนปัจจุบันอีกทั้งหมด 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี   ขณะนี้ CMC มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนที่ชำระแล้ว 750 ล้านบาท และมีแผนจะระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 250,000,000 หุ้น (พาร์ 1 บาท/หุ้น) หรือคิดเป็นไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เสนอขายต่อนักลงทุน ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปซื้อที่ดิน และใช้ในการลงทุนโครงการใหม่ ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเงิน จากปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ประมาณ 2 เท่าให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ และ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ ผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างต่อเนื่อง”   นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CMC Group  กล่าวว่า “เรามั่นใจว่าหุ้นไอพีโอของ CMC จะได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง คณะผู้บริหารมีประสบการณ์ความสำเร็จที่พิสูจน์แล้วมาร่วม 24 ปี และมีแผนการรับรู้รายได้จากการดำเนินธุรกิจที่ดี ซึ่งการเข้าจดทะเบียนของ CMC ในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนด้านการเงินของบริษัทฯลงและทำให้ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งขึ้น และจะเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางที่พร้อมจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนได้อย่างแน่นอน”
เจ.เอส.พี. จับ 3 คอนโดทำเลดี เขย่าโปรโมชั่น Supermom Supersave กู้ง่าย ผ่อนสบาย  ส่งต่อความรัก มอบบ้านเป็นของขวัญวันแม่

เจ.เอส.พี. จับ 3 คอนโดทำเลดี เขย่าโปรโมชั่น Supermom Supersave กู้ง่าย ผ่อนสบาย ส่งต่อความรัก มอบบ้านเป็นของขวัญวันแม่

ชวนส่งต่อความรักแม่ มอบบ้านดี ราคาโดนใจให้เป็นของขวัญ โดยซีอีโอใหญ่ คุณลิขิต  ลือสกุลกิจไพศาล แห่งค่าย บมจ. เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ ล่าสุดออกแคมเปญ Supermom Supersave จับ 3 คอนโดทำเลดี ในราคาสุดคุ้มมาเขย่าโปรโมชั่นใหญ่ ‘กู้ง่าย ผ่อนสบาย’ เพียงล้านละ 1,000 บาทต่อเดือน หรือดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี และฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนฯ อาทิ โครงการเจคอนโดสาทร-กัลปพฤกษ์ คอนโด High Rise แห่งเดียวบนถนนกัลปพฤกษ์ใกล้สาทร ราคาเริ่มต้นที่ 1.49 ล้านบาท ตามด้วยคอนโดติดทะเล และใกล้รถไฟฟ้าแห่งเดียวในประเทศไทย โครงการไมอามี่คอนโดบางปู ด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 899,000 บาท และสุดว้าวไปกับคอนโดใหม่ ติดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 2 กับโครงการเจคอนโด พระราม 2 ที่ออกราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท เท่านั้น พร้อมกันนี้ทั้ง 3 โครงการ ยังมอบของแถมทั้งเฟอร์นิเจอร์และแอร์ให้อีกเพียบ! โดยเริ่มส่งมอบสินค้าโดนๆ พร้อมโปรโมชั่นดีๆ ถึงวันที่ 12 ส.ค. 61 นี้…สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 1173 หรือติดต่อผ่านเฟสบุ๊ค: JSP Property หรือไลน์ : @JSP Property
“รอแยลเฮ้าส์” ปรับกลยุทธ์ O2O รับ Insight ลูกค้ารับสร้างบ้านยุคใหม่  เปิดตัว 4 แบบบ้านใหม่ งาน Home Builder & Materials Expo 2018

“รอแยลเฮ้าส์” ปรับกลยุทธ์ O2O รับ Insight ลูกค้ารับสร้างบ้านยุคใหม่ เปิดตัว 4 แบบบ้านใหม่ งาน Home Builder & Materials Expo 2018

“รอแยลเฮ้าส์” เผย Insight ลูกค้ารับสร้างบ้านยุคใหม่ พบยอดรู้จักแบรนด์ผ่านออนไลน์พุ่ง-ความไว้ใจแบรนด์หด หลังช่องทางออนไลน์แข่งเดือด ปูกลยุทธ์ Omni Channel เชื่อมโยงความเชื่อมั่นลูกค้าผ่านออนไลน์สู่ออฟไลน์ครบวงจร เตรียมเปิดตัว 4 แบบบ้านใหม่เจาะตลาดต่างจังหวัด ในงาน Home Builder & Materials Expo 2018 พร้อมจัดหนักโปรโมชั่นสุดพิเศษ มอบชุดเครื่องครัวจาก Le Krua พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 15% มั่นใจปี 61 ยอดขายทะลุ 1,000 ล้านบาท     นายโกศล โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี และมีสาขามากที่สุดในประเทศ ภายใต้สโลแกน “สร้างบ้านด้วยสมอง” เปิดเผยว่า จากการเก็บข้อมูลและสถิติของรอแยลเฮ้าส์ พบว่า พฤติกรรมเชิงลึก (Insight) ของลูกค้าตลาดรับสร้างบ้านเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเดิมเมื่อ 7-8 ปีก่อน ลูกค้าตลาดรับสร้างบ้านจะเป็นลูกค้าที่รู้จักแบรนด์จากช่องทางออฟไลน์เกือบ 100% และออนไลน์ราว 0% แต่ปัจจุบัน ช่องทางออนไลน์กลับมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยมียอดคนรู้จักแบรนด์จากช่องทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นราว 25%   “สิ่งที่มาพร้อมกับการเติบโตของช่องทางออนไลน์คือ ความคาดหวังที่สูงขึ้น ความไว้วางใจต่อแบรนด์ที่มีชื่อเสียงลดลง และความเชื่อจากการหาข้อมูลออนไลน์ การแข่งขันเองก็สูงขึ้นด้วย จากเดิมที่เมื่อก่อนมีบริษัทรับสร้างบ้านอยู่ไม่มาก และทุกคนอยู่บนช่องทางออฟไลน์ แต่ขณะนี้ มีบริษัทรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้น และหลายบริษัทก็หันมาแข่งขันกันโปรโมตบนช่องทางออนไลน์” นายโกศล กล่าว     อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น นอกจากการให้ความสำคัญกับคุณภาพของบ้าน ดีไซน์ใหม่ๆ ที่พัฒนามาตลอดกว่า 30 ปีแล้ว บริษัทยังหันมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดด้วยการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหลายช่องทาง (Omni Channel) และเชื่อมโยงช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O) สร้างประสบการณ์ความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในการติดต่อสร้างบ้าน   เบื้องต้น บริษัทได้ใช้ Content Marketing แบบ Educational Marketing ผ่านทางแฟนเพจ มุ่งเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างบ้าน ข้อมูลไลฟ์สไตล์เรื่องบ้าน เทรนด์ต่างๆ ตลอดจนลงตัวอย่างผลงานปลูกสร้างบ้านจริง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้าน ขณะเดียวกันยังมีแอดมินแฟนเพจที่คอยตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็ว (responsive admin) พร้อมดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน Facebook Fanpage ของรอแยลเฮ้าส์ มียอดติดตามมากกว่า 7.2 หมื่นคน นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงเว็บไซต์ของบริษัทครั้งใหญ่ให้มีข้อมูลรายละเอียดแบบบ้านและข้อมูลที่จำเป็นอย่างครบถ้วน     นายโกศล กล่าวอีกว่า สำหรับการทำตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์นั้น บริษัทจะเข้าร่วมออกบูธในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ หรือ Home Builder & Materials Expo 2018 ในวันที่ 16-19 ส.ค.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเตรียมเปิดตัวแบบบ้านใหม่ 4 แบบ ได้แก่ 1.แบบ RH-CT. 2159 2.แบบ RH-MD. 2160 3.แบบ RH-MD. 2161 และ 4.แบบ RH-MD. 2162 เป็นบ้านขนาด 1-2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 162-318 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 4 ล้านบาท   แต่ละแบบจะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป อาทิ แบบ RH-CT. 2159 ออกแบบด้วยสไตล์คอนเทมโพรารี่ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เน้นหน้ากว้าง ทางเข้าโปร่ง ลักษณะแปลนเปิดโล่ง เพื่อเหมาะกับการปรับเปลี่ยนพื้นที่ มีเฉลียงด้านหน้า และม้านั่งไว้สำหรับเป็นพื้นที่กิจกรรมสันทนาการของครอบครัว หรือ แบบ RH-MD. 2162 เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น 2 ชั้น มี 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ออกแบบให้เป็นบ้านหน้าแคบ เหมาะสำหรับลงที่ดินในเมือง ลักษณะแปลนเปิดโล่ง สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ต้องการ ออกแบบให้ส่วนบ่อน้ำและเฉลียงเชื่อมต่อกัน เพื่อเป็นมุมพักผ่อน ดีไซน์ภายนอกเน้นกระจกโปร่ง และมีโถงโล่ง ทำให้บ้านเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ดูแล้วร่มรื่น โดยแบบใหม่บ้านชั้นเดียวและชั้นครึ่ง (RH-CT.2159, RH-MD.2160) จะมุ่งเน้นเจาะตลาดต่างจังหวัด ส่วนแบบใหม่บ้าน 2 ชั้น (RH-CT.2161, RH-MD.2162) เน้นกลุ่มผู้มีที่ดินในเมือง   “ปัจจุบัน สัดส่วนยอดขายของรอแยลเฮ้าส์อยู่ที่กรุงเทพฯ ราว 80% และต่างจังหวัดอีก 20% เรายังมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดต่างจังหวัด จึงได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่ในครั้งนี้ให้เป็นแบบชั้นเดียวหรือ 2 ชั้น แต่กว้างขวาง ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ดินในต่างจังหวัดที่เจ้าของที่ดินมักจะครอบครองพื้นที่ที่กว้างกว่าในกรุงเทพฯ คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าในต่างจังหวัด ตลอดจนลูกค้าในกรุงเทพฯที่มีที่ดินขนาดใหญ่เป็นอย่างดี” นายโกศล กล่าว     นอกจากแบบบ้านใหม่ทั้ง 4 แบบที่จะไปเปิดตัวในงานแล้ว บริษัทยังมีแบบบ้านอื่นๆ ไปร่วมจัดแสดงในงานด้วย สำหรับผู้สั่งจองในงานจะได้รับส่วนลดสุดพิเศษสูงสุดถึง 15% และบ้านที่สั่งสร้างในงานทุกหลังจะได้รับชุดครัวปูนสำเร็จรูปจาก Le Krua ในเครือแกรนด์โฮมมาร์ท มูลค่าสูงสุดถึง 6 หมื่นบาท นอกจากนี้ บริษัทจะมอบประสบการณ์ความพึงพอใจสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ Multi-sensory โดยจะตกแต่งบูธภายในงานด้วยกลิ่นอโรม่าจาก Diffuser ของ ORGANIKA ให้ความรู้สึกของความเป็นบ้าน เสิร์ฟขนมหวานจาก BRIX Dessert Bar ให้บรรยากาศสบายๆ และมอบของพรีเมียมให้แก่ผู้สั่งสร้างบ้านในงาน   ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) แล้วเกือบ 800 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถมียอดขายทะลุ 1,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน   บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านมานานกว่า 30 ปี ภายใต้สโลแกน “สร้างบ้านด้วยสมอง” มีสาขาอยู่ทั่วประเทศแล้วมากกว่า 12 สาขา สร้างบ้านมาแล้วมากกว่า 5,000 หลัง ปัจจุบันดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านครอบคลุมหลายเซ็กเมนท์ ตั้งแต่ระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ระดับ 5-10 ล้านบาท ระดับ 10-20 ล้านบาท และระดับมากกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมไปถึงระดับมากกว่า 100 ล้านบาท
ฉลอง “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” บางกรวย-ไทรน้อย  สาขาใหม่ล่าสุด แห่งที่ 29 เปิด 9 ส.ค.นี้

