Ptf Realty

“พีทีเอฟ เรียลตี้” ทุนไต้หวัน ยังมั่นใจอสังหาฯ ไทย เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง

เปิดแผนกลุ่มทุนไต้หวัน ลุยตลาดอสังหาฯ เมืองไทย มั่นใจยังเติบโตและมีดีมานด์ พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง และเตรียมปรับพอร์ตธุรกิจจากคอนโดฯ สู่แนวราบ หนี้การแข่งขันและยอดขายคอนโดฯ ชะลอตัว

 

นายถงหยุ่ย โทนี่ ยิ่ง กรรมการผู้บริหาร บริษัท พีทีเอฟ เรียลตี้ (2018) จํากัด ในเครือ พีทีเอฟ เรียลตี้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย  ยังมีศักยภาพการเติบโต จากภาวะเศรษฐกิจของไทย ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากภาคการท่องเที่ยว และการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนต่างชาติ รวมถึงยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยของคนไทย ซึ่งตลาดอสังหาฯ ของไทยดีกว่าหลายประเทศในเซาท์อีสเอเชีย  แม้ว่าในปีนี้ตลาดอสังหาฯ จะอยู่ในภาวะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังเชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในอีก 1-2 ปี ข้างหน้า

 

“ตลาดผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และประเทศไทยมีแนวโน้มการลงทุนที่ดี เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน”

สำหรับแผนลงทุนของบริษัทยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่อง  โดยมุ่งพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม  ในทำเลเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งจะพัฒนาครั้งละ 1 โครงการ หากโครงการที่พัฒนาอยู่ มีอัตราการขาย 60-70% บริษัทจะหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่  เนื่องจากต้องการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง  ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้พัฒนาโครงการคอนโดฯ มาแล้ว 4 โครงการรวมมูลค่ากว่า 5,400 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโด เดอะ ราชดำริ, โครงการเมแฟร์ เพลส สุขุมวิท 64 ,โครงการเมแฟร์ เพลส สุขุมวิท 50

โดยทั้ง 3 โครงการดังกล่าวปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงการที่ 4 คือโครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 ปัจจุบันมียอดขายกว่า 60% จากมูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เริ่มก่อสร้าง ปี 2562 คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2563 ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ  MAYFAIR PLACE VICTORY MONUMENT (เมย์แฟร์ เพลส วิคทอรี่ โมนูเมนต์) มูลค่าโครงการรวม 1,200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการยื่นขอ EIA คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในกลางปี 2563 การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565

Mayfari Place 1

สำหรับโครงการเมย์แฟร์ เพลส วิคทอรี่ โมนูเมนต์ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายซื้อเพื่ออยู่อาศัย  และซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าระยะยาว ซึ่งบริษัทการันตีผลตอบแทนในอัตรา 5% นาน 2 ปี  โดยจากประสบการณ์บริหารและนำห้องของลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว  มาปล่อยเช่ารวมทุกโครงการกว่า 250 ห้องชุด โดยผลตอบแทนที่ลูกค้ากลุ่มนักลงทุนได้รับ อยู่ในอัตราประมาณ 4-5% ต่อปี  โดยทุกโครงการที่เปิดขายมีสัดส่วนการซื้อ
เพื่อลงทุนอยู่ที่ประมาณ 30 %

 

นายถงหยุ่ย กล่าวอีกว่า นอกจากแผนพัฒนาโครงการคอนโดฯ แล้ว บริษัทยังวางแผนพัฒนาโครงการแนวราบ ประเภทบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมในอนาคต ซึ่งมองทำเลลาดพร้าวและสุขุมวิท เนื่องจากปัจจุบันตลาดคอนโดฯ มีการแข่งขันสูง อัตราการขายได้ช้าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่โครงการแนวราบยังมีความต้องการ และระดับราคาใกล้เคียงกับห้องชุดคอนโดฯ  แต่ได้พื้นที่มากกว่า ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าเริ่มมองหาซื้อโครงการแนวราบมากขึ้น

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด