Tag : condo

1488 ผลลัพธ์
VERTIQ พระราม 4 – สยาม : รีวิวคอนโด

VERTIQ พระราม 4 – สยาม : รีวิวคอนโด

โครงการ: VERTIQ พระราม 4 - สยาม (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 3,700,000 บาท บาท/ตารางเมตร 108,800 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท สยามนุวัตร จำกัด จุดเด่น มีความโดดเด่นในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ที่จะแวดล้อมอยู่ในทุกตารางนิ้วเพื่อการพักผ่อนของผู้พักอาศัยได้อย่างลงตัว ทำเลดี เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามย่าน จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2556 ที่ตั้ง: VERTIQ พระราม 4 - สยาม (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 1-2-17 ไร่ ที่ตั้ง ถนนสี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.732178,100.525570 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีสามย่าน สถานที่สำคัญใกล้เคียง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา สยามพารากอน จามจุรีสแควร์ มาบุญครอง ลักษณะโครงการ: VERTIQ พระราม 4 - สยาม (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom Penthouse ขนาดห้องที่มี ตั้งแต่ 34 – 131 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 23 ชั้น จำนวนห้อง 196 ยูนิต ส่วนกลาง: VERTIQ พระราม 4 - สยาม (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 156 คัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 50 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 600 บาท สาธารณูปโภค Lobby เรียบหรูสไตล์โมเดิร์น Sky Gym ห้องออกกำลังกายที่รายล้อมด้วยกระจกเปิดโล่งให้ได้ชื่นชมทัศนียภาพมุมสูงใจกลางกรุงเทพ ห้องซาวน่าและห้องอบไอน้ำ สระว่ายน้ำกลางแจ้ง พร้อมด้วยสวนสีเขียวแนวตั้ง ที่จะมอบความสดชื่น และผ่อนคลายในมุมมองใหม่ จ๊อกกิ้ง แทรค ในร่มแวดล้อมด้วยสวนหย่อมเล็กๆ สวนลอยฟ้าเขียวขจี   เพิ่มเติม: VERTIQ พระราม 4 - สยาม (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 080-001-8899 , 02-637-0899 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.vertiqcondo.com/ ข้อมูล ณ วันที่
A Space I.D. อโศก – รัชดา : รีวิวคอนโด

A Space I.D. อโศก – รัชดา : รีวิวคอนโด

โครงการ: A Space I.D. อโศก - รัชดา (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 3,400,000 บาท บาท/ตารางเมตร 103,500 บาท เจ้าของโครงการ Areeya Property Public Company Limited. จุดเด่น “คอนโดใกล้รถไฟฟ้า MRT ให้ความ Exclusive Volume Space ด้วยล็อบบี้ที่เป็นเสมือนห้องรับแขกขนาดใหญ่ สวนขนาดใหญ่กว่า 1 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าครึ่งของโครงการให้ความรู้สึกผ่อนคลายสูดหายใจได้เต็มปอด” จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2559 ที่ตั้ง: A Space I.D. อโศก - รัชดา (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 2-1-83.70 ไร่ ที่ตั้ง ถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.756680,100.560098 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีพระราม 9 สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัล พระราม 9 ฟอร์จูนทาวน์ โรบินสัน รัชดา บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า เอสพลานาด Terminal 21 ลักษณะโครงการ: A Space I.D. อโศก - รัชดา (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom Penthouse ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 32.84 ตร.ม. 2 Bedroom 66.86 ตร.ม. Penthouse 72.10 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 30 ชั้น จำนวนห้อง 547 ยูนิต ส่วนกลาง: A Space I.D. อโศก - รัชดา (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 40% (218 คัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 45 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 450 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ (Infinity Edge) Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิดโครงการ ประตู Key Card สวนหย่อม   เพิ่มเติม: A Space I.D. อโศก - รัชดา (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1797 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.aspace.co.th ข้อมูล ณ วันที่
L Style Condo ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 : รีวิวคอนโด

L Style Condo ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 : รีวิวคอนโด

โครงการ: L Style Condo ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,550,000 บาท บาท/ตารางเมตร 53,400 บาท เจ้าของโครงการ MESTYLE PROPERTY CO.,LTD. จุดเด่น “คอนโดเพื่อคนรุ่นใหม่ ใกล้ MRT ห้วยขวาง มีรูปแบบไม่ซ้ำใคร แตกต่างไปจากคอนโดสไตล์เดิมๆ ทั้งฟังก์ชั่นที่ลงตัว สีสันที่โดดเด่น สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน พร้อมทั้งบรรยากาศที่ชวนอยู่อาศัย” จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ที่ตั้ง: L Style Condo ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 1-1-15 ไร่ ที่ตั้ง ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.771625,100.583444 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT ห้วยขวาง สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีห้วยขวาง สี่แยกเหม่งจ๋าย ลักษณะโครงการ: L Style Condo ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 29-39 ตร.ม. 2 Bedrooms 55 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 167 ยูนิต ส่วนกลาง: L Style Condo ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 66 คัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) ค่ากองทุน(/ตร.ม) สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด   เพิ่มเติม: L Style Condo ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-690-5888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.lstylecondo.com/ ข้อมูล ณ วันที่
Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

ครั้งนี้จะพาไปดู คอนโดมิเนียมในแบรนด์ Rich Park 2@ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านไหน แต่ถ้าจะใช้ชัดกว่านั้นก็ต้องบอกว่า คอนโดนี้ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) และสายสีม่วง (บางซื่อ-บางให่) จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับการเลือกหาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า การเดินทาง จากแยกวงศ์สว่าง วิ่งมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาจนถึงแยกเตาปูน และเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2  ก็จะเห็นโครงการ Rich Park 2 ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำได้ไม่ยากเพราะสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้ทั้งทางแยกวงศ์สว่าง วิ่งเข้าถนนรัชดา หรือจะเลือกขึ้นทางด่วนด่านรัชดาภิเษกตรงแยกประชานุกูลก็ได้ ในขณะที่เส้นทางฝั่งแยกเตาปูน สามารถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านย่านพหลโยธิน ตรงถนนกำแพงเพชรได้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าปกติอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ ทั้งเส้นทางเข้าเมือง และออกนอกเมือง ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถ้าหากมีการเปิดให้ใช้เมื่อไร ก็น่าจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะทางขึ้นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย อยู่ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 100 เมตร เอาเป็นว่าแค่ข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามโครงการก็สามารถเลือกวิธีการเดินทางได้ตามความสะดวก แต่ในระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้นั้น ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ไปก่อน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ซึ่งสามารถหาเรียกได้ง่าย ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางมายังตัวโครงการก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว แผนที่ของโครงการ Rich Park 2 แผนที่รอบๆ โครงการ ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน(บางซื่อ – ท่าพระ) และสายสีม่วง(บางซื่อ – บางให่) ประมาณ 80-100 เมตร จากแยกวงศ์สว่างให้ขับตรงไปทางเตาปูน ซึ่งทางซ้ายจะไปถนนประชาชื่น และทางขวาไปสะพานพระราม 9 เมื่อเลยแยกวงศ์สว่างมาแล้ว ให้ขับตรงไปตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เมื่อขับตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาจนถึงแยกเตาปูน ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 อีกประมาณ 100 ม. ก็จะเจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ วิเคราะห์ตัวโครงการ ณ วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และลูกบ้านก็เริ่มทยอยย้ายเข้ากันแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศในการอยู่อาศัยจริงได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น รอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยที่เป็นชุมชมเดิม ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นจำนวนมาก จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้ง หรือย่านเศรษฐกิจการค้า แต่บรรยากาศก็คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่แพ้กัน นอกจากการจับจ่ายใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านค้าใกล้ๆ แล้ว ห้างที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นเทสโก้ โลตัส ประชาชื่น และ Big C วงศ์สว่าง ถึงจะไม่ใช่ห้างใหญ่หรูหรา แต่ก็พอให้พึ่งพาในการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป เลยจากบริเวณนี้ไป ก็เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว กลับมาดูที่ตัวโครงการกันบ้าง Rich Park 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 26 ชั้น ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว L ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก รูปแบบอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นเพียงตึกสูงเรียบๆ ทั่วไป บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า รวมทั้งหมด 14 ห้อง ซึ่งยังเปิดให้บริการไม่ครบ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีแค่ร้านซักรีดเท่านั้น ส่วนบริเวณร้านค้าอื่นๆ ยังเป็นห้องว่างๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะในอนาคตอันใกล้ยังจะพอพึ่งพาร้านค้าในโครงการได้รึเปล่า ส่วนบริเวณที่พักอาศัยนั้น เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 5 ในบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Facility ส่วนกลาง ถัดขึ้นไปที่ชั้น 6-26 จะเป็นพื้นที่ของห้องพักทั้งหมด ดูตามแปลนการจัดวางห้องของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว เพราะแต่ละชั้นมีจำนวนห้องมากถึง 34 ยูนิต ซึ่งนับยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีมากถึง 720 ยูนิต ในขณะที่ลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดเตรียมไว้แค่ 3 ตัวเท่านั้น เทียบเป็นอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ 267 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าเราต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหนถ้าทุกห้องต้องออกไปทำงานพร้อมๆ กันในช่วงเช้า สำหรับ Facility ทั้งหมดของโครงการถูกจัดรวมไว้ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ส่วนเรื่องที่จอดรถก็นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะนับดูคร่าวๆ ก็ไม่น่าจะจอดได้เกิน 50% ซึ่งรวมแบบจอดซ้อนคันไว้ด้วยแล้ว ใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็เตรียมปวดหัวกับการแย่งชิงที่จอดรถกันได้เลย นอกเหนือจากที่เห็นนี้ก็ยังไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม จากบรรยากาศคร่าวๆ ระหว่างเยี่ยมชมโครงการ ก็ต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรื่องความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านที่ทางโครงการยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เช่น เรื่องร้านค้าภายใน เรื่องที่จอดรถ รวมถึงเรื่องการบริการของพนักงานขายที่ออกจะใส่ใจลูกค้าน้อยไปซักหน่อย จึงอดไม่มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายของโครงการหากต้องเข้าอยู่อาศัยจริง ภาพจำลองรอบๆ โครงการ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ชั้น G นอกจากส่วนของ Lobby แล้วยังถูกแบ่งเป็น Shop อีกจำนวน 14 ยูนิต ชั้น 2 - 4 ถูกใช้เป็นที่จอดรถ คิดเป็น 50% รวมจอดซ้อนคัน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ชั้น 6 - 25 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย มีจำนวนยูนิตประมาณ 34 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 26 จะมียูนิตเหลือเพียง 12 ยูนิต และพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 ในขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นห้องตัวอย่างที่ได้ชมจึงเป็นห้องจริงที่ยังพอมีเหลือว่างอยู่บ้าง เรื่องตำแหน่งของห้องอาจจะเลือกมุมที่ถูกใจได้ยากขึ้น รวมถึงเรื่องราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดตัวอีกพอสมควร ดูจากการออกแบบจัดห้องในแต่ละชั้น ก็เห็นว่าทางโครงการค่อนข้างเน้นจุดขายด้านปริมาณมากกว่า เพราะห้องทั้งหมดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นอยู่ที่ 21 ตร.ม. และห้องใหญ่สุดก็พื้นที่ไม่เกิน 35 ตร.ม. ตำแหน่งในการจัดวาง เหลี่ยมมุม และเสาภายในห้อง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดต่างกัน ส่วน Lay out แบ่งออกเป็นแบบหลักๆ  2 Type คือ Type A และ Type B ซึ่งต่างกันที่ผนังกั้นห้องนอน โดยห้องแบบ Type B จะใช้กระจกบานใหญ่แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ข้อดีก็คือ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่โซนกลางห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนห้อง Type A ซึ่งมีหน้ากว้างกว่า การจัดวางตำแหน่งห้องนอนจึงอยู่คนละด้านกับห้องนั่งเล่น ผนังห้องจึงเป็นผนังทึบปกติ จากห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าการจัด Lay out ห้องของ Rich Park 2 ดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเหลี่ยมมุมของห้องที่มีเสายื่นออกมา รวมถึงตำแหน่งในการติดตั้งทีวีในบางห้อง และตำแหน่งหน้าต่างที่มีเพิ่มเติมในห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมตึก ซึ่งนอกจากจะดูแปลกจากที่เคยเห็นแล้ว ยังทำให้การตกแต่งห้องมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องติดตั้งผ้าม่านเพิ่ม หรือการเลือกซื้อ เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ที่ในตำแหน่งใกล้หน้าต่าง ตำแหน่งที่วางทีวีไม่ตรงกับแนวโซฟา หรือการแยกเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจาน กับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารไว้คนละฝั่ง ลักษณะภายในห้องจึงดูเหมือนว่าขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล นี่ยังไม่นับรวมถึงตำแหน่งห้องที่มีผลกับวิวด้านนอกอาคารเลยนะครับ เพราะบางห้องก็ถูกบังวิวกันเอง มองออกไปเห็นแต่กำแพงอีกฝั่งของห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่นออกมา จะเลือกตำแหน่งห้องนอกจากการไปดูห้องจริงแล้ว แนะนำให้กางแปลนห้องควบคู่กันไปด้วยก็นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ว่าห้องไหนยื่นเลยออกไป ห้องไหนเว้าเข้าด้านใน เพราะเค้าเล่นออกแบบเป็นลูกคลื่นบังวิวกันเอง ไม่รู้ว่าคนออกแบบตั้งใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า Type A ขนาด 30 ตารางเมตร Type A1 ขนาด 29 ตารางเมตร Type A2 ขนาด 28 ตารางเมตร Type A3 ขนาด 35 ตารางเมตร Type B ขนาด 30 ตารางเมตร Type B1 ขนาด 35 ตารางเมตร Type C ขนาด 35 ตารางเมตร Type D ขนาด 21 ตารางเมตร Type D1 ขนาด 21 ตารางเมตร Type E ขนาด 35.50 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการ Rich Park 2 คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีตลาด และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานี Inter change ทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ราคาห้องจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ศักยภาพภายในของตัวโครงการเอง ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน คะแนนความน่าสนใจจึงถูกฉุดดึงให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการห้องพักไว้อยู่อาศัยเอง ถ้าไม่ติดเรื่องที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลย่านสำนักงาน แหล่งธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ทำเลแถบนี้ก็ยังพอเดินทางไปมาได้สะดวกพอสมควร แต่ถ้าพิจารณาในส่วนของห้องพักแล้ว คงต้องแนะนำให้ไตร่ตรองกันดีๆ ว่าถ้าหากต้องเข้ามาอยู่อาศัยจริงฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในห้องจะใช้งานได้สะดวก เหมาะสมหรือไม่ ไหนจะเรื่อง Facility ภายในโครงการอีก ต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าเราจะได้ใช้งานจริงแค่ไหน คุ้มค่ากับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายรึเปล่า เช็คข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ครบถ้วนนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เสียใจกันภายหลัง
Chapter One The Campus ลาดพร้าว 1 : รีวิวคอนโด

Chapter One The Campus ลาดพร้าว 1 : รีวิวคอนโด

โครงการ: Chapter One The Campus ลาดพร้าว 1 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,990,000 บาท บาท/ตารางเมตร 86,500 – 98,500 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโดมิเนียมแต่งครบสไตล์ Soft Loft ใกล้ MRT สถานีพหลโยธินเพียง 350 เมตร เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ Lobby, Swimming Pool, Fitness, Sky Deck , พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. ครบทุกความต้องการของชีวิตคนเมือง เพราะใกล้แหล่งช้อปปิ้งและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ ห้างยูเนียนมอลล์, เซ็นทรัลลาดพร้าว พร้อมหรือยังที่จะเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ใจกลางเมืองของคุณที่นี่.. จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ปลายปี 2558 ที่ตั้ง: Chapter One The Campus ลาดพร้าว 1 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 1-1-54 ไร่ ที่ตั้ง ถนนลาดพร้าว ซอย 1 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.814202,100.56502 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีลาดพร้าว สถานที่สำคัญใกล้เคียง ห้างสรรพสินค้ายูเนียนมอลล์ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว Big C Tesco Lotus มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมเจอร์รัชโยธิน เซ็นทรัลลาดพร้าว โรงพยาบาลเมโยฯ นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว The walk นวมินทร์ SCB Park สวนจตุจักร ลักษณะโครงการ: Chapter One The Campus ลาดพร้าว 1 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio 1 Bedroom ขนาดห้องที่มี Studio 23 – 25.37 ตารางเมตร 1 Bedroom 28.54 – 33.41 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 180 ยูนิต ส่วนกลาง: Chapter One The Campus ลาดพร้าว 1 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 40% รวมจอดซ้อนคัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 65 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค Lobby Fitness Wi – fi Service Swimming Pool Sky Deck 24 hour Security   เพิ่มเติม: Chapter One The Campus ลาดพร้าว 1 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1739 , 092-259-5550 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.stylishresidences.com/ChapterOneTheCampus ข้อมูล ณ วันที่
Chateau in Town รัชดา 10 : รีวิวคอนโด

Chateau in Town รัชดา 10 : รีวิวคอนโด

โครงการ Chateau in town รัชดา 10 เป็นอีกหนึ่งโครงการของ CMC ที่เลือกทำเลขยับเข้ามาใกล้เขต New CBD (Central Business District) บนถนนรัชดาภิเษกมากขึ้น ซึ่งตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยรัชดา 10 หลังตึก Cyber World และอยู่ระหว่างรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีห้วยขวางและสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ เราจึงแวะไปดูที่ตั้งโครงการจริงมาฝากกันครับ การเดินทาง การเลือกทำเลในย่านนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจัยหลักจากความสะดวกสบายด้วยการเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน สำหรับการเดินทางมายังโครงการ Chateau in town รัชดา 10 โดยรถไฟฟ้าใต้ดินสามารถเลือกลงได้ทั้งสถานีห้วยขวาง และสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ โดยสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ จะมีระยะทางเดินที่ใกล้กว่าคือ 550 เมตรโดยประมาณ ซึ่งใช้เส้นทางเดินลัดตัดออกมาจากด้านหลังตึก Cyber World ทำให้ย่นระยะทางไปได้พอสมควร ในขณะที่จากสถานีห้วยขวางเดินมายังโครงการจะมีระยะทางมากถึง 900 เมตรเลยทีเดียว ด้วยระยะขนาดนี้ต้องบอกว่าถ้าต้องเดินไปกลับทุกเช้า-เย็นคงจะไม่สะดวกนัก ดังนั้นการเลือกใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจึงเป็นเรื่องที่อาจเกิดได้บ่อยกว่าที่คิด โดยเฉพาะคุณสาวๆ ที่ต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าคนเดียว เส้นทางบางช่วงอาจจะเงียบไม่คนมีคนเดินจนเกือบจะเรียกว่าเปลี่ยวเลยทีเดียว ถึงจะเป็นเส้นทางเดินติดถนนใหญ่ที่มีรถราขวักไขว่ แต่ก็ยังไม่น่าเดินเท่าไหร่ครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ นั้นจัดว่าสะดวกดีทีเดียว เพราะออกมาทางปากซอยรัชดา 10 ก็เจอป้ายรถเมล์อยู่ตรงหน้าพอดี มีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย รวมถึงรถแท็กซี่ก็มีให้บริการทั้งวันทั้งคืน ถึงจะไม่มีรถส่วนตัวก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางเลย ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ถนนสายหลักๆ ที่ต้องใช้คือ ถนนรัชดาภิเษก ไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปทางแยกพระราม 9 หรือแยกลาดพร้าว เพื่อต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงบริเวณแยกศูนย์วัฒนธรรมฯ ที่สามารถเลี้ยวไปออกเหม่งจ๋ายและเลียบทางด่วนรามอินทราได้ นอกจากนี้ยังมีด่านขึ้นลงทางด่วนตรงพระราม 9 ที่จะช่วยให้การเดินทางไปยังส่วนอื่นๆ ของกรุงเทพสะดวกมากขึ้น แต่ปัญหาใหญ่ๆ ที่ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ก็คือ ปัญหารถติดบนถนนรัชดาภิเษก และถนนสายอื่นๆ ใกล้เคียงในช่วงเวลาเร่งด่วน กว่าจะหลุดไปได้แต่ละแยกก็ใช้เวลากันนานเลยทีเดียว แผนที่เส้นทางการเดินทางโดยรถยนต์ โดยเริ่มจากลาดพร้าวมาถึง โครงการ เริ่มมาจากแยกลาดพร้าว ให้วิ่งมุ่งหน้าไปพระราม 9 ลงอุโมงต์ลอดใต้แยกห้วยขวาง ลงอุโมงค์ ออกจากอุโมงค์ให้พยายามชิดซ้าย วิ่งมาเรื่อยๆ จะเจอโรงเรียน เตรียมอุดมพัฒนาการอยู่ทางซ้าย ก่อนเข้าซอย เตรียมตัวเลี้ยวเข้าซอย รัชดาภิเษก 10 เข้าซอยรัชดาภิเษก 10 เลยครับ พอเข้าซอยมาแล้ว ให้เลี้ยวขวาแรกทันที วิ่งตรงไปเรื่อยๆจนเกือบสุดทาง จะเห็นโครงการ Chateau in Town 10 อยู่ทางซ้ายครับ   วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ Chateau in town รัชดา 10 ตั้งอยู่ถัดจากปากซอยเข้าไปประมาณ 100 เมตร ซึ่งบริเวณปากซอยมีทั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารแผงลอยหลายร้าน ถัดออกมาอีกหน่อยที่แยกศูนย์วัฒนธรรมฯ ก็มีทั้งห้าง Big C Extra, Esplanade และCyber World ที่สามารถเป็นที่พึ่งพาในการจับจ่ายใช้สอยและฝากท้องได้ ขยับออกมาอีกหน่อยก็ยังมี Tesco Lotus, Fortune Tower และห้าง Central พระราม 9 ที่อยู่ห่างออกไปอีกแค่สถานีรถไฟฟ้าเดียว รวมถึงร้านอาหาร สถานบันเทิงบนถนนรัชดาในบริเวณใกล้ๆ ก็มีให้เลือกไม่น้อยเช่นกัน นอกจากนี้อาคารสำนักงานรอบๆ ก็มีอีกหลายตึก ทั้ง Forum Tower, ตึก Cyber World และตึกไทยประกันชีวิต เป็นต้น ทำเลในย่านนี้จึงคึกคักและพลุกพล่านไม่น้อยเลย ดีหน่อยที่ที่ตั้งโครงการอยู่ถัดเข้ามาในซอยซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยที่มีอยู่ก่อนแล้ว บรรยากาศจึงเงียบสงบกว่าด้านนอกมาก ตัวอาคารของ Chateau in town รัชดา 10 สูง 8 ชั้น สร้างใกล้เสร็จในอีกไม่นานนี้ ซึ่งการออกแบบตัวอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เพราะเป็นโครงการเล็กที่มียูนิตรวมแค่ 79 ยูนิตเท่านั้น ทางโครงการจึงบอกว่าลูกบ้านจะได้ความเป็นส่วนตัวเพราะแต่ละชั้นมีเพื่อนบ้านแค่ 10-12 ห้องเท่านั้น พื้นที่ส่วนกลางเริ่มตั้งแต่บริเวณชั้น 1 ซึ่งเป็นที่จอดรถภายในอาคาร สามารถจอดรถได้ 31 คัน มีทางเข้าออกทางเดียวด้านซอยรัชดา 10 แยก 7 ส่วนพื้นที่ด้านหลังโครงการที่อยู่ติดกับซอยรัชดา 10 แยก 9 จะเป็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อมเล็กๆ สำหรับการพักผ่อน สำหรับส่วนที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 2 ขึ้นไป โดยที่บริเวณชั้น 2 ด้านเดียวกับสระว่ายน้ำจะมีห้องฟิตเนส ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปที่สระว่ายน้ำได้ด้วย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานทั่วไป รวมถึงเรื่องลิฟท์โดยสารที่ถึงจัดมาให้ 1 ตัว แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับคอนโดโครงการขนาดนี้ การจัดวางแปลนห้องในแต่ละด้านมีจำนวนห้องไม่มากนัก ซึ่งการเลือกตำแหน่งและขนาดห้องก็ถูกบังคับไปโดยปริยาย รอบๆ อาคารเป็นอาคารพาณิชย์เสียเป็นส่วนใหญ่ ตรงข้ามกันมีอพาร์เม้นท์สูง 7-8 ชั้น 2 อาคาร อยู่ห่างจากตัวโครงการแค่ถนนในซอยกั้นเท่านั้น หันไปทางด้านหลังโครงการก็มีตึก Cyber World สูงตระหง่าน แทบจะบังแดดบังลมได้มิดเลย เรียกว่าเรื่องวิวทิศทัศน์อันสวยงามคงหวังอะไรไม่ได้ไม่ว่าจะเลือกห้องทางทิศไหน หรืออยู่ชั้นสูงที่สุดก็ตาม เพราะมองออกไปยังไงก็เห็นแต่วิวหลังคาตึกใกล้ๆ แย่หน่อยก็อาจจะเปิดหน้าต่างออกไปจ๊ะเอ๋มองเห็นเพื่อนบ้านที่อพาร์ทเม้นท์ข้างๆ อีกต่างหาก ความเป็นส่วนตัวตามที่ทางโครงการขายไว้ก็อาจจะลดลงไปบ้าง เช่นเดียวกับการใช้สระว่ายน้ำซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ในขณะที่รอบๆ มีบ้านและอาคารพาณิชย์รายล้อมอยู่ เวลาลงมาว่ายน้ำเล่นก็อาจจะรู้สึกโป๊ไปหน่อย ถึงแม้ว่าทางโครงการจะพยายามยกพื้นและขอบรั้วให้สูงกว่าปกติแล้ว แต่ใกล้ๆ กันก็ยังมีตึกที่สูงกว่าที่สามารถมองลงมาที่สระว่ายน้ำได้อยู่ดี คะแนนความเป็นส่วนตัวจึงถูกลดลงไปอีกครับ เห็นแบบนี้สาวๆ คงไม่กล้าลงมาว่ายน้ำเล่นเท่าไหร่ จะขึ้นจะลงสระอาจมีอาการระแวงสายตาจากคนในบ้านข้างๆ ได้ ทีนี้เลยพาลจะทำให้ใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก การเสียค่าส่วนกลางโดยที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่ หรืออาจไม่ได้ใช้เลย จึงกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าคิดนะครับ พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าแบรนด์ Chateau in town มีการออกแบบ Lay out ในแต่ละโครงการไม่ได้แตกต่างกันมาก เราจึงไม่ต้องพูดกันมากให้เสียเวลา ทั้งโครงการมีแบบห้องให้เลือกมากถึง 15 Type ซึ่งเยอะได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Lay out ห้องก็คล้ายๆ กัน กลับตำแหน่งซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เว้าตรงนี้นิด ยื่นตรงนั้นหน่อย ตัดทอนไปแล้วก็เหลือห้องแบบหลักๆ อยู่ 5 แบบด้วยกัน เริ่มจากห้องแบบ 1 ห้องนอน จะมีขนาดเริ่มต้นที่ 25-41 ตร.ม. ขึ้นอยู่กับตำแหน่งห้อง ห้องขนาดเล็กจะกั้นพื้นที่ห้องนอนออกจากครัวด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อช่วยในการประหยัดพื้นที่ และไม่ทำให้ห้องดูแคบจนเกินไป ส่วนพื้นที่นั่งเล่นในห้องขนาด 25 ตร.ม. อาจไม่มีพื้นที่เหลือให้มากนัก เพราะต้องแบ่งกันใช้กับบริเวณห้องนอน จะว่าไปแล้วลักษณะห้องก็คล้ายกับห้องแบบ Studio เสียมากกว่า แต่ถ้าใครที่อยากจะได้ห้องที่กว้างขึ้น และมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกออกมาเป็นสัดส่วน ก็ต้องขยับขึ้นมาที่ห้องขนาด 35 ตร.ม. เพราะห้องแบบนี้จะกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ จึงมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกจากกันชัดเจน แต่ก็ต้องบอกว่ามีพื้นที่แค่พอใช้สอยนะครับ ไม่ได้กว้างขวางอะไรมากมาย แต่ถ้าอยากได้ห้องกว้างๆ ไปเลย ก็ต้องเป็นห้องขนาด 39 ตร.ม. และ 41 ตร.ม. เลยครับ รับรองว่าพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางแน่นอน ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนก็มีให้เลือกเช่นกัน ในขนาดตั้งแต่ 47-52 ตร.ม. เลยทีเดียว เท่าที่ได้ดูห้องตัวอย่างมา ต้องบอกว่า Lay out ห้องบางตำแหน่งอาจจะทำหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งให้ลงตัวได้ยาก เพราะมีเสายื่นมาบ้าง หรือผนังเว้าเข้าไปบ้าง ไหนจะไฟเพดานที่ยื่นออกมาแทนที่จะเป็นแบบฝังติดฝ้าเพดาน อันนี้ก็อาจจะติดปัญหาในบางตำแหน่งที่ต้องวางตู้สูงจรดเพดาน บางทีการตัดปัญหาด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ก็อาจจะช่วยได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย ถ้าจะเลือกห้องจริงๆ แนะนำว่าให้เดินดูทีละห้องไปเลยครับ เพราะปัจจุบันตัวอาคารสร้างเสร็จแล้ว เหลือแค่ตกแต่งภายในและเก็บรายละเอียดเท่านั้น จะได้เช็คกันในละเอียดๆ ไปเลยว่ามีพื้นที่ใช้สอยในห้องอย่างไรบ้าง ถูกใจและเหมาะสมแค่ไหน อย่าดูแค่แปลนในกระดาษ เกิดอยู่แล้วไม่ถูกใจขึ้นมาจะหาทางแก้ไขลำบากครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน จุดด้อยหลักๆ ของตัวโครงการ Chateau in town รัชดา 10 คือเรื่องที่ตั้งโครงการที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี ซึ่งไม่ว่าจะเลือกเดินจากสถานีไหนก็จัดว่าไกลพอสมควรเลยทีเดียว ถึงแม้ตัวโครงการจะอยู่เกาะแนวรถไฟฟ้า แต่ด้วยระยะทางที่ต้องเดินมากกว่า 500 เมตรขึ้นไป ก็อาจทำให้เราใช้ประโยชน์จากรถไฟฟ้าได้ไม่เต็มที่นัก แต่ในขณะเดียวกันบริเวณรอบๆ โครงการกลับมีอาคารสำนักงานหลายแห่ง รวมถึงสถานศึกษา และห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้งมากมาย ถ้าใครที่ทำงานอยู่ในระแวกนี้ โดยเฉพาะในระยะที่สามารถเดินไปกลับได้ หรือนั่งรถต่อไปใกล้ๆ โครงการนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะการจราจรบนถนนรัชดาภิเษกนั้นติดหนักขึ้นชื่ออยู่แล้ว ถ้าไม่ต้องเดินทางออกไปทำงานนอกพื้นที่รัชดาไกลๆ ก็เผชิญปัญหารถติดกันน้อยลง นอกเหนือจากนี้เรื่องพื้นที่ส่วนกลางของโครงการก็ต้องพิจารณากันให้ดีๆ ว่าเราจะได้ใช้งานมากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละส่วนทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนสก็ไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่มาก รวมถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวในระหว่างการใช้งานที่อาจจะน้อยไปบ้างตามที่บอกไปข้างต้น ไม่อย่างนั้นอาจจะเสียค่าส่วนกลางไปโดยไม่คุ้มค่าเงินก็ได้ สำหรับการซื้อหาไว้เพื่อการลงทุนหรือปล่อยห้องให้เช่า แน่นอนว่าบริเวณโดยรอบนี้มีอาคารสำนักงานอยู่มาก โอกาสที่จะหาผู้เช่าก็ดูจะมีความเป็นไปได้มาก แต่ต้องไม่ลืมว่าในซอยเดียวกันนี้ยังมีอพาร์ทเม้นท์อีกหลายตึกที่จะกลายเป็นตัวเลือกเปรียบเทียบ ทั้งตำแหน่งที่อยู่ใกล้ปากซอยมากกว่า และราคาเช่าที่อาจจะถูกกว่าเพราะไม่มีเรื่อง Facility อื่นๆ บวกเพิ่มขึ้นมา การปล่อยห้องให้เช่าจึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าก็ได้ครับ
The Mona Vale เพชรเกษม 39 : รีวิวคอนโด

The Mona Vale เพชรเกษม 39 : รีวิวคอนโด

โครงการ: The Mona Vale เพชรเกษม 39 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,390,000 บาท บาท/ตารางเมตร 57,900 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เซนจูรี่ ซิตี้ เรียลเอสเตท จำกัด จุดเด่น ”The Mona Vale เพชรเกษม 39 คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด เพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้น เพราะเชื่อมต่อทุกจุดสู่ใจกลางเมืองเช่น กาญจนาภิเษก, ราชพฤกษ์, พุทธมณฑลสาย 1, สาทร อีกทั้งยังสะดวกด้วยการเดินทางของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเพียง 550 เมตรจากสถานีภาษีเจริญ (ส่วนต่อขยาย) ให้คุณมีเวลาสำหรับความรู้สึกดีๆ อย่างเหลือเฟือ” จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ 2558 ที่ตั้ง: The Mona Vale เพชรเกษม 39 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 1-0-49 ไร่ ที่ตั้ง ซ.เพชรเกษม 39 (ซอยคานเรือ) ถ.เพชรเกษม แขวงบางหว้าเขตภาษีเจริญ กทม. พิกัดโครงการ 13.711076,100.429422 ระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า MRT ส่วนต่อขยาย สถานีภาษีเจริญ สถานที่สำคัญใกล้เคียง ห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางแค ตลาดบางแค มหาวิทยาลัยสยาม โรงพยาบาลเพชรเกษม 2 เทสโก้ โลตัส บางแค ลักษณะโครงการ: The Mona Vale เพชรเกษม 39 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 24-32 ตร.ม. 2 Bedroom 38 ตร.ม. จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 185 ยูนิต ส่วนกลาง: The Mona Vale เพชรเกษม 39 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 56 คัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) - ค่ากองทุน(/ตร.ม) - สาธารณูปโภค โถงต้อนรับ สวนพักผ่อน Fitness สระว่ายน้ำในร่มและสระเด็ก Free Wi-Fi บริเวณโถงต้อนรับ ระบบ CCTV / Key Card เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง   เพิ่มเติม: The Mona Vale เพชรเกษม 39 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-804-7778, 080-535-5888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.themonavalecondo.com/ ข้อมูล ณ วันที่
H2 รามอินทรา 21 : รีวิวคอนโด

H2 รามอินทรา 21 : รีวิวคอนโด

โครงการ: H2 รามอินทรา 21 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,1800,000 บาท บาท/ตารางเมตร 60,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เอสเตท คิว จำกัด จุดเด่น “H2 Condominium ถูกออกแบบภายใต้ แนวคิด New Modern Loft ที่เน้นความทันสมัย และสะดวกสบาย ทั้ง Location ที่ใกล้รถไฟฟ้า เพียง 90 เมตร และ ทางด้านสถาปัตยกรรมภายนอกที่สะท้อนออกมาอย่างโดดเด่น เพื่อตอบสนองโจทย์การ ใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยเน้นที่การใช้ Space ที่คุ้มค่า” จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ เดือนสิงหาคม 2558 ที่ตั้ง: H2 รามอินทรา 21 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 200 ตารางวา / อาคาร ที่ตั้ง ซอยรามอินทรา 21 ถนนรามอินทรา แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.864388,100.616945 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีรามอินทรา สถานที่สำคัญใกล้เคียง เพียง 90 เมตร จากรถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีรามอินทรา 19) ใกล้จุดขึ้นทางด่วนฉลองรัช (รามอินทรา – อาจณรงค์) Central รามอินทรา ฺBig C ตลาดลาดปลาเค้า ตลาดถนอนมิตร มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยเกริก โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล ลักษณะโครงการ: H2 รามอินทรา 21 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 1 Bedroom Exclusive 1 Bedroom (Plus) 2 Bedroom 2 Bedroom Exclusive ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 21.87 – 23.84 ตารางเมตร 1 Bedroom Exclusive 27.19 – 29.43 ตารางเมตร 1 Bedroom (Plus) 31.06 – 39.59 ตารางเมตร 2 Bedroom 41.56 – 54.88 ตารางเมตร 2 Bedroom Exclusive 48.47 – 59.95 ตารางเมตร จำนวนตึก 4 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 73 - 79 ยูนิต ส่วนกลาง: H2 รามอินทรา 21 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 25 คัน คิดเป็น 32% ต่ออาคาร ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 45 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ระบบบัตรควบคุม การเข้า-ออก อัตโนมัติ ห้องออกกำลังกาย หน่วยรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิด   เพิ่มเติม: H2 รามอินทรา 21 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 085-106-2121 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.h2-condo.com ข้อมูล ณ วันที่
VERY สุขุมวิท 72 : รีวิวคอนโด

VERY สุขุมวิท 72 : รีวิวคอนโด

ปัจจุบันสถานีปลายทางรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลย นอกจากในซอยแบริ่งที่มีคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆ เกิดขึ้นมากมายแล้ว ทำเลในซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 72 ก็มี Very Condo สุขุมวิท 72 อีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายนี้ เราเลยไม่พลาดที่จะเก็บข้อมูลเอามาฝากกันครับ   การเดินทาง   ถ้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า การเดินทางหลักๆ ก็คงหนีไม่พ้นการใช้รถไฟฟ้า BTS เป็นตัวเลือกแรก นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีแบริ่งแล้วออกทางออกที่ 4 เดินต่อไปทางซอยสุขุมวิท 72 และเข้าซอยอีกเล็กน้อย ก็จะถึง Very Condo ระยะทางรวมแล้วไม่เกิน 400 เมตร จัดว่าเป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ โดยไม่ต้องพึ่งพารถสองแถว หรือวินมอเตอร์ไซค์เลยก็ได้ การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะถนนหนทางในย่านนี้มีเส้นทางเลี่ยงเข้าออกเมืองได้หลายทาง ทั้งด่านทางด่วนบางนา และทางด่วนสุขสวัสดิ์-บางพลี ถนนวงแหวนรอบนอก สะพานภูมิพล (สะพานอุตสาหกรรม) รวมถึงถนนสายหลักๆ อย่างถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ เรียกได้ว่ามีทางไปได้เยอะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเส้นทางไหนจะสะดวกมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องปัญหารถติดที่ยังไงก็หนีไม่พ้นทั้งช่วงเช้าและเย็น การเดินทางครั้งนี้เราลงมาจากทางด่วนบางนา แล้วตรงเข้ามาตามถนนสุขุมวิท ซึ่งซอยสุขุมวิท 72 อยู่เยื้องๆ กับซอยแบริ่ง ดังนั้นจึงต้องเลยขึ้นไปอีกเล็กน้อยเพื่อกลับรถมายังซอยสุขุมวิท 72 พอเข้าซอยมาแล้วก็เลี้ยวขวาที่แยกแรก ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้ๆ แยกนี่เลย นับระยะทางจากปากซอยสุขุมวิท 72 เข้ามาถือว่าไม่ไกลเลย ส่วนการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็สะดวกเช่นกัน เพราะถนนสุขุมวิทแถบนี้ รถราคึกคักดีทีเดียว เส้นทางระยะใกล้ๆ ก็มีรถสองแถวให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงรถเมล์อีกหลายสาย และแน่นอนว่ารถแท็กซี่ก็มีเยอะแยะมากมาก โดยเฉพาะบริเวณทางลงรถไฟฟ้า ดังนั้นการเดินทางไม่ว่าจะเลือกเดินทางด้วยวิธีไหนก็สะดวกไม่ต่างกันครับ เส้นทางการเดินทางจาก BTS สถานีแบริ่ง ถึงโครงการ VERY Condo เริ่มต้นโดยเดินทางจากอุดมสุขมุ่งหน้าสู่บางนา ให้ตรงไปแยกบางนามุ่งหน้าไปสมุทรปราการ ตรงผ่านแยกบางนา เมื่อผ่านแยกบางนามาแล้ว ทางซ้ายจะเป็น BITEC ด้านหน้าเป็น BTS สถานีแบริ่ง ผ่านสามแยก (ซอยลาซาล) ผ่าน BTS สถานีแบริ่ง วิ่งตรงผ่านสามแยก ผ่านซอยสุขุมวิท 107 (ซอยแบริ่ง) วิ่งมาเรื่อยๆ ทางขวาจะเห็นเต้นท์รถอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 72 เมื่อเลยซอยที่อยู่ทางขวา ให้ชิดขวาเพื่อกลับรถ กลับรถมาแล้วก็เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 72 เลยครับ ปากซอยจะมีเต้นท์รถเห็นชัดๆอยู่ เมื่อเข้าซอยมาแล้วให้เข้าซอย ศิริคาม 4 เลี้ยวเข้ามาแล้ว ให้ตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นโครงการ VERY Condo อยู่ด้านหน้า ถึงแล้วครับโครงการ VERY Condo วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่อยู่ในย่านแบริ่งนี่เอง ความเจริญของบริเวณแวดล้อมโครงการจัดว่าดีทีเดียวครับ เพราะมีทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ ครบครัน ทั้งโรงเรียนนานาชาติรายใหญ่ๆ โรงเรียนเอกชนชื่อดัง รวมถึงโรงเรียนอื่นๆ ในระแวกใกล้เคียงก็มีอยู่หลายแห่งเช่นกัน รวมถึงสถานพยาบาลก็มีเยอะไม่แพ้กัน ทั้งโรงพยาบาลใหญ่ๆ และคลินิคในเขตชุมชน เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็สามารถพึ่งพาได้สบายๆ และถ้าจะถามถึงแหล่งช็อปปิ้ง แค่หลับตาก็เห็นภาพเซ็นทรัลบางนา ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค และห้างอิมพีเรียลเวิร์ดสำโรงขึ้นมาในหัวแล้วแน่ๆ แถมด้วยโลตัส ศรีนครินทร์ และแมคโครเข้าไปอีก ถือว่ามีห้างใหญ่ๆ ให้จับจ่ายใช้สอยไม่น้อยเลยในระยะ 10 กิโลเมตร และยังมีตลาดสดสำโรงอีกที่เราสามารถพึ่งพาฝากท้องได้ในราคาประหยัด การอาศัยอยู่ในแถวนี้จึงถือว่าอุดสมบูรณ์ดีทีเดียว ขอแค่ไม่ขี้เกียจเดินออกมาจากซอยสุขุมวิท 72 แค่นั้นแหละ รับรองว่าไม่มีคำว่าขาดแคลนแน่นอน ที่ตั้งในซอยสุขุมวิท 72 อาจจะเป็นรองซอยแบริ่งอยู่บ้างในด้านความเจริญ และความพลุกพล่านของร้านค้าต่างๆ เนื่องจากซอยแบริ่งเป็นซอยใหญ่ แต่ในทางกลับกันซอยสุขุมวิท 72 ก็มีความเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนอาศัยมากกว่า ภายในซอยยังเป็นบ้านอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีก็เพียงคอนโดเพื่อนบ้านอย่าง Cattleya เพียงอาคารเดียวที่ตั้งอยู่ติดกันในระยะประชิดเนื่องจากเป็นโครงการเก่าที่อยู่มาก่อนแล้ว ห้องในฝั่งนี้จึงถูกบังวิวกันไปแบบเต็มๆ ด้วยตัวโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น เรื่องวิวจึงไม่ใช่จุดเด่นเท่าไหร่ ส่วนของที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 มียูนิตรวมเพียงแค่ 68 ยูนิตเท่านั้น จัดว่าน้อยเหมือนกันครับ เลยค่อนข้างได้เปรียบเรื่องความเป็นส่วนตัวสูงกว่าโครงการอื่นที่มีจำนวนห้องมากๆ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจัดรวมไว้ที่บริเวณดาดฟ้าของอาคารทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และ Roof Top Garden จากที่สังเกตุภาพรวมๆ แล้ว ถือว่าทางโครงการจัดส่วนกลางมาได้ดีพอสมควร ปริมาณความหนาแน่นไม่มากนักลูกบ้านก็น่าจะใช้ส่วนกลางได้จริงจังมากขึ้น เช่นเดียวกันกับลิฟท์โดยสาร ถึงจะมีเพียง 1 ตัว แต่เทียบกับจำนวนห้องแล้วถือว่าใช้ได้สบายๆ ดีทีเดียว กลับกันกับเรื่องที่จอดรถที่ดูจะจำกัดจำเขี่ยอยู่พอสมควร นับรวมจอดซ้อนคันแล้วก็ไม่เกิน 30% เพราะพื้นที่ชั้น G ส่วนหนึ่งถูกแบ่งไว้เป็นส่วนของ Lobby ห้องจดหมาย ห้องซักรีด และห้องนิติบุคคล เลยทำให้พื้นที่จอดรถมีน้อยไปนิด ถ้าต้องมาอยู่อาศัยจริงก็ต้องลุ้นกันหน่อยว่าลูกบ้านแต่ละห้องจะมีรถส่วนตัวกันเยอะแค่ไหน ถึงจะเป็นโครงการเกาะแนวรถไฟฟ้าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับทำเลแถบนี้โอกาสที่ลูกบ้านจะมีรถส่วนตัวก็ความเป็นไปได้สูงเหมือนกัน พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องของโครงการ Very สุขุมวิท 72 กันบ้าง ซึ่งทางโครงการก็จัดมาทั้งห้องแบบ Studio, ห้องแบบ 1 ห้องนอน และห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาดห้องเริ่มต้นกันที่ 25.8 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้อง Studio เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนของ Pantry ครัวเล็กๆ และห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หรือหลังประตูเข้าห้องพอดี ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัดเหมือนกัน วางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้าไปแล้วก็เหลือพื้นที่ว่างไม่มากเท่าไหร่ บริเวณปลายเตียงวางตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวีแล้ว ก็เกือบเต็มพื้นที่ห้องพอดี ด้านในสุดของห้องแบ่งเป็นระเบียงเล็กๆ ส่วนอีกด้านติดหน้าต่างเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะทำงาน หรือเดย์เบดได้อีกตัว ขยับมาที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนกันบ้าง ซึ่งขนาดพื้นที่ 36 ตร.ม. โดยประมาณ Lay out ของห้องแบบนี้ดูจะค่อนข้างลงตัวและน่าอยู่มากกว่า เพราะมีการจัดสรรพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน เปิดเข้าห้องมาจะเจอพื้นที่ของห้องนั่งเล่นก่อน ส่วนครัวของห้องนี้จะได้เป็นครัวปิด ซึ่งมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่ไว้ให้เรียบร้อย ส่วนอีกด้านของห้องครัวจะมีประตูกระจกอีกทางสำหรับออกไปยังระเบียง ซึ่งระเบียงของห้องนี้จะแคบและมีลักษณะอยู่ในแนวลึก ลักษณะของห้องนี้จึงเสียเปรียบเรื่องวิว เพราะ Lay out ห้องไม่ได้ออกแบบมาให้เปิดรับวิวเท่าไร หันกลับอีกด้านของห้องเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งมีห้องน้ำอยู่ในตัว พื้นที่ใช้สอยภายในก็ค่อนข้างลงตัว ถึงจะไม่ได้กว้างมากแต่ก็กำลังพอใช้งานได้ครับ ห้องทั้งหมดของโครงการขายกันมาแบบ Fully Furnished นะครับ มีทั้งชุดครับ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามชุดมาตรฐาน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ Built in บางชิ้น ซึ่งแนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่โครงการให้ดีนะครับว่ามีชิ้นไหน และสเปคเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่ดูจากห้องตัวอย่างก็ได้รับแจ้งว่าในห้องจริงอาจจะมีของแถม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับเรื่องของความคุ้มค่าน่าลงทุนของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ซึ่งดูแล้วน่าจะได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าพอสมควร ด้วยระยะห่างเพียง 400 เมตร จึงทำให้การเดินเท้าต่อไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ไม่ยาก รวมถึงเรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่คึกคักดีทีเดียว เพราะใกล้ทั้งแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ หลายแห่ง แถมยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสดอยู่ใกล้ๆ ด้วย ทำเลย่านนี้จึงอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเลย สำหรับการซื้อหาเพื่ออยู่อาศัย ที่ตั้งโครงการค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของความเงียบสงบ เหมาะกับการพักอาศัย ส่วนการลงทุนเพื่อหวังปล่อยห้องให้เช่า อาจจะมีโอกาสน้อยหน่อย เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงไม่ค่อยมีบริษัทใหญ่ๆ รวมทั้งไม่ได้อยู่ใกล้ย่านธุรกิจเท่าที่ควร กลุ่มคนเช่าส่วนหนึ่งอาจจะต้องเป็นกลุ่มคนที่ทำงานในเมือง ซึ่งอาจจะต้องการที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่จะว่าไปแล้ว คอนโด หรือห้องเช่าที่อยู่เกาะแนวรถไฟฟ้าก็มีตัวเลือกไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้มีตัวเปรียบเทียบในตลาดค่อนข้างมาก การลงทุนเรื่องปล่อยห้องเช่าจึงห้องศึกษาข้อมูล และทำการบ้านกันให้ดีๆ ครับ จะได้ไม่เจ็บตัว อ้อ! ข้อด้อยอีกเรื่องของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือ เรื่องของ Developer ที่เป็นรายย่อยในวงการ เรื่องการบริหารงานนิติบุคคลในช่วงแรกๆ รวมถึงคุณภาพงานก่อสร้างอาจจะต้องลุ้นกันหน่อย ยังดีที่ปัจจุบันตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมโอนเข้าอยู่เต็มทีแล้ว เรื่องเจ้าของโครงการทิ้งงานจึงหมดห่วงไปได้เปราะหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องการรอตรวจรับงานของเจ้าของห้องเท่านั้นครับ ส่วนใครที่สนใจอยากได้เป็นเจ้าของซักห้อง ทางโครงการก็ยังพอมีห้องเหลืออยู่บ้าง ลองแวะเข้าไปดูห้องที่โครงการจริงกันก่อนได้ เผื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจครับ
Ideo Mobi Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi Sukhumvit : รีวิวคอนโด

โครงการ: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 6,900,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 150,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโด High Rise จากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ติดถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ ที่ตั้ง: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 3-0-86.5 ไร่ ที่ตั้ง ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.704313,100.601762 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS อ่อนนุช สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS อ่อนนุช เทสโก้ โลตัส อ่อนนุช บิ๊กซี ตลาดบางจาก Gateway เอกมัย Major เอกมัย J-Avenue K-Village The Emporium Emquartier Emsphere มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท โรงเรียนนานาชาติเอกมัย โรงพยาบาลสุขุมวิท โรงพยาบาลสมิติเวช ลักษณะโครงการ: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio 1 Bedroom 2 Bedrooms ขนาดห้องที่มี Studio ขนาด 21 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 42-60 ตารางเมตร จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น อาคาร A 23 ชั้น, อาคาร B 25 ชั้น จำนวนห้อง อาคาร A 446 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต, อาคาร B 489 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต ส่วนกลาง: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 187 คันคิดเป็น 38% รวมจอดซ้อนคันเป็น 45% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 45 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำขนาด 7 x 20 เมตรระบบเกลือ แบ่งสระเด็กลึก 0.6 ม.และสระผู้ใหญ่ลึก 1.5 ม. ห้องออกกำลังกาย ที่ชั้น 5 สวนหย่อมรอบโครงการ และชั้น 4 Games Room พร้อมโต๊ะพูลและโต๊ะโกล์ Living Room พร้อม Pantry ครัวครบชุด สามารถจัด Private Party ได้ ห้องสมุดที่ชั้น 5 ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสาร 233.75 ห้อง/ลิฟท์ 1 ตัว Service Lift 1 ตัว ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันทั้งโครงการคิดเป็น 45% ระบบ CCTV / Access Card / Proxy Lift   เพิ่มเติม: Ideo Mobi Sukhumvit (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.ananda.co.th/condo/ideomobi/sukhumvit/index.php ข้อมูล ณ วันที่
Wish Signature Midtown Siam : รีวิวคอนโด

Wish Signature Midtown Siam : รีวิวคอนโด

โครงการ: Wish Signature Midtown Siam (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 3,400,000 บาท บาท/ตารางเมตร เฉลี่ย 125,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท สยามนุวัตร จำกัด จุดเด่น จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ต.ค. 2560 ที่ตั้ง: Wish Signature Midtown Siam (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 2 – 3 – 60 ไร่ ที่ตั้ง ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ระหว่างซอย 18-20 กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.752026,100.534687 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS สถานีราชเทวี สถานที่สำคัญใกล้เคียง สยามพารากอน สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ สยามสแควร์ มาบุญครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตรียมอุดม โรงพยาบาลพญาไท เซ็นทรัลเวิลด์ พันธุ์ทิพย์ ลักษณะโครงการ: Wish Signature Midtown Siam (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms 3 Bedrooms+ ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 27 – 37 ตารางเมตร 2 Bedrooms 41 – 68 ตารางเมตร 3 Bedrooms+ 92 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 45 ชั้น จำนวนห้อง 623 ยูนิต ส่วนกลาง: Wish Signature Midtown Siam (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 324 คันคิดเป็น 52% มีชั้นจอดรถใต้ดิน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 65 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 600 บาท สาธารณูปโภค Lobby Coffee Shop + Minimart สระว่ายน้ำ 2 สระ เป็นสระเด็กที่ชั้น 5+จากุชชี่ และสระ Infinite Edge pool ระบบเกลือ ยาว 43 เมตร ชั้น 37 ห้องสมุด โฮมเธียเตอร์ ซาวน่า ห้องออกกำลังกาย ชั้น 37 Sky Lounge ชั้น 37 ที่นั่งเล่นชมวิว เล่นระดับที่ชั้น 37 วิวทิศใต้ ลิฟท์โดยสารส่วนกลาง 2 ตัว ใช้ชั้น B3 – 15 ลิฟท์ Service (ลิฟท์ดับเพลิง) 1 ตัว Private Lift 7 ตัว ใช้ชั้น B3-44 ที่จอดรถในช่องจอด 324 คัน คิดเป็น 52% ระบบ CCTV / Access Card   เพิ่มเติม: Wish Signature Midtown Siam (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-257-0499 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.siamnuwat.com/wishsignature/?gclid=CMeqn968g78CFVgPjgod5XIAhw ข้อมูล ณ วันที่
The Privacy ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

The Privacy ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

The Privacy ติวานนท์ ตั้งอยู่ในซอยติวานนท์ 50 อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าในอนาคต และมีการคาดการณ์ว่าตัวโครงการจะมีระยะห่างจากตัวสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ 300 เมตร และด้วยที่เส้นทางนี้อยู่ในแนวรถไฟฟ้าความเจริญจึงเริ่มขยายตัวมาถึง ทำเลแถบนี้จึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้ย่านชุมชนเดิม ซึ่งมีแหล่งสาธารณูปโภคต่างๆ เพียบพร้อมอยู่แล้ว   การเดินทาง   ปัจจุบันการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมายังโครงการถือว่าสะดวกดีทีเดียว เพราะมีทั้งเส้นทางหลักอย่างถนนติวานนท์ ถนนสามัคคี รวมถึงถนนเส้นอื่นๆ ที่ใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงได้ทั้งทางแยกแครายออกถนนงามวงศ์วานซึ่งมีด่านขึ้นลงทางด่วนห่างออกไปไม่ไกล รวมถึงถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนสนามบินน้ำ ที่ใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงออกไปทางสะพานพระนั่งเกล้าได้อีกทาง แต่ปัญหารถติดก็ยังคงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ถนนไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งอยู่ใกล้ๆ กำลังก่อสร้าง รถที่เลี่ยงมาใช้ถนนติวานนท์ก็เยอะ พอรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้ใช้แล้ว ก็ใช่ว่าจะปัญหารถติดจะหมดไปนะครับ เพราะหลังจากปี 57 ซึ่งตัวโครงการพร้อมเข้าอยู่แล้ว รถไฟฟ้าสายสีชมพูบนเส้นติวานนท์ก็จะเริ่มทำการก่อสร้างกันต่อ ปัญหาการจราจรจึงติดยาวกันไปอีกหลายปี   เริ่มต้นมาจากทางด่วน ลงแจ้งวัฒนะเลยครับ วิ่งไปทางปากเกร็ดนะครับ วิ่งเลนในนะ อย่าขึ้นสะพาน ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้แต่จะโดนกล้องถ่ายเอาได้ครับ ผ่านทางเข้า เมืองทองธานีไปครับ ผ่านโรงพยาบาล World Medical Center ผ่านตึกจัสมิน เมื่อเลยตึกจัสมินมาก็จะเห็นสะพานลอย ให้ชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด เข้าถนนเลี่ยงเมือง ก็วิ่งตรงยาวเลยครับ พอมาถึงสามแยกให้เลี้ยวขวา ทางซ้ายจะไปซอยสามัคคี เจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายอีกทีครับ ให้ชิดซ้ายเพื่อเข้าซอยติวานนท์ 50 เลี้ยวเข้าซอยมาแล้วก็ตรงเข้าไปเรื่อยๆเลยครับ ถึงแล้วโครงการ The Privacy ติวานนท์ ยังไม่มีอะไรขึ้นเลยครับ ส่วนการเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะ บริเวณปากซอยติวานนท์ 50 ก็มีทั้งรถแท็กซี่ รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ การเดินทางไปไหนมาไหนจึงไม่ลำบากนัก แค่ต้องเผื่อเวลากันให้ดีๆ หน่อย ส่วนหลังจากที่โครงการรถไฟฟ้าพร้อมเปิดใช้บริการแล้วการเดินทางคงสะดวกขึ้นมาก ในระยะแรกๆ คงได้พึ่งพารถไฟฟ้าสายสีม่วงกันไปก่อนสำหรับการเดินทางเข้าเมือง พอรถไฟฟ้าสายสีชมพูแล้วเสร็จก็น่าจะสะดวกยิ่งขึ้นไปอีก ถึงจะต้องเปลี่ยนสายกันหลายต่อหน่อย แต่ก็ยังพอจะกะเวลาเดินทางที่แน่นอนได้   วิเคราะห์ตัวโครงการ   ทำเลที่ตั้งโครงการ The Privacy ติวานนท์ อยู่ในย่านชุมชนเดิมบรรยากาศจึงค่อนข้างพลุกพล่านอยู่พอสมควร แต่ด้วยความที่ตัวโครงการไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ และอยู่ห่างจากปากซอยติวานนท์ 50 เข้ามาอีกประมาณ 100 เมตร บรรยากาศรอบโครงการจึงค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยขึ้นเยอะ ยิ่งบ้านเรือนในซอยนี้ก็เป็นบ้านเดี่ยวเตี้ยๆ ไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้ๆ จึงไม่ห่วงเรื่องเสียงรบกวนเลย ถึงจะบอกว่าตัวโครงการอยู่ในย่านชุมชนที่มีบรรยากาศคึกคัก แต่เรื่องอาหารการกิน ร้านค้า ร้านอาหารที่พอจะฝากท้องได้ก็ไม่มีอยู่ในระยะที่เดินสบายๆ เลย บริเวณปากซอยส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านจำพวกฮาร์ตแวร์ อุปกรณ์ก่อสร้าง จานดาวเทียม แบตเตอรี่รถยนต์ ฯลฯ แต่ถ้าขับรถขยับออกไปหน่อยก็จะมีทั้ง ห้างโลตัส ติวานนท์ โลตัสรัตนาธิเบศร์ The Mall งามวงศ์วาน Big C Extra แจ้งวัฒนะ รวมถึง Central แจ้งวัฒนะ และ Central รัตนาธิเบศร์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในรัศมีที่สามารถเดินทางได้ในระยะเวลา 10-15 นาที (ถ้ารถไม่ติด) นอกจากนี้แล้วบริเวณรอบๆ ยังมีสถานที่ราชการใหญ่ๆ โรงพยาบาล อีกหลายแห่ง ถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยเส้นทางอยู่บ้าง หรือทำงานในแถบนี้ คงจะเคยชินกับสภาพแวดล้อมได้ไม่ยาก สำหรับตัวโครงการ The Privacy ติวานนท์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น มีจุดเด่นที่ตัวโครงการมีขนาดค่อนข้างเล็กและมีจำนวนยูนิตค่อนข้างน้อย รวมทั้ง 2 อาคารแล้วก็มีจำนวนแค่ 156 ยูนิต (อาคารละ 78 ยูนิต) ดังนั้นจึงได้เรื่องความเป็นส่วนตัวมากกว่าโครงการใหญ่ๆ แน่นอน ตัวอาคารไม่ได้มีลูกเล่นในการออกแบบเป็นพิเศษ แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ชูเรื่องเพดานห้องที่สูง 2.6 เมตรและเรื่องช่องลมที่ช่วยระบายอากาศ ทำให้อากาศภายในอาคารไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ภาพรวมของตัวโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร ถึงจะอยู่บนพื้นที่เดียวกันแต่ก็แยกออกจากกันเป็น 2 โครงการ คือ โครงการ A ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าโครงการเป็นอาคารทรงตรงๆ แบบปกติ ส่วนโครงการB จะเป็นอาคารรูปตัว L อยู่ทางด้านใน โดยทั้ง 2 อาคารจะใช้ทางเข้าออกแยกกันอย่างชัดเจน รวมถึงการบริหารงานก็ใช้นิติบุคคลดูแลแยกกันนะครับ เว้นแต่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส สวนหย่อม และล็อบบี้ที่ยังใช้ร่วมกัน ที่จอดรถจะมีเฉพาะบริเวณใต้อาคารนับรวมจอดซ้อนคันแล้วสามารถจอดได้ทั้งหมด 62 คันเท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมาก ถ้าคิดว่าตัวโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ยังต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวพอสมควร ส่วนเรื่องลิฟท์โดยสารนั้น แต่ละอาคารมีลิฟท์ให้ 1 ตัว อัตราส่วนที่ 1:78 ห้องถือว่าไม่หนาแน่นมากแต่ลิฟท์ห้ามเสียเด็ดขาด ไม่งั้นได้เดินขึ้นบันไดกันสนุกแน่ Plan ของอาคาร A Plan ของอาคาร B ภาพตัวโมเดลของโครงการ The Privacy ติวานนท์ ครับ อีกมุมนึงของโมเดลโครงการ The Privacy ติวานนท์   พาชมห้องตัวอย่าง   สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ The Privacy ติวานนท์ เรามีโอกาสได้เข้าไปชมห้องที่โครงการ The Privacy งามวงศ์วานแทน เนื่องจากสำนักงานขายได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่งามวงศ์วาน ซึ่ง 2 โครงการนี้มีความใกล้เคียงกันทั้งตัวแปลนและ Lay out ห้อง แบบห้องที่มีมากที่สุดก็คือห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33 ตร.ม. ซึ่งถ้าใครที่เคยมีโอกาสได้ชมห้องตัวอย่างในเครือ The Privacy มาบ้าง ก็คงจะเห็นถึงความใกล้เคียงกันกับโครงการอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่ห้องที่นี่จะขายให้แบบ Fully Furnished เลย เปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องครัวก่อนเลย ซึ่งเป็นครัวเล็กๆ ขนาดกำลังเหมาะกับการเตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากเป็นครัวแบบเปิด แน่นอนว่าเคาน์เตอร์ครัว พร้อมซิงค์ล้างจานก็ Built-in มาให้แล้ว ส่วนด้านตรงข้ามกับ Pantry ครัวจะเป็นห้องน้ำ ที่สามารถเปิดประตู้เข้าห้องน้ำได้ทั้งจากทางห้องครัวและห้องนอนครับ ถัดจากบริเวณครัวเข้ามาก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียง โดยระยะระหว่างโซฟากับผนังนั้นไม่ได้กว้างมากนัก ดังนั้นแนะนำให้แขวนทีวีติดผนังจะดีกว่ามาก นอกจากจะประหยัดพื้นที่แล้วยังช่วยเพิ่มระยะการดูทีวีได้ด้วยครับ ติดกันกับพื้นที่นั่งเล่นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนออกไปยังระเบียง ซึ่งมีพื้นที่ให้ใช้งานได้เต็มที่ เพราะทางโครงการเลือกที่จะแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน เราจึงได้พื้นที่ใช้สอยบริเวณระเบียงไปเต็มๆ ธรณีประตูระเบียงก็ก่อมาให้สูงมาก ได้ข้อดีเรื่องไม่ต้องห่วงว่าน้ำจากระเบียงจะท่วมเข้าห้องครับ ถัดเข้ามาดูที่ห้องนอนกันบ้างครับ พื้นที่ห้องนอนไม่ได้กว้างมากนัก วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตเข้าไปก็เกือบจะไม่เหลือพื้นที่ปลายเตียงแล้ว แต่กลับกันพื้นที่ห้องที่มีลักษณะลึกเป็นแนวยาวมากกว่า บริเวณหน้าห้องน้ำจึงมีพื้นที่มากพอที่จะวางตู้เสื้อผ้าใหญ่ได้ 2 ตู้ เลยทำให้เหมือนได้พื้นที่แต่งตัวแบบ walk in closet เพิ่มขึ้นมา ส่วนในห้องน้ำก็จัดพื้นที่แยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้เรียบร้อย มี Shower Box ติดตั้งมาให้พร้อมชุดสุขภัณฑ์มาตรฐาน แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้นะครับ อันนี้ต้องไปติดเพิ่มกันเอง อ้อ! อีกอย่างที่ติดตั้งมาให้พร้อมห้องเลยก็คือ Digital Door Lock ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบ Key Card และกดรหัสเข้าห้อง   Plan ห้องขนาด 28.00 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเห็นส่วนครัวอยู่ทางซ้าย มุมครัวจะมีโต๊ะทานข้าวอยู่ติดกับส่วนครัว ซิ้งค์ล้างจานก็ใช้เป็นแบบมาตรฐาน ถัดจากส่วนครัว ก็จะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ถัดไปก็จะเป็นส่วนของระเบียง จากห้องนั่งเล่นมองออกไปทางประตู มาที่ห้องนอน ในห้องนอนก็จะมีหน้าต่างบานใหญ่ไว้รับแดดอีกด้วย ส่วนของโต๊ะเครื่องแป้ง มองจากด้านในมองออกมาก็จะเห็นว่าส่วนของโต๊ะเครื่องแป้งนั้นจะอยู่อีกมุมนึง ตู้เสื้อผ้านก็จะอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ เข้ามาในห้องน้ำกันครับ มีกระจกกั้นส่วนแห้งและส่วนเปียกชัดเจนครับ ฝักบัวที่โครงการให้มาครับ ชักโครกใช้ของ MOGEN อ่างล้างหน้าใช้แบบมาตรฐาน สวิทส์ไฟก็ใช้แบบธรรมดา Plan ห้องขนาด 33.00 ตร.ม. Plan ห้องขนาด 50.00 ตร.ม. ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดอยู่อาศัยในย่านติวานนท์-แจ้งวัฒนะ โครงการ The Privacy น่าจะเหมาะกับความต้องการ เพราะทั้งทำเลที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็ใกล้แหล่งชุมชน อีกทั้งยังได้พึ่งพาใช้งานรถไฟฟ้าสายสีชมพูด้วยในอนาคต การเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้าจึงสะดวกขึ้นมากเลยทีเดียว ส่วนคนที่ใช้รถส่วนตัวอยู่แล้วการเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลย นอกจากเรื่องการจราจรติดขัดจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก นอกจากนี้สาธารณูปโภคต่างๆ ก็อยู่แวดล้อมในระยะที่เดินทางถึงได้ไม่ยาก ถึงจะไม่ค่อยมีร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารให้พึ่งพาในระแวกใกล้ๆ แต่ห้างสรรพสินค้าก็มีหลายแห่งให้เลือกไปจับจ่ายใช้สอยได้ เช่นเดียวกันกับ Facilities ส่วนกลางที่มีมาให้ครบถ้วน แต่ก็เป็นแบบแค่พอใช้งานเท่านั้น ถ้าใครไม่ได้ซีเรียสเรื่องส่วนกลางมากก็จัดว่าอยู่ในระดับที่รับได้ครับ ส่วนซื้อหาห้องไว้เพื่อการลงทุน จัดว่าทำเลในย่านนี้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการรถไฟฟ้าทั้งสายสีม่วงที่ใกล้จะเปิดให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะเริ่มสร้างในอนาคตอันใกล้นี้ จึงทำให้ความเจริญด้านต่างๆ ขยายตัวเข้ามามากขึ้น อีกทั้งในระแวกใกล้ๆ ก็มีศูนย์ราชการนนทบุรี และสถานที่ราชการอีกหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลเฉพาะทาง และโรงงานด้วย การปล่อยห้องให้เช่าจึงเป็นเรื่องที่น่าจะทำได้ไม่ยาก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่จะเป็นผู้เช่าซึ่งทำงานอยู่ระแวกนี้มีจำนวนมากพอสมควร รวมถึงการปล่อยขายห้องให้ผู้ที่สนใจและอยากได้ที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานก็มีโอกาสทำกำไรได้เช่นกัน
THAN Living สาทร – เจริญราษฎร์ : รีวิวคอนโด

THAN Living สาทร – เจริญราษฎร์ : รีวิวคอนโด

หลังจากที่ดูคอนโดแนวรถไฟฟ้าในแถบชานเมืองกันมาหลายโครงการแล้ว คราวนี้ขอพามาดูโครงการในเขตเมืองกันบ้างนะครับ โครงการ Than  Living สาทร-เจริญราษฏร์ คอนโด High Rise สูง 36 ชั้น ริมถนนเจริญราษฏร์ ซึ่งถือว่าอยู่ใกล้ใจกลางเมืองหรือถนนสาทรแค่เอื้อม   การเดินทาง โครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ ตั้งอยู่บนถนนเจริญราษฎร์ช่วงระหว่างถนนจันทน์ไปยังถนนพระราม 3 ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางที่ไกลอยู่พอสมควร ถ้าเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS พอลงจากสถานีแล้วต้องอาศัยต่อรถแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อมายังโครงการแบบไม่ค่อยมีทางเลือก เพราะการเดินเท้าคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ด้วยระยะทาง 2 กิโลเมตร บนเส้นทางถนนเจริญราษฎร์ที่เป็นถนนตัดใหม่และมีบ้านเรือนหรือร้านค้าอยู่ประปรายเนื่องจากเป็นถนนใหญ่ที่อยู่ใต้ทางด่วนคงไม่ใช่เส้นทางที่น่าเดินแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินตอนกลางวันแสกๆ หรือตอนค่ำๆ ก็ตาม อีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนก็คือ การเดินทางด้วย BRT ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีเจริญราษฏร์ แต่ก็มีระยะห่างจากโครงการมากถึง 1.7 กิโลเมตร นับว่าไม่ได้ใกล้กว่ากันเลย และก็ยังต้องต่อรถมายังโครงการเหมือนกันอีกด้วย   การเดินทางที่ดูน่าจะสะดวกที่สุดก็คือ การใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะมีจุดขึ้นลงทางด่วนถึง 2 ด่าน อยู่ใกล้ๆ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังส่วนอื่นๆ ได้หลายเส้นทาง ทั้งฝั่งบางนา รามอินทรา ดินแดง หรือแจ้งวัฒนะก็เดินทางได้สะดวกมาก ส่วนเส้นทางราบถนนเจริญราษฎร์ก็เป็นเส้นทางเชื่อมต่อถนนพระราม 3 และถนนสาทรเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังตัดผ่านถนนจันทน์ซึ่งเป็นอีกเส้นทางที่เลี่ยงเข้าเมืองได้ด้วยเช่นกัน ส่วนถ้าจะข้ามไปฝั่งธนบุรีก็ยังมีทางเลือกทั้งสะพานตากสินบนถนนสาทร หรือจะออกถนนพระราม 3 ไปข้ามสะพานกรุงเทพก็ได้อีกเช่นกัน ถ้าใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว เส้นทางเลี่ยงลัดเลาะไปยังถนนต่างๆ มีมากเลยครับ เพราะช่วงเวลาเช้าและเย็นบนถนนสาทรนั้นรถติดหนักอย่างที่รู้ๆ กันดีอยู่แล้ว นอกเหนือจากนี้การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ดูจะไม่มีตัวเลือกมากนักนอกจากบริการรถรับส่งของทางโครงการ ที่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้เพราะทางโครงการยกให้ลูกบ้านและนิติบุคคลเป็นผู้ดูแลกันเองครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้ขอเริ่มจากถนนสาทร บริเวณสถานี BTS สุรศักดิ์ นะครับ เลยจากสถานี BTS มานิดเดียว เราก็จะมาเลี้ยวซ้ายที่แยก สาทร-สรุศักดิ์ เพื่อเข้าถนนเจริญราษฎร์ เลี้ยวซ้ายมาแล้วให้วิ่งตรงยาวไปเลยนะครับ ทางซ้ายจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช ฝั่งขาออกไปทางบางนา-ดาวคะนอง หรือถ้าใครสะดวกเดินทางด้วยทางด่วน ก็มาลงที่ถนนจันทร์ เลยนะครับ ลงทางด่วนมาแล้วจะเจอสี่แยกถนนเจริญราษฎร์ตัดถนนจันทร์ ให้ตรงไปทางถนนพระราม 3 ตามป้านเลยนะครับ ทางขวาจะไปถนนเจริญกรุง ส่วนทางซ้ายจะไปสาธุประดิษฐ์ ตรงจากสี่แยกมาก็จะเป็นถนนเจริญราษฎร์ ทีนี้ก็ตรงยาวเลยนะครับ ระยะทางจากจุดลงทางด่วนถึงตัวโครงการประมาณ 1 กม. ก่อนถึงโครงการจะเห็นโรงแรม Best Western Grand Howard อยู่ฝั่งขวามือ ส่วนตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่นั่นคือโครงการ Supalai Lite ที่อยู่ใกล้ๆ กับ Than Living 1 ใน 3 โครงการที่อยู่ติดกัน โครงการแรก Supalai Lite โครงการต่อมา The Key สาทร-เจริญราษฎร์ จาก Land House อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ตึก ต่อจากโครงการ The Key ก็จะเป็นโครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ แล้วครับ มองจากสำนักงานขายย้อนกลับไปทางฝั่งสาทร จะเห็นโครงการ Supalai Lite กำลังก่อสร้างอยู่ ส่วนโครงการ The Key สาทร ที่อยู่ข้างๆ กันยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง สถานที่ก่อสร้างอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ เพื่อเริ่มก่อสร้างรากฐานอาคาร ตึกแถวข้างๆ โครงการเป็นร้านขายของ และโรงพยาบาลสัตว์ ส่วนการเดินทางจากโครงการไป BRT ก็ตรงไปตามถนนเจริญราษฎร์เลยนะครับ มาถึงตรงนี้จะเป็นสามแยกตัดถนนพระราม 3 เราสามารถเลือกไปได้ทั้ง 2 ทางเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายไปทางคลองเตยจะเป็น BRT สถานีพระราม 9 เลี้ยวขวาไปทางถนนตก มไหสวรรย์ จะเป็นสถานีเจริญราษฎร์ ระยะทางก็พอๆ กันนะครับ แต่ทางสถานีเจริญราษฎร์จะใกล้กว่า ประมาณ 100 เมตร ผมเลือกมาทางสถานีพระราม 9 นะครับ เพราะเลี้ยวซ้ายได้เลย จะได้ไม่ต้องไปติดไฟแดงรอเลี้ยวขวา   วิเคราะห์ตัวโครงการ สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ ต้องบอกว่าอยู่ในย่านชุมชนที่อยู่อาศัยเดิมที่มีมาก่อนจะตัดถนนเจริญราษฏร์ ความเจริญรอบๆ อาจไม่เด่นเท่าถนนนราธิวาสฯ เพราะเป็นถนนเลียบทางด่วน ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในระยะเดินถึงจึงมีให้พึ่งพาไม่มากนัก แต่ถ้าขับรถออกจากโครงการไปหน่อย รับรองว่าวิถีชีวิตแบบคนเมืองมีให้ครบเครื่องเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่แหล่งช๊อปปิ้งอย่าง เซ็นทรัล พระราม 3 โลตัส โฮมโปร โรบินสันบางรัก เอเชียทีค ไปจนถึงเซ็นทรัลสีลม คอมเพล็กซ์ ก็อยู่ไม่ไกลนัก โรงพยาบาลก็มีทั้งของรัฐฯ อย่างโรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ หรือจะเลือกโรงพยาบาลเอกชนก็เช่น โรงพยาบาลเซนหลุยส์ โรงพยาบาลไทยจักษุ ที่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง รวมไปถึงโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน และโรงพยาบาล BNH ที่อยู่แถบสีลมด้วย ส่วนสถานศึกษา โรงเรียนรัฐฯ โรงเรียนเอกชนเล็กใหญ่ไปจนถึงโรงเรียนนานาชาติก็มีอีกเพียบ ไหนจะวัดวาอาราม สุเหร่า โบสถ์ ก็ยังอยู่ในรัศมีที่เดินทางได้สบายๆ และเพราะอยู่ใกล้ย่านชุมชนเดิมบนถนนจันทน์ ร้านค้า ร้านอาหารเจ้าดังๆ เก่าแก่ และตลาดสด ก็มีให้พึ่งพาฝากท้องได้ตั้งแต่เช้ายันดึก ขอแค่ไม่ขี้เกียจขับรถออกมาเท่านั้นแหละ รับรองว่าไม่อดตายแน่นอน ขยับเข้ามาใกล้ๆ ตัวโครงการกันบ้าง ที่ดินติดกันทางด้านซ้ายล้อมรั้วเตรียมขึ้นโครงการ The Key เจริญราษฎร์ ส่วนที่ดินแปลงถัดจาก The Key ไป ที่กำลังก่อสร้างคือ ศุภาลัย ไลท์ สาทร-ถนนจันทน์ ซึ่งทั้งหมดเป็นตึก High Rise ความสูงเทียบเคียงกัน เรื่องวิวของห้องในมุมด้านนี้จึงบังมุมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ ยิ่งไปเลือกซื้อห้องขณะที่ยังไม่มีการก่อสร้างแบบนี้ เรียกว่าต้องอาศัยพลังจิต จินตนาการล้วนๆ ว่าตึกข้างๆ จะขึ้นมามุมไหน ยังดีที่มีส่วนของ Facility บนชั้น 6 ซึ่งวางไว้ด้านเดียวกับ The Key มาช่วยเพิ่มระยะห่างระหว่างตึกเข้าไปได้อีกพอสมควร ส่วนด้านอื่นๆ ของโครงการยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะติดกับย่านชุมชนเดิมในพื้นที่ จึงมีแค่บ้านเดี่ยว หรือตึกแถวสูงไม่เกิน 4-5 ชั้นเท่านั้น เท่าที่เห็นก็ยังไม่น่าจะมีโครงการอื่นๆ ที่เป็นตึกสูงขึ้นในระยะใกล้อีก วิวด้านหลังทางฝั่งทิศตะวันออก และทางทิศใต้จึงยังโอเคอยู่ครับ อ้อ! ลืมบอกไปว่าฝั่งตรงข้ามโครงการมีสถาบันเทิงชื่อ X-zyte และร้านอาหารอีสานแนวจิ้มจุ่ม ถึงจะไม่ได้มีเสียงดังรบกวนในตอนกลางคืน แต่เท่าที่รู้มาหน้าสถานบันเทิงก็มีเรื่องตีกันบ่อยเหมือนกันนะครับ กลับบ้านดึกๆ ก็ระมัดระวังกันหน่อยโดยเฉพาะคุณสาวๆ ที่ต้องกลับบ้านค่ำๆ คนเดียว แบบจำลองโครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ ออกแบบอาคารในสไตล์โมเดิร์น ตัวอาคารฝั่งทิศเหนือจะเห็นว่าตำแหน่งห้องไม่ได้วางไว้ในระนาบเดียวกัน โซนด้านหน้าจะถูกเว้าเข้าไปเล็กน้อย ส่วนนึงก็เพราะเว้นตามพื้นที่ส่วนกลางของชั้น 6 นั่นเอง ที่บริเวณชั้น 6 เป็นแหล่งรวม Facility ต่างๆ ไว้ ทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือ มีสระเด็กให้ด้วย ขนาดของสระมีความยาวประมาณ 20 เมตร จึงเพียงพอที่จะว่ายน้ำออกกำลังกายได้ ใกล้ๆ กันเป็นห้องโยคะ ห้องฟิตเนส ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และห้องสมุด นอกจากนี้ยังมีสวนหย่อมกระจายอยู่ตั้งแต่ชั้นล่าง ชั้น 6 ไปจนถึงสวนบนดาดฟ้า ที่เปิดรับวิวแบบ Panorama ซึ่งสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้เลยทีเดียว ส่วนของห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปจนถึงชั้น 36 การจัดวางแปลนห้องค่อนข้างเน้นความเป็นส่วนตัวโดยที่แต่ละชั้นจะมีจำนวนห้องสูงสุดอยู่ที่ 18 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งยูนิตรวมทั้งหมดของโครงการคือ 528 ยูนิต ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย ความหนาแน่นของลิฟท์โดยสารก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดีเหมือนกัน ด้วยจำนวนลิฟท์โดยสาร 4 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 1:132 ถือว่าแน่นอยู่เหมือนกัน และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับคอนโดที่อยู่ในทำเลที่ต้องอาศัยรถส่วนตัวเป็นหลักแบบนี้ก็คือ เรื่องที่จอดรถ ซึ่งทางโครงการก็ดูเหมือนจะเข้าใจตรงจุดนี้ดีอยู่แล้ว จึงจัดที่จอดรถไว้มากถึง 68% (นับรวมจอดซ้อนคัน) นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ระบบ Key Card ในการเข้าอาคาร และมี CCTV ให้อุ่นใจตามมาตรฐานครับ มาดูตัว Plan อาคารกันบ้างนะครับ ชั้น G จะเป็นส่วนของ Lobby ร้านค้า และที่จอดรถตั้งแต่ชั้น G - ชั้น 5 ด้านหน้าทางเข้าโครงการ และที่จอดรถขึ้นไปถึงชั้น 5 แบบจำลองทางเข้าโครงการ หน้าตาของ Lobby ต่อที่ชั้น 6 จะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และห้องสมุด ส่วนพักอาศัยก็จะเริ่มต้นที่ชั้นนี้นะครับ หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 6 แบบจำลองสระว่ายน้ำ Sky Fitness Private Library ชั้น 7 - 34 จะเป็นส่วนของที่พักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 18 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 35 ยูนิตจะลดลงเหลือ 15 ยูนิต มีห้อง Penthouse ขนาด 265 และ 284 ตารางเมตร อยู่ที่ชั้นนี้นะครับ มุมมองจากชั้นสูงๆ ของโครงการ ชั้นสุดท้ายที่ชั้น 36 จะมีเพียง 4 ยูนิตเป็นห้องแบบ Executive ทั้ง 4 ยูนิต Roof Top Garden จุดชมวิวแบบ Panorama บนชั้นดาดฟ้าของโครงการ พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเตรียมไว้นั้นมีด้วยกัน 3 แบบ เราเริ่มต้นกันด้วยห้อง Type A แบบ 1 ห้องนอนในขนาดพื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. ตัวห้องวาง Lay out มาเป็นแนวลึก ของที่แถมมาให้พร้อมกับห้องก็เป็นไปตามมาตรฐานทั่วๆ ไปครับ ชุดเครื่องครัว และสุขภัณฑ์ต่างๆ ในห้องน้ำตามที่เห็นในห้องตัวอย่าง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ต้องหามาตกแต่งกันเอง ถ้าไม่ได้มีข้าวของเครื่องใช้มากมาย ห้องขนาดนี้ก็กำลังพออยู่เลย เว้นเสียแต่สมบัติบ้าจะเยอะ งานนี้อาจจัดสรรหาที่เก็บของกันยากหน่อย โชคดีที่ทางโครงการออกแบบให้ฝ้าเพดานของห้องสูงถึง 2.7 เมตร บรรยากาศโดยรวมภายในห้องจึงไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ ถึงแม้แบบห้องจะเป็นห้องหน้าแคบก็ตาม เรื่องสเปควัสดุแนะนำว่าให้สอบถามและตรวจสอบกับทางโครงการให้ดูนะครับ ว่าชิ้นไหนแถมมาให้พร้อมห้อง หน้าตา สีสันเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่คุยๆ มาดูเหมือนห้องจริงจะไม่เป็นไปตามแบบห้องตัวอย่างหลายจุดเหมือนกัน Room Type A1 ขนาด 29 ตารางเมตร plan ห้อง ประตูจะเป็นแบบ Digital Door Lock เปิดเข้าห้องมาจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟากำลังดี ชุดสวิตช์และปลั๊กไฟใช้ของ Sierra ทั้งหมด พื้นที่ข้างโซฟาทั้ง 2 ข้าง มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะข้างได้ครับ ชั้นวางทีวีเตี้ยๆ อยู่ในระยะสายตาพอดี ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน ซึ่งถูกกั้นพื้นที่ไว้ด้วยผนังครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ วางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังพอดีครับ เหลือพื้นที่รอบเตียงนิดหน่อย ด้านที่ติดกับหน้าต่าง ด้านปลายเตียงเหลือพื้นที่พอให้เดินได้ ถ้าจะติดทีวีไว้ในห้องนอน คงต้องแขวนอย่างเดียวเลยครับ อีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า มุมมองจากห้องนอนออกมาที่ส่วน Living Area อีกด้านของห้องจัดเป็นโซนห้องครัวและห้องน้ำ เดี๋ยวเราเลี้ยวซ้ายไปดูห้องครัวกับก่อนนะครับ เคาน์เตอร์ครัวแนวยาวไปถึงระเบียง ซิงค์ล้างจานแบบฝัง และเตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควัน มีระเบียงเล็กๆ อยู่ติดกับห้องครัว ประตูออกไปยังระเบียงเป็นบานพับเล็กๆ จากที่เห็นพื้นที่ระเบียงนั้นแคบมากจนแทบจะไม่เหลือที่ให้ยืนเลย เมื่อวางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์ลงไปแล้ว ดังนั้นเรื่องพื้นที่ตากผ้าจึงต้องทำใจกันได้เลย เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่งกันต่อนะครับ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ แยกส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ด้วยประตูกระจกแทมเปอร์ ด้านล่างอ่างล้างมือไม่มีตู้ให้นะครับ เป็นพื้นที่โล่งๆ ข้างโถสุขภัณฑ์จะมีที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้ด้วย ชุดฝักบัวจะใช้ของ Sierra ต่อมาเป็น Type C แบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่พื้นที่ใช้สอยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ตร.ม. Type นี้จะย้ายส่วนครัว กับห้องน้ำมาไว้ที่หน้าห้อง เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L เชื่อมต่อกับโต๊ะทานอาหาร และส่วน Living Area ที่ติดกับระเบียง แต่ระเบียงจะไม่เล็กเหมือน Type A แล้วนะครับ วางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แล้วยังไม่ที่เหลือให้ทำอย่างอื่นได้อีก ส่วนห้องนอนขนาดกำลังพอดี วางเตียงแล้วด้านที่ติดกับหน้าต่างมีที่เหลือให้วางโต๊ะทำงานหรือจะเป็น Daybed เอาไว้นอนอ่านหนังสือริมหน้าต่างก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ Type C1 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 41 ตารางเมตร Plan ห้อง เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนครัวก่อนนะครับ ครัวแบบเปิดรูปตัว L แยกซิงค์ล้างจานกับเตาไฟฟ้าไว้คนละฝั่ง ซิงค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัวยี่ห้อ Teka มาพร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน โต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน อยู่ติดกับส่วนครัว ถัดไปด้านในเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวี จากมุมมองออกไปหน้าห้อง เราออกมาดูที่ระเบียงกันต่อนะครับ ห้องนี้ระเบียงจะดูกว้างขวางกว่า Type A เพราะจะแยกคอมเพรสเซอร์แอร์ กับจุดที่วางเครื่องซักผ้าออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ด้านซ้ายจะเป็นจุดที่วางเครื่องซักผ้า คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านขวามือ หันหน้าออกนอกระเบียง กลับเข้ามาดูในห้องนอนกันต่อนะครับ วางเตียงแล้วพื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งมีพื้นที่เหลือเยอะเลยครับ ด้านที่ติดกับหน้าต่าง โครงการ Built-in โต๊ะทำงานให้ดูเป็นไอเดีย ส่วนปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้เท่านั้น ทีวีในห้องนอนต้องใช้แบบแขวน อีกด้านของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ถัดไปก็จะเป็นห้องน้ำ ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ด้านนะครับ จากทางห้องนอนและห้องครัว การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Type A อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ส่วนเปียกจะกั้นด้วยกระจกแทมเปอร์ ขอบปูนกันส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ชุดฝักบัว สุดท้ายเป็นห้อง Type F แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ บนพื้นที่ใช้สอยขนาด 70 ตร.ม.  บรรยากาศภายในห้องดูโอ่งโถง โปร่งสบายตา พร้อมเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L ที่ทำให้พื้นที่ในการทำครัวกว้างขึ้น ครัวเป็นแบบเปิดนะครับ เชื่อมต่อกับส่วนของพื้นที่นั่งเล่นพอดี อีกจุดเด่นหนึ่งของห้องนี้ก็คือ ระเบียงที่กว้างขวางสามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่า ขยับเข้ามาที่โซนห้องนอน เริ่มจากห้องนอนเล็ก ที่ขนาดกำลังพอใช้งาน วางตู้เสื้อผ้าและเตียงเข้าไปแล้วยังพอเหลือที่ว่างอยู่บ้าง บรรยากาศภายในห้องจึงไม่อึดอัดจนเกินไป ต่างจากห้องนอนใหญ่ที่พื้นที่ค่อนข้างกว้างมากพอที่จะวางโต๊ะทำงานตัวยาว หรือ Daybed ไว้ที่ริมหน้าต่างได้อีกตัว ส่วนห้องน้ำทั้ง 2 ห้องก็จัดพื้นที่ได้กว้างพร้อมฉากกั้นอาบน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งเรียบร้อย โดยรวมแล้วบรรยากาศภายในห้อง Type นี้ น่าอยู่เลยทีเดียว Plan ห้อง เข้ามาในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็น Living Area แต่เราจะไปดูทางขวามือที่เป็นส่วนครัวก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือตรงข้ามครัว จะมีตู้เก็บของ เก็บรองเท้า Built-in ให้ดูเป็นไอเดียอยู่ด้วย มาดูที่ครัวกันเลยดีกว่าครับ ครัว Type นี้จะเป็นรูปตัว L เหมือนห้อง Type C แต่จะใหญ่กว่า มีพื้นที่ให้เตรียมอาหาร ทำอาหารได้มากกว่า และมีโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านอยู่กลางครัวเลยครับ ทำอาหารเสร็จก็ไม่ต้องเดินไปเสิร์ฟไกล เตาไฟฟ้าจะเป็นเตา 4 หัว ของ Teka ซิงค์ล้างจานแบบฝัง มุมมองจากส่วน Living Area ออกไปที่ส่วนครัว มาดูที่ Living Area ต่อนะครับ ส่วนนี้กว้างขวางมาก สามารถวางโซฟาแบบ L Shape ได้เลย ระยะห่าวระหว่างโซฟากับทีวี สามารถตั้งทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ ระเบียงที่อยู่ติดกับ Living Area ก็ดูกว้างขวางดีนะครับ วางเครื่องซักผ้าแล้วยังมีที่เหลืออีกเยอะเลย อีกฝั่งจะเป็นคอมเพรสเซอร์แอร์ หันหน้าออกนอกระเบียง มีระแนงเหล็กกั้น ทางเดินต่อไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง จะเจอห้องนอนเล็กก่อนนะครับ แต่ขนาดก็ไม่ได้เล็กเท่าไหร่ วางเตียงแล้วยังพอมีที่เหลือให้วางโคมไฟหรือโต๊ะข้างได้อยู่ ที่ปลายเตียงเหลือให้พอได้เดินได้สะดวก ใช้ทีวีแบบแขวนเหมือนห้องตัวอย่าง จะทำให้ห้องดูโล่งกว่าครับ อีกฝั่งของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ระยะห่างระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้า ว่างพอให้วางของตกแต่งได้อีกหน่อย ข้ามฝั่งจากห้องนอนเล็กมาอีกด้านจะเป็นห้องน้ำ การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกันห้องที่ผ่านมา เดินตรงมาที่ห้องนอนใหญ่ จะอยู่สุดทางเดินเลยครับ ห้องนอนใหญ่นี่ก็ใหญ่สมชื่อครับ วางเตียง 6 ฟุตแล้วยังมีที่เหลือให้จัดได้อีกเพียบ ปลายเตียงวางชั้นวางทีวีได้สบายๆ ข้างเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่าง โครงการวาง Daybed ไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ที่ติดกับ Daybed เป็นโต๊ะทำงาน ข้างเตียงอีกฝั่งมีทีเหลือพอให้วางโคมไฟหรือจะเป็นโต๊ะข้างก็ได้ มองไปมุมนี้จะเห็นตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างเตียง ต่อด้วยห้องน้ำในห้องนอนใหญ่อีกหนึ่งห้อง ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่นี่จะขนาดเท่ากับห้องแรกเลยนะครับ การจัดวางสุขภัณฑ์ก็เหมือนกัน ความคุ้มค่าน่าลงทุน โครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ น่าจะเหมาะกับกลุ่มคนที่ใช้รถส่วนตัว และชอบย่านที่ไม่ค่อยพลุกพล่านในขณะที่อยู่ไม่ห่างจากใจกลางเมืองมากนัก ด้วยศักยภาพของทำเลถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะมีเส้นทางเลี่ยงเข้าออกเมืองได้หลายทาง จะเดินทางไปไหนก็จัดว่าสะดวกมาก ที่สำคัญสาธารณูปโภคต่างๆ ก็แวดล้อมรอบด้านและครบครันมากๆ อีกทั้งราคาห้องเริ่มต้นในระดับไม่เกิน 3 ล้านในทำเลที่ห่างจากถนนสาทรแค่ 2 กิโลเมตร ถือว่าดึงดูดใจสุดๆ ไปเลย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีด้อยอื่นๆ ที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณานะครับ เพราะที่ดินข้างๆ มีคอนโดมิเนียมของ Developer รายใหญ่ในตลาดซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอยู่ถึง 2 โครงการ คือ ศุภาลัย ไลท์ สาทร-เจริญราษฎร์ และ The Key เจริญราษฎร์ ดังนั้นเรื่องศักยภาพความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งจึงไม่ต่างกันเลย แถมโครงการข้างๆ ดันเป็นของเจ้าตลาดระดับมหาชนด้วยแล้ว บริษัท สิราลัย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ Than Living จึงดูเสียเปรียบไปถัดตา เพราะตัวเปรียบเทียบมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ทั้งเรื่องความเชี่ยวชาญในตลาดที่ทำมานานกว่า และจุดขายที่สร้างเสร็จก่อนขายของแบรนด์ The Key การจะตัดสินใจเลือกโครงการไหนจึงต้องทำการบ้านกางใบราคาเปรียบเทียบกันหนักหน่อย ว่าโครงการไหนจะมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่ากัน ทั้งการเกร็งกำไรจากการขายต่อ และการทำกำไรในการปล่อยห้องเช่า
Amber by Eastern Star กรุงเทพ – นนท์ : รีวิวคอนโด

Amber by Eastern Star กรุงเทพ – นนท์ : รีวิวคอนโด

โครงการ: Amber by Eastern Star กรุงเทพ - นนท์ (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 2,490,000 บาท บาท/ตารางเมตร เริ่มต้น 80,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโดมิเนียมหรู ดีไซน์ทันสมัย ย่านวงศ์สว่าง ติด MRT สถานีแยกติวานนท์ ห่างจากบันไดสถานีเพียง 45 เมตร จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ปลายปี 2560 ที่ตั้ง: Amber by Eastern Star กรุงเทพ - นนท์ (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 2-2-47.3 ไร่ ที่ตั้ง ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี อ.เมือง จ.นนทบุรี พิกัดโครงการ 13.840413,100.514796 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีวงศ์สว่างและ สถานีแยกติวานนท์ สถานที่สำคัญใกล้เคียง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ The Mall งามวงศ์วาน Central รัตนาธิเบศร์ Central ลาดพร้าว โรงพยาบาลนนทเวช โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ลักษณะโครงการ: Amber by Eastern Star กรุงเทพ - นนท์ (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 33-57 ตร.ม. 2 Bedroom 55-76 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 37 ชั้น จำนวนห้อง 563 ยูนิต ส่วนกลาง: Amber by Eastern Star กรุงเทพ - นนท์ (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 189 คัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 40 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สวนสาธารณะส่วนตัว สวนลอยฟ้าชั้น 6 และชั้นดาดฟ้า สำนักงานนิติบุคคล Fitness สระว่ายน้ำ Digital Locked Door CCTV ครอบคลุมพื้นที่โครงการ ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง   เพิ่มเติม: Amber by Eastern Star กรุงเทพ - นนท์ (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-968-5225 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.estarpcl.com/2009/th/projects-amber.php ข้อมูล ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2557
Chateau in town รัชดา 10 : รีวิวคอนโด

Chateau in town รัชดา 10 : รีวิวคอนโด

โครงการ: Chateau in town รัชดา 10 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 2,500,000 บาท บาท/ตารางเมตร 80,000 บาท เจ้าของโครงการ พระยาพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ (PPP – ในเครือ CMC) จุดเด่น Metro Concept จินตนาการชีวิตแนวคิดใหม่กับคอนโดอารมณ์รีสอร์ทที่เน้นความเป็นส่วนตัว หรูหรา ทันสมัย ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ คอนโดพร้อมอยู่ ที่ตั้ง: Chateau in town รัชดา 10 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 0-3-14ไร่ ที่ตั้ง ซอยรัชดาภิเษก 10 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพ พิกัดโครงการ 13.771341,100.573857 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัล พระราม9 เอสพลานาด โรบินสัน รัชดา บิ๊กซี ฟอร์จูน มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย ลักษณะโครงการ: Chateau in town รัชดา 10 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 25-41 ตร.ม. 2 Bedroom 47-52 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 79 ยูนิต ส่วนกลาง: Chateau in town รัชดา 10 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 31 คัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) ค่ากองทุน(/ตร.ม) สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ระบบรักษาความปลอดภัย ประตู Key Card   เพิ่มเติม: Chateau in town รัชดา 10 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-168-3323 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.chateauintown.com/ratchada10/ ข้อมูล ณ วันที่
Supalai Veranda รัชวิภา – ประชาชื่น : รีวิวคอนโด

Supalai Veranda รัชวิภา – ประชาชื่น : รีวิวคอนโด

โครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา – ประชาชื่น ตั้งอยู่บนถนนประชาชื่น ใกล้กับซอยประชาชื่น 18 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงและอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ดังนั้นโอกาสที่จะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายนี้จึงไม่ใช่แค่โครงการในฝันอีกต่อไป ตัวโครงการของนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันดีกว่าครับ การเดินทาง เริ่มจากแยกประชานุกูลมุ่งหน้ามาทางเตาปูนเป็นระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ก็จะเห็นตัวโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่นอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งเดิมทีที่ดินตรงนี้เคยเป็นอู่รถเมล์เก่ามาก่อน ชื่อว่า อู่ศรีณรงค์ ถ้าหากใครพอจะคุ้นเคยกับทำเลแถบนี้อยู่บ้างก็คงพอจะนึกภาพออก หรือลองถามคนแถวนั้นดูรับรองว่าชี้บอกตำแหน่งได้หมดแน่นอนครับ  สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักถนนหนทางสะดวกดีทีเดียว ทั้งเส้นทางขึ้นลงทางด่วนบริเวณแยกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ จะเข้าออกเมืองก็สามารถตรงไปเข้าถนนรัชดาภิเษก หรือหันกลับมาอีกทางก็มีถนนพระราม 5 ที่ใช้เป็นเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะก็ทำได้ไม่ยากเช่นกัน เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ จะหาเรียกแท็กซี่ก็ง่าย รอรถเมล์ หรือใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็สะดวกเนื่องจากป้ายรถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่หน้าโครงการเลย ดังนั้นการเดินทางด้วยรถยนต์จึงไม่เรื่องยากเลย จะติดก็แค่ปัญหารถติดมากหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วนของวัน เริ่มเดินทางมากจากแยกพงเพษร วิ่งมาตามทางถนนประชาชื่นเพื่อมุ่งหน้าไปทางประชานุกูล วิ่งมาเรื่อยๆจะเห็นตึกของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อยู่ทางขวา ตึกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อยู่ทางขวาส่วนด้านหน้าจะเป็นแยกประชานุกูล ให้วิ่งตรงผ่านแยกประชานุกูลไปเลยครับ จะผ่านโครงการ ยู ดีไลท์ที่อยู่ทางขวา วิ่งลอดรางรถไฟฟ้า ก็จะเจอโครงการอยู่ทางขวา เลี้ยวเข้าไปเลยครับ สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ในขณะนี้เส้นทางที่สะดวกที่สุดก็คือ การใช้รถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีปลายทางบางซื่อ แล้วต่อรถมาที่ตัวโครงการก็สะดวกดีเหมือนกัน ส่วนในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้ใช้บริการแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สะดวกขึ้นมาก เพราะตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซ่อน ซึ่งอยู่ทางด้านหลังโครงการตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตร รวมถึงสถานีรถไฟบางซ่อน (สายสีแดงอ่อน) ก็อยู่ติดๆ กัน แต่ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตรเท่านั้น ด้วยระยะทางเท่านี้เรียกว่ากำลังเดินได้สบายๆ ไม่ไกลจนเกินไป แต่ถ้าวันไหนรีบๆ ก็สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ได้ครับ วิเคราะห์ตัวโครงการ บริเวณรอบๆ ตัวโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่นถือว่าเพียบพร้อมดีทีเดียว ทั้งเรื่องอาหารการกินที่มีให้เลือกหลากหลายและตั้งอยู่ติดหน้าโครงการทั้งซ้ายขวา เช่นร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว รวมไปถึงร้านกาแฟและร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเราสามารถพึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือถ้าจะขับรถออกมาจากตัวโครงการซักหน่อย บนถนนประชาชื่นช่วงเย็นๆ ก็มีร้านข้าวต้ม ร้านอาหารให้เลือกอีกหลายร้าน แต่ถ้าอยากจะช็อปปิ้ง โลตัส ประชาชื่น น่าจะเป็นตัวเลือกที่ใกล้ที่สุด และก็ยังมีบิ๊กซี วงศ์สว่างที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนแหล่งช็อปปิ้งอื่นๆ ทั้งเซนทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอล เมเจอร์รัชโยธิน สวนจตุจักร และตลาดบองมาเช่ ก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินไป รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล คลินิค โรงเรียน สถานที่ราชการ ก็ถือว่าอยู่ในระแวกใกล้เคียงเช่นกัน สภาพแวดล้อมรอบโครงการถือว่าเปิดโล่งใช้ได้เลย ตึกสูงที่อยู่ใกล้ๆ ที่พอจะมีผลในการบดบังทิศทางแดด ลม และวิว ก็เห็นจะมีแต่ตึกของโครงการ U Delight2 ที่อยู่ทางทิศเหนือเท่านั้น นอกนั้นก็มีแต่บ้านพักอาศัยที่อยู่มาแต่เดิม และอาคารของประชาชื่นคอนโดสูง 5 ชั้นที่อยู่ขนาบข้างทางด้านทิศใต้ แต่ตึกนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ เนื่องจากส่วนของที่พักอาศัยในโครงการศุภาลัย เวอเรนด้าฯ จะเริ่มที่ชั้น 5 ขึ้นไป ห้องที่ถูกบังวิวจึงมีไม่ค่อยมากนัก ด้วยลักษณะของที่ดินที่เป็นแนวยาวลึกเข้าไปด้านใน ทางโครงการจึงออกแบบตัวอาคารให้วางเรียงกันโดยแบ่งเป็น 3 ตึก สูง 29 ชั้น และมีพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อถึงกัน โดยมียูนิตรวมทั้งหมด 1,705 ยูนิต และพื้นที่ร้านค้าด้านล่างอีก 26 ยูนิต จัดได้ว่าหนาแน่นอยู่เหมือนกัน ตัวอาคารของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า ไม่ได้มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากนัก รูปทรงอาคารเป็นแบบทั่วๆ ไปธรรมดา ทางเข้าออกโครงการหลักมีทางเดียวคือฝั่งถนนประชาชื่น ส่วนทางด้านหลังโครงการจะมีประตูเล็กสามารถเดินทะลุออกไปยังซอยกรุงเทพ-นนท์ 30 เพื่อเดินต่อไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ทางนี้รถออกไม่ได้นะครับ เป็นทางคนเดินอย่างเดียว มาดูที่พื้นที่ส่วนกลางกันบ้าง ซึ่งหลักๆ แล้วจะถูกรวมไว้ที่ชั้น 5 เกือบทั้งหมด เช่น สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ยาวถึง 53 เมตร ห้องสมุด ห้องออกกำลังกาย ห้องแอโรบิค ห้องซาวน่า ห้องสันทนาการ ห้องอเนกประสงค์ ห้องประชุม และสวนหย่อมที่จัดไว้ทั้งบริเวณชั้น 5 และบริเวณด้านล่างโครงการ ซึ่งต้องบอกว่าจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะดีทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับขนาดของโครงการแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าแค่พอใช้งานได้ครับ เพราะจำนวนลูกบ้านทั้งหมดมีมากกว่า 3,000 คนแน่นอน ถ้าแห่กันลงมาใช้บริการที่ส่วนกลางพร้อมๆ กัน ยังไงก็ไม่พอรองรับได้หรอกครับ อีกเรื่องที่ไม่น่ามองข้ามสำหรับโครงการใหญ่ๆ คือ ลิฟท์โดยสาร ซึ่งแต่ละตึกจัดไว้เพียง 2 ตัวเท่านั้น รวมแล้วก็แค่ 6 ตัวต่อจำนวนห้องกว่า 1,700 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนที่ 285 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่ต้องขยายความก็คงพอจะนึกภาพออกนะครับว่าต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหน ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการเคลมไว้ว่ามีจำนวน 56% แน่นอนว่านับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้ว ก็นับว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลกับโครงการราคาระดับนี้ พาชมห้องตัวอย่าง ห้องส่วนใหญ่ของโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น จะเป็นแบบสตูดิโอ และห้องแบบ 1 ห้องนอน ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนก็มีให้เลือกบ้างเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องมุมของอาคาร ส่วนตำแหน่งห้องใครจะเลือกชั้นไหน อาคารไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และความสะดวกส่วนตัวครับ แต่ก่อนอื่นไปดูห้องตัวอย่างกันก่อนดีกว่า เริ่มต้นกันด้วยห้องแบบสตูดิโอ ขนาด 31.5-33 ตร.ม. ซึ่งถือว่าจัดพื้นที่มาให้ใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว เปิดประตูเข้าห้องมาก็เจอส่วนของพื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนที่อยู่ติดกันเลย ห้องแบบนี้จะไม่มีการกั้นประตูกระจกแยกส่วนของห้องนอนกับห้องนั่งเล่นให้นะครับ การจัดสรรพื้นที่ก็แล้วแต่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้อง ส่วนพื้นที่ถัดไปด้านในเป็นห้องน้ำและห้องครัว โดยห้องครัวจะเป็นแบบครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้เป็นสัดส่วน และอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งพื้นที่ของห้องครัวนั้นถือว่าใหญ่ใช้ได้เลย คนที่ชอบทำครัวด้วยตัวเองน่าจะถูกใจพื้นที่ส่วนนี้ เพราะถ้าต้องทำครัวหนักๆ ก็สามารถเปิดประตูระเบียงให้ช่วยระบายกลิ่นได้ด้วย ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอน มีขนาดตั้งแต่ 42.5-45 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายในห้องจัดว่ากว้างขวางเลยทีเดียว เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นที่ดูโล่งสบายตาดี การจัดสรรพื้นที่ในห้องทำมาแบบหลวมๆ ด้านหลังชั้นวางทีวีจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันกับห้องครัว แน่นอนว่าพื้นที่ห้องครัวยังคงจัดสรรมาให้กว้างมากพอที่จะทำครัวได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอนนี้ พื้นที่ห้องนอนจะดูเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่อึดอัดเกินไป เพราะประตูห้องเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้แสงสว่างส่องมาถึงห้องนั่งเล่นได้ และช่วยให้บรรยากาศโดยรวมภายในห้องโปร่งมากขึ้นครับ ห้องทั้งหมดขายมาให้แบบ Fully Furnished ซึ่งทางโครงการก็จัดมาให้พอสมควรทั้ง Wallpaper เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ชุดครัวพร้อมตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง ฉากกั้นอาบน้ำ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานราคาห้อง ไม่ได้หรูหรามากมายแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกรดที่ใช้งานได้ ถ้าใครได้มีโอกาสไปชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายของ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ก็จะได้เห็นบรรยากาศห้องแบบคร่าวๆ เท่านั้น เพราะทางโครงการไม่ได้กั้นห้องให้มีผนังทึบตามแบบจริง เรื่องตำแหน่งของประตูเข้าห้องเราอาจจะต้องกะระยะกันคร่าวๆ รวมถึงเรื่องบรรยากาศห้องที่อาจจะทึบมากขึ้นเมื่อมีผนังปูนรอบด้าน ในขณะที่ห้องในสำนักงานขายกั้นเป็นผนังกระจกใส เราจึงอาจจะถูกหลอกตาให้รู้สึกว่าห้องโปร่งโล่งสบายตากว่าในความเป็นจริงก็ได้ โมเดลห้องของขนาด 31.5 ตร.ม. เมื่อเข้ามาในห้องก็จะมาเจอส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องแบบสตูดิโอ ห้องนั่งเล่นจะติดกับห้องนอนโดยไม่มีอะไรมากั้น มุมห้องนั่งเล่นมองเข้าไปยังห้องครัว ส่วนของเตียงนอนก็จะมีมุมทีวีอยู่ปลายเตียง เตียงนอนวางในตำแหน่งที่ใก้ลกับโซฟา จากมุมห้องนอนมองออกมาทางด้านหน้าประตูห้อง ส่วนของห้องน้ำ โครงการก็มีแยกส่วนแห้งส่วนเปียก ส่วนสุขภัณฑ์ก็ใช้แบบมาตรฐาน ห้องครัวจะไม่มีส่วนของเตาจะมีแค่ซิ้งค์ล้างจาน หน้าตาซิ้งค์ล้างจากของโครงการครับ โมเดลของห้องขนาด 44.0 ตร.ม. จากห้องนั่งเล่นจะมกระจกกั้นห้องระหว่างน้องนั่งเล่นกับห้องนอน ห้องนอนจะมีกระจกบานใหญ่อยู่ในห้องด้วย จากห้องนอนมองออกไปจะเห็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องน้ำ มุมทานข้าวอยู่ใกล้กับส่วนของนั่งเล่น มาถึงงห้องน้ำ เมื่อมองจากห้องนอนเข้าไป ห้องน้ำก็จะมีส่วนแห้งส่วนเปียกแยกชัดเจนครับ ออกจากห้องน้ำก็จะตรงกับส่วนครัวเลยครับ ห้องครัวโครงการก็ให้อุปกรณ์มาตรฐาน ประตูห้องครัวตรงกับห้องน้ำพอดี ความคุ้มค่าน่าลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ต้องถือว่าค่อนข้างได้เปรียบเรื่องการเดินทางที่สะดวกสบายไม่ว่าจะใช้รถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งบริการรถสาธารณะก็ตาม ยิ่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้นี้แล้วด้วย ความเจริญ ความสะดวกสบายต่างๆ ก็จะขยายตัวมาแถบนี้มากขึ้น ศักยภาพด้านการเติบโตในอนาคตจึงมีมาก และแน่นอนว่าคอนโดโครงการอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็มีขึ้นมากันเยอะ ทำให้มีตัวเลือกเปรียบเทียบมากตามไปด้วย อีกส่วนที่ควรระวังก็คือจำนวนห้องที่ล้นตลาดของทำเลในแถบนี้ ทำให้การปล่อยขายห้อง หรือการปล่อยห้องเช่าทำได้ยาก ยิ่งในบริเวณรอบๆ ก็ไม่มีแหล่งสำนักงาน หรือศูนย์ราชการใหญ่ๆ ที่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการหาที่พักอาศัย บางทีการหาคนเช่าก็อาจจะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้ามองในแง่ของการซื้อหาไว้สำหรับอยู่อาศัยเอง ตัวโครงการก็จัดว่าอยู่ในทำเลที่ดี เพราะอย่างที่ทราบดีอยู่แล้วว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เป็นสถานี Interchange ด้วย คนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวจึงเดินทางได้สะดวกมาก อีกทั้งบริเวณใกล้ๆ และใต้โครงการเองก็มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ให้เลือกมากมาย เรื่องปากท้องจึงไม่น่าเป็นห่วง จัดว่าอุดมสมบูรณ์ดีด้วยซ้ำไป นอกเหนือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการต่อรองกับเซลล์ว่าจะได้ของแถม หรือส่วนลดอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอีกตัวช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นก็ได้ครับ
The Tree Elegance Tiwanon : รีวิวคอนโด

The Tree Elegance Tiwanon : รีวิวคอนโด

สวัสดีค้าบบบ..รีวิวฉบับนี้ผมจะพาไปดูโครงการ The Tree Elegance Tiwanon คอนโดใหม่จากพฤกษา บนถนนประชาราษฏร์ ที่ตั้งอยู่บนที่ดินเก่าของโรงหนังนครนนท์รามา โรงหนังเก่าแก่ในย่านนี้ ทำเลในย่านนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังจะเปิดให้บริการในปลายปีนี้แล้ว การเดินทาง ด้วยการที่ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ ใกล้กับแยกติวานนท์ มีถนนหลายสายตัดผ่าน ทำให้เรื่องการเดินทางสามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ ทั้งถนนติวานนท์ มาจากทางปากเกร็ด ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี จากทางวงศ์สว่าง-บางซื่อ หรือจะข้ามสะพานพระราม 5 มาลงถนนนครอินทร์ หรือจะเป็นถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี และถนนพิบูลสงครามก็ใช้ได้เหมือนกัน เส้นทางแรก เราใช้ถนนติวานนท์มาจากทางปากเกร็ด ขับตรงตามถนนติวานนท์มาเรื่อยๆ ผ่านแยกแคราย ก่อนจะผ่านสถานี MRT กระทรวงสาธารณสุข มาเลี้ยวขวาที่แยกติวานนท์ เข้าสู่ถนนประชาราษฏร์ จากแยกติวานนท์มาประมาณ 800 เมตร ก็ถึงโครงการแล้วครับ ขอเริ่มจากบริเวณถนนติวานนท์ ก่อนถึงกระทรวงสาธารณสุขเลยนะครับ เราตรงมาตามถนนติวานนท์เรื่อยๆ จนเริ่มจะเห็นรางรถไฟฟ้าอยู่ด้านบนแล้ว ตรงมาอีกหน่อยจะเห็นตัวสถานี MRT กระทรวงสาธารณสุข ด้านซ้ายมือจะเห็นทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข อยู่ติดกับตัวสถานีเลยครับ ต่อไปข้าราชการที่ทำงานในกระทรวงฯ จะเดินทางกันได้สะดวกมากขึ้น เลยจากกระทรวงสาธารณสุขมานิดเดียว จะเห็นสะพานข้ามแยกติวานนท์ ให้ชิดซ้ายไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ มองไปทางขาวมือจะเห็นบิ๊กซี ติวานนท์แอบอยู่ จากนั้นเราก็มาเลี้ยวขวาที่แยกติวานนท์ เลี้ยวขวามาเราก็เข้าสู่ถนนประชาราษฏร์แล้วล่ะครับ เลยแยกมานิดหน่อยจะเห็นทางเข้าบิ๊กซี บรรยากาศบนถนนประชาราษฏร์เป็นถนน 4 เลน แต่ใช้งานจริงๆ ได้แค่ 2 เลน เพราะจะเห็นว่าเลนซ้ายสุดของทั้ง 2 ฝั่งกลายเป็นที่จอดรถไปเรียบร้อย จากแยกติวานนท์มาประมาณ 800 เมตร ก็ถึงตัวโครงการแล้วครับ ตั้งอยู่ด้านขวามือ สังเกตเห็นได้ไม่ยากครับ เส้นทางที่ 2 เราใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาจากทางบางซื่อ วิ่งตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาเรื่อยๆ ผ่านแยกวงศ์สว่าง ผ่านสถานี MRT แยกติวานนท์ จากนั้นตรงผ่านแยกติวานนท์ เข้าถนนประชาราษฏร์ ด้านถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เราเริ่มใกล้ๆ กันเลยนะครับ ที่สถานี MRT แยกติวานนท์ เส้นนี้เดินทางง่ายครับ ตรงอย่างเดียว เลยมาอีกนิดเดียวก็เป็นแยกกติวานนท์ เราตรงผ่านแยกไปก็จะเข้าประชาราษฏร์แล้วครับ อีกหนึ่งเส้นทาง เราใช้ถนนพิบูลสงคราม มาจากถนนนครอินทร์ ข้ามสะพานพระราม 5 ตรงนี้สามารถเลือกไปได้ 2 ทางนะครับ จะตรงไปตามถนนนครอินทร์แล้วค่อยไปเลี้ยวซ้ายที่แยกติวานนท์ก็ได้ หรือจะลงที่ถนนพิบูลสงคราม แล้วค่อยมาเลี้ยวขวาตรงตลาดนนทบุรี เข้าถนนประราษฏร์ก็ได้เหมือนกัน ด้านถนนพิบูลสงครามขอเริ่มจากบริเวณตลาดนนทบุรีเลยนะครับ ตลาดนนทุบรีถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ของกิน ของใช้ เพียบ!! ขับมาเรื่อยๆ เรามาเลี้ยวขวาที่สามแยก เพื่อเข้าถนนประชาราษฏร์ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางท่าน้ำนนทบุรี จากนั้นตรงยาวไปเลยครับ เลยมาอีกจะมีอีกแยกเป็นแยก อ.ต.ก. ตลาดสด ถนนประชาราษฏร์ตัดกับถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี จากสี่แยก อ.ต.ก. ตลาดสด ไปอีกประมาณ 350 เมตร ก็ถึงโครงการอยู่ด้านซ้ายมือแล้วครับ ส่วนใครที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะปลายปีนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงก็จะเปิดให้บริการแล้ว สถานีที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการอีก 2 สถานีให้เลือก คือสถานีแยกติวานนท์ ห่างจากโครงการประมาณ 1.3 กม. และสถานีกระทรวงสาธารณสุข ห่างจากโครงการประมาณ 1.4 กม. แม้จะไม่ใช่ระยะทางที่เดินได้สบายๆ แต่ถนนประชาราษฎร์หน้าโครงการมีรถสาธารณะวิ่งให้บริการเยอะพอสมควร ทั้งวินอมเตอร์ไซค์ รถสองแถว รถเมถ์สายต่างๆ หรือแม้แต่รถสามล้อถีบ ก็ยังมีให้บริการ หรือถ้าใครสะดวกเดินทาง ทางน้ำ นั่งเรือมาลงท่าน้ำนนทบุรี ต่อรถสองแถวอีกนิดเดียว ก็สะดวกไปอีกแบบนะครับ ถือว่าการเดินทางในย่านนี้ค่อยข้างสะดวกดีทีเดียวนะครับ ทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ที่มีถนนให้เลือกหลายสาย และการเดินทางด้วยระบบสาธารณะ ทั้งทางบก และทางน้ำ ยิ่งเมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกให้มากขึ้นไปอีก วิเคราะห์รอบโครงการ โครงการ The Tree Elegance ติวานนท์ ตั้งอยู่ติดถนนประชาราษฎร์ ซึ่งเป็นถนนใหญ่ และอยู่ห่างจากแยกติวานนท์ไม่มากนัก เพราะเดินจากหน้าโครงการออกไปเพียงแค่ 700 เมตร ก็เจอห้าง Big C ติวานนท์แล้ว ที่สำคัญทำเลในย่านนี้ยังเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยที่พักอาศัยที่อยู่กันมานานแล้ว อาคารพาณิชย์ ร้านค้าต่างๆ จึงเรียงรายไปตลอดถนนทั้งสาย เรียกได้ว่าเกือบทุกประเภทกิจการ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านโชห่วย ร้านขายอะไหล่ยนต์ ร้านแบตเตอรี่ ศูนย์รถยนต์ ฯลฯ ยิ่งถ้าเลยไปทางท่าน้ำนนท์ ก็จะยิ่งพบกับความอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นแหล่งจับจ่ายสำคัญของย่านนี้ เพราะมีทั้งตลาดสด ร้านขายข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินนี่มีร้านดังๆ เพียบเลยครับ ได้ข่าวว่าถ้าจะชิมให้ครบคงต้องใช้เวลากันนานเลยทีเดียว แต่ถ้าต้องการที่จะช็อปปิ้งในห้างใหญ่ๆ ก็ต้องออกไปทางงามวงศ์วาน ไม่ก็ทางรัตนาธิเบศร์ ซึ่งก็มีทั้ง The Mall, ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า, Tesco Lotus, เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และ Esplanade รอบๆ โครงการจะเป็นตึกแถวเก่าๆ ส่วนใหญ่จะเปิดเป็นร้านขายแบตเตอรี่ และมีร้านขายอาหารบ้างประปราย อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ จะมีเซเว่น และร้านขายอาหาร เท่าที่เห็นมีธนาคารอยู่ 2 เจ้าบนถนนเส้นนี้ คือธนาคารกรุงเทพ อยู่เลยจากโครงการไปทางท่าน้ำนนท์ และธนาคารไทยพาณิชย์ อยู่ก่อนถึงบิ๊กซี บิ๊กซีอยู่ห่างจากโครงการมาประมาณ 700 เมตร มีรถสองแถว รถเมถ์ หลายสายไว้คอยให้บริการ สำหรับใครที่เคยชินกับการอาศัยอยู่ท่ามกลางชุมชน ทำเลของโครงการ The Tree Elegance ติวานนท์ คงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ เพราะนอกจากเรื่องแหล่งอาหารการกินแล้ว บริเวณใกล้ๆ โครงการก็ยังมีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล วัด หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ทำให้องค์ประกอบสำหรับการอยู่อาศัยครบถ้วนสมบูรณ์ดีทีเดียว การเดินทางก็สะดวก และทำได้หลายทางอย่างที่กล่าวไปแล้วในหัวข้อการเดินทางข้างต้น ทีนี้เรามาดูรอบๆ ที่ตั้งโครงการกันบ้างครับ ที่ดินของโครงการมีลักษณะลึกเข้าไปด้านใน ด้านหน้าขนาบข้างด้วยอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น ซ้ายขวาของที่ดินมีอาคารหอพักอยู่ทางด้านตะวันออก ส่วนด้านที่เหลือเป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 3 ชั้น ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้ผลกระทบเรื่องวิวจากห้องพักเท่าไหร่ เพราะห้องพักอาศัยของ The Tree Elegance เริ่มต้นกันตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไป เลยพ้นระยะเรื่องถูกตึกข้างๆ บังวิวไปเรียบร้อยครับ และในปัจจุบันพื้นที่ใกล้ๆ โครงการก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีคอนโด High Rise หรือตึกอื่นๆ จะขึ้นมาบังวิว การเลือกตำแหน่งห้องพักจึงตัดกังวลไปได้บ้าง ส่วนใครที่เน้นเรื่องวิวสวย ห้องพักทางทิศตะวันตกซึ่งหันไปทางท่าน้ำนนท์ ถ้าเลือกชั้นสูงๆ หน่อยก็จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน ในขณะที่ทางฝั่งตะวันออกจะเป็น City View ครับ เรื่อง Facility ทางโครงการก็จัดมาให้เต็มที่เลยครับ เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 1 ซึ่งนอกจากล็อบบี้ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor แล้ว ก็ยังมีห้องประชุม สวนหย่อม รวมถึงที่จอดจักรยานด้วย ส่วนที่ชั้น 8 ก็จะมีสวนขนาดใหญ่ไว้สำหรับพักผ่อน มุมอ่านหนังสือ สนามเด็กเล่น และลานโยคะ ในขณะที่ชั้นที่ 40-42 จะเป็นศูนย์รวม Facility หลักของโครงการ ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือ แบบ Infinity Edge Pool พร้อมสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่ใช้พื้นที่มากขึ้น 2 ชั้น นอกจากนี้ยังมี Jogging Track, Pool Room และ Sky Lounge ไว้ชมวิวจากมุมสูงได้อีกด้วย และจากข้อมูลที่ได้มาทำให้เราทราบว่า เดิมทีที่ดินของโครงการเคยเป็นโรงหนังมาก่อน ดังนั้นทางโครงการจึงพยายามคงบรรยากาศของความเป็น Entertainment Center ไว้ด้วยการเพิ่มห้องดูหนัง ห้องคาราโอเกะ และพื้นที่จัดปาร์ตี้ไว้ให้ลูกบ้านได้ใช้สอยกันอย่างเต็มที่ครับ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องของที่ระบบรักษาความปลอดภัย ที่เป็นไปตามมาตรฐานทั้ง รปภ. CCTV 24 ชั่วโมง และการเข้าออกอาคารด้วยระบบ Key Card ล็อคชั้น ลิฟท์โดยสารทั้งหมด 5 ตัว และลิฟท์ขนของแยกให้อีก 1 ตัว ในขณะเดียวกันพื้นที่จอดรถก็จัดสรรไว้ให้ตั้งแต่ชั้น 1-7 ซึ่งนับรวมแล้วก็มาถึง 410 คันเลยทีเดียว (ยังไม่รวมจอดซ้อนคัน) ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับโครงการระดับนี้ครับ แบบจำลองโครงการ เป็นอาคารสูง 42 ชั้น Master Plan ของโครงการ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor อีกส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถ ทางเข้า-ออกโครงการ ใช้ทางเดียว บรรยากาศ Lobby ที่ชั้น G ด้านข้างโครงการมี Drop off เล็กๆ ไว้จอดรถรับ-ส่ง ให้บรรยากาศเหมือนโรงหนังเก่า ด้านหน้าโครงการยังคงความเป็นโรงหนังเก่า โดยมีพื้นที่เล็กๆ ทำเป็นห้องดูหนัง และห้องคาราโอเกะ ไว้ให้ความบันเทิงกับลูกบ้าน ที่จอดรถจักรยาน ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 8 เลยนะครับ เพราะชั้น 1-7 จะถูกใช้เป็นที่จอดรถทั้งหมด และมีส่วนหนึ่งถูกแบ่งไปทำเป็นสวนสีเขียว เป็นมุมพักผ่อนให้ลูกบ้าน ภาพจากโมเดลจำลองของสวนบนชั้น 8 ตั้งแต่ชั้น 11 ขึ้นเป็นจะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด ถึงชั้น 40 จะเริ่มมีส่วนหนึ่งเป็น Facility ชั้น 41 จะเป็น Facility เต็มรูปแบบ ทั้งสระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก Jogging Track Pool Room และ Duplex Gym ที่กินพื้นที่ขึ้นไปถึงชั้น 42 บรรยากาศภายในฟิตเนส แบบจำลอง Duplex Gym บนชั้น 41-42 สระว่ายน้ำแนวยาวบนชั้น 41 บรรยากาศของ Jogging Track ให้ลูกบ้านได้วิ่งออกกำลังกาย ชั้น 42 จะเป็นชั้นบนสุด จะมีฟิตเนสส่วนหนึ่งที่กินพื้นที่ขึ้นมาจากชั้น 41 และอีกส่วนหนึ่งเป็น Sky Lounge เป็นมุมพักผ่อน รับวิวจากชั้นสูงสุดของโครงการ Sky Lounge บนชั้น 42 พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับโครงการ The Tree Elegance ติวานนท์ จะมีความแตกต่างจากแบรนด์ The Tree โครงการอื่นๆ อยู่บ้าง เพราะด้วย Concept การออกแบบที่ต้องการสะท้อนความหรูหรา และความคลาสสิคของย่านนนทบุรี จึงมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมอันคลาสสิคของนนทบุรีเข้ามาให้เห็นรูปแบบการตกแต่งอาคารด้วย ในขณะที่ภายในห้องพักก็ยังคงเน้นความเรียบหรู อยู่สบาย แน่นอนว่าเราเก็บภาพบรรยากาศภายในห้องตัวอย่างมาให้ได้ชมกันด้วย ซึ่งทางโครงการก็จัดเตรียมห้องตัวอย่างไว้ให้ชมถึง 3 แบบด้วยกัน โดยเริ่มกันที่ห้องแบบ Studio ขนาด 22-23 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom ขนาด 24-29 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom ขนาด 48 ตร.ม. ซึ่งห้องทั้งหมดภายใต้แบรนด์ The Tree จะขายกันมาแบบห้องโล่งๆ มีเพียงวัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานเท่านั้นมีให้มาพร้อมห้อง ส่วนอื่นๆ ที่เหลือลูกบ้านจะต้องตกแต่งเพิ่มเติมกันเอาเองครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 24.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเป็นส่วน Living Area ก่อนเลยครับ พื้นที่ในส่วนของ Living Area ได้ขนาดพอเหมาะ ระยะห่างระหว่างทีวี กับโซฟา ไม่แคบจนเกินไป จุดที่วางโซฟา สามารถเลือกวางโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่งกำลังดีครับ ให้เหลือพื้นที่สักหน่อย ถ้าวางโซฟาเต็มพื้นที่จะดูอึดอัดไปหน่อย ถัดจาก Living Area เข้ามาจะเป็นส่วนของห้องนอน วางเตียง 5 ฟุตกำลังดีครับ มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดหน่อย ระหว่างห้องนอนกับ Living Area จะกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน 3 ตอน หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ด้านปลายเตียงจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง จากห้องนอนมองตรงไปจะเป็นส่วนครัว และห้องน้ำ พื้นที่ส่วนครัวที่ให้มาประมาณนี้นะครับ Built in เคาน์เตอร์ครัวเข้าไปแล้ว ก็เหลือพื้นที่อยู่พอสมควร ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุด ติดกับครัว ระเบียงจะอยู่ติดกับครัว จุดที่วางเครื่องซักผ้า และคอมเพรสเซอร์แอร์ จะอยู่ที่ระเบียงนี่แหละครับ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะได้ของ American Standard อ่างล้างหน้าทรงสี่แหละ ในส่วนเปียก ห้องจริงจะไม่มีกระจกกั้นให้นะครับ ชุดฝักบัวก็เป็นของ American Standard เหมือนกัน แบบต่อมาเป็นแบบ 1 ห้องนอน เหมือนกันครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 27.5 ตารางเมตร ห้อง Type นี้จะจัด Layout เป็นสัดส่วนมากขึ้น ห้องนอนจะแยกออกมาชัดเจน เมื่อเข้ามาให้ห้องแล้วจะเป็นส่วน Living Area ก่อนเหมือนเดิมครับ พื้นที่จะกว้างขวางขึ้นพอสมควร ระยะห่างของทีวีกับโซฟาก็มากขึ้น วางทีวีจอใหญ่สะใจได้เลยครับ สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งแบบ L-Shape ได้สบายๆ จาก Living Area เข้าไปด้านใน จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ด้านซ้ายมือจะเป็นห้องนอน ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องครัว ห้องครัวจะเป็นแบบปิด กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของครัวจะใกล้เคียงกับห้อง Type ก่อนหน้านี้เลยนะครับ แต่จุดวางตู้เย็นจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว ระเบียงจะอยู่ติดกับครัวเหมือนกันครับ มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้น ขนาดของระเบียงจะได้ประมาณนี้ จุดที่วางเครื่องซักผ้า และคอมเพรสเซอร์แอร์ จะอยู่ที่ระเบียงเหมือนเดิม ออกมาครัวมาดูที่ห้องนอนกันต่อ ห้องนอนจะกว้างขึ้นกว่าเดิมอยู่สักหน่อยนะครับ วางเตียง 5-6 ฟุต ได้ตามใจชอบเลยครับ หน้าต่างในห้องนอนก็จะเหมือนเดิมนะครับ เป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน Fix ปลายเตียงจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า ข้างเตียงอีกด้าน จะมีพื้นที่เหลือพอให้วางโต๊ะเครื่องแป้งอยู่หน้าห้องน้ำ การจัดวางและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็จะเหมือนๆ กันนะครับ สุดท้ายเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 48.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นโถงยาว มองตรงไปจะเป็น Living Area อยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ด้านซ้ายสุดจะเป็นห้องน้ำ อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ติดกับครัว เราตรงมาดูที่ Living Area กันก่อน พื้นที่ที่ให้มาค่อนข้างเล็กไปสักหน่อยสำหรับห้อง Type 2 ห้องนอน พื้นที่บังคับให้วางโซฟา 3 ที่นั่ง เพราะถ้ายาวกว่านี้โซฟาจะเลยผนังออกมา ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area พื้นที่ระเบียงจะยาวกว่า Type 1 ห้องนอน คอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบน หันหน้าออกนอกระเบียง จาก Living Area มองไปทางขวาจะมีโต๊ะทานอาหารตั้งอยู่หน้าห้อง ก่อนเข้าไปที่ห้องนอนเล็กและห้องครัว ที่อยู่ด้านในสุด พื้นที่ที่ให้มาสามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านได้เลย พื้นที่ครัวที่ให้มาจะมาสามารถเลือก Built in เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L ก็ได้ครับ มีหน้าต่างเล็กๆ ให้ด้วย ขยับมาดูห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกับห้องครัว วางเตียง 5 ฟุต กำลังดีครับ ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้ ถ้าอยากมีทีวีในห้อง ก็สามารถติดทีวีแบบแขวนได้ครับ ส่วนหน้าต่างก็ได้เหมือนเดิมครับ ข้างเตียงอีกด้านเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า ออกจากห้องนอนเล็กมา เราไปดูห้องน้ำกับห้องนอนใหญ่กันต่อ หน้าห้องน้ำโครงการทำเป็นโต๊ะทำงานไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ภายในห้องน้ำการจัดวางกับสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Type 1 ห้องนอน ส่วนในห้องนอนใหญ่ ขนาดที่ได้ค่อนข้างกว้างเลยนะครับ วางเตียง 5-6 ฟุต ได้ตามใจชอบ ปลายเตียงต้องใช้ทีวีแบบแหวนผนังแทนนะครับ ไม่มีที่เหลือพอให้ Built in ชั้นวางทีวี อีกด้านจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า ภาพมุมกว้างของห้องนอนใหญ่
Chateau in Town สุขุมวิท 64 : รีวิวคอนโด

Chateau in Town สุขุมวิท 64 : รีวิวคอนโด

โครงการ: Chateau in Town สุขุมวิท 64 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,950,000 บาท บาท/ตารางเมตร 69,400 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) จุดเด่น โครงการ “Chateau in Town สุขุมวิท 64” ตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 64 ใกล้ถนนสุขมุวิท, แยกบางนา, แยกพระราม 4, รถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี, ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนสุขุมวิท 62 และ รายล้อมไปด้วยสถานที่ใกล้เคียงสำคัญๆ มากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษา และโรงพยาบาล จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2557 ที่ตั้ง: Chateau in Town สุขุมวิท 64 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 0-2-35 ไร่ ที่ตั้ง ซอยสุขุมวิท 64 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.690309,100.604929 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS ปุณณวิถี สถานที่สำคัญใกล้เคียง Gate Way เอกมัย Major เอกมัย บิ๊กซี เอกมัย โลตัส อ่อนนุช โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก โรงพยาบาลสุขุมวิท ปิยรมย์ สปอร์ตคลับ ลักษณะโครงการ: Chateau in Town สุขุมวิท 64 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 28.08-29.97 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 34.94-42.27 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 79 ยูนิต ส่วนกลาง: Chateau in Town สุขุมวิท 64 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 37 คัน (คิดเป็น 47%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) N/A ค่ากองทุน(/ตร.ม) N/A สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ บริเวณชั้น 2 ฟิตเนส ชั้น 2 Wifi ทั่วโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. Key Card Access ที่ประตูเข้าห้อง เข้าออกด้วยระบบ Key Card Access   เพิ่มเติม: Chateau in Town สุขุมวิท 64 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-741-6363 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.chateauintown.com/sukhumvit64 ข้อมูล ณ วันที่
Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

ครั้งนี้จะพาไปดู คอนโดมิเนียมในแบรนด์ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านไหน แต่ถ้าจะใช้ชัดกว่านั้นก็ต้องบอกว่า คอนโดนี้ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางซ่อน (MRT) และรถไฟชานเมืองสายสีแดง (รฟม.) จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับการเลือกหาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า การเดินทาง จากแยกวงศ์สว่าง วิ่งมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาทางแยกเตาปูน เป็นระยะทางแค่ 800 เมตร ก็จะเห็นโครงการ Rich Park 2 ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนใกล้ทางข้ามทางรถไฟพอดี สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำได้ไม่ยากเพราะสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้ทั้งทางแยกวงศ์สว่าง วิ่งเข้าถนนรัชดา หรือจะเลือกขึ้นทางด่วนด่านรัชดาภิเษกตรงแยกประชานุกูลก็ได้ ในขณะที่เส้นทางฝั่งแยกเตาปูน สามารถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านย่านพหลโยธิน ตรงถนนกำแพงเพชรได้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าปกติอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ ทั้งเส้นทางเข้าเมือง และออกนอกเมือง   ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถ้าหากมีการเปิดให้ใช้เมื่อไร ก็น่าจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะทางขึ้นสถานีบางซ่อนอยู่ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 50 เมตร ซึ่งบริเวณทางขึ้นนี้ก็อยู่ติดกับตัวสถานีรถไฟบางซ่อน (รฟม.) อีกเช่นกัน เอาเป็นว่าแค่ข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามโครงการก็สามารถเลือกวิธีการเดินทางได้ตามความสะดวก แต่ในระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้นั้น ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ไปก่อน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ซึ่งสามารถหาเรียกได้ง่าย ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางมายังตัวโครงการก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว วิเคราะห์ตัวโครงการ ณ วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และลูกบ้านก็เริ่มทยอยย้ายเข้ากันแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศในการอยู่อาศัยจริงได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น รอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยที่เป็นชุมชมเดิม ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นจำนวนมาก จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้ง หรือย่านเศรษฐกิจการค้า แต่บรรยากาศก็คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่แพ้กัน นอกจากการจับจ่ายใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านค้าใกล้ๆ แล้ว ห้างที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะมีแต่ Big C วงศ์สว่างที่ตั้งอยู่บริเวณแยกวงศ์สว่างเลย ถึงจะไม่ใช่ห้างใหญ่หรูหรา แต่ก็พอให้พึ่งพาในการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป เลยจากบริเวณนี้ไป ก็เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว กลับมาดูที่ตัวโครงการกันบ้าง Rich Park 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 27 ชั้น ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว L ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก รูปแบบอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นเพียงตึกสูงเรียบๆ ทั่วไป บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า รวมทั้งหมด 12 ห้อง ซึ่งยังเปิดให้บริการไม่ครบ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีแค่ร้านซักรีดเท่านั้น ส่วนบริเวณร้านค้าอื่นๆ ยังเป็นห้องว่างๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะในอนาคตอันใกล้ยังจะพอพึ่งพาร้านค้าในโครงการได้รึเปล่า ส่วนบริเวณที่พักอาศัยนั้น เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 4 ในบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Facility ส่วนกลาง ถัดขึ้นไปที่ชั้น 5-26 จะเป็นพื้นที่ของห้องพักทั้งหมด ดูตามแปลนการจัดวางห้องของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว เพราะแต่ละชั้นมีจำนวนห้องมากถึง 34 ยูนิต ซึ่งนับยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีมากถึง 803 ยูนิต ในขณะที่ลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดเตรียมไว้แค่ 3 ตัวเท่านั้น เทียบเป็นอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ 267 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าเราต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหนถ้าทุกห้องต้องออกไปทำงานพร้อมๆ กันในช่วงเช้า สำหรับ Facility ทั้งหมดของโครงการถูกจัดรวมไว้ที่ชั้น 4 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ซึ่งขนาดของพื้นที่ส่วนกลางก็น้อยนิดมากๆ เมื่อเทียบกับจำนวนห้องทั้งหมด จนเกือบจะไม่สามารถใช้งานได้จริงเลย เพราะพื้นที่บริเวณชั้น 4 ถูกแบ่งเป็นห้องพักจำนวน 9 ยูนิตในโซนด้านทิศตะวันออก และแบ่งเป็นที่จอดรถในด้านทิศตะวันตก ดังนั้นพื้นที่ของ Facility จึงเหลือใช้แค่ส่วนหนึ่งของชั้นเท่านั้น ไหนๆ ก็เกริ่นถึงที่จอดรถกันไปบ้างแล้ว เรื่องที่จอดรถก็นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะนับดูคร่าวๆ ก็ไม่น่าจะจอดได้เกิน 40% ซึ่งรวมแบบจอดซ้อนคันไว้ด้วยแล้ว ใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็เตรียมปวดหัวกับการแย่งชิงที่จอดรถกันได้เลย นอกเหนือจากที่เห็นนี้ก็ยังไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม จากบรรยากาศคร่าวๆ ระหว่างเยี่ยมชมโครงการ ก็ต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรื่องความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านที่ทางโครงการยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เช่น เรื่องร้านค้าภายใน เรื่องที่จอดรถ รวมถึงเรื่องการบริการของพนักงานขายที่ออกจะใส่ใจลูกค้าน้อยไปซักหน่อย จึงอดไม่มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายของโครงการหากต้องเข้าอยู่อาศัยจริง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 ในขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นห้องตัวอย่างที่ได้ชมจึงเป็นห้องจริงที่ยังพอมีเหลือว่างอยู่บ้าง เรื่องตำแหน่งของห้องอาจจะเลือกมุมที่ถูกใจได้ยากขึ้น รวมถึงเรื่องราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดตัวอีกพอสมควร ดูจากการออกแบบจัดห้องในแต่ละชั้น ก็เห็นว่าทางโครงการค่อนข้างเน้นจุดขายด้านปริมาณมากกว่า เพราะห้องทั้งหมดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นอยู่ที่ 21 ตร.ม. และห้องใหญ่สุดก็พื้นที่ไม่เกิน 35 ตร.ม. ตำแหน่งในการจัดวาง เหลี่ยมมุม และเสาภายในห้อง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดต่างกัน ส่วน Lay out แบ่งออกเป็นแบบหลักๆ 2 Type คือ Type A และ Type B ซึ่งต่างกันที่ผนังกั้นห้องนอน โดยห้องแบบ Type B จะใช้กระจกบานใหญ่แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ข้อดีก็คือ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่โซนกลางห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนห้อง Type A ซึ่งมีหน้ากว้างกว่า การจัดวางตำแหน่งห้องนอนจึงอยู่คนละด้านกับห้องนั่งเล่น ผนังห้องจึงเป็นผนังทึบปกติ จากห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าการจัด Lay out ห้องของ Rich Park 2 ดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเหลี่ยมมุมของห้องที่มีเสายื่นออกมา รวมถึงตำแหน่งในการติดตั้งทีวีในบางห้อง และตำแหน่งหน้าต่างที่มีเพิ่มเติมในห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมตึก ซึ่งนอกจากจะดูแปลกจากที่เคยเห็นแล้ว ยังทำให้การตกแต่งห้องมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องติดตั้งผ้าม่านเพิ่ม หรือการเลือกซื้อ เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ที่ในตำแหน่งใกล้หน้าต่าง ตำแหน่งที่วางทีวีไม่ตรงกับแนวโซฟา หรือการแยกเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจาน กับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารไว้คนละฝั่ง ลักษณะภายในห้องจึงดูเหมือนว่าขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล นี่ยังไม่นับรวมถึงตำแหน่งห้องที่มีผลกับวิวด้านนอกอาคารเลยนะครับ เพราะบางห้องก็ถูกบังวิวกันเอง มองออกไปเห็นแต่กำแพงอีกฝั่งของห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่นออกมา จะเลือกตำแหน่งห้องนอกจากการไปดูห้องจริงแล้ว แนะนำให้กางแปลนห้องควบคู่กันไปด้วยก็นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ว่าห้องไหนยื่นเลยออกไป ห้องไหนเว้าเข้าด้านใน เพราะเค้าเล่นออกแบบเป็นลูกคลื่นบังวิวกันเอง ไม่รู้ว่าคนออกแบบตั้งใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า ความคุ้มค่าน่าลงทุน ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการ Rich Park 2 คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีตลาด และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานี Inter change ทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ราคาห้องจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ศักยภาพภายในของตัวโครงการเอง ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน คะแนนความน่าสนใจจึงถูกฉุดดึงให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการห้องพักไว้อยู่อาศัยเอง ถ้าไม่ติดเรื่องที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลย่านสำนักงาน แหล่งธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ทำเลแถบนี้ก็ยังพอเดินทางไปมาได้สะดวกพอสมควร แต่ถ้าพิจารณาในส่วนของห้องพักแล้ว คงต้องแนะนำให้ไตร่ตรองกันดีๆ ว่าถ้าหากต้องเข้ามาอยู่อาศัยจริงฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในห้องจะใช้งานได้สะดวก เหมาะสมหรือไม่ ไหนจะเรื่อง Facility ภายในโครงการอีก ต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าเราจะได้ใช้งานจริงแค่ไหน คุ้มค่ากับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายรึเปล่า เช็คข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ครบถ้วนนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เสียใจกันภายหลัง  
Ideo Mobi พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi พระราม 9 : รีวิวคอนโด

โครงการ: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 7,550,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 130,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโด High Rise บนถนนพระราม 9 จากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ใกล้ เซ็นทรัล และ MRT พระราม 9 จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ ที่ตั้ง: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 3-2-85 ไร่ ที่ตั้ง ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.755695,100.565762 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT พระราม 9 สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT พระราม 9 เซ็นทรัล พระราม 9 ฟอร์จูน ทาวเวอร์ เอสพลานาด รัชดา ลักษณะโครงการ: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms Duplex Sky Home ขนาดห้องที่มี พื้นที่ใช้สอย 21 – 61 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 27 ชั้น จำนวนห้อง 703 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต ส่วนกลาง: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 297 คัน (42%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 45 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค Fitness สระว่ายน้ำ ห้องสมุด สวน ห้องซักผ้า   เพิ่มเติม: Ideo Mobi พระราม 9 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.ananda.co.th/condo/ideomobi/rama9/index.php ข้อมูล ณ วันที่
LIB Condo รามคำแหง 43/1 : รีวิวคอนโด

LIB Condo รามคำแหง 43/1 : รีวิวคอนโด

LIB Condo รามคำแหง 43/1 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จาก ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ย่านถนนรามคำแหง ใกล้ Airport Link รามคำแหง รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 1,350,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 229 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 2 - 0 - 13.4 ไร่ ที่จอดรถ 74 คัน หรือ 32.3% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ ซอยรามคำแหง 43/1 ถนนรามคำแหง พลับพลา วังทองหลาง กรุงเทพฯ ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2556 สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงเรียนบดินทร์เดชา มหาวิทยาลัยรามคำแหง โรงพยาบาลรามคำแหง เดอะมอลล์ บางกะปิ โรงพยาบาลสมิติเวช ABAC ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 26.25 - 40.5 ตารางเมตร Type A1 ขนาด 26.25 ตารางเมตร Type A2 ขนาด 29 ตารางเมตร Type B1 ขนาด 30 ตารางเมตร Type C ขนาด 32.50 ตารางเมตร Type D1 ขนาด 36.50 ตารางเมตร Type D1 ขนาด 40.50 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนพักผ่อน ระบบ Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1778 กด 12 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  libcondo.com