ฉลอง “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” บางกรวย-ไทรน้อย สาขาใหม่ล่าสุด แห่งที่ 29 เปิด 9 ส.ค.นี้

เตรียมพบกับสาขาใหม่ล่าสุด ของ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” (Index Living Mall) ผู้นำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านคุณภาพมาตรฐานโลก กับการฉลองยิ่งใหญ่สาขาที่ 29 “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” สาขาบางกรวย-ไทรน้อย (ในเทสโก้ โลตัส) จุดหมายใหม่แห่งเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ที่ครบครัน พบโปรโมชั่นสุดพิเศษคุ้มกว่าใคร เฟอร์นิเจอร์ของใช้ของแต่งบ้าน ที่นำมาลดสูงสุด 50%, ใบเสร็จเทสโก้ โลตัส (Tesco Lotus) 500.- ขึ้นไป ฟรีคูปองส่วนลด 100.-, สินค้าซื้อ 1 แถม 1, สินค้าสุดฮอตทีเด็ดรายสัปดาห์, แลกซื้อสินค้าราคาสุดคุ้ม ตลอดจนพบสินค้าราคาพิเศษมากมาย เริ่มต้น 129.- ระหว่างวันที่ 9-13 สิงหาคมศกนี้ เพียง 5 วันเท่านั้น พิเศษดีลประจำวันกับสินค้าราคาสุดว้าว!! ราคา 29.- (รับสิทธิ์ซื้อสินค้า 1 ชิ้น/ท่าน/วัน/รายการ) นอกจากนี้ สำหรับสมาชิก Joy Card รับสิทธิพิเศษเมื่อช้อปสินค้าครบ 1,000.-ขึ้นไป/ใบเสร็จ รับฟรี พรีม่า อาร์ต คูปองส่วนลด 800.- ยังไม่หมดเท่านี้!! ว้าว!! กับโบนัส 5 ต่อ โบนัสแรก ช้อปครบ 500.- ฟรีคูปองส่วนลด 500.-, โบนัสต่อที่ 2 ช้อปครบ 10,000.- คืน 1,000.-, โบนัสต่อที่ 3 ช้อปครบ…รับฟรี ช้อปครบ/ใบเสร็จ 2,000.- ขึ้นไป รับฟรีร่ม Index มูลค่า 350.- ช้อปครบ/ใบเสร็จ 3,000.- ขึ้นไป รับฟรี Power Bank 5,000Amh มูลค่า 890.- ช้อปครบ/ใบเสร็จ 20,000.- ขึ้นไป รับฟรี กระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว มูลค่า 3,500.-, โบนัสต่อที่ 4 สุดยอดนักช้อป รับฟรี พรีม่า อาร์ต (Prima Art) แผ่นภาพฉลุทองคำ 99.9% ปลาคาร์ฟแห่งโชคลาภ จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 13,500.- และโบนัสต่อที่ 5 สมัครสมาชิก Joy Card ฟรี พร้อมรับคะแนน 10,000.- คะแนน ตลอดจนสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ   แล้วไปช้อปสุดมันส์พร้อมโปรโมชั่นดีๆ พร้อมกันที่ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” สาขาบางกรวย-ไทรน้อย (ในเทสโก้ โลตัส) เปิด 9 สิงหาคมนี้!! สอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2059-7130
ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17 คอนโดมิเนียมที่ผสมผสานความล้ำสมัยร่วมกับไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว บนทำเลศักยภาพ ใกล้ BTS แบริ่ง

ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17 คอนโดมิเนียมที่ผสมผสานความล้ำสมัยร่วมกับไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว บนทำเลศักยภาพ ใกล้ BTS แบริ่ง

“ลาซาล” กับภาพจำในอดีตที่เป็นพื้นที่หนาแน่นไปด้วยแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ ที่พักอาศัย เป็นจำนวนมาก แต่กับย่านลาซาลในปัจจุบัน ที่มีการพัฒนาความเจริญ และบรรยากาศความเป็นอยู่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งผลมาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต - สำโรง ใกล้ สถานีแบริ่ง เจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ที่มองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถจับต้องได้ อีกทั้งยังมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำ Community Mall เช่น โครงการ ลาซาล อเวนิว / โครงการ ดาดฟ้าลาซาล / ซัมเมอร์ ลาซาล เป็นต้น ไปจนถึงตลาด ที่เหมาะสำหรับคนทำงานที่ต้องการความสะดวกสบาย อยู่ใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวกทั้งในปัจจุบันและอนาคต บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และอิมเพรสชั่นที่ถือเป็นเจ้าตลาดคอนโดฯย่านลาซาล เนื่องจากอดีตได้เปิดขายโครงการบนถนน ลาซาล มาแล้วถึง 5 โครงการ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในครั้งนี้ขอแนะนำโครงการคอนโดมิเนียม “ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17” โครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 581 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,335 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท โดยแบ่งห้องชุดพร้อม Fully Furnished (SB Furniture) ถึง 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่   รูปแบบ 1 Bedroom พร้อมพื้นที่ใช้สอยขนาด 25 - 30 ตร.ม. รูปแบบ 1 Bedroom Plus พร้อมพื้นที่ใช้สอยขนาด 34.5 ตร.ม. รูปแบบ 2 Bedroom พร้อมพื้นที่ใช้สอยขนาด 44 ตร.ม. โครงการ ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17 (The Excel Lasalle 17) ตั้งอยู่บนทำเลในย่านลาซาล ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีแบริ่ง อีกทั้งยังสะดวกสบายในการเดินทางหลากหลายรูปแบบ เจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่มองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้ ตอบโจทย์คนทำงาน ย่านสุขุมวิทตอนกลางและตอนต้นได้อย่างสะดวกสบายเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS เพียงไม่กี่นาที นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเรื่องรูปแบบดีไซน์ที่ดึงดูดความสนใจและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นภายในได้อย่างลงตัวสำหรับการใช้งานจริง โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบอาคาร สามารถตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างครบครันในทุกด้าน เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความสมบูรณ์แบบด้านการอยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี อาทิ Swimming Pool, Co - Working Space, Fitness, Relaxing Area, Reading Garden, Rooftop Pavilion, บริการรถรับส่ง Shuttle Service ไป BTS พร้อมจัดเต็มระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ อีกทั้งยังใกล้สถานที่สำคัญ อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แหล่งท่องเที่ยว คอมมูนิตี้มอลล์ โรงเรียนนานาชาติ และโรงพยาบาล อีกด้วย พร้อมให้คุณสัมผัสความรู้สึกที่ผสมผสานชีวิตเมืองอย่างลงตัว ให้เข้ากับทุกช่วงจังหวะของชีวิต สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Contact Center 02 029 9999 หรือ www.allinspire.co.th
แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด  ยันขึ้นแท่นอสังหาฯกลางใจเมือง ดึงดูดนักลงทุนชาวฮ่องกง

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ยันขึ้นแท่นอสังหาฯกลางใจเมือง ดึงดูดนักลงทุนชาวฮ่องกง

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จัดงานโรดโชว์ ณ โรงแรม เดอะ แลนด์มาร์ค แมนดาริน โอเรียนเต็ล ฮ่องกง เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อนำเสนอโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ของไทย ที่ถือเป็นโครงการหนึ่งที่ดึงดูดนักลงทุนชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในเมืองไทยได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน อสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงมีราคาสูงมาก และมีการขยับราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนชาวต่างชาติจำนวนมากจึงหันไปแสวงหาการลงทุนในประเทศอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดงานโร้ดโชว์ในต่างประเทศครั้งนี้ว่า “งานโร้ดโชว์ครั้งนี้จัดแสดงขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่กลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูในฮ่องกง ต่อโครงการแมกโนเลียส์ฯ ของ MQDC และตลาดอสังหาฯ ระดับหรูของประเทศไทย นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมากที่เราได้มีโอกาสครั้งสำคัญในการแสดงให้ผู้ซื้อในฮ่องกงเห็นถึงโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพในตลาดอสังหาฯ ระดับหรูของประเทศอื่นนอกเหนือจากฮ่องกง ซึ่งผลของการเข้าร่วมงานครั้งนี้ พบว่าห้องชุดแบบเพนท์เฮาส์ของโครงการยังเป็นที่นิยมมากสำหรับชาวฮ่องกง รองลงมาคือห้องประเภท 2 ห้องนอน ซึ่งช่วยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เรามีต่อโครงการของเรามากขึ้นไปอีก” ด้วยทำเลที่ดีที่สุดใจกลางย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์สูง 60 ชั้น นำเสนอเรสซิเดนซ์พร้อมตกแต่งระดับไฮเอนด์รวม 316 ห้อง มีทั้งห้องชุด 2 ห้องนอน ไปจนถึงเพนท์เฮ้าส์ที่กว้างขวาง อีกทั้งโครงการยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม 5 ดาวระดับโลกอย่าง วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ แบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของวอลดอร์ฟในเครือฮิลตันโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งจะเปิดบริการในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเจ้าของห้องชุดสุดหรูของโครงการ ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติม คือการได้รับสิทธิพิเศษเมื่อใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าภายในโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ นอกจากนั้นภายในโครงการยังเพียบพร้อมด้วยส่วนบริการเพื่อการพักอาศัยระดับไฮเอนด์ และบริการระดับวีไอพีตลอด 24 ชั่วโมง “ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายด้านการลงทุนที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีมูลค่าสัมพัทธ์ที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค รวมถึงการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนชื่อดังระดับโลกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้า การเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้า โรงแรมและร้านอาหารชั้นเลิศอีกมากมาย ปัจจุบัน ฐานลูกค้าของเราเป็นลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างละครึ่ง โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากฮ่องกง ปัจจัยหลักที่ทำให้เรามียอดขายที่น่าพึงพอใจ เกิดจากทำเลที่ตั้งโครงการซึ่งถือเป็นหนึ่งในทำเลทองชั้นนำของเมืองไทย ทั้งยังเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสที่ตอบสนองความต้องการของผู้พักอาศัยได้ดีเยี่ยมเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สมบูรณ์แบบ สำหรับในปีนี้ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ยังถือเป็นโครงการที่เป็นที่จับตามองของลูกค้าชาวฮ่องกง ที่ยังคงให้ความสนใจโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแมกโนเลียส์ฯ ยังเป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่ชั้นนำในย่านธุรกิจหลักของเมืองไทย ที่คุ้มค่าแก่การลงทุนและเพรียบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมากที่สุด” วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ กล่าว ห้องชุดที่เหลืออยู่ของแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ดในปัจจุบัน คือแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ 75 - 108 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาทหรือ 270,000 บาทต่อตารางเมตร และห้องห้องเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ 321 - 384 ตารางเมตร ภายในโครงการเพียบพร้อมด้วยบริการระดับไฮเอนด์ ทั้งล็อบบี้ส่วนตัว ห้องสมุดที่มองเห็นสวนสวยดีไซน์โค้ง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมจากุชชี่และสระเด็ก รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงตลอด 24 ชั่วโมง และความสะดวกสบายด้านอื่นๆ อีกมากมาย ข้อมูลจาก Rating and Valuation Department ระบุว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยของฮ่องกงพุ่งสูงขึ้นถึง 10.4% YTD (จากต้นปีถึงปัจจุบัน) หรือคิดเป็น 15.9% YOY (เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา) จากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา อพาร์ทเมนท์ขนาด 70-99.9 ตร.ม. มีราคาสูงขึ้นถึง 10% ไปอยู่ที่ 22,311 ดอลลาร์ต่อ ตร.ม. ในขณะที่ อพาร์ทเมนท์ขนาด 100-159.9 ตร.ม. มีราคาสูงขึ้นถึง 6.7% ไปอยู่ที่ 24,428 ดอลลาร์ต่อ ตร.ม. อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด กล่าวว่า “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดที่อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่มีราคาสูงเกินไปอย่างมาก ในขณะที่ตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยนำเสนอมูลค่าสัมพัทธ์ที่ดีเยี่ยม และแมกโนเลียส์ฯ ถือเป็นโครงการยอดนิยมและเป็นตัวเลือกด้านการลงทุนที่มีศักยภาพสูงสำหรับนักลงทุนฮ่องกง เนื่องจากตั้งอยู่บนทำเลทอง แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าและช้อปปิ้งมอลล์ระดับโลก และใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส ด้วยทำเลชั้นเยี่ยมบวกกับคุณภาพการก่อสร้างระดับสูง จึงถือเป็นแพ็คเกจมูลค่าเพิ่มที่ดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี” นอกจากนั้น รีเบคก้า ชัม กรรมการบริหาร ซีบีอาร์อี ฮ่องกง กล่าวเสริม “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ถือเป็นโครงการที่ได้รับการออกแบบอย่างดี ใส่ใจในทุกรายละเอียด มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังออกแบบเพื่อให้รองรับตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เข้มงวดที่สุดของโลก และยังมีการออกแบบให้ระดับความสูงจากพื้นถึงเพดาน ถึง 3 เมตร เพื่อความโปร่งสบาย ในการอยู่อาศัย ตัวโครงการเป็นรูปทรง “กลีบดอกแมกโนเลีย” ที่หมุนวนจากฐานขึ้นไปสู่ส่วนยอดของอาคาร ดีไซน์รูปกลีบดอกไม้นี้ยังตอบโจทย์ในด้านการเปิดมุมมองของห้องชุดให้สามารถชื่นชมทัศนียภาพมุมสูงของกรุงเทพฯ ได้จากทุกยูนิต ทำให้โครงการนี้ดูแฝงความอ่อนช้อยและสง่างามในขณะเดียวกัน สมกับเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ยากจะหาที่ไหนมาเทียบเคียง”
ส่องโครงการที่พักสุดหรูระดับ 5 ดาว ‘ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา เซนต์คิตส์’ รีสอร์ตวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในบรรยากาศธรรมชาติแห่งเมืองมรดกโลก

