Tag : Review

672 ผลลัพธ์
MAESTRO 01 SATHORN-YENAKAT (มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ) ความพรีเมี่ยมที่ซ่อนอยู่ท่ามกลาง CBD : รีวิวคอนโด

MAESTRO 01 SATHORN-YENAKAT (มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ) ความพรีเมี่ยมที่ซ่อนอยู่ท่ามกลาง CBD : รีวิวคอนโด

ใครๆ ก็ทราบกันดีค่ะว่าคอนโดมิเนียมจากเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นขวัญใจอันดับหนึ่งของคนรักสัตว์ เพราะทุกโครงการ ทุกยูนิตสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ แถมยังมีส่วนกลางรองรับสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยอีกต่างหาก ซึ่งหนึ่งในแบรนด์คอนโดมิเนียมของค่ายนี้ก็คือ Maestro คอนโดมิเนียม Low Rise ที่มีความโดดเด่นด้านทำเลดี เพราะทุกโครงการมีทางเข้า-ออกได้หลายทาง เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยยูนิตที่มีไม่มาก ดีไซน์หรูหราโดดเด่น ได้ฟังก์ชั่นครบ     ทำเล   ถ้าพูดถึง CBD ในบ้านเราแล้ว ทุกคนก็จะทราบดีว่านั่นคือย่านสีลม-สาทร ใจกลางแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ศูนย์รวมของทุกสิ่งอย่างเพียบพร้อมในระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ออฟฟิศเกรด A โรงพยาบาลระดับคุณภาพ โรงแรมห้าดาว สถาบันการศึกษาชื่อดัง เช่น  เซ็นทรัลพระราม 3, ท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต สาขานางลิ้นจี่, สีลม คอมเพล็กซ์, โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์, โรงเรียนอัสสัมชัญ, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช, โรงแรมบันยันทรี, โรงแรมโซ โซฟิเทลแบงค็อก, โรงแรมดุสิตธานี เป็นต้น รวมถึงการเดินทางที่เชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญมากมาย ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนอย่างทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษเฉลิมมหานคร      ในทางกลับกันหากพูดถึงถนนเย็นอากาศกลับไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก ทั้งที่ถนนเย็นอากาศนั้นถือเป็นทำเลที่แอบซ่อนขุมทรัพย์แห่งความสงบร่มรื่นเอาไว้ท่ามกลางแหล่งเศรษฐกิจในเมืองใหญ่แห่งนี้ โดยถนนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนมากแถวนี้จึงเป็นที่อยู่ลักษณะบ้านเดี่ยวอันเก่าแก่คงเสน่ห์เอาไว้จวบจนทุกวันนี้ ซึ่งชวนให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศ เพราะตลอดสองข้างทางมีร้านอาหารไทย อีสาน ญี่ปุ่น อิตาเลียน เยอรมัน ร้านคาเฟ่สวยๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เรียงรายกันอยู่บนนถนนแห่งนี้ไม่น้อยเลย แต่ละร้านก็มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งด้านรสชาติและบรรยากาศดึงดูดให้เข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง      ตัวโครงการ มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ นั้นตั้งอยู่ริมถนนเย็นอากาศ บริเวณตรงข้ามกับปากซอยประสาทสุข มีทางเข้า-ออกได้หลากหลายเส้นทาง ทำให้สามารถหลบหลีกวางแผนการเดินทางตามสภาพการจราจรในแต่ละวันได้หลากหลายช่องทาง ได้แก่      ถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า เมื่อเลยสี่แยกใต้ทางด่วนพระราม 4 มาแล้ว ให้เข้าซอยงามดูพลีแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยศรีบำเพ็ญ และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเย็นอากาศ โครงการจะอยู่ทางขวามือ   ถนนเชื้อเพลิง เป็นถนนเลียบทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างถนนพระราม 4 ตรงจุดขึ้น-ลงทางพิเศษมหานครกับถนนพระราม 3 ซึ่งสามารถเข้าโครงการจากถนนเส้นนี้ได้โดยจากถนนเชื้อเพลิงฝั่งมุ่งหน้าสู่ถนนพระราม 4 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเชื้อเพลิง 4 จะสามารถเชื่อมต่อกับซอยศรีบำเพ็ญ แล้วจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเย็นอากาศ โครงการจะอยู่ทางขวามือ   ถนนพระราม 3 ฝั่งมุ่งหน้าเข้าพระราม 4 เมื่อถึงสามแยกนางลิ้นจี่ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนนางลิ้นจี่ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเย็นอากาศ โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ   ถนนสาทร ฝั่งสาทรใต้ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสาทร 1 หรือจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสวนพลูก็ได้ ทะลุออกซอยงามดูพลี แล้วจะเลือกเข้าสู่ซอยศรีบำเพ็ญหรือถนนนางลิ้นจี่ก็ได้ เพราะสามารถเข้าสู่ถนนเย็นอากาศได้ทั้งสองเส้นทาง    ถนนนราธิวาสฯ ฝั่งขาออก เลี้ยวซ้ายเข้าซอยนราธิวาสฯ 17 หรือถนนจันทน์ แล้วเข้าสู่ถนนนางลิ้นจี่ก็เข้าสู่ถนนเย็นอากาศได้เช่นกัน   ถนนจันทน์ จุดที่เป็นสามแยกตัดกับถนนนางลิ้นจี่ ให้เลี้ยวซ้ายแล้วรีบชิดขวาเพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนเย็นอากาศ         ถนนนางลิ้นจี่ เป็นถนนหลักในการเข้าสู่ถนนเย็นอากาศเลยค่ะ เพราะเป็นตัวเชื่อมกับหลายถนนที่กล่าวไว้ข้างต้น คือ ถนนพระราม 3 ถนนจันทน์ ถนนนราธิวาสฯ เป็นต้น    ระบบขนส่งสาธารณะก็สะดวกสบายไม่แพ้กัน เพราะทางโครงการจะมี Shuttle Service บริการรับ-ส่งลูกบ้านที่ MRT ลุมพินี เรียกได้ว่าการเดินทางไม่ว่าจะเส้นทางไหนก็หายห่วงได้เลยค่ะ   ภาพรวมโครงการ MAESTRO 01 SATHORN-YENAKAT คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น บนพื้นที่ 0-3-98 ไร่ ที่จอดรถ 79% ได้ความเงียบสงบด้วยทำเลและยูนิตที่จำกัดเพียง 88 ยูนิตเท่านั้น อีกทั้งยังครบครันทั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และ Built-in ให้มาเต็มที่แบบ Fully Furnished ที่ดีไซน์แนว MEDELINE STYLE  สถาปัตยกรรมดีไซน์คอนเซ็ปต์ Modern-Classic ให้อารมณ์เหมือนเดินอยู่ในเมืองใหญ่โซนยุโรป ซึ่งผสมผสานระหว่างความคลาสสิคแต่อยู่ท่ามกลางความทันสมัยของเมืองยุคนี้ได้อย่างลงตัว      ส่วนกลางของโครงการแบ่งออกเป็น 3 ชั้นด้วยกันค่ะ คืออยู่ที่ชั้น 1 ต้อนรับลูกบ้านด้วยล็อบบี้เพดานสูงโปร่ง ห้องเมลบ็อกซ์ ห้องซักผ้า แร็คจอดจักรยาน ป้อมรักษาความปลอดภัย ต่อมาที่ชั้น 2 จะเป็นสระว่ายน้ำ ห้องสตรีม ห้องซาวน่า ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อคเกอร์ และชั้น 9 ซึ่งเป็น Roof Top ของโครการ มีทั้ง tranquil pavilion ห้องฟิตเนส ลานโยคะ สนามเด็กเล่น ลานบาร์บีคิว ห้องสันทนาการ และพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ท่ามกลางวิวใจกลางเมืองสวยๆ  รวมถึงบริการอื่นๆ จากทางโครงการ ได้แก่ Shuttle Service บริการรับ-ส่งลูกบ้านที่ MRT ลุมพินี, Wifi ตลอด 24 ชม. และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.      มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ นอกจากจะน่าอยู่อาศัยเองด้วยความเงียบสงบของตัวโครงการ และการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์แล้ว ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งออฟฟิศก็ยังเหมาะแก่การลงทุนปล่อยเช่าได้ราคาดี สะดวกด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาครบครันทำให้งบประมาณในการตกแต่ง และซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นเข้ามาเพิ่มเติมก็จะไม่บานปลายมากอีกด้วยค่ะ     แม้ว่าทางโครงการนั้นจะอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ แต่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเพื่อการอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขทั้งเจ้าของสัตว์เลี้ยงกับลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ จึงต้องมีกฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดเกิดขึ้นค่ะ โดยมีข้อกำหนดดังนี้   1. การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี(ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์) 2. ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุด รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง 3. สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ - 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม. - 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร - 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น) 4. สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ   Floor Plan อาคารของมาเอสโตร 01 วางเป็นรูปตัว U จัดยูนิตแบบ Double Corridor จำนวนยูนิต 5-13 ยูนิต/ชั้น มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัวกลางอาคาร ใช้ระบบล็อคชั้นเพื่อความปลอดภัย บันไดหนีไฟ 2 จุดกระจายอยู่คนละฝั่งของอาคาร ส่วนที่จอดรถมีทั้งชั้นใต้ดินและชั้น 1 ของอาคาร Ground Plan ตัวโครงการมีทางเข้า-ออกทางเดียว หน้าโครงการหันไปทางทิศตะวันออก มียูนิตพักอาศัยตั้งแต่ชั้นแรกอยู่ 5 ยูนิต โดยจะมีประตูคีย์การ์ดกั้นระหว่าง Lobby ตรงกลางอาคาร เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความเป็นส่วนตัว และปลูกต้นไม้เอาไว้ระหว่างระเบียงห้องกับรั้วโครงการ เพื่อป้องกันสายตาจากด้านนอก เพิ่มความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังส่งผลต่อความรู้สึกผู้อยู่อาศัยไม่ให้รู้สึกอึดอัดจนเกินไปด้วยค่ะ Plan ชั้น 2 เป็นยูนิตพักอาศัย รวมถึงส่วนกลางที่เป็นสระว่ายน้ำ ซึ่งหันออกทางทิศเหนือ มีห้องน้ำแยกฝั่งชาย-หญิง พร้อมกับห้องสตรีม-ซาวน่าอยู่ภายในห้องน้ำ ซึ่งหากใครเลือกอยู่ชั้นนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะวุ่นวายค่ะ เพราะมีประตูคีย์การ์ดกั้นแยกโซนที่พักอาศัยจากโถงลิฟท์ที่เชื่อมต่อสู่สระว่ายน้ำอีกที Plan ชั้นที่อยู่อาศัย ดูจากแปลนนี้แล้วจะเห็นภาพมากขึ้นค่ะว่าตัวอาคารวางคล้ายรูปตัว U Roof Top Plan เป็น Facility อีกชั้นหนึ่งของโครงการค่ะ โดยจะมีทั้งฟิตเนส ลานโยคะ ลานบาร์บีคิว ลานสำหรับสัตว์เลี้ยง และพื้นที่สำหรับพักผ่อนหลากหลายมุม   Unit Plan ตอกย้ำความพรีเมี่ยมเฉพาะตัวด้วย Unit Plan ที่แม้ห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดของโครงการก็ยังเริ่มต้นถึงขนาด 33.56 ตร.ม. เป็นขนาดที่อยู่อาศัยได้จริงโดยไม่รู้สึกคับแคบจนเกินไป โดยทุกยูนิตมาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษด้วยการเพิ่มพื้นที่ให้กับห้องของเราด้วยฟังก์ชั่นพื้นที่อเนกประสงค์ เพื่อขยายห้องนั่งเล่นของเราให้สามารถรองรับการใช้งานได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับกลุ่มเพื่อนๆ หรือใช้เป็นระเบียงตากอากาศก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์   Type A1 33.77 ตร.ม. ห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ   Type B1 68.90 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  Type D3 Lower 112.66 ตร.ม. ห้องแบบดูเพล็กซ์ชั้นล่าง ทั้งหมด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  Type D3 Upper 112.66 ตร.ม. ห้องแบบดูเพล็กซ์ชั้นบน   Type D4 Lower 182.18 ตร.ม. ห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ แบบดูเพล็กซ์ ทั้งหมด 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ   Type D4 Upper 182.18 ตร.ม. ห้องแบบดูเพล็กซ์ชั้นบน    เดินชมโครงการ MAESTRO 01 SATHORN-YENAKAT ตอนนี้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะคะ เราเริ่มเดินชมภายในโครงการตั้งหน้าทางเข้า-ออกที่ใช้ระบบ Keycard Access ลอดใต้อาคารเพื่อลงลานจอดรถชั้นใต้ดินค่ะ ถัดกันเป็นทางเข้าจากหน้าโครงการ ประตูกระจกใสกรอบสีทองแดงให้ความคลาสสิคตามคอนเซป เปิดประตูเข้าไปดูในโครงการกันเลยค่ะ มีฉากทรงรังผึ้งสีขาวกั้น ทางขวามือเป็นประตูคีย์การ์ดอีกชั้นสำหรับลูกบ้านที่พักอาศัยอยู่ชั้น 1 นี้ค่ะ หลังฉากกั้นสีขาวเมื่อสักครู่ก็จะเป็น Lobby ตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ดำ เป็นหลัก เพดานเปิดสามารถมองเห็นขึ้นไปที่ชั้น 2 ทำให้รู้สึกโล่งขึ้น ส่วนด้านหลังเคาน์เตอร์คือโถงลิฟท์ค่ะ หันมาทางขวาของ Lobby จะพบกับโซน Mail Box ที่ล้อมรอบด้วยกระจกใส ดูจากจำนวน Mail Box แล้วก็รู้สึกเลยค่ะว่าโครงการนี้ยูนิตน้อยจริงๆ สำหรับคอนโด Low Rise ให้ความเป็นส่วนตัวมาก เราขึ้นมาดูที่ชั้น 2 กันค่ะ Facility ส่วนแรกเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 12.5 เมตร และด้วยความที่สระว่ายน้ำหันไปทางทิศเหนือที่แทบจะไม่ค่อยโดนแดดเท่าไรนัก ก็ทำให้สามารถลงว่ายน้ำในช่วงกลางวันก็ได้ค่ะ ที่ชั้น 2 จะมีห้องที่ได้วิวใกล้ชิดกับสระว่ายน้ำเลยค่ะ แต่ทางโครงการทำกระจกสูงขึ้นมาประมาณ 1.5 เมตร แล้วปลูกต้นไม้ไว้ด้านในชิดกระจกอีกทีเพื่อความเป็นส่วนตัวขึ้น และยังช่วยบังสายตาจากนอกห้องด้วยค่ะ ห้องทางฝั่งทิศเหนือนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำค่ะ ด้านข้างสระจะมีห้องน้ำแยกหญิง-ชายเอาไว้ เข้าไปดูที่ห้องน้ำหญิงทางฝังขวากันก่อนค่ะ ภายในมีล็อคเกอร์สำหรับเก็บของไว้ให้ และยังมีห้องสตรีมอยู่ด้วยค่ะ อีกฝั่งเป็นห้องน้ำชายที่มีห้องซาวน่าในตัว มีโซนล้างตัวแยกอยู่อีกด้านหนึ่งของสระว่ายน้ำค่ะ มีลักษณะเป็นช่องลึกเข้าไปตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวล้อมรอบ จากนั้นเราขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 9 ซึ่งเป็น Roof Top มีส่วนกลางแยกเป็นสองฝั่ง โดยเมื่อออกจากลิฟท์แล้วหันไปทางซ้ายก่อนก็จะพบกับฟิตเนสค่ะ ห้องฟิตเนสอยู่ตรงกลางตรงข้ามกับโถงลิฟท์พอดีค่ะ เมื่อเข้าไปในห้องฟิตเนสจะมีการยกพื้นสูงขึ้น ห้องฟิตเนสล้อมรอบด้วยกระจก High Ceiling ซึ่งด้วยความที่อยู่บนชั้น Roof Top จึงสามารถรับแสงธรรมชาติจากด้านนอกเข้ามาได้เต็มๆ ลู่วิ่งที่สามารถชมวิวสวนสีเขียวด้านนอกพร้อมกับวิวเมืองไปด้วย   ออกมาดูที่สวนสีเขียวรอบๆ กันบ้างค่ะ มีที่นั่งเบาะสีขาวไว้ให้นั่งพักผ่อน มีการแยกโซนหลายๆ มุม เดินเข้ามาสุดทางเป็นโซน BBQ แยกเอาไว้ค่ะ มีมุมเตาปิ้งพร้อมซิงค์ล้างจานให้เรียบร้อย เป็นโซนที่เหมาะสำหรับการจัดปาร์ตี้เล็กๆ กับกลุ่มเพื่อนในช่วงเย็น-ค่ำ ที่ให้ความเป็นส่วนตัวพร้อมรับลมจากชั้น Roof Top ไปด้วย อีกฝั่งหนึ่งของชั้น 9 มีหลายมุมให้ได้นั่งเล่นรับลมกันค่ะ ตรงกลางเป็นลานโยคะ Pet Zone สำหรับพาสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นได้ เป็นลานที่อยู่ทางทิศตะวันออกด้านหน้าของโครงการ เพราะฉะนั้นถ้าพาน้องหมา น้องแมวมาวิ่งเล่นช่วงเย็นๆ ก็เหมาะทีเดียวค่ะ   เปิดห้องตัวอย่าง สำหรับมาเอสโตร 01 นั้นมีห้องตัวอย่างทั้งหมด 3 ห้องด้วยกันค่ะ เรามาเริ่มกันที่ห้องแรก Type A2-2 ขนาด 34.12 ตร.ม. 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เริ่มจากห้องครัวเปิด เชื่อมต่อด้วยห้องนั่งเล่นต่อด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ กั้นห้องนอนด้วยประตูบานสวิง ซึ่งภายในห้องนอนมีมุมโซฟา และห้องน้ำในตัว โดยทุกอย่างที่เห็นในแปลนทางโครงการให้ทุกอย่างมาครบเลยค่ะ เปิดห้องตัวอย่างแรกกันเลยค่ะ เราจะเจอส่วนครัวเปิดก่อนเลย โดยความสูง Floor To Ceiling 2.45 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายไม้ ใช้ไฟ Downlight เคาน์เตอร์ครัววางแบบ L shape เพื่อให้ดูแยกเป็นสัดส่วนกับพื้นที่อื่นของห้อง ด้านขวาเป็นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ด้านซ้ายมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ บานตู้และลิ้นชักทั้งหมดมีระบบ Soft Close Top ครัวใช้หินสังเคราะห์ ผนังครัวกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคเพื่อช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นกว่าการเป็นผนังธรรมดา ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นออก เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันจากแบรนด์ Electrolux ทั้งหมดนี้ทางโครงการให้มาครบเลยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะได้ Built in ตู้เก็บของมาด้วยค่ะ ติดกันด้านหลังประตูห้องจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็นได้ ติดกับเคาน์เตอร์ครัวอีกด้านถูกจัดให้เป็นโต๊ะทานข้าวแบบเคาน์เตอร์บาร์ค่ะ แบบนี้ประหยัดพื้นที่ได้มากกว่าโต๊ะลอยปกติพอสมควรเลยค่ะ หันกลับไปดูพื้นที่ส่วนครัวทั้งหมดค่ะ ดูเป็นครัวที่เหมาะกับการทำอาหารเบาๆ และยังมีพื้นที่ทำครัวกว้างพอสมควร ถัดเข้ามาเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ มีโซฟาสีขาวขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง และเคาน์เตอร์วางทีวีแบบที่เห็นนี้ทางโครงการก็ให้มาด้วยนะคะ สองข้างของโซฟามีพื้นที่เหลือไม่ชิดกับเก้าอี้ทานข้าวจนเกินไป ส่วนเครื่องปรับอากาศใช้แบรนด์ Trane ติดตั้งเอาไว้ด้านบนโต๊ะทานข้าว ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นพอดีค่ะ สิ่งที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของโครงการนี้ คือ ทุกยูนิตจะได้พื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น แต่จะมีการกั้นด้วยประตูกระจกเขียวตัดแสง เป็นบานเลื่อนขอบอลูมิเนียมสีขาว 2 ตอน เมื่อเปิดประตูกระจกออกจะช่วยเพิ่มพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้กว้างขึ้นค่ะ พื้นที่อเนกประสงค์นี้จะมีลักษณะเหมือนระเบียงแบบ Double Skin คือมีกระจกสูงด้านนอกกั้นอีกชั้น ทำให้เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนแล้วก็จะเพิ่มพื้นที่ภายในห้องได้แบบไม่เสียความเย็นจากเครื่องปรับอากาศค่ะ กลับเข้ามาในห้อง เดินไปดูห้องทางซ้ายมือกันต่อค่ะ เปิดประตูห้องนอนเข้าไปแล้วจะพบกับเตียงอยู่ทางซ้ายมือ ทางขวาเป็นตู้เสื้อผ้า Built in ในส่วนของพื้นห้องนอนจะเปลี่ยนมาปูด้วยลามิเนตค่ะ ข้างเตียงวางโต๊ะทำงานขนาดเล็กได้ ไม่ติดกับเตียงจนเกินไปค่ะ เตียงขนาด 5 ฟุต วางไว้กลางห้องมีทางเดินอยู่รอบเตียงค่ะ เครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนถูกติดตั้งไว้ที่ปลายเตียงค่ะ อีกด้านของเตียงมีทั้งโต๊ะหัวเตียง และโซฟาข้างหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ครบเลยค่ะ แทบจะไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์มาเพิ่มแล้ว มองจากมุมนี้เราจะเห็นว่าหลังประตูห้องนอนจะเป็นห้องน้ำในตัวค่ะ ตู้เสื้อผ้าของทุกห้องเมื่อเปิดบานสวิงออกมาแล้วจะมีสวิทช์สำหรับเปิดไฟในตู้เสื้อผ้า ช่วยเพิ่มแสงสว่างให้ใช้งานได้อย่างสะดวกขึ้นค่ะ เข้าไปดูในห้องน้ำค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม ผนังปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาว อ่างหน้าหน้าใช้แบบแขวนผนังของแบรนด์ LAVENZ มีตู้เก็บของไว้ให้ข้างใต้ค่ะ ส่วนหัวก๊อกใช้แบรนด์ Hafele โถสุขภัณฑ์ใช้แบรนด์ Kohler พร้อมสายชำระ ด้านข้างสุขภัณฑ์มีการเจาะผนังไว้สำหรับวางของได้ด้วยนะคะ เช่นเดียวกันกับด้านในส่วนเปียกที่มีการเจาะช่องผนังเอาไว้ด้านข้าง และฝักบัวใช้แบรนด์ Kohler ค่ะ ซึ่งทั้งหมดที่เห็นในห้องน้ำจะได้มาแบบนี้เลยค่ะ   ห้องตัวอย่างถัดไปเป็น Type B3 ขนาด 70.82 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เริ่มจากส่วนห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่รวมส่วนโต๊ะทานข้าวและพื้นที่อเนกประสงค์เอาไว้ด้วยกัน ครัวเปิดที่แยกออกมาเป็นสัดส่วน และโซนห้องนอน-ห้องน้ำ แปลนนี้เป็นการแยกพื้นที่ Common Area กับ Private Zone ออกจากกันอย่างชัดเจนค่ะ เปิดประตูเข้าไปในห้องค่ะ พื้นที่ Common Area ที่เห็นกว้างขวางทีเดียวค่ะ พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องลายไม้ ใช้ไฟ Downlight ส่วนแรกของห้องนี้เป็นพื้นที่สำหรับโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งค่ะ เครื่องปรับอากาศตัวแรกติดไว้ด้านบนเหนือโต๊ะพอดี เหลือพื้นที่ทางเดินหลังโต๊ะทานข้าวได้กว้างขวาง หากมีคนนั่งทานข้าวอยู่ก็สามารถเดินผ่านได้ ไม่คับแคบค่ะ ตรงข้ามโต๊ะทานข้าวมีตู้เก็บของมาให้ค่ะ จะดัดแปลงเป็นตู้เก็บรองเท้าก็ได้ โดยบานตู้ติดตั้งระบบ Soft Close เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น และเวลาปิดตู้จะไม่เกิดเสียงดังค่ะ เชื่อมต่อด้วยห้องนั่งเล่นและพื้นที่อเนกประสงค์ค่ะ ห้องขนาด 2 ห้องนอนจะได้โซฟาแบบ L Shape พร้อมโต๊ะกลาง เพราะพื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างมากพอที่จะรับแขกเป็นกลุ่มได้ค่ะ ลองสังเกตที่เพดานห้องนั่งเล่นดูค่ะ มีการตีขอบคิ้วบัวเป็นสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นสีเดียวกันกับประตูห้อง เพิ่มลูกเล่นความน่าสนใจให้กับห้องของเราดูสวยเก๋ขึ้นไปอีก ข้างโซฟามีประตูกระจกเขียวตัดแสงแบบบานเลื่อน 3 ตอนกั้นพื้นที่อเนกประสงค์ไว้หากไม่ได้ใช้งานค่ะ กระจกด้านนอกเป็นกระจกบานเลื่อน สามารถเปิดออกได้ค่ะ โดยถ้าเปิดออกก็จะมีราวเหล็กโปร่งกั้นไว้อีกที อีกฝั่งของห้องอเนกประสงค์จะมีประตูที่เรียบไปกับผนัง ซึ่งเป็นห้องสำหรับเก็บ Condensing Unit แยกออกไว้เป็นสัดส่วน จะได้ไม่มีลมร้อนมาเป่าถึงในห้องให้กวนใจค่ะ หลังเคาน์เตอร์ทีวีมีทางเดินเชื่อมไปยังอีกส่วนหนึ่งของห้องค่ะ เรามาดูกันที่อีกโซนของห้องค่ะ ซ้ายมือสุดเป็นห้องครัว ถัดไปทางซ้ายเป็นห้องน้ำ ห้องตรงกลางและห้องทางขวามือเป็นห้องนอนค่ะ เรามาดูกันที่ห้องครัวก่อนค่ะ เป็นครัวลักษณะ U Shape และถึงแม้ว่าจะเป็นครัวเปิด แต่ด้วยการวางแปลนไว้เป็นสัดส่วนหากใครชอบทำครัวหนักๆ ก็สามารถติดตั้งบานประตูเพิ่มได้นะคะ ป้องกันกลิ่นและควันเข้าสู่ตัวห้อง ฝั่งซ้ายของครัวเริ่มด้วยตู้เก็บของบานสวิง มีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า ส่วนฝั่งขวามีช่องสำหรับวางตู้เย็น ถัดไปเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ แต่สิ่งที่เราจะได้ คือ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควันจากแบรนด์ Electrolux ซึ่งมีการกรุกระเบื้องตลอดแนวผนังครัวด้านนี้มาให้ด้วย และซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์   ลิ้นชักใต้ช่องวางไมโครเวฟมีการกั้นช่องสำหรับวางช้อนส้อมมาให้ และตู้ใต้ซิงค์ล้างจานที่มีถังขยะมาให้พร้อมเลยค่ะ ออกจากครัวไปดูห้องต่อไปทางซ้ายมือค่ะ ห้องน้ำปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม ผนังปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน โดยเริ่มจากส่วนแห้งก่อนค่ะ อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังมีตู้เก็บของไว้ข้างใต้ ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ อีกทั้งยังได้กระจกเงาบานใหญ่เก็บขอบอลูมิเนียมให้เรียบร้อยแบบนี้ด้วยนะคะ ส่วนเปียกถูกกั้นไว้ด้วยกระจก Tempered แบบประตูบานสวิง และมีธรณีสูงขึ้นมาเล็กน้อย ภายในส่วนเปียกข้างฝักบัวมีเจาะช่องผนังสำหรับวางของได้ด้วย ถัดมาจากห้องน้ำก็เป็นห้องนอนแรกของห้องค่ะ พื้นที่ปลายเตียงมีการวางโต๊ะทำงานเอาไว้ เตียงขนาด 5 ฟุต วางไว้กลางห้อง หน้าต่างข้างเตียงเป็นกระจกทรงสูงบานกระทุ้ง ขอบอลูมิเนียมสีขาวค่ะ มีพื้นที่เล็กๆ วางโต๊ะหัวเตียงได้ค่ะ ถัดจากประตูเป็น Built In ตู้เสื้อผ้ามาให้ ส่วนเครื่องปรับอากาศนั้นถูกติดตั้งไว้ข้างตู้เสื้อผ้าหันหน้าเข้าเตียงค่ะ มาถึง Master Bedroom กันแล้วนะคะ โดยห้องนี้จะมีความพิเศษตรงที่แบ่งฟังก์ชั่นออกเป็น 3 ส่วนออกจากกันอย่างชัดเจนค่ะ คือ ส่วนเตียงนอนด้านซ้ายมือ ส่วน Walk In Closet ตรงกลางห้อง และห้องน้ำในตัวด้านขวามือหลังประตูห้องนอนค่ะ ด้านในสุดของ Walk In Closet วางโต๊ะทำงานเอาไว้ค่ะ ตรงนี้จะดัดแปลงเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็เหมาะนะคะ เพราะมีหน้าต่างทรงสูงทำให้มีแสงสว่างเข้ามาถึงด้านในสุดนี้ได้อย่างพอดีค่ะ ตู้เสื้อผ้า Built In เป็นประตูบานสวิงถึง 4 บานค่ะ ถัดมาเป็นห้องน้ำ โดยเราสามารถอาบน้ำเสร็จก็ค่อยเดินมาแต่งตัวตรงส่วน Walk In Closet ใกล้กันนี้ได้เลย ซึ่งจุดนี้ถือว่าวางแปลนออกมาได้คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยจริงค่ะ ภายในห้องน้ำปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา ผนังเป็นกระเบื้องลายหินอ่อน อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังพร้อมตู้เก็บของข้างใต้ ตรงขอบอ่างมีพื้นที่ให้วางอุปกรณ์ได้ ส่วนเปียกข้างฝักบัวเจาะผนังสำหรับวางของมาให้ค่ะ ออกไปดูกันที่ส่วนสุดท้ายของห้องกันค่ะ ตรงกลางห้องวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้พร้อมกับโต๊ะหัวเตียงทั้งสองฝั่ง พื้นที่ว่างตรงนี้วางโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนเอาไว้ โดยยังมีพื้นที่ทางเดินเหลือๆ ค่ะ ทั้งด้านข้างและปลายเตียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อนค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องแสงสว่างภายในห้องเลย ประตูกระจกบานเลื่อนนี้สามารถเปิดเพื่อถ่ายเทอากาศจากด้านนอกได้นะคะ แต่จะไม่มีระเบียงยื่นออกไป เพราะถูกกั้นอีกชั้นเอาไว้ด้วยเหล็กโปร่ง เครื่องปรับอากาศติดตั้งไว้เหนือโซฟาค่ะ   มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายค่ะ Type B1-3 ขนาด 67.76 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แปลนนี้แบ่งฟังก์ชั่นออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ค่ะ คือ พื้นที่กลางห้องเป็น Common Area เริ่มตั้งแต่ครัวเปิด ห้องนั่งเล่น โต๊ะทานข้าว พื้นที่อเนกประสงค์ ส่วนห้องนอนจะถูกแยกออกคนละฝั่ง Type นี้จะแบ่งฟังก์ชั่นห้องนอนออกเป็น 2 ฝั่งแยกออกจากกันค่ะ ส่วนตรงกลางห้องจะเป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น และโต๊ะทานข้าว เข้าไปดูที่ส่วนครัวกันก่อนค่ะ อยู่ทางขวามือของห้อง ครัว U Shape โดยเป็นครัวเปิดค่ะ เริ่มจากซิงค์ล้างจานอยู่ทางซ้ายมือของเคาน์เตอร์ก่อนเลยค่ะ มุมทำครัวมาพร้อมเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควัน กรุผนังด้วยกระเบื้องช่วงสั้นๆ ช่วงหัวเตาค่ะ ตู้ใต้ซิงค์ล้างจานมีถังขยะติดอยู่กับบานตู้ เมื่อเปิดตู้ออกมาถังขยะก็จะออกมาด้วยแบบนี้ค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับครัว หลังประตูห้องมี Built In ตู้เก็บของ ถัดไปเป็นห้องน้ำค่ะ โครงการนี้วางฟังก์ชั่นในห้องน้ำเอาไว้คล้ายกันค่ะ คือเริ่มต้นด้วยอ่างล้างหน้า ถัดไปเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ และส่วนเปียกอยู่ด้านในสุดกั้นด้วยฉากกระจกประตูบานสวิง อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ สายชำระ กระจกเงา ได้ทุกอย่างมาครบครัน ข้างโถสุขภัณฑ์มีช่องสำหรับวางของค่ะ ในส่วนเปียกก็มีช่องสำหรับวางของมาให้เช่นกันค่ะ เราไปดูตรงกลางห้องกันต่อเลยค่ะ เป็นห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง พร้อมเคาน์เตอร์วางทีวีมาให้ เคาน์เตอร์วางทีวีเป็น Built In มีช่องสำหรับเก็บของอยู่ด้านล่าง จากห้องนั่งเล่นก็เป็นพื้นที่อเนกประสงค์กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียมสีขาว เก้าอี้ยาวตรงพื้นที่อเนกประสงค์นี้ได้มาแบบเดียวกันทุกห้องค่ะ นอกจากจะขยายพื้นที่สำหรับรับแขก สำหรับพักผ่อนได้มากขึ้นแล้วก็ยังสามารถดัดแปลงเป็นพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงก็ได้เหมือนกันนะคะ หลังโซฟาเชื่อมต่อด้วยโต๊ะทานข้าวค่ะ โต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่ง ติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้เหนือที่นั่งของโต๊ะทานข้าว ระหว่างโต๊ะทานข้าวกับห้องครัวจะมีประตูห้องนอนค่ะ ห้องนี้เป็น Master Bedroom ค่ะ โดยแบ่งฟังก์ชั่นของห้องออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ซ้ายมือเป็นห้องนอน ตรงกลางมีพื้นที่ตู้เสื้อผ้ากั้น ส่วนขวามือเป็น Walk In Closet และห้องน้ำ ดูทางซ้ายมือก่อนค่ะ เตียง 5 ฟุตวางไว้ตรงกลาง มีทางเดินได้รอบเตียงพร้อมกับมีโต๊ะหัวเตียงทั้งสองฝั่ง ติดกับหน้าต่างมีโซฟาวางชิดกระจกเอาไว้ โซฟาสามารถย้ายไปไว้ปลายเตียงก็ได้นะคะ มีพื้นที่เหลือพอๆ กัน หน้าต่างทรงสูงเป็นกระจกบานกระทุ้งเปิดได้ 2 บาน เครื่องปรับอากาศติดตั้งไว้ด้านข้างเตียงค่ะ ตรงกลางห้องเชื่อมต่อไปถึงอีกด้านเป็นพื้นที่ Walk In Closet ที่ Built In ตู้เสื้อผ้ามาให้อย่างจุใจเลยค่ะ ใครที่มีเสื้อผ้าเยอะจะต้องชอบห้องนี้แน่นอนค่ะ ห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับ Walk In Closet อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ฝั่งขวาเป็นโถสุขภัณฑ์ กระจกเงาแบบนี้ก็ได้มาด้วยนะคะ ส่วนเปียกมีพื้นที่กว้างขวาง เวลาใช้งานจริงจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ ซ้ายสุดมีการเจาะช่องสำหรับวางของ ออกมาจาก Master Bedroom ไปดูที่ห้องฝั่งตรงข้ามกันบ้างค่ะ ห้องนี้อยู่ระหว่างเคาน์เตอร์ทีวีกับห้องน้ำ ห้องนอนที่ 2 ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า ขวามือเป็นเตียงนอนขนาด 5 ฟุตค่ะ ระหว่างตู้เสื้อผ้ากับเตียงมีโต๊ะทำงานวางไว้ด้วยค่ะ อีกด้านของเตียงมีโต๊ะหัวเตียงต่อด้วยโซฟาค่ะ ภายในห้องนอน นอกจากจะต้องมีเตียงอยู่แล้ว แต่ทางมาเอสโตร 01 ก็ยังให้โซฟาเพิ่มขึ้นมาอีก เพื่อการพักผ่อนหลากหลายมุม และรู้สึกสบายที่สุดเมื่ออยู่ในห้องของตัวเอง   โครงการมาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ เป็นคอนโดลักษณะ Low Rise ที่ให้ความรู้สึกหรูหราสไตล์ยุโรปยุคเก่าผสมผสานกับความโมเดิร์นทันสมัยทำให้ดูไม่น่าเบื่อ ตั้งแต่สถาปัตยกรรมภายนอกไปจนถึงการออกแบบภายในที่เพิ่มฟังก์ชั่นพื้นที่อเนกประสงค์ให้ผู้อยู่อาศัยได้พื้นที่เพื่อการใช้สอยเพิ่มมากขึ้น และทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ใจกลางแหล่งเศรษฐกิจสำคัญ แต่กลับมีความเป็นส่วนตัวควบคู่กันด้วยถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในย่าน CBD แห่งนี้
MARU Ekkamai 2-มารุ เอกมัย 2 : รีวิวคอนโด

MARU Ekkamai 2-มารุ เอกมัย 2 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : MARU Ekkamai 2 (มารุ เอกมัย 2) เจ้าของโครงการ : บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ซอยเอกมัย 2 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. พื้นที่โครงการ : 1-2-77 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 32 ชั้น จำนวนยูนิต : 333 ยูนิต ที่จอดรถ : 48% หรือ 165 คัน ขนาดห้อง : -  1 Bedroom (S) ขนาด 29.00 ตร.ม. -  1 Bedroom Simplex ขนาด  32.50 – 35.50 ตร.ม. -  2 Bedrooms Simplex ขนาด 54.00 – 60.50 ตร.ม. -  1 Bedroom Duplex ขนาด  41.00 – 42.00 ตร.ม. -  2 Bedroom Duplex ขนาด  45.00 – 76.00 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - สวนลอยฟ้า - ล๊อบบี้ - ที่จอดรถ - ห้องเมล์บ๊อกซ์ - กล้อง CCTV - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 5,400,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 196,000บาท/ตร.ม. ค่าส่วนกลาง : 75 บาท/ตร.ม. ค่ากองทุน : 750 บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ก.ย. 2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม HIGH RISE  ยกระดับความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนห้องสูงสุด เพียง 16 ห้อง/ชั้น เพียง 450 เมตร จาก BTS เอกมัย ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง :  BTS เอกมัย สถานที่ใกล้เคียง : Big C เอกมัย, Park Lane, Gateway เอกมัย, Major เอกมัย, รพ.สุขุมวิท, วัดธาตุทอง
LIFE Ladprao Valley-ไลฟ์ ลาดพร้าว วัลเล่ย์ : รีวิวคอนโด

LIFE Ladprao Valley-ไลฟ์ ลาดพร้าว วัลเล่ย์ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : LIFE Ladprao Valley (ไลฟ์ ลาดพร้าว วัลเล่ย์) เจ้าของโครงการ : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พื้นที่โครงการ : 5-2-45.5 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 44 ชั้น จำนวนยูนิต : 1,140 ยูนิต จำนวนที่จอดรถ : 484 คัน (คิดเป็น 42%) ไม่รวมซ้อนคัน ขนาดห้อง : - สตูดิโอ ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 28.8 ตร.ม. -  1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำขนาดพื้นที่ใช้สอย 35-37 ตร.ม. -  2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำขนาดพื้นที่ใช้สอย 48.6ตร.ม. -  2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำขนาดพื้นที่ใช้สอย 57.8-66.5ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ 3 สระ - ห้องซาวน่าและห้องสตรีม - ห้องออกกำลังกาย - ห้องโยคะ - ห้องอเนกประสงค์ - จุดจอดและทางปั่นจักรยาน - สวนพักผ่อน - หน้าผาจำลอง - พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับเล่นกีฬา - Multi Living Space - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 3,490,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 145,000บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : กันยายน 2564 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมที่ได้แรงบันดาลใจการดีไซน์จาก Hi-End Boutique Hotel& Resort ท่ามกลางแนวเทือกเขาสไตล์ Valley สู่การออกแบบที่โดดเด่น ตั้งแต่ทางเข้าหน้าโครงการจนถึงยอดอาคารผสมผสานเส้นสายของแนวลายเส้นโค้งและลูกเล่นมิติของ Façade ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คไอคอนแห่งใหม่บนทำเลห้าแยกลาดพร้าว ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : MRT พหลโยธิน, รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีห้าแยกล้าดพร้าว สถานที่ใกล้เคียง : เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว, โรงเรียนหอวัง, เทสโก้ โลตัส ลาดพร้าว, ยูเนี่ยน มอลล์,ตลาดนัดสวนจตุจักร, เมเจอร์ รัชโยธิน, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น  
THE MONUMENT THONG LO – เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ : รีวิวคอนโด

THE MONUMENT THONG LO – เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : THE MONUMENT THONG LO (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) เจ้าของโครงการ : บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ทองหล่อ (ถนนสุขุมวิท ซอย 55) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. พื้นที่โครงการ : 2 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 45 ชั้น จำนวนยูนิต : 127 ยูนิต ขนาดห้อง : - 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 124.25 ตรม. - 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ขนาด 252.25 ตรม. - เพนต์เฮาส์ ขนาด 508.75 – 662 ตรม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : -สระว่ายน้ำดีไซน์ระดับไอคอนิก - พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ - Dog Park ที่สวนด้านหน้า - Educational Playground ราคา : เริ่มต้น 30,000,000 บาท ปีที่สร้างเสร็จ : ต้นปี 2562 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมผ่านแนวคิด “LUXURY IS SPACE เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ (Complete your living experience) ในทุกมิติผ่านส่งต่อทำเลที่มีคุณค่าจากรุ่นสู่รุ่น โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอาคารสูงรูปทรง “Monolith” (โมโนลิธ) ซึ่งมีอัตลักษณ์โดดเด่นอยู่ที่รูปทรงแท่งสูงตรง ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS ทองหล่อ , ถนนสุขุมวิท , ถนนเพชรบุรี , ทางพิเศษศรีรัช สถานที่ใกล้เคียง : Big C เอกมัย , Park Lane, Foodland, Tops , Fifty Fifth Avenue , Nihonmura Mall , Gateway เอกมัย , Major เอกมัย , J Avenue , รร.นานาชาติเอกมัย , รพ.คามิลเลียน , รพ.สมิติเวช , รพ.สุขุมวิท , EmQuatier , Emporium  
ร้านอร่อย ย่านท่าเรือคลองสาน (ท่าน้ำคลองสานพลาซ่า)

ร้านอร่อย ย่านท่าเรือคลองสาน (ท่าน้ำคลองสานพลาซ่า)

คนที่อยู่ย่าน "คลองสาน" จะปฏิเสธบอกว่าไม่รู้จัก ท่าน้ำคลองสานพลาซ่า ไม่ได้แน่ๆ เพราะ ท่าน้ำคลองสานพลาซ่า เป็นแหล่งช้อปปิ้ง ที่มีเหล่านักช้อปทั้งหลาย อยากจะมาเดินซื้อหาเสื้อผ้า และสินค้าแฟชั่นอย่างมากมาย ที่นี่มีร้านค้า ร้านอาหาร ข้างทางยาวตั้งแต่ถนนเจริญนครยันท่าเรือเลย และ ที่จะพูดกัน แนะนำกันในวันนี้ คือร้านอร่อยๆ ที่พลาดไม่ได้ หลังจากเดินช้อปกันจนเหนื่อย จนเมื่อย ลองหาร้านอร่อยๆ แถวๆ นี้กินดูครับ ขอบอกเลยว่า อร่อยจริงๆ มาตามดูกันว่ามีร้านไหนกันบ้าง...       บัวลอยคลองสาน มาที่คลองสานคงจะไม่พลาดที่จะต้องกินบัวลอย เพราะเม็ดบัวลอยที่ นุ่ม ละมุนลิ้น มีทั้งบัวลอยไข่เค็ม บัวลอยไข่หวาน หวานเจ้มจ้นมากจ้ะ #บัวลอยไข่เค็ม ? เปิดบริการทุกวัน ⌚ 10:00-20:00 น. ?คลองสานพลาซ่า     ขนมเบื้องคลองสาน ขนมเบื้องชิ้นโตทำร้อนๆมารอเสิร์ฟ มีหลายแบบ หลายไส้ทั้งหวาน ทั้งเค็ม ครบรส ไส้ก็แน่นเต็มปากเต็มคำ เน้นๆ ทั้งลูกเกด ฝอยทอง มะพร้าวคั่ว ? เปิดบริการทุกวัน ⌚ 10:00-20:00 น. ?คลองสานพลาซ่า     ราชาขนมโตเกียว โตเกียวสุดครีเอท มีมากมายหลายไส้ เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินก็ยังได้ มีทั้งไส้กรอก ปูอัด ปลาชีส แป้งก็กรอบไส้ก็เต็มปาก โอ้ยย ฟินมั่กๆ ? เปิดบริการทุกวัน ⌚ 10:00-20:00 น. ?คลองสานพลาซ่า     แม่อนงค์กล้วยปิ้ง กล้วยปิ้ง มันทิพย์ มันญี่ปุ่น ขอบอกพร้อมมากกก มันทิพย์ ก็ปั้นกลมพอดีคำ นุ่มละมุนมาก ราคาก็เป็นมิตรกับกระเป๋า จิ้มลิ้มมากเวอร์ ? เปิดบริการทุกวัน ⌚ 10:00-20:00 น. ?คลองสานพลาซ่า     ทาโกะยากิ ทาโกะยากิร้อนๆทำออกมามีมากมายหลายไส้ ทั้ง ปลาหมึก ทูน่า กุ้ง แซลม่อน แน่นเวอร์ผสานกับซอสราดหอมๆ กรุบกริบสุดดดด ? เปิดบริการทุกวัน ⌚ 10:00-20:00 ?คลองสานพลาซ่า     อิ่วก้วย ขนมที่ใครหลายๆคนอาจจะงง อิ่วก้วย เป็นขนมโบราณของจีน จะเป็นแป้งนุ่มๆ ที่ห่อด้วยไส้ มีทั้ง ไส้หน่อไม้ กู๋ไช่ เผือก เยอะมากก และก็นำมาทอดร้อนๆ กัดแล้วอิ่มเอมม๊ากมาก ? เปิดบริการทุกวัน ⌚ 10:00-20:00 น. ?คลองสานพลาซ่า     ไก่อบโอ่ง ไก่อบโอ่งร้อนๆ ยกขึ้นมาจากโอ่ง สับออกมาเป็นชิ้นหยิบกินง่าย คล่องมือกันเลยทีเดียว เนื้อก็นุ่มละมุนลิ้นมากเวอร์ น้ำจิ้มก็เป็นสูตรมะขามขอบอกแซ่บ! ? เปิดบริการทุกวัน ⌚ 10:00-20:00 น. ?คลองสานพลาซ่า   เป็นไงกันบ้าง เห็นแต่ละร้าน น้ำลายไหลกันเลยทีเดียว ทำเลทองบ้าน คอนโดดีๆ แถวคลองสานเพียบ อาจจะแว่บออกมาเดินชิวๆ ชิมของอร่อยๆ ตามใจปากกันเลยทีเดียว... ตามพิกัด Google Map นี้ไปเลยครับ     ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพประกอบสวยๆ จาก EventPass
Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ศูนย์กลางย่านฝั่งธนฯ : รีวิวคอนโด

Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ศูนย์กลางย่านฝั่งธนฯ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราพามาเยือนถิ่นของ LPN กันค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ LPN ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากโครงการคอนโดมิเนียมในโซน  ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี มาแล้วถึง 7 โครงการ และล่าสุดกับโครงการ Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ที่จะกลับมาปลุกกระแสคอนโดมิเนียมในย่านนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง   ทำเล   ฝั่งธนบุรี ถือเป็นทำเลที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ สำหรับใครที่อยากจะมีไลฟ์สไตล์อันแตกต่างจากบริเวณใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า ซึ่งเริ่มมีความหนาแน่นของทั้งอาคารและผู้คน หากเปลี่ยนมุมมองออกนอกเมืองไปสักนิด แต่ได้วิถีชีวิตแบบผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองเก่ากับสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน และยังคงมีถนนหนทางเชื่อมต่อเข้าสู่กลางเมืองได้อย่างสะดวก     ลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร ตั้งอยู่บนถนนรุ่งประชา ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนน 2 สายหลัก คือ ถนนสิรินธร กับถนนบรมราชชนนี  จึงถือเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ที่มีทางเข้า-ออกได้ทั้งสองเส้นทาง โดยหากออกไปทางฝั่งถนนสิรินธร แล้วกลับรถก็สามารถขึ้นทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มุ่งสู่ช่วงบางซื่อ-จตุจักรแล้วสามารถต่อไปลงถนนสีลมได้เลย หรือจะเลือกใช้ถนนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตกก็ใช้เวลาเพียง 15 นาที หากไม่ขึ้นทางด่วนก็สามารถตรงไปข้ามสะพานซังฮี้เข้าสู่ช่วงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ ส่วนทางฝั่งถนนบรมราชชนนีนั้น ก็มีทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนียาวถึง 14 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่แยกอรุณอมรินทร์ไปจนถึงย่านพุทธมณฑลสาย 2 ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก และช่วงต้นของถนนบรมราชชนนีในโซนปิ่นเกล้า ซึ่งจะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวกของฝั่งธนบุรีก็ว่าได้ เพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า, เมจอร์ ปิ่นเกล้า, คอมมูนิตี้มอลล์เดอะ เซนส์ ปิ่นเกล้า รวมถึงไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่างเทสโก้โลตัสอยู่ใกล้ๆ กัน และโรงพยาบาลเจ้าพระยา อีกทั้งยังเป็นแหล่งออฟฟิศของย่านฝั่งธนฯ ทั้งเอกชนและราชการมากมาย   ทางด้านระบบขนส่งเอกชน ก็จะมีทั้งรถเมล์, รถตู้หลายสายที่มีต้นทางอยู่ทั้งช่วงปิ่นเกล้าและที่สถานีขนส่งสายใต้ ในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ สถานีสิรินธร ซึ่งจะอยู่บริเวณแยกถนนสิรินธรตัดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ (คาดว่าจะเปิดใช้บริการช่วงปี 2562) โดยความสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เมื่อเปิดใช้บริการแล้วจะยิ่งทวีความสำคัญของการเดินทางได้อีกมาก เพราะเป็นรถไฟฟ้าเพียงสายเดียวที่วิ่งเป็นวงกลมรอบกรุงเทพฯ ครอบคลุมมาถึงฝั่งธนฯ ทำให้การเดินทางเข้าเมืองเป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น   ภาพรวมโครงการ   Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่เศษ โดยเป็นการรวบรวมเอาไว้ถึง 11 โฉนดเข้าด้วยกัน ถ้าไล่เรียงตั้งแต่ทางเข้าของโครงการเราก็จะพบกับอาคาร Villa กับอาคารพาณิชย์ด้านหน้าแล้วเข้าสู่พื้นที่ภายในโครงการอันประกอบไปด้วย 1 อาคารจอดรถสูง 9 ชั้น กับ 3 อาคารชุดพักอาศัย ได้แก่ อาคาร A สูง 23 ชั้น อาคาร B สูง 22 ชั้น และอาคาร C สูง 24 ชั้น โดยสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางจะอยู่รอบๆ บริเวณโครงการ และชั้นล่างหน้าอาคาร B เช่น สระว่ายน้ำ และ ฟิตเนสโซน เป็นต้น    *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   เห็นภาพรวมโครงการแบบนี้แล้วเราจะเห็นภาพชัดขึ้นค่ะ โดยตั้งแต่ประตูทางเข้า-ออกโครงการจะมี Villa อาคารชุดพักอาศัย 5 ยูนิต และอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 1 ยูนิต ทางซ้ายมือของโครงการเป็นอาคารจอดรถสูง 9 ชั้น ถัดมาเป็นอาคาร A อาคาร B และอาคาร C    *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เข้ามาจาก Main Gate แล้วจะมีทางสำหรับรถยนต์พร้อมฟุตบาทสำหรับคนเดินอยู่ทั้งสองข้างทาง เลี้ยวซ้ายก็จะเข้าอาคารจอดรถค่ะ   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หน้าอาคารชุดพักอาศัยจะถูกจัดให้เป็นสวนสีเขียวส่วนกลางเป็นทางยาวเชื่อมต่อกัน   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทางเดินยาวเชื่อมต่อกันทั้งโครงการ โอบล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์เพิ่มความสดชื่น   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม แม้แต่ด้านหน้าอาคารจอดรถก็ยังจัดพื้นที่สีเขียวให้ความร่มรื่นกลมกลืนกันทั่วทั้งโครงการ สมกับที่ได้ชื่อ LUMPINI PARK ค่ะ   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Facility หน้าอาคาร B เสมือนเป็นจุดศูนย์กลางแห่งการพักผ่อนภายในโครงการ   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม พื้นที่ภายในอาคารชั้นล่างถูกจัดแต่งให้เป็น Co-living Area สำหรับรับแขก และยังเป็นพื้นที่เปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนของลูกบ้านได้อย่างลงตัว   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Co-working Area สำหรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เป็นสิ่งที่ขาดไปเสียไม่ได้เลยสำหรับยุคนี้ใช่ไหมคะ ยิ่งถ้าได้เพดานสูงโปร่ง มีกระจก High Ceiling เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าไปได้เต็มๆ ก็ยิ่งเป็นห้องทำงานที่ดีมาก   Plan อาคาร *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Master Plan เริ่มจากทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อข้ามสะพานตรงกลางโครงการไปแล้วก็จะพบกับทั้ง 4 อาคารวางเรียงตัวกันอยู่ โดยมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบพร้อมกับทางเดิน ซึ่งเป็น Jogging Track เชื่อมต่อกันทั้ง 3 อาคารชุดพักอาศัย   *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ชั้น Ground ของอาคาร A จะเป็นที่ตั้งของสำนักงานนิติบุคคล ส่วนล็อบบี้จะอยู่ทางขวามือสุดของอาคาร กั้นประตูระหว่างล็อบบี้และโถงลิฟท์ด้านใน ซึ่งจะมี Mail Box และลิฟต์ 2 ตัว ส่วนบันไดหนีไฟมีทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน   *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Floor Plan ชั้นชุดพักอาศัยวางแบบ Double Corridor เฉลี่ยประมาณ 11 ยูนิต/ชั้น ซึ่งจะมียูนิตขนาดตั้งแต่ 22.50 - 31.00 ตร.ม. ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จะได้วิวด้านหน้าโครงการ และฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ โดยวางแปลนมาค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ เพราะแต่ละห้องมีผนังห้องนอนติดกัน ทำให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น และช่วยลดเสียงรบกวนเวลาพักผ่อนค่ะ   *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ถัดมาที่อาคาร B ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Facility อย่างสระว่ายน้ำด้านหน้าอาคารกับฟิตเนสภายในอาคาร ส่วนล็อบบี้จะอยู่ทางขวามือถัดจากฟิตเนสค่ะ   *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Floor Plan อาคาร B จะวางมาเหมือนกันกับอาคาร A ค่ะ คือเป็น Double Corridor เฉลี่ยประมาณ 11 ยูนิต/ชั้น ซึ่งจะมียูนิตขนาดตั้งแต่ 22.50 - 31.00 ตร.ม. ยูนิตที่ได้วิวสระว่ายน้ำจะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และตรงข้ามกันจะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม อาคาร C ล็อบบี้จะถูกวางเอาไว้กลางอาคาร ลิฟท์จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางซ้ายมือจะมีห้องอเนกประสงค์ ซึ่งลูกบ้านทุกยูนิตสามารถ  เข้ามานั่งเล่นพักผ่อนในห้องนี้ได้ค่ะ     *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Floor Plan ของอาคาร C จะมีความแตกต่างออกไปจากอาคาร A กับ B ค่ะ ตั้งแต่การวางทิศทางของอาคารที่จะมีห้องที่หันทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ กับทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอาคารนี้จะเป็นเพียงอาคารเดียวที่มีห้องแบบ 2 Bedrooms เพียง 2 ยูนิต/ชั้นค่ะ   Unit Plan    *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ที่โครงการ Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn จะมีห้องทั้งหมด 4 Types ด้วยกันค่ะ โดยบอกได้เลยว่าถ้าลองสัมผัสจริงแล้ว  ทุกห้องมีขนาดกว้างขวางมาก ตั้งแต่ห้องขนาดเริ่มต้น 22.50 ตร.ม. นี้ เป็นห้องแบบ Studio ที่วางแปลนไว้อย่างเป็นสัดส่วนมาก ให้ความรู้สึกคล้ายกับห้องแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ     *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.00 ตร.ม. แปลนห้องนี้มีเฉพาะที่อาคาร C ค่ะ ซึ่งห้องแบบนี้เหมาะสำหรับคนชอบทำกับข้าวค่ะ เพราะเป็น Type เดียวที่เป็นห้องครัวปิด และยังมีโซฟายาวริมหน้าต่างข้างเตียง เอาไว้นั่งเล่นชมวิวเมืองสวยๆ ด้านนอกก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะคะ     *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม อีกห้อง 1 Bedroom ค่ะ ขนาด 30.00 ตร.ม. หากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวเวลามีเพื่อนมาที่ห้องของเรา แปลนนี้จะเหมาะมากกว่าค่ะ เพราะห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูบานทึบ และยังได้ตู้เสื้อผ้า Built in มาถึง 2 ตู้ วางชิดผนังทั้งสองฝั่งหน้าห้องน้ำ ให้อารมณ์แบบ Walk Through Closet ด้วยค่ะ     *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม 2 Bedrooms 51.50 ตร.ม. ยูนิตแบบ 2 ห้องนอน Type ใหญ่ที่สุดของโครงการค่ะ สามารถแยก Common Zone และ Private Zone ออกจากกันได้ชัดเจน สร้างความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัยได้ดี และ Master Bedroom ทางฝั่งหัวเตียงจะได้หน้าต่างกระจกเข้ามุม เปิดมุมมองได้ทิวทัศน์ด้านนอกได้ดีขึ้น และยังช่วยให้ห้องไม่ดูทึบจนเกินไปด้วยค่ะ   เยี่ยมชมโครงการ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนรุ่งประชา เป็นถนนขนาด 2 เลน ทั้งสองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นอยู่ตลอดเส้นทาง โดยจะมีการจัดเวลาให้รถวิ่งสวนกันได้เฉพาะเวลา 9.00 - 15.00 น. ซึ่งถ้านอกเหนือจากเวลานี้จะให้วิ่งเป็น One Way จากฝั่งถนนบรมราชชนนีไปทะลุฝั่งถนนสิรินธรค่ะ   Sales Gallery เป็นอาคารชั้นเดียว โดยหากขับรถมาจากทางด้านถนนบรมราชชนนี เข้ามาประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับโครงการอยู่ทางซ้ายมือ หาไม่ยากเลยค่ะ สำหรับโครงการ  Lumpini Park Borom Ratcachonni - Sirindhorn ทุกยูนิตให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished คือจะได้ทั้งแบบ Built in และลอยตัว พร้อมกับเครื่องปรับอากาศตามที่เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างค่ะ   Studio 22.50 ตร.ม.  * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เรามาเริ่มเข้าไปชมห้องตัวอย่างแรกกันเลยค่ะ ความสูง Floor to Ceiling 2.4 เมตร พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้ ใช้ไฟแบบ Downlight ส่วนผนังห้องจริงที่จะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม จากประตูห้องหันไปทางซ้ายมือจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็นชิดผนัง ด้านบน Built in ตู้กับชั้นเก็บของ ถัดจากตู้เย็นก็มี Built in โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้บุนวมแบบที่เห็นนี้ทางโครงการให้มาทั้งหมด ยกเว้นเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โต๊ะทำงาน Top กระจกใส พร้อมกับติดกระจกเงาบานใหญ่เอาไว้ ตรงนี้สามารถจัดให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็เหมาะดีนะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนขวามือของประตูห้องจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top ลามิเนตสีน้ำตาลเข้ากันกับพื้นห้อง มีช่องวางไมโครเวฟด้านล่าง และตู้เก็บของใต้ซิงค์ล้างจานค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ซิงค์ล้างจานพร้อมก๊อกน้ำ เคาน์เตอร์ครัวที่ Built in มาให้ทั้งเซต เราจะได้แบบนี้ทั้งหมดเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ผนังตลอดเคาน์เตอร์ครัว ทางโครงการทำการกรุกระเบื้องสีขาวทั้งสองด้านของผนังเอาไว้ให้ด้วยนะคะ ช่วยป้องกันคราบสกปรกจากการทำครัว สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายกว่าปล่อยให้เป็นผนังธรรมดา   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม รอยต่อระหว่างขอบกระเบื้องกับเคาน์เตอร์ครัวมีการติดตั้งบัวผนังปิดเอาไว้ให้ด้วยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ลึกเข้าไปอีกหน่อยเป็นโซน Living Room ค่ะ ส่วนเครื่องปรับอากาศแบรนด์ Daikin ทางโครงการจะติดตั้งให้มาด้วยเลย สำหรับห้อง Studio นี้จะได้มา 1 ตัว ถูกติดตั้งเอาไว้เหนือประตูระเบียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทางด้านขวาจะวางโซฟาที่หุ้มด้วยผ้า ขนาด 2-3 ที่นั่งเอาไว้   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตรงข้ามกับโซฟาเป็น Built in เคาน์เตอร์วางทีวี (ห้องที่ได้ไม่มีทีวีให้นะคะ) ซึ่งมีระยะห่างจากโซฟาพอสมควร ไม่ชิดจนเกินไปค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีเงินค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม สำหรับประตูกระจกบานเลื่อนทุกยูนิต จะมีการติดตั้งตัวล็อคแบบก้นหอยมาให้เพิ่มเติมค่ะ ทำให้มีความแน่นหนามากขึ้น ใครที่อยู่ชั้นสูงๆ หากโดนลมพัดประตูก็จะไม่ขยับให้เกิดเสียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตรงพื้นมีธรณีประตูกั้นระหว่างพื้นระเบียงกับพื้นห้องด้านในค่ะ แบบนี้ช่วยป้องกันฝุ่นและน้ำจากการซักล้างไม่ให้เข้ามาภายในห้องได้ดีกว่าแบบพื้นราบเท่ากัน โดยพื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ และมีการต่อท่อน้ำมาให้ไว้ที่มุมระเบียงข้างซ้ายค่ะ แต่ห้องจริงจะไม่มีเครื่องซักผ้ามาให้นะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Condensing Unit ถูกแขวนเอาไว้ด้านบนเหนือศรีษะ และหันหน้าออกไปด้านนอกอาคารค่ะ แบบนี้ดีตรงที่ลมร้อนเป่าออกด้านนอก ไม่ทำให้มีลมร้อนเข้ามาภายในห้องได้ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หลังโซฟาเป็นส่วนของ Bedroom ลึกเข้าไปค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Built in ตู้เสื้อผ้าแบบนี้มาให้เลยค่ะ พร้อมกับโต๊ะหัวเตียงที่มีตู้ทรงยาวติดตั้งกระจกเงาเอาไว้ข้างหัวเตียง   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หลังกระจกสามารถเปิดออกมาได้ ซึ่งจะเป็นชั้นวางของค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ปลายเตียงมีระยะห่างจากโซฟาให้เป็นทางเดินได้   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โครงการนี้ทุกห้องจะ Built in เตียงมาให้ไม่สูงมากค่ะ แต่ก็ไม่เตี้ยถึงกับติดพื้น ให้ความรู้สึกคล้ายกับเตียงสไตล์ญี่ปุ่นเล็กๆ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หน้าต่างข้างเตียงเป็นกระจกบานกระทุ้ง สามารถเปิดออกรับลมได้ 1 บานค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ถัดจากตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ภายในห้องน้ำทั้งพื้นและผนังจะถูกปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา แยกส่วนเปียก-แห้งเอาไว้คนละฝั่งกัน   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ด้านซ้ายมือเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ แกนใส่ทิชชู่ และราวแขวนผ้าสแตนเลส จากแบรนด์ American Standard   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กลางห้องน้ำเป็นอ่างล้างหน้าจากแบรนด์ Charmer พร้อมติดตั้งกระจกเงามาให้ด้วย   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม และทางฝั่งขวาของห้องน้ำเป็นส่วนเปียกค่ะ   1 Bedroom 28.00 ตร.ม. * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม มาถึงห้องแบบ 1  Bedroom ขนาด 28.00 ตร.ม. ซึ่งเป็น Type ที่มีเฉพาะในอาคาร C ค่ะ โดย Floor to Ceiling สูง 2.4 เมตรพื้นปูด้วยลามิเนต และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปจะพบกับครัวปิดเป็นส่วนแรกค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ขวามือเป็นห้องน้ำ มี Built in ตู้เก็บของที่เจาะช่องว่างเอาไว้ตรงกลาง   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เมื่อเปิดตู้เก็บของออกมาจะพบว่า เราสามารถใช้เป็นตู้เก็บรองเท้าได้มากกว่า 10 คู่ หรือจะใช้ประโยชน์อื่นๆ ก็ตามแต่ผู้อยู่อาศัยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หลังตู้เก็บรองเท้าก็เข้ามาดูในห้องน้ำกันต่อค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็นส่วนเปียกทางซ้ายมือ ส่วนแห้งทางขวามือ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ และราวแขวนผ้าสเตนเลส ได้ทั้งหมดนี้มาครบเซตค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กลางห้องน้ำเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังจากแบรนด์ Charmer พร้อมกระจกเงา   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนเปียกจะเป็นฝักบัว และมีพัดลมดูดอากาศแบรนด์ Panasonic ติดตั้งมาให้แบบนี้ทุกห้องค่ะ     * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ออกมาจากห้องน้ำจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top ลามิเนต แบบ One Wall Kitchen ทางขวามือมีช่องสำหรับวางตู้เย็นเอาไว้ ช่องด้านล่างสำหรับวางไมโครเวฟ ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง 2 อย่างนี้ไม่ได้มีมาให้นะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตลอดแนวเคาน์เตอร์กรุกระเบื้องสีขาว เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายเมื่อเกิดคราบสกปรกจากการทำครัว พร้อมติดบัวผนังปิดรอยต่อเอาไว้ให้ด้วยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กั้นระหว่าง Kitchen Room กับ Bedroom ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสูงชิดเพดาน ให้ความรู้สึกโปร่งมากขึ้น   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โซน Bedroom มี Space เหลือ กว้างขวางมากทีเดียวค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ปลายเตียง Built in เคาน์เตอร์มาให้ยาวตลอดผนังเลยค่ะ โดยเราสามารถจัดเป็นโต๊ะทำงาน เคาน์เตอร์วางทีวี พร้อมกับมีชั้นวางของทรงสูงอยู่ตรงกลางเป็นการแบ่งสัดส่วนไปด้วย ด้านล่างเคาน์เตอร์วางทีวีก็ยังมีชั้นเตี้ยสำหรับเก็บของได้อีกนะคะ ซึ่งที่เห็นทั้งหมดนี้ ยกเว้นทีวีกับของประดับตกแต่ง ทางโครงการให้มายกเซ็ตเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ประตูระเบียงกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน ด้านบนติดตั้งเครื่องปรับอากาศ Daikin มาให้ด้วยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ มุมระเบียงจะมีการต่อท่อน้ำเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่ซักล้างค่ะ โดย Space ของระเบียงสามารถวางราวตากผ้าได้เพิ่มค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Condensing Unit แขวนไว้ด้านบน หันหน้าออกนอกอาคาร   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กลับเข้ามาในห้องกันค่ะ พื้นที่ตรงกลางจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้ พร้อม Built in โต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หัวเตียงมี Built in ชั้นวางของเตี้ยๆ พร้อมลิ้นชัก 2 ช่องเอาไว้ให้ด้วยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ข้างหน้าต่างบานกระทุ้ง Built in โซฟาความสูงเท่ากับเตียงเอาไว้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนชมวิวได้บรรยากาศดีนะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตู้เสื้อผ้า Top ลามิเนต Built in มาให้พร้อมใช้งานค่ะ   1 Bedroom 30.00 ตร.ม.  * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ห้องตัวอย่างถัดมาค่ะ ส่วนแรกของห้องจะลึกเข้าไปด้านใน แยกโซน Bedroom เอาไว้ทางขวา ซึ่งห้อง Type นี้จะได้เครื่องปรับอากาศ 2 ตัวค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม จากประตูห้องทางด้านขวาจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top ลามิเนตค่ะ มีทั้งชั้นวาง ตู้เก็บของทั้งด้านล่างเคาน์เตอร์และด้านบน   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ผนังด้านในของเคาน์เตอร์ครัวกรุกระเบื้องสีขาวพร้อมติดตั้งบัวผนัง   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวมี Built in ตู้เก็บรองเท้า ส่วนด้านบนมีชั้นเก็บของ และช่องว่างสำหรับวางตู้เย็นได้พอดีค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ถัดเข้ามายังมี Built in โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้บุนวม 2 ตัว ให้แบบนี้มาอีกนะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ด้านในสุดของห้องเป็นโซน Living Room วางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งเอาไว้ทางซ้ายมือ ส่วนเครื่องปรับอากาศเครื่องแรกติดตั้งเหนือประตูระเบียงค่ะ ถือว่าติดตั้งตำแหน่งได้เหมาะสมทีเดียว เพราะความเย็นสามารถตรงไปถึงส่วนครัวได้ด้วย   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เคาน์เตอร์วางทีวี Built in มาให้แบบที่เห็นเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ประตูระเบียงกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียม   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเหล็กโปร่งสีดำ พร้อมต่อท่อน้ำที่ริมระเบียงด้านซ้ายสำหรับเป็นพื้นที่ซักล้างค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Condensing Unit ทั้ง 2 ตัวถูกแขวนไว้เหนือประตูระเบียงหันหน้าออกนอกอาคารค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กลับเข้ามาดูภายในห้องค่ะ จะเห็นภาพรวมของส่วนแรกว่าเป็นลักษณะลึกเข้ามา แล้วกันห้องนอนด้วยผนังกับประตูบานทึบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาที่ห้องค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เราเข้าไปดูในห้องนอนกันต่อค่ะ ประตูห้องจะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์วางทีวี   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ภายในห้องนอนจะแบ่งฟังก์ชั่นเตียงนอนเอาไว้ทางซ้ายใกล้กับหน้าต่าง กลางห้องเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าอยู่หน้าประตูห้องน้ำ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เครื่องปรับอากาศ Daikin ตัวที่ 2 ติดตั้งเอาไว้ตรงปลายเตียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โต๊ะเครื่องแป้งมีลิ้นชัก 2 ช่องมาพร้อมกับเก้าอี้นั่งหุ้มด้วยผ้าค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หัวเตียงอีกด้านมี Built in ชั้นวางของมาให้ด้วยนะคะ ทำให้รอบๆ เตียงเหลือพื้นที่ทางเดินได้สะดวก   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม อีกด้านของห้องนอนจะเป็น Built in ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้วางหันหน้าเข้าหากันวางเอาไว้ก่อนถึงห้องน้ำ ให้อารมณ์เหมือนได้ Walk Through Closet ไปด้วยเลย ซึ่งห้อง Type นี้หากใครที่อยู่ด้วยกัน 2 คนก็ดีเลยค่ะ เพราะมีตู้เสื้อผ้าแยกเป็นของตัวเองเลยคนละฝั่ง พื้นที่ของห้องก็เหมาะสม ไม่เล็กจนเกินไป   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เข้ามาดูภายในห้องน้ำกันบ้างค่ะ โดยห้องน้ำสำหรับ Type นี้จะเป็นห้องน้ำที่อยู่ในตัวห้องนอนค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนแห้งจะมีทั้งสายชำระ, แกนใส่ทิชชู่, ราวแขวนผ้าติดสเตนเลส, โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า และกระจกเงา ครบเซตค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนเปียกทางด้านซ้ายมือจะติดตั้งฝักบัวมาให้พร้อมกับพัดลมดูดอากาศค่ะ   2 Bedroom 51.50 ตร.ม. * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายกันแล้วนะคะ กับห้อง Type ใหญ่ที่สุดของโครงการ ขนาด 51.50 ตร.ม. ซึ่งจะมีเฉพาะในอาคาร C ห้องมุมเท่านั้นค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เริ่มจากทางขวามือจากประตูห้องจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็น และตู้เก็บของแบบในภาพนี้ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนทางซ้ายมือตรงข้ามกันถูกวางให้เป็นเคาน์เตอร์ครัวค่ะ ซึ่งจะใช้วัสดุและมีหน้าตาคล้ายกันกับห้อง Type อื่นๆ ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ลึกเข้าไปตรงกลางห้องจะวางโต๊ะทานข้าวเอาไว้ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โต๊ะทานข้าว Top กระจกสีดำ พร้อมเก้าอี้บุนวม 4 ตัว  เหลือพื้นที่ทางเดินหลังเก้าอี้ทั้งสองด้านค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ถัดจากโต๊ะทานข้าวเป็น Living Room ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ด้านซ้ายมือวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเอาไว้   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม มีพื้นที่เหลือทั้งสองด้านของโซฟาค่ะ เราจะเอาโต๊ะขนาดเล็กมาวางไว้สำหรับวางของ หรือวางโคมไฟตั้งพื้นแบบในห้องตัวอย่างก็ได้นะคะ ซึ่งการที่โซฟาไม่อยู่ชิดกระจกมากจนเกินไปจะทำให้เวลาเรานั่งอยู่ไม่รู้สึกร้อน เพราะแดดที่ส่องเข้ามาจากด้านนอกค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เคาน์เตอร์วางทีวีตรงข้ามกับโซฟา Built in มาตลอดแนวผนังเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โต๊ะกลาง Built in มาให้เลยค่ะ มีช่องเก็บของไว้ด้านข้างด้วย โดยความสูงต่ำกว่าโซฟาไม่มาก ส่วนโต๊ะขาเหล็ก Top กระจกสีดำที่เห็นนี้เราสามารถย้ายไปไว้ข้างๆ โซฟาก็ได้นะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขอบอลูมิเนียม 2 ตอน เครื่องปรับอากาศเครื่องแรกติดตั้งไว้เหนือประตูเช่นเคยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ระเบียงกั้นด้วยธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทุกยูนิตจะจัดให้มุมด้านซ้ายของระเบียบเป็นส่วนซักล้าง โดนจะต่อท่อน้ำเอาไว้ให้เหมือนกันหมดค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Condensing Unit ติดตั้งแบบแขวนไว้ด้านบนเช่นเดียวกันค่ะ โดยห้องแบบ 2 Bedrooms นี้จะได้เครื่องปรับอากาศมาทั้งหมด 3 ตัว คืออยู่ใน Living Room และห้องนอนทั้ง 2 ห้องค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ภาพรวมของโซนแรกนี้ค่ะ ลักษณะลึกเข้ามา แล้วแยกโซนห้องนอนเอาไว้อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ตรงข้ามกับโต๊ะทานข้าวค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทางเดินไปโซน Private จะวางห้องเอาไว้ทั้ง 3 ด้าน โดยขวามือเป็นห้องน้ำ ซ้ายมือเป็นห้องนอนแรก และห้องตรงกลางคือ Master Bedroom ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เริ่มจากห้องน้ำกันก่อนค่ะ ส่วนแห้งทางขวาแยกกับส่วนเปียกทางซ้ายค่ะ เฉพาะสุขภัณฑ์ที่เห็นในภาพจะได้มาทั้งหมดค่ะ โดยห้องจะปูทั้งพื้นและผนังด้วยกระเบื้องเซรามิค   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ออกมาจากห้องน้ำตรงข้ามกันจะเป็นห้องนอนแรกค่ะ ซึ่งจะอยู่หลัง Living Room ที่อยู่ทางซ้ายมือ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ห้องนอนแรกจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ปลายเตียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เตียงขนาด 3.5 ฟุต วางไว้ใกล้กับหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถเปิดออกได้ 1 บาน มีระยะพอให้เดินได้รอบเตียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม มี Built in โต๊ะทำงานกับตู้เสื้อผ้าเอาไว้ พร้อมกับเก้าอี้บุนวมแบบเดียวกันกับโต๊ะทานข้าวด้านนอกค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม สุดท้ายค่ะ ที่ห้อง Master Bedroom เมื่อเปิดประตูห้องก็จะพบกับตู้เสื้อผ้าเป็นอย่างแรก ส่วนซ้ายมือเป็นเตียงนอน และทางขวาเป็นห้องน้ำในตัวค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตู้เสื้อผ้าด้านในจะทาด้วยสีขาวค่ะ แบบจะคล้ายกันกับในห้องอื่นๆ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ด้วยความที่เป็นห้องที่จะอยู่มุมสุดของอาคาร ก็จะได้ความพิเศษตรงที่มีกระจกเข้ามุมอยู่ตรงหัวเตียงค่ะ จะช่วยเพิ่มมุมมองของวิวสวยๆ ด้านนอกได้ดีขึ้น และยังช่วยให้ห้องมุมดูไม่ทึบด้วยนะคะ ซึ่งห้องนี้จะได้เตียงขนาด 6  ฟุต และยังมีพื้นที่ทางเดินเหลือได้รอบเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หัวเตียงตรงกลางห้องมี Built in โต๊ะวางของเล็กๆ ค่ะ ซึ่งมีความสูงเท่ากับตัว Built in เตียง ยังมีมุมโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมตู้กระจก และกระจกบานกระทุ้งทรงสูงเพิ่มแสงสว่างอยู่ข้างหัวเตียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ปลายเตียงมี Built in ตู้เก็บของมาให้อีกนะคะ โครงการนี้เขาให้เฟอร์นิเจอร์มาจัดเต็มจริงๆ ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ห้องน้ำในตัวจะอยู่ตรงข้ามกับปลายเตียงถัดจากประตูห้องค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ภายในห้องน้ำปูพื้น และผนังด้วยกระเบื้องเซรามิค โดยจะเป็นส่วนแห้งก่อนค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนเปียกอยู่ทางซ้ายมือถัดจากโถสุขภัณฑ์ โดยห้องมุมแบบนี้จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งด้านบน สำหรับช่วยระบายอากาศและความชื้นได้ค่ะ   สำหรับ Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ถือเป็นโครงการรุ่นใหม่ๆ จาก LPN ที่จัดแปลนห้องได้กว้างขวาง ดูโปร่งสบายไม่อึดอัด ตั้งแต่ของ Type Studio มาเลยค่ะ ส่วนการจัดการพื้นที่ภายในรอบโครงการก็จัดให้มีต้นไม้ตลอดพื้นทั้งพื้นที่สมชื่อ Lumpini Park เลยค่ะ และด้วยทำเลที่ตั้งอันถือว่าอยู่ในโซนถนัดของ Developer เอง จุดนี้เองจะเป็นเครื่องการันตีถึงศักยภาพของที่ตั้งโครงการได้ดีค่ะ   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-689-6888 หรือ www.lpn.co.th
MAESTRO 03 RATCHADA-RAMA9 (มาเอสโตร 03 รัชดา-พระราม9) ทำเลดี เฟอร์นิเจอร์ครบ : รีวิวคอนโด

