Tag : Lifestyle

432 ผลลัพธ์
[PR News] AWC จับมือ Accor เตรียมขยายโรงแรมกว่า 1,000 ห้อง

[PR News] AWC จับมือ Accor เตรียมขยายโรงแรมกว่า 1,000 ห้อง

AWC ลงนามในกรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ฉบับแรกร่วมกับ แอคคอร์ (Accor) เครือข่ายโรงแรมและการบริการชั้นนำระดับสากล เดินหน้าพัฒนาโรงแรมหลายแห่งภายใต้แบรนด์ชั้นนำจากกลุ่ม Accor อาทิ แฟร์มอนท์ (Fairmont) แฟร์มอนท์ เรสซิเดนซ์ (Fairmont Residences) และเอ็มแกลเลอรี (MGallery) ในจุดหมายสำคัญด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทยรวมกว่า 1,000 ห้อง     นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า  ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งแรกกับทาง Accor ซึ่งเป็นเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลก เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจโรงแรมของ AWC บนทำเลศักยภาพในประเทศไทย โดยมีแผนจะนำแบรด์ชั้นนำจากกลุ่ม Accor มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการโรงแรมและบริการของไทย   สำหรับความร่วมมือครั้งนี้เป็นการนำความเชี่ยวชาญของทั้ง AWC ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรของไทย และกลุ่ม Accor ซึ่งมีฐานลูกค้าทั่วโลกมาร่วมรวมพลังกัน เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทาง ที่มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกมากมาย รวมถึงสร้างศักยภาพในการเพิ่มกระแสเงินสดและการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับ AWC อีกด้วย   นายการ์ท ซิมมอนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอคคอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ กล่าวว่า Accor มุ่งมั่นที่จะขยายการเติบโตอยู่เสมอ ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ที่เข้าใจถึงวิสัยทัศน์และธุรกิจโรงแรมของ Accor  และด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ เราตั้งเป้าที่จะนำแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมายของ Accor มาสู่ประเทศไทย   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -AWC เดินแผนขยายธุรกิจแสนล้าน เตรียมเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 9 แห่ง
บุญถาวร  ทุ่ม1,000 ล้าน ปั้น  Design Village  รับวิถีชีวิตคนยุค New Normal -Digital

บุญถาวร ทุ่ม1,000 ล้าน ปั้น  Design Village รับวิถีชีวิตคนยุค New Normal -Digital

บุญถาวร บุญถาวร ปั้น  Design Village  รับวิถีชีวิต New Normal -Digital ทุ่มกว่า 1,000 ล้าน เดินหน้า 2 โครงการใหม่ พร้อมเปิดตัวในปี​ 66 มั่นใจตลาดท่องเที่ยวฟื้นตัว ปลุกยอดขายเติบโต คาดทำรายได้ตามเป้า 15,000 ล้าน   บุญถาวร ศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ วัสดุอุปกรณ์ และของแต่บ้าน ที่อยู่ในตลาดเมืองไทยมากว่า 45 ปี ปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศรวม 14 แห่ง  ถือเป็นหนึ่งผู้เล่นรายสำคัญที่ทำตลาดในเมืองไทยมายาวนาน โดยที่ผ่านมามีการปรับตัว  เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา   นายสิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญถาวร กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่คู่กับสังคมไทยมานานถึง 45 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามปรับตัวให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ของคนแต่ละเจเนอเรชั่น โดยผ่านการทำการตลาด การรีแบรนด์ มาจนถึงปัจจุบัน