ส่องโครงการที่พักสุดหรูระดับ 5 ดาว ‘ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา เซนต์คิตส์’ รีสอร์ตวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในบรรยากาศธรรมชาติแห่งเมืองมรดกโลก

เซ็นต์คิตส์และเนวิส หมู่เกาะทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียน ปัจจุบันได้แปลี่ยนเป็นสวรรค์แห่งใหม่ของนักลงทุนต่างชาติสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว และน่าจับตามองของลงทุนต่างชาติ และยังเป็นที่ตั้งของ ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา โครงการรีสอร์ตสุดหรูโดย เรนจ์ ดีเวลลอปเม้นต์ เรนจ์ ดีเวลลอปเม้นต์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา รีสอร์ตหรูในแคริบเบียน ด้วยการออกแบบสร้างสรรค์ การบริหารจัดการ และการตลาด โดยโครงการมีกำหนดการที่จะสร้างแล้วเสร็จภายใน 3 ปี ตั้งอยู่บริเวณส่วนที่เคยเป็นสวนอ้อย มีลักษณะพื้นที่เป็นเนินเขาทอดยาวไปตามชายหาดของทะเลแคริบเบียน วิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวและส่วนพักผ่อนส่วนกลางหันหน้าเข้าสู่ทะเลและธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้ท่านรู้สึกถึงความผ่อนคลายจากความเครียดต่างๆ จากชีวิตในเมือง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่านสามารถใช้เวลาอยู่กับตัวเอง พักผ่อนกับครอบครัว และคนที่ท่านรัก ไปกับธรรมชาติรอบๆ ตัว มีวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวจำนวน 70 ห้อง ตกแต่งตามสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซิกเซ้นส์ ด้วยแนวทางการพัฒนาแบบยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผสมผสานสไตล์ร่วมสมัยอย่างลงตัวเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด ตัวโครงการอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ ห่างจากสนามบินนานาชาติประมาณ 30 นาทีด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดสองข้างทาง มีเที่ยวบินตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร และมีเที่ยวบินเชื่อมต่อจากประเทศในสหภาพยุโรป และภูมิภาคต่างๆ ในแคริบเบียน นายโมฮัมเหม็ด อาซาเรีย ผู้ก่อตั้ง เรนจ์ ดีเวลลอปเม้นต์ กล่าวว่า “ด้วยบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ที่ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจและที่มาของเมนู ซิกซ์เซ้นส์ ทรีทเม้นต์ ที่ผสมผสานเข้ากับการรักษาสุขภาพแบบพื้นเมืองที่จะทำให้ท่านกลับมาสดใสอีกครั้ง อีกทั้งยังมีโปรแกรมต่างๆ อาทิ ดีทอกซ์ โยคะ และ เวิร์คช็อป ที่จะทำให้ท่านได้ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แบบ ทางทิศใต้ของรีสอร์ตเป็นที่ตั้งของเมืองแซนดี้ พอยต์ ทาวน์ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาะและเป็นเส้นทางสู่ บริมสโตน ฮิลล์ หนึ่งในสถานที่ที่ยูเนสโกจัดให้เป็นเมืองมรดกโลก และเป็นอีกหนึ่งเกาะในหมู่เกาะมากมายของทะเลแคริบเบียนที่ดึงดูดให้ผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์มาเยือน และที่น่าสนใจไปกว่านี้ ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา เซ็นต์คิตส์ เป็นโรงแรมอันดับที่ 16 ของเครือซิกซ์เซ้นส์ ใน 11 ประเทศทั่วโลก และพวกเราตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับโครงการ ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา สู่ประเทศเซ็นต์คิตส์ และยินดีที่จะประกาศข่าวนี้สู่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ แบรนด์ซิกซ์เซ้นส์ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นแบรนด์โรงแรมที่ดีที่สุดโดยนิตยสาร Travel + Leisure และพวกเราก็ตั้งตารอคอยที่จะได้ร่วมงานในโครงการที่น่าตื่นเต้นนี้ และแต่งตั้งให้บริษัท ฮาร์วีย์ ลอว์ กรุ๊ป เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ ในการเผยแพร่ข่าวสารประชาสัมพันธ์และเสนอโปรแกรมการลงทุนที่คุ้มค่าของโครงการนี้สู่นักลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายบาสเตียน เทรลแคท หุ้นส่วนผู้จัดการ ฮาร์วีย์ ลอว์ กรุ๊ป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ได้กล่าวถึงความรู้สึกครั้งนี้ว่า “ฮาร์วีย์ ลอว์ กรุ๊ป รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เรนจ์ ดีเวลลอปเม้นต์ และรัฐบาลเซนต์คิตส์และเนวิสอีกครั้งในโครงการนี้ ในฐานะตัวแทนอย่างเป็นทางการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราขอเสนอการลงทุนที่มาพร้อมกับตัวเลือกทางการเงินภายใต้การลงทุนจำนวนจำกัด 100 หุ้นเท่านั้น ประเทศเซนต์คิสต์และเนวิสเป็นโปรแกรมการลงทุนเพื่อการได้มาซึ่งสัญชาติที่มีมายาวนานที่สุด นักลงทุนมีโอกาสในการได้รับหนังสือเดินทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ลงทุนและครอบครัว โดยการลงทุนใน ซิกซ์เซ้นส์ เซนต์คิตส์นั้น ท่านและครอบครัวมีสิทธิในการสมัครเป็นพลเมืองเซนต์คิตส์และเนวิสได้ผ่านโครงการของรัฐบาล ในการลงทุน USD 200,000 (ผ่านโครงสร้างการเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด) ในซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา เซนต์คิตส์ เพื่อที่จะผ่านคุณสมบัติในการยื่นขอสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิส พร้อมสิทธิการเป็นพลเมืองนั้นมีอยู่ตลอดชีพ สำหรับทั้งนักลงทุน คู่สมรส ผู้ปกครอง และผู้ติดตาม โดยที่ยังสามารถส่งต่อไปยังลูกหลานอีกด้วย สำหรับท่านที่สนใจสามารถดูรายละเอียดโปรแกรมการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ คุณกฤตติยา กีรติยุต ผู้อำนวยการสำนักงานกรุงเทพฯ kkeeratiyut@harveylawcorporation.com , btrelcat@harveylawcorporation.com โทร +66 2 670 1848 หรือ www.harveylawcorporation.com หรือ FB: https://www.facebook.com/HLGThailand/
เรียลแอสเสท เปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด “เซนส์ สายไหม 56” พร้อมโชว์แบบบ้านแนวคิดใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ “ความสุขที่พอเพียง”

เรียลแอสเสท เปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด “เซนส์ สายไหม 56” พร้อมโชว์แบบบ้านแนวคิดใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ “ความสุขที่พอเพียง”

  เปิดตัวโครงการ “เซนส์ สายไหม 56” โครงการใหม่ล่าสุดจาก “เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์” โครงการบ้านแนวคิดใหม่ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่พอเพียง” โดดเด่นด้วยการวางฟังก์ชั่นบ้าน 2 ชั้น ที่ออกแบบอย่างประณีต มีดีไซน์ ทุกฟังก์ชั่นแบบพอดี และเพียงพอต่อการสร้าง “ครอบครัวอันอบอุ่น” ตอบโจทย์ให้คุณได้มีความสุขในทุกมุมของบ้าน ราคาพิเศษสุดเริ่ม 3.59 ล้านบาท ขนาดพื้นที่โครงการ 22 ไร่ จำนวน 126 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 643 ล้านบาท ล่าสุดพร้อมเปิดให้เยี่ยมชมบ้านตัวอย่างที่ออกแบบจากแรงบันดาลใจของศิลปินเสียงดีและนักแต่งเพลงชื่อดัง สิงโต นำโชค ที่มาสวมหมวกใบใหม่ครั้งแรกกับเรียลแอสเสทในบทบาท “Design Artist” ภายใต้แนวคิด “ความสุขแรก” เตรียมเปิด Open House ครั้งแรก 18-19 ส.ค.นี้ พร้อมรับชมมินิคอนเสิร์ต “สิงโต นำโชค” ได้ภายในงาน นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงสาเหตุของการเลือกเปิดโครงการเซนส์สายไหม 56 ว่า ด้วยจุดยืนของเรียลแอสเสท ที่ตั้งใจพัฒนาสินค้าและโครงการ ที่ใส่ใจในรายละเอียดและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า เมื่อเราค้นพบว่าผู้บริโภคในย่านนี้ ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จากแนวโน้มการขยายตัวของที่อยู่อาศัยของกรุงเทพฯ ฝั่งตอนเหนือ (บางเขน-วัชรพล-สายไหม-สุขาภิบาล 5) ที่มีแหล่งงาน โครงการเมกะโปรเจค และการขยายตัวด้านการเดินทางที่สะดวกสบาย จึงส่งผลให้เกิดแรงดึงดูดในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยรอบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานสำหรับบริเวณพื้นที่ดังกล่าว สำหรับทำเลที่ตั้งโครงการถือได้ว่ามีศักยภาพเนื่องจากการเดินทางมายังโครงการสามารถเดินทางเข้าได้หลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเป็นถนนสายไหม ถนนเพิ่มสิน-ออเงิน ที่สร้างความเชื่อมต่อของพื้นที่ขยายไปยังสุขาภิบาล 5-วัชรพล-สะพานใหม่-ลำลูกกาได้ และซอยสายไหม 56 เองยังถือว่าเป็นซอยที่มีการเชื่อมโยงพื้นที่ในย่านสายไหม ด้วยเหตุนี้เราจึงนำชื่อซอยมาเป็นส่วนหนึ่งของชื่อโครงการ นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยศักยภาพทำเลที่ตั้งโครงการ ซึ่งอยู่ในซอย สายไหม 56 ห่างจากถนนสายไหมประมาณ 800 เมตร ซึ่งถนนหลักเส้นนี้พาเชื่อมต่อออกไปถนนพหลโยธินและต่อไปสนามบินดอนเมืองได้ หรือจะไปทางฝั่งถนนวงแหวนรอบนอก (ฝั่งตะวันออก) ก็สะดวกง่ายดาย และโครงการยังห่างจากทางลงทางด่วนสุขาภิบาล 5 เพียงประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น ประกอบกับใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต สถานีคูคต โดยโครงการห่างจากสถานีเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น โดยกำหนดการเปิดอยู่ในช่วงประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 69% อีกทั้งโดยรอบโครงการยังมีร้านค้า ศูนย์การค้า โรงเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆรอบโครงการ เราจึงตัดสินใจเลือกซื้อที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาโครงการ ทั้งนี้ ระหว่างการพัฒนานั้นบริษัท ฯ ได้พบว่า ยังมีช่องว่างทางการตลาดที่เป็นความต้องการแท้จริงของลูกค้า ที่อยากมีบ้านหลังแรก ที่พอดีกับการใช้ชีวิต ไม่ได้ต้องยิ่งใหญ่อลังการเกินความจำเป็น แต่เป็นบ้านที่สร้างความสุขที่พอเพียง เรียกว่า Make Sense คือเป็น “ความพอดีที่เพียงพอ” เราจึงนำแนวคิดตรงนี้ เป็นปรัชญาและหลักการในการออกแบบสินค้าและพัฒนาโครงการ รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นการต่อยอดในการสร้างแบรนด์และพัฒนาสินค้าด้วย จนกลายเป็นชื่อแบรนด์โครงการว่า “Sense” (เซนส์) “โครงการ เซนส์ สายไหม 56 เป็นอีกหนึ่งโครงการใหม่ล่าสุดของเรียลแอสเสท หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ เอสทีค ทองหล่อ คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Luxury ไป โดยโครงการเซนส์ สายไหม 56 ถือเป็นแบรนด์ใหม่และสินค้าใหม่ของบริษัทฯ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้รับแรงบันดาลใจในการวางคอนเซ็ปต์ของแบรนด์และการออกแบบตัวบ้าน มาจากวิถีชีวิตของนกกระจาบ ซึ่งถือว่าเป็นสถาปนิกตัวน้อยในเขตร้อนของโลก นกกระจาบยังถูกเรียกอีกอย่างว่า นกช่างสาน เพราะสร้างรังได้อย่างประณีต สวยงาม ปลอดภัย ซึ่งเป็นที่มาของการออกแบบบ้านภายใต้แนวคิด “ความสุขที่พอเพียง” ที่เน้นความประณีตและมีดีไซน์ ทุกฟังก์ชั่นออกแบบให้ตอบโจทย์กับความเพียงพอต่อการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น” นายวีระชัย หาญจริยากูล ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยถึงรายละเอียดโครงการว่า โครงการเซนส์ สายไหม 56 เป็นบ้านแนวคิดใหม่ ซึ่งเป็นบ้านซีรีส์ใหม่ล่าสุดของเรียลแอสเสท มูลค่าโครงการรวม 643 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่ 36.4 - 50.4 ตารางวา มีแบบบ้านให้ลูกค้าได้เลือก 2 แบบได้แก่ แบบบ้าน Shama (ฌา-มา) มีพื้นที่ใช้สอย 131 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว และแบบบ้าน Serin (เซ-ริน) มีพื้นที่ใช้สอย 151 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว ทั้งนี้เตรียมจัดงาน Open House ครั้งแรก 18-19 ส.ค. ณ สำนักงานขายโครงการ ในราคาพิเศษสุด 3.59 ล้านบาท และรับโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆอีกมากมาย พร้อมรับชมมินิคอนเสิร์ตสุด Exclusive กับ “สิงโต นำโชค” ได้ภายในงาน “เราไม่เพียงแต่ใส่ใจในการออกแบบบ้านเท่านั้น แต่เรายังใส่ใจในการลงรายละเอียดของพื้นที่ส่วนกลางโครงการ ซึ่งออกแบบมาให้ดูกลมกลืนกับความเป็นธรรมชาติรอบบ้าน โดยถนนหลักของโครงการกว้าง 12 เมตร บรรยากาศสองข้างทางไปยังพื้นที่ส่วนพักอาศัยจะมีต้นไม้ใหญ่ตลอดทางดูร่มรื่นน่าอยู่ โดดเด่นด้วยสโมสร 2 ชั้นพร้อมสระว่ายน้ำแบ่งสระเด็กแยกจากสระผู้ใหญ่อย่างเป็นสัดส่วนและชั้นบนเป็นห้องฟิตเนส ส่วนพื้นที่สวนสาธารณะออกแบบให้มีพื้นที่ออกกำลังกาย Outdoor, Jogging Track, และสนามเด็กเล่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของสมาชิกในครอบครัว อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ติดตั้งกล้อง CCTV ให้ตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงภายในตัวโครงการ ซุ้มทางเข้าจะมี รปภ. ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง” ด้านสิงโต นำโชค หรือ นายนำโชค ทะนัดรัมย์ ศิลปินเสียงดีและนักแต่งเพลงชื่อดัง ที่มาพร้อมกับบทบาทใหม่ “Design Artist” ให้กับทาง เรียลแอสเสท กล่าวถึง การออกแบบบ้านตัวอย่างภายใต้แนวคิด “ความสุขแรก” ว่า ความสุขแรกของผมก็คือ บ้านหลังแรก ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เราก็อยากจะออกแบบเอง ดูแลมันในทุกๆ ขั้นตอน ยกตัวอย่างเช่น เรื่องทาสีบ้านเราก็อยากจะทากันเอง สองคนกับภรรยาช่วยกันผมว่ามันเป็นมากกว่าการออกแบบ แต่มันเหมือนเราได้ใช้ช่วงเวลาด้วยกัน แต่งเติมความสุขแรกของเราไปพร้อมๆ กัน บรรยากาศโดยรวมภายในบ้าน ก็จะออกเป็นแนว ดีไอวาย ทำเอง สร้างเอง กับมือ “จุดเริ่มต้นของผมที่ได้มาร่วมงานกับเรียลแอสเสท จนเกิดเป็นโปรเจคส์ “Real Asset X Singto Numchok” นั้นเกิดจากการที่ผมได้มาร่วมร้องเพลงในงานของโครงการเดอะสเตจ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ และได้พูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่งของเรียลแอสเสทอย่างถูกคอ คุยมาเรื่อยๆ จนได้ปรึกษากันเรื่องการออกแบบตกแต่งบ้าน ทำให้ทางเรียลแอสเสทรู้สึกว่า ผมมีความสนใจในเรื่องนี้ เลยชวนผมมาลองทำอะไรใหม่ๆร่วมกัน แทนที่ปกติจะให้ผมไปร้องเพลงให้ฟัง เปลี่ยนมาเป็นการใช้จินตนาการของตัวเองออกแบบภายในบ้านที่เป็นสไตล์ของสิงโต นำโชคว่าเป็นอย่างไร เป็นการทำอะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อน ถือว่า เรียลแอสเสทได้ให้โอกาสผมจริงๆ ครับ”
“แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ปลื้มโครงการ XT ฮอตฉุดไม่อยู่!  กวาดยอดขายพรีเซลล์ในงาน “XT Dimension” กว่า 8,000 ลบ.

“แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ปลื้มโครงการ XT ฮอตฉุดไม่อยู่! กวาดยอดขายพรีเซลล์ในงาน “XT Dimension” กว่า 8,000 ลบ.

  “แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่จากการจัดงานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ “XT Dimension” เปิดตัวโครงการ “XT New Lifestyle Condominium” กวาดยอดขายมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท รวมจำนวน เกือบ 1,400 ยูนิต ทั้ง 3 ทำเลโดนใจ ได้แก่ โครงการ XT เอกมัย XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท จากมูลค่าโครงการรวมกว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวโครงการที่มีมูลค่ารวมสูงสุดในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแสนสิริ ปลื้มมีผู้สนใจตบเท้าจองโครงการและร่วมกิจกรรมภายในงานตลอด 3 วัน รวมกว่า 10,000 คน เนื่องจากคอนเซ็ปท์ของแบรนด์และโครงการที่ใหม่ตอบโจทย์โดนใจชาวมิลเลนเนียลและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งชื่นชอบในการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆในการใช้ชีวิตที่สะท้อนตัวตน ด้วยอิสระในการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดภายใต้แนวคิด Extend Your Style มั่นใจรุกเดินหน้าต่อยอดการขายผ่านการสร้างประสบการณ์ที่เซลล์แกลลอรี่ในรูปแบบใหม่ เตรียมแผนกวาดยอดขายรวมปลายปี 2561กว่า 10,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นปีแห่ง #SansiriBestYearEver   นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยถึงความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้ว่า “จากการที่แสนสิริได้จัดงาน XT Dimension งานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ของโครงการ XT New Lifestyle Condominium ระหว่างวันที 3-5 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ ลานพาร์ค พารากอน บริษัทฯ สร้างยอดขายได้มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จากทั้ง 3 โครงการ XT หรือคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนยูนิตที่เปิดขาย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างจากการจัดงานพรีเซลล์แบบทั่วไปผ่านบรรยากาศของ co-sharing หรือพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถใช้ร่วมกันได้ทุกโครงการ XT นำเสนอผ่านไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ตรงกับคนรุ่นใหม่ที่ เป็นกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงลูกค้าที่ไปเยี่ยมชมเซลล์แกลอรี่แนวคิดใหม่และห้องตัวอย่างของทั้ง 3 โครงการก่อนวันงาน ประกอบกับโปรโมชั่นพิเศษที่ดึงดูดใจภายในงาน ลูกค้าสามารถเลือกแพคเกจที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ตัวเองได้ เช่น รับส่วนลดสูงสุดภายในงานถึง 120,000 บาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) และการผ่อนเริ่มเดือนละ 2,999 บาท รวมถึงการติดตามฐานลูกค้าที่ให้ความสนใจภายในงาน ซึ่งปรากฏการณ์ยอดขายที่ทำได้ใน 3 วันนี้ รวมถึงการสร้างยอดขายในตลาดต่างชาติที่เราได้เริ่มจัด Roadshow ในต่างประเทศไปเมื่อไม่นานมานี้ และจะมีอย่างต่อเนื่องในอนาคต จะช่วยสนับสนุนเป้ายอดขายของปี 2561 ที่บริษัทฯ ตั้งไว้สำหรับโครงการ XT New Lifestyle Condominium ทั้ง 3 โครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน ถือเป็นส่วนสำคัญในการตอกย้ำการเป็น #SansiriBestYearEver ของแสนสิริในปี 2561” “ตลอดระยะเวลา 3 วันของงาน มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่วางแผนอยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของแบรนด์ XT ซึ่งเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ของแสนสิริภายใต้แนวคิด Extend Your Style ซึ่งงาน XT Dimension ถือเป็นมิติใหม่ในการจัดงานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ให้โดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยดึงเอาไฮไลท์ต่างๆ ของโครงการ XT ที่พร้อมฉีกทุกกฎเกณฑ์การสร้างคอนโดมิเนียมมานำเสนอให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ตรงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่กิจกรรม Personality Test ที่ให้ผู้ร่วมงานสามารถค้นหาเลย์เอาท์ห้องที่ใช่จากอิสระในการเลือกรูปแบบห้อง การจัดแสดง Flexible Furniture ครั้งแรกในไทย ของเทคโนโลยีชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่เพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านการควบคุมของ Home Service Application กิจกรรมเวิร์คชอปต่างๆ และบาร์เครื่องดื่มที่สะท้อนถึงพื้นที่ co-sharing spaces ที่พัฒนาคอนเซ็ปท์ขึ้นจากสไตล์การทำงานและการใช้ชีวิตของกลุ่มมิลเลนเนียล ในแต่ละโลเคชั่น ภายใต้แนวคิดการผนวกรวม co-sharing space ของ XT แต่ละโครงการเข้าสู่แพลตฟอร์มเดียวกัน ที่ทุกคนสามารถใช้งานข้ามโครงการได้ในทุกโลเคชั่นของ XT รวมทั้งโลเคชั่นที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต รวมไปถึงการนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทที่เอาใจสาย Active Lifestyle ด้วยการเปิดประสบการณ์ออกกำลังกายสไตล์ใหม่ด้วยเทคโนโลยี Virtual Exercise ร่วมด้วยสีสันจาก ปาร์ตี้ XT Mash Up Music Experience จากดีเจและศิลปินชั้นนำมากมาย ทำให้มีผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมงานจำนวนมากและประสบความสำเร็จด้านยอดขายสูงเกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายปิติกล่าวเสริม นอกจากนี้ แสนสิริ ยังสร้างมิติใหม่ของโปรโมชั่นด้วยไลฟ์สไตล์พริวิเล็จหรือ ‘XT Experience’ ที่จะสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยในแบบฉบับ XT ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าอาศัยจากแนวคิดหลักของโครงการและพฤติกรรมของคุนรุ่นใหม่ คือ ต้องการสิ่งที่ได้รับการออกแบบพิเศษ (Customized) ให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง ดังนั้น แสนสิริจึงให้ความใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการนำเสนอโปรโมชั่นตั้งแต่การขายที่ด้วยการ Customized เพื่อความต้องการลูกค้าได้จริงๆ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มสิทธิประโยชน์หลัก ได้แก่ Dining สำหรับลูกบ้าน XT ที่ชื่นชอบในการทานอาหาร เช่น Marriott Club Card , Travel สำหรับลูกบ้านที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เช่น E-code Voucher มูลค่า 5,000 บาท สำหรับใช้ในการจองในเอเจนซี่ออนไลน์อย่าง Agoda และ Traveloka, Activity สำหรับผู้ที่ชื่น ชอบการทำกิจกรรมสุดแอคทีฟ เช่น สมาชิก 3 เดือนที่ We Fitness การร่วมกิจกรรมผจญภัยกับ Pickaboo Club ฯลฯ และ Leisure สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็น Treatment จาก Panpuri Organic Spa โปรแกรม Facial Treatment จาก Divana Spa ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับการที่แสนสิริให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์กลยุทธ์ที่มาจากการความเข้าใจของกลุ่มลูกค้าเสมอ (Human Centric) สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจความต้องการของชาวมิลเลนเนียลและคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง XT จึงเป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกด้านทั้งเรื่องงาน การพักผ่อน และกิจกรรมต่างๆ และเป็นคอนโดมิเนียมที่มีชีวิต เพราะ XT ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ล้าสมัย และมีประสบการณ์และข้อเสนอใหม่ๆ มาให้ลูกค้าอยู่เสมอ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมเซลล์แกลอรี่ของทั้ง 3 โครงการ XT เอกมัย XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท ได้แล้ววันนี้ โดยสามารถร่วมทำแบบทดสอบ XT Personality Test ค้นหาคาแรกเตอร์ที่ตอบโจทย์อิสระการ เลือกรูปแบบห้องเฉพาะบุคคล จาก 6 รูปแบบเลย์เอาท์ที่มีให้ได้แก่ The Fashionista, The Snoozy Head, The Visionary, The Party Goer, The Master Chef และ The Naturalist พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมสุดพิเศษต่างๆในบรรยากาศคาเฟ่สุดฮิปของเซลล์แกลอรี่ในแต่ละโครงการในแนวคิดที่แตกต่างกันได้แล้ววันนี้ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/xt
สยามไฟเบอร์กลาสเปิดตัวแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ขั้นกว่าของนวัตกรรมแผ่นโปร่งแสงเคลือบยูวี 2 ด้าน เอาใจคนรักบ้าน แต่งบ้านรับฝนแบบรักษ์ธรรมชาติ