MAESTRO 03 RATCHADA-RAMA9 (มาเอสโตร 03 รัชดา-พระราม9) ทำเลดี เฟอร์นิเจอร์ครบ : รีวิวคอนโด

หลายครั้งที่เราเอ่ยถึงคอนโดมิเนียมในย่าน New CBD ที่แต่ละ Developer ต่างก็ขยันกันสร้างโครงการใหม่ขึ้นมาอย่างหนาแน่นในพื้นที่แทบจะติดกัน เรื่องราคาก็แรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ในรีวิวฉบับนี้เราลองมาเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างค่ะ เพราะแม้จะอยู่ในย่านเดียวกัน แต่ขยับเข้ามาในซอยอีกนิดก็ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ได้เฟอร์นิเจอร์มาครบครันแบบ FULLY FURNISHED ราคาน่าสนใจ เดินหาของกินรอบโครงการได้มากมาย ที่สำคัญคือเป็นคอนโดมิเนียมเพียงโครงการเดียวในบริเวณสี่แยกพระราม 9 ที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ด้วยนะคะ     ทำเล   ขึ้นชื่อว่าเป็น New CBD ที่พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เช่น เซ็นทรัล พระราม 9, ฟอร์จูนทาวน์, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์, บิ๊กซี, เดอะสตรีท รัชดา และอาคารออฟฟิศเกรดเออย่าง จี ทาวเวอร์, เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ไซเบอร์เวิลด์ เป็นต้น และยังใกล้โรงพยาบาลพระราม 9 โรงพยาบาลปิยะเวท สถานฑูตจีน สถานฑูตเกาหลี ส่วนช่วงกลางคืนก็ยังมีตลาดนัดรถไฟรัชดา ศูนย์รวมของอร่อยเด็ดๆ เอาไว้เพียบ และสถานบันเทิงยามค่ำคืน ทั้งหมดนี้จะให้ขนานนามว่าเป็นย่านที่ All Day All Night ก็คงจะไม่ผิดนัก   การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงถนนอโศก-ดินแดง ซึ่งสามารถวิ่งตรงที่ฝั่งขาออกไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้เลย ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะก็ใกล้กับ MRT สถานีพระราม 9 ประมาณ 600 เมตร โดยห่างไปเพียง 1 สถานี ก็จะเป็น Interchange กับ Airport Rail Link สถานีมักกะสัน และถัดไปก็จะถึง MRT สถานีสุขุมวิท ซึ่งก็เป็น Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอโศก อีกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางไปเชื่อมต่อกับโซน CBD เดิมอย่างสาทร-สีลม ได้อย่างสะดวกรวดเร็วอีกด้วยค่ะ          ภายในซอยรัชดา 3 เป็นซอยที่มีความคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงกลางวันที่มีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ตั้งเรียงรายอยู่มากมายจนเรียกได้ว่าอยู่ล้อมรอบโครงการเลยค่ะ ตั้งแต่ร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านคาเฟ่ ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารเกาหลี ร้านแฮงค์เอ้าท์ช่วงกลางคืน ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม. ร้านขายยา คลินิกทันตกรรม ฯลฯ แต่ละร้านก็ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ ฉะนั้นอยู่แถวนี้หาของกินง่ายมากๆ หายห่วงเรื่องปากท้องไปเลยค่ะ   ภาพรวมโครงการ   MAESTRO 03 RATCHADA-RAMA 9 คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร รวมทั้งหมด 335 ยูนิต ขนาดห้อง 29-74 ตร.ม. ที่จอดรถ 45% อยู่ที่ชั้นใต้ดิน จำนวน 2 ชั้นของทุกอาคาร ตั้งอยู่ภายในซอยรัชดา 3 (ซอยข้างสถานฑูตจีน) บนพื้นที่ 3-0-18 ไร่ ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท      สถาปัตยกรรมของโครงการนี้ ซึ่งเป็นคอนโดประเภท Low Rise นั้นได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากอาคารดีไซน์ยุคคลาสสิกตามเมืองใหญ่ในยุโรปที่ยังคงความดั้งเดิมเอาไว้กลางเมืองใหญ่อันทันสมัย จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตล์ยูโรเปี้ยนคลาสสิก กลิ่นอายตะวันตก ผสานกับศิลปะร่วมสมัยจากเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ได้อย่างลงตัว     Facility ถูกออกแบบมาให้เป็น Clubhouse สร้างบรรยากาศความเป็นธรรมชาติของสวนในหมู่บ้าน พร้อมกับมีสระว่ายน้ำสไตล์ยุโรป เข้ากับดีไซน์ของตัวอาคารที่โอบล้อมเอาไว้อยู่ เพิ่มแสงธรรมชาติเข้าถึงห้องพักอาศัย ให้ความรู้สึกเงียบสงบได้อยู่กับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น มีมุมลานบาร์บีคิว ลานหินสำหรับเดินนวดเท้า ห้องซาวน่า ห้องสตีม ทั้งหมดก็เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย ขณะเดียวกันก็สามารถพาสัตว์เลี้ยงออกมาวิ่งเล่นออกกำลังกับเจ้าของไปด้วยกันได้ที่ Jogging Track รอบๆ อาคาร และพื้นที่ซุ้มคนรักสัตว์เลี้ยง โดยลูกบ้านที่ต้องการจะเลี้ยงสัตว์จะต้องทำตามกฎระเบียบเพื่อการอาศัยอยู่ร่วมกันได้ในระยะยาวกับลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ด้วย ดังนี้  - การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี(ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์) - ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุดรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง) - สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม. 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น) - สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ   Master Plan หน้าโครงการติดกับถนนในซอยรัชดา 3 (ซอยข้างสถานฑูตจีน) มีทางเข้า-ออกโครงการทางเดียว ซึ่งหันหน้าทางทิศใต้ โดยอาคาร A จะอยู่ด้านหน้าโครงการ อาคาร B ทางทิศตะวันตก กับ อาคาร C ทางทิศตะวันออกของโครงการจะโอบล้อมสระว่ายน้ำตรงกลางโครงการเอาไว้ มีพื้นที่จอดรถอยู่ชั้นใต้ดินจำนวน 2 ชั้นของทั้ง 3 อาคาร และรอบนอกอาคาร B และ C มี Jogging Track ที่มีรั้วต้นไม้ตลอดสองข้างทาง พร้อมซุ้มคนรักสัตว์เลี้ยงที่มุมด้านนอกอาคาร Plan อาคาร A ถูกวางอยู่ด้านหน้าสุดของรั้วโครงการ ชั้น Ground ใกล้กับทางเข้าอาคารจะมีลานจอดซุปเปอร์ไบค์ ส่วนล็อบบี้ของอาคารนี้จะมีห้องที่เป็นที่ตั้งของนิติบุคคล ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และบันไดหนีไฟ 2 จุด ส่วนยูนิตพักอาศัยจะหันหน้าออกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ทางด้านหน้าโครงการ กับทิศตะวันออกเฉียงเหนือ วิวด้านในตัวโครงการ    Plan อาคาร B เมื่อยืนหันหลังให้อาคาร A ทางซ้ายมือของสระว่ายน้ำจะเป็นอาคาร B ซึ่งถูกวางเป็นรูปตัว L โดยมียูนิตพักอาศัยที่หันหน้าออกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้วิวด้านนอกโครงการ ยูนิตทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะได้วิวนอกโครงการทางฝั่งด้านหลังอาคาร ซึ่งจะมองเห็นอาคารตลาดหลักทรัพย์ อาคารเอไอเอแคปปิตอล เซนเตอร์ และยูนิตทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จะได้วิวสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลาง    Plan อาคาร C ทางขวามือของสระว่ายน้ำคืออาคาร C วางเป็นรูปตัว L โดยมียูนิตพักอาศัยที่หันหน้าออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะได้วิวนอกโครงการทางฝั่งด้านหลังอาคาร ซึ่งจะมองเห็นอาคารตลาดหลักทรัพย์ อาคารเอไอเอแคปปิตอล เซนเตอร์ ส่วนยูนิตทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ได้วิวทางสถานฑูตจีน และยูนิตทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้วิวสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลาง            Unit Plan ทุกยูนิตจะได้เฟอร์นิเจอร์ทั้งแบบ Built In และแบบลอยตัวครบเซต พร้อมเครื่องปรับอากาศที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอนทุกห้องแบบเดียวกันทุกยูนิต จะมีเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น, โทรทัศน์ เท่านั้นที่ไม่ได้มีมาให้ โดยแต่ละอาคารจะมีห้องหลายขนาด ดังนี้ อาคาร A 1 Bedroom 29-33.57 ตร.ม., 2 Bedroom 57.67-67.53 ตร.ม. อาคาร B  1 Bedroom 29.01-41 ตร.ม., 2 Bedroom 50.39-74 ตร.ม. อาคาร C 1 Bedroom 29-41.38 ตร.ม., 2 Bedroom 57.24-74 ตร.ม. 1 Bedroom 29.02 จะมีลักษณะเป็นครัวเปิดเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นลึกเข้าไปด้านใน และต่อด้วยระเบียง ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับห้องนอน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างใน Plan ที่เห็นนี้จะได้ทุกอย่างมาครบเลยค่ะ   1 Bedroom 29.42   1 Bedroom 30.57 เริ่มจากครัวเปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น และระเบียงห้อง กั้นโซนห้องนอนกับห้องน้ำได้อย่างเป็นสัดส่วน   1 Bedroom 33.50 Plan ห้องนี้จะเหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้ค่ะ แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น   1 Bedroom 41.00 ยูนิตตั้งแต่พื้นที่ขนาดนี้เป็นต้นไปจะมีลักษณะของห้องหน้ากว้างค่ะ โดยจากครัวเปิดเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น และระเบียง กั้นห้องนอนและห้องน้ำในตัว   2 Bedroom 57.67 กลางห้องจะเป็นโซน Common Area เริ่มจากครัวเปิด ห้องนั่งเล่น และระเบียง ห้องนอนทั้ง 2 ห้องมีห้องน้ำในตัว   MRT พระราม 9 - MAESTRO 03     ครั้งนี้เรามาเริ่มเดินไปโครงการ MAESTRO 03 RATCHADA-RAMA9 จาก MRT สถานีพระราม 9 ทางออกที่ 1 กันค่ะ โดยประตูนี้จะอยู่หน้าอาคารฟอร์จูนทาวน์ ซึ่งเป็นทั้งห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน และโรงแรม อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเซ็นทรัล พระราม 9 กับอาคารจี ทาวเวอร์พอดีค่ะ   เดินหน้าฟอร์จูนทาวน์มาเรื่อยๆ พอถึงเทสโก้ โลตัสที่อยู่ในอาคารฟอร์จูน เราจะเห็นว่ามีทางเดินด้านขวามือสุด ซึ่งเป็นทางลัดไปสู่โครงการได้ค่ะ   ทางลัดนี้ไม่ใช่เฉพาะคนเดินเท่านั้นนะคะ แต่รถยนต์ก็สามารถวิ่งเข้ามาได้ เพราะยังอยู่ในพื้นที่ของฟอร์จูนทาวน์ ซึ่งทางลัดตรงนี้จะมีคนเดินอยู่ตลอดตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงช่วงหัวค่ำ   เดินตามทางเข้ามาจนสุดก็จะเจอประตูทางออกด้านหลังอาคารค่ะ เราสามารถเดินเข้าซอยทะลุไปถึงซอยรัชดา 3 ที่ตั้งของโครงการได้   ภายในซอยที่ใช้เดินทะลุไป เป็นซอยของบ้านส่วนตัวตลอดสองข้างทางค่ะ ไม่ได้เปลี่ยวอะไร   แต่ถ้าไม่ใช้ทางลัดก็สามารถเดินจาก MRT ตรงมาตามถนนรัชดา แล้วมาเจอกับปากซอยรัชดา 3 ก็ได้นะคะ โดยกำแพงสีขาวที่เห็นนี้เป็นที่ตั้งของสถานฑูตจีนค่ะ   ภายในซอยเป็นถนน 2 เลนสวนกันได้ บรรยากาศคึกคักทีเดียวค่ะ   ร้านค้า ร้านอาหารมากมายเรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งถนน มีทั้งร้านที่เปิดช่วงกลางวันและกลางคืนค่ะ หมดห่วงเรื่องอาหารการกินไปได้เลย   จากปากซอยเดินมาจนถึงตัวโครงการ ใช้ระยะทางประมาณ 250 เมตรค่ะ เดินชมโครงการ เรามาเดินชมภายในโครงการกันเลยค่ะ โดยปัจจุบันนี้สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้วค่ะ เริ่มจากรั้วโครงการที่แบ่งทางคนเดินกับทางรถยนต์เอาไว้แยกกันเพื่อความปลอดภัย   ทางเข้า-ออก รถยนต์ใช้ระบบ Key Card Access มีป้อมรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. อยู่ด้านข้าง   ฝั่งทางเดินเข้า - ออก มีแร็คจอดจักรยาน   ใต้อาคาร A มีพื้นที่จอดซุปเปอร์ไบค์ ซึ่งจะได้พื้นที่กว้างกว่าลานจอดมอเตอร์ไซค์ทั่วไป   ทางโครงการมีรถสามล้อขนาด 4-6 ที่นั่ง เอาไว้คอยรับ-ส่งลูกบ้านด้วยนะคะ   ทางซ้ายมือของเราเป็นอาคาร A ส่วนทางขวาเป็นอาคาร B ซึ่งมีทางลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดินของแต่ละอาคาร   ที่จอดรถชั้นใต้ดินจะมีทั้งหมด 2 ชั้นของแต่ละอาคาร คิดรวมเป็น 45%   เราไปดูกันที่ Facility กันก่อนค่ะ อยู่ตรงกลางพื้นที่โครงการทั้งหมด โดยอาคารตรงกลางนี้ชั้นบนจะเป็นฟิตเนสค่ะ ฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ค่ะ ฟิตเนสจะล้อมรอบไปด้วยผนังกระจก High Ceiling ทุกด้าน เพิ่มความโปร่งไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ วิวจากห้องฟิตเนสมองลงไปด้านล่างจะเห็นสระว่ายน้ำและโซนสวนสีเขียวด้านในที่ถูกโอบล้อมด้วยอาคาร B ทางซ้าย และอาคาร C ทางขวามือค่ะ   บันไดวนมุมนี้เราสามารถขึ้นไปที่ Roof Top ของอาคารส่วนกลางได้ด้วยนะคะ   Roof Top ของอาคารส่วนกลางเป็นลานสนามหญ้าเทียมกว้างๆ ให้ขึ้นมารับลมชมวิว   กลับลงมาที่ชั้น 1 ใต้บันไดทางด้านซ้ายมีห้องน้ำสำหรับส่วนกลางอยู่ค่ะ   ทางขวามือเป็นห้องน้ำแยกชาย - หญิงค่ะ ห้องน้ำชาย มีทั้งห้องน้ำที่เป็นโถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำ   มีห้องซาวน่าอยู่ด้านในด้วยนะคะ   ส่วนห้องน้ำสำหรับผู้หญิงก็จะมีทั้งห้องน้ำ และห้องอาบน้ำอยู่เช่นเดียวกัน และยังมีห้องสตีมอยู่ด้วยค่ะ   ออกมาเดินชมรอบๆ สระว่ายน้ำกันค่ะ ทางเดินรอบสระจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ทางเดินค่อยข้างกว้างทีเดียวค่ะ และมีเก้าอี้ตั้งอยู่รอบสระทุกด้าน ยูนิตที่อยู่ชั้น 1 ฝั่งริมสระว่ายน้ำจะมีพุ่มไม้สูงกั้น เพื่อบังสายตาเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ค่ะ   จุดล้างตัวอยู่ข้างสระว่ายน้ำ   แยกสระเด็กออกจากสระผู้ใหญ่อย่างชัดเจนค่ะ แบบนี้จะปลอดภัยต่อเด็กๆ มากกว่าที่แยกความลึกของสระแต่ยังอยู่ในพื้นที่สระเดียวกัน   สระว่ายน้ำระบบเกลือมีข้อดีตรงที่ปราศจากสารเคมี กลิ่นไม่ฉุน ทำให้ผมไม่แห้งแข็ง ตาและผิวหนังไม่แสบ ไม่รู้สึกระคายเคือง ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อ่อนโยนต่อผิว จึงเหมาะสำหรับเด็กๆ และผู้มีปัญหาภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ส่วนชั้น 2 ที่เป็นห้องฟิตเนส มีโซฟาสีขาววางเรียงกันด้านในห้อง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางโครงการจัดกิจกรรมขึ้นมาค่ะ แต่ห้องฟิตเนสจริงๆ แล้ว ตรงนี้จะเป็นเครื่องเล่นฟิตเนสแทนค่ะ   บรรยากาศภาพรวมของส่วนกลางค่ะ มีอาคาร 2 ชั้น ซึ่งเป็นลานกว้าง ฟิตเนส ห้องซาวน่า ห้องสตีม ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ อยู่ตรงกลางโครงการพอดี   ถัดมาเป็นโซนสวนสีเขียวค่ะ โดยจะมีการแบ่งสัดส่วนให้ได้ใช้ประโยชน์กันได้อย่างหลากหลายมุม เริ่มจากลานหินตรงนี้ เราสามารถเดินเท้าเปล่าแล้วค่อยๆ เดินเหยียบลงบนหินสีดำเหล่านี้เพื่อนวดเท้าท่ามกลางบรรยากาศสวนสีเขียวได้   ลานบาร์บีคิว สำหรับจัดปาร์ตี้สังสรรค์ริมสระว่ายน้ำกับกลุ่มเพื่อน    มีเคาน์เตอร์ที่จัดเป็นเตาปิ้งย่างพร้อมพื้นที่จัดเตียมอาหาร และซิงค์ล้างจานมาให้เรียบร้อยค่ะ     สวนตารางหมารุกสไตล์ยุโรปเข้ากับคอนเซปดีไซน์ของตัวอาคาร   มุมพักผ่อนเงียบๆ โอบล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว   หรือจะมานั่งเปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือตรงซุ้มนี้ก็ดีนะคะ ส่วนประตูทางด้านหลังสุดของโครงการที่เห็นนั้นสามารถออกไปยัง Jogging Track ได้ค่ะ    Jogging Track ด้านหลังอาคารค่ะ สองข้างทางจะเต็มไปด้วยสวนสีเขียวไปตลอดทาง และยังได้ร่มเงาจากทั้งต้นไม้และอาคารระหว่างที่วิ่งด้วยค่ะ    เดินชม Facility กันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาขึ้นไปชมห้องตัวอย่างกันบนอาคารจริงเลยค่ะ โดยห้องตัวอย่างทั้งหมดจะอยู่ที่อาคาร A นี้ค่ะ   เปิดห้องตัวอย่าง   เดินเข้ามาใน Lobby ของอาคาร A จะมีพื้นที่กว้างๆ วางโต๊ะสำหรับรับแขกเอาไว้อยู่หลายมุม   ทางซ้ายมีห้องซักรีดอยู่ รวมถึงห้องของเจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร   ห้อง Mail Box อยู่ก่อนถึงโถงลิฟท์   แต่ละอาคารจะมีลิฟท์โดยสารอยู่ 2 ตัวตรงค่ะ โดยอาคาร A จะอยู่ตรงกลางอาคารพอดี   ยูนิตพักอาศัยวางแบบ Double Corridor   ห้องตัวอย่างแรกเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ค่ะ โดยเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างที่จะเห็นในห้องกับเครื่องปรับอากาศจะได้ทุกอย่างมาตามแบบห้องตัวอย่างเลยค่ะ ยกเว้นแค่ของตกแต่ง ผ้าม่าน และวอลเปเปอร์เท่านั้น ซึ่งเฟอร์นิเจอร์จะมีโทนสีให้เลือกอยู่ 2 แบบค่ะ คือ Monet เป็นโทนสีอ่อน และ Malvyn โทนสีเข้มค่ะ   เริ่มจากประตูห้องใช้ลูกกุญแจล็อค มีมือจับก้านโยกเป็นสแตนเลสสตีล   เปิดประตูห้องเข้าไปจะพบกับห้องครัวเปิดเป็นส่วนแรกค่ะ โดยพื้นส่วนครัวจะปูด้วยแกรนิตโต้ ความสูง Floor To Ceiling 2.45 เมตร ใช้ไฟ Downlight   ขวามือหลังประตูห้องจะมี Built In ตู้เก็บของประตูบานสวิง 4 บาน โดยจะแบ่งให้ฝั่งขวาเป็นตู้สำหรับวางเครื่องซักผ้าพร้อมอุปกรณ์ได้ โดยมีการต่อท่อน้ำมาไว้อยู่แล้ว ส่วนฝั่งซ้ายเป็นตู้เก็บของที่แบ่งช่องสำหรับวางรองเท้าเอาไว้ให้ค่ะ   ส่วนทางซ้ายมือตรงข้ามกับตู้เก็บของก็จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวแบบ One Wall Kitchen กรุกระเบื้องมาให้ตรงส่วนเคาน์เตอร์ เพื่อป้องกันคราบสกปรก ทำความสะอาดง่ายขึ้นกว่าเดิม ทางซ้ายมือมีช่องสำหรับวางตู้เย็น โดยมี Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว ซึ่งมาพร้อมกับซิงค์ล้างจาน เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควัน ครบเซตเลยค่ะ   เคาน์เตอร์ครัวมีฟังก์ชั่นมาให้สำหรับการใช้งานอันสะดวกสบายยิ่งขึ้น อย่างตู้ใต้ซิงค์ล้างจานมีถังขยะพร้อมฝาปิดติดมาให้ ส่วนลิ้นชักใต้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะแบ่งช่องสำหรับวางช้อน-ส้อม และอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ ซึ่งบานตู้และลิ้นชักทุกบานติดตั้งระบบ Soft Close ป้องกันเสียงดังเวลาปิด และยังสามารถยืดอายุการใช้งานได้ด้วยค่ะ   ติดกับเคาน์เตอร์ครัวมีโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ขนาด 2 ที่นั่ง อยู่ระหว่างพื้นที่ห้องครัวและห้องนั่งเล่นค่ะ   โต๊ะทานข้าวที่ติดมากับเคาน์เตอร์ครัวนี้ สามารถพับเก็บได้ด้วยนะคะ เป็นฟังก์ชั่นที่ดีสำหรับคอนโดมิเนียมจริงๆ   ภาพรวมของห้องครัวเปิดค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ทำกับข้าวไม่หนักมาก และพื้นที่ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานจริง   ลึกเข้ามาเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นค่ะ ซึ่งจะได้เครื่องปรับอากาศแบรนด์ TRANE ติดตั้งมาให้เหนือโซฟา โดยทั้งหมดที่เห็นนี้ทั้งโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง โต๊ะด้านข้าง เคาน์เตอร์วางโทรทัศน์ ทางโครงการให้มาทั้งหมดเลยค่ะ   พื้นห้องในส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนปูด้วยลามิเนต 8 มม. ส่วนเฟอร์นิเจอร์ของห้องนี้จะเป็นโทนสีอ่อนแบบ Monet ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีแค่โทรทัศน์ ผ้าม่าน และวอลเปเปอร์ที่ไม่ได้ให้มาด้วยค่ะ   ด้านข้างโซฟาจะมีประตูกระจกขอบอลูมิเนียมสีดำกั้นระเบียงเอาไว้   ระเบียงห้องปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก โดยมีพื้นที่พอให้วางราวตากผ้าได้ ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ   มุมหนึ่งของระเบียงจะมีกริลแอร์ติดตั้งเอาไว้แบบประตูบานสวิง   เปิดประตูออกมาจะพบกับพื้นที่ใต้ Condensing Unit ติดตั้งหัวก๊อกเอาไว้ให้ด้วยค่ะ   condensing unit หันหน้าเข้าระเบียง แต่มีกริลแอร์ที่ช่วยผลักลมร้อนออกนอกระเบียง ไม่ทำให้ระเบียงของเราร้อนจนเกินไปค่ะ   กลับเข้ามาในห้องไปดูที่ห้องนอนอยู่ทางซ้ายมือถัดจากเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์ค่ะ   เปิดประตูห้องนอน ทางซ้ายมือจะเป็นเตียง ส่วนขวามือหลังประตูเป็นตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำในตัวค่ะ   เฟอร์นิเจอร์ในห้องนอนทางโครงการให้มาทั้งตู้เสื้อผ้า Built In โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ เตียงขนาด 5 ฟุต และตู้หัวเตียง   เหนือหัวเตียงติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้ค่ะ   ใต้เตียงมีลิ้นชัก 2 ช่อง สำหรับเก็บของ   หัวเตียงมีตู้เล็กๆ มาให้อีก   ข้างเตียงเป็นหน้าต่างกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีดำ   กลางห้องวางโต๊ะทำงานชิดผนังเอาไว้ติดกับตู้เสื้อผ้า     โต๊ะทำงานเราสามารถเปิดขึ้นมาเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วยนะคะ   ถัดจากตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำในตัว พื้นและผนังทั้งหมดปูด้วยกระเบื้องเซรามิก โดยขวามือเป็นอ่างล้างหน้าแบรนด์ LAVENZ พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง และมีกระจกเงาติดตั้งมาให้   ทางซ้ายมือเป็นโถสุขภัณฑ์แบรนด์ KOHLER พร้อมสายชำระ   ส่วนเปียกกั้นด้วยประตูกระจก ฝักบัวใช้แบรนด์ KOHLER ผนังด้านในสุดมีการเจาะช่องไว้สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ   ห้องตัวอย่างถัดมาเป็นห้องแบบ 1 Bedroom เช่นกันค่ะ แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น และจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเข้มแบบ Malvyn   เปิดประตูเข้ามาจะพบกับห้องครัวเปิดก่อนค่ะ ลักษณะเป็นห้องแนวลึกเช่นเดียวกันกับห้องตัวอย่างแรก   ซ้ายมือหลังประตูห้องเป็น Built In ตู้เก็บของบานสวิง 4 บานค่ะ ตู้แรกสำหรับวางเคื่องซักผ้าพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนตู้ถัดมาสำหรับวางรองเท้า และของอื่นๆ ค่ะ   ทางด้านขวามือตรงข้ามกับตู้เก็บของ คือ One Wall Kitchen มีช่องวางตู้เย็น ครัวที่ได้ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์จากแบรนด์ HAFELE เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นออก เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว กับเครื่องดูดควันจากแบรนด์ Electrolux มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟด้านล่าง   บานตู้ใต้ซิงค์ล้างจานติดถังขยะพร้อมฝาปิดมาให้ ลิ้นชักด้านบนแบ่งช่องสำหรับวางอุปกรณ์ต่างๆ   โต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่ง สามารถพับเก็บได้ค่ะ สามารถเพิ่มพื้นที่ให้กับห้องได้มากขึ้นอีกหากเราไม่ได้ทานข้าวตรงนี้ จะเปลี่ยนไปนั่งทานที่ห้องนั่งเล่นกับโต๊ะลอยขนาดเล็กที่ให้มาก็ได้ค่ะ   ใต้ตู้เหนือเคาน์เตอร์ครัวด้านใต้มีการติดตั้งไฟเอาไว้ เพิ่มแสงสว่างเวลาทำครัวค่ะ   ลึกเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น มีโต๊ะลอย 2 ตัว โซฟากับเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์ครบเซต   เครื่องปรับอากาศติดตั้งเหนือโซฟา   ระเบียงถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน   ระเบียงมีขนาดที่สามารถใช้งานได้จริง พร้อมติดตั้งกริลแอร์เพื่อปัดลมร้อนจาก condensing unit ให้ออกนอกตัวระเบียง   เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันบ้างค่ะ   ทั้งหมดที่เห็นนี้ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้าบานสวิงที่ติดตั้งกระจกบานใหญ่เอาไว้ให้ด้วย โต๊ะทำงาน เตียง โต๊ะหัวเตียง เราจะได้ทั้งหมดยกเว้นเพียงผ้าม่านกับวอลเปเปอร์เท่านั้นค่ะ   ข้างหน้าต่างกระจกสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต โดยยังเหลือทางเดินทั้งสองข้างของเตียงอยู่ค่ะ เครื่องปรับอากาศติดตั้งเอาไว้เหนือโต๊ะทำงาน   เตียงนอนมีลิ้นชักใต้เตียงให้ 2 ช่อง   โต๊ะหัวนอนมีลิ้นชักทรงลึกอยู่ด้วยค่ะ   ที่โต๊ะทำงานนี้เราสามารถยกขึ้นเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้เช่นเดิม แบบเดียวกันกับห้องที่แล้วค่ะ   หน้าต่างกระจกบานเลื่อน 2 ตอนขอบอลูมิเนียม   ตู้เสื้อผ้าบานสวิง 4 ประตู แบ่งเป็น 2  ฝั่ง   สุดท้ายเป็นห้องน้ำในตัวค่ะ ด้านขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ   ด้านซ้ายมือเป็นอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง   ลึกเข้ามาเป็นส่วนเปียกค่ะ กั้นด้วยกระจกบานสวิง   ภายในส่วนเปียกมีการเจาะช่องผนังเอาไว้ให้สำหรับวางของ มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายกันแล้วค่ะ เป็นห้อง 2 Bedroom หน้ากว้างขึ้นมาอีก แบ่งพื้นที่ห้องนอน Private Zone เอาไว้สองด้านของห้อง ส่วนตรงกลางเป็นพื้นที่ Common Area   เปิดห้องเข้าไปจะพบกับ Common Area ที่เป็นครัวเปิดกันก่อนค่ะ   ซ้ายมือถัดจากประตูเป็นตู้ Built In สำหรับเก็บรองเท้า   ห้องครัวเปิด มีพื้นที่วางโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งอยู่กลางห้องค่ะ   เคาน์เตอร์ครัว double wall kitchen เป็นรูปตัว L มีพื้นที่วางตู้เย็นที่ตรงสุดปลายเคาน์เตอร์   Top ครัวใช้หินสังเคาระห์ ซึ่งสามารถทนความร้อนจากเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดีค่ะ ใต้ซิงค์ล้างจานยังคงมีตู้ที่ติดถังขยะมาให้เช่นเคย   ห้องไซส์นี้จะได้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4 หัวค่ะ ส่วนลิ้นชักมีแบ่งช่องเอาไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์อย่างเป็นระเบียบ   ที่โต๊ะทานข้าวนี้จะมีฟังก์ชั่นที่สามารถขยายพื้นที่โต๊ะได้ด้วยนะคะ โดยเมื่อยกแผ่นไม้ด้านข้างขึ้นแล้วสไลด์ไปด้านข้างก็จะสามารถเพิ่มพื้นที่ได้อีก   กางออกมาแล้วจะมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ   เชื่อมต่อพื้นที่ห้องครัวไปที่ห้องนั่งเล่นค่ะ โดยส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนทั้งหมดจะปูพื้นด้วยลามิเนตหนา 8 มม. พื้นที่ตรงกลางระหว่างโซฟากับเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์สามารถซื้อโต๊ะกลางขนาดใหญ่กว่านี้มาเพิ่มได้นะคะ เพราะมีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะสามารถวางได้โดยยังเหลือทางเดินอยู่   ถัดไปเป็นระเบียงที่ถูกกั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อนค่ะ   เนื่องจากห้องขนาด 2 Bedroom จะได้เครื่องปรับอากาศมา 3 ตัว จึงมีการแยก Condensing Unit ออกเป็นสองมุมของระเบียงค่ะ เพื่อให้ทั้งสองด้านมีพื้นที่ข้างใต้เหลือไว้ใช้ประโยชน์   แม้จะถูกวางเอาไว้ทั้งสองมุม แต่ติดตั้งกริลแอร์เอาไว้ให้ทั้งหมด ไม่ต้องกังวลเรื่องลมร้อนที่ออกมาค่ะ   กลับเข้ามาในห้องดูอีกด้านหนึ่งของห้องกันค่ะ ขวามือจะมีตู้ Built In อยู่หน้าห้องน้ำที่เป็นประตูแบบ Double Access สามารถเปิดเข้า-ออกได้ระหว่าง Common Area กับห้องนอนทางซ้ายมือค่ะ   ตู้ Built In หน้าห้องน้ำค่ะ ถูกออกแบบมาสำหรับวางเครื่องซักผ้าและของใช้อื่นๆ   เข้ามาดูในห้องนอนแรกค่ะ ทางซ้ายมือเป็นเตียง ส่วนทางขวาเป็นตู้เสื้อผ้ากับห้องน้ำ   เตียงขนาด 5 ฟุต วางอยู่ข้างหน้าต่าง โดยมีโต๊ะทำงานวางเอาไว้ระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้า   ยังคงมีพื้นที่ทางเดินทั้งสองข้างของเตียงค่ะ และยังมีโต๊ะหัวเตียงอยู่ด้านข้างริมหน้าต่าง   หน้าต่างกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียมสีดำ และเครื่องปรับอากาศติดตั้งทางปลายเตียงค่ะ   ใต้เตียงมีลิ้นชัก 2 ช่องเช่นเดิมค่ะ   อีกด้านหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ตู้เสื้อผ้าที่ให้มาถึง 2 ตู้ แยกออกจากกันคนละมุม และห้องน้ำค่ะ   ใครที่มีเสื้อผ้าเยอะๆ ก็ไม่ต้องห่วงค่ะ โครงการนี้มีมุมให้เก็บของ เก็บเสื้อผ้าได้เยอะเลยค่ะ   ภายในตู้เสื้อผ้าทุกตู้จะมีสวิทช์ไฟเพิ่มแสงสว่างภายในตู้เสื้อผ้าด้วยนะคะ   ห้องน้ำแบ่งส่วนแห้งให้อยู่ทางซ้ายมือทั้งหมดค่ะ ผนังด้านข้างโถสุขภัณฑ์มีการเจาะเข้าไปเพิ่มช่องวางของได้อีก   อ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของ กระจกเงา โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ ทางโครงการติดตั้งทั้งหมดนี้มาให้เลยค่ะ   ส่วนเปียกใช้กระจกใสบานสวิงกั้นเอาไว้แบบมีธรณีประตูขึ้นมาเล็กน้อย   มองจากมุมนี้จะเห็นชัดขึ้นค่ะว่าห้องน้ำนี้ใช้ประตูแบบ Double Access คือประตูทางซ้ายจะออกไปโซน Common Area ส่วนประตูตรงกลางจะออกไปที่ห้องนอนแรกค่ะ   เปิดประตูห้องน้ำทางซ้ายมือก็ออกไปห้องครัวเปิดได้เลยค่ะ   สุดท้ายเราไปดูกันที่ Master Bedroom ด้านหลังเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์กันค่ะ   เปิดประตูเข้าไป Master Bedroom ทางด้านขวาเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง ปลายเตียงมีโต๊ะทำงานและ Built In เคาน์เตอร์วางโทรทัศน์เอาไว้ด้วยค่ะ   หน้าต่างกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียมสีดำ   เหลือทางเดินรอบเตียงทั้งสองข้าง พร้อมกับมีโต๊ะหัวเตียงของทั้งสองมุมค่ะ   ใต้เตียงยังคงมีลิ้นชัก 2 ช่อง   Built In เคาน์เตอร์ตรงปลายเตียง หากเราไม่วางโทรทัศน์ก็สามารถใช้เป็นที่วางของอื่นๆ ได้ มีฟังก์ชั่นให้เก็บของได้หลายจุดทีเดียวค่ะ   หันไปดูทางซ้ายของห้องกันบ้างค่ะ มีมุมโซฟาไว้นอนอ่านหนังสือเล่นๆ เครื่องปรับอากาศติดตั้งเอาไว้เหนือโซฟา ส่วนตู้เสื้อผ้าจะได้ขนาดใหญ่ 5 บานสวิง และซ้ายมือด้านในสุดตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้าคือห้องน้ำค่ะ   ด้านในตู้เสื้อผ้ายังคงมีการแบ่งชั้นสำหรับเก็บของได้หลายช่อง   ภายในห้องน้ำจะพบกับส่วนแห้งก่อนค่ะ โดยจะเป็นอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง กระจกเงา และโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ   หันไปทางขวามือเป็นส่วนเปียกกั้นด้วยประตูกระจกมีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อย   ภายในส่วนเปียกมีการเจาะผนังเพิ่มช่องวางอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำค่ะ   แบรนด์ MAESTRO เป็นหนึ่งในคอนโดมิเนียม Low Rise ที่มีการออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สเปคภายในที่ให้มาถือว่าจัดเต็มค่ะ แค่ลากกระเป๋าเสื้อผ้าพร้อมอุ้มสัตว์เลี้ยงของคุณมาด้วยก็เข้าอยู่ได้เลย และด้วยทำเลที่ตั้งของ MAESTRO 03 RATCHADA-RAMA 9 ภายในซอยรัชดา 3 ที่เต็มไปด้วยอาหารการกินราคาไม่แพง ทั้งที่อยู่ท่ามกลางแหล่ง New CBD เช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นหนึ่งในโครงการที่จับตามอง    
T House ยกญี่ปุ่นมาไว้ในคอนโดใจกลางเมือง

T House ยกญี่ปุ่นมาไว้ในคอนโดใจกลางเมือง

  วันนี้ทีมงาน Review Your Living มีโอกาสได้มาถ่ายทอดเรื่องราวน่าสนใจของคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองย่านเอกมัย ซึ่งความพิเศษของคอนโดฯ แห่งนี้คือมีพื้นที่ระเบียงกว้างกว่าโครงการอื่นทั่วไป โดยมีขนาดถึง 16 ตารางเมตร แถมระเบียงของห้องนี้มีสวนส่วนกลางของโครงการเป็นพื้นหลังสีเขียวขจีที่สร้างความเป็นส่วนตัวได้ดีเลยยิ่งตอบโจทย์ คุณหมอตั้น เจ้าของห้องพักอาศัยที่มีภาระหน้าที่การงานหนักตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังต้องเดินทางบ่อย จึงอยากได้คอนโดในพิกัดที่สะดวกทั้งสถานทำงานและบ้าน เพื่อให้ชีวิตในทุกๆ วันเข้าสู่โหมดการพักผ่อนอย่างแท้จริงทันทีที่เดินทางกลับมาถึง   เมื่อเจอทำเลที่ใช่ คุณหมอตั้นเลยไม่ลังเลใจที่จะซื้อและให้สถาปนิกเข้ามาเป็นผู้ดูแลในเรื่องของงานออกแบบตกแต่งภายในห้องทั้งหมด โดยโจทย์ที่ต้องการก็คือ..ความเรียบง่าย เน้นที่เก็บของเยอะและเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบคนญี่ปุ่น รวมไปจนถึงต้องมีพื้นที่สำหรับปาร์ตี้รองรับเพื่อนๆ ที่แวะมาเยี่ยมเยียนได้  จากโจทย์ที่เจ้าของห้องชุดคอนโดมิเนียมต้องการ สถาปนิกฝีมือดีอย่าง คุณบอย แห่ง ANONYM จึงไม่รอช้าบรรจงออกแบบพื้นที่ 51 ตารางวา ออกมาในสไตล์มินิมอลแบบฉบับญี่ปุ่นที่เน้นความเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นทุกขณะ เพื่อให้คุณหมอตั้นรู้สึกสบายตาและสบายใจเมื่อก้าวเข้าในห้องพัก บรรยากาศในห้องจึงดูนิ่งๆ เรียบๆ เป็นส่วนตัวหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง และผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากหน้าที่การงานเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง ซึ่งก็สอดคล้องกับความต้องการของเจ้าของห้องที่ชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่นแบบพอดิบพอดี   ด้วยคอนเซ็ปต์ของการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สงบและใกล้ชิดธรรมชาติ มาสู่แรงบันดาลใจในการออกแบบของสถาปนิกโดยลดทอนความฟุ่มเฟือยให้เหลือเพียงแก่นแท้ของประโยชน์ใช้สอยแบบตะวันตก ทว่ายังแอบแฝงรายละเอียดสัมผัสความเป็นธรรมชาติของพื้นผิวรอบข้าง   สถาปนิกลดทอนความฟุ่มเฟือยให้เหลือเพียงแก่นแท้ของประโยชน์ใช้สอยแบบตะวันตก ทว่ายังแอบแฝงรายละเอียดสัมผัสความเป็นธรรมชาติของพื้นผิวรอบข้าง หลอมรวมออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น สะท้อนผ่านการตกแต่งห้องพักขนาดพื้นที่จำกัด โทนสีของห้องใช้จึงเป็นสีเอิร์ธโทน เพื่อให้ห้องดูเรียบง่ายมากที่สุด และการใช้วัสดุไม้มาตกแต่ง ก็ทำให้ห้องดูสว่าง รู้สึกโปร่งโล่ง กว้างขวาง และให้ความรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น   บิลอินต์เฟอร์นิเจอร์สูงจรดเพดานทำให้ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ามากที่สุด   ส่วนการตกแต่งที่ทำให้ห้องพักอาศัยดูไม่คับแคบไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ คือการบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด ข้อดีของงานบิลต์อินคือเราสามารถทำขึ้นให้พอดีกับพื้นที่ได้โดยไม่เสียประโยชน์การใช้งานส่วนนั้นไป ทั้งยังเหมาะกับขนาดพื้นที่จำกัด จึงเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ทำให้สามารถใช้พื้นที่อันน้อยนิดได้อย่างคุ้มค่า   การใช้วัสดุไม้มาตกแต่ง ก็ทำให้ห้องดูสว่าง และให้ความรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น ภายในห้องนอนตกแต่งอย่างเรียบง่าย ดูอบอุ่นด้วยโทนสีอ่อนละมุนจากวัสดุไม้โทนสีวอร์มโอ๊คที่นำมากรุผนังและฝ้า ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งและทำให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น มีหน้าต่างกระจกใสรับแสงธรรมชาติที่ช่วยเสริมให้ห้องดูสว่างโดยไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน ทั้งยังทำหน้าที่ช่วยถ่ายเทอากาศ ทำให้ห้องนอนเล็กๆ ดูสะอาดสะอ้านน่าพักผ่อนแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ขนาดน้อยนิดก็ตาม   ขยับมาที่ระเบียงภายนอก อย่างที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นว่าคอนโดฯ แห่งนี้คือมีพื้นที่ระเบียงกว้างกว่าโครงการอื่นทั่วไป มีขนาดถึง 16 ตารางเมตร ซึ่งถือว่ามีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ สถาปนิกจึงออกแบบที่นั่งแนวยาวไปตามขนาดของพื้นที่ระเบียง สำหรับรองรับเพื่อนฝูงของคุณหมอตั้นที่มักจะแวะมาทานข้าวหรือปาร์ตี้กันสม่ำเสมอ ความโชคดีของแปลนห้องพักในส่วนของระเบียงนั้นคือมี background เป็นสวนโครงการภายนอกพอดีเลยให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวระดับหนึ่ง    ความกลมกลืนของไม้โทนสีอ่อนที่ดูลงตัวในทุกองค์ประกอบต่างๆ จนเกิดบรรยากาศชวนผ่อนคลาย   เพื่อเพิ่มกลิ่นอายแบบฉบับชาวญี่ปุ่น คุณบอยจึงเพิ่มต้นบอนไซให้เป็นลักษณะสำคัญของระเบียงภายนอก เพื่อสื่อสารถึงวิถีความเรียบง่าย เวลาก้าวออกมายังระเบียงจะรู้สึกเหมือนยกญี่ปุ่นขนาดย่อมมาไว้ในคอนโดนั่นเอง   จะเห็นว่าแม้จะมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งน้อยชิ้น แต่ในทุกๆ ชิ้นต่างใช้ประโยชน์ได้เต็มที่และเข้ากับสไตล์มินิมอล ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ   ขอบคุณรูปภาพจาก ANONYM
MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

ต้องยอมรับจริงๆ ค่ะว่าการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งสำหรับการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งย่านฮอตฮิตใจกลางเมืองอย่าง “สยาม-ราชเทวี” ก็เป็นอีกพิกัดหนึ่งที่หลายคนมาดหมายอยากอยู่อาศัย เพราะแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์เลือกปักหมุดสร้างคอนโดมีเนียมขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คอนโดฯ เป็นตึกสูงหน้าตาซ้ำกันไปหมด แถมรูปแบบห้องก็เป็นพิมพ์เดียวกันดูอึดอัดไม่น่าอยู่เอาซะเลย     ถ้าใครกำลังตามหาคอนโดดีไซน์สวยงามไม่เหมือนใครอยู่ล่ะก็ โครงการ "MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI (มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี)" ในตระกูล มาเอสโตร เรสซิเด้นซ์  (Maestro Residences) จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือว่าเป็นคำตอบที่ดีของชีวิตคุณเลยค่ะ เพราะที่นี่ไม่เหมือนคอนโดอื่นๆ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ออกแบบที่ผสมผสานความลงตัวของสถาปัตยกรรมแบบคอนเทมโพรารีเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังสะดวกสบายด้วยที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี เพียง 300 เมตร และใช้เวลาเพียง 5 นาทีถึงสยาม แหล่งช็อปปิ้งใจกลางเมืองของวัยรุ่น นอกจากนี้พื้นที่โครงการยังมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากตั้งอยู่ในซอย ทำให้ภายในมีพื้นที่โล่งกว้างท่ามกลางความเป็นธรรมชาติแม้อยู่ใจกลางเมือง จนทำให้รู้สึกว่านี่แหละมันคือคอนโดที่เป็นเหมือน “บ้าน” จริงๆ   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมือง เงียบสงบเนื่องจากอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาค โดยเป็นซอยที่อยู่ติดกับ BTS สถานีราชเทวี จุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย สามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี โดยมีให้เลือกหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง พร้อมทั้งอยู่ใกล้ทางด่วนยมราช และมีซอยย่อยที่ลัดเลาะไปได้โดยไม่ต้องใช้เส้นหลัก ที่สำคัญตัวโครงการสามารถเข้าออกได้ถึง 3 ทาง ทั้งจากถนนเพชรบุรี เข้าตรงซอยเพชรบุรี 12, ถนนพญาไท เข้าตรงซอยพญานาค และสามารถทะลุออกถนนบรรทัดทองได้ ซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี     ใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกสุดๆ ไปเลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาคที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี บริเวณหน้าซอยพญานาคก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการ และมีรถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีเรือโดยสารคลองแสนแสบที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือท่าเรือสะพานหัวช้าง ที่สำคัญตัวโครงการอยู่ห่างจาก BTS ราชเทวีเพียง 300 เมตร ก็ถึงบันไดเลื่อนขึ้นตัวสถานีแล้วค่ะ โดยเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ แถมข้างทางก็เป็นแหล่งชุมชนทำให้ไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยว ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าการเดินทางเลย ด้วยความที่เป็นย่านที่พักอาศัยจึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เพราะในซอยจะมีร้านอาหาร Street food รวมไปจนถึงร้านค้าต่างๆ ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ หรือขยับข้ามฝั่งตรงข้ามไปก็มี Coco Walk แหล่งไลฟ์สไตล์ ที่มีร้านแฮงก์เอ้าท์ และคาเฟ่ต่างๆ ใครอยากไปช็อปปิ้งก็สามารถใช้ BTS จากสถานีราชเทวีนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลมที่มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่, มาบุญครอง และจามจุรีสแควร์ หรือถัดไปอีกหน่อยถนนราชประสงค์ก็จะเป็นเซ็นทรัลเวิลด์แล้วค่ะ แถมยังรายล้อมไปด้วยสถานที่ศึกษาชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรียกได้ว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม - ราชเทวี เหมาะสำหรับชีวิตคนเมืองที่แท้จริง   1. วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นะคะ โดยนั่งมาลงที่สถานีราชเทวี 2. สำหรับทางออกรถไฟฟ้าไปโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี จะอยู่ที่ทางออก 1 ค่ะ 3. เดินลงบันได BTS มาให้สังเกตที่ซอยพญานาคก็เดินเข้าไปเลยค่ะ 4. ปากซอยพญานาคจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมเอเชียนะคะ ทำให้มีรถและผู้คนผ่านไปมาตลอด ไม่เปลี่ยวแน่นอน 5. เดินตรงเข้ามาในซอยจะพบกับร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมถึงร้านชื่อดังอย่าง Sushi Masa ด้วย 6. นอกจากร้านอาหารก็มีร้านคาเฟ่น่ารักๆ อย่าง Lazy Mary ด้วยนะ 7. เดินตรงเข้าไปอีกหน่อยจะพบกับเซเว่นค่ะ จากจุดนี้ก็สังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีป้ายสีส้มด้านขวาชี้พิกัดโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี อยู่ด้วย 8. เดินเลี้ยวเข้ามาในซอยข้างเซเว่นไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโครงการแล้วค่ะ   เจาะลึกโครงการ   โครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโด Low Rise 1 อาคาร สูง 8 ชั้น พร้อมที่จอดรถชั้นใต้ดิน จำนวน 179 ยูนิต บนที่ดิน 1-1-59 ไร่ ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 26.72 – 64.81 ตารางเมตร โดยทางโครงการเน้นการออกแบบที่ผสานกับธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่บริเวณคอนโดจะมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบช่วยเพิ่มบรรยากาศของธรรมชาติ ถึงแม้จะอยู่กลางเมืองก็ตาม ด้านการออกแบบของสถาปัตยกรรมก็ออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ จากการผสมผสานรูปแบบคอนเทมโพรารี เข้ากับความมินิมอล ออกมาเป็นรูปแบบศิลปะแนวคอนเทม – มินิมอลลิซึม (Contem – Minimalism) ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ด้วยความพิถีพิถันและใส่ใจทุกรายละเอียด ความอบอุ่น สุขุม ทันสมัยได้ถูกนำมารวมกันและนำมาตกแต่งภายในคอนโดมิเนียมและห้องพักด้วยความมีชีวิตชีวาและความงามสไตล์สแกดิเนเวียน เรโทร ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรเป็นอย่างดี โทนสีพาสเทล และวัสดุโลหะที่เข้ากันอย่างลงตัว ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อความหรูหราสไตล์ยุโรปได้มาผสมผสานกับความทันสมัยอย่างลงตัว มาเอสโตร 14 จึงถือเป็นคอนโดฯ ที่น่าสนใจในย่านสยาม – ราชเทวี อีกโครงการหนึ่ง   ในส่วนของ Facilities เรียกว่าครบครันทีเดียว เพราะถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็ยังใส่ใจในเรื่องการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่ต้อง Balance ระหว่างการทำงานและการพักผ่อน รวมถึงการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและสัตว์เลี้ยง ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญของคอนโดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คือนโยบาย Pet-friendly ที่อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ โดยจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้ลูกบ้านทุกยูนิต และมีกฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข อาทิ  - การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี (ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์) - ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุดรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง) - สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม. 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น) - สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ   ไม่เพียงเท่านี้ทางโครงการยังออกแบบให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับความสุขของลูกบ้านอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่พื้นที่ชั้น 1 ที่มีจุดจอดรับส่ง และแร็คจอดจักรยาน เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับล็อบบี้, ห้องจดหมาย, ห้องซักรีด รวมถึงสระว่ายน้ำใจกลางโครงการที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ นอกจากนี้ยังมีห้องสตีมและซาวน่า มีโซนอ่านหนังสือ และสวนเพื่อให้มาอ่านหนังสือเล่มโปรด ขยับมาที่ชั้น 2 ก็มีสวนเพื่อการเรียนรู้ หากใครอยากออกกำลังกายในร่มก็เพียงแค่กดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 9 ก็จะพบกับห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย หรือถ้ารักการสังสรรค์ทางโครงการก็มี Party Patio, ห้องคาราโอเกะ, ลานบาร์บีคิวที่ชั้นดาดฟ้าพร้อม Sky Lounge, Sky Cabana เพื่อให้เป็นสถานที่แห่งความสุขของลูกบ้านทุกช่วงเวลา แถมยังมีความปลอดภัยสูงเพราะทางโครงการออกแบบให้ลูกบ้านทุกยูนิตใช้คีย์การ์ดแบบล็อคชั้นซึ่งขึ้นไปได้เฉพาะชั้นตัวเองและส่วนกลางเท่านั้น อีกทั้งยังให้ความรู้สึกอุ่นใจไปกับกล้องวงจรปิด และรปภ. ที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จาก Master Plan จะมีทางเข้าโครงการจุดเดียวนะคะ และมีจุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby ซึ่งแบ่งออกเป็นพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยประมาณ 5 ห้อง สำหรับที่จอดรถจะอยู่บริเวณชั้นใต้ดินค่ะ สระว่ายน้ำถูกออกแบบไว้ตรงกลางโครงการเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่ามีบันไดเชื่อมต่อไปยังสวนเพื่อการเรียนรู้บริเวณชั้น 2 ด้วย บริเวณริมสระจัดวางเตียงนอนอาบแดดสีขาวสบายตาไว้รองรับความสุขของลูกบ้าน จากภาพจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ สระว่ายน้ำจะถูกโอบล้อมไปด้วยความเขียวขจีไม้ประดับนานาพรรณ ขยับเข้ามาที่พื้นที่ส่วนกลางด้านใน บริเวณชั้น 1 นอกจากมีสระว่ายแล้วยังมีห้อง Library อีกด้วย ภายในห้องดูกว้างขวางและเงียบสงบ โดยทางโครงการจัดวางชุดโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาแบบเข้าชุดไว้หลากหลายมุม หากลูกบ้านคนไหนต้องการทำงานหรือทำการบ้านเงียบๆ ก็สามารถเลือกใช้มุมเคาน์เตอร์ ที่ออกแบบมาพร้อมรองรับอุปกรณ์สายชาร์ตต่างๆ หรือใครอยากติวการบ้านกับเพื่อน, มีครูมาสอนพิเศษจะเลือกนั่งเป็นมุมนี้ก็ดูลงตัว ก่อนจะพาไปดูส่วนกลางชั้นอื่นๆ เมื่อเดินไปยังโถงลิฟท์จะพบกับส่วนของห้องจดหมายก่อนนะคะ สำหรับแปลนชั้น 2-8 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยความพิเศษของชั้น 2 ทางโครงการได้ออกแบบสวนเพื่อการเรียนรู้มาไว้รองรับลูกบ้านด้วย สำหรับสวนเพื่อการเรียนรู้จะมีบันไดเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำบริเวณชั้น 1 ด้วยนะคะ บรรยากาศบริเวณสวนเพื่อการเรียนรู้ชั้น 2 ค่อนข้างร่มรื่นและผ่อนคลายทีเดียว เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือสบายๆ ทางโครงการจัดวางที่นั่งไว้ให้เลือกสรรหลากหลายมุมทีเดียวค่ะ แปลนของพื้นที่ชั้น 9 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในพื้นที่ชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณชั้นดาดฟ้าถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่รองรับความสุขลูกบ้านหลากหลายมุมทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ลานโยคะ, สนามเด็กเล่น, ลานบาร์บีคิว, สกายเลาจน์, ห้องคาราโอเกะ และ pet zone จากภาพจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าแม้ทางโครงการจะออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นหลากหลายมุมแค่ไหน แต่ก็ยังมีรั้วระแนงเล็กๆ สีดำกั้นแยกระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงไม่ให้รบกวนกัน และอยู่ร่วมกันอย่างสุขใจ ลานบาร์บีคิวที่ออกแบบมาพร้อมรองรับปาร์ตี้เล็กๆ ของลูกบ้าน นอกจากมีที่นั่งรองรับลูกบ้านมากมายแล้ว ในส่วนของลานบาร์บีคิว ยังมาพร้อมเตาและอ่างล่างมือด้วย บรรยากาศบริเวณดาดฟ้าชั้น 9 ในมุมกว้าง จะเห็นได้ว่าทางโครงการใส่ใจตั้งแต่พื้นที่พักผ่อนและมุมส่วนตัวมากมาย รวมถึงนำความเขียวขจีของต้นไม้มาประดับประดาให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม นอกจากมีมุมพักผ่อนให้เลือกสรรมากมายแล้ว ยังมีฟิตเนสอยู่ที่บริเวณชั้น 9 อีกด้วย ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกใสให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวเมืองอย่างเพลิดเพลิน พื้นที่ติดกับห้องฟิตเนสนั้นจะเป็นส่วนของห้อง Karaoke ค่ะ ภายในห้องคาราโอเกะมาพร้อมกับโซฟาตัวยาว และชุดโฮมเธียร์เตอร์เพื่อรองรับกิจกรรมสังสรรค์ของลูกบ้านอย่างเต็มเปี่ยม   เปิดประตูห้องตัวอย่างที่พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ 1 Bedroom Suite ขนาด 26.72 - 30.91 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32-35.66 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาด 60.55 - 64.81 ตร.ม. ที่มาในรูปแบบ Fully Furnished พร้อมชุดครัวแบรนด์ Electrolux สุขภัณฑ์ต่างๆ เครื่องปรับอากาศ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าลูกบ้านตัดสินใจซื้อจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้น แถมทุกยูนิตยังสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ด้วยนะคะ เรียกว่าถ้าถูกใจก็พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว   ในครั้งนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างถึง 3 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก พื้นที่ใช้สอยจัดมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ โดยเปิดเข้ามาจะเจอส่วนครัวและห้องน้ำก่อน เพื่อให้พื้นที่ด้านในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างเตียงนอนและโซฟานั่งเล่น ภายในห้องดูโปร่งโล่งสบาย ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Pantry ครัวก่อนเลยค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area ที่ตอบโจทย์ต่อการพักผ่อนได้ดี ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าเท่านั้น นอกจากเว้นช่องไว้ให้ใส่ไมโครเวฟอย่างพอดิบพอดีแล้ว บริเวณลิ้นชักยังมีช่องสำหรับใส่อุปกรณ์ช้อนส้อม และมีดให้ด้วย พื้นที่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้เก็บของและตู้รองเท้าแบบบิลต์อินนะคะ ติดกับตู้เก็บของจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งมีพื้นที่เล็กๆ หน้าห้องเหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ได้ด้วย เรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง เดินเข้ามาจะพบกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ขวามือจะเป็นโถสุขภัณฑ์ของแบรนด์ Kohler พื้นที่ในสุดจะเป็นโซนเปียกที่ทางโครงการกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้แล้ว แถมยังยกธรณีสูงหนึ่งเสต็ป เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ ภายใน Shower Area ผนังข้างฝักบัวถูกเจาะช่องให้สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ กลับออกมาด้านนอก ก่อนจะเข้าไปส่วนพักผ่อนจะเห็นว่าทางโครงการได้เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ค่ะ เมื่อเปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นมุมทำงานและระเบียงค่ะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป พื้นที่ลึกเข้ามาด้านใน ทางโครงจัดวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ลูกบ้านสามารถใช้เป็นมุมนี้เป็นมุมทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งมุมนี้จะอยู่ติดกับระเบียงนะคะ โดยทางโครงการกรุผนังกระจกใสไว้เพื่อความโปร่งโล่ง ระเบียงมีขนาดกำลังดี สามารถวางราวตากผ้าได้ โดยคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นเพื่อความเรียบร้อยไว้ให้แล้ว กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถวางที่นอน 5 ฟุต ได้สบายๆ พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ   ห้องตัวอย่างอีกห้องที่เราได้ชมกันคือ 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. ลักษณะห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส จัดวาง Layout ไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่าง Pantry มุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ทางโครงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินเพื่อทำให้ผู้อาศัยสามารถจัดวางข้าวของเครื่องใช้ได้อย่างเป็นระเบียบและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ทั้งนี้ภายในห้องชุดยังมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ชุดครัว Pantry Set เครื่องปรับอากาศ ตามมาตรฐานเหมือนกับห้องแรกค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. นะคะ สำหรับไทป์นี้เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปแบบตัวไอ (i) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้รองเท้าและตู้เก็บของ พร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วค่ะ เดินต่อเนื่องเข้ามาที่โถงกลาง Living Area ที่เชื่อมมุมรับประทานอาหารและมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน จากภาพจะเห็นว่าแม้จะจัดวางโซฟาตัวยาวแล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ได้สบายๆ ทางโครงการได้จัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2-3 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างในส่วน Living Area นะคะ จะเห็นได้ว่าบริเวณตรงกลางมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับวางโต๊ะกลางด้วย ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งมีประตูบานเลื่อนกั้นให้ออกมารับลมได้ โดยระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นไว้ให้แล้วเพื่อความเรียบร้อย กลับมาที่ภายในห้อง บริเวณคอนโซลทีวีมีขนาดกว้างพอรองรับจอขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นจะเป็นส่วนของห้องนอนที่เป็นประตูแบบทึบค่ะ เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนดูโปร่งโล่งสบาย โอบล้อมด้วยกระจกใส เอื้อต่อการพักผ่อน พื้นที่ติดกับหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ ทางโครงการจัดวาง Daybed ไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรส่วนนี้ให้เป็นมุมพักผ่อนของสัตว์เลี้ยงก็ยังได้ เมื่อวาง Daybed แล้วจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ พื้นที่ติดกับเตียงนั้นจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ลึกเข้าไปนั้นจะเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่อยู่ติดกับชุดสุขภัณฑ์ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พื้นที่ในสุดจะเป็นส่วนเปียก ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ทางโครงการเจาะช่องให้สำหรับวางของใช้ส่วนตัวให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ   และห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. ที่นับว่าเป็นขนาดใหญ่สุดของโครงการ ลักษณะเป็นห้องหน้าแคบลึก แต่พอเดินเข้ามาจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ไว้ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ต่อเนื่องมายังมุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับโต๊ะกลางได้ด้วย ติดกันนั้นมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกที่ระเบียงได้ ส่วนพื้นที่ลึกเข้ามาด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก ภายในห้องบิลต์อิน ตู้ เตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอครัวที่ลึกยาวเข้าไปก่อนเลยนะคะ โดยครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างสองห้องก่อนหน้าเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้าทั้งสองห้องเลยค่ะ พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้เก็บรองเท้าและตู้เก็บของขนาดใหญ่มาให้แล้ว ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะมาก แถมยังไม่รบกวนสายตาเนื่องจากมีหน้าบานเปิดปิดด้วยค่ะ เดินเข้ามาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ ซึ่งมีขนาดกว้างขวางมากเพราะสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างขวางกำลังดี ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป แถมลูกบ้านยังสามารถจัดวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับวางโต๊ะได้ด้วย ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ อีกทั้งยังกั้นระแนงเพื่อบังคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เรียบร้อยแล้ว มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ จะเห็นว่าการจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างที่สอง เพียงแต่ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำนะคะ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ สำหรับห้องน้ำด้านนอก ตรงกลางจะเป็นชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ด้านขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์ ฝั่งด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส พื้นภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ   และก็เหมือนกับห้องน้ำในห้องตัวอย่างก่อนหน้า ผนังฝั่งเปียกจะเจาะช่องไว้ให้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกสบายได้ดีทีเดียว ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3.5 ไปจนถึง 5 ฟุตได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนขนาดกว้างพอจัดให้เป็นโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนเหมือนดั่งห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้ สำหรับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะจัดวางสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลาง จัดชุดเคาน์เตอร์ล้างหน้าไว้ชิดริมประตู โดยมีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ภายในพื้นที่ส่วนเปียกนอกจากจะเจาะช่องที่ผนังฝั่งฝักบัวไว้ให้สามารถวางของได้แล้ว ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย ออกมาจากห้องน้ำ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิวต์อินขนาดใหญ่ยาวขนานไปกับผนัง ก่อนจะต่อเนื่องมายังโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานที่ทางโครงการจัดวางไว้ให้เป็นไอเดียแก่ลูกบ้าน ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสผสมกับหนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางที่นอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่ให้เดินรอบๆ และวางโต๊ะข้างเตียงได้ด้วยค่ะ ทางโครงการจัดวางเก้าอี้นวมไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นมุมของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็ยังได้ค่ะ   นับว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับคนเมืองอย่างแท้จริงเลยนะคะ ใครที่อยากมีคอนโดดีๆ เลี้ยงสัตว์ได้ พร้อมยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกของความเป็นที่สุดอย่างเต็มอิ่ม แถมยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวีเพียงแค่ 300 เมตร สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะมีรถส่วนตัวหรือไม่มี ที่สำคัญคือสามารถเข้า-ออกได้ถึง 3 เส้นทาง ถนนพญาไท, ถนนบรรทัดทอง และถนนเพชรบุรี นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ในราคาเอื้อมถึงได้ เริ่มต้น 4.5 ล้านบาท* เมื่อพิจารณาจากทำเล ห้องที่แต่งครบ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมเข้าอยู่แบบนี้ ถือว่าคุ้มค่าและหาได้ไม่ง่ายเลยนะคะ ไม่ว่าจะจับจองไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็บไว้เป็นทางเลือกในการลงทุนปล่อยเช่า อาทิ นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงาน และชาวต่างชาติ ก็น่าจะได้ผลตอบแทน Capital gain ที่ดีไม่ใช่น้อย
บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5 ความเป็นส่วนตัวของครอบครัว : รีวิวทาวน์โฮม

บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5 ความเป็นส่วนตัวของครอบครัว : รีวิวทาวน์โฮม

รีวิวฉบับนี้ เราอยากให้ทุกคนลองนึกถึงภาพครอบครัวเล็กๆ ของเรากันก่อนค่ะ เพราะเมื่อเราคิดถึงครอบครัวอันอบอุ่นแล้ว ภาพที่ตามมาก็ย่อมจะต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองสักหลังที่มีขนาดกำลังพอเหมาะพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป มีสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่รอบตัว ซึ่งคำตอบของภาพที่เราเห็นนี้ก็เป็นทาวน์โฮมนี่แหละค่ะที่มีความลงตัวทั้งพื้นที่ ราคา รวมถึงทำเลที่เราจะพาไปชมกันกับหนึ่งในโครงการคุณภาพ “บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5”       ทำเล   ถ้าพูดถึง จ.นนทบุรี บางคนอาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก แม้ว่าจะมีพื้นที่ติดกับกรุงเทพฯ อย่างแยกกันแทบไม่ออก แต่ทราบไหมคะว่า ย่านนี้เป็นอีกแหล่งของอร่อยขึ้นชื่อมากมายไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารข้างทางเจ้าเก่าสูตรดั้งเดิม ร้านคาเฟ่สวยๆ ไปจนถึงร้านอาหารบรรยากาศดีหลายแห่ง โดยเฉพาะท่าน้ำนนท์, ถนนนครอินทร์, ถนนราชพฤกษ์ ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นแหล่งสำนักงานทางราชการ รัฐวิสาหกิจหลายแห่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายไม่ต่างจาก จ.กรุงเทพฯ มากเท่าไรนัก ย่านนี้จึงเป็นอีกทำเลที่เรามักจะได้เห็นโครงการแนวราบมาจับจองพื้นที่พัฒนาโครงการดีๆ ให้เห็นกันอยู่พอสมควร ซึ่งตัวโครงการบ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5 นี้อยู่ใกล้กับสะพานพระราม 5 หากใช้รถยนต์ส่วนตัวก็จะไม่ไกลจากทางพิเศษศรีรัช ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองประมาณ 15 นาทีก็จะถึงรัชดาภิเษก สามารถต่อไปยังสาทรได้ หากใช้รถสาธารณะก็สามารถเดินทางโดยข้ามสะพานพระราม 5 ไปแล้วผ่านสี่แยกติวานนท์ก็จะพบกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข และสามารถเลือกโดยสารทางเรือที่ท่าเรือบางศรีเมือง แล้วข้ามฝากไปท่าน้ำนนท์เพื่อต่อเรือด่วนเจ้าพระยาได้อย่างสะดวกสบาย     จุดเด่นของโครงการนี้อย่างหนึ่งคือ ตั้งอยู่ในซอยที่สามารถทะลุไปสู่ถนนหลักได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นจากถนนนครอินทร์ ถนนบางศรีเมือง ถนนบางกรวย-ไทรน้อย และถนนราชพฤกษ์-นนทบุรี 1 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนราชพฤกษ์ได้ แต่ทางเข้าหลักที่เราแนะนำ คือ หากข้ามสะพานพระราม 5 ฝั่งขาออกมาแล้วตามถนนนครอินทร์ ให้กลับรถใต้สะพานข้ามแยกบางสีทอง ขับต่อไปประมาณ 500 เมตร ให้เข้าทางคู่ขนาน เมื่อผ่านหน้า Makro นนทบุรี ให้เลี้ยวซ้ายตามแนวรั้วของ Makro ตรงเข้าไปประมาณ 700 เมตร เข้าสู่ซอยบางไผ่ 21 ก็จะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ     ภาพรวมโครงการ   บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5 เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ หน้ากว้าง 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน ตัวทาวน์โฮมดีไซน์สไตล์ URBANIST เหมาะกับการใช้ชีวิตในแบบคนยุคปัจจุบันที่ต้องการทั้งความเป็นส่วนตัวไปพร้อมกับพื้นที่ Common Area เพื่อใช้ช่วงเวลาพักผ่อนกับครอบครัวไปด้วย โครงการมีทั้งหมด 271 ยูนิต บนพื้นที่ 22–2–10.73 ไร่ มาในคอนเซป “LIFE IN FULL BLOOM” ใช้ชีวิตบนความสมบูรณ์แบบ โอบล้อมด้วยบรรยากาศความร่มรื่นและความงดงามจากธรรมชาติ   เปิดห้องตัวอย่าง   วันนี้เราพามาเยี่ยมชมกันถึงตัวโครงการจริงเลยค่ะ ถ้าไม่คุ้นเคยเส้นทางก็แนะนำให้หาจาก Google Maps ว่าบางไผ่ซอย 21 ก็เดินทางมาได้ไม่ยากค่ะ ปัจจุบันทาวน์โฮมสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้วนะคะ ลูกบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนที่ย้ายมาจากคอนโดมิเนียมกลางเมือง เพราะต้องการขยับขยายพื้นที่มากขึ้นแล้วเลือกมาอยู่ทาวน์โฮม เพราะทำเลยังไม่ออกไปไกลตัวเมืองมากแบบบ้านเดี่ยว และยังคงได้ความเงียบสงบเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น เกิดเป็นสังคมคุณภาพในโครงการ “บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5” เริ่มตั้งแต่บริเวณหน้าโครงการกันเลยค่ะ Main Gate สีขาวขนาดใหญ่ สังเกตได้ง่าย มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV รั้วด้านหน้าเป็นเหล็กโปร่งสีดำ ใช้ระบบเข้า-ออก แบบ EASY CARD คือเมื่อติดตั้งระบบที่รถก็สามารถขับเข้าไปได้เลยค่ะ รั้วจะเลื่อนเองด้วยระบบไฟฟ้า ภายในโครงการถนนหลักกว้าง 12 เมตร ส่วนถนนตามซอยกว้าง 8 เมตร เมื่อผ่าน Main Gate เข้าไปในตัวโครงการแล้วทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่สีเขียวตลอดแนวจนไปถึงส่วนกลางอื่นๆ มีฟุตบาทที่ปูด้วยหญ้าจริงสลับกับทางเดิน โดยจะถูกออกแบบตามเส้นสายของธรรมชาติ ให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลาย เป็นสิ่งที่ทางโครงการตั้งใจให้กับลูกบ้านค่ะ ตรงกลางสวนมีส่วนที่ถูกจัดให้เป็นสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง มีทางเชื่อมต่อไปยัง Club House โดยเราจะสามารถสังเกตเห็นรั้วทึบรอบโครงการทางซ้ายมือของภาพซึ่งจะสูง 3 เมตร เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน Club House 2 ชั้นของโครงการเน้นโทนสีขาวสบายตา ชั้นล่างจัดพื้นที่โปร่งมีลมเข้าอยู่ตลอด ส่วนชั้นบนล้อมรอบด้วยกระจกสูงดูแล้วไม่อึดอัด มองภาพรวมแล้วสวยทีเดียวค่ะ ชั้นล่างของ Club House แห่งนี้จะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ และระบบน้ำล้น ขนาด 6*15 เมตร ลึก 1.2 เมตร มีสระเด็กแยกอยู่ข้างๆ กันด้วยนะคะ โดยสระเด็กจะมีความลึก 0.5 เมตร อยู่ใกล้กับเก้าอี้พักผ่อนที่อยู่บริเวณน้ำตื้นริมสระ ตรงนี้ผู้ปกครองสามารถดูแลบุตรหลานได้อย่างใกล้ชิดด้วยค่ะ มีพื้นที่ล้างตัวแยกเป็นฝั่งเด็กกับฝั่งผู้ใหญ่อยู่ใกล้กับห้องน้ำแยกชาย-หญิง ด้านขวามือของภาพค่ะ ขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อค่ะ บันไดมีราวจับแบบกระจกนิรภัย ดูกลมกลืนกับการออกแบบโทนสีขาวดีค่ะ ที่ชั้น 2 จะมีฟิตเนสค่ะ เปิดให้ใช้บริการทุกวันตั้งแต่ 8.00-20.00 น. ฟิตเนสจะถูกล้อมรอบไปด้วยกระจกสูงสลับกับหน้าต่างเป็นบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศออกไปได้ ภายในฟิตเนสมีเครื่องออกกำลังกายอยู่พอสมควร มีโฟซาสำหรับนั่งพักผ่อนอยู่ภายในฟิตเนสด้วยค่ะ ภาพมุมสูงจากฟิตเนสค่ะ พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดนี้รวมแล้วประมาณ 1 ไร่ พาดูส่วนกลางกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าไปชมบ้านตัวอย่างกันบ้างค่ะ โดยทาวน์โฮมจริงจะมีรั้วหน้าบ้านเป็นเหล็กโปร่งสีดำสูง กำแพงด้านข้างกั้นแต่ละหลังเป็นแบบทึบสีเทาสูง 1.5 เมตร แต่สำหรับทาวน์โฮมตัวอย่างนี้จะไม่ได้กั้นมาให้เห็นค่ะ และทาวน์โฮมที่จะได้เป็นบ้านเปล่านะคะ ซึ่งบ้านตัวอย่างนี้จะถูกตกแต่งขึ้นมาเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นค่ะ ก่อนจะเข้าไปดูในตัวทาวน์โฮมเรามาดูกันที่พื้นที่ด้านข้างกันก่อนค่ะ โดยพื้นที่ด้านข้างแบบนี้จะได้เฉพาะแปลงมุมนะคะ เราสามารถใช้พื้นที่ตรงนี้จัดสวนได้เพิ่มมากขึ้น พื้นที่ด้านข้างนี้จะเชื่อมกับพื้นที่หลังบ้านค่ะ มีประตูกระจกที่สามารถเดินออกจากทาวน์โฮมมาที่สวนด้านข้างนี้ได้เลย ด้านหน้าทาวน์โฮมทุกหลังทางโครงการจะติดตั้งกันสาดมาให้ด้วยนะคะ ซึ่งเป็นผ้าใบสีน้ำตาล สามารถพับเก็บได้ หน้าบ้านมีเฉลียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค สำหรับวางชั้นวางรองเท้าและเก็บร่มค่ะ ประตูใช้เป็นกระจกบานเลื่อน ซึ่งทั้งประตูและหน้าต่างที่เป็นกระจกจะใช้กระจกเขียวตัดแสง ขอบอลูมิเนียมสีดำทั้งหมดค่ะ ประตูด้านหน้าใช้ระบบล็อคแบบลูกกุญแจปกติค่ะ ด้านในมีตัวจับแน่นหนาพอสมควร ระบบล็อคแบบ Double Lock ที่มีทั้งลูกกุญแจกับก้นหอยแบบนี้ค่ะ ซึ่งระบบล็อคแบบก้นหอยนี้จะใช้กับประตูและหน้าต่างบานกระจกทุกบานในบ้านค่ะ เปิดประตูบ้านเข้ามาก็จะพบกับห้องนั่งเล่นเป็นอันดับแรกค่ะ ภายในใช้ไฟ Downlight ความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.6 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60*60 พื้นที่ส่วนแรกของบ้านนี้เราสามารถวางโซฟาขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะกลางได้ มีพื้นที่เหลือสบายๆ ค่ะ ฝั่งตรงข้ามโซฟาเป็นพื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ทีวี อยู่ระหว่างบันไดกับห้องน้ำ ต่อจากห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ห้องครัวค่ะ ห้องครัวถูกจัดให้อยู่ด้านในสุด มีพื้นที่สามารถวางเคาน์เตอร์ครัวแบบ L Shape พร้อมตู้เย็นได้ และมีห้องน้ำอยู่ระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น เข้าไปดูที่ห้องน้ำแรกของบ้านกันค่ะ ใช้ประตูบานเลื่อน และด้วยความที่เป็นห้องน้ำสำหรับรับแขกจึงไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำ ส่วนพื้นกับผนังบางส่วนปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ห้องน้ำทุกห้องใช้สุขภัณฑ์จากแบรนด์ American Standard ค่ะ ด้านข้างเหนือโถสุขภัณฑ์จะมีหน้าต่างบานกระทุ้ง สำหรับเพิ่มแสงสว่างและช่วยระบายอากาศค่ะ อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง พร้อมกระจกค่ะ ถัดจากโซฟาจะมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหารได้ขนาด 4-6 ที่นั่ง หากเป็นทาวน์โฮมแปลงมุมแบบนี้จะได้ประตูกระจกบานเลื่อนข้างโต๊ะทานอาหาร เพื่อออกไปยังพื้นที่สวนข้างบ้าน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มแสงสว่าง และรับลมจากภายนอกได้มากขึ้นด้วยค่ะ พื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ครัวมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อน ซึ่งจุดนี้เหมาะสำหรับการวางซิงค์ล้างจานตามแบบบ้านตัวอย่างเลยค่ะ เพราะตรงนี้เสี่ยงที่จะเกิดเชื้อราได้ง่าย หากได้หน้าต่างจะช่วยระบายความอับชื้นที่จะเกิดขึ้นได้ค่ะ ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนออกไปทางหลังบ้านค่ะ หลังบ้านมีบริเวณเหลือสำหรับเป็นลานซักล้างค่ะ หรือจะทำเป็นที่นั่งพักผ่อนรับลมนอกบ้านแบบที่บ้านตัวอย่างนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน ถัดจากประตูหลังบ้านก็จะพบกับพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า จุดนี้ทางโครงการได้ต่อท่อน้ำพร้อมรูปลั๊กไฟเอาไว้ให้เรียบร้อยค่ะ กลับเข้ามาเดินชมในตัวบ้านกันต่อค่ะ ขึ้นไปชมชั้น 2 กันค่ะ บันไดอยู่ข้างเคาน์เตอร์ทีวี ถัดจากประตูหน้าบ้านเลยค่ะ บันไดใช้แบบโครงเหล็ก ราวจับเหล็กโปร่งสีขาว ตรงที่พักบันไดมีหน้าต่างทรงสูงเพิ่มแสงสว่างได้ดี เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีทั้งหมด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นปูด้วยลามิเนต โดยเราจะเริ่มจากห้องทางขวามือกันก่อนค่ะ ห้องนอนแรกของบ้านอยู่ทางฝั่งหลังบ้านค่ะ ห้องนี้ถูกตกแต่งให้เตียงขนาด 3.5 ฟุต อยู่ชิดกับกำแพง แล้วมีพื้นที่เหลือกลางห้อง แต่เราสามารถวางเตียงได้ 5-6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่เหลือพอให้วางโต๊ะทำงานได้อีกสบายๆ เลยค่ะ มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ให้แสงสว่างเข้ามาได้อย่างเพียงพอ อีกด้านหนึ่งของห้องมีช่องที่สามารถ Build In ตู้เสื้อผ้าได้พอดี ต่อมาเป็นห้องน้ำของชั้น 2 ซึ่งจะอยู่ตรงกลางของชั้นค่ะ ความสูงภายในห้องน้ำ 2.4 เมตร พื้นกับผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิค อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง มีปูนก่อออกมาเล็กน้อยเพื่อทำเป็นชั้นวางของ เหนือโถสุขภัณฑ์มีหน้างต่างบานกระทุ้งเพื่อเพิ่มแสงสว่างและระบายอากาศค่ะ แยกส่วนเปียก-แห้ง แบบธรณีประตูขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อไม่ให้น้ำล้นออกไปส่วนพื้นแห้ง ห้องนอนที่ 2 อยู่ทางฝั่งหน้าบ้านค่ะ เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องนอนทางด้านหลังบ้านขึ้นมาอีกนิด สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต แล้ววางโต๊ะหัวเตียงของทั้งสองข้างของเตียงได้ ปลายเตียงเหลือพื้นที่สำหรับ Build In ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ ข้างเตียงมีระเบียงออกไปทางหน้าบ้าน ระหว่างห้องนอนกับระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีดำ และ Condensing Unit วางเอาไว้ตรงมุมระเบียงหันออกนอกตัวบ้าน ขึ้นมาดูกันที่ชั้น 3 ค่ะ ชั้นนี้จะมีความเป็นส่วนตัวมากท่ี่สุด เพราะมีเพียง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และพื้นที่อเนกประสงค์ เริ่มจากทางขวามือจากบันไดค่ะ ตรงนี้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ แล้วแต่จะดีไซน์ออกมาเป็นพื้นที่ใช้สอยอะไรก็ได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน บ้านตัวอย่างจะตกแต่งพื้นที่ตรงนี้ให้เป็น Walk-In Closet หรืออาจจะตกแต่งให้เป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่นส่วนตัวก็ได้ค่ะ พื้นที่อเนกประสงค์จะเชื่อมต่อกับระเบียงหลังบ้านค่ะ โดยจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเช่นเคย ระเบียงหันออกไปทางหลังบ้านค่ะ มีพื้นที่พอที่จะสามารถวางเก้าอี้พร้อมโต๊ะขนาดเล็กได้ พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีดำแบบเดียวกันกับระเบียงทางหน้าบ้าน จากพื้นที่อเนกประสงค์เดินต่อตรงโถงทางเดินเพื่อเชื่อมต่อกับห้องน้ำ และ Master Bedroom ขวามือของโถ่งทางเดินเป็นห้องน้ำค่ะ ภายในห้องน้ำของชั้น 3 จะเห็นได้ว่ามีหน้าตาที่คล้ายกันกับห้องน้ำชั้น 2 ค่ะ เพียงแค่ช่องระบายอากาศจะอยู่เหนือโซนอาบน้ำ และอ่างล้างหน้าจะมีช่องเก็บของเอาไว้ข้างใต้ด้วย จากภาพนี้จะเห็นได้ชัดขึ้นค่ะว่าห้องน้ำชั้น 3 จะเป็นประตูแบบ Double Access เชื่อมระหว่างโถงทางเดินกับ Master Bedroom สุดท้ายที่ห้อง Master Bedroom ค่ะ มีขนาดใหญ่พอๆ กันกับห้องนอนชั้น 2 ภายในห้องสามารถวางเตียงได้ 5-6 ฟุต โดยยังเหลือพื้นที่ใช้สอยกลางห้อง ปลายเตียงสามารถ Build In ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ หรือจะจัดให้เป็น Walk-In Closet ก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ ระเบียงชั้น 3 มีขนาดเท่ากันกับระเบียงชั้น 2 ค่ะ พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ Condensing Unit วางเอาไว้ตรงมุมระเบียงหันออกนอกตัวบ้าน   17-18 พ.ย.นี้! “SPECIAL ONE PRICE!” พบแปลงสวยราคาพิเศษ ราคาปรกติ 3.79* ล้าน พิเศษ 3.59 ล้าน*! ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอนฯ* (จำนวนจำกัด) 2 วันเท่านั้น! พิเศษยิ่งขึ้น #MillionAttack ลุ้นรับทองคำมูลค่าสูงสุด 1,000,000 บาท* พร้อมรางวัลอื่นๆ รวมกว่า 2 ล้านบาท*   บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม5 ทาวน์โฮมใหญ่ 3 ชั้น พร้อมคลับเฮ้าส์หรู และพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ บนทำเลศักยภาพ ใกล้ทางด่วนศรีรัช และรถไฟฟ้า เชื่อมต่อจตุจักร-บางซื่อเพียง 10 นาที* ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท* คลิก ➤ https://goo.gl/cyhKfH      
วิธีปูกระเบื้องห้องน้ำแบบง่าย เปิดใช้งานเร็ว โดยไม่ต้องง้อช่าง

วิธีปูกระเบื้องห้องน้ำแบบง่าย เปิดใช้งานเร็ว โดยไม่ต้องง้อช่าง

วันนี้ Review Your Living มีวิธีปูกระเบื้องห้องน้ำแบบง่ายๆ มาช่วยทุ่นแรงคุณพ่อบ้านแม่บ้านที่กำลังปวดหัวอยู่ว่าจะซ่อมแซมห้องน้ำด้วยวิธีใดให้เปิดใช้งานได้ภายใน 24 ชั่วโมง แล้วขั้นตอนจะเป็นแบบไหนไปชมกันค่ะ  ใครที่คิดจะทำห้องน้ำใหม่หรือซ่อมแซมห้องน้ำนั้น อย่าลืมว่าการเริ่มต้นที่ดีและถูกต้องโดยทำไปทีละขั้นตอนอย่างเป็นสเต็ป นอกจากช่วยลดปัญหาจุกจิกจิกที่อาจจะตามมาภายหลัง ยังได้ห้องน้ำสวยตรงใจ ที่สำคัญการเลือกวัสดุที่จะใช้ในการทำห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้อง  สุขภัณฑ์ หรือ ก๊อกน้ำ จำเป็นที่จะต้องพิจารณาเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อถือของสินค้าด้วย เพราะบางครั้งห้องน้ำออกแบบมาสวยงาม แต่เลือกสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพก็จะมีผลด้วย เช่น ถ้ากระเบื้องไม่ได้ฉากหรือมุมเมื่อปูออกมาแล้วร่องยาแนวอาจจะเบี้ยวได้ นอกจากนี้การเลือกกาวปูกระเบื้องและกาวยาแนวก็เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่หลายๆ คนอาจจะมองข้ามไป ปัจจุบันมีกาวปูกระเบื้องและกาวยาแนวสำหรับห้องน้ำโดยเฉพาะ ที่มีคุณสมบัติพิเศษพัฒนามาเพื่อใช้กับห้องน้ำเช่นเดียวกับในคลิปที่เรานำมาฝาก ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย..
SHAA ASOKE คอนโดลักซ์ชัวรี่ที่..เหนือกว่าใครในทุกด้าน : รีวิวคอนโด

SHAA ASOKE คอนโดลักซ์ชัวรี่ที่..เหนือกว่าใครในทุกด้าน : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟฟ้า BTS ไปชมห้องตัวอย่างโครงการลักชัวรี่คอนโดมิเนียมที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อไม่นานมานี้ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) ของ KPN LAND หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ที่ให้ความสำคัญเรื่องการเลือก Location ที่จะต้องเป็น Prime of Prime เน้นให้ลูกบ้านเดินทางง่ายอยู่ใกล้ห้าง, โรงเรียน, โรงพยาบาล, สวนสาธารณะ ที่สำคัญคือความคุ้มค่าของที่ดินแปลงนั้นต้องสามารถมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต โดยครั้งนี้ทางโครงการเลือกปักหมุดในย่าน "อโศก" สุดยอดโลเคชั่นในความเป็นศูนย์รวมหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น Interchange ของการเดินทางรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพคือสายสีเขียว BTS สถานีอโศก และสีน้ำเงิน MRT สถานีสุขุมวิท เต็มไปด้วยสำนักงาน โรงแรม และแหล่งบันเทิงไลฟ์สไตล์ที่ใครๆ ต่างหมายปองอยากอาศัยอยู่ในย่านนี้   ทำเลศักยภาพ ใจกลางเมืองอโศก   เราต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าที่ดินใน "ย่านอโศก" ที่สามารถพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมได้นั้นเหลือน้อยเต็มที และมีราคาสูง แต่ทาง KPN LAND ก็สามารถคว้ามาครอบครองไว้ได้ โดยตัวโครงการ ฌาา อโศก ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ในซอยสุขุมวิท 19 ใกล้ BTS อโศก, MRT สุขุมวิท, โรบินสัน และ Terminal 21 จุดเด่นอยู่ที่การเลือกโลเคชั่นที่ไม่พลุกพล่านมาก เพราะอยู่ในซอยย่อย ไม่วุ่นวายเหมือนทำเลติดถนนอโศก เหมาะเป็นย่านที่อยู่อาศัยเพราะในซอยแวดล้อมไปด้วยร้านอาหารบรรยากาศดี, เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์, โรงแรมต่างๆ, สปา, ร้านทำผม, เซเว่น-อีเลเว่น และปิดท้ายซอยด้วยโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ใครที่ใช้รถส่วนตัวก็นับว่าสะดวกสบาย เนื่องจากซอยสุขุมวิท 19 เชื่อมต่อกับซอยสุขุมวิท 15 ถนนสุขุมวิท และถนนอโศกมนตรี ทำให้ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนที่ถนนเส้นหลักได้ดี นอกจากนี้ยังมีเส้นทางลัดเลาะไปยังย่านอื่นๆ ได้ทั้ง นานา, พร้อมพงษ์ และทองหล่อ โดยสามารถเชื่อมต่อทั้งซอยสุขุมวิท 19, ซอยสุขุมวิท 15 และซอยสุขุมวิท 23 หรือถ้าใครอยากใช้ทางด่วน ตัวโครงการก็อยู่ห่างจากจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช และทางด่วนเฉลิมมหานครในรัศมีไม่ถึง 3 กิโลเมตร ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากทีเดียว     ในส่วนของการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกมากที่สุดแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าในย่านอโศก ใกล้ทั้งแหล่งงาน, โรงแรม, สถานศึกษา, สถานพยาบาล, สวนสาธารณะ รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ อย่าง Terminal 21 ห้างสรรพสินค้าระดับโลกที่เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้แวะเวียนหลั่งไหลไม่ขาดสาย ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพที่ Interchange กันระหว่าง BTS สายสีเขียว (สถานีอโศก) และ MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีสุขุมวิท) ในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ ไม่เกิน 5 นาที ซึ่งถ้าใครเป็นสายช็อปปิ้งก็คงถูกใจเพราะพิกัดจากโครงการสามารถเดินไปขึ้น Sky Walk เพื่อไป Terminal 21, Robinson หรือ Korean  Town ที่ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 10 และ 12 หรือจะนั่งรถไฟฟ้า BTS ถัดไปอีก 1 ป้ายก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ สวรรค์ของนักช้อปเพราะมีศูนย์การค้าระดับโลก The EM District ใจกลางสุขุมวิทอย่าง Emporium, Emquartier รวมทั้งห้าง Emsphere ที่กำลังจะเริ่มก่อสร้างอีกไม่นานต่อจากนี้ ใครที่รักการสังสรรค์ก็คงจะแฮปปี้เพราะนั่งรถไฟฟ้า BTS จากสถานีอโศกไปทองหล่อแค่เพียง 2 สถานี ก็จะถึงแหล่งแฮงก์เอ้าท์ยอดนิยมของคนรุ่นใหม่แล้วค่ะ แถมถ้าใครที่เป็นสายเดินทางก็ยิ่งถูกใจเพราะสามารถเชื่อมต่อไป Airport Link ได้จากรถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิทไปสถานีเพชรบุรีแค่เพียงสถานีเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ไม่ไกลจากโครงการมีบริการเรือด่วนคลองแสนแสบวิ่งระหว่างสะพานผ่านฟ้าถึงวัดศรีบุญเรือง โดยท่าเรือที่ใกล้โครงการคือท่าเรืออโศก ใครที่เบื่อการจราจรบนถนน จะไปใช้บริการทางเรือก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย   แต่ก่อนจะไปชมห้องตัวอย่างแบบเต็มๆ เราขอชวนไปชมสำนักงานขายดีไซน์โดดเด่นของโครงการ ฌาา อโศก กันก่อน โดยสำนักงานขายจะตั้งอยู่คนละที่กับตัวโครงการนะคะ ซึ่งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 (BTS สถานีพร้อมพงษ์) ตรงข้ามร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดัง Philippe Restaurant เลยค่ะ โดยจากถนนใหญ่สุขุมวิท เราตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 39 ประมาณ 300 เมตรก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมสำนักงานขายโครงการได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น.   การเดินทางไปสำนักงานงานขาย SHAA   1. เริ่มต้นการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ค่ะ ซึ่งทางไปสำนักงานขาย จะอยู่ที่ทางออก 3 นะคะ 2. เมื่อเดินบันไดลงมาก็หมุนตัวกลับเพื่อเดินย้อนไปปากซอยสุขุมวิท 39 ค่ะ 3. เดินตรงเข้าซอยสุขุมวิท 39 มาเรื่อยๆ จะผ่านโครงการ The Diplomat 39 ของ KPN LAND ด้วยค่ะ 4. จากถนนใหญ่สุขุมวิทตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 39 ประมาณ 300 เมตรก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ โดยสำนักงานขายดีไซน์หรูหราแต่ยังมีความทันสมัยในสไตล์โมเดิร์นตามคอนเซ็ปต์ของโครงการคือ Modern Craftsmanship ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย พร้อมที่นั่งรับรองลูกค้าหลากหลายมุม นอกจากนี้ยังมีส่วน Presentation โครงการ และห้องตัวอย่างให้เข้าชม 1 ห้องค่ะ   ยกระดับการอยู่อาศัยของคนเมือง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เพียบพร้อม   โครงการ ฌาา อโศก เป็นโครงการลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียม High Rise 1 อาคาร ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ตัวอาคารสูง 24 ชั้น บนพื้นที่ 1-0-8 ไร่ ทั้งหมด 143 ยูนิต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ในสไตล์ Modern Craftsmanship โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยดีไซน์ Facade เป็นปริซึมกระจกที่เวลาแสงตกกระทบจะเกิดแสงสะท้อนวิบวับ ดูน่าค้นหา โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังคัดสรรแต่วัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาใช้ในโครงการ โดยเลือกใช้อุปกรณ์ห้องน้ำ AXOR แบรนด์ดังจากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผลงานการแบบของ Antonio Citterio ดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “Gentlemen Of Design” ด้วยการนำทองเหลืองมาใช้เป็นวัสดุหลักให้มีความคงทนสามารถใช้งานได้นาน ออกแบบเป็นเอกลักษณ์เน้นเรื่องรูปทรง มุมขอบ ความโค้งมน หลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ชิ้นงานมีความสวยงามโดดเด่น และยังคงความสวยงาม เหนือกาลเวลา โดยความพิเศษคือ สเป็คของ AXOR ที่ใช้ในห้องน้ำทุกยูนิตนั้นจะเป็นสีพิเศษ Red Gold ซึ่งเป็นสีที่คุณสมบัติทำให้กลมกลืนกับแสง สี ของสภาพแวดล้อม โดยยังคงความเป็นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์เอง ทำให้ได้บรรยากาศในห้องน้ำที่หรูหราไม่เหมือนใครไม่ว่าจะเป็นก๊อกน้ำ, ราวแขวนผ้าเช็ดตัว, ชุดฝักบัว และที่แขวนทิชชู่ ผ่านงานฝีมือแบบชิ้นต่อชิ้น  ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการของการใช้ชีวิตในเมืองเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีให้เลือกสรรมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำแบบในร่ม ในขณะที่ห้องฟิตเนสก็มาพร้อมเครื่องออกกำลังกายแบบจัดเต็ม อีกทั้งยังมีล็อบบี้ดีไซน์หรูหรา สไตล์ Modern Craftsmanship, Mailbox, ห้องอเนกประสงค์ต่างๆ รวมไปจนถึงสวนพักผ่อนที่ทุกส่วนสามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้ยังมาพร้อม Bicycle Garage และที่จอดรถถึง 100 คัน, EV Charger กล้องวงจรปิดแบบ CCTV, ระบบเข้าออกอัตโนมัติแบบ Access Control และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ภาพบรรยากาศจำลองด้านหน้าโครงการ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) ที่ถูกออกแบบโดยใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก เวลาแสงตกกระทบจะเกิดแสงสะท้อนวิบวับ ดูน่าค้นหา โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครในย่านนี้ ภาพบรรยากาศจำลองสระว่ายน้ำในร่มบนชั้น 2 ของอาคาร ผนังวิวรอบด้านเป็นกระจกปริซึม มองออกไปด้านนอกชมวิวเมืองด้วยทัศนียภาพที่ต่างออกไป ภาพบรรยากาศจำลองห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยเครื่องออกกำลังกายแบบครบครัน ภาพบรรยากาศจำลองอาคารด้านนอกของโครงการ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) จากภาพจะเห็นว่าแต่ละยูนิตที่พักอาศัยของโครงการจะมีระเบียงพร้อมราวกันตก ซึ่งใช้วัสดุเป็นกระจกเทมเปอร์ทำให้กลมกลืนกับดีไซน์ของอาคารและสามารถมองวิวได้อย่างกว้างไกล   พื้นที่ใช้ชีวิต..คุ้มค่าทุกตารางเมตร   นอกจากภายนอกอาคารที่โดดเด่นและแฝงงานดีไซน์เอาไว้ในทุกส่วนแล้ว ภายในห้องชุดประเภทต่างๆ ของโครงการ ฌาา อโศก มีห้องพักอาศัยให้เลือกตั้งแต่ 1 Bedroom, 2 Bedrooms และแบบ Duplex ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 34.25 ไปจนถึง 113.25 ตารางเมตร โดยทางโครงการคัดเลือกแต่วัสดุคุณภาพมาใช้ในทุกๆ ยูนิต รวมไปถึงการคำนึงถึงรูปแบบ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ตัวโครงการยังเปิดขายแบบ Fully Fitted ประกอบด้วยชุดสุขภัณฑ์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี AXOR ภายใต้แบรนด์ HANSGROHE ที่ผ่านความใส่ใจในรายละเอียดสุดปราณีตเป็นงานฝีมือแบบชิ้นต่อชิ้น โดยแบบ 1 ห้องนอนจะมีมูลค่ากว่า 4 แสนบาท และ 2 ห้องนอนมูลค่ากว่า 7 แสนบาท เนื่องจาก AXOR เลือกนำทองเหลืองมาใช้เป็นวัสดุหลักมีความคงทนสามารถใช้งานได้นาน ไม่เพียงเท่านี้ยังติดตั้ง Digital Door lock มาให้เรียบร้อยแล้ว โดยใช้แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกุญแจทั่วไป แต่มีความพิเศษกว่าใครคือผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้สามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยมือสัมผัสผ่านการเปิดบลูทูธบนมือถือ และยังสามารถส่งเป็น e-key ไปยังญาติหรือเพื่อนอีกได้ด้วยโดยที่เจ้าของบ้านอยู่ที่ไหนผู้มาเยือนก็สามารถเข้าห้องได้ แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินโทรศัพท์หายหรือแบตหมดก็ยังสามารถใช้กุญแจปกติแบบทั่วไปไขได้   ไม่รอช้า..เรามาเปิดประตูห้องตัวอย่างกันดีกว่า สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมคือแบบ 2 Bedroom ขนาด 69.50 ตารางเมตร ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่นจริงๆ ค่ะ พื้นจะเป็น Wood Polymer Composite ที่ทนทานต่อความชื้นและไม่บวมน้ำ ส่วนห้องครัวก็มาในลุคดูหรูหรา โดยทางโครงการทำ Built in ชุดครัวมาให้สูงจรดเพดาน ชุดครัวจะเป็นแบรนด์นำเข้าแบรนด์ Kuppersbusch มาพร้อมเตาไฟฟ้า 4 หัว (ถ้าเป็นแบบ 1 ห้องนอนจะได้ 2 หัวค่ะ), เครื่องดูดควัน, เตาอบ และตู้เย็น แถมยังออกแบบช่องเก็บของมาให้แบบจุใจพร้อมหน้าบานทุกตัวติด Soft closed มาให้เรียบร้อยแล้ว ทำให้แขกไปใครมาก็เห็นว่าครัวเป็นนระเบียบอยู่นั่นเองค่ะ ในส่วนของห้องน้ำ, ห้อง Master Bedroom และห้องนอนที่ 2 ห้องนั่งเล่นก็ยังจัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย และด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ต้องการให้ลูกบ้านทุกยูนิตได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ทางโครงการจึงเพิ่ม Home Application ให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ ในอนาคตสามารถเพิ่มฟั่งชั่นอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็น CCTV การควบคุมผ่าน Smart Phone ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณ   หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วนะคะ โดยใช้แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่ผสานกับเทคโนโลยีมือถือ ใช้เปิดเข้าห้องแทนคีย์การ์ดหรือส่งคำอนุญาตให้เพื่อนเข้าห้องได้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายที่สุด เรามาเริ่มจากห้องนอน Master Bedroom กันก่อนนะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน และเมื่อเปิดประตูบานเลื่อนไปยังระเบียงทางโครงการก็ติดไฟเพดานพร้อมทำท่อระบายน้ำมาให้เรียบร้อย ขนาดระเบียงกว้างกำลังดีเลยค่ะ จากภาพจะเห็นว่าเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ข้างเตียงติดกับห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ใช้วัสดุและอุปกรณ์ห้องน้ำจาก AXOR ภายใต้แบรนด์ HANSGROHE แบรนด์สุขภัณฑ์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี จุดเด่นคือสีของอุปกรณ์ AXOR จะเป็นสี Red Gold ที่มีคุณสมบัติพิเศษทำให้กลมกลืนกับแสง สี ของสภาพแวดล้อม โดยยังคงความเป็นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์เองทำให้ได้บรรยากาศในห้องน้ำจะต่างออกไป ไม่ว่าจะก๊อกน้ำ, ฝักบัว หรือที่แขวนทิชชู่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ลูกบ้าน ต้องใช้งานทุกวัน ทางโครงการเลยให้ความสำคัญและตั้งใจออกแบบอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษมีอ่างอาบน้ำ และห้องอาบน้ำในตัว ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นห้องเข้ามุมมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์แบบบานเปิด ยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งสเต็ปเพื่อกั้นระหว่างพื้นส่วนเปียกส่วนแห้ง มือจับประตูเป็นอลูมิเนียมรูปตัว U ใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ จากภาพจะเห็นว่าบานพับและมือจับประตูใช้สี Red Gold เข้าชุดกับสุขภัณฑ์เลยนะคะ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีขนาดกำลังดี ผนังเหนือเคาน์เตอร์ติดเต้าเสียบปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำมาให้สำหรับเสียบไดร์เป่าผมเรียบร้อยแล้ว ท็อปเคาน์เตอร์ปูหินอ่อนสีดำขีดขาวให้ความรู้สึกหรูหรา มาพร้อมก็อกน้ำจาก AXOR สีพิเศษคือสี Red Gold ที่เพิ่มความพรีเมี่ยมและชวนสัมผัสได้เป็นอย่างดี ภายในพื้นที่ส่วนเปียก ทางโครงการสั่งหล่ออ่างอาบน้ำรูปทรงโค้งมนสีขาวสบายตาขึ้นมาใหม่ จากภาพจะเห็นได้ชัดเลยว่าอ่างอาบน้ำมีขนาดบางกว่าอ่างปกติทั่วไป นอกจากนี้ส่วนผนังเหนืออ่างจะแต่งด้วยหินอ่อนสีดำขีดขาวเพื่อเสริมความหรูหรา อีกทั้งยังมีฝักบัวแบรนด์ AXOR สี Red Gold พร้อมก๊อกน้ำติดตั้งมาให้เรียบร้อย สำหรับโถสุขภัณฑ์จะเป็นแบบ Wall Hung ที่วางระบบฝังผนังดูสวยงามและเรียบร้อย แถมยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย  ซึ่งทางโครงการก็ให้ที่แขวนทิชชู่ของ AXOR สี Red Gold เพื่อให้เข้าชุดกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นภายในห้อง ซึ่งบอกได้เลยค่ะว่านอกจากจะดูแพง หรูหราสมราคาแล้ว ยังดูลงตัวในทุกๆ ส่วนเป็นอย่างดี เรามาดูต่อกันที่ห้องนอนที่ 2 กันก่อนเลย ภายในห้องนอนมีระเบียงในตัวแถมยังเชื่อมต่อกับระเบียงมุมนั่งเล่น พื้นที่มีขนาดกว้างพอจัดวางเตียงเดี่ยวขนาด 4 ฟุตพร้อมโต๊ะและตู้เสื้อผ้าได้แบบพอดี แต่ทางโครงการตกแต่งห้องตัวอย่างออกมาให้เป็นห้องพักผ่อนพร้อมโซฟาแบบ Daybed มาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งก็ดูเหมือนห้องอเนกประสงค์ค่ะ บางคนอาจใช้เป็นห้องเก็บเสื้อผ้าแบบ Walk in closet หรือจะทำเป็นห้องทำงานก็ยังได้ จากห้องนอนที่ 2 ไปดูในส่วนของ Living Room กันค่ะ พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนของ Living area นะคะ พื้นที่ส่วนนั่งเล่นมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ด้วยนะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้อย่างพอดิบพอดี มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารไปยังส่วนนั่งเล่น ทางโครงการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้เป็นตัวอย่าง ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สำหรับมุมนี้จะถูกโอบล้อมด้วยประตูกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ นอกจากสามารถวางโซฟาตัวยาวได้แล้ว ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับโต๊ะข้างได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด Home Application ที่ทางโครงการติดตั้งให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ รวมถึงผ้าม่านในอนาคต ผ่าน Smart Phone ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ มาถึงส่วนครัว ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวไอ (I) มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, เตาอบ, อ่างล้างจาน 1 หลุม และตู้เย็นแบบบิลต์อิน นอกจากนี้ยังออกแบบหน้าบานเปิดปิดมาให้เรียบร้อย อีกทั้งยังเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ ชุดครัวจะเป็นแบรนด์ Kuppersbusch นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดเลยนะคะ สำหรับก็อกน้ำของอ่างล้างมือจะเป็นแบบ Shower คือเป็นสายฉีดที่สามารถยกออกมาได้ แถมยังเพิ่มความพรีเมียมโดยการพิมพ์ชื่อโครงการ SHAA ไว้ด้วย สำหรับตู้เย็นจะเป็นแบรนด์ของ Teka นะคะ ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกมาให้ ระยะใช้งานกำลังสบายๆ สำหรับส่วนอาบน้ำจะมีฉากกั้นห้องมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์แบบบานเปิด วางบนธรณีที่ยกสูงหนึ่งสเต็ปเพื่อกั้นระหว่างพื้นส่วนเปียกส่วนแห้ง อุปกรณ์ภายในห้องน้ำจะเป็นของ AXOR  เหมือนในห้องน้ำห้อง Master Bedroom ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะ   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ใกล้จุด Interchange ของการเดินทางรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพคือสายสีเขียว BTS สถานีอโศก และสีน้ำเงิน MRT สถานีสุขุมวิท แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแบบนี้ ฌาา อโศก จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานจะเป็นผนังฉาบเรียบสีขาว และมีเคาน์เตอร์ครัวบิลต์อินพร้อมชุดครัวแบรนด์ Kuppersbusch มาพร้อมเตาไฟฟ้า,เครื่องดูดควัน, เตาอบ, ตู้เย็น, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ AXOR แบรนด์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี ที่มาในโทนสี Red Gold ดูหรูหรา สง่างาม และพรีเมี่ยมมากจริงๆ ค่ะ   นอกจากนี้ทางโครงการ ฌาา อโศก ยังมอบ Digital Door Lock แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่ผสานกับเทคโนโลยีมือถือ ใช้เปิดเข้าห้องแทนคีย์การ์ดหรือส่ง E-Key ให้เพื่อนเข้าห้องได้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายที่สุดมาให้กับลูกบ้านทุกยูนิตด้วย ซึ่งทาง KPN LAND ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 10 ล้านบาท* ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะ Installment Term เริ่มต้นเพียง 30,000 บาท/เดือน นอกจากนี้แนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีมากในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มค่า
RISE Phahon-Inthamara – ไรส์ พหล – อินทามระ : รีวิวคอนโด

RISE Phahon-Inthamara – ไรส์ พหล – อินทามระ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ :  RISE Phahon - Inthamara (ไรส์ พหล - อินทามระ ) เจ้าของโครงการ : บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ซอยอินทามระ 4 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร พื้นที่โครงการ : 1 - 2 - 7 - 8.2 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 40 ชั้น จำนวนยูนิต : 384 ยูนิต ที่จอดรถ : Auto Parking 60% หรือ 230 คัน     ขนาดห้อง : - 1 ห้องนอน ขนาด 25 - 37.5 ตร.ม. - 2 ห้องนอน ขนาด 42 - 53 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - สวนสาธารณะ - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 2,890,000 บาท ปีที่สร้างเสร็จ : ธันวาคม 2564 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม High Rise ด้วยคอนเซป Iconic Blade Skyscrapers บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า BTS สะพานควาย และอารีย์ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีสะพานควาย, BTS  อารีย์ สถานที่ใกล้เคียง : บิ๊กซี สะพานควาย, La Villa อารีย์, ตลาดมิ่งขวัญ, ตลาดสดศรีสวัสดิ์, ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่, สน.บางซื่อ, รพ.เปาโลเมโมเรียล
Supalai Loft Prajadhipok-Wongwian Yai – ศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก-วงเวียนใหญ่ : รีวิวคอนโด

Supalai Loft Prajadhipok-Wongwian Yai – ศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก-วงเวียนใหญ่ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : Supalai Loft Prajadhipok-Wongwian Yai (ศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก-วงเวียนใหญ่ ) เจ้าของโครงการ : บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ติดถนนประชาธิปก ฝั่งขาออก แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม. พื้นที่โครงการ : 2 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 30 ชั้น จำนวนยูนิต : 363 ยูนิต     ขนาดห้อง : - Studio - 4 ห้องนอน ขนาด 29 -165 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 2,900,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 58,100 - 64,000 บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : พร้อมเข้าอยู่ จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม High Rise แนวคิด "พบมุมมองใหม่ บนทำเลที่คุ้นเคย " เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้สัมผัสวิวเมือง 360 องศา เดินทางสะดวกสบายเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยรถไฟฟ้าสาย เขียว สีม่วงและสายสีทอง ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS  สายสีเขียว สถานีวงเวียนใหญ่ , MRT สายสีม่วง สถานีสะพานพุทธ , สายสีทอง สถานีประชาธิปก สถานที่ใกล้เคียง : ICON SIAM , วงเวียนใหญ่ , เยาวราช , รร.ราชินี , มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี  
Nirvana DEFINE Srinakarin-Rama9 ทาวน์โฮมที่เป็นได้มากกว่าบ้านเดี่ยว : รีวิวทาวน์โฮม

Nirvana DEFINE Srinakarin-Rama9 ทาวน์โฮมที่เป็นได้มากกว่าบ้านเดี่ยว : รีวิวทาวน์โฮม

ทาวน์โฮมดีไซน์สไตล์โมเดิร์นโดดเด่น ทำเลดีเดินทางง่าย สิ่งเหล่านี้เราจะไม่นึกถึงเนอวานาคงไม่ได้ค่ะ รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปชมโครงการเนอวานา ดีฟายน์ ศรีนครินทร์-พระราม 9 ทาวน์โฮมสวยๆ ที่อยากจะให้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง บนทำเลที่น่าสนใจบนถนนตัดใหม่ล่าสุดในกรุงเทพฯ อย่างถนนศรีนครินทร์ - ร่มเกล้า ซึ่งในอนาคตหลายคนคาดการณ์กันว่าถนนเส้นนี้จะพัฒนากลายเป็นศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งหนึ่งตามแบบถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา       ทำเล ถนนศรีนครินทร์ - ร่มเกล้า เป็นถนนตัดใหม่ที่เพิ่งเปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดก็ตาม แต่ก็คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปีนี้ เพราะเหลือเพียงช่วงที่เป็นทางยกระดับข้ามถนนกาญจนาภิเษกที่ยังเร่งก่อสร้างกันอยู่ โดยถนนศรีนครินทร์ - ร่มเกล้าเป็นถนนที่มีความยาวทั้งหมด 12 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างถนนศรีนครินทร์บริเวณแยกกรุงเทพกรีฑา - หัวหมาก ตรงข้ามถนนกาญจนาภิเษกแล้วไปสิ้นสุดที่ถนนเจ้าคุณทหาร ซึ่งถนนสายนี้เกิดขึ้นมาด้วยความคาดหวังในการลดความหนาแน่นของการจราจรในย่านนี้ลงได้ด้วยความกว้างของถนนถึง 8-10 เลน และยังเป็นที่คาดการณ์กันด้วยว่าในอนาคตถนนเส้นนี้จะพัฒนาเทียบเท่าถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราในปัจจุบัน   ย่านนี้ใกล้กับทางด่วนสายสำคัญหลายสายทำให้เชื่อมต่อการเดินทางไปได้ทั่วกรุงเทพฯ และยังออกต่างจังหวัดได้อย่างง่ายดาย โดยหากเข้าเมืองไปโซนพระราม 9 ก็สามารถเดินทางได้ง่ายที่สุดด้วยถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกแล้วกลับรถลงมอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้าก็สามารถขึ้นทางด่วนศรีรัชได้เลย ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้นก็จะถึง New CBD อย่างพระราม 9 อีกทั้งยังใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถึงสนามบินสุวรรณภูมิ      ช่วงแยกกรุงเทพกรีฑา - หัวหมาก ในอนาคตกำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีกรีฑา ผ่านตรงบริเวณสี่แยกพอดี ซึ่งสายสีเหลืองนี้มีความสำคัญต่อโซนกรุงเทพฯ ตะวันออกอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ เพราะจากต้นสายที่เป็น Interchange กับ MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลาดพร้าว ตรงยาวบนถนนลาดพร้าว ผ่านเดอะมอลล์บางกะปิ เลี้ยวขวาเข้าสี่แยกลำสาลี ซึ่งในอนาคตก็จะเป็นจุด Interchange กับสายสีส้ม สถานีลำสาลี แล้วตรงเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ ผ่านอีกจุด Interchange กับแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีหัวหมาก จากนั้นเลี้ยวขวาที่แยกศรีเทพา ปลายสายเป็น Interchange กับ BTS สายสีเขียว สถานีสำโรงในปัจจุบัน โดยปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเหลืองนี้ได้เริ่มการก่อสร้างได้ระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการปี 2563            นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ไม่ไกล โดยส่วนใหญ่จะอยู่แนวถนนศรีนครินทร์ และถนนรามคำแหง เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก, ราชมังคลากีฬาสถาน, โรงพยาบาลรามคำแหง, เดอะพาสิโอ้ทาวน์ รามคำแหง, ซีคอนสแควร์, ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์, พาราไดซ์พาร์ค หรือจะใช้ถนนกาญจนาภิเษกตรงสู่เมกาบางนาก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที       ภาพรวมโครงการ Nirvana DEFINE Srinakarin-Rama9 เป็นโครงการทาวน์โฮมที่มีแบบให้เลือกทั้งหมด 4 Type พื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 190-350 ตารางเมตร หน้ากว้าง 6.5 เมตร เท่ากันทุกยูนิต มี Facility จัดโซนไว้ให้ทั้งสนามเด็กเล่นสำหรับเด็ก โซนบาร์บีคิว คลับเฮ้าส์สำหรับพักผ่อน ครบครันด้วยสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศความร่มรื่นจากสวนสีเขียวกลางโครงการ โดยทั้งโครงการจะแบ่งออกเป็น 3 เฟสด้วยกัน แต่ความร้อนแรงของโครงการนี้ ทำให้ Sold Out ตั้งแต่วันเปิด Exclusive Sales ในส่วนของเฟสแรก สิ่งนี้เป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพของเนอวานาที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี   ดีไซน์สไตล์โมเดิร์นอันเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างด้วยฟังก์ชั่น Double volume space เชื่อมพื้นที่ให้ความโปร่งสบาย จัดโซน Common Area อย่างเป็นสัดส่วน ห้องนอนกว้างขวางมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง เพิ่มช่องเปิดรับแสงแดดและลมธรรมชาติให้มากกว่าทาวน์โฮมทั่วไป เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่ภายนอกดีไซน์สวยงาม แต่ยังตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยจริงได้ดีที่สุดตามแบบฉบับเนอวานา             Unit Plan Type A พื้นที่ใช้สอย 350 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 31.3 – 63 ตารางวา 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน Type B  พื้นที่ใช้สอย 258 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 30-34 ตารางวา 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน Type C  พื้นที่ใช้สอย 230 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 21.1-43.7 ตารางวา 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ Type D   พื้นที่ใช้สอย 190 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 20.8-23.7 ตารางวา 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ   เดินชมโครงการ เนอวานา ดีฟายน์ ศรีนครินทร์-พระราม 9 โครงการตั้งอยู่ริมถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ทั้ง Main Gate และดีไซน์ของตัวโครงการเองแล้วทำให้สังเกตได้ง่ายมากค่ะ  ถนนหลักภายในโครงการกว้าง 12 เมตร ส่วนถนนรองกว้าง 9 เมตรค่ะ เมื่อผ่าน Main Gate มาแล้วก็จะพบกับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ โดยจะเป็นมีลานกว้างๆ สำหรับเป็นลานอเนกประสงค์ มุมสนามเด็กเล่นจะปูด้วยหญ้าเทียมค่ะ มุมสำหรับสังสรรค์จัดปาร์ตี้บาร์บีคิว แม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางแต่ก็มีต้นไม้สูงล้อมรอบให้ความเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ มีเตาปิ้งย่างพร้อมซิงค์ล้างจานมาให้เรียบร้อย ถัดมาเป็นพื้นที่คลับเฮ้าส์ทั้งหมดค่ะ มีสระว่ายน้ำระบบเกลืออยู่ตรงกลาง ชั้นล่างจะมีห้องที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนอยู่ค่ะ มีมุมสำหรับล้างตัวและห้องน้ำส่วนกลาง ด้านในห้องกระจกชั้นล่าง ปัจจุบันนี้คือ Sale Gallery ค่ะ แต่ในอนาคตจะทำเป็นคลับเฮ้าส์สำหรับนั่งพักผ่อน ขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันบ้างค่ะ ชั้น 2 เป็นห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ค่ะ เป็นห้องที่ล้อมรอบด้วยกระจก High Ceiling ทั้ง 2 ด้าน ซึ่งมาถึงตรงนี้เราเดินชมส่วนกลางของโครงการกันแล้วก็ถึงเวลาไปชมบ้านตัวอย่างกันค่ะ   เปิดทาวน์โฮมตัวอย่าง หน้าตาของทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์นแบบเนอวานาค่ะ ซึ่งทางโครงการมีตัวอย่างให้ดู 2 หลัง Type C กับ Type D และจะสังเกตได้ว่าหลังคาแต่ละหลังจะไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นจะไม่สามารถเดินใต้ฝ้าได้ค่ะ ทาวน์โฮมตัวอย่างหลังแรก Type D เริ่มตั้งแต่รั้วกันก่อนเลยค่ะ เป็นเหล็กโปร่งสีดำแบบพับฝั่งละ 3 ตอน สูง 1.5 เมตร หน้าทาวน์โฮมแต่ละหลังจะติดตั้ง Mail Box หน้าตาแบบนี้เอาไว้ให้ค่ะ และด้านล่างมีช่องประตูเล็กๆ ซึ่งเป็นช่องสำหรับเก็บขยะจากด้านนอกได้เลย ทุกหลังจะได้หน้ากว้าง 6.5 เมตรเท่ากัน สามารถจอดรถได้ 2-3 คัน หลังรั้วหน้าบ้านจะเห็นว่ามีถังขยะพร้อมฝาปิดด้านบนให้เรียบร้อย เชื่อมต่อกับประตูสำหรับเก็บขยะด้านหน้า พร้อมก๊อกน้ำและปลั๊กไฟสำหรับเป็นพื้นที่ซักล้าง ถัดเข้ามาเราจะพบประตูบานสวิงสีขาวอยู่บริเวณพื้นที่จอดรถค่ะ ส่วนเพดานบริเวณจอดรถมีการติดตั้งไฟแบบ Downlight เอาไว้ให้ด้วย หน้าบ้านมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ซึ่งกระจกทุกบานของโครงการนี้จะใช้กระจก LOW - E ที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน ช่วยให้บ้านของเราไม่ร้อนจนเกินไป โดยเวลาเปิดเครื่องปรับอากาศจะช่วยให้เย็นเร็วกว่าปกติ ประหยัดพลังงานได้อีกทางค่ะ ประตูหน้าบ้านใช้เป็นประตูไม้สักสวิงค่ะ ดีกว่าทาวน์โฮมทั่วไปที่ใช้ประตูกระจกบานเลื่อนธรรมดา เพราะจะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า มีความทนทาน และดูแน่นหนาได้ความปลอดภัยมากกว่าค่ะ เปิดประตูเข้าไปดูในบ้านกันค่ะ พื้นที่แรกจะเป็นพื้นที่สำหรับห้องรับแขก ลึกเข้าไปเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหาร และห้องครัวแยกเป็นสัดส่วนทางขวามือค่ะ พื้นชั้นแรกนี้จะปูด้วยแกรนิตโต้ ใช้ไฟแบบ Downlight โดยโครงการนี้เราจะได้บ้านเปล่านะคะ ซึ่งทางโครงการจะมีการติด wallpaper มีเครื่องปรับอากาศสำหรับห้อง Master Bedroom  ติดตั้งสัญญาณกันขโมยแบบอินฟาเรด ที่สำคัญติดตั้ง Wifi ให้สำหรับทุกหลังได้ใช้กันฟรีๆ เลยค่ะ ลึกเข้าไปจะมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหารได้ 4-6 ที่นั่ง แล้วแต่เราจะจัดการพื้นที่ได้เลยค่ะ เพราะด้วยพื้นที่ใช้สอยแล้วถือว่าได้มาเยอะกว่าทาวน์โฮมทั่วไป หลังบ้านกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขอบอลูมิเนียมสีดำค่ะ ทั้งประตูกระจกและหน้าต่างทุกบานจะติดตั้งระบบล็อค TosTem คุณภาพสูงจากญี่ปุ่น   ตรงลานซักล้างมีกระจกบานเลื่อนตรงส่วนครัวสำหรับระบายอากาศด้วยค่ะ กลับเข้ามาดูในบ้านกันต่อค่ะ ถัดจากพื้นที่วางเคาน์เตอร์ทีวีแล้วก็จะเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนค่ะ ภายในห้องครัวจะมีพื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ครัว L Shape ได้ค่ะ มีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศและความชื้นไปทางหลังบ้าน โดยทั่วไปแล้วทาวน์โฮมจะได้มาเป็นครัวเปิดที่มีพื้นที่เดียวกันกับห้องนั่งเล่น ซึ่งหากบ้านไหนชอบทำครัวก็คงไม่เหมาะใช่ไหมคะ แต่สำหรับเนอวานา ดีฟายน์ ให้ห้องครัวปิดที่มีพื้นที่กว้างพอสมควรมาด้วยเลยค่ะ ภายในห้องครัวมีห้องน้ำมาให้ด้วยนะคะ ห้องน้ำทั้งพื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนลายเดียวกันทั้งหมดค่ะ ห้องน้ำชั้นล่างแบบนี้จะไม่มีส่วนเปียกค่ะ เพราะเน้นสำหรับรับแขกเท่านั้น ส่วนสุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้แบรนด์ American Standard อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังมีตู้สำหรับเก็บของไว้ด้านล่างด้วยค่ะ ได้กระจกเงาบานใหญ่แบบนี้มาด้วยค่ะ สำรวจชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นไปชั้น 2 กันต่อเลยค่ะ โครงสร้างของบันไดใช้แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้เวลาเดินไม่เกิดเสียงดังแบบโครงสร้างที่ใช้เหล็กเพียงอย่างเดียวค่ะ โดยขั้นบันไดใช้ไม้เอ็นจิเนียร์ ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะปูพื้นด้วยลามิเนตหนา 8 มม. ซึ่งชั้นนี้จะมีห้องนอนเพียงห้องเดียวค่ะ สัญญาณกันขโมยระบบอินฟาเรด โครงการติดตั้งแบบนี้มาให้เหมือนกันทุกหลังค่ะ สไตล์ของเนอวานาอย่างหนึ่ง คือการเอา Master bedroom มาไว้ที่ชั้น 2 ของทาวน์โฮมค่ะ เพื่อผู้ใหญ่ของบ้านจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดมาก แต่จะเปลี่ยนให้ห้องนอนของเด็กๆ ขึ้นไปไว้ชั้นบนสุดแทน Master bedroom มีพื้นที่กว้างขวางมากพอให้วางเตียง king size ได้ และยังเหลือพื้นที่รอบๆเตียง สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงได้อีก ปลายเตียงเป็นผนังว่าง สำหรับ Built in เคาน์เตอร์วางทีวี ด้านข้างของเตียงเป็นระเบียงทางฝั่งหน้าบ้าน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ระเบียงของห้อง Master bedroom ทางฝั่งหน้าบ้าน มีพื้นที่มากพอสำหรับวางโต๊ะ-เก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนรับลมด้านนอก ราวกันตกใช้กระจกนิรภัยใสรอบด้าน วิวจากระเบียงห้อง มองเห็นภาพรวมของส่วนกลางค่ะ กลับเข้ามาในห้อง ไปดูอีกฝั่งของห้องกันต่อค่ะ พื้นที่ข้างเตียงยังสามารถวางโต๊ะทำงาน หรือโซฟาเพิ่มเติมก็ได้นะคะ ส่วนห้องน้ำในตัวทางขวามือจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ภายในห้องน้ำปูพื้นเเละผนังทั้งหมดด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน และสุขภัณฑ์จาก American Standard อ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ช่วยป้องกันน้ำกระเด็กออกมาได้ส่วนหนึ่ง มาพร้อมกับพื้นที่บนเคาน์เตอร์สำหรับวางของได้อีกมาก มีอ่างอาบน้ำถัดจากอ่างล้างหน้า อีกฝั่งของห้องน้ำเป็นโถสุขภัณฑ์ และส่วนเปียก มีทั้งฝักบัว และ Rain shower ติดตั้งมาให้ ขวามือด้านบนมีหน้าต่าง สำหรับเพิ่มแสงสว่างจากภายนอก และยังช่วยระบายอากาศและความชื้นภายในห้องน้ำ ออกจากห้องน้ำจะมีพื้นที่ห้องเล็กอีก 1 ห้องซ่อนอยู่ค่ะ พื้นที่ของส่วนนี้ ทางโครงการจัดมาให้เป็น Walk In Closet เราสามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าได้ตลอดแนวผนัง หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานส่วนตัวก็ได้นะคะ ไปดูกันที่ชั้น 3 กันต่อค่ะ บริเวณโถงบันได มีกระจกทรงสูงเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับทางเดิน และมีตู้ไฟซ่อนมาให้ในผนังเรียบร้อยค่ะ ขึ้นมาที่ชั้น 3 ตรงโถงบันไดก็จะมีกระจกทรงสูงติดตั้งมาให้ด้วยเช่นกันค่ะ ที่ชั้น 3 จะมีห้องนอนทั้งหมด 2 ห้อง เราเข้าไปดูกันที่ห้องตรงกลางกันก่อนค่ะ ห้องนอนที่ 2 ของบ้านอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน ทางขวามือจะเป็นห้องน้ำในตัว ตามที่โครงการตกแต่งมาให้นั้นเป็นเตียง 5 ฟุต แต่ด้วยขนาดพื้นที่จริงเราสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้เลยค่ะ ด้านข้างเตียงมีระเบียงขนาดใหญ่ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ตรงระเบียงมีราวกันตกที่ทำจากเหล็กโปร่งสีดำ ระเบียงของห้องนี้จะเป็นวิวทางด้านหน้าของตัวบ้านค่ะ อีกด้านของห้องเป็นห้องน้ำในตัว พื้นที่เเรกของห้องน้ำเป็นส่วนแห้ง ในบริเวณพื้นที่ส่วนแห้งจะมีอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของใต้อ่าง ถัดจากโถสุขภัณฑ์เป็นส่วนเปียก ด้านข้างฝักบัวมีการเจาะผนังลึกเข้าไปสำหรับวางของ ห้องนอนสุดท้าย ของทาวน์โฮม  Type D ค่ะ ห้องนอนนี้มีขนาดเท่าๆกัน กับห้องนอนที่ 2 ค่ะ ตามห้องตัวอย่างจะวางเตียง 5 ฟุตชิดผนัง แต่ด้วยพื้นที่จริงสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้ โดยยังมีพื้นที่ข้างหน้าต่างเหลืออยู่ค่ะ หรือจะเลือกวางเตียงเอาไว้ตรงกลางห้องแล้วมีพื้นที่ทางเดินเหลือรอบเตียงก็ได้ ปลายเตียงมีห้องน้ำในตัว ภายในห้องน้ำจะพบกับส่วนแห้งอยู่ทางด้านขวาก่อน อ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง กระจกบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ ทางโครงการจะให้มาทั้งหมดนี้เลยค่ะ เหนือโถสุขภัณฑ์เป็นหน้าต่างบานกระทุ้งทรงสูงค่ะ หน้าต่างบานกระทุ้งก็ใช้ระบบล็อคจาก TosTem เช่นเดียวกันค่ะ ฝั่งตรงข้ามโถสุขภัณฑ์เป็นส่วนเปียกลึกเข้าไปค่ะ มาถึงทาวน์โฮมตัวอย่างหลังที่ 2 Type C ซึ่งเป็นหลังสุดท้ายของโครงการนี้กันค่ะ ด้วยความที่หลังตัวอย่างนี้เป็นแปลงมุมก็จะมีพื้นที่สวนข้างบ้านยาวไปจนถึงหลังบ้านเพิ่มขึ้นมาแบบนี้ค่ะ ลานซักล้างหน้าบ้าน ข้างพื้นที่จอดรถค่ะ หน้าบ้านทุกหลังจะมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่แบบนี้ และประตูไม้สัก ก่อนเข้าบ้านก็จะมีห้องเก็บของไว้ให้เหมือนกันทุกหลังค่ะ เปิดประตูเข้าไปดูในบ้านกันเลยค่ะ ชั้น 1 ของ Type C นี้ จะถูกจัดให้เป็นพื้นที่โต๊ะทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งเอาไว้กลางบ้าน โดยจะปูพื้นด้วยแกรนิตโต้ ใช้ไฟแบบ Downlight ด้วยขนาดพื้นที่กว้างขวางมากคล้ายกับบ้านเดี่ยว ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัวได้ ทาวน์โฮมแปลงมุมจะได้หน้าต่างข้างบ้านเพิ่มขึ้น ทำให้ดูสว่างมากขึ้นค่ะ กั้นส่วนครัวปิดเอาไว้อีกฝั่ง มองขึ้นไปจะเห็นว่า Type C มีชั้นลอยที่สามารถมองทะลุเห็นกันได้ ทำให้เพดานดูสูงโปร่งขึ้นเยอะเลยค่ะ ห้องครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ภายในห้องครัวทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ เป็นห้องครัวที่เหมาะสำหรับการอยู่กับครอบครัวจริงๆ ค่ะ เพราะเป็นครัวปิดแยกเป็นสัดส่วนแบบที่หาได้ยากในโครงการทาวน์โฮม จุดที่เป็นหน้าต่างกระจกบานเลื่อน แนะนำให้วางซิงค์ล้างจานตามแบบโครงการค่ะ เพราะจะช่วยเรื่องระบายความอับชื้นได้ดี หันกลับมาดูที่ห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำชั้นล่างจะมีแค่ส่วนแห้งค่ะ แต่จะมีโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ และอ่างล้างหน้ามาให้ครบ มีประตูกระจกออกไปทางหลังบ้านค่ะ และยังมีส่วนที่เป็นหน้าต่างกระจกด้านบนเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับส่วนชั้นลอยก็ยิ่งทำให้บ้านดูโปร่งสบายเข้าไปอีก   มุมสวนหลังบ้านที่ยาวเชื่อมต่อมาจากหน้าบ้านค่ะ ดูชั้นแรกกันเสร็จแล้วก็ขึ้นไปดูชั้นต่อไปกันเลยค่ะ โดยบันไดจะอยู่ทางซ้ายมือของประตูบ้าน โถงบันไดมีหน้าต่างกระจกทรงสูงทำให้ไม่ดูทึบจนเกินไป ขึ้นมาที่ชั้น 2 ของบ้าน แต่จะถูกจัดให้เป็นเพียงชั้นลอยนะคะ ซึ่งพื้นชั้นบนจะถูกปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. พื้นที่ชั้นลอยกว้างขวางมากพอที่จะจัดให้เป็นห้องรับแขกตามแบบบ้านตัวอย่างนี้ได้เลยค่ะ หากเราตกแต่งพื้นที่ส่วนนี้เป็นห้องนั่งเล่นก็จะสามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้พร้อมโต๊ะกลาง ยังมีพื้นที่เหลือระหว่างเคาน์เตอร์วางทีวีได้สบายๆ แม้จะเป็นชั้นลอย แต่ก็มีระเบียงหน้าบ้านเอาไว้เปิดรับลมธรรมชาติได้แทนการเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ซึ่งจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ระเบียงติดตั้งราวกันตกด้วยกระจกนิรภัย และด้วยขนาดของระเบียงก็มากพอที่จะใช้งานได้จริง กลับเข้ามาดูอีกส่วนหนึ่งของชั้นลอยนี้ค่ะ โดยลึกเข้าไปด้านในสุดก็จะมีที่พักบันได ซึ่งมีพื้นที่พอสมควรเหมือนเป็นห้องเล็กๆ อีกห้องหนึ่งให้ได้ใช้เป็นประโยชน์ ตามบ้านตัวอย่างนี้จะถูกตกแต่งให้เป็นห้องทำงานเล็กๆ มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนเห็นวิวทางฝั่งหลังบ้าน ช่วยเพิ่มแสงสว่างให้ส่วนนี้ใช้งานได้จริง ที่ชั้นลอยนี้สามารถมองลงไปด้านล่างได้ ทำให้โซน Common Area ทั้งหมดนี้มีเพดานที่สูงโปร่ง ในสไลต์ Double volume space ที่ทางเนอวานาออกแบบมาเพื่อเอื้อต่อการอยู่อาศัยระยะยาว และสามารถรองรับสมาชิกใหม่ในอนาคตได้ จากชั้นโซน Double volume space ขึ้นไปดูอีกชั้นหนึ่งของบ้าน ซึ่งจะเป็นส่วน Private ชั้น 2 มีห้องนอนที่เป็น Master Bedroom อยู่ชั้นนี้เพียงห้องเดียวค่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็น Master Bedroom ก็จะมีพื้นที่กว้างขวางเป็นพิเศษกว่าห้องอื่น สามารถวางเตียงขนาด 6 ตามห้องตัวอย่างนี้ได้ ไปจนถึงวางเตียง king size ได้ แถมยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางเฟอร์นิเจอร์อื่นได้อีก ข้างเตียงมีประตูกระจกกั้นระหว่างห้องนอนกับระเบียงส่วนตัวค่ะ ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ วิวจากระเบียงฝั่งด้านหน้าโครงการทางทิศเหนือค่ะ พื้นที่แถวนี้ยังมีสิ่งปลูกสร้างขึ้นน้อยทำให้มีลมพัดผ่านได้ดีทีเดียวค่ะ กลับเข้ามาในห้องกันต่อค่ะ ยังมีพื้นที่ภายในห้องอีกฝั่งให้ชมกันอีก ถัดจากเตียงตรงนี้ยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงาน หรือจะวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งก็ยังได้นะคะ ห้องน้ำในตัวจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีดำเข้าชุดแบบเดียวกันทั้งหลังค่ะ ภายในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนเหมือนกันทุกห้องน้ำเลยค่ะ ห้องน้ำนี้จะถูกแบ่งส่วนแห้งอยู่ก่อนส่วนเปียกด้านในสุด เริ่มจากทางขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์ และส่วนเปียกที่ติดตั้งมาทั้งฝักบัวและ Rain Shower มีการเจาะช่องผนังลึกเข้าไปเพื่อเป็นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำ ซ้ายมือเป็นอ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์พร้อมกระจกเงา และอ่างอาบน้ำค่ะ ออกมาจากห้องน้ำไปดูพื้นที่ส่วนสุดท้ายของ Master Bedroom อยู่ถัดจากประตูห้องค่ะ ห้องนี้ถูกจัดให้เป็น Walk In Closet สำหรับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะก็สามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้ทั้งห้องนี้เลยค่ะ หรือจะจัดเป็นห้องทำงานก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น มีหน้าต่างกระจกบานสไลด์ติดตั้งอยู่ทำให้ส่วนนี้ดูไม่มืดทึบจนเกินไป มองจากมุมนี้จะเห็นว่าเป็นห้องที่แม้จะเชื่อมต่อเป็นพื้นที่เดียวกันกับ Master Bedroom แต่มีการแบ่งโซนออกมาเป็นสัดส่วน ขึ้นไปดูที่ชั้นบนสุดของทาวน์โฮม Type C นี้กันค่ะ ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดจะมีมุมที่เป็นโถงบันไดอยู่ สามารถเพิ่ม Built in ตามแบบบ้านตัวอย่างนี้ เพิ่มเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีกค่ะ หันมาทางขวามือจะพบกับห้องนอนอีก 2 ห้อง เราเดินเข้าไปดูห้องตรงกลางกันก่อนค่ะ ห้องนอนที่ 2 นี้จะอยู่ทางฝั่งหน้าบ้านค่ะ ตามห้องตัวอย่างที่วางเตียงขนาด 3.5 ฟุต พร้อมวางโต๊ะทำงานเอาไว้ด้วย แต่พื้นที่จริงตรงนี้สามารถวางเตียงได้ถึง 5 ฟุต แล้วยังเหลือพื้นที่ทางเดินได้รอบเตียงเลยค่ะ ปลายเตียงเราสามารถ Built in ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ เคาน์เตอร์วางทีวี หรือหากจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตในห้องนี้ เราก็สามารถย้ายโต๊ะทำงานมาไว้พื้นที่ปลายเตียงนี้ก็ได้นะคะ มีห้องน้ำในตัวถัดจากพื้นที่ปลายเตียงค่ะ ภายในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิค วางพื้นที่ส่วนแห้งก่อนพื้นที่ส่วนเปียกด้านใน เริ่มจากอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ และพื้นที่อาบน้ำค่ะ ส่วนเปียกมีการเจาะช่องผนังให้เป็นที่วางของได้ด้วยค่ะ ข้างเตียงมีระเบียงที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน โดยประตูกระจกลักษณะนี้จะใช้สเปคเดียวกันทั้งโครงการเลยค่ะ คือเป็นกระจกแบบ LOW - E มีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนได้ดีกว่ากระจกเขียวตัดแสงทั่วไปค่ะ ระแนงไม้ตรงระเบียงที่เห็นนี้ไม่เพียงแต่จะให้ความสวยงามเท่านั้นนะคะ แต่ยังช่วยเรื่องการใช้งานจริงจากระเบียงได้ ทั้งการบังแดด เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการออกมาใช้งานที่ระเบียงชมวิวได้กว้างขึ้น วิวจากระเบียงห้องฝั่งหน้าโครงการค่ะ จะเห็นได้ชัดขึ้นว่ารอบๆ โครงการยังเป็นพื้นที่โล่งอยู่ ออกจากห้องนอนที่ 2 เข้าไปดูกันที่ห้องสุดท้ายทางซ้ายมือฝั่งหลังบ้านกันค่ะ ห้องนอนที่ 3 ค่ะ เป็นห้องสุดท้ายแล้วที่เราจะพามาชมในรีวิวฉบับนี้ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำในตัวค่ะ ส่วนห้องนอนที่นอกเหนือจาก Master Bedroom ก็มีพื้นที่กว้างขวางเท่าๆ กัน สามารถวางเตียงใหญ่ได้พร้อมกับโต๊ะทำงานของตัวเอง ไม่เล็กจนดูอึดอัดค่ะ ห้องนอนที่ 3 ของ Type C นี้ จะอยู่ทางฝั่งหลังบ้านค่ะ พื้นที่ปลายเตียงเหมาะสำหรับวางโต๊ะทำงานได้ตลอดแนวผนัง เพราะมีหน้าต่างอยู่ด้านข้างถึง 2 ด้านให้แสงสว่างเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยยังเหลือพื้นที่ทางเดินอยู่ทั้งสองฝั่ง แต่ถ้าชอบเตียงใหญ่ๆ ขนาด 6 ฟุต ก็สามารถวางชิดกำแพงได้เลยค่ะ ส่วนห้องน้ำในตัวของห้องนี้จะถัดจากพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า ภายในห้องน้ำแยกส่วนแห้งเอาไว้ด้านในสุดค่ะ ส่วนเปียกจะอยู่ทางซ้ายมือเลย และแม้จะเป็นห้องน้ำในตัวของห้องนอนปกติก็ยังได้พื้นที่ขนาดกำลังพอดี เหนือพื้นที่ส่วนเปียกจะถูกออกแบบมาให้มีหน้าต่างสำหรับเพิ่มแสงสว่างและระบายความอับชื้นอยู่เสมอค่ะ   มาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อเหลือเกินค่ะว่าคงไม่มีใครสงสัยว่าทำไมเฟสแรกของโครงการนี้ถึงได้ Sold Out ไปตั้งแต่วันแรกที่ Exclusive Sales ทั้งทำเล พื้นที่ใช้สอย สเปคที่ได้ ไปจนถึงการดีไซน์ดีเทลต่างๆ เพื่อผู้อยู่อาศัยจริงได้ความสะดวกสบายที่สุดสมกับคำว่า “ทาวน์โฮมที่เป็นได้...มากกว่าบ้านเดี่ยว”   เตรียมพบกับงาน Pre-SALE วันเดียว 23 มิ.ย. 2561นี้ พร้อมรับสิทธิ์พิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น!!  
Niche MONO Tiwanon ครั้งแรกของคอนโดพร้อม CO-CREATION SPACE ครบวงจร : รีวิวคอนโด

Niche MONO Tiwanon ครั้งแรกของคอนโดพร้อม CO-CREATION SPACE ครบวงจร : รีวิวคอนโด

คอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคนเมือง เพราะตอบโจทย์ชีวิตได้อย่างลงตัว และเมื่อตัดสินใจจะซื้อคอนโดฯ แล้ว เรื่องของการเลือกทำเล, แบรนด์, พื้นที่ส่วนกลาง ตลาดจนไปถึงการออกแบบตกแต่งถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเจ้าของก็ว่าได้ นั่นเพราะการได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เรารัก ดูสวยงามในสไตล์ที่เราชอบและอยากให้เป็นในแบบที่ต้องการมันคือความสุขทางใจอย่างหนึ่ง ซึ่งคอนโดที่เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างในวันนี้คือ โครงการ “Niche MONO Tiwanon (นิช โมโน ติวานนท์)” จาก เสนา ดีเวลลอปเมนท์ คอนโดมิเนียมแบรนด์หรูใหม่ล่าสุดในย่านติวานนท์ที่มี Co-Creation Space แบบครบวงจร อีกทั้งยังอยู่ใกล้ MRT สายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตร เรียกได้ว่าเดินทางสะดวกสบายเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ตัวโครงการอยู่ติดถนนถนนติวานนท์ ฝั่งเลขคู่ ซอยติวานนท์ 8 อยู่ใกล้กับกระทรวงสาธารณสุข และ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเลยค่ะ ซึ่งก็สะดวกทั้งคนมีรถส่วนตัวและไม่มี สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์นั้นถือมีตัวเลือกมากมายทีเดียวค่ะ เพราะมีถนนสายสำคัญให้เลือกใช้อยู่หลายสายทั้งถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนงามวงศ์วาน หากอยากหลบหนีช่วงเวลาที่จราจรติดขัดบริเวณแยกแครายก็สามารถใช้ทางด่วนพิเศษศรีรัช ขั้นที่ 2 (ถนนงามวงศ์วาน) โดยวิ่งผ่านเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุขได้เลย หรือถ้าใครอยากจะเข้าเมืองไปแถวๆ ย่านรัชดาก็สามารถใช้ถนนกรุงเทพนนท์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นทางสะพานพระราม 5 วิ่งไปราชพฤกษ์ได้อีกด้วย แถมถ้าอยากออกนอกเมืองก็สามารถวิ่งไปปทุมธานีโดยใช้ถนนติวานนท์วิ่งผ่านปากเกร็ดก่อน ซึ่งเส้นนี้ก็ไปแจ้งวัฒนะได้ด้วยนะคะ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ หรือบางบัวทองก็ต้องใช้เส้นรัตนาธิเบศร์เป็นหลักค่ะ มาต่อกันที่การเดินทางด้วยรถสาธารณะนับว่าเป็นเรื่องสะดวกมากๆ เนื่องจากตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก มีรถโดยสารวิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น รถเมล์, แท็กซี่ และมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ทั้งนี้ตัวโครงการยังอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งห่างจากบันไดทางขึ้น MRT กระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเท้าได้สบายๆ หรือถ้าใครอยากโดยสารทางน้ำก็สามารถเลือกใช้เรือที่ท่าน้ำนนท์ ต้นทางของเรือด่วนเจ้าพระยา โดยท่าเรือที่อยู่ใกล้ตัวโครงการที่สุดคือท่าเรือพิบูลย์สงครามแค่ 2.9 กิโลเมตร ซึ่งก็ตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดีทีเดียว ในส่วนของอาหารการกินก็จัดว่าสะดวกสบายไม่แพ้กัน ด้วยความที่เป็นแหล่งงานและชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยมากมายทั้งตลาดกระทรวงสาธารณสุข และตลาดพระราม 5 แถมพิกัดของห้างสรรพสินค้าชั้นนำยังอยู่ไม่ไกลเลยทั้ง Big C ติวานนท์, Lotus รัตนาธิเบศร์, พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เซ็นทรัลพลาซ่า รัตนาธิเบศร์ และ Esplanade งามวงศ์วาน  แถมบริเวณโดยรอบยังแวดล้อมไปด้วยสถานศึกษา, สถานพยาบาลชั้นนำ รวมไปจนถึงสวนสาธารณะมากมาย อาทิ อุทยานมกุฏรมยสราญ, สวนสาธารณะในกระทรวงสาธารณสุขที่มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เป็นต้น 1. เริ่มต้นการเดินทางวันนี้เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มาลงที่สถานีกระทรวงสาธารณะสุข สำหรับทางออกไปโครงการจะอยู่ที่ทางออก 1 นะคะ 2. เมื่อเดินลงมาด้านล่างแล้วจะเจอกับถนนใหญ่ค่ะ ซึ่งทางไปโครงการนั้นต้องเดินไปทางฝั่งขวามือคือซอยติวานนท์ 6 ค่ะ 3. ระหว่างทางเดินไปโครงการก็จะมีร้านซ่อมรถและติดตั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ต่างๆ 4. เดินถัดมาอีกนิดก็พบกับร้านค้าอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ 5. นอกจากร้านค้าแล้วยังมีร้านอาหารให้ฝากท้องอยู่หลายร้านเลย 6. เดินตรงไปเรื่อยๆ ข้ามคลองเล็กๆ มานิดเดียว สังเกตป้ายซอยติวานนท์ 8 ก็ถึงโครงการแล้วค่ะ 7. ตอนนี้ตัวโครงการยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างนะคะ จะเป็นส่วนของ Sales Gallery ก่อน 8. บริเวณหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์พอดิบพอดี ซึ่งสะดวกมากสำหรับลูกบ้านที่ไม่ใช้รถส่วนตัว แถมยังมีจุดกลับรถในระยะใกล้ๆ อีกด้วย   ภาพรวมโครงการ โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น จำนวน  1 อาคาร บนพื้นที่ 2 ไร่กว่า แบ่งออกเป็นที่พักอาศัย 526 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต รองรับที่จอดรถได้ประมาณ 39% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) เรียกว่าเป็นที่อยู่อาศัยแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยยุคใหม่ได้ดีที่สุดและสมบูรณ์ในทุกด้าน เพราะสิ่งที่ทำให้โครงการแห่งนี้น่าจับตามองนอกจากเรื่องทำเลที่ดีแสนสะดวกสบาย สามารถเดินจากประตูโครงการเพียงแค่ 50 เมตร ก็ถึงรถไฟฟ้า MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ทางโครงการยังนำประสบการณ์ในด้านพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยเข้าใจความต้องการของลูกบ้านอย่างแท้จริง มาผสานเข้ากับความช่ำชองในการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้อยู่อาศัย โดยติดตั้งโซลาร์ และ EV Charger ไว้ในโครงการ ในขณะที่ห้องชุดและรูปแบบของตัวตึกถูกออกแบบด้วยรสนิยมที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในย่านติวานนท์ จากการคำนึงถึงความนำสมัยที่มีแบบฉบับเฉพาะตัว ด้วยการใช้โทนสี Monochrome ไล่เฉดสีขาว ดำ เทาเป็นหลัก ในขณะที่ห้องพักอาศัยก็ชูจุดเด่นด้วยการดีไซน์สไตล์ MOFF ขยายความสูงของห้องด้วยเพดานสูง 4.5 เมตร เพื่อให้ลูกบ้านได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แถมยังสามารถดีไซน์ได้ในแบบของตัวเอง ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ห้อง Penthouse ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางบอกได้คำเดียวว่าจัดเต็มแบบสุดๆ ไปเลยค่ะ เรียกว่าครบครันมากทีเดียว ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการของลูกบ้านผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มักใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ครั้งแรกของคอนโดที่มี Co-Creation Space แบบครบวงจร ถึง 5 ชั้น ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มตั้งแต่ชั้นบริเวณชั้นล่างทำเป็น Private Lobby สุดหรูโดยแบ่งออกเป็น Lobby ส่วนของ Residence และ Lobby ส่วนของทำงาน มาพร้อมร้านค้า, ห้อง Mail Box, ห้องนิติ, ห้อง First Aid, Locker, Laundry, Vending Machine ต่อเนื่องมายังพื้นที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของ Co-Creation Space, Workshop Space, Co-Meeting Space, Mind Space และ Media Hub Space สำหรับที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 ไปจนถึงชั้น 9 ในขณะที่ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 โดยบริเวณชั้น 10 จะมีสวนสีเขียวขจี พร้อมโต๊ะทำงาน Outdoor ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกไว้ด้วย ส่วน Facility หลักๆ จะถูกยกไปอยู่บริเวณชั้น 35-36 ประกอบด้วย Sky Fitness ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าพร้อม Boxing Room และ Yoga อีกทั้งยังมี BBQ Terrace, Game Room, Party Room ส่วนสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 36 โดยมาพร้อมสระเด็กและจากกุชชี่ นอกจากนี้ยังมี Hydro Pool ที่ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายแบบ Extremes ได้ อีกทั้งยังมี Sky Lounge และ Sunken Lounge เรียกว่าจัดเต็มเพื่อรองรับความสุขของลูกบ้านอย่างเต็มเปี่ยมก็ว่าได้ แถมยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีบริการ After Sales Services ซ่อม-เช่า-ขายต่อ ด้วยนะคะ Master Plan ของโครงการ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นสวนสวย, จุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นที่มีกลิ่นอายคอนเทมโพรารี   แปลนของพื้นที่ชั้น 2 ที่มีส่วนกลางกระจายอยู่ภายในมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Co-Creation Space, Workshop Space, Co-Meeting Space, Media-Hub Space และ Mind Space เป็นต้น ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Creation Space ชั้น 2 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Creation Space ชั้น 2 ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้น 1 โดยมีบันไดวนเป็นจุดเชื่อมกลาง ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Meeting Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Media-Hub Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Mind Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง WORKSHOP & ENTERTAINMENT SPACE แปลนอาคารชั้น 3-9 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมดเลยนะคะ แปลนของพื้นที่ชั้น 10 จะเริ่มเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย แปลนของพื้นที่ชั้น 35 นะคะ ซึ่งความพิเศษนอกจาก Facility ที่จัดเต็มแล้ว ยังมีสวนสวยพร้อมมุม BBQ Terrace อีกด้วย ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง CO-KITCHEN & BBQ TERRACE ภายบรรยากาศจำลองภายในห้อง SKY FITNESS แปลนของพื้นที่ชั้น 36 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในหลายๆ ชั้น ภาพบรรยากาศจำลอง SKY INFINITY EDGE POOL สระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบในร่ม ภาพบรรยากาศจำลองจะเห็นได้ชัดเลยว่าตัวอาคารเห็นวิวเมืองชัดเจน ไม่มีตึกไหนมาบดบังวิว ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางพร้อมชมวิวได้อย่างเต็มตา   เปิดประตูห้องตัวอย่าง โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 26.00 - 35.00 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 55.00 ตร.ม. และแบบ Moff ดีไซน์ใหม่มาพร้อมห้องเพดานสูงถึง 4.5 เมตร ให้ลูกบ้านสามารถใช้ฟังก์ชั่นอย่างคุ้มค่าในทุกตารางเมตร มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 26.00 - 35.00 ตร.ม. โดยทุกยูนิตขายแบบ Fully Furnished มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าหากลูกบ้านตัดสินใจซื้อ ก็เห็นจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้นเองค่ะ ทั้งนี้ทุกยูนิตจะได้เครื่องปรับอากาศเหมือนกันหมดเลยนะคะ โดยห้อง 1 Bedroom จะได้เครื่องปรับอากาศ 2 ตัว และห้อง 2 Bedroom จะได้เครื่องปรับอากาศ 3 ตัว   สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องพักอาศัยแบบ Standard ค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องไม่ได้รู้สึกเล็กอย่างที่คิดเลยค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างเป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย ในขณะที่ห้องครัวจะเป็นแบบปิด ซึ่งป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. นะคะ สำหรับประตูของห้องพักอาศัยจะเป็นแบบ Digital Door Lock ทุกยูนิตเลยค่ะ เมื่อเข้าห้องมาจะเจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่อยู่ติดกับมุมรับประทานอาหารเลยนะคะ ถัดเข้าไปเป็นห้อครัวแบบปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อนสามารถประกอบอาหารได้สบาย แถมยังมีระบายอากาศได้ดีเนื่องจากจากมีระเบียงอยู่ติดกับครัวนั่นเอง ส่วนห้องนอนจะเป็นประตูทึบและมีห้องน้ำอยู่ด้านในค่ะ บริเวณคอนโซลทีวี ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แล้วนะคะ จากภาพจะเห็นชัดเจนเลยว่าทางโครงการแบ่งฟังก์ชั่นใช้งานไว้อย่างลงตัว เพราะสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ด้วย สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีเทาดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร เคาน์เตอร์ครัวมีลิ้นชักที่มีตัวแบ่งช่องสำหรับเก็บช้อนส้อม ส่วนชั้นล่างลิ้นชั้นนั้นจะเป็นช่องสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ ซึ่งมีความพิเศษตรงที่สามารถเลื่อนออกมาเก็บจานชามได้ ด้านในสุดของครัวจะติดระเบียงนะคะ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดี พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ โดยทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนนะคะ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ ออกมาจากครัวมาต่อที่ห้องนอนกันบ้าง ภายในห้องนอนถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ แถมยังเหลือพื้นที่ด้านข้างไว้เป็นมุมทำงานอีกด้วย มุมมองกลับเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดนะคะ จะเห็นว่าทางโครงการกรุหน้าต่างกระจกใสเชื่อมกับห้องนอนเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งให้แก่ห้องมากขึ้น แถมยังบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยแล้ว ติดกับตู้เสื้อผ้านั้นเป็นห้องน้ำค่ะ สำหรับตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นนะคะ คือนอกจากจัดเก็บเสื้อผ้าได้แล้วยังสามารถเก็บเครื่องประดับได้ด้วย ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง บริเวณโซนเปียก ทางโครงการเจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัว และกรุที่นั่งอาบน้ำตามสไตล์คนญี่ปุ่นมาให้เรียบร้อยแล้ว   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. ห้องพักอาศัยแบบ MOFF ดีไซน์ใหม่มาพร้อมเพดานสูงถึง 4.5 เมตร ภายในแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนครัวก่อน ตรงข้ามครัวจะเป็นตู้เก็บของและห้องน้ำ ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางที่กว้างพอสำหรับวางวางโซฟาตัวยาวในส่วนของ Living Area ได้สบายๆ อีกทั้งยังสามารถแบ่งพื้นที่สำหรับมุมทำงานหรือมุมรับประทานอาหาร และระเบียงได้ด้วย ในขณะที่ห้องนอนจะมีบันไดทำหน้าที่เชื่อมต่อไปถึงด้านบน ซึ่งจัดพื้นที่มาให้แบบกำลังดี สามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้ แต่ทางโครงการจะให้เตียงขนาด 5 ฟุตมาแล้วค่ะ ขาดแต่ฟูกเท่านั้น ซึ่งยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือสบายๆ แถมยังวางโต๊ะข้าง, ตู้เสื้อผ้า และมีห้องเก็บของเล็กๆ ให้ด้วยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. แบบ MOFF นะคะ เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยค่ะ ซึ่งชุดเคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีเทา ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ทางโครงการบิลต์อินตู้ลอย พร้อมออกแบบที่เก็บจานมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ นอกจากเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็น และช่องไมโครเวฟแล้ว ลิ้นชักยังมีช่องเก็บช้อนส้อมรวมถึงอุปกรณ์ครัวด้วยนะคะ พื้นที่ตรงข้ามกับ Pantry ครัว ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานไว้บริเวณหน้าห้องน้ำนะคะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง เดินเข้ามาจะพบกับอ่างล่างมือก่อนเลยค่ะ ตรงกลางจะเป็นสุขภัณฑ์ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ฝั่งด้านขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส ผนังภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ บริเวณโซนเปียก ทางโครงการก็ได้เจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัว และกรุที่นั่งอาบน้ำตามสไตล์คนญี่ปุ่นมาให้เช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรก ออกมาจากห้องน้ำ เปิดประตูบานเลื่อน 3 ตอนเข้ามาในบริเวณนั่งเล่นกันบ้างดีกว่าค่ะ ซึ่งเป็นแบบ Double Volume มีความสูง 4.5 เมตร จากภาพจะเห็นว่าระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีนั้นกำลังดีเลยนะคะ แถมยังเหลือพื้นที่ตรงกลางอีกเยอะเลย ในส่วนของคอนโซลทีวี ทางโครงการได้บิลต์อินให้อยู่ติดกับบันไดทางขึ้นไปห้องนอนค่ะ พื้นที่ติดกันนั้นเป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังมีความโปร่งโล่งชวนพักผ่อนเนื่องจากโอบล้อมด้วยประตูและหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนสามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ ระเบียงมีขนาดกว้างกำลังดี สามารถวางราวตากผ้าได้ โดยทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนไม่ให้เปลืองเนื้อที่นะคะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ใกล้กับบันไดสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารได้สบายๆ มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารกลับเข้าไปด้านในห้องนะคะ จะเห็นว่าภายในห้องดูสูงโปร่ง แบ่งฟังก์ชั่นใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจน เหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เดินไต่บันไดขึ้นมาจะพบกับตู้เสื้อผ้าก่อนเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการบิลต์อินมาให้เรียบร้อยแล้ว แถมยังออกแบบให้สามารถจัดเก็บได้ตั้งแต่เสื้อผ้า, รองเท้า และเครื่องประดับ บริเวณเตียงนอนได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ผนังด้านหลังเตียงเป็นเพียงการตกแต่งนะคะ ห้องจริงจะได้เป็นผนังฉาบเรียบเท่านั้น นอกจากนี้พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบเลยนะคะ แถมยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงอีกด้วย พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในทางโครงการออกแบบให้เป็นห้องเก็บของนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่มีของใช้เยอะ เพราะสามารถจัดเก็บได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เรียกว่าใช้พื้นที่คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ มุมมองกลับลงมาจากส่วนพักผ่อนนะคะ   สำหรับห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Type D1 ขนาด 35.00 ตร.ม. ลักษณะแปลนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อเดินเข้าไปด้านในให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวก่อนเลย และมีประตูบานเลื่อนที่กั้นไว้ก่อนเข้าห้องด้านใน พื้นที่ภายในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนและมุมนั่งเล่น พื้นที่ในสุดเป็นระเบียง ประตูห้องนอนจะได้แบบบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดปิดแยกส่วนจากห้องนั่งเล่นได้ ในห้องนอนมีพื้นที่วางโต๊ะ, ตู้, เตียง ได้ครบ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะคะ ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการก็ตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type D1 ขนาด 35.00 ตร.ม. สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอครัวก่อนเหมือนห้องตัวอย่างที่สองเลยค่ะ โดยครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นและไมโครเวฟมาให้แล้วด้วย ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ ซึ่งก็มีที่เก็บจานและอุปกรณ์ได้มากมาย รวมถึงการออกแบบที่สามารถยืดอุปกรณ์ออกมาใช้งานได้ด้วย พื้นที่ฝั่งตรงข้ามบริเวณข้างประตูเข้าออกจะเป็นตู้เก็บของบิลต์อินจรดเพดานเลยนะคะ ซึ่งก็มีพื้นที่ด้านข้างเหลือพอสำหรับติดราวแขวน เปิดประตูบานเลื่อนเข้ามาด้านในส่วนพักผ่อนจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ติดกับประตูบานเลื่อนจะเป็นมุมรับประทานอาหารเล็กๆ ก่อนจะถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนนั่งเล่นที่มาพร้อมคอนโซลทีวี แถมมีระยะห่างกำลังดี สามารถวางโต๊ะกลางได้ พื้นที่ในสุดทางขวาจะเป็นมุมทำงานค่ะ พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนนะคะ โดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางเมื่อเลื่อนมาปิดก็จะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวขึ้นมาทันที โซฟาจะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นนะคะ คือนอกจากใช้นั่งพักผ่อนแล้ว ยังถูกออกแบบมาให้เก็บของได้อีกด้วย พื้นที่ต่อเนื่องจากมุมนั่งเล่นเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ ซึ่งภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน บริเวณหน้าห้องน้ำจะเป็นมุมแต่งตัวนะคะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น จากรูปจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนเปียกนั้นยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปนะคะเพื่อกันน้ำกระเด็นนั่นเอง พื้นที่ส่วนเปียกถูกออกแบบไว้รองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ เพราะทางโครงการเจาะช่องวางของไว้ให้ที่ผนังถึงสองด้าน แถมยังกรุที่นั่งอาบน้ำแบบชาวญี่ปุ่นไว้ให้แล้วเรียบร้อย พื้นที่ห้องนอนมีขนาดกว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย โดยเหลือพื้นที่เดินได้โดยรอบด้วยค่ะ ซึ่งพื้นที่ติดกับเตียงนั้นจะเป็นระเบียงให้ออกไปสัมผัสธรรมชาติยามเช้าได้ พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้สบายๆ เพราะทางโครงการติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนเรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่เปลืองเนื้อที่และใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่านั่นเองค่ะ   ด้วยทำเลใกล้ MRT สายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตร ติดถนนติวานนท์ ย่านชุมชนและแหล่งงานสำคัญของเมืองไทย อีกทั้งยังรายล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครันทั้ง สถานศึกษาชั้นนำ, สถานพยาบาลชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสวนสาธารณะสีเขียวขจีที่นับวันยิ่งหายากในเมืองหลวงแบบนี้ โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Furnished ดังนั้นห้องพักอาศัยทุกยูนิตก็จะมี ชุดครัวที่มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, เฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน และเครื่องปรับอากาศถึง 2 ตัว แถมยังจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางโดยมี Co-Creation Space แบบครบวงจรแห่งแรกในย่านติวานนท์ ซึ่งทางโครงการประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 2.4 ล้านบาท ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียมในย่านเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มค่า
Supalai Veranda Sukhumvit 117-ศุภาลัย เวอเรนด้า สุขุมวิท 117 : รีวิวคอนโด

Supalai Veranda Sukhumvit 117-ศุภาลัย เวอเรนด้า สุขุมวิท 117 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : Supalai Veranda Sukhumvit 117 (ศุภาลัย เวอเรนด้า สุขุมวิท 117 ) เจ้าของโครงการ : บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ถนนสุขุมวิท ต.บางเมืองใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ พื้นที่โครงการ : 4-2-29 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 34 ชั้น จำนวนยูนิต : 1,099 ยูนิต     ขนาดห้อง : - Studio : 27.00-29.00 ตร.ม. - 1 Bedroom : 31.5-52.0 ตร.ม. - 2 Bedrooms : 61.0-65.0 ตร.ม. - Presidential : 35.0-65.0 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - Fitness - Sauna - Co-working Space - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 1,690,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 62,500บาท/ตร.ม. จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลายไม้ ที่มีรูปแบบความเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างในแต่ละพันธุ์ไม้ โดยในแต่ละพื้นที่ก็จะใช้รูปแบบเส้นสายจากลายไม้ที่แตกต่างกันไป สร้างความน่าสนใจและความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ แต่ยังคงให้ความรู้สึกที่อบอุ่นในแบบเดียวกัน ติดถนนสุขุมวิท เพียง 200 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้าสมิงพราย ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีปู่เจ้าสมิงพราย สถานที่ใกล้เคียง : อิมพีเรียล สำโรง,Big C Jumbo,ตลาดสำโรง,พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ,รร.บางกอกพัฒนา,รร.St. Andrew International,รพ.มนารมย์,Bitec บางนา,Ikea บางนา  
Knightsbridge Tiwanon เพิ่มพื้นที่แห่งความสุข เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่าใคร : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Tiwanon เพิ่มพื้นที่แห่งความสุข เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่าใคร : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปดูห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียมใหม่ ที่อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเพียง 70 เมตร ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในย่าน “ติวานนท์” จาก ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ ซึ่งเลือกปักหมุดบนทำเลศักยภาพติดแนวรถไฟฟ้า ภายใต้ Top Brand อย่าง Knightsbridge กับโครงการ “Knightsbridge Tiwanon (ไนท์บริดจ์ ติวานนท์)” ด้วยแนวคิดใหม่เพิ่มพื้นที่การอยู่อาศัยให้มากกว่าใคร มาพร้อมห้องเพดานสูงถึง 4.2 เมตร ให้ลูกบ้านสามารถใช้ฟังก์ชั่นอย่างคุ้มค่าในทุกตารางเมตรแห่งความสุขได้ที่นี่..     ศักยภาพทำเลดี ติดถนนใหญ่ สำหรับโครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจมากเลยนะคะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ (ถนนติวานนท์) ระหว่างซอยติวานนท์ 8 และซอยติวานนท์ 10 ซึ่งอยู่ใกล้กับกระทรวงสาธารณสุข และ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเลยค่ะ การเดินทางของคนมีรถยนต์ก็จัดว่าสะดวกสบายทีเดียว เพราะมีถนนสายสำคัญให้เลือกใช้อยู่หลายสายเหมือนกัน ทั้งถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนงามวงศ์วาน หากใครอยากหนีรถติดบริเวณแยกแครายก็สามารถใช้ทางด่วนศรีรัช ขั้นที่ 2 (ถนนงามวงศ์วาน) โดยวิ่งผ่านเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุขได้เลย หรือถ้าใครมีธุระจะเข้าเมืองไปย่านรัชดาก็สามารถใช้ถนนกรุงเทพนนท์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นทางสะพานพระราม 5 วิ่งไปราชพฤกษ์ได้อีกด้วยค่ะ ส่วนใครที่อยากออกนอกเมืองก็สามารถวิ่งไปปทุมธานีโดยใช้ถนนติวานนท์วิ่งผ่านปากเกร็ดก่อน ซึ่งเส้นนี้ก็ไปแจ้งวัฒนะได้ด้วยนะคะ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ หรือบางบัวทองก็ต้องใช้เส้นรัตนาธิเบศร์เป็นหลักค่ะ ทั้งนี้การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็เป็นเรื่องที่สะดวกสุดๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก มีรถโดยสารวิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งรถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง เรียกว่าตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดี เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางมากทีเดียว แถมจุดเด่นของโครงการยังอยู่แนวรถไฟฟ้า ห่างจาก MRT กระทรวงสาธารณสุข เพียง 70 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเท้าได้สบายๆ เลยค่ะ ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้า ด้วยความที่เป็นแหล่งงานและชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยมากมายทั้งตลาดกระทรวงสาธารณสุข และตลาดพระราม 5 แถมพิกัดของห้างสรรพสินค้าชั้นนำยังอยู่ไม่ไกล อาทิ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, เอสพลานาด รัตนาธิเบศร์, บิ๊กซี ติวานนท์ และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่หลากหลายทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ภายในกระทรวงสาธารณสุขยังมีพื้นที่สีเขียว และแหล่งอำนวยความสะดวกของคนย่านติวานนท์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ, สนามกีฬา หรือตลาดนัดขนาดใหญ่ ก็ล้วนแต่เหมาะกับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง 1. เริ่มต้นการเดินทางวันนี้เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มาลงที่สถานีกระทรวงสาธารณะสุขนะคะ 2. สำหรับทางออกไปโครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ จะอยู่ที่ทางออก 1 นะคะ 3. เมื่อแตะบัตรเดินตามป้ายมา จากบนสถานีก็มองเห็นตัวโครงการแล้วค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้มากๆ 4. เมื่อเดินลงมาด้านล่างแล้วจะเจอกับถนนใหญ่นะคะ ซึ่งทางไปโครงการนั้นต้องเลี้ยวไปทางฝั่งขวามือค่ะ 5. ระหว่างทางเดินไปโครงการ ก็จะมีร้านอาหารให้ฝากท้องอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ 6. บริเวณหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์พอดิบพอดี ซึ่งสะดวกมากสำหรับลูกบ้านที่ไม่ใช้รถส่วนตัว 7. นอกจากจะมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการแล้ว ยังมีจุดกลับรถในระยะใกล้ๆ อีกด้วย 8. บรรยากาศในโครงการค่อนข้างร่มรื่นทีเดียวค่ะ พื้นที่รอบตัวอาคารนั้นถูกออกแบบให้เป็นที่วนรถรอบตึก สามารถจอดรถจะในอาคารได้ตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นส่วนของ Lobby แล้วค่ะ   ภาพรวมโครงการ โครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” เป็นคอนโด High Rise สูง 25 ชั้น จำนวน  1 อาคาร บนพื้นที่ 1-2-83 ไร่ แบ่งออกเป็นที่พักอาศัย 373 ยูนิต ในความเป็นส่วนตัวเพียง 21 ยูนิตต่อชั้น และรองรับที่จอดรถได้ประมาณ 47% (รวมจอดซ้อนคัน) ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Affordable Premium Condo ชูจุดขายด้วยการขยายความสูงของห้องด้วยเพดานสูง 4.2 เมตร เพื่อให้ลูกบ้านได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แถมยังสามารถดีไซน์ได้ในแบบของตัวเอง ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ห้อง Penthouse เลยทีเดียว ในขณะที่ตัวอาคารก็ยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเป็นอย่างดี ทั้งการดีไซน์ที่ทันสมัยด้วยการใช้โทนสี Monochrome ไล่เฉดสีขาว ดำ เทาเป็นหลัก ซึ่งก็ถือว่าสวยงามอย่างมีสไตล์ สะท้อนความเป็น Top Brand ของ ออริจิ้น ที่มักสร้างคอนโดมิเนียมหรู ดีไซน์ล้ำกว่าใคร ในราคาคุ้มค่าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ในส่วนของ Facility เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ ค่ะ เริ่มตั้งแต่บริเวณชั้นล่างที่ทำเป็น Lobby สุดหรู ออกแบบให้เป็น Super high ceiling lobby ที่มีเพดานสูงถึง 6 เมตร พื้นที่ชั้น 2-6 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด โดยสามารถจอดรถประมาณ 144 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ส่วนพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปจะเริ่มเป็นยูนิตของห้องพักอาศัยค่ะ สำหรับ Facility หลักๆ นั้นจะถูกยกไปไว้ที่ชั้น 25 ทั้งหมด ซึ่งมาพร้อม Sky swimming pool สระว่ายน้ำเทควิวขอบฟ้า ที่เชื่อมต่อพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้าถึง 3 ชั้น บน Roof Top Garden สวนชมวิวบนดาดฟ้าอันแสนร่มรื่นที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการเลยก็ว่าได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมี Fitness และ Sky lounge มุมพักผ่อนและพบประสังสรรค์ของลูกบ้าน ที่ล้วนแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เปิดประตูเข้าด้านในอาคาร จะพบกับบริเวณ Lobby ซึ่งมาในคอนเซ็ปต์ Super High Ceiling Lobby ดูโอ่อ่าและสูงโปร่ง ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบายๆ แปลนพื้นที่บริเวณชั้น 7 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่พักอาศัยไปจนถึงชั้น 24 แต่จุดเด่นของชั้นนี้จะส่วนของพื้นที่สีเขียวอย่างสวนพักผ่อนรวมอยู่ในชั้นเดียวกันด้วย บรรยากาศของพื้นที่สวนสีเขียวบริเวณชั้น 7 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ วิวเมืองบริเวณสวนชั้น 7 ก็จะประมาณนี้ค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวรอบด้านได้ถึง 270 องศาเลยล่ะ แปลนพื้นที่บริเวณชั้น 25 นะคะ ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตัวอาคาร ประกอบไปด้วยพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ อย่าง Sky swimming pool, Fitness, Sky family lounge และ สวนพักผ่อนชมวิว แถมห้อง Fitness จะอยู่สูงถัดขึ้นไปอีกชั้น ทำให้มุมมองจากพื้นที่ในส่วนนี้สามารถมองเห็นวิวของสระว่ายน้ำและวิวมุมสูงบริเวณรอบๆ โครงการได้อย่างจุใจ เดินเข้ามาในส่วนของ Sky family lounge ที่ดูโอ่อ่าและกว้างขวาง แถมยังไร่เรียงพื้นที่แบบ 3 ระดับ โดยมีบันไดต่อเนื่องไปยังส่วนของ Privacy Fitness ภายใน Sky family lounge จัดที่นั่งไว้สำหรับรองรับลูกบ้านหลายมุมเลยค่ะ มุมมองจากโถงกลางเข้าไปจะเห็นว่าพื้นที่ของ Sky family lounge ได้รับการออกแบบให้ดูสูงโปร่งด้วยเพดานแบบ Double Volume เพื่อให้ลูกบ้านได้พักผ่อนอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่เหนือกว่าคอนโดใดๆ ด้วยวิวแบบพาโนรามา ซึ่งผนังโดยรอบเป็นกระจกสูงขึ้นไปเสมอฝ้าเลยค่ะ ภายในจึงสว่างและโปร่ง เหมาะแก่การพักผ่อนมาก พื้นที่บาร์ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบไว้สำหรับรองรับปาร์ตี้เล็กๆ ของลูกบ้าน เดินไต่บันไดขึ้นมาในส่วนของ Privacy Fitness ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ ออกมาจาก Sky family lounge จะมีประตูกระจกใสกั้น Sky swimming pool ไว้นะคะ ผลักออกไปจะเจอสระว่ายน้ำระบบเกลือ ที่มีความกว้าง 14 x 6 เมตร เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองแบบนี้เลยนะคะ มุมมองจากนอกอาคารจะเห็นว่าพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ สามารถมองเห็นวิวเมืองอย่างกว้างไกล และไม่มีอะไรมาบดบังเลยนะคะ   เปิดประตูห้องตัวอย่าง มาดูในส่วนของห้องพักอาศัยกันบ้างดีกว่าค่ะ สำหรับโครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามียูนิตรวมทั้งหมด 373 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัยแบบธรรมดา Mono Type 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 25.9 – 33.9 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 43.40 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 51.4 – 58.4 ตร.ม. และห้องพักอาศัยดีไซน์พิเศษด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตร โดยแบ่งออกเป็น 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 25.9 – 33.8 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 42.8 ตร.ม., 2 Bedroom  ขนาดตั้งแต่ 51.4 – 58.0 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยก็ว่าได้   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่ง สบาย โดยแยกพื้นที่นั่งเล่น ครัวและห้องนอนออกจากกัน ซึ่งจะต่างจากคอนโดทั่วไปในย่านนี้อย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ เพราะราคาระดับนี้แทบจะไม่มีโครงการไหนทำห้องครัวแบบปิดแยกออกมาเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็มีแค่ Pantry เล็กๆ เท่านั้น นอกจากนี้ห้องทุกยูนิตของโครงการ ยังเปิดขายมาแบบ Fully Furnished ด้วยค่ะ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้สอยของลูกบ้านได้เป็นอย่างดี และทุกยูนิตจะได้แอร์ 2 ตัว โดยติดตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนเหมือนกันเลยนะคะ   สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราได้ชมก็คือ 1 Bedroom ขนาด 33.20 ตร.ม ซึ่งเป็นห้องพักอาศัยแบบธรรมดาค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องกว้างขวางทีเดียวค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างสัดส่วน ห้องครัวจะเป็นแบบปิด ป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม เปิดประตู Digital Door lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางขวาจะเป็นห้องครัว และทางซ้ายเป็นห้องนอนค่ะ พื้นที่ด้านข้างโซฟาสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ ซึ่งทางโครงการให้เฟอร์นิเจอร์มาพร้อมแล้วด้วย ลูกบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อโต๊ะเพิ่มเลย มาในส่วนของห้องครัวกันบ้าง โดยครัวนั้นมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอนนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น, เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟมาให้เรียบร้อยแล้ว ด้านในสุดของครัวจะเป็นระเบียงค่ะ ซึ่งก็มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดีค่ะ ออกจากครัวมายังบริเวณหน้าห้องตรงกันข้ามจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน สุขภัณฑ์ที่ลูกบ้านจะได้รับก็ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางโถสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลางห้อง บริเวณโซนเปียก ทางโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำด้วยประตูกระจกมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ โดยจะเว้นช่องด้านบนสำหรับระบายอากาศ พื้นที่ตรงข้ามระหว่งห้องน้ำกับห้องนอนจะเป็นมุมทำงานนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ยังได้ ทางโครงการบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์มาให้แล้วเรียบร้อย กลับเข้ามาในส่วนของห้องนอน ภายในห้องได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 43 ตร.ม. ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนรับประทานอาหารก่อน ซึ่งสามารถจัดวางพื้นที่ดินเนอร์สำหรับ 4 คนได้สบายๆ ถัดไปนั้นเป็นมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้ แถมมีระเบียงด้านข้างให้เปิดออกไปรับลมด้านนอก พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในบริเวณตรงกลางจะเป็นครัวแบบปิด ตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำ พื้นที่ติดครัวและห้องน้ำจะเป็นห้องนอน และห้องเอนกประสงค์ที่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้อนนอนเล็กได้นั่นเอง แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 43 ตร.ม. หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วนะคะ เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างกำลังดี ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ด้านไว้สำหรับวางโต๊ะข้างด้วย หรือหากลูกบ้านอยากวางโซฟาตัวยาว 3 ที่นั่งก็ยังพอไหวค่ะ เพียงแต่จะไม่สามารถวางโต๊ะข้างได้ ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ มุมมองจากบริเวณห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอนที่ติดกับห้องเอนกประสงค์นะคะ ซึ่งบริเวณตรงกลางจะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำและห้องครัวแบบปิด สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้ายังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ พื้นที่ตรงข้ามกับห้องครัวจะเป็นส่วนของห้องน้ำนั่นเองค่ะ ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ออกจากห้องน้ำมายังห้องเอนกประสงค์กันบ้าง ฟังก์ชั่นพิเศษสำหรับห้องนี้คือพื้นที่ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็กเหมือนในภาพ หรือใช้เป็นมุมทำงานก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่ง แถมยังเหลือพื้นที่เดินได้โดยรอบ กลับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ บริเวณหัวเตียงยังสามารถบิลต์อินชั้นวางเพื่อจัดเก็บของได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยนะคะ   ห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง Duo Space 1 Bedroom ดีไซน์พิเศษด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตรขนาดห้อง 28.50 ตร.ม.  ซึ่งห้องนี้จะต่างจากห้องแบบแรกๆ ทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout ของห้องค่ะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัว ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร และวางโซฟาตัวยาวในส่วนของ Living Area ได้สบายๆ อีกทั้งยังสามารถแบ่งพื้นที่สำหรับมุมทำงาน ระเบียง และห้องน้ำได้ด้วย ในขณะที่ห้องนอนจะมีบันไดทำหน้าที่เชื่อมต่อไปถึงด้านบน ซึ่งจัดพื้นที่มาให้แบบกำลังดี สามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือสบายๆ แถมยังวางโต๊ะข้างและตู้เสื้อผ้าได้อีกด้วยค่ะ แปลนห้อง Duo Space 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตร.ม. สำหรับห้องนี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยค่ะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวไอคู่นะคะ ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์จะเป็นที่วางตู้เย็นติดกันนั้นเป็นตู้เก็บของบิลต์อินสูงจรดเพดาน ซึ่งชุดเคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ทางโครงการบิลต์อินตู้ลอย พร้อมเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้ามาให้แล้วนะคะ ในส่วนของห้องครัวก่อนจะเข้าไปพื้นที่พักผ่อนด้านในจะมีประตูบานเลื่อนกั้นด้วยนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร เปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามา จะเป็นโถงนั่งเล่นที่มีขนาดกว้างขว้าง และเป็นแบบ Double Volume ซึ่งจะมีความสูง 4.2 เมตร พื้นที่ติดกับครัวจะเป็นมุมรับประทานอาหารนะคะ พื้นที่ตรงข้ามกับมุมรับประทานอาหารจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกกั้นด้วยธรณีสูงขึ้นมานิดหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ นอกจากนี้ลูกบ้านยังจะได้อุปกรณ์ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งกระจกเงายาวไปตามแนวผนังเลยค่ะ ข้อดีคือช่วยสะท้อนหลอกตาให้ห้องดูกว้างขึ้นมาง่ายๆ ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาตัวยาวขนาด 3 ที่นั่งเอาไว้ แถมระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด โดยห้องดูสูงโปร่ง เพราะโอบล้อมด้วยกระจกใสที่สูงจรดเพดานด้านบน ซึ่งมีความสูงถึง 4.2 เมตรเลยนะคะ บริเวณข้างโซฟายังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับจัดให้เป็นมุมทำงานอีกด้วยนะคะ ในส่วนของคอนโซลทีวี ทางโครงการได้บิลต์อินให้อยู่ติดกับบันไดทางขึ้นไปห้องนอนค่ะ บันไดทางขึ้นไปส่วนพักผ่อนจะเป็นโครงเหล็ก ปูลูกนอนด้วยไม้เนื้อแข็งสีอ่อน ราวจับเป็นเหล็กขึ้นโครงทาสีดำนะคะ เดินไต่บันไดขึ้นมาก็จะพบกับส่วนพักผ่อน ที่ทางโครงการทำระเบียงกั้นพื้นที่ปลายเตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สำหรับพื้นที่พักผ่อนนั้น ทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ จะเสียอย่างเดียวก็คือไม่มีผนังสำหรับติดตั้งทีวีเท่านั้นเองค่ะ บริเวณข้างเตียงยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะข้างเหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ แถมโครงการยังบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาพร้อมเสร็จสรรพ เมื่อมองกลับลงมาจะเห็นว่าการจัดวาง Layout ของห้องนั้น ค่อนข้างกว้างขวางและลงตัวมากๆ ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้งานพื้นที่ทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ค่ะ   ใครที่ยังไม่เคยไปชมโครงการหรือกำลังตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดฯ ในแถบนี้อยู่แนะนำให้ไปชมบรรยากาศจริงดูค่ะ จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ต้องขอบอกเลยค่ะไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอน ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT กระทรวงสาธารณสุขเพียง 70 เมตร แถมรอบๆ โครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตั้งแต่ตลาดสดไปจนถึงห้างสรรพสินค้า และพื้นที่สีเขียวกว่า 1,000 ไร่ในกระทรวงสาธารณสุขที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสกับธรรมชาติ ต้องบอกว่าเป็นจุดแข็งที่ควรค่าแก่การลงทุนจริงๆ ค่ะ   พิเศษ!!! 15-16 ธ.ค นี้ " Origin แจกหนัก โปรแรงสุดแห่งปี" คอนโดพร้อมอยู่ 70 ม. จาก MRT !!! BIG YEAR BIG BONUS !!! *** แจก Bonus 10 เดือน !!! *** ** ฟรี ค่าส่วนกลาง 10 ปี ** แถมฟรี!! ค่าใช้จ่ายวันโอน *ค่าโอนกรรมสิทธิ์ *กองทุนอาคารชุด *มิเตอร์น้ำ *มิเตอร์ไฟ คอนโดพร้อมอยู่ 25 ชั้น ติดถนนใหญ่ ติวานนท์-แคราย "ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ ” ● คอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ เพียง 70 ม. จาก MRT สถานี กระทรวงสาธารณะสุข ● ให้ความรูัสึกถึงความเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย เพียง 373 ยูนิต กับเพดานสูง 4.2 เมตร ● เชื่อมต่อการคมนาคมที่สะดวกสบาย ด้วยทำเลติดถนนใหญ่ พร้อมเส้นทางไปขึ้นทางด่วนอย่างรวดเร็ว ● ใกล้สถานที่ราชการหลายแห่ง กระทรวงสาธารณะสุข , ศูนย์ราชการนนทบุรี ● ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี้ ติวานนท์ ,โลตัส แคราย , เอสพลานาด งามวงศ์วาน ● พิเศษ!!! สุดๆ 1 นอน จาก 2.59 เหลือ 2.29 ลบ.* DUPLEX จาก 3.66 เหลือ 3.39 ลบ. เท่านั้น * ● นัดหมาย สัมผัสห้องจริง สถานที่จริงได้แล้ววันนี้ คลิก https://bit.ly/2QbGz9x สอบถามโทร 061 401 9000          
Lumpini Mixx Vibhavadi-Chatuchak ทำเลแห่งอนาคต : รีวิวคอนโด

Lumpini Mixx Vibhavadi-Chatuchak ทำเลแห่งอนาคต : รีวิวคอนโด

ขึ้นชื่อว่าโครงการแบบ Mixed-Use ใครๆ ก็ต้องนึกถึงโครงการสุดหรูระดับ Super Luxury ขึ้นไป ซึ่งภายในโครงการจะเป็นการรวบรวมหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้มากมาย เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ไปจนถึงศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ออฟฟิศเกรดเอ พื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆ ที่ขาดไม่ได้คือคอนโดมิเนียม ซึ่งราคาก็สูงไปตามรูปแบบของโครงการนั้นๆ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นกลับแตกต่างจากโครงการ ลุมพินี มิกซ์ วิภาวดี-จตุจักร ที่มาในราคาเริ่มต้นประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม. และยังตั้งอยู่ในทำเลที่น่าสนใจอีกด้วยค่ะ   ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 3 ตรงหัวมุมซอยติดริมถนนใหญ่พอดี คือที่ตั้งของโครงการ Mixed-Use อย่าง “ลุมพินี มิกซ์ วิภาวดี จตุจักร” ซึ่งที่ดินติดริมถนนวิภาวดีรังสิตช่วงต้นแบบนี้หาได้ค่อนข้างยาก เพราะปัจจุบันจะเป็นอาคารออฟฟิศ กับสถานที่ราชการเสียส่วนใหญ่ โดยถนนวิภาวดีรังสิตเป็นถนนใหญ่ที่มีความสำคัญอย่างมากเส้นหนึ่งในกรุงเทพฯ เพราะเป็นถนนที่ผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่งของทั้งสองฝั่งถนน เริ่มต้นตั้งแต่แยกดินแดงตรงยาวตามถนนไปเรื่อยๆ ก็จะผ่านโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก - สโมสรทหารบก - สำนักงานใหญ่การบินไทย - อาคารเล้าเป้งง้วน1 - เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว - สำนักงานใหญ่ ปตท. - โรงพยาบาลวิภาวดี - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ - โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ - ไอทีสแควร์ หลักสี่ - สนามบินดอนเมือง จนถึงทางแยกต่างระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดปทุมธานี รวมความยาวประมาณ 24 กิโลเมตร และยังเป็นถนนที่มีทางยกระดับอุตราภิมุข(โทลเวย์) พาดผ่านตลอดทั้งเส้น ทำให้มีจุดขึ้น-ลง โทลเวย์อยู่เป็นระยะตลอดทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก และยังถือเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางออกต่างจังหวัดไปยังภาคกลาง-ภาคเหนือ หรือภาคอีสานอีกด้วย       วิภาวดีรังสิตซอย 3 ที่ตั้งของโครงการลุมพินี มิกซ์ วิภาวดี-จตุจักร มีความพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ เป็นซอยที่สามารถทะลุออกไปยังถนนพหลโยธินได้ โดยซอย 18 หรือซอย 18/1 ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ตรงข้ามกับตลาดนัดจตุจักรใกล้กับกรมขนส่งทางบก และรถไฟฟ้า BTS สถานี หมอชิต ซึ่งเป็นจุด Interchange กับ MRT สถานีจตุจักร ซึ่งในอนาคตประมาณปี 2563 ก็จะเปิดให้บริการส่วนต่อขยาย BTS หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่สำคัญคือบริเวณ MRT สถานีบางซื่อในปัจจุบัน กำลังจะกลายเป็น HUB ระดับ World Class ของการเดินทางแห่งใหม่ เพราะโครงการสถานีกลางบางซื่อที่กำลังเร่งก่อสร้างกันอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่ได้จะเป็นเพียงแค่ศูนย์กลางการเดินทางโดยระบบรางที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนทั้งรถไฟฟ้าหลายสายกับรถไฟความเร็วสูงเท่านั้น แต่จะมีทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์ประชุม และแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ อีกทั้งปัจจุบันยังเป็นจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัชที่ใกล้ที่สุดจากตัวโครงการ    ด้วยความที่เป็นโครงการมิกซ์ยูส จึงทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันอยู่ภายในที่อยู่อาศัยของตัวเอง ยิ่งหากใครมีออฟฟิศอยู่ที่เดียวกันกับที่อยู่อาศัยก็ยิ่งทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเบียดเสียดกับผู้คน หรือรถยนต์บนท้องถนนในชั่วโมงเร่งด่วนอันแออัด จากคอนโดเดินไป-กลับออฟฟิศ แวะหาอาหารกลับไปทานที่ห้องได้สบายๆ คงเป็นชีวิตในฝันของคนกรุงเทพฯ ใช่ไหมคะ   Lumpini Mixx Vibhavadi-Chatuchak โครงการอยู่บนที่ดินประมาณ 8 ไร่ ทั้งหมดมี 4 อาคาร ได้แก่ อาคาร A เป็นอาคารสำนักงาน สูง 21 ชั้น 105 ยูนิต อาคาร B เป็นอาคารสำนักงาน สูง 17 ชั้น 96 ยูนิต 1 ร้านค้า อาคาร c เป็นอาคารจอดรถ สูง 8 ชั้น จอดได้ 271 คัน ไม่รวมซ้อนคัน 4 ร้านค้า และอาคาร D คอนโดมิเนียม สูง 21 ช้้น    *ภาพจำลองเพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม *ภาพจำลองเพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   บรรยากาศชั้นล่างของโซนอาคารคอนโดมิเนียมนั้นร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอดสองข้างทาง   *ภาพจำลองเพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม *ภาพจำลองเพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   สระว่ายน้ำวิวเมืองอยู่บนอาคารจอดรถ ซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อจากอาคารที่พักอาศัย     โดยวันนี้เราจะพูดถึงในส่วนของคอนโดมิเนียม ภายใต้ชื่อว่า "Lumpini Park Vibhavadi-Chatuchak"  อาคาร High Rise 21 ชั้น จำนวน 736 ยูนิต ขนาดห้อง 24.00-53.00 ตร.ม. ส่วนที่จอดรถจะแยกอยู่ที่อาคาร C ค่ะ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ แล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคม 2562 ราคาเริ่มต้นประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม. มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool, Co-living Area, Out Fitness Area, Street Basketball, Pocket Garden, Co-Living Zone, Co-Working Zone *ภาพจำลองเพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม    อาคารคอนโดมิเนียม 21 ชั้น และอาคารจอดรถ 8 ชั้นแยกตัวออกจากกัน   Floor Plan *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   ชั้นล่างสุดของอาคารคอนโดมิเนียม และอาคารจอดรถทางด้านขวา รอบๆ ตัวคอนโดมิเนียมมีลู่วิ่ง หรือสำหรับขี่จักรยานเป็นวงกลมได้รอบตึก มีมุมสนามสตรีทบาส และพื้นที่สวนสีเขียวสำหรับนั่งพักผ่อน *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   ที่ชั้น 7 ของอาคารคอนโดมิเนียมมีทางเดินเชื่อมต่อไปยัง Facility ที่อยู่บนอาคารจอดรถข้างๆ *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม       *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   ชั้นพักอาศัยบางชั้นจะมีมุมสวนสีเขียวอยู่ทั้งสองฝั่งของอาคาร ยูนิตที่พักวางแบบ Double Corridor มีลิฟท์โดยสาร 4 ตัว อยู่ตรงกลางอาคาร   Unit Plan *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   STUDIO 24.00 ตร.ม. ห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   1 Bedroom 28.50 ตร.ม. *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   1 Bedroom Corner 28.50 ตร.ม. *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   1 Bedroom 33.50 ตร.ม. *รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   2 Bedrooms 53.00 ตร.ม.   โครงการนี้ถือว่ากระแสดีตั้งแต่เริ่มเปิดตัวค่ะ เชื่อว่าวันเปิด Pre sale จะได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเพราะมีการถามถึงรายละเอียดโครงการกันเข้ามาไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยทำเลที่ดีเยี่ยมทั้งปัจจุบันและต่อไปในอนาคตประกอบกับราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ซึ่งจะเตรียมเปิดขายในวันที่ 9 มิ.ย. นี้แล้วค่ะ ในราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท พร้อมแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น และเฟอร์นิเจอร์ครบค่ะ  
KINN Kaffe & Craft จิบกาแฟในสวนลับย่านลาดพร้าว