ที่การตกแต่งที่อยู่อาศัย มีการดีไซน์มากขึ้น เราปรับตามสภาพสังคม และขยายธุรกิจเดิมด้วย เดิมเราขายสินค้าตกแต่ง อุปกรณ์ภายในบ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่าง เฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเราจึงขยายมาสู่ไลฟ์สไตล์สโตร์ บุญถาวร 3 ปีปั้น 8 แห่ง บริษัทได้เริ่มต้นพัฒนาโครงการ Design Village ซึ่งเป็นรูปแบบของไลฟ์สไตล์สโตร์ ด้วยการผสมผสานร้านค้าไลฟ์ไสตล์เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าแฟชั่น ร้านการแฟ ซึ่งสาขาแห่งแรกเปิดให้บริการในปี 2561 ที่สาขาราชพฤกษ์ ต่อมาขยายสาขาต่อเนื่องแห่งที่ 2 สาขาพุทธมณฑล และสาขาเกษตร-นวมินทร์ เป็นสาขาที่ 3 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าทั้ง 3 สาขา ได้รับผลการตอบรับที่ดี ด้วยยอดคนเข้าใช้บริการเติบโต 300% มีผู้เข้ามาใช้บริการต่อวันกว่า 20,000 คน และสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 4,500 ล้านบาท   ความสำเร็จดังกล่าว ทำให้บุญถาวร เดินหน้าขยายโครงการ Design Village  ต่อเนื่อง โดยในปีนี้ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่อีก 2 แห่งที่สาขาบางนา และรัชดา ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ในปี 2566 และคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการครบแห่ง 5 แห่ง จะมียอดขายรวม 11,000 ล้านบาท   นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินสะสมและที่ดินของสาขาบุญถาวรในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นโครงการ Design Village ได้อีกหลายแห่ง อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี และพัทยา โดยหากมีโอกาสและความพร้อมของทำเล จะมีการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด รวมถึงพื้นที่เขตปริมณฑลอย่างต่อเนื่องด้วย   อย่างไรก็ตาม  บริษัทได้วางแผนภายในปี 2569 จะมีการพัฒนาโครงการ Design Village ครบ 8 แห่ง โดยตั้งแต่ปี 2567-2569 จะพัฒนาปีละ 1 แห่ง ใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 1,000 ล้านบาท 4 ไฮไลท์ตอบโจทย์ New normal-ดิจิทัล จากการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล รวมถึงวิถีชีวิตภายหลังจากเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้วิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบันเข้าสู่ยุค New Normal ที่มีการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) และการใช้สื่อดิจิทัลมาช่วยในการทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น แม้ปัจจุบันสถานการณ์โควิดจะปรับตัวดีขึ้น จนทำให้มีการกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่ก็มีหลายบริษัทที่ยังคงทำงานจากที่บ้าน หรือไม่ก็เป็นการทำงานแบบผสมผสาน หรือ Hybrid   การพัฒนาโครงการ Design Village ในรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับกับวิถีชีวิตดังกล่าว จึงมีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติม ทั้งงานดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพิ่มเข้ามา 1.การดีไซน์ Semi-Outdoor โครงการ Design Village ในรูปแบบใหม่จะดีไซน์และตกแต่งให้มีความโปร่ง สบาย ไม่ทึบเหมือนของเดิม และเพิ่มเติมพื้นที่ในส่วน Semi-Outdoor เพื่อสร้างบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยให้กับผู้บริโภค 2.จุด Pick up-Drive thru เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ บุญถาวรจึงเพิ่มจุดรับสินค้า หรือ Pick up และช่องทาง Drive thru เพื่ออำนวยความสะดวก สำหรับลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการรับสินค้า ภายหลังจากสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่น 3.เพิ่มพื้นที่ 24 ชั่วโมง จากพฤติกรรมของคนทำงานในยุคปัจจุบัน ที่ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา และสถานที่ โครงการ Design Village จะมีการเพิ่มพื้นที่ Co working space ที่สาขารัชดา ขณะเดียวกัน ยังวางแผนเปิดให้บริการในรูปแบบ 24 ชั่วโมง ในบางสาขา หรือร้านค้าผู้เช่าบางแห่งด้วย ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการถึงเวลา 22.00 น. โดยวางแผนขยายเวลาให้การบริการสำหรับร้านผู้เช่าบางสาขาให้ถึง 24.00 น. ก่อนวางแผนเปิดให้บริการแบบ 24 ชั่วโมงในอนาคต 4.เพิ่มพื้นที่ ช้อป-ทำงาน-ทาน-สัมมนา นอกเหนือไปจากการเพิ่มพื้นที่ทำงานในสาขารัชดา ซึ่งมีพื้นที่ 600-800 ตร.ม. แล้ว โครงการ Design Village ยังวางแผนให้สาขารัชดา เป็นพื้นที่ตอบโจทย์คนทำงานและผู้พักอาศัยในพื้นที่ใกล้เคียง จึงเตรียมร่วมกับพันธมิตรร้านค้า ร้าอาหาร ให้เข้ามาเปิดให้บริการในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้สาขารัชดาเป็นพื้นที่การช้อปปิ้ง กินข้าว ทำงาน สัมมนา และการเป็นศูนย์กลางการเปิดตัวสินค้าแห่งใหม่ใจกลางเมืองด้วย  จากปกติที่โครงการ Design Village แต่ละสาขาจะมีร้านค้าที่เข้ามาเปิดให้บริการ อาทิ ยูนิโคล่ สตาร์บัคส์ และกูร์เมต์ มาร์เก็ต เดินหน้าสร้างรายได้ 15,000 ล้าน สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 บุญถาวร คาดว่าจะสามารถทำรายได้รวม 14,000 ล้านบาท เฉพาะโครงการ Design Village ทำรายได้ 4,500 ล้านบาท ส่วนในปีหน้าบุญถาวรคาดว่าจะมีรายได้รวม 15,000 ล้านบาท หรือเติบโต 7-8% แต่หากสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้นอาจจะสามารถเติบโตได้ถึง 10% โดยจะได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม รีสอร์ท มีการรีโนเวต ทำให้บุญถาวรได้รับอานิสงค์ในกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายนอกกลุ่มที่อยู่อาศัย 30%   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -ใครท็อปฟอร์มสุด ในธุรกิจ ร้านวัสดุ-เฟอร์นิเจอร์ Q3/65 -อิเกีย ขายเสื้อผ้า ครั้งแรก!! จากเฟอร์นิเจอร์สู่สตรีทแฟชั่น…
10 เทรนด์ที่อยู่อาศัย กำลังจะเกิดในปี 2566-2568 เรื่องที่ดีเวลลอปเปอร์ต้องไม่พลาด !!

10 เทรนด์ที่อยู่อาศัย กำลังจะเกิดในปี 2566-2568 เรื่องที่ดีเวลลอปเปอร์ต้องไม่พลาด !!

ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา​ มีการนำเสนอ 10 เทรนด์ที่อยู่อาศัย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะใกล้ โดยศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซ็ปต์แห่งอนาคต Baramizi Lab ในงานนสัมมนา​หัวข้อ​ Xperience Design Future Trend for Property Sector ประจำปี 2023-2025 (ปี 2566-2568) ภายในเทศกาล WOW l Wonder of Well being City 2022 ที่จัดขึ้นโดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และอมรินทร์ปริ๊นท์ติ้ง จำกัด (มหาชน)   ในหัวข้อดังกล่าว มีประเด็นน่าสนใจสำหรับผู้คนที่อยู่อาศัยทั่วไป และแวดวงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นการบอกถึงสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ และมีโอกาสถูกนำมาพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้คนเหล่านั้น ​Reviewyourliving จึงนำมาเสนอให้เห็นว่าเทรนด์ต่าง ๆ ดังกล่าวมีอะไรบ้าง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจอสังหาฯ จะนำไปต่อยอดในเรื่องใดได้บ้าง 10 เทรนด์ที่อยู่อาศัย สุดเด่นในปี 2566-2568 สำหรับเทรนด์ที่อยู่อาศัยในช่วงปี 2566-2568  เป็นไปในทิศทางเดียวกับเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้น การมี Innovation Case Studies ที่เกิดซ้ำกัน โดยเป็นเทรนด์ที่สอดรับกับความคาดหวังของผู้บริโภค ทั้งในระดับสากลและคนไทยด้วย ซึ่งทั้ง​ 10 เทรนด์ที่อยู่อาศัยในระยะ 3 ปีข้าง มีดังนี้ ​ 1.Biodiverse Well-Living การอยู่อาศัยในบ้านที่มีพื้นที่เยียวยาหัวใจ : เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโรค และปัญหาความวุ่นวายในสังคมเมือง มีการประเมินว่าภายในปี 2593 ประชกาโลกกว่า 66% จะอาศัยอยู่ในเมือง และผู้คนจะใช้เวลากว่า 93% ภายในบ้านห่างไกลจากธรรมชาติ   โดยอุตสาหกรรมสุขภาพ มีขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2558 จากที่มีขนาดเพียง 3.7​ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563  โด่ย Wellness Real Estate นับเป็นกลุ่มธุรกิจภายใต้อุตสาหกรรม Wellness มีอัตราการเติบโตสูงสุด ต่อเนื่องแม้จะเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม   สำหรับ Wellness Lifestyle Real Estate มีจำนวนมากในอเมริกาเหนือ และรองลงมา คือ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ข้อมูลในปี 2560 Wellness Lifestyle Real Estate มีมูลค่า 134,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากสามารถทำราคาได้สูงกว่าที่อยู่อาศัยทั่วไปถึง 10-25% และที่อยู่อาศัยรวมกับธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการและยอมจ่ายเพิ่มเช่นกัน   จากการสำรวจความเห็นของคนไทย พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจประสบการณ์ธรรมชาติเฉลี่ยถึง 86.85% ชอบอยู่กับธรรมชาติเพื่อสัมผัสความสงบ ถึงชีวิตกลับสู่ความสมดุลย 85.2% ใส่ใจกับสุขภาพโดยมุ่งเน้นการดูแลด้านจิตใจ ทำสมาธิ ดึงจังหวะการใช้ชีวิตให้ช้าลง คืน ความสมดุลสู่ร่างกาย 70.74%  ต้องการเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวสาธารณะเพื่อเชื่อมโยงคนเข้ากับธรรมชาติ 95.0% ต้องการเมืองมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี ปรับสมดุลให้กับร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ 2.The Serenexurious ผู้คนโหยหาความเงียบสงบในชีวิตที่มีแต่ความเร่งรีบ : จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้คนหันมาให้ความสนใจในการจัดการพื้นที่ในบ้าน เพื่อให้เหมาะสมกับทั้งการทำงานและอยู่อาศัย  แม้ว่าสถานการณจะคลี่คลายลง แต่การทำงานที่ไหนก็ได้ จะยังคงอยู่ในหลาย ๆ บริษัททั่วโลก ทำให้ผู้คนหลายคนจึงต้องการพื้นที่สำหรับหลีกหนีจากความเครียดที่เกิดขึ้นภายในตัวบ้าน   จากการสำรวจความเห็นคนไทยจำนวนหนึ่ง พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่มองว่า ตนเองต้องการความสงบ สนใจความเรียบง่าย และอยากใช้ชีวิตที่ช้าลง คนที่มองหาความสงบ ผ่อนคลาย หลีกหนีความวุ่นวาย มีสัดส่วน 88.98%  คนที่เรียบง่าย ถ่อมตน พึงพอใจในสิ่งที่มี 83.65% คนที่ต้องการใช้ชีวิตที่ช้าลง ไม่เร่งรีบตามกระแสสังคม 75.74% 3.All-in-Home บ้านคือทุกสิ่ง ไม่ใช่แค่ที่พักอาศัย : เพราะการวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ทำให้เส้นแบ่งระหว่างเวลา การเดินททำงาน​ และการเรียนรู้ และการพักผ่อนจางลง ทำให้ที่อยู่อาศัยไม่ได้ทำหน้าที่ตอบเฉพาะโจทย์ของการอยู่อาศัย เพียงอย่างเดียว แต่อาจจะต้องครอบคลุมทุกอย่าง อย่างมีประสิทธิภาพ   ในไทยผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจำนวน 1,425 คน พบว่า จากผู้ตอบข้อนี้ 1,381 คน เกือบ 60%  ต้องการประกอบอาชีพอิสระ โดย 4 อันดับแรกของอาชีพ ที่สนใจ คือ เกษตรกร 26% ร้านขายอาหารหรือร้านขายกาแฟ 24% ขายของออนไลน์ 19% และขับรถดส่งของเดลิเวอรี่ 10% ซึ่งสอดคล้องกับ ผลสำนวจการย้ายถิ่นของประชากรทั้งประเทศในปี 2563 ระบุว่า จากควไทยกว่า 68 ล้านคน มีผู้ย้ายถิ่น 1.05 ล้านคน แรงงานที่เป็นคนต่างถิ่นต่างพากันกลับบ้านเกิด ไปตั้งหลักพึ่งพิงฐานเกษตร เนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในเมืองได้อีกต่อไป   สัดส่วนขององค์กรที่ให้พนักงานทำงานจากที่บ้านมีแนวโน้มลดลงนับจากล็อกดาวน์ครั้งที่ 3 แต่ยังมีถึง 28.5% ของคนวัยทำงานที่บอกว่าออฟฟิศให้ WFH ในบางวันในทุก ๆ สัปดาห์​ ความยืดหยุ่นของสถานที่ทำงาน ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์ ในการเลือกองค์กรที่จะร่วมงานด้วยของคน Gen Z ไปแล้ว  โดยผู้บริโภคชาวไทยเริ่มส่งสัญญาณถึงความต้องการในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่การพักผ่อนที่อาจะเกิดขึ้นพื้นที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้น   โดยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามคนไทยสัดส่วน 70.57% มักจะติดต่อกับเพื่อน หรือกับคนในครอบครัว เพื่อเชื่อมสายสัมพันธ์แบบทางไกลผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย สัดส่วน 74.53% ไม่ต้องการเข้าออฟฟิศ แต่ต้องการสถานที่ข้างนอกที่สามารถทำงานและมีสภาพแวดล้อมที่ดี ที่ส่งเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สัดส่วน 77.64% ต้องการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์และเทคโนโลยี Virtual Working ที่เข้าไปเรียนรู้กับ และสัดส่วน 66.26% ต้องการประสบการณ์การเล่นสนุกแบบจมดิ่งไปในโลกเสมือน (Virtual Experience) ที่ทำให้โลกจริงดูตื่นตา ตื่นเต้นมากขึ้น และทำให้โลกบันเทิง เช่น ภาพยนตร์ เกม สมจริงมากขึ้น 4.Active-Aging Extended พื้นที่สร้างประประสบการณ์ยืดช่วงเวลาความแอคทีฟให้ผู้สูงอายุ : ผู้สูงอายุของคนไทย มีความต้องการที่ซ่อนอยู่ ซึ่งถือเป็น​ Unmet Needs ในเรื่องความต้องการพื้นที่การอยู่อาศัย ที่ช่วยสร้างประสบการณ์การมีความแอคทีฟที่ยาวนานขึ้นกว่าเดิม  เพื่อให้ตนเองมีคุณค่า ได้รับการยอมรับ เป็นส่วนหนึ่งในสังคม อยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่เป็นภาระ   สังคมไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ว่า ในปี 2566 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ โดยมีสัดส่วนผู้สูงอายุ 20% ของประชากรทั้งหมด และเป็นสังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอดในปี 2574 หรือ 2575 โดยจะมีจำนวนผู้สูงอายุกว่า 28% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับแนวโม้มของโลก   สำหรับวงการอสังหาฯ ถือได้ว่าเป็นผู้นำเทรนด์ที่จะช่วยชี้นำวิธีคิด วิธีอยู่อาศัย วิธีใชชีวิตให้ผู้คน ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยยืดระยะเวลาแห่งความสุขเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับ ครอบครัวคนไทยได้ จึงควรมีการจัดการพื้นที่ เทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้สุขภาพดีทั้งกาย ใจ การสร้างสัมพันธภาพใหม่ ๆ  ตลอดจนการดำเนินไว้ซึ่งคุณค่าของการมีอยู่และการได้รับการยอมรับจากสังคม   จากการสอบถาม พบว่า ผู้สูงวัยชาวไทยกว่า 64.5% มองว่าตนเองยังมีความกระฉับกระเฉง มีพลังในการทำอะไรใหม่ ๆ  ขณะที่ 79.85% มีความกระตือรือร้น และกระฉับกระเฉงในการทำงาน ส่วน 66.17% ชอบพบปะผู้คน ได้รับอิทธิพลจากเพื่อนฝูง ส่วน 41.83% ชีวิตคือการผจญภัย และชอบความคิดในการทำสิ่งใหม่ และแตกต่างในทุกวัน และสัดส่วน70.42% พออายุมากขึ้น ฉันมีโอกาสที่จะทำสิ่งอยากทำ 5.R/O Phenomena คนรุ่นใหม่ ยอมรับรูปแบบการเช่า แทนการเป็นเจ้าของของ : สำหรับคนรุ่นใหม่ ยอมรับได้ถ้าจะอยู่อาศัยด้วยการเช่า แทนการเป็นเจ้าของเอง ซึ่งถือเป็นโจทย์สำคัญให้กับนักพัฒนาอสังหาฯ เลือกที่จะทดลองโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่อาจเป็นที่นิยมของคนรุ่นต่อไป อาทิ ที่พักอาศัยแบบเช่าสุดครบครัน คู่หูคนอยากเช่า เช่าอยู่ก็คลูได้ เช่าไลฟ์สไตล์   ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้คนรุ่นใหม่ให้การยอมรับรูปแบบการเช่า เป็นเพราะ ราคาที่ดินที่แพงขึ้นทำให้ยากต่อการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย รายได้ที่ลดลงหรือไม่มั่นคง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประกอบกับการย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่เมืองมากขึ้น ทำให้ราคาของที่ดินรวมถึง อสังหาฯ โดยรวมเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการที่มากขึ้น ในขณะที่ที่ดินที่น้อยลง ทำให้ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อที่อยู่อาศัย เป็นการเช่าอสังหาฯ เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้น   ในประเด็นความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ต่าง ๆ ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มเปิดใจยอมรับ ไม่ยึดติดการต้องเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว ซึ่งต้องจับตามองการเติบโตของสัดส่วนเหล่านี้ต่อไป  ซึ่งสัดส่วน 46.99% ไม่ยึดติดกับการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย หรืออสังหาฯ เน้นการเช่าอยู่เป็นหลัก เพราะทำให้สะดวก และคล่องตัวรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของชีวิตยุคใหม่ สัดส่วน 52.84% ต้องการเช่าใช้สินค้า หรือบริการในรูปแบบ Subscription หรือ ระบบบริการสมาชิกแบบเหมาะจ่ายล่วงหน้าเป็นรายปีหรือรายเดือน สัดส่วน 53.19% ต้องการสินค้าและบริการแบบร่วมกันแบ่งปัน เช่น การแบ่งกันใช้รถ อย่างบริการของ Uber การแบ่งที่พักอย่างบริการของ Airbnb เป็นต้น เพื่อใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า 6.Real Estate as a Service (REaaS) อสังหาฯ มาพร้อมการบริการ มากกว่าการอยู่อาศัย : จากแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่มีความเฉพาะตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านจาก “ผลิตภัณฑ์”​ สู่ “บริการ” เพื่อเพิ่มการบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม ให้กับผู้บริโภค เป็นการสร้าง Life-Long Customer ทำให้ธุรกิจอสังหาฯ มุ่งไปในทิศทางดังกล่าว โดย Real Estate as a Service (REaaS) เป็นรูปแบบธุรกิจที่ได้รับแนวคิดจาก Space As A Service (Spaas) ได้รับความนิยมเนื่องจากนวัตกรรมด้วยอสังหาฯ ที่ก้าวหน้าขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งหมดเป็นรูปแบบบริการแทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ อันเนื่องจากผู้บริโภคกำลังซื้อประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่   โดยผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจกับผู้ให้บริการที่ครบวงจรเพื่อความรวดเร็ว สะดวกสบายเพิ่มมากขึ้นถึงกว่า 80%  และสัดส่วน 83.64% ต้องการผู้ให้บริการที่ครบวงจรเพื่อความรวดเร็ว สะดวกสบาย และประสบการณ์หรือสิทิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น   