สยามไฟเบอร์กลาสเปิดตัวแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ขั้นกว่าของนวัตกรรมแผ่นโปร่งแสงเคลือบยูวี 2 ด้าน เอาใจคนรักบ้าน แต่งบ้านรับฝนแบบรักษ์ธรรมชาติ

บริษัท สยามไฟเบอร์กลาส จำกัด ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (SCG Cement-Building Materials) ผู้ผลิต แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ผลิตจากโพลิเอสเตอร์เรซินชนิดพิเศษ และไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทนทานต่อสภาพทุกอากาศเหมาะสำหรับการต่อเติม หรือเพิ่มพื้นที่ทั้งในส่วนหลังคา หรือผนังห้อง ที่ต้องการใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย หรืออาคารสถานที่ต่างๆที่ให้ความสวยงาม มีสไตล์ ใกล้ชิดธรรมชาติ ด้วยสีสันที่มีให้เลือกถึง 9 เฉดสี ช่วยกระจายแสงจากธรรมชาติให้เข้ามาในอาคารโดยไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน ด้วยขั้นกว่าของนวัตกรรมการผลิต UV Shield ที่เคลือบฟิล์มประสิทธิภาพสูง 2 ด้าน ทำหน้าที่เป็นชั้นเคลือบเสมือนเกราะป้องกันรังสียูวีอันเป็นสาเหตุที่ทำให้แผ่นเสื่อมสภาพได้ถึง 99% จึงทำให้แผ่นมีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้นเป็นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเติมสาร UV Pigment-shield ที่เป็นสารช่วยเพิ่มการยึดเกาะของโมเลกุลได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สีของแผ่นสวยงามและกระจายตัวกันอย่างสม่ำเสมอเพิ่มพลังการยึดเกาะของชั้นสีให้มากกว่าวัสดุทั่วไป   โดยผู้ที่สนใจ สามารถเลือกชมสินค้าตัวอย่างหรือขอรายละเอียดสินค้า และคำปรึกษาเพิ่มเติม พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ได้ที่ SCG Experience และ SCG Contact Center 02-586-2222
แสงฟ้าก่อสร้าง เปิดตัว Yuu ศรีราชา คอนโดเหนือระดับริมหาดมูลค่ากว่า 1.75 พันล้าน เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ

แสงฟ้าก่อสร้าง เปิดตัว Yuu ศรีราชา คอนโดเหนือระดับริมหาดมูลค่ากว่า 1.75 พันล้าน เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ

  บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด ในเครือ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เปิดตัว Yuu ศรีราชา คอนโด สุด Exclusive High Rise 29 ชั้น มูลค่าโครงการ 1.75 พันล้านบาท ริมชายหาดศรีราชา เติมเต็มสมดุลชีวิตด้วยแนวคิดการใช้ชีวิตตามปรัชญา ZEN ที่เน้นความเรียบง่าย อิงธรรมชาติอันเงียบสงบ เพื่อการพักผ่อนขั้นสูงสุด พร้อมสรรค์สร้างระบบ “Smart Living” สิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในก้าวสู่การใช้ชีวิตแบบ “THE ULTIMATE LIVING EXPERIENCE” ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท เจาะ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก จัดเต็มโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองในช่วง Pre-Sale รับส่วนลดเงินสดสูงสุดมูลค่ากว่า 9 แสนบาท และลุ้นรับสิทธิซื้อห้องในราคาสุดพิเศษ 99,999 บาท/ตรม. (จากราคาเฉลี่ยของโครงการที่ 130,000 บาท/ตรม.) ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ http://www.yuusriracha.com/ นพ.เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทแสงฟ้าก่อสร้าง ก้าวสู่ปีที่ 50 ถือได้ว่าเราดำเนินธุรกิจผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้กึ่งศตวรรษแล้ว ซึ่งในช่วง 20 ปีแรกเป็นยุคทองที่เราเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปพร้อมกับเศรษฐกิจไทย หลังจากนั้นเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่บริษัทก่อสร้างหลายรายปิดกิจการลง แต่เรามีความภูมิใจที่เป็นหนึ่งในบริษัทที่ฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาโดยผู้บริหารและพนักงานทุกคน จวบจนปัจจุบันเรากลายเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำที่เชี่ยวชาญในการก่อสร้างอาคารสูงและมีเงินทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้เราจึงมีโอกาสได้รู้จักและทำงานให้กับผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่หลากหลายบริษัท จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ศรีราชาแห่งนี้ ซึ่งทางเราเล็งเห็นถึงทำเลที่มีศักยภาพในการลงทุนเพราะที่ดินผืนนี้นอกจากจะมีความพิเศษที่มีด้านหน้าติดถนนสุขุมวิทและด้านหลังติดริมโค้งหาดศรีราชาแล้ว ยังเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่สามารถขึ้นตึกสูงได้ในบริเวณนี้   “และอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่สำคัญก็คือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รัฐบาลไทยส่งเสริมและผลักดันให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุค Thailand 4.0 ที่เราเห็นความเคลื่อนไหวและความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรายิ่งมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ โดยเราได้จัดตั้ง บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด อันเป็นบริษัทในเครือ บริษัท แสงฟ้า ก่อสร้าง จำกัด เป็นเจ้าของในการพัฒนาโครงการ Yuu แต่เพียงผู้เดียว” ด้าน นายอนุศักดิ์ อัมพรสุขสกุล ประธานกรรมการ บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชาจำกัด กล่าวว่าโครงการ Yuu ศรีราชา คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2562 เจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรกคือผู้ที่สนใจซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคนกรุงเทพฯที่ต้องการซื้อเก็บไว้เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหลังที่สองเพราะใช้เวลาขับรถเพียงแค่ 1 ชม. จากกรุงเทพฯ ด้วยการคมนาคมที่สะดวกสบาย หรือจะเป็นคนท้องถิ่นที่ต้องการขยายครอบครัว ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเช่นกัน เนื่องจากศรีราชาเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวสูงมากส่วนกลุ่มที่สองคือผู้ที่สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ที่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างรายได้และกลุ่มที่สามเป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจจะซื้อไว้เพื่อลงทุนหรือใช้ชีวิตในวัยเกษียณ Yuu ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่า ความสง่างาม เหนือระดับ ซึ่งถือเป็นวิสัยทัศน์ของเราในการสร้างสรรค์ Yuu คอนโดริมชายหาดศรีราชาที่คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติ เสมือนถูกโอบล้อมด้วยท้องทะเลอันกว้าง สุดสายตา และรายล้อมด้วยธรรมชาติ เรามีความมุ่งมั่นในการที่จะสร้าง Yuu ให้เป็นมากกว่าที่พักอาศัย แต่ยังเป็นบ้านที่ให้คุณผ่อนคลาย สร้างแรงบันดาลใจ กลับสู่ชีวิตที่เรียบง่าย นิ่งสงบ และสร้างสมดุลให้ชีวิตได้อีกครั้ง เพื่อก้าวสู่การใช้ชีวิตแบบ ’THE ULTIMATE LIVING EXPERIENCE’   ซึ่งจุดขายหลักของโครงการ Yuu แบ่งออกเป็น 4 ความเหนือระดับด้วยกันคือ The Ultimate Design คอนเซ็ปต์ โดยรวมของโครงการนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิดการใช้ชีวิต ตามปรัชญา ZEN จากรูปแบบสถาปัตยกรรมของอาคารที่เน้นความเรียบง่ายแต่สง่างาม ด้วยมงกุฎสีทองอร่ามบนยอดตึก เปรียบดังแร่ทองคำ ที่สื่อถึงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ในส่วนของรูปแบบการตกแต่งภายในห้องพักและส่วนกลาง เราเน้น รูปแบบที่เรียบง่าย ใช้โทนสีอิงธรรมชาติเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย ในขณะเดียวกัน เราให้ความใส่ใจเรื่องการจัดสรรรายละเอียดในทุกตารางพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามแบบฉบับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น   The Ultimate Facilities ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ โรงแรม 5 ดาว สิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ตอบรับทุกการใช้ชีวิตเหนือระดับ ของคุณและครอบครัว เช่นบ่อแช่ออนเซ็นทั้งในร่มและกลางแจ้ง แยกชายและหญิงในสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น, Japanese Tatami Room ห้องสันทนาการและพักผ่อนในบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมชมวิว สวนหินรูปแบบ Zen, สระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ พร้อมวิวทะเลสุดสายตา, Co-Working Space ให้คุณได้ทำงานหรือพักผ่อนอ่านหนังสือในบรรยากาศผ่อนคลาย, และ Beach Patio and Pier ทางเดินลงหาดส่วนตัว แบบเล่นระดับที่มีมุมพักผ่อนในแต่ละชานพัก ให้คุณนั่งชมพระอาทิตย์ ลับขอบฟ้า พร้อมสะพานทอดยาวไปในทะเล ให้ความสงบและเป็นส่วนตัวเพื่อลูกบ้านของโครงการ Yuu   The Ultimate Smart Living – Yuu เป็นโครงการแห่งแรกในศรีราชา ที่ติดตั้งระบบ Smart Home Automation ให้ในทุกห้องพัก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาตอบรับการใช้ชีวิต เพิ่มความสะดวกสบายตามแบบฉบับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Smart Door Lock พร้อม Magnetic Alarm ระบบสัญญาณกันขโมย และเปิด ปิด ประตูอัตโตมัติที่ใช้งานได้ถึง 3 ระบบ ทั้ง Password, Keycard, และApplication ผ่าน Smart phone ที่สามารถสร้างรหัสชั่วคราว ในการเข้าห้องพัก และตรวจเช็คตารางเวลาเข้าออก ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย, Smart Electronic Control ให้คุณควบคุมระบบ เปิด ปิดไฟ เครื่องปรับอากาศ และโทรทัศน์ง่ายๆ ผ่าน Mobile Application, Smart Auto Light คำนึงถึงความสะดวกสบายในยามค่ำคืน ด้วยระบบเปิดไฟแบบอัตโนมัติในบริเวณโถงหน้าประตูเมื่อเปิดประตูบ้าน และไฟอัตโนมัติ บริเวณ บันไดทางเดินสู่ห้องน้ำในเวลากลางคืน และสุดท้าย Smart Flood Sensor ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติผ่านหน้าจอมือถือในกรณีมีน้ำรั่ว บริเวณใต้ซิงค์ครัวในห้องพัก เพื่อจัดการแก้ปัญหาได้ทันท่วงที   The Ultimate Location ให้คุณใช้ชีวิตมีระดับบนพื้นที่ทำเลที่ดีที่สุดในศรีราชา แห่งเดียวที่ติดถนนสุขุมวิทและติดริมโค้งหาดศรีราชาที่มองเห็นวิวทะเลได้เกือบทุกทิศทาง” นายอนุศักดิ์ กล่าว   นอกจากนี้อีกหนึ่งในจุดขายของโครงการเราคือ รับประกันหลังการขาย 5 ปี ในส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร, ระบบไฟฟ้า ประปา รวมไปถึงชุดตกแต่งภายใน ที่มากับห้องชุด เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ทั่วไปในท้องตลาดที่รับประกันหลังการขายเพียง 1-2 ปี ซึ่งเราคาดว่าน่าจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และตัดสินใจง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเพื่อลงทุนปล่อยเช่า โครงการ Yuu ศรีราชา ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เดินทางสะดวกติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟความเร็วสูงโครงการในอนาคตเพียง 6 กม. รายล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น หลากหลายร้านอาหารริมทะเลในระยะที่เดินไปได้จากโครงการ, ห้างโรบินสัน ศรีราชา, ตึกคอม โรงเรียนดาราสมุทร, โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา, มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์, รพ.สมิติเวช และ รพ.พญาไท ศรีราชา ถือเป็นที่สุดแห่งประสบการณ์การใช้ชีวิตเหนือระดับ บนทำเลที่ดีที่สุดในศรีราชา เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันหลากหลายตอบสนองทุกความต้องการอย่างแท้จริง   เปิดจอง Pre-Sale ในวันที่ 18-19 สิงหาคมนี้ พิเศษสำหรับลูกค้าที่มาจองในช่วง Pre-Sale จะได้รับส่วนลดเงินสดสูงสุด มูลค่ากว่า 9 แสนบาท และลุ้นรับสิทธิซื้อห้องในราคาสุดพิเศษ 99,999 บาท ต่อ ตรม. (จากราคาเฉลี่ยของโครงการที่ 130,000 บาท ต่อ ตรม) ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ http://www.yuusriracha.com/
‘เอพี ไทยแลนด์’ กวาดยอดขายรวม 4,160 ล้านบาท   จากการเปิดพรีเซลลักชัวรี่คอนโดใหม่ล่าสุด ‘LIFE LADPRAO VALLEY’

‘เอพี ไทยแลนด์’ กวาดยอดขายรวม 4,160 ล้านบาท จากการเปิดพรีเซลลักชัวรี่คอนโดใหม่ล่าสุด ‘LIFE LADPRAO VALLEY’

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เจ้าตลาดคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้าสำหรับคนเมือง ประกาศความสำเร็จยอดขายคอนโดมิเนียม LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ ซึ่งเป็นโครงการที่ 13 ที่เอพีร่วมทุน กับพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) มูลค่าโครงการ 6,400 ล้านบาท โดยเปิดจองรอบพรีเซล ได้รับการตอบรับดีท่วมท้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงสามารถปิดการขายผ่านช่องทาง AP i-Booking ภายในเวลาเพียง 15 นาที ทำให้สามารถกวาดยอดขายรวมทะลุกว่า 4,160 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนความสำเร็จจากการรุกตลาดลักชัวรี่คอนโด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่และความโดดเด่นเรื่องทำเลติดแนวรถไฟฟ้าย่านลาดพร้าวที่คุ้มค่าทั้งเพื่อการอยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน