Tag : News

2376 ผลลัพธ์
อนันดาฯ ปลื้ม กวาดยอดขายการจัดงาน “Ananda Urban Pulse” ทะลุเป้า เปิด 5 โครงการ โกยกว่า 9,000 ล้านบาท ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย

อนันดาฯ ปลื้ม กวาดยอดขายการจัดงาน “Ananda Urban Pulse” ทะลุเป้า เปิด 5 โครงการ โกยกว่า 9,000 ล้านบาท ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ประกาศความสำเร็จจากการจัดงาน “ANANDA URBAN PULSE” ด้วยการเปิดตัว 5 โครงการใหม่ ที่สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 9,000 ลบ. โดยได้รับการตอบรับที่ดีมาก และสามารถปิดการขาย (Sold Out) โครงการ ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ ( Ideo Q Victory )ได้ภายในงาน ชี้กำลังซื้ออสังหาฯ ในเมืองและแนวรถไฟฟ้ายังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง   นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า กล่าวว่า กำลังซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้ายังไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากความสำเร็จจากการจัดแคมเปญ “ANANDA URBAN PULSE”  ซึ่งสะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงสภาวะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ว่ามีความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับคืนสู่ภาวะปกติ รวมถึงกำลังซื้อสินค้าที่อยู่อาศัยยังดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่สามารถตอบความต้องการการใช้ชีวิตในเมืองและใกล้แนวรถไฟฟ้า  อีกทั้ง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อประสบการณ์การทำงานของ  อนันดาฯ ที่เข้าใจถึงการใช้ชีวิตคนเมือง และวิธีการมองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ต่างกัน ทำให้สินค้าทุกแบรนด์ ของอนันดาฯ  ยังครองใจลูกค้าด้วยดีเสมอมา   ซึ่งการจัดแคมเปญใหญ่ ANANDA URBAN PULSE ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากกลุ่มลูกค้าหลัก และกลุ่มนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ความสำเร็จดังกล่าวมาจากโครงการคุณภาพใหม่ล่าสุด 5 โครงการ จากแบรนด์คุณภาพทำเลติดรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่ ซึ่งบริษัทฯ วางเป้าหมายการขายของ   แบรนด์ แอชตัน ( Ashton) และ ไอดีโอ (IDEO) ไว้ที่ 40% ในการเปิดตัว 3 เดือนแรก แต่สำหรับครั้งนี้สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 40% ภายในงานนี้ และในส่วนของแบรนด์ เอลลิโอ ( ELIO)  ที่วางเป้าหมายการขายไว้ที่ 20% ในการเปิดตัวเฟสแรกของ 3 เดือนแรก โดยสามารถทำยอดขายได้ 20% ภายในงานนี้เช่นกัน   โดยโครงการใหม่ที่โดดเด่นและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คือ โครงการ ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ ( Ideo Q Victory )ตั้งอยู่ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ามีระยะห่างจากสถานีบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 0 เมตร   โดยตลอด 4 วันของการจัดงาน มีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีการลงทะเบียนเพื่อเข้าคิวจองซื้อมากกว่า 4,000 คน จากจำนวน 348 ยูนิต ซึ่งสามารถปิดการขายได้ภายในงานและมียอดจองซื้อเต็มทุกห้องครบ 100% (Sold out)  โดยก่อนหน้านี้โครงการดังกล่าวได้มีการเปิดจองผ่านระบบ  Ananda Online Booking ซึ่งมีผลตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ระบบ Ananda Online Booking ที่ได้เปิดให้จองไปก่อนหน้านี้เป็นกิจกรรมการตลาดที่ประสบความสำเร็จ สามารถสร้างยอดขายได้มูลค่ารวม 1,080  ล้านบาท โดยผลจากความสำเร็จดังกล่าวมาจากโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพสูงติดสถานีรถไฟฟ้า เหมาะสมเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุนอีกทั้งมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย มีการนำเอาเทคโนโลยีและธรรมชาติมาปรับใช้ในโครงการ ด้วยการนำเสนอราคาที่เหมาะสมและจับต้องได้อย่างแท้จริง   นอกจากโครงการ ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ ( Ideo Q Victory ) แล้ว โครงการอื่นที่นำมาเสนอก็ได้รับความสนใจเช่นกัน  คือ  โครงการ ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 ( Ideo Q Sukhumvit 36) มียอดขาย 42%  โครงการ แอชตัน อโศก -พระราม 9 (Ashton Asoke Rama 9) มียอดขาย 40 % โครงการ ไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ (Ideo New Rama9) มียอดขาย 41% และ โครงการ เอลลิโอ เดล เนสท์  (Elio Del Nest) มียอดขาย 20% จากการเปิดตัวในเฟสแรก  ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าในโซนอุดมสุขและสุขุมวิทตอนปลายเป็นอย่างดีเหมือนทุกทำเลที่เคยได้นำเสนอมา   เพื่อตอกย้ำความเป็น Urban Living Solutions และความเป็นผู้นำในการพัฒนาที่อยู่อาศัยและการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนเมืองให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยงาน ANANDA URBAN PULSE นี้นับเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ฯ ที่บริษัทฯได้มีการพัฒนาและนำเอา Ananda Smart Booking ระบบจองซื้อห้องชุดแบบอัตโนมัติ มาสร้างสีสันและสร้างประสบการณ์การจองซื้อคอนโด ในรูปแบบใหม่ภายในงาน   “จากกระแสตอบรับของการจัดงานในครั้งนี้ โดยเฉพาะโครงการไฮไลท์ในปีนี้  คือ โครงการ ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ และ โครงการ แอชตัน อโศก - พระราม 9  ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ก็เพราะว่า อนันดาฯ พยายามที่จะหาทำเลที่ดีที่สุดให้สังคม ตอบโจทย์ปัญหาของคนเมืองไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่าที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้ามีอิทธิผลต่อผู้บริโภคมาก ทำให้เห็นว่าตอนนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับมา  และด้วยจุดแข็งของ อนันดาฯ ที่ใช้กลยุทธ์เลือกทำเลติดรถไฟฟ้าที่ดีที่สุดก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืน ที่ทำให้ อนันดาฯ ประสบความสำเร็จทุกครั้งในการเปิดตัวโครงการใหม่เสมอมา” นายชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย
เรียลแอสเสท จับมือ 3 พันธมิตรเดินหน้าก่อสร้าง “ลาวีค สุขุมวิท 57”

เรียลแอสเสท จับมือ 3 พันธมิตรเดินหน้าก่อสร้าง “ลาวีค สุขุมวิท 57”

นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ( คนที่ 4 จากซ้าย ) และนายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์ธุรกิจ (คนที่ 3 จากซ้าย) บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จับมือ 3 พันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท นาราคอนซัลท์ แอนด์ ดีไซน์ จำกัด บริหารงานและควบคุมการก่อสร้าง , บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) บริหารงานโครงสร้างและงานสถาปัตย์ และ บริษัท เมลคอน จำกัด บริหารงานระบบประกอบอาคาร เดินหน้าก่อสร้างโครงการ ลาวีค สุขุมวิท 57 คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ ที่ได้รับการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางโดยเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำระดับโลก  เฟนดิ คาซ่า เดินทางสะดวกสบายเพียง 3 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ
พฤกษา ปรับโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่ รักษาผู้นำอสังหาฯ ยกระดับภาพลักษณ์ใหม่ ชูแนวคิด Live Inspired

พฤกษา ปรับโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่ รักษาผู้นำอสังหาฯ ยกระดับภาพลักษณ์ใหม่ ชูแนวคิด Live Inspired

พฤกษา ปรับโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่ รักษาผู้นำอสังหาฯ ยกระดับภาพลักษณ์ใหม่ ชูแนวคิด Live Inspired นายคมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงาน Corporate Marketing บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับโฉมแบรนด์ใหม่ในรอบ 10  ปี ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การดำเนินงานของพฤกษาในปีนี้  ในการรีเฟรชแบรนด์พฤกษา เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ทันสมัย มีสไตล์มากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “Live Inspired”  เป็นต้นแบบการใช้ชีวิตด้วยตัวคุณเอง  โดยปรับ Mood & Tone ของสื่อโฆษณาต่างๆ ใหม่ทั้งหมด ล่าสุดได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ในรูปแบบ Internet Film จำนวน 3 เรื่องราว สื่อสารกับลูกค้า 3 กลุ่มหลักของพฤกษา ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้จากที่บ้าน   โดยเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  และเน้นการทำการตลาด Digital Marketing มากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ยังปรับโฉมเว็บไซต์ pruksa.com ทั้งดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ให้สอดคล้องกับสื่อโฆษณาทั้งหมดที่ได้ Launch ออกไปก่อนหน้านี้  คาดว่าผู้บริโภคจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของแบรนด์พฤกษาในภาพลักษณ์ใหม่ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น   ปัจจุบันพฤกษา เรียลเอสเตท ก่อตั้งมาแล้วกว่า 24 ปี  พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายแบรนด์และหลายระดับราคา ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม ครอบคลุมทุกทำเลทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงจังหวัดหลักที่เป็นเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น   เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และปีนี้ได้ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมมากยิ่งขึ้น จึงได้ทำการปรับโฉมแบรนด์พฤกษาควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ โดยนำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในทุกกระบวนการทำงาน เพื่อส่งมอบบ้านและการบริการที่ดีที่สุด ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ของพฤกษา จนนำไปสู่การบอกต่อ ซึ่งเราเชื่อว่าจะทำให้พฤกษาสามารถเติบโตและรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างยั่งยืน โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2560 พฤกษา ครองส่วนแบ่งตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯและปริมณฑลสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีส่วนแบ่งตลาดรวมอยู่ที่ 13%  จากมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด 97,478 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์พฤกษา ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ และเป็นต้นแบบการใช้ชีวิต ชมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ได้ที่  Facebook.com/PruksaFamilyClub  หรือ  Youtube: ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3
วี พร็อพเพอร์ตี้ ปลี้ม VTARA36 ยอดขายทะลุ 99 % มั่นใจตลาดคอนโดหรูแนวรถไฟฟ้าสุขุมวิท  เล็งผุด 2 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง  ดันยอดตามเป้า 5,000 ล้านบาท ภายในปี’63

วี พร็อพเพอร์ตี้ ปลี้ม VTARA36 ยอดขายทะลุ 99 % มั่นใจตลาดคอนโดหรูแนวรถไฟฟ้าสุขุมวิท เล็งผุด 2 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง ดันยอดตามเป้า 5,000 ล้านบาท ภายในปี’63

วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการหรู มั่นใจกำลังซื้อตลาดคอนโดลักชัวรี่แนวรถไฟฟ้าเตรียมแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ 2 ทำเลแนวรถไฟฟ้าเส้นสุขุมวิท ย่านพระโขนง มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง 2560 พร้อมเผยยอดขายคอนโดโลว์ไรส์  “VTARA36” ทะลุ 99%   นายพรชัย เลิศอนันต์โชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (V Property) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือ GDP ที่ประมาณ 3.3-3.8% ในปี 2560 ทั้งนี้ มีปัจจัยหนุนนำสำคัญจากการลงทุนภาครัฐในโครงการเมกะโปรเจกต์และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะกระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัยและส่งผลต่อการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ ในขณะเดียวกัน ตลาดคอนโดมิเนียมหรูแนวรถไฟฟ้า โดยเฉพาะในย่านสุขุมวิท ยังมีกำลังซื้อที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและผู้ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า บริษัทจึงวางแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ เริ่มจากในทำเลคุณภาพย่านพระโขนง เป็นโครงการ Rare-Item อยู่ใกล้ BTS พระโขนง โดยมีมูลค่าโครงการ รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้   “ทั้งนี้ โครงการ วีธารา สุขุมวิท 36 (VTARA36) ซึ่งเป็นคอนโดโลว์ไรส์ 8 ชั้น 5 อาคาร จำนวนทั้งหมด 466 ยูนิต บนทำเลทองย่านสุขุมวิท 36 ได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยยอดขายกว่า 99% ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ใจกลางเมือง คอนเซ็ปท์โครงการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการทำเลสะดวกสบายแต่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงในบรรยากาศร่มรื่นให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลาย เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกสุดหรูหรา ไม่ว่าจะเป็น ส่วนกลางขนาดกวา 2 ไร่ ฟิตเนสระดับหรูหรา (Panoramic Fitness Pavilion) , Japanese Onsen ระดับ Top Class ,สวนดูดาว (Sunset Garden), ที่จอดรถอัจฉริยะ (Intelligence Parking System), สระว่ายน้ำมรกต (Emerald Lagoon Pool), กรรมสิทธิ์ที่จอดรถ Super car ที่มาพร้อม Personal IP Camera , พร้อมทั้งมีห้องชุดสุดพิเศษ Courtyard Villa ที่เป็นห้องชุดที่มาพร้อมกับกรรมสิทธิ์ส่วนสีเขียว เสมือนสนามหญ้าในบ้านเดี่ยว โดยคอนเซ็ปท์การพัฒนาโครงการนี้เกิดจากการศึกษาตลาดและวิเคราะห์ทำเล รวมทั้งความต้องการของลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ จะมุ่งเน้นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาโครงการแนวสูงระดับ Luxury บริเวณรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทเป็นหลัก โดยตั้งเป้ามีรายได้แตะระดับ 5,000 ล้านบาทก่อนปี 2563” นายพรชัย กล่าว   บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักเซอรี่ โดยเน้นทำเลย่านสุขุมวิท-ทองหล่อ โครงการที่ผ่านมา ได้แก่ เอช สุขุมวิท 43 (H Sukhumvit 43) คอนโดไฮไรส์ 32 ชั้นในซอยสุขุมวิท 43 จำนวน 290 ยูนิต ซึ่งเปิดตัวในปี 2555 และปิดการขายไปแล้ว
อสังหาฯโละสต๊อก! ภาพรวมสะสมค้างกว่า 1 แสนยูนิต

อสังหาฯโละสต๊อก! ภาพรวมสะสมค้างกว่า 1 แสนยูนิต

อสังหาฯ น่าห่วง สต๊อกเหลือขายกว่า 1 แสนยูนิต ค่ายใหญ่จัดลดราคากว่า 40% เร่งยอดรับรู้รายได้ นายมานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ภาพรวมของสต๊อกอสังหาริมทรัพย์พร้อมอยู่ที่สะสมในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมามีกว่า 1 แสนยูนิต ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 80% หรือประมาณ 8 หมื่นยูนิต ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท/ยูนิต อีก 2 หมื่นยูนิต เป็นโครงการแนวราบ “ตลาดคอนโดมิเนียมน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะมีจำนวนยูนิตเหลือขายค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในตลาดระดับกลาง-ล่าง กระจายอยู่ในหลายทำเลในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่หากถามไปยังผู้ประกอบการจะบอกว่าไม่ใช่ว่าทุกทำเลที่เกิดปัญหาฟองสบู่หรือล้นตลาด ซึ่งการเก็บข้อมูลของบริษัทวิจัยอสังหาฯ หรือศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ก็ยังไม่ได้ตัวเลขที่ชัดเจนนักในสต๊อกยูนิตเหลือขายของผู้ประกอบการ แต่รู้ว่าเวลานี้น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีปัญหาการปฏิเสธการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน” นายมานพ กล่าว นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า เริ่มเห็นกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เพื่อระบายสต๊อกคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ออกไปให้ได้มากที่สุด โดยใช้กลยุทธ์การลดราคาขาย หรือการขายราคาเท่ากับวันที่เปิดตัวโครงการ เนื่องจากโครงการขายออกไม่หมดนั้น เมื่อโครงการมีการก่อสร้างเสร็จผู้ประกอบการจะต้องรับภาระในส่วนของค่าส่วนกลาง หากขายลดราคาแล้วโอนโครงการทันทีจะทำให้มียอดรับรู้รายได้รวดเร็ว นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า สต๊อกสะสมที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมนั้น ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น และอย่าเหมาเอาว่าคอนโดมิเนียมล้นตลาด กรณีนี้ต้องพิจารณาเป็นรายทำเลว่าตรงไหนที่ล้นตลาด นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมนำสต๊อกคอนโดพร้อมอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ปริมณฑลและต่างจังหวัด 4,000 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นระดับราคาประมาณ 1 ล้านบาท/ยูนิต มาลดราคาครั้งใหญ่ และหากซื้อแบบบิ๊กล็อตจะลดมากกว่า 40% เพื่อสร้างการรับรู้รายได้ในทันที เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่ระดับดังกล่าวส่วนใหญ่มีปัญหาการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน   ที่มา : www.posttoday.com
ตลาดรับสร้างบ้านครึ่งแรกของปี’60 “ทรงตัว” ส.ธุรกิจรับสร้างบ้านลุ้นกำลังซื้อดีดกลับครึ่งปีหลัง

ตลาดรับสร้างบ้านครึ่งแรกของปี’60 “ทรงตัว” ส.ธุรกิจรับสร้างบ้านลุ้นกำลังซื้อดีดกลับครึ่งปีหลัง

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เผยตลาดรับสร้างบ้านครึ่งแรกของปีทรงตัว “พิชิต อรุณพัลลภ”คาดหวังตลาดจะดีดกลับมาเติบโตได้ในช่วงครึ่งหลังของปี หลังปลดล็อค5ปีรถคันแรกผู้บริโภคส่งสัญญาณเริ่มสนใจปลูกสร้างบ้านมากขึ้น อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากภาครัฐมีความชัดเจนในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมดึงพันธมิตรวัสดุฯร่วมโชว์ “นวัตกรรม”ในงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ: Home Builder&Materials Expo 2017”  ระหว่างวันที่ 17 - 20 สิงหาคม 2560 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึงภาพโดยรวมตลาดรับสร้างในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ว่าตลาดค่อนข้างทรงตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังสูง แต่มองในแง่ดีตลาดน่าจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 10,200 ล้านบาทหรือหากจะเติบโตก็ก็น่าจะอยู่ที่ 5-10% จากปี2559 โดยมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนดังนี้คือ 1.การส่งออกที่ดีขึ้น 2.ความชัดเจนในโรดแมปการที่รัฐบาลผ่านรัฐธรรมนูญไปสู่การเลือกตั้ง และ 3.คาดว่าธุรกิจยังจะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีความคืบหน้าและชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจ จะส่งผลด้านจิตวิทยาและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น อย่างไรก็ดียังเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อค่อยๆฟื้นคืนกลับมา โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคหมดภาระการผ่อนชำระจากโครงการรถยนต์คันแรก เมื่อภาระการผ่อนรถยนต์ผ่อนคลายแรงกดดันผู้บริโภคกลุ่มนี้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นการปรับปรุงบ้านหลังเก่า หรือรื้อบ้านหลังเก่าแล้วปลูกสร้างขึ้นมาใหม่ “ปัจจุบันสถาบันการเงินต่างๆก็ได้แข่งขันกันออกแพ็คเกจดอกเบี้ยพิเศษให้กับผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินกันมากขึ้น” ทั้งนี้เพราะการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจรับสร้างบ้านไม่มี NPL จึงทำให้สถาบันการเงินสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อรองรับกับกำลังซื้อสมาคมฯได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการขายมาต่อเนื่อง ด้วยการเตรียมจัดงานใหญ่ “รับสร้างบ้านและวัสดุ: Home Builder&Materials Expo 2017”   ระหว่างวันที่ 17 - 20 สิงหาคม 2560 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งในปีนี้ได้รับการตอบรับจากพันธมิตรบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างร่วมออกบูธพร้อมกับโชว์นวัตกรรมต่างๆภายในงานด้วย พร้อมกันนี้นายพิชิต ยังกล่าวยอมรับว่า ด้วยปัจจัยต่างๆที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการในทุกภาคธุรกิจรวมถึงบริษัทรับสร้างบ้านเองก็ต้องปรับตัว สิ่งที่สำคัญของการนำเสนอแบบบ้านหรืองานบริการนั้นต้องสนองต่อพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยในแต่ละกลุ่มแต่ละวัย การเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคและการออกแบบให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตประจำวันจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ รวมทั้งแบบบ้านนั้นจะต้องเหมาะสมสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และรองรับผู้สูงอายุในอนาคต โดยที่ผ่านมาบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯได้มีการปรับตัวรองรับกับกระแสธุรกิจตลาดที่อยู่อาศัยยุค4.0 ด้วยการให้ความสำคัญเรื่อง“นวัตกรรม” และเพิ่มความเข้มข้นให้บริการแบบครบวงจร รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่ทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องต่างๆซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในมาตรฐานคุณภาพและบริการซึ่งมีความแตกต่างจากผู้รับจ้างก่อสร้างรายย่อยทั่วไป
SENA เปิดโครงการ “Niche id @ Pakkret Station” ภายใต้คอนเซ็ปต์ ขยายทุกพื้นที่..ให้ชีวิตลงตัว พร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้สอย วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท

SENA เปิดโครงการ “Niche id @ Pakkret Station” ภายใต้คอนเซ็ปต์ ขยายทุกพื้นที่..ให้ชีวิตลงตัว พร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้สอย วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท

บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดโครงการ”นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น” มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียมพร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้สอย วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา บนทำเลที่คุ้นเคยเพียง 600 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าปากเกร็ด ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท พร้อมพรีเซล 1 – 2 กรกฎาคม 2560 นี้  ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเมืองไทย และในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดโครงการใหม่ “นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น” มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ขยายทุกพื้นที่..ให้ชีวิตลงตัว” เป็นโครงการแรกภายใต้แบรนด์ นิช ไอดี ที่โดดเด่นด้วยวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมการออกแบบฟังก์ชั่นการดีไซน์ห้องที่ลงตัวและคุ้มค่า ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท เปิดพรีเซลล์ในวันที่ 1 – 2 กรกฎาคม 2560 “นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น” เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise โครงการแรกภายใต้แบรนด์ นิช ไอดี ที่มีความสูงถึง 35 ชั้น 1 อาคาร แบ่งเป็นห้องพัก 857 ยูนิต และร้านค้า 7 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 864 ยูนิต สำหรับทำเลที่ตั้งมีศักยภาพและน่าสนใจเพราะติดถนนติวานนท์ ช่วงแยกปากเกร็ด-ถนนศรีสมาน สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีปากเกร็ดที่อยู่ห่างจากโครงการเพียง 600 เมตร พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เช่น เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เมืองทองธานี, ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาแจ้งวัฒนะ, โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี (ตรงข้ามโครงการ) ฯลฯ นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีส่วนกลางอำนวยความสะดวกมากขึ้น เพิ่ม ECO Innovation ด้วยการติดตั้ง Solar Pavillion สำหรับพักผ่อนพร้อมชาร์จแบตมือถือจากพลังงานแสงอาทิตย์ และการดูแลความปลอดภัยถึง 3 ระดับ 1. Keycard Access 2. Lift Access 3. CCTV 24 ชม. “โครงการ นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น เป็นโครงการที่ SENA เปิดตัวในไตรมาส 3/2560 และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เพราะจุดขายบนทำเลวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา และการออกแบบฟังชั่นการดีไซน์ห้องที่ลงตัวและคุ้มค่า สอดคล้องคอนเซ็ปต์“ขยายทุกพื้นที่..ให้ชีวิตลงตัว” ดร.เกษรา กล่าว รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังใส่ใจ ดูแลลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ "หัวคิด และหัวใจ" พร้อมบริการดูแลหลังการขาย  360 องศา เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วยองศาแห่งความอุ่นใจ ในบริการแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดย SENA We Care , องศาแห่งความสุข ดูแลทุกโครงการให้อยู่สบายโดย Victory , องศาแห่งความสบายใจ วันไหนก็ยังมั่นคงด้วยบริการรับฝากขาย – เช่า โดย 360° Living agent  , องศาแห่งความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะติดต่อหรือติดตาม และยังตรวจสอบปริมาณการลดค่าไฟฟ้าจากโซลาร์ ก็สะดวกสบายด้วยแอพพลิเคชั่น SENA 360° SERVICE
บิ๊กเนม LPN ปักหมุดผุด “The Selected Kaset-Ngamwongwan By LPN” พร้อมเปิดขายวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ ขนาด 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท

บิ๊กเนม LPN ปักหมุดผุด “The Selected Kaset-Ngamwongwan By LPN” พร้อมเปิดขายวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ ขนาด 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท

สิ่งที่หลายๆ คนจะคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ในการหาที่พักอาศัยก็คือ เรื่องทำเล หากทำเลดี เดินทางสะดวก อยู่ใกล้รถไฟฟ้า สภาพแวดล้อมรอบข้างดี ก็ถือได้ว่าเป็นทำเลทอง เฉกเช่นถนนงามวงศ์วาน บริเวณสี่แยกเกษตร ที่เป็นจุดตัดกับพหลโยธิน และ ถนนประเสริฐมนูกิจมุ่งตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือผ่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไปตัดกับถนนวิภาวดีรังสิต ระยะทางเพียงไม่กี่กิโลเมตร ถนนเส้นนี้ปัจจุบันได้มีคอนโดมิเนียม และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ก่อตัวขึ้นมาอย่างน่าสนใจ ศักยภาพทำเล “ตอบทุกโจทย์ ... ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง” ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ใกล้ศูนย์การค้า 3 แห่ง - แหล่งกิน, แหล่งเที่ยว ใกล้หน่วยงานสำคัญๆ ทั้งภาครัฐบาล และเอกชน และใกล้ 4 มหาวิทยาลัยชื่อดัง สถานที่สำคัญที่ตั้งอยู่บริเวณนี้ บริเวณที่คนทั่วไปเรียกว่า “เกษตร-งามวงศ์วาน” ก็คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, โรงพยาบาลวิภาวดี, ท็อปส์ มาร์เก็ต เกษตรฯ นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, ยูเนี่ยน มอลล์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และอีก 3 มหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, มหาวิทยาลัยศรีปทุม และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต รวมถึงยังเป็นที่ตั้งสำนักงานขนาดใหญ่ และหน่วยงานราชการสำคัญๆ ก็อยู่บริเวณนี้เช่นกัน นั่นคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ หรือ SCB PARK, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสำนักงานใหญ่, กรมป่าไม้,    การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.), ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) และกรมยุทธโยธา เป็นต้น กล่าวได้ว่าทำเลนี้ “เกษตร-งามวงศ์วาน” เป็นทำเลที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าทำเลอื่นๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และ การเดินทางก็สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายสำคัญได้หลายสาย เช่น วิภาวดี-รังสิต, พหลโยธิน, เกษตรฯ-นวมินทร์, กรุงเทพฯ-นนทบุรี รวมไปถึงทางด่วนขั้นที่สองที่ถนนงามวงศ์วาน ทำให้สะดวกต่อการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพฯ ชั้นในและชั้นนอกได้อย่างง่ายดาย และจะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางมากขึ้นไปอีกในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเมื่อโครงการรถไฟฟ้า 2 สายสร้างเสร็จ และเปิดให้บริการคือโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ที่วิ่งคู่ขนานไปกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ในอนาคตก็จะมีการลงทุนสร้างโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบัง-กรุงเทพฯ-ท่าเรือน้ำลึกทวาย ที่เรียกกันว่าโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอนที่ 1 (N1)* ที่ กทพ. ออกแบบให้เป็นทางยกระดับ 6 ช่องเป็นทางด่วนวงแหวน สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางประตูสู่การค้าใหม่ด้านตะวันตก เชื่อมกับมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และเชื่อมต่อกับท่าเรือทวาย ซึ่งเริ่มต้นจากทางด่วนพิเศษศรีรัช  มาตามถนนรัตนาธิเบศร์ ผ่านแครายไปตามถนนงามวงศ์วานถึงแยกเกษตรศาสตร์ (ช่วงถนนงามวงศ์วานช่วงที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) เบื้องต้นทาง กทพ. ได้มีการปรับแบบโดยเพิ่มทางขึ้นลงในมหาวิทยาลัยเพื่ออำนวยความสะดวกจากการใช้ทางด่วน ด้วยศักยภาพของทำเลในปัจจุบันและในอนาคตที่เกิดจากการลงทุนของภาคเอกชนและของภาครัฐบาล จะช่วยสนับสนุนให้ทำเล “เกษตร-งามวงศ์วาน”เป็นทำเลใจกลางเมืองแห่งใหม่ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบสนองไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้อย่างครบถ้วน ทั้งแหล่งกิน แหล่งช้อปปิ้ง และทำเลการอยู่อาศัย อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าจับตามอง ตอบทุกโจทย์ ... ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง “The Selected Kaset-Ngamwongwan By LPN อีกโครงการสะท้อนยุทธศาสตร์ “LPN YEAR OF SHIFT” เพราะจุดเด่นของทำเลทำให้ถนนเส้นนี้มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทยอยไล่เก็บที่ดินผุดโครงการกันอย่างต่อเนื่อง บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) คืออีกหนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ที่เดินหน้าปักหมุดโครงการในทำเลดังกล่าวมาตลอดตั้งแต่แยกรัชโยธิน เรื่อยมาจนถึงเส้นเกษตร-งามวงศ์วาน ที่ล่าสุดได้แตกแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ ภายใต้ชื่อ “เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน บาย แอล.พี.เอ็น. (The Selected Kaset-Ngamwongwan By LPN)” สะท้อนภาพกลยุทธ์การตลาด ที่สร้างความแตกต่าง ปรับภาพลักษณ์สินค้า (Brand Image) เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ตอกย้ำยุทธศาสตร์ที่ประกาศไว้เมื่อช่วงต้นปี 2560 “LPN YEAR OF SHIFT” ที่พร้อมจะ Shift ในหลายๆ ด้าน  “The Selected Kaset-Ngamwongwan By LPN” จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพของบิ๊กเนม LPN ที่พร้อมเพิ่มคุณค่ากับผลิตภัณฑ์ (Product  Value) ได้ปรับโฉมงานออกแบบใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ New Architectural Design รูปลักษณ์ตึกภายนอก และภายในโครงการ อีกทั้งยังสร้างความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบ ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษผ่านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน เพื่อส่งมอบ “ความสุขที่แท้จริงของการอยู่อาศัย” ในราคา 3 ล้านต้นๆ  หรือรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือนก็สามารถที่จะเป็นเจ้าของได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่คุ้นเคยในการอยู่อาศัย หรือใช้ชีวิตในโซนนี้มีไม่น้อยกว่า 1 แสนราย เฉพาะบุคลากร และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีกว่า 4-7 หมื่นราย และยังมีกลุ่ม Blue Collars คนทำงานอิสระ หรือทำงานที่ไม่ได้ทำในออฟฟิศ และกลุ่ม White Collars หรือกลุ่มคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานในออฟฟิศ ผู้บริหาร เจ้าของกิจการ และในอนาคตเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย จึงเหมาะที่จะซื้อทั้งอยู่อาศัยเอง หรือ ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เป็นโอกาสที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีทั้งในแง่ของ “มูลค่า” ที่เพิ่มขึ้น และ “ค่าเช่า” ที่สม่ำเสมอ โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนงามวงศ์วาน ระหว่างแยกเกษตรนวมินทร์ (มุ่งสู่ถนนวิภาวดี-รังสิต) และแยกบางเขน ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ห่างจากประตูงามวงศ์วาน 3 ประมาณ 250 เมตร บนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ (3 งาน 46 ตร.วา) พัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 20 ชั้น 1 อาคาร ห้องชุดพักอาศัย 307 ยูนิต (ชั้น 5 - 20) รูปแบบห้องชุดขนาด 24.00 – 43.50 ตารางเมตร พร้อมเปิดขายวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ ขนาด 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม LPN Call Center 02-689-6888 สำนักงานขาย 02-561-1700 หรือ www.facebook.com/ Condo Lumpini โดยชั้นล่างจะเป็น สำนักงานนิติบุคคล, ลานเอนกประสงค์, ห้องเรียนรู้, ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม, สนามสตรีทบาส, ห้องเครื่อง และที่จอดรถ, ชั้น 2 - 4ห้องเครื่อง และที่จอดรถ ,ชั้น 5 ฟิตเนสโซน (สระว่ายน้ำไร้ขอบ, ห้องออกกำลังกาย) และห้องชุดพักอาศัย ,ชั้น 6-18 ห้องชุดพักอาศัย,ชั้น 19 สวนอินฟินิตี้ และห้องชุดพักอาศัย และชั้น 20 ห้องชุดพักอาศัย ภายในโครงการมีที่จอดรถประมาณ 121 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านที่อยู่อาศัยทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ INFINITY EDGE POOL: ฟิตสุขภาพให้ร่างกายได้อิสระไปกับสายน้ำอย่างไร้ขีดจำกัด, LOBBY : ห้องรับแขกกลางที่ถูกออกแบบเพื่อให้ทุกคนสัมผัสถึงการต้อนรับที่อบอุ่นมากกว่าเพียงที่พักอาศัย, LEARNING ZONE : เพราะเราทุกคน คือเพื่อนบ้านกัน บนพื้นที่ส่วนกลางที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนได้มีเวลาแบ่งปันความรู้ ความสุขร่วมกัน, RUNNING TRACK : วิ่งหรือเดินลานออกกำลังกายรอบโครงการตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตคุณได้ทุกเวลา “The Selected Kaset-Ngamwongwan By LPN” เป็นโครงการอยู่อาศัยล่าสุดที่พัฒนาขึ้นรองรับกับความต้องการของตลาดบนทำเล“เกษตร-งามวงศ์วาน” ที่ว่ากันว่าจะเป็นทำเลทองน้องใหม่ใจกลางเมืองที่แข็งแกร่งมีผู้อยู่อาศัยหลากหลายกลุ่ม รองรับกลุ่มคนโสด กลุ่มคนเพิ่งแต่งงานสร้างครอบครัวมีลูก และการลงทุนในคอนโดมิเนียมเป็นการสร้าง “ทรัพย์สิน” ในอนาคต
พฤกษาเปิดตัว “เดอะทรี จรัญฯ 30” ทับทิมสยามเม็ดงามแห่งจรัญสนิทวงศ์

พฤกษาเปิดตัว “เดอะทรี จรัญฯ 30” ทับทิมสยามเม็ดงามแห่งจรัญสนิทวงศ์

พฤกษาเปิดตัว “เดอะทรี จรัญฯ 30”  ทับทิมสยามเม็ดงามแห่งจรัญสนิทวงศ์ คอนโดพรีเมียม เจิดจรัสทุกมุมมอง ให้ความเป็นส่วนตัวสูง             นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท  บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “วันที่ 24-25 มิถุนายน นี้ จะเปิดพรีเซลโครงการ “เดอะทรี จรัญฯ 30” มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท  เป็นคอนโดระดับพรีเมียม ดีไซน์โดดเด่นทั้งภายในและภายนอก หรูหราและเป็นส่วนตัวด้วยการตกแต่งที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดทั้งวัสดุตกแต่ง ฟังก์ชั่นการใช้สอยภายในห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวก อยู่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นย่านชุมชนและเป็นแหล่งค้าขายหลักที่สำคัญและเก่าแก่อีกย่านหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีแยกไฟฉาย และสถานีบางขุนนนท์ ซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้า เชื่อมต่อรถไฟฟ้ามากถึง 3 สาย (Interchange 3 สายในอนาคต สายสีน้ำเงินสายบางซื่อ-ท่าพระ, สายสีแดงเส้นทางตลิ่งชัน-ศาลายา และสายสีส้มเส้นทางตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) (เปิดใช้บริการในปี 2563) จากการขยายตัวของระบบคมนาคมส่งผลให้ปัจจุบันในย่านจรัญสนิทวงศ์มีความเป็นเมืองสูง และมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าจับตามอง  โดยโครงการตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้ตลาดบางขุนศรี  ซึ่งเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์มาก เปิดขายในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท* ผ่อนดาวน์เริ่มเพียงเดือนละ 2,900 บาท เรียกได้ว่าเป็นราคาที่น่าดึงดูดใจมากเมื่อเทียบกับโครงการคุณภาพระดับพรีเมียม บนทำเลที่มีศักยภาพ ในย่านจรัญสนิทวงศ์แห่งนี้”               “เดอะทรี จรัญฯ 30” ทับทิมสยามแห่งจรัญสนิทวงศ์ คอนโดหรูบนย่านวัฒนธรรมเก่า ดีไซน์โดดเด่นทั้งภายในและภายนอก หรูหราและเป็นส่วนตัวด้วยการตกแต่งที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด เจิดจรัสทุกมุมมอง เปรียบเสมือนอัญมณีล้ำค่าที่คู่คุณเสมอ โครงการมีพื้นที่ 1-3-79 ไร่ เป็นอาคารพักอาศัยสูง 22 ชั้น 1 อาคาร และอาคารสูง 8 ชั้น พร้อมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น 1 อาคาร เป็นส่วนตัวสูงด้วยห้องพักอาศัยที่มีเพียง 305 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 2 ยูนิต  มีทั้งแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 23.60 -41.10 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 43.95–45.85 ตารางเมตร ที่มีการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่คุ้มค่าทุกตารางนิ้ว ครบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความเป็นส่วนตัว และมีความหลายหลาย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตระดับพรีเมียมอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น The Prime Lobby ล็อบบี้โอ่โถงเป็น Double Volume สูง 6 เมตร พื้นและผนังของล็อบบี้กรุด้วยหินจริง Beige Emperador, Private Prime Corner, Elegant Lift Hall, Precious Mailbox, Hideaway Garden, Garden View Gym, Exclusive Working Space, Private Meeting Room เปิดรับวิวกรุงเทพมหานครบนชั้นสูงสุดของอาคารด้วย Sky View Courtyard, Sky Steaming Room, Finest Sky Lounge, Leisure Sky Scene และCrystalline Sky Pool สระว่ายน้ำ See Through พร้อมชมเมืองหลวงมุมมองใหม่ ใต้สระน้ำกลางฟ้ากรุงเทพมหานคร   โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ตรงข้ามตลาดบางขุนศรี ติดห้างฟู้ดแลนด์ เยื้องห้างแม็คโคร  ใกล้สถานที่สำคัญหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลศิริราช มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) สะดวกสบายด้วยรถโดยสารสาธารณะที่หลากหลาย ทั้งทางบกและทางเรือ ใกล้ท่าเรือด่วนเจ้าพระยา ใกล้รถไฟฟ้าสถานีสามแยกไฟฉายประมาณ 300 เมตร และสถานีบางขุนนนท์ 450 เมตร เปิดพรีเซลวันที่ 24-25 มิถุนายนนี้ ที่สำนักงานขายโครงการ ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท ได้ทาง thetreecondo.pruksa.com/charan30  ชมห้องตัวอย่างก่อนใครได้แล้ววันนี้   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 1739 หรือ www.pruksa.com  
ชาญอิสสระ ส่งคอนเซ็ปต์ “Customized Your Own Issara Home” ลุย 2 โครงการหรู  “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม9” และ“บ้านอิสสระ บางนา”

ชาญอิสสระ ส่งคอนเซ็ปต์ “Customized Your Own Issara Home” ลุย 2 โครงการหรู  “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม9” และ“บ้านอิสสระ บางนา”

ชาญอิสสระ ส่งคอนเซ็ปต์ “Customized Your Own Issara Home” ลุย 2 โครงการหรู  “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม9” และ“บ้านอิสสระ บางนา” เน้นแนวคิดการสร้างบ้านตามใจผู้อยู่ ให้แก่กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ที่ต้องการปรับเปลี่ยนแปลนบ้านให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของครอบครัว เราเป็นโครงการเดียวที่สร้างไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้   นายดิฐวัฒน์  อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้จัด Pre Sales โครงการ  “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม9” และ“บ้านอิสสระ บางนา” ไปเมื่อกลางปี 2559 ที่ผ่านมา ทั้ง 2 โครงการได้รับการตอบรับอย่างดี ด้วยแบบบ้านที่มีความโมเดิร์น ออกแบบโดย A49 อีกทั้งโลเคชั่นยังถูกใจลูกค้า ล่าสุดบริษัทได้นำคอนเซ็ปต์ “Customized Your Own Issara Home” มานำเสนอให้แก่ลูกค้า โดยมีแนวคิดว่าลูกค้าในกลุ่มไฮเอนด์ เป็นลูกค้าที่มีความเป็นตัวตนสูง ชอบความแตกต่างที่ลงตัวกับตนเอง ต้องการความมีส่วนร่วมในการดีไซน์ฟังก์ชั่นใช้สอยของครอบครัว ทั้งนี้ในปัจจุบันบ้านพร้อมอยู่ทั่วไปจะมีมาตรฐานเหมือนกันทุกหลัง หากผู้ซื้อต้องการปรับแก้ไขแบบแปลนบ้านจะต้องทำการทุบรื้อทิ้งหลังจากโอนบ้านแล้ว แต่หากลูกค้าที่ซื้อบ้าน โครงการ  “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม9” และ“บ้านอิสสระ บางนา” ในช่วงนี้ ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนผังภายในบ้านได้ตามความต้องการ จะลด จะเพิ่มห้อง หรือย้ายผนังการกั้นห้องได้ เป็นการ Customized เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง   “บ้านพร้อมอยู่ทั่วไปจะเป็นแบบมาตราฐานเหมือนกันทุกหลัง ซึ่งหากต้องการปรับเปลี่ยนแปลนหรือตกแต่งภายในก็ต้องทุบหรือรื้อทิ้ง แต่หากเลือกซื้อบ้านที่เราจะสร้างเมื่อมีลูกค้าออเดอร์จากทั้งสองโครงการนี้ ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนแปลนและการตกแต่งภายในที่ไม่กระทบต่อโครงสร้างและรูปลักษณ์ภายนอก ก่อนสร้างบ้านเสร็จ สามารถปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมการตกแต่งภายในได้ตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยไม่กระทบต่อโครงสร้างบ้าน และจากแนวคิดรวมถึงด้วยศักยภาพของทำเล ความพรีเมี่ยมของสินค้า และการมอบอิสระให้ลูกค้าในแนวคิด Customized Your Own Issara Home จะเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมให้โครงการประสบความสำเร็จ” นายดิฐวัฒน์ กล่าว สำหรับ โครงการ “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9” และ“บ้านอิสสระ บางนา” สองโครงการมีมูลค่ารวม 4.4 พันล้านบาท โดยโครงการ “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9” บ้านเดี่ยว Super Luxury มีเพียง 20 ยูนิต ตั้งอยู่บนใจกลางเมือง พร้อมลิฟท์และสระว่ายน้ำส่วนตัว ออกแบบโดยถ่ายทอดแนวคิดผ่านความเป็น Modern Tropical ที่ทำให้เกิดความรู้สึกอยู่สบายน่าพักอาศัย มีความเรียบง่ายตามวิถีของคนยุคใหม่ แต่ไม่ละทิ้งหลักการของธรรมชาติ และประสบการณ์ชีวิตแบบอิสระ บนพื้นที่ประมาณ 9 ไร่ ถนนพระราม 9 ซอย 13 โครงการ “บ้านอิสสระ บางนา” บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ที่ผสมผสานความ Modern กับความอยู่สบายได้อย่างลงตัว ทั้งแบบ 2 ชั้น และ 3 ชั้น ที่ใช้วัสดุชั้นเลิศ เทคโนโลยีที่ทันสมัยสอดคล้องกับสังคมยุคดิจิตอล บนถนนบางนา-ตราด ใกล้เมกะบางนา บนเนื้อที่ประมาณ 24 ไร่ สำหรับลูกค้าที่สนใจและทำการจองโครงการ “อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9” และ“บ้านอิสสระ บางนา”   ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะได้รับโปรโมชั่นพิเศษส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท,ส่วนลดค่าออกแบบตกแต่งภายใน มูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท และโปรโมชั่นครบรอบ 65 ปีชาญอิสสระ รับแพคเกจโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต 3 วัน 2 คืน (ไม่รวมตั๋วเครื่องบินสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านในโครงการในเครือชาญอิสสระที่มีมูลค่ายอดซื้อสูงสุด 65 ท่านแรก อีกด้วย   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 ได้ที่ โทร.095-207-9277-9 หรือ issararama9@cbre.co.th  บ้านอิสสระ บางนา  โทร.095-207-9235-7 หรือ issarabangna@cbre.co.th   และ www.charnissara.com
เจ.เอส.พี. เปิดโครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 575 ลบ. ชูกลยุทธ์ J ID ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่

เจ.เอส.พี. เปิดโครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 575 ลบ. ชูกลยุทธ์ J ID ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่

16 มิถุนายน 2560 - บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบและที่อยู่อาศัย เปิดโครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 575 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ J ID ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ เพิ่มมูลค่าบ้านให้เทียบเท่าแบรนด์ใหญ่ มั่นใจสินค้าตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัย นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ในช่วงเร่งเดินหน้าก่อสร้างโครงการในกลุ่ม J Series อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากได้ทำการปรับภาพลักษณ์รีแบรนด์ใหม่ ก็ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีจากลูกค้าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ ทาวน์โฮม 3 ชั้น 5 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 4.19 ล้านบาท มูลค่า โครงการ 575 ล้านบาท เนื้อที่รวมกว่า 12-0-93.6  ไร่ จำนวน 120 ยูนิต บนทำเลติดถนนใหญ่แห่งเดียวบนกัลปพฤกษ์ ที่ในขณะนี้กำลังปั้นให้เป็นโมเดลต้นแบบของโครงการที่มีการนำนวัตกรรมการออกแบบดีไซน์บ้านในลักษณะ J ID หรือ J Intelligent Design  มาตรฐานของบ้านอันชาญฉลาดของเจ.เอส.พี. เข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มมูลค่าบ้านให้ผู้บริโภคเกิดความคุ้มค่า คุ้มราคามากที่สุด ซึ่งโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จกลางปี 2561 โดยเริ่มทยอยโอนในช่วงเดือนกรกฎาคม 2560 นี้ “สินค้าของ เจ.เอส.พี. มีจุดแข็งในด้านศักยภาพของเรื่องต้นทุนที่ดินและทำเลที่ตั้งเป็นหลัก พร้อมปัจจุบันบริษัทฯ ได้ทำการปรับสินค้าโดยการคิดค้นแนวคิด J ID หรือ J Intelligent Design นวัตกรรมมาตรฐานของบ้าน อันชาญฉลาดของเจ.เอส.พี. เสริมเข้าไป ทำให้รูปแบบบ้านมีความสมบูรณ์และลงตัวมากที่สุด เช่น การปรับรูปแบบบ้านให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นในขนาดบ้านที่เท่าเดิม เน้นการประหยัดพลังงาน เปิดรับแสงให้เข้าถึงได้ง่ายทำให้บ้านสว่าง และมีสีสันที่ทันสมัย เป็นต้น ซึ่งด้วยประสิทธิภาพเหล่านี้จึงทำให้บ้านของ เจ.เอส.พี. มีคุณภาพมาตรฐานเทียบ เท่ากับบ้านในกลุ่มบิ๊กแบรนด์ในราคาที่คุ้มค่ากว่า และมั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ลูกค้าผู้อยู่อาศัย และทำให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าแน่นอน” นายไพโรจน์ กล่าว นายไพโรจน์ กล่าวถึง โครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ว่า มีจุดเด่นด้านการออกแบบ คือมีคอนเซ็ปต์การดีไซน์เป็นแนวสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยภายในจะถูกออกแบบให้มีความพิเศษและแตกต่างจากทาวน์โฮมทั่วไป เพื่อรองรับครอบครัวใหญ่ และเน้นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ในทุกมิติ ภายใต้แนวคิดผู้นำสู่การสร้างสังคมและความสุขของครอบครัว ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบวิถีคนเมือง ส่วนในด้านงานก่อสร้างได้ใช้เทคโนโลยีระบบPrecast  เข้ามาช่วย ซึ่งทำให้ได้บ้านมีความแข็งแรงทนทาน ผนังบ้านเรียบเนียนไม่เป็นคลื่น พร้อมได้บ้านที่มีระดับมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทุกหลัง นอกจากนี้ยังมีการนำมาตรฐานของบ้านชาญฉลาด J ID หรือ J Intelligent Design มาใช้  ซึ่งเป็นหลักการแนวคิดที่ผู้อยู่อาศัยสามารถจับต้องได้จริงใน 4 ด้าน ได้แก่ iFunction การออกแบบให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วในบ้านสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับด้าน iEnergy การออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุเพื่อให้ประหยัดพลังงาน เช่น LED ทั้งหลัง แผ่นฟลอยด์สะท้อนความร้อน ช่องระบายอากาศใต้ฝ้า มีช่องแสงขนาดใหญ่เพื่อให้บ้านสว่างขึ้นโดยไม่ต้องเปิดไฟฟ้าในเวลากลางวัน พร้อมการนำนวัตกรรม Passive Cooling เข้ามาช่วยลดความร้อนระหว่างวันให้แก่บ้าน จึงทำให้บ้านมีความโปร่งโล่ง บรรยากาศดี และด้าน iColor การเลือกใช้สีกลุ่มสีโทนเย็นทำให้ดูสบายตา และมีคุณสมบัติสีช่วยสะท้อนความร้อน รวมทั้งด้าน iConnect ที่โครงการฯ คำนึงถึงความสะดวกสบายของลูกบ้าน โดยสร้างพื้นที่ Club House และ Co-working Space ที่ลูกบ้านสามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัดด้วย โครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ ประกอบด้วยแบบบ้าน 2 แบบ ได้แก่ แบบแรก ทาวน์โฮม 3 ชั้น 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 161 ตร.ม. และแบบที่สอง ทาวน์โฮม 3 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ (Penthouse แปลงมุม) พื้นที่ใช้สอย 161 ตร.ม. นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วยอาคารคลับเฮ้าส์ โดยมีบริการสระว่ายน้ำและฟิตเนส สวนสาธารณะรอบโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัยได้มาตรฐานด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและ CCTV 24 ชั่วโมง เป็นต้น ด้านการเดินทาง คือ โครงการจะติดถนนใหญ่กัลปพฤกษ์เข้าออกถนนสาทรได้อย่างสะดวก ใกล้ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก จึงทำให้อยู่ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ติดกับโครงการสำเพ็ง 2 ซึ่งเป็นโครงการของทาง J.S.P. มีตลาดน้ำสำเพ็ง 2 ในระยะที่เดินเท้าเข้าถึงได้ ห้างสรรพสินค้า เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร  และยังใกล้กับร้านอาหารมากมายตลอดเส้นกัลปพฤกษ์ “บริษัทฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ ไปแล้ว 60% และได้เปิดขายไปตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยขายไปแล้ว 302 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้เกินเป้าของปีนี้ที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท และทำให้มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถปิดยอดขายได้100% ส่วนภาพรวมธุรกิของเจ.เอส.พี. ในปี 2560 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าจะเปิดเพิ่มอีก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง โครงการ เจ วิลล่า วงแหวน-บางใหญ่ โครงการ เจ ซิตี้ ศรีราชา-อัสสัมชัญ และโครงการ เจ คอนโด บางเสร่ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะมียอดโอนอยู่ถึงจำนวน 5,067 ล้านบาท” นายไพโรจน์ กล่าวสรุป
อนันดา รุกหนักไตรมาส 2 จับมือยักษ์ใหญ่มิตซุย ลุยเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 21,700 ลบ.   เตรียมจัดอีเว้นท์ใหญ่แห่งปี Ananda Urban Pulse ยกขบวน 22 โครงการคุณภาพติดรถไฟฟ้า พบกัน 22 – 25 มิ.ย.นี้ ที่ สยามพารากอน

อนันดา รุกหนักไตรมาส 2 จับมือยักษ์ใหญ่มิตซุย ลุยเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 21,700 ลบ. เตรียมจัดอีเว้นท์ใหญ่แห่งปี Ananda Urban Pulse ยกขบวน 22 โครงการคุณภาพติดรถไฟฟ้า พบกัน 22 – 25 มิ.ย.นี้ ที่ สยามพารากอน

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)โชว์ศักยภาพผู้นำคอนโดติดรถไฟฟ้า พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งกับพันธมิตรเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น มิตซุย ฟูโดซัง ที่ยังคงมอบความไว้วางใจร่วมทุนอีก 5 โครงการใหญ่ มูลค่ากว่า 21,700 ล้านบาท พร้อมเผยแผนธุรกิจเตรียมลุยครึ่งปีหลังเปิดอีก 7 โครงการ มูลค่ากว่า 16,635 ล้านบาท  พร้อมคงเป้ายอดโอนทั้งปี 2560 ที่ 25,000 ล้านบาท และปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีเป็น 31,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้า นอกจากนี้เตรียมกระตุ้นตลาดและกำลังซื้อจัดงานนำเสนอคอนโดติดรถไฟฟ้าครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี “ANANDA URBAN PULSE” รวบรวมคอนโดติดรถไฟฟ้าคุณภาพเยี่ยมกว่า 22 โครงการทั่วกรุงเทพ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุด !! และพลาดไม่ได้!! กับ 5 โครงการไฮไลท์  จากแบรนด์คุณภาพที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าด้วยดีเสมอมา ที่พร้อมตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างลงตัว ระหว่างวันที่ 22-25 มิถุนายน 2560  นี้ ที่ สยามพารากอน ชั้น 1 นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เปิดเผยว่า บริษัท มิตซุย  ฟูโดซัง  จำกัด เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ที่ยังคงมอบความเชื่อมั่นและไว้วางใจ ในการร่วมมือกันพัฒนาโครงการติดรถไฟฟ้าที่มีคุณภาพ โดยในไตรมาส 2 นี้ ตกลงร่วมทุนเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่ากว่า 21,700 ล้านบาท   ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของอนันดาฯ และเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างลงตัวที่สุด สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2 เตรียมเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 21,700 ล้านบาท  ซึ่งเป็นความร่วมมือภายใต้การร่วมทุนกับ บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด  ได้แก่ 1. แอชตัน อโศก-พระราม 9 ราคาเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท มูลค่า 6,367 ล้านบาท จำนวน 593 ยูนิต 2.ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ ราคาเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท มูลค่า 3,090 ล้านบาท จำนวน 348 ยูนิต  3. ไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท มูลค่า 2,951 ล้านบาท จำนวน 994 ยูนิต   4.ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 ราคาเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท มูลค่า 4,264 ล้านบาท จำนวน 449 ยูนิต และ 5. เอลลิโอ เดล เนสท์ ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท มูลค่า 5,045 ล้านบาท  จำนวน 1,459 ยูนิต ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าทั้ง 5 โครงการจากความร่วมมือนี้จะยังคงสร้างความสนใจและได้รับการตอบรับจากคนเมืองได้อีกครั้ง นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง อนันดาฯ  มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 16,635 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 14,302 ล้านบาท และโครงการแนวราบอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,333 ล้านบาท นอกจากนี้ ด้วยทิศทางของตลาดอสังหาฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้นและคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น บริษัทได้เตรียมจัดงานใหญ่แห่งปี ซึ่งได้จัดเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเอาใจลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมคุณภาพเยี่ยมติดรถไฟฟ้าและเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง  ด้วยงาน “ANANDA URBAN PULSE” ระหว่างวันที่ 22-25 มิถุนายน 2560 ณ. ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งบริษัทฯได้คัดสรรและรวบรวมโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพติดรถไฟฟ้า ถึง 22 โครงการทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ 5 โครงการใหม่ล่าสุด แอชตัน อโศก-พระราม 9 230 ม. จาก MRT พระราม 9  ราคาเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท รับฟรีทันที! Ricoh Theta S* ไอดีโอ คิว วิคตอรี่ 0 ม. จาก BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ ราคาเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท รับฟรีทันที! Ricoh Theta S* ไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ ประมาณ 380* ม. จาก MRT รามคำแหง 12 ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท รับฟรีทันที! Paragon Gift Card มูลค่า 10,000 บ.** และรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บ.*** (จำนวนจำกัด) เมื่อจองในงาน ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 450 ม. จาก BTS ทองหล่อ ราคาเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท รับฟรีทันที! Ricoh Theta S* เอลลิโอ เดล เนสท์ ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท รับฟรีทันที! Ricoh Theta S* พร้อมด้วย 6 โครงการพร้อมอยู่ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี 390 ม. จาก BTS ราชเทวี ราคา 5.49 ล้านบาท คิว ชิดลม-เพชรบุรี ใกล้ BTS ชิดลม ราคา 5.59 ล้านบาท ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสท์เกต 150 ม. จาก BTS บางนา  1 ห้องนอน ราคา 3.69 ล้านบาท ให้ครบจนคุ้ม จอง 5,000* บ. พร้อมเข้าอยู่ ฟรี เฟอร์ฯ+เครื่องใช้ไฟฟ้า+ค่าโอนฯ+ฟรี!! แพ็จเกจทัวร์อิตาลี **+ Samsung S8** ไอดีโอ สุขุมวิท 115 ติด BTS ปู่เจ้าฯ ราคาเดียว 2.39 ล้านบาท ฟรี!! ทุกค่าใช้จ่ายวันโอนฯ ** ฟรี!! เครื่องใช้ไฟฟ้า ผ้าม่าน เฟอร์ฯ ครบ** (เฉพาะจองในงาน) ไอดีโอ โอทู ใกล้ BTS อุดมสุข และบางนา ราคา 2.6 ล้านบาท และ ยูนิโอ จรัญฯ 3  900 ม. จาก MRT ท่าพระ เริ่ม 999,999 บาท ผ่อนเพียง 333 บ. / ด. นาน 1 ปี** ฟรี!! เครื่องใช้ไฟฟ้า 4 รายการ ** ฟรี !! ทุกค่าใช้จ่ายวันโอน ** และอีก 11 โครงการคุณภาพ กับโปรโมชั่นพิเศษสุด แอชตัน จุฬา- สีลม  180 ม. จาก MRT สามย่าน ราคา 6.79 ล้านบาท SPECIAL PRIVILEGE UP TO 1 MB.*** แอชตัน สีลม 350 ม. จาก BTS ช่องนนทรี CORNER UNITS ราคา 11 ล้านบาท SPECIAL PRIVILEGE UP TO 1 MB.*** ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 66  50 ม. จาก BTS อุดมสุข ราคา 5.19 ล้านบาท จองวันนี้ ฟรีดาวน์ พิเศษ จอง + ทำสัญญาในงาน 0% นาน 10 เดือน** Free! Samsung S8 Edge** ไอดีโอ โมบิ อโศก 290 ม. จาก MRT เพชรบุรี ราคา 4.9 ล้านบาท จองวันนี้ ฟรีดาวน์ พิเศษ จอง + ทำสัญญาในงาน 0% นาน 10 เดือน** Free! Samsung S8 Edge** ไอดีโอ สุขุมวิท 93 15 ม. จาก BTS บางจาก 2 ห้องนอน ราคาเดียว 6.89 ล้านบาท FREE! PREMIER TRIP HONG KONG** ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร  150 ม. จาก BTS สะพานควาย 2 ห้องนอน ราคาเดียว 7.19 ล้านบาท FREE! PREMIER TRIP HONG KONG** FREE! PARAGON GIFT CARD สูงสุด 150,000 บ.*** ยูนิโอ พระราม2 – ท่าข้าม ใกล้โฮมโปร ใกล้บิ๊กซี ตรงข้างเซ็นทรัล ราคา 1.08 ล้านบาท ผ่อนดาวน์ เพียง 2,900 บ./ด.* ยูนิโอ สุขุมวิท 72  600 ม. จาก BTS แบริ่ง  ผ่อนดาวน์ เพียง 3,900 บ./ด.* ยูนิโอ รามคำแหง – เสรีไทย ติดถนนใหญ่ ใกล้นิด้า ใกล้รถไฟฟ้าศรีบูรพา* โปรฟ้าผ่า ราคาเดียว 950,000 บาท ยูนิโอ เอช ติวานนท์ ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย ** ราคา 1.59 ล้านบาท รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บ.** เวนิโอ สุขุมวิท 10 คอนโดใจกลางอโศก ยูนิตพิเศษก่อนเปิดโครงการ ราคา 5.49 ล้านบาท ฟรี!! Samsung Galaxy S8+ ทุกยูนิต** นอกจากนี้ พิเศษสุด!! เมื่อลูกค้าลงทะเบียนและเข้าร่วมงาน ลุ้นรับทันที !! Samsung Galaxy S8+ และ Paragon Gift Card มูลค่า 5,000 บาท* (จำนวนจำกัด) ซึ่งเป็นการส่งเสริมการขายที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูงติดสถานีรถไฟฟ้าของอนันดาฯ สามารถเลือกชมโครงการต่างๆได้อย่างใกล้ชิดก่อนใครพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษเมื่อจองซื้อภายในงาน  ซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อนันดาฯ จึงรุกตลาดมากขึ้นในปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า สำหรับงาน  “ANANDA URBAN PULSE” นี้วางเป้าหมายสำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูงติดสถานีรถไฟฟ้า และคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นเคย
เอสซี แอสเสทฯ เปิดจองบ้านเดี่ยวหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น

เอสซี แอสเสทฯ เปิดจองบ้านเดี่ยวหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น

โครงการเพฟ (PAVE) ประชาอุทิศ 90 ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ติดถนน ร.พ.ช.-ประชาอุทิศ ซอยประชาอุทิศ 90 ทำเลใกล้ทางด่วน และ สาทร ฯ  เปิดจองบ้านโซนใหม่ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น รุ่นขายดี ติดสวนใหญ่ ใกล้คลับเฮาส์ ซึ่งทุกพื้นที่ในบ้านได้รับการคิดอย่างสร้างสรรค์ เพื่อตอบโจทย์ความชอบตามรูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัว มอบฟังก์ชั่นอิสระให้คุณได้คิดใช้ชีวิต อย่างลงตัวในพื้นที่ส่วนตัวของคุณ  พร้อมห้องอเนกประสงค์เพื่อรองรับทุกการใช้งาน ภายใต้ความปลอดภัย 24 ชั่วโมง พร้อมด้วย คลับเฮาส์, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ และสวนส่วนกลาง เริ่ม 3.99-6 ล้านบาท พิเศษ 17-18 มิ.ย.นี้ ในงานลดครึ่งล้าน ฟรี!! ทุกค่าใช้จ่ายวันโอน* สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1749 หรือ www.scasset.com
“ธารารมณ์” เปิดโครงการใหม่ทำเลรามคำแหง โชว์บ้านเน้นดีไซน์และฟังก์ชันตอบโจทย์ 3-Gen

“ธารารมณ์” เปิดโครงการใหม่ทำเลรามคำแหง โชว์บ้านเน้นดีไซน์และฟังก์ชันตอบโจทย์ 3-Gen

อนาคตโซนฝั่งตะวันออกเป็นทั้งแหล่งเศรษฐกิจและการลงทุนด้านต่าง ๆ มากมาย รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน  และที่สำคัญอยู่แนวรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) สามารถเชื่อมต่อถนนสายหลักในการเดินทางและรองรับการเดินทางที่สะดวกสบายทุกรูปแบบ โดยโครงการพาร์คเวย์ แอทอีซ ตั้งอยู่ติดถนนรามคำแหง มีสปอร์ตคลับขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ  ภายในโครงการมีเนื้อที่ทั้งหมด 15 ไร่ การออกแบบบ้านเน้นความพรีเมี่ยมและมีเพียง 70 หลังเท่านั้น เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวด้วยแนวคิดจัดผังโครงการแบบถนนวนรอบโครงการ(Main Ring Road) จัดผังให้บ้านทุกหลังติดถนนเมน  มีถนนแยกน้อยที่สุดเพื่อช่วยให้การสัญจรภายในโครงการคล่องตัวและปลอดภัย  พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยทางเข้าออก  มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแล ติดตั้ง CCTV รอบโครงการอีกด้วย   เพื่อให้ทุกคนได้ใกล้ชิดธรรมชาติและมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม  จึงออกแบบพื้นที่สวนส่วนกลางให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ทั้งการพักผ่อน  ออกกำลังกาย และพบปะสังสรรค์กับเพื่อนบ้าน นับเป็นโครงการที่พร้อมสำหรับการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ บ้านในโครงการ พาร์คเวย์ แอทอีซ มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ แบบบ้าน Momento และ แบบบ้าน Marlow ออกแบบสไตล์ Modern Contemporary เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของ 3 Generations  กับ 2 แบบบ้าน บ้าน Memento กับ 3 Generations House Concept  บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่ 4 ห้องนอน ให้ความสำคัญเรื่องของการออกแบบพื้นที่ใช้งานมากและคุ้มค่า  รองรับการใช้งานของสมาชิกต่างวัยทุกคนในครอบครัว  พร้อมคำนึงถึงจุดอำนวยความสะดวกต่าง ๆ  ลดปัญหาเรื่องการต่อเติม  ภายในบ้านที่มีการวางฟังก์ชั่นห้องรับแขกให้มีลมธรรมชาติไหลผ่านตลอดเวลา โดยการใช้บานหน้าต่างดักลมที่ดึงลมเข้าบ้านและช่วยระบายอากาศทำให้บ้านเย็นสบาย ด้วยหลักการแบบ Passive Cooling กับกระจกบานใหญ่รอบตัวบ้าน  และการเลือกใช้ผนังอิฐมวลเบาที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนป้องกันความร้อน  สะสมความร้อนน้อย  กับหลักการแบบ  Active Cooling ช่วยประหยัดพลังงาน ทำให้ทั้งดีไซน์และฟังก์ชันตอบสนองการใช้งานได้จริง ไฮไลท์ของการออกแบบบ้านหลังนี้คือ ห้องนอน 4 เป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้เหมาะกับสมาชิก อาทิ  เป็นห้องนอนผู้สูงอายุ เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต เป็นห้องเลี้ยงเด็กเล็กสำหรับสมาชิกใหม่ เพื่อง่ายในการดูแล  หรือห้องครอบครัว (Family Room) ให้สมาชิกในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน  และ ห้องครัว ถือเป็นหัวใจหลักของหลายบ้าน ดังนั้น การออกแบบครัวให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ใช้งานได้คล่องตัว  รองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม พร้อมตำแหน่งปลั๊กไฟให้เพียงพอต่อการใช้งาน  ขนาดสายไฟรองรับกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นได้ทั้งครัวเบา (Pantry) ทำเมนูทานเล่น เปิดโล่งเชื่อมต่อส่วนรับประทานอาหารสามารถจัดปาร์ตี้สังสรรค์ได้   หรือเป็นครัวหนัก (ครัวไทย) โดยใช้บานกระจกใสแบบเลื่อนเปิด-ปิด ป้องกันกลิ่นเข้าภายในตัวบ้านใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น การออกแบบห้องน้ำทุกห้องแบบ Universal Design ด้วยการลดพื้นที่ต่างระดับ แยกส่วนอาบน้ำป้องกันการลื่น โดยเฉพาะชั้นล่างเพิ่มตะแกรงดักน้ำเพื่อความปลอดภัยกรณีมีผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ทำให้บ้านมีห้องน้ำเพียงพอต่อการใช้งานถึง 3 ห้อง  นอกจากนี้ยังมีเฉลียงด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง  แบบ Panoramic View เชื่อมต่อกับธรรมชาติรอบบ้าน  ถือเป็นการตอบโจทย์ให้กับสมาชิกต่างวัยได้อย่างลงตัว ชั้น 2 การออกแบบห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) ให้ความสำคัญกับพื้นที่พักผ่อน ออกแบบให้ห้องกว้างและมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น  สามารถทำเป็นห้องแต่งตัว (Walk-in Closet) สำหรับคุณผู้หญิง หรือเป็นห้องทำงานแบบส่วนตัวของคุณผู้ชายก็สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ตามไลฟ์สไตล์ และที่พิเศษด้วยฟังก์ชันการเชื่อมต่อกันระหว่างห้องนอนใหญ่กับห้องนอน 2 ด้วย Connecting Door ยิ่งเพิ่มพื้นที่มากขึ้น หรือปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนเด็กเล็ก สร้างความใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวในเวลาเดียวกัน  นอกจากนี้ห้องนอนใหญ่มีระเบียงที่เลือกใช้กระจกนิรภัยจึงมั่นใจถึงความปลอดภัย สำหรับห้องน้ำพิถีพิถันด้วยการเลือกสุขภัณฑ์มีดีไซน์ ทันสมัย กั้นส่วนเปียกแห้งเพื่อความสะดวกในการใช้งาน  ทำให้ฟังก์ชันทั้งหมดเอื้ออำนวยความสะดวกสำหรับทุกคนได้เป็นอย่างดี บ้าน Momento พื้นที่ใช้สอย 183 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ  ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท แบบบ้าน Marlow บ้านเดี่ยว2 ชั้น  เหมาะสำหรับครอบครัวเริ่มต้น มีพื้นที่ใช้สอย 152 ตารางเมตร ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ  ตัวบ้านเน้นความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบายของผู้อยู่อาศัย ด้วย Living-Dining Room Combo เชื่อมต่อสวนด้านนอก ห้องครัวไทยแบบปิดที่ไม่ต้องต่อเติมเพิ่ม กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใสช่วยป้องกันกลิ่นรบกวนในบ้าน ห้องนอนขนาดใหญ่ สามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่ได้ ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท โครงการพาร์คเวย์ แอทอีซ  ถนนรามคำแหง 190/1 โครงการในกลุ่มบริษัทธารารมณ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานขายโครงการ โทรศัพท์ 0-2916-5588
เปิดตัวนวัตกรรม VR แบบ Walkthrough ครั้งแรกของวงการอสังหาฯไทย ประสบการณ์ใหม่แห่งการอยู่อาศัยเสมือนจริง

เปิดตัวนวัตกรรม VR แบบ Walkthrough ครั้งแรกของวงการอสังหาฯไทย ประสบการณ์ใหม่แห่งการอยู่อาศัยเสมือนจริง

คุณชานนท์  เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ( คนกลาง) พร้อมด้วย คุณจุฑา พรมชินวงศ์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮลิกซ์ จำกัด (ที่ 1 จากขวา) และ คุณสุทธิชัย ศรีรัตนวงศ์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ธุรกิจที่อยู่อาศัย ประเภทคอนโดมิเนียม บริษัท เฮลิกซ์ จำกัด (บริษัทในเครือของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) (ที่ 1 จากซ้าย) ร่วมเปิดตัวนวัตกรรม THE FIRST INTERACTIVE VR EXPERIENCE ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการอยู่อาศัยที่เสมือนจริง สามารถเดินชมพื้นที่ส่วนกลางและห้องตัวอย่างได้ในทุกมุมมอง เหนือกว่าด้วยนวัตกรรม Interactive Walkthrough ที่สามารถทดสอบฟังก์ชั่นกับอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องมากมาย ผ่าน 2 โครงการคุณภาพ ยูนิโอ เอช ติวานนท์ และ ยูนิโอ สุขุมวิท 72 พบกันในงานอีเว้นท์ใหญ่แห่งปี  ANANDA URBAN PULSE  ที่ ชั้น 1 สยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 22-25 มิถุนายน 2560 นี้
“ออริจิ้น” เปิดตัว “Knightsbridge Phaholyothin Interchange”

“ออริจิ้น” เปิดตัว “Knightsbridge Phaholyothin Interchange”

“ออริจิ้น” เปิดตัว “Knightsbridge Phaholyothin Interchange” ตอกย้ำภาพเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่ มั่นใจ Q2 โกยยอดขาย 4,000 ล้านบาท ออริจิ้น เปิดตัวโครงการใหม่ “ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์” มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้าน ตระหง่านหัวมุมวงเวียนหลักสี่ ตอกย้ำความเป็นเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่ ชูจุดขาย “More Choices More Chances” สร้าง “ชีวิตอัลติเมท” ให้ผู้อยู่อาศัย รองรับความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ เปิดวีไอพีพรีเซล ณ สำนักงานขาย 17 มิ.ย.นี้ มั่นใจปิดไตรมาส 2 ด้วยยอดขาย 4,000 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), และเคนซิงตัน (Kensington) กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ “ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์” (Knightsbridge Phaholyothin Interchange) เป็นคอนโดมิเนียม 15 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 726 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมวงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่ หันหน้าเข้าหาถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อ (อินเตอร์เชนจ์) ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และสายสีชมพู มีนบุรี-แคราย   “ทำเลรถไฟฟ้าสีเขียวส่วนต่อขยายทางตอนเหนือ ไล่มาตั้งแต่หมอชิต เกษตร สะพานใหม่ ไปจนถึงคูคต ถือเป็นทำเลศักยภาพ และเป็นทำเลที่ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพราะมีทั้งแหล่งชุมชน แหล่งงานภาครัฐ แหล่งงานภาคเอกชนดั้งเดิมของคนกรุงเทพฯตอนเหนือ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นทำเลที่มีเรียลดีมานด์มหาศาล เราจึงเปิดตัวโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ เป็นโครงการที่ 8 ของออริจิ้นบนย่านนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่ และตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่กำลังจะเปลี่ยนไป” นายพีระพงศ์ กล่าว   โครงการดังกล่าว พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ More Choices More Chances มุ่งหวังจะสร้างทางเลือกและโอกาสใหม่ๆ ในการอยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภค ด้วยสุดยอดทำเลและสุดยอดสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้บริโภคได้มี “ชีวิตอัลติเมท” โดยจะเปิดวีไอพีพรีเซลโครงการดังกล่าวในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ณ สำนักงานขายโครงการ   ด้านนายนพรัตน์ เอื้อพิพัฒนากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัน เรียลเอสเตท จำกัด ในฐานะผู้บริหารด้านการขายและการตลาดโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมุ่งตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯด้วยการสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ได้แก่ 1.ทางเลือกในการเดินทาง ให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตกับ “อัลติเมท ทรานสปอร์ต” ผ่านจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีเขียวและสายสีชมพู สามารถเดินทางไปได้ถึง สุดตอนเหนือของกรุงเทพฯ และคอนเน็คไปสู่จุดอื่นๆ ของกรุงเทพฯได้อย่างง่ายดาย   “เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการในอีก 2 ปีข้างหน้า จะช่วยมอบความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการระดับเดียวกับที่อินเตอร์เชนจ์อื่นๆ เช่น สยาม ช่องนนทรี อโศก เคยมอบให้ผู้อยู่อาศัยมาแล้ว ในขณะที่ราคาต่ำกว่าโซน รัชโยธิน-ลาดพร้าวถึง 40% ทั้งที่อยู่บนรถไฟฟ้าสายเดียวกันและห่างกันเพียงไม่กี่สถานี” นายนพรัตน์ กล่าว   2.ทางเลือกในการใช้ชีวิต เปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ของผู้อยู่อาศัยต่อกรุงเทพฯ ด้วย “อัลติเมท รูฟ” พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้าชั้น 15 พร้อมด้วยสกายวอล์คเชื่อมต่อระหว่างคอนโดมิเนียม 2 อาคาร ให้ผู้อยู่อาศัยได้พบกับ Panoramic Bangkok View มองเห็นกรุงเทพฯในมุมมองใหม่แบบ 360 องศา   นอกจากนี้ ยังมี “อัลติเมท ฟาซิลิตี้” ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษผ่านสิ่งอำนวยความสะดวก 30 ฟังก์ชั่น บนพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 3,700 ตร.ม. ที่จะช่วยรองรับการใช้ชีวิตทั้งการทำงาน ครอบครัว เพื่อน และเรื่องส่วนตัว อาทิ สระว่ายน้ำรูปตัว L ความยาวถึง 35 เมตร ฟิตเนสขนาดกว่า 100 ตร.ม. Co-working space ห้องโยคะ Sky Lounge, Sky Barbeque area ภายในห้องพักยังออกแบบให้เป็น “อัลติเมท รูม” มีการออกแบบและการตกแต่งภายในห้องพักไว้ถึง 20 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งห้อง เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ประดับขอบด้วยสีโรสโกลด์ มีกระจกกั้นห้องแบบเต็มเฟรม ช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูหรูหราและมีสไตล์ ขณะที่ความสูงจากพื้นถึงเพดาน (Floor to Ceiling) อยู่ที่ 2.55 เมตร ซึ่งค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับโครงการในทำเลเดียวกัน   โครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เพียง 200 เมตร และห่างจากเทสโก้ โลตัส สาขาหลักสี่ เพียง 100 เมตร ห่างจากเซ็นทรัล รามอินทรา และบิ๊กซี สะพานใหม่ ในระยะทางเพียงไม่ถึง 2 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน ยังใกล้ทั้งโรงพยาบาลและแหล่งงานของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สนามบินดอนเมือง กรมทหารราบที่ 11 กรมป่าไม้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สำนักงานใหญ่   สำหรับห้องพักอาศัย แบ่งออกเป็น 5 แบบหลัก ได้แก่ 1.ห้องซูพีเรีย 1 ห้องนอน ขนาด 21.3-31.7 ตร.ม. 2.ห้องดีลักซ์ 1 ห้องนอน ขนาด 28.2-29.8 ตร.ม. 3.ห้องสวีท 1 ห้องนอนพลัส ขนาด 33.4-38.8 ตร.ม. 4.ห้องเพนท์เฮาส์ 2 ห้องนอน ขนาด 48.9-51.2 ตร.ม. และ 5.ห้องดูเพล็กซ์ ขนาด 33-62 ตร.ม. ทุกห้องตกแต่งแบบ Fully-Furnished ราคาเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 82,000 บาท/ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.89 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2561 และแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2563   ด้านนายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์แล้ว ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ บริษัทยังเปิดวีไอพีพรีเซลโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ได้แก่ 1.เคนซิงตัน สุขุมวิท- เทพารักษ์ (Kensington Sukhumvit-Theparak) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 2.นอตติ้ง ฮิลล์ สกายสแครปเปอร์ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ (Notting Hill Skyscraper Central Rattanathibet) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 3.นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) เฟส 2 มูลค่า 1,300 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้ง 4 โครงการกว่า 8,400 ล้านบาท เปิดวีไอพี พรีเซลพร้อมกัน 17 มิ.ย. นี้ ผู้สนใจ 4 โครงการดังกล่าว สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.origin.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 020 300 000   ทั้งนี้ คาดว่าการเปิดขาย 4  โครงการใหม่พร้อมกันในวันที่ 17 มิ.ย. จะช่วยส่งผลให้บริษัทคว้ายอดขายไตรมาส 2/2560 ได้ทะลุ 4,000 ล้านบาท   ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 35 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 30,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร  
“แสนสิริ” รุก Innovation ในโครงการที่อยู่อาศัยเต็มสูบ ส่งทีม DSD โชว์ผลงานการพัฒนา “Cooliving Designed Home” นวัตกรรมบ้านระบายความร้อนด้วยโซล่าเซลล์เต็มรูปแบบ นำร่องโครงการแรก “บุราสิริ วัชรพล” มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท

“แสนสิริ” รุก Innovation ในโครงการที่อยู่อาศัยเต็มสูบ ส่งทีม DSD โชว์ผลงานการพัฒนา “Cooliving Designed Home” นวัตกรรมบ้านระบายความร้อนด้วยโซล่าเซลล์เต็มรูปแบบ นำร่องโครงการแรก “บุราสิริ วัชรพล” มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท

"แสนสิริ" เดินหน้ารุก Innovation ในโครงการที่อยู่อาศัยเต็มสูบในปี’60 ส่งทีมแสนสิริดีไซน์ โซลูชั่น ดีพาร์ทเมนท์ (DSD) โชว์ผลงานการพัฒนา “Cooliving Designed Home” นวัตกรรมบ้านระบายความร้อนด้วยโซล่า เซลล์ ไม่ใช้ไฟฟ้า ปลอดภัยและ Go green เต็มรูปแบบ ภายใต้การวิจัยและพัฒนา (R&D) ไลฟ์สไตล์ในที่อยู่อาศัย เพื่อลูกบ้านแสนสิริโดยเฉพาะ ด้วยการสร้างสรรค์ 5 ฟังก์ชั่น 1.Solar Attic ระบบพัดลมและช่องระบายอากาศใต้หลังคา เพื่อช่วยลดความร้อนใต้หลังคา ทำให้ภายในตัวบ้านเย็นลง และลดการสะสมของเชื้อโรค 2.Breeze Panel ช่องระบายลมในตัวบ้าน ช่วยถ่ายเทและระบายอากาศในตัวบ้าน 3.Shading Screen ระแนงกันแดดที่ออกแบบโดยดูจากทิศทางของบ้าน 4.Texture Wall ผนังบ้านดีไซน์พิเศษที่มี Texture ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่ตกกระทบพื้นผิว และ 5.UV Shield สีชนิดพิเศษ ช่วยกันความร้อน นำร่องโครงการแรกที่บ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุด “บุราสิริ วัชรพล” มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท พร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการวันที่ 24-25 มิ.ย.นี้ ราคาเริ่มต้นที่ 7.89 ล้านบาท นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ในปีนี้แสนสิริได้รุกด้าน Innovation อย่างเต็มสูบ และได้มองหาโอกาสในการพัฒนาด้าน Innovation เพื่อการอยู่อาศัยใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง รวมถึงส่งผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ลูกค้าจากการที่แสนสิริจะมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ โดยล่าสุดได้ส่งทีมแสนสิริดีไซน์ โซลูชั่น ดีพาร์ทเมนท์ (DSD) และทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) พัฒนานวัตกรรมบ้านระบายความร้อนด้วยโซล่าเซลล์ ไม่ใช้ไฟฟ้า ปลอดภัยและ Go green เต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อ “Cooliving Designed Home” สร้างสรรค์นวัตกรรมทั้งหมด 5 ฟังก์ชั่น ได้แก่ 1.Solar Attic ระบบพัดลมและช่องระบายอากาศใต้หลังคา เพื่อช่วยลดความร้อนใต้หลังคา ทำให้ภายในตัวบ้านเย็นลง และลดการสะสมของเชื้อโรค 2.Breeze Panel ช่องระบายลมในตัวบ้าน ช่วยถ่ายเทและระบายอากาศในตัวบ้าน 3.Shading Screen ระแนงกันแดดที่ออกแบบโดยดูจากทิศทางของบ้าน เช่น ทิศเหนือหรือใต้ จะรับแสงแดดและลมต่างกัน จึงออกแบบให้เหมาะกับแต่ละทิศ 4.Texture Wall ผนังบ้านดีไซน์พิเศษที่มี Texture ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่ตกกระทบพื้นผิว และ 5.UV Shield สีชนิดพิเศษ ช่วยกันความร้อน นอกจากนี้ยังมี Roof Shade ฝ้าชายคาหรือหลังคาที่ยื่นเป็นพิเศษ ช่วยป้องกันแสงแดด รวมถึง Heat-Absorbing Green Glass กระจกเขียวตัดแสง ช่วยลดความร้อนอีกด้วย “นวัตกรรม “Cooliving Designed Home” จะทยอยพัฒนาในทุกโครงการบ้านเดี่ยวของแสนสิริ โดยเปิดตัวใช้อย่างเต็มรูปแบบในโครงการแรก คือ  “บุราสิริ วัชรพล” มูลค่า 3,400 ล้านบาท  ซึ่งเป็นโครงการที่ต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ “เศรษฐสิริ วัชรพล” ปัจจุบันปิดการขายแล้ว บนทำเล วัชรพลซึ่งเป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมากว่า 10 ปี โดยแสนสิรินับเป็นผู้บุกเบิกพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลนี้เป็นรายแรกๆ ด้วยการเปิดตัวโครงการ “นาราสิริ วัชรพล” บ้านเดี่ยวโครงการแรกของแสนสิริในทำเลนี้อีกด้วย นอกจากนี้ทำเลวัชรพลยังนับเป็นทำเลที่มีการเติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่ง ตลาดบ้านจัดสรรก็ขยายตัวมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยพบว่าอุปทานบ้านเดี่ยวในทำเลวัชรพล (สายไหม) มีจำนวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1,053 ยูนิตในช่วงครึ่งปีแรก 2559 มาอยู่ที่ 1,182 ยูนิตในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 หรือเพิ่มขึ้น 12% อีกทั้งพบว่าอัตราตอบรับของบ้านเดี่ยวในทำเลนี้ดีขึ้นจากครึ่งปีแรก 2559 ซึ่งมีอัตราตอบรับ 43% มาอยู่ที่ 49% ในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 โดยเมื่อพิจารณาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่าอัตราตอบรับมีแนวโน้มที่ดีขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตามภาพรวมบ้านเดี่ยวในทำเลนี้มีอัตราดูดซับอยู่ที่ 3.7 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ทั้งนี้ระดับราคาที่เป็นที่นิยมในทำเลนี้คือระดับราคา 7.00-9.99 ล้านบาท มียูนิตเสนอขายจำนวน 724 ยูนิต มีอัตราดูดซับสูงถึง 7.09 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ขณะที่เมื่อพิจารณาถึงราคาที่ดินในบริเวณวัชรพล จากราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ พบว่าโดยส่วนใหญ่ ราคาที่ดินมีการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงถนนสุขาภิบาล 5 มีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินสูงถึง 33-71% จากราคา 35,000-45,000 บาทต่อตารางวาในรอบการประเมินปี 2555-2558 มาอยู่ที่ 60,000 บาทต่อตารางวาในรอบการประเมินปัจจุบัน (รอบปี 2559-2562)  หรือบริเวณถนนวัชรพล จากราคา 35,000-60,000 บาทต่อตารางวา มาอยู่ที่ 50,000-72,000 บาทต่อตารางวาหรือเพิ่มขึ้น 20-43% นอกจากนั้นจากข้อมูลของ AREA (Agency for Real Estate Affairs) พบว่าราคาซื้อขายที่ดินในบริเวณวัชรพล-ออเงินมีการปรับตัวโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 3% อย่างไรก็ตาม ในอนาคตละแวกนี้ ยังอยู่ใกล้เคียงกับสถานีรถไฟฟ้าถึง 3 สาย โดยใช้เวลาเดินทางจากถนนสุขาภิบาล 5  ไปยังสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 10-15 นาที ได้แก่ 1. สถานีสายหยุด โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) 2.สถานีรามอินทรา 31 โครงการรถไฟฟ้าสาย สีชมพู (มีนบุรี-แคราย)  และ 3. สถานีวัชรพล ซึ่งเป็นสถานี interchange ระหว่างสายสีชมพูและโครงการรถไฟ monorail สายสีเทา (วัชรพล-พระราม 9)  ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แล้วเสร็จ 28% ส่วนสายสีชมพูอยู่ในระหว่างการคัดเลือกบริษัทเอกชน โดยทั้ง 2 สายคาดว่าเปิดให้ใช้บริการภายในปี 2563 และสายสีเทาจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2564 นอกจากนี้ทำเลวัชรพลเป็นทำเลที่ผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมากก็คือเป็นทำเลที่คึกคักและนับว่าเป็นทำเลทองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกตอนเหนือ สะดวกในการเดินทาง สามารถเดินทางเข้า-ออก ทั้งในเมืองและชานเมืองได้ไม่ยาก โดยเฉพาะบนถนน “สุขาภิบาล 5”  เพราะถูกล้อมรอบไปด้วยทางพิเศษ และถนนสายหลัก ได้แก่ ทางด่วนรามอินทรา-    อาจณรงค์ ที่มีจุดขึ้น-ลงทางด่วนอยู่บริเวณ ถ.สุขาภิบาล 5  และยังอยู่ใกล้เคียงกับวงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเษก ที่สามารถเดินทางไปยังพื้นที่ชั้นนอกรอบๆกรุงเทพฯ ได้ นอกจากนี้ เส้นถนนสุขาภิบาล 5  ยังสามารถเดินทางไปยังถนนสายหลักอย่าง ถ.รามอินทรา, ถ.สายไหม  และ ถ.พหลโยธิน  โดยเชื่อมต่อกับ ซ.พหลโยธิน 50  ผ่าน ถ.เทพรักษ์ เส้นทางใหม่ที่เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการไปในช่วงเดือนธันวาคม 2558 นอกจากนี้ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าและไลฟ์สไตล์มอลล์ อาทิ ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์, เดอะ พรอมานาด, เพลินนารี่ มอลล์, เวนิส ดี ไอริส วัชรพล (Vennice Di Iris), เซ็นทรัล รามอินทรา, Index Living Mall, The Walk (เกษตร-นวมินทร์) Crystal Park รวมถึงสถานศึกษา ซึ่งมีทั้งโรงเรียน รัฐบาลและเอกชน อาทิ โรงเรียนสายอักษร, โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์ (รามอินทรา34), โรงเรียนเลิศหล้า และAustralian International School รวมถึงโรงพยาบาลต่างๆ โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนนอรัล, โรงพยาบาล สินแพทย์ เป็นต้น สำหรับโครงการ “บุราสิริ วัชรพล” เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นภายใต้แบรนด์บุราสิริ “Find Your Peace of Mind บ้านเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง” ตั้งอยู่บนถนนวัชรพล มีพื้นที่ 94 ไร่ ออกแบบคอนเซ็ปต์ “THE HIGH LIFE IN GREEN” ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นไม้ใหญ่ ทำให้โครงการสงบร่มรื่น ซึ่งเป็นโครงการแรกที่ได้พัฒนานวัตกรรม “Cooliving Designed Home” รวมถึงนวัตกรรมที่ใส่ใจผู้สูงอายุ Elder Care ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่สร้างสรรค์ให้ห้องนอนชั้นล่างปูด้วยพื้น Soft Fall กันกระแทก และไม่มีขั้นระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้ Wheelchair ก่อเกิดเป็นนวัตกรรมบ้านแบบใหม่ที่ผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน คลับเฮ้าส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบเกลือ สวน 2 แห่งในโครงการ และระบบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีจำนวนทั้งสิ้น 242 ยูนิต มีทั้งหมด 5 แบบบ้าน พื้นที่ใช้สอย ขนาด 175-393 ตร.ม. พื้นที่ดิน 50.4-189.7 ตร.วา  ราคาเริ่มต้นที่ 7.89 ล้านบาท เตรียมเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24-25 มิถุนายน 2560 พร้อมจัดโปรโมชั่นมอบส่วนลดสูงสุด 2 แสนบาทเฉพาะในงานเท่านั้น
Party Teddy House @เจ ซิตี้ ศรีราชา-อัสสัมชัญ

