Tag : condo

1512 ผลลัพธ์
Modiz Sukhumvit 50-โมดิซ สุขุมวิท 50 : รีวิวคอนโด

Modiz Sukhumvit 50-โมดิซ สุขุมวิท 50 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ   ชื่อโครงการ : Modiz Sukhumvit 50 (โมดิซ สุขุมวิท 50) เจ้าของโครงการ :  บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด ที่ตั้งโครงการ : ซอยสุขุมวิท 50 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร พื้นที่โครงการ : 3-3-11.6 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนชั้น : 25 ชั้น จำนวนอาคาร : 3 อาคาร จำนวนยูนิต :   646 ยูนิต ที่จอดรถ : ที่จอดรถจำนวน 51% รวมทั้งโครงการ   ขนาดห้อง : - 1 Bedroom ขนาด 23.08-23.34 ตร.ม. - 1 Bedroom Exclusive ขนาด 26.35-30.58 ตร.ม. - 1 Bedroom Plus ขนาด 35.10-35.88 ตร.ม. - 1 Bedroom Exclusive Vertical Suite ขนาด 27.63-28.13 ตร.ม. - 1 Bedroom Plus Vertical Suite ขนาด 29.89 -30.82 ตร.ม. - 2 Bedrooms Vertical Suite ขนาด 35.35 -36.30 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - Natural Retreat - Co-Working & Co-Living Lounge - Co-Dining & Sky Bar - Playroom - Theatre - Kids Room - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 1,990,000 บาท จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม แนวคิด “Living In The Clouds” ที่จะทำให้คุณมองเห็นวิว 2 โค้งน้ำเจ้าพระยาและบางกระเจ้า สวยและโดดเด่นที่สุดแห่งเดียวบนทำเลสุขุมวิท 50 สามารถชมทิวทัศน์และรับบรรยากาศการพักผ่อน ตอบรับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติกลางเมืองใหญ่ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS อ่อนนุช สถานที่ใกล้เคียง : Tesco Lotus อ่อนนุช, Beacon , Phyll , Century Movie Plaza 2 , Summer Hill  
The Politan Rive คอนโดหรูติดแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้รถไฟฟ้า ทำไมต้องจ่ายแพง? : รีวิวคอนโด

The Politan Rive คอนโดหรูติดแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้รถไฟฟ้า ทำไมต้องจ่ายแพง? : รีวิวคอนโด

  “ในงบเท่ากัน “บ้าน” กับ “คอนโด” จะเลือกอะไรดี?” คำถามโลกแตกที่ไม่มีคำตอบตายตัวว่าต้องเลือกอย่างไหนถึงจะดีที่สุด เพราะมันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและเหตุผลส่วนบุคคลหลายอย่างมาประกอบกัน   เราอยากให้ลองโยนล้านเหตุผลที่ต้องใช้เปรียบเทียบเอาไว้ก่อน ทำสมองให้โล่งๆ แล้วเปลี่ยนบรรยากาศไปชิวริมแม่น้ำเจ้าพระยากับเราที่ “The Politan Rive” คอนโดมิเนียมหรูบนทำเลที่เป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าและแม่น้ำเจ้าพระยา หนึ่งในคอนโดที่น่าจับจองในย่านนี้   ต้องบอกก่อนว่าทั้งหมดที่เราจะพาไปชมกันในครั้งนี้คือ “ของจริงในบรรยากาศจริงล้วนๆ” เพราะปัจจุบันโครงการ “The Politan Rive” สร้างเสร็จและเริ่มมีคนทยอยย้ายเข้าอยู่กันแล้ว ถ้ายังจำกันได้เราเคยรีวิวพูดถึงโครงการนี้กันมาแล้ว ตั้งแต่เริ่มเปิดขายและยังมีแค่ Sale Gallery ริมแม่น้ำเท่านั้น หลังจากติดตามข่าวกันมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ถึงเวลาได้ชมของจริงกันซักที     ขอพูดถึงเรื่องทำเลที่ตั้งสั้นๆ ซักหน่อยนะคะ เผื่อใครเพิ่งเข้ามาอ่านรีวิวของ “The Politan Rive” เป็นครั้งแรก โครงการนี้เป็นคอนโด High Rise สูง 56 ชั้น ริมถนนสนามบินน้ำในช่วงต้นๆ จากถนนรัตนาธิเบศร์ หรือที่สังเกตุง่ายๆ คือ ด้าน “สะพานพระนั่งเกล้า” ดังนั้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสะพานพระนั่งเกล้าจึงอยู่ไม่ไกลเลย ระยะเดินจากหน้าโครงการไม่เกิน 350 เมตรเท่านั้น การเดินทางจึงนับว่าสะดวกสบาย สามารถนั่งรถไฟฟ้าเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่ายๆ ค่ะ ในขณะที่การใช้รถส่วนตัว และรถสาธารณะอื่นๆ ก็ทำได้ง่ายไม่แพ้กัน   บรรยากาศในย่านนี้ต้องบอกว่า มีความเหมาะสมกับการอยู่อาศัยไม่น้อยเลยทีเดียว รอบโครงการบนถนนสนามบินน้ำเอง มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ก็อยู่ห่างออกไปเพียงสถานีเดียว นอกจากนี้ในรอบๆ รัศมี 5 กิโลเมตรจากบริเวณนี้ยังมีทั้งสถานที่ราชการ โรงพยาบาล สถาบันศึกษา ตลาดสด เรียกว่าครบถ้วนมากๆ ค่ะ       พื้นที่ส่วนกลางอลังการ ถ้าลองได้อยู่แล้วรับรองว่าจะไม่อยากออกไปไหน สำหรับ Facility ต่างๆ ทางโครงการจัดสรรไว้อย่างทั่วถึง เรียกว่ามีครบซะยิ่งกว่าครบ เริ่มต้นกันตั้งแต่บริเวณชั้นล่างของอาคาร แค่ Lobby, Mail Box และลิฟท์โดยสารมากถึง 10 ตัว ซึ่งเป็นลิฟต์แบบล็อคชั้นก็แบ่งไว้เป็น 2 โซนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน ห้องอยู่ทางปีกด้านไหนของอาคารก็เลือกใช้ลิฟท์ด้านที่ใกล้ได้เลย นอกจากนี้ยังมีลิฟต์ Service อีก 1 ตัว และลิฟต์ Sky Lounge อีก 1 ตัวที่ใช้โดยสารเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 56-57   สำหรับเรื่องพื้นที่จอดรถก็จัดสรรไว้ที่บริเวณชั้น 1-8 และมีจำนวนมากถึง 58% หรือประมาณ 1,364 คัน แถมยังมี EV Charger ไว้รองรับรถยนต์ระบบไฟฟ้าอีกด้วย ที่บริเวณชั้นล่างนั้นยังมีพื้นที่เช่าซึ่งส่วนของร้านค้า ที่ปัจจุบันมีร้านกาแฟมาเปิดแล้ว และกำลังจะมี 7-11 ตามมาในเร็วๆ นี้ จึงหมดหวงเรื่องอาหารการกินไปได้เลย ในขณะที่โซนใกล้ๆ กันตรงพื้นที่กลางแจ้ง ก็ตกแต่งเป็นสวนเล็กๆ ปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่นพร้อมด้วย Jogging Track สำหรับคนรักการออกกำลังกายด้วยการวิ่งค่ะ   สวนขนาดใหญ่บนพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 9 มีมุมนั่งเล่นให้ได้ชมวิวแม่น้ำได้ทั้งวัน Floor Plan บริเวณชั้น 9 ด้านทิศเหนือจะเป็น All Season Garden ส่วนทางทิศใต้จะเป็น Infinity Edge Pool     ในส่วนของที่พักอาศัยจะเริ่มกันที่ชั้น 9 รวมถึง Facility บนอาคารด้วยค่ะ ที่ชั้น 9 มีสวนขนาดใหญ่ “All Season Garden” พร้อมสนามเด็กเล่นอยู่ทางฝั่งทิศเหนือของอาคาร ซึ่งด้านนี้จะเป็นด้านที่เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ก็จะได้มุมนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจเพลินๆ พร้อมรับลมเย็นๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ในขณะที่ทางฝั่งทิศใต้จะเป็น Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำสำหรับเด็กค่ะ โดยแบ่งเป็นสระเด็กขนาด 9.5x8 เมตร ลึก 0.6 เมตร ในขณะที่สระใหญ่นั้นจะมีความยาวถึง 35x7 เมตร ลึก 1.4 เมตร เหมาะกับการว่ายน้ำออกกำลังกายกันได้ยาวๆ เลยทีเดียว     บริเวณทางเชื่อมตรงชั้น 9 นั้น จะมีบันไดเชื่อมขึ้นมาที่ Facility บริเวณชั้น 10 ค่ะ โดยที่ชั้น 10 นี้จะแบ่งเป็นห้องออกกำลังกายในร่มเอาใจคนรักกีฬาที่ต้องออกหมัดเตะต่อย ภายใน Boxing Room จะมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางโครงการเตรียมเอาไว้ให้ครบเลยนะคะ ทั้งกระสอบทราย และเวทีมวยจำลอง ในขณะที่ห้องใกล้ๆ กันจะเป็น Kids Room พื้นที่ที่เด็กๆ จะได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมและของเล่นต่างๆ มากมาย     ขยับขึ้นมาที่ Facility ในโซนสูงกันบ้างค่ะ ทางโครงการได้จัดพื้นที่ชั้น 56 และ 57 ไว้สำหรับอีกหลายกิจกรรมที่จะมาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้านได้อย่างครบถ้วน ซึ่ง Facility ในโซนนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง Highlight ก็ว่าได้ เพราะทุกส่วนเปิดรับวิว Skyline กว้างสุดลูกหูลูกตากันไปเลย ทั้ง Sky Garden, Sky Swimming Pool, Sky Fitness ที่ชั้น 56 และ Sky Lounge ที่ชั้น 57   วิวมุมสูงจากบนชั้น 57 เห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาสวยมากๆ      ถ้าใครเป็นคนไม่กลัวความสูง เชื่อว่าวิวยอดตึกแบบนี้คงถูกใจมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เปิดโล่งไม่มีอะไรมาบดบังสายตา ออกกำลังกายไปชมวิวไปด้วยเพลินดีนะคะ แล้วอุปกรณ์ในฟิตเนสเค้าก็จัดไว้ให้ครบครันไม่แพ้ฟิตเนสแบรนด์ดังๆ กลางเมืองเลยทีเดียว     ถ้าคิดว่า Facility ทั้งหมด 4 ชั้นบนอาคารพักอาศัยเรียกว่าเยอะแล้ว ขอบอกว่ายังมีอีกคร่าาาาา พื้นที่โซนริมแม่น้ำ นอกจากจะมีสวน Riverfront Garden, Politan Pond และสนามเด็กเล่นแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของ Clubhouse ขนาด 3 ชั้นอีกด้วยจ้า.... อะไรจะจัดเต็มขนาดนี้       ภายใน Clubhouse ประกอบไปด้วย Co-working Space, Meeting Room, Library & Multipurpose Room ที่อยู่ในชั้น 1 ในขณะที่บริเวณชั้น 2 จะเป็น Game Room, Sports Simulator Room และ Yoga Room ที่มีอุปกรณ์ Flying Yoga & Pilates เตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ ต้องบอกว่าตอบโจทย์เอาใจทุกเพศทุกวัยจริงๆ ถ้าอาศัยอยู่ที่นี่จะชวนเพื่อนมาตีกอล์ฟ, ขับรถแข่ง, เล่นเกมบอลหรือเล่นพูลก็น่าสนุกไปหมด ไม่แน่เพื่อนๆ อาจติดใจจนไม่ยอมกลับเลยก็ได้     ขึ้นมาที่ชั้น 3 ของ Clubhouse ค่ะ บริเวณนี้จะเป็นดาดฟ้าซึ่งจัดเป็น Pavilion ไว้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย และยังมี Riverview Swimming Pool เป็นสระว่ายน้ำแห่งที่ 3 ในโครงการนี้!!! สระนี้เป็นระบบน้ำเกลือขนาด 20x7 เมตร ลึก 1.2 เมตร ในขณะที่บริเวณน้ำตื่นก็วางเตียงผ้าใบให้นอนเล่นอาบแดดกันได้เลย   เอาจริงๆ นะ แค่เรานึกอยากจะลงว่ายน้ำก็เลือกไม่ถูกแล้วว่าจะไปว่ายที่สระไหนดี เพราะแต่ละที่ก็มีวิวมีความเก๋ไม่ซ้ำกันเลย จนแอบอิจฉาลูกบ้านโครงการนี้ขึ้นมาทันที       คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นได้มากกว่า Second Homeอย่างที่รู้กันดีว่า Highlight หลักของโครงการ “The Politan Rive” คือ ความเป็นคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างแท้จริง ในราคาที่ไม่แพงเกินเอื้อม และด้วยบรรยากาศริมแม่น้ำที่มีลมพัดเย็นสบายเกือบตลอดทั้งวัน บวกกับวิวสวยๆ ของโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา บางคนอาจจะลืมตัวคิดว่ากำลังพักผ่อนอยู่ในคอนโดตากอากาศก็ได้ ในขณะที่บางคนอาจจะเลือกซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่สอง เอาไว้หลีกหนีความวุ่นวายจากในเมือง แต่เราบอกเลยว่าที่ The Politan Rive เป็นได้มากกว่า....   The Politan Rive มีแบบห้องให้เลือกมากถึง 5 แบบด้วยกัน แบ่งเป็นหลักๆ คือ ห้อง 1 Bedroom กับ 2 Bedroom ซึ่งห้องแต่ละแบบก็จะต่างกันที่พื้นที่ใช้สอยค่ะ ครั้งนี้เราจะพาชมห้อง 3 แบบที่จะมาตอบโจทย์การอยู่อาศัยเอาใจคนโสด และคนมีคู่ มีครอบครัวกันค่ะ…จะได้วัดกันไปเลยว่าคอนโดที่นี่น่าอยู่กว่า “บ้าน” แค่ไหน???     ห้องชุดแรกเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีให้เลือกในขนาด 29 ตร.ม. และ 30.5 ตร.ม. ค่ะ เราว่า 2 ห้องนี้เป็นขนาดกำลังดีที่จะอยู่อาศัยจริงๆ สไตล์คนโสด เพราะห้องไม่เล็กจนรู้สึกอึดอัดเกินไป ถ้าจะมีเพื่อน มีแฟนมาเยี่ยมเป็นครั้งคราวก็อยู่กันสบายๆ พื้นที่ใช้สอยภายในห้องถูกจัดสรรไว้เป็นสัดส่วนลงตัวเลยทีเดียว Layout ของห้องจะเหมือนนะคะ ต่างกันนิดหน่อยตรงพื้นที่ระเบียงที่เพิ่มขึ้นมา ใครที่ชอบระเบียงกว้างหน่อย ห้องขนาด 30.5 ตร.ม. จะมีระเบียงยาวเต็มหน้ากว้างของห้องกันไปเลย   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.5 ตร.ม.   พื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอนสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้เพียงแค่เปิดประตูกั้นบานเลื่อน ห้องครัวก็ได้เป็นครัวปิดมีประตูกั้นป้องกันกลิ่นรบกวนในห้องได้ แล้วยังมีระเบียงด้านห้องครัวที่ช่วยเรื่องระบายอากาศได้อีกทางค่ะ       ตำแหน่งของห้องที่เราได้เข้าไปชมนั้น เป็นห้องทางด้านทิศเหนือซึ่งจะได้วิวสวนที่ชั้น 9 ด้วย มองเลยไปหน่อยจะได้เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาเยื้องออกไป วิวมุมนี้ตอนที่ตัวตึกยังไม่ได้สร้าง หลายคนคงลังเลและอาจจะกังวลเรื่องจะโดนตึกของ The Politan Aqua บังวิวแม่น้ำไปจนหมด เลยมองข้ามห้องด้านนี้ไป แต่พอมาเห็นของจริงแล้วต้องบอกเลยว่าไม่ใช่อย่างที่คิดนะจ๊ะ วิวแม่น้ำยังมีอยู่ ส่วนตัวตึกของ The Politan Aqua ก็ไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดบังวิว หรือสร้างความอึดอัดทางสายตาเลย (เพราะระยะห่างกันค่อนข้างไกลเลยทีเดียว) และทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปเลยแม่แต่น้อย ลองถ้า The Politan Aqua สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะได้วิวสวยไปอีกแบบแน่นอน   Floor Plan ของพื้นที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 เป็นต้นไป จะเห็นได้เลยว่าห้องทางทิศเหนือเปิดรับวิวสวนส่วนกลางและวิวแม่น้ำได้เต็มที่มากๆ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 50 ตร.ม.   ห้องต่อมาเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 50 ตร.ม. อันมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางมากพอสำหรับการมี Roommate และ Soulmate แต่ถ้ายังหาไม่ได้ก็สามารถซื้อเผื่อไว้ล่วงหน้าได้เลยนะคะ เดี๋ยวเนื้อคู่ก็ตามมาเชื่อสิ   สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นในห้องนี้ตกแต่งจัดเต็มด้วยเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้อ Euro Creations ที่สวยงามหรูหรา ซึ่งทางโครงการคัดสรรมาให้เป็นอย่างดี ห้องจริงจะได้เป็นแบบ Fully Furnish เฟอร์นิเจอร์ Built-in มาแบบนี้เลย       บริเวณโถงกลางห้อง เป็น Living Area จัดเป็นห้องนั่งเล่นพร้อมกับ Pantry สไตล์ครัวฝรั่งแบบเปิด ที่ทางโครงการจัดมาให้พร้อมกับตัวห้อง ทั้งเคาน์เตอร์ ชั้นเก็บของ เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน บรรยากาศบริเวณโถงกลางของห้องนี้จะโล่งโปร่งสบาย มีระเบียงกว้างเปิดรับลมรับวิวได้อีก และด้วยการออกแบบห้องให้เป็นห้องแบบหน้ากว้าง ดังนั้นทุกพื้นที่ในห้องจึงเปิดรับวิวได้แบบไม่ต้องเลือกที่รักมักที่ชัง       ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ได้วิวแม่น้ำเต็มตาแบบเท่าเทียมกัน จะต่างกันนิดหน่อยที่ Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว แถมยังมีพื้นที่กว้างพอให้จัดเป็น walk-in closet บริเวณด้านหน้าห้องน้ำด้วยนะคะ ส่วนห้องนอนที่ 2 ก็ไม่ได้น้อยหน้ามากนัก พื้นที่ใช้สอยกว้างพอเหมาะ ถ้ายังไม่มีครอบครัว ไม่มีคนมาอยู่ด้วย จะปรับเปลี่ยนห้องนอนเล็กนี้เป็นห้องทำงาน หรือใช้สอยประโยชน์อื่นๆ ก็เก๋ไปอีกแบบ   บอกเลยว่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ The Politan Rive เค้าเลือกใช้ก็เป็นยี่ห้อมาตรฐาน และคัดสรรมาอย่างดี ห้องชุดทุกห้องจะใช้พื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. ในบริเวณห้องนอนและห้องนั่งเล่น ส่วนบริเวณห้องครัว ระเบียง และห้องน้ำจะเป็นพื้นกระเบื้อง Ceramic และ Porcelain ในโทนสีสบายตา   ห้องน้ำก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญค่ะ เพราะทุกห้องมาพร้อมชุดสุขภัณฑ์มาตรฐาน ประกอบไปด้วย Rain Shower Set, อ่างล่างหน้า, ฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย 10 มม. และ Top หินอ่อนที่หน้ากระจก และธรณีประตู รวมถึงผนังบริเวณ Shower ก็เป็นโมเสกอินอ่อนแท้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าให้สเปคเกินราคาได้ยังไง   ยังไม่หมดนะคะ ชุดครัวทั้งหมดให้ห้อง 2 Bedroom ก็มาพร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และตู้ Built-in เรียบร้อย ในขณะที่เครื่องปรับอากาศจะมีติดตั้งมาให้ด้วยทุกห้อง โดยห้องแบบ 1 Bedroom มีให้ 2 เครื่อง และห้องแบบ 2 Bedroom มีให้ 3 เครื่อง นั่นหมายถึงว่ามีเครื่องปรับอากาศครบทุกห้องแล้วนั่นเอง ไม่ว่าจะเปรียบเทียบยังไง ก็เห็นได้ชัดว่าทาง The Politan Rive มีสเปคแน่นเกินราคาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอื่นๆ ในระดับราคาพอๆ กัน หรือแม้แต่โครงการในแนวราบในย่านเดียวกัน ก็เชื่อว่าไม่มีใครให้ได้มากขนาดนี้!!   ห้องทั้ง 3 แบบที่เราคัดสรรมาให้ดูนี้ ส่วนหนึ่งเป็นห้องที่ทางโครงการยังมีเหลือให้เลือกจับจองในราคาน่าหวั่นไหว หรือเป็นห้องที่อยู่ในทิศเหนือ ที่คนส่วนใหญ่อาจจะคิดไม่ถึงว่าพอตัวตึกสร้างเสร็จแล้ววิวจะสวยงามน่าชมขนาดนี้ บวกกับโปรโมชั่นเร้าใจทั้งลดราคา และโปรผ่อนสบายๆ เริ่มต้นที่ 4,999-5,999 บาท*ต่อเดือน จากธนาคารกรุงเทพ** (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โครงการ) ก็ยิ่งทำให้กระเป๋าสตางค์ในมือสั่นเข้าไปอีก     เลือกอยู่คอนโดมิเนียมริมแม่น้ำ ดีมั้ย? อย่างที่เกริ่นกันไปตอนต้นว่า หลายคนมักจะลังเลกับการเลือกซื้อ บ้านหรือคอนโด ดีกว่ากัน? แล้วถ้าใครได้ลองตระเวนดูบ้านในโซนสะพานพระนั่งเกล้านี้ด้วยแล้ว คงยิ่งลังเลไปกันใหญ่ เพราะถนนรัตนาธิเบศร์ตั้งแต่แยกแครายมาจนถึงก่อนข้ามสะพานพระนั่งเกล้า จะมีคอนโดมิเนียมหลายเจ้าตามแนวรถไฟฟ้าให้เลือกจับจอง ในขณะที่พอข้ามสะพานพระนั่งเกล้าไปแล้ว โครงการที่มีให้เลือกส่วนใหญ่จะเป็นทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวที่อาจจะห่างจากรถไฟฟ้ามากบ้างน้อยบ้าง แถมมีราคาในระดับที่อาจจะไม่ได้ต่างกันจนมองข้ามได้อีก เลยเป็นโจทย์ที่ออกจะตัดสินใจยากซักหน่อย     แต่ลองคิดดูนะคะ โอกาสที่เราจะได้อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจริงๆ แบบที่ The Politan Rive นี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าเป็นบ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮมรับรองว่าไม่มีโครงการไหนทำได้แบบนี้ชัวร์ ไหนจะ Facility ที่มีครบครันเอาใจทุกไลฟ์สไตล์ ชนิดที่ว่าแทบจะไม่ต้องออกจากโครงการเลยก็ยังได้นะคะ จะกิน จะเล่น หรือว่าจะทำงานก็มีพื้นที่ตอบโจทย์รอบด้านสไตล์คนเมือง จนต้องแอบเทใจให้ที่นี่จริงๆ   อีกอย่างคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตใจกลางกรุงเทพ ก็แพงแสนแพงจะอาจจะเป็นได้แค่ความฝันของมนุษย์เงินเดือนแบบเรา บางทีถ้าลองเลือกขยับออกมาหน่อย แต่ความสะดวกสบายยังครบเครื่องแบบนี้ ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยนะคะ   ในวันที่ 28-29 กันยายนนี้ ทางโครงการจัดโปรโมชั่นเด็ดไว้เพียบ มีห้องสวยๆ ข้อเสนอน่าสนใจรออยู่ค่ะ แถมยังมีทางเลือกให้ ผ่อนสบายๆ เริ่มต้นที่ 4,999-5,999 บาท*ต่อเดือน จากธนาคารกรุงเทพ** ราคาเริ่มต้นที่ 1.57 ล้านบาท   ใครที่สนใจสามารถเข้าไปชมห้องจริง บรรยากาศจริงได้ทุกวัน หรือสอบถามข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ที่ bit.ly/2kmrpjO หรือ โทร. 02-002-2222          
AESTIQ Thonglor – เอสทีค ทองหล่อ : รีวิวคอนโด

AESTIQ Thonglor – เอสทีค ทองหล่อ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : AESTIQ Thonglor (เอสทีค ทองหล่อ) เจ้าของโครงการ : บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่ตั้งโครงการ :  ซอยสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. พื้นที่โครงการ :  1-3-88.9 ไร่ ลักษณะโครงการ : อัลติเมทลักชัวรี่ คอนโดมิเนียม จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 40 ชั้น จำนวนยูนิต : 203 ยูนิต ที่จอดรถ : 220 คัน   ขนาดห้อง : - 1 ห้องนอน : 33 - 52 ตร.ม. - 2 ห้องนอน : 76 - 119 ตร.ม. - 3 ห้องนอน : 131 - 158 ตร.ม. - เพนท์เฮ้าส์ : 292 - 301 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : ชั้น 1 - Hideaway Pavilion - Step Garden - Welcome Lobby - Private lobby ชั้น 2 - Main lobby - Kids Club - Golf Simulator - Private Theater - Greenery Space ชั้น 10 - Serene Garden ชั้น 30 - Reflection Pool - Upside Down Jacuzzi - Aquatic Treadmill - Sauna&Steam ชั้น 31 - Panoramic Gym - Bike Simulator - Sky Social Club - Skyline Garden ราคา : เริ่มต้น 8,990,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 280,000บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ไตรมาส 4 ปี 2564 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม แบบอัลติเมทลักชัวรี่ จาก เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ ด้วยแนวคิด “A Reflection of you” เน้นย้ำสุนทรียภาพในการใช้ชีวิตสำหรับคนรุ่นใหม่ในเมือง บนทำเลศักยภาพทองหล่อ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : รถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ , ถนนสุขุมวิท , ถนนเพชรบุรี , ทางพิเศษเฉลิมมหานคร , ทางพิเศษฉลองรัช สถานที่ใกล้เคียง : นั่งเล่น เอสโคบาร์ , รร.นานาชาติเอกมัย , รร.ทอสี , รพ.สุขุมวิท , Demo เดโม่ , Major เอกมัย , DND , Seen Space , The Commons , Nihonmura Mall , J Avenue , Hubba Thailand   AESTIQ Thonglor ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท Presale 15-16 กันยายนนี้ พร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลและสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ www.aestiq.com หรือโทร 1232 #AESTIQ #REALASSET
Whizdom Station Ratchada – Thapra : รีวิวคอนโด

Whizdom Station Ratchada – Thapra : รีวิวคอนโด

ในซอกมุมเล็ก ๆ แถวฝั่งธนบุรี มีย่านเก่าแก่ย่านหนึ่งที่มีชื่อว่า “ตลาดพลู” จุดกำเนิดมาจากชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในสมัยก่อนทำสวนพลูและนำมาค้าขาย พื้นที่แถวนั้นจึงปกคลุมไปด้วยสวนพลูจึงเรียกแถวนี้ว่าตลาดพลู และถ้าพูดถึงย่านนี้ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักนึกถึงของกินมากมายและขึ้นชื่อมีหลายอย่างอาทิเช่น ข้าวหมูแดง, กุยช่ายตลาดพลู,ไอศครีมไข่แข็ง,หมี่กรอบจีนหลี และอีกมากมายให้นักชิมได้มาลิ้มลอง     ทำเลทองของฝั่งธนบุรี   ธนบุรีเมืองกรุงเก่า เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมเก่าแก่ วัดวาอารามต่างๆ อาหารขึ้นชื่อดังๆ หลายร้าน จึงเป็นเสน่ห์อย่างมากของฝั่งธนบุรีที่ฝั่งพระนครหาไม่ได้ เดิมธนบุรีมีพื้นที่เป็นชุมชนส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยมีตึกสูงเสียดฟ้าแบบฝั่งพระนคร ซึ่งมีความแออัดมาก จึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่และเล็งเห็นว่าธนบุรีสามารถรองรับขยายได้ 10กว่าปีมาแล้วที่ธนบุรีมีการเติบโตเทียบเท่าฝั่งพระนครจะมองเห็นว่ามีตึกสูงมากมายผุดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด นอกจากนี้เสน่ห์เมืองเก่าอย่างธนบุรีจะเป็นแหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ อาหารขึ้นชื่อมากมายแล้ว มีชุมชนความเป็นอยู่ที่เงียบสงบที่่ฝั่งพระนครหาไม่ได้เลย     ห่างออกไปอีกไม่ไกลบนถนนรัชดาภิเษกมีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนพระราม 3 และถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งถนนสองเส้นนี้เป็นถนนที่เชื่อมต่อไปเพื่อเข้าเมืองอย่างฝั่งพระนครนั้นเอง นอกจากนี้ ยังเป็นทำเลทองเพราะเป็นถนนที่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา สามารถขับรถส่วนตัวข้ามฝั่งโดยใช้สะพานพระราม 3 และสะพานตากสินได้ เมื่อมองลึกเข้าไปบนถนนรัชดาภิเษกมีโครงการ Whizdom Station Ratchada – Thapra ซึ่งอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS 80 เมตรใช้เวลาเพียง 1 นาทีถึงสถานี และใช้เวลา 11 นาทีเข้าตัวเมืองอย่างสะดวกสบาย ง่ายดาย ขยับไปอีกนิดเพียง 250 เมตรก็จะถึง BRT สถานีราชพฤกษ์ นอกจากนี้ตัวโครงการยังติดถนนใหญ่จึงมีรถโดยสารวิ่งผ่านเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางอีกด้วย ความโชคดีด้านหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ประจำทางวิ่งผ่าน ไม่ได้มีเพียงรถเมล์เท่านั้นยังมีวินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ รถสามล้อ และ รถสองแถวแดง ให้ได้เลือกใช้บริการตามสะดวก          Whizdom Station Ratchada – Thapra ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ซึ่งละแวกนี้เป็นชุมชนเก่าแก่และเป็นศูนย์กลางของธนบุรีเลยก็ว่าได้ จึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ที่ครบครัน อย่างห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ท่าพระ เพียงข้ามสะพานลอยหน้าโครงการก็ถึงแล้วเพราะอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน และยังมีห้างสรรพสินค้าอื่นๆ โดยรอบอย่าง Max Value , BigC ไม่ได้มีแต่ห้างสรรพสินค้าเท่านั้น ถัดมาข้างๆโครงการมีตลาดไทยช่วยไทยพลาซ่าอีกด้วย หรือจะขยับออกมาอีกนิดเพียง 2 กิโล ก็จะถึงตลาดเก่าแก่ที่มีร้านอาหารดังหลายอย่างนั้นก็คือ “ตลาดพลู” ให้ได้ไปสัมผัสลิ้มลองรสชาติกัน นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงอย่าง โรงพยาบาลพญาไท3 , โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า , โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ , วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ , ธนาคารกสิกรไทย     ภาพรวมโครงการ   Whizdom Station Ratchada – Thapra คอนโดมิเนียม High Rise สูง 37 ชั้น บนพื้นที่ 3-0-53.2  ไร่ ที่จอดรถประมาณ 295 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 43% จุดเด่นของโครงการมีการวาง Concept ได้เป็นอย่างดี โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตลาดพลูในสมัยก่อน อย่างการออกแบบสถาปัตยกรรมตัวตึกมีแนวความคิดจากใบพลู มาให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นตลาดพลูแต่เก่าก่อน ที่สำคัญการออกแบบได้รับรางวัลมาตราฐาน TREES ออกโดยสถาบันอาคารเขียวไทย ว่าเป็นตึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างดีเยี่ยม         Facility ยังคงนำความเป็นตลาดพลูในประวัติศาสตร์มาผสมผสานกับปัจจุบันได้อย่างลงตัว โดยมอบของขวัญเป็นพื้นที่สีเขียวมากมายให้ความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่น ผ่อนคลาย ซึ่งส่วนกลางแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เริ่มจากชั้นที่ 1 Grand Lobby ที่คอยต้อนรับมีเพดานสูงดูโอ่โถง ภายในประติมากรรมตกแต่งให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เราได้สัมผัส มีความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ถัดมาเพิ่มสะดวก สบายด้วย Retails shop ด้วยกันถึง 6 ร้านที่ทันสมัย   Grand Lobby ที่ดูโอ่งโถงใหญ่โต บวกกับประติมากรรมให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นใต้ต้นไม้   ส่วนของชั้น 6 , 7 เป็นส่วนของ Infinity Edge Pool เปิดประสบการณ์ว่ายน้ำรูปแบบใหม่กับบรรยากาศเมืองสุดขอบฟ้า Pool Bar ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านริมน้ำ สามารถก้าวเท้าลงเล่นน้ำได้ทันใจ หรือเวลากลางคืนเปลี่ยนบรรยากาศจัดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำก็ย่อมได้ สำหรับคนที่รักสุขภาพเดินขึ้นบันไดจาก Pool Bar อีกชั้นก็จะพบแหล่งพลังความสุขภาพนั้นก็คือ Fitness ที่รายล้อมไปด้วยกระจกทำให้มองเห็นวิวเมืองหรือสระว่ายน้ำได้ หรือใครที่อยากได้ความเงียบสงบ ร่มรื่นกับอีกฝั่งหนึ่งพบกับ Greenery Courtyard ที่จำลองยกสวนหลังบ้านที่เป็นท้องร่องในสมัยก่อน เน้นการปลูกพืชผักสวนครัวยึดพันธุ์ไม้ท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่อาทิเช่น ว่านหางจระเข้ , ใบยี่หร่า , ใบชะพลู , ตะไคร้ , ต้นชมพู่  เป็นต้น   Infinity Edge Pool เปิดประสบการณ์ใหม่กับสระว่ายน้ำกับวิวสุดขอบฟ้าและ Pool Bar ผ่อนคลายกับบ้านริมน้ำเพียงอึดใจก้าวเท้าลงเล่นน้ำได้ทันใจ   Fitness ที่มองเห็นวิวได้ทั่ว อยู่ระหว่างชั้นหกและเจ็ด   ในชั้นบนสุดอย่างชั้นที่ 37 เราจะพบ Tunnel Garden สวนแปลกตากับอุโมงค์พันธุ์ไม้เลื้อย ช่วยลดความร้อนให้กับตัวอาหาร และได้ความร่มรื่น ผ่อนคลายกับสายลมและสบายตากับพันธุ์ไม้ต่างๆ เนื่องจากได้คัดสรรพันธุ์ไม้ที่ไม่บังทิศทางของสายลม และยังเพิ่มความร่มเงาให้ผู้พักอาศัยได้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างมาก เมื่อหลุดเข้าไปข้างในจะพบกับ Co-Working Space สนุกกับการทำงานท่ามกลางธรรมชาติ สำหรับคนที่ต้องการหาที่ทำงานเงียบๆ ใช้สมาธิส่วนตรงนี้เหมาะกับผู้อาศัยอย่างมากเพราะได้ทำงานโดยมีพืชพรรณรายล้อมทำให้รู้สึกสบายไม่เครียดหรือกดดัน  สิ่งต่อจากนี้ถือเป็น Signature ของโครงการนี้เลยก็ว่าได้นั้นก็คือ Glass House Sky Lounge ที่ให้กลิ่นอายความรู้สึกเหมือนอยู่เรือนเพาะชำ ให้ผู้อาศัยมาทำกิจกรรมต่างอย่างอ่านหนังสือเล่มโปรด ทำงาน หรือนั่งเล่นนั่งก็คุยก็ทำได้  เมื่อมองขึ้นไปจะพบกับ Vertical Garden เป็นพื้นที่เล็กๆเอาไว้นั่งคุยหรือประชุมลับได้ มีการออกแบบที่น่าสนใจเป็นรูปแก้วแชมเปญอยู่เหนือพื้นที่ Co-Working Space   Tunnel Garden เปิดมิติใหม่กับสวนอุโมงค์ไม้เลื้อยชวนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย   Co-Working Space มองหาพื้นที่ทำงานพร้อมกับธรรมชาติ   ขอนำเสนอ Glass House Sky Lounge ยกแปลงเพาะชำมาอยู่ในห้องนั่งเล่นทำกิจกรรมต่างๆ     Floor Plan     ทางเข้า-ออกของโครงการมีทางเดียว อยู่ติดริมถนนรัชดาภิเษก ด้านหน้าโครงการจัดแต่งด้วยสวนให้ดูเหมือนหลุดเข้าไปในท่ามกลางธรรมชาติที่แท้จริง ซึ่ง Facility จะอยู่ภายในอาคาร   สำหรับชั้นหก ถ้าเดินออกจากลิฟท์ทางด้านซ้ายมือจะเป็น Greenery Courtyard และฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของ Pool Bar และสระว่ายน้ำ     ชั้น 7 เป็นส่วนของ Fitness และมีบันไดทางเชื่อมลงไปชั้นหกเพื่อพักผ่อนกับ Pool Bar และสระว่ายน้ำ     ส่วน Facility บนสุดอย่างชั้นที่ 37 จะเป็นส่วนของสวน Tunnel Garden และ Glass House Sky Lounge and Co-Working Space   Floor Plan ชั้นที่ 9-33 จะสังเกตเห็นได้ว่าทุกยูนิตถูกวางไว้โดยไม่มีห้องไหนถูกบดบังทัศนียภาพเมือง ทำให้ดูโปร่งโล่งสบายไม่อึดอัด   Floor Plan ชั้นที่ 36 Type Penthouse จะถูกวางเอาไว้ที่ชั้น 36 นี้ และเพียงแค่ขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นก็จะเจอ Facility ของชั้นที่ 37     Unit Plan   สำหรับโครงการ Whizdom Station Ratchada – Thapra จะมียูนิตให้เลือกมากมายตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย โดยจะมี Type ตั้งแต่ Studio , 1 Bedroom, 2 Bedroom และ Penthouse ลองไปชมตัวอย่างแปลนห้องในแต่ละ Type กันเลย     เริ่มจาก Studio มีขนาดเริ่มต้น 22.81 ตร.ม. เพื่อความเป็นส่วนตัว ดูแลรักษาง่าย ตัวห้องจัดพื้นที่ได้อย่างลงตัวสามารถใช้สอยได้อย่างเต็มที่ เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับด้านซ้ายมือเป็นครัวและขวามือเป็นห้องน้ำ       มาต่อกับ Type B One Bedroom (Separate Kitchen) มีขนาดเริ่มต้น 26.08 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้คือมีห้องครัวที่เป็นครัวปิด หมดปัญหากลิ่นอาคารเวลารังสรรค์เมนูสุดโปรดของเรา     Type C เป็น One Bedroom มีขนาดเริ่มต้น 28.14 ตร.ม. ตัวห้องมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ห้องมีความโปร่ง โล่งสบาย     Type D เป็น Two Bedroom มีขนาดเริ่มต้น 47.82 ตร.ม. สิ่งที่น่าสนใจสำหรับห้องนี้ ทุกห้องวางตำแน่งไว้ห้องมุม และเสริมกระจกเพื่อความกว้างขวาง ดูโปร่งสบาย   และสุดท้ายกับ Type E เป็น Penthouse อยู่บนชั้นที่ 36 ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เมืองได้กว้าง ทุกพื้นที่ภายในห้องออกแบบใช้สอยอย่างเต็มประสิทธิภาพ       จาก BTS ถึง Whizdom เพียงหนึ่งนาที     จาก BTS สถานีตลาดพลูก็สามารถมองเห็นโครงการแล้ว     เดินออกจากสถานี BTS ตลาดพลูโดยใช้ทางออก 3     เมื่อเดินลงมาให้เลี้ยวขวาเดินตามทางเท้าเพียงไม่กี่ก้าวด้านขวามือจะพบห้างสรรพค้าเดอะมอลล์ท่าพระและซ้ายมือจะเจอโครงการแล้ว       ในที่สุดก็ถึงโครงการ Whizdom Station Ratchada – Thapra เป็นที่เรียบร้อย   เดินชมรอบโครงการ   เมื่อเข้าโครงการจะพบไม้กั้นรถ โดยโครงการนี้ใช้ระบบ Access Card ในการเข้าออกโครงการ   ทางด้านข้าง เป็นทางเดินเพื่อเข้าไปยังสวนพักผ่อนที่จำลองบรรยากาศทางเดินในบ้านสวนของย่านตลาดพลู   สวนหย่อมโครงการรายล้อมไปด้วยต้นไม้ดูเป็นธรรมชาติ   ภายในโครงการมีที่สำหรับจอดรถ ECO Parking อีกด้วย   ชั้นแรกพื้นที่ตรงนี้จะเป็นส่วนของร้านค้า 2 ร้านอำนวยความสะดวกแก่ผู้พักอาศัยในโครงการ   ไม่ได้มีร้านค้าเพียงชั้นแรกเท่านั้นบันไดด้านนี้นำไปสู่ชั้นสองซึ่งเป็นร้านค้าอีก 4 ร้านที่เหลือ   เดินเข้ามาต่อจากร้านค้าก็จะพบ Grand Lobby ที่ดูโอ่โถง คอยต้อนรับผู้พักอาศัย   ก่อนที่เราจะขึ้นลิฟท์ทางฝั่งซ้ายมือ จะพบตู้ล็อคเกอร์เก็บจดหมาย   ตู้จดหมายสามารถเดินวนได้รอบ ออกแบบได้อย่างหรูหรา สวยงาม   ขณะนี้เรากำลังจะขึ้นไปชมตัวโครงการโดยเราจะแวะไปที่ชั้น 6 ก่อนเพื่อไปดู Facility กันเลยครับ   เมื่อออกจากลิฟท์มาแล้ว เดินออกมาซ้ายมือเราจะพบกับ Greenery Courtyard   เป็นสวนที่จำลองเป็นท้องร่องในสมัยก่อน มาปรับให้เข้ากับปัจจุบันได้อย่างลงตัว   พืชพันธุ์ที่นี้ ทางโครงการจะปลูกเป็นพันธุ์ไม้พื้นบ้าน อย่างต้นชมพู่ , ว่านหางจระเข้ , ใบยี่หร่า เป็นต้น นอกจากทำให้ร่มรื่นแล้วยังสามารถนำไปใช้ได้จริง   ถ้ามองขึ้นไปจากสวนนี้ ก็จะเห็นตึกโครงการเสียดฟ้า ที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว อย่างที่อาคารด้านขวามือตัว  Facade(เปลือกอาคาร) ได้แรงบันดาลใจจากปลายแหลมของใบพลูที่ซ้อนกันหลายๆ ชั้น   เดินต่อจากสวนทางฝั่งตรงข้าม ก็จะพบกับสระว่ายน้ำในฝันของใครหลายคน ในส่วนตรงนี้จะเป็น Kids Pool และมีน้ำตกเล็กๆ ให้คุณหนูๆได้เพลิดเพลิน สนุกกับการเล่นน้ำมากขึ้น   ทีเด็ดของ Infinity Edge Pool สัมผัสใหม่กับการว่ายน้ำพร้อมมองเห็นบรรยากาศเมือง     ในส่วนของห้องน้ำส่วนกลางชั้นนี้ มีบริการตู้ล็อคเกอร์ให้ผู้พักอาศัยเก็บของก่อนไปทำกิจกรรมต่างๆได้ นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำ และอาบน้ำแบ่งไว้ให้อย่างละห้องอีกด้วย   Pool Bar เป็นส่วนในการทำกิจกรรมจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ หรือมานั่งพักเหนื่อยหลังจากเล่นน้ำก็ได้   โดย Pool Bar จะรายล้อมด้วยกระจกใส ทำให้มองเห็นสระน้ำพร้อมกับวิวเมือง   บันไดตรงหน้า เป็นทางขึ้นไปยัง Fitness   ส่วนของ Fitness ที่ถูกล้อมด้วยกระจกเงา ทำให้ห้องดูใหญ่ขึ้น โปร่งสบาย ไม่อึดอัด   เครื่องเล่นที่มีมากมายให้กับผู้รักสุขภาพได้เลือกเล่นตามความชอบ     ขึ้นมาต่อกับชั้นที่ 37 บนสุดของโครงการ พักผ่อนกับ Tunnel Garden   เดินตรงมาจาก Tunnel Garden จะเจอ Glass House Sky Lounge มุมสำหรับนั่งคุยเล่นหรืออ่านหนังสือเล่มโปรด   มองออกไปก็จะเห็นวิวกว้างของเมือง   ส่วนมุมนี้เป็น Co-Working Space เอาใจคนที่อยากหาที่ทำงานเงียบๆ พร้อมอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ   Vertical Garden มุมลับๆ สำหรับประชุมลับหรือนั่งคุยเล่นทำกิจกรรม   จะมีประตูเชื่อมไปยัง Tunnel Garden   ชมห้องตัวอย่าง   ห้องตัวอย่างที่เรากำลังจะพาไปชม เป็น 2 Bedroom ขนาด 59.95 ตร.ม. ทางโครงการมีเฟอร์นิเจอร์ให้แบบ Fully Fitted และทุกยูนิตจะติดตั้ง Home  Intelligent System เพื่อความสะดวกสบายภายในบ้าน ตัวอย่างโหมด Healthy จะคำนวณวัดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ถ้าเกินมาตราฐาน จะปรับเปลี่ยนเอาออกซิเจนเข้ามาแทน หรือโหมด lifestyle สามารถปรับเปลี่ยนแสงไฟตามความต้องการของเราได้ให้เป็น Entertainment Mode หรือ Reading Mode สามารถสั่งเปิดปิดไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆได้ ผ่านโทรศัพท์มือถือของเราเพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่ทางโครงการจัดทำขึ้นก็สะดวกสบายไร้กังวลเวลาออกจากบ้านแล้วลืมปิดไฟ ยอกจากนี้ยังมีโหมด Security ที่สามารถตรวจสอบภายในห้องพักอาศัยผ่าน IP Camera ที่เปิดดูจากแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ   บรรยากาศของทางเดินไปยังห้องตัวอย่างเป็น Double Corridor ก่อนที่เราจะเข้าห้อง หน้าห้องจะมีตู้เก็บท่อน้ำ ข้อดีก็คือเวลาเกิดน้ำรั่วซึมสามารถเปิดซ้อมได้จากตู้นี้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปในห้อง เรียกว่าระบบท่อออกหลัง เพิ่มความสะดวกสบายเวลาผู้พักอาศัยไม่อยู่     มาถึงห้องตัวอย่างโดยประตูห้องทุกยูนิตใช้ระบบ Digital Door Lock จากแบรนด์ YALE   หลังจากปิดประตูก็ยังมีพื้นที่สามารถวางตู้เก็บรองเท้าได้ด้วย   สวิทซ์ไฟทั้งห้องจากแบรนด์ Obotrons และมีไฟ LED บอกสถานะการเปิด-ปิดไฟเป็นสีฟ้าอยู่รอบปุ่มในเฉพาะห้องน้ำเป็นเซนเซอร์เพียงแค่เดินเข้าไปก็สามารถเปิดไฟเองได้ หรือออกจากห้องเพียงไม่กี่วินาทีไฟก็จะปิดตัว   เมื่อเข้ามาก็จะพบกับประตูสองบาน เรามาเริ่มจากด้านขวามือกันเลย   ประตูทางด้านขวามือเมื่อเข้ามา เป็นส่วนของห้องน้ำกลาง   เปิดประตูมาจะเจอกับอ่างล้างหน้าจากแบรนด์ Lavenz ใต้อ่างมีชั้นวางเก็บของได้   พื้นห้องน้ำมีธรณีกั้นแยกระหว่างที่เปียกกับแห้ง แบ่งเป็นสัดส่วน พื้นของห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนของที่เปียกจะกั้นด้วยกระจกแบบ  Temper   ฝักบัวสแตนเลสจากแบรนด์ Englefield ข้างฝักบัวยังมีชั้นวางของอีกด้วย   โถสุขภัณฑ์จากแบรนด์ Toto บริเวณข้างหลังที่ยื่นมาเป็นถังพักน้ำไว้เก็บท่อน้ำแบ่งน้ำดีน้ำเสีย และยังช่วยเพิ่มพื้นที่ในการวางของได้อีกด้วย   ถัดมาออกจากห้องน้ำซ้ายมือก็จะเป็นห้องนอนแรก   พื้นที่ของห้องนอนนี้ยังสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตก็ย่อมได้   มองออกไปก็จะมีหน้าต่างบานใหญ่ สามารถมองเห็นวิวเมืองและยังพอมีพื้นที่สามารถตั้งโต๊ะทำงานได้อีกด้วย   หน้าต่างเป็นแบบหน้าต่างบานกระทุ้ง   ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ปลายเท้าถูกติดตั้งไฟอัตโนมัติ และมีระบบ Soft close เพื่อกันเปิด-ปิดตู้เสียงดังทำให้ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน   เครื่องปรับอากาศทางโครงการติดตั้งของ Daikin และทางโครงการได้ใส่ใจรายละเอียดในทุกอยู่ยูนิต จะดูทิศทางในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศไม่ติดตั้งไว้บนหัวนอน เพราะจะทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพผู้อยู่อาศัย   ออกจากห้องนอนแรกตรงเข้ามาก็จะเจอกกับ Common Area. Floor To Ceiling 2.65 เมตร   ซึ่งทางซ้ายของห้องตัวอย่างนี้ จะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นและถัดไปจะเป็น Kitchen Cabinets ไว้ประกอบอาหาร   ในส่วนของครัวยังมีพื้นที่พอให้วางสำหรับโต๊ะรับประทานอาหาร และยังพอมีพื้นที่ให้ทางเดินได้ ไม่ทำให้ดูแคบ   หน้าตาของ Kitchen Cabinets เป็นครัวเปิด มุมขวาชั้นบนเป็นตู้ไฟ   Top ครัวเป็นหินควอตซ์ อ่างล้างจานเป็นแบบฝั่งใต้เคาน์เตอร์ มีข้อดีทำให้น้ำไม่กระเด็นออกมาจากแบรนด์ Mex   ตัวเตาไฟฟ้าเป็นแบบสองหัว มาคู่กับเครื่องดูดควัน สะดวกต่อการประกอบอาหารของคุณแม่บ้าน   ส่วนต่อมากับ Living Room หรือส่วนที่ทำกิจกรรม นั่งเล่นดูโทรทัศน์กับครอบครัว     ด้านหลังที่วางโทรทัศน์ มีกระจกทรงสูงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง   ตรงจุดที่วางโซฟา สามารถซื้อโซฟาที่ใหญ่กว่านี้ก็ยังได้ ไม่ทำให้ดูขวางทางเดิน หรือวางโต๊ะก็ยังได้   ประตูกระจกบานเลื่อนออกไปสู่ระเบียงห้องเพื่อสูดอากาศภายนอก หรือชมวิวทิวทัศน์     พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค กับราวกันตกเป็นราวเหล็กโปร่ง ส่วนของระเบียงยังสามารถวางราวตากผ้าได้ กำแพงริมระเบียงติดตั้ง Condensing Unit จะสังเกตเห็นได้ว่าข้างล่างมีก๊อกน้ําและรูปลั๊กไฟเหลือพื้นที่พอสำหรับเครื่องซักผ้า   กลับเข้าห้องมากับห้องสุดท้าย Master Bedroom    เมื่อเดินเข้ามาก็จะเจอห้องน้ำอยู่ในตัวของห้องนอนใหญ่   ซึ่งสุขภัณฑ์ห้องน้ำมีครบเหมือนกันกับห้องน้ำกลาง แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือมีหน้าต่างลอยตัวเป็นแบบหน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถเปิดไว้เพื่อระบายอากาศได้   ภายในห้องนอน Master Bedroom มีความกว้างขวาง สามารถวางเตียงขนาด King Size   ตู้เสื้อผ้าของห้องนี้เป็นแบบสองฝั่งไว้แบ่งเสื้อผ้าชายหญิงได้   บนหัวเตียงนอนเป็นกระจกสามารถเปิดรับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าได้ครับ   ที่ปลายเตียงมีพื้นที่พอสำหรับการวางเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์ ไว้ดูก่อนนอน   หน้าต่างห้องนี้ เป็นกระจกทรงสูงเชื่อมไปยังหัวเตียงทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองได้กว้างขึ้น มุมบนหัวเตียงมีกระจกเข้ามุม ทำให้มองเห็นทัศนียภาพได้รอบทิศ   เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ทางโครงการได้แถมกล้องวงจรปิดให้กับทุกยูนิต ซึ่งสามารถบันทึกภาพขณะที่ไม่ได้อยู่ในห้องเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Home Intelligent System ที่รวมอยู่ในห้องชุดพักอาศัย   และนี้คือหน้าตาของรีโมทสั่งการที่จะช่วยอำนวยความสะดวกของผู้อยู่อาศัยในการควบคุมการเปิดปิดไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องซึ่งทางโครงการได้แถมให้กับทุกยูนิต   เพราะเป็นย่านเก่าแก่ และขึ้นชื่อของฝั่งธนบุรี ทำให้ Whizdom Station Ratchada – Thapra คอนโดมิเนียมใหม่จาก "Magnolia" MQDC Magnolia Quality Development Corporation  ใช้ Concept "ใบพลู" สร้างสรรค์คอนโดมิเนียม High rise สูง 37 ชั้น ตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่ที่ชอบความสงบ แต่สะดวกสบายต่อการเดินทางเพียง 1 นาทีถึง BTS ตลาดพลู และ 11 นาที สู่ใจกลางเมืองย่าน CBD ด้วยความสะดวกสบายทั้งการเดินทาง หรือไลฟ์สไตล์ที่ชอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติกลางเมือง Whizdom Station Ratchada – Thapra ถือว่าตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยอย่างมาก   สอบถามรายละเอียดเพิมเติมที่ โทร. 1265 หรือ  http://bit.ly/thaprareview    
Lumpini Ville Pattanakarn-Srinakarin-ลุมพินี วิลล์ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ : รีวิวคอนโด

Lumpini Ville Pattanakarn-Srinakarin-ลุมพินี วิลล์ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : Lumpini Ville Pattanakarn-Srinakarin (ลุมพินี วิลล์ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์) เจ้าของโครงการ : บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. พื้นที่โครงการ : 6 ไร่เศษ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 32 ชั้น จำนวนยูนิต : 795 ยูนิต ขนาดห้อง : - ขนาด 26.50 – 36.50 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 1,690,000 บาท ปีที่สร้างเสร็จ : เดือน พ.ค. 2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมที่ออกแบบพื้นที่ให้คุณได้ออกกำลังปล่อยพลังให้เต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในทำเลที่เดินทางแสนสะดวก ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : ทางพิเศษศรีรัช , ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ , รถไฟฟ้าแอร์ พอร์ต ลิ้งค์ สถานีหัวหมาก และรามคำแหง สถานที่ใกล้เคียง : สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น , ม.เกษมบัณฑิต , London Street , เทสโก้ โลตัส , Thanya Park , The Nine พระราม 9 , ตลาดเสรีมาร์เก็ต , ม.นานาชาติแสตมฟอร์ด , รพ.วิภาราม พัฒนาการ , รพ.เพชรเวช  
Kensington 63-เคนซิงตัน 63 : รีวิวคอนโด

Kensington 63-เคนซิงตัน 63 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : Kensington 63 (เคนซิงตัน 63) เจ้าของโครงการ : บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ :  ซอยพหลโยธิน 63 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ พื้นที่โครงการ : 1 – 3 – 31 ไร่ ลักษณะโครงการ : Low Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 8 ชั้น จำนวนยูนิต : 231 ยูนิต ที่จอดรถ : 73 คันหรือคิดเป็น 30% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ขนาดห้อง : - 1 Bedroom ขนาด 22.7 – 31 ตร.ม. - 1 Bedroom Plus ขนาด 35.4 – 40.5 ตร.ม. - 2 Bedroom ขนาด 48.2 ตร.ม.     สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สวนหย่อม - สระว่ายน้ำระบบเกลือ - ฟิตเนส - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 1,790,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร :  89,000 บาท/ตร.ม. ค่าส่วนกลาง : 40 บาท/ตร.ม. ค่ากองทุน : 400 บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ปี 2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น คอนเซป  Uplift your Lifestyle Upgrade your Privacy สู่ระดับของการใช้ชีวิต เริ่ม 1.79 ล้านบาท ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ , สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี , สายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี , สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต สถานที่ใกล้เคียง : ตลาดยิ่งเจริญ, Big C สะพานใหม่ , Central รามอินทรา , IT Square , ม.ราชภัฎ พระนคร , รพ.เซ็นทรัลเยนเนอรัล , วัดพระศรีมหาธาตุ , กรมทหารราบที่ 11 , สนามบินดอนเมือง  
XT PHAYATHAI ค้นพบไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเองได้มากที่สุด : รีวิวคอนโด

XT PHAYATHAI ค้นพบไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเองได้มากที่สุด : รีวิวคอนโด

XT PHAYATHAI   ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็สร้างกระแสฮือฮาให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ได้อยู่ตลอดก็เห็นจะเป็น Developer รายยักษ์ใหญ่อย่าง “แสนสิริ” นี่แหละค่ะ ที่สามารถสร้างสรรค์ Product ออกมาได้โดนใจ ตอบโจทย์ชีวิตยุค 4.0 อยู่เสมอ ล่าสุดกับการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุด XT 3 โครงการ ที่เปิด Pre Sale ไปได้แค่ 3 วันก็ขายไปแล้วถึง 70% และสำหรับรีวิวฉบับนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ XT PHAYATHAI หนึ่งในทำเลฮอตที่สุดในเวลานี้          ทำความรู้จักกับแบรนด์ XT   จากคำนิยามว่า Complete Your Living Experience พันธกิจสำคัญของแสนสิริที่นำมาเป็นแนวทางในการพัฒนา Product แบบ Human Centric ซึ่งช่วงเวลาในยุคปัจจุบันนี้กลุ่มคนที่เกิดช่วงปี 1980-2000 เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม หรือเรียกกันว่าคนมิลเลนเนียลที่ให้ความสำคัญกับการได้ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ด้วยตนเอง ได้แชร์ประสบการณ์ร่วมกันจนเกิดเป็น Community โดยกลุ่มลูกค้าวัยมิลเลนเนียนของแสนสิรินั้นมีเพิ่มขึ้นถึง 25% ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ทางแสนสิริจึงทำการเจาะลึกศึกษาความต้องการที่แท้จริงของชาวมิลเลนเนียลในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ พฤติกรรม ค่านิยม บุคลิกภาพ ไปจนถึงความมุ่งหมายในชีวิต แล้วนำข้อมูลที่ได้มาผ่านกระบวนการด้านดีไซน์ หรือ Design Thinking Process จนกลายมาเป็นแบรนด์ XT ทั้ง 3 โครงการ XT เอกมัย, XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท  ซึ่งมี 3 จุดเด่นอันแตกต่างบนนิยามของคำว่า Explore your space, Expand Your Lifestyle   1. เลือก Layout ได้หลากหลาย ตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง นอกจากทั้ง 3 โครงการที่ให้เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋กันแบบ  Fully Furnished หลายแพ็คเกจให้ได้เลือกโดยทีมงาน Design Solution ของแสนสิริแล้ว ยังฉีกกรอบ Layout รูปแบบเดิมๆ เพราะ XT สามารถเลือกรูปแบบห้องได้ตามไลฟ์สไตล์ สำหรับโครงการที่พญาไทแห่งนี้นั้นมี Layout มาให้เลือกทั้งหมดมากถึง 59 Layout เพื่อให้เกิดความลงตัวในการใช้ชีวิตตามรสนิมยมของแต่ละคน ซึ่งแบ่งเป็น 6 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ - The Fashionista เพราะเทรนด์แฟชั่นนั้นหมุนเวียนเปลี่ยนไปในทุกๆ เวลา จึงต้องมีพื้นที่ walk-in closet ขนาดใหญ่เอาไว้ตามเก็บทุกคอลเลคชั่นให้สมกับเป็น Fashionista     - The Snoozy Head วันพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ นอนดูซีรีส์เรื่องโปรดได้ทั้งวัน ห้องนอนจึงต้องดูโปร่งโล่ง มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าที่เคย   - The Visionary เมื่องานคือส่วนหนึ่งของชีวิต ก็ทำให้ Work-Life Balance เปิดรับมุมมองกว้างๆ สร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มไฟในการทำงาน - The Party Goer คนเพื่อนเยอะก็ต้องมีปาร์ตี้สังสรรค์กันบ่อยๆ เป็นเรื่องธรรมดา เปิดบ้านต้อนรับแก๊งค์เพื่อนใน Living Room กว้างๆ เปลี่ยนบรรยากาศแฮงก์เอาท์ในพื้นที่ส่วนตัว   - The Master Chef ถ้าชอบค้นหารสชาติใหม่ ใส่ไอเดียลงในอาหาร ขลุกตัวอยู่ในครัวได้ทั้งวัน ก็ขยายห้องครัวอย่างเป็นสัดส่วนมากขึ้น - The Naturalist หากธรรมชาติคือหัวใจของความสงบที่ตามหา ก็ยกพื้นที่สีเขียวมาไว้ตรงหน้าด้วยวิว Garden Access  หรือจะเน้นพื้นที่ระเบียงให้ได้จัดสวนเป็นของตัวเอง       2. แชร์พื้นที่ส่วนกลาง ขยายความต้องการได้มากขึ้น ไฮไลต์สำคัญที่ไม่เคยเกิดขึ้นในคอนโดมิเนียมไหนมาก่อน และยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการศึกษาข้อมูลความต้องการของกลุ่มลูกค้ามาแล้วเป็นอย่างดี นั่นคือ XT Co-Sharing Facilities โดยโครงการ XT ทั้ง 3 ทำเล จะมีส่วนกลางบางส่วนที่สามารถแชร์กันได้ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในรูปแบบที่ลงตัวที่สุด เช่น หากเป็นลูกบ้าน XT PHAYATHAI ก็สามารถไปใช้ Creative Studio ที่ XT HUAIKHWANG ได้       3. ให้เทคโนโลยีขับเคลื่อนชีวิตในแบบฉบับ XT ยุค 4.0 เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำรงชีวิตมากขึ้นจนแยกกันแทบไม่ออก แสนสิริที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด จึงไม่ลืมใส่เข้าไปใน XT เพื่อชีวิตแบบสมาร์ทๆ อาทิ เครื่อง Virtual exercise และ Virtual conference ถ่ายทอดสดคลาสออกกำลังกายจาก WE Fitness ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือเสียค่าสมาชิกฟิตเนส, Igloo Home ส่งรหัสผ่านเข้าห้องแบบใช้ครั้งเดียวให้เพื่อนผ่านสมาร์ทโฟน, ระบบ Home Automation ควบคุมสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในส่วนกลางและภายในยูนิต, Free Wi-Fi ในส่วนกลาง     ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของ XT คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุด ที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับกลุ่มเป้าหมายของคอนโดมิเนียมได้อย่างชัดเจนที่สุดจนกลายเป็น New Lifestyle Condominium ภายใต้แนวคิด “Extend Your Style” แห่งแรกของประเทศไทย       ทำเลชิดใจกลางเมือง                 แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดอย่างย่านสยามสแควร์ เป็นจุดนัดพบของเหล่าวัยมิลเลนเนียลที่ใครๆ ก็รู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ในแง่ของที่ดินเปล่าที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยนั้นหาได้ยากเข้าไปทุกทีค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินของทางราชการ หรือไม่ก็ราคาแพงมากประมาณกว่า 2 ล้านบาท/ตารางวา ทำให้เหล่าคอนโดมิเนียมต้องขยับออกมาสักนิด เพื่อให้ได้ที่ดินที่สามารถพัฒนาคอนโดมิเนียมในระดับราคาที่ยังสามารถเอื้อมถึงกันได้ ซึ่งทำเลใกล้ชิดใจกลางเมืองที่มีศักยภาพเหมาะสม และได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ ย่านพญาไทค่ะ     แยกพญาไท มีความสำคัญตรงที่มีถนนศรีอยุธยา กับถนนพญาไทตัดกัน ซึ่งเป็นสี่แยกที่เปรียบเสมือนเป็นจุดศูนย์กลางของความแตกต่างแต่ละทำเลอย่างชัดเจนในตัวเอง โดยได้แยกพญาไทมาผสานความแตกต่างนั้นทำให้เกิดความสมบูรณ์ของเมืองยิ่งขึ้น เพราะถนนศรีอยุธยา มีเสน่ห์ของความเป็นเมืองเก่าอย่างชัดเจน ตั้งแต่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสี่เสาเทเวศน์ ผ่านสวนอัมพร-วัดเบญจมบพิตร-พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน แล้วเริ่มมีความเป็นเมืองขึ้นบริเวณโรงพยาบาลสงฆ์ไปจนเชื่อมต่อกับถนนจตุรทิศที่มีจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัชอยู่ ในขณะเดียวกันที่ถนนพญาไทนั้น มีความเป็นเมืองใหญ่อย่างมาก ตั้งแต่ช่วงสามย่าน ผ่านจุฬาลงกรณ์ฯ-สยาม-มาบุญครอง ไปจนถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนผ่าน   XT PHAYATHAI ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา ฝั่งขาออกที่เชื่อมต่อกับถนนจตุรทิศ เยื้องกับโรงพยาบาลพญาไท 1 อยู่ห่างจาก BTS สถานีพญาไท 600 เมตร และ Airport Rail Link สถานีราชปรารภ ประมาณ 500 เมตร โดยหากใช้บริการ BTS จะอยู่ห่างจากอนุสาวรีย์ชัย ศูนย์กลางการเดินทางของกรุงเทพฯ เพียง 1 สถานี และห่างจากใจกลางเมืองอย่างสยามเพียง 2 สถานีเท่านั้น และยังสามารถตรงเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย Airport Rail Link เพียง 26 นาที หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็จะมีจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัชที่ใกล้ที่สุดบริเวณถนนจตุรทิศ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปทางรามอินทรา, บางนา หรือตรงไปสนามบินสุวรรณภูมิได้เลย กับช่วงถนนพระราม 6 ก็เข้าสู่ย่านสีลม-สาทรได้โดยไม่ต้องขับรถฝ่ารถติดใจกลางเมือง อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ไม่ไกลมากมาย ไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปทางอนุสาวรีย์ฯ ก็มีของอร่อยโดยเฉพาะที่อยู่ในซอยรางน้ำหลายร้าน หรือจะมุ่งหน้าไปทางสยามก็มีให้เลือกกันละลานตา ไม่ว่าจะในห้างสรรพสินค้าในสยามเอง หรือสามย่านก็ตาม รวมถึงยังแวดล้อมไปด้วยโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย เช่น รพ.พญาไท 1, รพ.ราชวิถี, รพ.พระมงกุฎเกล้า, รพ.รามาธิบดี, สถาบันสุขภาพเด็ก เรียกได้ว่าเป็นทำเลศักยภาพที่มีความอุดมสมบูรณ์มากทีเดียวค่ะ       ภาพรวมโครงการ             XT PHAYATHAI จากแสนสิริ คอนโดมิเนียม High Rise 41 ชั้น 1 อาคาร แบ่งออกเป็นอาคาร A และ B รวมทั้งหมด 1,435 ยูนิต 1 ร้านค้า ที่จอดรถ 55.05% ยูนิตพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 8 บนพื้นที่ 3-3-97.4 ไร่ หน้าอาคารหันไปทางทิศใต้ ส่วนทิศตะวันออกจะได้วิวฝั่งถนนจตุรทิศ ทิศตะวันตกได้วิวฝั่ง BTS และทิศเหนือด้านหลังโครงการจะได้วิวสวนสันติภาพ ซึ่งแม้ทำเลจะตั้งอยู่ท่ามกลางสีสันของเมืองอันแสนวุ่นวาย แต่เมื่อไรที่กลับเข้ามาใน XT PHAYATHAI ก็จะมีพื้นที่ส่วนตัวอันแสนสบายเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่ภายในห้องพักอาศัยของตัวเอง หรือมุมไหนๆ ของโครงการก็ตาม เพราะทุกพื้นที่ถูกสร้างสรรค์ให้ Extend Your Style     Facility พื้นที่รวมกว่า 4,500 ตร.ม. แบ่งออกเป็นหลายส่วน สนองความต้องการได้ไม่จำกัด ทั้งพื้นที่สังสรรค์กันเป็นกลุ่ม หรือพื้นที่เงียบสงบเป็นส่วนตัวก็สามารถรองรับได้ทุกอารมณ์ของชีวิตได้ตลอดเวลา ตั้งแต่สวนสีเขียวด้านหน้าโครงการ ห้องสมุด ห้องประชุมในสวน ลานกิจกรรม เชื่อมโยงกับส่วนกลางภายในอาคารที่แบ่งโซนเอาไว้กระจายอยู่หลายชั้น เพื่อรองรับกิจกรรมอันหลากหลาย เช่น สระว่ายน้ำที่มีให้ทั้งหมด 2 สระ แยกอยู่บนอาคาร A ที่ชั้น 41 และ B ชั้น 37 ซึ่งทั้ง 2 สระเป็นระบบน้ำเกลือ ความยาว 28 เมตร กว้าง 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร มีส่วนจากุซซี่    ชั้น 8 บริเวณสนามเด็กเล่นออกแบบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเด็กจาก รพ.สมิติเวช เพื่อให้ได้พัฒนาการของเด็กมากกว่าการเล่นสนุกเท่านั้น   อาคาร A ฝั่งด้านหน้าอาคารมีสวนสีเขียวส่วนตัว เห็นวิวใจกลางเมืองฝั่งสยามสแควร์   Secret Theatre ห้องชมภาพยนตร์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของบาร์ พร้อม Sunken Seats ให้ได้นั่งพักผ่อนชมวิวกลางเมือง    ฟิตเนส ล้อมรอบด้วยกระจก High Ceiling ปูพื้นกระเบื้องยางรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี พร้อมเครื่องออกกำลังกายสุดพิเศษที่ไม่เคยได้จากโครงการไหน ไม่ว่าจะ Weight Training, Cardio และ Relax Lights เครื่องเล่นบางชนิดที่นำเข้าจากอิตาลี พร้อมถ่ายทอดสดคลาสออกกำลังกาย Live streaming Cycling จาก WE Fitness ส่งตรงมาถึงฟิตเนสที่โครงการ   Co-Sharing Facilities สำหรับโครงการที่พญาไทคือโซน XT Club เนรมิตพื้นที่ให้กลายเป็น CREATIVE PLAYGROUND ให้ได้ปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์ Work Hard Play Hard กันอย่างเต็มที่ ซึ่งมีทั้ง CO-WORKING SPACE, ห้องประชุม, พื้นที่จัดอีเว้นท์เล็กๆ, โซนเก้าอี้นวด หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศมาที่ VR GAME, Wii GAME และ BOARDGAME โดยมีการดีไซน์ห้องเพดานสูงโปร่ง ใช้พื้นหินขัด Terrazzo นำเข้าจากอิตาลี คุมโทนสี Earth Tone แต่แอบตัดด้วยอลูมิเนียม copper ผิวมันวาว ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน แต่ยังแฝงไปด้วยความหรูหราตามสไตล์คอนโดมิเนียมกลางเมือง       จาก BTS พญาไท-XT PHAYATHAI         รีวิวฉบับนี้เรามาเริ่มต้นจาก BTS สถานีพญาไท ค่ะ ไปที่ประตูทางออกที่ 4   ทางออกที่ 4 ลงมาแล้วจะอยู่ที่บริเวณหัวมุมสี่แยกพญาไทค่ะ   ข้ามถนนมายังฝั่งด้านหน้าอาคารวรรณสรณ์ แหล่งรวมสถาบันกวดวิชาอันดับต้นๆ ในบ้านเรา   เดินตามทางบนถนนศรีอยุธยาฝั่งขาออกมาเรื่อยๆ ผ่านโรงแรมเดอะสุโกศล   ผ่านโรงเรียนศรีอยุธยา   รวมระยะทางเดินแล้วประมาณ 600 เมตรก็จะพบกับที่ตั้งโครงการ XT PHAYATHAI ค่ะ อยู่เยื้องๆ กับรพ.พญาไท 1    เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับด้วยการพาขึ้นลิฟท์ไปสู่ชั้น 2 ซึ่งเป็น Lobby ของ Sale Gallery ไปพร้อมๆ กับการเป็นร้านคาเฟ่ไปด้วยในตัว เรียกได้ว่าแอบเก๋กันตั้งแต่ก้าวเข้ามาเลยค่ะ   ชมห้องตัวอย่าง   ที่ชั้น 2 นี้เป็นทั้ง Lobby และร้านคาเฟ่ เน้นโทนสีแบบ Earth Tone ใช้พื้นหินขัดดูคลาสสิค ตัดกับสีเฟอร์นิเจอร์ที่เพิ่มความหรูหราด้วยอลูมิเนียมสีทองแดง ซึ่งใน XT Club ของโครงการก็จะมีการตกแต่งคล้ายๆ แบบนี้เช่นเดียวกันค่ะ    เดินเข้าไปด้านในสักหน่อยก็จะพบกับ Coffee Bar จากร้าน Casa Lapin ซึ่งใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็สามารถขึ้นมานั่งดื่มกาแฟ ทำงานที่นี่ก็ดีไปอีกแบบนะคะ ยิ่งหากได้เยี่ยมชมภายใน Sale Gallery และห้องตัวอย่างแล้วล่ะก็ อาจจะค้นพบแรงบันดาลใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานของคุณก็ได้นะคะ   ด้านในสุดจะพบกับห้องชม Presentation จากทางโครงการค่ะ   ขึ้นมาที่ชั้น 3 สามารถมองลงไปชั้นที่เป็นคาเฟ่ ให้ความรู้สึกอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศที่ดูเป็นธรรมชาติจนแทบไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าตรงนี้อยู่ติดกับถนนพญาไท   ที่ชั้น 3 แห่งนี้จะมีห้อง VR Room สำหรับการรับชมห้องตัวอย่างอันหลากหลาย ซึ่งเป็นโครงการที่มี Layout ให้เลือกมาที่สุดเท่าที่เคยมีมาถึง 59 Layout   สำหรับโครงการนี้จะขายห้องแบบ Fully Furnished นะคะ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องตัวอย่างอาจไม่ได้มาตามแบบที่เห็นค่ะ แต่รับรองได้ว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มานั้นมีรูปแบบเก๋ไม่ซ้ำใคร ไม่ซ้ำซากจำเจเแน่นอนค่ะ โดยห้องตัวอย่างจะมีเพียง 1 ห้องเท่านั้น เริ่มจากประตูบาน MDF โดยทุกยูนิตจะได้ Digital Door Lock    เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปจะพบกับห้องครัวปิดเป็นส่วนแรกค่ะ ลึกเข้าไปเป็นห้องนั่งเล่นอยู่กลางห้อง และห้องนอน โดยแต่ละห้องจะกั้นด้วยประตูกระจก Anneal ใส สูงชิดเพดาน หนา 6 มม. เฟรม Aluminium Powder Coat สีดำ ซึ่งการกั้นห้องด้วยกระจกใสแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ทำให้แสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาได้ทั่วถึงภายในห้องทั้งหมด ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง ไม่ต้องอาศัยแสงสว่างจากหลอดไฟเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังช่วยประหยัดไฟได้อีกค่ะ ส่วนความสูง Floor To Ceiling 2.7 เมตร ใช้ไฟแบบ Downlight    พื้นห้องครัวจะใช้วัสดุกระเบื้องเซรามิคค่ะ โดยด้านหลังประตูห้องจะได้ Built In ตู้เก็บของเอาไว้ให้ตามแบบเลยค่ะ   เมื่อเปิดตู้ออกมาก็จะพบว่า ชั้นล่างสามารถเก็บรองเท้าได้ ส่วนข้างบนแบ่งชั้นสำหรับเก็บของค่ะ ซึ่งบานตู้ทั้งหมดจะใช้ระบบ Soft Close    ถัดจากตู้หน้าห้องจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ในส่วนเดียวกันกับห้องครัวค่ะ โดยภายในห้องน้ำจะปูพื้น และผนังด้วยกระเบื้องเซรามิค Floor To Ceiling 2.5 เมตร   อ่างล้างหน้าใช้แบบวางบนเคาน์เตอร์แบรนด์ Kohler ก๊อกจาก Englefield โถสุขภัณฑ์แบรนด์ Kohler   ใต้อ่างล้างหน้าเป็นตู้เก็บของ ส่วนด้านบนก็เป็นตู้เก็บของที่ Built In มาให้ หน้าบานเป็นกระจกเงาค่ะ   หันหลังไปจะพบกับส่วนเปียกค่ะ โดยกั้นด้วยกระตูกระจกใสบานเลื่อน เฟรม Aluminium Powder Coat สีดำ ฝักบัวใช้แบรนด์ Englefield ส่วนด้านขวามือจะมีการเจาะผนังลึกเข้าไปเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์เป็นที่วางของค่ะ    ส่วนเปียกจะกั้นด้วยธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ มีข้อดีตรงที่ช่วยป้องกันน้ำล้นออกมาที่ส่วนแห้ง   ออกมาจากห้องน้ำก็จะพบกับเคาน์เตอร์ครัวค่ะ ใช้ Top หินสังเคราะห์ ผนังด้านในกรุกระเบื้องตลอดแนวผนัง เพื่อการเช็ดทำความสะอาดง่ายเมื่อเกิดคราบสกปรกจากการทำครัว ทางขวามือสุดมีช่องสำหรับวางตู้เย็น โดยจะได้ Built In แบบนี้มาครบเซตเลยค่ะ ยกเว้นเพียงตู้เย็น กับไมโครเวฟ   ตู้ด้านบนตู้เย็นจะซ่อนตู้ไฟของห้องเอาไว้ค่ะ   ซิงค์ล้างจานใช้แบบฝังใต้เคาน์เตอร์ จากแบรนด์ MEX   และจะได้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าเซรามิค 2 หัว มาพร้อมเครื่องดูดควันจากแบรนด์ MEX ค่ะ   ถัดมาเป็น Living Room ค่ะ วางอยู่กลางห้องพอดี พื้นใช้วัสดุลามิเนต ส่วนผนังห้องจริงจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ   เคาน์เตอร์วางทีวีจะถูก Built In มาให้ตามแบบ ซึ่งมีระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีมากทีเดียวค่ะ โดยจะสังเกตได้ว่าสามารถวางโต๊ะกลางได้ถึง 2 โต๊ะ แล้วยังเหลือพื้นที่อีกเยอะเลยค่ะ ส่วนเครื่องปรับอากาศของ Living Room จะถูกติดตั้งไว้เหนือทีวี ใช้แบรนด์ Trane   หันกลับมาทางโซฟาจะเห็นว่า ได้พื้นที่ลึกเข้าไปอีกเยอะเลยค่ะ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการจะให้มาด้วยก็มีทั้ง โซฟา โต๊ะกลาง โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ ซึ่งอาจจะได้เฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่างจากห้องตัวอย่างนี้นะคะ แต่รับรองว่ายังคง Concept ให้ดูแตกต่าง ถูกใจชาวมิลเลนเนียลแน่นอนค่ะ    โต๊ะทำงานวางไว้ข้างโซฟา ทำให้ห้องนี้เหมาะกับคนทำงานที่ไม่ต้องการบรรยากาศที่เคร่งเครียดมากจนเกินไปค่ะ   โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง ทางโครงการก็ให้มาด้วยนะคะ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ตามแบบ แต่ก็จะมีหลายแพ็คเกจมาให้เลือกได้ตามใจ   ด้านในสุดของห้องจะเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งยูนิตนี้จะแบ่งห้องนอนกับห้องนั่งเล่นให้มีขนาดพอๆ กัน ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของห้องก็ไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ   ภายในห้องนอนจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้กลางห้อง เหลือทางเดินรอบเตียงสบายๆ แต่ห้องจริงจะไม่ได้ฟูกมาด้วยนะคะ   ปลายเตียงจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบรนด์ Trane เอาไว้ค่ะ โดยจะได้ Built In โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าบานสวิง หน้าบาน มาด้วยค่ะ   ภายในตู้เสื้อผ้าจะมีไฟเพิ่มแสงสว่างมาให้ ช่องด้านบนมีขนาดค่อนข้างใหญ่สำหรับวางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้ค่ะ   พื้นที่ข้างเตียงเหลือมากพอสำหรับเป็นพื้นที่โยคะเบาๆ ได้เลยค่ะ   ข้างเตียงเชื่อมต่อด้วยระเบียงห้องค่ะ กั้นด้วยกระจกนิรภัย เฟรม Aluminium Powder Coat    พื้นระเบียงมีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อป้องกันฝุ่นจากภายนอกเข้ามาค่ะ ส่วนพื้นระเบียงใช้วัสดุกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งทาสีฟ้า ดูมีสีสันแปลกตาดีค่ะ   ระเบียงมีพื้นที่สำหรับเป็นระเบียงพักผ่อนได้   ที่มุมหนึ่งของระเบียงจะถูกกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีเดียวกันกับราวกันตก ซึ่งเป็นประตูบานสวิงแยก Condensing Unit ที่หันหน้าออกนอกอาคาร และข้างใต้จะสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ โดยมีการต่อท่อน้ำพร้อมรูปลั๊กเอาไว้ให้เรียบร้อยค่ะ    จากความตั้งใจในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ดีในแบบฉบับแสนสิริ สะท้อนออกมาให้เราเห็นเป็นโครงการที่สามารถสร้างความประทับใจได้อยู่เสมอ อย่างในตระกูล XT นี้ เชื่อว่าเป็น New Lifestyle Condominium ที่แปลกใหม่ และมีความชัดเจนในตัวเองมากที่สุดในเวลานี้  
PITI EKKAMAI ใช้ชีวิตให้มีความสุขบนความเรียบง่าย : รีวิวคอนโด

PITI EKKAMAI ใช้ชีวิตให้มีความสุขบนความเรียบง่าย : รีวิวคอนโด

คอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมในความคิดของคุณคืออะไรคะ? จะต้องเป็นคอนโดที่ดูหรูหราราคาแพง ต้องใช้วัสดุนำเข้าเท่านั้นหรือเปล่า แต่ SENA คิดต่างออกไปค่ะ เพราะคอนโดมิเนียม PITI EKKAMAI โครงการระดับพรีเมี่ยม แบรนด์ใหม่ล่าสุดนั้นคำนึงถึง “ความสุข” เป็นหลักค่ะ ความสุขที่ได้อยู่อาศัยในโครงการที่ดี อยู่แล้วสะดวกสบายด้วยเซอร์วิสระดับ Exclusive  เรียบง่ายได้ความสงบเป็นส่วนตัว บนทำเลที่เนื้อหอมที่สุดตลอดกาล         ทำเล   ในบรรดาคอนโดมิเนียมนั้นไม่มีทำเลไหนที่จะได้รับความนิยมสูงสุดต่อเนื่องมาโดยตลอดเท่าแนวถนนสุขุมวิทช่วงต้น-ช่วงกลางอีกแล้วค่ะ ซึ่งแต่ละช่วงก็มีคาแรคเตอร์แตกต่างกันอย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น เพลินจิต-ชิดลม จะเป็นแหล่งที่ตั้งของคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury และ Office Building เกรด A เต็มไปด้วยเหล่านักธุรกิจ คนทำงาน ถัดมาที่อโศก-พร้อมพงษ์ ก็เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตั้งแต่ระดับกลางๆ ไปจนถึงระดับหรู คึกคักในช่วงกลางวันด้วยกลุ่มมนุษย์ออฟฟิศ และช่วงทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งเราจะมาพูดถึงกันในรีวิวฉบับนี้   ย่านทองหล่อ-เอกมัย มีคาแรคเตอร์โดดเด่นชัดเจนในตัวเองมากอย่างที่หากเอ่ยชื่อแล้ว หลายคนคงจะเห็นภาพได้ทันที ด้วยความที่เป็นย่านแห่งไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของคนรุ่นใหม่ สามารถรองรับได้ทุกความต้องการของชีวิตรอบด้านกันแบบ All Day All Night เลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันที่มีคนทำงานละแวกนี้ หรือคนรุ่นใหม่เหล่าฟรีแลนซ์ที่นิยมมานั่งจิบชา ดื่มกาแฟตามร้านคาเฟ่สุดเก๋ไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในบรรยากาศดีๆ หรือช่วงกลางคืนก็เต็มไปด้วยสีสันคึกคัก ทั้งร้านอาหารระดับคุณภาพหลากหลายสัญชาติที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนนอกจากทองหล่อ-เอกมัย และยังเป็นแหล่งรวมร้านแฮงค์เอาท์สุดฮิตไว้มากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น บิ๊กซี เอกมัย, ท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต ทองหล่อ, เมเจอร์ สุขุมวิท, โรงพยาบาลคามิลเลียน, โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท, โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง ฯลฯ รวมถึงห้างสรรพสินค้าอย่าง เกตเวย์ เอกมัย, ดิ เอ็มควอเทียร์, ดิ เอ็มโพเรียม ที่ห่างออกไปเพียง 3 กิโลเมตร      ในแง่ของการเดินทางไม่ว่าจะด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือระบบขนส่งสาธารณะก็สะดวกสบายค่ะ เพราะถนนเอกมัยนั้นมีเส้นทางเชื่อมต่อเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง นอกจากถนนสุขุมวิทที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ได้เดินทางเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็วเพียง 10 นาทีถึงสถานีสยามแล้ว ปลายถนนเอกมัยก็เชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรี โดยตามซอยเอกมัยก็ยังสามารถทะลุไปถึงทองหล่อ และสุขุมวิทซอย 71 (ปรีดี พนมยงค์) ได้ ทำให้การเดินทางสะดวกคล่องตัว   Floor Plan Master Plan เริ่มจากอาคาร 3 ชั้นด้านหน้า มี Drop Off ด้านหน้าก่อนถึงอาคาร B และเชื่อมต่อกับอาคาร A ด้านในสุด ซึ่งหน้าโครงการที่ติดกับถนนนั้นคือทิศตะวันตก ลักษณะที่ดินยาวลึกเข้าไปทางทิศตะวันออกด้านในสุดของโครงการ   Floor Plan ชั้น 2 พื้นที่จอดรถแบบปรกติ     Floor Plan ชั้น 4-7 เป็นที่จอดรถแบบอัตโนมัติ Floor Plan ชั้น 9 อาคาร A ด้านในสุดของโครงการ ซึ่งเป็นอาคารที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน สำหรับอาคาร B ด้านหน้า คาดว่าจะเปิดขายประมาณช่วงปลายปีนี้ค่ะ โดยชั้น 9 นี้เป็นชั้นเริ่มต้นของยูนิตพักอาศัยค่ะ ซึ่งจะมีห้องพักหันออกทางทิศเหนือ-ใต้เป็นหลัก Floor Plan ชั้น 10-24 อาคาร A Floor Plan ชั้น 37 Roof Top ของโครงการ ที่เป็น Facility หลัก สามารถใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เช่น  INFINITED EDGE POOL, HEATED JACUZZI, TREE HOUSE, LOBBY, SKY FITNESS, SKY LOUNGE, GOLF SIMULATOR, BIKE SIMULATOR, LIBRARY, SPA ROOM IKIGAI ROOM ฯลฯ     Unit Plan 1 Bedroom 29 ตร.ม. ได้ห้องแบ่งเป็นสัดส่วน แม้จะเป็นยูนิตขนาดเริ่มต้นของโครงการ โดยจุดเด่นคือได้เฟอร์นิเจอร์ครบครันตาม Plan ที่เห็น และห้องน้ำแบบ Triple Function แยกสัดส่วนตามการใช้งาน   1 Bedroom 31.5 ตร.ม. ได้พื้นที่เพิ่มขึ้นมาอีกนิด แต่จะได้พื้นที่ Living Room และห้องนอนเพิ่มมากขึ้น แม้จะอยู่อาศัยกัน 2 คนก็ไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ        1 Bedroom 40 ตร.ม. แปลนห้องยอดฮิตของโครงการเลยค่ะ เพราะจะได้ห้องทำงานเพิ่มขึ้น หรือจะดัดแปลงเป็นห้องนอนอีก 1 ห้องก็ได้นะคะ และยังได้ระเบียงห้องยาวๆ สำหรับไว้วางเก้าอี้นั่งพักผ่อนได้   2 Bedroom 57 ตร.ม. สำหรับห้องหน้ากว้างแบบนี้เหมาะสำหรับการอยู่ร่วมกับเป็นครอบครัวมากยิ่งขึ้นค่ะ โดยจะแบ่ง Common Area และ Private Zone จากกันชัดเจน และยังได้ห้องครัวปิดที่มาพร้อมกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และเตาอบครบครัน    2 Bedroom 64 ตร.ม. ห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการค่ะ ได้ Space ทุกส่วนมาเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องครัวปิด ระเบียงกว้างขวาง Common Area ที่สามารถชวนเพื่อนมาปาร์ตี้กันได้สบายๆ และส่วนของห้องนอนอีก 2 ห้อง                ภาพรวมโครงการ   PITI EKKAMAI คอนโดมิเนียม Flagship ระดับพรีเมี่ยม จากเสนา ที่ร่วมทุนกับบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการอสังหาริมทัพย์ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมาในรูปแบบของ High Rise สูง 37 ชั้น 1 อาคาร โดยแบ่งออกเป็นอาคาร A และ B ทั้งหมด 879 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิตหน้าโครงการ ที่จอดรถมากถึง 70% มีทั้งที่จอดรถเข้าซองปรกติบนชั้น 1-3 และที่จอดรถแบบ Intelligent Parking System ชั้น 4-8 ส่วนยูนิตพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 9-36 รวมพื้นที่โครงการทั้งหมด 4–2-75 ไร่   แนวคิด IKIGAI (อิคิไก) ปรัชญาแบบฉบับญี่ปุ่นในการหาความหมายของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมา ด้วยสิ่งเล็กๆ รอบตัว ไม่ต้องขวนขวายจากที่ไหน แค่มองไปรอบตัวก็พบเจอได้ เช่น การตื่นขึ้นมาสัมผัสกับแสงแดดอ่อนยามเช้า, ได้นั่งดื่มกาแฟชั่นเลิศ, ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับครอบครัวภายในบ้านของเราเอง, ได้ออกกำลังกายให้เหงื่อชุ่มตัว ฯลฯ โดยอิคิไกของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน และไม่จำเป็นต้องมีเพียงอย่างเดียว โครงการนี้จึงเกิดขึ้นมาโดยนำมาประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับวิถีชีวิตอันหลากหลายได้อย่างลงตัว จนเกิดเป็นความสุขทุก Moment ของการใช้ชีวิต ใน PITI EKKAMAI      ความโดดเด่นของโครงการนี้อยู่ที่มีบริการระดับพรีเมี่ยม สำหรับคอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านแบบที่ไม่เคยมีในคอนโดมิเนียมไหนมาก่อน มาพร้อมกับบริการหลังการขายบน Application เดียว โดยมีรายละเอียดดังนี้   Elite Service   Midnight Reception and Butler Service พนักงานบริการตั้งแต่ 7.00-24.00 น. ไม่ว่าจะบริการแจ้งข่าวสารทั่วไป เรียกแท็กซี่ รับฝากบ้าน ขึ้นห้องพักอาศัยไปกับช่างซ่อม ส่งอาหาร ส่งดอกไม้ เป็นต้น Bellman พนักงานบริการช่วยยกกระเป๋าสัมภาระ เปิดประตู และช่วยเหลือบริเวณลิฟท์ Laundry Service Shop มีร้านบริกการซัก รีด Parking Guidance Systems มีหน้าจอโชว์ช่องจอดรถยนต์ที่ว่าง Access Control การผ่านเข้ามาในโครงการ และการเข้าใช้ Facility ต่างๆ จะต้องผ่านระบบ Access Control ไม่ว่าจะด้วยคีย์การ์ด สแกนนิ้ว หรือรหัสผ่าน Shuttle Car Service บริการรถรับ-ส่ง จากโครงการ-บีทีเอส-ทองหล่อ ตลอด 24 ชม. โดยสามารถเช็ครอบเวลาการเดินรถ หรือหลังเที่ยงคืนไปแล้วก็สามารถกดเรียกได้จาก Application และยังมีบริการคนขับรถเป็นผู้หญิง เพื่อความอุ่นใจของลูกบ้านอีกด้วย   SENA 360 Service Application   บริการหลังการขายแบบครบวงจร ดูแลลูกบ้านตลอด 24 ชม. เช่น ติดต่อนิติบุคคล แจ้งเตือนพัสดุ แจ้งซ่อมได้ตลอด 24 ชม. เปิดดู CCTV ได้ทุกเวลา ดูการทำงานของโซลาร์เซล เรียกรถรับ-ส่ง ได้ตลอด 24 ชม. พร้อมกับดูสถานะการมาถึงของรถได้ และบริการฝากขาย-เช่า โดย Acute Realty เอง   Facility เน้นความเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ออกแบบให้สอดคล้องและเกื้อหนุนกับการใช้ชีวิตในแบบ IKIGAI เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ได้มากที่สุด โดยจะแบ่งออกเป็น 2 จุดใหญ่ๆ นั่นคือชั้นล่างสุด ตั้งแต่หน้าโครงการจนถึงใต้อาคาร และที่ Roof Top ชั้น 37 ที่ให้ทั้งความ Active และ Passive ควบคู่กันไป อย่างโซน Active ก็จะมีทั้งสระว่ายน้ำยาว 50 เมตร ฟิตเนสที่มีโซน Boxing Room Active, Bike Simulator และ Golf Simulator สำหรับโซน Passive เช่น Heated Pool & Jacuzzi,Spa Room, Yoga room, Ikigai room ให้ได้นั่งสงบจิตใจท่ามกลางบรรยากาศความเงียบสงบล้อมรอบไปด้วยเสียงของสายน้ำ ซึ่ง Facility รวมพื้นที่แล้วกว่า 1,900 ตร.ม. ถือเป็นว่าเป็นส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดในเอกมัย   The Third Place หน้าโครงการ เป็นอาคาร 3 ชั้น ที่จะมีทั้งร้านกาแฟคุณภาพ CASA Lapin ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และชั้นบนสุดจะเป็น Co-Working Space ส่วนตัวสำหรับลูกบ้านเท่านั้น   Lobby ยังคงกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น ดูเรียบง่าย อบอุ่น ให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับธรรมชาตินอกอาคารด้วยกระจก High Ceiling    ฟิตเนสชั้น 37 แบ่งโซน For His และ For Her ล้อมรอบด้วยกระจก High Ceiling เห็นวิวเมืองได้รอบด้าน โดยกลางฟิตเนสจะปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้ สูงขึ้นไปถึง Roof Top ด้านบน     Sky Lounge ที่เป็น Co-Kitchen Space พร้อมอุปกรณ์ ไปด้วยในตัว ให้ได้ขึ้นมามีตติ้งกับเพื่อน หรือครอบครัวได้ในวันสบายๆ   Golf Simulator เอาใจคนรักกอล์ฟ แม้จะไม่มีเวลาออกรอบก็มาฝึกซ้อมก่อนได้     ชมห้องตัวอย่าง   เราเดินทางมาถึง Sale Gallery อยู่ระหว่างซอยเอกมัย 26 กับ 28 เยื้องกับปั๊มน้ำมันบางจากค่ะ ซึ่ง Sale Gallery ที่เห็นนี้ในอนาคตด้านในจะถูกปรับ Layout ใหม่ให้เป็น The Third Place มีทั้งร้านกาแฟฝีมือคนไทยระดับคุณภาพอย่าง Casa Lapin ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และ Co-Working Space ชั้นบนสุดที่สงวนไว้ให้เฉพาะลูกบ้าน    ตั้งแต่เริ่มทางเข้าก็ถูกตกแต่งให้มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น ตามแนวคิดของโครงการที่วางเอาไว้ค่ะ     ภายใน Sale Gallery จะมีโมเดลของโครงการตั้งอยู่ค่ะ ซึ่งจะเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าโครงการนี้ติดถนนเอกมัย ลักษณะที่ดินลึกเข้าไป มี The Third Place อยู่ด้านหน้า และตัวอาคารถูกแยกออกเป็นอาคาร A ด้านในสุดของพื้นที่โครงการ และอาคาร B ทางด้านหน้าโครงการ ส่วน Facility จะถูกยกขึ้นไปไว้บน Roof Top ชั้น 37 โดยหน้าโครงการจะหันไปทางทิศตะวันตก ส่วนยูนิตพักอาศัยจะหันออกทางทิศใต้ (ได้วิวถนนสุขุมวิท) และทิศเหนือ (ได้วิวถนนเพชรบุรี) เป็นหลักค่ะ   เรามาดูกันที่โมเดลเฉพาะส่วน Facility ชั้น 37 กันค่ะ   เริ่มจากห้องฟิตเนสฝั่งด้านหน้าโครงการ จะถูกล้อมรอบไปด้วยกระจก High Ceiling โดยจะแบ่งฟิตเนสออกเป็นโซน For His กับ For Her ด้านบนฟิตเนสเป็นสวนสีเขียวสำหรับพักผ่อนค่ะ    มองจากด้านนี้จะเห็นโซน Boxing ที่เชื่อมต่อจากภายในฟิตเนสค่ะ ส่วนบันไดทางขึ้นที่เชื่อมระหว่างชั้น 37 กับ Roof Top จะมีไฮไลท์คือ Tree House   ด้านบนฟิตเนสจะมีที่นั่งไล่ระดับ Amphitheatre และลานอเนกประสงค์ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้และพื้นที่สีเขียว     ถัดมาจะพบกับสระว่ายน้ำ หันไปทางทิศใต้ค่ะ โดยจะมีการแยกสระเด็กเอาไว้ที่มุมใกล้กับที่นั่งพักผ่อน สำหรับผู้ปกครองคอยดูแลบุตรหลานเวลาเล่นน้ำค่ะ โดยสระว่ายน้ำจะเป็น Infinited Edge Pool ยาว 50 เมตร   ด้านในจะเป็นสระน้ำอุ่นพร้อม Jacuzzi ค่ะ ส่วนด้านบนสระว่ายน้ำจะเป็น Sky Lounge ซึ่งเป็น Co-Kitchen Space ไปด้วยในตัวให้ได้มาสังสรรค์ เปลี่ยนบรรยากาศทำอาหารร่วมกันกับเพื่อนหรือรอบครัว พร้อมชมวิวเมืองผ่านกระจก High Ceiling รอบด้าน    มาดูทางทิศใต้กันบ้างค่ะ ตรงนี้จะเป็น Ikigai Room มีพื้นที่ตรงกลางให้ได้นั่งฟังเสียงน้ำไหลที่ล้อมรอบตัวอยู่ เป็นความสุขง่ายๆ ในความสงบนิ่งอยู่รอบตัว   ช่วงกลางของ Facility จะเป็น Library ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ได้วิวทั้งสองฝั่ง   ตามสไตล์ของโครงการจาก SENA ค่ะ ไม่ลืมที่จะติดตั้งโซลาร์เซล สำหรับดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในส่วนกลาง ช่วยประหยัดค่าไฟลงไปอีกเยอะเลยค่ะ   Type 1 Bedroom 31.50 ตร.ม.    เรามาเริ่มเปิดห้องตัวอย่างดูกันทีละห้องค่ะ โดยห้องตัวอย่างจะมีทั้งหมด 4 ห้อง เริ่มจากขนาด 31.50 ตร.ม. เมื่อผ่านประตูห้องที่ติดตั้ง Digital Door Lock จากแบรนด์ Yale เอาไว้ทุกยูนิตแล้ว ก็จะพบกับห้องครัวปิดก่อนค่ะ โดยจะกั้นห้องด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียม ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ภายในห้องใช้ไฟ Downlight      หันไปดูทางซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top หินสังเคราะห์ สีขาว ใต้ตู้ด้านบนติดตั้งไฟ LED เพิ่มแสงสว่างเวลาทำครัวค่ะ แต่เครื่องซักผ้าที่เห็นจะไม่ได้มาด้วยนะคะ   มีการเก็บบัวผนัง พร้อมกับกรุกระเบื้องลายหินอ่อนเอาไว้ตลอดแนวเคาน์เตอร์ค่ะ นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังทำให้เช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกได้ง่ายขึ้นด้วย   ฟังก์ชั่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้องค์ความรู้มาจากญี่ปุ่นแบบนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของ SENA ในโครงการรุ่นใหม่ๆ ทีเดียวค่ะ โดยตรงนี้สามารถดึงลงมาตามภาพสำหรับเป็นที่วางแก้ว   ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ จากแบรนด์ MEX มาพร้อมกับแผ่นหินสังเคราะห์สีขาว วางไว้เข้าล็อคกันกับตัวซิงค์ สำหรับเป็นที่พักจานเวลาล้างเสร็จใหม่ๆ หรือจะใช้เป็นเขียงก็ได้ค่ะ   ตู้เก็บของด้านบนค่ะ จะมีชั้นสำหรับเก็บจานเอาไว้ให้ด้วย     หันหลังกลับไปทางฝั่งขวามือจากประตูห้องค่ะ จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวพร้อมเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว เครื่องดูดควัน จากแบรนด์ MEX พร้อมช่องวางไมโครเวฟด้านล่าง และช่องสำหรับวางตู้เย็นทางขวามือ   ตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านข้าง Built In มาให้ตามนี้เลยค่ะ   ถัดเข้ามาด้านในห้องกันบ้างค่ะ พื้นห้องทุกยูนิตจะใช้วัสดุ Hybrid Engineering ขนาด 24X200 ซม. มีคุณสมบัติให้ผิวสัมผัสเหมือนไม้จริงมาก น้ำไม่ซึมทำให้ไม่มีปัญหาพื้นบวมภายหลัง   Living Room มีขนาดกว้างขวางกำลังดีค่ะ ไม่รู้สึกอึดอัดมาก Floor To Ceiling 2.7 ผนังกับเพดานห้องจริงจะเป็นพื้นขาวฉาบเรียบค่ะ     เคาน์เตอร์ทีวีจะได้ Built In ไม้ติดผนังตามแบบที่เห็นค่ะ แต่จะไม่ได้ลิ้นชักสีขาวมาด้วยนะคะ   โซฟาหุ้มด้วยผ้าสีเทาขนาด 2 ที่นั่ง มาพร้อมกับโต๊ะกลางทำจากอลูมิเนียมสีทองแดง Top ด้วยหินอ่อนสีขาว ทางโครงการให้มาแบบนี้เลยค่ะ   ด้านในสุดของ Living Room จะมีโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้บุนวมหุ้มด้วยผ้าสีเทา ซึ่งใกล้เคียงกันกับสีของโซฟา ให้มาครบเซตค่ะ    โต๊ะทานข้าว Top ด้วยหินอ่อน สีดำลายสีขาว ทำให้ห้องดูหรูหรามากขึ้น   หน้าต่างของห้องใช้แบบบานกระทุ้ง ขอบอลูมิเนียมสีดำค่ะ     หลังโต๊ะทานข้าวจะมีประตูบานสวิงเปิดออกไประเบียงได้   เครื่องปรับอากาศจากแบรนด์ Daikin จะติดตั้งเอาไว้ให้เหนือประตูกระจกที่กั้นห้องครัวค่ะ สำหรับห้องนอนด้านหลังโซฟาจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียม 3 ตอน ซึ่งเป็นกระจกสูงชิดเพดานห้อง ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ   มีระยะห่างระหว่างประตูกั้นห้องนอนกับเตียงอยู่พอสมควรค่ะ ไม่ได้แน่นเต็มพื้นที่จนเกินไป   เตียงนอนขนาด 5 ฟุตก็ได้มาด้วยนะคะ แต่จะไม่ได้ฟูกกับผ้าม่าน ซึ่งตามห้องตัวอย่างที่เห็นนี้มีการตกแต่งผนังด้านหัวเตียง ทำให้เตียงขยับออกมากเล็กน้อย ซึ่งห้องจริงนั้นจะได้พื้นที่ปลายเตียงมากกว่านี้ค่ะ   เครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนจะถูกติดตั้งด้านข้างเตียง เหนือประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นส่วนระเบียงค่ะ   ระเบียงจะมีธรณีประตูกั้นสูงขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ โดยพื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ     ทางขวามือของระเบียงจะพบกับประตูบานสวิงที่เชื่อมต่อกับ Living Room หลังโต๊ะทานข้าวเมื่อสักครู่ค่ะ มีข้อดี เช่น เวลาอยู่อาศัยจริงหากคุณผู้หญิงนอนหลับแล้ว แต่ผู้ชายยังดูทีวีหรือทำงานก็สามารถเดินออกนอกระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน ถือเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อลูกบ้านได้ดีค่ะ   Condensing Unit ถูกแขวนไว้เหนือศีรษะ หันออกนอกอาคารพร้อมติดตั้งกริลมาให้ด้วยค่ะ     ด้านข้างอีกฝั่งของเตียงจะมี Built In ตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตู้แยกกันค่ะ โดยฝั่งด้านซ้ายจะมีหน้าบานไม้ ส่วนตู้ขวาหน้าบานเป็นกระจกสีดำ ส่วนตรงกลางเป็นห้องน้ำค่ะ     ภายในตู้เสื้อผ้าด้านซ้ายมือจะมีชั้นวางของเอาไว้ให้ถึงครึ่งตู้ เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่มีของใช้จุกจิกค่ะ     บานตู้ด้านในติดตั้งกระจกยาวเต็มตัวมาให้ด้วยค่ะ   ส่วนตู้ทางขวามือก็เหมาะกับผู้ชายที่เน้นการแขวนเสื้อผ้าเป็นหลัก   ภายในตู้มีสวิทช์ไฟมาให้ด้วยค่ะ ซึ่งหากเปิดไฟแล้วมองจากภายนอกก็จะสามารถเห็นด้านในตู้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่เปิดไฟก็จะกลายเป็นตู้ทึบค่ะ   ห้องน้ำในทุกยูนิตจะถูกแบ่งเป็น Triple Function แยกสัดส่วนกันอย่างชัดเจนค่ะ    กลางห้องน้ำเป็นส่วนแห้งที่มีอ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง ส่วนด้านบนเป็นตู้เก็บของหน้าบานกระจกเงา สามารถเปิดออกได้ 2 บาน   สำหรับตู้กระจกด้านบนของจริงที่ได้มาจะมีขนาดเล็กและสั้นลงกว่าตามห้องตัวอย่างที่เห็นนะคะ เวลาใช้งานจริง เมื่อก้มลงจะได้ไม่ชนกับศีรษะ   ขวามือเป็นห้องสุขภัณฑ์ค่ะ จะถูกกั้นโดยกระจกขุ่นบานสวิง ด้านในมีการเจาะผนังสำหรับเป็นที่วางของได้ด้วย   ส่วนฝั่งซ้ายเป็นส่วนเปียกจะกั้นด้วยประตูกระจกขุ่นบานสวิง มีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อย   ภายในมีทั้งฝักบัว กับ Rain Shower มาให้ทั้งสองอย่างค่ะ    มีการติดตั้งท่อน้ำร้อน-น้ำเย็น มาให้เรียบร้อยเลยค่ะ ลูกบ้านไม่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเองก็สามารถใช้งานได้เลย   Type 1 Bedroom 35 ตร.ม.      ห้องตัวอย่างถัดมา มีขนาดเพิ่มขึ้นมานิดค่ะ โดยส่วนแรกจะเป็นห้องครัวปิดเช่นกัน พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค กั้นส่วนครัวด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียม สีดำ เคาน์เตอร์ครัวได้มาแบบ Double Wall Kitchen    เคาน์เตอร์ครัวทางขวามือ Top หินสังเคราะห์ สีขาว ผนังด้านในกรุกระเบื้องลายหินอ่อน เพื่อความสวยงามและทำความสะอาดง่าย   นอกจากฟังก์ชั่นที่วางแก้วแบบนี้แล้ว ยังมีราวสำหรับแขวนอุปกรณ์และที่วาง Ipad สำหรับใครที่ชอบเปิดคลิปสอนทำอาหารไปด้วย ทำตามไปด้วยก็สะดวกสบายยิ่งขึ้นค่ะ   บานตู้และลิ้นชักทั้งหมดจะติดตั้งระบบ Soft Close ค่ะ เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น    ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์จะดูเรียบร้อยสวยงามมากกว่า และยังป้องกันน้ำกระเด็นออกมาเวลาใช้งานด้วยค่ะ   ลิ้นชัก และตู้ใต้ซิงค์ล้างจานจะมีฟังก์ชั่นให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่เก็บมีด ที่วางช้อน-ส้อม ถังขยะที่ติดตั้งมากับบานตู้ และที่วางจานก็สามารถดึงออกแยกออกมาได้ทั้ง 2 ชิ้นค่ะ   เคาน์เตอร์ฝั่งซ้ายมือจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็น ช่องสำหรับวางไมโครเวฟด้านล่างเคาน์เตอร์ มาพร้อมกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควัน ส่วนผนังด้านในยังคงกรุกระเบื้องลายหินอ่อนให้เช่นกันค่ะ     ลึกเข้ามาที่ห้อง Living Room ค่ะ พื้นปูด้วย Hybrid Engineering ขนาด 24X200 ซม. ห้องจริงจะเป็นผนังและเพดานแบบฉาบเรียบสีขาวนะคะ    โต๊ะทานอาหารพร้อมเก้าอี้บุนวมหุ้มด้วยผ้า 2 ตัว ทางโครงการให้มาด้วยนะคะ   Top โต๊ะเป็นหินอ่อนสีดำลายสีขาวค่ะ ถือว่าให้เฟอร์นิเจอร์มาครบครันแล้วยังเป็นวัสดุที่ดีด้วยนะคะ   เคาน์เตอร์ทีวีเป็นไม้ลักษณะยาวมีช่องให้เก็บของ Built In ติดผนัง ได้มาแบบนี้เลยค่ะ   โซฟาหุ้มด้วยผ้าสีเทา วางอยู่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ทีวีค่ะ โดยด้านหลังโซฟาจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน   เข้ามาด้านในสุดของห้องติดริมหน้าต่างก็จะได้โต๊ะทำงานยาวๆ พร้อมเก้าอี้บุนวมหุ้มด้วยผ้าแบบนี้มาด้วยนะคะ   Top โต๊ะทำงานยังคงใช้หินอ่อนแบบเดียวกันกับโต๊ะทานข้าวค่ะ มีพื้นที่สำหรับวางของได้เยอะทีเดียว ส่วนหน้าต่างจะใช้แบบบานกระทุ้งอยู่ทางซ้ายมือของโต๊ะค่ะ   หน้าต่างจะได้กระจกเข้ามุมค่ะ เพิ่มมุมมองให้เห็นทิวทัศน์ด้านนอกกว้างมากขึ้น   ด้านข้างมีประตูบานสวิงเปิดออกไปที่ระเบียงได้ค่ะ เป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องนอนมากขึ้น เพราะไม่ต้องเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนที่จะออกไปที่ระเบียง   ห้องนี้ก็ยังคงได้โต๊ะกลางที่ทำจากอลูมิเนียมสีทองแดงกับ Top ลายหินอ่อนค่ะ   ภายในห้องนอนมีพื้นที่กว้างทีเดียวค่ะ โดยในห้องตัวอย่างจะ Built In หัวเตียงให้มีช่องเก็บของด้านข้าง แต่สำหรับห้องจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบ ก็จะทำให้ปลายเตียงมีพื้นที่เพิ่มอีก ซึ่งหากวางเตียงขนาด 5 ฟุตแบบนี้ไว้ก็ยังคงมีทางเดินได้รอบเตียงค่ะ   เหนือประตูกระจกจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบรนด์ Daikin ไว้ให้ค่ะ     ออกมาดูที่ระเบียงซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียม พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีดำ     Condensing Unit แขวนไว้ด้านบน หันหน้าออกนอกอาคาร    ด้านข้างเตียงอีกฝั่งจะ Built In ตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตู้ค่ะ โดยซ้ายมือหน้าบานเป็นกระจกสีดำ ส่วนขวามือหน้าบานไม้เช่นเดียวกันทุกยูนิตค่ะ   ตู้เสื้อผ้าทางขวามือยังคงติดตั้งกระจกเงาแบบเต็มตัวมาให้แบบนี้ทุกยูนิตค่ะ   ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ทางโครงการก็ไม่ลืมเพิ่มเติมมาให้ค่ะ อย่างที่แขวน 2 ชิ้นนี้ที่ติดตั้งอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าก็สามารถแขวนผ้าเช็ดตัว หรือหมวกได้   ห้องน้ำอยู่ระหว่างตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ แบ่งเป็น Triple Function โดยใช้กระจกขุ่นบานสวิงกั้นทั้ง 3 โซน   ตรงกลางเป็นอ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง ซึ่งห้องจริงจะมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเอาไว้ในตู้เก็บของนี้ด้วยค่ะ ส่วนตู้หน้าบานกระจกเงาจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สามารถเปิดเก็บของได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ   ฝั่งซ้ายเป็นโถสุขภัณฑ์ พร้อมสายชำระ และแกนใส่ทิชชู่   เหนือโถสุขภัณฑ์จะมีการเจาะช่องสำหรับวางของเอาไว้ด้วยค่ะ   ส่วนขวามือเป็นส่วนเปียกที่มีทั้งฝักบัวกับ Rain Shower พร้อมระบบน้ำร้อนมาให้เรียบร้อยเลยค่ะ      Type 1 Bedroom 40 ตร.ม.    มาถึงห้องที่ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าดีที่สุด จนเรียกได้ว่าเปิดจองปุ๊บห้องแปลนนี้ก็หมดปั๊บเลยค่ะ กับ Type 1 Bedroom 40 ตร.ม. โดยจะเริ่มจากห้องครัวปิดเช่นเคยค่ะ แล้วกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนก่อนจะเข้าสู่ Living Room    มาดูเคาน์เตอร์ครัวทางซ้ายกันก่อนค่ะ ใช้วัสดุ Top หินสังเคราะห์ สีขาว เพื่อความทนทานในการใช้งาน และยังทนต่อความชื้นมากกว่าด้วยค่ะ ผนังด้านในกรุ  กระเบื้องลายหินอ่อน นอกจากจะเพิ่มความสวยงามแล้วยังช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายมากกว่าที่จะปล่อยให้เป็นผนังปรกติ   ตู้ด้านบน และที่วางแก้ว ได้ฟังก์ชั่นแบบเดียวกันทุกยูนิตค่ะ   ซิงค์ล้างจานจากแบรนด์ MEX พร้อมแผ่นพลาสติกหนา ให้ได้ใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะวางจานหลังล้างเสร็จแล้ว หรือใช้เป็นเขียงก็ได้ค่ะ   สวิทช์เปิด-ปิด ไฟใต้ตู้ด้านบนค่ะ นอกจากจะช่วยเพิ่มแสงสว่างแล้ว ยังทำให้การทำครัวปลอดภัยยิ่งขึ้นค่ะ   ลิ้นชักแบ่งฟังก์ชั่นสำหรับเก็บอุปกรณ์ ถังขยะที่ติดมากับบานตู้ใต้ซิงค์ล้างจาน และที่วางจานสามารถเลื่อนออกมาจากในตู้ได้ และสามารถยกออกมาใช้งานได้     เคาน์เตอร์ครัวฝั่งตรงข้ามกัน จะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว เครื่องดูดควันจากแบรนด์ MEX และมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟไว้ด้านล่าง และวางตู้เย็นด้านข้าง     มีตู้สำหรับเก็บของทั้งด้านบนและด้านข้าง ซึ่งตู้ทรงสูงด้านข้างนั้น สามารถใช้เก็บร่มหรือโต๊ะรีดผ้าได้ค่ะ   เข้ามาใน Living Room กันค่ะ จะวางโซฟาด้านซ้าย ตรงข้ามกันจะได้เคาน์เตอร์ทีวีมาด้วยค่ะ โดยมีระยะห่างจากทีวีพอสมควรไม่ชิดให้เสียสายตาจนเกินไปค่ะ    โต๊ะทานข้าวมาพร้อมกับเก้าอี้บุนวมหุ้มด้วยผ้า วางไว้ที่มุมข้างเคาน์เตอร์ทีวีค่ะ   Top โต๊ะใช้หินอ่อนสีดำ ลายสีขาวค่ะ ช่วยเพิ่มให้ห้องดูหรูหราสวยงามมากขึ้น   เคาน์เตอร์วางทีวีเป็นไม้ยาวเกือบจะตลอดแนวผนัง   โครงการจะให้มาทั้งโต๊ะกลางอลูมิเนียมสีทองแดง Top หินอ่อน และโซฟาหุ้มด้วยผ้าขนาด 2 ที่นั่ง ถัดจากโซฟาเข้าไปด้านในสุดของห้องจะเป็นห้องทำงานค่ะ โดยกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียมสีดำอีกชั้นหนึ่ง   ภายในห้องทำงานนี้มีพื้นที่พอดีๆ ไม่คับแคบจนเกินไปค่ะ ใครที่ทำงานจากที่บ้านจะต้องชอบห้องนี้แน่นอนค่ะ เพราะเป็นส่วนตัวมากทีเดียว   ภายในห้องทำงานนี้จะได้ทั้งโซฟา และโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้แบบนี้มาให้ค่ะ   โต๊ะทำงานมีลักษณะแคบยาว Top หินอ่อนสีดำ ดูเป็นห้องทำงานที่หรูหราทีเดียวค่ะ   ภายในห้องทำงานก็มีเครื่องปรับอากาศติดตั้งมาให้แยกจาก Living Room ด้วยนะคะ โดยจะติดตั้งเหนือประตูกระจกบานเลื่อนด้านข้างโต๊ะทำงาน ซึ่งกั้นระเบียงเอาไว้ค่ะ    ระเบียงของห้องนี้จะมีลักษณะเป็นตัว L ค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเหล็กโปร่งสีดำ     มองจากมุมระเบียงจะเห็นชัดขึ้นค่ะว่าสามารถออกมาที่ระเบียงได้จากทั้งห้องทำงานทางซ้ายมือ และห้องนอนตรงกลางค่ะ     Condensing Unit แขวนเอาไว้ด้านบนพร้อมติดตั้งกริลเพื่อความสวยงามของอาคาร และยังช่วยผลักลมร้อนออกนอกอาคารด้วยค่ะ    กลับเข้ามาภายในห้องนอนกันต่อค่ะ โดยจะมีเตียงขนาด 5 ฟุตให้ แต่จะไม่มีฟูกกับผ้าม่านมาให้นะคะ เครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนจะติดตั้งเอาไว้เหนือประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นส่วนระเบียงเอาไว้ค่ะ   ด้านข้างเตียงจะได้ตู้เสื้อผ้า Built In 2 ตู้ค่ะ โดยตู้ด้านขวามือหน้าบานกระจกสีดำ มีไฟภายในตู้มาให้ และตู้ทางซ้ายมือหน้าบานไม้ ส่วนตรงกลางเป็นห้องน้ำค่ะ   ห้องน้ำแยกเป็น 3 ส่วน โดยใช้กระจกบานสวิงกั้นค่ะ ตรงกลางนี้เป็นอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง และตู้เก็บของหน้าบานกระจกเงาด้านบน     ทางขวาเป็นโถสุขภัณฑ์ พร้อมสายชำระ และแกนใส่ทิชชู่   เหนือโถสุขภัณฑ์จะเจาะช่องสำหรับวางของเอาไว้ค่ะ   ส่วนเปียกมีทั้งฝักบัว และ Rain Shower เพิ่มความสดชื่นเวลาอาบน้ำค่ะ      Type 2 Bedroom 57 ตร.ม.    มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายกันแล้วนะคะ ซึ่งเป็นห้องแบบ 2 Bedroom 57 ตร.ม. พื้นใช้วัสดุ Hybrid Engineering ผิวสัมผัสคล้ายกับไม้จริงมากกว่าไม้ Engineering ปรกติค่ะ โดยส่วนแรกของห้องจะเป็น Common Area ขวามือเป็นห้องครัวปิด และซ้ายมือเป็น Living Room ค่ะ    ซ้ายมือจากประตูห้องเป็นห้องครัวปิดค่ะ โดยจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียมสีดำ   มีตู้ทรงสูงอยู่ด้านข้างประตูครัวค่ะ ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีกเยอะ   ภายในห้องครัวจะปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค เคาน์เตอร์ครัววางแบบ U Shape ซึ่ง Top ครัว ใช้วัสดุหินสังเคราะห์ค่ะ     สำหรับห้อง 2 Bedroom จะได้เตาอบด้านล่างจากแบรนด์ MEX แบบนี้มาให้ด้วยนะคะ   เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควัน ซึ่งทุกยูนิตจะเป็นการดูดควันแบบต่อท่อออกนอกอาคารค่ะ หมดปัญหาเรื่องกลิ่นและควันแน่นอน   ซิงค์ล้างจานแบรนด์ MEX   สวิทช์เปิด-ปิดไฟ ที่ติดตั้งเอาไว้ใต้ตู้ด้านบน มีที่วาง Ipad มาพร้อมฟังก์ชั่นวางแก้วเช่นเคยค่ะ   ในครัวสามารถมองออกไปเห็น Living Room ทำให้แสงสว่างจากด้านนอกผ่านระเบียงส่องถึงด้านในครัวได้ ไม่ทำให้ดูอับทึบจนเกินไปค่ะ    ใกล้กับประตูครัวจะมีช่องวางตู้เย็นขนาด 2 ประตูได้พอดีเลยค่ะ เหมาะสำหรับการอยู่เป็นครอบครัว   ออกมาจากห้องครัวมาดูที่ Living Room กันต่อค่ะ กลางห้องจะวางโต๊ะทานข้าวขนาด 3-4 ที่นั่งเอาไว้    ข้างโต๊ะทานข้าวจะมีหน้าต่างกระจกใส แต่จะไม่สามารถเปิดออกได้นะคะ ซึ่งห้องจริงมุมนี้ก็จะได้วิวเมืองโล่งๆ ให้ได้นั่งพักสายตา   โต๊ะที่ได้มาสำหรับห้องนี้จะเป็น Top กระจกค่ะ มาพร้อมเก้าอี้ทั้ง 3 ตัว ซึ่งจะมีทั้งแบบบุนวมหุ้มด้วยผ้า 2 ตัว และบุนวมหุ้มด้วยหนังอีก 1 ตัว ค่ะ   ถัดมาเป็น Living Room จะได้โซฟา L shape หุ้มด้วยผ้า เก้าอี้สตูลพร้อมโต๊ะกลาง Top กระจกขนาดเล็กค่ะ ด้านข้างโซฟาจะเชื่อมต่อกับระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียมสีดำ    เคาน์เตอร์ทีวีจะ Built In ชั้นวางไม้มาให้ยาวตามแนวผนัง   จาก Living Room ด้านข้างโซฟาจะมีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะถึงระเบียง ช่วยป้องกันฝุ่นจากด้านนอกไม่ให้เข้ามาในห้อง   ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเหล็กโปร่งสีดำ โดยจะมีประตูเหล็กบานสวิงกั้นโซนเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่วาง Condensing Unit    กลับเข้ามาในห้องจะเห็นภาพรวมของ Common Area ทั้งหมดค่ะ ซึ่งห้องขนาด 2 Bedroom จะใช้เครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้า ให้ความเย็นได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ โดยถัดจากเคาน์เตอร์ทีวีทางซ้ายมือจะเป็น Private Zone    ทางด้านขวามือจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนแรก ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็น Master Bedroom ค่ะ    เรามาดูห้องทางขวามือกันก่อนค่ะ   ห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนแห้งก่อนส่วนเปียกด้านใน   ส่วนแห้งจะได้อ่างล้างหน้า ตู้เก็บของใต้อ่าง ตู้บานกระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ สายชำระ และแกนใส่ทิชชู่ ครบเซตค่ะ   ส่วนเปียกกั้นด้วยกระจกขุ่นบานสวิง ด้านในมีพื้นที่วางของหรือจะใช้สำหรับนั่งขัดตัวก็ได้ค่ะ   มีการเจาะผนังทำชั้นวางของ สำหรับห้องน้ำห้องนี้จะไม่ได้ Rain Shower มาด้วยนะคะ    ถัดมาที่ห้องนอนแรกจะได้เตียงขนาด 5 ฟุตค่ะ หากต้องการทางเดินได้รอบเตียงก็สามารถเลื่อนเตียงมาวางไว้กลางห้องก็ได้ค่ะ แต่หากต้องการพื้นที่ข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะหัวเตียงหรือโต๊ะทำงานเล็กๆ ก็สามารถเลื่อนเตียงไว้ชิดหน้าต่างก็ได้ค่ะ   ปลายเตียงมี Built In ตู้เสื้อผ้าหน้าบานไม้ ด้านในติดกระจกเงาแบบเต็มตัวให้ด้วยค่ะ   หน้าต่างใช้บานกระทุ้ง เปิดออกได้ 1 บานค่ะ ข้อดีคือมีความแน่นหนามากกว่าแบบกระจกบานเลื่อน หากใครที่อยู่ชั้นสูงๆ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนลมพัดจนเกิดเสียงค่ะ   เครื่องปรับอากาศติดตั้งเอาไว้ให้ด้านข้างเตียงค่ะ   สุดท้ายที่ห้อง Master Bedroom อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนแรกค่ะ    สำหรับ Master Bedroom จะได้เตียงขนาด 6 ฟุตค่ะ      ได้ Built In ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ ซึ่งเป็นหน้าบานกระจกสีดำทั้ง 2 ตู้ค่ะ ด้านในมีสวิทช์ไฟติดตั้งมาให้เช่นกันค่ะ   ข้างเตียงใช้หน้าต่างบานกระทุ้งเปิดออกได้ 1 บาน   ปลายเตียงมีตู้เก็บของให้ด้วยนะคะ โดยเฉพาะใครที่ชอบกีฬากอล์ฟก็สามารถเก็บอุปกรณ์เอาไว้ในนี้ได้อย่างสะดวก ส่วนเครื่องปรับอากาศจะถูกติดตั้งเอาไว้เหนือประตูห้องน้ำค่ะ   ห้องน้ำ Triple Function แบบนี้มีข้อดีตรงที่สามารถใช้ห้องน้ำได้พร้อมๆ กัน 2-3 คนค่ะ เช่น หากอีกคนกำลังแปรงฟันอยู่ แต่อีกคนปวดท้องเข้าห้องน้ำก็สามารถใช้ห้องน้ำได้พร้อมกันค่ะ    ด้านขวาเป็นส่วนเปียก มีที่วางของเอาไว้ให้ทั้งตรงผนังที่เจาะช่องเอาไว้ให้ และผนังด้านล่างที่สามารถใช้เป็นที่นั่งสำหรับขัดตัวได้ค่ะ   ได้ทั้งฝักบัวและ Rain Shower มาคู่กันเลยค่ะ    และซ้ายมือของห้องน้ำจะเป็นโถสุขภัณฑ์ พร้อมช่องสำหรับวางของค่ะ     ความพรีเมี่ยม ในแบบฉบับ PITI EKKAMAI ไม่ใช่เพียงเน้นความหรูหราเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความสุขในการดำเนินชีวิตในทุกๆ วันของลูกบ้าน พร้อมกับบริการระดับ Exclusive ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น มาในราคาเริ่มต้น 4.45 ล้านบาท ที่ไม่ได้แพงเลยสำหรับโครงการระดับนี้ บนทำเลกลางเมืองอย่างเอกมัย    ลงทะเบียนรับส่วนลดพิเศษกว่า 400,000 บาท* >>> PITI EKKAMAI    
HYPE Sathorn-Thonburi-ไฮป์ สาทร-ธนบุรี : รีวิวคอนโด

HYPE Sathorn-Thonburi-ไฮป์ สาทร-ธนบุรี : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : HYPE Sathorn-Thonburi (ไฮป์ สาทร-ธนบุรี) เจ้าของโครงการ : บริษัท ภัทรนันธ์ แอสเซท จำกัด ที่ตั้งโครงการ : ซอยเจริญนคร 22 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กทม. พื้นที่โครงการ : 7-0-53  ไร่ ลักษณะโครงการ : Low Rise จำนวนอาคาร : 5 อาคาร จำนวนชั้น : 8 ชั้น จำนวนยูนิต : 907 ยูนิต ที่จอดรถ : เฟส 1 จอดได้ 166 คัน คิดเป็น 34% , เฟส 2 จอดได้ 131 คัน คิดเป็น 30%     ขนาดห้อง : - สตูดิโอ ขนาด 25.2 ตร.ม. - 1 ห้องนอน ขนาด 32-43 ตร.ม. - 2 ห้องนอน ขนาด  45-51.36 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - สวนสาธารณะ - กล้อง CCTV - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 1,790,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 71,000บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ :  ไตรมาสที่ 2/2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมที่ออกแบบจากความโปร่ง โล่ง สบาย ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านของคุณ ทางเดินในอาคารให้กว้างสูงสุดถึง 5 ม. เพื่อปลูกต้นไม้ใหญ่ในทางเดิน และเปิดรับแสงแดดและลมเข้าสู่ภายในอาคารอย่างเต็มที่ เพื่อให้คุณสัมผัสธรรมชาติได้อย่างแท้จริง ตอบสนองวิถีคนเมือง ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : รถไฟฟ้า BTS กรุงธนบุรี , รถไฟฟ้าสายสีทอง 600 เมตร , ถนนกรุงธนบุรี , ถนนเจริญนคร , ถนนสาทร สถานที่ใกล้เคียง : Senafest , Icon Siam , รร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย , รร.อัสสัมชัญ บางรัก , รพ.เซนต์หลุยส์
The Nice Rangsit Klong 3 – เดอะ นีซ รังสิต คลอง 3 : รีวิวทาวน์โฮม

The Nice Rangsit Klong 3 – เดอะ นีซ รังสิต คลอง 3 : รีวิวทาวน์โฮม

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : The Nice Rangsit Klong 3 (เดอะ นีซ รังสิต คลอง 3 ) เจ้าของโครงการ : บริษัท วี.เอส.เค เอสเตท จำกัด ที่ตั้งโครงการ : ถนนชลมาร์คพิจารณ์ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พื้นที่โครงการ : 27-0-14 ไร่ ลักษณะโครงการ : ทาวน์โฮม 2 ชั้น ,โฮมออฟฟิศ 3 ชั้น จำนวนยูนิต : 257 ยูนิต     ขนาดบ้าน : - ทาวน์โฮม 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัวแยกส่วน และที่จอดรถ 2 คัน - แบบบ้าน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัวแยกส่วน และที่จอดรถ 2 คัน - โฮมออฟฟิศ 3 ชั้น 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - สวนส่วนกลาง - กล้อง CCTV - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 1,990,000 บาท จุดเด่นโครงการ : The Nice รังสิต คลอง 3 ทาวน์โฮมหรูสไตล์ฝรั่งเศษ โซนรังสิต-ลำลูกกา-คลอง 3 ใกล้ถนนกาญจนาภิเษก, ดอนเมืองโทลล์เวย์ และ รถไฟฟ้า 2 สาย ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : ถนนกาญจนาภิเษก , ดอนเมืองโทลล์เวย์ , รถไฟฟ้าสายสีเขียว , รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานที่ใกล้เคียง : เซียร์ รังสิต , ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต , เมเจอร์รังสิต , โรงเรียนโชคชัย รังสิต , โรงเรียนแย้มสะอาด , โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย , โรงเรียนนานาชาติสยาม , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี , มหาวิทยาลัยนอร์ท กรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต , มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเซีย , โรงพยาบาลปทุมเวช , โรงพยาบาลบางปะกอก รังสิต , โรงพยาบาลเปาโล รังสิต
YUU-ยู : รีวิวคอนโด

YUU-ยู : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : YUU (ยู) เจ้าของโครงการ : บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด ที่ตั้งโครงการ : ถนนสุขุมวิท ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พื้นที่โครงการ : 2-1-25.6 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 29 ชั้น จำนวนยูนิต : 285 ยูนิต ขนาดห้อง : - 1 Bedroom และ 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้น 34.00 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - Co-working space - Zen Garden - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 3,700,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 130,000บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ไตรมาสที่ 3 ปี 2562 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมแนวคิด ZEN เน้นความเรียบง่าย อิงธรรมชาติ พร้อมระบบ Smart Living ยกระดับคุณภาพชีวิตตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์รุ่นใหม่ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : ถนนสุขุมวิท , รถไฟความเร็วสูง สถานีศรีราชา สถานที่ใกล้เคียง : โรบินสัน ศรีราชา , ตึกคอม , โรงเรียนดาราสมุทร , โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา , โรงพยาบาล สมิติเวช ศรีราชา , โรงพยาบาลพญาไท , ร้าน Talay blue , ร้าน Phutalay
One9Five Asoke-Rama 9 ทำเลดีที่สุด มาพร้อมสเปคอันเหนือกว่า : รีวิวคอนโด

