ตลาดคอนโด ไตรมาส 4 ปี 64 ดีเวลลอปเปอร์แห่เปิดใหม่กว่า 11,252 ยูนิต แต่อัตราขายได้ยังต่ำแค่ 25.2% แถมราคาขายยังลด เหตุผู้ประกอบการเร่งระบายสต็อก ลดราคา อัดโปรโมชั่น ส่วนแนวโน้มตลาดคอนโด ปี 65 เริ่มสัญญาณการฟื้นตัว แต่ยังมีปัจจัยกังวล ทั้งเงินเฟ้อ ราคาสินค้าพุ่ง การระบาดของโควิด-19
ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วง 2 ที่ผ่านมา ถือว่าได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีการประเมินว่าภาพรวมปี 2564 ตลาดคอนโตติดลบไปถึง 30% ทั้งในส่วนของการเปิดตัวโครงการใหม่ และการขาย
ขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายต่างก็มองว่า ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาต่ำสุดของตลาดคอนโดแล้ว ในปี 2565 น่าจะเป็นการฟื้นตัวของตลาดคอนโด ให้กลับมาเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปอีกครั้ง โดยอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่กลับมารุนแรงจะควบคุมไม่อยู่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คงจะไม่มีใครสามารถฟันธงลงไปได้ว่า ตลาดคอนโดในปี 65 จะมีภาพที่ชัดเจนออกมาอย่างไร ซึ่งทุกอย่างล้วนแต่อยู่ภายใต้การประเมินจากปัจจัยและสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วคงต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไปอย่างต่อเนื่อง แต่เพื่อให้มองเห็นภาพในอนาคต คงต้องย้อนกลับไปดูสถิติและสถานการณ์ของตลาดคอนโด ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่ามา ว่าบนสรุปเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ประเมินทิศทางต่อไปของตลาดคอนโดในปี 65 ได้ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น
นายณัฎฐา คหาปนะ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสำนักงานไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดคอนโดไตรมาส 4 ปี 2564 พบว่ามีการเคลื่อนไหวในด้านจำนวนมากขึ้น จากเดิมที่มีการชะลอตัวการเปิดโครงการใหม่ตลอดทั้งปี โดยผู้ประกอบการเริ่มกลับมาเปิดขายโครงการมากขึ้นในไตรมาสนี้ เนื่องจากรัฐบาลผ่อนปรนและยกเลิกมาตราการการล็อคดาวน์และเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะมาตราการลดระยะเวลาการกักตัวในรูปแบบ Test & Go
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีมาตราการผ่อนปรน LTV เป็นการชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งส่งผลบวกต่อกลุ่มนักลงทุนและผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในการขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยผู้ประกอบการมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปิดขายโครงการใหม่ แม้ว่าภาพรวมตลาดคอนโดในไตรมาส 4 นี้ จะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” ทำให้ผู้ประกอบการต้องวางแผนกลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อจับกลุ่มเรียลดีมานด์ซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักในเวลานี้เท่านั้น
ตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ ช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 11,252 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 56% ของจำนวนทั้งปี 2564 ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 20,015 ยูนิต
โดยในไตรมาส 4 ปี 2564 มีจำนวนคอนโดขายใหม่เพิ่มขึ้น 62.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 79.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
โดยจำนวนคอนโดที่เปิดตัวใหม่ ตั้งอยู่ในเขตต่าง ๆ ดังนี้
-บริเวณชานเมือง 7,117 ยูนิต สัดส่วน 76% หรือ
-บริเวณรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) สัดส่วน 13%
-บริเวณศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) สัดส่วน 11% ตามลำดับ
โดยจำนวนที่เปิดขายใหม่ยังเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่สูงถึง 70% จากจำนวนที่เปิดขายทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นโครงการของผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย ซึ่งคอนโดที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสนี้อยู่ในระดับราคา 0.9 – 3.5 ล้านบาท หากแยกตามเกรดจะพบว่ามีสัดส่วน ดังนี้
-คอนโด เกรดซี สัดส่วน 63%
-คอนโด เกรดบี สัดส่วน 37%
แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการเลือกที่จะเปิดขายคอนโดมิเนียมในระดับราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 80,000-100,000 บาท/ตร.ม. เพราะเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มที่เป็นกำลังซื้อหลักในช่วงนี้
ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 เป็นช่วงที่ประเทศไทยผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดหนักของโควิค-19 เนื่องจากการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยหนักให้ต่ำกว่าจุดวิกฤตได้ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงตลาดคอนโดเริ่มกลับมามีการเคลื่อนไหว จากการที่ผู้ประกอบการได้กลับมาทยอยเปิดขายโครงการใหม่มากขึ้น
จำนวนยูนิตขายได้ใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2564 มีคอนโดขายได้ใหม่อยู่ที่ 2,835 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขายได้ 25.2% จากจำนวนที่เปิดขายใหม่ทั้งสิ้น 11,252 ยูนิต
การขายลดลงในอัตรา 8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และลดลง12.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุมาจาก จำนวนยูนิตเปิดขายใหม่มีค่อนข้างมาก ในขณะที่ยูนิตขายได้กลับมีน้อยเพราะเป็นโครงการที่ขายเพียงใบจองเท่านั้น แม้ว่าจะมียูนิตขายที่น้อยแต่ก็มั่นใจได้ว่าห้องที่ถูกขายไปนั้นจะไม่ได้รับการยกเลิก เนื่องจากโครงการมีการประเมินศักยภาพลูกค้ามากขึ้นเพื่อให้สามารถปิดการขายได้จริง ส่งผลให้ในอนาคตยอดปฏิเสธสินเชื่ออาจจะลดลง
โดยกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกำลังซื้อระดับกลางที่ยังมีรายได้แน่นอนและมีมากกว่ากลุ่มนักลงทุน เนื่องจากโครงการที่เปิดขายจะอยู่ในโซนชานเมืองซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ทำให้กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัย (Real Demand) ที่มีความพร้อมในการซื้อค่อนข้างให้ความสนใจโครงการ โดยเฉพาะห้องที่มีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้าน
ราคาเสนอขายคอนโดในกรุงเทพฯ ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ปรับตัวลดลงในทุกพื้นที่ จากไตรมาสที่ 3 ปี 2564
-ราคาเสนอขายคอนโดบริเวณศูนย์กลางธุรกิจอยู่ที่ 239,689 บาท ต่อ ตารางเมตร ลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
-ราคาเสนอขายคอนโดบริเวณรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) อยู่ที่ 115,659 บาท ต่อ ตารางเมตร ลดลง 6.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และลดลง 1.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
-ราคาเสนอขายของคอนโดบริเวณชานเมืองกรุงเทพฯ อยู่ที่ 63,258 บาท ต่อ ตารางเมตร ลดลง 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และลดลง 2.1% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
สาเหตุสำคัญที่ราคาคอนโดในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ปรับตัวลดลง
-การลดราคาขาย พร้อมจัดโปรโมชั่น สำหรับโครงการที่เปิดการขายมานานและยังไม่สามารถปิดการขายได้
-การลดราคา เพื่อให้สอดคล้อ งกับมาตราการลดค่าโอน – จำนอง ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
-การระบายสต็อกของบางโครงการ
ตลาดคอนโด ตลอดทั้งปี 2564 นับเป็นปีที่ค่อนข้างหนักสำหรับผู้ประกอบการพัฒนาคอนโด เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดของโควิค-19 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลต้องประกาศล็อคดาวน์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วน
สำหรับปี 2565 นี้ เชื่อว่าตลาดคอนโดมีแนวโน้ม ทยอยกลับมาฟื้นตัวและมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่มีแผนเปิดตัวโครงการมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีโครงการเปิดใหม่อยู่เฉลี่ยประมาณ 10,000 ยูนิต ในไตรมาสแรกของปี 2565
1.การระบาดของโควิค-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” หากมีการแพร่ระบาดที่รุนแรง ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยหนักมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ อาจส่งผลให้รัฐบาลต้องออกคำสั่งให้กลับเข้าสู่การล็อคดาวน์อีกครั้ง
2. ภาวะเงินเฟ้อที่จะส่งผลต่อราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างให้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจยังชะลอตัว
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลได้มีมาตราการช่วยเหลือและกระตุ้นกำลังซื้อ อาทิ การลดค่าโอน-จำนองที่ยืดระยะเวลาออกไปเป็นมาตราการที่กระตุ้นกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงซึ่งคนกลุ่มนี้ยังเป็นกำลังซื้อหลักในช่วงเวลานี้
เมื่อพิจารณาถึงภาพรวมของราคาขายคอนโด มีแนวโน้มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากต้นทุนในการพัฒนาของผู้ประกอบการเริ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดินรวมถึงราคาวัสดุก่อสร้าง อาจจะเริ่มเห็นหลายโครงการเปิดขายโครงการในราคาต่อราคาเมตรที่สูงขึ้นในปีนี้ และหากโครงการอยู่ในทำเลที่ดี โอกาสในการต่อราคาของผู้ซื้อจะทำได้ยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้โครงการจะมีราคาขายที่สูงขึ้น แต่หากการพัฒนารูปแบบโครงการ และอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ก็จะเป็นตัวกำหนดให้ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อได้เช่นกัน โดยแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปี 2565 คาดว่าจะมีการออกแบบเพื่อรองรับความเป็นส่วนตัวและให้ความสำคัญในด้านสุขภาพ รวมถึงการมีเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกต่อการดำเนินชีวิตให้ง่ายขึ้น
คอนโดระดับราคาตั้งแต่ 0.9 – 3 ล้านบาท เป็นราคาที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มเรียลดีมานด์ซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักในช่วงเวลานี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการที่จะเร่งระบายสต็อกออกไป โดยการทำโปรโมชั่นราคาเพื่อให้สอดรับกับมาตราการลดค่าโอน-จำนองของรัฐบาล เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อกลุ่มนี้ ทั้งเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ระดับราคาคอนโดที่กลุ่มเรียลดีมานด์ให้ความสนใจ อยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการที่จะทำโปรโมชั่นราคา เพื่อให้สอดรับกับมาตราการลดค่าโอน-จำนองของรัฐบาล และเป็นการระบายสต็อกที่ยังคงเหลืออยู่ออกไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง