Siri Business Plan 2020 1

แสนสิริ เปิดโปรเจ็กต์ใหม่ ปั้นยอดขายโต 40%

แสนสิริ เปิดโปรเจ็กต์ใหม่ 24,000 ล้าน หวังสร้างยอดขายโต 40% มุ่งจับตลาดกำลังซื้อระดับกลางลงล่าง กลุ่มราคา 1.5-5 ล้าน ปั้นรายได้ 24,000 ล้าน ไม่หวั่นลูกค้าจีน 2,000 ล้าน ยกเลิกซื้อคอนโดฯ เหตุได้เงินดาวน์ตุนไว้แล้ว 30% พร้อมนำกลับมาขายใหม่ทำกำไร

 

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ว่า แสนสิริวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 18 โครงการ รวมมูลค่า 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท และทาวน์โฮม และมิกซ์ โปรเจกต์ 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable เป็นหลัก หรือระดับราคา 1.5-5 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายในกลยุทธ์ด้านการวางราคาขาย

Siri Cfo

ขณะเดียวก็ยังคงขยายฐานลูกค้าในเซกเมนต์ Luxury และ Super Luxury  ด้วยคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้ Sansiri Luxury Collection อาทิ 98 ไวร์เลส, เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คุณ บาย ยู และบ้านแสนสิริ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขาย 29,000 ล้านบาทในปี 2563 เติบโตขึ้น 40% จากปีก่อนที่มียอดขาย 21,000 ล้านบาท รวมทั้งวางเป้าหมายการโอนไว้ 33,000 ล้านบาท นอกจากนี้ แสนสิริยังมียอดขายรอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 4 ปี อีกถึง 47,500 ล้านบาท ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริได้เป็นอย่างดี และเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ

ตั้งเป้ายอดขาย 63 โต 40%

Siri Business Plan 2020 3

โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้มูลค่า 29,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อนที่มียอดขาย 21,000 ล้านบาท วางเป้าหมายการโอน 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามียอดโอน 31,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมียอดขายรอโอน 47,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนไปอีก 4 ปีข้างหน้า แบ่งรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 24,000 ล้านบาทในจำนวนนี้เป็นของบริษัทร่วมทุน 14,000 ล้านบาท เป็นของแสนสิริ 10,000 ล้านบาท

 

ยอดขายกว่า 62% ของปี 2562 มาจากความสำเร็จของยอดขายแนวราบในปีที่ผ่านมา อาทิ แบรนด์ทาวน์โฮม ‘สิริ เพลส’, แบรนด์บ้านเดี่ยว ‘บุราสิริ’, ‘คณาสิริ’ ราชพฤกษ์-346 และ ‘เศรษฐสิริ’ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า 2
ขณะที่กลุ่มคอนโดมิเนียม ได้รับการตอบรับที่ดีจากการโอนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมโอน
อาทิ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101,  เดอะ ไลน์ พหล-ประดิพัทธ์, เดอะ เบส สุขุมวิท 50, เดอะ เบส เพชรเกษม, ทากะ เฮาส์, ดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต และดีคอนโด หาดใหญ่

วางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone”

ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทได้วางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างภาพแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น และเป็น “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” โดยได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ได้แก่ การเดินหน้ามุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย โฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานด์  ด้วยการพัฒนาโครงการ ภายใต้แบรนด์ดีคอนโด, เดอะเบส, สิริ เพลส, อณาสิริและสราญสิริ รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการไปในย่าน Community ใกล้เมืองในราคาเข้าถึงง่าย  ตลอดจนพัฒนาโครงการไปในทำเลใหม่ๆ อาทิ ทำเลย่านสุวรรณภูมิด้วย สราญสิริ ศรีวารี และการเข้าไปยังทำเลป่าคลอก ภูเก็ต ของแบรนด์อณาสิริ

Siri Cmo

ส่วนคอนโดมิเนียม แสนสิริมีการเตรียมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ 8 โครงการ ในปีนี้ ได้แก่ ดีคอนโด ริน เชียงใหม่, ดีคอนโด บลิซ ศรีราชา, เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่,เอ็กซ์ที เอกมัย, เอ็กซ์ที  ห้วยขวาง, คาวะ เฮาส์ และลา ฮาบาน่า หัวหิน” โดยมียอดขายแล้ว 60% จากมูลค่าโครงการรวม 24,000 ล้านบาท  ในปีนี้แสนสิริยังมีการขยายารลงทุน ในโรงงานพรีคาสต์ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดตัวโรงงานพรีคาสต์แห่งที่ 3 และ 4  ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจาก 700,000 ตารางเมตรต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1,200,000 ตารางเมตร  รองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยจาก 2,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ยูนิต

ไม่ห่วงชาวจีนยกเลิก ตุนเงินดาวน์แล้ว 30%

สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน บริษัทได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ เกิดเหตุการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งทำให้ยอดขายของกลุ่มลูกค้าต่างชาติลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายที่เคยทำได้กว่า 10,000 ล้านบาท ในปี 2561 ลดลงเหลือประมาณ 3,000 ล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าชาวจีนประมาณ 50%

 

ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าชาวจีนประมาณ 500 ราย ซื้อคอนโดฯ คิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท ใน 8 โครงการ ที่จะเริ่มก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนในปีนี้ โดยโครงการแรกจะเริ่มโอนในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งหากปัญหาไวรัสโควิค-19 ไม่ยุติ หรือยังมีผลกระทบต่อเนื่อง บริษัทมีแนวทางในการผ่อนปรนการโอน อาจจะเป็นการยืดระยะเวลาออกไป แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าชาวจีนไม่น่าจะเป็นปัญหา หากทำการยกเลิกเนื่องจากมีการวางเงินดาวน์สูงในอัตรา 30% หากลูกค้ายกเลิก บริษัทยังมีรายได้และสามารถนำกลับมาขายใหม่ได้

Siri Business Plan 2020 2

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด