ทำเลโครงการใหม่
เปิดทำเลโครงการใหม่ แสนสิริ ปี 66 กับแผนธุรกิจที่จะสร้างทุกสถิติ All-Time High กว่า 30 ปีตั้งแต่ตั้งบริษัท มั่นใจ 3 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ ทั้งเปิด 9 แบรนด์ใหม่ ขยายตลาดทั่วประเทศ พร้อมบุกต่างประเทศรับสัญญาณการฟื้นตัวของต่างชาติ
แสนสิริ ประกาศแผนธุรกิจปี 2566 เตรียมเปิดโครงการมากที่สุด นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมากว่า 30 ปี โดยเตรียมเปิด 52 โครงการรวมมูลค่ากว่า 75,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังวางเป้าหมายว่าจะทุบสถิติ ด้านผลประกอบการต่าง ๆ ที่เป็น All-Time High ทั้งรายได้ กับเป้าหมาย 40,000 ล้านบาท ยอดขาย 55,000 ล้านบาท และกำไรที่จะมากกว่าปี 2565 ที่ก็เชื่อว่ากำไรปีที่ผ่านมา จะสูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังจากปี 2565 เป็นปีแรกที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจัยสำคัญมาจากการได้รับวัคซีน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวกลับมายังคงไม่เต็มที่ ทำให้มีทั้งโอกาสทางธุรกิจและปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าติดตามและเตรียมรับมือในอีกหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย แนวโน้มราคาพลังงานและราคาโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นกดดันให้ต้นทุนและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
แม้ปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่มีความท้าทาย ของการดำเนินธุรกิจภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน แต่แสนสิริสามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีก่อนหน้า และยอดโอน 36,800 ล้านบาท
สำหรับแผนการเปิดตัวของแสนสิริในปี 2566 ยังคงมีโลเกชั่นหลักอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นหลัก แต่ขณะเดียวกันก็มีแผนขยายไปในตลาดต่างจังหวัดด้วยเช่นกัน โดยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ ที่ประกาศออกมาแล้ว มีทำเลโครงการใหม่ ดังนี้
-โครงการอณาสิริ มิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมในโครงการเดียว มี 9 ทำเล ได้แก่
-โครงการในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ ที่มีหลายโครงการรวมอยู่ในพื้นที่ขนาด 500-600 ไร่ มี 8 ทำเลสำคัญ ได้แก่
ส่วนทำเลในต่างจังหวัด เปิดตัวในปีนี้ มี 6 จังหวัด ได้แก่
โครงการไฮไลท์ที่น่าสนใจ
-แบรนด์สราญสิริ เปิด 4 โครงการ 9,900 ล้านบาท มีทำเลที่จะเปิดตัว ดังนี้
-แบรนด์บูก้าน เปิด 3 โครงการ รวมมูลค่า 3,600 ล้านบาท มี 3 ทำเล ดังนี้
-ดีคอนโด ในปีนี้มีแผนรีเฟรชแบรนด์ และเปิด 5 โครงการ ใน 5 ทำเลสำคัญ ได้แก่
-New Luxury Condominium 2 โครงการ
-เศรษฐสิริ 10 โครงการ รวมมูลค่า 21,900 ล้านบาท
บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี ระดับราคา 12 – 25 ล้านบาท ที่เจาะกลุ่ม Target อายุน้อยลง ประสบความสำเร็จเร็ว เปิดตัวด้วยโครงการแรก “เศรษฐสิริ ดอนเมือง” ในโฉมใหม่ ดีไซน์ใหม่ล่าสุดของแบรนด์เศรษฐสิริ สไตล์ “Georgian” จอร์เจียน
-โครงการนาราสิริ พหล – วัชรพล มูลค่าโครงการ 5,300 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ เปิดเผยว่า ในปีนี้ แสนสิริจะก้าวแกร่งเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 3 กลยุทธ์ สำคัญ ได้แก่ การสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การบุกตลาดต่างประเทศ และการก้าวสู่ Net-Zero
3 กลยุทธ์แสนสิริ สร้าง All-Time High
-ทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่
ตามแผนในปีนี้แสนสิริวางงบประมาณซื้อที่ดินไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท พร้อมกับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 52 โครงการ รวมมูลค่า 75,000 ล้านบาท เติบโต 74% และโตขึ้นจากช่วงเกิดโควิดถึง 1,000% หรือ 10 เท่าตัว ครอบคลุมทุกโปรดักส์ ทั้งคอนโดมิเนียม – บ้านเดี่ยว – บ้านแฝด – ทาวน์โฮม ทุกเซกเมนต์ระดับราคารองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์
-เปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่
จากแสนสิริ ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อขยายในแต่ละ Portfolio ให้แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกความต้องการและระดับราคามากยิ่งขึ้น ตั้งแต่แบรนด์ที่อยู่ใน Sansiri Luxury Collection ที่จะขยายพอร์ตลักซ์ชัวรี เซกเมนต์ของแสนสิริให้โตขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่ No.19 (นัมเบอร์ นายทีน) และ Sirinsiri (สิริณสิริ) แบรนด์ใหม่ในระดับพรีเมียม เซกเมนต์ ได้แก่ Narinsiri (ณริณสิริ) และ Ombré (ออมเบร) รวมทั้งแบรนด์คอนโดใหม่ ได้แก่ HUB (ฮับ) และ Cabanas (กาบานาส) ทำเลหัวหิน ส่วนแบรนด์ใหม่ที่เหลือจะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง
-การรุกตลาดต่างจังหวัด
แผนการขยายตลาดต่างจังหวัด ในปีนี้วางแผนเข้าไปพัฒนาโครงการใน 6 จังหวัด ในทำเลโครงการใหม่ ได้แก่ หัวหิน, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่, ขอนแก่น และชลบุรี ที่จะเปิดตัวทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท
แสนสิริ มองว่าในปีนี้ตลาดต่างชาติกำลังกลับมา จึงวางเป้าหมายยอดขายและยอดโอนตลาดต่างชาติ ในปีนี้ไว้กว่า 12,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 54% จากปีก่อน ที่มียอดขายจากตลาดต่างชาติ 7,800 ล้านบาท โดยกลยุทธ์การรุกตลาดต่างชาติในปีนี้ แสนสิริจะรุกตลาดในกลุ่ม CLMV (Cambodia, Laos, Myanmar, Vietnam) เพื่อขยายตลาดต่างชาติให้กว้างขึ้น และยังคงบุกตลาดในประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และรัสเซีย ซึ่งบริษัทมีฐานลูกค้าต่างชาติในกลุ่มนี้อยู่แล้ว
แสนสิริยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียว โดยวางเป้าหมายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่เป็น Net-Zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยพันธกิจในปี 2566 บริษัทกำลังเดินหน้าพัฒนา “Low Energy Community Model” โดยยกโครงการ “บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา” เป็นโครงการต้นแบบ ที่เริ่มพัฒนาบ้านด้วย Green Materials รวมทั้งติดตั้ง Solar Panel ในบ้านทุกหลัง, ติดตั้ง Solar Light บริเวณส่วนกลาง ติดตั้ง EV Charger ส่วนกลางและที่บ้าน ทดลองปลูกต้นไม้ยืนต้นและไม้พุ่มในสวนส่วนกลาง พัฒนาโดยทีมเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ หรือ “Dedicated team for Net Zero Home”
นอกจากนี้ ทุกโครงการของแสนสิริต้องใช้พลังงานสะอาด ด้วยแผนติดตั้ง Solar Panel ในส่วนกลางของโครงการใหม่ 100% รวมทั้ง ติดตั้ง Solar Panel ในบ้านทุกหลังของโครงการใหม่ ไฟในสวนต้องเป็นไฟพลังงานแสงอาทิตย์ 100% ทุกโครงการในปีนี้ โดยวางเป้าหมายติดตั้ง 1,100 หลังในปีนี้ และอีก 1,500 หลังในปีต่อไป รวมถึงส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายติดตั้ง EV Charger ในทุกโครงการใหม่ของบริษัทในทุกเซ็กเมนท์ โดยวางเป้าหมายติดตั้ง EV Charger 650 หลังในปีนี้ และอีก 750 หลังในปีต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
–แสนสิริ เดินหน้าโปรเจ็กต์ “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้” เปิดอีก 3 โครงการ 9,300 ล้าน
–แสนสิริ 5 เดือนแรกกวาดยอดแนวราบหมื่นล้าน พร้อมเปิด 6 โครงการใหม่ดันเป้า 24,000 ล้าน