ต้องยอมรับว่า คนยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของตนเอง อาจเป็นเพราะการเจ็บป่วยต้องรักษาพยาบาลมีค่าใช้จ่ายสูง และเป็นเพราะวิทยาการความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ ซึ่งทำให้สามารถดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรค รวมถึงการที่คนยุคปัจจุบันมีอายุที่ยืนยาวขึ้น จึงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง
เทรนด์ดังกล่าวทำให้ บรรดาดีเวลลอปเปอร์หันมาขยายธุรกิจด้านสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งรูปแบบโรงพยาบาล เวลเนส สปา หรือศูนย์สุขภาพ ซึ่งมีทั้งแยกธุรกิจออกมาโดยเฉพาะ และการนำเอาธุรกิจต่าง ๆ เหล่านี้รวมเข้าไว้ในโครงการที่อยู่อาศัยประเภทต่าง ๆ
ซิซซา กรุ๊ป (CISSA GROUP) คือ หนึ่งในผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โรงแรม และวิลล่า การให้บริการรับเหมากก่อสร้าง และเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาโครงการอสังหาฯ รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อการลงทุน ในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพังงามานานกว่า 15 ปี มีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ได้หันมาลุยธุรกิจด้านสุขภาพและความงามด้วยเช่นกัน โดยการร่วมมือกับ วี พลาส เมดิคัล กรุ๊ป (V PLAST MEDICAL GROUP) จัดทำโครงการนาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต (Natai Medical Center & Resort) มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท
นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งสร้างคุณค่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับนักลงทุน ซึ่งโครงการนาใต้ฯ เป็นการพัฒนาเพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญด้านการดูแลสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการพิจารณาเข้าพักในโรงแรมที่มีการดูแลด้านสุขอนามัยอย่างจริงจัง ภายหลังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
การลงทุนพัฒนาโครงการของ ซิซซา กรุ๊ป ยังมองเห็นเทรนด์และแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจเวลเนส และเมดิคัล ทัวร์ลิซึม ที่จะสร้างมูลค่ามหาศาลในอนาคต ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญที่เข้ามาดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม คือ
ประเทศไทยได้รับการยอมรับ ในการรับมือและจัดการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีเป็นอันดับ 2 ของโลก จากจำนวน 184 ประเทศทั่วโลก จากการจัดอันดับขององค์กร Global Covid-19 (GCI) ทำให้การลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลเพื่อสุขภาพ ความงาม และโรงแรมเพื่อการท่องเที่ยวในยุค New Normal เป็นโอกาสทางธุรกิจที่มีความน่าสนใจ มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวทางการแพทย์ของโลก (Thailand Medical Hub) โดยใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (ปี 2560-2569) พร้อมกับให้การสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว และมาตรการควบคุมโรค ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ ที่ต้องการสถานที่ปลอดภัยจากโรคระบาด สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และสถานที่พักผ่อนระดับเอ๊กซ์คลูซีฟ
ภาพรวมอุตสาหกรรมเวลเนสของโลกโลก เป็นธุรกิจมีขนาดใหญ่ มีมูลค่ากว่า 4.5 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐ ซึ่งในธุรกิจเวลเนสดังกล่าว มีที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องจำนวนมากมาย อาทิ ธุรกิจการรักษาเชิงป้องกัน การวางแผนดูแลรักษาแบบเฉพาะบุคคล และระบบสาธารณสุข มีมูลค่าตลาด 575,000 ล้านเหรียญ ตลาดการบริโภคเพื่อสุขภาพ โภชนการและการลดน้ำหนัก มีมูลค่า 702,000 ล้านเหรียญ และกิจกรรมทางการภาพ มีมูลค่า 828,000 ล้านเหรียญ เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล/คลินิกโดยเฉลี่ย สำหรับการทำศัลยกรรมความงามในภูเก็ต เกือบ 2 เท่าของค่ารักษาพยาบาล โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 150,000 บาท สำหรับการใช้บริการในโรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 80,000 บาท สำหรับการใช้บริการในคลินิก
โดยมีระยะเวลาการเข้าพักโดยเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวการแพทย์ในภูเก็ตประมาณ 12 วันสำหรับการทำศัลยกรรมและประมาณ 5 วันสำหรับเวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งกลุ่มผู้หญิงเข้ามาใช้บริการเกือบ 93% ของตลาดนักท่องเที่ยวทางการแพทย์ โดยมีอายุระหว่าง 18-25 ปี สัดส่วน 33% และอายุ 45-55 ปี สัดส่วน 31% เป็น 2 กลุ่มอายุที่ใหญ่ที่สุด
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ขาเข้าภูเก็ต ส่วนใหญ่จะเป็นชาวออสเตรเลีย และจีน ซึ่งลูกค้ามาใช้บริการด้านศัลยกรรมความงาม 70% ซึ่งทำให้มีรายได้จากการรักษา การเดินทาง และการพักโรงแรม
ผู้ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและความงามมากว่า 20 ปี และดำเนินธุรกิจด้านเมดิคัลทัวร์ลิซึมมากว่า 10 ปี ได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าจากต่างชาติ เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย มีฐานผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่าปีละ 2,000 คน โดยมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจโรงพยาบาล ที่ตอบโจทย์ New Normal ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในอนาคต ที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย
สำหรับโครงการนาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต อยู่ภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง ที่เตรียมจัดตั้งขึ้นด้วยทุนทะเบียนเบื้องต้น 2,500 ล้านบาท ซึ่งจะมีหุ้น 40% จำหน่ายให้กับนักลงทุนทั่วไป โดยบริษัทดังกล่าวจะพัฒนาโครงการด้วยมูลค่า 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โรงแรม 2,000 ล้านบาท และโรงพยาบาล 1,500 ล้านบาท
โดยแนวทางการดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม จะพัฒนาออกเป็น 3 เฟส ประกอบด้วย
เฟสที่ 1 จะเปิดคลินิกให้บริการด้านเวลเนส การบริการจัดสัมมนา และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้การพัฒนาของ วี พลาส เมดิคัล กรุ๊ป รวมถึงการเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรม
เฟสที่ 2 การเปิดให้โรงพยาบาล ในส่วนแรก 100 เตียง ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2 ปีหน้า
เฟสที่ 3 การเปิดให้บริการ เมดิคัล เซ็นเตอร์ เต็มรูปแบบ และโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย พร้อมกับการจัดตั้งโรงงานผลิตยาสมุนไพร และกัญชาบำบัด