Party Teddy House @เจ ซิตี้ ศรีราชา-อัสสัมชัญ

Party Teddy House @เจ ซิตี้ ศรีราชา-อัสสัมชัญ 10 -11 มิ.ย. นี้ เปิดจองโครงการใหม่ ทาวน์โฮมพรีเมี่ยม สไตล์อังกฤษ เริ่ม 1.59 ลบ.*   THE ONE AND ONLY English Town home in the heart of SRIRACHA เมื่อความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์อังกฤษ ผสานกับเสน่ห์แห่งเมืองศรีราชา… อย่างลงตัว     THE BEST FUNCTION สร้างสรรค์เป็น ทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์อังกฤษ – ขนาด 17.9 ตรว. – พื้นที่ใช้สอย 101 ตรม. – ฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ     THE BEST FACILITY สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน – Club House – Blue Lagoon pool – Sport Club     THE BEST LOCATION โดดเด่นทำเล …. ใจกลางเมืองศรีราชา – ติด รร.อัสสัมชัญ ศรีราชา – ใกล้ห้างโรบินสัน – ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูง (อนาคต)     ที่ตั้งโครงการ     สนใจเข้าร่วมงานโทร 092-592-1691 www.jsp.co.th
อนันดา จับมือ เพซ เปิด DEAN & DELUCA สาขาแฟล็กชิปที่ Ashton Asoke – Rama 9

อนันดา จับมือ เพซ เปิด DEAN & DELUCA สาขาแฟล็กชิปที่ Ashton Asoke – Rama 9

คุณชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มกูร์เม่ต์ไอคอนจากนิวยอร์ค DEAN & DELUCA ลงนามในสัญญาความร่วมมือเพื่อเปิดให้บริการ DEAN & DELUCA สาขาใหม่ใจกลางสี่แยก  อโศก - พระราม 9 บนพื้นที่ขนาดถึง 900 ตร.ม. ณ โครงการ Ashton Asoke – Rama9 คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ใหม่ล่าสุดบนทำเลศักยภาพ New CBD โครงการ Ashton Asoke – Rama9 ตั้งอยู่บนที่ดินหัวมุมแปลงสุดท้ายของกรุงเทพมหานคร ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT เพียง 230 เมตร โดยย่านนี้เป็นที่ตั้งของบริษัทฯชั้นนำมากมาย พร้อมด้วยห้างสรรพสินค้าและช้อปปิ้งสโตร์ชั้นนำ เดินทางสะดวกสบายด้วยเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย โดยร้าน DEAN & DELUCA สามารถตอบโจทย์ Urban Lifestyle แบบครบวงจรให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ ASHTON Asoke - Rama 9 รวมถึงคนทำงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วในย่านนี้  โดยเป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายบรรยากาศของนิวยอร์ก  ให้บริการอาหารด้วยเมนูสไตล์ตะวันตกพร้อมกาแฟหอมกรุ่มที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี โดยทั้งสองบริษัทมีแผนที่จะขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต สำหรับ DEAN & DELUCA มีต้นกำเนิดที่ย่านโซโหของมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี 2520 โดยให้บริการผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั่วโลกทั้งใน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประเทศไทย ดูไบ คูเวต ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์
Modiz Interchange คอนโดใหม่ติดสถานีอินเตอร์เชนจ์  เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสองสาย

Modiz Interchange คอนโดใหม่ติดสถานีอินเตอร์เชนจ์ เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสองสาย

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ทำเลตอนเหนือของกรุงเทพฯ เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ล่าสุด โมดิซ อินเตอร์เชนจ์ (Modiz Interchange) คอนโดแต่งครบ (Fully Furnished) บนทำเลฮอตของย่านพหลโยธิน – รามอินทรา ใกล้วงเวียนหลักสี่ อิสระใหม่ของการเดินทาง ติดสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีชมพู สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ พร้อมการออกแบบในสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ และส่วนกลางแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนเมืองในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้าน ผู้สนใจสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้ ณ สำนักงานขายโมดิซ ถนนพหลโยธิน พร้อมลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท และข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมายได้ที่ www.modizcondo.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 089-3311-777
พฤกษา เรียลเอสเตท ขึ้นแท่นแชมป์ตลาดคอนโดรัชดา เปิดตัว “แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา – ห้วยขวาง” โกยยอดขายสูงสุดกว่า 80%

พฤกษา เรียลเอสเตท ขึ้นแท่นแชมป์ตลาดคอนโดรัชดา เปิดตัว “แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา – ห้วยขวาง” โกยยอดขายสูงสุดกว่า 80%

พฤกษา เรียลเอสเตท ขึ้นแท่นแชมป์ตลาดคอนโดรัชดา เปิดตัว “แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา – ห้วยขวาง” โกยยอดขายสูงสุดกว่า 80%           นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการ แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา – ห้วยขวาง ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า ปัจจุบันมียอดขายในเฟสแรกแล้วกว่า 80% ส่งผลให้ พฤกษา เรียลเอสเตท ครองส่วนแบ่งการตลาดคอนโดมิเนียมย่านรัชดาในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท สูงสุดอยู่ที่ 67% และมีส่วนแบ่งตลาดคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงสุดอยู่ที่ 12% ด้วยศักยภาพทำเลที่ตั้งของโครงการที่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน 2 สถานี ได้แก่ สถานีห้วยขวาง และสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อแหล่งธุรกิจในเมืองได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งมีความคืบหน้าที่ชัดเจนของโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มที่จะเปิดให้บริการ ซึ่งจะทำให้สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ กลายเป็นสถานีร่วมในอนาคต ประกอบกับปัจจุบันได้มีผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายเข้าไปลงทุนในย่านนี้ ในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งมีทั้งคอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และโรงแรมต่างๆ กันอย่างคึกคัก ส่งผลให้ทำเลดังกล่าวมีราคาเพิ่มสูงขึ้น และทำให้โครงการ แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา – ห้วยขวาง กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก ด้วยศักยภาพทำเลที่ดี ราคาที่สมเหตุสมผล มีสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่ครบครันที่สุดบนรัชดา จึงเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดในขณะนี้               โครงการ แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา – ห้วยขวาง เป็นคอนโดมิเนียมแต่งครบ มีแนวคิดการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ECOLOGY เน้นความเป็นธรรมชาติรวมเข้ากับการอยู่อาศัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผสานกับสถาปัตยกรรมสไตล์ SCANDINAVIAN DESIGN เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และให้ความคุ้มค่ามากกว่าโครงการอื่นในระดับราคาเดียวกัน อาทิ BIKE CLUB, HOME THEATRE พื้นที่สำหรับคอหนังทุกคน, READING ROOM ห้องอ่านหนังสือสำหรับคนรักการอ่าน, CO-WORKING SPACE, FITNESS, SWIMMING POOL & POOL TERRACE สระว่ายน้ำที่ยาวถึง 50 ม. พร้อมจากุซซี่ Street Basketball, FARM & BBQ และยังมี SHUTTLE BUS รถรับส่งถึง MRT พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง     โครงการตั้งอยู่บนถนนประชาอุทิศ เดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีห้วยขวาง และสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ใกล้ทางด่วนพระราม 9 รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ อาทิ เซ็นทรัลพระราม 9 เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ เอสพลานาด ฟอร์จูนทาวน์ ใกล้สถานศึกษาโรงเรียนนานาชาติ อาทิ The Regent’s International School, KIS International School และ Singapore International School ใกล้โรงพยาบาลพระราม 9 โรงพยาบาลปิยะเวท ราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท และเตรียมพบกับโซนใหม่เร็วๆ นี้ สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1739 หรือ http://chapterone.pruksa.com/    
เนอวานา ไดอิ จับมือบันยันทรีกรุ๊ปเปิดตัว“บันยัน ทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ”

เนอวานา ไดอิ จับมือบันยันทรีกรุ๊ปเปิดตัว“บันยัน ทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ”

