ตลาดอสังหาฯ คาดซึมยาว 2-3 ปี หลังโดนผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ธุรกิจโรงแรมโดนหนักสุด เหตุนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ คาดทั้งปีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 8-10 ล้านคน ขณะที่ศูนย์การค้าโดนกระทบไม่ต่างกัน ส่วนออฟฟิศให้เช่าปรับตัวได้ดี แนวโน้มราคาลดลงเล็กน้อย ด้านตลาดคอนโดดีเวลลอปเปอร์หั่นราคา พร้อมอัดโปรอยู่ฟรี กระตุ้นยอดขาย
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งธุรกิจสำคัญที่มีส่วนผลักดัน ให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจอื่น ๆ และยังมีธุรกิจต่อเนื่องอีกมากมาย ซึ่งธุรกิจอสังหาฯ ไม่ได้มีเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจโรงแรม ศูนย์การค้า และสำนักงานให้เช่า ซึ่งล้วนแต่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่แทบทั้งสิ้น
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันธุรกิจอสังหาฯ หลายประเภทยังไม่กลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ แม้ว่าระบบสาธารณสุขไทยจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ตาม เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ยังไม่ได้กลับมาเป็นปกติ เหมือนก่อนเกิดการแพร่ระบาด
นางสุพินท์ มีชูชีพ ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงแรมถือว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เพราะที่ผ่านมามีมาตรการล็อกดาวน์ ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงส่งผลให้ตลาดโรงแรมได้รับผลกระทบตั้งแต่ไตรมาสแรก แต่ในช่วงไตรมาส 2 มีผลกระทบรุนแรงมากที่สุดเพราะมีอัตราการเข้าพักต่ำแม้ว่าภาครัฐจะไม่ได้สั่งปิดโรงแรม ทำให้การเปิดบริการไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายในการบริหาร จึงไม่สามารถเปิดให้บริการได้ปกติ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมระดับ 5-6 ดาว ที่มีต้นทุนการเปิดดำเนินการค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อตลาดโรงแรมยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศได้ แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะควบคุมได้ดี และมีความผ่อนคลายมากขึ้นขึ้น แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องการจัดประชุม สัมมนาขนาดใหญ่ได้
โดยในปีนี้ คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประมาณ 8-10 ล้านคน จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 40 ล้านคน จำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าว ประกอบกับอัตราการเข้าพักที่อยู่ระดับ 10% จึงทำให้ตลาดโรงแรมยังได้รับผลกระทบ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตั้งเป้าหมายว่าอัตราเข้าพักในโรงแรมต่างๆ ของปีนี้จะมีอัตราเฉลี่ย 75-80% และในช่วงไฮซีซั่นคาดว่าจะมีอัตราเข้าพัก 80-90%
สำหรับตลาดศูนย์การค้า เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ เพราะถูกสั่งให้ปิดบริการ จึงได้รับผลกระทบจากการที่ลูกค้าไม่สามารถเดินทางมาซื้อสินค้าได้ รวมถึงศูนย์การค้าที่จับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยว ยังได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปด้วย ซึ่งหลังจากนี้ยังเชื่อว่าธุรกิจศูนย์การค้า จะยังไม่กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว เพราะยังมีผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง และธุรกิจอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ธุรกิจศูนย์การค้ายังต้องเผชิญความท้าทายในช่วงเวลาที่เหลือ
ส่วนตลาดสำนักงานให้เช่า สามารถรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ได้ดี แม้ว่าจะมีการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) หรือผู้เช่าจะขอเว้นระยะการจ่ายค่าเช่าจากผู้ให้บริการพื้นที่บ้างก็ตาม แต่ตลาดสำนักงานให้เช่า ถือว่าได้รับผลกระทบน้อยสุด โดยแนวโน้มการใช้พื้นที่สำนักงานให้เช่า คาดว่าจะมีความต้องการลดลงเล็กน้อยประมาณ 10-15% แต่ทั้งนี้ คงต้องพิจารณาสถานการณ์และผลกระทบของเศรษฐกิจ จะได้รับผลกระทบแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งความต้องการตลาดสำนักงานให้เช่ามีแนวโน้มลดลงแน่นอน
ตลาดออฟฟิศไทยยังมีปริมาณจำกัด จึงน่าจะรองรับความต้องการได้ และราคาไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้น หรืออาจะจะลดลงเล็กน้อยภายในระยะ 6-12 เดือน จากเดิมที่คาดว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียม ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 น้อย โดยเฉพาะกลุ่มตลาดลักชัวรี่ ในพื้นที่ย่านใจกลางเมือง ทำเลสุขุมวิท สีลม เพลินจิต เป็นต้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีซัพพลายน้อย เมื่อเทียบกับภาพรวมของตลาด ส่งผลให้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่จากความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ดีเวลลอปเปอร์มีแพคเกจต่าง ๆ ออกมากระตุ้นการตัดสินใจซื้อ รวมถึงการลดราคาคอนโดลง แต่สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ เชื่อว่าจะยังมีน้อยหรืออาจจะไม่มีการเปิดตัวภายในระยะ 2 ปีข้างหน้า และหากมีการเปิดตัวโครงการใหม่ เชื่อว่าราคาจะไม่ต่ำกว่าในช่วงที่ผ่านมาแน่นอน
วัคซีนป้องกันโควิดไม่รู้จะมาเมื่อไร ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ และความกังวลต่อโควิดยังมีอยู่ และนักลงทุนยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศได้ ส่งผลกระทบต่อการลงทุนขนาดใหญ่ เพราะเข้ามาดูสินค้าไม่ได้ ทำให้การตัดสินใจล่าช้าออกไป
นางสุพินท์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตหลายครั้ง นับตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง ประท้วงทางการเมือง วิกฤตแฮมเบอเกอร์ แต่ตลาดอสังหาฯ ไทยมีแรงต้านทานวิกฤตมาก แม้จะต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวสู้กับวิกฤตก็ตาม ซึ่งในภาวะวิกฤตโควิดครั้งนี้ คาดว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี เพื่อให้ตลาดกลับมาฟื้นตัว ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีข้อดี ที่สามารถควบคุมโควิดได้ดีในอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาในประเทศ
ตลาดท่องเที่ยวหากยังไม่ฟื้นตัวเหมือนเดิม จะทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตัวตาม เพราะธุรกิจการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 15-20% ของจีดีพีไทย
ด้านนางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ราคาอสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 2 ปรับลดลง 4% จากไตรมาสแรกของปี ซึ่งถือว่าเป็นผลดีที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ได้ง่ายขึ้น โดยราคาคอนโดลดลง 9% ส่วนบ้านเดี่ยวราคาปรับเพิ่มขึ้น 3% ทาวน์โฮมปรับเพิ่มขึ้น 2% เนื่องจากความต้องการโครงการแนวราบมีเพิ่มมากขึ้น
นอกจากการปรับตัวเรื่องราคาอสังหาฯ แล้ว ยังพบว่าลูกค้ามีวิธีการเลือกซื้ออสังหาฯ เปลี่ยนไป เช่น ต้องการห้องลิฟวิ่งรูมขนาดใหญ่ และอินเตอร์เน็ต มาพร้อมกับบ้าน ต้องการใช้พื้นที่ส่วนกลาง แต่ต้องมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำเลที่ตั้งยังคงมีความสำคัญ ซึ่งอดีตคนอยากอยู่ในเมือง ซึ่งส่งผลให้ราคาคอนโดแพงขึ้น แต่ปัจจุบันสามารถทำงานจากที่บ้านได้ ทำให้คนส่วนใหญ๋ไม่จำเป็นต้องการซื้อทั้อยู่ในเมือง สามารถซื้อที่อยู่ไกลออกไปได้ แต่ยังต้องเดินทางสะดวก จึงเลือกที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า แม้สถานีไกลออกไป และเลือกบ้านแนวราบมากขึ้น
ซัพพลายที่อยู่อาศัยลดลง 15% จากการปรับราคาลดลง ของดีเวลลอปเปอร์ รวมถึงการออกโปรโมชั่นอยู่ฟรี 2-5 ปี ซึ่งนักลงทุนประมาณ 15% ยังซื้อคอนโด เพราะเห็นว่าราคาน่าซื้อ แต่รูปแบบการซื้อและโลเคชั่นแตกต่างกันไปแต่ลูกค้าในภาพรวมยังพิจารณามากขึ้น ดูความสามารถในการผ่อนในอนาคต