One9Five Asoke-Rama 9 ทำเลดีที่สุด มาพร้อมสเปคอันเหนือกว่า : รีวิวคอนโด

เป็นอีกครั้งที่เราจะพาไปชมคอนโดมิเนียมย่าน New CBD ที่ใครหลายคนทราบกันดีถึงศักยภาพทำเลอันแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำ แต่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันยังไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับสุขุมวิทชั้นใน และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งในรีวิวฉบับนี้เราจะพาไปชมโครงการ One9Five Asoke-Rama 9 อันร้อนแรงมาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวใหม่ๆ ที่ว่ากันว่าทำเลอยู่ในจุดที่ดีที่สุดของสี่แยกพระราม 9 แห่งนี้ด้วยนะคะ     ทำเล New CBD   คำว่า New CBD มีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงสี่แยกพระราม 9 ค่ะ เพราะเป็นจุดที่เป็นศูนย์รวมของสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายสไตล์ จนกระทั่งปัจจุบันย่านนี้ก็เติบโตขยายจากแยกพระราม 9 ออกไปจนถึงห้วยขวาง-สุทธิสาร และฝั่งถนนอโศก-ดินแดง ไปเชื่อมต่อถึงย่าน CBD เดิม เพราะ Office Building เกรด A ที่มีอยู่หลายอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกย่านนี้นั้น หากเอ่ยชื่อแล้วทุกคนก็จะรู้กันเป็นอย่างดี หรืออย่างน้อยก็เคยได้ยินชื่อกันมาบ้างค่ะ เช่น เซ็นทรัลพระราม 9, ฟอร์จูน, ตลาดนัดรถไฟรัชดา, เอสพลานาด, เดอะสตรีท, โรงพยาบาลพระราม 9 เป็นต้น รวมถึงสถานฑูตจีนและเกาหลี ที่เป็นจุดดึงดูดใช้ชาวจีนและเกาหลีเองเข้ามาอยู่อาศัยในย่านนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ           ถนนพระราม 9 เป็นถนนที่หลายคนต้องใช้เส้นทางนี้กันบ่อยๆ เพราะตั้งอยู่ในช่วงที่มีสถานที่สำคัญ และยังเชื่อมต่อได้อีกหลายเส้นทาง โดยเริ่มต้นสายมาจากสี่แยกพระราม 9 ซึ่งเป็นจุดตัดกับถนนรัชดาภิเษก ถนนดินแดง และถนนอโศก-ดินแดง ตรงผ่านจุดตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม สี่แยกรามคำแหง ไปจนสุดถนนที่จุดตัดกับถนนศรีนครินทร์ โดยมีมอเตอร์เวย์เป็นเส้นทางต่อเนื่อง รวมแล้วประมาณ 9 กิโลเมตร     One9Five Asoke-Rama 9 ตั้งอยู่ริมถนนพระราม 9 ฝั่งขาออก ที่เกริ่นกันไปแล้วว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดของย่านนี้ ก็เพราะอยู่ฝั่งเดียวกันกับ MRT สถานีพระราม 9 นั่นเองค่ะ เมื่อขึ้นจากรถไฟฟ้าใต้ดินก็จะพบกับอาคาร G Tower กับเซ็นทรัลพระราม 9 เดินมาทางด้านหลังผ่านอาคาร Unilever House อีกประมาณ 130 เมตร ก็จะพบกับโครงการค่ะ ไม่ต้องข้ามถนนไปขึ้นรถไฟฟ้า แถมยังสามารถเดินไปเซ็นทรัลพระราม 9 ได้เลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องขับรถไปวนหาที่จอด ยิ่งหากใครที่ทำงานในออฟฟิศแถวนี้ก็จะยิ่งเดินทางสะดวก ประหยัดเวลาเดินทางไปได้มากเลยค่ะ และยังสามารถใช้ถนนพระราม 9 ด้านหน้าโครงการไปอีกเพียง 800 เมตรก็จะถึงจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัช ด่านอโศก สามารถไปฝั่งแจ้งวัฒนะแล้วเชื่อมต่อไปจนสุดถึงบางปะอินได้เลย หรือจากโครงการตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะพบกับอีกหนึ่งจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัช ด่านพระราม 9 สามารถเชื่อมต่อไปยังทางพิเศษฉลองรัชไปโซนรามอินทรา หรือจะไปเชื่อมกับทางพิเศษเฉลิมมหานครออกไปทางบางนาได้ หากใครที่ต้องไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าใกล้ทั้งรถไฟฟ้า และยังใกล้ทั้งทางด่วนด้วยค่ะ     ภาพรวมโครงการ   One9Five Asoke-Rama 9 ออกแบบอาคารมาให้มีหน้าตาแบบตึกแฝดทั้งหมด 61 ชั้น รวมแล้ว 1,911 ยูนิต เฉลี่ย 18 ยูนิต/ชั้น โดยตั้งแต่ชั้น G-8 เป็นชั้นที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างอาคาร A กับ B ที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้นใต้ดินไปจนถึงชั้น 6 ทั้งหมดคิดเป็น 50% ลิฟท์แบ่งฝั่งอาคาร A กับ B ฝั่งละ 6 ตัว และแยกลิฟท์เซอร์วิชมาให้อีกฝั่งละ 1 ตัว ถือว่าให้ลิฟท์มาเยอะมากพอๆ กันกับลิฟท์ตาม Office Building เลยค่ะ ส่วนงานดีไซน์อันโดดเด่นในทุกรายละเอียดนี้เกิดจากทีมคุณภาพมาร่วมกันเนรมิตขึ้นมาอย่าง Shma ออกแบบ Landscape ทั้งหมดของโครงการ, LEO Inter ออกแบบ Facility, ตัวอาคารหลัก และ PIA Interior ดูแลด้าน Interior ภายในห้องพัก ทุกอย่างถูกหลอมรวมกันกลายเป็นอาคารที่ใครเห็นปุ๊บก็จะต้องจำได้ทันที่ว่านี่คือ One9Five Asoke-Rama 9              Facility จะถูกแยกออกเป็น 3 ชั้น โดยมีตั้งแต่ชั้น G-8 ลูกบ้านจะสามารถใช้ร่วมกันได้ทั้ง 2 อาคารค่ะ จะมีเพียงแต่ชั้น 61 ที่แยกเป็นของตัวเอง ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดรวมแล้วมีมากถึง 8.6 ไร่ บนแนวคิดที่ยกเอาภูเขาทั้งลูกมาวางไว้กลางชั้น 8 ของ One9Five และใช้เส้นสายจากธรรมชาติผสมผสานให้เข้ากันกับตัวอาคารอย่างกลมกลืน                   สวนสีเขียวส่วนกลางจะเริ่มมีตั้งแต่ทางเข้าโครงการ มีทั้งต้นไม้ใหญ่และไม้ประดับทั่วโครงการ   Grand Lobby ที่จัดเพดานให้เป็น Double Volume โปร่งโล่ง มองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกผ่านกระจก High Ceiling   Facility ชั้น 8 ศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่เชื่อมต่ออาคาร A กับ อาคาร B เข้าไว้ด้วยกัน   สระว่ายน้ำยาวรวมแล้ว 100 เมตร ซึ่งแบ่งเป็นสระว่ายน้ำให้ว่ายได้ยาวๆ 75 เมตร และฝั่งสระแบบฟรีฟอร์มทางด้านซ้ายมือ ซึ่งจะมีทั้งสระเด็ก และจากุซซี่   ด้านข้างสระว่ายน้ำจะแบ่งสิ่งอำนวยความสะดวกออกเป็นหลายห้อง อย่างฝั่งมุมสระว่ายน้ำจะมีห้องฟิตเนสล้อมรอบด้วยกระจก High Ceiling   Residential Lounge ได้ทั้งวิวเมือง และวิวสระว่ายน้ำ   Kid’s Club แต่งแต้มจินตนาการให้กับเด็กๆ ด้วยของเล่นเสริมพัฒนาการ   Private Spa ยกห้องสปาสุดหรูมาไว้ที่คอนโดมิเนียมของเราเอง   Library Room เปลี่ยนบรรยากาศนั่งอ่านหนังสืออย่างผ่อนคลาย   Golf Simulator คนรักกอล์ฟ แต่ไม่มีเวลาออกรอบก็มีห้องมาให้ซ้อมกันก่อนค่ะ   Theatre Room ยกโรงภาพยนตร์มาไว้ที่คอนโด ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น   เปลี่ยนบรรยากาศการประชุมอันแสนเคร่งเครียดมาไว้บนชั้น 61 ที่ Private Sky Meeting Room   Private Lounge นั่งพักผ่อนชมวิวเมือง   เมื่อไรที่ The Super Tower สร้างแล้วเสร็จ One9Five ก็จะกลายเป็นคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ใกล้แลนมาร์คของบ้านเรามากที่สุด     Floor Plan ทางเข้า-ออกโครงการมีทางเดียวค่ะ อยู่ติดถนนพระราม 9 ฝั่งขาออก มีการวางสวนสีเขียวพร้อมสายน้ำอยู่ทางทิศตะวันออก และทิศเหนือด้านในสุดของโครงการ ซึ่งในตัวอาคารก็จะมี Facility ของทั้งฝั่งอาคาร A ด้านหน้าโครงการทางทิศใต้ และอาคาร B ด้านหลังโครงการ   ชั้นใต้ดินจนถึงชั้น 6 เป็นที่จอดรถค่ะ โดยจะมียูนิตพักอาศัยอยู่ร่วมด้วยทั้ง 2 อาคาร ตั้งแต่ชั้น 2 เป็นต้นไป   Facility หลักของโครงการตั้งอยู่บนชั้น 8 ค่ะ สามารถเข้าได้จากทั้งอาคาร A และ B โดยสระว่ายน้ำจะอยู่แนวทิศตะวันออก แยกเป็นโซนสำหรับว่ายน้ำ และสำหรับพักผ่อนจะเป็นสระทรงฟรีฟอร์ม     Floor Plan ชั้น 9-29  โครงการนี้แม้จะมีจำนวนยูนิตค่อนข้างมาก แต่ออกแบบมาให้เป็น Privacy Living ด้วยจำนวนยูนิตไม่เกิน 18 ห้อง/ชั้น ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีจำนวนยูนิต/ชั้น น้อยที่สุดในละแวกนี้   Floor Plan ชั้น 56-58 ยิ่งชั้นสูงก็จะยิ่งมีจำนวนยูนิต/ชั้น ก็ยิ่งน้อยลงค่ะ โดยยูนิตจะถูกวางทั้ง 4 ทิศเป็นวงกลม ซึ่งลิฟท์โดยสารจะมีอาคารละ 6 ตัว แยกลิฟท์เซอร์วิชอีก 1 ตัว และบันไดหนีไฟ 2 จุดวางไว้กลางอาคาร   Floor Plan ชั้น 59 Type Penthouse จะถูกวางเอาไว้ที่ชั้น 59 นี้ และเชื่อมต่อไปที่ชั้น 60 ซึ่งเป็นชั้นที่พักอาศัยที่อยู่สูงที่สุดของโครงการค่ะ   Floor Plan ชั้น 61 ชั้นบนสุดจะที่เป็น Facility แยกกันทั้ง 2 อาคาร ลูกบ้านสามารถขึ้นมานั่งที่ Sky Lounge ชมบรรยากาศวิวเมืองในมุมสูงไร้อาคารรอบข้างบดบังทิวทัศน์         Unit Plan สำหรับ One9Five Asoke-Rama 9 จะมียูนิตขนาดเริ่มต้นที่ 25.50-271.50 ตร.ม. โดยจะมี Type ตั้งแต่ 1 Bedroom, 2 Bedroom, 3 Bedroom และ Penthouse โดยเราจะยกตัวอย่างแปลนห้องที่เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันทั้ง 4 ยูนิต โดยไฮไลท์จะอยู่ที่ Type E กับ Type D ค่ะ   เริ่มจากยูนิตไฮไลท์ Type E ขนาด 35.50 ตร.ม. หากได้ลองสัมผัสห้องตัวอย่างจริงจะรู้สึกได้เลยค่ะว่า เป็นห้องที่จัด Space มาได้อย่างลงตัว เพราะจะได้ทั้งห้องครัวปิด ห้องน้ำที่แยกเป็นสัดส่วน อีกทั้งยังได้พื้นที่ Living Room เชื่อมต่อไปยัง Bedroom กว้างๆ ในแนวลึกเข้าไป ทุกฟังก์ชั่นของห้องจะกว้างขวางมากพอสำหรับการใช้งานจริงได้อย่างสะดวกค่ะ        Type A ขนาด 40.50 ตร.ม. จุดเด่นอยู่ที่ Space ของ Living Room กับ Bedroom มีขนาดใกล้เคียงกัน แม้จะได้ระเบียงที่เล็กลงมาแต่ก็เหมาะกับผู้ที่เน้นการใช้งานภายในห้องมากกว่า ห้องน้ำใช้ประตูแบบ Double Access เชื่อมต่อระหว่างครัวเปิด สำหรับเวลามีแขกมาที่ห้องก็จะไม่ต้องเดินเข้าห้องนอน และทางฝั่ง Walk In Closet ภายในห้องนอน ให้การใช้งานจริงสะดวกยิ่งขึ้น   Type B ขนาด 41.00 ตร.ม. คนที่ชอบมีพื้นที่ Living Room กว้างๆ สำหรับมีเพื่อนมาหาที่ห้องบ่อยๆ ยูนิตนี้ก็น่าสนใจนะคะ ห้องนอนเป็นประตูบานทึบ ห้องน้ำใช้ประตูแบบ Double Access จะสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ยิ่งขึ้น และยังได้ห้องครัวปิดเหมาะสำหรับคนชอบทำกับข้าวด้วยค่ะ                     อีกหนึ่งยูนิตที่น่าสนใจคือ Type D 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 68.00 ตร.ม. เพราะเป็นยูนิตที่ถูกวางในตำแหน่งห้องมุมทางทิศตะวันออกของโครงการ เน้น Space ที่ Common Area แยกระเบียงซักล้างกับระเบียงพักผ่อนออกจากกัน เรียกว่าได้พื้นที่มากว้างขวางมาก เหมาะสำหรับครอบครัวค่ะ     จาก MRT-One9Five   เรามาลองเดินจาก MRT สถานีพระราม 9 ไปชมห้องตัวอย่างที่โครงการกันเลยค่ะ ดูกันเลยว่าตั้งอยู่ในมุมดีที่สุดจริงหรือไม่   จาก MRT สถานีพระราม 9 ประตูทางออกที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ทางออก 3 ซึ่งจะเชื่อมกับทางออกของ G Tower ในระยะเดินประมาณ 250 เมตร ค่ะ   ผ่านด้านข้างของอาคาร Unilever House   จากสี่แยกพระราม 9 เดินมาถึงโครงการ ใช้ระยะทางเดินประมาณ 5 นาที เท่านั้นเองค่ะ แถมไม่ต้องข้ามสี่แยกไฟแดงให้อันตรายด้วย ลูกบ้านเดินไปช้อปปิ้งที่เซ็นทรัลพระราม 9 ได้สบายๆ เลยค่ะ     ชมห้องตัวอย่าง   ห้องตัวอย่างจะมีทั้งหมด 4 ห้องนะคะ เป็น 1 Bedroom 3 ห้อง และ 2 Bedroom 1 ห้อง โดยวาง Concept การตกแต่งห้องให้เห็นคุณค่าของทองคำที่เกิดจากการฝังตัวของแร่ทองคำในหินตามธรรมชาติ ค่อยๆ สะสมตัวขึ้นมาแล้วกะเทาะออกมาเป็นทองคำอันงดงาม มีคุณค่าในตัวเองอย่างโครงการ One9Five แห่งนี้ค่ะ   Type E  35.50 ตร.ม.  เริ่มจากห้องตัวอย่างแรกตั้งแต่ประตูห้องกันเลยค่ะ บานประตูใช้ไม้ลามิเนตสูง 2.4 ม. ซึ่งทุกยูนิตจะได้ Digital Door Lock จากแบรนด์ YALE  หรือเทียบเท่า   เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเป็น Common Area ก่อนเลยค่ะ ซึ่งประตูตรงด้านหน้าเราจะเป็นห้องครัวปิด ส่วนพื้นห้องจะใช้วัสดุไม้เอ็นจิเนียร์ หนา 15 มม. ความสูง Floor To Ceiling 2.7 ม. ภายในห้องใช้ไฟแบบ Downlight ทั้งหมดค่ะ   หลังประตูห้องด้านขวามือจะ Built in ตู้เก็บของ หน้าบาน High Gloss ส่วนชั้นวางโครงเหล็กทางซ้ายมือไม่ได้มาด้วยนะคะ ห้องจริงจะเป็นพื้นที่โล่ง สามารถปรับใช้ได้ตามการใช้งานของลูกบ้านเอง   ตู้สามารถเปิดออกได้ทั้ง 3 บานค่ะ โดยทางฝั่งซ้ายของตู้จะถูกจัดให้เป็นที่วางรองเท้าค่ะ   เข้าไปดูที่ห้องครัวปิดค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ลายหินธรรมชาติสีเทา หรือเทียบเท่าค่ะ ซึ่งเคาน์เตอร์ครัวจะถูกวางแบบ Double Wall Kitchen แยกเป็นสองฝั่งค่ะ   เคาน์เตอร์ครัว Top หินสังเคราะห์สีขาว กรุผนังด้านในเคาน์เตอร์ครัวด้วยหินสังเคราะห์ มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟไว้ด้านล่าง และช่องสำหรับวางตู้เย็นอยู่ใกล้กับประตูครัวค่ะ   อีกด้านหนึ่งจะ Built in เคาน์เตอร์ครัว ตลอดแนวผนัง โดยใต้เคาน์เตอร์ด้านบนจะมีสวิตช์ไฟตรงเคาน์เตอร์ ช่วยเพิ่มแสงสว่างเวลาใช้งานค่ะ   ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ พร้อมก๊อกน้ำแบรนด์ MEX โดยจะสังเกตได้ว่าผนังด้านในจะกรุด้วยหินสังเคาระห์เช่นเดียวกันกับตัว Top ครัว เพื่อช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายเมื่อเกิดคราบสกปรกจากการทำครัวค่ะ   เตาไฟฟ้าเซรามิกระบบ Induction 2 หัว และเครื่องดูดควันจากแบรนด์ MEX  ซึ่งทุกห้องจะถูกต่อท่อออกด้านนอกอาคาร ไม่ต้องกังวลเรื่องควัน และกลิ่นเข้ามารบกวนภายในห้องค่ะ   ออกมาจากห้องครัวแล้ว มาดูที่ Living Room กลางห้องกันต่อค่ะ แต่เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งที่เห็นจะไม่ได้มาด้วยนะคะ   ด้านซ้ายมือมีพื้นที่สำหรับวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ พร้อมวางโต๊ะทานอาหารไว้ด้านข้างโซฟาก็เหมาะดีนะคะ   อีกด้านก็สามารถ Built in เคาน์เตอร์วางทีวี ดีไซน์ได้ตามใจชอบ   ภาพรวมของ Common Area ของห้อง Type E ค่ะ ซึ่งโซนนี้จะได้เครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้า ติดตั้งมาให้เรียบร้อยเลยค่ะ   เชื่อมต่อจาก Living Room ลึกเข้าไปจะเป็นห้องนอนค่ะ โดยจะกั้นด้วยประตูกระจก High Ceiling บานเลื่อน 3 ตอน   หนึ่งในความพิเศษของตัวกระจกบานเลื่อนนี้คือ รางเลื่อนจะถูกติดตั้งเอาไว้ด้านบนเพดานค่ะ ทำให้ฝุ่นจับตัวได้น้อยกว่าการติดตั้งรางเอาไว้ที่พื้น และยังช่วยให้เวลาเดินในห้องจะรู้สึก Smooth มากกว่า ซึ่งตามคอนโดมิเนียมทั่วไปจะหาได้ยากในการติดตั้งมาแบบนี้ เพราะมีต้นทุนที่สูงกว่าค่ะ   ห้องนอนมีพื้นที่พอที่จะวางเตียงได้ 5-6 ฟุต ค่ะ ซึ่งห้องจริงจะไม่มีเตียงมาให้นะคะ   ปลายเตียงมี Built in ตู้เสื้อผ้าบานสวิง หน้าบานกระจกสีชา กรอบอลูมิเนียม แต่โครงเหล็กทางขวามือห้องจริงจะเป็นพื้นที่โล่งนะคะ ส่วนเครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนจะใช้แบบ Wall Type แบรนด์ Daikin และห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือภายในห้องนอนค่ะ   ด้านข้างเตียงจะมีระเบียงห้องที่กั้นโดยประตูกระจกลามิเนตบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียม   ธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ โดยพื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องกันลื่น ลายหินธรรมชาติสีเทา หรือเทียบเท่า   ราวกันตกระเบียงกั้นด้วยกระจกนิรภัย เฟรมอลูมิเนียม เฉพาะกระจกสูง 1.2 เมตร   มุมระเบียงมีการกั้นกริลเอาไว้สำหรับแยก Condensing Unit และมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าเอาไว้ในมุมเดียวกันนี้ค่ะ โดยห้องจริงจะมีการต่อท่อน้ำ และมีรูปลั๊กเตรียมเอาไว้ให้ค่ะ   กลับเข้ามาดูกันที่ห้องน้ำกันบ้างค่ะ โดยจะปูพื้นและผนังด้วยแกรนิตโต้ ลายหินธรรมชาติหรือเทียบเท่า   ตู้กระจกหน้าอ่างล้างหน้าจะมีการติดตั้งไฟด้านข้างเอาไว้ให้ตามแบบเลยค่ะ ยกเว้นเพียงกรอบอลูมิเนียมรอบนอกเท่านั้น   อ่างล่างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ใช้แบรนด์ Kohler หรือเทียบเท่า Top เคาน์เตอร์ใช้วัสดุหินสังเคราะห์ และเหลือพื้นที่สำหรับวางของได้อีกเยอะเลยค่ะ ข้างใต้ก็ยังมีตู้ใต้อ่างล้างหน้ามาให้อีกด้วย   โถสุขภัณฑ์จากแบรนด์ Kohler หรือเทียบเท่า พร้อมสายชำระ และราวแขวนผ้าเหนือโถสุขภัณฑ์ จากแบรนด์ Englefield   ฉากกั้นกระจกแยกส่วนเปียกแบบนี้ทางโครงการก็ติดตั้งมาให้ด้วยนะคะ   ภายในส่วนเปียกจะมีทั้งฝักบัว และ Rain Shower จากแบรนด์ Kohler เช่นกันค่ะ   สวิตช์ไฟทั้งห้องจะใช้สีทองตามคอนเซปต์ค่ะ ใช้แบรนด์ Legrand   Type A 40.50 ตร.ม.  ห้องตัวอย่างถัดมาค่ะ จะแบ่งโซน Common Area ไว้ทางขวามือ และ Private Zone ไว้ทางซ้ายค่ะ โดยจะพบกับห้องครัวเปิดก่อนเลยค่ะ พื้นปูด้วยไม้เอ็นจิเนียร์ 15 มม. Floor To Ceiling 2.7 ม. ภายในห้องใช้ไฟแบบ Downlight ทั้งหมดค่ะ   หันมาขวามือจะพบกับเคาน์เตอร์ครัวแบบ  L shape โดยสิ่งที่จะได้คือ เคาน์เตอร์ครัวพร้อมติดตั้งไฟใต้เคาน์เตอร์ด้านบน ซิงค์ล้างจาน เตาไฟฟ้าเซรามิก เครื่องดูดควัน ยกเว้นแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไมโครเวฟ และตู้เย็นค่ะ   เคาน์เตอร์ครัวจะได้ตู้เก็บของมาให้ โดยแยกฟังก์ชั่นการใช้งานมาให้ตามการใช้งานจริงค่ะ   ลิ้นชักจะแบ่งช่องสำหรับวางช้อนส้อม และอุปกรณ์ เพื่อให้หยิบใช้ได้ง่ายขึ้นค่ะ   ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์แบบนี้ มีข้อดีตรงที่ช่วยป้องกันน้ำกระเด็นออกมาเลอะเทอะ และยังดูเรียบร้อยสวยงามมากกว่าแบบธรรมดาด้วยค่ะ   ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะมี Built in ตู้เก็บของบานสวิง และห้องน้ำค่ะ   ภายในตู้เก็บของสามารถเก็บของได้หลากหลายตามขนาดช่องที่แบ่งมาให้ค่ะ เช่น วางรองเท้า เก็บร่ม เก็บโต๊ะรีดผ้า เป็นต้น   ภายในห้องน้ำสำหรับห้อง Type A จะได้ประตูแบบ Double Access ค่ะ โดยทางขวามือจะเป็นอีกประตูที่เชื่อมกับห้องนอน   ซ้ายมือจะวางโถสุขภัณฑ์ พร้อมสายชำระ และยังมีการก่อผนังออกมาเล็กน้อยหลังโถสุขภัณฑ์สำหรับเป็นที่วางของได้อีก   ส่วนเปียกอยู่ถัดจากโถสุขภัณฑ์ค่ะ โดยจะได้ฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาด้วย   ภายในส่วนเปียกมีมุมสำหรับวางของ หรือจะใช้นั่งเวลาคุณผู้หญิงขัดตัวก็สะดวกดีนะคะ   ติดตั้งมาให้ทั้งฝักบัว และ Rain Shower ค่ะ   จากห้องครัวเปิดลึกเข้าไปพื้นที่เดียวกันเป็น Living Room ค่ะ แต่โต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่งด้านขวามือนี้ ห้องจริงจะไม่ได้มาด้วยนะคะ   ข้างประตูห้องน้ำจะมีช่องว่างทางขวาแบบนี้ เผื่อเอาไว้สำหรับใครที่อยาก Built in เพิ่มเติมได้ค่ะ   ก่อนจะเข้าไปชม Living Room เราแวะดูระเบียงทางขวามือหลังโต๊ะทานข้าวกันก่อนค่ะ   ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกแบบบานพับ 2 ตอนค่ะ ซึ่งมีระบบล็อคที่แน่นหนาทีเดียว   พื้นที่ระเบียงสำหรับ Type A แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากเท่ากับห้องอื่น แต่ยังคงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับใช้งาน อย่างวางเครื่องซักผ้าไว้ใต้ Condensing Unit และยังตากผ้าได้ค่ะ เพราะจะมาเน้นพื้นที่ภายในห้องมากกว่า   มีกริลแอร์กั้นไว้เป็นประตูเอาไว้ครึ่งด้านบนค่ะ สำหรับผลักลมร้อนจาก Condensing Unit ออกนอกตัวอาคาร   พื้นระเบียงใช้วัสดุกระเบื้องกันลื่น ราวกันตกกระจกนิรภัยกรอบอลูมิเนียม   ด้านในของห้องเป็น Living Room ค่ะ ซึ่งห้องจริงเฉพาะส่วนนี้จะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์มาด้วย แต่สามารถดีไซน์จัดวางได้เอง โดยโซฟาจะวางได้ขนาด 3-4 ที่นั่ง ไปจนถึงโซฟา L shape ก็ยังได้ค่ะ และยังสามารถวางโต๊ะกลางระหว่างโซฟากับเคาน์เตอร์วางทีวีได้อีก   หน้าต่างกรอบอลูมิเนียม บานกระทุ้ง 2 บาน โดยจะสังเกตได้ว่าทุกยูนิตจะมีการดรอปฝ้าเล็กน้อย ทำให้สามารถซ่อนรางผ้าม่านได้ ห้องดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยค่ะ   มุมด้านเคาน์เตอร์วางทีวีจะได้กระจกเข้ามุมด้วยนะคะ ช่วยเปิดมุมมองจาก Living Room ได้อีก   ด้านหลังโซฟาจะชิดกับประตูห้องนอนค่ะ ซึ่งจะใช้ประตูกระจก High Ceiling บานเลื่อน 3 ตอน   รางเลื่อนของประตูจะอยู่ด้านบนค่ะ ความรู้สึกตอนเลื่อนประตูนั้น Smooth ขึ้นเยอะเลยค่ะ แถมเวลาเดินผ่านก็ไม่มีอาการสะดุด เป็นสเปคที่ให้มาแบบหาได้ยากในคอนโดมิเนียมยุคนี้จริงๆ   ภายในห้องนอนขนาดกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางเตียงขนาดคิงไซส์ได้เลย  หน้าต่างกรอบอลูมิเนียม เป็นบานกระทุ้ง 2 บาน   ในวันสบายๆ ก็สามารถเปิดประตูกระจก แล้วนอนดูทีวี เปิดเครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้าเพียงตัวเดียวก็เย็นฉ่ำทั่วทั้งห้องแล้วค่ะ   ด้านข้างเตียงอีกฝั่งเป็น Walk In Closet ก่อนจะเป็นห้องน้ำค่ะ   Walk In Closet หน้าห้องน้ำที่เป็นประตูแบบ Double Access ซึ่งจะได้ตู้เสื้อผ้าบานสวิง หน้าบานเป็นกระจกกรอบอลูมิเนียมทั้ง 2 ฝั่งค่ะ   มุมมองหลังเดินออกจากห้องน้ำค่ะ จะมีตู้เสื้อผ้าทั้งสองข้างเป็นมุม Walk In Closet ก่อนจะเข้าภายในห้องนอน   Type B 41.00 ตร.ม. มาถึงอีกหนึ่งห้องแบบ 1 Bedroom ค่ะ เป็นห้องยอดนิยมสำหรับกลุ่มครอบครัวขนาดเล็กค่ะ เพราะ Space กว้างขวาง จัดอย่างเป็นสัดส่วน โดยโซนทางขวามือเป็น Common Area ทั้งหมด ส่วนทางซ้ายมือจะแบ่งเป็นห้องครัวปิด ห้องน้ำ และห้องนอนค่ะ   Common Area ลักษณะลึกเข้าไปข้างในค่ะ พื้นปูด้วยไม้เอ็นจิเนียร์ 15 มม. Floor To Ceiling 2.7 ม. ภายในห้องใช้ไฟแบบ Downlight ทั้งหมดค่ะ แต่โต๊ะทานข้าว โซฟา และโต๊ะกลางแบบที่เห็นจะไม่ได้มาด้วยนะคะ   ด้านข้างประตูห้องจะได้ Built in ตู้เก็บของมาให้ค่ะ ซึ่งจะใช้บานสวิง หน้าบานวัสดุ High Gloss เช่นเดียวกันทุกยูนิตค่ะ   ภายในจะถูกออกแบบมาคล้ายกันค่ะ คือฝั่งซ้ายวางรองเท้า ส่วนฝั่งขวาเป็นช่องยาวสำหรับเก็บร่ม หรืออุปกรณ์ต่างๆ   ถ้าเราหันหลังให้โต๊ะทานข้าวเมื่อสักครู่ ก็จะพบกับห้องครัวปิดอยู่หลังประตูห้องค่ะ โดยจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน กรอบอลูมิเนียม   พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ Floor To Ceiling 2.4 ม. ซ้ายมือจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็นก่อนที่จะเป็น Built in เคาน์เตอร์ครัวลักษณะ L shape   เคาน์เตอร์ครัว Top หินสังเคราะห์สีขาว หน้าบานตู้ High Gloss ทั้งหมด มีการติดตั้งไฟ LED พร้อมสวิตช์เปิด-ปิดเอาไว้ใต้เคาน์เตอร์ด้านบน ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ เตาไฟฟ้าเซรามิก 2 หัว ระบบ Induction และเครื่องดูดควัน ได้มาตามนี้ยกเซตเลยค่ะ   ถัดจากห้องครัวจะเป็นห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึง Living Room ค่ะ   ภายในห้องน้ำทั้งพื้นและผนังใช้วัสดุกระเบื้องแกรนิตโต้ Floor To Ceiling 2.4 ม. แยกส่วนเปียกไว้ด้านในด้วยฉากกระจกบานสวิงค่ะ ซึ่งจะได้แบบที่เห็นมาตามนี้เลย ยกเว้นเพียงกรอบอลูมิเนียมที่ล้อมรอบตู้กระจกหน้าอ่างล้างหน้าเท่านั้นค่ะ   เป็นอีกหนึ่ง Type ที่ได้ประตูห้องน้ำแบบ Double Access ค่ะ ซึ่งจะเชื่อมระหว่าง Living Room กับ Bedroom เพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาที่ห้องก็สามารถให้ใช้ประตูห้องน้ำทางฝั่ง Living Room ได้เลย ไม่ต้องเดินเข้าห้องนอนก่อนจะเข้าห้องน้ำค่ะ   ภายในส่วนเปียกให้มาทั้งฝักบัว และ Rain Shower ค่ะ   มาถึงพื้นที่ด้านในสุดของห้องค่ะ Living Room ที่สามารถวางโซฟาได้ยาวถึง 4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง โดยยังเหลือพื้นที่ทางเดินอยู่ค่ะ   ฝั่งตรงข้ามกันก็สามารถ Built in เคาน์เตอร์วางทีวีได้ หรือจะเลือกทีวีแบบแขวนผนังไปเลยตามห้องตัวอย่างนี้ก็ได้นะคะ ก็จะสามารถวางโต๊ะกลางขนาดใหญ่ได้เพิ่มขึ้น   ระเบียงจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม บานเลื่อน 2 ตอน   ระเบียงด้านนอกปูด้วยกระเบื้องกันลื่นสีเทา ลายหินธรรมชาติ หรือเทียบเท่า ราวกันตกใช้กระจกนิรภัยพร้อมกรอบอลูมิเนียมค่ะ   มุมระเบียงตรงนี้ ห้องจริงจะมีการต่อก๊อกน้ำ ท่อระบายน้ำ พร้อมมีรูปลั๊กมาให้สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้าค่ะ   ประตูกริลแอร์ครึ่งบานด้านบนสำหรับผลักลมร้อนจาก Condensing Unit ออกนอกระเบียงค่ะ   กลับเข้ามาในห้องจะเห็นเครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้าค่ะ และเมื่อมองจากมุมนี้จะเห็นได้ชัดเลยค่ะว่าเป็นห้องที่แบ่งสัดส่วนเอาไว้อย่างชัดเจน โดยตั้งแต่ประตูห้องก็จะไล่มาตั้งแต่ห้องครัวปิด ห้องน้ำ และสุดท้ายที่ห้องนอนตรงข้ามกับโซฟานี้ค่ะ   ภายในห้องนอนจะไม่มีเตียงมาให้นะคะ แต่จากขนาดพื้นที่นั้นก็สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้โดยยังเหลือพื้นที่รอบเตียง หน้าต่างจะใช้กระจกกรอบอลูมิเนียม สามารถเปิดออกแบบบานกระทุ้งได้ 2 บาน และมีการซ่อนรางผ้าม่านเอาไว้ด้านบน ทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นเมื่อติดตั้งผ้าม่านเรียบร้อย   อีกฝั่งของเตียงจะ Built In ตู้เสื้อผ้ามาให้ถึง 2 ตู้แยกฝั่งกันระหว่างประตูห้องน้ำค่ะ ใช้ตู้บานสวิง หน้าบานเป็นกระจกและกรอบอลูมิเนียม ภายในเป็นไม้ หรือเทียบเท่าค่ะ   ถ้าเข้าห้องน้ำจากประตูด้านในห้องนอนก็จะพบกับอ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลางเลยค่ะ   แต่ถ้าเข้าห้องน้ำจากประตูด้าน Living Room ด้านซ้ายมือของรูปนี้ ก็จะพบกับโถสุขภัณฑ์ก่อนเลย ถือว่าสะดวกมากหากมีแขกมาที่ห้อง เป็นการวางตามการใช้งานจริงได้ดีค่ะ   Type D 68.00 ตร.ม.  มาถึงห้องตัวอย่างแบบ 2 Bedroom กันบ้างค่ะ ซึ่งจะเป็นห้องตัวอย่างสุดท้ายของโครงการนี้ ส่วนแรกเป็นครัวเปิด พื้นจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ด้านในที่เป็น Living Room พื้นจะปูด้วยไม้เอ็นจิเนียร์ 15 มม. Floor To Ceiling 2.7 ม. ภายในห้องใช้ไฟแบบ Downlight ทั้งหมดค่ะ   หลังประตูห้องจะพบกับ Built In ตู้สำหรับเก็บของค่ะ โดยจะใช้บานสวิง หน้าบาน High Gloss แบบเดียวกันทุกยูนิตค่ะ   เป็นตู้ขนาด 3 บาน ซึ่งสามารถเปิดออกได้ทั้งหมดค่ะ   เมื่อเปิดประตูห้องแล้วหันไปทางซ้ายก็จะพบกับ Common Area โดยจะเป็นส่วนของครัวเปิดก่อนจะเชื่อมต่อกับ Living Room ค่ะ   One Wall Kitchen ด้านซ้ายมือ แต่สำหรับ Kitchen Island ด้านขวามือ ในห้องจริงจะไม่ได้มาด้วยนะคะ   Top เคาน์เตอร์ใช้หินสังเคราะห์ พร้อมกรุผนังด้านในเคาน์เตอร์มาให้สำหรับเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงเตาไฟฟ้าเซรามิก 4 หัว เครื่องดูดควัน ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ ได้ทั้งหมดนี้ครบชุดพร้อมใช้งานค่ะ ส่วนช่องสำหรับวางตู้เย็นจะอยู่ปลายเคาน์เตอร์ครัวด้านใน ติดกับระเบียงค่ะ     พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องกันลื่น ขนาดมากพอสำหรับเป็นพื้นที่ซักล้างค่ะ คือวางเครื่องซักผ้า พร้อมตากผ้าได้ และหากจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพิ่มก็สามารถติดตั้ง Condensing Unit เอาไว้เหนือประตูกระจกตรงระเบียงนี้ได้เลยค่ะ จะเห็นได้ว่าทุกอย่างถูกคิด ถูกวางเอาไว้เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตจริงของลูกบ้านค่ะ   สังเกตกันดีๆ ที่ขอบอลูมิเนียมตรงประตูกระจกจะดูหนากว่าปรกติค่ะ ทำให้เวลาล็อคจะแน่นหนามาก ถ้าอยู่ชั้นสูงๆ แล้วโดนลมพัดแรงก็จะไม่ขยับให้เกิดเสียงดัง และยังดูแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานด้วยนะคะ   กลับเข้ามาในห้องจะเห็นภาพรวมของส่วนแรกจากประตูห้องค่ะ ดูเป็นห้องที่เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ดีนะคะ เพราะครัวเปิดพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการทำอาหารที่หนักมาก และจะได้ Space กว้างๆ สามารถดีไซน์ฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างหลากหลายตามใจผู้อยู่อาศัย   ด้านขวามือของห้องจะเป็นห้องน้ำ กับห้องนอนแรกค่ะ   ภายในห้องน้ำทุกห้องเราจะได้อุปกรณ์ทั้งหมดครบเซตตามนี้เลยค่ะ ทั้งอ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์พร้อมตู้เก็บของ ตู้กระจกพร้อมติดตั้งไฟส่องสว่าง โถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ ราวแขวนผ้า ฝักบัว และ Rain Shower   ห้องน้ำทุกห้องจะปูพื้นและผนังด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนเปียกจะมีธรณีประตูกั้นขึ้นมาเล็กน้อย ช่วยไม่ให้น้ำล้นออกมาที่ส่วนแห้งค่ะ   หลังโถสุขภัณฑ์มีการก่อผนังออกมาเล็กน้อย เอาไว้เป็นวางของได้เพิ่มอีกค่ะ   ห้องนอนแรกดูไม่คับแคบเลยนะคะ กลางห้องสามารถวางเตียงได้ถึง 5 ฟุต โดยที่ยังเหลือพื้นที่ทางเดินได้อยู่ค่ะ   หน้าต่างกระจกกรอบอลูมิเนียม เป็นบานกระทุ้ง 1 บานค่ะ   ข้างเตียงมี Built in ตู้เสื้อผ้าบานสวิง ใช้เครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้าค่ะ   กลับมาที่ Living Room ซึ่งพื้นที่กลางห้องเราสามารถวางโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งตามห้องตัวอย่างได้ โดยยังมี Space เหลือให้ได้ปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบค่ะ ส่วนเครื่องปรับอากาศจะใช้แบบฝังฝ้า ต่อให้มีพื้นที่กว้างๆ แบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเย็นไม่ทั่วถึงค่ะ   มุม Living Room สามารถวางโซฟา L Shape ขนาดใหญ่ได้ พร้อมโต๊ะกลาง   เคาน์เตอร์วางทีวีในห้องจริงจะไม่ได้มาด้วยนะคะ เราสามารถดีไซน์ได้เองตามต้องการ   ด้านหลังโซฟามีหน้าต่างกระจกกรอบอลูมิเนียม ส่วนระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนด้านข้างโซฟา   รางผ้าม่านของทุกห้องจะมีการซ่อนขึ้นไปจากฝ้าเพดานปรกติแบบนี้ค่ะ ถือเป็นการเก็บดีเทลให้ห้องดูสวยงามทุกรายละเอียด   พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องกันลื่น ราวกันตกใช้กระจกนิรภัยกรอบอลูมิเนียมที่ดูแข็งแรง แน่นหนาทีเดียวค่ะ ใครที่เลือกอยู่ชั้นสูงๆ ก็วางใจได้   ระเบียงตรงนี้จะถูกจัดเอาไว้สำหรับพักผ่อนค่ะ จึงไม่มีก๊อกน้ำและกั้นกริล Condensing Unit ให้เห็น ด้วยความที่ Type นี้ทุกห้องจะใช้เครื่องปรับอากาศแบบฝังฝัาทั้งหมดค่ะ   กลับเข้าไปดูที่ห้องสุดท้ายกันค่ะ ทางซ้ายมือถัดจากเคาน์เตอร์ทีวีคือ Master Bedroom   จากประตูห้อง Master Bedroom เราหันไปดูทางซ้ายกันก่อนค่ะ   ส่วนนี้เราสามารถวางเตียงขนาด 5-6  ได้ โดยยังเหลือพื้นที่สำหรับทางเดินอยู่ ข้างเตียงมีหน้าต่างกระจกกรอบอลูมิเนียม พร้อมบานกระทุ้ง   กระจกใสเข้ามุมที่เห็นทางขวามือนี้ คือส่วนของห้องน้ำในตัว ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในโรงแรมหรูเลยค่ะ   หน้าต่างตรงหัวเตียงจะเป็นกระจกเข้ามุมค่ะ   กระจกใสจะสามารถมองเข้าไปเห็นภายในห้องน้ำได้ทั้งหมดเลยค่ะ ถ้าใครอยู่ห้องนี้กันสองคน ก็แนะนำให้ติดตั้งมูลี่เพิ่มเติมก็ได้ค่ะ   อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็น Walk In Closet ที่วางไว้อยู่หน้าห้องน้ำในตัวค่ะ   Walk In Closet จะมีตู้เสื้อผ้า Built In มาให้ 3 ตู้แยกกันค่ะ ถูกใจคนที่มีเสื้อผ้าเยอะแน่นอน   ถ้ายืนอยู่หน้าห้องน้ำก็จะเห็นประตูห้องอยู่ทางซ้ายมือ เป็น Walk In Closet ที่ดูแล้วเป็นมุมส่วนตัวดีค่ะ   เชื่อมต่อจาก Walk In Closet ก็จะเป็นห้องน้ำในตัวที่เราเห็นผ่านกระจกใสจากบริเวณเตียงเมื่อสักครู่นี้ โดยจะแยกส่วนเปียกเอาไว้ทางขวามือ พื้นและผนังยังคงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้   ข้างโถสุขภัณฑ์มีหน้าต่างกระจกบานกระทุ้งทรงสูงมาด้วยนะคะ ถ้าใครกลัวจะไม่เป็นส่วนตัวก็ติดตั้งมูลี่เพิ่มเติมได้เช่นกัน ตรงนี้จะมีข้อดีตรงที่สามารถเปิดหน้าต่างออกเพื่อระบายความชื้นได้ค่ะ และยังช่วยเพิ่มแสงสว่างภายในห้องน้ำได้ดีอีกด้วย   ทั้งอ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ ตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้า ตู้กระจกพร้อมไฟส่องสว่าง โถสุขภัณฑ์ สายชำระ ราวแขวนผ้า จะได้ทั้งหมดนี้มาครบค่ะ   ส่วนเปียกกั้นด้วยประตูกระจกบานสวิง   ด้านในส่วนเปียกจะเป็นพื้นที่ Shower ก่อนค่ะ   ถัดมาก็จะเป็น Bath Tub ที่ยังคงมีฝักบัวติดตั้งมาให้ด้วยเช่นกัน   มุมนี้เราสามารถนอนแช่ Bath Tub แล้วดูทีวีไปด้วยก็ได้นะคะ หรือจะนอนชมวิวเมืองออกไปทางหน้าต่างบานใหญ่ก็ได้ เป็นการสร้างความสุขเล็กๆ ในพื้นที่ส่วนตัวค่ะ     คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่โครงการแรกจาก TC Development ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ดีไซน์สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นสะดุดตา Landscape ที่เปรียบเสมือนโอเอซิสที่ยกมาไว้กลางเมือง Interior สเปคเหนือระดับจัดเต็มทุกดีเทล ไปจนถึงกระแสตอบรับอย่างล้นหลามด้วยราคาที่สมเหตุสมผลบนทำเลที่ใครๆ ก็ทราบกันดีว่าพรั่งพร้อมรอบด้าน จนใครที่ได้จับจองยูนิตที่ถูกใจไปก็ยิ้มกว้างกันทุกรายเลยค่ะ          
The Tree Dindaeng-Ratchaprarop-เดอะ ทรี ดินแดง-ราชปรารภ : รีวิวคอนโด

The Tree Dindaeng-Ratchaprarop-เดอะ ทรี ดินแดง-ราชปรารภ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : The Tree Dindaeng-Ratchaprarop (เดอะ ทรี ดินแดง-ราชปรารภ) เจ้าของโครงการ :  บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. พื้นที่โครงการ : 1-2-76  ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 8 ชั้น จำนวนยูนิต : 226 ยูนิต     ขนาดห้อง : - SAVANNA ขนาด 22.60 ตร.ม. - TROPICAL ขนาด 26.25 ตร.ม. - PINE  ขนาด 28.00 ตร.ม. - EVERGREEN ขนาด 34.25 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 1,000,000 บาท จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม แนวคิดนวัตกรรมคู่ธรรมชาติ ที่สร้างสรรค์ความสุขเพื่อการใช้ชีวิต จาก พฤกษา เรียลเอสเตท ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ และ MRT ดินแดง ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีอนุสาวรีย์ สถานที่ใกล้เคียง : สวนสันติภาพ , รางน้ำ , อนุสาวรีย์ขัยสมรภูมิ , ปปส. , สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น , กระทรวงแรงงาน , รพ.พญาไท 1 , รพ.ราชวิถี , รร.นิธิปริญญา , รร.แม่พระฟาติมา , รร.สุรศักดิ์มนตรี , ม.หอการค้า
XT Huaikhwang – เอ็กซ์ที ห้วยขวาง : รีวิวคอนโด

XT Huaikhwang – เอ็กซ์ที ห้วยขวาง : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : XT Huaikhwang ( เอ็กซ์ที ห้วยขวาง ) เจ้าของโครงการ : บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. พื้นที่โครงการ : 6 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 2 อาคาร จำนวนชั้น : 43 ชั้น , 12 ชั้น จำนวนยูนิต : 1,404  ยูนิต ที่จอดรถ : 41 %     ขนาดห้อง : - 1 Bedroom : 27.00-34.75 ตร.ม. - 2 Bedroom 1 Bath : 50.00 ตร.ม. - 2 Bedroom 2 Bath : 52.75-69.75 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 3,690,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 165,000 บาท/ ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ไตรมาสที่ 2 /2564 จุดเด่นโครงการ :  XT ห้วยขวางโดดเด่นด้วย Hidden Skybar ในรูปแบบ speakeasy bar รวมทั้ง sky tea garden ซึ่งจะสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในเวลาพักผ่อน ค้นพบชีวิตอันน่าหลงใหลที่ซุกซ่อนอยู่ใจกลางห้วยขวาง ห่างจากสถานี MRT ห้วยขวางเพียง 75 เมตร และ 5 นาทีจากเซ็นทรัลพระราม 9 ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : MRT สถานีห้วยขวาง , ถนนรัชดาภิเษก , ทางพิเศษศรีรัช สถานที่ใกล้เคียง : เซ็นทรัล พระราม 9 , ฟอร์จูน พระราม 9 , โรงพยาบาลพระราม 9 , สำนักงานเขตห้วยขวาง , สน.ห้วยขวาง , ตลาดห้วยขวาง
EYSE SUKHUMVIT 43 เปลี่ยนคอนโดให้เป็นบ้านกลางธรรมชาติ ในทำเลระดับพรีเมี่ยม : รีวิวคอนโด

EYSE SUKHUMVIT 43 เปลี่ยนคอนโดให้เป็นบ้านกลางธรรมชาติ ในทำเลระดับพรีเมี่ยม : รีวิวคอนโด

ราว 4 ปีมาแล้วนะคะ ตั้งแต่สิงห์ เอสเตท เปิดตัวในสนามอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัวก็เร่งสปีดสร้างโครงการระดับยักษ์ใหญ่เรียกกระแสฮือฮามาได้ตลอด ทั้งสถาปัตยกรรมภายนอก ทั้งการออกแบบภายใน และฟังก์ชั่นในทุกดีเทล จนมาถึงคอนโดมิเนียมโปรเจคใหม่ล่าสุดที่ยังคงความหรูหราบนทำเลสุดไพร์มตามสไตล์สิงห์ รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับแบรนด์น้องใหม่ “EYSE” กันค่ะ     ทำความรู้จัก “EYSE” คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่   EYSE SUKHUMVIT 43 (อีส สุขุมวิท 43) โครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุดที่ดึงเอาข้อดีของความเป็นคอนโด Low Rise ออกมาให้ดูสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะตรงที่ได้ความเป็นส่วนตัว รู้สึกสงบผ่อนคลายได้มากกว่าคอนโดมิเนียมที่เป็น High Rise เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนยุคใหม่ที่ชอบใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดี เดินทางได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคนโสด หรือครอบครัวขนาดเล็ก ที่ต้องขับรถยนต์เดินทางไปทำงานในเมือง หรือไปส่งลูกเข้าโรงเรียนระดับคุณภาพอยู่เป็นประจำ ขนาดพื้นที่ภายในห้องพักอาศัยเพียงพอต่อทุกคน แต่ไม่ต้องทำความสะอาดมากเหมือนบ้านเดี่ยว       “EYSE” มาจากคำว่า EASE แปลว่าพักผ่อน ผ่อนคลาย สบาย สื่อถึงตัวแบรนด์ที่วางแนวคิด THE HIDDEN TREASURE ให้ผู้อยู่อาศัยได้เผยตัวตนเมื่อเข้ามาอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเอง โดยจะประกอบไปด้วย 4 แกนใหญ่ ซึ่งจะนำไปใช้ในโครงการอื่นๆ ต่อจากนี้ภายใต้แบรนด์ EYSE ได้แก่   Downtown Hidden Location ใช้ชีวิตอย่างลงตัวด้วยทำเลที่ตั้งโครงการสุดไพร์ม สามารถเดินทางไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้อย่างง่ายดาย แต่ขณะเดียวกันเมื่อเข้ามาในโครงการก็จะพบกับความสงบเป็นส่วนตัว   Courtyard or backyard concept ,disconnect to the world outside ทุกดีเทลถูกคิดมาเพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของลูกบ้าน เน้นการอยู่กับธรรมชาติ ตั้งแต่การวางทิศทางของอาคารให้สอดคล้องกับทิศทางลม และแสงแดด, นำเอาธรรมชาติเข้ามาอยู่ทั้งภายในและรอบโครงการ, เพดานสูงโปร่งถึง 3 เมตร, Balcony กว้าง รับบรรยากาศธรรมชาติได้เต็มที่ ฯลฯ     Layout options and Real usage function provided ฟังก์ชั่นและดีไซน์ถูกออกแบบมาให้สอดรับกับความต้องการเฉพาะตัวของลูกบ้านมากที่สุด เช่น จำนวนยูนิตน้อยให้ความเป็นส่วนตัว, Customer’s Choices ภายในยูนิตสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งาน, บริการพิเศษแม่บ้านดูแลทำความสะอาดห้อง เป็นต้น   Multi-functional Facilities พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้าน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลากหลาย สร้าง Space เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกบ้านได้รู้จักกันจนเกิดเป็นสังคมที่ดีในโครงการ     ทำเลสุดไพร์ม   ขึ้นชื่อย่านสุขุมวิทแล้วก็ย่อมเป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นทำเลอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างครอบคลุม รวมถึงออฟฟิศหลายแห่งมารวมตัวกันอยู่ถนนเส้นนี้ก็มีไม่น้อย และยังเป็นถนนที่มีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ซึ่งเป็นสายหลักในบ้านเราวิ่งให้บริการตลอดเส้นทาง โดยในอนาคตจะเปิดให้บริการยาวไปจนถึงจ.สมุทรปราการ ยิ่งเป็นสุขุมวิทช่วงต้นแล้ว ก็ยิ่งเรียกได้ว่าเป็นทำเลทองที่ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติอยากจับจองอยู่เสมอ     ช่วงพร้อมพงษ์เป็นจุดที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับถนนสุขุมวิท ในแง่ของสิ่งอำนวยความสะดวกเมื่อเอ่ยชื่อก็คงไม่มีใคร   ไม่รู้จักใช่ไหมคะ อย่าง The EmQuartier, The Emporium หรือจะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ Rain Hill และร้านสปา, ร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ โดยมีให้เลือกมากมายจนเรียกได้ว่าย่านนี้ไม่ว่าจะเข้าไปในซอยไหนก็เจอร้านอาหารดีๆ อยู่ทุกซอยเลยค่ะ และยังเป็นแหล่งโรงแรมแบรนด์ดังระดับ 4-5 ดาว แม้ว่าจะมีสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่รายล้อมอยู่ตลอดสองฝั่งถนน แต่ก็ยังมีสวนสาธารณะอุทยานเบญจสิริ ขนาดพื้นที่ 29 ไร่ แทรกตัวอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ เสมือนเป็นแหล่งโอโซนให้กับคนย่านพร้อมพงษ์ ทั้งหมดนี้จึงไม่แปลกว่าทำไมถึงเป็นแหล่งที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากมายโดยเฉพาะคนญี่ปุ่นและชาวตะวันตก รวมถึงคนไทยเองที่มีไลฟ์สไตล์แบบฉบับคนเมือง   ส่วนเรื่องการเดินทางก็สามารถใช้ซอยสุขุมวิท 24 (ซอยข้าง The Emporium) ไปทะลุออกถนนพระราม 4 ซึ่งสามารถขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร ด่านท่าเรือ บริเวณถนนเกษมราษฎร์ได้ โดยจะเลือกออกไปทางบางนา หรือจะไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษฉลองรัชไปรามอินทรา หรือฝั่งที่ไปเชื่อมกับทางพิเศษศรีรัชและโทลเวย์ ไปทางพระราม 9-แจ้งวัฒนะได้ ส่วนระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกที่สุด แน่นอนว่าคือรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่เปิดให้ใช้บริการอยู่ในปัจจุบัน โดยจากสถานีพร้อมพงษ์ถัดไปเป็นสถานีอโศก ซึ่งเป็น Interchange กับ MRT สายสีน้ำเงิน สถานีสุขุมวิท และใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีถึงสถานีสยาม           ซอยสุขุมวิท 43 ที่ตั้งของโครงการ EYSE SUKHUMVIT 43 ห่างจาก BTS สถานีพร้อมพงษ์ประมาณ 550 เมตร ซึ่งจาก BTS ก็จะผ่าน The EmQuartier และ Tops Market Sukhumvit 41 ระยะทางประมาณ 300 เมตร และจากปากซอยมาจนถึงตัวโครงการอีก 250 เมตร หรือจากปากซอย 43 เลยไปอีกประมาณ 900 เมตร ก็จะเป็นซอยสุขุมวิท 55 หรือซอยทองหล่อ อีกแหล่งรวมไลฟ์สไตล์สุดฮิปทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนนั่นเอง และถึงแม้ว่าสุขุมวิท 43 จะเป็นซอยตัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบ้าน 2 ชั้น ที่อยู่อาศัยกันมานานกับอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้นอยู่บ้าง จึงทำให้ได้บรรยากาศอันเงียบสงบ ท่ามกลางเมืองใหญ่ ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันอยู่มากพอสมควร ระหว่างปากซอยกับในซอยสุขุมวิท 43 ตรงนี้จึงถือเป็น Hidden Gem Location ตามแบบฉบับของโครงการที่ตั้งใจวางคอนเซปนี้เอาไว้       ภาพรวมโครงการ   EYSE SUKHUMVIT 43 คอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคารที่พักอาศัย ทั้งหมด 107 ยูนิต และ 1 อาคาร Facility 3 ชั้น และชั้นใต้ดินซึ่งเป็น Parking 100% อีก 3 ชั้น แยกที่จอดรถสำหรับ Visitor เอาไว้ด้วย ทั้งหมดอยู่บนพื้นที่ 1-3-69.4 ไร่ ซึ่งโครงการนี้ถูกเนรมิตขึ้นโดยการร่วมมือกันของทีมดีไซน์ชั้นนำทั้งหมด 3 ทีมด้วยกันค่ะ เริ่มจาก SHMA จะสร้างสรรค์ในเรื่อง Landscape ทั้งหมด เหมือนยกป่าขนาดย่อมมาไว้กลางเมืองหลวง แต่ยังสามารถอยู่กับคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนเมืองใหญ่ได้อย่างพอดี ทีม Steven เข้ามาดีไซน์งาน Interiors ออกแบบ Space ได้กว้างขวางพร้อมคัดสรรวัสดุชั้นเยี่ยม สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยจริง และทีม HB Design ดูแลด้าน Architect คิดละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางทิศทางของอาคารให้สอดคล้องกับทิศทางลมกับแสงแดด ตัวอาคารดูพรีเมียมแต่ยังคงกลมกลืนกับ Landscape ทั้งหมดออกมาได้อย่างลงตัว ได้ทั้งความเป็นส่วนตัว ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ้านที่มีธรรมชาติอยู่ล้อมรอบตัว และยังมีระบบ Home Automation ควบคุมการระบบไฟฟ้า และผ้าม่านภายในห้องได้อีกด้วย    Facility แบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ ค่ะ คือ   Facilities Cube จะอยู่บนอาคารสูง 3 ชั้น แยกตัวออกมาจากอาคารพักอาศัย ให้ได้นั่งพักผ่อนในบรรยากาศอันเงียบสงบ โดยจะมีทั้ง Garden Lounge, Changing room with steam room and Private Onsen, Swimming pool with kids pool, Pool deck and Jacuzzi และ Fitness   Courtyard Area พื้นที่สีเขียวกลางอาคาร ออกแบบมาให้ความรู้สึกเชื่อมต่อพื้นที่อาคาร และภายนอกเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนไม่ว่าจะอยู่มุม Lawn Terrace, Waterfall Terrace หรือ Sunken Terrace ก็จะมีแต่ความสงบร่มรื่น     Roof Top ของ Facilities Cube จะถูกวางเป็น Swimming Pool with Kids Pool 4 x 13 เมตร, Pool Deck ซึ่งวางเตียงริมสระน้ำไว้ด้วย และ Jacuzzi สร้างความเป็นส่วนตัวด้วย Green Wall สูงจากพื้นขึ้นมาบังสายตาจากด้านนอก เมื่ออยู่ในสระก็จะให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น   ชั้นเดียวกันกับสระว่ายน้ำ ก็จะมีห้องฟิตเนส โดยภายในยังคงคุมโทนสีน้ำตาลดูเป็นธรรมชาติอยู่   หน้าอาคาร Facilities Cube มี Sunken Terrace ให้นั่งพักผ่อนด้านนอก พร้อมฟังเสียงน้ำตกเล็กๆ จาก Waterfall Terrace    Lawn Terrace ที่เป็น Courtyard กลางโครงการ ทำให้มี Space โล่งๆ ไม่ได้มีแต่อาคารให้ดูหนาแน่นจนเกินไป     Courtyard ตรงกลางจะทำหน้าที่เชื่อมต่อส่วนกลางชั้นล่างของอาคารที่พักอาศัย กับส่วนกลางภายในอาคาร Facilities Cube ให้มีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมถึง Facade ที่ใช้วัสดุอลูมิเนียมผสมผสานกับไม้ และกระจกใส ให้ดูกลมกลืนเข้ากันทั้งโครงการ      The Living Room ใต้อาคาร A เชื่อมต่อจาก Lawn Terrace กลางอาคาร ยังคงคุมโทนสีเข้มให้รู้สึกเหมือนอยู่ในป่า ซึ่งสามารถเปิดประตูกระจก High Ceiling บานใหญ่รับลมธรรมชาติจากภายนอกได้   Garden Lounge เปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนที่ทั้งดูหรูหราด้วยหินอ่อน และได้ความสงบด้วยไม้ประดับต้นเล็กๆ รอบ Lounge กลมกลืนด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้ หวาย และเหล็กสีดำ   Lobby กั้นด้วยประตูกระจก High Ceiling ผสมกับไม้ ภายในได้เพดานสูงโปร่งดูโอ่โถงตกแต่งด้วยหินอ่อน อลูมิเนียมสีทอง และไม้สีเข้ม คุมโทนไม่หลุดคอนเซปความเป็นธรรมชาติ     Floor Plan ทางเข้า-ออกอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 43 ทางทิศตะวันตกค่ะ โดยอาคาร A จะถูกวางเป็นรูปตัว I ด้านหน้าโครงการ และอาคาร B จะถูกวางเป็นรูปตัว L วางแนวด้านในสุดของโครงการ และส่วนกลางนั้นจะถูกวางเอาไว้แยกตัวออกมาเป็น 1 อาคาร ทางซ้ายด้านหน้าโครงการจำนวน 3 ชั้น โดยมีที่จอดรถชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น รวมถึงส่วนกลางตรงกลางพื้นที่ของโครงการค่ะ ซึ่งทั้งโครงการจะปลูกต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบเอาไว้ทั้งหมด   Parking 100% ชั้นใต้ดินทั้ง 3 ชั้นค่ะ โดยกลางอาคารจะมีลิฟท์พร้อมบันไดหนีไฟติดตั้งไว้ด้วย ที่จอดรถก็จะล็อคที่เอาไว้ให้สำหรับทุกห้องเลยค่ะ โดยจะมีการออกโฉนดที่จอดรถให้เลยเป็นที่ประจำของแต่ละยูนิต ด้านข้างของแต่ละล็อคก็จะมีล็อคเกอร์แยกสำหรับแต่ละยูนิตเช่นเดียวกันค่ะ ชั้น 2 จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นค่ะว่ายูนิตพักอาศัยจากทั้ง 2 อาคาร จะถูกวางในทิศทางที่ไม่มีห้องไหนโดนบล็อควิวกันเลย และยังช่วยให้ไม่บังทิศทางของลมกันด้วยค่ะ โดยบางส่วนของอาคารที่มีซ้อนกันอยู่จะถูกจัดให้เป็นพื้นที่โถงลิฟท์ และทางเดินของอาคารค่ะ เป็นการออกแบบมาโดยคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยจริงได้อย่างลงตัวมากค่ะ และชั้น 2 ของอาคารส่วนกลาง จะจัดให้เป็นห้องน้ำส่วนกลางที่จะมาพร้อมกับ Steam Room, Private Onsen ค่ะ     ชั้น 3 เป็นชั้นที่มี Terrace เล็กๆ เชื่อมต่อระหว่างสองอาคารที่พักอาศัย และยังสามารถบังฝนให้กับชั้นล่างได้ด้วย ส่วนที่อาคารส่วนกลาง จะเป็น Swimming Pool, Kids Pool, Pool Deck, Jacuzzi และห้องฟิตเนสค่ะ    อาคาร A จะวางยูนิตในทิศเหนือ วิวสระว่ายน้ำ กับทิศใต้ วิวฝั่งถนนสุขุมวิท ส่วนอาคาร B จะวางยูนิตในทิศตะวันออก วิวนอกอาคาร กับทิศตะวันตก วิวสระว่ายน้ำ โดยทั้งสองอาคารจะมีลิฟท์โดยสารอาคารละ 2 ตัว บันไดหนีไฟ 2 จุด แยกกันค่ะ   Roof Floor Plan ของทั้งสองอาคารจะถูกติดตั้ง Solar Panel เพื่อดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้กับส่วนกลางของโครงการ เป็นการประหยัดไฟได้ถึง 20,000 บาท/เดือน และยังมีแบตเตอรี่สำรองไฟเอาไว้ใช้ช่วงกลางคืนได้ด้วย ตรงนี้ส่งผลให้ค่าส่วนกลางลดลงกว่าปรกติด้วยนะคะ           Unit Plan   โครงการนี้จะให้เฟอร์นิเจอร์มาแบบ Fully Fitted ทุกยูนิต Floor To Ceiling สูงถึง 3 เมตร ซึ่งถือว่าหาได้ยากมากสำหรับคอนโดมิเนียม Low Rise ส่วน Balcony มีพื้นที่กว้างขวางสามารถออกไปใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ที่สำคัญคือถูกออกแบบมาให้ไม่มี Condensing Unit วางอยู่ให้ดูรำคาญใจเลยค่ะ เพราะจะถูกซ่อนเอาไว้ด้านบนยูนิตของเรา ซึ่งจะไปแทรกตัวอยู่ภายในห้องนอนตรงริมหน้าต่างของยูนิตที่อยู่ด้านบนแทน โดยจุดที่ติดกับหน้าต่างนี้จะจัดให้เป็น Bay Window ปิดด้วยไม้ดูสวยงามเรียบร้อย เป็นการนำเอาเทคนิค Interlock เข้ามาใช้อย่างเกิดประโยชน์ในทุกส่วน ถ้ายังนึกภาพไม่ออกเราจะพาไปดูกันที่ห้องตัวอย่างค่ะ แต่ก่อนอื่นมาดูกันที่ Unit Plan คร่าวๆ ของโครงการก่อนค่ะ        1 Bedroom 52.25 ตร.ม. ยูนิตขนาดเริ่มต้นของโครงการค่ะ จุดเด่นของ Type นี้จะอยู่ที่ประตูห้องน้ำแบบ Double Access เข้า-ออกได้ทั้งจากทางห้องครัวกับห้องนอนบริเวณ Walk In Closet ทำให้เวลามีแขกมาที่ห้องของเรา จะได้ไม่ต้องเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะเข้าห้องน้ำค่ะ ตรงนี้ถือว่าเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น ซึ่งห้องน้ำจะมีส่วนเปียกทั้งที่เป็น Shower และ Bathtub ค่ะ     1 Bedroom 54.00-54.50 ตร.ม. พื้นที่ขยับขึ้นมาอีกนิดค่ะแต่ยังอยู่ใน Type เดียวกัน ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เป็น Customer’s Choices สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตามต้องการ โดยหากมองแปลนทางซ้ายมือบริเวณ Walk In Closet หากเจ้าของห้องใช้พื้นที่ตู้เสื้อผ้าไม่มาก ก็สามาถให้ทางโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นห้องทำงานแทนได้ตามแปลนทางขวามือ หรือแม้กระทั่งการ Combine 2 ยูนิต 1 Bedroom ให้เป็นห้องเดียวกัน ทางโครงการก็ทำให้ได้นะคะ ทุกสิ่งก็เพื่อให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริงได้มากที่สุด 2 Bedrooms 88.00 ตร.ม. ห้องขนาด 2 Bedrooms ก็เป็น Customer’s Choices เช่นเดียวกันค่ะ โดยสามารถเลือกได้ระหว่างพื้นที่ห้องนอน 1 กับห้องน้ำกว้างๆ หรือจะเปลี่ยนเป็นเพิ่มห้องทำงาน แต่ลดขนาดห้องนอน 1 กับห้องน้ำลงเล็กน้อย     2 Bedrooms 94.75 ตร.ม. ขนาดใหญ่ที่สุดของ Type 2 Bedrooms 2 Bathrooms เป็นขนาดที่ไม่ต้องเลือกระหว่างพื้นที่ห้องนอนกับห้องทำงานแล้วค่ะ เพราะจะได้พื้นที่ทุกห้องมากว้างมาก ทั้ง 2 ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ไปจนถึงระเบียงเลยค่ะ   2 Bedrooms Duplex 99.50-99.75 ตร.ม. โดยแปลนทางซ้ายจะเป็น Lower จัดให้เป็น Common Area พร้อมห้องน้ำสำหรับรับแขก ส่วนทางขวาเป็น Upper โดย Master Bedroom จะได้ Walk In Closet กับ Bay Window และห้องนอนที่ 2 จะได้ กระจกสูงสามารถมองลงไปที่ Living Room และยังได้ทิวทัศน์ด้านนอกอาคารด้วยกระจก High Ceiling ที่สูงขึ้นมาจาก Living Room จรดเพดานชั้น Upper     ห้องตัวอย่างสุดหรู   ห้องตัวอย่างของ EYSE SUKHUMVIT 43 จะอยู่ภายใน Sale Gallery ของโครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 ติด BTS ทองหล่อค่ะ ซึ่งจะมีให้ชม 1 ห้องตัวอย่าง Type 2 Bedrooms 88.00 ตร.ม. พร้อมเปิดต้อนรับทุกท่านให้เข้ามาสัมผัสความพรีเมี่ยมในวันที่ 16 กรกฎาคม นี้ค่ะ       Plan นี้คือห้องตัวอย่าง Type 2 Bedrooms 88.00 ตร.ม. ที่เราจะพาไปชมกันนะคะ        เริ่มกันตั้งแต่ประตูห้องกันเลยค่ะ ใช้บานสวิง 1 บานครึ่ง สูง 2.6 เมตร กว้าง 1.3 เมตร ใช้วัสดุไม้วีเนียร์ ซึ่งมีคุณสมบัติกันไฟได้ 1 ชม. อายุการใช้งานยาวนาน และสามารถซ่อมแซมแก้ไขพื้นผิวได้ง่าย อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบ Digital Door Lock จากแบรนด์ YALE   สวิทช์ Schneider Electric โดยจะมีไฟ LED บอกสถานะการเปิด-ปิดไฟเป็นสีฟ้าอยู่รอบปุ่ม และ Wallpaper ทางโครงการจะติดตั้งมาให้ด้วย ซึ่งมีให้เลือกระหว่างโทนสีเข้มและสีอ่อนค่ะ     เปิดประตูเข้ามาก็มี Welcome Light ซึ่งเป็นไฟแบบ Downlight ที่ใช้ภายในห้องทั้งหมดค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลน โดยโซนแรกเราจะพบกับ Kitchen Room สไตล์ยุโรป ความสูง Floor To Ceiling  2.65 เมตร ชุดครัวจากแบรนด์ Poliform แบ่งเป็นด้านซ้ายเป็น One Wall Kitchen ส่วนด้านขวามือตรงกลางห้อง Kitchen Room เป็น Kitchen Island ที่ต่อด้วยโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง   Top เคาน์เตอร์ครัวทั้งหมด รวมถึงกรุผนังส่วนครัวตลอดแนวด้วยหินควอทซ์แบบเดียวกันทั้งเซต วัสดุปิดผิวบานตู้ทั้งหมดใช้สีขาวตัดกันกับสีเทาเข้มของหินควอทซ์ และใต้ตู้ด้านบนติดตั้งไฟเพิ่มแสงสว่างเวลาทำครัวเอาไว้ด้วยค่ะ   เมื่อเปิดบานตู้และลิ้นชักออกมาทั้งหมดก็จะมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ ด้านในเป็นสีดำแบ่งเป็นชั้นๆ เพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากกว่าเป็นตู้เปล่าค่ะ   ชุดครัวระดับ Hi-End จากยุโรป แบรนด์ Kuppersbusch ทั้งเตาอบ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน ได้มาครบชุดนี้เลยค่ะ   ซิงค์ล้างจาน 2 หลุมแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นออกเวลาใช้งาน จากแบรนด์ FRANKE   นอกจากนี้ ใกล้กับประตูห้องจะมี Built in ตู้เคาน์เตอร์ 4 บานนี้   เปิดออกมาก็จะเป็นตู้เย็นที่มีช่อง  Freeze อยู่ด้านล่างค่ะ   Kitchen Island กลาง Kitchen Room ก็เป็นตู้เก็บของด้านล่างอยู่ด้วยค่ะ   ด้านขวามือจากประตูห้องมี Built in ตู้เก็บของทรงสูงมาให้ด้วย   ตู้ทรงสูงด้านนี้เป็นชั้นวางรองเท้านั่นเองค่ะ และยังซ่อนตู้ Breaker ไฟฟ้า เอาไว้ด้วยค่ะ   ที่มุมเดียวกันอีกฝั่งหนึ่งของ Built in ตู้เก็บของทรงสูงนี้ก็ยังใช้ประโยชน์ได้อีกค่ะ   เป็นตู้สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ โดยจะมีการต่อท่อน้ำมาให้ข้างในเรียบร้อย   ภาพรวมของ Kitchen Room ค่ะ   เชื่อมต่อพื้นที่ลึกเข้าไปภายในห้องที่ส่วน Living Room ค่ะ โดย Floor To Ceiling ของโซนนี้จะสูงถึง 3 เมตร ค่ะ   Living Room พื้นที่กว้างขวางมาก พอที่จะวางโซฟา L Shape ขนาดใหญ่ นอนเอนหลังได้สบายๆ ค่ะ ส่วนพื้นของ Living Room  ไปจนถึง Bedroom นั่นจะปูด้วยวัสดุ Compounded Wood ซึ่งถือเป็นไม้จริงทั้งตัว เพราะผิวหน้าเป็นแผ่นไม้จริงนำไปผ่านกระบวนการทำให้ไม้มีความทนทานมากขึ้น ส่วนเนื้อไม้ด้านล่างเป็นไม้จ๊อยท์ โดยมีคุณสมบัติไม่บิดงอ ปลวกไม่กินยาวนานถึง 10 ปี และสามารถขัดผิวหน้าทำความสะอาดได้   ระยะห่างระหว่างโซฟากับเคาน์เตอร์ทีวีกำลังพอดีค่ะ ไม่ชิดจนเกินไป ตู้ที่มาจากอิตาลี จะมีเฉพาะ ตู้ครัวและตู้เสื้อผ้าทั้งหมดค่ะ ตู้ Built-in ตู้นี้มีเฉพาะห้องแต่งค่ะ   เปิดบานตู้ออกมาก็จะพบกับชั้นวางได้อีกค่ะ   ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน โดยตัวกระจกลามิเนตสีเทา เป็นกระจก 2 ชิ้นประกบกัน โดยมีฟิล์มกั้นตรงกลาง ซึ่งมีคุณสมบัติกันความร้อนจากภายนอก ป้องกันและเก็บเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา ในกรณีที่กระจกแตกเศษกระจกจะไม่ร่วงหล่นลงพื้น แต่จะยึดติดกับตัวฟิล์ม ส่วนเฟรมอลูมิเนียม Powder Coat ช่วยให้ทนต่อรอยขีดข่วนได้มากกว่า ไม่ลอกร่อน ไม่เกิดรอยกระเทาะได้ง่าย   มือจับเป็นตัวยาวซึ่งใช้เป็นตัวล็อคกระจกได้ด้วยการสับขึ้น-ลงค่ะ ส่วนผ้าม่านทึบแบบนี้ทางโครงการก็ให้มาด้วยค่ะ   ให้รางม่าน 1 รางพร้อมม่านทึบค่ะ   Balcony ใช้ไม้เทียมตกแต่งด้านข้างทั้งหมด ราวระเบียงกระจกใสขอบอลูมิเนียมสีเงิน ซึ่งพื้นที่กว้างขวางพอที่จะนำโต๊ะ เก้าอี้ มาวางไว้สำหรับนั่งพักผ่อน หรือแม้แต่จะออกกำลังกายเบาๆ เล่นโยคะ ก็สามารถทำได้ค่ะ   อย่างที่บอกกันไปแล้วค่ะว่า Balcony จะไม่มี Condensing Unit วางไว้ให้เห็นเลย เพราะจะถูกวางเอาไว้ด้านบนยูนิตของเรา แล้วไปแทรกตัวอยู่ในห้องนอนของยูนิตด้านบนของเราค่ะ ลองเข้าไปดูที่ห้องนอนแรกกันเลยดีกว่าค่ะ จะได้เห็นภาพชัดขึ้น   ภายในห้องนอนแรก Floor To Ceiling 3 เมตร ตอนนอนจะทำให้รู้สึกโล่งสบายยิ่งขึ้น   หน้างต่างจะใช้กระจกลามิเนตสีเทา เฟรมอลูมิเนียม Powder Coat เช่นเดียวกันกับประตู Balcony ค่ะ แต่ในห้องนอนจะเป็นกระจกบานกระทุ้ง   ริมหน้าต่างห้องนอนจะมี Bay Window สูงขึ้นมาประมาณ 70 ซม. ซึ่งข้างในนี้จะเป็น Condensing Unit  ของห้องด้านล่าง หันหน้าเป่าลมร้อนออกนอกอาคารค่ะ โดย Bay Window นี้จะไม่ได้ปิดผิวเบาะโซฟาแบบนี้มาให้นะคะ ห้องจริงจะเป็นไม้ขึ้นมาให้เท่านั้น   นอกจากจะซ่อน Condensing Unit  ด้วยเทคนิค Interlock ได้อย่างสวยงามแล้ว ยังสามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้อีกด้วยนะคะ   ภายในห้องทั้งหมดจะใช้เครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้าค่ะ ส่วนตู้เสื้อผ้าสีขาว และโต๊ะเครื่องแป้งที่เห็นนี้ก็ส่งตรงมาจากอิตาลี แบรนด์ Poliform   ออกจากห้องนอนแรก ตรงข้ามกันจะมีห้องเก็บของค่ะ   ภายในห้องเก็บของไม่ใช่แค่เป็นห้องโล่งๆ นะคะ แต่ยังมี Built in ชั้นวางของเอาไว้ให้ตลอดแนวกำแพง   สุดท้ายที่ห้อง Master Bedroom ด้านในสุดของห้องค่ะ กลางห้องจะเป็น Walk In Closet ด้านขวาเป็นห้องน้ำ ซ้ายมือเมื่อผ่าน Walk In Closet ไปแล้วจะเป็นเตียงนอนค่ะ ซึ่งโต๊ะเครื่องแป้งที่เห็นก็จะ Built in มาให้ยกเซตพร้อมตู้เสื้อผ้าค่ะ   ตู้เสื้อผ้าแบรนด์ Poliform ทั้งสองข้างสามารถแบ่งฝั่งเป็น For him & For her   ภายในตู้เสื้อผ้าจะมีไฟส่องสว่างติดเอาไว้ให้ด้วยค่ะ เพื่อความสะดวกในการหยิบจับนำมาใช้   จากโซน Walk In Closet ก่อนจะเข้าไปในโซนเตียงนอนจะกั้นด้วยประตูกระจก High Ceiling สีเทา แบบบานเลื่อน 2 ตอน เฟรมอลูมิเนียม Powder Coat   ภายใน Master Bedroom จะเป็นเตียง King Size วางอยู่กลางห้อง และยังคงเหลือพื้นที่ทางเดินได้รอบเตียงค่ะ   หน้าต่างยังคงใช้กระจกลามิตเนตสีเทา เฟรมอลูมิเนียม Powder Coat เช่นเดิมค่ะ แต่หน้าต่างของห้องนอนจะใช้เป็นกระจกบานกระทุ้ง   Bay Window ก็มีมาให้เช่นเดียวกันกับห้องนอนแรกค่ะ เพียงแต่ห้องจริงจะไม่มีการวางเบาะมาให้ มีเพียงเคาน์เตอร์ไม้ขึ้นมาให้เท่านั้น   ภาพรวมของ Master Bedroom ค่ะ โดยสุดท้ายเราจะพาไปดูกันที่ห้องน้ำ ซึ่งจะมีห้องน้ำในตัวสำหรับ Master Bedroom และห้องน้ำกลางของห้องค่ะ   Bathroom สุดพรีเมี่ยมนี้จะได้ทั้งหมดมายกเซตเลยค่ะ ตั้งแต่ง Floor To Ceiling 2.65 เมตร  พื้นและผนังใช้หินอ่อน กับกระเบื้องพอร์ซเลน  ซึ่งเป็นกระเบื้องแบบ Full Body อายุการใช้งานยาวนาน ทนทาน แข็งแกร่งกว่าหินจากธรรมชาติ รองรับน้ำหนักได้ดี ส่วนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเซรามิก Top หินสังเคราะห์ แบ่งฝั่ง For him & For her   เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่เห็นในห้องตัวอย่างนี้ หากใครที่อยากจะได้ตามแบบห้องตัวอย่าง นอกเหนือจากบางชิ้นที่โครงการให้มาอยู่แล้วก็สามารถติดต่อไปยัง ARKITEKTURA ร้านนำเข้าเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับ Hi-End ก็จะมีเซตของโครงการนี้จัดเอาไว้ให้โดยเฉพาะ ซึ่งมีให้เลือก 2 โทนสี คือ LIGHT TONE และ NEUTRAL TONE  ในราคาพิเศษสำหรับลูกบ้าน EYSE SUKHUMVIT 43 โดยเฉพาะ    ทุกดีเทลถูกเนรมิตขึ้นมาจนกลายเป็น EYSE SUKHUMVIT 43 โครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ระดับพรีเมี่ยมด้วยโลเคชั่น และตัวโครงการเองตั้งแต่ทางเข้า ส่วนกลาง ไปจนถึงภายในห้องพักอาศัยในทุกตารางนิ้วของโครงการ ซึ่งทุกวันนี้ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าโครงการจากสิงห์ เอสเตท ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังค่ะ ในราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาท   Presales 21-22 กรกฏาคม ที่ Sales Gallery ติดกับ BTS ทองหล่อ อย่าลืมลงทะเบียนรับส่วนลดพิเศษ 200,000 – 400,000 บาท >>> http://bit.ly/2Nu7YiQ  
The Politan Breeze (เดอะ โพลิแทน บรีซ) คอนโดสไตล์รีสอร์ทริมแม่น้ำ ใกล้รถไฟฟ้า : รีวิวคอนโด

The Politan Breeze (เดอะ โพลิแทน บรีซ) คอนโดสไตล์รีสอร์ทริมแม่น้ำ ใกล้รถไฟฟ้า : รีวิวคอนโด

บรรยากาศริมแม่น้ำที่หอบเอาลมเย็นๆ มาพร้อมความเงียบสงบอยู่ในที่พักอาศัยของตัวเอง เป็นสิ่งที่ใครต่างก็ใฝ่ฝันจะได้มาครอบครอง ขณะเดียวกันก็ยังใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมรถไฟฟ้าที่ห่างออกไปเพียง 400 เมตร เรียกได้ว่าแค่ทำเลที่ตั้งก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ โดยโครงการ The Politan Breeze นี้ เป็น 1 ใน 5 โครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกันจาก บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) แล้วทำเลตรงนี้มีดีอะไร      ถึงได้มีโครงการจาก Developer เจ้าเดียวกันถึงมากถึง 5 โครงการเช่นนี้ เราไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ   ทำเล   พื้นที่เทศบาลนครนนทบุรี เป็นย่านที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดใน จ.นนทบุรี และด้วยเป็นจุดศูนย์รวมของสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึง  สถานที่ราชการสำคัญหลายแห่ง ตั้งแต่บริเวณแยกติวานนท์ แยกแคราย สนามบินน้ำไปจนถึงสะพานพระนั่งเกล้า ไม่ว่าจะเป็นเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, พันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน, เอสพลานาด งามวงศ์วาน-แคราย, เซ็นทรัลพลาซ่า รัตนาธิเบศร์, บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส, ตลาดนกฮูก,   โรงพยาบาลบำราศนราดูร, สถาบันโรคทรวงอก, โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และสถานที่ราชการ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงพาณิชย์, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น โซนนี้จึงเปรียบเสมือนเมืองหลวงของ จ.นนทบุรี สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องชี้วัดของ Real Demand ที่จะเกิดขึ้นจริงได้อย่างชัดเจน โดย The Politan Breeze โครงการตั้งอยู่บน ถ.นนทบุรี ในซอยนนทบุรี 15 ซึ่งเป็นซอยที่มีทางเข้า-ออกได้ 2 เส้นทาง คือฝั่งถนนนนทบุรีกับถนนรัตนาธิเบศร์ ที่ซอยรัตนาธิเบศร์ 42 (วัดน้อยนอก)      ถนนนนทบุรี อีกหนึ่งถนนสายสำคัญของ จ.นนทบุรี โดยเริ่มต้นจากท่าน้ำนนนท์  ข้ามคลองบางแพรก ตรงผ่านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์นนทบุรี โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ตัดกับถนนรัตนาธิเบศร์บริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้าไปจนถึงช่วงสนามบินน้ำ ผ่านกระทรวงพาณิชย์ ผ่านสามแยกที่ตัดกับถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี ผ่านสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จนไปสิ้นสุดถนนที่สามแยกสนามบินน้ำ ซึ่งจะตัดกับ    ถนนติวานนท์ โดยเราจะเห็นได้ว่าแม้เป็นถนนสายที่มีระยะทางไม่ยาวมากนักประมาณ 8 กิโลเมตร แต่มีสถานที่สำคัญหลายแห่งอยู่ตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะสถานที่ราชการต่างๆ รวมถึงร้านอาหารรสชาติดีราคาไม่แพงอยู่เยอะแยะเลยค่ะ            สำหรับการเดินทางในละแวกนี้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและระบบขนส่งสาธารณะนั้นเป็นไปได้อย่างสะดวกสบายไม่แพ้ในเมืองเลยค่ะ โดยหากขับรถยนต์ส่วนตัวระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร จากโครงการ - ทางพิเศษศรีรัช ใช้ถนนนนทบุรี 1 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งถนนมีความกว้างถึง 8-12 เลน ก็จะสามารถออกนอกเมืองไป ม.ธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) - บางปะอิน หากจะเข้าเมืองไปทางพระราม 9 หรือสีลม ก็สามารถใช้ทางด่วนเส้นนี้ขับต่อไปยาวๆ ได้เลยค่ะ ส่วนระบบขนส่งสาธารณะที่ใกล้ที่สุดเพียง 400 เมตร คือรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสะพานพระนั่งเกล้า ในอนาคตบริเวณแยกแครายจะเป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี สุดท้ายทางเลือกในการเดินทางที่ทั้งประหยัด และรวดเร็ว นั่นคือเรือด่วนเจ้าพระยา ท่าเรือที่ใกล้โครงการที่สุดคือท่าเรือกระทรวงพาณิชย์กับท่าน้ำนนท์  ซึ่งเราสามารถใช้เส้นทางนี้ไปทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นโซนพระราม7 - พรานนก ไปจนถึงสาทรก็เป็นการเดินทางที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ     ภาพรวมโครงการ   The Politan Breeze คอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร วางตัวเรียงกันเป็นรูปตัว V หันหน้าออกทางแม่น้ำเจ้าพระยา และแยกอาคาร  จอดรถ 1 อาคาร สูง 7 ชั้น รองรับการจอดได้ 58% รวมจอดซ้อนคัน อยู่ใกล้กับทางเข้า-ออก โดยโครงการถูกโอบล้อมด้วยสายน้ำถึง 2 ด้าน โดยหลังโครงการติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนด้านข้างทางทิศเหนือติดกับคลองบางสร้อยทอง ซึ่งก็เป็นคลองที่เชื่อมต่อออกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยานั่นเอง ด้วยสภาพแวดล้อมดีๆ แบบนี้โครงการจึงสร้างสรรค์คอนโดมิเนียมออกมาในรูปแบบรีสอร์ท ให้ความรู้สึกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่           Facility มีพื้นที่ถึง 3 ไร่ ทั้งพื้นที่กลางโครงการที่จัดให้เป็นสระว่ายน้ำอยู่ใกล้กับแม่น้ำที่สุดจะมาในรูปแบบของ Infinity Edge Pool ให้ความรู้สึกราวกับได้แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำไปด้วย มีส่วนที่เป็น Bubble Pool นวดตัวในน้ำด้วยฟองอากาศ และแยกสระเด็ก ตรงกลางมีบ่อน้ำดีไซน์โมเดิร์น  พร้อมระเบียงพักผ่อน Sunken ลึกเข้าไปในบ่อ ส่วนสวนสีเขียวอยู่ด้านในสุดของส่วนกลางมีที่นั่งพักผ่อนในซุ้มอันร่มรื่น สำหรับห้อง Fitness       มาพร้อมกับเครื่องออกกำลังกายได้วิวสระว่ายน้ำ กับ Library + Multipurpose room ที่มี Wifi ฟรีตลอด 24 ชม. จะอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร B ซึ่งจะได้วิวสระว่ายน้ำ รวมถึงพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาถูดจัดให้เป็น River terrace สำหรับพักผ่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศพระอาทิตย์ตกไปด้วย        Floor Plan ทางเข้า-ออกโครงการมีทางเดียวค่ะ วางอยู่ทางทิศตะวันออก เมื่อเข้ามาจะพบกับอาคารจอดรถแยกอยู่ด้านหน้าโครงการ ส่วนอาคารที่พักอาศัยทั้ง 4 อาคารวางตัวเป็นรูปตัว V ตรงกลางเป็นส่วนกลางสวนสีเขียว บ่อน้ำ สระว่ายน้ำ และ River terrace ริมแม่น้ำซึ่งอยู่ในทิศตะวันตกพอดี โดยอาคาร A จะอยู่ริมแม่น้ำทางทิศใต้ อาคาร B ริมแม่น้ำทางทิศเหนือ อาคาร C อยู่ทางทิศเหนือต่อจากอาคาร B ริมคลองบางสร้อยทอง และอาคาร D อยู่ทางทิศใต้ตรงข้ามกับอาคาร C    อาคาร A ชั้น 1 ฝั่งยูนิตพักอาศัยจะหันไปทางทิศเหนือ ได้วิวสระว่ายน้ำ มีลานจอดรถอยู่รอบนอกอาคาร ส่วนทางเข้าอาคารอยู่ทางขวา ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว บันไดหนีไฟ 2 จุด ซึ่งยูนิตพักอาศัยชั้น 1 จะมีประตูคีย์การ์ดกั้นเพื่อความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง     อาคาร A ชั้นพักอาศัย Lift Lobby จะอยู่ข้างขวาของอาคาร ซึ่งวางยูนิตแบบ Double Corridor มียูนิตพักอาศัย 18 ยูนิต/ชั้น โดยอาคารนี้จะเป็นห้อง Type 2 Bedroom ทั้งหมดค่ะ     อาคาร B ชั้น 1 เป็นอาคารเดียวที่มีฟิตเนส และ  Library + Multipurpose room อยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งมีการกั้นห้องออกจาก Lift Lobby ค่ะ ลูกบ้านที่พักอาศัยในอาคารนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ส่วนทางทิศเหนือก็มีพื้นที่ลานจอดรถอยู่รอบนอกอาคาร     อาคาร B ชั้นพักอาศัย วางยูนิตแบบ Double Corridor มียูนิตที่อยู่ทางทิศเหนือฝั่งคลองบางสร้อยทอง และทิศใต้วิวสระว่ายน้ำ โดยอาคารนี้จะเป็นห้อง Type 2 Bedroom ทั้งหมดค่ะ     อาคาร C ชั้น 1 สำหรับอาคารนี้จะไม่มียูนิตพักอาศัยในชั้นแรกค่ะ จะมีเพียงลานจอดรถ กับ Lift Lobby อยู่ทางซ้ายของอาคาร   อาคาร C ชั้นพักอาศัย วางยูนิตแบบ Double Corridor มีห้องที่หันหน้าทางทิศเหนือด้านคลองบางสร้อยทอง และทางทิศใต้ได้วิวสวนส่วนกลาง โดยอาคารนี้จะเป็นห้อง Type 1 Bedroom ทั้งหมดค่ะ   อาคาร D ชั้น 1  Lift Lobby จะอยู่ทางด้านซ้ายของอาคาร มียูนิตพักอาศัยวางอยู่ทางทิศเหนือ ฝั่งสวนสีเขียวกลางโครงการ   อาคาร D ชั้นพักอาศัย วางยูนิตแบบ Double Corridor มีห้องที่หันไปทางทิศใต้ด้านนอกอาคาร และห้องที่หันทางทิศเหนือวิวสวนส่วนกลาง โดยอาคารนี้จะเป็นห้อง Type 1 Bedroom ทั้งหมดค่ะ   Unit Plan   สำหรับโครงการ The Politan Breeze จัดโปรโมชั่นให้เฟอร์นิเจอร์ Built in ครบชุด ซึ่งเคาน์เตอร์ครัวก็จะมีมา 2 แบรนด์ค่ะ คือ Modernform กับ Starmark โดยโครงการนี้จะเน้นยูนิต Type 2 Bedroom มากกว่าค่ะ เพราะมีมาถึง 4 Type ได้แก่ 43 ตร.ม.  48 ตร.ม. 50 ตร.ม. และ 60 ตร.ม. ส่วน Type ขนาดเริ่มต้นคือ 1 Bedroom 29 ตร.ม. ซึ่งสำหรับ Type 1 Bedroom จะเป็นแปลนเดียวกันทั้งหมดค่ะ ต่างกันเพียงเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องเล็กน้อยเท่านั้น   1 Bedroom 29 ตร.ม. ห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ ที่ได้สเปคห้องมาค่อนข้างดีค่ะ เพราะได้ทั้งครัวปิด (เป็น Type เดียวที่ได้ครัวปิด) กั้นห้องนอนแบบประตูบานทึบ และได้ระเบียงมาถึง 2 ส่วน คือระเบียงซักล้างที่ต่อจากห้องครัว และระเบียงพักผ่อนต่อจากห้องนอน โดยห้อง Type นี้จะอยู่ในอาคาร C กับ D เท่านั้น    2 Bedroom 43 ตร.ม. Type ถัดมา ขนาดห้องกระโดดขึ้นมาที่ 43 ตร.ม. เลยค่ะ แต่ถือว่ามีพื้นที่เหมาะสมสำหรับ 2 ห้องนอนค่ะ  ส่วนห้องครัวแม้จะเป็นครัวเปิด แต่แบ่งสัดส่วนแยกไว้ชัดเจน และระเบียงห้องยาวเชื่อมต่อระหว่าง Living Room กับ Master Bedroom      2 Bedroom 48 ตร.ม. ห้อง Type นี้มีแปลนแบบเดียวกันกับขนาด 43 ตร.ม. ค่ะ แต่จะได้พื้นที่   2 Bedroom 50 ตร.ม. Type นี้จะได้พื้นที่ภายในห้องมากขึ้นค่ะ ทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง แต่จะได้ระเบียงเฉพาะส่วนห้องนั่งเล่นค่ะ    2 Bedroom 60 ตร.ม. เป็นห้องขนาดที่ถูกวางอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของโครงการค่ะ นั่นคือได้ห้องมุมทางด้านริมแม่น้ำมาพร้อมกับกระจกเข้ามุม และระเบียงห้องที่ยาวเชื่อมต่อกันเป็นรูปตัว L นอกจากจะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่แล้ว ยังช่วยเปิดมุมมองเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นก็จะได้วิวแม่น้ำเช่นเดียวกัน       เดินชมรอบโครงการ   ตั้งแต่เลี้ยวเข้าซอยนนทบุรี 15 มาจนพบกับตัวโครงการ สิ่งแรกที่รู้สึกเลยคือความสงบเป็นส่วนตัวค่ะ เป็นซอยที่ผู้คนไม่พลุกพล่านจนวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้เงียบหรือเข้ามาลึกจนเปลี่ยวมากเกินไปนัก    หน้าโครงการมีทางเข้า-ออก ทางเดียวค่ะ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตรงนี้ตลอด 24 ชม.   อาคารจอดรถวางอยู่หน้าโครงการเป็นตำแหน่งที่ดีค่ะ เพราะไม่บังวิวของอาคารพักอาศัยเลย โดยเป็นอาคารจอดรถ 7 ชั้น ซึ่งสามารถรองรับได้ถึง 343 คัน หรือ 58% รวมจอดรถบริเวณโดยรอบอาคารและใต้อาคาร   ภายในอาคารจอดรถก็มีพื้นที่ไม่แคบจนเกินไปค่ะ และยังดูไม่มืดทึบจนน่ากลัวด้วย   นอกจากอาคารจอดรถแล้ว ใต้อาคารที่พักอาศัยทั้ง 4 อาคาร ยังมีพื้นที่จอดรถอยู่ด้วยค่ะ ส่วนรั้วโครงการที่เห็นนี้สูงประมาณ 2 เมตร กั้นระหว่างพื้นที่โครงการในเฟส 1 เอาไว้ค่ะ   ส่วนกลางบรรยากาศรีสอร์ท   จอดรถเรียบร้อยแล้วเราก็เดินชมส่วนกลางรอบๆ โครงการกันก่อนค่ะ เริ่มตั้งแต่สวนสีเขียวระหว่างอาคาร C กับ D เป็นทางเดินที่จัดเป็นซุ้มร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ยาวไปจนถึงสระว่ายน้ำริมแม่น้ำ   ภายในซุ้มมีการจัดที่นั่งเอาไว้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนค่ะ   พื้นที่กลางโครงการจัดเป็น Politan Pond และมีระเบียงพักผ่อนเป็น Sunken  ลึกเข้าไปในบ่อ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ่อน้ำ   ทางเข้าสู่ Lobby ของทุกอาคาร จะต้องเดินผ่านส่วนกลางก่อน เหมือนหลบความวุ่นวายจากภายนอกเข้ามาในพื้นที่รีสอร์ทส่วนตัวเลยค่ะ   ลึกเข้าไปอีกด้านในก็จะเป็นสระว่ายน้ำค่ะ ซึ่งตรงนี้เป็นสระเด็ก ยาว 15 เมตร แยกตัวออกจากสระผู้ใหญ่ด้านบนค่ะ แบบนี้จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ได้มากกว่าการรวมสระเด็กเอาไว้ในพื้นที่เดียวกันกับสระใหญ่ค่ะ   สระว่ายน้ำ  Infinity Edge Pool วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาด 30 x 13 เมตร ระบบน้ำเกลือทั้งสระเด็กและสระผู้ใหญ่นั้นทำให้ผิวไม่ระคายเคือง ผมไม่แข็งกระด้าง และไม่มีกลิ่นฉุนจากคลอรีนทั่วไปด้วยนะคะ   ริมสระว่ายน้ำทั้ง 2 ฝั่ง มีเตียงสระว่ายน้ำให้ได้นอนอาบแดด ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบังวิวเลยค่ะ   ข้างสระว่ายน้ำที่อาคาร B จะมีห้องฟิตเนสอยู่ด้วย เราลองเข้าไปชมด้านในกันค่ะ   ฝั่งสระว่ายน้ำจะเป็นกระจก High Ceiling ให้ได้ออกกำลังกายไป ได้วิวสระว่ายน้ำส่วนกลางไปด้วย   เสาอาคารภายในฟิตเนสถูกตกแต่งด้วยหินอ่อนเพิ่มความหรูหรา พร้อมมีหลอดไฟเพิ่มแสงสว่างไม่ให้ระหว่างเสาดูมืดทึบ   ภายในฟิตเนสมีอุปกรณ์มาให้พร้อมค่ะ และยังมีการติดตั้งกระจกเงาเต็มผนังอีกด้าน เพิ่มความรู้สึกให้ห้องดูกว้างขึ้น   ด้านในสุดของฟิตเนสมีตู้สำหรับเก็บของมาให้ค่ะ พร้อมห้องน้ำส่วนกลางแยกฝั่งหญิง-ชาย   ภายในห้องน้ำมีทั้งห้องโถสุขภัณฑ์ กับห้องอาบน้ำแยกเอาไว้ ตกแต่งพื้นและผนังด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาวดูสะอาดน่าใช้ค่ะ   ถัดจากฟิตเนสจะเป็น Library + Multipurpose Room ซึ่งอยู่ใต้อาคาร B เช่นเดียวกันค่ะ   ภายในถูกจัดให้มีหลายมุมสำหรับนั่งอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานไปด้วย ซึ่งเป็นห้องเพดานสูงพร้อมกับกระจก High Ceiling เพิ่มความโปร่งสบาย และยังได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้มากขึ้นด้วยค่ะ   พื้นห้องเป็นกระเบื้องลายไม้ค่ะ ส่วนเสากับผนังจะตกแต่งด้วยหินอ่อนจริงค่ะ   มุมโต๊ะบาร์ Top หินอ่อน นั่งทำงานไปได้วิว Politan Pond ไปด้วย   ขึ้นบันไดวนมาดูที่ชั้นลอยกันบ้างค่ะ   พื้นที่บนชั้นลอยก็มีโต๊ะกับโซฟาให้นั่งพร้อมวิวมุมสูง สามารถมองลงไปเห็น Politan Pond ได้เช่นกันค่ะ   ลองออกมาเดินด้านนอกอาคารฝั่งริมแม่น้ำกันบ้างค่ะ   ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางโครงการจัดพื้นที่ River terrace เอาไว้ทั้งสองฝั่ง มองเห็นสะพานพระนั่งเกล้าอยู่ไม่ไกลค่ะ   ทางเดินเชื่อมระหว่างสองด้านของอาคาร เป็น Jogging Track ริมแม่น้ำได้เลยค่ะ   จากทางเดินมองกลับเข้าไปในโครงการ ให้บรรยากาศถอดแบบรีสอร์ทต่างจังหวัดเลยค่ะ ร่มรื่นและเงียบสงบมากๆ   ทิวทัศน์ริมแม่น้ำค่ะ ไร้สิ่งบดบังสายตา   River terrace ทางฝั่งทิศใต้ค่ะ   บรรยากาศส่วนกลางทำให้เดินเล่นชมวิวได้เรื่อยๆ เลยค่ะ ซึ่งในรีวิวนี้เราจึงรอเวลาเก็บภาพช่วงเย็นมาให้ดูด้วยเสียเลย บรรยากาศช่วงเย็น   ช่วงแดดร่มลมตก บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นอีกอารมณ์ค่ะ   ด้วยความที่ทิศตะวันตกอยู่ท้ายโครงการ ซึ่งช่วงเย็นแบบนี้พระอาทิตย์จะส่องลงมาที่ส่วนกลางพอดีค่ะ   บ่อน้ำที่ถูกแสงแดดยามเย็นตกกระทบลงบนผิวน้ำสวยมากๆ เลยใช่ไหมคะ ใครที่ได้วิวแบบนี้จากห้องพักของตัวเองก็น่าอิจฉามากเลย   รอบๆ สระว่ายน้ำมีต้นลีลาวดีอยู่รอบสระเลยค่ะ จังหวะที่ดอกไม้ร่วงหล่นลงบนสระน้ำเป็นภาพที่สวยมากๆ ใครที่แวะมาเยี่ยมชมโครงการ ถ้ามาช่วงเย็นก็จะได้สัมผัสความรู้สึกนี้เช่นเดียวกันค่ะ   พระอาทิตย์ตกตรงกลางนี้พอดีเลยค่ะ เมื่อฟ้ามืดลงเราก็จะได้พบกับอีกบรรยากาศของโครงการ   ทางเดินยาวลอดใต้ซุ้มจะมีแสงไฟอยู่ตลอดแนวทางเดิน   บ่อน้ำกับ Sunken มีการเปิดไฟไว้ด้วย   ฟิตเนสวิวสระว่ายน้ำแบบนี้   บรรยากาศสระว่ายน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ   เปิดห้องตัวอย่าง   เรากลับมาดูห้องตัวอย่างของโครงการกันค่ะ เริ่มจาก Lobby เพดานสูง ตกแต่งพื้นและผนังด้วยหินอ่อน มีโซฟาขนาดใหญ่สำหรับรับแขก   ด้านในของ Lobby จัดให้เป็นห้อง Mailbox  ค่ะ   ปลอดภัยไปอีกขั้นด้วย Mailbox แบบใช้รหัสปลดล็อคค่ะ   โถงลิฟท์ก็ถูกตกแต่งออกมาหน้าตาเหมือนกับ Lobby เลยค่ะ เน้นลายหินอ่อนตัดกับอลูมิเนียมสีทองแดงแบบเงาสะท้อนให้ดูหรูหราเป็นหลัก   1 Bedroom 29 ตร.ม. มาชมห้องตัวอย่างแรกกันเลยค่ะ ที่ขนาดเริ่มต้น 29 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom ความสูง Floor To Ceiling 2.5 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนต ใช้ไฟแบบ Downlight และได้เฟอร์นิเจอร์กับเครื่องปรับอากาศแบรนด์ TOSHIBA 2 ตัวค่ะ   ส่วนแรกของห้องเป็น Living Room ค่ะ ซึ่งจะได้โซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง ถือว่าได้ขนาดมาค่อนข้างใหญ่ทีเดียวค่ะสำหรับห้องพื้นที่ขนาดนี้ มาพร้อมกับโต๊ะกลาง Top กระจกแบบที่เห็นนี้เลยค่ะ   ตรงข้ามกับโซฟาจะมี Built in เคาน์เตอร์ทีวี ตู้โชว์บานกระจกทั้ง 2 ข้าง และชั้นวางของด้านบน ได้แบบนี้ทั้งเซตเลยค่ะ ยกเว้นแค่ทีวีกับของตกแต่งเท่านั้น ส่วนทางขวามือของเคาน์เตอร์จะเป็นห้องนอนค่ะ   เรามาดูด้านข้างโซฟากันก่อนค่ะ จะเป็นห้องครัวปิดที่กั้นประตูด้วยกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียม   ภายในห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์ครัวแบบ One Wall Kitchen ทั้งตู้ด้านล่างและด้านบน แต่จะไม่ได้ไมโครเวฟนะคะ ส่วนพื้นครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิค   Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์จากแบรนด์ TEKA หรือ Franke และเหนือซิงค์ล้างจานจะเป็นช่องสำหรับไมโครเวฟค่ะ   ตรงข้ามกับซิงค์ล้างจานจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็นได้พอดีค่ะ   ต่อจากห้องครัวจะเป็นระเบียงซักล้างค่ะ โดยจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน มีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อย ช่วยป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้ามาในครัวด้วยค่ะ   พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาอ่อน พร้อมกับต่อท่อน้ำมาไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ   Condensing Unit ถูกแขวนเอาไว้หันหน้าเข้าทางระเบียงค่ะ ทำให้เป็นระเบียงที่เหมาะสำหรับใช้งาน อย่างการตากผ้าจะช่วยให้ผ้าแห้งได้เร็วขึ้นค่ะ   กลับเข้ามาในห้องมาดูภายในห้องนอนกันต่อค่ะ ซึ่งห้องนี้จะไม่ได้เตียงนะคะ ทางโครงการจะให้มาแค่หัวเตียงแบบที่เห็นเท่านั้น โดยเราสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยยังเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงค่ะ   ปลายเตียง Built in ตู้เสื้อผ้า และลิ้นชักเก็บของพร้อมกระจกเงาค่ะ ส่วนเครื่องปรับอากาศตัวที่ 2 จะติดตั้งเอาไว้เหนือประตูห้องนอนกับประตูห้องน้ำค่ะ   ระเบียงห้องนอนแยกตัวจากระเบียงซักล้างค่ะ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนยีม มีธรณีประตูกั้น ส่วนพื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ   ห้องน้ำในตัวอยู่ข้างเตียงนอน จะพบกับส่วนแห้งก่อนส่วนเปียกด้านในค่ะ ทั้งพื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคลายเดียวกัน   อ่างล้างหน้าจากแบรนด์ Cristina พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระจากแบรนด์ Cristina เช่นเดียวกันค่ะ รวมถึงกระจกเงาบานใหญ่เต็มผนังก็ได้มาด้วยครบเซต   ส่วนเปียกกั้นด้วยกระจกใส ประตูบานสวิง   ผนังด้านฝักบัวจะปูด้วยโมเสคหินอ่อน มาพร้อมกับ Rain Shower ค่ะ   2 Bedroom 43 ตร.ม. มาถึงห้องแบบ 2 Bedroom ซึ่งเป็น Type หลักของโครงการ The Politan ฺBreeze ค่ะ โดยห้อง 2 Bedroom ทุกห้องจะได้ Digital Door Lock จาก COLT   ส่วนแรกของห้องจะพบกับห้องครัวเปิดกับห้องนอนที่ 2 ทางซ้ายมือ Living Room อยู่กลางห้อง และห้องน้ำกับห้องนอนแรกอยู่ทางขวามือค่ะ โดยห้องแบบ 2 Bedroom ทุก Type จะได้วอลเปเปอร์ติดตั้งมาให้ด้วยเลยค่ะ   เรามาดูห้องน้ำทางขวามือกันก่อนค่ะ อยู่ติดกับห้องนอนแรกเลย   ภายในห้องน้ำจะพบกับส่วนแห้งก่อนส่วนเปียกด้านในค่ะ โดยที่เห็นในห้องน้ำทั้งหมด ยกเว้นพรมเช็ดเท้า ผ้าเช็ดตัวและของตกแต่ง ทางโครงการจะติดตั้งมาให้ทั้งหมดเลยค่ะ   โดยสิ่งที่จะได้มาคืออ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ ตู้เก็บของด้านล่าง โถสุขภัณฑ์ สายชำระ กระจกเงา แกนใส่ทิชชู่ม้วน และราวแขวนผ้าสแตนเลส ครบเลยค่ะ   ส่วนเปียกกั้นด้วยกระจกใส ประตูบานสวิง พร้อมฝักบัวอาบน้ำและ Rain Shower ค่ะ   ผนังด้านฝักบัวอาบน้ำจะปูด้วยโมเสคหินอ่อน มาพร้อมกับที่วางสบู่โทนสีเดียวกันค่ะ   ออกมาจากห้องน้ำก็จะพบกับห้องครัวเปิดค่ะ โดยส่วนแรกนี้พื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ซึ่งจะได้ Island Kitchen สีขาวแบบนี้มาด้วยนะคะ เราสามารถใช้เป็นโต๊ะทานข้าวสำหรับ 2 คน ได้เลย   ภายในห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์ Top หินสังเคราะห์สีขาว ลักษณะเป็น L shape มีช่องสำหรับวางตู้เย็นอยู่ด้านในสุด   หน้าบาน Top ด้วยลามิเนต มีช่องใต้เคาน์เตอร์สำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าได้   เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว เครื่องดูดควัน ซิงค์ล้างจานใต้เคาน์เตอร์จากแบรนด์ TEKA หรือ Franke ได้แบบนี้มาทั้งเซตเลยค่ะ   กลางห้องเป็น Living Room พื้นจะปูด้วยลามิเนต พร้อมกับติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบรนด์ TOSHIBA เหนือโซฟา   โซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง ได้มาพร้อมโต๊ะกลาง Top กระจกใสแบบที่เห็นค่ะ   เคาน์เตอร์วางทีวี Built in ตามแบบห้องตัวอย่างนี้เลยค่ะ จะไม่ได้แค่ทีวีกับผ้าม่าน   ต่อด้วยระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน โดยมีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยกั้นอยู่   ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นรั้วเหล็กโปร่งสีดำ ที่มุมระเบียงมีการกั้น Condensing Unit ด้วยการกั้นประตูกริลแอร์ ช่วยปัดลมร้อนออกนอกอาคาร   หันมาอีกด้านจะเห็นว่าระเบียงห้องยาวไปจนถึงห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งด้วยนะคะ   เราไปดูในห้องนอนที่มีระเบียงเชื่อมต่อกันกับ Living Room ซึ่งอยู่ระหว่างเคาน์เตอร์ทีวีกับห้องน้ำกันค่ะ   ห้องนอนแรกมีพื้นที่กลางห้องสำหรับวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ ซึ่งทางโครงการจะให้มาเพียงหัวเตียงนะคะ   ในห้องนอนจะได้ Built in ตู้เสื้อผ้าแบบประตูกระจกบานสวิง 3 บาน กับตู้ลิ้นชักพร้อมกระจกเงามาให้ด้วยค่ะ   มีพื้นที่ทางเดินรอบเตียงค่ะ เดินได้สบายๆ   เคาน์เตอร์วางทีวีตรงปลายเตียงมีสวิทช์เปิด-ปิดไฟที่เคาน์เตอร์ได้ด้วยนะคะ ส่วนกระจกเข้ามุมที่ได้มาด้วยตรงนี้สามารถมองเห็นไปถึงระเบียงทางด้าน Living Room ด้วย   มุมระเบียงด้านห้องนอนจะติดตั้งก๊อกน้ำมาให้สำหรับเป็นพื้นที่ซักล้างด้วยค่ะ   หันกลับไปดูที่ระเบียงอีกทีก็จะเห็นภาพมากขึ้นค่ะ ว่าระเบียงนั้นยาวเชื่อมต่อกับ Living Room   เรากลับเข้ามาดูที่ห้องนอนที่ 2 กันต่อค่ะ ซึ่งห้องนี้จะอยู่ระหว่างห้องครัวกับโซฟา   เปิดประตูห้องก็จะพบกับ Built in ตู้เสื้อผ้าเลยค่ะ ส่วนด้านขวาจะเป็นพื้นที่สำหรับวางเตียงนอน   หน้าต่างเป็นแบบกระจกบานเลื่อน 2 ตอนค่ะห้องนอนนี้ให้มากว้างทีเดียวค่ะ สามารถนอนชมวิวด้านนอกได้สบายๆ แต่ผ้าม่านต้องติดตั้งเพิ่มเองนะคะ ทางโครงการไม่ได้ติดมาให้   สำหรับห้องนอนที่ 2 นี้ จะสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ค่ะ โดยจะได้มาเพียงหัวนอนเท่านั้น ส่วนตู้ลิ้นชักพร้อมกระจกเงาใกล้กับหัวเตียงจะ Built in มาให้ด้วย   เครื่องปรับอากาศในห้องนี้จะถูกติดตั้งมาให้เหนือประตูห้องค่ะ   2 Bedroom 50 ตร.ม. ห้องตัวอย่างถัดมาจะมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกค่ะ โดยจะมีลักษณะคล้ายกันกับห้องก่อนหน้านี้ คือ ห้องครัวเปิด พื้นที่ Common Area อยู่กลางห้อง และห้องนอนแบ่งเป็นสองฝั่ง โดยเราจะไปดูกันที่ห้องน้ำกับห้องนอนทางขวามือของห้องนี้กันก่อนค่ะ   ห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกเอาไว้ทางขวามือค่ะ โดยจัดตรงกลางห้องเป็นอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของ   โถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ ราวแขวนผ้าสแตนเลส ทั้งหมดนี้จะอยู่ทางขวามือของห้องน้ำค่ะ   ผนังตรงอ่างล้างหน้าของห้องน้ำทุกห้อง จะก่อผนังออกมาเล็กน้อยสำหรับเป็นพื้นที่วางอุปกรณ์ไว้หน้ากระจกค่ะ   ส่วนเปียกได้กระจกใสเป็นฉากกั้นค่ะ มีฝักบัวกับ Rain Shower จะได้ทั้งหมดที่เห็นเลยค่ะ   ผนังส่วนหนึ่งปูด้วยโมเสคหินอ่อนโทนสีน้ำตาลอ่อนค่ะ   ต่อมาเข้าไปที่ห้องนอนแรกค่ะ   ห้องนอนแรกนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต แล้วยังเหลือพื้นที่ด้านข้างเตียงฝั่งหน้าตู้เสื้อผ้าอยู่ค่ะ โดยเราจะได้มาเฉพาะหัวเตียงนะคะ   ตู้เสื้อผ้า ตู้ลิ้นชักพร้อมกระจก Built in มาให้ด้านข้างเตียงค่ะ   เครื่องปรับอากาศในห้องนอนแรก ติดตั้งมาให้เหนือประตูห้องค่ะ   ปลายเตียง Built in เคาน์เตอร์วางทีวีเอาไว้ให้ด้วยค่ะ แต่ถ้าเราไม่ติดตั้งทีวีไว้ในห้องนอนก็สามารถเป็นพื้นที่วางของได้เพิ่มขึ้นอีก   หน้าต่างจะเป็นกระจกบานเลื่อน 2 ตอนค่ะ   ออกจากห้องนอนมาดูพื้นที่ Common Area ตรงกลางห้องกันบ้างค่ะ โดยจะได้ Island Kitchen กับเตาอบใต้เตาไฟฟ้ามาด้วยนะคะ   ส่วนแรกของห้องเป็นห้องครัวเปิด ซึ่งจะได้เคาน์เตอร์ครัวมาแบบ Double Wall Kitchen โดยจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็น และเครื่องซักผ้าด้านใต้เคาน์เตอร์ค่ะ   ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ ซึ่งจะได้มาแบบ 2 หลุมค่ะ เพิ่มความสะดวกสบายเวลาล้างจานได้มากขึ้นเยอะ   เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควัน จะได้มาทั้งหมดเลยค่ะ   พื้นที่เชื่อมต่อกับครัวเปิดจะเป็น Living Room ค่ะ   ได้โซฟาพร้อมโต๊ะกลางแบบนี้เลยค่ะ โดยยังมีพื้นที่ทางเดินรอบโต๊ะกลางได้อยู่   Built in เคาน์เตอร์วางทีวี ได้มาครบเซต ยกเว้นแค่ทีวีค่ะ เครื่องปรับอากาศติดตั้งเหนือประตู Master Bedroom ค่ะ   ระเบียงห้องจาก Living Room กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน มีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อย ช่วยป้องกันฝุ่นเข้าห้องได้ดีในระดับหนึ่งค่ะ   มุมระเบียงจะวาง Condensing Unit เอาไว้ หันหน้าออกนอกอาคารพร้อมกั้นกริลแอร์เป็นประตูบานสวิงค่ะ   สุดท้ายไปดูกันที่ Master Bedroom ที่อยู่ระหว่างห้องครัวกับ Living Room ค่ะ   Master Bedroom มีพื้นที่สำหรับวางเตียงขนาด 5 ฟุต ส่วนเคาน์เตอร์ตรงปลายเตียงก็จะ Built in มาให้ด้วย   เตียงขนาด 5 ฟุตที่เห็นนี้ทางโครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ เราจะได้เพียงหัวเตียงเท่านั้น   มีพื้นที่ทางเดินริมหน้าต่างเอาไว้เล็กน้อยค่ะ ซึ่งหน้าต่างจะเป็นกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียม   หันไปทางฝั่งประตูห้องนอนก็จะพบกับเฟอร์นิเจอร์ Built in ทั้งตู้เสื้อผ้า ตู้ลิ้นชัก กระจกเงา และเครื่องปรับอากาศ ได้มาทั้งหมดนี้เลยค่ะ   สำหรับ Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัวด้วยนะคะ ตรงกลางห้องน้ำจะเป็นอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง   ส่วนเปียกทางขวามือจะมาพร้อมกับฉากกั้นกระจกแบบประตูบานสวิง   ฝักบัวพร้อม Rain Shower ให้มาครบแบบไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่มเติมเลยค่ะ   ส่วนแห้งอีกด้านจะได้เป็นโถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ และราวแขวนผ้าสแตนเลสค่ะ   2 Bedroom 60 ตร.ม. มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายกันแล้วนะคะ ขนาด 60 ตร.ม. Type ใหญ่ที่สุดของโครงการ และยังถูกวางอยู่ในตำแหน่งห้องที่สวยที่สุดด้วยค่ะ โดยเราจะเริ่มชมตั้งแต่ห้องน้ำทางซ้ายมือ และห้องนอนแรกใกล้กับห้องน้ำก่อนค่ะ   ห้องน้ำปูพื้น และผนังด้วยกระเบื้องเซรามิคทั้งหมดค่ะ แยกเป็นส่วนเปียกทางขวามือ ส่วนแห้งทางซ้าย   ตรงกลางห้องน้ำเป็นอ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ ซึ่งตัวเคาน์เตอร์ Top หินสังเคราะห์สีขาว เข้าชุดกันกับตัวอ่างค่ะ ส่วนผนังหน้ากระจกเงามีการก่อผนังมาเรียบร้อยเพื่อวางของใช้ในห้องน้ำค่ะ   แยกส่วนเปียกด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกใสแบบประตูบานสวิง   ฝักบัวพร้อม Rain Shower มีมาให้ทุกห้องเลยค่ะ   ส่วนแห้งอีกด้านหนึ่งของห้องน้ำ ทุกอย่างได้มาตามที่เห็นเลยค่ะ ยกเว้นผ้าเช็ดตัว พรมเช็ดเท้าเท่านั้น   ออกมาจากห้องน้ำจะพบกับโซน Common Area   Built in ห้องครัวเปิดถูกจัดให้มีลักษณะ U-Shape Kitchen ดูเป็นสัดส่วนดีค่ะ โดยทางซ้ายจะเป็น Island Kitchen ซึ่งจะจัดให้เป็นโต๊ะทานอาหาร หรือพื้นที่เตรียมทำกับข้าวก็ได้ค่ะ ซึ่งเราจะได้ทั้งหมดที่เห็นนี้ ยกเว้นเครื่องซักผ้า ตู้เย็น และของตกแต่งค่ะ   ทางขวามือต่อจากประตูห้อง จะมีช่องสำหรับวางตู้เย็น และเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าใต้เคาน์เตอร์ครัวค่ะ   ด้านในสุดจะมีเตาอบด้านล่างเคาน์เตอร์ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว เครื่องดูดควัน ได้มายกเซตแบบนี้เลยค่ะ ใครที่รักการทำครัวต้องชอบแน่ๆ   ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ มีข้อดีตรงที่ช่วยป้องกันน้ำกระเด็นออกมาเลอะเทอะค่ะ โดยจะได้มาทั้ง 2 หลุม เพิ่มความสะดวกเวลาล้างจานได้อีกเยอะเลยค่ะ   เดินชมห้องครัวเสร็จแล้ว ก็เข้าไปดูห้องนอนแรกทางซ้ายมือหลังโซฟากันค่ะ   ห้องนอนแรกมีพื้นที่สำหรับวางเตียงขนาด 5 ฟุต  ได้ค่ะ โดยเราจะได้เพียงหัวเตียงเช่นเดียวกันกับห้องอื่นๆ ตรงปลายเตียงจะได้ Built in เคาน์เตอร์ทีวีมาด้วยนะคะ   เมื่อวางเตียงไว้กลางห้องแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินได้รอบเตียงค่ะ ข้างเตียงด้านเดียวกับประตูห้องจะได้ Built in โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกเงา และตู้เสื้อผ้าบานสวิงหน้าทึบให้มาตามนี้เลยค่ะ   ประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน  กั้นระเบียงเอาไว้ค่ะ   ประตูกระจกช่วงปลายเตียงจะได้กระจกเข้ามุมมาด้วยนะคะ ช่วยเพิ่มมุมมองให้เห็นวิวแม่น้ำด้านนอกได้ดีทีเดียว   ระเบียงด้านนอกปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเช่นเดียวกันกับห้องอื่นๆ ค่ะ ส่วน Condensing Unit จะถูกแขวนไว้เหนือศีรษะทั้ง 3 ตัว   หันไปอีกด้านจะเห็นว่าระเบียงห้อง Type นี้จะยาวเชื่อมต่อกันตลอดเป็นรูปตัว L เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของห้องก็สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยารวมถึงสระว่ายน้ำด้านนอกได้เต็มๆ   กลับเข้ามาดูในห้องกันต่อค่ะ หลังจากที่ดูห้องครัวทางด้านขวากันไปแล้วก็มาดู Living Room ทางซ้ายมือกับห้อง Master Bedroom ตรงกลางกันบ้าง   Living Room จะได้เฟอร์นิเจอร์มาครับแบบไม่ต้องหาซื้ออะไรมาเพิ่มเลยค่ะ ยกเว้นแต่ทีวีกับผ้าม่านเท่านั้น   โซฟาขนาด 3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง Top กระจก แล้วยังมีพื้นที่เหลือๆ เป็นทางเดินได้สะดวกค่ะ   Built in เคาน์เตอร์ทีวีได้มาทั้งเซตแบบนี้เลยนะคะ ส่วนเครื่องปรับอากาศจะถูกติดตั้งอยู่เหนือประตูห้อง Master Bedroom ค่ะ   มาถึง Master Bedroom ซึ่งเป็นห้องสุดท้ายกันแล้วนะคะ แบ่งฟังก์ชั่นเป็นห้องน้ำในตัวทางขวามือ และพื้นที่เตียงนอนด้านซ้ายค่ะ   ห้องจริงจะไม่ได้เตียงมาด้วยเช่นเดียวกันกับห้องอื่นๆ ค่ะ ได้เพียงหัวเตียงที่ Built in มาให้แล้วเท่านั้น   ปลายเตียงเราจะได้ Built in เคาน์เตอร์ทีวียาวๆ แบบนี้ค่ะ ถ้าวางทีวีแล้วก็ยังเหลือพื้นที่วางของอีกได้   มุมห้องตรงปลายเตียงได้กระจกเข้ามุมมาด้วยนะคะ ซึ่งห้องตัวอย่างนี้อยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารค่ะ จึงโดนต้นไม้บังทิวทัศน์ด้านนอกอยู่เล็กน้อย แต่หากเป็นห้องมุมอื่นๆ แล้วล่ะก็จะสามารถนอนมองแม่น้ำเจ้าพระยาได้เลยค่ะ   ห้องตำแหน่งนี้จะได้ทั้งวิวแม่น้ำ และสระว่ายน้ำเลยค่ะ   ออกมาดูตรงระเบียงห้องค่ะ มีพื้นที่พอที่จะสามารถวางเก้าอี้ไว้นั่งเล่นรับลมที่ระเบียงห้องของเราได้เลยค่ะ   มุมระเบียงมีการกั้นประตูเอาไว้เผื่อเป็นที่ซักล้างค่ะ   ระเบียงชั้น 2 แบบนี้ แม้ว่าจะโดนต้นไม้บังวิวอยู่บ้าง แต่ก็ได้ความร่มรื่นดีนะคะ   กลับเข้ามาภายใน Master Bedroom จะเห็นว่าหน้าห้องน้ำจะได้ Built in ตู้เสื้อผ้าประตูกระจกบานสวิงขนาด 3 บาน มาด้วยค่ะ ส่วนเครื่องปรับอากาศถูกติดตั้งอยู่เหนือประตูห้องน้ำค่ะ   หน้าประตูห้องน้ำในตัวอีกด้านจะ Built in โต๊ะเครื่องแป้งมาให้พร้อมกับกระจกติดผนังบานใหญ่แบบนี้ค่ะ   ห้องน้ำในตัวได้พื้นที่มาค่อนข้างกว้างค่ะ แบ่งเป็นส่วนแห้งขวามือ และส่วนเปียกทางซ้าย   โถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ ราวแขวนผ้าสแตนเลส อ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ ตู้เก็บของด้านล่าง พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ ได้ทั้งหมดนี้มายกเซตเลยค่ะ   ส่วนเปียกจะได้ฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกใสแบบประตูบานสวิง ซึ่งจะได้ฝักบัวกับ Rain Shower มาด้วยค่ะ   สำหรับห้องน้ำนี้ จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งด้านบนสำหรับระบายอากาศและความชื้น พร้อมกับช่วยเพิ่มแสงสว่างไปด้วยค่ะ   สำหรับ The Politan Breeze ถือเป็นโครงการในเฟสที่ 2 จากทั้งหมด 5 เฟส ซึ่งแยกเป็นแต่ละโครงการออกจากกันตามที่ทางเอเวอร์แลนด์ได้วางแพลนเอาไว้ แม้ว่าที่ผ่านมาคอนโดมิเนียมในแถบรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้จะดูไม่หวือหวามากนัก แต่กับ The Politan Breeze กลับได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากทีเดียวค่ะ เพราะขนาดวันที่ทางทีมงาน Reviewyourliving ได้เข้าไปชมโครงการแม้จะเป็นวันธรรมดา แต่ก็มีหลายครอบครัวเข้ามาชมโครงการอยู่ตลอด ตั้งแต่เช้าจรดเย็นอย่างไม่ขาดสาย โดยหากได้มาสัมผัสด้วยตัวเองก็ไม่แปลกใจเลยค่ะ แค่ทำเลกับบรรยากาศภาพรวมของโครงการก็กินขาดแล้ว แถมยังได้ส่วนกลางที่สวยอย่างกับถอดออกมาจาก Perspective เป็นอีกหนึ่งโครงการที่อยากให้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ ที่สำคัญคือราคาเริ่มต้นเร้าใจมากสำหรับคอนโดมิเนียมติดริมแม่น้ำแบบนี้ 1 ห้องนอน 29.00 ตร.ม. เริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท พิเศษ! เฉพาะ 21-22 ก.ค. นี้เท่านั้น สนใจโครงการสามารถลงทะเบียนได้ที่ http://bit.ly/2IJuvog หรือโทร 02 002 2222
XT Ekkamai – XT เอกมัย : รีวิวคอนโด

XT Ekkamai – XT เอกมัย : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : XT Ekkamai (XT เอกมัย ) เจ้าของโครงการ : บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ตั้งโครงการ : ถนนเอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. พื้นที่โครงการ : 2-3-34 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 38 ชั้น จำนวนยูนิต : 537 ยูนิต ที่จอดรถ : 49.50% 1 อาคาร 9 ชั้น และชั้นใต้ดิน 3ชั้น   ขนาดห้อง : - 1 Bedroom ขนาด 29.75 – 31.50 ตร.ม. - 1 Bedroom ขนาด 38.00 ตร.ม. - 2 Bedroom ขนาด 45.25- 57.00 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - กล้อง CCTV - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคาเริ่มต้น : 4,590,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 185,000 บาท/ ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ไตรมาสที่ 4 ปี 2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมแชร์พื้นที่ส่วนกลาง  Co – Work / Play Space สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อการเล่นและการทำงานได้ ด้วยดีไซน์พื้นที่ที่ออกแบบให้ห้องทุกห้องเป็นสัดส่วนรองรับการใช้งานได้หลากหลาย สร้างแรงบันดาลใจด้วยสีสันและดีไซน์ที่แตกต่างกัน ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีเอกมัย , ถนนสุขุมวิท ,ถนนเพชรบุรี , ทางพิเศษเฉลิมมหานคร , ทางพิเศษศรีรัช สถานที่ใกล้เคียง : Bangkok Prep International School , The American School Of Bangkok , Ekkamai International School , Camilian Hospital , Sukhumvit Hospital , J Avenue , Gateway Ekkamai Major Cineplex , Ekkamai Shopping Mall , Health Land , Arena 10
EYSE Sukhumvit 43-อีส สุขุมวิท 43 : รีวิวคอนโด

EYSE Sukhumvit 43-อีส สุขุมวิท 43 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : EYSE Sukhumvit 43 (อีส สุขุมวิท 43) เจ้าของโครงการ : บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ซอยสุขุมวิท 43 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร พื้นที่โครงการ : 1.4 ไร่ ลักษณะโครงการ : Low Rise จำนวนอาคาร : 2 อาคาร จำนวนชั้น : 7 ชั้น จำนวนยูนิต : 107 ยูนิต ขนาดห้อง : - 1 Bedroom ขนาด 52.25-54.5 ตร.ม. - 2 Bedrooms ขนาด 62.5-94.75 ตร.ม. - 2 Bedrooms ขนาด 99.5-99.75 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - กล้อง CCTV - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 13,990,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 267,000 บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ไตรมาสที่ 4/ 2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมลักชัวรี Low Rise ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ที่มองหาโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็น “Absolute Urban Retreat” หรือพื้นที่ผ่อนคลายใจกลางเมือง ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีพร้อมพงษ์ , ถนนสุขุมวิท , ถนนเพชรบุรี สถานที่ใกล้เคียง : อุทยานเบญจสิริ , รพ.สมิติเวช สุขุมวิท , Bangkok International Preparatory & Secondary School , Emquartier , Emporium , Rain Hill
Niche ID เสรีไทย-วงแหวน ใส่ใจทุกดีเทล ฟังก์ชั่นเกินราคา : รีวิวคอนโด

Niche ID เสรีไทย-วงแหวน ใส่ใจทุกดีเทล ฟังก์ชั่นเกินราคา : รีวิวคอนโด

ขึ้นชื่อว่าเป็นคอนโดมิเนียมจากค่ายเสนาดีเวลลอปเม้นท์ อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่นด้วยแนวคิด MADE FROM HER ในความใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และต้องมีความคุ้มค่าแบบฉบับความคิดของคุณผู้หญิงที่คำนึงถึงการอยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะในห้องพักอาศัยที่มีฟังก์ชั่นดีๆ มากมาย ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้อย่างน่าสนใจทีเดียวค่ะ        ทำเล   กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกมีการเติบโตของเมืองขึ้นเรื่อยๆ มาตลอด มีทั้งถนนหนทางตัดใหม่เกิดขึ้นมาไม่น้อย และสิ่งอำนวยความสะดวกก็มากมายไม่แพ้โซนอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ยิ่งได้ปัจจัยของพื้นที่เขต EEC เข้ามาประกอบด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้โซนนี้ กลับมาเป็นที่สนใจกันอีกไม่น้อย เพราะเรื่องการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างง่ายดาย      ถนนเสรีไทย ถือเป็นถนนแถบชานเมืองของกรุงเทพฯ โซนตะวันออก เชื่อมต่อจากถนนลาดพร้าวช่วงปลาย ผ่านแยกนิด้า แยกหมู่บ้านสหกรณ์ ผ่านจุดขึ้น-ลงถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก แยกสวนสยาม ผ่านนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ตรงไปจนถึงแยกเมืองมีนตัดกับถนนรามอินทรา ถนนสุวินทวงศ์ และถนนสีหบุรานุกิจ รวมระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร แม้ว่าสองข้างทางจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่อย่างห้างสรรพสินค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ แต่ยังคงมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มากเพียงพอต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งเสน่ห์ของถนนเส้นนี้นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลบหลีกความวุ่นวาย และการจราจรอันติดขัดแบบถนนสายอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ที่สำคัญคือค่าครองชีพยังไม่สูงมากนัก ขณะเดียวกันก็ยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังจุดสำคัญหลักๆ ได้อย่างสะดวก     Niche ID เสรีไทย-วงแหวน ตั้งอยู่ในซอยเสรีไทย 81/2 หากเลี้ยวเข้าซอยไปโครงการก็จะอยู่ทางขวามือเลยค่ะ ซึ่งพื้นที่โครงการจะอยู่ติดกับโครงการ Niche ID เสรีไทย ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อปี 2559 แต่ทางเข้า-ออก รวมถึงนิติบุคคลจะแยกกันค่ะ ช่วงท้ายซอยจะเชื่อมต่อกับซอยสวนสยาม 11 ทะลุเข้าถนนสวนสยาม โดยถนนสวนสยาม เป็นถนนที่มีร้านอาหารอร่อยๆ อยู่มากมายตั้งแต่ปากทางแยกสวนสยามไปจนถึงสามแยกโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี บนถนนรามอินทรา อาทิ เกาเหลาเนื้อตุ๋น นายส่วน, ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายฉุ่ย, ร้านวัดดงมูลเหล็ก (โย โภชนา), K2 coffee cafe, Hob & Coff cafe and social bar, ร้านอาหารวันดี, ฮานาฟีร์ สเต็กโฮม เป็นต้น รวมถึงมีตลาดนัดอมรพันธุ์ สวนสยาม ไปจนถึงคอมมูนิตี้มอลล์ Amorini นอกจากนี้ก็ยังสามารถเดินทางไปยังสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียงอื่นๆ ได้ในหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นบนนถนนรามอินทรา เช่น โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี, โรงพยาบาลสินแพทย์, แฟชั่นไอส์แลนด์, เดอะพรอมานาด, ตลาดนัดเลียบด่วน เป็นต้น ส่วนถนนรามคำแหงโดยใช้ถนนมีนพัฒนาไปถึงแยกลาดบัวขาว ก็จะมีบิ๊กซี, เทสโก้โลตัส สาขาสุขาภิบาล 3 ฯลฯ หรือแม้แต่จะใช้ถนนเสรีไทยเองก็จะใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางชัน, โรงพยาบาลเสรีรักษ์ แล้วฝั่งที่ไปเชื่อมต่อกับถนนลาดพร้าวก็มีทั้งเดอะมอลล์ บางกะปิ, เทสโก้โลตัสบางกะปิ    การเดินทางสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกมากค่ะ ยิ่งหากต้องเดินทางไปภาคตะวันออกอยู่เป็นประจำก็ถือว่าใกล้มาก เพราะสามารถใช้ถนนกาญจนาภิเษก ที่ห่างจากโครงการประมาณกิโลกว่าๆ ก็จะถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนแล้วไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ได้ หรือจะผ่านแยกเมืองมีนแล้วใช้ถนนสุวินทวงศ์ก็ออกไปจังหวัดฉะเชิงเทราได้ไม่ไกล แต่หากเลือกใช้รถสาธารณะก็สามารถใช้รถโดยสารประจำทางตรงหน้าปากซอยได้เลยค่ะ หากไปทางขาเข้าเมืองฝั่งตรงข้ามกับโครงการก็จะตรงเข้าถนนลาดพร้าวได้เลย หรือหากไปลงตลาดมีนบุรีก็สามารถต่อรถสายอื่นๆ ได้อีกหลายเส้นทาง และในอนาคตประมาณปี 2564 บนถนนรามอินทราก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูผ่านตลอดทั้งสาย ส่วนฝั่งถนนรามคำแหงในอนาคตประมาณปี 2566 ก็สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มวิ่งเข้าสู่ใจกลางเมืองได้                 ภาพรวมโครงการ   Niche ID เสรีไทย-วงแหวน เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ซึ่งจะเรียกเป็นอาคาร C กับอาคาร D ค่ะ ส่วนอาคาร A กับ B นั้น จะอยู่ในโครงการ Niche id เสรีไทย ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่จะมีการกั้นรั้ว แยกทางเข้า-ออกโครงการ และนิติบุคคลก็แยกกันค่ะ ซึ่งโครงการนี้มีมาในคอนเซป LIVING LARGE IN THE NEW OASIS ชีวิตสบายและผ่อนคลายได้มากกว่า ในโอเอซิสกลางกรุงแห่งใหม่ โดยตัวโครงการจะเล่นโทนสีให้ดูเป็นธรรมชาติ เข้ากับพื้นที่รอบโครงการที่จะถูกปลูกต้นไม้สีเขียวล้อมรอบ โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่คอยต้อนรับด้วยความร่มรื่นตั้งแต่ทางเข้าโครงการ      Facility ตามสไตล์ของ SENA จะมีความเป็นเอกลักษณ์ตรงที่นำโซลาร์เซลล์มาติดตั้งบน Roof Top เพื่อดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในส่วนกลางของโครงการ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้ในระยะยาว โดยสิ่งอำนวยความสะดวกโซน Outdoor อย่าง สวนไม้หอม Aromatic Garden, Jogging Track, สระว่ายน้ำ, สนามเด็กเล่น, ลานโยคะ เหล่านี้จะถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ความสงบร่มรื่น หลบหลีกจากความวุ่นวายภายนอกให้เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น และยังมีห้องฟิตเนสติดกับสระว่ายน้ำ ให้ได้ออกกำลังกายพร้อมวิวธรรมชาติด้านนอก           ร่มรื่นตั้งแต่ทางเข้าโครงการที่มีต้นไม้ใหญ่ตลอดแนว   หน้าอาคาร D คือแหล่งรวมสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการค่ะ โดยสระว่ายน้ำจะถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สร้างความป็นส่วนตัว และยังช่วยบดบังสายตาจากภายนอกได้อีกด้วย   ฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์จะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำค่ะ   พื้นที่สีเขียวของโครงการที่มี Jogging Track ก็ยังคงร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่รอบอาคาร      Floor Plan   ดูจากผังโครงการแล้วจะเห็นว่าพื้นที่โครงการอยู่ใกล้กับปากซอยมากประมาณ 30 เมตร เดินได้สบายๆ เลยค่ะ ซึ่งตัวโครงการ Niche ID เสรีไทย-วงแหวน จะมีทั้งหมด 2 อาคาร คือ อาคาร C หน้าโครงการ กับอาคาร D ที่มี Facility อยู่ชั้นล่างของอาคาร ซึ่งทางเข้าอาคารจะอยู่ทางทิศตะวันตกค่ะ    อาคาร C ห้องพักอาศัยจะถูกวางแบบ Double Corridor มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว บันไดหนีไฟ 3 จุด วางกระจายอยู่ทั่วอาคาร ซึ่งห้องพักอาศัยจะถูกวางในทิศเหนือวิวทางถนนสวนสยาม กับทิศใต้ได้วิวถนนเสรีไทยค่ะ  อาคาร D ห้องพักอาศัยจะถูกวางแบบ Double Corridor มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว บันไดหนีไฟ 3 จุด เช่นเดียวกันค่ะ แต่อาคารนี้จะวางเป็นรูปตัว L ซึ่งห้องพักอาศัยจะถูกวางเอาไว้ทั้ง 4 ทิศเลยค่ะ ได้แก่ห้องทางทิศเหนือได้วิวทางถนนสวนสยามและวิวสระว่ายน้ำ ห้องทางทิศใต้ได้วิวถนนเสรีไทย ห้องทางทิศตะวันออกได้วิวถนนเสรีไทยทางฝั่งมีนบุรี และทิศตะวันตกได้วิวสระว่ายน้ำและสวนภายในโครงการค่ะ            Unit Plan     Type A ขนาด 26.00 ขนาดเริ่มต้นของโครงการค่ะ ซึ่งเป็นห้องที่วางไว้เป็นสัดส่วนทีเดียวค่ะ ได้ทั้งห้องครัวปิด ห้องน้ำจะอยู่โซนเดียวกันกับห้องครัว และเฟอร์นิเจอร์ที่เราเห็นในแปลนก็จะได้มาตามนี้ทั้งหมดเลยค่ะ   Type B ขนาด 28.00 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยขยับเพิ่มขึ้นมาอีกค่ะ แต่จะได้แปลนคล้ายๆ กันกับ Type A   Type C ขนาด 30.00 ตร.ม. ขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการค่ะ ซึ่งจะได้ครัวปิดเช่นเดียวกัน ส่วนพื้นที่ Living Room กว้างขวางขึ้น และห้องน้ำจะถูกแยกตัวออกมาอยู่ในโซนเดียวกันกับ Living Room ค่ะ     ชมห้องตัวอย่าง     Niche ID Serithai–Wongwaen มีการเข้าอยู่ในซอยเดียวกันกับโครงการ Niche ID Serithai เลยค่ะ เพราะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่จะถูกแบ่งเป็น  2 โครงการแยกกันค่ะ    Sales Office จะอยู่ด้านหน้าโครงการเลยค่ะ เข้ามาในซอยมองไปทางขวามือก็จะเห็นเลย ซึ่งตัวอาคารจริงกำลังสร้างอยู่ทางด้านหลังนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปีนี้ค่ะ   ภายใน Sales Office จะมีห้องตัวอย่างให้ชมกันอยู่ 2 Type ค่ะ คือ Type A ขนาด 26.00 ตร.ม. กับ Type B ขนาด 28.00 ตร.ม.   Type A ขนาด 26.00 ตร.ม. เรามาเปิดห้องตัวอย่างแรกกันดีกว่าค่ะ เริ่มจากวัสดุพื้นห้องปูด้วยลามิเนตสีน้ำตาลอ่อน ส่วนแรกของห้องเป็น Living Room ลึกเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ส่วนทางขวามือเป็นโซนห้องครัว และห้องน้ำค่ะ   เคาน์เตอร์วางทีวีจะได้หน้าตาแบบนี้มาทั้งเซตเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชั้นใส่รองเท้า เก็บร่ม ชั้นวางหนังสือก็ได้ทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นตู้อเนกประสงค์จริงๆ ค่ะ แต่ยกเว้นเพียงทีวีกับเครื่องปรับอากาศที่ห้องนั่งเล่นเท่านั้นที่ไม่ได้มาด้วย   ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ทีวีจะได้โซฟาผ้าสีเทาขนาด 2 ที่นั่ง โดยใต้โซฟาจะซ่อนลิ้นชักเก็บของเอาไว้ให้ 2 ช่องค่ะ   ที่วางแขนเปิดออกได้เป็นช่องเล็กๆ สำหรับเก็บพวกรีโมททีวีค่ะ   ข้างโซฟาจะได้โต๊ะพร้อมเก้าอี้แบบนี้มาด้วยนะคะ ซึ่งโต๊ะสามารถหุบขาเหล็กแล้วพับโต๊ะเก็บได้ด้วยค่ะ โดยจะใช้งานเป็นโต๊ะทานข้าวหรือโต๊ะทำงานก็ได้ค่ะ   ลึกเข้ามาในห้องจะเป็นพื้นที่ห้องนอนค่ะ   กั้นประตูห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียม ซึ่งข้อดีของการใช้ประตูห้องนอนแบบนี้คือ ได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างห้องนอนส่องเข้ามาถึงใน Living Room ทำให้ทั้งห้องสว่าง ดูโปร่งไม่มืดทึบค่ะ   ในห้องนอนจะได้เฟอร์นิเจอร์ทั้งเตียงนอน โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เครื่องปรับอากาศ ส่วนผ้าม่านจะรวมให้เฉพาะช่วงโปรโมชั่นเท่านั้นนะคะ   หลังกระจกเงาเป็นตู้เก็บของค่ะ โดยแบ่งออกเป็นสองบานกระจก เวลาใช้งานจริงหากเราเปิดกระจกบานฝั่งที่แคบกว่าเพียงด้านเดียวก็จะสามารถเพิ่มมุมมองอีกด้านเวลาเราส่องกระจกค่ะ   ลิ้นชักโต๊ะเครื่องเเป้งมีการเเบ่งสัดส่วนมาให้เพื่อง่ายต่อการเก็บ เครื่องสำอางค์และอุปกรณ์เเต่งหน้า     เตียงขนาด 6 ฟุตวางเอาไว้ชิดกำแพงริมหน้าต่างกระจกบานเลื่อน 2 ตอน   หัวเตียงกับด้านข้างที่ติดกับผนังจะมีฉากกั้นบุฟองน้ำนิ่มๆ มาให้ตามภาพแบบนี้เลยค่ะ ใครที่ชอบนั่งอ่านหนังสือบนเตียงก็สามารถนั่งเอนหลังได้สบายๆ   ใต้เตียงยังมีลิ้นชักเก็บของมาด้วย 1 ช่องค่ะ   ตรงหัวเตียงมีช่องสำหรับเสียบหนังสือหรือ Magazine ที่เล่มไม่หนามากได้ด้วยนะคะ   ภายในห้องนอนทางโครงการจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบรนด์ Panasonic มาให้ด้วย 1 ตัวค่ะ ส่วนผ้าม่านแบบนี้จะแถมมาให้เฉพาะช่วงโปรโมชั่นเท่านั้นนะคะ ซึ่งสามารถสอบถามจากทางโครงการได้โดยตรงอีกครั้งค่ะ   ปลายเตียงจะได้ Built in ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งมีหน้าบานกระจกเงามาให้ 1 บาน สามารถเลื่อนได้ทั้งหมดค่ะ โดยข้อดีของตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนแบบนี้คือช่วยประหยัดพื้นที่ของห้องได้ดี และยังมีความสวยงามกว่าตู้เสื้อผ้าแบบลอยตัวด้วยค่ะ   เรียกได้ว่าฟังก์ชั่นในห้องนอนให้มาล้นเหลือทีเดียวค่ะ แต่ดีเทลพิเศษแบบนี้ไม่ได้หมดเฉพาะแค่ในห้องนอนอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ ยังเหลือโซนห้องครัวต่อค่ะ   โซนห้องครัวจะถูกแยกออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจนทีเดียวค่ะ โดยจะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นเป็นลักษณะของครัวปิด ช่วยไม่ให้กลิ่นอาหารเวลาทำกับข้าวเข้ามาในห้องค่ะ   พื้นที่โซนห้องครัวจะแบ่งออกเป็นห้องน้ำทางขวามือ และครัวทางซ้ายค่ะ   เข้าไปดูในห้องน้ำกันก่อนค่ะ ภายในจะปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม ส่วนผนังก็เป็นกระเบื้องเซรามิคสีขาว ขวามือด้านบนของภาพมีราวแขวนผ้าสแตนเลสติดมาให้ค่ะ   อ่างล้างหน้าเซรามิคแบบแขวนผนัง และก๊อกน้ำจากแบรนด์ COTTO มาพร้อมกับกระจกเงา โดยมีการก่อผนังยื่นออกมาเล็กน้อยเพื่อใช้เป็นที่วางอุปกรณ์หน้าอ่างล้างหน้าค่ะ   ถัดจากอ่างล้างหน้าเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมแกนใส่ทิชชู่จาก COTTO และสายชำระอยู่ข้างขวาของโถสุขภัณฑ์ค่ะ   ส่วนเปียกจะถูกแยกออกโดยมีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำล้นออกมาที่ส่วนแห้งค่ะ   มีชั้นวางอุปกรณ์เข้ามุมมาให้เรียบร้อยเลยค่ะ ฝักบัวจากแบรนด์ Prema   สุดท้ายไปดูที่ห้องครัวกันค่ะ   สิ่งที่ทางโครงการจะให้มาด้วยนั่นคือ Built in เคาน์เตอร์ครัวครบเซตจากแบรนด์ Modernform มีช่องสำหรับวางตู้เย็นอยู่ข้างเคาน์เตอร์ครัว   ซิงค์ล้างจานจากแบรนด์ HAFELE ซึ่งด้านหลังซิงค์จะมีพื้นที่สำหรับวางอุปกรณ์ล้างจาน หรือจะวาง ipad ทำครัวไปด้วยเปิดยูทูปวิธีทำกับข้าวไปด้วยก็ได้นะคะ และยังติดตั้งราวแขวนสแตนเลสมาด้วยค่ะ   ตู้ด้านบนจะมีการติดตั้งที่วางจาน ซึ่งสามารถดึงลงมาเพื่อหยิบหรือเก็บของได้ง่ายขึ้นมากเลยค่ะ ตอบโจทย์การใช้งานจริงได้ดีทีเดียว   ระเบียงจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขอบอลูมิเนียมค่ะ   มีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยกั้นเอาไว้ เพื่อป้องกันฝุ่นจากภายนอก รวมถึงน้ำจากการซักล้างที่ระเบียงไม่ให้ล้นเข้าห้องด้วยค่ะ   ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม มีก๊อกน้ำสำหรับต่อเครื่องซักผ้าวางเอาไว้ที่ระเบียง และยังเหลือพื้นที่เพียงพอต่อการตากผ้าได้ด้วยค่ะ   Condensing Unit ถูกแขวนเอาไว้มุมระเบียง ซึ่งหันหน้าเข้าระเบียงค่ะ มีข้อดีตรงถ้าหากตากผ้าจะทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น หรือถ้าใครไม่ชอบลมร้อนก็สามารถติดตั้งกริลแอร์เพิ่มเติมได้ค่ะ   Type B ขนาด 28.00 ตร.ม. ห้องตัวอย่างสุดท้ายค่ะ ขนาด 28.00 ตร.ม. พื้นห้องปูด้วยลามิเนตสีน้ำตาลอ่อนเช่นเดียวกันค่ะ โดยจะพบกับ Living Room ก่อน ลึกเข้าไปจะเป็นห้องนอนค่ะ   ด้านขวาวางโซฟาผ้าขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้ค่ะ   ทุกยูนิตจะได้โซฟาที่มีลิ้นชักข้างใต้ และช่องเก็บรีโมทตรงที่พักแขนเช่นดียวกันหมดค่ะ   โต๊ะทานอาหารจะได้มาพร้อมเก้าอี้ 2 ตัวแบบนี้เลยค่ะ โดยโต๊ะสามารถหุบขาเหล็กสีดำแล้วพับเก็บโต๊ะได้   เคาน์เตอร์วางทีวีพร้อมตู้อเนกประสงค์ Built in มาให้ทั้งเซตเลยค่ะ   เชื่อมต่อพื้นที่เดียวกันเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนค่ะ   ริมหน้าต่างจะได้เตียงขนาด 6 ฟุต โต๊ะเครื่องแป้งอยู่ข้างหัวเตียง   หัวเตียงและด้านข้างของเตียงฝั่งชิดผนังจะมีฉากกั้นบุฟองน้ำหุ้มด้วยผ้า สำหรับเป็นพนักพิงนั่งเอนหลังเล่นบนเตียงได้   ใต้เตียงมีลิ้นชัก 1 ช่องสำหรับเก็บของค่ะ   หัวเตียงมีช่องสำหรับเสียบหนังสือเล่มไม่หนามาก หรือจะเสียบ Tablet ด้วยก็ได้นะคะ   โต๊ะเครื่องแป้งมีฟังก์ชั่นสำหรับเก็บของจุกจิกได้อีกเยอะเลยค่ะ   เครื่องปรับอากาศในห้องนอนจะถูกติดตั้งมาให้เหนือหน้าต่างบานกระจกค่ะ โดยถ้าเปิดประตูห้องนอนเอาไว้แล้วเปิดแอร์ ความเย็นก็จะสามารถไปถึง Living Room ได้โดยที่ไม่ต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศอีกตัวเพิ่ม   ปลายเตียง Built in ตู้เสื้อผ้าประตูบานเลื่อน 3 บาน ซึ่งมี 1 บานที่หน้าบานเป็นกระจกเงาค่ะ ภายในตู้แบ่งช่องเอาไว้หลากหลายขนาด สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ของคุณผู้หญิงได้ดี ไม่ว่าจะแขวนชุดเดรสยาว ลิ้นชักเก็บชุดชั้นใน ช่องยาวเก็บโต๊ะรีดผ้า ทุกสิ่งถูกคิดขึ้นมาเพื่อการใช้งานจริงค่ะ   เข้าไปดูอีกโซนของห้องกันค่ะ   ห้องครัวจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเช่นเดียวกันค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค โดยห้องครัวจะอยู่ทางขวาเชื่อมต่อกับระเบียงห้อง และซ้ายมือเป็นห้องน้ำค่ะ   ห้องน้ำพื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิค โดยจะเป็นส่วนแห้งก่อนส่วนเปียกด้านในค่ะ   ขวามือวางโถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ และราวแขวนผ้าเอาไว้ครบค่ะ ส่วนเปียกมีชั้นวางของมาไว้ให้ด้วยค่ะ ไม่ต้องซื้อชั้นวางของเพิ่มเลย   อีกด้านของห้องน้ำมีการก่อผนังออกมาเล็กน้อย สำหรับเป็นที่วางของเพิ่มเติม   อ่างล้างหน้าเซรามิคแบบแขวนผนังมาพร้อมกระจกเงาค่ะ   ออกจากห้องน้ำก็จะเป็นห้องครัวค่ะ โดยเริ่มจากพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น และเคาน์เตอร์ครัวแบบ One Wall Kitchen   ชุดครัวมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟด้านล่าง โดยวัสดุปิดผิวทั้งหมดเป็นลามิเนตค่ะ   ซิงค์ล้างจานจากแบรนด์ HAFELE พร้อมติดตั้งราวสแตนเลสไว้ด้านหลัง และมีพื้นที่สำหรับวางของเอาไว้หลังซิงค์ค่ะ   ทุกยูนิตจะได้ที่วางจานด้านบน ซึ่งสามารถดึงเก็บไว้ในตู้แบบนี้มาเหมือนกันหมดค่ะ   ลิ้นชักมีช่องเก็บอุปกรณ์ครัวมาให้ด้วยทุกยูนิตค่ะ   ระเบียงถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน   มีธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยกั้นไว้ด้วยค่ะ   พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค และมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าอยู่ที่มุมระเบียงเพื่อใช้เป็นพื้นที่ซักล้าง   Condensing Unit แขวนเอาไว้มุมเดียวกันกับพื้นที่วางเครื่องซักผ้าค่ะ     Niche ID Serithai–Wongwaen คอนโดที่เปรียบเสมือนโอเอซิสกลางเมือง ยิ่งใครที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางชันก็เหมาะมากค่ะ เพราะประมาณ 500 เมตรก็ถึงช่วงนิคมแล้ว สามารถเดินทางไปทำงานได้ใกล้มากๆ หรือใครที่ต้องใช้ถนนกาญจนาภิเษกบ่อยๆ โดยเฉพาะหากต้องออกไปยังภาคตะวันออกก็เดินทางได้สะดวกไม่แพ้กัน ราคาก็จับต้องได้เริ่มต้นเพียง 1.5 ล้านบาท แถมยังได้เฟอร์นิเจอร์ฟังก์ชั่นดี ให้มาครบแบบที่ไม่ต้องซื้ออะไรเข้ามาเพิ่มก็เข้าอยู่ได้เลย
MAESTRO 01 SATHORN-YENAKAT (มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ) ความพรีเมี่ยมที่ซ่อนอยู่ท่ามกลาง CBD : รีวิวคอนโด

MAESTRO 01 SATHORN-YENAKAT (มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ) ความพรีเมี่ยมที่ซ่อนอยู่ท่ามกลาง CBD : รีวิวคอนโด

ใครๆ ก็ทราบกันดีค่ะว่าคอนโดมิเนียมจากเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นขวัญใจอันดับหนึ่งของคนรักสัตว์ เพราะทุกโครงการ ทุกยูนิตสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ แถมยังมีส่วนกลางรองรับสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยอีกต่างหาก ซึ่งหนึ่งในแบรนด์คอนโดมิเนียมของค่ายนี้ก็คือ Maestro คอนโดมิเนียม Low Rise ที่มีความโดดเด่นด้านทำเลดี เพราะทุกโครงการมีทางเข้า-ออกได้หลายทาง เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยยูนิตที่มีไม่มาก ดีไซน์หรูหราโดดเด่น ได้ฟังก์ชั่นครบ     ทำเล   ถ้าพูดถึง CBD ในบ้านเราแล้ว ทุกคนก็จะทราบดีว่านั่นคือย่านสีลม-สาทร ใจกลางแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ศูนย์รวมของทุกสิ่งอย่างเพียบพร้อมในระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ออฟฟิศเกรด A โรงพยาบาลระดับคุณภาพ โรงแรมห้าดาว สถาบันการศึกษาชื่อดัง เช่น  เซ็นทรัลพระราม 3, ท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต สาขานางลิ้นจี่, สีลม คอมเพล็กซ์, โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์, โรงเรียนอัสสัมชัญ, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช, โรงแรมบันยันทรี, โรงแรมโซ โซฟิเทลแบงค็อก, โรงแรมดุสิตธานี เป็นต้น รวมถึงการเดินทางที่เชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญมากมาย ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนอย่างทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษเฉลิมมหานคร      ในทางกลับกันหากพูดถึงถนนเย็นอากาศกลับไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก ทั้งที่ถนนเย็นอากาศนั้นถือเป็นทำเลที่แอบซ่อนขุมทรัพย์แห่งความสงบร่มรื่นเอาไว้ท่ามกลางแหล่งเศรษฐกิจในเมืองใหญ่แห่งนี้ โดยถนนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนมากแถวนี้จึงเป็นที่อยู่ลักษณะบ้านเดี่ยวอันเก่าแก่คงเสน่ห์เอาไว้จวบจนทุกวันนี้ ซึ่งชวนให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศ เพราะตลอดสองข้างทางมีร้านอาหารไทย อีสาน ญี่ปุ่น อิตาเลียน เยอรมัน ร้านคาเฟ่สวยๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เรียงรายกันอยู่บนนถนนแห่งนี้ไม่น้อยเลย แต่ละร้านก็มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งด้านรสชาติและบรรยากาศดึงดูดให้เข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง      ตัวโครงการ มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ นั้นตั้งอยู่ริมถนนเย็นอากาศ บริเวณตรงข้ามกับปากซอยประสาทสุข มีทางเข้า-ออกได้หลากหลายเส้นทาง ทำให้สามารถหลบหลีกวางแผนการเดินทางตามสภาพการจราจรในแต่ละวันได้หลากหลายช่องทาง ได้แก่      ถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า เมื่อเลยสี่แยกใต้ทางด่วนพระราม 4 มาแล้ว ให้เข้าซอยงามดูพลีแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยศรีบำเพ็ญ และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเย็นอากาศ โครงการจะอยู่ทางขวามือ   ถนนเชื้อเพลิง เป็นถนนเลียบทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างถนนพระราม 4 ตรงจุดขึ้น-ลงทางพิเศษมหานครกับถนนพระราม 3 ซึ่งสามารถเข้าโครงการจากถนนเส้นนี้ได้โดยจากถนนเชื้อเพลิงฝั่งมุ่งหน้าสู่ถนนพระราม 4 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเชื้อเพลิง 4 จะสามารถเชื่อมต่อกับซอยศรีบำเพ็ญ แล้วจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเย็นอากาศ โครงการจะอยู่ทางขวามือ   ถนนพระราม 3 ฝั่งมุ่งหน้าเข้าพระราม 4 เมื่อถึงสามแยกนางลิ้นจี่ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนนางลิ้นจี่ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเย็นอากาศ โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ   ถนนสาทร ฝั่งสาทรใต้ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสาทร 1 หรือจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสวนพลูก็ได้ ทะลุออกซอยงามดูพลี แล้วจะเลือกเข้าสู่ซอยศรีบำเพ็ญหรือถนนนางลิ้นจี่ก็ได้ เพราะสามารถเข้าสู่ถนนเย็นอากาศได้ทั้งสองเส้นทาง    ถนนนราธิวาสฯ ฝั่งขาออก เลี้ยวซ้ายเข้าซอยนราธิวาสฯ 17 หรือถนนจันทน์ แล้วเข้าสู่ถนนนางลิ้นจี่ก็เข้าสู่ถนนเย็นอากาศได้เช่นกัน   ถนนจันทน์ จุดที่เป็นสามแยกตัดกับถนนนางลิ้นจี่ ให้เลี้ยวซ้ายแล้วรีบชิดขวาเพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนเย็นอากาศ         ถนนนางลิ้นจี่ เป็นถนนหลักในการเข้าสู่ถนนเย็นอากาศเลยค่ะ เพราะเป็นตัวเชื่อมกับหลายถนนที่กล่าวไว้ข้างต้น คือ ถนนพระราม 3 ถนนจันทน์ ถนนนราธิวาสฯ เป็นต้น    ระบบขนส่งสาธารณะก็สะดวกสบายไม่แพ้กัน เพราะทางโครงการจะมี Shuttle Service บริการรับ-ส่งลูกบ้านที่ MRT ลุมพินี เรียกได้ว่าการเดินทางไม่ว่าจะเส้นทางไหนก็หายห่วงได้เลยค่ะ   ภาพรวมโครงการ MAESTRO 01 SATHORN-YENAKAT คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น บนพื้นที่ 0-3-98 ไร่ ที่จอดรถ 79% ได้ความเงียบสงบด้วยทำเลและยูนิตที่จำกัดเพียง 88 ยูนิตเท่านั้น อีกทั้งยังครบครันทั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และ Built-in ให้มาเต็มที่แบบ Fully Furnished ที่ดีไซน์แนว MEDELINE STYLE  สถาปัตยกรรมดีไซน์คอนเซ็ปต์ Modern-Classic ให้อารมณ์เหมือนเดินอยู่ในเมืองใหญ่โซนยุโรป ซึ่งผสมผสานระหว่างความคลาสสิคแต่อยู่ท่ามกลางความทันสมัยของเมืองยุคนี้ได้อย่างลงตัว      ส่วนกลางของโครงการแบ่งออกเป็น 3 ชั้นด้วยกันค่ะ คืออยู่ที่ชั้น 1 ต้อนรับลูกบ้านด้วยล็อบบี้เพดานสูงโปร่ง ห้องเมลบ็อกซ์ ห้องซักผ้า แร็คจอดจักรยาน ป้อมรักษาความปลอดภัย ต่อมาที่ชั้น 2 จะเป็นสระว่ายน้ำ ห้องสตรีม ห้องซาวน่า ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อคเกอร์ และชั้น 9 ซึ่งเป็น Roof Top ของโครการ มีทั้ง tranquil pavilion ห้องฟิตเนส ลานโยคะ สนามเด็กเล่น ลานบาร์บีคิว ห้องสันทนาการ และพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ท่ามกลางวิวใจกลางเมืองสวยๆ  รวมถึงบริการอื่นๆ จากทางโครงการ ได้แก่ Shuttle Service บริการรับ-ส่งลูกบ้านที่ MRT ลุมพินี, Wifi ตลอด 24 ชม. และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.      มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ นอกจากจะน่าอยู่อาศัยเองด้วยความเงียบสงบของตัวโครงการ และการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์แล้ว ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งออฟฟิศก็ยังเหมาะแก่การลงทุนปล่อยเช่าได้ราคาดี สะดวกด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาครบครันทำให้งบประมาณในการตกแต่ง และซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นเข้ามาเพิ่มเติมก็จะไม่บานปลายมากอีกด้วยค่ะ     แม้ว่าทางโครงการนั้นจะอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ แต่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเพื่อการอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขทั้งเจ้าของสัตว์เลี้ยงกับลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ จึงต้องมีกฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดเกิดขึ้นค่ะ โดยมีข้อกำหนดดังนี้   1. การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี(ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์) 2. ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุด รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง 3. สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ - 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม. - 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร - 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น) 4. สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ   Floor Plan อาคารของมาเอสโตร 01 วางเป็นรูปตัว U จัดยูนิตแบบ Double Corridor จำนวนยูนิต 5-13 ยูนิต/ชั้น มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัวกลางอาคาร ใช้ระบบล็อคชั้นเพื่อความปลอดภัย บันไดหนีไฟ 2 จุดกระจายอยู่คนละฝั่งของอาคาร ส่วนที่จอดรถมีทั้งชั้นใต้ดินและชั้น 1 ของอาคาร Ground Plan ตัวโครงการมีทางเข้า-ออกทางเดียว หน้าโครงการหันไปทางทิศตะวันออก มียูนิตพักอาศัยตั้งแต่ชั้นแรกอยู่ 5 ยูนิต โดยจะมีประตูคีย์การ์ดกั้นระหว่าง Lobby ตรงกลางอาคาร เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความเป็นส่วนตัว และปลูกต้นไม้เอาไว้ระหว่างระเบียงห้องกับรั้วโครงการ เพื่อป้องกันสายตาจากด้านนอก เพิ่มความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังส่งผลต่อความรู้สึกผู้อยู่อาศัยไม่ให้รู้สึกอึดอัดจนเกินไปด้วยค่ะ Plan ชั้น 2 เป็นยูนิตพักอาศัย รวมถึงส่วนกลางที่เป็นสระว่ายน้ำ ซึ่งหันออกทางทิศเหนือ มีห้องน้ำแยกฝั่งชาย-หญิง พร้อมกับห้องสตรีม-ซาวน่าอยู่ภายในห้องน้ำ ซึ่งหากใครเลือกอยู่ชั้นนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะวุ่นวายค่ะ เพราะมีประตูคีย์การ์ดกั้นแยกโซนที่พักอาศัยจากโถงลิฟท์ที่เชื่อมต่อสู่สระว่ายน้ำอีกที Plan ชั้นที่อยู่อาศัย ดูจากแปลนนี้แล้วจะเห็นภาพมากขึ้นค่ะว่าตัวอาคารวางคล้ายรูปตัว U Roof Top Plan เป็น Facility อีกชั้นหนึ่งของโครงการค่ะ โดยจะมีทั้งฟิตเนส ลานโยคะ ลานบาร์บีคิว ลานสำหรับสัตว์เลี้ยง และพื้นที่สำหรับพักผ่อนหลากหลายมุม   Unit Plan ตอกย้ำความพรีเมี่ยมเฉพาะตัวด้วย Unit Plan ที่แม้ห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดของโครงการก็ยังเริ่มต้นถึงขนาด 33.56 ตร.ม. เป็นขนาดที่อยู่อาศัยได้จริงโดยไม่รู้สึกคับแคบจนเกินไป โดยทุกยูนิตมาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษด้วยการเพิ่มพื้นที่ให้กับห้องของเราด้วยฟังก์ชั่นพื้นที่อเนกประสงค์ เพื่อขยายห้องนั่งเล่นของเราให้สามารถรองรับการใช้งานได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับกลุ่มเพื่อนๆ หรือใช้เป็นระเบียงตากอากาศก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์   Type A1 33.77 ตร.ม. ห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ   Type B1 68.90 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  Type D3 Lower 112.66 ตร.ม. ห้องแบบดูเพล็กซ์ชั้นล่าง ทั้งหมด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  Type D3 Upper 112.66 ตร.ม. ห้องแบบดูเพล็กซ์ชั้นบน   Type D4 Lower 182.18 ตร.ม. ห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ แบบดูเพล็กซ์ ทั้งหมด 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ   Type D4 Upper 182.18 ตร.ม. ห้องแบบดูเพล็กซ์ชั้นบน    เดินชมโครงการ MAESTRO 01 SATHORN-YENAKAT ตอนนี้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะคะ เราเริ่มเดินชมภายในโครงการตั้งหน้าทางเข้า-ออกที่ใช้ระบบ Keycard Access ลอดใต้อาคารเพื่อลงลานจอดรถชั้นใต้ดินค่ะ ถัดกันเป็นทางเข้าจากหน้าโครงการ ประตูกระจกใสกรอบสีทองแดงให้ความคลาสสิคตามคอนเซป เปิดประตูเข้าไปดูในโครงการกันเลยค่ะ มีฉากทรงรังผึ้งสีขาวกั้น ทางขวามือเป็นประตูคีย์การ์ดอีกชั้นสำหรับลูกบ้านที่พักอาศัยอยู่ชั้น 1 นี้ค่ะ หลังฉากกั้นสีขาวเมื่อสักครู่ก็จะเป็น Lobby ตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ดำ เป็นหลัก เพดานเปิดสามารถมองเห็นขึ้นไปที่ชั้น 2 ทำให้รู้สึกโล่งขึ้น ส่วนด้านหลังเคาน์เตอร์คือโถงลิฟท์ค่ะ หันมาทางขวาของ Lobby จะพบกับโซน Mail Box ที่ล้อมรอบด้วยกระจกใส ดูจากจำนวน Mail Box แล้วก็รู้สึกเลยค่ะว่าโครงการนี้ยูนิตน้อยจริงๆ สำหรับคอนโด Low Rise ให้ความเป็นส่วนตัวมาก เราขึ้นมาดูที่ชั้น 2 กันค่ะ Facility ส่วนแรกเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 12.5 เมตร และด้วยความที่สระว่ายน้ำหันไปทางทิศเหนือที่แทบจะไม่ค่อยโดนแดดเท่าไรนัก ก็ทำให้สามารถลงว่ายน้ำในช่วงกลางวันก็ได้ค่ะ ที่ชั้น 2 จะมีห้องที่ได้วิวใกล้ชิดกับสระว่ายน้ำเลยค่ะ แต่ทางโครงการทำกระจกสูงขึ้นมาประมาณ 1.5 เมตร แล้วปลูกต้นไม้ไว้ด้านในชิดกระจกอีกทีเพื่อความเป็นส่วนตัวขึ้น และยังช่วยบังสายตาจากนอกห้องด้วยค่ะ ห้องทางฝั่งทิศเหนือนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำค่ะ ด้านข้างสระจะมีห้องน้ำแยกหญิง-ชายเอาไว้ เข้าไปดูที่ห้องน้ำหญิงทางฝังขวากันก่อนค่ะ ภายในมีล็อคเกอร์สำหรับเก็บของไว้ให้ และยังมีห้องสตรีมอยู่ด้วยค่ะ อีกฝั่งเป็นห้องน้ำชายที่มีห้องซาวน่าในตัว มีโซนล้างตัวแยกอยู่อีกด้านหนึ่งของสระว่ายน้ำค่ะ มีลักษณะเป็นช่องลึกเข้าไปตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวล้อมรอบ จากนั้นเราขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 9 ซึ่งเป็น Roof Top มีส่วนกลางแยกเป็นสองฝั่ง โดยเมื่อออกจากลิฟท์แล้วหันไปทางซ้ายก่อนก็จะพบกับฟิตเนสค่ะ ห้องฟิตเนสอยู่ตรงกลางตรงข้ามกับโถงลิฟท์พอดีค่ะ เมื่อเข้าไปในห้องฟิตเนสจะมีการยกพื้นสูงขึ้น ห้องฟิตเนสล้อมรอบด้วยกระจก High Ceiling ซึ่งด้วยความที่อยู่บนชั้น Roof Top จึงสามารถรับแสงธรรมชาติจากด้านนอกเข้ามาได้เต็มๆ ลู่วิ่งที่สามารถชมวิวสวนสีเขียวด้านนอกพร้อมกับวิวเมืองไปด้วย   ออกมาดูที่สวนสีเขียวรอบๆ กันบ้างค่ะ มีที่นั่งเบาะสีขาวไว้ให้นั่งพักผ่อน มีการแยกโซนหลายๆ มุม เดินเข้ามาสุดทางเป็นโซน BBQ แยกเอาไว้ค่ะ มีมุมเตาปิ้งพร้อมซิงค์ล้างจานให้เรียบร้อย เป็นโซนที่เหมาะสำหรับการจัดปาร์ตี้เล็กๆ กับกลุ่มเพื่อนในช่วงเย็น-ค่ำ ที่ให้ความเป็นส่วนตัวพร้อมรับลมจากชั้น Roof Top ไปด้วย อีกฝั่งหนึ่งของชั้น 9 มีหลายมุมให้ได้นั่งเล่นรับลมกันค่ะ ตรงกลางเป็นลานโยคะ Pet Zone สำหรับพาสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นได้ เป็นลานที่อยู่ทางทิศตะวันออกด้านหน้าของโครงการ เพราะฉะนั้นถ้าพาน้องหมา น้องแมวมาวิ่งเล่นช่วงเย็นๆ ก็เหมาะทีเดียวค่ะ   เปิดห้องตัวอย่าง สำหรับมาเอสโตร 01 นั้นมีห้องตัวอย่างทั้งหมด 3 ห้องด้วยกันค่ะ เรามาเริ่มกันที่ห้องแรก Type A2-2 ขนาด 34.12 ตร.ม. 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เริ่มจากห้องครัวเปิด เชื่อมต่อด้วยห้องนั่งเล่นต่อด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ กั้นห้องนอนด้วยประตูบานสวิง ซึ่งภายในห้องนอนมีมุมโซฟา และห้องน้ำในตัว โดยทุกอย่างที่เห็นในแปลนทางโครงการให้ทุกอย่างมาครบเลยค่ะ เปิดห้องตัวอย่างแรกกันเลยค่ะ เราจะเจอส่วนครัวเปิดก่อนเลย โดยความสูง Floor To Ceiling 2.45 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายไม้ ใช้ไฟ Downlight เคาน์เตอร์ครัววางแบบ L shape เพื่อให้ดูแยกเป็นสัดส่วนกับพื้นที่อื่นของห้อง ด้านขวาเป็นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ด้านซ้ายมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ บานตู้และลิ้นชักทั้งหมดมีระบบ Soft Close Top ครัวใช้หินสังเคราะห์ ผนังครัวกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคเพื่อช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นกว่าการเป็นผนังธรรมดา ซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นออก เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันจากแบรนด์ Electrolux ทั้งหมดนี้ทางโครงการให้มาครบเลยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะได้ Built in ตู้เก็บของมาด้วยค่ะ ติดกันด้านหลังประตูห้องจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็นได้ ติดกับเคาน์เตอร์ครัวอีกด้านถูกจัดให้เป็นโต๊ะทานข้าวแบบเคาน์เตอร์บาร์ค่ะ แบบนี้ประหยัดพื้นที่ได้มากกว่าโต๊ะลอยปกติพอสมควรเลยค่ะ หันกลับไปดูพื้นที่ส่วนครัวทั้งหมดค่ะ ดูเป็นครัวที่เหมาะกับการทำอาหารเบาๆ และยังมีพื้นที่ทำครัวกว้างพอสมควร ถัดเข้ามาเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ มีโซฟาสีขาวขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง และเคาน์เตอร์วางทีวีแบบที่เห็นนี้ทางโครงการก็ให้มาด้วยนะคะ สองข้างของโซฟามีพื้นที่เหลือไม่ชิดกับเก้าอี้ทานข้าวจนเกินไป ส่วนเครื่องปรับอากาศใช้แบรนด์ Trane ติดตั้งเอาไว้ด้านบนโต๊ะทานข้าว ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นพอดีค่ะ สิ่งที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของโครงการนี้ คือ ทุกยูนิตจะได้พื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น แต่จะมีการกั้นด้วยประตูกระจกเขียวตัดแสง เป็นบานเลื่อนขอบอลูมิเนียมสีขาว 2 ตอน เมื่อเปิดประตูกระจกออกจะช่วยเพิ่มพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้กว้างขึ้นค่ะ พื้นที่อเนกประสงค์นี้จะมีลักษณะเหมือนระเบียงแบบ Double Skin คือมีกระจกสูงด้านนอกกั้นอีกชั้น ทำให้เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนแล้วก็จะเพิ่มพื้นที่ภายในห้องได้แบบไม่เสียความเย็นจากเครื่องปรับอากาศค่ะ กลับเข้ามาในห้อง เดินไปดูห้องทางซ้ายมือกันต่อค่ะ เปิดประตูห้องนอนเข้าไปแล้วจะพบกับเตียงอยู่ทางซ้ายมือ ทางขวาเป็นตู้เสื้อผ้า Built in ในส่วนของพื้นห้องนอนจะเปลี่ยนมาปูด้วยลามิเนตค่ะ ข้างเตียงวางโต๊ะทำงานขนาดเล็กได้ ไม่ติดกับเตียงจนเกินไปค่ะ เตียงขนาด 5 ฟุต วางไว้กลางห้องมีทางเดินอยู่รอบเตียงค่ะ เครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนถูกติดตั้งไว้ที่ปลายเตียงค่ะ อีกด้านของเตียงมีทั้งโต๊ะหัวเตียง และโซฟาข้างหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ครบเลยค่ะ แทบจะไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์มาเพิ่มแล้ว มองจากมุมนี้เราจะเห็นว่าหลังประตูห้องนอนจะเป็นห้องน้ำในตัวค่ะ ตู้เสื้อผ้าของทุกห้องเมื่อเปิดบานสวิงออกมาแล้วจะมีสวิทช์สำหรับเปิดไฟในตู้เสื้อผ้า ช่วยเพิ่มแสงสว่างให้ใช้งานได้อย่างสะดวกขึ้นค่ะ เข้าไปดูในห้องน้ำค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม ผนังปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาว อ่างหน้าหน้าใช้แบบแขวนผนังของแบรนด์ LAVENZ มีตู้เก็บของไว้ให้ข้างใต้ค่ะ ส่วนหัวก๊อกใช้แบรนด์ Hafele โถสุขภัณฑ์ใช้แบรนด์ Kohler พร้อมสายชำระ ด้านข้างสุขภัณฑ์มีการเจาะผนังไว้สำหรับวางของได้ด้วยนะคะ เช่นเดียวกันกับด้านในส่วนเปียกที่มีการเจาะช่องผนังเอาไว้ด้านข้าง และฝักบัวใช้แบรนด์ Kohler ค่ะ ซึ่งทั้งหมดที่เห็นในห้องน้ำจะได้มาแบบนี้เลยค่ะ   ห้องตัวอย่างถัดไปเป็น Type B3 ขนาด 70.82 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เริ่มจากส่วนห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่รวมส่วนโต๊ะทานข้าวและพื้นที่อเนกประสงค์เอาไว้ด้วยกัน ครัวเปิดที่แยกออกมาเป็นสัดส่วน และโซนห้องนอน-ห้องน้ำ แปลนนี้เป็นการแยกพื้นที่ Common Area กับ Private Zone ออกจากกันอย่างชัดเจนค่ะ เปิดประตูเข้าไปในห้องค่ะ พื้นที่ Common Area ที่เห็นกว้างขวางทีเดียวค่ะ พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องลายไม้ ใช้ไฟ Downlight ส่วนแรกของห้องนี้เป็นพื้นที่สำหรับโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งค่ะ เครื่องปรับอากาศตัวแรกติดไว้ด้านบนเหนือโต๊ะพอดี เหลือพื้นที่ทางเดินหลังโต๊ะทานข้าวได้กว้างขวาง หากมีคนนั่งทานข้าวอยู่ก็สามารถเดินผ่านได้ ไม่คับแคบค่ะ ตรงข้ามโต๊ะทานข้าวมีตู้เก็บของมาให้ค่ะ จะดัดแปลงเป็นตู้เก็บรองเท้าก็ได้ โดยบานตู้ติดตั้งระบบ Soft Close เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น และเวลาปิดตู้จะไม่เกิดเสียงดังค่ะ เชื่อมต่อด้วยห้องนั่งเล่นและพื้นที่อเนกประสงค์ค่ะ ห้องขนาด 2 ห้องนอนจะได้โซฟาแบบ L Shape พร้อมโต๊ะกลาง เพราะพื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างมากพอที่จะรับแขกเป็นกลุ่มได้ค่ะ ลองสังเกตที่เพดานห้องนั่งเล่นดูค่ะ มีการตีขอบคิ้วบัวเป็นสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นสีเดียวกันกับประตูห้อง เพิ่มลูกเล่นความน่าสนใจให้กับห้องของเราดูสวยเก๋ขึ้นไปอีก ข้างโซฟามีประตูกระจกเขียวตัดแสงแบบบานเลื่อน 3 ตอนกั้นพื้นที่อเนกประสงค์ไว้หากไม่ได้ใช้งานค่ะ กระจกด้านนอกเป็นกระจกบานเลื่อน สามารถเปิดออกได้ค่ะ โดยถ้าเปิดออกก็จะมีราวเหล็กโปร่งกั้นไว้อีกที อีกฝั่งของห้องอเนกประสงค์จะมีประตูที่เรียบไปกับผนัง ซึ่งเป็นห้องสำหรับเก็บ Condensing Unit แยกออกไว้เป็นสัดส่วน จะได้ไม่มีลมร้อนมาเป่าถึงในห้องให้กวนใจค่ะ หลังเคาน์เตอร์ทีวีมีทางเดินเชื่อมไปยังอีกส่วนหนึ่งของห้องค่ะ เรามาดูกันที่อีกโซนของห้องค่ะ ซ้ายมือสุดเป็นห้องครัว ถัดไปทางซ้ายเป็นห้องน้ำ ห้องตรงกลางและห้องทางขวามือเป็นห้องนอนค่ะ เรามาดูกันที่ห้องครัวก่อนค่ะ เป็นครัวลักษณะ U Shape และถึงแม้ว่าจะเป็นครัวเปิด แต่ด้วยการวางแปลนไว้เป็นสัดส่วนหากใครชอบทำครัวหนักๆ ก็สามารถติดตั้งบานประตูเพิ่มได้นะคะ ป้องกันกลิ่นและควันเข้าสู่ตัวห้อง ฝั่งซ้ายของครัวเริ่มด้วยตู้เก็บของบานสวิง มีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า ส่วนฝั่งขวามีช่องสำหรับวางตู้เย็น ถัดไปเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ แต่สิ่งที่เราจะได้ คือ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควันจากแบรนด์ Electrolux ซึ่งมีการกรุกระเบื้องตลอดแนวผนังครัวด้านนี้มาให้ด้วย และซิงค์ล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์   ลิ้นชักใต้ช่องวางไมโครเวฟมีการกั้นช่องสำหรับวางช้อนส้อมมาให้ และตู้ใต้ซิงค์ล้างจานที่มีถังขยะมาให้พร้อมเลยค่ะ ออกจากครัวไปดูห้องต่อไปทางซ้ายมือค่ะ ห้องน้ำปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม ผนังปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน โดยเริ่มจากส่วนแห้งก่อนค่ะ อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังมีตู้เก็บของไว้ข้างใต้ ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ อีกทั้งยังได้กระจกเงาบานใหญ่เก็บขอบอลูมิเนียมให้เรียบร้อยแบบนี้ด้วยนะคะ ส่วนเปียกถูกกั้นไว้ด้วยกระจก Tempered แบบประตูบานสวิง และมีธรณีสูงขึ้นมาเล็กน้อย ภายในส่วนเปียกข้างฝักบัวมีเจาะช่องผนังสำหรับวางของได้ด้วย ถัดมาจากห้องน้ำก็เป็นห้องนอนแรกของห้องค่ะ พื้นที่ปลายเตียงมีการวางโต๊ะทำงานเอาไว้ เตียงขนาด 5 ฟุต วางไว้กลางห้อง หน้าต่างข้างเตียงเป็นกระจกทรงสูงบานกระทุ้ง ขอบอลูมิเนียมสีขาวค่ะ มีพื้นที่เล็กๆ วางโต๊ะหัวเตียงได้ค่ะ ถัดจากประตูเป็น Built In ตู้เสื้อผ้ามาให้ ส่วนเครื่องปรับอากาศนั้นถูกติดตั้งไว้ข้างตู้เสื้อผ้าหันหน้าเข้าเตียงค่ะ มาถึง Master Bedroom กันแล้วนะคะ โดยห้องนี้จะมีความพิเศษตรงที่แบ่งฟังก์ชั่นออกเป็น 3 ส่วนออกจากกันอย่างชัดเจนค่ะ คือ ส่วนเตียงนอนด้านซ้ายมือ ส่วน Walk In Closet ตรงกลางห้อง และห้องน้ำในตัวด้านขวามือหลังประตูห้องนอนค่ะ ด้านในสุดของ Walk In Closet วางโต๊ะทำงานเอาไว้ค่ะ ตรงนี้จะดัดแปลงเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็เหมาะนะคะ เพราะมีหน้าต่างทรงสูงทำให้มีแสงสว่างเข้ามาถึงด้านในสุดนี้ได้อย่างพอดีค่ะ ตู้เสื้อผ้า Built In เป็นประตูบานสวิงถึง 4 บานค่ะ ถัดมาเป็นห้องน้ำ โดยเราสามารถอาบน้ำเสร็จก็ค่อยเดินมาแต่งตัวตรงส่วน Walk In Closet ใกล้กันนี้ได้เลย ซึ่งจุดนี้ถือว่าวางแปลนออกมาได้คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยจริงค่ะ ภายในห้องน้ำปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา ผนังเป็นกระเบื้องลายหินอ่อน อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังพร้อมตู้เก็บของข้างใต้ ตรงขอบอ่างมีพื้นที่ให้วางอุปกรณ์ได้ ส่วนเปียกข้างฝักบัวเจาะผนังสำหรับวางของมาให้ค่ะ ออกไปดูกันที่ส่วนสุดท้ายของห้องกันค่ะ ตรงกลางห้องวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้พร้อมกับโต๊ะหัวเตียงทั้งสองฝั่ง พื้นที่ว่างตรงนี้วางโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนเอาไว้ โดยยังมีพื้นที่ทางเดินเหลือๆ ค่ะ ทั้งด้านข้างและปลายเตียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อนค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องแสงสว่างภายในห้องเลย ประตูกระจกบานเลื่อนนี้สามารถเปิดเพื่อถ่ายเทอากาศจากด้านนอกได้นะคะ แต่จะไม่มีระเบียงยื่นออกไป เพราะถูกกั้นอีกชั้นเอาไว้ด้วยเหล็กโปร่ง เครื่องปรับอากาศติดตั้งไว้เหนือโซฟาค่ะ   มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายค่ะ Type B1-3 ขนาด 67.76 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แปลนนี้แบ่งฟังก์ชั่นออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ค่ะ คือ พื้นที่กลางห้องเป็น Common Area เริ่มตั้งแต่ครัวเปิด ห้องนั่งเล่น โต๊ะทานข้าว พื้นที่อเนกประสงค์ ส่วนห้องนอนจะถูกแยกออกคนละฝั่ง Type นี้จะแบ่งฟังก์ชั่นห้องนอนออกเป็น 2 ฝั่งแยกออกจากกันค่ะ ส่วนตรงกลางห้องจะเป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น และโต๊ะทานข้าว เข้าไปดูที่ส่วนครัวกันก่อนค่ะ อยู่ทางขวามือของห้อง ครัว U Shape โดยเป็นครัวเปิดค่ะ เริ่มจากซิงค์ล้างจานอยู่ทางซ้ายมือของเคาน์เตอร์ก่อนเลยค่ะ มุมทำครัวมาพร้อมเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควัน กรุผนังด้วยกระเบื้องช่วงสั้นๆ ช่วงหัวเตาค่ะ ตู้ใต้ซิงค์ล้างจานมีถังขยะติดอยู่กับบานตู้ เมื่อเปิดตู้ออกมาถังขยะก็จะออกมาด้วยแบบนี้ค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับครัว หลังประตูห้องมี Built In ตู้เก็บของ ถัดไปเป็นห้องน้ำค่ะ โครงการนี้วางฟังก์ชั่นในห้องน้ำเอาไว้คล้ายกันค่ะ คือเริ่มต้นด้วยอ่างล้างหน้า ถัดไปเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ และส่วนเปียกอยู่ด้านในสุดกั้นด้วยฉากกระจกประตูบานสวิง อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ สายชำระ กระจกเงา ได้ทุกอย่างมาครบครัน ข้างโถสุขภัณฑ์มีช่องสำหรับวางของค่ะ ในส่วนเปียกก็มีช่องสำหรับวางของมาให้เช่นกันค่ะ เราไปดูตรงกลางห้องกันต่อเลยค่ะ เป็นห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง พร้อมเคาน์เตอร์วางทีวีมาให้ เคาน์เตอร์วางทีวีเป็น Built In มีช่องสำหรับเก็บของอยู่ด้านล่าง จากห้องนั่งเล่นก็เป็นพื้นที่อเนกประสงค์กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียมสีขาว เก้าอี้ยาวตรงพื้นที่อเนกประสงค์นี้ได้มาแบบเดียวกันทุกห้องค่ะ นอกจากจะขยายพื้นที่สำหรับรับแขก สำหรับพักผ่อนได้มากขึ้นแล้วก็ยังสามารถดัดแปลงเป็นพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงก็ได้เหมือนกันนะคะ หลังโซฟาเชื่อมต่อด้วยโต๊ะทานข้าวค่ะ โต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่ง ติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้เหนือที่นั่งของโต๊ะทานข้าว ระหว่างโต๊ะทานข้าวกับห้องครัวจะมีประตูห้องนอนค่ะ ห้องนี้เป็น Master Bedroom ค่ะ โดยแบ่งฟังก์ชั่นของห้องออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ซ้ายมือเป็นห้องนอน ตรงกลางมีพื้นที่ตู้เสื้อผ้ากั้น ส่วนขวามือเป็น Walk In Closet และห้องน้ำ ดูทางซ้ายมือก่อนค่ะ เตียง 5 ฟุตวางไว้ตรงกลาง มีทางเดินได้รอบเตียงพร้อมกับมีโต๊ะหัวเตียงทั้งสองฝั่ง ติดกับหน้าต่างมีโซฟาวางชิดกระจกเอาไว้ โซฟาสามารถย้ายไปไว้ปลายเตียงก็ได้นะคะ มีพื้นที่เหลือพอๆ กัน หน้าต่างทรงสูงเป็นกระจกบานกระทุ้งเปิดได้ 2 บาน เครื่องปรับอากาศติดตั้งไว้ด้านข้างเตียงค่ะ ตรงกลางห้องเชื่อมต่อไปถึงอีกด้านเป็นพื้นที่ Walk In Closet ที่ Built In ตู้เสื้อผ้ามาให้อย่างจุใจเลยค่ะ ใครที่มีเสื้อผ้าเยอะจะต้องชอบห้องนี้แน่นอนค่ะ ห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับ Walk In Closet อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ฝั่งขวาเป็นโถสุขภัณฑ์ กระจกเงาแบบนี้ก็ได้มาด้วยนะคะ ส่วนเปียกมีพื้นที่กว้างขวาง เวลาใช้งานจริงจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ ซ้ายสุดมีการเจาะช่องสำหรับวางของ ออกมาจาก Master Bedroom ไปดูที่ห้องฝั่งตรงข้ามกันบ้างค่ะ ห้องนี้อยู่ระหว่างเคาน์เตอร์ทีวีกับห้องน้ำ ห้องนอนที่ 2 ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า ขวามือเป็นเตียงนอนขนาด 5 ฟุตค่ะ ระหว่างตู้เสื้อผ้ากับเตียงมีโต๊ะทำงานวางไว้ด้วยค่ะ อีกด้านของเตียงมีโต๊ะหัวเตียงต่อด้วยโซฟาค่ะ ภายในห้องนอน นอกจากจะต้องมีเตียงอยู่แล้ว แต่ทางมาเอสโตร 01 ก็ยังให้โซฟาเพิ่มขึ้นมาอีก เพื่อการพักผ่อนหลากหลายมุม และรู้สึกสบายที่สุดเมื่ออยู่ในห้องของตัวเอง   โครงการมาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ เป็นคอนโดลักษณะ Low Rise ที่ให้ความรู้สึกหรูหราสไตล์ยุโรปยุคเก่าผสมผสานกับความโมเดิร์นทันสมัยทำให้ดูไม่น่าเบื่อ ตั้งแต่สถาปัตยกรรมภายนอกไปจนถึงการออกแบบภายในที่เพิ่มฟังก์ชั่นพื้นที่อเนกประสงค์ให้ผู้อยู่อาศัยได้พื้นที่เพื่อการใช้สอยเพิ่มมากขึ้น และทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ใจกลางแหล่งเศรษฐกิจสำคัญ แต่กลับมีความเป็นส่วนตัวควบคู่กันด้วยถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในย่าน CBD แห่งนี้
MARU Ekkamai 2-มารุ เอกมัย 2 : รีวิวคอนโด

MARU Ekkamai 2-มารุ เอกมัย 2 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : MARU Ekkamai 2 (มารุ เอกมัย 2) เจ้าของโครงการ : บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ซอยเอกมัย 2 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. พื้นที่โครงการ : 1-2-77 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 32 ชั้น จำนวนยูนิต : 333 ยูนิต ที่จอดรถ : 48% หรือ 165 คัน ขนาดห้อง : -  1 Bedroom (S) ขนาด 29.00 ตร.ม. -  1 Bedroom Simplex ขนาด  32.50 – 35.50 ตร.ม. -  2 Bedrooms Simplex ขนาด 54.00 – 60.50 ตร.ม. -  1 Bedroom Duplex ขนาด  41.00 – 42.00 ตร.ม. -  2 Bedroom Duplex ขนาด  45.00 – 76.00 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - สวนลอยฟ้า - ล๊อบบี้ - ที่จอดรถ - ห้องเมล์บ๊อกซ์ - กล้อง CCTV - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 5,400,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 196,000บาท/ตร.ม. ค่าส่วนกลาง : 75 บาท/ตร.ม. ค่ากองทุน : 750 บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ก.ย. 2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม HIGH RISE  ยกระดับความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนห้องสูงสุด เพียง 16 ห้อง/ชั้น เพียง 450 เมตร จาก BTS เอกมัย ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง :  BTS เอกมัย สถานที่ใกล้เคียง : Big C เอกมัย, Park Lane, Gateway เอกมัย, Major เอกมัย, รพ.สุขุมวิท, วัดธาตุทอง
LIFE Ladprao Valley-ไลฟ์ ลาดพร้าว วัลเล่ย์ : รีวิวคอนโด

LIFE Ladprao Valley-ไลฟ์ ลาดพร้าว วัลเล่ย์ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : LIFE Ladprao Valley (ไลฟ์ ลาดพร้าว วัลเล่ย์) เจ้าของโครงการ : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พื้นที่โครงการ : 5-2-45.5 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 44 ชั้น จำนวนยูนิต : 1,140 ยูนิต จำนวนที่จอดรถ : 484 คัน (คิดเป็น 42%) ไม่รวมซ้อนคัน ขนาดห้อง : - สตูดิโอ ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 28.8 ตร.ม. -  1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำขนาดพื้นที่ใช้สอย 35-37 ตร.ม. -  2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำขนาดพื้นที่ใช้สอย 48.6ตร.ม. -  2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำขนาดพื้นที่ใช้สอย 57.8-66.5ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ 3 สระ - ห้องซาวน่าและห้องสตรีม - ห้องออกกำลังกาย - ห้องโยคะ - ห้องอเนกประสงค์ - จุดจอดและทางปั่นจักรยาน - สวนพักผ่อน - หน้าผาจำลอง - พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับเล่นกีฬา - Multi Living Space - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 3,490,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 145,000บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : กันยายน 2564 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมที่ได้แรงบันดาลใจการดีไซน์จาก Hi-End Boutique Hotel& Resort ท่ามกลางแนวเทือกเขาสไตล์ Valley สู่การออกแบบที่โดดเด่น ตั้งแต่ทางเข้าหน้าโครงการจนถึงยอดอาคารผสมผสานเส้นสายของแนวลายเส้นโค้งและลูกเล่นมิติของ Façade ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คไอคอนแห่งใหม่บนทำเลห้าแยกลาดพร้าว ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : MRT พหลโยธิน, รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีห้าแยกล้าดพร้าว สถานที่ใกล้เคียง : เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว, โรงเรียนหอวัง, เทสโก้ โลตัส ลาดพร้าว, ยูเนี่ยน มอลล์,ตลาดนัดสวนจตุจักร, เมเจอร์ รัชโยธิน, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น  
THE MONUMENT THONG LO – เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ : รีวิวคอนโด

THE MONUMENT THONG LO – เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : THE MONUMENT THONG LO (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) เจ้าของโครงการ : บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ทองหล่อ (ถนนสุขุมวิท ซอย 55) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. พื้นที่โครงการ : 2 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 45 ชั้น จำนวนยูนิต : 127 ยูนิต ขนาดห้อง : - 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 124.25 ตรม. - 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ขนาด 252.25 ตรม. - เพนต์เฮาส์ ขนาด 508.75 – 662 ตรม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : -สระว่ายน้ำดีไซน์ระดับไอคอนิก - พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ - Dog Park ที่สวนด้านหน้า - Educational Playground ราคา : เริ่มต้น 30,000,000 บาท ปีที่สร้างเสร็จ : ต้นปี 2562 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียมผ่านแนวคิด “LUXURY IS SPACE เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ (Complete your living experience) ในทุกมิติผ่านส่งต่อทำเลที่มีคุณค่าจากรุ่นสู่รุ่น โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอาคารสูงรูปทรง “Monolith” (โมโนลิธ) ซึ่งมีอัตลักษณ์โดดเด่นอยู่ที่รูปทรงแท่งสูงตรง ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS ทองหล่อ , ถนนสุขุมวิท , ถนนเพชรบุรี , ทางพิเศษศรีรัช สถานที่ใกล้เคียง : Big C เอกมัย , Park Lane, Foodland, Tops , Fifty Fifth Avenue , Nihonmura Mall , Gateway เอกมัย , Major เอกมัย , J Avenue , รร.นานาชาติเอกมัย , รพ.คามิลเลียน , รพ.สมิติเวช , รพ.สุขุมวิท , EmQuatier , Emporium  
Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ศูนย์กลางย่านฝั่งธนฯ : รีวิวคอนโด

Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ศูนย์กลางย่านฝั่งธนฯ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราพามาเยือนถิ่นของ LPN กันค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ LPN ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากโครงการคอนโดมิเนียมในโซน  ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี มาแล้วถึง 7 โครงการ และล่าสุดกับโครงการ Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ที่จะกลับมาปลุกกระแสคอนโดมิเนียมในย่านนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง   ทำเล   ฝั่งธนบุรี ถือเป็นทำเลที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ สำหรับใครที่อยากจะมีไลฟ์สไตล์อันแตกต่างจากบริเวณใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า ซึ่งเริ่มมีความหนาแน่นของทั้งอาคารและผู้คน หากเปลี่ยนมุมมองออกนอกเมืองไปสักนิด แต่ได้วิถีชีวิตแบบผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองเก่ากับสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน และยังคงมีถนนหนทางเชื่อมต่อเข้าสู่กลางเมืองได้อย่างสะดวก     ลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร ตั้งอยู่บนถนนรุ่งประชา ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนน 2 สายหลัก คือ ถนนสิรินธร กับถนนบรมราชชนนี  จึงถือเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ที่มีทางเข้า-ออกได้ทั้งสองเส้นทาง โดยหากออกไปทางฝั่งถนนสิรินธร แล้วกลับรถก็สามารถขึ้นทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มุ่งสู่ช่วงบางซื่อ-จตุจักรแล้วสามารถต่อไปลงถนนสีลมได้เลย หรือจะเลือกใช้ถนนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตกก็ใช้เวลาเพียง 15 นาที หากไม่ขึ้นทางด่วนก็สามารถตรงไปข้ามสะพานซังฮี้เข้าสู่ช่วงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ ส่วนทางฝั่งถนนบรมราชชนนีนั้น ก็มีทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนียาวถึง 14 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่แยกอรุณอมรินทร์ไปจนถึงย่านพุทธมณฑลสาย 2 ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก และช่วงต้นของถนนบรมราชชนนีในโซนปิ่นเกล้า ซึ่งจะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวกของฝั่งธนบุรีก็ว่าได้ เพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า, เมจอร์ ปิ่นเกล้า, คอมมูนิตี้มอลล์เดอะ เซนส์ ปิ่นเกล้า รวมถึงไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่างเทสโก้โลตัสอยู่ใกล้ๆ กัน และโรงพยาบาลเจ้าพระยา อีกทั้งยังเป็นแหล่งออฟฟิศของย่านฝั่งธนฯ ทั้งเอกชนและราชการมากมาย   ทางด้านระบบขนส่งเอกชน ก็จะมีทั้งรถเมล์, รถตู้หลายสายที่มีต้นทางอยู่ทั้งช่วงปิ่นเกล้าและที่สถานีขนส่งสายใต้ ในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ สถานีสิรินธร ซึ่งจะอยู่บริเวณแยกถนนสิรินธรตัดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ (คาดว่าจะเปิดใช้บริการช่วงปี 2562) โดยความสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เมื่อเปิดใช้บริการแล้วจะยิ่งทวีความสำคัญของการเดินทางได้อีกมาก เพราะเป็นรถไฟฟ้าเพียงสายเดียวที่วิ่งเป็นวงกลมรอบกรุงเทพฯ ครอบคลุมมาถึงฝั่งธนฯ ทำให้การเดินทางเข้าเมืองเป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น   ภาพรวมโครงการ   Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่เศษ โดยเป็นการรวบรวมเอาไว้ถึง 11 โฉนดเข้าด้วยกัน ถ้าไล่เรียงตั้งแต่ทางเข้าของโครงการเราก็จะพบกับอาคาร Villa กับอาคารพาณิชย์ด้านหน้าแล้วเข้าสู่พื้นที่ภายในโครงการอันประกอบไปด้วย 1 อาคารจอดรถสูง 9 ชั้น กับ 3 อาคารชุดพักอาศัย ได้แก่ อาคาร A สูง 23 ชั้น อาคาร B สูง 22 ชั้น และอาคาร C สูง 24 ชั้น โดยสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางจะอยู่รอบๆ บริเวณโครงการ และชั้นล่างหน้าอาคาร B เช่น สระว่ายน้ำ และ ฟิตเนสโซน เป็นต้น    *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   เห็นภาพรวมโครงการแบบนี้แล้วเราจะเห็นภาพชัดขึ้นค่ะ โดยตั้งแต่ประตูทางเข้า-ออกโครงการจะมี Villa อาคารชุดพักอาศัย 5 ยูนิต และอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 1 ยูนิต ทางซ้ายมือของโครงการเป็นอาคารจอดรถสูง 9 ชั้น ถัดมาเป็นอาคาร A อาคาร B และอาคาร C    *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เข้ามาจาก Main Gate แล้วจะมีทางสำหรับรถยนต์พร้อมฟุตบาทสำหรับคนเดินอยู่ทั้งสองข้างทาง เลี้ยวซ้ายก็จะเข้าอาคารจอดรถค่ะ   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หน้าอาคารชุดพักอาศัยจะถูกจัดให้เป็นสวนสีเขียวส่วนกลางเป็นทางยาวเชื่อมต่อกัน   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทางเดินยาวเชื่อมต่อกันทั้งโครงการ โอบล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์เพิ่มความสดชื่น   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม แม้แต่ด้านหน้าอาคารจอดรถก็ยังจัดพื้นที่สีเขียวให้ความร่มรื่นกลมกลืนกันทั่วทั้งโครงการ สมกับที่ได้ชื่อ LUMPINI PARK ค่ะ   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Facility หน้าอาคาร B เสมือนเป็นจุดศูนย์กลางแห่งการพักผ่อนภายในโครงการ   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม พื้นที่ภายในอาคารชั้นล่างถูกจัดแต่งให้เป็น Co-living Area สำหรับรับแขก และยังเป็นพื้นที่เปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนของลูกบ้านได้อย่างลงตัว   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Co-working Area สำหรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เป็นสิ่งที่ขาดไปเสียไม่ได้เลยสำหรับยุคนี้ใช่ไหมคะ ยิ่งถ้าได้เพดานสูงโปร่ง มีกระจก High Ceiling เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าไปได้เต็มๆ ก็ยิ่งเป็นห้องทำงานที่ดีมาก   Plan อาคาร *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Master Plan เริ่มจากทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อข้ามสะพานตรงกลางโครงการไปแล้วก็จะพบกับทั้ง 4 อาคารวางเรียงตัวกันอยู่ โดยมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบพร้อมกับทางเดิน ซึ่งเป็น Jogging Track เชื่อมต่อกันทั้ง 3 อาคารชุดพักอาศัย   *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ชั้น Ground ของอาคาร A จะเป็นที่ตั้งของสำนักงานนิติบุคคล ส่วนล็อบบี้จะอยู่ทางขวามือสุดของอาคาร กั้นประตูระหว่างล็อบบี้และโถงลิฟท์ด้านใน ซึ่งจะมี Mail Box และลิฟต์ 2 ตัว ส่วนบันไดหนีไฟมีทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน   *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Floor Plan ชั้นชุดพักอาศัยวางแบบ Double Corridor เฉลี่ยประมาณ 11 ยูนิต/ชั้น ซึ่งจะมียูนิตขนาดตั้งแต่ 22.50 - 31.00 ตร.ม. ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จะได้วิวด้านหน้าโครงการ และฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ โดยวางแปลนมาค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ เพราะแต่ละห้องมีผนังห้องนอนติดกัน ทำให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น และช่วยลดเสียงรบกวนเวลาพักผ่อนค่ะ   *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ถัดมาที่อาคาร B ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Facility อย่างสระว่ายน้ำด้านหน้าอาคารกับฟิตเนสภายในอาคาร ส่วนล็อบบี้จะอยู่ทางขวามือถัดจากฟิตเนสค่ะ   *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Floor Plan อาคาร B จะวางมาเหมือนกันกับอาคาร A ค่ะ คือเป็น Double Corridor เฉลี่ยประมาณ 11 ยูนิต/ชั้น ซึ่งจะมียูนิตขนาดตั้งแต่ 22.50 - 31.00 ตร.ม. ยูนิตที่ได้วิวสระว่ายน้ำจะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และตรงข้ามกันจะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม อาคาร C ล็อบบี้จะถูกวางเอาไว้กลางอาคาร ลิฟท์จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางซ้ายมือจะมีห้องอเนกประสงค์ ซึ่งลูกบ้านทุกยูนิตสามารถ  เข้ามานั่งเล่นพักผ่อนในห้องนี้ได้ค่ะ     *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Floor Plan ของอาคาร C จะมีความแตกต่างออกไปจากอาคาร A กับ B ค่ะ ตั้งแต่การวางทิศทางของอาคารที่จะมีห้องที่หันทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ กับทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอาคารนี้จะเป็นเพียงอาคารเดียวที่มีห้องแบบ 2 Bedrooms เพียง 2 ยูนิต/ชั้นค่ะ   Unit Plan    *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ที่โครงการ Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn จะมีห้องทั้งหมด 4 Types ด้วยกันค่ะ โดยบอกได้เลยว่าถ้าลองสัมผัสจริงแล้ว  ทุกห้องมีขนาดกว้างขวางมาก ตั้งแต่ห้องขนาดเริ่มต้น 22.50 ตร.ม. นี้ เป็นห้องแบบ Studio ที่วางแปลนไว้อย่างเป็นสัดส่วนมาก ให้ความรู้สึกคล้ายกับห้องแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ     *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.00 ตร.ม. แปลนห้องนี้มีเฉพาะที่อาคาร C ค่ะ ซึ่งห้องแบบนี้เหมาะสำหรับคนชอบทำกับข้าวค่ะ เพราะเป็น Type เดียวที่เป็นห้องครัวปิด และยังมีโซฟายาวริมหน้าต่างข้างเตียง เอาไว้นั่งเล่นชมวิวเมืองสวยๆ ด้านนอกก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะคะ     *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม อีกห้อง 1 Bedroom ค่ะ ขนาด 30.00 ตร.ม. หากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวเวลามีเพื่อนมาที่ห้องของเรา แปลนนี้จะเหมาะมากกว่าค่ะ เพราะห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูบานทึบ และยังได้ตู้เสื้อผ้า Built in มาถึง 2 ตู้ วางชิดผนังทั้งสองฝั่งหน้าห้องน้ำ ให้อารมณ์แบบ Walk Through Closet ด้วยค่ะ     *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม 2 Bedrooms 51.50 ตร.ม. ยูนิตแบบ 2 ห้องนอน Type ใหญ่ที่สุดของโครงการค่ะ สามารถแยก Common Zone และ Private Zone ออกจากกันได้ชัดเจน สร้างความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัยได้ดี และ Master Bedroom ทางฝั่งหัวเตียงจะได้หน้าต่างกระจกเข้ามุม เปิดมุมมองได้ทิวทัศน์ด้านนอกได้ดีขึ้น และยังช่วยให้ห้องไม่ดูทึบจนเกินไปด้วยค่ะ   เยี่ยมชมโครงการ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนรุ่งประชา เป็นถนนขนาด 2 เลน ทั้งสองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นอยู่ตลอดเส้นทาง โดยจะมีการจัดเวลาให้รถวิ่งสวนกันได้เฉพาะเวลา 9.00 - 15.00 น. ซึ่งถ้านอกเหนือจากเวลานี้จะให้วิ่งเป็น One Way จากฝั่งถนนบรมราชชนนีไปทะลุฝั่งถนนสิรินธรค่ะ   Sales Gallery เป็นอาคารชั้นเดียว โดยหากขับรถมาจากทางด้านถนนบรมราชชนนี เข้ามาประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับโครงการอยู่ทางซ้ายมือ หาไม่ยากเลยค่ะ สำหรับโครงการ  Lumpini Park Borom Ratcachonni - Sirindhorn ทุกยูนิตให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished คือจะได้ทั้งแบบ Built in และลอยตัว พร้อมกับเครื่องปรับอากาศตามที่เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างค่ะ   Studio 22.50 ตร.ม.  * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เรามาเริ่มเข้าไปชมห้องตัวอย่างแรกกันเลยค่ะ ความสูง Floor to Ceiling 2.4 เมตร พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้ ใช้ไฟแบบ Downlight ส่วนผนังห้องจริงที่จะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม จากประตูห้องหันไปทางซ้ายมือจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็นชิดผนัง ด้านบน Built in ตู้กับชั้นเก็บของ ถัดจากตู้เย็นก็มี Built in โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้บุนวมแบบที่เห็นนี้ทางโครงการให้มาทั้งหมด ยกเว้นเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โต๊ะทำงาน Top กระจกใส พร้อมกับติดกระจกเงาบานใหญ่เอาไว้ ตรงนี้สามารถจัดให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็เหมาะดีนะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนขวามือของประตูห้องจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top ลามิเนตสีน้ำตาลเข้ากันกับพื้นห้อง มีช่องวางไมโครเวฟด้านล่าง และตู้เก็บของใต้ซิงค์ล้างจานค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ซิงค์ล้างจานพร้อมก๊อกน้ำ เคาน์เตอร์ครัวที่ Built in มาให้ทั้งเซต เราจะได้แบบนี้ทั้งหมดเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ผนังตลอดเคาน์เตอร์ครัว ทางโครงการทำการกรุกระเบื้องสีขาวทั้งสองด้านของผนังเอาไว้ให้ด้วยนะคะ ช่วยป้องกันคราบสกปรกจากการทำครัว สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายกว่าปล่อยให้เป็นผนังธรรมดา   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม รอยต่อระหว่างขอบกระเบื้องกับเคาน์เตอร์ครัวมีการติดตั้งบัวผนังปิดเอาไว้ให้ด้วยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ลึกเข้าไปอีกหน่อยเป็นโซน Living Room ค่ะ ส่วนเครื่องปรับอากาศแบรนด์ Daikin ทางโครงการจะติดตั้งให้มาด้วยเลย สำหรับห้อง Studio นี้จะได้มา 1 ตัว ถูกติดตั้งเอาไว้เหนือประตูระเบียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทางด้านขวาจะวางโซฟาที่หุ้มด้วยผ้า ขนาด 2-3 ที่นั่งเอาไว้   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตรงข้ามกับโซฟาเป็น Built in เคาน์เตอร์วางทีวี (ห้องที่ได้ไม่มีทีวีให้นะคะ) ซึ่งมีระยะห่างจากโซฟาพอสมควร ไม่ชิดจนเกินไปค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีเงินค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม สำหรับประตูกระจกบานเลื่อนทุกยูนิต จะมีการติดตั้งตัวล็อคแบบก้นหอยมาให้เพิ่มเติมค่ะ ทำให้มีความแน่นหนามากขึ้น ใครที่อยู่ชั้นสูงๆ หากโดนลมพัดประตูก็จะไม่ขยับให้เกิดเสียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตรงพื้นมีธรณีประตูกั้นระหว่างพื้นระเบียงกับพื้นห้องด้านในค่ะ แบบนี้ช่วยป้องกันฝุ่นและน้ำจากการซักล้างไม่ให้เข้ามาภายในห้องได้ดีกว่าแบบพื้นราบเท่ากัน โดยพื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ และมีการต่อท่อน้ำมาให้ไว้ที่มุมระเบียงข้างซ้ายค่ะ แต่ห้องจริงจะไม่มีเครื่องซักผ้ามาให้นะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Condensing Unit ถูกแขวนเอาไว้ด้านบนเหนือศรีษะ และหันหน้าออกไปด้านนอกอาคารค่ะ แบบนี้ดีตรงที่ลมร้อนเป่าออกด้านนอก ไม่ทำให้มีลมร้อนเข้ามาภายในห้องได้ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หลังโซฟาเป็นส่วนของ Bedroom ลึกเข้าไปค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Built in ตู้เสื้อผ้าแบบนี้มาให้เลยค่ะ พร้อมกับโต๊ะหัวเตียงที่มีตู้ทรงยาวติดตั้งกระจกเงาเอาไว้ข้างหัวเตียง   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หลังกระจกสามารถเปิดออกมาได้ ซึ่งจะเป็นชั้นวางของค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ปลายเตียงมีระยะห่างจากโซฟาให้เป็นทางเดินได้   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โครงการนี้ทุกห้องจะ Built in เตียงมาให้ไม่สูงมากค่ะ แต่ก็ไม่เตี้ยถึงกับติดพื้น ให้ความรู้สึกคล้ายกับเตียงสไตล์ญี่ปุ่นเล็กๆ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หน้าต่างข้างเตียงเป็นกระจกบานกระทุ้ง สามารถเปิดออกรับลมได้ 1 บานค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ถัดจากตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ภายในห้องน้ำทั้งพื้นและผนังจะถูกปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา แยกส่วนเปียก-แห้งเอาไว้คนละฝั่งกัน   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ด้านซ้ายมือเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระ แกนใส่ทิชชู่ และราวแขวนผ้าสแตนเลส จากแบรนด์ American Standard   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กลางห้องน้ำเป็นอ่างล้างหน้าจากแบรนด์ Charmer พร้อมติดตั้งกระจกเงามาให้ด้วย   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม และทางฝั่งขวาของห้องน้ำเป็นส่วนเปียกค่ะ   1 Bedroom 28.00 ตร.ม. * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม มาถึงห้องแบบ 1  Bedroom ขนาด 28.00 ตร.ม. ซึ่งเป็น Type ที่มีเฉพาะในอาคาร C ค่ะ โดย Floor to Ceiling สูง 2.4 เมตรพื้นปูด้วยลามิเนต และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปจะพบกับครัวปิดเป็นส่วนแรกค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ขวามือเป็นห้องน้ำ มี Built in ตู้เก็บของที่เจาะช่องว่างเอาไว้ตรงกลาง   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เมื่อเปิดตู้เก็บของออกมาจะพบว่า เราสามารถใช้เป็นตู้เก็บรองเท้าได้มากกว่า 10 คู่ หรือจะใช้ประโยชน์อื่นๆ ก็ตามแต่ผู้อยู่อาศัยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หลังตู้เก็บรองเท้าก็เข้ามาดูในห้องน้ำกันต่อค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็นส่วนเปียกทางซ้ายมือ ส่วนแห้งทางขวามือ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ และราวแขวนผ้าสเตนเลส ได้ทั้งหมดนี้มาครบเซตค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กลางห้องน้ำเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังจากแบรนด์ Charmer พร้อมกระจกเงา   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนเปียกจะเป็นฝักบัว และมีพัดลมดูดอากาศแบรนด์ Panasonic ติดตั้งมาให้แบบนี้ทุกห้องค่ะ     * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ออกมาจากห้องน้ำจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top ลามิเนต แบบ One Wall Kitchen ทางขวามือมีช่องสำหรับวางตู้เย็นเอาไว้ ช่องด้านล่างสำหรับวางไมโครเวฟ ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง 2 อย่างนี้ไม่ได้มีมาให้นะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตลอดแนวเคาน์เตอร์กรุกระเบื้องสีขาว เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายเมื่อเกิดคราบสกปรกจากการทำครัว พร้อมติดบัวผนังปิดรอยต่อเอาไว้ให้ด้วยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กั้นระหว่าง Kitchen Room กับ Bedroom ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสูงชิดเพดาน ให้ความรู้สึกโปร่งมากขึ้น   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โซน Bedroom มี Space เหลือ กว้างขวางมากทีเดียวค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ปลายเตียง Built in เคาน์เตอร์มาให้ยาวตลอดผนังเลยค่ะ โดยเราสามารถจัดเป็นโต๊ะทำงาน เคาน์เตอร์วางทีวี พร้อมกับมีชั้นวางของทรงสูงอยู่ตรงกลางเป็นการแบ่งสัดส่วนไปด้วย ด้านล่างเคาน์เตอร์วางทีวีก็ยังมีชั้นเตี้ยสำหรับเก็บของได้อีกนะคะ ซึ่งที่เห็นทั้งหมดนี้ ยกเว้นทีวีกับของประดับตกแต่ง ทางโครงการให้มายกเซ็ตเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ประตูระเบียงกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน ด้านบนติดตั้งเครื่องปรับอากาศ Daikin มาให้ด้วยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ มุมระเบียงจะมีการต่อท่อน้ำเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่ซักล้างค่ะ โดย Space ของระเบียงสามารถวางราวตากผ้าได้เพิ่มค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Condensing Unit แขวนไว้ด้านบน หันหน้าออกนอกอาคาร   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กลับเข้ามาในห้องกันค่ะ พื้นที่ตรงกลางจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้ พร้อม Built in โต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หัวเตียงมี Built in ชั้นวางของเตี้ยๆ พร้อมลิ้นชัก 2 ช่องเอาไว้ให้ด้วยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ข้างหน้าต่างบานกระทุ้ง Built in โซฟาความสูงเท่ากับเตียงเอาไว้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนชมวิวได้บรรยากาศดีนะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตู้เสื้อผ้า Top ลามิเนต Built in มาให้พร้อมใช้งานค่ะ   1 Bedroom 30.00 ตร.ม.  * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ห้องตัวอย่างถัดมาค่ะ ส่วนแรกของห้องจะลึกเข้าไปด้านใน แยกโซน Bedroom เอาไว้ทางขวา ซึ่งห้อง Type นี้จะได้เครื่องปรับอากาศ 2 ตัวค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม จากประตูห้องทางด้านขวาจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top ลามิเนตค่ะ มีทั้งชั้นวาง ตู้เก็บของทั้งด้านล่างเคาน์เตอร์และด้านบน   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ผนังด้านในของเคาน์เตอร์ครัวกรุกระเบื้องสีขาวพร้อมติดตั้งบัวผนัง   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวมี Built in ตู้เก็บรองเท้า ส่วนด้านบนมีชั้นเก็บของ และช่องว่างสำหรับวางตู้เย็นได้พอดีค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ถัดเข้ามายังมี Built in โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้บุนวม 2 ตัว ให้แบบนี้มาอีกนะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ด้านในสุดของห้องเป็นโซน Living Room วางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งเอาไว้ทางซ้ายมือ ส่วนเครื่องปรับอากาศเครื่องแรกติดตั้งเหนือประตูระเบียงค่ะ ถือว่าติดตั้งตำแหน่งได้เหมาะสมทีเดียว เพราะความเย็นสามารถตรงไปถึงส่วนครัวได้ด้วย   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เคาน์เตอร์วางทีวี Built in มาให้แบบที่เห็นเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ประตูระเบียงกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียม   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ราวกันตกเหล็กโปร่งสีดำ พร้อมต่อท่อน้ำที่ริมระเบียงด้านซ้ายสำหรับเป็นพื้นที่ซักล้างค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Condensing Unit ทั้ง 2 ตัวถูกแขวนไว้เหนือประตูระเบียงหันหน้าออกนอกอาคารค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม กลับเข้ามาดูภายในห้องค่ะ จะเห็นภาพรวมของส่วนแรกว่าเป็นลักษณะลึกเข้ามา แล้วกันห้องนอนด้วยผนังกับประตูบานทึบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาที่ห้องค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เราเข้าไปดูในห้องนอนกันต่อค่ะ ประตูห้องจะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์วางทีวี   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ภายในห้องนอนจะแบ่งฟังก์ชั่นเตียงนอนเอาไว้ทางซ้ายใกล้กับหน้าต่าง กลางห้องเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าอยู่หน้าประตูห้องน้ำ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เครื่องปรับอากาศ Daikin ตัวที่ 2 ติดตั้งเอาไว้ตรงปลายเตียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โต๊ะเครื่องแป้งมีลิ้นชัก 2 ช่องมาพร้อมกับเก้าอี้นั่งหุ้มด้วยผ้าค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หัวเตียงอีกด้านมี Built in ชั้นวางของมาให้ด้วยนะคะ ทำให้รอบๆ เตียงเหลือพื้นที่ทางเดินได้สะดวก   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม อีกด้านของห้องนอนจะเป็น Built in ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้วางหันหน้าเข้าหากันวางเอาไว้ก่อนถึงห้องน้ำ ให้อารมณ์เหมือนได้ Walk Through Closet ไปด้วยเลย ซึ่งห้อง Type นี้หากใครที่อยู่ด้วยกัน 2 คนก็ดีเลยค่ะ เพราะมีตู้เสื้อผ้าแยกเป็นของตัวเองเลยคนละฝั่ง พื้นที่ของห้องก็เหมาะสม ไม่เล็กจนเกินไป   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เข้ามาดูภายในห้องน้ำกันบ้างค่ะ โดยห้องน้ำสำหรับ Type นี้จะเป็นห้องน้ำที่อยู่ในตัวห้องนอนค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนแห้งจะมีทั้งสายชำระ, แกนใส่ทิชชู่, ราวแขวนผ้าติดสเตนเลส, โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า และกระจกเงา ครบเซตค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนเปียกทางด้านซ้ายมือจะติดตั้งฝักบัวมาให้พร้อมกับพัดลมดูดอากาศค่ะ   2 Bedroom 51.50 ตร.ม. * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายกันแล้วนะคะ กับห้อง Type ใหญ่ที่สุดของโครงการ ขนาด 51.50 ตร.ม. ซึ่งจะมีเฉพาะในอาคาร C ห้องมุมเท่านั้นค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เริ่มจากทางขวามือจากประตูห้องจะมีช่องสำหรับวางตู้เย็น และตู้เก็บของแบบในภาพนี้ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนทางซ้ายมือตรงข้ามกันถูกวางให้เป็นเคาน์เตอร์ครัวค่ะ ซึ่งจะใช้วัสดุและมีหน้าตาคล้ายกันกับห้อง Type อื่นๆ ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ลึกเข้าไปตรงกลางห้องจะวางโต๊ะทานข้าวเอาไว้ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โต๊ะทานข้าว Top กระจกสีดำ พร้อมเก้าอี้บุนวม 4 ตัว  เหลือพื้นที่ทางเดินหลังเก้าอี้ทั้งสองด้านค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ถัดจากโต๊ะทานข้าวเป็น Living Room ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ด้านซ้ายมือวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเอาไว้   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม มีพื้นที่เหลือทั้งสองด้านของโซฟาค่ะ เราจะเอาโต๊ะขนาดเล็กมาวางไว้สำหรับวางของ หรือวางโคมไฟตั้งพื้นแบบในห้องตัวอย่างก็ได้นะคะ ซึ่งการที่โซฟาไม่อยู่ชิดกระจกมากจนเกินไปจะทำให้เวลาเรานั่งอยู่ไม่รู้สึกร้อน เพราะแดดที่ส่องเข้ามาจากด้านนอกค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เคาน์เตอร์วางทีวีตรงข้ามกับโซฟา Built in มาตลอดแนวผนังเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โต๊ะกลาง Built in มาให้เลยค่ะ มีช่องเก็บของไว้ด้านข้างด้วย โดยความสูงต่ำกว่าโซฟาไม่มาก ส่วนโต๊ะขาเหล็ก Top กระจกสีดำที่เห็นนี้เราสามารถย้ายไปไว้ข้างๆ โซฟาก็ได้นะคะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขอบอลูมิเนียม 2 ตอน เครื่องปรับอากาศเครื่องแรกติดตั้งไว้เหนือประตูเช่นเคยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ระเบียงกั้นด้วยธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเข้ม   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทุกยูนิตจะจัดให้มุมด้านซ้ายของระเบียบเป็นส่วนซักล้าง โดนจะต่อท่อน้ำเอาไว้ให้เหมือนกันหมดค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม Condensing Unit ติดตั้งแบบแขวนไว้ด้านบนเช่นเดียวกันค่ะ โดยห้องแบบ 2 Bedrooms นี้จะได้เครื่องปรับอากาศมาทั้งหมด 3 ตัว คืออยู่ใน Living Room และห้องนอนทั้ง 2 ห้องค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ภาพรวมของโซนแรกนี้ค่ะ ลักษณะลึกเข้ามา แล้วแยกโซนห้องนอนเอาไว้อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ตรงข้ามกับโต๊ะทานข้าวค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ทางเดินไปโซน Private จะวางห้องเอาไว้ทั้ง 3 ด้าน โดยขวามือเป็นห้องน้ำ ซ้ายมือเป็นห้องนอนแรก และห้องตรงกลางคือ Master Bedroom ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เริ่มจากห้องน้ำกันก่อนค่ะ ส่วนแห้งทางขวาแยกกับส่วนเปียกทางซ้ายค่ะ เฉพาะสุขภัณฑ์ที่เห็นในภาพจะได้มาทั้งหมดค่ะ โดยห้องจะปูทั้งพื้นและผนังด้วยกระเบื้องเซรามิค   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ออกมาจากห้องน้ำตรงข้ามกันจะเป็นห้องนอนแรกค่ะ ซึ่งจะอยู่หลัง Living Room ที่อยู่ทางซ้ายมือ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ห้องนอนแรกจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ปลายเตียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เตียงขนาด 3.5 ฟุต วางไว้ใกล้กับหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถเปิดออกได้ 1 บาน มีระยะพอให้เดินได้รอบเตียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม มี Built in โต๊ะทำงานกับตู้เสื้อผ้าเอาไว้ พร้อมกับเก้าอี้บุนวมแบบเดียวกันกับโต๊ะทานข้าวด้านนอกค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม สุดท้ายค่ะ ที่ห้อง Master Bedroom เมื่อเปิดประตูห้องก็จะพบกับตู้เสื้อผ้าเป็นอย่างแรก ส่วนซ้ายมือเป็นเตียงนอน และทางขวาเป็นห้องน้ำในตัวค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ตู้เสื้อผ้าด้านในจะทาด้วยสีขาวค่ะ แบบจะคล้ายกันกับในห้องอื่นๆ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ด้วยความที่เป็นห้องที่จะอยู่มุมสุดของอาคาร ก็จะได้ความพิเศษตรงที่มีกระจกเข้ามุมอยู่ตรงหัวเตียงค่ะ จะช่วยเพิ่มมุมมองของวิวสวยๆ ด้านนอกได้ดีขึ้น และยังช่วยให้ห้องมุมดูไม่ทึบด้วยนะคะ ซึ่งห้องนี้จะได้เตียงขนาด 6  ฟุต และยังมีพื้นที่ทางเดินเหลือได้รอบเลยค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม หัวเตียงตรงกลางห้องมี Built in โต๊ะวางของเล็กๆ ค่ะ ซึ่งมีความสูงเท่ากับตัว Built in เตียง ยังมีมุมโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมตู้กระจก และกระจกบานกระทุ้งทรงสูงเพิ่มแสงสว่างอยู่ข้างหัวเตียงค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ปลายเตียงมี Built in ตู้เก็บของมาให้อีกนะคะ โครงการนี้เขาให้เฟอร์นิเจอร์มาจัดเต็มจริงๆ ค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ห้องน้ำในตัวจะอยู่ตรงข้ามกับปลายเตียงถัดจากประตูห้องค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ภายในห้องน้ำปูพื้น และผนังด้วยกระเบื้องเซรามิค โดยจะเป็นส่วนแห้งก่อนค่ะ   * ภาพถ่ายจากห้องตัวอย่างโครงการลุมพินี พาร์ค บรมราชชนนี-สิรินธร รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ส่วนเปียกอยู่ทางซ้ายมือถัดจากโถสุขภัณฑ์ โดยห้องมุมแบบนี้จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งด้านบน สำหรับช่วยระบายอากาศและความชื้นได้ค่ะ   สำหรับ Lumpini Park Borom Ratcachonni-Sirindhorn ถือเป็นโครงการรุ่นใหม่ๆ จาก LPN ที่จัดแปลนห้องได้กว้างขวาง ดูโปร่งสบายไม่อึดอัด ตั้งแต่ของ Type Studio มาเลยค่ะ ส่วนการจัดการพื้นที่ภายในรอบโครงการก็จัดให้มีต้นไม้ตลอดพื้นทั้งพื้นที่สมชื่อ Lumpini Park เลยค่ะ และด้วยทำเลที่ตั้งอันถือว่าอยู่ในโซนถนัดของ Developer เอง จุดนี้เองจะเป็นเครื่องการันตีถึงศักยภาพของที่ตั้งโครงการได้ดีค่ะ   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-689-6888 หรือ www.lpn.co.th