Tag : News

2376 ผลลัพธ์
ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ปลื้มยอดผู้เช่าสูงถึง 95% พร้อมเดินหน้าบุกตลาดสำนักงานย่านสุขุมวิท-บางนา

ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ปลื้มยอดผู้เช่าสูงถึง 95% พร้อมเดินหน้าบุกตลาดสำนักงานย่านสุขุมวิท-บางนา

  กลุ่มบริษัทภิรัชบุรี ผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ระดับคุณภาพอย่างครบวงจร ปลื้มหลังเผยอาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ได้รับผลตอบรับจากกลุ่มผู้เช่าอาคารสำนักงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติดีเกินคาด โดยปัจจุบันมีอัตราการเช่าอาคารสำนักงานสูงถึง 95%   หลังจากที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไตรมาสที่ 1 ในปีพ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาไม่ถึง 2 ปี อาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค อาคารสำนักงานเกรดเอให้เช่าแห่งแรกในย่านสุขุมวิท-บางนา เผยตัวเลขผู้เช่าอันน่าประทับใจ ด้วยอัตราการเช่าอาคารสำนักงานสูงถึง 95% โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากหลากหลายธุรกิจ อาทิเช่น บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ฮอนด้า แอคเซส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ฮอนด้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เช่ารายใหญ่ใหม่ล่าสุด ย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ส่วนการขายและบริการต่างๆ มาประจำที่อาคาร บริษัท บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาขน) บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ รีจัส(ประเทศไทย) ผู้ให้บริการสถานที่ทำงานระดับโลก และ ศูนย์บริการลูกค้าแห่งใหม่ ของธนาคารไทยพาณิชย์   นายปิติภัทร บุรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภิรัชแมนเนจเม้นท์ จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัทภิรัชบุรี กล่าวว่า “ในฐานะผู้พัฒนาและบริหารโครงการภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่อาคารแห่งนี้ได้รับผลตอบรับจากผู้เช่าเป็นอย่างดี จนปัจจุบันมีอัตราการเช่าสูงถึง 95% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบหลายอย่าง อาทิ ทำเลศักยภาพของที่ตั้งของอาคาร กลยุทธ์ในการสรรหาผู้เช่าคุณภาพ การออกแบบที่ตอบสนองความต้องการของผู้เช่า และ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กลุ่มบริษัทฯมีเป้าหมายในการสร้างสรรค์ย่านสุขุมวิท-บางนา เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพด้านที่ดิน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนโดยรอบให้คนมีงานมีอาชีพ ตามหลักการ Place Making ในการพัฒนาคุณภาพที่ดิน ผลตอบรับดังกล่าวไม่เพียงเป็นตัวเลขที่การันตีความสำเร็จของอาคารเท่านั้นแต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความต้องการอาคารสำนักงานในย่านนี้ และสะท้อนความสำเร็จของกลุ่มบริษัทฯในการสร้างสรรค์ย่านสุขุมวิท-บางนา จึงเป็นแรงจูงใจสำคัญให้กลุ่มบริษัทฯเดินหน้าพัฒนาโครงการซัมเมอร์ ลาซาล โครงการอาคารสำนักงานแนวราบแห่งใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ออฟฟิศแคมปัส ซึ่งประกอบด้วย อาคารสำนักงาน ห้างค้าปลีก และโรงแรมตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอาคารสำนักงานอย่างครบวงจรต่อไป”   อาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอสูง 29 ชั้น ตั้งอยู่ภายในอาณาบริเวณของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) เชื่อมต่อตรงกับสถานีรถไฟฟ้าบางนา มีขนาดพื้นที่สำนักงานให้เช่า 32,000 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง (Roof Garden) และเส้นทางวิ่ง (Jogging Track) ขนาด 2,200 ตารางเมตร ที่ชั้น 29 นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครจากมุมสูง ทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา และ บางกระเจ้า ซึ่งถือเป็นพื้นที่ปอดสีเขียวของกรุงเทพมหานคร โดยอาคารสำนักงานแห่งนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมิกซ์ยูส ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
โฮมโปร ฉลองยิ่งใหญ่ครบ 22 ปี ครั้งเดียวในรอบปี  22 สิงหาคมนี้ รับ 2 ต่อ ลดเพิ่ม 2 เท่า สูงสุด 40% วันเดียวเท่านั้น!  ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ

โฮมโปร ฉลองยิ่งใหญ่ครบ 22 ปี ครั้งเดียวในรอบปี 22 สิงหาคมนี้ รับ 2 ต่อ ลดเพิ่ม 2 เท่า สูงสุด 40% วันเดียวเท่านั้น! ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ

โฮมโปรฉลองครบรอบ 22 ปี พุธที่ 22 สิงหาคมนี้ วันเดียวเท่านั้น! จัดแคมเปญ “Anniversary Day” ตอบแทนลูกค้าคนสำคัญ มอบสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ส่วนลด 22% เมื่อใช้คะแนนในบัตรโฮมการ์ดเท่ายอดใช้จ่าย พร้อมรับคอมโบสุด Special!! ลด + รับเพิ่ม อีก 22% สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ, บัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม และบัตรเครดิต KTC และสินค้าลด 5-10% พร้อมผ่อน 0% 4 เดือน เมื่อช้อปสินค้าที่หน้าร้านทุกสาขา หรือช้อปสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ www.homepro.co.th ครบ 1,000 บาทขึ้นไป รับส่วนลดทันที 22%   พร้อมแลกคะแนนโฮมการ์ด 22 คะแนน รับส่วนลดทันที 100 บาท เมื่อช้อปสินค้าตั้ง 6,000 บาทขึ้นไป และรับคะแนนโฮมการ์ดเพิ่มสูงสุด 222 คะแนน เพียงคุณมีเลข 22 ในชีวิต ทั้ง วันเกิด ปีเกิด หมายเลขโทรศัพท์ลงท้าย หมายเลขบัตรประชาชนลงท้าย และหมายเลขบัตรโฮมการ์ดลงท้าย พิเศษสุดขนาดนี้ วันเดียวเท่านั้น 22 สิงหาคม พลาดแล้ว!! พลาดเลย!! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1284
‘ภัทรนันท์ แอสเซท’ เปิดตัว ‘ไฮป์ สาทร-ธนบุรี’ มูลค่า 2 พันล้านบาท เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ตอบสนอง Demand วัย Millennial

‘ภัทรนันท์ แอสเซท’ เปิดตัว ‘ไฮป์ สาทร-ธนบุรี’ มูลค่า 2 พันล้านบาท เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ตอบสนอง Demand วัย Millennial

บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ย่านกรุงเทพมหานคร ที่มีประสบการณ์ยาวนานมากว่า 30 ปี สบช่องเจาะตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อคนรุ่นใหม่วัย Millennial ทำเลสาธร-ธนบุรี พื้นที่ที่มีโอกาสและอัตราการเติบโตในอัตราที่สูง จากอภิมหาโปรเจคขนาดใหญ่ เตรียมเปิดคอนโดมิเนียม Low rise 8 ชั้น โครงการ ‘ไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี’ ชูแนวคิด ‘Urban Playground’ เริ่มจองระหว่างวันที่ 1-2 กันยายนนี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.79 ล้านบาท     นายพรชัย กฤษฎาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ย่านกรุงเทพมหานครมานานกว่า 30 ปี เปิดเผยว่า จากประสบการณ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาหลายโครงการและทราบถึงพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม ทั้งจากการศึกษาโอกาสการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และศักยภาพทำเลของสาทร-ธนบุรี พบว่าทำเลย่านนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากที่อยู่แนวราบสู่ที่อยู่แนวสูงอย่างมีนัยยะสำคัญ และทิศทางจะกลายเป็นสังคมแนวสูงอย่างเต็มตัว     โดยเฉพาะพื้นที่ธนบุรี บริเวณสะพานสาทร-เจริญนคร-คลองสาน พื้นที่ในย่านนี้มีอภิมหาโปรเจคขนาดใหญ่เกิดขึ้น อาทิ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โรงแรมระดับหกดาว ในโครงการ ไอคอน สยาม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งมีเส้นทางที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี รวมถึงเส้นทางเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และสายสีแดง ที่ได้เริ่มก่อสร้างแล้วในปีนี้ เช่นเดียวกันกับพฤติกรรมผู้อยู่ในทำเลย่านนี้ซึ่งเริ่มปรับเปลี่ยนสู่สังคมคนรุ่นใหม่และมีการปรับรูปแบบวิถีชีวิตแบบคนเมืองอย่างชัดเจน เนื่องจากความสะดวกด้านคมนาคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเป็นพื้นที่ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่มองหาที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ การขยายตัวของดีมานด์จะลดแออัดของย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจย่านสาทร สีลม รวมถึงเขตเจริญกรุง ฯลฯ และด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ คือสาทร-ธนบุรี ก็น่าจะตอบโจทย์ด้วยทำเลและราคาที่เอื้อมถึงนั่นเอง     นางสาวศราริน เรืองปัญญาวุฒิ กรรมการบริหาร บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด กล่าวว่า ด้วยพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงสู่สังคมคนรุ่นใหม่ บริษัทฯ จึงปรับกลยุทธ์ธุรกิจและขยายกลุ่มตลาดสู่กลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่วัย Millennial โดยเปิดขายโครงการไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี คอนโดมิเนียมขนาด 8 ชั้น มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ถือเป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตคนรุ่นใหม่ ที่มีความกระฉับกระเฉงรวดเร็ว เพราะใกล้รถไฟฟ้าสถานีกรุงธนบุรี เพียง 600 เมตร ทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีทองและ ดิ ไอคอนสยาม ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ เจริญนคร ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น (HYPE) สาทร-ธนบุรี มาพร้อมแนวคิด ‘Urban Playground’ เปลี่ยนทุกวันธรรมดา (Basic Day) ให้เป็นวันแห่งความสนุก (Play Day) เพราะชีวิตมีหลากหลายด้าน “บ้าน” จึงเป็นที่ผ่อนคลายในแบบของผู้อยู่ ตัวถูกออกแบบอย่างโดดเด่น ด้วยแนวคิด “GO WITH THE FLOW” แรงบันดาลใจการออกแบบจากความโปร่ง โล่ง สบาย ให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน ขยายทางเดิน (Corridor) ในอาคารให้กว้างสูงสุดถึง 5 เมตร เพื่อปลูกต้นไม้ใหญ่ในทางเดิน และเปิดรับแสงแดดและลมเข้าสู่ภายในอาคารอย่างเต็มที่ ให้สัมผัสธรรมชาติได้อย่างแท้จริง   ไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี ยังตอบสนองวิถีคนเมือง ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายใต้แนวคิด “PLAYHOUSE” ให้ Play Harder กับห้องออกกำลังกาย ‘H Boxing Gym’ ออกกำลังกายอย่างอิสระ ทั้งการต่อยมวยหรือการเล่นโยคะเบาๆ ห้อง ‘Fitness room’ ที่มีเครื่องเล่นมากมายพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และ Work Hard กับ Co-Workspace ที่นั่งทำงานได้สะดวก แถมสบายใจกับการทำงานอย่างอิสระ กับพื้นที่ที่เป็นสัดส่วนและสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครันตลอด 24 ชั่วโมง หรือจะเลือกสนุกกับ Co-Recipe หรือ Co-Kitchen Space พื้นที่ครัวส่วนกลางสำหรับโชว์ฝีมือการปรุงอาหาร นอกจากนี้ยังมี ‘H Lobby’ ที่ตอบสนองชีวิตที่ต้องการพื้นที่เล็กๆ ไว้เก็บของลับ หรือพื้นที่ส่วนกลางสำหรับเก็บของโดยไม่ต้องหิ้วของรุงรัง ‘H Swimming’ สระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่ และ ‘H Garden’ พื้นที่สวนพักผ่อน สำหรับรูปแบบโครงการ ไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี คอนโดมิเนียมขนาด 8 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ 7 ไร่ มีจำนวน 5 อาคาร ชั้นล่างเป็นที่จอดรถ รวมจำนวน 914 ยูนิต แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 158 ยูนิต อาคาร B จำนวน 161 ยูนิต อาคาร C จำนวน 160 ยูนิต อาคาร D จำนวน 224 ยูนิต และอาคาร E จำนวน 211 ยูนิต และมีขนาดห้องเริ่มต้น ห้อง Studio พื้นที่ 25.2 ตารางเมตร ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 29-43 ตารางเมตร และขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 45-51.36 ตารางเมตร เตรียมเปิดจองระหว่างวันที่ 1-2 กันยายน 2561 ในราคาเริ่มต้น เพียง 1.79 ล้านบาท ลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อรับชุดเฟอร์นิเจอร์และส่วนลด 50,000 บาท ได้ที่ www.hype-condo.com หรือสอบถามข้อมูล โทร.065-209-8888
‘เอพี ไทยแลนด์’ ปิดฉากสวยกับแคมเปญ  ULTIMATE PRIZE ดันยอดขายรวมแคมเปญกว่า 4,100 ล้านบาท  เร่งเดินสายคืนกำไรลูกบ้าน ประเดิมแจกแล้ว “เบนซ์ป้ายแดง”

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปิดฉากสวยกับแคมเปญ ULTIMATE PRIZE ดันยอดขายรวมแคมเปญกว่า 4,100 ล้านบาท เร่งเดินสายคืนกำไรลูกบ้าน ประเดิมแจกแล้ว “เบนซ์ป้ายแดง”

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง นำโดย นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว สร้างปรากฏการณ์การันตีความคึกคักของตลาดบ้านเดี่ยวครั้งใหญ่ กับกระแสการตอบรับและความสำเร็จของแคมเปญ ULTIMATE PRIZE สิทธิพิเศษแบบจัดหนักจัดเต็มโดนใจลูกค้าครอบครัวคนเมืองรุ่นใหม่ ที่มองหาบ้านเดี่ยวดีไซน์โมเดิร์นทำเลในเมือง โดยกวาดยอดขายจากแคมเปญทั้งสิ้นกว่า 4,100 ล้านบาท ส่งผลดันยอดขายรวม 7 เดือนแรกของกลุ่มธุรกิจแนวราบพุ่งเกินเป้าแตะ 12,175 ล้านบาท โตกว่า 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ล่าสุดเร่งเดินสายคืนกำไรลูกบ้าน ประเดิมแจกแล้วรางวัลใหญ่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA ป้ายแดง ให้กับผู้โชคดี คุณอัครฤทธิ์ จันทร์จำรัสกุล ผู้ซื้อบ้านเดี่ยวเอพี ในแคมเปญ ‘ULTIMATE PRIZE’
RML ประกาศศักดาลงทุนในสินทรัพย์ “เคพีเอ็น แลนด์” ต่อยอดธุรกิจ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน

RML ประกาศศักดาลงทุนในสินทรัพย์ “เคพีเอ็น แลนด์” ต่อยอดธุรกิจ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน

RML ประกาศศักดาลงทุนในสินทรัพย์ “เคพีเอ็น แลนด์” โครงการ S19 และโครงการ S28 มูลค่า 7,700 ล้านบาท แล้วเสร็จในปี 2566 นอกจากนี้ยังได้เข้าครอบครองยูนิตที่เหลือของโครงการ Diplomat 39 และ Diplomat สาทร ซึ่งพร้อมโอน และจะก่อให้เกิดรายได้เข้ามาในปีนี้“เอเดรียน ลี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ไรมอน แลนด์” มั่นใจช่วยต่อยอดธุรกิจ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ขยายฐานลูกค้า หนุนผลกำไรที่งดงามให้กับบริษัทได้ในอนาคต นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่าคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในทรัพย์สินของบริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL) ประกอบด้วย โครงการ S19 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เนื้อที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ไร่ 0 งาน 8 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ซอย19 และ โครงการ S28 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เนื้อที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 2 ไร่ 0 งาน 16.4 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ ถนนสุขุมวิท ซอย 28 ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ได้ในปี 2566 นอกจากนี้ทางคณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติในการเข้าซื้อยูนิตที่เป็นยอดขายรอโอนและยูนิตที่ยังเหลืออยู่จากโครงการ Diplomat 39 และ Diplomat สาทร ตีเป็นมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ส่วนใหญ๋ในปี 2561 “เมื่อได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ทาง KPNL จะส่งตัวแทนของบริษัทฯ จำนวน 2 ท่าน เข้ามาเป็นกรรมการในไรมอน แลนด์ ซึ่งตัวแทนของ KPNL ดังกล่าวจะไม่ใช่ผู้มีอำนาจควบคุมการดำเนินงาน โดยผู้บริหารชุดปัจจุบันของไรมอน แลนด์ ยังคงบริหารงานและควบคุมการดำเนินงานเฉกเช่นเดิม แต่เพื่อการเติมเต็มการดำเนินงานซึ่งกันและกันเท่านั้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ทั้ง 2 บริษัทเดินไปข้างหน้า พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพดีๆ ให้กับผู้บริโภค สร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัทฯ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่ดี” นายเอเดรียน กล่าว ทั้งนี้การมีพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่นี้จะเป็นการต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ และช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการขยายตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน อาทิเช่นกลุ่มลูกค้า ซึ่งกว่า 50% ของฐานลูกค้า ไรมอน แลนด์ เป็นชาวต่างชาติ ในขณะที่ KPNL มีฐานลูกค้ากว่า 90% เป็นคนไทย ทำให้เรามีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น การออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับ KPNL ในครั้งนี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงโดยไม่นับส่วนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงต้องได้รับอนุมัติจาก กลต. ด้วยเช่นกัน
“พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวนฯ” (มิสทีน) ทาวน์โฮมหรู สไตล์ยุโรป  จัดเต็ม Clubhouse ครบวงจร บนทำเลศักยภาพกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า เริ่ม 1.99 ลบ.

“พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวนฯ” (มิสทีน) ทาวน์โฮมหรู สไตล์ยุโรป จัดเต็ม Clubhouse ครบวงจร บนทำเลศักยภาพกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า เริ่ม 1.99 ลบ.

พฤกษา เปิด โปรเจคไฮไลท์ “พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวนฯ” (มิสทีน) ทาวน์โฮมหรู สไตล์ยุโรป จัดเต็มอินโนเวชั่น พร้อม Clubhouse ครบวงจร บนสุดยอดทำเลทองย่านรามคำแหง ใกล้รถไฟฟ้าสีส้ม ทางด่วน มอเตอร์เวย์ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท เปิดพรีเซล 25-56 ส.ค. นี้     นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ย่านรามคำแหง นับว่าเป็นย่านหนึ่งที่มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่มาก และมีการขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นแหล่งงาน แหล่งการศึกษา โดยเฉพาะย่านรามคำแหงตอนปลาย ในทำเลตามแนวถนนราษฎร์พัฒนา หรือ “ซอยมิสทีน” เป็นทำเลที่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางอื่นๆ ได้สะดวก สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับถนนรามคำแหง ถนนพระราม 9 ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันออก ที่สามารถเดินทางสู่ย่านใจกลางเมือง และฝั่งตะวันออกได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งในอนาคตเมื่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดให้บริการ จะมีสถานีราษฎร์พัฒนามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางให้กับคนในระแวกนี้อีกด้วย พฤกษา เล็งเห็นถึงศักยภาพทำเล และการเติบโตของที่อยู่อาศัยที่จะเกิดขึ้นในย่านดังกล่าว จึงพัฒนาโครงการ “พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวนฯ” (มิสทีน) ทาวน์โฮม และบ้านแฝด 2 ชั้น มูลค่าโครงการ 1,642 ล้านบาท จำนวน 482 ยูนิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ European Classic รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ดูอบอุ่น หรูหรายิ่งใหญ่ มีเอกลักษณ์เฉพาะ ผสานเข้ากับดีไซน์ในยุคปัจจุบันอย่างลงตัว บนพื้นที่ 18 ตร.วาขึ้นไป พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 98-140 ตร.ม. มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ ดีไซน์ฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอยได้กว้างขวาง โปร่งสบาย รองรับได้ถึง 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 1-2 คัน จัดแบ่งพื้นที่ใช้สอย อย่างเป็นสัดส่วน ทั้ง Master Kitchen และ Home Entertainment และห้องชั้นล่าง สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องอเนกประสงค์ได้ตามไลฟ์สไตล์   โครงการ “พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวนฯ” (มิสทีน) ใส่ใจทุกรายละเอียดการออกแบบ ช่วยประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น หลังคา Sky Light ช่วยให้บ้านไม่มืดทึบ ให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านรู้สึกมีชีวิตชีวาจากแสงธรรมชาติมากขึ้น นวัตกรรมบ้านหายใจได้ หรือ ออกแบบระบบไหลเวียนอากาศภายในบ้าน โดยใช้แนวคิดการดึงอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความร้อนในตัวบ้านลดลง หรือการนำระบบ Home Automation ที่สามารถควบคุมและสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่าน Smart Phone ตลอดจนการใช้เสาเข็มมาตรฐาน มอก. พร้อมเสริมความแข็งแรงของพื้นที่หลังบ้านด้วยเสาเข็มขนาดยาวลึกเท่าตัวบ้าน เพื่อรองรับการใช้งานเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของลูกค้า” โครงการจัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เต็มอิ่มกับวันพักผ่อนด้วย Clubhouse หรู สไตล์ยุโรเปียนคลาสิค ครบวงจร ขนาดใหญ่ ใส่ใจสุขภาพผู้สูงอายุ สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส Bike Lane พร้อมห้องรับรองกับพื้นที่มุมพักผ่อน ใกล้ชิดธรรมชาติด้วย Strip Park และสวนส่วนกลางพื้นที่สีเขียว ร่มรื่น ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนได้อย่างเต็มที่ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สะดวกสบายในการเดินทางด้วย รถไฟฟ้าสายสีส้ม และทางด่วนมอเตอร์เวย์ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล สถานศึกษา และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท สำหรับทาวน์โฮม และ เริ่ม 4.69 ล้านบาท สำหรับบ้านแฝดโซน Clubhouse เปิดพรีเซล 25-26 ส.ค. นี้ ลงทะเบียนจองออนไลน์ รับส่วนลดทันที 10,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1739  
ทาวน์โฮม เดอะคิวบ์ ทาวน์ ลำลูกกา เปิดโซนใหม่เริ่มเพียง 1.89 ล้านบาท*

ทาวน์โฮม เดอะคิวบ์ ทาวน์ ลำลูกกา เปิดโซนใหม่เริ่มเพียง 1.89 ล้านบาท*

เดอะคิวบ์ ทาวน์ ลำลูกกา (The Cube Town Lamlukka) โครงการทาวน์โฮมพรีเมียม 2 ชั้น ลำลูกกา คลอง 3 (ซอยเปียร์นนท์) พัฒนาและบริหารงานโดย บริษัท คิวบ์ เรียล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดโซนใหม่พร้อมข้อเสนอพิเศษ ราคาเริ่มเพียง 1.89 ล้านบาท ฟรี! ค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) ทาวน์โฮมหน้ากว้างตั้งแต่ 4 - 5.70 เมตร และมีพื้นที่ใช้สอยรวม 100-130 ตร.ม./หลัง ดีไซน์สวยทันสมัย ใช้วัสดุคุณภาพดี เหมาะสำหรับครอบครัวใหม่แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และครอบครัวที่อยู่ร่วมกันทุกวัย แบบ 4 ห้องนอน มีที่จอดรถในบริเวณบ้านทุกหลัง หน้าบ้านทุกหลังรับวิวมุมกว้าง (ไม่มีบ้านบังวิว) และติดถนนเมนของโครงการที่กว้างถึง 12 เมตร ให้ความเป็นส่วนตัวทุกแปรง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางภายในโครงการ อาทิ เลนปั่นจักรยาน (Bike Zone) และลู่วิ่งออกกำลังกาย (Outdoor Jogging Track) ห้องฟิตเนต สวนหย่อมบรรยากาศร่มรื่น สนามเด็กเล่น ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง ชุมชนโดยรอบมีความเจริญ ปลอดภัย บรรยากาศน่าอยู่ เดินทางสะดวกในอนาคตใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคต (สร้างเสร็จปี 2563) เข้า/ออกโครงการได้หลายเส้นทาง อาทิ ถนนลำลูกกา ถนนเชื่อมต่อคลองลำลูกกาและถนนรังสิต-นครนายก ถนนลำลูกกาเชื่อมต่อถนนพหลโยธินและวิภาวดีรังสิต และถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนฝั่งตะวันออก) ใกล้แหล่งงาน หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สนามบินดอนเมือง วัดสายไหม และห้างสรรพสินค้า ชมทาวน์โฮมจริงและห้องตัวอย่างได้ทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุด) เว็บไซต์ www.thecube -condo.com และติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ www.facebook.com/TheCubeCondominium และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ของโครงการฯ สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1246
Knightsbridge Phaholyothin Interchange บนทำเลที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของกรุงเทพฯ โซนเหนือ

Knightsbridge Phaholyothin Interchange บนทำเลที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของกรุงเทพฯ โซนเหนือ

หากพูดถึงย่านเศรษฐกิจในบ้านเราที่มีความเจริญรุดหน้าด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ขณะเดียวกันก็เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ก็คงจะหนีไม่พ้น CBD เดิมอย่างสีลม-สาทร และ New CBD ที่พระราม 9 แต่นับจากนี้ต่อไปในอนาคตอีกเพียง 4-5 ปี เริ่มมีหลายคนพูดถึงกันแล้ว นั่นคือบริเวณกรุงเทพฯ โซนเหนืออย่างบางซื่อ-พหลโยธินช่วงห้าแยกลาดพร้าวไปจนถึงช่วงสะพานใหม่ ซึ่งทุกวันนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นที่น่าจับตามองว่าจะกลายเป็น New CBD ต่อไปถัดจากพระราม 9     ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) เป็นถนนสายสำคัญสายหนึ่งในประเทศไทยก็ว่าได้ เพราะมีจุดเริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นกม. ที่ 0 ยาวขึ้นไปทางภาคเหนือจรดด่านชายแดนไทย-พม่าที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมระยะทางแล้วก็เกือบ 1,000 กิโลเมตร โดยความน่าสนใจจะเริ่มตั้งแต่จตุจักร ตรงไปผ่านห้าแยกลาดพร้าว แยกรัชโยธิน แยกเกษตร วงเวียนหลักสี่ สะพานใหม่ไปจนบรรจบกับถนนวิภาวดีรังสิต ด้วยความเติบโตของเมืองอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะช่วงห้าแยกลาดพร้าวเป็นต้นไปนั้น กลายเป็นทำเลทองแห่งหนึ่งที่มีราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบ 100% แถมที่ดินติดริมถนนใหญ่ยังค่อนข้างหาได้ยากขึ้น เพราะหลายจุดจะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นช่วงถนนที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนน และสถานที่สำคัญได้มากมาย   เรามาเริ่มดูจากถนนพหลโยธินช่วงห้าแยกลาดพร้าว เพราะถือเป็นด่านสำคัญที่เปรียบเสมือนเป็นสัญญาณว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความเป็นเมืองอย่างกรุงเทพฯ ซึ่งมีถนนหลายสายตัดกันทั้งวิภาวดีรังสิต ถนนสายสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ออกปริมณฑลสู่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีทางพิเศษอุตราภิมุข (โทลเวย์) พาดผ่านตลอดทั้งสาย ถนนลาดพร้าว แหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญสายหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งกำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเกิดขึ้น และถนนพหลโยธิน ถัดมาที่แยกรัชโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษก เป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนสายอื่นๆ จนคล้ายวงกลมระหว่างกรุงเทพฯ กับฝั่งธนบุรี ซึ่งแต่ละช่วงของวงกลมนี้ต่างก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ส่วนแยกเกษตรจะตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจและถนนงามวงศ์วาน ก็เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ของเหล่านักศึกษา แน่นอนว่าจะตามมาด้วยอาหารอร่อยๆ ราคาไม่แพงอยู่มากมาย สุดท้ายที่ช่วงวงเวียนหลักสี่ไปจนบรรจบกับถนนวิภาวดีรังสิต มีทั้งถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทราตัดผ่าน และยังเป็นจุดที่ใกล้กับสนามบินดอนเมืองมากที่สุดของถนนเส้นนี้ ทำให้ตามกฏหมายแล้วจะมีอาคารสูงได้ไม่เกิน 45 เมตร ซึ่งการเดินทางจากช่วงนี้ไปสนามบินดอนเมืองหากใช้แยกคปอ. เข้าสู่ถนนธูปะเตมีย์ จะใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที     ด้านระบบขนส่งสาธารณะอันสะดวกสบาย ใช้เวลาในการเดินทางน้อยที่สุด คงจะหนีไม่พ้นรถไฟฟ้าที่ใครหลายคนรอคอยให้มาถึงใกล้กับที่อยู่อาศัยของตัวเอง เพื่อเป็นทางเลือกการเดินทางได้ง่ายที่สุด ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการมาของรถไฟฟ้าคือการนำพาความเติบโตของเมืองมาด้วย เพราะเมื่อการเดินสะดวกแล้วก็จะนำพาคนให้เข้าถึงได้ง่าย จึงเกิดสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาด้วยไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ไฮเปอร์มาร์เกต ร้านขายสินค้า-บริการต่างๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตประวัน รวมถึงที่อยู่อาศัยใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่เป็นจุด Interchange ก็จะยิ่งเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลายยิ่งขึ้น   รถไฟฟ้าที่กำลังเกิดขึ้นในเส้นทางนี้ หลักๆ ก็คือสถานีกลางบางซื่อ (คาดว่าเริ่มเปิดให้บริการปี 2567 และเสร็จสมบูรณ์ปี 2577) ศูนย์กลางโลจิสติกส์ครบวงจรบนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ซึ่งจะมีรถไฟฟ้า, รถไฟความเร็วสูงหลายสายมาอยู่เป็นจุดเริ่มต้นสายที่นี่ รวมถึงเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ ศูนย์การค้า แหล่งบันเทิงต่างๆ ศูนย์กีฬาขนาดใหญ่ ศูนย์ประชุมนานาชาติ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟความเร็วสูง แหล่งสำนักงาน ฯลฯ และอีกสายหนึ่งที่ก็มีความสำคัญเช่นกัน คือรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (คาดว่าเปิดให้บริการปี 2563) โดยเป็นการเชื่อมต่อมาจากสายสีเขียว สถานีหมอชิตในปัจจุบัน ซึ่งสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้จะมีเส้นทางผ่านห้าแยกลาดพร้าวตรงยาวไปผ่านแยกรัชโยธิน แยกเกษตร วงเวียนหลักสี่จนถึงสะพานใหม่ แล้วเบี่ยงขวาเข้าสู่ถนนลำลูกกาช่วงต้น สำหรับสถานีที่เป็นจุด Interchange ในเส้นทางส่วนต่อขยายนี้ก็จะมีตั้งแต่สถานีห้าแยกลาดพร้าวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีพหลโยธินในปัจจุบัน แยกรัชโยธินกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย สถานีพหลโยธิน 24 แยกเกษตรกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล แคราย-ลำสาลี (คาดว่าเปิดให้บริการปี 2567) และวงเวียนหลักสี่ กับสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี (คาดว่าเปิดให้บริการปี 2564)         ในบรรดาจุด Interchange ของรถไฟฟ้าสายนี้ที่กล่าวกันไปแล้ว จุดที่น่าสนใจมากที่สุดเห็นจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจากบริเวณวงเวียนหลักสี่ ซึ่งเป็น Interchange ระหว่างสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ กับสายสีชมพู สถานีวงเวียนหลักสี่ เพราะทั้ง 2 สายจะวิ่งผ่านสถานที่สำคัญหลากหลาย โดยสายสีชมพูจะวิ่งผ่านถนนรามอินทราที่เป็นแหล่งชุมชนเดิม รวมถึงหมู่บ้านแนวราบเสียส่วนใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่างเซ็นทรัลรามอินทรา แฟชั่นไอซ์แลนด์ รวมถึงคอมมูนิตี้อยู่ 2-3 แห่ง เชื่อมต่อไปยังถนนแจ้งวัฒนะที่เป็นแหล่งออฟฟิศของทั้งเอกชน รัฐวิสาหกิจ และราชการอยู่หลายแห่งเกือบตลอดเส้นทาง ไปจนถึงปากเกร็ดแหล่งชุมชนดั่งเดิมและของกินอร่อยๆ มากมาย และยังมีจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต (คาดว่าเปิดให้บริการปี 2563) บริเวณไอทีสแควร์ ที่จะวิ่งตรงเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อ HUB แห่งการเดินทางระดับอาเซียน ส่วนสายสีเขียวหากเรามองจุดสำคัญตลอดสองข้างทางของรถไฟฟ้าเส้นนี้ตั้งแต่สยาม-หมอชิต เข้าสู่ส่วนต่อขยายตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเมื่อไล่เรียงสิ่งอำนวยความสะดวกรวมทั้งสถานที่สำคัญ เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ เมเจอร์รัชโยธิน ตลาดบางเขน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ตลาดยิ่งเจริญ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และสถานที่ราชการหลายแห่ง เป็นต้น ไปจนถึงถนนลำลูกกา สถานีคูคต ก็จะเห็นได้ชัดว่าเป็นสายสำคัญมากสายหนึ่งในบ้านเรา ซึ่งทุกวันนี้ทั้งสายสีเขียวส่วนต่อขยาย กับสายสีชมพูกำลังดำเนินการก่อสร้างกันอยู่ เป็นรถไฟฟ้าในอนาคตที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความคาดหวังจะให้เกิดขึ้นเท่านั้น แต่เป็นสายที่จะเกิดขึ้นจริงแน่นอนในอนาคตอันใกล้เข้ามาทุกขณะ   ปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่างตามที่เล่ามาทั้งหมดนี้ประกอบกันจนส่งให้ทำเลนี้เป็นที่หมายปองของการอยู่อาศัยสำหรับใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาในสถาบันใกล้เคียง คนทำงานย่านรามอินทรา-แจ้งวัฒนะ ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี ได้อย่างสะดวก หรือกลุ่มคนทำงานในเมืองที่ขยับออกมาจากคอนโดมิเนียมในตัวเมืองที่มีราคาสูง แต่การเดินทางยังคงสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต–สะพานใหม่–คูคต แม้กระทั่งคนที่อยู่อาศัยในย่านเดิมแล้วต้องการขยับขยาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากความคุ้นเคยเดิม       Knightsbridge Phaholyothin Interchange   คอนโดมิเนียม High Rise 15 ชั้น 726 ยูนิต 1 อาคาร ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ทาวเวอร์  ลิฟท์ 6 ตัว แยกลิฟท์เซอร์วิช 2 ตัว ที่จอดรถ 40% มาแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ บนเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 5 ไร่ ตัวโครงการ Knightsbridge Phaholyothin Interchange ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินขาออก ก่อนถึงซอยพหลโยธิน 57 เยื้องกับเทสโก้โลตัส สาขาหลักสี่ประมาณ 100 เมตร ซึ่งจะอยู่ห่างจากจุด Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ กับสายสีชมพู สถานีวงเวียนหลักสี่ โดยไม่ต้องข้ามถนนก็สามารถเดินได้เพียง 250 เมตร อยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ซึ่งมาในราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท     Floor Plan  โครงการจะมีลักษณะคล้ายรูปตัว C กับตัว I เชื่อมต่อกันเป็นอาคารเดียวกัน แต่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ทาวเวอร์  คือ ทาวเวอร์ A ด้านหน้าโครงการ และทาวเวอร์ B ล้อมรอบส่วนกลาง     ชั้น 3 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของยูนิตพักอาศัย   ชั้น 4-5 เป็นศูนย์กลางของ Facility กลางโครงการ ซึ่งมีการวางอาคารให้ตรงส่วนกลางนี้สามารถรับลมธรรมชาติเข้ามาได้อย่างทั่วถึง     Unit Plan   ความพิเศษอย่างหนึ่งตรงที่แบบห้องมีให้เลือกมากมายถึง 20 แบบ ขนาดห้องมีตั้งแต่ 1 Bedroom 23.3 ไปจนถึง Duplex 51.20 ตร.ม. แต่ละขนาดก็จะมีมาให้เลือกต่างกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย เช่น   ยูนิตขนาดเริ่มต้นของโครงการ 23.30 ตร.ม. มีให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบแนวลึก Living Room กับ Bedroom อยู่ในโซนเดียวกัน และแบบ Duplex ยก Bedroom ขึ้นไปไว้ที่ชั้นลอย เพิ่มความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น       เป็น Type ที่แยกทุกห้องออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน โดยมีพื้นที่กลางห้องมากขึ้น ซึ่งจะมีการ Built in โต๊ะทำงานเพิ่มมาให้ตามไปด้วย     ยูนิตที่มี 1 Bedroom อยู่ชั้นบน แต่เพิ่มห้องอเนกประสงค์มาให้อีก 1 ห้อง ที่ชั้นล่างเชื่อมต่อกับระเบียง ซึ่งเราสามารถดัดแปลงห้องได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องชมภาพยนตร์ หรือแม้แต่ห้องนอนอีกห้องก็ยังได้     ยูนิตแบบ Penthouse 2 Bedroom ขนาด 48.90 ตร.ม. ก็มีมาให้เลือกทั้ง 2 แบบ คือ แบบชั้นเดียว กับ Duplex     ยูนิตขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ 51.20 ตร.ม. ที่จัดมาให้ถึง 3 ห้องนอน แบ่งเป็นชั้นล่าง 2  ห้องนอน และชั้นบนอีก 1 ห้องนอน แต่ละห้องนอนก็จะมีความพิเศษแตกต่างกันอย่างห้องนอนแรก จะมีระเบียงส่วนตัว ห้องนอนที่ 2 มีห้องน้ำในตัว และห้องนอนชั้นบนจะกั้น Walk In Closet    บรรยากาศภายในห้อง   Living Room โปร่งด้วยกระจกใสที่สามารถมองทะลุผ่านห้องนอนออกไปด้านนอก และยังช่วยเพิ่งแสงสว่างทำให้ห้องดูไม่อึดอัด   Space แนวลึก ได้พื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน   ห้องนอนส่วนตัว พร้อม Built in ตู้เสื้อผ้า   มุมโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงาน Built in มาให้พร้อมใช้งาน   ห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ทุกอย่างมาครบเซตตามที่เห็นพร้อมฉากกั้นกระจก   ห้องครัวปิดแยกออกเป็นสัดส่วน และยังเชื่อมต่อกับระเบียงห้อง ทำให้มีการระบายอากาศ และความชื้นภายในครัวได้ดี     Facility รวมพื้นที่แล้ว 3,700 ตร.ม. เริ่มตั้งแต่หน้าโครงการเข้าไปที่ชั้น G ภายในอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกหลักชั้น 4-5 และ Rooftop ที่เราจะได้เห็นมุมมองเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ โซนเหนืออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สำหรับโครงการนี้รวมแล้วจะแบ่งโซน Facility เอาไว้มากถึง 30 โซน เช่น Grand Lobby, Co-working space, Business room, Swimming pool, Curve Jacuzzi, Sunken lounge, Coin operate vending machine, Yoga room, Fit club, The Excited Sky bridge, Sky lounge, Sky sunset party, Sky BBQ area ฯลฯ         เปิดมุมมอง Sky Bridge เห็นสนามบินดอนเมืองโดยไร้อาคารสูงบดบัง ทำให้ Knightsbridge Phaholyothin Interchange สามารถสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ บนทำเลที่หาได้ยากเต็มที ด้วยระยะ 250 เมตรถึงสถานีรถไฟฟ้าที่เป็น Interchange ระหว่างสายสีเขียวกับสายสีชมพู แต่ราคาเริ่มต้นเพียง  2.49 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าคอนโดมิเนียมจะแล้วเสร็จปี 2563 พร้อมๆ กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจะเปิดให้ใช้บริการพอดี   คลิกลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดพิเศษ >>> https://bit.ly/2v2rFH3 เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 061-401-7000
มั่นคงเคหะการ โชว์ฟอร์มครึ่งปีแรก 61 กวาดรายได้รวมกว่า 2,600 ลบ.

มั่นคงเคหะการ โชว์ฟอร์มครึ่งปีแรก 61 กวาดรายได้รวมกว่า 2,600 ลบ.

  นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก 2561 ว่า ตลอด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างมากโดยสามารถสร้างรายได้รวม 2,646.86 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 90 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นผลจากรายได้ในส่วนธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1,221.42 ล้านบาท ตลอดจนการปรับแผนโครงสร้างรายได้ในช่วง 2-3 ปี ด้วยการเพิ่มการลงทุนในธุรกิจให้เช่าและบริการ โดยเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้สูงถึง 119.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.18% และมีกำไรสุทธิของทุกกลุ่มบริษัทกว่า 170.92 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นถึง 237.54% นับเป็นบทสะท้อนความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี และมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย   ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,331.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 656.88 ล้านบาท หรือคิดเป็น 97.35% จากรายได้ของบริษัทฯและบริษัทย่อย ประกอบด้วย ธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ 1,235.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบจำนวน 673.29 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 33.2% จากภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทฯ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านทำเลที่มีศักยภาพ การพัฒนาการออกแบบบ้านและโครงการ ทั้งรูปแบบ การเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก แต่ยังคงรักษาระดับราคาให้เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภค   ในส่วนของรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 นั้น นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 62.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.95 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.34% ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการให้เช่าและบริการพื้นที่คลังสินค้าและโรงงาน ในโครงการบางกอกฟรีเทดโซน ของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือ โดยมีการพัฒนาพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่ปล่อยเช่ารวม 115,000 ตร.ม. และอยู่ในระหว่างดำเนินการพัฒนาเพิ่ม อีกกว่า 39,000 ตร.ม.ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากค่าเช่าและบริการในโครงการพาร์ค คอร์ท อพาร์ทเมนต์และคอนโดมิเนียมใจกลางสุขุมวิท ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการ (Recurring Income) เพิ่มขึ้น   สำหรับธุรกิจการบริการสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ที่ได้ทำการปรับโฉมและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ 26.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 18.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.80% รวมถึงธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์ในเครือที่สามารถสร้างรายได้รวม 7.51 ล้านบาทในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา   “ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทั้งเพื่อขาย เพื่อเช่า และเพื่อการบริการ ล่าสุดบริษัทฯมีแผนส่งโครงการที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพอีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ ‘ชวนชื่น ทาวน์ ราชพฤกษ์-345’ พรีเมียม ทาวน์โฮม ตัวใหม่ล่าสุด ที่จะเปิดพรีเซลในวันที่ 25 - 26 สิงหาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องด้วยตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลใกล้ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เวสต์เกต, ทางด่วนศรีรัช และรถไฟฟ้า พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคปัจจุบัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท’’ นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กล่าวสรุป
‘สุขเต็มบ้าน แถมเต็มหลัง’ ในงาน ‘Home Buyers’ Expo 2018’  พบกันที่บูธลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคมศกนี้

‘สุขเต็มบ้าน แถมเต็มหลัง’ ในงาน ‘Home Buyers’ Expo 2018’ พบกันที่บูธลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคมศกนี้

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” ยกขบวนโครงการพร้อมอยู่คุณภาพ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแนวคิดใหม่ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม บนใจกลางทำเลยุทธศาสตร์ ทั่วทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด อาทิ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และนครราชสีมา รวมกว่า 40 โครงการ เข้าร่วมแคมเปญ ‘สุขเต็มบ้าน แถมเต็มหลัง’ จัดขึ้นภายในงาน ‘Home Buyers’ Expo 2018’ พิเศษสุด! จองในงานรับ Samsung S9 Plus, TV Samsung 4K และเฟอร์นิเจอร์ มูลค่ารวมกว่า 200,000 บาท โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ณ บูธลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เลขที่ G 31 โซน CG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน Home Buyers’ Expo 2018 ระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม 2561 หรือโทร Call Center 1778 หรือ www.lalinproperty.comhttp://www.lalinproperty.com
SC โชว์ครึ่งปีแรกเติบโต 44 % ครึ่งปีหลังรุกเปิด 15 โครงการใหม่ กว่า 15,000 ลบ.พร้อมมุ่ง re-invent สู่การเป็น Living Solutions Provider

SC โชว์ครึ่งปีแรกเติบโต 44 % ครึ่งปีหลังรุกเปิด 15 โครงการใหม่ กว่า 15,000 ลบ.พร้อมมุ่ง re-invent สู่การเป็น Living Solutions Provider

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สรุปผลการดำเนินงานที่ดีที่ผ่านมาว่า “ ในช่วงครึ่งปีแรก SC เติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ สรุปดังนี้ 1. มีรายได้รวม 6,652 ล้านบาท เติบโต 44% (yoy) โดยรายได้หลักมาจากโครงการเพื่อขาย 6,223 ล้านบาท คิดเป็น 94% ของรายได้รวม ประกอบด้วย 1.1 รายได้จากการขายแนวราบ 4,522 ล้านบาท เติบโต 49% (yoy) ทั้งนี้เมื่อเทียบกับกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา การเติบโตของแนวราบมีความโดดเด่นใน 3 กลุ่ม ได้แก่ • บ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป เติบโต 67% • บ้านราคา 8-20 ล้านบาท เติบโต 512% • ขณะที่ราคาน้อยกว่า 5 ล้านบาท เติบโต 132% 1.2 และเป็นรายได้จากการขายคอนโดฯ 1,701 ล้านบาท เติบโต 49% (yoy) เช่นกัน ส่วนใหญ่มาจากการโอนโครงการ SALADAENG ONE (ศาลาแดง วัน) 1,119 ล้านบาท และที่เหลือ 582 ล้านบาท มาจากคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่จากโครงการ CHAMBERS (แชมเบอร์ส), CENTRIC (เซ็นทริค) และ THE CREST (เดอะเครสท์)     2. สำหรับกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท เติบโต 107% (yoy) ด้วย 2 สาเหตุหลัก คือ 2.1 มีรายได้เติบโตทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเริ่มโอนคอนโดฯ SALADAENG ONE (ศาลาแดง วัน) ในไตรมาส 2     2.2 การบริหารค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพดีขึ้น ทั้งด้านการตลาด ด้วยรายได้ที่เติบโต 49% แต่มีค่าใช้จ่ายการตลาดลดลง 13% โดยได้มีการทำ JBP (Joint Business Partner) กับ Google และใช้การตลาดออนไลน์สูงกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 100% พร้อมกับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการแนวราบเฉลี่ยลดลง 15%     สำหรับยอดขายรวมครึ่งปีแรกเท่ากับ 7,235 ล้านบาท โดยมาจากแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 70% และ 30%โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมเท่ากับ 41,711 ล้านบาท และ 26,583 ล้านบาทตามลำดับ     ในครึ่งปีหลัง SC จะมีโครงการเปิดขายรวมทั้งสิ้น 51 โครงการ มูลค่ารวม 47,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 15 โครงการใหม่ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และโครงการต่อเนื่อง 36 โครงการ มูลค่า 32,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย รอโอนหรือ Backlog เท่ากับ 10,730 ล้านบาท โดย 45% จะรับรู้รายได้ในปี 2561 ทำให้มั่นใจว่า SC จะทำได้ตามเป้ายอดขายและรายได้ของปีนี้ที่ 17,000 ล้านบาท ”     โดยแผนเปิด 15 โครงการใหม่ แบ่งเป็น คอนโดฯ 1 โครงการ คือ แชมเบอร์ส อ่อนนุช สเตชั่น มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ราคา 3-5 ล้านบาท พร้อมกับโครงการแนวราบทุกระดับราคา จำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวม 13,300 ล้านบาท ดังนี้ บ้านราคา 3-60 ล้านบาท จำนวน 10 โครงการ ได้แก่ 1. เดอะ เจนทริ เอกมัย-ลาดพร้าว 2. แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา-เสรีไทย 3. บางกอก บูเลอวาร์ด ศรีนครินทร์-บางนา 4. บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 9-2 5. บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา-เสรีไทย 6. เวนิว ติวานนท์-รังสิต 7. เวนิว เวสต์เกต 8. เวนิว พระราม 9 9. เพฟ ปิ่นเกล้า-ศาลายา 10. เพฟ มอเตอร์เวย์-ฉะเชิงเทรา ทาวน์โฮม 2 โครงการ และ โฮมออฟฟิศ 1 โครงการ ราคา 2-10 ล้านบาท ได้แก่ 11. เวิร์ฟ ติวานนท์-รังสิต 12. เวิร์ฟ พระราม 9 13. เวิร์คเพลส เพชรเกษม 81-2 พร้อมกับแบรนด์ใหม่ชื่อ “V Compound” เป็นบ้านและทาวน์โฮม ราคา 3-7 ล้านบาท 14. โครงการวี คอมพาวด์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า     ด้วยกลยุทธ์ Re-invention 2020 ที่มุ่งสู่การเป็น Living Solutions Provider มีความคืบหน้าไปแล้วตามแผน ดังนี้ 1. ร่วมพัฒนา Baan Rue Jai Application กับบริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด เพื่อสร้างประสบการณ์การสื่อสารที่ใกล้ชิดระหว่าง SC และ ชาว SC Family พร้อมให้ดาวน์โหลดทั้งระบบ iOS และ Android ไตรมาส 4 นี้ โดย 2 feature สำคัญเป็นการแจ้งซ่อม และ One-on-One Conversation ที่ชาว SC Family สามารถติดต่อ SC และติดตามสถานะงานซ่อมได้ทุกที่ตลอด 24 ชม. และหลังจากนี้จะมี feature ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาทุก ๆ ไตรมาส ผ่านวิธีคิดอย่างเข้าใจและรู้ใจผู้ใช้ (human-centric) 2. มีการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายใน ecosystem นำร่องโดยการจัดสรรพื้นที่จำนวน 6 ไร่ บริเวณด้านหน้าของที่ดินบางกะดี จ.ปทุมธานี ขนาด 240 ไร่ เพื่อพัฒนาพื้นที่สาธารณะให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้อยู่อาศัยและชุมชนในย่าน 3. เริ่มปรับปรุงพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. บริเวณชั้น 14 ณ อาคารชินวัตร 3 สำนักงานใหญ่ เป็น co-working space เพื่อส่งเสริมการทำงาน (co-creation) ร่วมกับ Startup หรือกลุ่มพันธมิตรธุรกิจต่างๆ พร้อมเปิดใช้ไตรมาส 2/2562 4. ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ Slingshot Group ปรับวัฒนธรรมองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตในบริบทใหม่ สำหรับทุกคนในองค์กร และ คนรุ่นใหม่ที่จะเข้าร่วมงานกับ SC ในอนาคต     นายณัฐพงศ์กล่าวสรุปว่า “ บริบทใหม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของ landscape ในการทำธุรกิจ SC จะเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน โดยเป็น Living Solutions Provider ผสานนวัตกรรมเข้ากับที่อยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคต เราพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ เรียนรู้พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของมนุษย์ผู้อยู่อาศัย แต่ 2 สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง คือ คุณภาพสูง และ ความจริงใจจาก SC ”
“อภิมหกรรมบ้าน – คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018”  งานดี 4 วันรวด 16 – 19 สิงหาคมนี้ ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  โอกาสที่คนเล็งบ้าน-คอนโดฯ ไม่ควรพลาด!!

“อภิมหกรรมบ้าน – คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018” งานดี 4 วันรวด 16 – 19 สิงหาคมนี้ ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โอกาสที่คนเล็งบ้าน-คอนโดฯ ไม่ควรพลาด!!

  สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ร่วมกับ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด จัดงาน “อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018” ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 16 – วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระดมบ้านจัดสรร-คอนโดฯ มาลดสูงสุด พร้อมด้วยสินเชื่อบ้าน สุดร้อนแรงจากธนาคารชั้นนำ พลิกโฉมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในยุคดิจิทัลด้วยระบบ “Home event” สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวได้ครบทั้งงาน พบนวัตกรรม Home VR ให้เลือกชมบ้านตัวอย่างเสมือนจริง 360 องศา พร้อมลุ้นรับรางวัลทองคำหนัก 4 บาท เมื่อจองและทำสัญญาภายในงาน โดยได้รับเกียรติจาก คุณวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน ณ เวทีกลาง โซนเอเทรียม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์   นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Mr.Kitti Patpongpibul Chairman, Housing Finance Association, Thailand) กล่าวว่า อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี เป็นโอกาสดีๆ ของคนที่กำลังมองหาบ้านหรือคอนโดฯ ในทำเลที่ดี ที่มาพร้อมสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่ บ้านมือสอง หรือบ้าน NPA พร้อมขายจากสถาบันการเงินชั้นนำในราคาสุดพิเศษ ซึ่งในส่วนของงาน NPA Grand Sale มี 8 สถาบัน ที่เข้าร่วม ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM), บมจ.กรุงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM), ธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) ที่เตรียมนำสินทรัพย์ดีบนทำเลเด่นมาให้เลือกซื้ออย่างมากมาย และที่ขาดไม่ได้คือ งาน Home Loan บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 6 สถาบันการเงินชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน) ที่เตรียมข้อเสนอด้านดอกเบี้ย และโปรโมชั่นดีๆ มาให้ผู้บริโภคที่กำลังมองหาทรัพย์สินทั้งที่เพื่ออยู่อาศัย และเพื่อการลงทุนอีกด้วย “ภายในงานยังมีโซนพิเศษ Aging Society บริเวณโซนซี ชั้น 2 ซึ่งโครงการนี้ได้เดินตามแนวทางคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) ซึ่งมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนให้ผู้สูงอายุมีที่อยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีและเป็นการให้ความร่วมมือกับภาครัฐบาลในการเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์โครงการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุอีกด้วย” นายบริสุทธิ์ กาสินพิลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด ( Mr. Borisud Kasinpila Chief Executive Officer Home Buyers Guide Co., Ltd.) กล่าวเพิ่มเติมว่า “งาน Home Buyers Expo 2018 ในปีนี้ คอนเซ็ปต์การจัดงาน “พลิกโฉมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย” ด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ได้ครบทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็น ลงทะเบียน เก็บโบรชัวร์ โดยในปีนี้ได้รวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเล อาทิ ซีเอ็มซี กรุ๊ป, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เป็นต้น สำหรับผู้ที่จองพร้อมทำสัญญาภายในงานยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทองคำหนัก 1 บาททุกวัน พบกับ Digital Exhibition อัพเดทโครงข่ายรถไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร, เทคโนโลยีดูบ้าน-คอนโดฯ เสมือนจริงผ่าน VR 360 ซึ่งทั้งหมดได้รวบรวมมาไว้ในงาน ทั้งยังมีสัมมนาดีอีกมากมายในแต่วัน อาทิ คลีนิคแก้หนี้, เลือกซื้อบ้านยังไงให้ได้อยู่ยันแก่ เป็นต้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้เข้าชมงานและเพื่อให้ผู้บริโภคได้ศึกษาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยอย่างดีที่สุด ตลอดระยะเวลาของการจัดงานทั้ง 4 วัน นอกจากจะมีกิจกรรมและโปรโมชั่นมากมายแล้ว ปีนี้ยังมีโซนพิเศษ Hot Deal สำหรับเสนอขายสินค้าราคาพิเศษที่มีเฉพาะภายในงานเท่านั้น! และโซน IoT Smart Home การนำเทคโนโลยีมาพัฒนาช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นจากกลุ่มสตาร์ทอัพ อาทิ Fixzy แอพหาช่างล้างแอร์, Somjai แอพกู้ซื้อบ้าน, Icon แอพตรวจรับบ้าน เป็นต้น ซึ่งรับรองว่ามาเดินงานนี้งานเดียวจะได้ครบทุกอย่างอย่างแน่นอน”   สำหรับโปรโมชั่น บ้าน คอนโดฯ และสินเชื่อพิเศษจากธนาคาร ที่เข้าร่วมงาน อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พบกับ บัวหลวง ทรัพย์สินพร้อมขายทำเลดี เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน ทั้งในเขตกรุงเทพ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดกว่า 120 รายการ มูลค่า 600 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์, ห้องชุดพักอาศัย, อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่าลดราคาพิเศษ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) โปรโมชั่นต่อที่ 1 Sam Smile Home ฟรีค่าโอน 1% สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ตามที่ บสส. กำหนด และต่อที่ 2 Sam จัดให้รับ Gift Voucher จากร้านค้าชั้นนำ มูลค่าสูงสุด 50,000 บาท ธนาคารออมสิน จัดเต็มแคมเปญ นำทรัพย์เด่น (NPA) ลดราคาพิเศษสูงสุด 20% ทุกที่ ทุกทำเล ทั่วประเทศจำนวนกว่า 400 โครงการ มูลค่าเกือบ 450 ล้านบาท พร้อมเงื่อนไขการจองง่ายๆ พร้อมรับของ Premium พิเศษจาก บูธธนาคารออมสินเมื่อวางเงินจองซื้อทรัพย์สิน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) พบอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสินเชื่อบ้านกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) - สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, บ้านใหม่, บ้านมือสอง, ปลูกสร้างบ้าน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0% นาน 3 เดือน + ฟรีค่า จดจำนอง ทั้งแบบทำประกันและไม่ทำประกัน - สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.99% คงที่ 1 ปี + ฟรีค่าทำประเมิน, ฟรีค่าจดจำนอง - สินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน วงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป รับฟรีบัตรกำนัล Home Pro มูลค่า 4,000 บาท และของสมนาคุณจากธนาคารอีกมากมาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% (ออกรายละเอียดใกล้ๆ ช่วงงาน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดโปรโมชั่นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยปีแรก 0% และหลังปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย MLR-2% – จัดโปรโมชั่น NPA ลดสูงสุด 30% ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. - 14 ต.ค.2561 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดโปรโมชั่นให้คนรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/ เดือน ผ่อนดาวน์ 0% ยาว 60 เดือน บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) จอง 1 บาท* ทำสัญญา 9,999 บาท โอนภายใน 31 สิงหาคม 2561 รับแพ็กเกจทัวร์พาแม่เที่ยว (2 ที่นั่ง ประเทศฮ่องกง ท่องเที่ยวในเดือนกันยายน 2561) All Free *ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน (ฟรีค่าส่วนกลาง 10 ปี, แต่งครบพร้อมเข้าอยู่)* บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด คัดทรัพย์สวยทำเลดี มีอัตราดอกเบี้ยพร้อมขาย เริ่มผ่อนขั้นต่ำ 3,000 บาท พร้อมโปรโมชั่น Home Loan โดนใจ รับของที่ระลึกมากมาย
พฤกษาสร้างปรากฎการณ์ใหม่แห่งวงการอสังหา เปิดจองออนไลน์ “เดอะทรี ดินแดง ราชปรารภ”  SOLD OUT 100% ภายใน 10 นาที ขึ้นแท่นคอนโดสุดฮอตแห่งปี 2018

พฤกษาสร้างปรากฎการณ์ใหม่แห่งวงการอสังหา เปิดจองออนไลน์ “เดอะทรี ดินแดง ราชปรารภ” SOLD OUT 100% ภายใน 10 นาที ขึ้นแท่นคอนโดสุดฮอตแห่งปี 2018

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมฉลองความสำเร็จในการปิดขายโครงการ “เดอะทรี ดินแดง ราชปรารภ” หลังเปิดให้ชมห้องตัวอย่างและเปิดขายเพียงไม่กี่วัน โดยล่าสุดเปิดให้ลูกค้าจองผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Booking) ทำให้สามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ภายใน 10 นาที !! ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นจากการเปิดขายทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ กวาดยอดขายไป 558 ล้านบาทได้ตามเป้าที่วางไว้ “เดอะทรี ดินแดง ราชปรารภ” เป็นโครงการที่อยู่ในกระแสอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเปิดขายทั้งในส่วนของยอดลงทะเบียนของลูกค้าทางหน้าเว็บไซต์ อีกทั้งยังมีลูกค้าขอจ่ายเงิน 100% เพื่อขอจองก่อน ด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้มากกว่า และทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองแต่มีความใกล้ชิดธรรมชาติ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท ทำให้โครงการ “เดอะทรี ดินแดง ราชปรารภ” ประสบความสำเร็จจนขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ฮอตที่สุดในปี 2018
ซีคอน โฮม  เปิดตัว 8 แบบบ้านล่าสุด ในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ  Home Builder & Materials Expo 2018

ซีคอน โฮม เปิดตัว 8 แบบบ้านล่าสุด ในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2018

นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน โฮม จำกัด พร้อมด้วย นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กรรมการบริษัท และทีมตลาด-ขาย นำแบบบ้านใหม่ล่าสุด  8 แบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Next Series ภายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2018 พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดถึง 20%  และข้อเสนอพิเศษสุดๆ เลือกรับ 1 สิทธิ์จาก 2 ข้อเสนอพิเศษสุด ได้แก่ รับ evo HOME ระบบบ้านอัจฉริยะไร้สาย หรือ IphoneX พร้อม NETFLIX ใช้ฟรี 1 ปี เฉพาะภายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2018  ระหว่างวันที่ 16-19  สิงหาคม 2561 ณ  บูธ ซีคอน โฮม เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้รับความสนใจจากผู้ชมงานอย่างคับคั่ง
‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ จัดหนักจัดเต็มโปรโมชั่น Mid-Year Sale มอบข้อเสนอสุดคุ้มที่ดีที่สุดแห่งปี รับ Privilege Package สูงสุดถึง 1 ล้านบาท!!

‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ จัดหนักจัดเต็มโปรโมชั่น Mid-Year Sale มอบข้อเสนอสุดคุ้มที่ดีที่สุดแห่งปี รับ Privilege Package สูงสุดถึง 1 ล้านบาท!!

ฮาบิแทท กรุ๊ป ยกทัพ 3 โครงการคุณภาพสุดพรีเมี่ยมบนทำเลทองของกรุงเทพฯ และพัทยา ราคาเริ่มต้น 3.5 – 9.79 ล้านบาท มอบข้อเสนอพิเศษแบบจัดหนักจัดเต็ม เข้าร่วมใน 2 งานใหญ่ Home Buyer Expo 2018 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ Luxury Property Showcase 2018 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุนของไทย ได้จัดโปรโมชั่น Mid-Year Sale โดยมอบข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะกับ 3 โครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุนบนทำเลทองทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา ทั้งโครงการวาลเด้น อโศก (Walden Asoke) ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท, โครงการ วินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา (Wyndham Atlas Wongamat Pattaya) ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท และโครงการ ครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ (X2 Pattaya Oceanphere) ราคาเริ่มต้น 9.79 ล้านบาท เฉพาะ 2 งานสุดยิ่งใหญ่ Home Buyer Expo 2018 และงาน Luxury Property Showcase 2018   พบกับโปรโมชั่นพิเศษสุดคุ้มของฮาบิแทท กรุ๊ป กับ 3 โครงการโดนใจกับโครงการวินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา ใกล้หาดวงศ์อมาตย์เพียง 200 เมตร มอบ Privilege Package มูลค่าสูงสุดถึง 300,000 บาท* โครงการครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ พูลวิลล่าลักชัวรี่สุดหรูห่างจากชายหาดเพียง 500 เมตร มอบแพ็คเกจล่องเรือยอช์ทสุดหรู และส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท* และพิเศษสุดกับโครงการ วาลเด้น อโศก คอนโดหรูใจกลางอโศก ตกแต่งครบทั้งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมรับ Privilege package มูลค่า 1 ล้านบาท พลาดไม่ได้กับโอกาสดีๆ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธ ฮาบิแทท กรุ๊ป ในงาน Home Buyer Expo 2018 ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 19 สิงหาคมนี้ ณ บูธ G33 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และงาน Luxury Property Showcase 2018 ในวันที่ 23 สิงหาคม - 2 กันยายน 2561 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เท่านั้น!! ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.habitatgroup.co.th หรือโทร. 02-168-8266 เฟสบุ๊ค www.facebook.com/HabitatGroupProperties ไลน์ @habitatgroup อินสตาแกรม habitatgroup.th
‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท

‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท

  เอพีสร้างนิวไฮครั้งใหม่ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก 2561 สร้างรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท ผลจากสินค้าแนวราบและคอนโดร่วมทุนที่โตอย่างต่อเนื่อง ด้านกำไรสุทธิโตขึ้น 72% หรือกว่า 1,980 ล้านบาท ยิ้มรับยอดขาย 7 เดือนแรกกว่า 2,500 ล้านบาท มั่นใจตลาดอสังหาฯ ระดับกลางถึงไฮเอนด์ดีมานด์ให้การตอบรับดี เตรียมเปิดตัวโครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว THE ADDRESS สยาม - ราชเทวี และ THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มั่นใจจะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน   นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยทัศนะต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า “ตลาดมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มากโดยเฉพาะตลาดระดับกลางบนถึงไฮเอนด์ ซึ่งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม ถือเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่ของสินค้าระดับกลางบนได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เอพีมีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ และกลุ่มคอนโด (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 17,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 12,125 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ (Net Profit) สูงถึง 1,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่มีกำไรเท่ากับ 1,157 ล้านบาท “ภาพรวมตลาดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมถึงต้นทุนในการสรรหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่ถือเป็นตัวกรองสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดเหลือน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมของเอพีถือว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมในครึ่งปีแรกมาจากสินค้าแนวราบมากถึง 8,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% และจากสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมจำนวน 8,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 43% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า”   สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนแรก ณ วันที่ 5 สิงหาคมนี้ บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 25,030 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 12,855 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 12,175 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 75% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท) หากบริษัทฯยังคงรักษาระดับการขายในปัจจุบันเชื่อว่าจะสามารถ ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง ทั้งในเรื่องของโมเดลสินค้าและจำนวนโครงการในทุกทำเลรอบกรุงเทพ โดยในครึ่งปีหลังนี้เอพีเตรียมเปิดตัว 2 โครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ด้วยแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคนั่นคือ THE ADDRESS ในทำเลใจกลางเมืองอย่างราชเทวี ภายใต้ชื่อโครงการ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8,300 ล้านบาท และคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มูลค่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 “บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้พันธกิจสำคัญ คือ การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมและยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น” นายอนุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย ทั้งนี้ สรุปปี 2561 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 38 โครงการมูลค่า 59,580 ล้านบาท โดยเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 30 โครงการ มูลค่า 49,210 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 12 โครงการ มูลค่า 17,980 ล้านบาท และในไตรมาส 4 จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 31,230 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับแผนธุรกิจรุกตลาดแนวราบมากยิ่งขึ้น และคอนโดมิเนียมไฮไลต์ จะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้   ณ 5 สิงหาคม 2561 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 49,580 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 6,595 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 42,985 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” ผนึก “แสนสิริ”  เผยโฉมนวัตกรรมสุดล้ำ XT Flexible Furniture ครั้งแรกในไทย

อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” ผนึก “แสนสิริ” เผยโฉมนวัตกรรมสุดล้ำ XT Flexible Furniture ครั้งแรกในไทย

  บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด นำโดย นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ จับมือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ ซึ่งแสนสิริได้เผยโฉมนวัตกรรมสุดล้ำ XT Flexible Furniture ครั้งแรกในไทย ในงาน “XT DIMENSION” งานพรีเซลล์แนวใหม่ เปิดตัวโครงการ XT New Lifestyle Condominium นิยามใหม่ของไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมที่มาพร้อมกับประสบการณ์การอยู่อาศัยแนวใหม่แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Extend Your Style” พร้อมนำเสนออิสระในการใช้ชีวิตของชาวมิลเลนเนียล ให้สามารถใช้ชีวิตแบบสมาร์ท ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำในทุกโครงการ XT ได้แก่ XT เอกมัย, XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท ผ่านการจัดแสดง XT Flexible Furniture ที่ผลิตและพัฒนาร่วมกับทาง อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เหนือชั้นกับจุดเด่นของ XT Flexible Furniture ที่สามารถปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ ให้กลายเป็นพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลายรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันด้วยปลายนิ้วสัมผัส ผ่านการควบคุมของ Home Service Application ของแสนสิริ ให้คุณนำเทรนด์กว่าใครกับการแปลงโฉมรองรับการใช้งานแบบกั้นห้องแต่งตัวเสมือน Walk-in Closet ขยายพื้นที่รองรับการจัดปาร์ตี้ เปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้เป็น Sofa Bed ในวันที่เพื่อนมาค้างที่บ้าน รวมทั้งยังสามารถปรับเตียงให้เป็น Super Sofa สุดสบายในวันพักผ่อน และแพทเทิร์นอื่นๆ มากมาย
1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ โชว์โปรเจ็กต์มาสเตอร์พีซ  “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” มูลค่า 4,800 ล้านบาท

1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ โชว์โปรเจ็กต์มาสเตอร์พีซ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” มูลค่า 4,800 ล้านบาท

  บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (วันพ้อยท์ซิกซ์) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “The Smart Difference: แตกต่างอย่างชาญฉลาด” กับความมุ่งมั่นที่จะนำมาตรฐานระดับโลกมาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ที่ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คำมั่นสัญญา ‘for all well-being’ ร่วมลงทุนและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” โครงการแรก มูลค่ามากกว่า 4,800 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Essentially More” นำเสนอประสบการณ์การอยู่อาศัยในรูปแบบ Mixed-Use บนพื้นที่ “ทองหล่อ” มุ่งเจาะคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและชื่นชอบการใช้ชีวิตที่มีรูปแบบเฉพาะตัวของย่านทองหล่อ มั่นใจสามารถสร้างยอดขายภายในปลายปี พ.ศ. 2561 มากกว่า 50%     นางสาวธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นที่จะนำมาตรฐานระดับโลกมาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยมุมมองในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เปรียบดั่งการสร้างสรรค์งานศิลปะและงานฝีมือชั้นสูง ทั้งนี้ในปัจจุบัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย ได้นำเสนอจุดเด่นของโครงการโดยเน้นความแตกต่างของทำเลที่ตั้ง เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย ดังนั้น เราจึงได้สร้างสรรค์โครงการที่เข้าใจถึงธรรมชาติและสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มคนที่นิยมการใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมาอยู่อาศัยในย่านทองหล่อได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดขายที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ในย่านทองหล่อ ล่าสุด ได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับมาสเตอร์พีซ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นโครงการคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูส (Mixed-use) ในรูปแบบไฮไรส์ (High rise) ครบวงจรระดับอัลตร้าลักชัวรี่ แลนด์มาร์กแห่งใหม่บนทำเลทองหล่อ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุนในอนาคต โดดเด่นด้วยการออกแบบโครงการที่ผสมผสานทั้งพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่มิกซ์ยูสได้อย่างลงตัว เน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสไลฟ์สไตล์ที่โอบล้อมไปด้วยความมีชีวิตชีวาของย่านทองหล่อแบบออลเดย์และออลไนท์”   โครงการ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” ตั้งอยู่บริเวณปากซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ เพียง 30 เมตร เป็นอาคารสูง 30 ชั้น ขนาด 1 ไร่ 2 งาน 46 ตารางวา หรือ 2,584 ตารางเมตร ดำเนินการออกแบบภายใต้แนวคิด “Essentially More” ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงให้กับลูกบ้านอย่างรอบด้านมากที่สุด และสามารถแบ่งปันความสุขด้วยการสร้างคุณค่าในทุกๆ ด้านของชีวิต นอกจากความเฉพาะตัวในรูปแบบคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูสแล้ว พื้นที่อยู่อาศัยของโครงการฯ ยังได้ออกแบบเพื่อความปลอดภัยระดับสูงสุดและเน้นความเป็นส่วนตัว โดยผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าสู่พื้นที่อยู่อาศัยได้ทั้งจากทางเข้าเฉพาะของส่วนอยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยทางเข้าทั้ง 2 ทางมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือระดับ และด้วยแนวคิด Low Density Living ที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัวสูงสุดและมีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด โดยจะมีความหนาแน่นของจำนวนยูนิตต่อชั้นไม่มากนัก ซึ่งโครงการฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 198 ยูนิต แบ่งเป็นห้องชุด 4 รูปแบบ ได้แก่   · 1-Bedroom (1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ) มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 48.10 – 55.00 ตารางเมตร จำนวน 124 ยูนิต · 2-Bedroom (2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ) มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 73.00 – 90.60 ตารางเมตร จำนวน 63 ยูนิต · Duplex (2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ) มอบความกว้างขวางบนพื้นที่ขนาด 110.40 ตารางเมตร จำนวน 5 ยูนิต · Penthouse (3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ) มอบความกว้างขวางบนพื้นที่ขนาด 184.20 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต   นอกจากพื้นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังมีพื้นที่ Micro-Office & Business Lounge พื้นที่ร้านอาหารที่ให้บริการในรูปแบบ All-day dining สปีคอีซี่บาร์ (Speakeasy Bar) และพื้นที่สวนสาธารณะ “The Strand Park” บริเวณด้านหน้าโครงการฯ ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการฯ และเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชนในบริเวณนั้น นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ใช้สอยที่ได้รับการออกแบบอย่างลงตัว เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่สามารถรองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ เพลย์ รูม (The Playroom) และ ติวเตอร์ รูม (Tutor room) บริเวณชั้น 6 เดอะ คลับเฮาส์ (The Clubhouse) ชั้น 27 ซึ่งประกอบด้วย The Living Room ส่วนบริการ Fitness และ Meditation Studio สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ระบบน้ำเกลือความยาว 25เมตร พร้อมจากุซซี่ สำหรับผู้ใหญ่ และสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก รวมถึงส่วนของ Rooftop terrace และ Putting green ตลอดจน เรสซิเด้นส์ ล็อบบี้ (Residential Lobby) ที่ออกแบบ มาเพื่อความเป็นส่วนตัว เป็นต้น โครงการ THE STRAND THONGLOR ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 บาทต่อตารางเมตร หรือเริ่มต้นที่ 16.5 ล้านบาท   นางสาวธัญทิพ กล่าวต่อไปว่า “สำหรับนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย โครงการฯ ได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์นำเสนอ “Intelligent Technology” อาทิ “Secured Private Lift Lobby” ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถขึ้นตรงจากพื้นที่ส่วนกลางถึงห้องชุดเสมือนลิฟต์ส่วนตัว ด้วยเทคโนโลยีไมโครชิปเซ็นเซอร์ (Microchip Sensor Technology - RFID) ที่จะส่งผู้อยู่อาศัยไปแต่ละชั้นโดยเฉพาะ พร้อมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยภายในลิฟต์ ด้วยระบบ “Active CCTV Monitoring & Control” เชื่อมต่อกับห้องควบคุมตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้อาศัย ระบบ “Automatic Parking” ที่จอดรถอัจฉริยะครบทุกยูนิต นอกจากนี้ เรายังได้พัฒนาแอพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทดีไวซ์ซึ่งผู้อยู่อาศัยสามารถควบคุมการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องของตนได้ อีกทั้งยังสามารถใช้เรียกบริการพิเศษต่างๆ เช่น แม่บ้าน ช่างซ่อมบำรุง หรือจองพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เช่น ห้องประชุม หรือ Living Room social lounge ได้ เป็นต้น”     นายชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “โครงการ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในแต่ละด้านอย่างการออกแบบและดีไซน์ ได้ร่วมมือกับ “เอชบี ดีไซน์ (HB Design)” ที่ปรึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมของโครงการ “พีไอเอ อินทีเรีย (PIA Interior)” รับผิดชอบด้านการออกแบบภายใน สะท้อนความเป็น Minimal luxury เน้นคุณภาพวัสดุที่ดี ความเรียบหรูอยู่เหนือกาลเวลา (Timeless design) และ “ทร็อพ (TROP)” มาดูแลในด้านภูมิสถาปัตยกรรมของโครงการ และได้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง “บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)” ร่วมลงทุนในการพัฒนาโครงการดังกล่าว โดย MQDC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน แบ่งปันองค์ความรู้ที่ยอดเยี่ยมในการออกแบบและการก่อสร้างในระดับสากล ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาดและกลยุทธ์การขาย”   สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานเพื่อให้โครงการ The Strand Thonglor บรรลุเป้าหมาย เราได้กำหนดกลยุทธ์ไว้ 3 รูปแบบ คือ · กลยุทธ์การตลาด ที่มุ่งเน้นการสร้างความน่าเชื่อถือของโครงการ เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อคนไทย 75% และคนต่างชาติ 25% · กลยุทธ์การสื่อสารประชาสัมพันธ์ เน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ แคมเปญผ่าน โซเชียลมีเดีย (Social Media) ทั้ง เฟสบุ๊ค (Facebook) บทความออนไลน์ (Content online) และอื่นๆ · กลยุทธ์การขาย อาทิ กิจกรรม Private Launch โฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายโดยตรง เพื่อให้รับทราบข้อมูลของโครงการและแผนในการพัฒนาการก่อสร้าง กิจกรรม Group Exclusive นำเสนอการขายผ่านกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟปาร์ตี้ เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นกันเองเสมือนได้มาร่วมจัดปาร์ตี้ภายในยูนิตที่เกิดขึ้นจริงในอนาคต และการจัดกิจกรรม Exclusive Pre-Sale เรียนเชิญกลุ่มลูกค้าเพื่อรับทราบข้อมูลโครงการโดยแจ้งยืนยันเข้าชมล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 18 และ 19 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมบางกอก แมริออท โฮเต็ล สุขุมวิท เป็นต้น ทั้งนี้ เราตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดขายภายในปลายปีนี้ (พ.ศ. 2561) ได้มากกว่า 50% และโครงการมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2564 ” คุณชวินกล่าวสรุป
เปิดพรีเซลคอนโดมิเนียม The Cube Urban Sathorn-Chan อย่างเป็นทางการ

เปิดพรีเซลคอนโดมิเนียม The Cube Urban Sathorn-Chan อย่างเป็นทางการ

นายภูมินทร์ ปิยะวานิชย์ (ยืนที่ 4 จากขวา) ประธานกรรมการบริหาร และนายวิชิต อำนวยรักษ์สกุล (นั่ง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท คิวบ์ เรียล พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาและบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ จัดงานฉลองเปิดโครงการ The Cube Urban Sathorn-Chan (เดอะคิวบ์ เออร์เบิน สาทร-จันทน์) คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง 8 ชั้นใหม่ล่าสุด สไตล์โมเดิร์นคลาสสิค และเปิดขาย (Pre-Sale) อย่างเป็นทางการ ในบรรยากาศสนุกสนานพร้อมชมขบวนพาเหรดและโชว์ชุด ‘The Urban Kingdom เปิดประสบการณ์ใหม่สไตล์อังกฤษ by The Cube’ ภายในงานได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในย่านสาทรและถนนจันทน์เข้าชมห้องตัวอย่าง พร้อมทั้งจองและทำสัญญาจำนวนมาก ณ สำนักงานขายโครงการ The Cube Urban Sathorn-Chan เมื่อเร็ว ๆ นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 1246 และติดตามความเคลื่อนไหวโครงการได้ทางเว็บไซต์ www.thecube-condo.com แฟนเพจ www.facebook.com/The Cube Condominium
รีจัส เดินหน้าสนับสนุนการเติบโตกลุ่มธุรกิจไมซ์  เปิดสาขาออฟฟิศพร้อมใช้ทำเลใหม่ที่ เชียงใหม่ไอคอนปาร์ค

รีจัส เดินหน้าสนับสนุนการเติบโตกลุ่มธุรกิจไมซ์ เปิดสาขาออฟฟิศพร้อมใช้ทำเลใหม่ที่ เชียงใหม่ไอคอนปาร์ค

Regus (รีจัส) ผู้นำด้านการให้บริการพื้นที่สำนักงานระดับโลก เปิดตัวสาขาใหม่ล่าสุดสาขาที่ 20 ในประเทศไทย ณ ชั้น 2 โรงแรมไอคอนปาร์ค ใจกลางเมืองเชียงใหม่ โดย รีจัส ยังคงเดินหน้าเพิ่มเครือข่ายสำนักงานออฟฟิศ โคเวิร์คกิ้งสเปซและห้องประชุมที่มีเอกลักษณ์ บนทำเลที่ใกล้กับศูนย์การค้าคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี “ไอคอนสแควร์” ห่างจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เพียง 15 นาที   สถานที่ตั้งของสำนักงานพร้อมใช้แห่งนี้เป็นศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร ประกอบไปด้วย บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมาตรฐานธุรกิจ บริการทางโทรศัพท์ พื้นที่ครัว พนักงานต้อนรับและบริการทำความสะอาด เพื่อช่วยลดภาระการบริหารจัดการด้านสำนักงานให้กับทุกธุรกิจ     เชียงใหม่ไอคอนปาร์คเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสที่ประกอบไปด้วยโรงแรม 6 ชั้น, ร้านอาหารและร้านค้าปลีกบนถนนมณีนพรัตน์ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งห่างจากถนนนิมมานเหมินท์แหล่งรวมคาเฟ่ และร้านอาหารที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่เพียงไม่กี่นาที   การเปิดตัวรีจัสสาขาใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจออกไปสู่สถานที่ซึ่งสะดวกต่อการเข้าถึงการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบวงจรได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเครือข่ายพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นและมีสาขาครอบคลุมทั่วโลกที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นอันดับต้นๆ และยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการจัดงานนิทรรศการและประชุมธุรกิจในระดับนานาชาติ เห็นได้จากในพ.ศ. 2555 เชียงใหม่ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงานไมซ์มากถึง 500 งาน และมีโอกาสได้ต้อนรับนักธุรกิจต่างชาติจำนวนกว่า 47,000 ราย     คุณโนเอล โค้ก ผู้อำนวยการใหญ่ รีจัส ประจำประเทศไทย ไต้หวัน และเกาหลี เผยว่า เราเล็งเห็นว่าเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มธุรกิจไมซ์ และด้วยทำเลที่ตั้งของ ไอคอนปาร์คนั้นใกล้กับสนามบินและย่านธุรกิจการค้า เราจึงเห็นโอกาสในการเสริมสร้างเครือข่ายของพื้นที่ทำงานทั่วโลกของเราให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น รีจัสมีพื้นที่ที่สามารถมอบพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นได้ในรูปแบบต่างๆ ด้วย ห้องรับรองทางธุรกิจ (Business lounge) และห้องประชุมที่พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ซึ่งการเป็นศูนย์บริการธุรกิจนี้ถือเป็นโซลูชั่นที่ดีอย่างยิ่งสำหรับบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศที่กำลังมองหาสำนักงานที่มีความยืดหยุ่นและมีอุปกรณ์ครบครันที่สุดแห่งหนึ่งในเชียงใหม่   รีจัส สาขาใหม่ล่าสุดนี้ ตั้งอยู่ ณ ไอคอนปาร์ค ในใจกลางเมืองเชียงใหม่ ที่มีพื้นที่ให้บริการกว่า 644.2 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยจำนวนสำนักงานทั้งหมด 44 ห้อง, มีพื้นที่การทำงานกว่า 133 ที่นั่ง และห้องประชุมจำนวน 1 ห้อง     รีจัส ผู้นำด้านการให้บริการพื้นที่สำนักงานระดับโลก มอบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับธุรกิจทั่วโลก นับเป็นเครือข่ายกว้างใหญ่ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่นจากทุกพื้นที่ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือลงทุนในการจัดตั้งสำนักงาน อีกทั้งผลประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับไม่ได้มีเพียงแต่การจ่ายเงินสำหรับพื้นที่ทำงานที่พวกเขาต้องการเท่านั้น แต่ลูกค้าสามารถที่จะเพิ่มหรือลดพื้นที่ทำงานตามความจำเป็นและความต้องการได้ ไม่ว่าจะต้องการพื้นที่เพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงหรือเป็นเวลาหลายปี และยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากบริการดูแลและจัดการสำนักงานของคุณได้อย่างเต็มรูปแบบด้วยสัญญาเพียงฉบับเดียว ทั้งการสรุปรายงานความคืบหน้าต่างๆ รวมถึงบริการดูแลและบริการลูกค้าสัมพันธ์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง     รีจัส ณ ไอคอนปาร์ค ในใจกลางเมืองเชียงใหม่นี้ ตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม โดยห่างจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เพียงไม่กี่นาทีและยังมอบสิทธิผลประโยชน์แก่ลูกค้าได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย สำหรับการเปิดตัวสาขาใหม่ในครั้งนี้ รีจัสมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการการบริการสำนักงานพร้อมใช้ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงวรในไทย” คุณโนเอล โค้ก กล่าวเสริม     รีจัส พื้นที่บริการสำนักงานให้เช่านั้นมีเครือข่ายศูนย์รวมที่ครอบคลุมกว่า 21 สาขาทั่วไทย ทั้งในกรุงเทพ ภูเก็ต เชียงใหม่ และศรีราชา ซึ่งในปีนี้ได้ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวสาขาใหม่ ณ เชียงใหม่ไอคอนปาร์ค เป็นสาขาที่ 20 และสาขาที่ 21 ณ สิงห์ คอมเพล็กซ์ตามลำดับ   สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Regus ณ เชียงใหม่ไอคอนปาร์ค สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ www.regus.co.th
อารียา พรอพเพอร์ตี้ เปิด The AVA Residence เฟส 2 กลางสุขุมวิท 77  ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Luxury

อารียา พรอพเพอร์ตี้ เปิด The AVA Residence เฟส 2 กลางสุขุมวิท 77 ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Luxury