KINN Kaffe & Craft จิบกาแฟในสวนลับย่านลาดพร้าว

ลึกเข้าไปในซอยลาดพร้าว 25 บริบทรอบข้างเต็มไปด้วยบ้านเรือนและตึกเป็นส่วนใหญ่ แต่พื้นที่เกือบสุดทางของซอยตันนี้กลับมีบ้านไม้หลังเก่ายุค 90's ถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นคาเฟ่ ภายใต้ชื่อ KINN Kaffe & Craft ที่คอยเปิดต้อนรับทุกคนอยู่ ด้วยร่มไม้เขียวขจีริมรั้วเตี้ยและประตูสีฟ้าเปิดกว้างรอต้อนรับให้ทุกคนไปนั่งจิบกาแฟเพลินๆ สัมผัสกับธรรมชาติใจกลางเมืองอันหาได้ยากในมหานครคอนกรีตแห่งนี้.. ทันทีที่เดินแหวกม่านขาวบางเข้าไปในบริเวณร้าน เราต้องหยุดชะงักให้กับความร่มรื่นที่ซ่อนตัวอยู่ใจกลางเมือง เพราะพื้นที่ตรงหน้าคือสวนสวยเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ทั้งไม้ยืนต้นอย่าง มะม่วง, ชมพู่, ลีลาวดี ไปจนถึงไม้แขวนอย่างเฟินสไบนางพุ่มใหญ่ และไม้ประดับอย่างแคคตัส เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากความตั้งใจของสถาปนิกหนุ่มสาว คุณวิน ชิตชนันท์ ขรขันฑ์ และคุณเนย วิริญจ์ลดา เลิศธัญทวี เจ้าของร้านที่ต้องการจะรีโนเวตบ้านไม้ชั้นครึ่งหลังเก่า ในพื้นที่ราว 100 ตารางวา ให้กลายเป็นออฟฟิศภูมิสถาปัตย์กึ่ง Co-working space เล็กๆ สำหรับการทำงานและการพักผ่อนในคราวเดียว รวมถึงเพิ่มฟังก์ชั่นของคาเฟ่เข้าไป เพื่อให้บ้านหลังเล็กแห่งนี้เป็นพื้นที่แห่งความอบอุ่น ท่ามกลางสวนสีเขียวกับความสุขเล็กๆ รอบตัวแก่ผู้มาเยือนทุกคน เมื่อมีคอนเซ็ปต์ร้านที่ชัดเจนแล้ว เจ้าของร้านจึงเริ่มต้นปรับปรุงตัวบ้านไม้ที่มีสภาพผุพังไปตามกาลเวลา โดยต้องการให้พื้นที่ภายใน โปร่งโล่ง ไม่อึดอัด จึงทุบผนังบางส่วน แต่ยังคงโครงสร้างอาคารเดิมไว้ เพื่อเปิดให้สเปซเชื่อมถึงกัน จากพื้นที่ชั้นล่างสู่ชั้นบนที่การใช้งานเดิมเป็นเพียงห้องรับแขก และห้องนอนซึ่งเชื่อมกันด้วยบันไดไม้ขนาดเล็ก บริเวณชั้นล่างของบ้านไม้เก่ายุค 90’s ถูกต่อเติมให้เป็นพื้นที่ต้อนรับ พร้อมเคาน์เตอร์บาร์ไม้ขนาดใหญ่ หน้าฝาบ้านไม้เก่าแบบโบราณทาสีใหม่ประดับด้วยของสะสมสไตล์วินเทจทั้งของเก่าพื้นเมืองและของใหม่ อาทิ รูปปั้น, กรอบรูป, เครื่องจักรสาน ที่แทรกด้วยกระถางต้นไม้ขนาดเล็ก และช่อดอกไม้แห้งเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของคาเฟ่สีเขียว รวมถึงต่อเติมชายคาส่วนหน้าบ้านด้วยโครงสร้างกระจกให้เป็นส่วน Green House พร้อมสวนสีเขียวขจี ขยับมายังส่วนพื้นที่ชั้นลอยถูกเนรมิตให้เป็นมุมนั่งเล่นจิบกาแฟ ในบรรยากาศโฮมออฟฟิศ กับมุมโซฟาหนังสุดคลาสสิกขนาดใหญ่ และมุมที่นั่งริมชาน คุมโทนด้วยการเลือกใช้ของตกแต่งสีเขียวและสีน้ำตาล ให้ความรู้สึกอบอุ่น สงบ และสบาย อีกทั้งเจาะช่องแสงเพิ่มระหว่างฝาบ้านทำให้แสงธรรมชาติจากภายนอกส่องเข้าถึงพื้นที่ภายในได้เป็นอย่างดี ในส่วนของบริเวณโดยรอบ เจ้าของร้านปรับพื้นที่โดยเปลี่ยนโรงจอดรถเก่าให้เป็นโซนที่นั่งแบบเอ๊าต์ดอร์ มาพร้อมสนามหญ้าและสวนขนาดเล็กแทรกอยู่ตามบริเวณมุมต่างๆ จัดวางชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่ พร้อมทั้งกระถางต้นไม้หลากหลายขนาด สร้างบรรยากาศด้วยม่านโปร่งแสงสีขาวปลิวไสวไปตามกระแสลม พร้อมเสียงเพลงสากลอินดี้โฟล์ก ที่บางคราวถูกแทนที่ด้วยดนตรีแจ๊ซเปิดคลอ เหมาะแก่การจิบกาแฟ, ประชุม,  นั่งทำงาน, อ่านหนังสือ ไปจนถ่ายรูปเพลินๆ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่มีศักยภาพเป็นจุดพักสายตา ใครที่มองหาเครื่องดื่มเย็นๆ คลายร้อน ขอแนะนำเมนูซิกเนเจอร์อย่าง KINN Iced Kaffe กาแฟเย็นสูตรพิเศษของทางร้านที่เพิ่มรสชาติด้วยไซรัปสูตรพิเศษหอมหวานชื่นใจ โดยเน้นเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีชงแก้วต่อแก้ว เพื่อให้ได้รสชาติเข้ม กลมกล่อม ยิ่งถ้าทานคู่กับ Blueberry Cheese Pie สูตรของทางร้านด้วยล่ะก็..ยิ่งเพิ่มความฟินที่ดีต่อใจ ภายใต้บรรยากาศบนพื้นที่สีเขียวแสนร่มรื่นใจกลางลาดพร้าวแห่งนี้เหลือเกิน หากคุณเป็นคอกาแฟและต้องการหาคาเฟ่สงบๆ หลบหลีกชีวิตที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวง KINN Kaffe & Craft คืออีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ตัวร้านตั้งอยู่ที่ 6/22 ซอยลาดพร้าว 25 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook/kinnkaffe หรือ Instagram/kinnkaffe
Noble Around Ari – โนเบิล อะราวน์ อารีย์ : รีวิวคอนโด

Noble Around Ari – โนเบิล อะราวน์ อารีย์ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ   ชื่อโครงการ : Noble Around Ari (โนเบิล อะราวน์ อารีย์) เจ้าของโครงการ : บริษัท โนเบิ้ล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ถนนดินแดง 1 แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. พื้นที่โครงการ : 3 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 26 ชั้น จำนวนยูนิต : 522 ยูนิต พื้นที่จอดรถ : พื้นที่จอดรถ 47%   ขนาดห้อง : - 1 ห้องนอน : 26.40 - 34.90 ตร.ม. - 1 ห้องนอน พลัส : 41.60 - 44.70 ตร.ม. - 2 ห้องนอน : 52.80 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สวนส่วนกลางที่ชั้น G, และชั้นดาดฟ้าอาคาร X และ Y - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.   ราคา : เริ่มต้น 5,800,000 บาท จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม High Rise "Around Ari…คือความสัมพันธ์ระหว่างศาสตร์ของการอยู่อาศัยและศิลป์ของการใช้ชีวิตท่ามกลางไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ รอบตัวเผยตัวตนในย่านสุดฮิปที่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมอันน่าหลงใหลใจกลางอารีย์" ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีอารีย์ สถานที่ใกล้เคียง : La Villa อารีย์ ,Pear Tower ,ตลาดซอยอารีย์ ,Aqua,The Seasons ,ตลาดนัดจตุจักร  
PLENO พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ระดับ Professional ผู้นำแห่งการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบกว่า 10 ปี [Advertorial] : รีวิวทาวน์โฮม

PLENO พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ระดับ Professional ผู้นำแห่งการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบกว่า 10 ปี [Advertorial] : รีวิวทาวน์โฮม

พักหลังๆ มานี้ตลาดซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์บ้านเรามีประเภทที่อยู่อาศัยให้ผู้บริโภคได้เลือกกันหลากหลาย ซึ่งหนึ่งในที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ “ทาวน์โฮม” เพราะจับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางแถมยังมีราคาให้เลือกหลายระดับ ดังนั้นจึงจะเห็นว่าผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากมายต่างเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมในหลายทำเล  เพื่อตอบโจทย์และดึงดูดความสนใจผู้บริโภคให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อพูดถึงทาวน์โฮมคุณภาพในสังคมมีระดับขึ้นมาในนาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น เจ้าตลาดทาวน์โฮมอันดับหนึ่งของไทย จากผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทุกโครงการให้ออกมาตอบโจทย์ตรงใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พรีเมียมทาวน์โฮม “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ครองใจผู้อยู่อาศัยมากกว่า 30 โครงการ 30,000 ครอบครัวในระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี   และในปี 2018 นี้ แบรนด์แนวราบอย่าง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น รูปแบบใหม่ 2018 ก็ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของความเป็น Professional จากการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างมาตรฐานใหม่ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ ทางแบรนด์ก็ได้สร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งจนเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดที่ต้องการให้ “บ้านเป็นได้มากกว่าแค่การอยู่อาศัย” โดยคำนึงถึงการใช้ชีวิตของทุกคนในบ้านเสมอ กล่าวคือเป็นบ้านที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานได้จริงของทุกคนในทุก Generation ยึดหลักการออกแบบ universal design คำนึงถึงการใช้งานของทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ กลุ่มคนวัยรุ่น ก็ต่างอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่ขัดเขิน แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การหาทำเลที่ตั้งของโครงการที่ผสานทุกไลฟ์สไตล์ให้หลากหลายบนทำเลครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ เชื่อมต่อทุกการเดินทางให้เป็นเรื่องง่ายและสะดวก ทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน และถนนใหญ่ แวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรอบโครงการ อาทิ วัดวาอาราม, สถานศึกษา, สถานพยาบาลชั้นนำ, ร้านอาหาร และแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่อยู่ในรัศมีใกล้กับโครงการ   ทั้งนี้ทางแบรนด์ก็ยังคงใส่ใจในเรื่องการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับการวางผังของโครงการก็ยังคำนึกถึงหลักภูมิศาสตร์ทางแสงแดดและลม รวมถึงแปลนบ้านที่พัฒนาให้สอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ ดูโดดเด่นแบบ UNIQUE DESIGN แตกต่างทั้งด้านพื้นที่ใช้สอย และดีไซน์ที่โดดเด่นสวยงามไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังหยิบเอาเสน่ห์และเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบส่วนต่างๆ ผสมผสานกับนวัตกรรมการออกแบบที่ล้ำสมัย เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าโครงการที่ดูโออ่าใหญ่โตและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวบ่งบอกถึงความพรีเมียมของโครงการ นอกจากนี้พื้นที่บริเวณคลับเฮาส์ยังจัดเต็มแบบสุดขีด โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตั้งแต่สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่รับแขก และสวน โดยออกแบบให้เกิดเป็นมิติไม่เหมือนใคร สนามหญ้าก็ไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่พักผ่อน เดินเล่นเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นพื้นที่กิจกรรมเชื่อมต่อทุกชีวิตของครอบครัวให้เป็นหนึ่งเดียว นอกเหนือจากนั้นก็หมดห่วงไร้กังวลด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมทั่วทั้งโครงการอย่างเป็นมิตรกับลูกบ้าน และนี่คือข้อพิสูจน์ที่ทำให้เห็นแล้วว่า “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ครองใจลูกบ้านและมัดใจผู้ซื้อมายาวนานกว่า 10 ปีได้อย่างไร   10 ความพรีเมียมที่ PLENO (พลีโน่) พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มอบให้ลูกบ้านมาตลอด 10 ปี และเพื่อเป็นการเน้นย้ำจุดแข็งของผู้เชี่ยวชาญ Professional ในด้าน SPACE SPECIALIST ทั้งในด้านหลักการ “คิด” และ “สร้าง” ที่อยู่อาศัย ดังนั้นเรามาดูกันว่า 10 ความพรีเมี่ยมที่แบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มอบให้กับลูกบ้านในสังคมคุณภาพที่สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ทำเล จุดทางเข้าออกของโครงการจนไปถึงรายละเอียดของพื้นที่ภายในบ้าน จนขึ้นแท่นก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอทาวน์โฮมอย่างแท้จริงนั้นมีอะไรบ้าง..   1. Premium Location EASY-ACCESSING ทำเลถูกผสมผสานไปกับทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายบนทำเลที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ เชื่อมต่อทุกเดินทาง ทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน และถนนใหญ่   2. Premium Facility IMMAGINATION MAXIMIZE ให้ทุกกิจกรรมเป็นไปได้สำหรับคนทุกวัย บนส่วนกลางขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำสำหรับลูกน้อย ฟิตเนสสำหรับคุณพ่อคุณแม่ และสวนสีเขียวเต็มพื้นที่ที่กลายเปนปอดแห่งใหม่ใจกลางเมือง   3. Premium Security SAFE & SOUND อบอุ่นและมั่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Pleno มุ่งมั่นให้ความใส่ใจมาเสมอ   4. Premium Innovation INNOVATION IS A MUST แบบแปลนบ้านที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมีการคิด พัฒนา เรื่องดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่อยู่อย่างเสมอ เช่น เพดานโปร่ง สูงกว่า 3 เมตร, Double Garden การนำพื้นที่สีเขียวเข้ามาอยู่ในบ้าน รวมไปถึงการวางแผนผังโครงการที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ทิศทางลมและแสงแดด   5. Premium Living PROUD & GOOD SOCIETY เพราะสภาพสังคมที่ดีถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง สภาพแวดล้อมและสังคมเพื่อนบ้านที่ดีคือสิ่งหนึ่งที่ทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ได้หล่อหลอมให้ลูกบ้านทุกคนไม่เพียงแต่มีความสุขในการใช้ชิวิตภายในครอบครัวแล้ว การได้รู้จักแบ่งปันความสุขและคำนึงถึงเพื่อนบ้านเป็นสำคัญ คือสิ่งที่ทำให้สังคมคุณภาพของพลีโน่นั้นได้รับการยอมรับ สัมผัส และพิสูจน์ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เข้าอยู่ ทุกๆ วันของการใช้ชีวิต และต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่นไม่รู้จบ   6. Premium Technology SMART LIVING คิดค้นและเติมเต็มอยู่เสมอ ในปี 2018 นอกจากทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น จะพัฒนาตัวบ้านเพื่อสอดรับกับคนรุ่นใหม่อยู่ตลอด ยังพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยด้วย Digital Series & Smart Function เพื่อให้ทุกตารางนิ้วของบ้านนั้นเกิดประโยชน์และอำนวยความสะดวกสูงสุด กลายเป็นทาวน์โฮมนวัตกรรมใหม่ ล้ำสมัยตอบโจทย์คนปัจจุบัน   7. Premium Design   UNIQUE DESIGN งานออกแบบและศิลปะเป็นสิ่งที่ทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น เลือกนำเสนอให้กับลูกบ้านอยู่เสมอ การหยิบเอาเสน่ห์และเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบส่วนต่างๆ ของโครงการก็เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าโออ่า คลับเฮ้าส์ดีไซน์เท่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังยึดหลักการออกแบบ universal design คำนึงถึงการใช้งานของทุกเพศ ทุกวัย โดดเด่นด้วยการออกแบบให้ใช้งานได้จริง โดยได้คำนึงถึงคนในทุก Generation ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ กลุ่มคนวัยรุ่น   8. Premium Material พิถีพิถันในทุกรายละเอียดที่สัมผัสได้ วัสดุที่ใช้ผนวกเข้ากับงานดีไซน์ที่ทำให้ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มีความสวยงามทั้งภายใน และภายนอก   9. Premium Park สวนสีเขียวขนาดใหญ่ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติเต็มพื้นที่ กลายเป็นปอดแห่งใหม่ใจกลางเมือง   10. Premium Space แบบบ้านที่หลากหลายไม่เคยหยุดพัฒนา กว่า 50 แบบบ้านที่ส่งมอบความสุขในการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านกว่า 30,000 กว่าครอบครัว ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่มุ่งมอบความสบายของการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านทุกครัวเรือน   สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ทาวน์โฮมแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ทุกโมเดลได้รับการตอบรับที่ดี จากความใส่ใจ และจริงจังในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยครอบคลุมทั่วทุกโซนรอบกรุงเทพ ด้วยราคาที่คุ้มค่าสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย และทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดแหล่งการค้าไลฟ์สไตล์ ศูนย์การค้า เชื่อมต่อการเดินทาง ในแต่ละโซนทั่วกรุงเทพฯ ประกอบกับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้โครงการปิดการขายได้เพียงไม่กี่วันหลังจากสร้างเสร็จ ซึ่งนอกจากแบรนด์ PLENO พรีเมี่ยมทาวน์โฮมที่รู้จักกันดีแล้ว ยังมีแบรนด์ GRANDE PLENO รูปแบบบ้านดีไซน์ใหม่* ที่กำลังมาแรงสร้างความแตกต่างระดับเหนือกว่าทาวน์โฮมรูปแบบเดิมๆ อีกด้วย   และในปี 2018 ทางแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ได้เตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ พร้อมกับงาน #goodsociety ตลอดเดือน พ.ค. นี้ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษกับ 12 โครงการพร้อมอยู่ในงาน โดย 2 โครงการใหม่ที่ว่าก็คือ..   1. PLENO รังสิต-คลอง 4 โครงการใหม่ PLENO รังสิต-คลอง 4 เปิดมุมมองใหม่ของการใช้ชีวิต... ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติรอบตัวคุณ ใกล้จุดขึ้น-ลง ทางด่วน วงแหวนเพียง 5 นาที ราคาเริ่ม 1.89 ล้าน   2. PLENO ปิ่นเกล้า-จรัญ โครงการใหม่ PLENO ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ สัมผัสชีวิตที่สมบูรณ์แบบในทำเลเด่น ใกล้เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และทางด่วนมีส่วนลด 300,000 บาท ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้าน   สุดท้าย..ใครที่กำลังมองหาบ้านดีๆ สักหลังในราคาไม่แพงเกินเอื้อม และอยากที่จะคว้ามาเป็นรางวัลให้กับชีวิต Review Your  Living ไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสดีๆ ในการเป็นเจ้าของทาวน์โฮมที่จะมาตอบทุกโจทย์ให้กับชีวิต พร้อมสร้างความสุขได้แบบไม่รู้จบไปพบกันได้ที่ งาน #goodsociety ตลอดเดือน พ.ค.นี้ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษในงาน เริ่มต้นเพียง 1.89 ล้าน รับเต็มแม็ค พร้อมอยู่ฟรี! ไม่ต้องผ่อน* รับของเพิ่ม X5* ส่วนลด 300,000 บาท*
Chewathai Phetkasem 27 เติมเต็มให้ชีวิตไร้รอยต่อ : รีวิวคอนโด

Chewathai Phetkasem 27 เติมเต็มให้ชีวิตไร้รอยต่อ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปชมคอนโดมิเนียมอีกหนึ่งทำเลดีที่เหมาะกับทั้งอยู่อาศัยเองและลงทุนปล่อยเช่า เพราะอยู่ในแหล่งใกล้ทั้งมหาวิทยาลัยและรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลายแห่งแถมยังมีคอมมูนิตี้เป็นของตัวเองหน้าโครงการอีกด้วย ซึ่งขณะนี้คอนโดสร้างเสร็จ 100% แล้ว         ถนนเพชรเกษม เป็นถนนสายหลักสำคัญสายหนึ่งในบ้านเราที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปได้อีกหลายเส้นทาง โดยเฉพาะเพชรเกษมช่วงต้นที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สถานีบางหว้า บริเวณสี่แยกเพชร-ราชพฤกษ์ โดยอยู่ห่างจากโครงการเพียง 300 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะที่เดินได้สะดวก ที่สำคัญคือสถานีบางหว้ากลายเป็นจุด Interchange ระหว่างสายสีเขียวเข้มกับสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค ก็จะยิ่งทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองและสถานที่สำคัญหลายแห่งเพิ่มมากขึ้น และด้วยตัวโครงการชีวาทัย เพชรเกษม 27 ตั้งอยู่ปากซอยเพชรเกษม 27 ตรงข้ามมหาวิทยาลัยสยามพอดี จากหน้าโครงการตรงไป 5 กิโลเมตร มีจุดขึ้น-ลง ถนนกาญจนาภิเษก(วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก) เชื่อมต่อไปยังทางด่วนสายอื่นได้อย่างง่ายดาย ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้กับห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค เดอะมอลล์ บางแค โรงพยาบาลเพชรเกษม 2 เทสโก้โลตัส บางแค ฯลฯ ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็ห่างจากโครงการอยู่ในระยะไม่เกิน 6 กิโลเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าย่านนี้เป็นช่วงถนนที่มีความคึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่งของเพชรเกษมก็ว่าได้ ทำเลนี้จึงน่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ เพราะจะเลือกใช้การเดินทางแบบไหนก็ง่ายดาย   หากพูดถึงเรื่องราคา 84,000 บาท/ตร.ม. แล้วถือว่าไม่แพงจนเกินไปสำหรับคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าแถมให้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบแบบ Fully Furnished  ส่วนในแง่ของนักลงทุนจะสามารถปล่อยเช่านักศึกษาและคนทำงานย่าน CBD อย่างสาทร-สีลมได้ง่ายมากด้วยทำเล หรือจะเก็งกำไรระยะยาวตอนที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดให้บริการก็จะยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนด้วยจุดขายที่เป็น Interchange               ชีวาทัย เพชรเกษม 27 คอนโดมิเนียม High Rise 26 ชั้น 638 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ มาพร้อมกับแนวคิดคอนโดสไตล์รีสอร์ท เน้นความร่มรื่น ให้ได้ใช้ช่วงเวลาส่วนตัวพักผ่อนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ติดถนนใหญ่สามารถเลือกเดินทางได้หลายเส้นทางอย่างสะดวกสบาย โดย Facility ของโครงการจะอยู่หน้าทางเข้าโครงการเป็นสวนสีเขียวก่อนถึงตัวอาคาร และชั้น 4 ที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางแห่งการพักผ่อนของลูกบ้าน มีทั้งสวยลอยฟ้าที่จะได้วิวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินด้านหน้าตัวอาคาร ฟิตเนสที่เป็นห้องกระจกล้อมรอบทำให้รู้สึกไม่อึดอัดจนเกินไป สระว่ายน้ำพร้อมลานพักผ่อนให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่สุด     หนึ่งในความโดดเด่นของโครงการนี้คือการมีร้านค้าถึง 14 ช้อป 2 ชั้นอยู่หน้าโครงการ เช่น ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายยา ฯลฯ เปรียบเสมือนมีคอมมูนิตี้อยู่ในโครงการเองเลย พร้อมมีทางเชื่อมต่อกับสะพานลอยจากชั้น 2 ของคอมมูนิตี้มอลล์ไปยังหน้ามหาวิทยาลัยสยาม ทำให้ในวันหยุดพักผ่อนก็ไม่ต้องออกไปไหนไกล แค่อยู่ในโครงการก็ครบทุกความต้องการในแห่งเดียว   Floor Plan  โครงการตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษม หลังโครงการติดคลองภาษีเจริญ     Facility ชั้น 4 มีสวนลอยฟ้า ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ อาคารวางแปลนเป็นรูปตัว L หน้าโครงการหันทางด้านทิศเหนือ ชั้น 5-26 เป็นยูนิต ที่พักอาศัย ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์ขนของ 1 ตัว บันไดหนีไฟ 2 จุด   Unit Plan A1 STUDIO 24 ตร.ม.   C1 One Bedroom 31 ตร.ม.   C2 One Bedroom 31 ตร.ม.   D2 Two Bedroom 43 ตร.ม.   จาก BTS สถานีบางหว้า-Chewathai Phetkasem 27 วันนี้เราใช้วิธีการเดินทางโดยนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสมาลงที่สถานีบางหว้า ลงทางออกที่ 4 ค่ะ เดินลงมาจากสถานีจะเห็นว่ามีจุด Interchange กับสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค คาดว่าจะเปิดให้บริการปี 2562 ค่ะ   ประมาณ 300 เมตรก็จะเห็นตัวโครงการ ซึ่งมีสะพานลอยที่เชื่อมต่อเข้าในคอมมูนิตี้มอลล์ในโครงการเลยค่ะ   เดินชมโครงการ ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จ 100% แล้วค่ะ พร้อมเปิดให้เข้าชมได้ เราเดินเข้าไปชมพร้อมกันเลยค่ะ ทางเข้าไปอาคารจอดรถด้านหลังกั้นด้วย Keycard Access Control Lobby มีที่นั่งสำหรับรับแขก เพดานสูงๆ แบบนี้ทำให้ภายในดูโอ่โถงขึ้นเยอะเลยค่ะ ห้อง Mail Box ถูกแยกออกมาเป็นสัดส่วน Mail Box ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมสีเงินดูโมเดิร์นดีนะคะ มุมด้านหนึ่งของ Lobby ถูกจัดให้เป็นห้องประชุมค่ะ ภายในห้องประชุมใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง วางโต๊ะประชุมใหญ่ไว้กลางห้องรองรับได้มากกว่า 10 คน มีประตูบานเลื่อนที่สามารถปิดเข้ามุมกันได้พอดี สร้างความเป็นส่วนตัวในการประชุมยิ่งขึ้น ขึ้นลิฟท์ไปดูที่ชั้น 4 ซึ่งเป็น Facility ของโครงการกันค่ะ โถงลิฟท์ของแต่ละชั้นได้แสงสว่างจากด้านนอก เข้ามาดูภายในห้องฟิตเนสค่ะ เป็นห้องกระจกล้อมรอบทุกด้าน มีเครื่องออกกำลังกายครบครัน ตรงลู่วิ่งเราสามารถมองออกไปเห็นสวนลอยฟ้าด้านหน้าค่ะ บริเวณสวนลอยฟ้าที่สามารถมองเห็นจากฟิตเนสเมื่อสักครู่ เป็นลานกว้างๆ แบ่งเป็นส่วนพื้นไม้กับส่วนพื้นหญ้า มองเห็นวิวด้านหน้าโครงการเลยค่ะ บรรยากาศอาคารสไตล์รีสอร์ทตามคอนเซป สระว่ายน้ำทรงฟรีฟอร์ม ห้องพักทิศตะวันตกนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำสวยๆ ด้วยค่ะ ทางเดินรอบสระว่ายน้ำ สามารถวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ ได้ ด้านหลังสุดถัดจากสระว่ายน้ำมีพื้นที่ให้นั่งเล่นพักผ่อน ที่ชั้น 4 มีห้องน้ำส่วนกลางแยกชาย-หญิง พร้อมกับมีล็อคเกอร์สำหรับเก็บอุปกรณ์ให้ด้วยค่ะ   เปิดห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่าง Type A1 STUDIO ขนาด 24 ตร.ม. ห้องพักถูกวางแบบ Double Corridor ประตูห้องใช้ลูกกุญแจล็อคปกติ ห้องแบบ STUDIO พื้นปูด้วยลามิเนต ความสูงเพดาน 2.4 เมตร พื้นที่แรกเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง เบาะหนังสีเทาเข้มแบบนี้ได้เหมือนกันทุกห้องเลยค่ะ ตรงข้ามโซฟาเราจะได้ Built In เคาน์เตอร์ทีวีปิดผิวด้วยลามิเนตลักษณะนี้เลยค่ะ ต่อจากพื้นที่ห้องนั่งเล่นก็เป็นเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ซึ่งจะได้ตัวเตียงมาด้วย แต่ไม่มีฟูกนะคะ สามารถเดินได้ทั้งสองข้างของเตียง ส่วนปลายเตียงเป็น Built In ตู้เสื้อผ้าแบบประตูบานเลื่อน มาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศแบรนด์ Panasonic กั้นโซนห้องครัวด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งปกติแล้วไม่ค่อยมีโครงการไหนกั้นมาให้แบบนี้นะคะ ใครที่ชอบทำครัวก็หมดห่วงเรื่องกลิ่นได้เลย ห้องครัวเราจะได้ Built In เคาน์เตอร์ครัว มีช่องสำหรับวางตู้เย็นข้างๆ โต๊ะอาหารขนาด 2 ที่นั่งนี้ ทางโครงการก็ให้มาอีกนะคะ เป็นห้อง STUDIO ที่คุ้มมากๆ TOP ครัวลามิเนต พร้อมซิงค์ล้างจาน มีช่องวางไมโครเวฟด้านล่าง ลิ้นชักแบ่งช่องวางช้อนส้อมมาเรียบร้อยค่ะ ข้างเคาน์เตอร์ครัวเป็นระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเขียวตัดแสง ระเบียงปูด้วยพื้นกระเบื้อง ราวกั้นตกเหล็กโปร่งสีดำ มีท่อน้ำพร้อมปลั๊กไฟสำหรับวางเครื่องซักผ้าได้พอดีค่ะ Condensing Unit แขวนไว้ด้านบนหันหน้าออกนอกอาคาร กลับเข้ามาในห้อง จะพบกับห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำปูพื้นและผนังด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม แบ่งส่วนแห้งทางซ้ายมือ กลางห้องน้ำเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังพร้อมกระจกเงาทรงสูงค่ะ ส่วนเปียกอยู่ทางขวามือ   ห้องตัวอย่าง Type C2 ONE BEDROOM ขนาด 31 ตร.ม.   ส่วนแรกเป็นครัวเปิดและเชื่อมต่อห้องนั่งเล่นด้านใน ทางขวามือหลังประตูห้องจะมีช่องว่างที่สามารถ Built in ชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้าได้ เคาน์เตอร์ครัวอยู่ทางซ้ายมือของห้อง ถัดไปทางขวาเป็นช่องวางตู้เย็นค่ะ TOP ครัวลามิเนตพร้อมซิงค์ล้างจาน บานตู้และลิ้นชักติดระบบ Soft Close มีโต๊ะอาหารพร้อมเก้าอี้บุนวมหุ้มหนัง 2 ตัวมาให้แบบเดียวกันทุกห้องค่ะ เดินลึกเข้าไปเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นค่ะ จะสังเกตได้ว่าโซฟาที่ทางโครงการให้มามีช่องวางของอยู่ด้านข้างด้วย มีพื้นที่สำรับวางโต๊ะกลางได้ ส่วนเคาน์เตอร์วางทีวีก็มีชั้นสำหรับเก็บของอยู่หลายช่อง ใต้ Condensing Unit เป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ห้องทางทิศตะวันตกจะได้วิวสระว่ายน้ำแบบนี้ด้วยค่ะ ห้องนอนมี Built In ตู้เสื้อผ้า ถัดไปเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ข้างเตียงนอนมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อน 2 ตอน เครื่องปรับอากาศติดตั้งไว้ปลายเตียง อีกฝั่งของห้องถัดจากตู้เสื้อผ้าเป็นห้องน้ำในตัวค่ะ ภายในห้องน้ำจะเจอส่วนแห้งก่อนส่วนเปียกด้านใน ขวามือเป็นอ่างล้างหน้า พร้อมกระจกเงา ทางซ้ายของห้องน้ำเป็นโถสุขภัณฑ์ ตรงส่วนเปียกมีการเจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ   ห้องตัวอย่าง Type D2 TWO BEDROOM ขนาด 43 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาจากซ้ายก็จะเป็นโต๊ะทานอาหาร ห้องครัว ห้องนอนเล็ก ห้องนั่งเล่น ห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำ และห้องซักล้าง ห้องนั่งเล่นกว้างขวางดีค่ะ สามารถวางโซฟาพร้อมโต๊ะกลางได้โดยเหลือพื้นที่ทางเดินได้สะดวก ออกมาจาก Master Bedroom มาตรงกลางห้องจะแบ่งป็นโต๊ะ ทานอาหารกับห้องนั่งเล่น โต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่ีนั่งอยู่หน้าห้องครัวสะดวกสบายมากค่ะ ภายในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต เอาไว้ข้างหน้าต่างกระจกบานเลื่อน พร้อม Built In ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนพร้อม โต๊ะเคร่ืองแป้ง ซึ่งเครื่องปรับอากาศถูกติดตั้งอยู่เหนือเครื่องปรับอากาศค่ะ ห้องนอนนี้จะมีเตียงขนาด 3.5 ฟุต วางชิดกำแพงห้องข้างเตียงเป็นหน้าต่างกระจกบานเลื่อน วิวจากระเบียงห้องค่ะ จะเห็นมหาวิทยาลัยสยามอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี ส่วนขวามือก็คือรถไฟฟ้าสถานีบางหว้าค่ะ   ชีวาทัย เพชรเกษม 27 คอนโดมิเนียมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์หน้าอาคารทำให้ไม่ต้องออกไปไหนไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จะเดินบนทางเชื่อมสะพานลอยเพื่อไปเรียน หรือจะเดินด้วยบีทีเอสไปทำงานย่านสาทรก็เป็นเรื่องง่ายดาย สามารถเติมเต็มทุกการใช้ชีวิตได้อย่างไร้รอยต่อ     
บ้านกลางเมือง พระราม 9 – อ่อนนุช เชื่อมต่ออย่างลงตัว ง่ายทุกการเดินทาง [Advertorial] : รีวิวทาวน์โฮม

บ้านกลางเมือง พระราม 9 – อ่อนนุช เชื่อมต่ออย่างลงตัว ง่ายทุกการเดินทาง [Advertorial] : รีวิวทาวน์โฮม

บ้านกลางเมือง พระราม 9 - อ่อนนุช เชื่อมต่ออย่างลงตัว ง่ายทุกการเดินทาง ทำเล คือปัจจัยของคนมองหาที่อยู่อาศัยจะพิจารณาก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม หรือบ้านเดี่ยว ซึ่งแน่นอนว่าทำเลที่ทั้งสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกทั้งเข้าเมืองไปทำงาน ทั้งออกนอกเมืองไปสนามบินหรือไปต่างจังหวัดไปพร้อมๆ กันนั้นหาได้ยากมากใช่ไหมคะ แต่คำว่าหายากนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีค่ะ   เราคงรู้จัก New CBD กันมาระยะหนึ่งแล้วใช่ไหมคะ ด้วยความเพียบพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่อยู่เกือบ 24 ชม. ทั้งห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ไฮเปอร์มาร์เก็ต ไนท์มาร์เก็ต แหล่งรวมร้านแฮงเอ้าท์ รวมถึงอาคารออฟฟิศเกรด A หลายแห่ง ส่วนทำเลที่มีทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินกับแอร์พอร์ตลิงค์ผ่าน สามารถใช้ทางด่วนได้หลายสายอย่างทางยกระดับอุตราภิมุข ทางพิเศษศรีรัชจนไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์(กรุงเทพ-ชลบุรี) ซึ่งง่ายต่อการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมต่อสู่ภาคตะวันออกโซน EEC ที่กำลังมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในอนาคต เรียกได้ว่าไม่ว่าจะใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะก็ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้ย่านพระราม 9 แห่งนี้สมบูรณ์มากจนเกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งระยะหลังเราจะเห็นชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่ย่านนี้ก็ไม่น้อยทีเดียว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับย่าน CBD เดิมแล้วจะพบว่าความสะดวกสบายไม่ต่างกันมาก เพียงแต่สีลม-สาทรนั้นทุกวันนี้มีความหนาแน่นอยู่มากทีเดียวค่ะ ทั้งจำนวนของผู้คนตามมาด้วยการจราจรที่ติดขัดไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนการเดินทางไปสนามบินหรือออกนอกเมืองก็ค่อนข้างไกล ที่สำคัญราคาของที่อยู่อาศัยก็ไม่เบาทีเดียว         เมื่อเอ่ยถึงสนามบินสุวรรณภูมิที่เป็นสนามบินหลักของบ้านเราแล้ว ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะตั้งอยู่นอกตัวเมืองเหมือนในหลายๆ ประเทศ ซึ่งก็มักจะห่างไกลจากตัวเมืองตามไปด้วย แต่ไม่ใช่กับโซน New CDB อย่างพระราม 9 เพราะไม่ว่าจะใช้รถยนต์เดินทางด้วยถนนมอเตอร์เวย์ตรงเชื่อมต่อถนนพระราม 9 หรือจากถนนมอเตอร์เวย์แล้วขึ้นทางพิเศษศรีรัชก็เป็นเรื่องง่ายมากแถมยังใช้เวลาไม่กี่นาที ยิ่งหากเลือกใช้บริการจากแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางสำคัญของโซนที่ถือได้ว่าเป็นกึ่งกลางระหว่างตัวเมืองกับนอกเมืองแบบย่านลาดกระบัง-อ่อนนุช ก็จะยิ่งลดระยะเวลาการเดินทางได้มากขึ้นไปอีก    แหล่งออฟฟิศเกรด A สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย การเดินทางที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว   บ้านกลางเมือง พระราม 9 - อ่อนนุช ทาวน์โฮม 3 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ทุกหลังหน้ากว้าง 5 เมตร ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป พื้นที่ใช้สอยมากถึง 146 ตร.ม. สามารถปรับเปลี่ยน Function ของทุกสัดส่วนภายในบ้านของเราได้ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้อย่างลงตัว ท่ามกลางพื้นที่ทั้งหมดกว่า 17 ไร่ ให้สามารถใช้ชีวิตในทุกด้านได้อย่างเต็มที่ ภายในโครงการให้ความเป็นส่วนตัว สงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้รอบโครงการ แม้ในขณะเดียวกันจะมีความวุ่นวายบนท้องถนนมอเตอร์เวย์หลังโครงการ สะท้อนให้เห็นถึงความเหนือระดับของการใช้ชีวิตได้อย่างน่าหลงใหลและไร้ขีดจำกัด    ได้พื้นที่มากกว่า และยืดหยุ่นได้ตามไลฟ์สไตล์ เรียบง่าย มีความเป็นส่วนตัว   สังคมคุณภาพที่บ้านกลางเมือง Facility เพื่อการพักผ่อนในบ้านของตัวเองที่คลับเฮ้าส์ พร้อมสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ล้อมรอบไปด้วยสวนสาธารณะที่มีบริเวณพักผ่อน ได้ความอุ่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้องวงจรปิดทางเข้า-ออก โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ความสงบร่มรื่น คลับเฮ้าส์ที่ครบครัน   ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนคู่ขนานวงแหวน ติดกับมอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้า  ทำให้การเดินทางสะดวกสบายทั้งเข้าเมืองสู่ใจกลาง New CBD ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที และออกนอกเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที หรือจะเลือกใช้แอร์พอร์ตลิงค์ สถานีบ้านทับช้างก็อยู่ห่างจากโครงการแค่ 5 นาที ซึ่งช่วงจุดกึ่งกลางระหว่างย่านพระราม 9 กับสนามบินคือช่วงอ่อนนุชปลายๆ เชื่อมต่อกับลาดกระบัง โดยมีแอร์พอร์ตลิงค์เป็นระบบขนส่งสาธารณะสำคัญของคนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ในการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้รวดเร็วที่สุด ใกล้ทั้งทางด่วนและแอร์พอร์ตลิงค์ ใช้เวลาเพียง 10 นาทีถึง New CBD 5 นาที ถึงสุวรรณภูมิ   การเดินทางไปยังโครงการ    สามารถเข้าได้หลายทาง หลักๆ แล้วแนะนำ 2 เส้นทาง ได้แก่     1. หากมาจากพระราม 9 ด้วยทางพิเศษศรีรัช เมื่อข้ามถนนศรีนครินทร์แล้วให้ออกทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์ เพื่อกลับรถบนสะพานเกือกม้า เมื่อลงจากเกือกม้าให้รีบชิดซ้ายเพื่อกลับรถอีกครั้ง เข้าสู่ทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปทางอ่อนนุช วิ่งไปตามทางเรื่อยๆ ผ่านมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด  แอร์พอร์ตลิงค์ สถานีบ้านทับช้าง และรอดใต้วงแหวนไปอีก 200 เมตร ก็จะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือ     2. หากมาจากซอยสุขุมวิท 77 ฝั่งขาออกมุ่งหน้าลาดกระบัง เมื่อถึงแยกประเวศเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ผ่านสน.ประเวศ เมื่อเจอสามแยกที่มีดี คอนโด ให้เลี้ยวขวา และเลี้ยวขวาอีกครั้งเพื่อเข้าสู่คู่ขนานวงแหวนขับตามทางไปอีกเล็กน้อยก็จะพบกับโครงการ(หากเลี้ยวซ้ายจะไปออกทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์)    สำหรับโครงการบ้านกลางเมือง พระราม 9 - อ่อนนุช ถือเป็นทาวน์โฮมในระดับ Hi-End Townhome เพราะเรื่องสภาพแวดล้อมภายในโครงการที่ดี ได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่า ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือเรื่องของศักยภาพเฉพาะตัวของทำเลที่ไม่ไกลจากแหล่งสำคัญ อีกทั้งยังเดินทางสะดวกสบายไม่ว่าจะโดยรถยนต์ส่วนตัวเชื่อมต่อกับทางด่วนเข้าสู่ใจกลางเมือง หรือแอร์พอร์ตลิงค์ที่อยู่ใกล้กับโครงการ ด้วยความที่โครงการตั้งอยู่ตรงจุดกึ่งกลางระหว่างใจกลางเมืองกับชานเมืองจึงทำให้บ้านกลางเมือง พระราม 9 - อ่อนนุช กลายเป็นหนึ่งในโครงการคุณภาพจาก AP