เนอวานา ไดอิ จับมือบันยันทรีกรุ๊ปเปิดตัว“บันยัน ทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ” คอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรีริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท             ประเทศไทย (8 มิถุนายน 2560) : บมจ. เนอวานา ไดอิ เซ็นสัญญาความร่วมมือกับบันยันทรีกรุ๊ป เชนโรงแรมระดับโลก เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา “บันยัน ทรี เรสซิเดนซ์  ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ” (Banyan Tree Residences Riverside Bangkok) คอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรีมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท  พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่มในการเข้าเป็นสมาชิก The Sanctuary Club ของบันยันทรี เพื่อรับบริการจากเครือบันยันทรีทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น รีสอร์ท สปา และ สนามกอล์ฟ เป็นต้น เตรียมเปิด เซลส์ แกลอรี ในเดือนกันยายน 2560           นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เนอวานา ไดอิ กล่าวถึงความร่วมมือกับ แบรนด์บันยันทรีในครั้งนี้ว่า “โครงการบันยัน ทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ เป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกของบริษัทฯ เรียกได้ว่าเป็นคอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรี ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยประมาณ 300,000 บาท/ตร.ม. คอนโดมิเนียมนี้ตั้งอยู่บนโค้งน้ำที่สวยที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้สามารถมองเห็นบรรยากาศที่สวยงามของทั้งฝั่งเมืองเก่าและฝั่งเมืองใหม่ได้อย่างชัดเจน นอกเหนือจากทำเลที่ดีที่สุดแล้ว เรายังใส่ใจในการออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวอันสูงสุดของผู้อาศัยเป็นหลักยิ่งไปกว่านั้นเรามองว่า ลูกค้ากลุ่ม Super Premium นั้นให้ความสำคัญและพิถีพิถันกับการใช้ชีวิตอย่างมาก  ดังนั้นเราจึงสรรหาการบริการที่ดีเลิศ และแตกต่างมารองรับ เราตัดสินใจเลือกแบรนด์บันยันทรีสำหรับโครงการนี้ ทั้งนี้เพราะบันยันทรีเป็นแบรนด์โรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็น expert ในเรื่องการให้บริการระดับห้าดาวที่ทั่วโลกยอมรับ ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ายินมากและเชื่อว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”           มร.โฮ กวง ปิง ประธานกรรมการบริหาร บันยันทรีกรุ๊ป กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ ทางบันยันทรีได้นำเสนอบริการสุดพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเรา เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าของโครงการนี้ด้วย โดยลูกค้าเฉพาะกลุ่มจะได้รับสิทธิ์การเป็นสมาชิก The Sanctuary Club เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากแบรนด์ในเครือทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น บันยันทรี อังสนา แคสเซีย ดาหวา หรือ ลากูน่า” บมจ. เนอวานา ไดอิ เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเมื่อบริษัทเนอวานาได้ควบรวมกับบริษัทไดอิแล้ว ทำให้บริษัทฯ มีธุรกิจในเครือเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ ธุรกิจการพัฒนาโครงการ ธุรกิจรับสร้างบ้าน และบ้านสำเร็จรูป  ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมโครงการนี้ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนารายละเอียด และมีแผนเปิดขายในเดือนกันยายนนี้ โดยโครงการได้เริ่มก่อสร้างแล้วตั้งแต่ช่วงธันวาคม 2559 โดยบริษัทบวิค-ไทย จำกัด (Bouygues-Thai) สำหรับความร่วมมือกับบันยันทรีกรุ๊ปในครั้งนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยของลูกบ้าน พร้อมเติมเต็มความต้องการด้านการบริการระดับห้าดาวอย่างสมบูรณ์แบบ ###   เกี่ยวกับเนอวานา ไดอิ เนอวานา ไดอิ (Nirvana Daii) หรือ NVD เป็นการรวมบริษัทฯ ระหว่าง บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (Nirvana Development Co.,Ltd) ก่อตั้งเมื่อปี 2548 และ ไดอิ กรุ๊ป (Daii Group) ก่อตั้งเมื่อปี 2537 โดยมีการวางโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ เนอวานา ไดอิ เราตั้งใจทำธุรกิจเพื่อให้ทุกคนได้มีที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองความเป็นตัวตน และความสุขของแต่ละคนอย่างไม่มีใครเหมือน ตอบสนองทั้งความต้องการด้านฟังก์ชั่นการใช้งาน และตอบสนองทางอารมณ์ เราตระหนักถึงความสำคัญของทุกรายละเอียดในชีวิตของลูกค้าทุกคน ความใส่ใจในทุกรายละเอียดคือหัวใจของชีวิตที่เติมเต็มและมีความสุข ที่เนอวานา ไดอิ เราเชื่อว่า “Life is Full of Details” ซึ่งธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย ส่วนงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Project Development) ได้แก่ โครงการบ้านอยู่อาศัย (Beyond, Icon, Intro) สำนักงานโฮมออฟฟิศ (@Work) ทาวน์โฮม (Define, Cover, Cluster) คอนโดมิเนียม (River Fronted Project) ส่วนงานรับสร้างบ้าน (Home Builder) ได้แก่ บ้านกินซ่า (Ginza Home) และบ้านดีจิ (Deeji Home), ส่วนงานวัสดุก่อสร้าง (Home Product) ได้แก่ รั้ว (Fenzer) ประตูและหน้าต่างอลูมิเนียมเอเทค (Atech) ซึ่งการรวมตัวครั้งนี้จะทำให้เราเป็น Living Solution ได้อย่างครบวงจร
เอสซีจี ตั้ง “AddVentures” เสริมแกร่งศักยภาพสตาร์ทอัพทั่วโลก หวังพลิกโฉมธุรกิจ-เพิ่มขีดแข่งขัน-สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ดีและเร็วยิ่งขึ้นให้ลูกค้า

เอสซีจี ตั้ง “AddVentures” เสริมแกร่งศักยภาพสตาร์ทอัพทั่วโลก หวังพลิกโฉมธุรกิจ-เพิ่มขีดแข่งขัน-สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ดีและเร็วยิ่งขึ้นให้ลูกค้า

เอสซีจี ตั้ง “AddVentures” เสริมแกร่งศักยภาพสตาร์ทอัพทั่วโลก หวังพลิกโฉมธุรกิจ-เพิ่มขีดแข่งขัน-สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ดีและเร็วยิ่งขึ้นให้ลูกค้า     กรุงเทพฯ – 8 มิถุนายน 2560: เอสซีจี ตั้ง “AddVentures” บริษัทในรูปแบบ Corporate Venture Capital วางวิสัยทัศน์ “You Innovate, We Scale” เสริมศักยภาพสตาร์ทอัพทั่วโลก ยกระดับ Ecosystem ด้วยองค์ความรู้ เครือข่าย และฐานลูกค้าทั่วอาเซียน ปูพรมพัฒนานวัตกรรม 3 กลุ่มหลัก “Enterprise-Industrial-B2B” เพื่อพลิกโฉมธุรกิจ-เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน-สร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ดีและเร็วยิ่งกว่าให้ลูกค้า     นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุค Digital Transformation ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง ผู้คนมีความต้องการหลากหลายและเป็นปัจเจกมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีบทบาทในการพลิกโฉมธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายแก่ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ทั่วโลก ที่ผ่านมา เอสซีจีจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เสมอมา แต่ด้วยบริบทของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เอสซีจี จึงตั้งบริษัทในรูปแบบ Corporate Venture Capital หรือ CVC ภายใต้ชื่อ “AddVentures” ขึ้น เพื่อเสริมศักยภาพและลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและทั่วโลก ให้เอสซีจีสามารถเชื่อมโยงนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน รวมทั้งยังทำให้ลูกค้าได้ใช้สินค้าและบริการที่ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การจัดตั้ง AddVentures ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่เอสซีจีจะได้ร่วมสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูง กับกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีจุดเด่นในเรื่อง Spirit ของ Entrepreneurship และการสร้าง Innovation ที่ถือเป็น Outside-in innovation จากการมองในมุมของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เมื่อประกอบกับ Speed ในกระบวนการทำงานที่เรียกว่า Lean Startups รวมทั้งการใช้ Digital technology จึงทำให้ข้อจำกัดในการทำธุรกิจแบบเดิมๆ หายไป และทำให้ผลผลิตของสตาร์ทอัพทุกวันนี้มีพลังมหาศาลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน “เราเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญในการคิดหนทางแก้ปัญหาที่น่าสนใจให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีความโดดเด่นเฉพาะตัวของสตาร์ทอัพแต่ละราย โดยไม่ยึดติดกับวิธีการหรือข้อจำกัดเดิมๆ จะสามารถสนับสนุนให้พวกเขา Scale up หรือขยายให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้ พร้อมทั้งยังช่วยเสริมรากฐานระยะยาว ให้เอสซีจีกลายเป็นองค์กรที่มีการนำดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต” นายยุทธนา กล่าว การจัดตั้ง AddVentures ยังมีจุดมุ่งหมายเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุน Startup Ecosystem ของไทยและอาเซียนให้แข็งแกร่ง โดยนำศักยภาพและจุดแข็งต่างๆ ของเอสซีจีเข้าไปช่วยต่อยอด และก่อให้เกิดประโยชน์จากการสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาแวดวงธุรกิจในองค์รวมให้ดียิ่งขึ้น สอดรับกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ที่ต้องการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม และยกระดับให้เกิด New S-Curve อุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและรังสรรค์นวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในเวทีโลกได้ นายยุทธนา กล่าวอีกว่า เพื่อให้การดำเนินงานของ AddVentures เป็นไปได้ตามเป้าหมาย เอสซีจีจึงได้แต่งตั้งผู้บริหารใหม่ คือ ดร.จาชชัว แพส ซึ่งมีประสบการณ์คร่ำหวอดในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมานับ 10 ปี และมีความชำนาญในหลากหลายแวดวงธุรกิจ ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ AddVentures ดูแลทิศทางภาพรวมของบริษัท   ดร.จาชชัว แพส กรรมการผู้จัดการ AddVentures กล่าวว่า การจัดตั้ง AddVentures มาพร้อมด้วยวิสัยทัศน์ “You Innovate, We Scale” สื่อถึงความเป็นองค์กรที่เปิดกว้างสำหรับความร่วมมือกับสตาร์ทอัพที่ต้องการส่งต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีกว่า เร็วกว่า และคุ้มค่ากว่าให้แก่คู่ค้าหรือผู้บริโภค โดย AddVentures จะไม่ได้สนับสนุนแค่ด้านการเงินให้แก่สตาร์ทอัพ แต่จะสนับสนุนทั้งองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงต่างๆ เครือข่ายลูกค้าของเอสซีจีที่มีอยู่ทั่วอาเซียน ตลอดจนทรัพยากรอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้สตาร์ทอัพเหล่านั้นเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน ผ่านการทำงานร่วมกันกับสตาร์ทอัพอย่างใกล้ชิด สำหรับการลงทุนในช่วง 3-5 ปีแรก วางงบประมาณในการลงทุนเฉลี่ยครั้งละ 1-5 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งการลงทุนออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.การลงทุนใน Digital Technology ในกลุ่มที่เป็น Global Technology Hub อย่างเช่น Silicon Valley ประเทศสหรัฐอเมริกา, Tel Aviv ประเทศอิสราเอล และ Shenzhen ประเทศจีน เป็นต้น โดยจะร่วมมือกับ Venture Capital ชั้นนำในประเทศดังกล่าวเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ขยายผลกับเอสซีจี หรือทำการเปิดตลาดในประเทศไทยและอาเซียน 2.การลงทุนใน Digital Business Model ในไทยและอาเซียนซึ่งเป็นประเทศที่ เอสซีจีมีฐานธุรกิจ โดยจะทำการลงทุนผ่านกองทุน Venture Capital และการลงทุนโดยตรง (Direct Investment) ในสตาร์ทอัพที่พัฒนานวัตกรรมซึ่งสอดคล้องกับทิศทางเทคโนโลยีเป้าหมายของ AddVentures พันธมิตรและเทคโนโลยีเป้าหมายที่ AddVentures สนใจลงทุน ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.Enterprise 2.Industrial และ 3.B2B โดยภายใต้แต่ละกลุ่มหลัก ยังมีกลุ่มย่อยๆ เช่น Logistics & Supply Chain Tech, Smart Packaging Tech, Chemicals Tech, Construction Tech, Industrial & Manufacturing Tech, Industrial & Construction Product Marketplace เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะเป็นเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่มของเอสซีจี ได้แก่ 1.ธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 2.ธุรกิจเคมิคอลส์ และ 3.ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ขณะที่รูปแบบการลงทุนเปิดกว้างทั้งความร่วมมือเชิงพาณิชย์ (Commercial Deal) ทั่วไป การอนุญาตให้ใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (Licensing) การร่วมทุน (Joint Venture) ไปจนถึงการเข้าซื้อกิจการในสตาร์ทอัพนั้นๆ “AddVentures เปิดกว้างและอยากเชิญชวนเหล่าสตาร์ทอัพให้เข้ามาร่วมงานกับ AddVentures โดยไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ขอเพียงมีจุดมุ่งหมายในการส่งมอบนวัตกรรมที่ดีกว่า เร็วกว่า และคุ้มค่ากว่าให้แก่สังคม รวมทั้งมีไอเดียและความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง เราก็สามารถเดินทางและเติบโตไปด้วยกันได้ดังวิสัยทัศน์ You Innovate, We Scale” ดร.จาชชัว กล่าว
“เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน บาย แอล.พี.เอ็น” เจาะกลุ่มนักศึกษา

“เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน บาย แอล.พี.เอ็น” เจาะกลุ่มนักศึกษา

“เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน บาย แอล.พี.เอ็น” เจาะกลุ่มนักศึกษา                      บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) ผู้พัฒนาอาคารชุดอาศัยภายใต้แบรนด์ “ลุมพินี” เตรียมพัฒนาคอนโดแบรนด์ใหม่ “เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน บาย แอล.พี.เอ็น” มูลค่า 1,000 ล้านบาท บนทำเลทองถนนงามวงค์วาน ระหว่างแยกเกษตร-นวมินทร์และบางเขน ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษรศาสตร์ หวังเจาะตลาดกลุ่มนักศึกษา ด้วยห้องชุดเป็นส่วนตัวเพียง 310  ยูนิต จำนวน 1 อาคาร สูง 20 ชั้น บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ พร้อมจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางตอบโจทย์สีสันความสุข สนุกสนานและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้พักอาศัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ WORK, HEALTH, PLAY สอดแทรกทุกส่วนอย่างกลมกลืน ภายในห้องชุดยังตอบโจทย์ New LPN Design ครบทุกอรรถประโยชน์ใช้สอยและยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของนักศึกษา ภายในโครงการโอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 1,000 ตร.ม ทั้งยังนำแนวคิด LPN SMART ROOM มาผนวกในการใช้ชีวิตในยุคดิจิตอล ด้วยระบบการสั่งงานอัจฉริยะเปิด-ปิดไฟฟ้าในห้องชุดผ่านมือถือ Smart Phone เพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัย ทันสมัยครบวงจร พร้อมเปิดขายวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ ขนาด 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม LPN Call Center 02-689-6888 สำนักงานขาย 02-561-1700 หรือ www.facebook.com/ Condo Lumpini ที่ตั้ง : ถนนงามวงศ์วานระหว่างแยกเกษตรนวมินทร์ (มุ่งสู่ถนนวิภาวดี-รังสิต) และแยกบางเขน ตรงข้าม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ห่างจากประตูงามวงศ์วาน 3 ประมาณ 250 เมตร ราคา : 3 ล้านบาทต้นๆ เนื้อที่โครงการ : ประมาณ 2 ไร่เศษ ลักษณะโครงการ : ผู้อาคารชุดพักอาศัยสูง 20 ชั้น 1 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยรวม 310 ยูนิต (ชั้น 5 – ชั้น 20) รูปแบบห้องชุดขนาด 24.00 – 40.50 ตร.ม. ชั้นล่าง : ห้องเรียนรู้ (Learning zone)               สำนักงานนิติบุคคล (Juristic Person Office)               ลานเอนกประสงค์ (Co living area)               ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม (Fit & Firm area)               สนามสตรีทบาส (Street Basketball)               ห้องเครื่อง               ที่จอดรถจักรยานยนต์ และที่จอดรถ ชั้น 2 – 4 : ห้องเครื่องและที่จอดรถ ชั้น 5 : สระว่ายน้ำไร้ขอบ (Infinity Edge Pool),             ฟิตเนสโซน (Fitness Zone) และห้องชุดพักอาศัย ชั้น 6 -18 : ห้องชุดพักอาศัย ชั้น 19 : สวนอินฟินิตี้ (Infinity garden) และห้องชุดพักอาศัย ชั้น 20 : ห้องชุดพักอาศัย ที่จอดรถ : ประมาณ 119 คัน (ไม่รวมที่จอดรถซ้อนคัน) โทรศัพท์ (สำนักงานขาย) : 02-561-1700 โทรสาร (สำนักงานขาย) : 02-561-1701 กำหนดเริ่มก่อสร้าง : ตุลาคม 2560 คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กันยายน 2561