อารียา พรอพเพอร์ตี้ ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2561 เติบโต ด้วยยอดขายรวม 4,852 ล้านบาท โดย 65% มาจากโครงการแนวราบ และ 35% มาจากโครงการแนวสูง ซึ่งเอื้อมาจากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรกที่ขยับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา มั่นใจปีนี้ทำรายได้เข้าเป้าเติบโต 10% พร้อมเดินหน้าเปิดตัวโครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 เฟส 2 เพื่อรองรับความต้องการตลาดไฮเอนด์ ที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มที่มีดีมานด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการอาวุโส บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของ อารียา พรอพเพอร์ตี้ ในครึ่งปีแรกเติบโตไปตามทิศทางเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น ตัวเลข GDP จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ที่เพิ่งเผยข้อมูลช่วงไตรมาสแรกไปนั้น เศรษฐกิจประเทศไทยมีการเติบโตที่ 4.8% ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 5 ปี ส่งผลให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วนมีการเริ่มขยับปรับโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัย หรือการซื้อเพื่อการลงทุน ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทฯ มียอดขายรวม 4,852 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 3,107 ล้านบาท คิดเป็น 65% และจากโครงการแนวสูงมูลค่ารวม 1,745 ล้านบาท คิดเป็น 35% ทั้งนี้ ยังพบว่า ตลาดกลุ่ม Luxury ทั้งบ้านและคอนโดที่มีราคาตั้งแต่ 25 ล้านบาทขึ้นไปของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทำเลในย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจ อาทิ โซนสุขุมวิท โซนบางนา และโซนเกษตร-นวมินทร์ อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/2561 บริษัทฯมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจโดยมีรายได้ 952.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 16.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.9 ล้านบาท สำหรับงวดครึ่งปี บริษัทฯมีรายได้ 2000.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 69.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.9 ล้านบาท นายวิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “อารียา พรอพเพอร์ตี้ ยังคงมองถึงแนวโน้มตลาดกลุ่ม Luxury ที่มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ทุ่มงบถึง 4,468 ล้านบาท ในการเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ขึ้น 2 โครงการ ไปเมื่อปี 2560 ได้แก่ โครงการ เฉลิมนิจ อาร์ต เดอ เมซอง สุขุมวิท 53 มูลค่า 1,968 ล้านบาท และ โครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 มูลค่า 2,500 ล้านบาท โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูง และเจ้าของกิจการ ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ที่ชอบความสะดวกสบายในด้านโลเคชั่น ทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน รวมถึงการเข้าถึงใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญได้ด้วยการเดินทางที่รวดเร็ว จากผลการตอบรับเป็นอย่างดีของโครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 เฟสที่ 1 ที่สามารถปิดยอดขายได้หมดแล้วนั้น บริษัทฯ จึงได้เปิด เฟสที่ 2 ขึ้น โดยมีมูลค่ารวมโครงการเฟสนี้ 1,026 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 35 – 80 ล้านบาท ด้วยขนาดพื้นที่ 61-169.5 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยรวม 402 -604 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ Modern Tropical ในรูปแบบบ้านใหม่ หน้ากว้าง มีทั้งแบบบ้านสองชั้น และสามชั้น ที่มาในดีไซน์ใหม่ให้เลือกตามความต้องการของลูกค้า พร้อมสระว่ายน้ำและลิฟต์ ทั้งนี้ยังมีการปรับฟังค์ชั่นการใช้งานในห้องต่างๆ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และใส่รายละเอียดเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ มีระบบรักษาความปลอดภัยควบคู่กับ Home Intelligence เสาไฟฟ้าลงดิน สำหรับโครงการในเฟสนี้ ยังคงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่มองหาที่อยู่อาศัยควบคู่กับการลงทุนในย่านใจกลางเมือง พร้อมทั้งยังตอบโจทย์ความชอบเฉพาะตัว และไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านเป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากนี้ โครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 ยังคงมีความโดดเด่นด้วยโลเคชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว ติดถนนใหญ่ที่สามารถเข้าถึงถนนเส้นหลัก อย่างศรีนครินทร์ พัฒนาการ สุขุมวิท และบางนา ได้ภายใน 10 นาที ถือเป็นความพิเศษที่ลงตัวบนถนนสุขุมวิท 77 โดยเฟส 2 ได้มีการเปิดให้จองกรรมสิทธิ์อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อ 3 เดือน ที่ผ่านมา “กลุ่ม Gen-X ที่เป็นผู้บริหารและเจ้าของกิจการรุ่นใหม่ อายุ 45 ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างสะดวก แต่ยังคงความเป็นส่วนตัว การเปิดตัวโครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 เฟสที่ 2 จึงเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้อย่างลงตัว ส่งผลให้ล่าสุดมียอดจองแล้วถึง 20%” นายวิวัฒน์กล่าว
จะซื้อคอนโดทั้งที ทำไมต้องเลือก One9Five

จะซื้อคอนโดทั้งที ทำไมต้องเลือก One9Five

เมื่ออสังหาริมทรัพย์กลายเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การซื้อคอนโดมีเนียมสักแห่งไว้สำหรับอยู่อาศัยหรือปล่อยเช่าก็ถือว่าเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยต่อยอดให้สมบัติชิ้นนั้นมีมูลค่าสูงมากขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต แต่การซื้อคอนโดฯ ก็มีหลากหลายเรื่องให้ต้องคำนึงนะคะ บางคนอาจชั่งน้ำหนักไม่ถูกว่าระหว่างเรื่องการเดินทางสะดวกสบายใจกลางเมือง หรือดีไซน์สวยงาม ฟังก์ชั่นน่าใช้ พร้อมส่วนกลางแบบครบครัน ควรเลือกแบบไหนดีกว่ากัน แต่น่าจะดีที่สุดถ้าที่พักอาศัยหรือทรัพย์สินของเราจะรวมความต้องการเหล่านี้ไว้ได้ด้วยกันทั้งหมด ซึ่งทาง TC Development ก็ได้ rebranding ภาพลักษณ์องค์กรให้ดูหรูหรามากขึ้น ที่สำคัญยังเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุดในชื่อ “One9Five” Asoke – Rama 9 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury Life Curator รวบรวมความเป็นที่สุดของ Luxury ไว้ในสถานที่แห่งเดียว แต่จะมีความพิเศษและน่าสนใจแค่ไหน วันนี้ทีมงาน Review Your Living หาคำตอบว่าทำไมต้องเลือก One9Five มาให้แล้ว     1. ทำเลศักยภาพใจกลาง New CBD จุดเด่นของโครงการ ONE 9 FIVE อโศก-พระราม 9 คือปักหมุดบนทำเลศักยภาพ โดยที่ดินโครงการตั้งอยู่ติดถนนพระราม 9 ระหว่างแยกพระราม 9 และแยกอสมท ซึ่งโครงการจะอยู่ฝั่งมุ่งหน้าไปแยกอสมท ที่เลี้ยวขวาไปถนนเพชรอุทัยเพื่อขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ในระยะ 600 เมตร แถมหน้าโครงการสามารถเดินมาขึ้น MRT พระราม 9 ทางออก 3 หรือทางออก G Tower เพียง 250 เมตร หรือแค่ 5 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ที่ MRT พระราม 9 ห่างออกไปเพียง 1 สถานี ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม ในอนาคตกำลังจะกลายเป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเป็นสายที่วิ่งผ่านใจกลางเมืองโดยเชื่อมกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกกับตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน และยังห่างจากจุด Interchange กับ BTS อโศก เพียง 2 สถานี นับว่าเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกสบายมากทั้งคนใช้และไม่ใช้รถ นอกจากนี้ตัวโครงการยังอยู่ห่างจากแยกพระราม 9 ที่ถือว่าเป็น NEW CBD ใจกลางเมืองที่มีมูลค่าการลงทุนสูงและโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพตอนนี้ เพราะเชื่อมต่อกับ CBD ชั้นในอย่าง อโศก และสุขุมวิท ซึ่งเป็นาจุดศูนย์รวมความเจริญและสิ่งอำนวยความสะดวกในตัวอยู่แล้ว โดยข้อได้เปรียบของทำเลคือสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพระราม 9, แอร์พอร์ตลิงก์ และทางด่วน รวมถึงอาคารสำนักงาน, ศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Central พระราม 9, Fortune Town และมีการลงทุนเมกะโปรเจ็คมากมาย   2. ฉีกรูปแบบงานดีไซน์ สร้างสรรค์จากทีม Designer ระดับท็อปของเมืองไทย นับว่าเป็นการสร้างปรากฏการณ์ตื่นตาตื่นใจให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยไม่ใช่น้อย ทั้งในแง่ของงานดีไซน์ที่ฉีกรูปแบบคอนโดเดิมๆ พัฒนา Re-Design ใหม่ทั้งหมด แถมยัง rebranding ภาพลักษณ์องค์กรให้ดูหรูหรามากขึ้น โดย “One9Five” อโศก – พระราม 9 เป็นโครงการที่ร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์จากทีม Designer ระดับแนวหน้าของเมืองไทย อย่าง Shma, LEOINTER และ PIA เรียกได้ว่าครบเครื่องทั้งเรื่องของ Architect, Interior และ Landscape จนสร้างเสียงฮือฮาให้กับวงการอสังหาฯ ตั้งแต่ยังไม่ได้ก่อสร้าง จึงทำให้มั่นใจว่าตัวโครงการจะต้องออกมาสวยงาม และโดดเด่นกว่าใครในย่าน อโศก - พระราม 9 แน่นอน   3. Spec เหนือความคาดหมาย แน่นอนว่าเหตุผลในการตัดสินใจซื้อคอนโดฯ สักแห่ง คำตอบแรกก็คงเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้ง แต่อยากให้พิจารณาให้ดีก่อนนะคะ เพราะองค์ประกอบอื่นอย่างการออกแบบทั้งภายนอกภายใน, การจัดวาง Layout, ขนาดห้อง, ฟังก์ชั่นการใช้งาน ไปจนถึง Spec ก็ล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น ซึ่งโครงการ “One9Five” อโศก – พระราม 9 ของ TC Development นี้ ก็ล้วนแต่ตอบโจทย์ความต้องการได้ดี ยิ่งเรื่องของงานดีไซน์ก็นับว่ามีความโดดเด่นและน่าสนใจมากที่สุด เพราะทุกพื้นที่ของโครงการในทุกตารางเมตรต่างได้รับการออกแบบจากเหล่า Designer ระดับท็อปของเมืองไทย ให้เป็นศูนย์รวม Luxury ไว้ในพื้นที่แห่งเดียวแล้ว ยังมอบวัสดุเกินมาตรฐานราคาใน Segment เดียวกันไปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้น Engineering wood, Air Conceal ฝังในฝ้า ซึ่งปกติแล้วจะมีให้เฉพาะคอนโดแบบ Super luxury segment เท่านั้น   4. จัดเต็มพื้นที่ส่วนกลาง กว่า 8.6 ไร่ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มจากชั้น 1 เป็นพื้นที่ของ Grande Lobby , Private Mezzanine Lobby , Concierge Service Des , Lift Lobby , Mailbox Room , Laundry Room , Express Storage room , Public Restroom , Retails Shop Space เป็นต้น ชั้น 8 เป็นพื้นที่ของ Residential Lounge , Library Room , Game Room , Theatre Room , Golf Simulator Room , Fitness Center , Cross Fit Zone , Boxing Area , Yoga Zone , Private Spa , Locker Room , Kid’s Club ​, Pool Lounge  ซึ่งจะเชื่อมกันระหว่าง 2 ตึก  ชั้น 61 เป็นพื้นที่ของ Sky Residential Lounge , Private Sky lounge , Private Sky Meeting Room , Sky Bar   5. ราคาที่จับต้องได้ ไม่ว่าใครก็เอื้อมถึง จุดเด่นของ “One9Five” อโศก – พระราม 9 อยู่ที่การปักหมุดทำเลดีใกล้สถานีรถไฟฟ้า สรรสร้างเป็นคอนโดมิเนียมหรูในราคาคุ้มค่าให้ทุกคนสามารถจับจองได้ไม่ยาก โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 3.69 ล้านบาท เฉลี่ยทั้งโครงการที่ 165,000 บาท/ตารางเมตร  สำหรับคนที่สนใจโครงการ : http://bit.ly/2LtIDHK โทร 02 245 0999
เอสซี แอสเสท เดินหน้าพัฒนา 2 โครงการใหม่ Verve และ Venue ติวานนท์-รังสิต บนที่ดินผืนใหญ่บางกระดี จ.ปทุมธานี พร้อมเปิดพรีเซลส์ ส.ค.นี้

เอสซี แอสเสท เดินหน้าพัฒนา 2 โครงการใหม่ Verve และ Venue ติวานนท์-รังสิต บนที่ดินผืนใหญ่บางกระดี จ.ปทุมธานี พร้อมเปิดพรีเซลส์ ส.ค.นี้

นายมงกุฎ เตโชฬาร รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ล่าสุดได้ประเดิมเปิดพรีเซลส์ 2 โครงการใหม่ มูลค่า 1,390 ล้านบาท บนที่ดินแปลงใหญ่ของบริษัทฯ ในฝั่งโซนเหนือของกรุงเทพ บริเวณบางกระดี จ.ปทุมธานี ทำเลที่มีศักยภาพติดถนนใหญ่ติวานนท์ ใกล้ทางด่วนศรีรัช (ด่านศรีสมานและด่านบางพูน) และใกล้คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่แห่งใหม่ (เดอะ ไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์) มีให้เลือกทั้งทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว ” คือ โครงการ VERVE เวิร์ฟ ติวานนท์ - รังสิต ทาวน์โฮม 2 ชั้น บนพื้นที่กว่า 27 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 730 ล้านบาท จำนวน 315 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 3 แบบ ได้แก่ Loft 2 Bedroom, Loft 3 Bedroom และ Luxe พร้อมสวนส่วนกลาง และระบบความปลอดภัย 24 ชม. แบบ Double Security กล้อง CCTV โดยเปิดพรีเซลส์วันที่ 18-19 ส.ค.นี้ กับ โครงการ VENUE เวนิว ติวานนท์-รังสิต บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น พื้นที่กว่า 26 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 660 ล้านบาท จำนวน 149 ยูนิต มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ Birch, Linden, Redwood และ Oakwood ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 38.5-59.5 ตรว. ราคา 3.99 – 8 ล้านบาท พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน และสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ ระบบความปลอดภัย 24 ชม. แบบ Double Security พร้อมระบบกันขโมย Magnetic sensor กล้อง CCTV จะเปิดพรีเซลส์ในวันที่ 25-26 ส.ค.นี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.scasset.com หรือสอบถามที่โทร.1749