พราว เรียลเอสเตท
พราว เรียลเอสเตท ลดความเสี่ยงธุรกิจ ขยายตลาดแนวราบ-โลว์ไรส์ ปักหมุดทำเลย่านธุรกิจกรุงเทพฯ ประเดิม 2 โปรเจ็กต์ จับตลาดเรียลดีมานด์กลุ่มลักชัวรี่ รวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้าน หวังสร้างโรดแมปรายได้ 5 ปี 15,000 ล้าน
ใครที่ชื่นชอบโครงการ ของ พราว เรียลเอสเตท ซึ่งพัฒนาขึ้นที่เมืองหัวหิน หรือเป็นลูกค้า อย่างโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน แล้วตั้งตารอว่าเมื่อไร จะขยายการพัฒนาโครงการในรูปแบบดังกล่าว ในกรุงเทพฯ บ้าง เพราะชื่นชอบในรูปแบบ สไตล์ แนวคิดของการพัฒนา ตรงกับความชอบและไลฟ์สไตล์ของตัวเอง
ลูกค้าหรือผู้สนใจ ปีนี้เตรียมตัว เตรียมเงิน ไปจับจองกับโครงการใหม่ของพราว เรียลเอสเตท ได้เลย เพราะกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ 2 โครงการใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งยังคงจับตลาดลักชัวรี่เหมือนเคย และครั้งนี้จะปักหมุดปั้นโครงการบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียไฮไรส์ ในย่านทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ด้วย
นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้พัฒนา 2 โครงการในเมืองหัวหิน ได้แก่ โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน แบรนด์เด็ดเรสซิเดนซ์เซส โครงการแรกและแห่งเดียวที่ติดชายหาด ใจกลางหัวหิน และโครงการเวหา (VEHHA) คอนโดมิเนียมไฮไรส์ ติดสวนน้ำวานา นาวา หัวหิน ซึ่งทุกโครงการของบริษัทจะพัฒนาภายใต้แนวคิด “More Than Just Living” เพื่อสร้างประสบการณ์และความแตกต่างให้ลูกค้า และสังคม
ในปีนี้บริษัทวางแผนการพัฒนาโครงการต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่า 4,407 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ ประกอบด้วย โครงการแรก คือ โครงการวี อารีย์ (VI ARI) บ้านเดี่ยวใจกลางอารีย์ อยู่ในซอย 3 มูลค่ารวม 507 ล้านบาท ราคาขายต่อหลังประมาณ 70 ล้านบาท คาดจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2565 ส่วนโครงการที่ 2 เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ย่านคอนแวนต์ มูลค่ารวม 3,900 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตั้งชื่อและวางแผนพัฒนา คาดว่ามีจำนวนห้องไม่เกิน 200 ยูนิต และเป็นห้องขนาดใหญ่ มีไซส์เริ่มต้นมากกว่า 30 ตารางเมตร
สำหรับเหตุผลที่ พราว เรียลเอสเตท เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น มาจาก 2 เหตุผลสำคัญ คือ
จาก 2 โครงการแรกที่พราว เรียลเอสเตท พัฒนาและเปิดขายอยู่ในปัจจุบัน จะเป็นโครงการคอนโดไฮไลท์ และอยู่ในพื้นที่ของเมืองหัวหินเป็นหลัก ทำให้บริษัทต้องมองมีการบริหารพอร์ตสินค้า เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการับรู้รายได้โครงการไฮไลท์เพียงอย่างเดียว เพราะการขยายสินค้ามาสู่โครงการบ้านเดี่ยว และคอนโดโลวไรส์จะช่วยทำให้สามารถรับรู้รายได้ได้เร็วขึ้น มีกระแสเงินสดคืนกลับมาเร็ว
ต้องยอมรับว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑล คือ ตลาดหลักของสินค้าประเภทที่อยู่อาศัย ที่มีการพัฒนาโครงการจำนวนมาก เพื่อรองรับกับความต้องการของคนที่เข้ามาอยู่อาศัย และทำงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงทำให้เป็นพื้นที่ที่มีความต้องการสูงกว่าหัวเมืองท่องเที่ยว ซึ่งในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ตลาดยังเปิดกว้างในการเข้ามาพัฒนาโครงการ แม้ว่าการแข่งขันจะมีสูง แต่หากพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ และจับกลุ่มลูกค้าได้ถูกต้อง พื้นที่กรุงเทพฯ ก็ยังมีโอกาสทางการตลาด
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร มองว่า การมุ่งเน้นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ บนทำเลที่มีศักยภาพ ด้วยจำนวนการเปิดโครงการไม่มาก แต่เน้นการออกแบบและบริการที่ดีที่สุด มีมูลค่าเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงที่เป็นเรียลดีมานด์ เพื่อการอยู่อาศัยจริงและเพื่อการลงทุน จะสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่มากกว่า และเป็นจุดแข่งขันที่บริษัทนำมาใช้ จึงน่าจะเป็นโอกาสทางการตลาดที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้
การเข้ามาพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ เป็นการเข้าหาโอกาส และเรียลดีมานด์ ซึ่งจะใช้จุดแข็งในการทำธุรกิจมาแข่งขัน อย่างในช่วงที่เปิดโครงการที่หัวหิน เป็นช่วงเกิดโควิด-19 แต่ก็มียอดขายเยอะมาก แสดงให้เห็นว่าโครงการที่พัฒนามีเรียลดีมานด์รองรับ โดยโจทย์ต่อไป คือ จะทำอย่างไรให้สินค้าสอดคล้องกับเรียลดีมานด์ ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ คิดมานาน เมื่อมีโอกาสและศักยภาพในการทำธุรกิจ จึงเข้ามาเปิดโครงการ
พราว เรียลเอสเตท ถือว่าเป็นดีเวลลอปเปอร์รายเล็ก โครงสร้างของบริษัททั้งหมดมีพนักงานแค่ 48 คนเท่านั้น และพัฒนาโครงการค่อนข้างน้อยปีละ 1-2 โครงการ ซึ่งหากย้อนดูพอร์ตการพัฒนาที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ มีเพียง 4 โครงการรวมมูลค่า 10,515 ล้านบาทเท่านั้น และจะทยอยสร้างการรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ ไปจนถึงปี 2569
โดยมีไทม์ไลน์แผนสร้าง การรับรู้รายได้ ดังนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายการรับรู้รายได้ในระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2569 จะมีรายได้รวมอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดรายรอรับรู้รายได้แล้ว 3,400 ล้านบาท ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวจะมาจากโครงการที่พัฒนาอยู่ในปัจจุบัน และโครงการที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นการเติบโตของรายได้อย่างเด่นชัด โดยจะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในช่วงไตรมาส 3/2565 ซึ่งในปีนี้บริษัทเป้าหมายรับรู้รายได้ 3,400 ล้านบาท จากโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน ที่ปัจจุบันมียอดขายกว่า 3,500 ล้านาท และจะสามารถล้างการขาดทุนสะสมที่อยู่ให้หมดลง พร้อมกับเริ่มจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในช่วงต้นปีหน้าด้วย
เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้บริษัทยังวางงบลงทุน 5,000 ล้านบาท สำหรับการหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในปี 2566-2567 ส่วนในปีนี้ใช้งบลงทุนซื้อที่ดินแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
–พราว เรียลเอสเตท ปั้นโปรเจ็กต์ “เวหา” 2,290 ล้าน ชู 6 ไฮไลท์คอนโดลักชัวรี่สูงสุดในหัวหิน
–2 เดือนอินเตอร์คอนติเนนตัลฯ หัวหินขาย 2,000 ล้าน เศรษฐีไทย หนี้ซื้อบ้านหลังที่ 2