Tag : Review

648 ผลลัพธ์
Kawa Haus Onnut T77 – คาวะ เฮ้าส์ อ่อนนุช T77 : รีวิวคอนโด

Kawa Haus Onnut T77 – คาวะ เฮ้าส์ อ่อนนุช T77 : รีวิวคอนโด

Kawa Haus Onnut T77 (คาวะ เฮ้าส์ อ่อนนุช T77) คอนโดสไตล์รีสอร์ท ในซอยสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช ใกล้ BTS อ่อนนุช เป็นอีกหนึ่งคอนโดใหม่ในโครงการ T77 Community Hub ของ "แสนสิริ"     รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น 3,990,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 3 อาคาร จำนวนห้อง 546 ยูนิต พื้นที่โครงการ ประมาณ 6 ไร่ ที่ตั้งโครงการ ถนนสุขุมวิท 77 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   Bangkok Prep Habito mall Big C Extra อ่อนนุช W District People Park BTS อ่อนนุช Century The Movie Plaza Tesco Lotus Summer Hill BTS พระโขนง Wells International School Gateway เอกมัย Major เอกมัย โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลสุขุมวิท The Beacon Place Anglo Singapore International School Pickadaily Bangkok     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 29.75 - 43.25 ตารางเมตร 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 50.50 - 60 ตารางเมตร 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 59.75 - 78.75 ตารางเมตร     สิ่งอำนวยความสะดวก   Lobby คลับเฮ้าส์ พื้นที่สันทนาการกลางแจ้ง สระว่ายน้ำ จากุซซี่น้ำร้อน, น้ำเย็น สระว่ายน้ำเด็ก ฟิตเนส พร้อมอุปกรณ์ พื้นที่ทำงานส่วนกลาง พื้นที่เตรียมอาหารส่วนกลาง พร้อมเครื่องปลูกผักอัจฉริยะ Internet Wifi พื้นที่ส่วนกลาง สวนพักผ่อน รถบริการรับ-ส่ง EV Charger Access Card Control ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sansiri.com/condominium/kawa-haus/th/
Lumpini Place Rama 3- Riverine โอบล้อมด้วยธรรมชาติกับสายน้ำ : รีวิวคอนโด

Lumpini Place Rama 3- Riverine โอบล้อมด้วยธรรมชาติกับสายน้ำ : รีวิวคอนโด

ท่ามกลางความศิวิไลซ์ของกรุงเทพมหานครอันแฝงไปด้วยความแออัดวุ่นวายของผู้คน และอาคารสูงใหญ่มากมายตามแบบฉบับเมืองหลวงของประเทศ มีแม่น้ำเจ้าพระยาอันทรงเสน่ห์ไหลมาจากแหล่งต้นน้ำทางภาคเหนือผ่านใจกลางเมือง ลงสู่อ่าวไทย เจ้าพระยาจึงเป็นหัวใจสำคัญของกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เปรียบเสมือนช่องว่างให้เราได้มีพื้นที่พักหายใจ ซึ่งใครหลายคนก็ย่อมที่จะอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบรรยากาศดี สามารถเปิดระเบียงห้องของตัวเองออกมายืนรับลม พร้อมชมวิวโค้งแม่น้ำสวยๆ ในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน   Lumpini Place Rama 3- Riverine คอนโดมิเนียมที่สามารถมอบความสงบส่วนตัวบนวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมใกล้พื้นที่ปอดของคนกรุงเทพฯ อย่างบางกระเจ้า ในขณะเดียวกันก็ยังอยู่ในช่วงถนนที่มีความสำคัญในการเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างสะดวกทั้งเข้าไปในใจกลางเมือง และออกแถบชานเมือง   ภาพรวมโครงการ   คอนโดมิเนียม High Rise 35 ชั้น 1 อาคาร ตัวล่าสุดจาก LPN ภายใต้แนวคิด "Embrace of the River" โอบล้อมด้วยอ้อมกอดแห่งสายน้ำ บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ เน้นความเงียบสงบเป็นส่วนตัวด้วยพื้นที่สีเขียวหลายจุดตั้งแต่พื้นที่โดยรอบของชั้นกราว พื้นที่ฝั่งทิศตะวันออกชั้น 6 สระว่ายน้ำที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำรอบด้านบนชั้น 27 ฟิตเนสชั้น 29 และพื้นที่ Roof Top Graden พร้อมด้วยวิวจากธรรมชาติภายนอกทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา และบางกระเจ้า ห้องพักอาศัยทั้งหมด 719 ยูนิต ตั้งแต่ชั้น 6-35 ขนาด 24-51.50 ตร.ม. ถือว่าจำนวนยูนิตยังไม่มากจนเกินไป ยูนิตที่หันหน้าออกทางทิศตะวันออกจะได้วิวของแม่น้ำเจ้าพระยารวมถึงบางกระเจ้า ส่วนยูนิตที่หันหน้าออกทางทิศตะวันตกจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นกัน แต่จะได้วิวเมืองกับวิวสะพานภูมิพลด้วย ซึ่งรอบโครงการจะไม่โดนวิวบล็อก และด้วยความที่โครงการตั้งอยู่ติดกับสะพานภูมิพลทำให้ระยะมีความสูงที่พ้นจากระดับเดียวกันกับสะพานจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 9 เพราะฉะนั้นใครที่จะเลือกอยู่ห้องทางฝั่งทิศตะวันตกแนะนำให้เลือกตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นไปค่ะ วิวที่ได้ก็จะมีมุมที่เปิดโล่งกว่า ภายในอาคารมีจำนวนลิฟท์โดยสาร 4 ตัว บันไดหนีไฟ 3 จุด ช่วงปลายทั้งสองด้านของอาคาร กับตรงกลางอาคาร ทำเล Lumpini Place Rama 3- Riverine ตั้งอยู่ริมถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ฝั่งขาออก ข้างสะพานภูมิพล 1 ตัวอาคารมีระยะร่นจากถนนประมาณ 55 เมตร ตรงนี้ทำให้ลดเสียงรบกวนของรถบนท้องถนนลงได้ แต่ด้วยทำเลที่ตั้งของถนนวงแหวนอุตสาหกรรมที่ไม่มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่าน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวมากกว่า แต่หากจะเดินทางด้วยรถประจำทาง แนะนำให้ใช้บริการ BRT สถานีวัดปริวาส ทางออกที่ 2 แล้วนั่งรถต่อเข้ามาที่โครงการ โดยต้องกลับรถใต้สะพานภูมิพล หรือ BRT สถานีวัดด่าน ทางออกที่ 2 แล้วเดินย้อนไปตามถนนพระราม 3 ประมาณ 600 เมตร และเข้าสู่ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมอีก 600 เมตรก็จะพบโครงการ ข้อดีคือความเงียบสงบเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง เมื่อการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสะดวกที่สุด สิ่งสำคัญที่ตามมานั่นคือทางด่วน ซึ่งโครงการนี้อยู่ใกล้กับจุดขึ้น-ลง ทางด่วนอยู่หลายจุด หลายเส้นทางด้วยกัน ได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ด่านสาธุประดิษฐ์ ทางพิเศษศรีรัช ด่านพระราม 3 และใกล้ที่สุด คือ สะพานภูมิพลที่สามารถไปได้ทั้งถนนปู่เจ้าสมิงพราย สามารถเชื่อมต่อเข้าถนนกาญจนาภิเษก สู่กรุงเทพฯ โซนตะวันออก และไปถนนสุขสวัสดิ์ สู่กรุงเทพฯ โซนตะวันตก ถือว่าเป็นทำเลที่สามารถเดินทางออกนอกเมืองได้ง่ายมาก และเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างสีลม-สาทร ก็ไม่ไกล สิ่งอำนวยความสะดวกที่ใกล้ที่สุด และสามารถเดินทางไปได้สะดวก หลักๆ ก็จะอยู่บนถนนพระราม 3 ถนนพระราม 4 และเข้าไปในเมืองย่านสาทร เช่น Int Intersect, โฮมโปร, เซ็นทรัลพระราม 3, โลตัส, The Up, Tree on 3,  โรงเรียนเจ้าพระยาวิทยาคม,  โรงเรียนพระแม่มารีสาธุประดิษฐ์, โรงเรียนสารสาสน์พัฒนา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, โรงเรียนนานาชาติสาทรใหม่, โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ในระยะไม่เกิน 6-7 กิโลเมตร ชมห้องตัวอย่าง ภายใน Sale Gallery จะมีห้องตัวอย่างทั้งหมด 3 ห้องด้วยกันค่ะ เป็นห้อง Studio 24 ตร.ม. ห้อง 1 Bed 28 ตร.ม. และห้อง 2 Bed 35 ตร.ม. การเดินทางมาที่โครงการ หากใช้รถยนต์ส่วนบุคคลจะง่ายมากค่ะ โดยเรามาจากสี่แยกพระราม 4 แล้วเข้าสู่ถนนพระราม 3 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ขับชิดซ้ายมาเรื่อยๆ จนเลยทางขึ้นสะพานภูมิพลก็จะพบกับ Sale Gallery อยู่ทางซ้ายมือ อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับตัวโครงการที่จะสร้างเลยค่ะ ดูจากโมเดลแล้วเป็นโครงการ LPN อีกตัวหนึ่งที่ออกแบบมาได้ดูโมเดิร์น สวยงามดีค่ะ ทางเข้าโครงการอยู่ติดริมถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ใช้ระบบ Keycard Access ชั้น 1-5 เป็นพื้นที่จอดรถ พื้นที่ชั้น 6 เป็นยูนิตพักอาศัยชั้นแรก และยังมีพื้นที่ Green Togetherness Area อยู่ทางทิศตะวันออกเห็นวิวบางกระเจ้า ชั้น 28 เป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ให้ได้ว่ายน้ำพร้อมมองเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ ส่วนชั้น Roof Top บนสุดของอาคารก็จัดให้เป็นพื้นที่สีเขียวอีกเช่นกัน เรามาเริ่มชมห้องตัวอย่างไล่จากห้อง Studio ขนาด 24 ตร.ม. เปิดเข้ามาจะพบกับเลย์เอาท์ที่จัดวางเอาไว้ดีทีเดียวค่ะ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง ไม่คับแคบเลย ความสูงของห้อง 2.6 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนต ใช้ไฟแบบดาวน์ไลท์ ซึ่งทางโครงการจะให้เคาน์เตอร์ครัว กับสุขภัณฑ์ในห้องน้ำมาเท่านั้นนะคะ ขวามือของห้องจะพบกับเคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการให้มาด้วย พร้อมบุกระเบื้องเซรามิคตรงผนังครัว ลึกเข้ามาในห้องจะเป็นโซนสำหรับวางเตียงเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นทางด้านซ้าย ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต โดยยังมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าได้ ห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือหลังเคาน์เตอร์ครัว มีพื้นที่ทางเดินข้างเตียงทั้งสองด้าน หน้าต่างใช้แบบบานกระทุ้งขอบอลูมิเนียม เราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อค่ะ ภายในห้องน้ำปูพื้น และผนังด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา แยกส่วนเปียก-แห้ง กั้นด้วยฉากกั้นกระจกแบบบานเลื่อนที่ทางโครงการให้มาแบบนี้ทั้งหมดค่ะ สุขภัณฑ์ใช้แบรนด์ American Standard สายชำระทางขวามือของผู้ใช้ ราวแขวนผ้าด้านบนชักโครก อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังจากแบรนด์ Charmer พร้อมกระจกสี่เหลี่ยมทรงสูง โซนเปียกกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน โซนห้องนั่งเล่นด้านปลายเตียงสามารถวางโซฟาขนาด 3 คนนั่งได้ แล้วยังมีพื้นที่ให้เดินเข้าไปโซนเตียงด้านหลังได้ ระเบียงห้องด้านข้างโซฟากั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียม ด้านนอกมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ราวกันตกใช้แบบเหล็กโปร่งทาสีเทา Condensing Unit แขวนอยู่ด้านบนเพดาน หันหน้าออกด้านนอก ต่อไปห้องตัวอย่างแบบ 1 Bed ขนาด 28 ตร.ม. เป็นแบบห้องที่มีมากที่สุดในโครงการประมาณ 60% เลย์เอาท์เหมือนกับห้องแบบ Studio แต่มีการกั้นห้องนอนเพิ่มมาให้เพื่อความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น ด้านขวาของห้องเป็นส่วนครัวเปิด เคาน์เตอร์ครัวพร้อมบุกระเบื้องเซรามิคตรงผนังส่วนครัวแบบเดียวกันกับห้อง Studio ใช้โทนสีขาวดูสะอาดตาดีค่ะ ส่วนด้านซ้ายตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น เชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่นด้านใน พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 คนได้ พร้อมเคาน์เตอร์วางทีวีขนาดเล็ก ด้านข้างโซฟาเป็นระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ราวกันตกแบบเหล็กโปร่ง และ Condensing Unit แขวนอยู่บนเพดานหันหน้าออกนอกอาคาร เข้าไปดูในห้องนอนโซนขวามือของห้องกันบ้างค่ะ ขวามือหลังประตูเป็นห้องน้ำ ส่วนด้านซ้ายเป็นพื้นที่ห้องนอน กลางห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่เหลือด้านขวามือสำหรับวางตู้เสื้อผ้าได้ ซึ่งแบบที่ทางโครงการ Built in มาให้เห็นนี้ เราสามารถจัดให้คล้ายกับ Walk in closet เล็กๆ ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้อีก ข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ แต่สามารถเปิดออกได้ช่องเดียว เข้าไปดูภายในห้องน้ำกันค่ะ พื้นห้องน้ำ และผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา ด้านซ้ายมือเป็นโซนเปียก ส่วนแห้งเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนแบรนด์ Charmer พร้อมกระจกติดผนัง สุขภัณฑ์ American Standard สายชำระทางขวามือของผู้ใช้ ราวแขวนผ้าด้านบน ส่วนเปียกกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ห้องตัวอย่างสุดท้ายแล้วค่ะ แบบ 2 Bed 35 ตร.ม. เรามาดูกันที่โซนแรกของห้องทางขวามือกันก่อนค่ะ พื้นที่ตรงนี้สำหรับจัดเป็นโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่ง หรือเราจะ Built in ทำเป็นตู้เก็บรองเท้า ตู้เก็บของก็ได้นะคะ ตรงนี้จะได้พื้นที่สำหรับเก็บของเพิ่มขึ้นเยอะเลย เข้าไปที่ห้องแรกค่ะ ห้องนี้เราสามารถทำเป็นห้องนอนเล็กแล้ววางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้ พร้อมพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า หรือจะทำเป็นห้องทำงานแบบนี้ก็ได้นะคะ ออกมาดูพื้นที่กลางของห้องค่ะ ซ้ายมือด้านที่ติดกับผนังหน้าห้อง เป็นส่วนครัวเปิดมาพร้อมเคาน์เตอร์ครัว บุกระเบื้องเซรามิคตรงเคาน์เตอร์เช่นเดิมค่ะ ถัดจากครัวเปิดเป็นห้องน้ำ ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคทั้งห้อง แยกส่วนเปียก-แห้ง ออกมาดูที่ส่วนห้องนั่งเล่นกันค่ะ ตรงนี้สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ได้พอดีกับผนัง ข้างโซฟาเป็นระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน สุดท้ายที่ห้อง Master Bedroom ค่ะ ห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยมีทางเดินเหลือทั้งสองข้าง ข้างเตียงมีหน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถเปิดออกได้ 1 บาน อีกฝั่งของเตียงสามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้   โดยรวมแล้วโครงการ Lumpini Place Rama 3- Riverine ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวค่ะ เพราะเสน่ห์ของถนนพระราม 3 คือ การเป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นเหมือนจุดกึ่งกลางระหว่างใจกลางเมืองไปสู่ชานเมือง ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนสายสำคัญ ส่วนถนนวงแหวนอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำเรื่องของการเป็นถนนแห่งการเชื่อมต่อจากทั้งใจกลางเมือง โซนตะวันออก และโซนตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันให้เดินทางได้อย่างง่ายดาย   ข้อดีของโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ช่วงโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา คือ จะเปิดมุมมองจากห้องพักอาศัยให้ได้เห็นวิวได้กว้าง เห็นวิวได้หลายทิศทางมากขึ้น และแน่นอนว่ายิ่งโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี วิวสวย ก็จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มีราคาสูงขึ้นไปอีก แต่สำหรับ Lumpini Place Rama 3- Riverine กลับมีราคาในระดับที่มนุษย์เงินเดือนสามารถเอื้อมถึง ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการนี้อยู่แล้ว ด้วยศักยภาพของทำเลพร้อมวิวสวยๆ แบบนี้ ถือว่าราคาเริ่มต้นมาได้อย่างน่าสนใจมาก และเชื่อว่า Lumpini Place Rama 3- Riverine จะมอบพื้นที่ส่วนตัวอันแสนลงตัวให้ชีวิตได้มีมุมสงบ สวยงาม เติมพลังให้ตัวเองได้ในทุกๆ วัน
oka Haus Sukhumvit 36 – โอกะ เฮ้าส์ สุขุมวิท 36 : รีวิวคอนโด

oka Haus Sukhumvit 36 – โอกะ เฮ้าส์ สุขุมวิท 36 : รีวิวคอนโด

Oka Haus Sukhumvit 36 (โอกะ เฮ้าส์ สุขุมวิท 36) คอนโดสไตล์รีสอร์ทติดถนนพระราม 4 เพียง 5 นาทีจาก BTS ทองหล่อพร้อมส่วนกลางและเทคโนโลยีแนวคิดใหม่ จาก แสนสิริ     รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น 3,690,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 47 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 1,178 ยูนิต พื้นที่โครงการ ประมาณ 5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ ถนนพระราม 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   บิ๊กซี พระราม 4 K Village Tesco Lotus พระราม 4 อาคารสิรินรัตน์ กรีนทาวเวอร์ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท BTS ทองหล่อ Gateway เอกมัย โรงพยาบาลสุขุมวิท Major Cineplex เอกมัย   ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 26.5 – 34.75 ตารางเมตร 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 40.5 – 41.00 ตารางเมตร 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 49.25 – 49.50 ตารางเมตร 3 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 86.25 – 86.5 ตารางเมตร   สิ่งอำนวยความสะดวก   Lobby สวนส่วนกลาง สระว่ายน้ำพร้อมจากุซซี่ พื้นที่สันทนาการสำหรับเด็ก ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำแยกชาย/หญิง เลาจน์ ลานภาพยนต์กลางแจ้ง Free wi-fi บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง จุดบริการชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด และกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sansiri.com/condominium/oka-haus/th/
IDEO Q Siam – Ratchathewi คอนโดเหนือระดับเพื่อชีวิตเพียบพร้อมใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

IDEO Q Siam – Ratchathewi คอนโดเหนือระดับเพื่อชีวิตเพียบพร้อมใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียม High Rise ที่ถูกจับตามองและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในย่าน “ราชเทวี” จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเลือกปักหมุดบนทำเลศักยภาพแวดล้อมด้วยรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ภายใต้ชื่อ IDEO Q Siam – Ratchathewi (ไอดีโอ คิว สยาม – ราชเทวี) ต้องบอกเลยว่าทำเลโดดเด่นมากจริงๆ ค่ะ เพราะตำแหน่งที่ตั้งเอื้อต่อการเดินทางสะดวกทั้งคนใช้รถสาธารณะและรถส่วนตัว จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตที่เพียบพร้อม ทั้งยังรายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้งมากมาย และยังเน้นพื้นที่ส่วนกลางเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างแท้จริง   โครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนถนนเพชรบุรี (เพชรบุรีซอย 11) ฝั่งมุ่งหน้าไปทางแยกประตูน้ำ ห่างจากแยกราชเทวีมาประมาณ 300 เมตร และห่างจากแยกประตูน้ำประมาณ 700 เมตร จุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย สามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ซึ่งตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี โดยมีให้เลือกหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง พร้อมทั้งอยู่ใกล้ทางด่วน และมีซอยย่อยที่ลัดเลาะไปได้โดยไม่ต้องใช้เส้นหลัก อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าถนนเพชรบุรีเป็นถนนเส้นสำคัญของย่านนี้เลยก็ว่าได้ โดยตัวถนนเพชรบุรีจะเริ่มตั้งแต่บริเวณแยกยมราช มาตัดกับถนนพระราม 6 (แยกอุรุพงษ์) ตัดกับถนนบรรทัดทองตรงแยกเพชรพระราม และมาตัดกับถนนพญาไทบริเวณแยกราชเทวี จากนั้นมาตัดกับถนนราชปรารภและถนนราชดำริบริเวณแยกประตูน้ำ นอกจากนี้ยังไปตัดกับถนนชิดลม, ถนนวิทยุ, ถนนนิคมมักกะสัน และซอยสุขุมวิท 3 ที่ตัดกับถนนอโศก-ดินแดงและอโศกมนตรี ตัดกับซอยเพชรบุรี 38/1 ตัดกับซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) และไปสิ้นสุดที่แยกคลองตันโดยตัดกับถนนรามคำแหง, ถนนพัฒนาการ และสุขุมวิท 71   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสามารถเลือกได้หลากหลายมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะบริเวณหน้ารั้วโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการ และมีรถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาตลอดทั้งวัน แถมถัดไปอีกหน่อยแถวประตูน้ำก็จะมีรถตู้ให้บริการหลายสายไม่ว่าจะไปรังสิต, ดอนเมือง, สะพานใหม่, ลาดพร้าว, สี่พระยา ก็สามารถเลือกขึ้นได้ตามสะดวก นอกจากนี้ยังมีเรือโดยสารคลองแสนแสบที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการโดยต้นทางอยู่ที่สะพานผ่านฟ้า ไปสิ้นสุดที่วัดศรีบุญเรือง ท่าเรือที่ใกล้โครงการคือท่าเรือประตูน้ำระยะเดินจากโครงการมาประมาณ 750 เมตร และท่าเรือสะพานหัวช้างประมาณ 800 เมตรเท่านั้น ที่สำคัญตัวโครงการอยู่ห่างจาก BTS ราชเทวีประมาณ 390 เมตร ก็ถึงบันไดเลื่อนขึ้นตัวสถานีแล้วค่ะ โดยเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ เพียงแต่ต้องข้ามถนนสักหน่อย ซึ่งถ้าใครอยากไปช็อปปิ้งเพลินๆ ก็สามารถใช้ BTS จากสถานีราชเทวีนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีสยามซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม และมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน และสยามดิสคัฟเวอรี่ หรือถัดไปอีกหน่อยถนนราชประสงค์ก็จะเป็นเซ็นทรัลเวิลด์แล้วค่ะ นอกจากนี้ใครที่เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิบ่อยก็น่าจะถูกใจและสะดวก เพราะตัวโครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี อยู่ห่างจาก Airport Rail Link พญาไท ประมาณ 800 เมตร และในอนาคตยังมีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่วิ่งจากตลิ่งชันปลายทางมีนบุรี เข้ามาเป็นตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดก็คือสถานีประตูน้ำ เรียกได้ว่าถ้าก่อสร้างเสร็จเมื่อไหร่ การเดินทางก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้นเท่านั้น   เริ่มต้นการเดินทางจากรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวีค่ะ สำหรับทางไปคอนโดฯ จะอยู่ที่ทางออกหมายเลข 4 นะคะ เดินลงมาจากสถานีก็เจอวินมอเตอร์ไซด์แล้วค่ะ ติดกันนั้นเป็นร้านคาเฟ่ชื่อดัง ซึ่งถัดไปอีกนิดก็เป็น CocoWalk ที่รวมร้านอาหารและร้านนั่งชิลล์มากมาย สำหรับการเดินทางไปคอนโดไอดีโอ จะต้องไปทางแยกราชเทวีนะคะ จากทางออกสถานีเดินย้อนมาทางแยกราชเทวี ระยะทางจุดนี้ประมาณ 80 เมตร ซึ่งต้องข้ามทางม้าลายไปอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเดินข้ามทางม้าลายมาแล้ว ก็เดินตามถนนเพชรบุรีไปเลยค่ะ ซึ่งอีกประมาณ 300 เมตรก็จะถึงตัวโครงการแล้วค่ะ ริมถนนฟุตบาททางเดิน ก็จะมีร้านค้า, ร้านคาเฟ่ รวมถึง Hostel ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีร้านยา, ร้านตัดผม อยู่บริเวณข้างทางเดินด้วย เดินตรงมาเรื่อยๆ ปากซอยหัวมุมเพชรบุรี 9 จะผ่านโครงการ ไอดีโอ คิว ราชเทวี ก่อนนะคะ ซึ่งอยู่ติดกับ ไอดีโอ คิว สยาม - ราชเทวี ที่เราปักหมุดไปกันวันนี้ ตัวอาคารก็มีโดดเด่น เล่นลวดลายที่ Facade ออกแบบสไตล์โมเดิร์น ใช้สีโทนเทาเข้มและอ่อน เฟรมกระจกสีดำ ซึ่งมองเห็นตั้งแต่ปากซอยเพชรบุรี 9 แล้วค่ะ มุ่งหน้าต่อไปทางแยกประตูน้ำ ซอยเพชรบุรี 11 ก็เป็นที่ตั้งโครงการ IDEO Q สยาม-ราชเทวีแล้วค่ะ จากภาพจะเห็นได้ว่าบริเวณข้างโครงการมีซอยเล็กๆ อยู่ ซึ่งซอย 11 นี้เป็นเส้นทางลัดไปทะลุห้างประตูน้ำเซ็นเตอร์ ตึกใบหยก ห้างอินทรา และออกถนนราชปรารถได้อีกด้วย รั้วโครงการด้านหน้าออกแบบเป็นเส้นโค้งรับกับ Facade อาคาร เดินเข้ามาจะพบกับความร่มรื่นเขียวขจีของสวนหย่อม นอกจากสวนหย่อมแล้วยังมีน้ำพุให้บรรยากาศดูน่าพักผ่อนด้วยค่ะ เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะพบจุด Drop Off ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้า Lobby เลยค่ะ   ภาพรวมโครงการ   โครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 552 ยูนิต บนที่ดิน 2-1-63.70 ไร่ แบ่งออกเป็นร้านค้า 2 ยูนิต และที่พักอาศัย 550 ยูนิต มาพร้อมที่จอดรถ 258 คัน (คิดเป็น 48% ไม่รวมจอดซ้อนคัน), Service Lift 1 ตัว และ Private Lift 12 ตัว ที่แชร์ใช้กับห้องที่อยู่ตำแหน่งห้องตรงกับเราทั้งหมด ภายในลิฟท์โดยสารจะมีประตู 2 ฝั่ง เป็นระบบ Private Lift ที่ขึ้นไปจอดห้องตัวเอง และชั้นส่วนกลางเท่านั้น โดยไม่ต้องเดินผ่าน Corridor และห้องอื่นๆ เหมือนดั่งคอนโดทั่วไป ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Iconic equalize สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นและแตกต่างทั้งภายนอกและภายใน ด้วยรายละเอียดของงานออกแบบจากดีไซเนอร์ชั้นนำผ่านรสนิยมการใช้ชีวิต บ่งบอกสถานะและตัวตนที่ไม่ซ้ำใครของผู้อยู่อาศัยด้วย Interior Design ในรูปแบบ Futuristic ประสานรวมกับแนวคิด ECO Urban Life ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเปิดมิติมุมมองใหม่ ด้วยสวนเล่นระดับ รวมไปจนถึงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกตารางเมตร ให้ลูกบ้านใช้ชีวิตที่เพียบพร้อมอย่างมีความสุข   ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางเรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ ค่ะ เริ่มตั้งแต่พื้นที่สีเขียวรอบอาคารให้คุณใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ทั้งสวนบริเวณ Lobby ชั้น 1, สวนลอยฟ้าชั้น 8 และสวนบนดาดฟ้า บริเวณชั้นล่างที่ทำเป็น Lobby สุดหรู มีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 12 ตัว โดยจำกัดให้ขึ้นทีละ 1 ครอบครัวเท่านั้น และอย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าลิฟท์จะขึ้นได้เฉพาะห้องตัวเอง และชั้นส่วนกลางเท่านั้น แต่กรณีที่ลิฟท์มีปัญหาสามารถไปใช้ลิฟท์ขนของได้ค่ะ ซึ่งพื้นที่โถงกลางระหว่างลิฟท์ทั้งหมดจะจัดวางโซฟา เป็นพื้นที่นั่งเล่นไว้หลากหลายมุม นอกจากนี้ยังมีห้อง Mail Box, ห้องนิติบุคคล และห้องน้ำแยกชายหญิง Master Plan โครงการจะเร่ิ่มจากทางเข้าที่อยู่ติดกับถนนเพชรบุรี เมื่อเข้ามาจะเป็นถนนในโครงการล้อมรอบตัวอาคาร ส่วนแรกเป็นจุด Drop Off ด้านหน้า Lobby มีที่จอดรถใต้อาคาร วนมาด้านหลังจะเป็นสวนหย่อมอีกจุด ด้านข้างโครงการอีกฝั่งจะมีทางเข้าที่จอดรถในอาคาร จอดได้ถึงชั้น 7 ทั้งโครงการจอดได้ 258 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 48% ไม่รวมซ้อนคันค่ะ นอกจากนี้ภายในตัวอาคารที่ชั้น 1 จะมีร้านค้า 2 ร้าน และเป็นส่วนของ Lobby ขนาดยาวตลอดแนวอาคาร มาพร้อมลิฟท์โดยสาร 12 ตัว   ประตูทางเข้า Lobby จะเป็นกระจกบานเปิด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยบริการเปิดปิดอยู่บริเวณประตูด้วยค่ะ เดินเข้ามาด้านในจะพบกับเคาน์เตอร์ก่อนเลยค่ะ มุมมองกลับออกไปที่ประตูทางเข้า ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบาย จากภาพจะเห็นได้ว่าบริเวณ Lobby แบ่งออกเป็นสองฝั่งตามแนวยาวนะคะ และมีลิฟท์กระจายอยู่รอบๆ Private Lift จะวางคู่กันแบบนี้นะคะ มีทั้งหมด 12 ตัว และลิฟท์ขนของ 1 ตัว ซึ่งลูกบ้านต้องจำลิฟท์ประจำตำแหน่งห้องตัวเองให้ดีด้วย บริเวณโถงลิฟท์จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ ห้อง Mail Box จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ดูหรูหราและโดดเด่นไม่เหมือนคอนโดทั่วไปด้วยการเล่นสีและแสงไฟ ตัดกับผนังสีดำรอบๆ อีกฝั่งหนึ่งก็จะมีลิฟท์โดยสารกระจายอยู่รอบๆ เช่นเดียวกับฝั่งแรกค่ะ มีมุมนั่งเล่นรองรับลูกบ้านหรือผู้มาเยี่ยมเยียนได้หลายหลายมุม   สำหรับห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8 เป็นต้นไปนะคะ โดยชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วยทั้ง 2 ฝั่ง ส่วน Facility หลักๆ นั้นจะอยู่ที่ชั้น 30 โดยเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีสระว่ายน้ำแบบ 360 องศา ล้อมรอบอาคารเลย ซึ่งลูกบ้านจะได้เต็มอิ่มกับวิวสวยๆ ในมุมสูงขณะกำลังพักผ่อนอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งแต่ละส่วนของสระว่ายน้ำจะมีพื้นที่จะกว้าง แคบ และตื้นต่างกันนะคะ จะมีส่วนที่เป็น Shallow Pool สระเด็ก และส่วนจากุซซี่ พื้นที่ตรงกลางสระแบ่งเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนจะมีทางเดินเชื่อมกันทั้งหมด ส่วนที่อยู่ด้านหน้าจะเป็น Library และ Business Center ถัดเข้ามาตรงกลางเป็น Social Club ห้องนี้จะมาพร้อมโต๊ะเกมส์รองรับวันพักผ่อน ส่วนพื้นที่ด้านหลังสุดเป็น Social Club ห้องนี้จะมีส่วนเตรียมอาหารพร้อม Long Table รองรับปาร์ตี้ของลูกบ้าน ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ผนังรอบด้านจะเป็นกระจกทั้งหมด และมีประตูบานเลื่อนที่สามารถเปิดเชื่อมออกสระว่ายน้ำได้ทุกส่วน นอกจากนี้ยังมีบันไดเดินขึ้นลงไปชั้น 29M และ 30M ถ้าเดินลงไปจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิง, ห้องสตรีม และซาวน่า แต่ถ้าไต่บันไดขึ้นไปจะเป็นห้องฟิตเนสค่ะ เรียกได้ว่าทางโครงการใส่ใจทุกรายละเอียดออกแบบโดยคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก จนไม่แปลกใจเลยค่ะว่า ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี เป็นโครงการที่ดีที่สุดในย่านนี้จริงๆ   แปลนของพื้นที่ชั้น 8 จะเร่ิมเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย 2 ฝั่ง สำหรับลูกบ้านที่ไม่ได้อยู่ชั้นนี้ถ้าจะลงมาใช้งานต้องใช้ลิฟท์ขนของค่ะ พื้นที่สวนหย่อมบริเวณชั้น 8 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ นอกจากชมความรื่นรมย์ของสวนสวย ยังได้วิวเมืองอีกด้วย สำหรับแปลนชั้น 9-28 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ แปลนพื้นที่บริเวณชั้น 30 นะคะ จะเป็น Facility ทั้งหมด กดลิฟท์ขึ้นมาจะพบกับพื้นที่ส่วนกลางต่างกันไป แต่เราขอเริ่มจากส่วนด้านหน้าอาคารคือ Library ก่อนล่ะกัน ผนังด้านนอกทุกฝั่งที่ชั้นนี้จะเป็นกระจก และเป็นกระตูบานเลื่อนเพื่อเปิดเชื่อมออกสระว่ายน้ำได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีชุดโซฟาจัดไว้ให้ลูกบ้านนั่งเล่นชมวิวอย่างเพลิดเพลินด้วยค่ะ จุดเด่นของ Facility โครงการนี้คือสระว่ายน้ำแบบ 360 องศาค่ะ ภายในห้อง Business Center ไว้นั่งประชุมงานได้ เดินเข้ามาด้านในห้อง Social Club ห้องนี้มีโต๊ะโกล์ 2 ชุด พร้อมเก้าอี้นั่งชมวิว ส่วนนี้คือ Shallow Pool ก่อนต่อเนื่องไปห้อง Social Club ซึ่งมีบันไดขึ้นไปอีกชั้นเป็นฟิตเนส และบันไดลงชั้นล่างเป็นห้องน้ำและซาวน่าค่ะ Shallow Pool ที่ออกแบบมาอย่างหรูหรา จัดวางพร้อมเตียงและโซฟาด้วยค่ะ ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ มุมมองตรงบริเวณตรงชานพักบันได มองลงมาที่สระว่ายน้ำจะเห็นสระว่ายน้ำตรงส่วนจากกุซซี่ น่าใช้งานมากค่ะ ถ้าลูกบ้านมาใช้บริการจากุชชี่ ก็จะได้วิวเมืองประมาณนี้ เดินไต่บันไดกลับลงมาเข้าห้อง Social Club จะมีเคาน์เตอร์บาร์ ไว้สำหรับจัดเตรียมอาหาร จัดปาร์ตี้ได้ด้วยค่ะ ทางโครงการจัดเก้าอี้และโซฟาไว้ให้ด้วย ซึ่งผนังกระจกเป็นกระตูบานเลื่อนเปิดเชื่อมออกสระว่ายน้ำได้เลยนะคะ เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองแบบนี้เลยนะคะ   เปิดห้องตัวอย่าง   โครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 5 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาด 29.50 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม., 2 Bedroom 1 Bath ขนาด 51 ตร.ม., 2 Bedroom 2 Bath ขนาด 62 ตร.ม. และ 2 Bedroom 2 Bath ขนาด 69 ตร.ม. ทุกยูนิตขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าลูกบ้านตัดสินใจซื้อ ก็เห็นจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้นเองค่ะ   สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก พื้นที่ใช้สอยจัดมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ ซึ่งแต่ละยูนิตจะมี Private Lift ขึ้นมาที่ห้องเลย ห้องนี้เปิดมาจะเจอส่วนครัวพอดี ซึ่งจะมีประตู 2 ชั้นคือประตูที่เดินออกไปตรง Corridor และประตูที่เดินเข้าห้องด้านใน พื้นที่ภายในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนและมุมนั่งเล่น ด้านในสุดเป็นระเบียง ประตูห้องนอนจะได้แบบบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดปิดแยกส่วนจากห้องนั่งเล่นได้ ในห้องนอนมีพื้นที่วางโต๊ะ ตู้ เตียง ได้ครบ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะคะ ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการก็ตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Fitted ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 34 ตารางเมตร เมื่อกด Private Lift ขึ้นมาที่ห้อง เปิดมาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยนะคะ ตรงส่วนครัวจะมีประตู 2 ชั้น คือประตูที่เดินออกไปตรง Corridor และประตูที่เดินเข้าห้องด้านใน ทางโครงการให้เตาไฟฟ้าหน้าเซรามิกแบบสองหัว มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Mex ผนังด้านในกรุกระเบื้องมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ข้อดีคือทำความสะอาดง่าย ฝั่งตรงข้ามลิฟท์จะเป็นชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ทางโครงการบิลต์อินตู้ลอย พร้อมเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟมาให้แล้วนะคะ ซึ่งตู้ด้านบนจะเป็นบานเปิดอีก 3 บาน และทุกบานมี Soft Close สำหรับอ่างล่างจานลูกบ้านจะได้แบบหลุมเดียวนะคะ แต่จะมีฝาเปิดปิดสีและลายเดียวกันกับท็อปเคาน์เตอร์มาให้ ข้อดีคือถ้าไม่ใช้งานก็สามารถปิดไว้เพื่อวางของเตรียมอาหารได้ด้วย ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย เปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นระเบียงค่ะ พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนนะคะ พื้นที่ปลายเตียงสามารถเลื่อนประตูมาเปิดปิดได้นะคะ ประตูบานเลื่อนจะแขวนบนรางด้านบน เป็นแบบบาน 4 ตอน เมื่อเลื่อนมาปิดก็จะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวขึ้นมาทันที มุมนั่งเล่นจะถูกโอบล้อมด้วยประตูกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ ตรงระเบียงจะมีกระจกบานเลื่อนอีกชั้น ตามแบบฉบับของอนันดา ซึ่งข้อดีคือทำให้ลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ได้เต็มที่ ช่วยกันฝนได้ดี หรือสามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่น จัดวางโต๊ะเก้าอี้ได้อีกด้วย ผนังฝั่งด้านข้างจะเป็นช่องวางคอมเพลสเซอร์แอร์ มีประตูเปิดปิดได้ด้วยค่ะ กลับเข้ามาภายในห้อง พื้นที่ติดคอนโซลทีวีจะเป็นมุมรับประทานอาหารนะคะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด ตรงข้ามมุมรับประทานอาหาร ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แล้วนะคะ ด้านในตู้เก็บของจะแบ่งชั้นวางของออกเป็น 7 ชั้นเลยนะคะ ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะมาก แถมยังไม่รบกวนสายตาเนื่องจากมีหน้าบานเปิดปิดด้วยค่ะ มุมมองจากบริเวณห้องนอนกลับไปยังส่วนนั่งเล่นนะคะ ภายในห้องนอนทางขวาจะมีช่องหน้าต่างรับแสงอยู่ 1 บานเป็นบานกระทุ้งนะคะ ระยะด้านข้างมีที่เหลือพื้นที่วางโต๊ะหัวเตียงได้สบายๆ ทางโครงการจัดวางเก้าอี้นวมไว้เป็นตังอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ก็ยังได้ค่ะ พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอน ด้านหน้าห้องน้ำ จะเป็นมุมแต่งตัวนะคะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ บริเวณตรงข้ามตู้เสื้อผ้ายังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นชุดอ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ด้านซ้ายมือเป็นนสุขภัณฑ์ ฝั่งด้านขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส ผนังภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกลดระดับลงมาจากพื้นที่ส่วนแห้งอีกเสต็ปหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ ชุดตู้ใต้อ่างล้างหน้า สามารถเลื่อนเปิดออกมาไว้เก็บของใช้งานทั่วไปด้วยนะคะ มุมมองจากหน้าห้องน้ำกลับเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าห้องมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถใช้งานพื้นที่ทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตร   ปัจจุบันโครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านทยอยเข้าอยู่กันแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าห้องทุกยูนิตของโครงการจะขายแบบ Fully Fitted นะคะ ภายในห้องมาพร้อมลิฟท์ส่วนตัวทุกยูนิต และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินตู้เก็บของ, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ต่างๆ มาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ลูกบ้านแค่ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มมากนัก และด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ใจกลางเมือง รายล้อมด้วยสาธารณูปโภคอย่างครบครัน ทั้งยังเดินทางสะดวกสบาย ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ ด้วยทำเลศักยภาพพร้อมพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มแบบนี้ ไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ ค่ะ   พิเศษ! โปรโมชั่นสำหรับคนที่สนใจโครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ANANDA HEART SALE โปรใจใจให้อยู่เลย ได้ที่ https://goo.gl/zn8rG8 ฟรี! เฟอร์นิเจอร์ + ค่าใช้จ่ายวันโอนฯ* รับเงินคืน 200,000 บ.* Free iPhone X* ในราคาพิเศษเริ่มต้น 6.39 MB.*     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 02-316-2222 หรือ www.ananda.co.th
IDEO Q Sukhumvit 36 สัมผัสความโมเดิร์นหรูหราย่านทองหล่อ : รีวิวคอนโด

IDEO Q Sukhumvit 36 สัมผัสความโมเดิร์นหรูหราย่านทองหล่อ : รีวิวคอนโด

บนความสมบูรณ์แบบของไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ คงหนีไม่พ้นความเป็นอยู่ย่านใจกลางเมืองที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยมมากมายตลอด 24 ชม. เดินทางง่าย เชื่อมต่อถนนสายสำคัญได้หลายเส้นทาง ทำเลที่เรียกได้ว่า All Day All Night เช่นนี้ เราจะต้องนึกถึงย่านทองหล่อเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอนใช่ไหมคะ ซึ่งการมองหาที่อยู่อาศัยท่ามกลางทองหล่อเพื่อให้ได้ความสะดวกสบายหลายอย่างอยู่รอบตัว ก็คงต้องแลกมาด้วยความวุ่นวายของผู้คนและการจราจรที่ติดขัดอยู่พอสมควร เพราะฉะนั้นการเลือกที่อยู่อาศัยให้ห่างออกมาจากในซอยสุขุมวิท 55 หรือซอยทองหล่อ ออกมาไม่ไกล แต่ยังคงอยู่ในย่านนี้ และยังอยู่ใกล้รถไฟฟ้าก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว   ทุกวันนี้ย่านทองหล่อยังคงครองแชมป์ทำเลสุดฮอต ซึ่งเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนตลาดบนที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนยุคใหม่ และนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ด้วยศักยภาพของทำเลที่เต็มเปี่ยมจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม โครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดในย่านนี้ แต่ละโครงการก็มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งเรื่องของทำเลที่ตั้ง สถาปัตยกรรม และราคา ถือเป็นกำไรของผู้บริโภคให้ได้เลือกสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับตัวเอง   ทำเล   ถนนสุขุมวิท ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีไม่มากก็น้อย เพราะเป็นหนึ่งในเส้นทางสายหลักของกรุงเทพฯ และสำหรับประเทศไทยด้วย ตั้งแต่เริ่มต้นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนเพลินจิตยาวไปจนสุดที่จังหวัดตราด ซึ่งทั้ง 488 กิโลเมตรนี้ ช่วงที่มีความโดดเด่นมากที่สุด คือ ซอยสุขุมวิท 55 หรือซอยทองหล่อ เพราะความเพียบพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียงตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งร้านอาหารระดับคุณภาพจากหลากหลายสัญชาติ บางร้านก็มีเชฟชาวต่างชาติมาเปิดร้านเองในแบบฉบับต้นตำหรับแท้ๆ ซึ่งหาทานไม่ได้ที่ไหนนอกจากทองหล่อ ร้านแฮงเอาท์บรรยากาศดี และสถานบันเทิงชื่อดังมากมาย   สำหรับโครงการ IDEO Q Sukhumvit 36 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 เข้าไปประมาณ 450 เมตร ปากซอยติดกับสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ ซึ่งทางโครงการจะมี shuttle bus รับ-ส่งฟรีสำหรับลูกบ้าน ซอยสุขุมวิท 36 นี้ สามารถทะลุไปสู่ถนนพระราม 4 ฝั่งขาออก แล้วไปขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครบริเวณถนนเกษมราษฎร์ได้ และยังใกล้ศูนย์การค้าชั้นนำอย่าง EmQuartier, Emporium, Gateway เอกมัย ก็อยู่ในระยะทางไม่เกิน 2 กิโลเมตร ซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง เช่น Top Supermarket, K Village, ทองหล่อ, BigC เอกมัย, Lotus พระราม 4 โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง รวมถึงสถาบันการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมไปจนถึงมหาวิทยาลัย ก็มีครบครันแถมอยู่ใกล้ๆ โครงการทั้งนั้น ภาพรวมโครงการ   IDEO Q Sukhumvit 36 คอนโดมิเนียม High Rise 2 อาคาร แบ่งเป็นอาคาร A สูง 47 ชั้น ยูนิตพักอาศัยชั้น 7-23, 25-46 รวมทั้งหมด 364 ยูนิต ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์เซอร์วิช 1 ตัว ที่จอดรถระบบ Auto Parking 125 คัน ที่ชั้น 2-6 มีบันไดหนีไฟ 2 จุด และอาคาร B สูง 24 ชั้น ยูนิตพักอาศัยชั้น 7-23 รวมทั้งหมด 85 ยูนิต ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ลิฟท์เซอร์วิช 1 ตัว ที่จอดรถระบบ Auto Parking 161 คัน ที่ชั้น B1-B2 มี EV Charger สำหรับ 2 คัน บันไดหนีไฟ 2 จุด โดยทั้งสองอาคารจะถูกเชื่อมต่อกันด้วย Facility ชั้น 24 ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกมีอยู่หลายส่วนด้วยกัน ดังนี้   ชั้น 1 Garden บริเวณหน้าโครงการ กับพื้นที่ระหว่าง 2 อาคาร, Lobby   ชั้น 24 Swimming Pool, Golf Simulator, Fitness and Virtual fitness, Retreat Area, Locker and Changing Room, Social Club, Sky Bar, Workshop/Tea Room, Co-Working Space, Library, Creative Lounge, Meeting Room   ชั้น 47 Japanese Garden, Changing Room with Locker, Stream and Sauna, Black Onsen     ดูจาก Facility แล้วเห็นได้ชัดว่าทางโครงการออกแบบมาเพื่อเอื้อต่อการปล่อยเช่าสำหรับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอาศัยอยู่ในย่านนี้ ทั้ง Japanese Garden, Golf Simulator, Tea Room และ Black Onsen ภาพ Master Plan ที่ดินเป็นรูปแบบตัว L ตัวอาคารมีระยะร่นลึกเข้ามาจากถนน และมีระยะห่างจากรั้วโครงการโดยรอบพอสมควร มีสวนสีเขียวด้านหน้า ตัวอาคารหลังสวนสีเขียวด้านหน้า คือ อาคาร A มีสวนอยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร A กับ B ที่จอดรถอยู่หลังอาคาร Floor Plan ของทั้งสองอาคาร โดยแปลนด้านล่างของรูป คือ อาคาร A วางรูปแบบ Double Corridor ระเบียงห้องหันหน้าออกทางทิศใต้ วิวฝั่งถนนพระราม 4 กับทิศเหนือ วิวฝั่งถนนสุขุมวิท ส่วนห้องมุมจะได้วิวทิศตะวันออก ฝั่งหน้าโครงการได้วิวทองหล่อ-เอกมัย กับฝั่งตะวันตก ฝั่งหลังโครงการได้วิวในเมือง ส่วนอาคาร B มีห้องที่หันระเบียงออกอยู่ 3 ทิศด้วยกัน คือ ทิศตะวันออก ทิศเหนือ และทิศตะวันตก เห็นแบบนี้แล้วหลายคนอาจจะกังวลเรื่องการถูกบล็อกวิวกันเองระหว่างสองอาคารนี้ แต่ทางโครงการได้ออกแบบมาให้ไม่มีห้องไหนมาบล็อกกันเลย โดยระเบียงได้หันออกไปมุมอื่นได้วิวเมืองด้านนอก ไม่ได้หันระเบียงเข้าตัวตึกข้างๆ แต่อย่างใด มีเพียงห้องตำแหน่ง 01 ของอาคาร A เท่านั้นที่ระเบียงหันออกทางทิศเหนือ ฝั่งอาคาร B แต่ทางโครงการออกแบบอาคาร B มาให้เล็กกว่าอาคาร A จึงทำให้ระเบียงของห้องตำแหน่งนี้ พ้นจากตัวอาคาร B พอดี สามารถได้วิวฝั่งรถไฟฟ้าเช่นกัน   ห้องตัวอย่าง   ภายใน Sale Gallery ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกันกับตัวโครงการจะมีทั้งหมด 2 ห้องตัวอย่างค่ะ คือ 1 Bed ขนาด 45 ตร.ม. กับ 2 Bed ขนาด 63 ตร.ม. ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องให้มาแบบ Fully Fitted ค่ะ   สำหรับสถาปัตยกรรมโครงการนี้เน้นโทนสีดำ ดูมีความเป็นโมเดิร์นมากๆ เชื่อว่าหลายคนจะต้องบอกว่าสวยมากแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปสำหรับแบรนด์ IDEO กันเลยค่ะ ทางเข้าโครงการติดกับถนนในซอยสุขุมวิท 36 มีสวนสีเขียวหน้าโครงการ ตัวอาคารมีระยะร่นจากถนนพอสมควร ระยะห่างระหว่างสองอาคารไม่มากนัก แต่ไม่ห่วงเรื่องมีมุมวิวบล็อกเลยค่ะ ด้วยดีไซน์ทุกห้องจะไม่โดนบล็อกวิวกันเอง ชั้น 24 ที่เป็น Facility เชื่อมต่อกันระหว่างสองอาคาร เริ่มชมห้องตัวอย่างแบบ 1 Bed ขนาด 45 ตร.ม. ความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.7 เมตร ใช้ไฟแบบดาวน์ไลท์ ปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์ พื้นที่แรกของห้องมีพื้นที่ในการ Built in ตู้เก็บรองเท้าฝั่งขวามือ ฝั่งซ้ายสามารถวางโต๊ะทานข้าวได้ขนาด 2 ที่นั่ง เดินลึกเข้าไปอีกหน่อยเป็นโซนห้องนั่งเล่นค่ะ สามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้ โดยยังมีพื้นที่ให้เป็นทางเดินเหลือได้สบายๆ อีกด้านสำหรับวางเคาน์เตอร์วางทีวี ข้างโซฟาสามารถออกไประเบียงได้ โดยจะกั้นด้วยประตูกระจก 3 บาน ขอบอลูมิเนียมเคลือบ Powder Coat ผิวด้าน สีเทาเข้ม ส่วนผ้าม่านทางโครงการก็ติดตั้งมาให้ด้วยนะคะ ระเบียงห้องเป็นแบบปิดค่ะ โดยจะปิดด้วยหน้าต่างกว้างชิดผนังทั้งทั้งสองด้าน และเป็นกระจกบานเลื่อน 2 ตอนด้านบน ตรงนี้สามารถวางโต๊ะ-เก้าอี้ ขนาดไม่ใหญ่มาก เอาไว้สำหรับนั่งเล่นรับลมจากด้านนอก แถมยังได้ความปลอดภัยที่มากกว่าระเบียงกั้นด้วยรั้วเหล็กปกติ ซึ่งหากมองจากภายนอกเข้ามาในอาคารก็จะได้ความเป็นส่วนตัว และสวยงามมากกว่าค่ะ   กลับเข้ามาในห้องกันค่ะ เราเข้าไปดูอีกโซนด้านในกัน ซ้ายมือของทางเดินเป็นห้องครัวปิดค่ะ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ภายในห้องครัวมีพื้นที่กว้างพอสำหรับ 2-3 คนเดินสวนกันได้ โดยเคาน์เตอร์ครัว Built in ตลอดแนวผนังที่เห็น ลูกบ้านจะได้ไปทั้งเซตนี้เลยค่ะ แต่ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์ลายหินอ่อน มาพร้อมเตาไฟฟ้า 2 หัว เครื่องดูดครัว ซิงค์ล้างจานจากแบรนด์ Franke ทั้งหมดคุมโทนสีดำ-ทอง สวยงามดูหรูหรามากค่ะ หันหลังกลับมาที่ฝั่งตรงข้ามกับห้องครัว ฝั่งขวามือของทางเดินเป็นห้องน้ำค่ะ ทั้งพื้นกับผนังปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน โทนสีขาว ฝั่งซ้ายเป็นอ่างล้างหน้าจากแบรนด์ TOTO ได้ตู้สำหรับเก็บของด้านล่าง พร้อมกระจกบานใหญ่มาด้วยค่ะ ตรงข้ามกับอ่างล้างหน้าเป็นสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติ แบรนด์ TOTO เช่นกันค่ะ โซนเปียกกั้นด้วยฉากอาบน้ำกระจกใสแบบบานประตูเปิด-ปิด ตรงกลางติดตั้งฝักบัวพร้อม Rain Shower แบรนด์ Grohe และอ่างอาบน้ำแบรนด์ TOTO อยู่ติดกับกระจก กระจกข้างอ่างอาบน้ำสูงชิดเพดานด้านบน เป็นกระจกแบ่งออกเป็น 3 ตอน และมีบานกระทุ้งสามารถเปิดออกได้ 1 บาน สามารถเทควิวเมืองในมุมสูงพร้อมแช่น้ำในอ่างอาบน้ำไปด้วยได้บรรยากาศดีค่ะ ออกมาจากห้องน้ำ สุดทางเดินของห้องเป็นห้องนอนค่ะ พื้นที่กว้างขวางใช้ได้เลยทีเดียว ตรงกลางห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยเหลือทางเดินของทั้งสองฝั่งข้างเตียงแบบสบายๆ ด้านข้างเตียงมีกระจกสูงชิดเพดาน แบบบานกระทุ้งเปิดได้ 1 บาน มาพร้อมผ้าม่านด้วยค่ะ   อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนเราสามารถวางโต๊ะทำงาน พร้อมมีพื้นที่สำหรับจัด Walk in Closet สำหรับห้องนี้เหมาะสำหรับอยู่กัน 2 คนได้ค่ะ พื้นที่ให้มากว้างดี ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป   โครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ใจกลางเมืองแบบนี้คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสะดวกสบายทั้งการเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะย่านนี้ถือว่าตั้งอยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทยแล้วชาวต่างชาติอยู่ตลอด ดูจากยอดขาย ณ ปัจจุบันไปถึง 70% แล้ว   ส่วนเรื่องห้องพักอาศัยของที่นี่มีความน่าสนใจอยู่หลายตำแหน่งเลยค่ะ ด้วยเรื่องของการออกแบบที่สามารถวางให้ทุกยูนิตไม่มีการบล็อกวิวกัน แม้อาคารจะอยู่ห่างกันนิดเดียว บวกกับทำเลของโครงการ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเลือกอยู่ Low Zone หรือ High Zone ก็จะได้วิวที่ดีพอๆ กันหมด โดยเฉพาะห้องมุมที่ได้ส่วนโค้งของมุมตึกสามารถเทควิวได้กว้างมากขึ้นกว่าปกติ แต่สำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวมากๆ แนะนำอาคาร B ที่มีจำนวนเพียง 5 ยูนิต/ชั้น สำหรับคนที่ชอบวิวมุมสูงก็แนะนำ High Zone ของอาคาร A ค่ะ แต่เมื่อเทียบจำนวนอาคาร จำนวนชั้น กับยูนิตทั้งหมดที่ถือว่าไม่มากแล้ว ถือว่าเป็นโครงการที่เน้นความเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควร สิ่งที่เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการนี้คือเรื่องของการใช้วัสดุที่สวยงาม ดูหรูหราสมราคา และ Facility ที่เอื้อต่อการปล่อยเช่าชาวต่างชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจทั้งการอยู่อาศัยเอง และปล่อยเช่าที่ย่านนี้ได้ราคาดี ประมาณ 900-1,000 บาท/ตร.ม.   Q 36 Event Grand Opening 20-21 Jan 2018  วันที่ 20 มกราคม นี้ เวลา 13.00-15.00 น. จัดสัมนาฟรี ในหัวข้อ “เจาะลึกพฤติกรรมผู้เช่าห้องญี่ปุ่น ทำห้องอย่างไรให้โดนใจ”โดย ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ (คุณเกตุวดี Marumura กูรูด้านการตลาดญี่ปุ่น)   พิเศษ Promotion Free! iPhone X* เมื่อจองทำสัญญาได้รับเครื่อง 60 วันหลังทำสัญญา ลงทะเบียนได้เลย >>> https://goo.gl/G4gFJF
UNIO RAMA2-THAKHAM ทำเลศูนย์กลางย่านพระราม 2 : รีวิวคอนโด

UNIO RAMA2-THAKHAM ทำเลศูนย์กลางย่านพระราม 2 : รีวิวคอนโด

คอนโด UNIO RAMA2-THAKHAM ทำเลศูนย์กลางย่านพระราม 2 "UNIO RAMA2-THAKHAM" คอนโดมิเนียม Low Rise ที่มีมุมพักผ่อนสวยๆ เงียบสงบ บรรยากาศสไตล์รีสอร์ท แต่ยังคงอยู่ท่ามกลางสิ่งอำนวยความสะดวกแหล่งใหญ่ของย่านพระราม 2 ซึ่งเป็นบริเวณที่ได้รับความนิยมในการอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ รวมถึงคอนโดมิเนียม เพราะเดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัว ใกล้ทางด่วนสายสำคัญ และรถประจำทาง สามารถเดินทางเข้าตัวเมืองไม่ไกล มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ สถาบันการศึกษา และโรงพยาบาล ที่สำคัญยังมีราคาที่สามารถเอื้อมถึง   ทำเลที่ตั้ง ถนนพระราม 2 เป็นถนนสายหลักสายหนึ่งที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพมหานครออกสู่ภาคตะวันตก-ภาคใต้ เริ่มต้นถนนตรงแยกพระราม 2 ต่อจากถนนสุขสวัสดิ์ ตรงผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สิ้นสุดที่แยกวังมะนาว จังหวัดราชบุรี เป็นถนนกว้างถึง 8 เลน วิ่งกันสบายๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาโฟกัสกันที่ช่วงถนนพระราม 2 ในเขตกรุงเทพฯ โดยจะมีทางด่วนสายสำคัญ 2 สายที่เชื่อมต่อระหว่างในเมืองกับชานเมืองทำให้การเดินทางง่ายขึ้นมาก คือ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร มีจุดขึ้น-ลงช่วงต้นถนนพระราม 2 บริเวณรพ.บางปะกอก 9 และถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครฝั่งใต้ มีจุดขึ้น-ลงประมาณกิโลเมตรที่ 10 จึงถือว่าการเดินทางสะดวกมากสำหรับผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัว สำหรับผู้ที่ใช้รถสาธารณะก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมีรถประจำทางหลายสาย ทั้งรถเมล์ รถตู้ รถสองแถว และในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รวมทั้งหมด 17 สถานี ซึ่งสถานีที่ใกล้ถนนพระราม 2 มากที่สุด คือ สถานีดาวคะนอง จะอยู่ระหว่างซอยสุขสวัสดิ์ 12 กับซอยสุขสวัสดิ์ 14 ใกล้กับแยกพระราม 2 เริ่มก่อสร้างประมาณกลางปี 2561 คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้บริการประมาณปี 2566-2567 หากเสร็จเมื่อไหร่ก็จะยิ่งทำให้การเดินทางเข้าเมืองสะดวกยิ่งขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกของถนนพระราม 2 มีอยู่ 2 จุดใหญ่ๆ คือ ช่วงจังหวัดสมุทรสาครที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรม กับช่วงเซ็นทรัลพระราม 2 ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งในช่วงที่เป็นที่ตั้งของเซ็นทรัลพระราม 2 ถือเป็นศูนย์กลางของสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เพราะไม่ใช่มีแค่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 2 แต่มีทั้งบิ๊กซี โลตัส โฮมโปร อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 โรงพยาบาลนครธน โรงพยาบาลบางมด โรงเรียนสมิทธิพงษ์ โรงเรียนอัสสัมชัญ พระราม 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ฯลฯ   นอกจากนี้ในวันหยุดพักผ่อน เราก็สามารถออกไปหาสถานที่เที่ยวได้ใกล้มากโดยวิ่งเส้นพระราม 2 นี้ได้เลย ทำให้ไม่เหนื่อยเดินทาง เช่น นั่งทานอาหารที่ทะเลบางขุนเทียน เดินตลาดวัดดอนหวาย ตลาดน้ำอัมพวา หรือจะขับรถเลยออกไปเที่ยวสวนผึ้ง, ชะอำ, หัวหิน ก็ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง ระยะทางก็ร้อยกว่ากิโลเมตรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ถนนพระราม 2 จึงเป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งด้านการทำงาน และการใช้ชีวิตในวันหยุดพักผ่อนกับครอบครัวได้อย่างลงตัว   ภาพรวมโครงการ   UNIO RAMA2-THAKHAM คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร ทั้งหมด 728 ยูนิต แบ่งเป็นยูนิตพักอาศัย 726 ห้อง มีห้อง Studio 2 แบบให้เลือก คือ ขนาด 22.50 ตรม. และ 26.06 ตร.ม. กับยูนิตเพื่อการค้า 2 ห้อง มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 6 ไร่ หน้าโครงการหันออกทางทิศตะวันตก ส่วนยูนิตพักอาศัยจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ วิวถนนพระราม 2 กับทิศใต้ วิวถนนท่าข้าม ลักษณะที่ดินหน้าแคบ แต่ลึกยาวเข้าไปติดคลองสนามไชย ซึ่งอาคาร A จะเป็นอาคารแรกชิดฝั่งทิศใต้ ส่วนอาคาร B-C วางตัวแนวยาวต่อกันลึกเข้าไปชิดทางฝั่งทิศเหนือ   โครงการตั้งอยู่ในถนนท่าข้าม เข้ามาประมาณ 120 เมตร ซึ่งบริเวณริมถนนพระราม 2 ใกล้กับปากทางเข้าถนนท่าข้ามนั้นมีทั้งโฮมโปร คอมมูนิตี้มอลล์ บิ๊กซี ในระยะที่สามารถเดินไปได้ หรือจะเดินไปเซ็นทรัลพระราม 2 ก็มีระยะทางประมาณ 600 เมตร ลึกเข้าไปในถนนท่าข้ามนี้ก็จะมีทั้งตลาด ร้านอาหาร ที่อยู่อาศัยเดิมของคนในย่านนี้ตลอดเส้นทางทำให้ถนนท่าข้ามมีความคึกคักอยู่ไม่น้อย   ตัวโครงการออกแบบภายใต้แนวคิด Sea Breeze ด้วยการวางแบบอาคารกับส่วนกลางเปิดโล่งมีเส้นสายคล้ายน้ำทะเล เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ทั้งหมดอย่างเต็มที่ พื้นที่ส่วนกลางถูกวางไว้ระหว่างอาคาร B กับ C ฝั่งทิศใต้ เริ่มจากสวนสีเขียว สนามเด็กเล่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และลานโยคะกลางแจ้ง   เยี่ยมชมโครงการ   ปัจจุบันโครงการ UNIO RAMA2-THAKHAM สร้างเสร็จพร้อมอยู่ โดยผู้ที่ซื้อโครงการไปจะอยู่อาศัยเองกว่า 60% ส่วนมากจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้อยู่แล้วมาซื้อเพิ่มเป็นบ้านหลังที่ 2 หรือซื้อให้ลูกหลานอยู่ เราลองเข้าไปดูภายในโครงการพร้อมกันเลยค่ะ หน้าโครงการจะมี Sale Gallery ติดกับถนนท่าข้าม เดินมาจากปากซอยไม่ไกลเลยค่ะ ทางเข้า-ออก โครงการมีด้านหน้าทางเดียวค่ะ ใช้ระบบ Key card access ทั้ง 3 อาคารใช้โทนสีเดียวกัน คือ สีน้ำตาลอ่อนตัดกับสีน้ำตาลเข้ม และสีดำ ดูอบอุ่น แต่ยังคงความทันสมัย ที่จอดรถอยู่ใต้อาคารทั้ง 3 อาคาร สามารถจอดได้ 220 คัน ทางเข้าทั้ง 3 อาคาร จะเป็นล็อบบี้แบบเดียวกันนี้ที่มีทั้งเก้าอี้ โซฟา สำหรับรับแขก หรือเป็นมุมอ่านหนังสือก็ได้ค่ะ อยู่ก่อนที่จะเปิดประตูคีย์การ์ดอีกชั้นเป็นโซนเมลบ็อก และโถ่งลิฟท์ เดินเข้ามาทางด้านข้างอาคาร B เราจะเห็นพื้นที่สีเขียวยาวไปจนถึงอาคาร C ด้านในสุด หากใครที่อยู่ห้องทางฝั่งทิศใต้ของอาคาร B-C ก็จะได้วิวส่วนกลางสวยๆไปด้วยค่ะ มีโซนสนามเด็กเล่น ห้องฟิตเนสจะอยู่เชื่อมกับอาคาร B ตรงบล็อกสีส้มที่ยื่นออกมาจากอาคารค่ะ ห้องฟิตเนสจะเป็นกระจกใสรอบด้าน สามารถมองออกไปเป็นวิวส่วนกลางทั้งฝั่งอาคาร B ที่เป็นสนามเด็กเล่น และฝั่งอาคาร C ที่เป็นสระว่ายน้ำ ออกมาจากห้องฟิตเนส แล้วเดินมาตามสวนสีเขียวจะพบกับสระว่ายน้ำข้างอาคาร C สระว่ายน้ำระบบเกลือแบบฟรีฟอร์ม ความลึก 1.20 เมตร ส่วนสระเด็กลึก 0.65 เมตร ยูนิตในอาคาร C ฝั่งทิศใต้จะได้วิวสวยที่สุดในโครงการเลยค่ะ บรรยากาศตรงนี้ลึกเข้ามาจากถนนใหญ่เล็กน้อย แต่ให้ความเงียบสงบกว่ามาก เดินเข้าไปอีกหน่อยจะมีที่นั่งเล่นริมสระด้วย ให้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ทได้ดีจริงๆ ค่ะ ส่วนด้านในสุดของโครงการเป็นลานโยคะกลางแจ้งค่ะ เดินชมรอบๆ โครงการจริงเสร็จแล้ว เรากลับเข้าไปดูห้องตัวอย่างภายใน Sale Gallery ด้านหน้ากันค่ะ ดูจากโมเดลแล้วจะเห็นภาพรวมส่วนกลางของโครงการมากขึ้นค่ะ ซึ่งห้องตัวอย่างจะมีทั้งหมด 2 ห้อง คือ ขนาด 22.50 ตรม. และ 26.06 ตร.ม. เป็นห้อง Studio ทั้ง 2 แบบค่ะ เปิดห้องตัวอย่าง เริ่มจากห้องแรก ขนาด 22.50 ตร.ม. โซนแรกเป็นห้องนั่งเล่น ขวามือเป็นเคาน์เตอร์วางทีวี ซ้ายมือเป็นโซฟาค่ะ ภายในห้องมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร ใช้ไฟซาลาเปา ปูพื้นด้วยลามิเนตหนา 8 มม. แต่ห้องที่จะได้จริงเป็นห้องเปล่านะคะ จะมีแค่สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ เคาน์เตอร์ครัว กับเครื่องปรับอากาศภายแบรนด์ซัมซุงในห้องนอนให้ 1 ตัว พื้นที่วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง สามารถวางโต๊ะกลางหน้าโซฟาเฉพาะขนาดเล็กได้ พื้นที่วางเคาน์เตอร์ทีวีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับวางทีวีจอแบน หรือทีวีแบบแขวน ซ้ายมือเป็นพื้นที่อีกโซนของห้อง ต่อจากพื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อด้วยห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีเทา ภายในห้องนอนเราสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และยังพอมีพื้นที่ทางเดินเล็กๆ รอบเตียงทั้งสองข้าง ข้างเตียงมีกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีดำ ปลายเตียงสามารถ built in ตู้เสื้อผ้าได้ตลอดทั้งแนว หรือจะแบ่งพื้นที่เอาไว้สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานขนาดเล็กได้ตามแบบห้องตัวอย่าง ออกจากห้องนอนมาดูโซนด้านขวาของห้องกันบ้างค่ะ เป็นโซนของห้องน้ำทางด้านขวามือหลังเคาน์เตอร์ทีวี และห้องครัว ภายในห้องน้ำทั้งพื้น และผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิค แยกส่วนเปียก-แห้ง แต่ไม่มีฉากกั้นมาให้ สิ่งที่เราจะได้มาคือสุขภัณฑ์ COTTO อ่างล้างหน้า American Standard แบบแขวนผนัง และกระจกตรงอ่างล้างหน้าค่ะ สุดท้ายกับโซนห้องครัวค่ะ มีพื้นที่สำหรับ built in ครัว และวางตู้เย็นได้ ขนาดกำลังพอดี ต่อด้วยระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ระเบียงมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าเอาไว้ใต้ Condensing Unit ราวระเบียงกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีดำ ห้องตัวอย่างสุดท้ายค่ะ ขนาด 26.06 ตร.ม. เริ่มจากห้องนั่งเล่น ขวามือเป็นพื้นที่วางโซหา ซ้ายมือเป็นพื้นที่วางเคาน์เตอร์ทีวี โดยรวมแล้วแปลนห้องจะเหมือนกันกับห้องแรกค่ะ เพียงแต่จะได้พื้นที่กว้างกว่า โซนห้องนั่งเล่นเราสามารถวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้ ฝั่งเคาน์เตอร์วางทีวีสามารถหาเตาน์เตอร์ขนาดกลางมาวางได้ หรือจะวางเคาน์เตอร์ขนาดเล็ก แล้ว built in ตู้เก็บรองเท้าขนาดเล็กได้ ขวามือเป็นอีกโซนของห้อง ต่อจากห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ของห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ภายในห้องนอนเราสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมโต๊ะหัวเล็กขนาดเล็กได้ โดยยังมีพื้นที่ริมหน้าต่างเป็นทางเดิน ปลายเตียงเราสามารถ built in เสื้อผ้าได้ตลอดแนว หรือจะทำตามห้องตัวอย่างที่เห็นคือ built in ตู้เสื้อผ้า และโต๊ธทำงานไว้ข้างๆ ด้วย โซนด้านซ้ายของห้อง เป็นห้องครัวค่ะ มีพื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้เย็นได้พอดี ต่อด้วยพื้นที่ระเบียงกั้นโดยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ระเบียงมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าเอาไว้ใต้ Condensing Unit พื้นที่เท่ากันกับห้องที่แล้วค่ะ ราวระเบียงกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีดำ สุดท้ายค่ะ เมื่อเราหันหลังให้ระเบียงก็จะพบกับห้องน้ำอยู่หลังเคาน์เตอร์ทีวี มีการแยกส่วนเปียก-แห้ง ได้สุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง และกระจกแค่ส่วนหน้าอ่างล้างหน้าค่ะ   UNIO RAMA2-THAKHAM เป็นคอนโดมิเนียมที่มีความเงียบสงบเป็นส่วนตัว ส่วนกลางทำออกมาได้สวยตามสไตล์รีสอร์ท ให้บรรยากาศที่ดีในการพักผ่อน สิ่งแวดล้อมรอบข้างไม่แออัด ไม่วุ่นวายจนเกินไป แต่ยังสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะเป็นคนใช้รถสาธารณะที่สามารถนั่งรถเมล์, รถตู้ ลงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามเซ็นทรัลพระราม 2 แล้วเดินย้อนกลับไปยังคอนโดก็ยังได้ หรือจะใช้รถยนต์ส่วนตัวก็สามารถเดินทางเข้าเมืองด้วยทางพิเศษเฉลิมมหานคร แล้วเชื่อมต่อไปยังทางพิเศษศรีรัชเข้าสู่สาทร-สีลม ด้วยเวลาประมาณไม่เกิน 50 นาที แต่หากจะวิ่งเส้นนอกเมืองก็ไปขึ้นถนนกาญจนาภิเษก โดยให้ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วน   จุดเด่นของโครงการนี้คือทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดของช่วงถนนพระราม 2 ทั้งโฮมโปรที่อยู่ปากทางถนนท่าข้ามเพียง 120 เมตร บิ๊กซีฝั่งเดียวกันกับคอนโดประมาณ 500 เมตร และเซ็นทรัลพระราม 2 อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ก็สามารถเดินจากคอนโดไปได้เพียง 600 เมตร และยังใกล้กับโรงพยาบาลหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลนครธน โรงพยาบาลบางมด รวมถึงสถานศึกษาตั้งแต่ปฐมวัยไปจนถึงมหาวิทยาลัย   "ใกล้ คุ้ม ครบ" คงจะเป็นนิยามของโครงการนี้ได้ดีที่สุด เพราะตอนนี้มีโปรโมชั่น ANANDA HEART SALE ล่าสุดจากอนันดา ผ่อน 555 บ./ด. นาน 2 ปี เฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมเข้าอยู่แล้ว เริ่ม 1.29 ล้าน* โปรโมชั่นนี้สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2560 นี้เท่านั้น
The Village กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์ ความสุขที่..สมบูรณ์แบบ : รีวิวทาวน์โฮม

The Village กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์ ความสุขที่..สมบูรณ์แบบ : รีวิวทาวน์โฮม

รีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศสไตล์โคโลเนียลกับวิลเลจทาวน์บ้านซี่รี่ย์ใหม่ในโครงการ The Village Kanjanapisek-Rachaphruk(เดอะ วิลเลจ กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์) จาก Areeya Property ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด มีความเป็นส่วนตัวทุกหลัง เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ผนังบ้านเป็นอิสระไม่ติดใคร แบ่งฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นสัดส่วน ทั้งยังมาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Double Security ที่ลงตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน ศักยภาพและการเดินทาง โครงการ เดอะ วิลเลจ กาญจนาภิเษก – ราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ (ถนนบางกรวย – ไทรน้อย) โซนนนทบุรี ฝั่งถนนกาญจนาภิเษกที่ตัดกับถนนชัยพฤกษ์ค่ะ ปัจจุบันย่านนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่น่าจับตานะคะ เพราะกำลังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและมีโครงการบ้านจัดสรรเริ่มทยอยเปิดตัวขึ้นหลายโครงการ ด้วยพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยและทำเกษตรกรรม แต่ก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่พอตัวเลยค่ะ เพราะตามเส้นถนนก็จะมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้ออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีสถานศึกษา สถานพยาบาล รวมไปจนถึงแหล่งจับจ่ายใช้สอยอย่าง Makro, ตลาดเคหะบางบัวทอง (ที่เป็นจุดรวมของคิวรถตู้และรถสองแถว) ตลาดปิยะ และตลาดไทรน้อย หรือขยับไปอีกนิดทางเส้นกาญจนาภิเษกก็จะมี เทสโก้ โลตัส บางใหญ่, บิ๊กซี บางใหญ่, Index บางใหญ่, The Crystal ราชพฤกษ์ และ Central WestGate ไม่เพียงเท่านี้ยังมี 7 – Eleven มาเปิดที่ถนนฝั่งตรงข้ามกับโครงการด้วยค่ะ และในอนาคตก็จะมี The Shopping Village คอมมิวนิตี้มอลล์สไตล์ American Cottage มาเปิดติดกับตัวโครงการเลยค่ะ ส่งผลให้ลูกบ้านสะดวกสบายมากขึ้น สำหรับการการเดินทางด้วยรถยนต์นั้นสามารถเลือกได้หลายเส้นทางมากค่ะ ต้องบอกเลยว่าสะดวกสบายไม่แพ้ย่านอื่นเลยนะคะ อย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนบางกรวย – ไทรน้อย ที่ไปบรรจบกับถนนสาย 346 ซึ่งสามารถวิ่งตัดผ่านถนนสายหลักอื่นๆ ได้อีกหลายเส้น อาทิ ถนนราชพฤกษ์ที่ใช้วิ่งตรงเข้าสู่ตัวเมือง โดยจะไปเชื่อมกับถนนกรุงธนบุรี เข้าสู่ถนนสาทรเหนือและถนนสาทรใต้, ถนนรัตนาธิเบศร์ใช้วิ่งตรงเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน โดยข้ามสะพานพระนั่งเกล้า สามารถขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่ด่านงามวงศ์วานได้, ถนนกาญจนาภิเษกใช้วิ่งลงไปทางทิศใต้ถึงถนนเพชรเกษมและถนนพระราม 2 หรือขึ้นเหนือไปทางบางปะอิน ถนนชัยพฤกษ์ที่สามารถใช้วิ่งตรงเข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะ โดยข้ามสะพานพระราม 4 ไปทางรามอินทราและมีนบุรี หรือไปขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่ด่านแจ้งวัฒนะ หรือจะใช้ถนน 345 (บางบัวทอง-บางพูน) เลี่ยงการจราจรติดขัดจากถนนชัยพฤกษ์ วิ่งไปทางรังสิตก็ยังได้ด้วยค่ะ ในส่วนของการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็ยังถือว่าสะดวกอยู่นะคะ เพราะบริเวณหน้าโครงการจะมีรถตู้ และรถสองแถววิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด โดยรถจะวิ่งไปทางไทรน้อย ผ่านบิ๊กซีรัตนาธิเบศร์ และผ่านหน้าตลาดเคหะบางบัวทอง ซึ่งบริเวณหน้าตลาดจะมีป้ายรถเมล์ สาย 127 (บางบัวทอง-บางลำพู)  และ 134 (บัวทองเคหะ – หมอชิต 2) คอยบริการค่ะ นอกจากนี้จุดเด่นของโครงการยังตั้งอยู่ในระยะที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่ – บางซื่อ) สถานีใกล้ที่สุดคือสถานีคลองบางไผ่ ที่ใช้เวลานั่งรถจากโครงการไปเพียง 10 นาที โดยรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้จะไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ทำให้การเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วมากขึ้น   พาชมโครงการ โครงการ เดอะ วิลเลจ กาญจนาภิเษก – ราชพฤกษ์ เป็นแบบบ้านซีรี่ย์ใหม่ที่ทางอารียาออกแบบมาเป็นพิเศษภายใต้คอนเซปต์ Happy Colonial Living ผสมผสานความสวยงามของงานออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติไว้ได้อย่างลงตัว เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มักจะเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุด โดยผนังบ้านแต่ละหลังจะเป็นอิสระต่อกัน ดังนั้นเมื่อมองจากด้านนอกตัวบ้านจะรู้สึกเหมือนกับบ้านเดี่ยวค่ะ แถมการออกแบบสไตล์ Modern Colonial ที่มีกลิ่นอายแบบฉบับวินเทจนิดๆ ก็ชวนมองไม่เบื่อเลยค่ะ ปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านย้ายเข้ามาแล้วค่ะ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่อยู่ในระหว่างตกแต่งและต่อเติม ดังนั้นเราจะได้เห็นบรรยากาศภายในโครงการจริงก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ ซุ้มทางเข้าโครงการที่มีเอกลักษณ์สไตล์ Village นะคะ ซึ่งทางเข้า-ออก โครงการนั้นใช้ระบบ Key Card และมีไม้กระดกกั้นอีกชั้นหนึ่ง ถนนเมนจะกว้าง 12 เมตรเลยนะคะ ส่วนถนนในซอยจะกว้าง 8 เมตร ในบริเวณโครงการจะมีสวนหย่อมพร้อมศาลานั่งเล่นที่ลูกบ้านสามารถออกมาเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้ด้วยนะคะ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ จะอยู่ในโซนด้านหน้าของโครงการนะคะ โดยทางอารียาจัดแยกส่วนไว้อีกที่หนึ่งให้เป็นคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่ ซึ่งลูกบ้านของ เดอะ วิลเลจ จะแบ่งกันใช้ร่วมกับ Areeya Como และ The Colors ที่อยู่ในโซนเดียวกัน โดยภายในคลับเฮ้าส์มีทั้ง Lobby, ห้องสมุด, ห้องประชุม, Game room, สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่, ฟิตเนส และมุมพักผ่อนอีกมากมาย ซึ่งการจะเข้าใช้ในแต่ละส่วนของคลับเฮ้าส์นั้นจะต้องมีคีย์การ์ดแตะที่หน้าประตูห้องก่อน จึงจะสามารถเปิดประตูผ่านเข้าไปได้ค่ะ ทางโครงการมีเลนสำหรับรถจักรยานด้วยนะคะ บรรยากาศด้านหน้าคลับเฮ้าส์ ที่ลูกบ้านอารียาจะแบ่งกันใช้กับ Areeya Como และ The Colors ที่อยู่ในโซนเดียวกัน ภายในห้องสมุดที่ค่อนข้างโปร่งโล่งให้ความรู้สึกสงบได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ นอกจากห้องสมุดยังมี Game room ด้วยนะคะ อุปกรณ์เครื่องเล่นในห้อง Game room ที่รองรับลูกบ้านอย่างครบครัน นอกจากห้องสมุดและ Game room ยังมีห้องนั่งเล่นพักผ่อนขนาดใหญ่รองรับลูกบ้านของอารียาด้วยนะคะ พื้นที่ด้านหลังคลับเฮ้าส์จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำนะคะ บริเวณรอบสระจะล้อมรอบด้วยไม้รั่วประดับ เพื่อให้ลูกบ้านรู้สึกเป็นส่วนตัว นอกจากมีสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่รองรับลูกบ้านแล้ว ยังมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กข้างๆ ด้วยค่ะ พื้นที่ตรงข้ามกับสระว่ายน้ำจะเป็นส่วนของฟิตเนสนะคะ ภายในห้องฟิตเนตเต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายที่ทันสมัยและครบครัน ห้องฟิตเนสจะโอบล้อมไปด้วยกระจกใสนะคะ ซึ่งเวลาลูกบ้านออกกำลังกายจะได้ชมวิวสระว่ายน้ำไปในตัว เปิดบ้านตัวอย่าง แบบบ้านของ เดอะ วิลเลจ กาญจนาภิเษก – ราชพฤกษ์ นั้นมีเพียง Type เดียวนะคะ ซึ่งเป็นวิลเลจทาวน์ 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน มีขนาดพื้นที่ใช้สอยถึง 141 ตร.ม. แบ่งออกเป็น Master Bedroom 1 ห้อง และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ กับอีก 1 ห้องเอนกประสงค์ ที่อยู่บริเวณชั้นล่างของตัวบ้าน โดยพื้นที่นี้ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะใช้เป็นห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือจะตกแต่งให้เป็นห้องนอนอีกห้องก็ยังได้ค่ะ เพียงแค่กั้นประตูเพิ่มอีกนิดก็มีห้องนอนถึง 4 ห้องแล้วค่ะ นอกจากเรื่องฟังก์ชั่นการใช้สอยภายในตัวบ้านแล้ว ถ้าครอบครัวไหนอยากมีพื้นที่ทำสวนในบ้าน ก็แนะนำให้เลือกแปลงหัวมุมค่ะ เพราะขนาดที่ดินจะใหญ่ขึ้น ทำให้ได้พื้นที่ข้างบ้านไว้ปลูกต้นไม้ทำสวนเล็กๆ ค่ะ มาพูดถึงบ้านตัวอย่างกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในบ้านถูกจัดสรรเป็นสัดส่วนไว้อย่างลงตัว บริเวณชั้นล่างเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็น Living Room และโซน Dining Room ที่เชื่อมต่อกับ Pantry เตรียมอาหาร ที่มาพร้อมลานหลังบ้านและพื้นที่สำหรับครัวไทย เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นไปชั้นสอง ด้านหน้าบ้านจะเป็น Master Bedroom ห้องนอนใหญ่ที่มาพร้อมระเบียง ในส่วนของห้องน้ำบนชั้น 2 ก็สามารถเข้าได้สองทางทั้งจากทางห้องนอนใหญ่และทางเดินหน้าห้องค่ะ ซึ่งห้องชั้นบนจะแชร์ห้องน้ำร่วมกัน แต่ก็มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกคนในครอบครัวนะคะ เพราะพื้นที่ชั้นบนนั้นยังมีห้องนอนเล็กถึง 2 ห้องด้วยกัน ถ้าครอบครัวไหนมีจำนวนสมาชิกน้อยก็สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้เป็นห้องทำงานก็ยังได้ค่ะ แปลนบ้านของ วิลเลจ กาญจนาภิเษก – ราชพฤกษ์ นะคะ ประตูรั้วหน้าบ้านจะเป็นสีขาวเข้ากับตัวบ้านสไตล์ Modern Colonial ขนาด 62 ตารางวา พื้นที่ความสุข 141 ตร.ม. ซึ่งลูกบ้านจะได้ทุกอย่างเหมือนในภาพเลยนะคะ หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ถึง 2 คันเลยนะคะ บริเวณหน้าบ้านนอกจากสามารถจอดรถได้ 2 คันแล้วยังมีพื้นที่เหลือสำหรับปลูกต้นไม้ ทำสวนหย่อมได้อีกด้วยค่ะ เทอเรสข้างบ้าน ที่ลูกบ้านสามารถตกแต่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ตามใจชอบเลยค่ะ โดยโครงการได้ยกพื้นสูงขึ้นมาให้หนึ่งเสต็ปพร้อมตีหลังคาระแนงทาสีขาวไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พื้นที่หน้าบ้านต่อเนื่องจากลานจอดรถจะยกพื้นขึ้นมา 1 เสต็ปนะคะ เข้ามาในบ้านจะเจอโถงกลางก่อนเลยค่ะ ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างโปร่ง โล่ง สบายทีเดียว พื้นที่โถงกลางจะอยู่ติดกับโซนครัวนะคะ ซึ่งทางจะบิลต์อินไอส์แลนด์และเคาน์เตอร์พร้อมตู้เก็บของมาให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนครัวลูกบ้านจะได้เคาน์เตอร์ ตู้เก็บของ และไอส์แลนด์สำหรับเตรียมอาหารวัสดุและขนาดเหมือนดั่งในภาพเลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ ซึ่งลูกบ้านต้องซื้อเข้ามาเอง อ่างล้างจานจะเป็นแบบหลุมเดียวนะคะ จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ด้านข้างเหลือสำหรับวางจานและไมโครเวฟด้วย อีกทั้งด้านล่างเคาน์เตอร์ยังเป็นตู้เก็บของด้วยค่ะ ติดกับส่วนครัวจะมีประตูเปิดมาหลังบ้านในส่วนซักล้างนะคะ ซึ่งพื้นที่หลังบ้านก็มีขนาดกว้างเพียงพอที่ลูกบ้านจะต่อเติมทำเป็นครัวไทยได้ โดยทางโครงการจะเทพื้นคอนกรีตไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ กลับเข้ามาในบ้านติดกับส่วนครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนเลยนะคะ พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างขวางกำลังดี ทางโครงการยกธรณีสูงขึ้นมานิดนึงเพื่อกันน้ำไหลย้อน ซึ่งส่วนนี้ลูกบ้านสามารถซื้อม่านอาบน้ำมาติดเพิ่ม หรือจะติดกระจกก็ยังได้ค่ะ บริเวณส่วนล้างหน้า ทางโครงการจะติดกระจกเงาขนาดใหญ่ทรงสูงมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ มาในส่วนของพื้นที่เอนกประสงค์กันบ้าง พื้นที่ส่วนนี้ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตามใจเลยนะคะ จะทำเป็นห้องนั่งเล่นเหมือนดั่งในภาพก็ได้ หรือใครอยากทำเป็นห้องทำงานก็ยังได้อีกเช่นกันค่ะ ขนาดของมุมนี้กำลังดีเลยนะคะ ไม่เล็กไป ไม่ใหญ่ไป จากภาพจะเห็นได้ว่าทางโครงการได้จัดตัวอย่างให้เป็นห้องนั่งเล่น จัดวางโซฟาตัวยาวพร้อมคอนโซลทีวี โดยพื้นที่ตรงกลางเหลือที่มากพอสำหรับวางโต๊ะกลางด้วยค่ะ เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นมาชั้นบน จะเจอกับห้องนอนเล็ก 2 ห้องนะคะ ซึ่งจะอยู่ติดกัน ภายในห้องขนาดค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ ซึ่งก็มาพร้อมหน้าต่างบานเลื่อนกระจกใส หากใครมีจำนวนสมาชิกน้อยหน่อย ก็สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ห้องนอนให้เป็นห้องทำงานก็ได้นะคะ เดินออกมาจากห้องนอนเล็กก่อนถึงห้องนอนใหญ่จะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งด้านบนมีเพียงห้องเดียวใช้ร่วมกัน ภายในห้องก็แบ่งแยกส่วนเปียกและแห้งไว้เช่นเดิม เพียงแต่ห้องน้ำของชั้นสองส่วนเปียกจะกรุกระจกกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ บริเวณล้างหน้าจะต่างจากห้องน้ำด้านล่างนะคะ ซึ่งด้านบนทางโครงการได้บิลต์อินต์เคาน์เตอร์ลอยมาให้ แต่ก็มาพร้อมกับกระจกเงาส่องหน้าขนาดเท่าด้านล่างค่ะ ขยับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องดูโปร่งโล่งเอื้อต่อการพักผ่อนอย่างแท้จริงเลยค่ะ ทางโครงการจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้เป็นตัวอย่างนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถวางขนาด 6 ฟุตได้ด้วยค่ะ เพราะพื้นที่โดยรอบค่อนข้างกว้างทีเดียว สามารถเดินรอบเตียงได้ ประตูกระจกใสที่อยู่ที่ติดกับส่วนเตียงจะเชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอกนะคะ ระเบียงบนห้องนอนใหญ่มีขนาดกำลังดีเลยนะคะ ลูกบ้านสามารถวางต้นไม้ตกแต่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ตรงข้ามระเบียงจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึงห้องนอนใหญ่มีประตูเชื่อมกับห้องน้ำด้านนอกด้วยค่ะ ปลายเตียงจะเป็นส่วนของคอนโซลทีวีนะคะ ติดกับคอนโซลทีวีมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับ Walk – in closet นะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถบิลต์อินตกแต่งได้ตามใจ โครงการ เดอะ วิลเลจ กาญจนาภิเษก – ราชพฤกษ์ นับว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจนะคะ ใครที่กำลังมองหาบ้านสักหลังสำหรับเริ่มต้นใช้ชีวิตครอบครัว บ้านซีรี่ย์ใหม่ที่ผนังบ้านเป็นอิสระ ให้ความเป็นส่วนตัวนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีนะคะ แถมราคาก็ไม่ได้สูงจนเกินไปนัก น่าจะอยู่ในงบประมาณที่เอื้อมถึงกันด้วยค่ะ ยิ่งถ้าใครคุ้นชินกับทำเลแถวนี้อยู่แล้ว ก็น่าจะเห็นถึงศักยภาพความเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยได้ชัดเจนขึ้น ทั้งเรื่องความอุดมสมบูรณ์ สาธารณูปโภคโดยรอบโครงการก็ตอบสนองความต้องการได้ครบถ้วนแบบนี้ยิ่ง “ไม่ควรพลาดเลยนะคะ” สำหรับคนที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมโครงการและบ้านตัวอย่างได้นะคะ เผื่อจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://goo.gl/Tnoaw6 หรือ โทร. 1797
KnightsBridge Collage Ramkhamhaeng – ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง : รีวิวคอนโด

KnightsBridge Collage Ramkhamhaeng – ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Collage Ramkhamhaeng - ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง คอนโดใหม่ สไตล์อังกฤษ ผสมผสาน Classic & Modern ห่างจาก MRT หัวหมาก เพียง 100 เมตร จาก Origin Property     รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น 2,050,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise 25 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 4-0-11.9 ไร่ จำนวนห้อง 682 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต ที่จอดรถ ประมาณ 46% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ ซอยรามคำแหง 42 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง เดือนมีนาคม ปี 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จ เดือนมีนาคม ปี 2563 ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน 500 บาท/ตารางเมตร   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   เดอะมอลล์ บางกะปิ แม็คโคร เทสโก้ โลตัส โรงเรียนเทพลีลา โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ราชมังคลากีฬาสถาน เมเจอร์ ฮอลลีวูด รามคำแหง ออฟฟิศเมท บิ๊กซี หัวหมาก พันธุทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ The Nine พระราม 9 โรงเรียนนานาชาติ RAIS ลอนดอน สตรีท พัฒนาการ   ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาด 22.20 - 22.90 ตารางเมตร จำนวน 318 ยูนิต 1 Bedroom Exclusive ขนาด 26.40 ตารางเมตร จำนวน 138 ยูนิต 1 Bedroom Plus ขนาด 31.40 - 32.50 ตารางเมตร จำนวน 180 ยูนิต 2 Bedroom ขนาด 43.20 - 43.30 ตารางเมตร จำนวน 46 ยูนิต   สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby Mailbox Co-working space & Library Co-kitchen & Co-pantry space Pool in the park Health Club Sky Jogging Track Access Card Control ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 020 300 000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://knightsbridge.origin.co.th/ramkhamhaeng/index.php
แต่งคอนโดเล็กๆ ของคนงบน้อยให้น่าอยู่ แถมมีพื้นที่เก็บของเยอะ

แต่งคอนโดเล็กๆ ของคนงบน้อยให้น่าอยู่ แถมมีพื้นที่เก็บของเยอะ

ในยุคที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ “คอนโดมิเนียม” จึงเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของผู้คนทั่วไป เหตุผลหลักนอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลทองซึ่งมักอยู่ติดกับถนนสายหลักที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายและประหยัดเวลาแล้ว ผู้อยู่อาศัยยังสามารถออกแบบและตกแต่งห้องให้สวยงามในสไตล์ตัวเองได้ดั่งใจ แม้พื้นที่ห้องจะมีขนาดจำกัดแค่ไหน แต่ก็ยังสามารถเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นที่ผสานพื้นที่พักผ่อนกับพื้นที่เก็บของเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และหากคุณตัดสินใจจะซื้อคอนโดฯ ขนาดเล็กไว้สักห้องหนึ่ง นอกจากการคำนึงถึงรูปแบบของพื้นที่ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่ดีจะต้องแข็งแรง ทนทาน สวยงามและใช้งานได้หลากหลาย วันนี้ Review Your Living จึงขอเสนอไอเดียหลักเพื่อช่วยคุณในการจัดสรรพื้นที่เล็กๆ ให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการตกแต่งสเปซภายในให้ลงตัวพร้อมอยู่ได้ทันทีมาฝาก ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ก็คือ Bricko Collection จาก Koncept Furniture ด้วยไอเดียการผสาน Style & Function ไว้ด้วยกัน นอกจากจะได้ความสวย เท่ แล้ว ยังใช้งานได้จริงอย่างแน่นอน จุดเด่นของ Bricko Collection คือเฟอร์นิเจอร์ที่ยืดขนาดพื้นที่ความสุขในคอนโดได้มากขึ้น ด้วยการออกแบบสินค้าทุกชิ้นให้เข้ากับพื้นที่ใช้สอยทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ที่สำคัญคือมีขนาดกะทัดรัด เว้นขอบบัว ลงตัวง่ายแม้คอนโดเล็กๆ ซึ่งก็ทำให้ห้องสวยพร้อมตอบโจทย์สไตล์โมเดิร์น ทันสมัย แต่งสวยได้ทุกห้อง เพราะครบครันไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องทานข้าว ซึ่งเทรนด์การตกแต่งที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คือการตกแต่งในสไตล์ LOFT ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นการโชว์พื้นผิว เช่น ปูนเปลือย อิฐ โครงเหล็ก รวมไปถึงการเดินสายไฟต่างๆ แต่ในบางครั้งโครงสร้างของที่อยู่อาศัย ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เราเสมอไป ดังนั้นวิธีแก้คือการหันมาโฟกัสที่เฟอร์นิเจอร์ แทนการไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างของตัวอาคาร ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ LOFT ที่นำมาฝากกันในวันนี้ค่ะ...     LIVING ROOM  มาเริ่มกันที่มุมแรกกับเป็นมุมรับแขก ในที่นี้ขอแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ มุมโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กับมุมโซฟา  เริ่มกันที่มุมโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ประกอบไปด้วยชั้นวางทีวี (ที่ดีไซน์ให้เป็นตู้เก็บรองเท้าไปด้วยในตัว) และชั้นแขวนด้านบน ที่มีดีไซน์ครอบเบรกเกอร์ ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้พื้นที่ผนังได้อย่างเต็มที่ ตอบโจทย์ชีวิตคอนโดถึงแม้จะพื้นที่น้อย ก็มีห้องสวยคุมโทนได้ ชุดวางทีวี บริคโก้ สไตล์ลอฟท์ (Bricko Loft Style) ขนาด 120 x 30 x 230 ซม. สีออทัมบราวน์ ตัด เกรย์โต้ ชั้นวางทีวีด้านบนเป็นชั้นแขวนมีรูร้อยสายไฟ พร้อมด้วยฟังก์ชั่นตู้เก็บของด้านล่างเป็นชั้นวางรองเท้า สามารถวางรองเท้าได้ 16-24 คู่ พร้อมรูระบายอากาศด้านหลัง 4 ช่อง ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บพื้นที่จัดเก็บได้มากขึ้น อีกด้านคือโซฟา มุมพักผ่อนเล็กๆ ที่เอาไว้เอนกาย เหยียดขา เมื่อคุณกลับมาถึงห้อง ซึ่งในมุมนี้ Bricko มีการดีไซน์ที่ผสานความจำเป็นในการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็น โซฟา ชั้นเก็บของ และโต๊ะทำงาน  พร้อมฟังก์ชั่นการจัดเก็บมากมาย เช่น โซฟามีช่องเก็บของหน้าบานสไลด์ไว้ด้านล่าง โต๊ะทำงานมีรูร้อยสายไฟเพื่อความเป็นระเบียบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังคงความ Loft ไว้ได้อย่างลงตัว กล่องแขวนด้านบนเพิ่มพื่จัดเก็บมากขึ้น ซึ่งมีขนาดกว้าง 160 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เจาะยึดผนังแขวนด้วยไม้ก้อน มีบานเปิดด้วยกัน 4 บาน  ภายในแบ่งเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น 8 ช่อง โดยแต่ละชั้นสามารถรองรับน้ำหนักในการวางของได้ 5 กิโลกรัม และยังสามารถเลื่อนปรับระดับได้อีกด้วย โซฟาบริคโก้ ขนาดกว้าง 160 x ยาว 100 x  สูง 90 ซม. โครงสร้างทำมาจากไม้สีโซลิดโอ๊ค ซึ่งเป็นสีไม้อ่อนที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ มีเบาะรองหนา 13 ซม. เป็นเบาะที่ห่อหุ้มด้วยผ้า นุ่มสบาย นอกจากนั้นยังสามารถถอดซักแห้งทำความสะอาดได้อีกด้วย ด้านบนของโซฟาเป็นพื้นปิดผิวสีเดนิม และช่องริมสุดเป็นช่องวางสำหรับวางของอื่นๆ ความพิเศษของโซฟาบริคโก้ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะด้านล่างของโซฟาเป็นหน้าบานสไลด์ สำหรับเก็บของ 2 บาน มีความลึก 70 ซม. เราสามารถเก็บของได้ไว้ในใต้โซฟานี้ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า, กล่องใส่ของ, หนังสือ หรือจิปาถะอื่นๆ ชั้นแขวนบริคโก้ ขนาดกว้าง 160 x ยาว 20 x สูง 60 ซม. มีส่วนประกอบหลักเป็นเหล็กสีดำ เพิ่มความดิบในแนวสไตล์ลอฟท์มากขึ้น โดยแบ่งชั้นวางของ 4 ชั้น สามารถวางของโชว์ ตุ๊กตา ต้นไม้เล็ก หรืออื่นๆ พร้อมด้วยกล่องแขวนขนาดกว้าง 160 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เจาะยึดผนังแขวนด้วยไม้ก้อน มีบานเปิดด้วยกัน 4 บาน  ภายในแบ่งเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น  8 ช่อง ซึ่งแต่ละชั้นสามารถรองรับน้ำหนักในการวางของได้ถึง 5 กิโลกรัม และยังสามารถเลื่อนปรับระดับได้อีกด้วย BEDROOM  ห้องนอน จุดเด่นคือชั้นและตู้เก็บของบริเวณหัวเตียงที่ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งาน โดยตัวเตียงจะมีลิ้นชักเก็บของบริเวณด้านข้าง ที่สำคัญคือสามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งซ้ายหรือขวาตามความชอบ ในส่วนของดีไซน์ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะมีการหยิบเอาลูกเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์ลอฟท์อย่าง “ปูนเปลือย” มาดีไซน์เป็นหน้าบานลิ้นชักตัดกับโทนสีน้ำตาลเข้มและพื้นผิวของวัสดุในบริเวณอื่น ทำให้สไตล์ลอฟท์ในห้องนอนนี้ ดูโดดเด่นมากขึ้น “ชุดห้องนอนบริคโก้  (Bricko Bedroom Set 6 ชิ้น)” ที่มาพร้อมเตียงนอน 5 ฟุต ขนาดกว้าง 160 x  ยาว 220 x  สูง 90 ซม. โดยโครงสร้างทำมาจากไม้สีออทัมน์ บราวน์ ซึ่งเป็นสีไม้เข้มที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ ส่วนเรื่องรองรับน้ำหนักไม่มีปัญหาเลยค่ะ ไม่ว่าผู้อยู่อาศัยจะตัวเล็กตัวใหญ่ก็สามารถนอนได้สบาย เพราะสามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 800 กิโลกรัมเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่เพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้กับเรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวเตียง ที่ปิดผิวด้วยสีเกรย์โต้ ซึ่งเป็นวัสดุปิดผิวสีใหม่ให้ดูคล้ายเหมือนสีปูนเปลือย ซึ่งเป็นสีประจำในแนวสไตล์ลอฟท์ และมีช่องว่างเปล่าๆ อีก 1 ช่องริมสุด ซึ่งเราสามารถวางวางไอแพด วางมือถือได้สะดวกเมื่อตอนเวลาเรานอนอีกด้วย ฟังก์ชั่นของเตียงรุ่นบริคโก้ยังมีความพิเศษอีกอย่างนั่นคือใต้เตียงเป็นลิ้นชัก 2 ช่อง ที่เราสามารถดึงเข้าดึงออก เอาไว้ใส่สิ่งของต่างๆ ได้สารพัดไม่ว่าจะเป็นหนังสือ กล่อง รูปภาพ และอื่นตามแต่ใจ ถือว่าเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับห้องมากยิ่งขึ้น ในส่วนบริเวณด้านข้างนั้นยังมีตู้ข้างเตียง ขนาดกว้าง 160 x  ยาว 220 x  สูง 90 ซม. มีช่องใส่ของด้านบน ถัดลงมาเป็นลิ้นชักเก็บของ ส่วนด้านล่างก็เป็นช่างวางของขนาดใหญ่ ไม่มีผนังหลังสะดวกในการใช้ปลั๊กไฟหรือจะวางหนังสือซ้อนกันเป็นชั้นๆ ก็สะดวกสบายแบบสุดๆ มาพร้อมกับกล่องแขวนด้านบน กว้าง 30 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เป็นชั้นวางของ 2 ชั้น สามารถเลื่อนปรับระดับได้ และชั้นวางของขนาด กว้าง 30 x ยาว 20 x สูง 80 ซม.ที่จะเราสามารถวางของได้สารพัดนึกเลยค่ะ ถัดมาเป็นพื้นที่บริเวณปลายเตียง ซึ่งขอเรียกรวมๆ ว่าเป็นมุมจัดเก็บสำหรับห้องนอน เพราะเฟอร์นิเจอร์ในมุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้านั้น จะเน้นการดีไซน์ที่โดดเด่นเรื่องฟังก์ชั่นการจัดเก็บที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้ได้จัดเก็บเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกายอื่นๆ ในคอนโดของคุณ ให้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง เรื่องแต่งตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับคนที่ชอบรักการแต่งตัวเป็นชีวิตจิตใจ ก็ต้องอยากมีไว้ภายในห้อง เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นชุดบริคโกก็จัดหนักจัดเต็มออกแบบมาตอบสนองความต้องการด้วย “โต๊ะเครื่องแป้งแบบยืนรุ่นบริคโก้” เหมาะสำหรับคอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด โดยโครงสร้างเป็นไม้สีออทัมน์ บราวน์ ซึ่งเป็นสีไม้เข้มที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ได้เป็นอย่างดี ด้านบนเป็นกระจกบานใหญ่เอาไว้สำส่องสำหรับแต่งตัว แถมยังมีตะขอแขวนตรงด้านข้าง 2 ตะขอ เราสามารถใช้ไว้สำหรับแขวนสร้อยคอ กุญแจ นาฬิกา ก็ง่ายสะดวกสบาย มีชั้นวางของตรงใต้กระจกสามารถวางของเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง น้ำหอม หรืออื่นๆ ส่วนด้านล่างนั้นเป็นราวแขวนผ้า เราสามารถแขวนกางเกง ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้า ได้ที่ราวแขวนนี้เลย ก้มลงไปหยิบได้สะดวก แถมด้านหลังไม่มีผนังหลัง เปิดโล่ง เพิ่มความสะดวกในการใช้ปลั๊กไฟ และยังดีไซน์เข้ามุมหลบบัวด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์มากยิ่งขึ้น DINING CORNER มุมเล็กๆที่คุณสามารถเอาไว้นั่งชิลกับทุกมื้ออาหารของคุณ ตอบโจทย์ความต้องการนี้ด้วย ชุดโต๊ะอาหาร Bricko ที่มีดีไซน์กระทัดรัด สวย จบในเซตเดียว ทั้งลิ้นชักเก็บของด้านข้าง สำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ กล่องแขวนติดผนังด้านบน และชั้นวางของอเนกประสงค์ สำหรับใช้จัดเก็บหรือวางของตกแต่ง...เรียกได้ว่าสวยเต็มสไตล์เหมาะสำหรับชาวคอนโดอย่างแท้จริง ชุดโต๊ะอาหาร บริคโก้ สไตล์ลอฟท์ (Bricko Loft Style) สีออทัมบราวน์ ตัดสีเกรย์โต้ ประกอบด้วย โต๊ะ 100 ซม., ชั้นแขวน 20 ซม., ชั้นแขวน 80 ซม. และ กล่องแขวน 100 ซม. ทั้งหมดจำนวน 4 ชิ้น โต๊ะอาหารที่พร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นมากมาย โต๊ะเพิ่มความเท่บ่งบอกสไตล์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยส่วนประกอบเหล็กสีดำ 1 ด้าน มีหน้าบานลิ้นชัก เปิดเก็บของด้านใน 2 ชั้น มือจับเป็นเหล็กสีดำ ดีไซน์หลบบัวบ้านด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอยได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสินค้าชุดนี้เหมาะสำหรับผนังที่มีความสูง 240 ซม. เป็นต้นไป และจำเป็นต้องยึดเกาะผนังด้วยนะคะ ถ้าใครที่ชื่นชอบในสไตล์การตกแต่งห้องแนวลอฟท์ และกำลังหาเฟอร์นิเจอร์ไปจัดวาง โดยเฉพาะห้องขนาดพื้นที่จำกัดที่เน้นประหยัดพื้นที่ แต่ก็ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน  เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นใหม่จาก Koncept Furniture ก็นับว่าน่าสนใจและถูกออกแบบมาเพื่อพื้นที่เล็ก เอาใจสาวกลอฟท์ที่อยากแต่งห้องสวย เท่ แต่มีขนาดจำกัดได้เป็นอย่างดี เพราะ  “Bricko Style for Condo” เผยเสน่ห์ดิบเท่ด้วยงานดีไซน์เรียบง่าย ผสานหลากวัสดุ ใช้พื้นที่จัดวางน้อยแต่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มาก นอกจากนี้ยังมีมัณฑนากรหรือเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบตกแต่งห้องประจำแต่ละสาขาด้วย เพียงคุณมีแปลนห้องและรายละเอียดขนาดห้องต่างๆ ก็สามารถปรึกษาและรับการออกแบบได้ฟรี! จะวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่สนใจ ตรงไหน ห้องไหน ยังไงดี ก็ลองไปปรึกษาดูนะคะ ถือว่าครบชุดและคุ้มค่ากับราคาจริงๆ ค่ะ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกมาแนะนำในวันนี้ เพราะนอกจากจะตกแต่งได้ง่าย เลือกขนาดได้ตามใจ สามารถประกอบเข้าชุดกับตัวอื่นๆ ในคอลเลคชั่นเดียวกันได้อย่างสะดวก รวดเร็วแล้ว ยังมีความสวยเท่ ทันสมัย และมีสไตล์ในแบบลอฟท์ได้ดีทีเดียว หากอยากรู้จักเฟอร์นิเจอร์ Bricko Collection มากขึ้น หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://goo.gl/75Ljpv
“Siamese Exclusive 42” ตอบโจทย์การลงทุนบนทำเลสุขุมวิทตอนกลาง : รีวิวคอนโด

“Siamese Exclusive 42” ตอบโจทย์การลงทุนบนทำเลสุขุมวิทตอนกลาง : รีวิวคอนโด

“สุขุมวิท” ทำเลที่เป็นที่หมายตาของทุกคน เป็นหนึ่งในทำเลที่ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ หลายรายเลือกปักหมุดแย่งส่วนแบ่งตลาดในทำเลทองย่านนี้แทบทั้งนั้น โดยเฉพาะบริเวณสุขุมวิทตอนกลางอย่าง “ทองหล่อ-เอกมัย” ที่ยังคงเป็นทำเลยอดฮิตของเหล่าโครงการคอนโด Hi-end ตลอดกาล เนื่องจากเป็นทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่าน ใกล้ด่านขึ้นลงทางด่วน เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อถนนหลายๆ สายสำคัญของกรุงเทพ เป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง รายล้อมไปด้วยร้านอาหารชั้นนำมากมาย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่สะดวกสบายแบบคนเมืองได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นที่หมายตาในลำดับต้นๆ ของทุกคน ปัจจุบันเทรนการอยู่อาศัยของคนเมือง นอกจากจะหันมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมากขึ้นแล้ว การซื้อคอนโดเพื่อการลงทุน ทั้งปล่อยเช่า และเก็งกำไรขายต่อ ก็เป็นที่นิยมไม่น้อยเช่นกัน และไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯเท่านั้นที่สนใจทำเลกลางเมืองแบบนี้ กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยที่ต้องทำงานใจกลางเมือง ยังคงนิยมเลือกที่พักอาศัยในย่านสุขุมวิทแทบทั้งสิ้น ดังนั้นตลาดการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมให้ชาวต่างชาติในย่านนี้จึงคึกคักมาเป็นพิเศษ เนื่องจากที่ดินทำเลดีใกล้รถไฟฟ้าในย่านสุขุมวิทหายากขึ้นเรื่อยๆ ราคาที่ดินในย่านนี้จึงปรับตัวขึ้นอย่างน่าตกใจ มีข่าวการเสนอขายที่ดินติดถนนสุขุมวิทราคาไม่ต่ำกว่า 1.5-2 ล้านบาท/ตารางวา ให้ได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้าราคาขายของคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ในย่านทองหล่อ-เอกมัย จะพุ่งขึ้นไปถึงกว่า 3 แสนบาท/ตารางเมตร ในบางโครงการและมีแนวโน้มจะขยับราคาขึ้นอีกในอนาคต ด้วยจุดเด่นของทำเล เป็นที่ต้องการสูงของตลาด และการลงทุนซื้อขายเปลี่ยนมือเป็นไปอย่างคล่องตัว ซึ่งมีการวิเคราะห์ถึงโอกาสการลงทุนคอนโดมิเนียมในย่านนี้ว่ามี Capital Gain ที่ดี โอกาสการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าก็ได้อัตราค่าเช่าสูงเช่นกัน ในขณะที่การขายต่อเปลี่ยนมือก็ทำกำไรได้ดีไม่แพ้กัน เมื่อไม่นานมานี้ มีการพูดถึงราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียม High Rise ทำเลเอกมัยว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 75% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันราคาขายต่อก็ทำราคาส่วนต่างได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว ที่มา : Plus Property การคาดการณ์ถึงอนาคต คาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 2561-2563) จะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่อีกจำนวนไม่น้อย และด้วยความที่เป็นทำเลยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ กลุ่มผู้ลงทุนคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าจึงมุ่งเป้ามาที่โครงการในย่านนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ ก็ด้วยเหตุผลที่สามารถทำเงินจากอัตราค่าเช่าได้ค่อนข้างสูงนั่นเอง   โครงการน่าจับจองในทำเล สุขุมวิท 42 โครงการ “Siamese Exclusive 42” เป็นหนึ่งโครงการที่น่าจับตา และน่าจับจองมากในเวลานี้ นอกจากจะเป็นคอนโดมิเนียม High Rise สไตล์ญี่ปุ่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในย่านนี้แล้ว ตัวโครงการก็อยู่ถัดเข้ามาในซอยสุขุมวิท 42 นิดเดียว ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเอกมัยเพียง 300 เมตรเท่านั้นค่ะ ถึงจะเป็นเป็นซอยที่มีการเดินรถทางเดียว แต่ก็เป็นซอยเลขคู่ที่เชื่อมต่อกับถนนพระราม 4 และอยู่ในฝั่งขาเข้า ทำให้การเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมืองเป็นเรื่องง่ายดาย แผนที่โครงการ Siamese Exclusive 42 ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 42 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัยเพียง 300 เมตรเท่านั้น “The Luxury of Modern Japanese” คือ คอนเซปต์การออกแบบของโครงการ ที่ต้องการยกระดับการอยู่อาศัยไปอีกขั้น ผสานเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น กับเส้นสายความเป็นไทย สู่สถาปัตยกรรมมที่เรียบง่าย เพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ภายในโครงการจัดเต็มด้วย Facility ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ทั้งพื้นที่สีเขียวบริเวณสวนระหว่างชั้น สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องสตรีมและซาวน่า รวมถึงที่จอดรถแบบอัตโนมัติ ซึ่งทุกส่วนถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างแท้จริง นอกจากนี้เพื่อการตอบโจทย์ของกลุ่มผู้ลงทุนปล่อยห้องเช่า ทางโครงการจึงริเริ่มแนวคิดการทำคอนโดมิเนียมที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ต้องการปล่อยเช่า โดยเริ่มใช้กับโครงการ Siamese Exclusive 42 เป็นแห่งแรก ในส่วนของพื้นที่การอยู่อาศัยจะมีการแยกล็อบบี้ และ Facility ออกจากกัน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ที่เลือกซื้อห้องชุดไว้สำหรับการอยู่อาศัยเอง ในขณะเดียวกันในส่วนที่ต้องการปล่อยห้องเช่า ก็จะเพิ่มบริการพิเศษสำหรับดูแล ต้อนรับผู้เช่าให้ได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ห้องชุดของโครงการ Siamese Exclusive 42 ออกแบบห้องชุดมาให้เลือก 3 Type ด้วยกัน คือ ห้อง 1 Bedroom, 2 Bedroom, 3 Bedroom และ Penthouse โดยมีขนาดห้องตั้งแต่ 33.67 – 157 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นที่ 5.56 ล้านบาท หรือราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นที่ 157,149 บาท/ตารางเมตร ซึ่งขายมาให้แบบ Fully Fitted ค่ะ ถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกัน ต้องบอกว่าโครงการ Siamese Exclusive 42 มีราคาเฉลี่ยไม่แพงเลยค่ะ (ประมาณ 165,159 บาท/ตารางเมตร) แถมยังเป็นโครงการใหม่เอี่ยมที่ออกแบบมาเอาใจกลุ่มตลาดต่างชาติได้ดี ในขณะที่โครงการอื่นๆ ที่เปิดตัวกันไปหลายปีก่อนหน้านี้ยังมีราคา Resale เฉลี่ยต่อตารางเมตรใกล้เคียงกัน หรือแม้แต่คอนโด Low Rise ในย่านเดียวกันก็ยังมีราคาขายต่อเฉลี่ยสูงถึง 177,000 บาท/ตารางเมตรเลยทีเดียว แน่นอนว่าในอนาคต ราคาที่ดิน และราคาขายคอนโดมิเนียมในย่านเอกมัยจะยังคงถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเลือกลงทุนในขณะที่ราคายังอยู่ในเรทที่จับต้องได้ แถมยังได้โครงการที่อยู่บนทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าแค่เอื้อมแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หากคุณกำลังต้องการใช้ชีวิตท่ามกลางความสะดวกสบายบนทำเลศักยภาพ ในใจกลางเมืองเช่นนี้ ไม่ควรพลาดโครงการ Siamese Exclusive 42 ด้วยประการทั้งปวง รายละเอียดราคาและเงื่อนไขการขาย 1 Bedroom เริ่มต้น 33.67 ตารางเมตร Type 1A-1A ราคา 5.56 ล้านบาท (165,159 บาท/ตารางเมตร) ราคาต่อพื้นที่ เริ่มต้น 157,149 บาท/ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ชั้น 2 จอง 50,000 บาท ทำสัญญา 5% (ของราคาห้อง) ผ่อนดาวน์ 15% จำนวน 25 งวด โอนกรรมสิทธิ์ 80% ค่าส่วนกลาง 75 บาท / ตร.ม. / เดือน ค่ากองทุนส่วนกลาง 800 บาท / ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุนส่วนกลางรายเดือน 5 บาท/ ตร.ม./เดือน โปรโมชั่น จอง 50,000 บาท ลด 10 เท่าของเงินจอง ยูนิตพิเศษเท่านั้น (ตรวจสอบตำแหน่งห้องกับฝ่ายขายโครงการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : https://goo.gl/3KgMoj
“Condo U เกษตร-นวมินทร์” เชื่อมต่อชีวิตการทำงานและการพักผ่อนที่ลงตัว : รีวิวคอนโด

“Condo U เกษตร-นวมินทร์” เชื่อมต่อชีวิตการทำงานและการพักผ่อนที่ลงตัว : รีวิวคอนโด

โครงการ “Condo U เกษตร - นวมินทร์” เป็นโครงการล่าสุดจาก Grand Unity ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน และสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้แล้วนะคะ ซึ่ง “Condo U เกษตร - นวมินทร์” ตัวนี้มีการปรับเปลี่ยน Design ใหม่ทั้งหมด โดยเลือกใช้คอนเซปต์ อาคารสีขาวที่ดูสะอาดตา พร้อมเพิ่มการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถตอบโจทย์การใช้สอยพื้นที่ได้อย่างสูงสุด บนทำเลที่เชื่อมไลฟ์สไตล์ทั้งชีวิตการทำงานและการพักผ่อนไว้อย่างลงตัว   ทำเล และการเดินทาง “Condo U เกษตร - นวมินทร์” ตั้งอยู่ริมถนนลาดปลาเค้าค่ะ ปักหมุดทำเลดีที่มีถนนหนทางเชื่อมโยงถึงหลายสาย สามารถเลือกเดินทางได้หลากหลายวิธีเลยทีเดียว เรามาดูถนนหนทางสายหลักๆ ที่เชื่อมกับถนนลาดปลาเค้ากันก่อนนะคะ ซึ่งมีถนน 3 สายด้วยกัน คือ ถนนรามอินทรา, ถนนเกษตร-นวมินทร์ และถนนผลาสินธุ์ การเดินทางด้วยรถส่วนตัวสะดวกมากๆ ค่ะ นอกจากจะสามารถเลือกใช้เส้นทางหลักๆ ที่ว่าแล้ว ถนนหลักทั้ง 3 สายยังเชื่อมต่อไปยังถนนพหลโยธิน, ถนนประดิษฐ์มนูธรรม, ถนนลาดพร้าว, ถนนวิภาวดีรังสิต รวมถึงยังอยู่ไม่ไกลจากด่านทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และ ดอนเมืองโทลเวย์ด้วยนะคะ จะไปยังโซนไหนของกรุงเทพก็เลือกได้ตามสะดวกเลยค่ะ การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนก็มีความสะดวกไม่แพ้กันนะคะ ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้ใช้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายแน่ๆ แล้ว โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ “สถานีศรีปทุม” จากสถานีนี้สามารถตัดเข้าถนนผลาสินธุ์มาที่ถนนลาดปลาเค้าได้เลยค่ะ หรืออีกทางเลือกคือ “สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ” ความพิเศษคือ สถานีนี้จะ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูด้วย ถ้าในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีชมพูก่อสร้างเสร็จเราก็สามารถนั่งมาลงที่ “สถานีลาดปลาเค้า” บริเวณปากซอยได้เลยค่ะ เพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าไปอีกขั้น (ตามแผนการสร้าง คาดว่ารถไฟฟ้าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานทั้ง 2 สายในช่วงปี 2563 ค่ะ) ในช่วงต้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวน่าจะเป็นสายหลักที่เราจะได้ใช้กันอย่างจริงจังในเร็วๆ นี้แน่นอน นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็มีให้เลือกใช้บริการเยอะทีเดียวค่ะ ทั้งรถเมล์ รถตู้ รถสองแถว แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็มีให้เลือกใช้มากมาย จะเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวก และง่ายทุกทาง พูดถึงเรื่องการเดินทางกันไปแล้ว ทีนี้มาดูทำเลที่ตั้งกันบ้างค่ะ พื้นที่ในย่านลาดปลาเค้า-รามอินทราจัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ที่ไหนเลย ด้วยความเป็นย่านที่อยู่อาศัย ในทำเลที่ค่อนไปทางช่วงต้นๆ ของถนนรามอินทรา บริเวณนี้จึงน่าจับตามากๆ ยิ่งกำลังจะมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านตลอดแนวถนนแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะทยอยกันวางแผนเปิดตัวในอีกไม่ช้า อย่างในปัจจุบันรอบๆ โครงการก็แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไม่น้อยนะคะ บริเวณปากซอยลาดปลาเค้าเองก็มี Community Mall อย่าง “The Jas Ramintra” แถมใกล้ๆ โครงการก็มีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ร้านอาหารเยอะเลย ในขณะที่บริเวณถนนรามอินทราก็มีทั้ง Central Plaza รามอินทรา, Foodland Supermarket, Big C Extra รามอินทรา, Ease Park, Villa Market หรือถ้าถัดออกไปอีกหน่อยยังมี Navamin City Avenue, The Walk, Crystal Park, Central Festival Eastville, CDC, ตลาดนัดหัวมุม, Major รัชโยธิน, Central ลาดพร้าว และ Union Mall ไม่ใช่มีเยอะแค่แหล่งช็อปปิ้ง สถานที่แฮงค์เอ้าท์เท่านั้นนะคะ สถานศึกษา สถานพยาบาล รวมถึงสถานที่ราชการก็มีไม่น้อยเลยค่ะ ลองไล่เรียงคร่าวๆ ก็มี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยเกริก, มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร, โรงเรียนสารวิทยา, โรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์, โรงเรียนสตรีวิทยา 2, โรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาลวิภาวดี, โรงพยาบาลเซนทรัลเยนเนอรัล แล้วยังมีสถานีตำรวจ, ศูนย์กีฬากองทัพบก และอีกมากมายจนบรรยายไม่หมดเลยค่ะ   เยี่ยมชมโครงการ โครงการ “Condo U เกษตร-นวมินทร์” เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น แบ่งเป็นอาคารพักอาศัย 2 โครงการ และ 1 อาคาร Clubhouse ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าทางโครงการเลือกใช้คอนเซปต์การออกแบบเน้นอาคารสีขาวสะอาดตาชวนฝัน บรรยากาศจึงดูโล่ง โปร่ง ในขณะที่ยังแฝงด้วยความเรียบแต่เก๋ ยิ่งในโซนของ Clubhouse บริเวณสระว่ายน้ำด้วยแล้ว ใครเห็นเป็นต้องถูกใจอย่างแน่นอนค่ะ ขณะเดียวกันตัวอาคารที่พักอาศัยยังคงเลือกใช้สีขาว ซึ่งไม่เคยเห็นโครงการไหนของ Grand Unity ใช้มาก่อนเลยค่ะ จึงไม่แปลกใจที่ทำไมโครงการนี้จึงโดดเด่นสะดุดตาที่สุดบนถนนลาดปลาเค้าในเวลานี้ เราเริ่มกันที่พื้นที่ของ Clubhouse ที่อยู่ในโซนด้านหน้าของโครงการก่อนนะคะ เน้นให้ความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ มีแนวไม้พุ่มสูงเป็นกำแพงสีเขียวยาวตลอดแนว ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวระหว่างที่ใช้งานด้านในแล้ว ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวสบายตาได้อีกด้วย มุมไฮไลท์ของ Clubhouse ต้องยกให้กับบริเวณสระว่ายน้ำค่ะ ซึ่งทางโครงการเลือกเป็นสระระบบน้ำเกลือขนาด 20 x 4.5 x 1.2 เมตร ตกแต่งด้วยหินขาวยาวไปถึงตัวอาคาร Clubhouse กันไปเลย ในขณะที่ภายใน Clubhouse ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ Double Space ใช้กระจกสูงจรดเพดาน เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ โดยภายใน Clubhouse จะมีทั้ง Fitness ที่ชั้น 2 ที่สามารถมองเห็นวิวทั้งสระว่ายน้ำ และแนวไม้พุ่มสีเขียวระหว่างออกกำลังกายไปด้วย ส่วนพื้นที่ชั้นล่างมีทั้ง Co-Working Space มุมนั่งเล่นหย่อนใจ รวมถึงห้องน้ำแยกชาย-หญิงเรียบร้อย บรรยากาศโดยรวมโอ่อ่า สบายตา และผ่อนคลาย จัดว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริงค่ะ ในส่วนของอาคารพักอาศัยจะมียูนิตรวมทั้งหมด 444 ยูนิตค่ะ โดยแบ่งเป็นอาคารละ 222 ยูนิต ซึ่งผังของอาคาร A และอาคาร B แทบจะไม่ต่างกันเลยค่ะ พื้นที่บริเวณชั้นล่างจะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดค่ะ ก็จะมีทั้งที่จอดในร่ม และที่จอดบริเวณหน้าอาคาร รวมซ้อนคันแล้วก็จะสามารถรองรับได้ถึง 217 คันเลยทีเดียว ดังนั้นพื้นที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป แต่ละอาคารมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว เป็นแบบล็อคชั้นนะคะ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านค่ะ     เปิดห้องตัวอย่าง โครงการ Condo U เกษตร-นวมินทร์ ก็มีแบบห้องให้เลือกด้วยกัน 3 Type ค่ะ เริ่มต้นที่ขนาด 26 ตร.ม., 30 ตร.ม. และ 38 ตร.ม. ที่ห้องเป็นแบบ Fully Fitted นะคะ ซึ่งห้องตัวอย่างที่เราจะได้ชมกันในครั้งนี้ มีด้วยกัน 2 แบบค่ะ นั่นคือ ห้อง Semi 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ช่วงนี้ทางโครงการกำลังมีโปรโมชั่นพิเศษ “ตัดภาระทางการเงิน” ผ่อนเพียง 899 บาท/เดือน นาน 2 ปี* กับราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท แถมยังได้ห้องแต่งเฟอร์นิเจอร์ครบไปเลยด้วย** หรือถ้าหากไม่อยากได้เฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการจัดไว้ ก็สามารถแลกรับเป็นส่วนลดแทนได้ เพียงแค่ลงทะเบียนล่วงหน้าที่ https://goo.gl/jrVA2R อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted เลยนะคะ ดังนั้นในห้องมาตรฐานก็จะมี ตู้วางรองเท้า, ตู้เก็บของพร้อมเคาน์เตอร์ครัว, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน, เครื่องปรับอากาศ, ผ้าม่าน และ Digital Door Lock มาเหมือนกันเกือบทุกรายการค่ะ ต่างกันก็แค่จำนวนเครื่องปรับอากาศกับขนาด BTU ในห้องแต่ละ Type เท่านั้น แต่สำหรับโปรโมชั่นพิเศษ จะมีเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic เพิ่มเติมมาให้อีกหลายรายการเหมือนกันค่ะ เรียกว่าแทบจะหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้ทันทีเลย ซึ่งในแต่ละห้องจะมีเฟอร์นิเจอร์อะไรเพิ่มเติมบ้าง เดี๋ยวตามไปดูกันทีละห้องเลยดีกว่า สำหรับห้องตัวอย่างแรก คือ “Semi 1 Bedroom” ขนาด 26 ตร.ม. จากผังห้องจะเห็นว่าถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ใช้สอยลงตัวเลยทีเดียว พื้นที่ของห้องนอนจะเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นค่ะ แต่ยังคงมีพื้นที่มากพอสำหรับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน ขณะที่ครัวที่ให้ก็เป็นครัวปิด มีประตูบานเลื่อนติดตั้งมาพร้อมเลยเช่นกัน ทำให้สามารถใช้งานประกอบอาหารได้จริงจังโดยไม่ต้องกลัวเรื่องกลิ่นรบกวน ที่พิเศษก็คือ กระจกในบริเวณห้องนอนทางโครงการเลือกใช้กระจกเข้ามุม ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ห้องมุม แถมยังทำให้เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้มากขึ้นด้วยค่ะ ภายในห้องตัวอย่างที่เห็นจะตกแต่งไว้ให้เป็นไอเดียนะคะ ซึ่งจัดไว้ได้สวยและเป็นสัดส่วนมากๆ ใครที่ชอบสไตล์แมนๆ หน่อย อาจจะถูกใจกับการตกแต่งสไตล์นี้ค่ะ เพราะเน้นโทนสีเข้ม แต่ยังคงเน้นความเรียบง่ายไว้เป็นอย่างดี ห้องตัวอย่าง Semi 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะคะ โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง พร้อมโต๊ะกลางสำหรับวางของ ด้านข้างโซฟายังมีพื้นที่เหลือพอให้ตู้เก็บของ หรือจะวางโต๊ะทานอาหารก็ยังได้เลยนะคะ ด้านชั้นวางทีวีเป็นชั้นวางขนาดกระทัดรัด อยู่ติดกับตู้วางรองเท้าที่โครงการ Built-in มาให้ มองย้อนกลับไปที่ Living Area จะเห็นว่าระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง อยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งสบาย ด้านปลายเตียงยังมีพื้นที่เหลือพอให้เลือกว่าตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของได้อีกด้วย ข้ามเข้าไปด้านในอีกด้าน จะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำและห้องครัว เข้ามาแล้วจะเจอเคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจัดมาให้เรียบร้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าจะได้เตาไฟฟ้าพร้อมกับฮูดดูดควัน ระเบียงจะอยู่เชื่อมต่อกับส่วนครัวเลยนะคะ เพื่อช่วยให้ระบายกลิ่นอาหารได้อย่างสะดวก พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้นะคะ เพราะโครงการเตรียมปลั๊กไว้ให้เรียบร้อย ข้ามมาอีกด้านจะเป็นห้องน้ำ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard Shower Box มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย รูปในส่วนต่อไปนี้จะเป็นห้องมาตรฐานที่จัดโปรโมชั่นมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic ค่ะ ซึ่งจะมีรายละเอียดแจ้งไว้ให้เห็นชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวนะคะ ถ้าไม่ชอบก็สามารถแลกเป็นส่วนลดค่าห้องแทนได้ค่ะ รายละเอียดโปรโมชั่นเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic ที่โครงการจัดมาให้เลือกนะคะ ซึ่งจะประกอบไปด้วย โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง, ชั้นวางทีวี, โต๊ะข้าง, ตู้ข้างเตียง, ตู้เสื้อผ้า Built-in, โต๊ะทำงาน และเตียงนอนขนาด 5 ฟุต เรามาดูกันค่ะ ว่าเฟอร์นิเจอร์ที่มากับโปรโมชั่น หน้าตาจะเป็นยังไงกันบ้าง เริ่มจากโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ชั้นวางทีวี เตียงนอนขนาด 5 ฟุตและตู้ข้างเตียง ด้านปลายเตียงก็จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in และโต๊ะทำงาน วางอยู่ข้างๆ กัน เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า   ห้องตัวอย่างห้องต่อไปเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ค่ะ พื้นที่ใช้สอยภายในห้องเพิ่มขึ้น การจัดวาง Layout ห้องก็ดูเป็นสัดส่วนชัดเจนขึ้นเช่นกันค่ะ พื้นที่บริเวณห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสูงจากพื้นจรดฝ้าเลยค่ะ ทำให้ห้องนอนยังคงความรู้สึกโปร่งสบาย ไม่อึดอัด แถมยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหากมีเพื่อนมาเยี่ยมที่ห้อง ก็สามารถเลื่อนปิดประตูห้องนอนได้ พื้นที่ครัวยังคงเป็นครัวปิดเหมือนเดิมนะคะ อยู่ติดกับระเบียงด้วยทำให้การระบายกลิ่นระหว่างทำอาหารเป็นเรื่องง่ายเลยค่ะ สำหรับห้องตัวอย่างของ Type นี้ ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ออกแนวหวานๆ หน่อย จะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณห้องนั่งเล่นกว้างขวาง สามารถจัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ มีมุมสำหรับงานอดิเรก มุมพักผ่อนดูทีวี เป็นสัดส่วนน่าอยู่ ในขณะที่พื้นที่ในห้องนอนก็กว้างมากพอสำหรับวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมกับกระจกภายในห้องเป็นแบบเข้ามุม เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้เต็มที่ พื้นที่ห้องครัวเป็นครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนติดตั้งมาเรียบร้อย เคาน์เตอร์ครัวก็ขนาดพอเหมาะพร้อมใช้งานได้อย่างจริงจังค่ะ พอหันกลับไปดูพื้นที่ของห้องน้ำ และระเบียง ก็ถือว่ากว้างมากพอสมควรเลยค่ะ สามารถใช้งานได้จริงโดยไม่รู้สึกอึดอัดเลย ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area อยู่ด้านหน้าห้องก่อนเหมือนเดิมนะคะ โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อยู่ติดกับโต๊ะทานอาหารมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ฝั่งตรงข้ามโครงการวางชั้นวางทีวีลงล็อกพอดี ตู้วางรองเท้า Built-in อยู่ด้านหน้าประตู ติดกับชั้นวางทีวี ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรนะคะ ต่อเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนของห้องนอน ระหว่างห้องนอนกับ Living Area จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ในห้องนอนถือว่ากว้างขวางเลยนะคะ สามารถเลือกวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต ได้สบายๆ ด้านปลายเตียงเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวีหรือจะเลือกวางเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ก็ได้นะคะ มุมมองจากห้องนอนย้อนกลับไปที่ Living Area ถัดจากห้องนอนเข้าไปอีกด้านจะเป็นส่วนของห้องครัวและห้องน้ำ เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับห้อง Type แรกที่เราดูกันมาแล้วนะคะ มาพร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ระเบียงจะอยู่เชื่อมต่อกับส่วนครัวเพื่อช่วยระบายกลิ่นอาหาร กลับมาอีกด้านจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งขนาดจะใหญ่กว่าห้อง Type 26 ตารางเมตรนิดหน่อย สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard Shower Box มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย ห้องมาตรฐานของ 1 Bedroom 30 ตร.ม. จะมีเฟอร์นิเจอร์ Built in มาตามแบบห้อง Fully Fitted ส่วนหนึ่งแล้ว และเพิ่มโปรโมชั่นเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic อีกหลายชิ้นตามรายละเอียดที่แจ้งไว้เลยค่ะ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง โซฟา ฯลฯ ซึ่งน่าจะถูกใจบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ รายละเอียดเฟอร์นิเจอร์ของ Chic Republic ที่มากับโปรโมชั่น จะประกอบไปด้วยชุดโต๊ะทานอาหารและเก้าอี้ 2 ตัว, โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง, ชั้นวางทีวี, โต๊ะทำงาน, ตู้ข้างเตียง และเตียงนอนขนาด 5 ฟุต โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ชั้นวางทีวี เตียงนอนขนาด 5 ฟุต โต๊ะทำงาน เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า โครงการ Condo U เกษตร-นวมินทร์ ถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจมากๆ บนทำเลย่านลาดปลาเค้า-รามอินทรา เพราะทาง Grand Unity ตั้งใจออกแบบมาอย่างดี ทั้งในเรื่องของ Design การเลือกใช้สี การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในห้องพัก ตัวอาคาร และพื้นที่ส่วนกลาง Facility หลักๆ ก็ครบถ้วน แถมยังน่าใช้งานมากๆ ยิ่งเมื่อเห็นราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท เทียบกับสิ่งที่ได้แล้ว ต้องบอกว่าคุ้มค่า คุ้มราคา น่าจับจองเป็นเจ้าของมากค่ะ ในส่วนของทำเลที่ตั้ง ก็ถือว่าเดินทางได้ง่ายและสะดวก เลือกได้หลากหลายวิธี และหลายเส้นทาง ยิ่งถ้าหากรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) และสายสีชมพูสร้างเสร็จพร้อมใช้งานเมื่อไหร่ การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนก็จะคล่องตัวยิ่งกว่าเดิมอีก ซึ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับโครงการ ทำให้ความเจริญต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการเพียบพร้อมมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งจะซื้อไว้ลงทุน จะขายต่อหรือปล่อยเช่า ก็เชื่อว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ เพราะพื้นที่บริเวณนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ค่อนข้างดี มีแหล่งช็อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สถานที่แฮงค์เอาท์มากมายเลย ใครที่กำลังมองคอนโดดีๆ ในย่านลาดปลาเค้า-รามอินทรา โครงการ Condo U เกษตร-นวมินทร์ น่าจะตอบโจทย์ได้ในหลายๆ ด้านเลยค่ะ ยังไงลองแวะไปชมห้องตัวอย่างและบรรยากาศจริงกันก่อนได้ เพราะปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จ เตรียมให้ลูกบ้านโอนกรรมสิทธิ์ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้แล้วค่ะ ดังนั้นเราจะได้เห็นสภาพห้องจริง บรรยากาศจริงแบบไม่ต้องมโน.... หรือจะลงทะเบียนรับโปรโมชั่นพิเศษก็คลิกเลย https://goo.gl/jrVA2R
THE ESSE SUKHUMVIT 36 ที่สุดของคอนโดหรูใจกลางเมือง…เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่า : รีวิวคอนโด

THE ESSE SUKHUMVIT 36 ที่สุดของคอนโดหรูใจกลางเมือง…เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่า : รีวิวคอนโด

หากถามคนเมืองทั่วไปว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ย่านไหน? เรามั่นใจว่า สุขุมวิท,ทองหล่อ, พร้อมพงษ์ คือตัวเลือกของคำตอบอันดับต้นๆ ของชาวไทยและต่างชาติแน่นอนค่ะ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ‘สุขุมวิท’ เป็นถนนสายเศรษฐกิจรวมถึงแหล่งไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหลับใหลตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะมีทั้งคาเฟ่, ร้านอาหารเก๋ๆ, คลับบาร์มากมาย นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมระดับ Luxury อยู่เป็นจำนวนมากทั้งโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว และโครงการใหม่ที่น่าจับตาและกำลังเตรียมเปิดตัวอย่าง “THE ESSE SUKHUMVIT 36 (ดิ เอส สุขุมวิท 36)” ของ SINGHA ESTATE โดยจับมือกับ Hongkong Land ผู้นำโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ร่วมกันพัฒนาจนเกิดเป็นคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลศักยภาพใจกลางสุขุมวิท อยู่ติดรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อเพียง 20 เมตรเท่านั้น ซึ่งเราจะพาทุกคนไปชมห้องตัวอย่างก่อนใครในวันนี้   ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า “THE ESSE SUKHUMVIT 36 (ดิ เอส สุขุมวิท 36)” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 36 ซึ่งเป็นซอยเลขคู่และเป็นย่านอยู่อาศัยซะส่วนใหญ่เพราะมีทั้งบ้านเรือนรวมถึงคอนโดฯ ทั้ง High Rise และ Low Rise อยู่หลายโครงการ โดยปกติราคาคอนโดฯ ในโซนนี้จะค่อนข้างสูงและมักโฆษณาว่าอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ ดิ เอส สุขุมวิท 36 นับว่าเป็นโครงการเดียวที่อยู่ติด BTS ทองหล่อ มากที่สุดในตอนนี้ค่ะ การเดินทางของคนใช้รถยนต์ก็ถือว่าสะดวกและคล่องตัวอยู่พอตัวเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปว่าโครงการตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 ซึ่งเป็นซอยที่ใช้วิ่งไปออกถนนพระราม 4 ได้  และภายในซอยเองยังสามารถลัดเลาะไปออกซอยสุขุมวิท 38 และซอยสุขุมวิท 40 ได้อีกด้วยซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี ส่วนฝั่งตรงข้ามอย่างซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) และซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) นั้นก็สามารถใช้เชื่อมไปออกถนนเพชรบุรีได้ การเดินทางเข้านอกออกเมืองจึงจัดว่าสะดวกสบายเพราะสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ถนนพระราม 4 วิ่งไปออกสีลมและสามย่าน หรือใช้ถนนสุขุมวิทวิ่งไปออกเพลินจิต, ชิดลม, สยาม และใช้ถนนเพชรบุรีวิ่งไปออกทางพญาไทได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีจุดขึ้นลงทางด่วนกระจายอยู่รอบๆ โครงการ ทั้งทางด่วนแถวอโศก, เพลินจิต, พระราม 4 เป็นต้น สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ บอกได้คำเดียวว่าสะดวกที่สุดค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้มีรถเมล์, รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ที่สำคัญคืออยู่ติด BTS สถานีทองหล่อ (ทางออก 2) เดินประมาณ 20 เมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ซึ่งถ้าใครอยากจะเข้าเมืองไปช็อปปิ้งเพลินๆ ก็สามารถใช้ BTS จากสถานีทองหล่อนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ซึ่งมีห้าง Emporium, Emquartier และในอนาคตก็จะมี Emsphere อยู่ฝั่งเดียวกับ Emporium ติดกับสวนเบญจสิริอีก หรือถัดจากสถานีพร้อมพงษ์ไปก็จะเป็นสถานีอโศก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมกับ MRT สถานีนี้จะมี Terminal 21 อยู่ด้วย ถัดจากอโศกข้ามมานานา, เพลินจิต ก็จะเข้าสู่ชิดลมและสยามตามลำดับ ซึ่งความสะดวกจะอยู่ตรงที่การเดินทางเข้าเมืองอย่างเพลินจิต-สยาม เพราะสามารถนั่ง BTS ไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานีให้เสียเวลาเลยค่ะ ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าการเดินทางเลย ด้วยความที่เป็นย่านที่พักอาศัยจึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เพราะในซอยสุขุมวิท 38 จะมีร้านอาหาร Street food รวมไปจนถึงร้านค้าต่างๆ ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ หรือขยับข้ามฝั่งไปซอยทองหล่อ, ซอยเอกมัยก็มีแหล่งไลฟ์สไตล์ สถานที่ช็อปปิ้ง ร้านแฮงก์เอ้าท์ รวมไปจนถึงสถานศึกษาและโรงพยาบาลมากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับชีวิตคนเมืองที่แท้จริง เริ่มต้นการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีทองหล่อค่ะ ซึ่งทางไปคอนโดฯ จะอยู่ที่ทางออก 2 นะคะ เมื่อเดินบันไดลงมาก็หมุนตัวกลับเพื่อเดินย้อนไปปากซอยสุขุมวิท 36 ค่ะ จากภาพจะเห็นได้ว่าข้างทางมีรถประจำทางคอยวิ่งผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเลยค่ะ ใครใช้รถสาธารณะเป็นหลักก็คงสะดวกมากๆ เดินมาเพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นป้ายโครงการแล้วค่ะ มาถึงโครงการแล้วค่ะ จะเห็นได้ว่าด้านหน้าโครงการมีลิฟท์โดยสารเพื่อขึ้นไป BTS ได้เลย แต่ถ้าใครไม่อยากขึ้นลิฟท์ก็สามารถเดินเท้าได้สบายๆ เพียง 20 เมตรเท่านั้น เจาะลึกโครงการ   โครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เป็นคอนโด High Rise สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 338 ยูนิต บนที่ดิน 2-2-0 ไร่ ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 38.5 – 252 ตารางเมตร โดยทาง SINGHA ESTATE ต้องการความเป็น Masterpiece และ Iconic Residential บนถนนสุขุมวิท เหมือนกับ 2 โครงการที่ผ่านมาอย่าง THE ESSE Asoke และ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการรวมตัวของเหล่าดีไซเนอร์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการระดับ Luxury ซึ่งได้ Tandem บริษัทออกแบบสัญชาติไทยมาทำงานร่วมกับบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง “SOM” Skidmore, Owings and Merrill (Thailand) Co. Ltd. เข้ามาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบหลัก โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ ด้วยการหลอมรวมความแตกต่างระหว่างสถาปัตยกรรมแบบภูมิปัญญาไทยกับการออกแบบที่เป็นสากล ไปสู่ความเป็น Iconic ของตัวโครงการ ซึ่งวางคอนโดขนานไปกับซอยสุขุมวิท 36 และดันอาคารร่นเข้าไปด้านในเพื่อหลบหลีกเพื่อนบ้านอย่าง Noble remix ไม่ให้มาบล็อกวิวใดๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าผู้อยู่อาศัยจะได้วิวที่สวยงามและเป็นส่วนตัว ในส่วนงานออกแบบ Landscape ก็ได้บริษัท Shma เข้ามาดูแล ส่วนงาน Interior นั้นทางโครงการให้บริษัท dwp ผู้มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและมีประสบการณ์กับโครงการระดับหรูทั้งในประเทศและต่างประเทศมาเป็นผู้ดูแลค่ะ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มจากชั้น 1 เป็นพื้นที่ของล็อบบี้, ตู้จดหมายและห้องเก็บของ, ซังเคน ลอว์น ที่เปรียบเสมือนสวนหน้าบ้าน และที่จอดรถซึ่งสามารถจอดได้มากถึง 100% (รวมจอดซ้อนคัน) สำหรับ Facility บนอาคารจะเริ่มที่ชั้น 7-8 และ 41-43 และดาดฟ้า ประกอบด้วย วอเตอร์ การ์เด้น, สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก, ห้องสปา, ฮอริซอน ออนเซ็น, ห้องสำหรับเด็ก, ห้องอบไอน้ำ, ฟิตเนส, เวอร์ชัวร์ ไบค์, กอล์ฟ ซิมูเลเตอร์, สกาย เลาจน์ พื้นที่อเนกประสงค์, เดอะ เรสซิเดนซ์ เลาจน์ พื้นที่สำหรับจัดเลี้ยง, สกาย เทียเตอร์ ห้องชมภาพยนตร์ส่วนตัว, บาร์บีคิว เดค และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ไรซ์ ฟิล์ด การ์เด้น ชั้น 41 และรูฟ ออชาร์ด บริเวณชั้น 43 และชั้นดาดฟ้า ที่ทางโครงการนำความเขียวขจีของธรรมชาติเข้าไปใส่ไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนชานบ้านเรือนไทยที่มีทุ่งนา ภูเขา สวนบัว นาขั้นบันได และสวนผักรายล้อมอยู่รอบๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีบริการ Wifi ที่บริเวณพื้นที่ส่วนกลางทุกชั้นอีกด้วย โมเดลจำลองภาพรวมโครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 จากโมเดลจำลองจะเห็นชัดเลยนะคะว่าตัวโครงการอยู่ติดสถานีทองหล่อ ซึ่งห่างเพียง 20 เมตรเท่านั้น แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นสวนด้านหน้า, ที่จอดรถ และบริเวณล็อบบี้ ตัวคอนโดขนานไปกับซอยสุขุมวิท 36 และดันอาคารร่นเข้าไปด้านในเพื่อหลบหลีกเพื่อนบ้านข้างๆ อย่าง Noble remix ไม่ให้มาบล็อกวิวลูกบ้าน ด้านข้างมีฟุตบาททางเดินสำหรับเข้า-ออก เพื่อแยกทางเดินของลูกบ้านออกจากทางเข้า-ออกรถให้ชัดเจน ทำให้การเดินเข้าออกโครงการมีความปลอดภัยดี รถยนต์จะผ่านเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access เมื่อเข้ามาในโครงการแล้ว รถยนต์จะมีเส้นทางที่ตรงไปด้านในสำหรับเข้าไปจอดรถในอาคาร พื้นที่ด้านหน้าถูกออกแบบให้เป็น ซังเคน ลอว์น ในลักษณะของสวนแบบขั้นบันได ที่นำไปสู่ Hidden Pavilion เป็นพื้นที่สีเขียวที่ถูกลดระดับลงจากพื้นด้านหน้าโครงการ ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวในเวลาที่มาใช้งาน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby มีรายละเอียดการตกแต่งและการเลือกใช้วัสดุที่หรูหราที่ผสมความเป็นไทยและสากลเข้าไว้ด้วยกัน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน LIBRARY มีรายละเอียดการตกแต่งและการเลือกใช้วัสดุคล้ายๆ กับส่วน Lobby ของโครงการ แปลนของพื้นที่ชั้น 7 นะคะ ซึ่งจะชั้นรวม Facilities ส่วนกลางที่จัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่จอดรถชั้น 1-6 สระว่ายน้ำเป็นแบบ Sky Infinity pool อยู่ที่ชั้น 7 ของอาคาร วิวหันไปทางถนนสุขุมวิท โดยไม่มีอะไรบดบังสายตาเลยค่ะ ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง KID'S ROOM รองรับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวของลูกบ้าน ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง ONSEN ซึ่งแบ่งแยกห้องชายและหญิง ทั้งยังมาพร้อมสระ 2 สระเพื่อเติมเต็มความผ่อนคลายของลูกบ้าน แปลนของพื้นที่ชั้น 8 นะคะ ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางต่อเนื่องมาจากชั้น 7 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้องฟิตเนส ห้อมล้อมด้วยกระจกใสทำให้เห็นวิวเมืองได้รอบอาคารทั้ง 3 ด้าน แปลนของพื้นที่ชั้น 9 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แปลนพื้นที่ส่วนกลางชั้น 41 นะคะ แปลนพื้นที่ส่วนกลางชั้น 42 นะคะ แปลนพื้นที่ส่วนกลางชั้น 43 นะคะ ภาพรวม Facilities ส่วนกลางที่จัดไว้ชั้นบนของอาคาร ชั้น 41-43 ซึ่งนอกจากจะได้ใช้งานพื้นที่ส่วนกลางแล้ว ยังได้รับวิวเมืองโดยรอบในมุมสูงอีกด้วย ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง SKY LOUNGE เป็น Double Space โล่งได้วิวเมืองเต็มสายตา ภาพจำลองบรรยากาศในส่วนของ PRIVATE DINING พื้นที่ส่วนกลางที่ลูกบ้านสามารถขอใช้งานจัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้ โดยจะมีไอส์แลนด์ และโต๊ะทานอาหารไว้ให้บริการ ภาพจำลองบรรยากาศในห้อง SKY THEATRE ภาพจำลองมุมสูงบริเวณชั้น 41-43 เป็นลักษณะของ Sky Terrace แบบ Open Air การออกแบบจึงใช้ Slope ไล่ระดับลงไป ซึ่งพื้นที่ทั้ง 3 ชั้นนี้นอกจากจะเป็นพื้นที่ชมวิวของโครงการแล้ว ยังช่วยพื้นที่สีเขียวที่ลดความร้อนให้แก่ชั้นพักอาศัยได้ด้วย เปิดห้องตัวอย่าง   แบบห้องของ THE ESSE SUKHUMVIT 36  ที่เราจะพาไปชมมีด้วยกัน 3 แบบ ทุกยูนิตขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, Walk-in Closet, เฟอร์นิเจอร์ Built-in รวมถึงผ้าม่านและวอลเปเปอร์ที่ออกแบบร่วมกับ Jim Thompson เพื่อลูกบ้านของโครงการโดยเฉพาะ อีกหนึ่งความพิเศษคือผนังบริเวณคอนโซลทีวีในห้องนั่งเล่นทุกยูนิตจะตกแต่งด้วยหินแท้ ซึ่งสีและลวดลายของหินนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละไทป์ และด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ต้องการให้ลูกบ้านทุกยูนิตได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ทางโครงการจึงเพิ่ม Application ให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ รวมถึงผ้าม่านผ่าน Smart Phone ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ ไม่รอช้า..เรามาเปิดประตูห้องตัวอย่างเริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 38.50 ตร.ม. กันเลยดีกว่าค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่นจริงๆ ค่ะ ทั้งห้องนอน, Walk-in Closet, ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type 1A-1 ขนาด 38.50 ตารางเมตร หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วนะคะ เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยค่ะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวแอล (L) มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจาน 1 หลุม Top Counter วัสดุจะเป็น Composite Quartz ที่เป็นลายต่อเนื่องกันเหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ทางโครงการบิลต์มุมรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ติดกับส่วนเคาน์เตอร์มาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งลูกบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อโต๊ะเพิ่มเลย ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้ ทางโครงการ Built-in ตู้เก็บเครื่องซักผ้าพร้อมปลั๊กไฟมาให้ติดกับประตูห้องนอนเลยนะคะ หน้าบานเป็นบานกระจกแบบ Coated Glass Panel with Aluminium Edge ทำให้ได้ความเงาของกระจกด้านหน้าที่ช่วยเพิ่มความหรูหรา แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งของด้านใน ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด มุมนั่งเล่นจะถูกโอบล้อมด้วยประตูกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ ระเบียงมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ ซึ่งพื้นถูกลดระดับลงไปจากพื้นภายในห้องพักอาศัยเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำจากระเบียงไหลเข้ามาในห้องพักค่ะ นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว ทางโครงการยังตกแต่งผนังด้านหลังคอนโซลทีวัด้วยวัสดุหินอ่อนนำเข้าให้ทุกยูนิตด้วยค่ะ ซึ่งพื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นส่วนของห้องนอนและห้องน้ำนะคะ ภายในห้องนอนได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ผนังด้านหลังเตียงเป็นเพียงการตกแต่งนะคะ ห้องจริงจะได้เป็น Wallpaper เท่านั้น พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบเลยนะคะ พื้นเป็น Engineering Wood สี Dark Brown ลายก้างปลาให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเรือนไทยสมัยก่อน บริเวณข้างเตียงยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียง และโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆ เลยนะคะ เครื่องปรับอากาศภายในห้องได้แบบ Concealed Split ซึ่งทำให้ห้องดูเรียบร้อยดี แต่การซ่อมแซมอาจจะทำได้ยากกว่าการติดแอร์แบบแขวนธรรมดา ภายในห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนของ Walk-in Closet และห้องน้ำค่ะ ส่วนของ Walk-in Closet จะมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างห้องนอนด้วยนะคะ ต่อเนื่องมายังห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ผนังฝั่งหนึ่งใน Shower Area จะถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อนนะคะ พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกลดระดับลงมาจากพื้นที่ส่วนแห้งอีกเสต็ปหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆภายในห้องน้ำ ส่วนแห้งจะจัดวางสุขภัณฑ์ไว้ข้างเคาน์เตอร์ล้างหน้า ก่อนต่อเนื่องไปยังอ่างอาบน้ำ ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 43.25 ตร.ม. ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน จัดพื้นที่ห้องนอนไว้ด้านในสุด ซึ่งช่วยเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่ ติดกับห้องนอนเป็น Walk-in closet ที่มีประตูบานเลื่อนกั้น พร้อมอยู่ติดห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก็ดูกว้างขวาง มีบิลต์อินคอนโซลทีวีพร้อมตู้เก็บของสูงจรดเพดาน ออกแบบครัวแบบ Open Plan เชื่อมต่อระหว่างมุมรับประทานอาหารและมุมนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 43.25 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วนสบายๆ กว้างขวางเหมือนดั่งขนาดห้อง 2 ห้องนอนเลยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type 1A-2 ขนาด 43.25 ตารางเมตร สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนนะคะ มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมโซฟาเดี่ยวได้อีกตัว ซึ่งแน่นอนว่าตรงกลางมีระยะกว้างมากพอที่จะจัดวางโต๊ะกลางได้ด้วยค่ะ ติดกับโซฟาจะเป็นมุมรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งนะคะ การตกแต่งผนังด้านหลังคอนโซลทีวีสำหรับ Type นี้จะเป็นวัสดุหินอ่อนนำเข้าจากต่างประเทศเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ จะต่างกันแค่เพียงสีของหินเท่านั้น พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นส่วนครัวนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวยู (U) จะได้วัสดุเหมือนในห้องตัวอย่างห้องแรกเลยนะคะ มีแตกต่างนิดหน่อยที่ขนาดและตำแหน่งของเคาน์เตอร์ พื้นที่ต่อเนื่องจากครัวเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ ซึ่งภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน พื้นที่ห้องนอนมีขนาดกว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย โดยเหลือพื้นที่เดินได้โดยรอบด้วยค่ะ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถโต๊ะคอนโซลทีวีโดยไม่รู้สึกอึดอัดอีกด้วย เครื่องปรับอากาศภายในห้องเป็นแบบ Concealed Split เหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ ภายในห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ และส่วนของ Walk-in Closet ที่มีประตูกระจกใสบานเลื่อนกั้นค่ะ Walk-in Closet ทางโครงการจะบิลต์อินมาให้ตามภาพเลยนะคะ ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยหินทั้งหมด โทนสีที่นำมาใช้ดูสะอาดตาและเลือกคู่สีได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ การวางฟังก์ชันโดยรวมใช้งานได้ดีทุกส่วน เคาน์เตอร์ล้างหน้าจะบิลต์อินดั่งภาพเลยนะคะ รอบๆ อ่างกรุด้วยหินอ่อนนำเข้าทำให้ดูหรูหรามากขึ้น ตัว ส่วนกระจกเงาจะได้เต็มบานแบบนี้เลยนะคะ อ่างอาบน้ำจะอยู่ติดกับผนังฝั่งหนึ่งของห้องน้ำนะคะ บริเวณขอบอ่างก็กรุด้วยหินอ่อนสีเข้มนำเข้าเช่นเดียวกับบริเวณล้างหน้า สำหรับห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 73.50 ตร.ม. ลักษณะแปลนด้านหน้าจะเป็นห้องแคบลึก แต่เมื่อเดินเข้าไปจะเป็นพื้นที่กว้างแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวและมุมรับประทานอาหารเลย ซึ่งสามารถจัดวางพื้นที่ดินเนอร์สำหรับ 4 คนได้สบายๆ ถัดไปนั้นเป็นมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้เลย แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างและโต๊ะกลางได้อีกด้วย พื้นที่อีกโซนหนึ่งลึกเข้าไปจะเป็นห้องน้ำ, ห้องนอนเล็ก ซึ่งภายในห้องจะบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนห้องนอนใหญ่เปิดประตูเข้าไปจะเจอส่วน Walk-in Closet ก่อนเลยค่ะ ซึ่งก็มีมุมแต่งตัวพร้อมห้องน้ำส่วนตัว ก่อนจะจัดพื้นที่พักผ่อนไว้ด้านในสุด แปลนห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 73.50 ตารางเมตร สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า Counter ครัวจะเป็นรูปแบบตัวแอล (L) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน จะมีแตกต่างนิดหน่อยที่ตำแหน่งและขนาดของอ่างล้างจานที่แบ่งเป็น 2 ช่อง ทำให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น รองรับจำนวนสมาชิกในบ้านที่เพิ่มขึ้น ด้วยขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้นทำให้ได้ Counter แบบ Island เล็กๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย แถมยังสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งได้สบายๆ ติดกับมุมรับประทานอาหารนั้นจะเป็นโซนนั่งเล่นนะคะ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่พักผ่อนหลักๆ ของห้องที่สมาชิกในบ้านจะมานั่งเล่นดูทีวี ทานข้าว ทำอาหารกันในบริเวณนี้ เวลานั่งทานอาหารก็สามารถมองเห็นและพูดคุยกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่นั่งดูทีวี หรือยืนทำอาหารอยู่ในครัวได้ ส่วนพื้นที่ลึกเข้าไปจะเป็นโซนห้องนอนและห้องน้ำค่ะ ห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงที่โอบล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกใส ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้มีเพดานสูงโปร่ง สบาย ทำให้น่าใช้งานมากขึ้น ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2.4 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 50 นิ้ว พื้นที่ทางเดินนี้เมื่อวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านเข้าไปยังระเบียงได้ด้วยค่ะ การตกแต่งผนังด้านหลังคอนโซลทีวีสำหรับ Type นี้จะได้เป็นวัสดุหินอ่อนสีน้ำตาลอ่อนที่นำเข้าจากต่างประเทศ จากโถงกลางมองตรงไปจะเป็นส่วนของห้องนอนเล็กนะคะ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนอนใหญ่ และฝั่งขวาจะเป็นห้องน้ำค่ะ มาที่ห้องน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย วัสดุของประตูจะเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ พื้นที่ด้านในมีขนาดพอๆ กัน และมีวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกัน วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้า มาพร้อมกับตู้ลอยติดผนังสำหรับเก็บของ ซึ่งเป็นแบบเปิดได้ฝั่งเดียวนะคะ หน้าบานตู้ได้เป็นกระจกและมีซ่อนไฟไว้ใต้ตู้เรียบร้อย ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ ภายในห้องนอนเล็กจะได้เตียงขนาด 5 ฟุต เหมือนกับห้องตัวอย่างเลยนะคะ ส่วนช่องแสงในห้องจะได้หน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้อย่างเพียงพอและด้วยขนาดบานที่ใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบ แถมผนังปลายเตียงยังมีพื้นที่ให้ติดตั้งทีวีได้อีกด้วย ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ มาดูที่ห้อง Master Bedroom กันต่อ ห้องนี้ได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างมาก ภายในจัดฟังก์ชันมาได้ครบทั้งห้องน้ำในตัว และแบ่งพื้นที่แต่งตัวไว้อย่างเป็นสัดส่วน พื้นที่ในสุดตรงกลางจะเป็นตำแหน่งของโต๊ะเครื่องแป้งที่ทางโครงการ Built-in ไว้ให้เหมือนในห้องตัวอย่างนะคะ พื้นที่ส่วนพักผ่อนจะถูกเว้นให้เป็นทางเดินระหว่างตู้เสื้อผ้าเข้าไปด้านในนะคะ ซึ่งทางโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อไปมาดูส่วนของเตียงนอนบ้าง ห้องจริงที่ได้จะได้เตียงนอนขนาด 6 ฟุตแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่าเมื่อวางเตียงแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินได้โดยรอบเลยนะคะ พื้นที่ใช้สอยปลายเตียงสามารถวางตู้คอนโซลทีวีพร้อมโคมไฟตั้งพื้นได้สบายๆ ติดกันจะมีหน้าต่างไว้รับแสงธรรมชาติและเปิดระบายอากาศ เป็นแบบเดียวกับห้องนอนเล็กเลย ทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้ อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้าโซนแต่งตัว สำหรับห้องน้ำจะอยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ ต่อไปมาดูห้องน้ำกันค่ะ Mood&Tone ที่ได้จะมาในแนวน้ำตาลดำดูคลาสสิค เรียบหรู ไม่น่าเบื่อง่าย ภายในก็จะให้อุปกรณ์มาครบ เหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ อ่างล้างหน้าจะเป็นแบบ His & Hers ด้านหลังมีตู้เก็บของที่ได้หน้าบานเป็นบานกระจกค่ะ ตำแหน่งของ Bathtub จะอยู่ติดกับหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งช่วยเปิดมุมมองของวิวด้านนอก หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดฟิลม์หรือมูลี่ได้ค่ะ อีกฝั่งจะเป็นพื้นที่อาบน้ำส่วนเปียก ฉากกั้นเป็นกระจก ผนังฝั่งหนึ่งถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อนสีเข้ม   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ริมถนนสุขุมติด BTS สถานีทองหล่อแบบนี้ THE ESSE SUKHUMVIT 36 จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานก็จะมี ตู้เก็บของ, เคาน์เตอร์ครัว, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, ผ้าม่าน, วอลเปเปอร์ และ Digital Door Lock มาเหมือนกันเกือบทุกรายการค่ะ ซึ่งทาง SINGHA ESTATE ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 12 ล้านบาท ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มแน่นอน..   ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า โครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เตรียมจะเปิด Pre-Sale วันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2560 นี้แล้วค่ะ สำหรับคนที่สนใจ อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือจะนัดหมายเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง ซึ่งจะเปิดให้ชมตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ก็สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 1221 หรือกดลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและสิทธิพิเศษได้ที่ https://goo.gl/h45QbX   
The Crystal Bliss @ Rattanathibet – เดอะคริสตัลบลิส @ รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

The Crystal Bliss @ Rattanathibet – เดอะคริสตัลบลิส @ รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

The Crystal Bliss @ Rattanathibet (เดอะคริสตัลบลิส @ รัตนาธิเบศร์) - คอนโด High Rise 19 ชั้น เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า เพียง 700 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกนนทบุรี1) ใกล้ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และ สวนสาธารณะ     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 999,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. เริ่มต้น 33,300 บาท/ ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท เอ.บี.เดคคอร์เรท จำกัด ลักษณะคอนโด High Rise สูง 19 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 3-1-58 ไร่ จำนวนห้อง ห้องชุดพักอาศัย 539 ยูนิต, ห้องเพื่อการพาณิชย์ 7 ยูนิต ที่จอดรถ 209 คัน ไม่รวมซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ 2044 ตำบลบางซื่อ อำเภอเมืองนนทบุรี (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปลายปี 2562   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ เอสพลานาด เทสโก้ โลตัส กระทรงพาณิชย์ เซ็นทรัล เวสต์เกต รพ.พระนั่งเกล้า     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   Bliss 1 Studio ขนาด 30 ตารางเมตร Bliss 1 one bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร Bliss 2 one bedroom ขนาด 32 ตารางเมตร Bliss 3 one bedroom ขนาด 34 ตารางเมตร Bliss 4 one bedroom ขนาด 42 ตารางเมตร Bliss 5 three bedroom ขนาด 59 ตารางเมตร   สิ่งอำนวยความสะดวก   โถงต้อนรับ ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ สวนพักผ่อน ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-969-1922-3 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://thecrystalcondo.com/คอนโดมิเนียม/เดอะคริสตัลบลิส/#detail
SKYLINE รัตนาธิเบศร์ คอนโดวิวแม่น้ำพร้อมอยู่..บนทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

SKYLINE รัตนาธิเบศร์ คอนโดวิวแม่น้ำพร้อมอยู่..บนทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงมาลงที่สถานีแยกนนทบุรี 1 กันค่ะ ซึ่งมองจากสถานีก็เจอคอนโดอยู่หลายโครงการเหมือนกัน ทั้งโครงการที่สร้างเสร็จนานแล้วและโครงการใหม่ที่ดูโดดเด่นสะดุดตาเชื้อเชิญให้อยากเป็นเจ้าของกับ “SKYLINE Rattanathibet (สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์)” ของ บริษัท เอเจ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด คอนโดวิวแม่น้ำทำเลดีที่สุดบนถนนรัตนาธิเบศร์ โดยมีจุดเด่นอยู่ใกล้รถไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ล่าสุดตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ฝั่งขาออก ช่วงใกล้เชิงสะพานพระนั่งเกล้า แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกนนทบุรี 1) เพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งสามารถเดินทางสู่ใจกลางเมืองอย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้ทาง MRT ได้เชื่อมสถานีเตาปูนกับบางซื่อเข้าไว้ด้วยกันแล้ว และในอนาคตจะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าของสายสีม่วงและสายสีชมพูอีกด้วย บอกได้คำเดียวว่าเดินทางสะดวกสบายไม่แพ้คอนโดฯ กลางเมืองเลยค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกสบายมากทีเดียวค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่อย่างถนนรัตนาธิเบศร์ สามารถใช้วิ่งเข้าเมืองหรือออกนอกเมืองก็ได้ เริ่มจากตัวโครงการอยู่ฝั่งขาออก สามารถวิ่งตามถนนรัตนาธิเบศร์ข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ยาวไปเชื่อมต่อกับถนนราชพฤกษ์หรือจะตรงยาวไปออกถนนกาญจนาภิเษก ไปถึงบางใหญ่และเซ็นทรัลเวสต์เกตได้ไม่ยาก หรือจะใช้ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีและถนนสนามบินน้ำไปออกถนนติวานนท์ไปจนถึงถนนแจ้งวัฒนะก็ใกล้นิดเดียว ส่วนการเข้าเมืองก็ไม่ยากค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนศรีรัช สามารถวิ่งมาขึ้นทางด่วนตรงถนนงามวงศ์วานเพื่อเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็ว หรือจะใช้ออกนอกเมืองไปทางด่วนอุดรรัถยาก็ยังได้ พูดถึงถนนงามวงศ์วานเราสามารถใช้เส้นทางนี้วิ่งเชื่อมต่อไปถึงถนนประชาชื่นได้ด้วยนะคะ ซึ่งถือว่าเป็นถนนที่อุดมสมบูรณ์มาก เพราะตลอดสองข้างเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย และยังสามารถวิ่งตรงไปออกถนนวิภาวดีรังสิต หรือจะข้ามไปทางถนนเกษตร-นวมินทร์ ได้อีกด้วยค่ะ   นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่ใช่น้อยเลยนะคะ เพราะนอกจากใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีแยกนนทบุรี 1 ในระยะที่เดินได้แล้ว ยังมีรถเมล์ รถตู้ประจำทาง รวมถึงรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาอยู่ตลอด ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบโครงการก็ถือว่าครบครันทีเดียวค่ะ เพราะมีร้านค้า, ร้านอาหารรายล้อมอยู่ทั้งสองข้างทาง ตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งก็อยู่ไม่ไกลเลย ขับรถไปใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงเอสพลานาด (งามวงศ์วาน-แคราย), เมเจอร์ซินิเพล็กซ์ (นนทบุรี), เซ็นทรัลพลาซารัตนาธิเบศร์ หรือจะตรงไปทางงามวงศ์วานก็ไปถึงเดอะมอลล์งามวงศ์วาน และพันธ์ทิพย์พลาซาอย่างง่ายดายแล้วค่ะ เริ่มต้นจากการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีนนทบุรีแยก 1 นะคะ สำหรับทางไปคอนโดจะอยู่ที่ทางออก 2 นะคะ เมื่อมองจากสถานีก็จะเห็นคอนโดแล้วค่ะ เพราะอยู่ห่างเพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ บริเวณใกล้ๆ สถานีก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่ด้วยนะคะ ถ้าใครอยู่คอนโดและใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก เดินลงมาจากสถานีซื้อข้าวกลับไปคอนโดก็เป็นเรื่องที่สะดวก จะเห็นได้ว่าข้างทางมีรถประจำทางคอยวิ่งผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเลยค่ะ ใครใช้รถสาธารณะเป็นหลักก็คงสะดวกไม่ใช่น้อย เดินมาอีกนิดยังไม่ทันรู้สึกเหนื่อยก็ถึงคอนโดแล้วค่ะ ซึ่งบริเวณรอบๆ คอนโดจะล้อมด้วยสวนหย่อมสีเขียวขจีให้ความรู้สึกน่าพักผ่อน ทางเข้าคอนโดจะมีไม้กั้นและป้อมยามที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชม.   ภาพรวมโครงการ โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ เป็นคอนโดมิเนียม High rise สูง 38 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนเนื้อที่ 3-0-44.7 ไร่ แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัย 810 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต พร้อมที่จอดรถประมาณ 308 คัน คิดเป็น 38% ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย พื้นที่ภายในได้รับการออกแบบให้ทุกตารางนิ้วตอบฟังก์ชั่นและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ท่ามกลางบรรยากาศเหนือระดับ โดยทางโครงการพยายามเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ตั้งแต่การกำหนดยูนิตต่อชั้นสูงสุดเพียง 26 ยูนิต และยังจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางแบบไม่มีกั๊กเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ล็อบบี้ขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงถึง 5 เมตร พร้อมจัดวางเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียมและบริการ Wi-fi ฟรี สำหรับวันสบายๆ ของลูกบ้าน ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางด้านบนชั้น 6 มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ, Jacuzzi, ซาวน่าและล็อกเกอร์แยกชายหญิง, พื้นที่กิจกรรมกลางแจ้ง, ห้องสันทนาการ และ Fitness Center อีกทั้งยังมีสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่บนชั้น 39 ที่มาพร้อมวิวแบบพาโนรามา เรียกว่าตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านได้อย่างแท้จริง   นอกจากนี้ทางโครงการยังคำนึงถึงความปลอดภัยโดยเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้องวงจรปิด CCTV รอบโครงการ มีระบบ Key Card Access บัตรผ่านเข้าออกอาคาร และที่สำคัญคือเรื่องลิฟท์โดยสาร ซึ่งเป็นลิฟท์แบบล็อกชั้นและมีบริการทั้งหมด 4 ตัว นับตามสัดส่วนของจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สบายๆ ไม่หนาแน่นจนเกินไปค่ะ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นที่จอดรถ, ร้านค้า 3 ยูนิต และบริเวณล็อบบี้ ล็อบบี้ขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงถึง 5 เมตร บริเวณล็อบบี้ดูโอ่อ่า กว้างขวาง เหมือนดั่งโรงแรมหรูเลยค่ะ บริเวณล็อบบี้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม พร้อมให้บริการ Wi-fi ฟรี สำหรับวันสบายๆ ของลูกบ้าน บริเวณล็อบบี้จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ เดินถัดเข้ามาอีกหน่อยก็จะเป็นส่วนของโถงลิฟท์โดยสาร ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัวด้วยกัน แปลนของพื้นที่ชั้น 6 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แต่ความพิเศษของชั้น 6 นั้นจะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนหย่อม, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่สันทนาการรวมอยู่ด้วย ดูแปลนกันไปแล้ว เราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 6 กันดีกว่าค่ะ ซึ่งทางโครงการมีประตูกั้นก่อนเข้าไปยังห้องพักอาศัยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ศาลาให้ลูกบ้านนั่งพักผ่อนชมวิว ติดกับสวนสวยจะเป็นสระว่ายน้ำนะคะ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับสระเด็กและ Jacuzzi เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองแบบนี้เลยนะคะ ทางโครงการจัดวางโต๊ะเก้าอี้ไว้สำหรับรองรับลูกบ้านให้มานั่งเล่นหลากหลายมุม ในส่วนของฟิตเนสจะอยู่ชั้นสองค่ะ ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นไป ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ครบครันด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายทันสมัย นอกจากฟิตเนสแล้วยังมีห้องประชุมด้วยนะคะ โถงกลางบริเวณพื้นที่ส่วนกลางที่เปรียบเสมือนพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งของลูกบ้าน นอกจากพื้นที่ส่วนกลางชั้น 6 แล้ว เมื่อกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 39 จะเป็นสวนกลางแจ้งนะคะ เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์จะแบ่งพื้นที่ของเป็นสองฝั่งนะคะ ซึ่งก็เป็นสวนหย่อมทั้งสองฝั่งเลยค่ะ สวนกลางแจ้งที่ชวนพักผ่อนซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีศาลาให้ชมทัศนียภาพรอบๆ โครงการอีกด้วย บริเวณศาลาสามารถมองวิวเมืองได้แบบ 360 องศาเลยนะคะ วิวคอนโดฝั่งที่ติดกับแม่น้ำโดยไม่มีอะไรบดบัง   เปิดห้องตัวอย่าง โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ มีแบบห้องมาตรฐานให้เลือก 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 25.65 – 31.42 ตร.ม. กับ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 41.93 – 44.05 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 59.37 ตร.ม. โดยทางโครงการจะขายแบบ Fully Furnished และห้องตัวอย่างแรกที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้คือ 1 ห้องนอน ขนาด 26 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ ด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่มีการแบ่งสัดส่วนเอาไว้อย่างครบครัน ทำให้ลูกบ้านสามารถตกแต่งหรือจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้สำหรับนักลงทุนห้อง Type นี้ก็ถือว่าน่าสนใจมากเลยนะคะ เพราะขนาดเหมาะแก่การปล่อยเช่าได้ง่าย   สำหรับห้อง Type นี้แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจนเลยค่ะ โดยแยกพื้นที่ครัวและห้องน้ำไว้ฝั่งเดียวกัน และมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอน เปิดห้องเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้อง Built-in ตู้เสื้อผ้า และฐานเตียง ไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ   ส่วนอีกโซนของห้อง เป็นห้องน้ำและห้องครัวนะคะ ซึ่งจะอยู่ติดกันโดยพื้นที่ครัวทางโครงการก็ Built-in เคาน์เตอร์และตู้เก็บของพร้อมเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นมาให้เรียบร้อย ทั้งยังมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียนอีกด้วย ขณะที่พื้นที่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ยังมีที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่อีกด้วย ซึ่งข้อดีของห้องนี้คือครัวอยู่ติดระเบียงนะคะ ทำให้ลดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนระหว่างทำครัวได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type A ขนาด 26 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งเนื่องจากเพดานสูง 2.5 เมตร นับว่าเป็นความสูงกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไป ส่วนพื้นที่ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ก่อนจะต่อเนื่องไปยังห้องน้ำและโซนครัวแบบเปิดพร้อมระเบียงด้านในสุด พื้นที่นั่งเล่นทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งพร้อมบิลต์อินตู้เก็บของไว้นะคะ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ด้านข้างฝั่งขวาเหลือพอสำหรับวางโคมไฟตั้งพื้นได้ด้วย ฟังก์ชั่นในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแบบไม่อึดอัดแต่อย่างใด ภายในห้องน้ำสำเร็จรูป AIDOL QUBE แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น สำหรับเคาน์เตอร์ครัวทางโครงการบิลต์อินกรุท็อปด้วยหินเทียมแบบในภาพเลยนะคะ โดยออกแบบให้เป็น One-Wall Kitchen ที่เหมาะแก่การประกอบอาหารมื้อง่ายๆ เบาๆ ถัดไปด้านในสุดของห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ด้วยนะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้อย่างพอดิบพอดี   สำหรับห้องตัวอย่างที่สองที่เราจะพาไปชมเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นแบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 31 ตร.ม. นะคะ เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่มากกว่าห้องแรก เพื่อให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอีก Type ยอดฮิตที่เหมาะสำหรับคนอยู่เป็นคู่ โดยมี Layout ห้องที่เอื้อให้ผู้อยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัว และตอบสนองต่อทุก Lifestyle ซึ่งทางโครงการก็ได้ตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้ลูกบ้านได้เห็นไอเดียและฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้ชัดเจนมากขึ้น แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type B ขนาด 31 ตารางเมตร   ลักษณะของห้อง Type นี้จะถูกจัดวางแปลนไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่ระเบียงอยู่ติดด้านในสุด ทำให้สามารถเปิดรับแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ โดยพื้นที่ในส่วนของ Living Area ก็ดูกว้างขวางสบาย ในขณะที่พื้นที่ของห้องนอนและห้องน้ำจะถูกจัดวางไว้ในโซนใกล้ๆ กัน ต้องบอกเลยว่าทางโครงการจัด Space ภายในห้องไว้ดีมาก แม้จะเป็นห้องขนาด 31 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นห้องครัว และทางขวาเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งพื้นภายในห้องจะเป็นพื้นไม้ Laminate พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ จากภาพจะเห็นได้ว่าสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่ตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ทำให้เหลือพื้นที่สามารถวางโต๊ะกลางได้ด้วย ในส่วนของคอนโซลทีวี ลูกบ้านจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามภาพเลยนะคะ จะเว้นเพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่งเท่านั้น ติดกับโซฟาจะเป็นมุมรับประทานอาหารนะคะ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินเก้าอี้ชิดผนังพร้อมโต๊ะเก้าอี้มาให้แล้วด้วย พื้นที่ตรงกลางระหว่างโซฟากับมุมรับประทานอาหารจะมีปลั๊กและแผงสวิทช์ปลั๊กโทรศัพท์, อินเตอร์เน็ต มาให้แล้วนะคะ โต๊ะรับประทานอาหารขนาดกำลังดี เหมาะสำหรับ 2 คน พื้นที่ติดกันกับมุมรับประทานอาหารเป็นครัวนะคะ ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย โดยทางโครงการติดตั้งแอร์ของ Samsung มาให้แล้ว 2 ตัวคือตรงบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ ครัวเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยมาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควันแบบระบบหมุนเวียน และเคาน์เตอร์บิลต์อิน กรุ Top ด้วยหินเทียมตามภาพ ซึ่งทางโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย เคาน์เตอร์ครัวมีลิ้นชักที่มีตัวแบ่งช่องสำหรับเก็บช้อนส้อม ส่วนชั้นล่างลิ้นชั้นนั้นจะเป็นช่องสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ การจัดวางพื้นที่ภายในห้องครัว จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนประกอบอาหาร ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ทางเดินและใช้ยืนประกอบอาหาร ซึ่งก็กว้างประมาณหนึ่งเลยค่ะ โดยด้านหลังเป็นประตูทางออกไปที่ระเบียง ดวงไฟภายในห้องเป็นแบบ Down Light นะคะ ผนังอีกฝั่งหนึ่งลูกบ้านสามารถตกแต่งได้ตามใจเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่าทางโครงการได้ติดราวแขวนเอนกประสงค์ไว้เป็นตัวอย่างให้ด้วย ติดกับห้องครัวเป็นระเบียงค่ะ ซึ่งมีขนาดกว้างพอสำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ ตำแหน่งพัดลมคอมเพรสเซอร์จะแขวนอยู่ด้านบนเครื่องซักผ้านะคะ ซึ่งก็ไม่เปลืองเนื้อที่แต่อย่างใด วิวเมื่อจากระเบียงลงไปจะเป็นวิวสระว่ายน้ำ ไม่มีอะไรมาบดบังสายตาเลยค่ะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ติดกับห้องครัวจะเป็นห้องนอนนะคะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ห้องนอนจะถูกโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นหน้าต่างบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง ทางโครงการจะให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้แล้วนะคะ ซึ่งลูกบ้านซื้อฟูกเพิ่มก็เข้าอยู่ได้เลย จากภาพจะเห็นว่าเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านโดยรอบได้สบายๆ เลยค่ะ พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ติดกันกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วยนะคะ ส่วนเครื่องปรับอากาศนั้นทางโครงการจะติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ติดกับห้องนอนจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางทางโครงการได้บิลต์อินตู้เก็บของไว้ให้ด้วย ภายในห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ไอดอล คิวบ์ นะคะ ซึ่งแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน โดยคุณสมบัติที่น่าสนใจของห้องน้ำสำเร็จรูปนั้นจะมีประสิทธิภาพในการกันน้ำรั่วซึมได้ดี เนื่องจากมีรอยต่อระหว่างส่วนต่างๆ น้อย เช่น รอยยาแนวของกระเบื้อง, รอยต่อระหว่างผนัง เป็นต้น ทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดการรั่วซึมได้ นอกจากนี้ยังทำความสะอาดง่ายกว่าห้องน้ำทั่วไปด้วยค่ะ ส่วนแห้งจะเป็นส่วนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเจอก่อนเลยค่ะ ซึ่งเป็นบิลต์อินเคาน์เตอร์ล้างหน้า ติดกันนั้นเป็นโถสุขภัณฑ์สไตล์โมเดิร์นน่าใช้งาน ส่วนเปียกผนังนั้นจะเป็นพอลิเมอร์หล่อทั้งชิ้นนะคะ ซึ่งก็มีฉากกั้นเป็นกระจกบานเลื่อนมาให้เรียบร้อยแล้ว จากรูปจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนเปียกนั้นยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปนะคะ ซึ่งพื้นก็ถูกออกแบบให้เป็นแบบกันลื่นด้วย   มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปชมนั้นเป็นห้อง Type F แบบ 2 Bedrooms 2 Bathrooms ที่ขนาด 62 ตร.ม. นะคะ ซึ่งถือว่าเป็นห้อง Top ของทางโครงการเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีความพิเศษอยู่ที่จำนวนห้องใน Type นี้จะมีเพียงชั้นละ 2-3 ห้องเท่านั้น นอกจากพื้นที่ใช้สอยจะใหญ่ที่สุดแล้วการออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัวเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว ซึ่งทางโครงการจะขายห้องแบบ Fully Furnished มาพร้อมบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์ Starmark, ห้องน้ำสำเร็จรูปจากไอดอล คิวบ์ พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนต ผนังห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว ไฟภายในห้องแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศของ Samsung ให้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนทั้ง 2 ห้องเลยค่ะ เปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยค่ะ Dining Area สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่สำหรับ 4 ที่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นเป็น Living Area ซึ่งกั้นกลางด้วยฉากลายฉลุเพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนฝั่งตรงข้ามมุมรับประทานอาหารนั้นจะเป็นห้องครัวที่มีประตูกระจกใสบานเลื่อนแบบ 2 ตอนกั้นอยู่นะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวแอล (L) ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกๆ ค่ะ แถมยังมีหน้าต่างสำหรับเปิดระบายอากาศเวลาประกอบอาหารและเพิ่มความสว่างให้แก่ห้องอีกด้วย วัสดุปิดท็อปเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินเทียมนะคะ ข้อดีคือน้ำหนักเบา ทนทาน สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างขวางมากทีเดียวค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้สบายๆ พร้อมเหลือพื้นที่ตรงกลางสำหรับวางโต๊ะกลางได้ด้วย ซึ่งพื้นที่ตรงข้ามจะเป็นส่วนคอนโซลทีวีที่ทางโครงการบิลต์อินมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อเนื่องมายังมุมนั่งเล่นอีกโซนหนึ่งที่อยู่ติดกับระเบียงทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นนั่นเองค่ะ ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้กว้างมากพอที่จะวางเครื่องซักผ้าได้ด้วย มาในส่วนของห้องนอนใหญ่กันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง กว้างขวาง เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างดี ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการบิลต์อินโต๊ะเครื่องแป้งและฐานเตียงนอนที่มาพร้อมหัวเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ให้แล้ว โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในจะเป็นตู้เสื้อผ้า Walk-in Closet ที่อยู่ติดห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำสำเร็จรูปในห้องนอนใหญ่จะใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องตัวอย่างก่อนหน้าทั้งหมดเลยค่ะ มาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด โอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ ห้องน้ำสำเร็จรูปด้านนอก แบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมฉากกั้นประตูกระจกเทมเปอร์กราสไว้ให้เหมือนทุกยูนิตในโครงการเลยค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ จะขายแบบ Fully Furnished นะคะ มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Bulit-in ตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว ของ Starmark และห้องน้ำสำเร็จรูป AIDOL QUBE (ไอดอล คิวบ์) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว รวมถึงสุขภัณฑ์ต่างๆ และเครื่องปรับอากาศของ Samsung มาให้เรียบร้อยแล้ว เราแค่ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาหาเฟอร์นิเจอร์มากนัก และด้วยทำเลโครงการตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย ที่มีความพร้อมทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ มีการเดินทางที่สะดวก เหมาะกับคนที่คุ้นชินกับย่านนี้ดีอยู่แล้ว รวมถึงคนที่กำลังมองหาคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า โดยใช้รถไฟฟ้า MRT เป็นหลัก ยิ่งในตอนนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินและเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ เพราะด้วยทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดบนถนนรัตนาธิเบศร์ในราคาที่จับต้องได้แบบนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดที่จะจับจองเป็นเจ้าของคอนโดวิวแม่น้ำแห่งนี้เลยค่ะ   สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.skyline-condominium.com หรือโทร. 02-526-1888
Humble Living @ Fueangfu – คอนโด ฮัมเบิล ลีฟวิ่ง แอด เฟื่องฟู : รีวิวคอนโด

Humble Living @ Fueangfu – คอนโด ฮัมเบิล ลีฟวิ่ง แอด เฟื่องฟู : รีวิวคอนโด

Humble Living @ Fueangfu (ฮัมเบิล ลีฟวิ่ง แอด เฟื่องฟู) - คอนโด Low - Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 141 ยูนิต บนทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ เดินทางสะดวก เพียง 3 นาที จาก MRT สุทธิสาร     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 1,690,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. ประมาณ 74,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท ทริปเปิ้ล แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด คอนโด Low-Rise 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 1-0-42.9 ไร่ จำนวนห้อง 141 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ ซอยเฟื่องฟู ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. คาดว่าแล้วเสร็จ ปี พ.ศ. 2561   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   สวนลุมไนท์บาร์ซ่า เมืองไทยภัทร The Street รัชดา บิ๊กซี รัชดา เอสพลานาด รัชดา ฟอร์จูนทาวเวอร์ เซ็นทรัล พระราม 9 โรงพยาบาลพระราม 9     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาด 23.00-25.00 ตร.ม. 2 Bedrooms ขนาด 36.00-59.00 ตร.ม.     สิ่งอำนวยความสะดวก   ฟิตเนส Garden สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีสระเด็ก ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 091-407-0261-2 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.humblelivingcondo.com/
JRY Condominium Rama 9 – เจอาร์วาย คอนโดมิเนียม พระราม 9 : รีวิวคอนโด

JRY Condominium Rama 9 – เจอาร์วาย คอนโดมิเนียม พระราม 9 : รีวิวคอนโด

JRY Condominium Rama 9 (เจอาร์วาย คอนโดมิเนียม พระราม 9) - คอนโด Low-Rise 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร มีทั้งหมด 157 ยูนิต โครงการอยู่ในซอย 17 ถนนพระราม 9 ใกล้ทางด่วนศรีรัช และทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคต     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 2,690,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. 84,900 บาท/ ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท เจ อาร์ วาย พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ลักษณะคอนโด คอนโด Low-Rise 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 1 ไร่ 1 งาน 74 ตร.วา. จำนวนห้อง 157 ยูนิต ที่จอดรถ ประมาณ 60% รวมจอดซ้อนคัน และ 45% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ ถนนพระราม 9 ซอย 17 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ค่าส่วนกลางและกองทุน 40 บาท/ตร.ม. เงินกองทุน 400 บาท/ตร.ม. คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปี พ.ศ.2560   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   Huamark Town Center Major Hollywood รามคำแหง Food Land รามคำแหง สนามราชมังคลากีฬาสถาน A-Link Square The Mall รามคำแหง ตลาดนัด กกท Major Cineplex รามคำแหง MaxValue พัฒนาการ London Street Makro พัฒนาการ Thanya Park ศรีนครินทร์ RCA Food Land เพชรบุรี Fortune Town พระราม 9 Tesco Lotus พระราม 9 Central Grand พระราม 9 The Nine พระราม 9 J Avenue ทองหล่อ Big C เอกมัย Tops Market ทองหล่อ Major Cineplex ท้องฟ้าจำลอง Gateway เอกมัย รพ.ปิยะเวช รพ.กรุงเทพ รพ.เพชรเวช รพ.คามิลเลียน รพ.สมิติเวช สุขุมวิท รพ.สุขุมวิท รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ รพ.รามคำแหง ร.ร.เทพลีลา ร.ร.สาธิต ม.รามคำแหง ม.รามคำแหง ABAC วิทยาเขตหัวหมาก มศว. ร.ร.นานาชาติอเมริกันกรุงเทพ ม.เกษมบัณฑิต ร.ร.สาธิต มศว. ม.กรุงเทพฯ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ   ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาด 31.8 – 35.6 ตร.ม. 2 Bedroom ขนาด 50.8 – 60.4 ตร.ม. Duplex ขนาด 36.5 – 60.7 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby ห้องสมุด สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนพักผ่อน + พื้นที่สีเขียว ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 091-718-7333 , 063-297-8333 , 02-719-7775 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.jrycondo.com/ , https://www.facebook.com/jryrama9/
Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao ชีวิตใหม่..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao ชีวิตใหม่..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาทุกคนขึ้นรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานีลาดพร้าว เพื่อชมโครงการ “Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao (วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว)” คอนโดมิเนียมที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กันค่ะ ซึ่งโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดของย่านนี้ก็ว่าได้ค่ะ ทั้งยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของลาดพร้าวด้วย และที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ   โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะใกล้ซอยลาดพร้าว 26 และสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวเลยนะคะ ตัวโครงการจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ติดกับถนนหลักฝั่งขาออกที่มุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว และอยู่ติดสถานี MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 เลยค่ะ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าถนนลาดพร้าวเป็นเส้นที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก เพราะถนนทั้งสองฝั่งจะเต็มไปด้วย ร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านขายยา, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, คอนโดมิเนียม ตลอดจนบ้านพักอาศัย เรียกว่าเรื่องอาหารการกินและแหล่งจับจ่ายใช้สอยนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายมากค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งเลย สถานที่ใกล้ที่สุดคือ สวนลุมไนท์บาซ่า รัชดาภิเษก และ Gourmet Market ที่เพิ่งมาเปิดในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลาดพร้าว หากใครยังช็อปไม่จุใจ ขยับไปอีกนิดก็จะมี Big C Extra + Homepro, Union Mall, CentralPlaza Ladprao หรือแม้แต่เมเจอร์รัชโยธิน, The Street รัชดา ก็สามารถไปถึงอย่างง่ายดาย   ในเรื่องของการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ถือว่าสะดวกมากค่ะ เพราะถนนลาดพร้าวสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้หลายสาย ทั้งถนนรัชดาภิเษกที่ตัดกับถนนลาดพร้าว ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา สามารถวิ่งไปพระราม 9 ได้ หรือจะกลับรถไปถนนพหลโยธินก็สามารถวิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต่อไปถึงสยามสแควร์ โดยถนนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยลัดเล็กๆ อย่างโชคชัยร่วมมิตรที่สามารถวิ่งไปออกถนนวิภาวดี-รังสิตได้ ซึ่งการจราจรก็จะคล่องตัวกว่าค่ะ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนโทลล์เวย์) เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและศรีรัช ซึ่งสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก หรือจะใช้ทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ก็สามารถไปได้ง่ายๆ จากซอยลาดพร้าว 41 และถนนโชคชัย 4 ที่ตัดเข้าถนนลาดพร้าววังหินและถนนนาคนิวาส เชื่อมกับถนนสุคนธสวัสดิ์ก็เป็นเรื่องที่สะดวกรวดเร็วค่ะ   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกสบายไม่ต่างจากใช้รถส่วนตัวเลยนะคะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนลาดพร้าว ทำให้บริเวณหน้าโครงการมีรถโดยสารอย่าง แท็กซี่ รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ในขณะที่รถไฟฟ้า BTS ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเข้าสู่ใจกลางเมืองก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเพียงนั่งรถสาธารณะไปไม่กี่ป้ายก็ถึงสถานีหมอชิตแล้วค่ะ ที่สำคัญจุดเด่นของโครงการคืออยู่ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว (ทางออกที่ 1) ด้วย ซึ่งสถานีลาดพร้าวในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-พัฒนาการ) ที่จะไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเทา (ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ) บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราที่สถานีฉลองรัชอีกที ส่วน MRT พหลโยธิน จะอยู่ห่างจากสถานีลาดพร้าวเพียงหนึ่งสถานี ซึ่งในอนาคตก็จะทำการเชื่อมกับสถานีห้าแยกลาดพร้าว ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-คูคต) อีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าในอนาคตรถไฟฟ้าทุกสายเรียบร้อยเมื่อไหร่ ตัวเลือกในการเดินทางของลูกบ้านของโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   ภาพรวมโครงการ โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว เป็นคอนโดมิเนียม High rise ระดับลักชัวรี่ สูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนเนื้อที่ 3-0-44 ไร่ ค่ะ ตัวอาคารเป็นสีน้ำตาลเข้มตกแต่งตัดกับเส้นตรงสีสว่างที่วิ่งรอบตัวตึกหันหน้าออกถนนลาดพร้าว รอบตัวอาคารโอบล้อมไปด้วยสวนหย่อมและต้นไม้สีเขียวขจีให้ความรู้สึกสวยงามน่าพักผ่อน ทั้งนี้ตัวโครงการถูกออกแบบและก่อสร้างด้วยระบบ BIM ทำให้มีความถูกต้อง มั่นคง และรวดเร็วมากขึ้นตามมาตรฐานของวิสซ์ดอม และการออกแบบแต่ละส่วนของโครงการนั้นได้นำเกณฑ์จากสถาบันอาคารเขียวไทยที่ได้รับความเชื่อถือมาประเมินคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งคุณภาพโครงการอยู่ในระดับ Gold ของเกณฑ์การประเมิน นอกจากนี้ทางโครงการยังออกแบบพื้นที่ให้ทุกคนใช้งานได้เท่าเทียมกัน เป็น Universal Design เอื้อต่อการใช้งานด้วยตัวเองในพื้นที่หลัก 3 ส่วน คือ ทางเข้า, ส่วนต้อนรับ และส่วนนันทนาการ โดยออกแบบทางลาด, บันได, พื้นกันลื่น, ปุ่มลิฟท์มีอักษรเบลล์ อีกทั้งยังออกแบบให้แต่ละยูนิตมี Space เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยที่แท้จริง   พื้นที่ภายในตั้งแต่ชั้น 1-4 จะเป็นที่จอดรถนะคะ ซึ่งสามารถจอดรถทั้งหมด 244 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 60% โดยแบ่งพื้นที่บริเวณชั้น 1 ให้เป็นโถง Lobby ขนาดใหญ่ รวมถึงที่ทำงานของนิติบุคคล มาพร้อมลิฟท์โดยสาร 4 ตัว และลิฟท์ Service 1 ตัว ในส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 25 เลยนะคะ แต่บริเวณชั้น 5 จะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนสวยและห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ในส่วนของชั้น 26-27 จะเป็นพื้นที่ของห้อง Penthouse และ Duplex ส่วนดาดฟ้าชั้น 28 นั้นจะเป็น Facilities ส่วนกลางที่ทางโครงการใส่มาเอาใจลูกบ้านอย่างเต็มพิกัด อาทิ Sky Infinity Edged Swimming Pool, Fitness, Sky Lounge และ Sky Garden รอบสระว่ายน้ำ และแน่นอนว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็ครบครันไม่แพ้กันค่ะ ซึ่งโครงการจะมีรปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV และใช้ Key Card ในการเข้าออกค่ะ แปลนของตัวอาคารเป็นรูปตัว L นะคะ สามารถเข้าออกได้ทางเดียวคือจากถนนลาดพร้าว แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยชั้น Ground Floor จะเป็นส่วนของที่จอดรถ, Grand Lobby, ออฟฟิศนิติบุคคล, ลิฟท์โดยสารและ Mail box นะคะ เมื่อเข้าไปภายในตัวอาคารจะเจอโถง Grand Lobby ก่อนเลยค่ะ โถงต้อนรับถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่มีแนวคิดมาจากแสงไฟแห่งมหานคร ในรูปแบบ Vertical Sculpture ที่แทรกด้วยดวงไฟและกระจกเงาที่คอยสะท้อนแสงระยิบระยับอย่างสวยงาม ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Grand Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบาย มาในส่วนของโถงลิฟท์โดยสารกันบ้างค่ะ ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัว ทั้งยังดูโดดเด่นไม่เหมือนคอนโดทั่วไปด้วยการฝังเส้นไฟ LED ลงที่พื้นและผนัง ตัดกับผนังสีดำรอบๆ บริเวณโถงลิฟท์จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ แปลนของพื้นที่ชั้น 5 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แต่ความพิเศษของชั้น 5 นั้นจะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนกลางแจ้ง และห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ดูแปลนกันไปแล้ว เราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 5 กันดีกว่าค่ะ โถงลิฟท์เป็นสีดำเรียบๆ มีประตูกั้นก่อนเข้าไปยังห้องพักอาศัยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว บรรยากาศภายในห้องสมุดค่ะ ภายในห้องดูสูงโปร่ง โอบล้อมด้วยกระจกใส บริเวณข้างห้องสมุดเป็นสวนนะคะ ข้อดีของการมีสวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เวลาอ่านหนังสือสามารถพักสายตามองต้นไม้สีเขียวขจีได้ ภายในห้องสมุดจัดที่นั่งไว้สำหรับรองรับลูกบ้านหลายมุมเลยค่ะ พื้นที่สวนหย่อมบริเวณชั้น 5 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ แปลนพื้นที่บริเวณ Rooftop ชั้น 28 นะคะ เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์จะแบ่งพื้นที่ของเป็นสองฝั่งนะคะ โดยฝั่งซ้ายมือจะเป็นสวนล้อมรอบสระว่ายน้ำ และด้านขวาจะเป็นฟิตเนสพร้อม Sky Lounge มาที่ฝั่งซ้ายมือที่เป็นสระว่ายน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ Sky Infinity Edged Pool ขนาด 7 x 31 เมตร โดยสระเป็นระบบเกลือนะคะ มีความลึกที่ 1.20 – 1.50 เมตรไล่ระดับลงไป บริเวณข้างสระจะเป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็กค่ะ เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองจากฝั่งลาดพร้าวแบบนี้เลยนะคะ พื้นที่มีปลายสระจะมี Sky Terrace สร้างสูงขึ้นไปหนึ่งชั้น ลูกบ้านสามารถขึ้นไปนั่งเล่นชมวิวได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งพื้นที่ด้านล่างยังเป็น Jacuzzi อีกด้วยค่ะ บริเวณสระจะมี Sculpture ของศาลาที่ทำให้สระนี้มีส่วนที่เป็นทั้ง Indoor & Outdoor นะคะ ซึ่งเวลากลางวันลูกบ้านกลัวแดดร้อนก็สามารถ ก็เลี่ยงหลบแสงแดดได้ บรรยากาศของสะว่ายน้ำยามค่ำคืนค่ะ ซึ่งจะมีไฟล้อมรอบสระเสมือนว่ายน้ำอยู่ใกล้ดวงดาว เดินกลับมาที่ฝั่งด้านขวาจะเป็น Fitness นะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ Sky Lounge ออกแบบให้ดูสูงโปร่งด้วยเพดานแบบ Double Volume ให้ลูกบ้านได้พักผ่อนอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่เหนือกว่าคอนโดใดๆ ด้วยวิวแบบพาโนรามา ซึ่งผนังโดยรอบเป็นกระจกสูงขึ้นไปเสมอฝ้าเลยค่ะ ภายในจึงสว่างและโปร่งมาก แต่ผนังทึบด้านหลังห้องและเพดานจะเป็นแบบ Fiber Optic ที่เล่นแสงสร้างบรรยากาศในช่วงกลางคืนให้ลูกบ้านรู้สึกเสมือนอยู่ใกล้ดวงดาวนั่นเองค่ะ พื้นที่รอบๆ ห้องจะเป็นสวนไม้ประดับล้อมรอบห้องเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวรอบด้านได้ถึง 270 องศา   เปิดแบบห้อง Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว มีทั้งหมด 497 ยูนิตนะคะ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 5 แบบ ตั้งแต่ Studio  ขนาด 27 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 27-37 ตารางเมตร, 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 47-56 ตารางเมตร, Duplex ขนาดตั้งแต่ 76-77 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาดตั้งแต่ 105-129 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ นั่นคือห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 30.90 ตารางเมตร และ 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตารางเมตร ค่ะ   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่งสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านอย่างแท้จริงเลยนะคะ โดยโครงการออกแบบระยะต่างๆ เพื่อการใช้งานที่สะดวกและถูกสุขลักษณะ เหมาะสมกับระยะร่างกายของทุกคน เช่น ระยะห่างรอบเตียงนอนอย่างน้อย 0.55 เมตร, ระยะรอบเตียงก้านที่มีตู้เสื้อผ้า หรือโต๊ะทำงานต้องห่างอย่างน้อย 0.70 เมตร ไม่เพียงเท่านี้ยังใส่ใจในการเลือกวัสดุทุกอย่างให้ลูกบ้านปลอดภัยต่อสุขภาพด้วยค่ะ ไม่ว่าเป็นการติดตำแหน่งไฟที่ต้องไม่อยู่ตรงกับเตียงและที่นั่ง เพื่อลดความร้อนที่ส่องศีรษะ ลดการเกิดเงาเวลาอ่านหนังสือ รวมไปจนถึงติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในตำแหน่งลมเย็นเป่าด้านข้างของเตียงนอนเพื่อลดโอกาสเกิดความเจ็บป่วยนั่นเอง แต่ Layout ของแต่ละห้องจะเป็นยังไง มาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 30.90 ตารางเมตร เปิดประตู Digital Door lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นห้องครัว และทางขวาเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Calvin Klein ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมด พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ จากภาพจะเห็นได้ว่าสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกด้วย พื้นที่ตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ทำให้เหลือพื้นที่สามารถวางโต๊ะกลางได้ด้วย ในห้องจะได้แอร์ 2 ตัวนะคะ คือบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน ซึ่งตำแหน่งการติดตั้งแอร์ก็ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของลูกบ้านแล้วด้วย โดยตำแหน่งแอร์จะต้องไม่สัมผัสหน้าผู้อยู่อาศัยโดยตรง เพื่อกันปัญหาความเจ็บป่วย มุมมองจากบริเวณโซฟา ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นครัวนะคะ ถัดจากครัวนั้นเป็นห้องนอนและห้องน้ำค่ะ ส่วนครัวนั้นจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอนนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดครัวนั้นก็จะได้ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งประกอบไปด้วยเคาน์เตอร์พร้อมตู้เก็บของแบบมีหน้าบานเปิด-ปิด และไม่มีหน้าบาน โดยมาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน พื้นที่ด้านในสุดติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งข้อดีของระเบียงติดครัวคือช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเอง ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ 2 ที่นั่งได้ดั่งในภาพเลยนะคะ ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกชนิดกันลื่นนะคะ ขนาดของระเบียงก็กว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้สบาย ส่วนราวระเบียงเป็นระแนงเหล็กสีดำดูแข็งแรงทนทาน มุมมองจากระเบียงออกไป จะเป็นวิวเมืองที่ไม่มีอะไรมาบดบังสายตานะคะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ซ่อนไว้ให้แล้ว อีกทั้งยังกรุไม้ระแนงปิดฝ้าเพดานไว้ให้เรียบร้อย กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ห้องนอนจะถูกโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บานด้านข้าง และที่เหลือเป็นบาน Fix กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงทั้งหมด พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย ออกมาจากห้องนอน ติดกันนั้นเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พร้อมปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนังเป็นสีเทาเข้มและอ่อน จัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์จาก Cotto ทั้งหมด ยกเว้นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะเป็นของ I-SPA ค่ะ บริเวณโซนเปียก ทางโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำด้วยประตูกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทั้งยังเจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัวด้วย อ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์จะเป็นแบบฝังนะคะ ซึ่งบริเวณผนังทางโครงการได้ทำปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือการออกแบบทางเข้าห้องพักให้ลึกเข้าไป เหมือนเป็น Foyer ส่วนตัวของแต่ละห้อง ซึ่งเวลาที่เปิดประตูหรือมีแขกมาเยี่ยมเยียน ลูกบ้านห้องอื่นก็จะมองไม่เห็นนั่นเองค่ะ   ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตร.ม. จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout เลยนะคะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีโถงกลางขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดที่เชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นพร้อมระเบียงด้านในสุดสำหรับซักล้างหรือตากผ้า ส่วนห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา โดยห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน ครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ พื้นที่ข้างเคาน์เตอร์ครัวสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ พื้นที่ติดกับครัวด้านในจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนเล็กค่ะ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนเลยค่ะ ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่ง นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เดินกลับมาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างกำลังดี ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ด้านไว้สำหรับวางโต๊ะข้างด้วย หรือหากลูกบ้านอยากวางโซฟาตัวยาว 3 ที่นั่งก็ยังพอไหวค่ะ เพียงแต่จะไม่สามารถวางโต๊ะข้างได้ ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป ทั้งนี้ประตูด้านขวาข้างคอนโซลทีวีคือห้องนอนใหญ่ค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ โดยทางโครงการได้ซ่อนไว้ให้แล้ว พร้อมยังกรุไม้ระแนงปิดฝ้าเพดานให้เรียบร้อยอีกด้วย ระเบียงอีกฝั่งหนึ่งสามารถวางเครื่องซักผ้าได้นะคะ โดยทางโครงการได้เดินสายไฟพร้อมท่อน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้ว กลับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือมากพอสำหรับวางตู้หรือติดทีวีที่ผนังได้ด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน ซ้ายมือจะเป็น Walk-in Closet ที่อยู่ติดห้องน้ำแบบ Sexy bath ค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินเหมือนกับห้องนอนเล็กเลยนะคะ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างพอดิบพอดี ประตูห้องน้ำของห้องนอนใหญ่จะเป็นแบบเลื่อนนะคะ ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องน้ำด้านนอก จะต่างกันแค่ทางเข้าห้องน้ำจะตรงกับอ่างล้างหน้า และแบ่งด้านซ้ายเป็นโซนอาบน้ำ ส่วนด้านขวาจัดวางโถสุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำจะเป็นแบบ Sexy Bath ที่กรุผนังด้วยกระจกใส หากลูกบ้านอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดม่านมู่ลี่เพิ่มเติมได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครง วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว จะเปิดขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมเครื่องปรับอากาศ, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำนะคะ โดยโครงสร้างอาคาร, ประตู-หน้าต่าง จะมีการรับประกันอยู่ที่ 30 ปี และในทุกๆ ปีก็จะมีหน่วยงาน Premium Care มาคอยตรวจเช็คสุขภาพของห้องให้ด้วยค่ะ   สำหรับคนที่สนใจไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากนะคะ เพราะปัจจุบันค่าเช่าคอนโดในย่านนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรออีกนานกว่าจะได้อยู่จริง ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ติดรถไฟฟ้าใต้ดินแบบนี้สักห้อง แนะนำให้แวะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1265 หรือ https://mqdc.com/whizdom-ratchada-ladprao/
CHATEAU IN TOWN SUKHUMVIT 64/1 ขยายชีวิต…ใกล้อนาคต : รีวิวคอนโด

CHATEAU IN TOWN SUKHUMVIT 64/1 ขยายชีวิต…ใกล้อนาคต : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เรานั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีปุณณวิถีกันค่ะ ซึ่งเดินต่อเข้ามาในซอยสุขุมวิท 64/1 อีกหน่อยก็เจอคอนโดอยู่หลายโครงการเหมือนกันนะคะ ทั้งโครงการที่สร้างเสร็จนานแล้วและโครงการใหม่ที่ดูน่าสนใจอย่าง “CHATEAU IN TOWN SUKHUMVIT 64/1 (ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1)” ของ บริษัท พระยาพาณิชย์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่พลิกโฉมใหม่ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ออกแบบให้เข้ากับยุค 2017 ในสไตล์โมเดิร์น ภายใต้แนวคิด “ขยายชีวิต ให้ใกล้อนาคต” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยมีจุดเด่นอยู่ใกล้รถไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ล่าสุดตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้   ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1 ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพในซอยสุขุมวิท 64/1 ค่ะ ถึงจะเป็นโครงการที่อยู่เข้ามาในซอย แต่ก็เป็นซอยที่เชื่อมต่อกับถนนหลากหลายเส้นทางเลยนะคะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวกสบายจริงๆ ค่ะ เพราะนอกจากจะใช้ถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนสายหลักในกรุงเทพฯ วิ่งเข้าเมืองไปทางอ่อนนุช เอกมัย ทองหล่อ ได้ง่ายๆ หรือจะใช้ถนนสุขุมวิทขาออกนอกเมืองไปทางสี่แยกบางนาแล้วเลือกไปทางสำโรงหรือจะใช้ถนนบางนา-ตราด ออกไปทางบางพลี ตรงยาวไปถึงพัทยาก็สะดวกเช่นกันค่ะ หากใครเบื่อรถติดก็สามารถไปขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครได้ที่ซอยสุขุมวิท 62 ที่อยู่ห่างเพียง 2 กิโลเมตรค่ะ หรือขับลึกเข้าไปในซอยซึ่งจะไปรวมกับซอยสุขุมวิท 64 ตัดทางพิเศษเฉลิมมหานครวิ่งเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาไปออกถนนทางรถไฟเก่า และถนนสรรพาวุธได้อีกด้วยค่ะ   ในส่วนของการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆ ค่ะด้วยทำเลโครงการที่ตั้งอยู่บนจุดเชื่อมต่อใจกลางเมืองสุขุมวิทนอกจากจะใกล้รถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถีเพียง 250 เมตร บริเวณหน้าซอยยังมีรถเมล์ รถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซด์ผ่านไปมาอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังแวดล้อมไปสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบถ้วนทั้งร้านค้า, ธนาคาร, สถานศึกษา, วัด, สถานพยาบาล ขณะเดียวกันแหล่งช็อปปิ้งก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินไปเลยค่ะ เช่น ปิยรมย์ เพลส, เทสโก้ โลตัส อ่อนนุช, บิ๊กซี อ่อนนุช (เอ็กซ์ตร้า), Century the movie plaza เป็นต้น     เจาะลึกโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร จุดเด่นของโครงการจะเน้นเรื่องโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง ประกอบกับความเป็นส่วนตัวที่เหมาะกับการพักอาศัยอย่างแท้จริง แม้ทำเลที่ตั้งของโครงการจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะที่เดินเท้าได้ แต่เมื่อมาถึงที่โครงการแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัวที่ไม่วุ่นวาย ในขณะที่จำนวนยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีเพียง 222 ยูนิต จำนวนห้องต่อชั้นจึงมีไม่มากลูกบ้านจึงไม่แออัดเหมือนคอนโดทั่วไป ทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชั่นที่ออกแบบให้เป็นสัดส่วน มีห้องนอน ห้องนั่งเล่นที่มาพร้อมห้องครัวแบบแยกกันทุกห้อง แถมทำเลนี้ยังได้ที่จอดรถถึง 50% (รวมจอดซ้อนคัน) เลยค่ะ เรียกได้ว่าราคาและความคุ้มค่าระดับนี้นับว่าใช้ได้กับทำเลสุขุมวิทที่ใกล้รถไฟฟ้า ในราคาไม่ถึง 100,000 บาท ต่อ ตร.ม. รูปอาคารจะมีลักษณะตัว C นะคะ โดยพื้นที่ชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถและพื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำและห้องซาวน่า สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 4 x 20 เมตร ทางโครงการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกบ้านเวลาว่ายน้ำ โดยออกแบบกำแพงล้อมรอบสระว่ายน้ำพร้อมปลูกต้นไม้เขียวขจีเพิ่มความเป็นธรรมชาติ ห้องน้ำแยกระหว่างหญิงและชายที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ภายในห้องน้ำในสุดจะเป็นส่วนของ Sauna ค่ะ บรรยากาศภายในห้อง Sauna แปลนชั้น 2-8 จะเป็นที่พักอาศัยนะคะ ซึ่งความพิเศษของชั้น 2 จะมีห้องฟิตเนสรองรับลูกบ้านด้วย บรรยากาศภายในห้องฟิตเนสที่ครบครันด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายแบบทันสมัย ผนังฝั่งหนึ่งของห้องฟิตเนสจะล้อมรอบด้วยกระจกใสนะคะ ทำให้เวลาลูกบ้านออกกำลังกายได้ชมวิวไปในตัว   และด้วยความที่ทางโครงการเน้นเรื่องบรรยากาศความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย Facility จึงถูกแบ่งเป็นสัดส่วน โดยสระว่ายน้ำระบบธาราบำบัดและห้องสตรีมจะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ในขณะที่ห้องฟิตเนสจะอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ ซึ่งถือว่าครบถ้วนมากๆ สำหรับคอนโดมิเนียม Low Rise แบบนี้ แถมข้อดีคือมีคนแบ่งใช้ Facility ส่วนกลางน้อยกว่าคอนโดทั่วไปด้วยค่ะ   เปิดห้องตัวอย่าง มาถึงห้องตัวอย่างกันแล้วค่ะ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1 มียูนิตรวมทั้งหมด 222 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 28.02 – 43.01 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 44.86 ตร.ม. ค่ะ ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโล่ง โปร่ง สบาย โดยแยกพื้นที่นั่งเล่น ครัวและห้องนอนออกจากกัน ซึ่งจะต่างจากคอนโด Low Rise ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ เพราะราคาระดับนี้แทบจะไม่มีโครงการไหนทำห้องครัวแบบปิดแยกออกมาเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็มีแค่ Pantry เล็กๆ เท่านั้น นอกจากนี้ห้องทุกยูนิตของโครงการ ยังเปิดขายมาแบบ Fully Furnished ด้วยค่ะ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้สอยของลูกบ้านได้เป็นอย่างดี และทุกยูนิตจะได้แอร์ 2 ตัว โดยติดตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนเหมือนกันเลยนะคะ   สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราได้ชมก็คือ 1 Bedroom Type A6 ขนาด 29.43 ตร.ม ซึ่งเป็นขนาดที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดค่ะ ฟังก์ชั่นภายในห้องออกแบบมาเป็นอย่างดีเลยทีเดียว มีการกั้นแบ่งพื้นที่มาให้เรียบร้อย โดยห้องครัวและห้องน้ำจะแยกไปอยู่ทางด้านหนึ่ง เพียงแค่กันประตูกระจกเพิ่มก็จะได้ครัวแบบปิด ป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี ในขณะที่ Living Area และห้องนอนก็มีประตูกั้นทึบมาให้ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหากมีแขกมาที่ห้อง แปลนห้อง 1 Bedroom Type A6 ขนาด 29.43 ตร.ม เปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ทางโครงการได้จัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างในส่วน Living Area นะคะ จะเห็นได้ว่าบริเวณตรงกลางมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับวางโต๊ะกลางด้วย พื้นที่ข้างโซฟา ทางโครงการจะบิลต์อินชั้นมาให้เสร็จสรรพเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้เป็นมุมรับประทานอาหาร หรือจะทำเป็นมุมทำงานเหมือนดั่งห้องตัวอย่างก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งมุมนี้จะอยู่ติดกับห้องนอนนะคะ โดยทางโครงการออกแบบหน้าต่างบานสไลด์ไว้เพื่อความโปร่งโล่ง พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีค่ะ ซึ่งลูกบ้านไม่จำเป็นต้องติดแอร์เพิ่มแล้วนะคะ เพราะทางโครงการติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ติดกับคอนโซลทีวีจะเป็นห้องครัวนะคะซึ่งมีประตูบานเลื่อนกั้น ติดกันนั้นเป็นห้องนอนค่ะมีประตูบานทึบกั้นกลาง เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนดูโปร่งโล่งสบาย โอบล้อมด้วยกระจกใส เอื้อต่อการพักผ่อน พื้นที่บริเวณรอบเตียงสามารถเดินได้ด้วยนะคะ ไม่รู้สึกอึดอัดคับแคบแต่อย่างใด ทางโครงการจะบิลต์อินต์โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้ามาให้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้วค่ะ หากใครชอบนอนดูทีวีในห้องนอน ก็สามารถติดได้ที่ผนังด้านปลายเตียงค่ะ ซึ่งทางโครงการจะแถมแอร์มาให้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้วค่ะ ออกจากห้องนอนมาจะเป็นพื้นที่ของส่วนครัว เคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ แต่ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระเบื้องโมเสค ทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า มาให้แล้วค่ะ ซึ่งก็มาพร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันด้วย ติดกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นระเบียงนะคะ โดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลาง ข้อดีของระเบียงที่อยู่ติดครัวก็ช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเองค่ะ พื้นที่ระเบียงกว้างขวางดีทีเดียวค่ะ มาพร้อมก๊อกน้ำ และติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน กลับเข้ามาด้านในสุดติดกับครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกโซนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน ส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง   ห้องตัวอย่างห้องที่สองที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 1 Bedroom Type E2 ขนาดห้อง 38.49 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout ของห้องค่ะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีพื้นที่เหลือสำหรับวางตู้รองเท้าก่อน ในขณะที่พื้นที่โถงกลางกว้างพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารและวางโซฟาตัวยาวในส่วนของ Living Area ที่อยู่ติดกับห้องนอน ติดกันเป็นห้องครัวและห้องน้ำที่แยกออกมาอยู่ในโซนด้านเดียวกันโดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลาง พร้อมระเบียงด้านในสุดสำหรับซักล้างหรือตากผ้า แปลนห้อง 1 Bedroom Type E2 ขนาดห้อง 38.49 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาจะมีพื้นที่แคบลึกเล็กๆ ก่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางนะคะ พื้นที่ข้างประตูสามารถวางตู้รองเท้าเหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างมุมนั่งเล่นและมุมรับประทานอาหารเข้าไว้ด้วยกัน มุมรับประทานอาหารที่ลูกบ้านสามารถวางตู้หรือชั้นติดผนังได้ พร้อมกับโต๊ะรับประทานอาหารโดยไม่รู้สึกคับแคบเลยนะคะ ทั้งยังดูโปร่งโล่งเพราะอยู่ติดกับหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่น ทางโครงการจะติดตั้งแอร์ไว้ให้แล้วนะคะ จากโซฟาและคอนโซลทีวีมีระยะห่างกว้างขวางทีเดียวค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถวางโต๊ะกลางได้สบายๆ บริเวณข้างโซฟาติดกับผนังห้องนอนจะมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางของด้วยค่ะ ซึ่งเอกลักษณ์ของโครงการก็คือมีหน้าต่างบานเลื่อนเล็กๆ เชื่อมกับห้องนอนเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งให้แก่ห้องมากขึ้นค่ะ ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้เป็นตัวอย่าง แต่ลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังได้ค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย Layout ห้องนอนจะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการได้บิลต์อินโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดเพดานมาให้ด้วย พื้นที่ปลายเตียงสามารถวางโต๊ะหรือตู้ได้สบายๆ เลยนะคะ หรือหากใครอยากดูทีวีก็สามารถติดตั้งไว้ที่ผนังได้เช่นกัน ซึ่งลูกกบ้านไม่ต้องซื้อแอรืเพิ่มนะคะ เพราะทุกยูนิตจะแถมแอร์ 2 ตัว (ห้องนั่งเล่นและห้องนอน) ออกมาจากห้องนอนมาต่อที่ห้องครัวกันดีกว่าค่ะ ซึ่งทางโครงการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้ พร้อมชั้นลอยวางของด้านบนตามภาพเลยค่ะ ครัวจะมาพร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานและเว้นที่สำหรับวางเครื่องใช้ไฟฟ้าไว้ให้แล้วนะคะ แต่ผนังเหนือเคาน์เตอร์นั้นจะได้เป็นผนังฉาบเรียบสีขาวค่ะ ติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงค่ะ ซึ่งก็มีขนาดกว้างขวางสำหรับวางราวตากผ้าได้สบายๆ แถมคอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบน และการที่ระเบียงอยู่เชื่อมต่อกับส่วนครัวก็ช่วยในการระบายกลิ่นเวลาประกอบอาหารได้เป็นอย่างดี กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ในสุดจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ภายในห้องอาบน้ำจะได้อุปกรณ์ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการได้เจาะช่องไว้สำหรับให้ลูกบ้านวางของใช้ส่วนตัวได้ด้วย บริเวณโซนล้างหน้าจะได้กระจกบานใหญ่สูงจรดเพดานแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ข้อดีของกระจกก็ช่วยสะท้อนหลอกตาให้ห้องดูกว้างมากขึ้นนั่นเองค่ะ   ห้องทั้งหมดของโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1  ที่เราพาไปชมในครั้งนี้ จะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in ตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ชั้นวางของ เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เครื่องปรับอากาศได้ครบ เรียกว่าพร้อมให้เข้าอยู่ในราคาเริ่มต้นที่ 2.69 ล้านบาท แถมจองเพียง 10,000 บาท และฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน* ต้องบอกว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับคนที่ต้องการที่อยู่ในย่านปุณณวิถี ใกล้รถไฟฟ้าและสามารถเดินทางเข้านอกออกเมืองได้สะดวก ที่สำคัญตัวโครงการสร้างเสร็จแล้ว พร้อมเข้าอยู่แล้วค่ะ ซึ่งทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า สถานีปุณณวิถี เพียง 250 เมตร นี่ต้องบอกว่าเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดในตัดสินใจได้ไม่ยากเลยค่ะ   นอกจากนี้ภายในโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1 เองก็จัดเตรียม Facility ไว้อย่างหรูหราครบครันมากๆ ในขณะที่พื้นที่โดยรอบก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้เลือกมากมาย ถ้าใครที่ยังไม่เคยไปชมโครงการหรือกำลังตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดฯ ในแถบนี้อยู่แนะนำให้ไปชมบรรยากาศจริงดูค่ะ จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ต้องขอบอกเลยค่ะไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะในอนาคตการขยายตัวของตัวเมือง ทำให้การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในทำเลนี้มีโอกาสที่จะเติบโตสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ สำหรับคนที่สนใจไม่ควรพลาดคอนโดมิเนียมคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึงแบบนี้เลยนะคะ   สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.chateauintown-sukhumvit.com หรือโทร. 063-903-3718
“LIFE อโศก – พระราม 9” คอนโดใหญ่ใจกลางย่านธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ : รีวิวคอนโด

“LIFE อโศก – พระราม 9” คอนโดใหญ่ใจกลางย่านธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ : รีวิวคอนโด

“LIFE อโศก – พระราม 9” จากเอพี โดดเด่นกว่าอย่างไร ? LIFE อโศก – พระราม 9 เป็นตัวเลือกอันดับแรกและดีที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมใหม่ ด้วยจุดแข็งที่แตกต่าง ดังนี้   1. Location (ทำเล) นอกจากเป็นศูนย์รวมโครงข่ายคมนาคมเมืองที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ยังเป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจแห่งใหม่ รายล้อมด้วยบริษัทชั้นนำของไทยและบริษัททุนต่างชาติ เป็นทำเลที่ ถูกจับตามองจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะเอเชีย อาทิ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่น     2. Facility (สิ่งอำนวยความสะดวก) ครั้งแรกของคอนโดมิเนียมไทยกับการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดกว่า 7.5 ไร่ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ยุคดิจิตอล เป็นความสมบูรณ์พร้อมของการยกระดับคุณภาพการชีวิตอย่างไร้รอยต่อ   3. New Innovative Design (นวัตกรรมดีไซน์พื้นที่) การจัดวางผังยูนิตและสเปซภายในแบบใหม่ “New Interlocked Layout” ที่ลงตัวและคุ้มค่ากว่าเดิม แตกต่างด้วยหน้ากว้างของห้องที่มากถึง 7 เมตร และ 5 เมตร ระหว่างห้องสตูดิโอ ขนาด 27.5 ตารางเมตร ที่เน้นความโปร่งโล่ง กับห้องชุดแบบ One Bed-Plus ขนาด 35 ตารางเมตร ที่เน้นความเป็นสัดส่วนของฟังก์ชั่นการใช้งาน พื้นที่พิเศษปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์และห้องครัวแบบปิด   4. Price (ราคาเร้าใจ) การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในด้านราคาของตัวสินค้า ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยบริหารแพ็คเกจราคาขายเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อทุกกลุ่ม ตอบโจทย์การใช้ชีวิตใจกลางเมืองในราคาที่เอื้อมถึง เริ่มต้นเพียง 2.45 ล้านบาท (หรือที่เริ่มต้น 98,000 บาท ต่อ ตร.ม. เท่านั้น) คุ้มค่าที่สุดสำหรับทั้งการอยู่อาศัย และการลงทุน   โดดเด่นทั้งการดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งาน   LIFE อโศก - พระราม 9 ผสานความงดงามของการดีไซน์เข้ากับการใช้งานในยุคดิจิตอล ด้วยเสน่ห์ของ การออกแบบคอนเซปต์ดีไซน์ให้โอ่อ่าหรูหรา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาทิ การนำเสน่ห์และคุณสมบัติของ Crystal ที่สะท้อนแสงและมีความมันวาว มาออกแบบตกแต่งพื้นที่ภายในโครงการต่างๆ ดังนี้     1. The Grand Parlour Lobby สะดุดตาเมื่อก้าวเข้ามาภายในโครงการ สะท้อนความหรูหราโอ่อ่าตั้งแต่ก้าวแรก ให้การต้อนรับอย่างหรูหราลงตัวกับบรรยากาศสุดประทับใจในทุกมุมมอง ด้วยการออกแบบโดยใช้ คอนเซปต์ Modern Luminous     2. Sanctuary Pavilion พื้นที่พักผ่อนภายนอกอาคาร ที่เป็นมากกว่าการพักผ่อนท่ามกลางสวนขนาดใหญ่ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มออกซิเจน-พลังงานสะอาดให้กับชีวิต และทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายท่ามกลางเมืองที่วุ่นวาย ออกแบบให้มี 2 ชั้นเพื่อสามารถเปิดรับวิวได้อย่างรอบด้าน เป็นจุดดึงสายตาได้เสมือนคริสตัลที่สะท้อนแสงอยู่กลางพื้นที่สีเขียว     3. The Third Place พื้นที่ Co-working space 2 ชั้น ดีไซน์ตอบรับพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยจริง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานแบบกลุ่มและเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น Community Bench Space หรือ Individual Cocoon ที่รองรับ ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ ช่วยเชื่อมต่อทุกมิติของการดำเนินชีวิตในเมืองยุคดิจิตอลอย่างไม่มีสะดุด ทำให้ชีวิตประจำวันกับการทำงานผสานกันได้อย่างลงตัวอย่างแท้จริง     LIFE อโศก - พระราม 9 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว ด้วยความโดดเด่น ดังนี้ 1. 24-HOUR CONNECTED WORLD ผสานเทคโนโลยีในการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลาง เพื่อชีวิต Digital Community อย่างเต็มรูปแบบ ด้วย Infrastructure ที่พร้อมรองรับสิ่งอำนวยความสะดวก และสัญญาณ Wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด ทั้งยังจัดสรรพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับ การใช้งานในรูปแบบ Co-working Space ที่จะทำให้การเชื่อมต่อเป็นเรื่องง่าย พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานจริง รองรับวิถีชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่นไม่ยึดติดกับกรอบของเวลาหรือสถานที่ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา 2. AP COMMUNITY APPLICATION ทุกอย่างควบคุมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ภายใต้วิสัยทัศน์ AP Digital Community สัมผัสอนาคตแห่งการอยู่อาศัยได้ด้วย AP COMMUNITY APPLICATION อย่างเต็มรูปแบบ ที่จะเข้ามาส่งเสริมให้การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในโครงการเอพีให้สะดวกสบายและปลอดภัยในรูปแบบที่สะดวกกว่าเดิม โดยสามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ให้ควบคุมทุกอย่างได้แบบ real time รองรับการจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง ระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งยังสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในโครงการได้สะดวกสบายกว่าที่เคย     รายละเอียดโครงการ   ชื่อโครงการ LIFE อโศก – พระราม 9 ที่ตั้งโครงการ ถนนอโศก-ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการ 9,000 ล้านบาท จำนวนยูนิตพักอาศัย 2,248 ยูนิต และ 2 ร้านค้า ราคาเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท (หรือเริ่มต้น 98,000 บาท ต่อ ตารางเมตร) ข้อมูลเฉพาะ คอนโดมิเนียมร่วมทุนโครงการที่ 11 ระหว่างบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (Mitsubishi Estate Group หรือ MEC) ทำเล 300 เมตร จาก MRT สถานีพระราม 9 ขนาดพื้นที่โครงการ ประมาณ 8-3-11 ไร่ อาคารชุดพักอาศัยจำนวน 1 อาคาร 2 ทาวเวอร์ (ทาวเวอร์ A สูง 42 ชั้น ทาวเวอร์ B สูง 46 ชั้น) ลักษณะโครงการ อาคารชุดพักอาศัยจำนวน 1 อาคาร สูง 42 ขั้น และ 46 ชั้น ชั้น 1 โถงตอนรับขนาดใหญ่ พื้นที่ส่วนกลางพร้อม Co-Working Space ห้องน้ำส่วนกลาง สวนขนาดใหญ่ (Jogging track และ 2 มุมพักผ่อน) ห้องจดหมาย 1 ร้านค้า ห้อง MBD ห้องพักขยะ และที่จอดรถ ชั้น 2 Extra Co-Working Space ห้องสำนักงานนิติ ห้องประชุม ห้องแม่บ้าน และห้องน้ำส่วนกลาง ชั้น 2-6 ที่จอดรถ ชั้น 7 ชั้นพักอาศัย และสวนเชื่อมลานจอดรถ (Outdoor working space, Jogging route และ Open law court) ชั้น 8-35 ชั้นพักอาศัย (Residential Area) ชั้น 36 ชั้นพักอาศัย + สวนพักผ่อน ชั้น 37-41 ชั้นพักอาศัย (Residential Area) ชั้น 42 Rooftop Facility (Sky Deck, Swimming Pool, Jacuzzi, Social Deck, Amphitheater, Machine Room และห้องน้ำส่วนกลาง) ชั้น 43-44 ชั้นพักอาศัย (Residential Area) ชั้น 45 Rooftop Facility (Sky Lounge, Double space Fitness, Sky Garden, 2 Swimming Pool และ Kid’s pool ชั้น 46 พื้นที่หนีไฟทางอากาศ   ลักษณะห้องชุด   Studio Type ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 25 – 27.5 ตารางเมตร ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 32 ตารางเมตร ห้องชุด 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 35 - 40 ตารางเมตร ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 45 - 58 ตารางเมตร จำนวนที่จอดรถ จำนวน 905 คัน   สิ่งอำนวยความสะดวก   พื้นที่ต้อนรับขนาดใหญ่พร้อม Co- working space ที่รองรับการเชื่อมต่อ 24 ชั่วโมง ด้วย Free Wifi ทั่วบริเวณส่วนกลาง สร้างความเป็นส่วนตัวด้วย Cocoon เก้าอี้นวมแบบส่วนตัว สวนขนาดใหญ่พร้อม Jogging track สำหรับผู้รักสุขภาพ และ 2 Pavilion สำหรับพักผ่อนในสวน พร้อมต้นไม้ขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ Garden ชั้น 7 และ 36 (ชั้น 7) สวนพักผ่อนที่เชื่อมต่อระหว่าง 2 อาคาร โดยในสวนมีซุ้มที่นั่งที่มีระบบรองรับ Electronic Gadget (ชั้น 36) สวนหย่อมชมวิว Super Tower Rooftop ชั้น 42 - 45 Horizon Bay หรือสวนลอยฟ้าบนชั้นดาดฟ้าที่เชื่อมต่อทั้ง 2 ทาวเวอร์เข้าด้วยกัน มีลูกเล่นระดับลดหลั่น 3 ชั้น Elite Fitness แบบ Double Floor (ชั้น 42) Active pool สระว่ายน้ำความยาวถึง 40 เมตรพร้อมผ่อนคลายด้วยส่วน Jacuzzi, Pinnacle Deck จุดชมวิวเมืองบนชั้นบนสุด Social Deck ที่นั่งพักผ่อนแบบ Semi-Outdoor, Amphitheater ขนาดใหญ่ ซึ่งมีชั้นบนเป็น Horizon Garden อีกทั้งยังสามารถเดินเชื่อมไปที่ Elite Fitness ได้ (ชั้น 45) Fitness ฟิตเนสครบวงจรความสูง 2 ชั้น ที่มีมากถึง 5 โซน รองรับทุกความต้องการของทุกเพศทุกวัย พร้อมทั้งเครื่องออกกำลังกายที่หลากหลาย อีกทั้งห้องน้ำในตัวแยกชายและหญิง Sky Lounge ด้วย Exclusive Couch สำหรับรองรับกิจกรรมหลายรูปแบบ สระว่ายน้ำ 2 ชั้น ประกอบด้วย สระ Active Pool ยาว 50 เมตร ส่วนชั้น 2 เป็น Scenic Glass Pool สระว่ายน้ำขอบกระจกใส ลิฟต์โดยสาร 10 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว ค่าสาธารณูปโภค 50 บาทต่อตารางเมตร เงินกองทุนส่วนกลาง 500 บาทต่อตารางเมตร (จ่ายครั้งเดียวในวันโอนกรรมสิทธิ์) เริ่มก่อสร้าง เดือนธันวาคม ปี 2560 ก่อสร้างแล้วเสร็จ ประมาณไตรมาส 4 ปี 2563
JW Station@Ramintra เป็นมากกว่าทุกความต้องการ : รีวิวคอนโด

JW Station@Ramintra เป็นมากกว่าทุกความต้องการ : รีวิวคอนโด

ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินค่ะว่าคอนโดมิเนียมดีๆ มักจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตได้มาก ยิ่งถ้าได้เป็นเจ้าของพื้นที่เองแล้วล่ะก็ การใช้ชีวิตในแต่ละวันคงเต็มไปด้วยความสุขและเติมความมีชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดี เหมือนดั่งคอนโดฯ โครงการใหม่ล่าสุดจาก บริษัท เจ.ดับบลิว.เรียลเอสเตท ในเครือ JW Group ภายใต้ชื่อ JW Station@Ramintra ที่เป็นมากกว่าทุกความต้องการของชีวิต บนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ) พร้อมออกแบบคอนโดเป็นตึกสูงที่สุดในย่านมีนบุรี ด้วยความสูงถึง 20 ชั้น เพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายครบครัน ซึ่งกำลังจะเปิดพรีเซลเร็วๆ นี้ ทีมงานเราก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปเก็บห้องตัวอย่างมาฝากกันก่อน เผื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเบื้องต้นค่ะ   โครงการ JW Station@Ramintra ตั้งอยู่ในทำเลที่จัดว่าน่าสนใจมากๆ ค่ะ ตัวโครงการด้านหน้าอยู่ติดถนนรามอินทรา ด้านข้างติดซอยรามอินทรา 86 ใกล้แยกมีนบุรี ที่เชื่อมต่อทั้งถนนรามอินทราและถนนเสรีไทย ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดีที่สุดในย่านนี้ เพราะมีความอุดมสมบูรณ์สูงครบเครื่องทั้งแหล่งงาน หน่วยราชการ สถานศึกษา ธนาคาร แหล่งช็อปปิ้งตั้งแต่ร้านค้า, ร้านอาหาร, โชว์รูมรถ ไปจนถึงตลาดมีนบุรี อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าอย่าง Makro รามอินทรา, Amorini, The Promanade, Fashion Island และ The Mall บางกะปิ อีกด้วย   สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ก็จัดว่าสะดวกสบายทั้งเข้าเมืองและออกเมืองค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าโครงการ JW Station@Ramintra ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา ใกล้แยกมีนบุรี และยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงวงแหวนกาญจนาภิเษกในระยะเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น จะเดินทางเข้าเมืองก็สามารถใช้ทางเชื่อมจากถนนรามอินทราไปออกถนนเษตรนวมินทร์ใช้วิ่งเข้าเมืองไปทางพหลโยธิน หรือขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ตรงไปออกถนนเพชรบุรีและถนนสุขุมวิทก็เป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ถนนเสรีไทย วิ่งตรงไปลาดพร้าว ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนหลักหลายเส้น ไม่ว่าจะศรีนครินทร์, นวมินทร์, รามคำแหง หรือจะออกเมืองไปทางหนองจอก มีนบุรี ขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกไปสายไหม ไปรังสิต และอยุธยาก็สะดวกทั้งหมดค่ะ     ในส่วนของการเดินทางสำหรับคนที่ใช้รถสาธารณะก็จัดว่าสะดวกสบายทีเดียวค่ะ เพราะจุดเด่นของโครงการนั้นอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ที่วิ่งจากแครายมาสิ้นสุดที่มีนบุรี โดยกำลังดำเนินก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2562 ซึ่งลูกบ้านสามารถนั่งรถไฟฟ้าไปเปลี่ยนเป็นสายสีส้มได้ที่สถานีมีนบุรี (อยู่ถัดไปเพียง 2 สถานี) ได้อีกด้วย โดยอนาคตสายสีส้มจะทำการเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีเหลืองโซนบางกะปิ-ลาดพร้าว เรียกว่าถ้าแล้วเสร็จเมื่อไหร่ลูกบ้านก็ยิ่งเดินทางสะดวกมากขึ้นเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้ในส่วนของรถสาธารณะอื่นๆ ก็ยังเอื้อต่อความสะดวกเช่นกันค่ะ เพราะข้อดีของโครงการที่อยู่ติดใหญ่เส้นหลัก ทำให้มีรถโดยสารอย่าง รถเมล์, รถสองแถวสีแดง, แท๊กซี่ และวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ทำให้การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายจริงๆ ค่ะ   ภาพรวมโครงการ JW Station@Ramintra โครงการ JW Station@Ramintra เป็นคอนโด High Rise 20 ชั้น ที่สูงที่สุดแห่งแรกในย่านมีนบุรี โดยชูคอนเซ็ปต์เก๋ๆ ว่า “Everything is more มากกว่าทุกความต้องการ” ออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวสูงสุดเพียง 275 ยูนิต มาพร้อมความโปร่งสบายที่มากกว่าด้วยเพดานสูงถึง 2.70 เมตร คุ้มค่ากับรูปแบบอาคารและแบบห้องที่โออ่าทันสมัยในสไตล์โมเดิร์น ทั้งยังให้ความสำคัญมากกว่าการอยู่อาศัยโดย Built in furniture ให้ทุกยูนิตและใช้นวัตกรรมที่เหนือกว่าคอนโดทั่วไปด้วยระบบ Smart Building รองรับการใช้งานด้วยความสะดวกสบายผ่าน Smartphone ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้เป็นอย่างดี   และด้วยคอนเซ็ปต์ที่ทางโครงการเน้นให้เป็นคอนโดฯ มากกว่าทุกความต้องการ Facility จึงจัดเต็มแบบไม่กั๊กกันเลยทีเดียวค่ะ เพราะมีสวนลอยฟ้าทั้ง Sky Loung และ Sky Garden พื้นที่พักผ่อนชมวิวแบบพาโนรามาชั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังรองรับสุขภาพให้ลูกบ้านด้วยฟิตเนสเต็มรูปแบบ รวมไปจนถึงสระว่ายน้ำระบบเกลือที่มาพร้อม Jacuzzi ขณะเดียวกันก็เพิ่มความปลอดภัยของลูกบ้านที่มากกว่าด้วยระบบ Smart Building, Digital Doorlock, Keycard Access, CCTV 24 ชั่วโมง และที่จอดรถบนอาคารถึง 45% ซึ่งถือว่าครบถ้วนมากๆ สำหรับคอนโดมิเนียมราคาสบายเทียบเท่าคอนโด Low Rise แบบนี้ ภาพจำลองบรรยากาศด้านหน้าโครงการ JW Station@Ramintra ทางเข้าออกด้วยระบบ Access Card และไม้กั้น ภาพจำลองบรรยากาศ Lobby คุมโทนสีเข้ม เพิ่มความหรูหราด้วยพื้นหินอ่อน ภาพจำลองบริเวณโถงลิฟต์ชั้น 1 ตกแต่งในบรรยากาศหรูหรา ดูโอ่อ่ารับกับ Lobby ภาพจำลองห้องห้อง Fitness แบบครบวงจร พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทันสมัย ภาพจำลองบรรยากาศในห้องฟิตเนส ที่โอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสทำให้ออกกำลังกายพร้อมชมวิวได้เต็มสายตา ภาพจำลองพื้นที่พักผ่อนบนชั้น 4 ที่มีสระว่ายน้ำพร้อม Jacuzzi ริมสระมีส่วนที่นั่งพร้อมหลังคาผ้าให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ท ภาพจำลองบรรยากาศส่วน Sky Lounge บนชั้นดาดฟ้า ที่มีทั้ง Sky Lounge และ Sky Garden สำหรับการพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ ภาพจำลองพื้นที่นั่งพักผ่อนสำหรับชมวิวมุมสูงของโครงการ ซึ่งเป็นลานกิจกรรมบน Activity Arcade On The Roof     เปิดประตูห้องตัวอย่าง โครงการ JW Station@Ramintra เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ที่มียูนิตรวมทั้งหมด 275 ยูนิต แบ่งเป็น 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 23.9 – 40 ตารางเมตร แบบ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 37 – 57 ตารางเมตร สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้ไปชมกันในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.9 ตารางเมตร ที่มีเพดาานสูงถึง 2.70 เมตร ซึ่งมีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ ห้องแบบนี้จะมีลักษณะเป็นห้องแนวลึกนะคะ การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน โดยจะแยกพื้นที่ครัวและห้องน้ำไว้ฝั่งเดียวกัน และมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอน   เปิดห้องเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้อง  Built-in ตู้ เตียง ไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ   ส่วนอีกโซนของห้อง เป็นห้องน้ำและห้องครัวนะคะ ซึ่งจะอยู่ติดกันโดยพื้นที่ครัวทางโครงการก็ Built-in เคาน์เตอร์และตู้เก็บของพร้อมเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อย ทั้งยังมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันอีกด้วย ขณะที่พื้นที่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ยังมีที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่อีกด้วย ซึ่งข้อดีของห้องนี้คือครัวอยู่ติดระเบียงนะคะ ทำให้ลดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนระหว่างทำครัวได้ดี ระบบ VDO Phone ที่แจ้งเตือนลูกบ้านจากบริเวณ Lobby เวลามีคนมาหา พร้อมเห็นหน้าของแขกผู้มาเยือนด้วย โดยจะมีสัญญาณเตือนมาที่ห้องของลูกบ้านแบบอัติโนมัติ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งภายในห้องจะมาพร้อม Digital Doorlock และติดตั้งระบบ Smart Building รองรับการใช้งานด้วยความสะดวกสบายผ่าน Smartphone ไว้ที่ด้านข้างประตูด้วย ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีอยู่ในระยะที่กำลังดีนะคะ ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินมาให้เสร็จสรรพ ทั้งยังมีตู้เก็บแบบมีหน้าบานเปิด-ปิดของด้านข้างอีกด้วย ติดกันกับโซน Living Area จะเป็นห้องนอนนะคะ กซึ่งก็กั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ภายในห้องนอนถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ แถมถ้าใครอยากนอนดูทีวีก็สามารถติดทีวีที่ผนังโดยยังเหลือพื้นที่ให้เดินได้สะดวกเช่นเดิมค่ะ บริเวณข้างเตียงยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะข้างเหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาให้แล้วนะคะ ข้อดีคือลูกบ้านไม่ต้องเสียเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม ออกมาจากห้องนอนจะเป็นพื้นที่ต่อเนื่องไปโซนครัวและห้องน้ำค่ะ ครัวจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมหลวมระหว่างเคาน์เตอร์และโต๊ะรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน เคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ตามภาพตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางตู้เย็น ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ทางโครงการยังแถมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันด้วยนะคะ ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่ด้วยค่ะ ด้านในสุดของครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดีค่ะ พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ ทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนนะคะ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ กลับเข้ามาด้านใน ติดกันกับครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งก็ยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปเพื่อกันน้ำเปียกมาถึงพื้นด้านนอก ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน สุขภัณฑ์ที่ลูกบ้านจะได้รับก็ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางโถสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลางห้อง พื้นที่เปียกจะกั้นด้านประตูกระจกนะคะ ซึ่งถ้าใครตัดสินใจซื้อในช่วงพรีเซลทางโครงการจะแถมบานเลื่อนกระจกกั้นพื้นที่เปียกให้ค่ะ แต่ถ้าหลังจากช่วงพรีเซลจะแค่ยกธรณีขึ้นมาเฉยๆ ค่ะ พื้นที่เปียกจะยกธรณีสูงขึ้นมานิดนึงนะคะ เพื่อกันน้ำเลอะมาฝั่งโซนแห้ง ภายในห้องอาบน้ำทางโครงการจะเจาะช่องไว้สำหรับวางของใช้ส่วนตัวให้ด้วยนะคะ     ห้องทั้งหมดของโครงการ JW Station@Ramintra จะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in ตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ตู้เก็บของ เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เครื่องปรับอากาศได้ครบ เรียกว่าพร้อมให้เข้าอยู่ในราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท หรือ 75,000 บาท/ตารางเมตร ใครที่สนใจสามารถแวะเข้าไปที่สำนักงานขายได้เลยค่ะ โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำและข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดยิบ จะได้ถือโอกาสสำรวจบรรยากาศจริงไปในตัวเลย และตอนนี้โครงการ JW Station@Ramintra กำลังมีโปรโมชั่นพิเศษรออยู่ด้วยนะคะ โดยจะเปิด Pre Sale วันที่ 27 กันยายน – 1 ตุลาคม 2560 พร้อมส่วนลดตารางเมตรละ 10,000 บาท ซึ่งจะเหลือเพียงตารางเมตรละ 65,000 บาทเท่านั้น พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 570,000* บาท เรียกว่าอยู่ในราคาเทียบเท่ากับคอนโด Low Rise เลยนะคะ แถมจองเพียง 10,000 บาท ทำสัญญา 25,000 บาท* ผ่อนดาวน์ 18 งวด เพียง 7,308 บาท/เดือน* เท่านั้น ซึ่งสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ http://www.jwgroupthailand.com/register/   สำหรับคอนโดมีเนียมดีๆ ที่มีองค์ประกอบพร้อมทั้งการเดินทาง ระบบขนส่งมวลชน ที่สำคัญคือตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ดีไซน์ห้องสวยงามแต่งครบ คุ้มค่าทุกตารางเมตรขนาดนี้ บอกได้คำเดียวว่า "ไม่ควรมองข้ามค่ะ"
Life Asoke-Rama 9 “พลาดจองครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสให้แก้ตัว” : รีวิวคอนโด

Life Asoke-Rama 9 “พลาดจองครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสให้แก้ตัว” : รีวิวคอนโด

ตั้งแต่ต้นปีมา เราจะเห็นว่า AP เปิดตัวโครงการแบรนด์ “Life” ไปแล้ว 2 โครงการ นั่นคือ “Life Ladprao” และ “Life ๑ Wireless” ซึ่งแต่ละทำเลที่เปิดมาก็สร้างกระแส เรียกเสียงว้าวได้ตลอดๆ เป็นที่จับตามอง และให้การตอบรับชนิดที่ว่าเปิดให้จองแต่ละทีแทบจะต้องกางเสื่อต่อคิวล่วงหน้ากันก่อนวันเปิดจองเลยทีเดียว แม้แต่ต่อที่ Life ๑ Wireless เปิดให้จองออนไลน์ยอดจองก็หมดเกลี้ยงในพริบตาอีก   พูดถึงแบรนด์ “Life” ต้องบอกว่าทาง AP มีการปรับเปลี่ยนลุคของแบรนด์ให้ดูหรูหรา และทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ทั้งตัวอาคารที่ใส่ใจเรื่องการดีไซน์ให้มีมิติแปลกตา พร้อมกับจัดหนักในส่วนของ Facility ส่วนกลาง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองให้มากขึ้น โดยยังไม่ทิ้งจุดเด่นเรื่องทำเลที่เดินทางสะดวกและใกล้รถไฟฟ้า จากเสียงตอบรับที่ผ่านมาเป็นเครื่องการันตีได้ว่า Life คือแบรนด์หนึ่งของ AP ที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในปีนี้ ดังนั้นเมื่อมาถึง Life ตัวสุดท้ายของปี จึงต้องเปิดให้ดัง ปังให้สุด กับ “Life Asoke-Rama 9”   ปักหมุด New CBD - “อโศก - พระราม 9” ทำเลในฝัน ทำเลในย่าน “อโศก - พระราม 9” ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง และหลายๆ ครั้งก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทำเลในย่านนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด มีทั้งศักยภาพในการลงทุน และความเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย รวมถึงแนวโน้มของราคาที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เราคงไม่ต้องเจาะลึกถึงศักยภาพทำเลไปมากกว่านี้ให้เสียเวลา แต่จะพาเข้าประเด็นถึงทำเลที่ตั้งโครงการ Life Asoke-Rama 9 กันเลย Life Asoke-Rama 9 ได้ที่ดินริมถนนอโศก-ดินแดง ห่างจากแยกพระราม 9 นิดเดียวเอง จากตัวโครงการไปยังสถานีรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 มีระยะห่างเพียง 300 เมตรเท่านั้น ในรัศมี 2-3 กิโลเมตรรอบ โครงการจัดว่าอุดมสมบูรณ์ และเพียบพร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคต่างๆ มากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร แหล่ง Hangout สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล อาคารสำนักงานอีกเพียบ ที่ตั้งของโครงการอยู่ติดกับถนนอโศก-ดินแดง ใกล้กับแยกพระราม 9 นิดเดียวเอง การเดินทางมายังโครงการสะดวกมากๆ สามารถเลือกได้หลายเส้นทาง รวมถึงหลายวิธีการเดินทาง เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Airport Rail Link เลยขึ้นไปอีกหน่อยก็เป็นสถานี Interchange กับสายสีเขียวด้วย หรือจะเลือกการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถเมล์ แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็มีให้เลือกใช้บริการได้เกือบ 24 ชั่วโมงเลย ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเติมขึ้นมา เชื่อมต่อกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในอนาคตก็จะสะดวกมากขึ้นไปอีกแน่นอน นอกจากนี้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มีความสะดวกไม่แพ้กัน เพราะสามารถเข้า-ออกโครงการได้ 2 ทาง คือ จากทางด้านถนนอโศก-ดินแดง (ซอยไม้ดัด ข้างๆ Rhythm Asoke) และทางด้านถนนจตุรทิศ ถนนเส้นนี้ใช้เป็นทางเลี่ยงรถติดบนถนนอโศก-ดินแดงได้ดี ตรงมาจากพญาไทแป๊บเดียวก็ถึงโครงการแล้ว นอกจากนี้ห่างออกไปไม่ไกลยังมีด่านทางด่วนพระราม 9 การเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพมหานครจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดาย   Life Asoke-Rama 9 Life Asoke-Rama 9 เปิดภาพแรกมาด้วยความหรูหราอลังการของ Facility ที่อัดแน่นอยู่บน Rooftop ซึ่งทำให้เราอยากทำความรู้จักกับโครงการนี้ให้มากขึ้น จะได้ไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของคอนโด Life เหมือนที่ผ่านมา ไหนๆ ก็เปิดมาด้วยเรื่อง Facility แล้ว เราเลยจะพาไปส่องข้อมูลของโครงการ Life Asoke-Rama 9 ให้ครบทุกซอกมุมกันไปเลย ได้ยินมาว่าแค่พื้นที่ส่วนกลางบน Rooftop ก็มีขนาดรวมกว่า 1.5 ไร่แล้ว บวกรวมกับพื้นที่สวนรอบๆ โครงการ และ Pocket Garden ที่ชั้นต่างๆ อีก รวมๆ แล้วพื้นที่ส่วนกลางของ Life Asoke-Rama 9 ก็มีมากถึง 7.5 ไร่เลยทีเดียว แปลนของ Facility บนชั้น Rooftop ชั้น 44 - 45    Highlight อยู่ที่บริเวณ Rooftop ซึ่งรวบรวม Facility หลักๆ ไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น สระว่ายน้ำ ที่มีมากถึง 3 สระ อันแรกเป็น Lap Pool ขนาดมาตรฐานโอลิมปิก 50 เมตร ใช้ว่ายออกกำลังกายได้สบายๆ ขณะเดียวกันเหนือขึ้นไปด้านบนสระ เพิ่มสระกระจกลอยฟ้าแบบ Aquarium Sky Pool เปิดรับวิวรอบตัวเหมือนได้แหวกว่ายท่ามกลางหมู่ดาวกันไปเลย ส่วนสระสุดท้ายมีขนาด 45 เมตร ซึ่งมาพร้อมกับ Jacuzzi เพื่อการผ่อนคลายโดยเฉพาะ   พื้นที่บนยอดตึกเปิดรับวิวได้แบบ 360 องศา เปิดมุมมองของ City View ได้สวยเต็มตา ดังนั้น Facility ส่วนใหญ่จึงถูกออกแบบมาให้เปิดรับวิวได้ทุกมุม เช่น Sky Lounge หันไปทางพระราม 9 และ Amplitheater หันไปทางมักกะสัน, Sky Deck ชมวิวตึก Super Tower รวมถึงห้อง Fitness ใหญ่อลังการด้วยพื้นที่มากถึง 2 ชั้น พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้ามีการเล่นระดับพื้นที่เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับ Facility ให้มีความสวยงามแปลกตา และเพิ่มมุมพักผ่อนชมวิวให้มากขึ้น ลูกบ้านทุกยูนิตจะได้มีโอกาสใช้ได้อย่างเต็มที่ Sky Deck ชมวิว Super Tower จากบนยอดตึกของโครงการ ภาพจำลองของพื้นที่ Amplitheater ที่หันหน้าไปทางมักกะสัน Sky Lounge เปิดรับ City View ได้สวยงามเต็มตามากๆ Sky Fitness กินพื้นที่มาถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว   นอกจาก Facility บนชั้นดาดฟ้าแล้ว ที่บริเวณชั้น 7 และชั้น 36 ยังทำเป็น Pocket Garden เพิ่มพื้นที่พักผ่อนสบายตาให้มากขึ้นไปอีก โดยพื้นที่บริเวณชั้น 7 จัดแบ่งเป็นสวนร่มรื่นขนาดใหญ่ พร้อมมุมนั่งทำงานส่วนตัว (มี wifi บริการทุกจุด)  ในขณะที่อีกด้านเป็นเหมือนลานอเนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรม ออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวสบายตา แต่ถ้าอยากนั่งเล่นชม Super Tower แบบสงบๆ Pocket Garden ที่บริเวณชั้น 36 น่าจะเหมาะ เพราะถูกออกแบบเป็นระเบียงกว้าง พร้อมด้วยขอบระเบียงกระจกที่เปิดโล่งให้วิวสวยปรากฏชัดสุดสายตา ความอลังการของพื้นที่ส่วนกลางยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะที่บริเวณรอบๆ โครงการตั้งแต่บริเวณทางเข้ายังร่วมรื่นไปด้วยสวนขนาดใหญ่ กินพื้นที่บริเวณชั้นล่างมากถึง 3 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วย Pavilion 2 แห่ง พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อนใต้ร่มไม้ และ Jogging Track รอบสวน Pavillion ในสวน พื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางร่มไม้ใหญ่รอบโครงการ   ด้วยความที่ตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็น 2 Tower ดังนั้น Lobby ของโครงการจึงแบ่งเป็น 2 แห่ง โดย Lobby ของแต่ละ Tower ก็มีความสวยงามอลังการไม่แพ้กันเลยทีเดียว โดย Lobby ของ Tower A มีฝ้าเพดานสูงถึง 4.4 เมตร ออกแบบมาอย่างหรูหราด้วยลวดลายเส้นสายโลหะที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพิ่มเติมด้วยมุมนั่งพัก ผ่อน ที่สามารถใช้เป็นจุดนัดหมาย มุมรับแขก หรือมุมนั่งทำงานก็ได้ เพราะมีบริการ wifi ทั่วพื้นที่ บริเวณด้านหน้าทางเข้าของโครงการ  Life Asoke-Rama 9 จุด Drop Off บริเวณ Tower B หรูหราด้วยการตกแต่งด้วยแสงไฟ และลวดลายจากโลหะสีทอง Lobby A พร้อมพื้นที่ทำงาน มุมอ่านหนังสือ เปิดรับวิวสวนสีเขียวสบายตา พร้อม wifi ทั่วพื้นที่ส่วนกลาง Lobby B ฝ้าเพดานสูงถึง 4.4 เมตร ทำให้บรรยากาศโปร่งสบาย พร้อมมุมนั่งเล่นเป็นส่วนตัว   ขยับมาดูที่ Lobby ของ Tower B กันบ้าง ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะมีบริเวณกว้างขวาง โปร่งสบายตามากๆ ด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 6 เมตร ทำให้ Lobby นี้ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่า ทั้งพื้นที่ของ Co-Working Space, บริเวณชั้นลอยมี Private Meeting Room พร้อม Automation Control Panel และสัญญาน wifi เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านสามารถมาใช้เป็นห้องประชุมงานได้ด้วย นอกจากนี้ทาง AP ยังตั้งใจออกแบบให้ Lobby แห่งนี้มีความหรูหราอลังการมากกว่าที่ไหนๆ ด้วยกระจกบานใหญ่จรดฝ้า 6 เมตรที่จะเปิดรับวิวสวนได้อย่างเต็มที่ เชื่อว่า Lobby ของ Life Asoke-Rama 9 น่าจะเป็น Lobby ที่สวยอลังการที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว Lobby ของ Tower B อลังการด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 6 เมตร มีมุมทำงานเป็นสัดส่วน แถมยังเพิ่มพื้นที่ชั้นลอยจัดเป็น Co-Working Space และตั้งใจ Design ให้มีมุมอ่านหนังสือแบบ Cocoon เพื่อความเป็นส่วนตัว Co-Working Space และ Meeting Room พร้อมอุปกรณ์ครบครัน สามารถใช้นัดหมายประชุมงานได้สบายๆ   จากพื้นที่ส่วนกลางที่ยกตัวอย่างมา หลายคนอาจจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าทาง AP ตั้งใจจัดมาให้เต็มที่แค่ไหน แต่ก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราสามารถเก็บข้อมูลมาฝากกันได้ Facility ของจริงภายในโครงการยังมีรายละเอียดอีกมากจนไม่สามารถบรรยายได้หมดในคราวเดียว ส่วนต่อไปที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ส่วนของที่พักอาศัย เราเชื่อว่าหลายๆ คนอยากจะรู้แล้วว่า โครงการ Life Asoke-Rama 9 มีห้อง Type ไหนให้เลือกบ้าง แจ้งให้ทราบกันก่อนว่าห้องทั้งหมด 2,248 ยูนิตของโครงการขายให้แบบ Fully Fitted และมีการออกแบบใหม่ด้วยคอนเซปต์การจัดวางพื้นที่แบบ Inter Lock ทำให้ห้องมีหน้ากว้างมากขึ้น เพื่อเน้นในการเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจุดเด่นที่เห็นได้ชัดจากการออกแบบด้วยระบบ Inter Lock นี้ จะทำให้ห้อง Studio 27.5 ตร.ม. กับห้อง 1 Bedroom Plus 35.5 ตร.ม. ถูกวางคู่กันเสมอ ดังนั้นห้อง Studio จะได้หน้ากว้างที่มากเกือบ 5 เมตร เลยทีเดียว บรรยากาศภายในห้อง Studio ก็จะโปร่งสบายมากขึ้นกว่าเดิม ขนาดห้องเริ่มต้นที่ Studio 25 - 27.5 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม.,1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 40 ตร.ม.  และ 2 Bedroom 45- 58 ตร.ม. ซึ่งภายในห้องก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้รอบด้าน สำหรับใครที่สนใจ รีบคลิกลงทะเบียน https://goo.gl/w6m2Gd รับส่วนลดเพิ่ม 300,000 บาท* จะได้ไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของ Life Asoke-Rama 9 แล้วเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการจอง โดยแบ่งเป็น – รอบ AP iBooking จองผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ และ Pre-Sale ที่สำนักงานขาย ในวันที่ 11-12 พ.ย. นี้  
“A Space Me รัตนาธิเบศร์” บนทำเลสะดวกสบายเชื่อมต่อกลางเมือง ครบครันทุกสิ่งที่ชีวิตต้องการ : รีวิวคอนโด

“A Space Me รัตนาธิเบศร์” บนทำเลสะดวกสบายเชื่อมต่อกลางเมือง ครบครันทุกสิ่งที่ชีวิตต้องการ : รีวิวคอนโด

เติมความสุขอีกขั้นในชีวิตที่มากกว่ากับคอนโดมิเนียมดีๆ จาก Areeya Property ที่มาพร้อม Facility ครบครันทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้รอบด้าน แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตามมาดูพร้อมกันเลยค่ะ   โครงการ “A Space Me รัตนาธิเบศร์” ปัจจุบันสร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้ววันนี้นะคะ สำหรับความน่าสนใจก็คือเรื่องของ “ทำเล” นั่นเองค่ะ เพราะอยู่ติดถนนรัตนาธิเบศร์ ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออกตรงข้ามกับเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกนนทบุรี 1) เพียง 250 เมตรเท่านั้น ซึ่งสามารถเดินทางสู่ใจกลางเมืองอย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้ทาง MRT ได้เชื่อมสถานีเตาปูนกับบางซื่อเข้าไว้ด้วยกันแล้ว บอกเลยว่าสะดวกสบายไม้แพ้คอนโดฯ กลางเมืองเลยค่ะ เซ็นทรัล รัตนาธิบเศร์ ที่อยู่ตรงข้ามจากโครงการ ส่วน MRT สถานีแยกนนทบุรี 1 ก็อยู่ห่างไปเพียงแค่ 250 เมตร สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็สะดวกสบายเช่นกันค่ะ แม้ว่าการจราจรบนถนนเส้นนี้จะมีติดขัดอยู่บ้างในชั่วโมงเร่งด่วน แต่ก็ยังมีเส้นทางให้หลีกเลี่ยงอยู่พอสมควรไม่ว่าจะเป็น ทางเลี่ยงเมืองนนทบุรี ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนติวานนท์ ถนนราชพฤกษ์ รวมไปจนถึงทางด่วนงามวงศ์วาน ก็สามารถเลือกใช้เส้นทางเชื่อมต่อใจกลางเมืองได้ตามสะดวก นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่ใช่น้อยเลยค่ะเพราะมีทั้งรถเมล์ รถตู้ประจำทาง รวมถึงรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาอยู่ตลอด   อีกหนึ่งความน่าสนใจคือตัวโครงการอยู่ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์และความบันเทิงมากมาย มีห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่สามารถพึ่งพาอาศัยและอยู่ใกล้ที่สุด ถัดเข้าหาเมืองหน่อยก็จะมี ห้าง Big C (สถานีศรีพรสวรรค์), เอสพลานาด แคราย, Tesco Lotus (สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี), ห้างพันทิพย์ พลาซ่า และห้าง The Mall งามวงศ์วาน รวมไปจนถึงร้านอาหารมากมายที่เรียงรายกันมาตั้งแต่ถนนรัตนาธิเบศร์ถึงถนนงามวงศ์วาน เรียกว่าเพียบพร้อมและอุ่นใจในเรื่องอาหารการกิน รวมถึงสถานที่จับจ่ายซื้อของใช้กันแบบสะดวกสบายสุดๆ   พื้นที่คุณภาพของชีวิตที่แท้จริง ภายในโครงการ “A Space Me รัตนาธิเบศร์” ทาง Areeya ก็ได้รวบรวม Facility ที่น่าสนใจไว้เพียบพร้อมทีเดียวค่ะ พอผ่านทางเข้าสุดไพรเวทเข้ามา สิ่งแรกที่สะดุดตาและสัมผัสได้ทันทีก็คือ ความเงียบสงบเป็นส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์จากสีเขียวขจีของพรรณไม้ที่หาได้น้อยมากในคอนโดมิเนียมกลางเมือง ซุ้มทางเข้าโครงการ มาดูที่ตัวโครงการกันบ้างดีกว่า โครงการ “A Space Me รัตนาธิเบศร์” เป็นคอนโดมิเนียม High Rise อาคารเดี่ยว 22 ชั้น ออกแบบทุกตารางนิ้วให้ตอบฟังก์ชั่นและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในบรรยากาศรีสอร์ท รูปลักษณ์ภายนอกอาคารจึงดูทันสมัย โดยพยายามเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ตั้งแต่พื้นที่ร้านค้าในโซน Plaza Space เชื่อมต่อกับสวนบริเวณรอบอาคาร และล็อบบี้ขนาดใหญ่ ด้านบนมีสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่บนชั้น 18 และ 19 ที่มาพร้อมวิวแบบพาโนรามา สระว่ายน้ำซีทรูระบบเกลือแบบ Infinite Edge ห้องออกกำลังกาย Relax Lounge ห้องประชุมและห้องสมุด เรียกว่าตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านได้อย่างแท้จริง บรรยากาศบริเวณ Lobby ที่ชั้น 1 ขึ้นมาที่ชั้น 4 จะเป็นส่วนของ Facility หลักๆ ของโครงการ ขึ้นมาแล้วจะเจอส่วนของห้องฟิตเนสก่อนเลยนะคะ ด้านในก็มีอุปณ์ออกกำลังกายให้ครบครัน ติดกับห้องฟิตเนสจะเป็นห้องนั่งเล่น Relax Lounge ให้ลูกบ้านได้มานั่งพักผ่อน หรือจะมานั่งรอเพื่อน รอแฟน เล่นฟิตเนส ก็ได้จ้าาา ใกล้ๆ กันจะเป็นห้องประชุมวิว Panorama เดินขึ้นบันไดต่อมาที่ชั้น 5 จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำซีทรูระบบเกลือแบบ Infinite Edge ความยาว 25 เมตร ด้านบนที่ชั้น 18 และ 19 จะมีสวนสีเขียวอยู่ลูกบ้านได้ขึ้นมารับลมชมวิวมุมสูง   นอกจากนี้ทางโครงการยังคำนึงถึงความปลอดภัยโดยเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้องวงจรปิด CCTV รอบโครงการ มีระบบ Key Card Access บัตรผ่านเข้าออกอาคาร และที่สำคัญคือเรื่องลิฟท์โดยสาร ซึ่งมีบริการทั้งหมด 4 ตัว นับตามสัดส่วนของจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สบายๆ ไม่หนาแน่นจนเกินไป ซึ่งทางโครงการมีระบบการจัดการลิฟท์ที่ให้ความรวดเร็วด้วยค่ะ ในส่วนของที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป มีห้องให้เลือกฝั่งทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกเนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของตัวอาคาร แต่สำหรับห้องพักในชั้น 18-22 จะมีพื้นที่ทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor ที่ไม่มีเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามห้องเป็นโซนชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวมาก   เปิดห้องตัวอย่าง A Space Me รัตนาธิเบศร์ ในส่วนของพื้นที่พักอาศัยนั้นทางโครงการมียูนิตรวมทั้งหมด 401ยูนิต ไม่รวม Shop 5 ยูนิต ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอีกหนึ่งข้อของโครงการในย่านนี้เลยค่ะ เพราะยิ่งยูนิตน้อยแน่นอนว่าจำนวนของผู้อาศัยจึงน้อยกว่าและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ทำให้การใช้พื้นที่ส่วนกลางไม่ต้องต่อคิวเหมือนคอนโดฯ ทั่วไป   โครงการ “A Space Me รัตนาธิเบศร์” มีแบบห้องมาตรฐานคือ 1 Bedroom มีพื้นที่ใช้สอยให้เลือก 2 ขนาดคือ 25 ตร.ม. และ 32.10  ตร.ม. แต่ห้องตัวอย่างที่เราได้ชมกันก็คือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้ลูกบ้านได้เห็นไอเดียและฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้ชัดเจนมากขึ้น ลักษณะของห้อง Type นี้จะถูกจัดวางแปลนไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน มีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่กั้นพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนไว้ด้านในสุดติดระเบียง ทำให้สามารถเปิดรับแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ โดยพื้นที่ในส่วนของ Living Area ก็ดูกว้างขวางสบาย ในขณะที่พื้นที่ของห้องครัวและห้องน้ำจะถูกจัดวางไว้ในโซนเดียวกัน ต้องบอกเลยว่าทางโครงการจัด Space ภายในห้องไว้ดีมาก แม้จะเป็นห้องขนาด 25 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เข้ามาในห้องก็จะเจอส่วนครัวและห้องน้ำก่อนเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการจะมีเคาน์เตอร์ครัวมาให้แบบนี้เลยนะคะ สำหรับเคาน์เตอร์ครัวทางโครงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Lixil (ลิกซิล) แบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่น ออกแบบให้เป็น One-Wall Kitchen ที่เหมาะแก่การประกอบอาหารมื้อง่ายๆ เบาๆ มีพื้นที่เตรียมอาหาร และซิงค์ล้างจาน ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ จึงมีที่วางของรอบๆ เยอะดีค่ะ มาพร้อมกระจกเงาบานสูง โถสุขภัณฑ์วางอยู่ใกล้ๆ กัน โครงการแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้ให้ เพื่อช่วยให้รักษาความสะอาดได้ง่ายกว่า ชุดฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่น ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area ที่ดูกว้างขวาง ระยะห่างระหว่างคอนโซลกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรเลยนะค่ะ ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ด้านที่วางโซฟาโครงการจัดพื้นที่ไว้ให้วางโซฟาได้ขนาด 2-3 ที่นั่ง ส่วนด้านชั้นวางทีวีโครงการ Built-in ชั้นวางทีวีเชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์ครัวมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ติดกับ Living Area คือส่วนของห้องนอน มีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกั้น ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งเหมาะสมกับขนาดห้องนอนอย่างพอดิบพอดี จะเห็นได้ว่าขนาดข้างเตียงยังมีพื้นที่ว่างพอให้วางโต๊ะข้างเตียงได้อีกนะคะ ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าแบรนด์ Lixil (ลิกซิล) ที่โครงการ Built in มาไว้ให้แล้ว มีขนาดใหญ่พอเก็บเสื้อผ้าได้ 2 คนเลยล่ะ ข้างตู้เสื้อผ้าจะมีประตูเล็กๆ ให้เปิดไปยังพื้นที่ระเบียงได้ พื้นที่ระเบียงที่โครงการได้เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับวางคอมเพรสเซอร์ด้านบนไว้ให้เรียบร้อย มุมมองจากเตียงออกไปที่ Living Area จะเห็นว่าพื้นที่ดูกว้างขวางเนื่องจากการจัดแปลนของโครงการ   และเพื่อให้เห็นประโยชน์ใช้สอยของห้องขนาด 25 ตร.ม. ได้ชัดเจนขึ้น เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างอีกห้องหนึ่ง ที่ทางโครงการได้ทำการตกแต่งและบิลต์อินไว้อย่างเต็มพื้นที่ เรียกได้ว่าจัดเต็ม คุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ค่ะ เปิดประตูเข้าไปจะด้านซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ขวามือเป็น Pantry เหมือนดั่งห้องแรกเลยนะคะ แต่ในส่วนของคอนโซลทีวีจะบิลต์อินเป็นตู้สูงจรดเพดาน ซึ่งก็เพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากขึ้นด้วยค่ะ ส่วนของพื้นที่นั่งเล่น จะเห็นได้ว่าแตกต่างจากห้องตัวอย่างแรกอย่างชัดเจนเลยนะคะ เพราะทางโครงการได้บิลต์อินตู้เก็บของไว้ที่ผนังฝั่งหนึ่งให้มีพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้น และยังเป็นไอเดียให้แก่ลูกบ้านอีกด้วย นอกจากตู้เก็บของยังมีโต๊ะเอนกประสงค์เล็กๆ ที่สามารถใช้รับประทานอาหารและทำงานได้ ซึ่งหากไม่ใช้งานก็สามารถพับลงเก็บได้เช่นกัน ฟังก์ชั่นในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาดคิงไซส์ได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแบบไม่อึดอัดแต่อย่างใด พื้นที่ข้างเตียงที่ทางโครงการบิลต์อินให้เป็นตู้เก็บของไว้เป็นตัวอย่าง ก็ยิ่งเพิ่มฟังก์ชั่นใช้งานได้มากขึ้นนั่นเอง   ในส่วนของห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.10  ตร.ม. ทางโครงการยังไม่มีห้องตัวอย่างนะคะ ซึ่ง Type นี้จะมีเพียงชั้นละ 2 ห้องเท่านั้น โดยแปลนห้องมีลักษณะเป็นรูปตัวแอล ฟังก์ชั่นและการใช้งานจะคล้ายกับ Type 25 ตร.ม. วัสดุทุกอย่างที่ใช้ในห้องก็จะเหมือนกัน เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องน้ำจะอยู่ด้านข้าง แต่ในส่วนของ Pantry จะต่างกับห้องแรกนะคะ ซึ่งทางโครงการออกแบบให้เชื่อมต่อกับ Living ที่ดูกว้างขวางเหมาะแก่การพักผ่อน โดยครัวจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่าง Pantry โต๊ะรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่นไว้ด้วยกัน โดยในส่วนของครัวก็จะมีเตาไฟฟ้าและระบบดูดควันมาให้เสร็จสรรพ ซึ่งก็เหมาะแก่การประกอบอาหารแบบง่ายๆ ในส่วนของห้องนอนก็มีประตูบานเลื่อนกั้น ด้านในก็มีขนาดกว้างขวางทีเดียวค่ะ ซึ่งสามารถจัดวางเตียงขนาดควีนไซส์ได้ และยังเหลือพื้นที่เพียงพอสำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะข้างเตียงอีกด้วย ทั้งนี้ห้องนอนยังเชื่อมต่อกับระเบียงด้วยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.10 ตร.ม.   อย่างที่บอกไปแล้วว่าแบบห้องของ "A Space Me รัตนาธิเบศร์" มีแบบห้อง 2 แบบ 2 ขนาด ที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับการใช้สอยตามความต้องการของลูกค้าสำหรับห้องฝั่งทิศตะวันออกจะได้วิวสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อย่างเต็มสายตาเหมือนพักผ่อนอยู่รีสอร์ทเลยทีเดียวซึ่งห้องทั้งหมดของโครงการนั้นเปิดขายกันแบบมีชุดเคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ ตู้เสื้อผ้า Built-in ในห้องนอน และเครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง ที่ได้มาพร้อมห้องนะคะ แต่ปัจจุบันทางโครงการได้จัดโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า โดยให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งห้อง   นับว่าโครงการ A Space Me รัตนาธิเบศร์ ของ Areeya นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านรัตนาธิเบศร์ทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะใครที่คุ้นเคยทำเลในย่านนี้ ก็น่าแวะไปลองเยี่ยมชมห้องตัวอย่างไว้เพื่อพิจารณากันดูนะคะ ยิ่งในตอนนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินและเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะมองในแง่ของการอยู่อาศัยสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นซื้อหาคอนโดของตัวเอง หรือจะจับจองไว้สำหรับลงทุน โครงการ A Space Me รัตนาธิเบศร์ ก็อยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้ เอื้อมถึงได้ไม่ยาก ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคครบครันทุกสิ่งที่ชีวิตต้องการ   สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th หรือโทร. 1797
Aspire สาทร-ท่าพระ เพียบพร้อมทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร-ท่าพระ เพียบพร้อมทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูคอนโดมิเนียมคุณภาพดีที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่และยังเดินทางสะดวกสบายห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูเพียงแค่ก้าวเดียว กับโครงการ “Aspire สาทร - ท่าพระ” จาก AP Thailand กันค่ะ ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อช่วงปี 59 นับว่าเป็นคอนโดฯ ที่สร้างความฮือฮาในย่านนี้เป็นอย่างมาก เพราะขายหมดในวันเดียวตั้งแต่วัน Pre-Sale แต่ปัจจุบันทางโครงการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อีกครั้งกับห้องหลุดดาวน์ Lot พิเศษ ซึ่งเราได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศตัวโครงการและห้องตัวอย่างรวมถึงเก็บภาพมาฝากกันด้วยค่ะ ทำเลที่ตั้งและการเดินทาง โครงการ Aspire สาทร - ท่าพระ ตั้งอยู่ติดถนนแยกรัชดา-ราชพฤกษ์ เลยนะคะ ด้านหน้าโครงการนั้นจะอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ แต่ด้านข้างจะอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูค่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าโครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะอยู่ใกล้ชุมชนที่มีกลุ่มคนอาศัยอยู่หนาแน่น รายล้อมไปด้วยหมู่บ้าน อาคารพาณิชย์ แหล่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ออฟฟิศ, สถานศึกษา, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า The Mall ท่าพระ ที่อยู่ใกล้มากๆ (ห่างเพียง 160 เมตร) สามารถเดินไปได้ รวมไปจนถึงร้านค้าและตลาดสดเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่ออย่าง ‘ตลาดพลู’ ที่มีร้านอาหารอร่อยๆ มากมายให้เลือกสรร   ในส่วนของการเดินทางก็จัดว่าสะดวกสบายมากทีเดียวค่ะ สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนเส้นหลักอย่างราชพฤกษ์ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางวุฒากาศ แต่ก็เอื้อต่อการขับรถเข้าเมืองไปย่านสาทรนะคะ เพราะทางเข้า-ออกของโครงการนั้นอยู่ไม่ไกลจากจุดกลับรถ โดยสามารถกลับรถไปใช้เส้นราชพฤกษ์ขาเข้า ตรงไปเชื่อมกับถนนกรุงธนบุรี ขับตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ตากสิน-บางหว้า) ไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานตากสินก็จะเชื่อมกับโซนธุรกิจอย่างสีลม สาทร แล้วค่ะ นอกจากนี้ถนนราชพฤกษ์ ยังสามารถเชื่อมต่อสู่ถนนสายสำคัญเส้นอื่นๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนกัลปพฤกษ์, ถนนเพชรเกษม, ถนนเทอดไท, ถนนรัชดาฯ-ท่าพระ, ถนนพระราม 3, ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน, ถนนกรุงธนบุรี, สะพานตากสิน และถนนสาทร ถ้าใครอยากเข้าออกเมืองในชั่วโมงเร่งด่วน ก็สามารถใช้ทางด่วนที่มีให้เลือกใช้ถึง 2 ด่าน คือทางด่วนศรีรัช ด่านสุรวงศ์ (ห่างเพียง 5.6 กม.) และทางด่วนเฉลิมมหานคร (ห่างเพียง 5.6 กม.)     สำหรับคนเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกสบายไม่แพ้กันค่ะ อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ข้างต้นว่าจุดเด่นของโครงการอยู่ติดบันไดทางขึ้น-ลง BTS ตลาดพลู (ทางออก 3) เพียงแค่ก้าวเดียวค่ะ โดยทางโครงการได้ทำประตูเล็กๆ ใช้คีย์การ์ดสำหรับเข้า-ออกไว้ เพื่อให้ลูกบ้านที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกมากขึ้น ซึ่งสถานีนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟฟ้าสายหลักในการเข้าเมืองไปย่านสาทร เลยไปจนถึงสยามเลยค่ะ และในอนาคตบริเวณ BTS บางหว้าก็จะทำการ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางแค) ให้สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้หลากหลายมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ใกล้ๆ โครงการยังมี BRT คอยบริการอยู่ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับนักศึกษาและคนทำงานย่านพระราม 3 หรือบริเวณสีลมและสาทร เรียกได้ว่าสะดวกในการเดินทางมากๆ ที่สำคัญคือค่าโดยสารราคาถูกกว่ารถเมล์ไม่ปรับอากาศอีกด้วยค่ะ   เจาะลึกโครงการ สำหรับตัวโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดินกว่า 5 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,219 ยูนิต และมีที่จอดรถประมาณ 40% (รวมจอดซ้อนคัน) โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 แนวคิดโครงการมาในรูปแบบ Modern Japanese ที่ผสมกับ Natural Feeling ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Aspire ที่อยากให้คนเมืองได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติในสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่   ในส่วนของ Facility ก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ซึ่งทางโครงการก็จัดให้แบบเต็มที่ โดย Facility หลักๆ จะอยู่บริเวณชั้นล่างมีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ความยาว 30 เมตร โดยลูกบ้าน สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องกลัวแดดร้อนเลย เพราะตัวโครงการเป็นอาคารสูงถึง 30 ชั้น จึงช่วยบังแดดได้เป็นอย่างดีเกือบตลอดทั้งวัน บริเวณสระว่ายน้ำจึงร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีห้องฟิตเนส แบบ Double Floor, ห้องซาวน่า และล็อบบี้ขนาดใหญ่ ในขณะที่ดาดฟ้าชั้น 30 เป็นพื้นที่พักผ่อนชมวิวแบบพาโนโรมาท่ามกลางสวนสวยที่มาพร้อม Jogging Track รองรับการออกกำลังกายของลูกบ้าน บริเวณ Lobby ดูโออ่า กว้างขวาง รองรับลูกบ้านได้เป็นจำนวนมาก พื้นที่ด้านหนึ่งของโถง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box นะคะ เมื่อเดินผ่านโถงกลาง Lobby ออกมาจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสค่ะ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของพรรณไม้ ภายในห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่มาพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ครบครันและทันสมัย บริเวณชั้นล่างของฟิตเนสจะเน้นรองรับกิจกรรมเวทเทรนนิ่ง โดยมีอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างครบครันเช่นเดียวกับชั้น 2 เลยค่ะ บรรยากาศอันร่มรื่นของสวนลอยฟ้าบริเวณชั้น 30 นอกจากพื้นที่พักผ่อนแล้ว ยังมี Jogging Track รองรับการออกกำลังกายของลูกบ้านอีกด้วย   เปิดห้องตัวอย่าง ปัจจุบันทางโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ มีลูกบ้านย้ายเข้ามาพักอาศัยกันเป็นจำนวนพอสมควรแล้วนะคะ ดังนั้นใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่สามารถติดต่อเข้ามาขอชมห้องในบรรยากาศจริงได้เลยค่ะ สำหรับห้องตัวอย่างที่เราเก็บภาพมาฝาก เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 30.50 นะคะ การออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัวเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว ซึ่งทางโครงการจะขายห้องแบบ Fully Fitted มาพร้อมเคาน์เตอร์ครัว, ห้องน้ำสำเร็จรูปจาก Mogen พื้นห้องลามิเนต หนา 8 มม. ผนังห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว ไฟภายในห้องแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type ของ Samsung ให้ทุกยูนิตค่ะ แปลนห้องตัวอย่าง แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.50 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งเนื่องจากเพดานสูง 2.55 เมตร นับว่าเป็นความสูงกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไป ส่วนด้านซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ติดกันเป็นห้องครัวแบบปิดพร้อมระเบียงด้านในสุด พื้นที่นั่งเล่นทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวไว้เป็นตัวอย่างนะคะ จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ด้านข้างเหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างหรือโคมไฟตั้งพื้นได้ด้วย ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีค่อนข้างกว้างขวางพอที่จะวางโต๊ะกลางดังห้องตัวอย่างในภาพเลยค่ะ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถบิลต์อินชั้นวางทีวีและวางของได้ตามใจ หรือจะวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดพอเหมาะดังตัวอย่างที่ทางโครงการจัดวางไว้ก็ได้เช่นกันค่ะ ติดกับส่วนคอนโซลทีวีจะเป็นห้องน้ำค่ะ โดยทางโครงการจะกั้นประตูไม้สำเร็จรูปบานเรียบทาสีขาว ลูกบิดกลมมาตรฐาน และยกธรณีสูงขึ้นประมาณ 10 ซม. เพื่อป้องกันน้ำออกมายังส่วนห้องนั่งเล่น สำหรับห้องน้ำของโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปจากแบรนด์ Mogen นะคะ ซึ่งห้องน้ำสำเร็จรูปจะผลิตสำเร็จจากโรงงาน ตามรูปแบบที่ทางโครงการได้ออกแบบไว้ โดย ใช้เป็นผนังโครงสร้างเบา ส่วนแห้งเป็นพื้นคอนกรีต ปูกระเบื้อง ส่วนเปียกออกแบบผนังเป็นไฟเบอร์หล่อชิ้นเดียว พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์มาตรฐานให้ครบชุด โดยจะประกอบทุกส่วนมาจากโรงงาน และยกมาติดตั้งที่โครงการทีเดียว ส่วนข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูป คือช่วยประหยัดเวลาในการติดตั้ง, ลดข้อบกพร่องที่เกิดจากการติดตั้งของคนงานก่อสร้าง ง่ายต่อการซ่อมบำรุง และการติดตั้งรื้อถอน ลดปัญหาการรั่วซึมจากรอยต่อต่างๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ   ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Mogen ทั้งหมดเลยนะคะ พื้นที่อาบน้ำนั้นมีการยกธรณีขึ้นสูงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี ส่วนพื้นบริเวณพื้นที่อาบน้ำนั้นใช้วัสดุเป็นไฟเบอร์ค่ะ เดินออกมาจากห้องน้ำ ไปต่อกันที่ห้องนอนกันดีกว่าค่ะ ห้องนอนจะเป็นประตูไม้สำเร็จรูปบานเรียบทาสีขาว ลูกบิดกลมมาตรฐาน บริเวณด้านข้างประตูมีพื้นที่เหลือพอให้สามารถวางตู้เสื้อผ้าหรือบิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ สำหรับห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุต ได้นะคะ ซึ่งก็จะเหลือพื้นที่โดยรอบประมาณหนึ่ง ภายในห้องนอนนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียว ล้อมรอบด้วยหน้าต่างกระจกใสจึงทำให้ได้แสงสว่างจากภายนอกค่อนข้างมาก ครัวจะมีประตูบานเลื่อนเพื่อป้องกันกลิ่นเข้ามารบกวนส่วนอื่นๆ เวลาประกอบอาหาร พื้นภายในห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกนะคะ ข้อดีคือง่ายต่อการทำความสะอาดและมีความคงทนในการใช้งาน ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนั้นก็พอจะวางในห้องครัวได้นะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ โดย Top ครัวเป็น Particle และบานเปิดแบบ Soft Close ปิดผิวด้วยลามิเนตดูสวยงามน่าใช้งาน บริเวณด้านบนเคาน์เตอร์จะบิลต์อินชั้นวางของให้ 2 ชั้นนะคะ ซึ่งก็สามารถวางอุปกรณ์ของใช้ภายในครัวได้ครบครัน ถัดไปด้านในสุดของห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อน พื้นที่ในสุดเป็นส่วนระเบียงซักล้างนะคะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกเหมือนในครัวเลยค่ะ ขนาดระเบียงถ้าเทียบจากขนาดห้องแล้วถือว่ากว้างขวางกำลังดีเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเครื่องซักผ้าได้สบายๆ และยังเหลือพื้นที่ให้สามารถตากผ้าหรือซักล้างได้เล็กน้อย วิวจากมุมระเบียงจะมองเห็น The Mall ท่าพระ เลยนะคะ ซึ่งอยู่ใกล้โครงการมากในระยะที่เดินเท้าได้   เปิดห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริงของโครงการ “Aspire สาทร-ท่าพระ” กันไปแล้ว บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าก็คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรอก่อสร้างอีกนานกว่าจะได้อยู่จริง   ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ทำเลที่เชื่อมสู่สาทร ใกล้ห้างสรรพสินค้าด้วยระยะเดินเท้า ทั้งยังเดินทางสะดวกเพราะอยู่ติดรถไฟฟ้าเพียงแค่ก้าวเดียวแบบนี้ เราแนะนำให้ลองเข้ามาเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ   สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://goo.gl/zLoFBc หรือโทร 1623
“Ideo Mobi Sukhumvit 40” ส่องทำเลคอนโดใหม่ใกล้รถไฟฟ้า ตามสไตล์อนันดา : รีวิวคอนโด

“Ideo Mobi Sukhumvit 40” ส่องทำเลคอนโดใหม่ใกล้รถไฟฟ้า ตามสไตล์อนันดา : รีวิวคอนโด

ล่าสุดทาง Ananda เพิ่งจะเปิดข้อมูลโครงการ Ideo Mobi ใหม่พร้อมกันถึง 3 โครงการ นั่นคือ “Ideo Mobi รางน้ำ” “Ideo Mobi พระราม 4” และ “Ideo Mobi สุขุมวิท 40” ซึ่งทำเลที่ตั้งของแต่ละโครงการยังคงเกาะติดรถไฟฟ้าอย่างเหนียวแน่น ทำให้ทุกการเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวกง่ายดาย เอาใจไลฟ์สไตล์คนเมืองไปเลยเต็มๆ   ครั้งนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ “Ideo Mobi สุขุมวิท 40” กันค่ะ เพราะมีข้อมูลมาว่า โครงการนี้เป็น Low Rise โครงการแรกของแบรนด์ Ideo Mobi เลยนะคะ แถมยังเลือกทำเลใจกลางเมืองอย่างซอยสุขุมวิท 40 ซึ่งเป็นย่านที่มักจะได้รับการตอบรับและเป็นที่จับตาอยู่ตลอดเวลา ทำเลนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง เราไปเจาะลึกข้อมูลทำเลของโครงการ “Ideo Mobi สุขุมวิท 40” กันเลยดีกว่า   สุขุมวิท ทำเลตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง “ซอยสมานฉันท์” คือที่ตั้งของโครงการ Ideo Mobi สุขุมวิท 40 ซอยนี้เป็นซอยย่อยที่เชื่อมซอยสุขุมวิท 40 และสุขุมวิท 42 ไว้ด้วยกัน ทั้ง 2 ซอยนี้เป็นถนนวันเวย์ สามารถเดินรถได้ทางเดียวนะคะ โดยเป็นซอยที่เชื่อมถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 4 ไว้ด้วยกันอีกที ดังนั้นการเข้าออกโครงการจึงสามารถเลือกใช้ได้ทั้ง 2 ซอย ขึ้นอยู่กับการเดินทางในแต่ละครั้งนั่นเอง การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สะดวกด้วยเส้นทางถนนหลักที่สามารถเลือกใช้ได้ทั้งถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 4 ออกจากซอยสุขุมวิท 42 แล้วสามารถเลี้ยวเข้าซอยเอกมัย (ซอยสุขุมวิท 63) ไปออกถนนเพชรบุรีได้อีกทาง ขณะเดียวกันทางด้านถนนพระราม 4 ก็มีด่านทางด่วนเฉลิมมหานครอยู่ใกล้ๆ หรือจะเลยไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ก็อยู่ถัดออกไปไม่ไกลอีกเช่นกันค่ะ แผนที่โครงการ ที่ตั้งของโครงการสามารถเลือกใช้รถไฟฟ้าได้ทั้ง 2 สถานีเลยค่ะ ทั้งสถานีเอกมัยและสถานีทองหล่อ ด้วยระยะห่างเพียง 600 เมตร จากสถานีเอกมัย และ 660 เมตรจากสถานีทองหล่อ ถือว่าเป็นระยะที่ยังสามารถเดินได้สบายๆ ค่ะ บริเวณปากซอยสุขุมวิท 42 มี Gateway Ekamai ไว้รองรับการจับจ่ายใช้สอย ทั้งร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตในสไตล์ญี่ปุ่น ขณะเดียวกันเพียงข้ามมาฝั่งตรงข้าม ในซอยเอกมัยก็เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ร้านอาหารชื่อดัง ค่าเฟ่เก๋ๆ รวมถึง Community Mall สุดฮิปก็อัดแน่นอยู่ในซอยนี้ค่ะ ถ้ายังไม่จุใจ...ห่างออกไปเพียงแค่ 1-2 สถานี คือแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่าง ซอยทองหล่อ และ Em District รวมไปถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างสวนเบญจสิริ สำหรับการออกกำลังกาย พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติใจกลางเมือง ขอบคุณภาพจาก www.propertyinsight.co Gateway เอกมัย ห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมทั้งร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตในสไตล์ญี่ปุ่น ไว้ให้จับจ่ายใช้สอย ตั้งอยู่บรเวณปากซอยสุขุมวิท 42 ห่างจากโครงการไม่เกิน 600 เมตร ขอบคุณภาพจาก hotmagazine.website The Em District แหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง ที่อยู่ห่างจากโครงการไม่ไกลนัก นั่งรถไฟฟ้า BTS เพียงแค่ 2 สถานีก็ถึงพร้อมพงศ์แล้วล่ะค่ะ นอกจากนี้พื้นที่บริเวณรอบๆ โครงการ Ideo Mobi สุขุมวิท 40 ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษาชื่อดังอย่าง โรงเรียนศรีวิกรม์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โรงเรียนนานาชาติ รวมถึงศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) ก็อยู่ใกล้มากๆ เช่นเดียวกับโรงพยาบาลชั้นนำอย่าง โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลเทพธารินทร์ และโรงพยาบาลสุขุมวิท ก็อยู่ในรัศมีรอบๆ โครงการด้วยค่ะ   เคลื่อนไหวไปกับธรรมชาติได้ทุกก้าว ที่ Ideo Mobi สุขุมวิท 40 โครงการ Ideo Mobi สุขุมวิท 40 เป็นที่พักอาศัยซี่รี่ย์ล่าสุดจาก Ananda ท่ามกลางความสงบกลางเมืองหลวง   จึงถูกออกแบบให้มีธรรมชาติเชื่อมต่อเข้าไปถึงทุกพื้นที่ พร้อมกับใส่นวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้าไปอย่างเต็มที่ ในคอนเซ็ปต์ Future Nature เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดสำหรับลูกบ้านทุกคน ยกตัวอย่างเช่น Urban Green, Ultimate Sky Walkway, Urban Forest Pool, Forest Canopy Pool พื้นที่พักผ่อนส่วนกลางท่ามกลางธรรมชาติที่จำลองป่าไว้กลางเมือง รวมไปถึงการเลือกใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Cell Panel และ Smart Solar Fresh Air เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.49 ล้านบาท* Future-Nature ตัวอาคารถูกออกแบบให้โอบล้อมพื้นที่สีเขียว Urban Forest ขนาดใหญ่ ผู้พักอาศัยจะสัมผัสได้ถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ลืมความวุ่นวายจากภายนอกแม้จะอยู่ใจกลางเมือง Double Swimming Pool สระว่ายน้ำบนชั้น Ground Floor และชั้น Rooftop ให้ผู้พักอาศัยได้สัมผัสบรรยากาศที่สวยงามของวิวสวน Urban Forest และผ่อนคลายในวันหยุดสุดพิเศษได้เต็มที่ Forest Canopy Pool สระว่ายน้ำบนชั้น Rooftop พร้อม Walk way เชื่อมต่อทั้ง 2 อาคารไว้อย่างลงตัว Urban Fitness ออกกาลังกายพร้อมวิวสวนสวย ที่พร้อมให้คุณใช้พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน   “Ananda Online Booking & Pre-Sale Day พร้อมกับการเปิดให้ชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก กับ Ideo Mobi 3 โครงการใหม่ ที่มาพร้อมระบบ Smart Solar Fresh Air System และล้ำไปอีกขั้นกับนวัตกรรม Hologram ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก! พบกันที่สำนักงานขายโครงการ Ideo Mobi Rama 4 คลิก https://goo.gl/ZwXNp9”