ธุรกิจอสังหาฯ ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายด้านทั้งมุมมองความคิด บทบาท ขีดความสามารถ และการทำงานร่วมกับดิจิทัล โดย 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงองค์กร (Organization Transformation) จะมีความสำคัญเป็นลำดับแรกในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดย 89% ของการสำรวจจาก Pwc พบว่าอาสาสมัครมองว่า REaaS จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 7.AI Assistance ต้องการผู้ช่วย AI ที่ทำให้ชีวิตสุขสบาย : เพราะวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันมีความยุ่งยาก และใช้เวลาไปกับหลายเรื่อง จึงมีความต้องการได้​ผู้ช่วยมาทำเรื่องที่ต้องใช้เวลามาก ๆ เพื่อช่วยลดเวลายุ่งยาก และเพิ่มเวลาความสุข แม้ว่าจะต้องแลกกับการให้ข้อมูลส่วนตัว ผู้บริโภคชาวไทยก็พร้อม เพื่อนำเอาตัวช่วยมาใช้งาน อาทิ เทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย หรือแม้แต่แอปพลิเคชั่น   จากการสอบถามความเห็น พบว่า ​57.14% ต้องการใช้งานเคโนโลยีหรือแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่เข้ามาเติมเต็มด้านความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต โดยยอมแลกกับการให้ข้อมูลส่วนตัว สัดส่วน 62.13% ต้องการให้มีหุ่นยนต์อัจฉริยะ (Smart Robot) หรอระบบปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเป็นผู้ช่วยอำนวยความสะดวกภายในที่อยู่อาศัย สัดส่วน 80.9% ต้องการเทคโนโลยีให้วินิจฉัยโรคได้ด้วยตนเอง เพื่อสามารถควบคุมสุขภาวะของร่างกายได้มากขึ้นผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราตรวจวัดสุขภาพของตัวเราได้ตลอดเวลา  และสัดส่วน 75.73% ต้องการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เข้ามาช่วยดูแลรักษาสุขภาพแบบส่วนบุคคล 8.Net Zero Agenda ธุรกิจอสังหาฯ เพื่อ Net Zero : ปัจจุบันปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่มีความรุนแรงมากขึ้น และจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาในทุกระดับโดยเร็ว เป็นประเด็นที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ เพราะหากยังมีการทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น จนอุณหภูมิพุ่งสูงจากเดิม 2 องศาเซลเซียส จะนำไปสู่ปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Hothouse Earth หรือภาวะโลกร้อนเหมือนอยู่ในเตาอบ ถึงตอนนั้นมนุษย์จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก หรือจุดที่เรียกว่า Point Of No Return ในการรักษาภาวะโลกร้อนให้ไม่เกิน 15 องศาเซลเซียส ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปารีส ซึ่งไทยเข้าร่วมเมื่อ 21 กันยายน 2559 และประเทศไทยได้ให้ข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจก และการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กับประชาคมโลก (National Determined Contribution-NDC) ที่ต้องการลดการปล่อยมลพิษจะต้องลดลง 45% ภายในปี 2573 และถึงศูนย์สุทธิภายในปี 2593   โดยผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้ผลิต มีสินค้าและบริการที่ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม หรือการใช้ซ้ำ ซึ่งสัดส่วน 76.76% ชอบช่วยเหลือผู้คนและสังคม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมก่อนเสมอ สัดส่วน 75.56% ชอบทำสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้และสังคมดีขึ้น สัดส่วน 77.8% ใส่ใจกับธรรมชาติ เลือกใช้สินค้าหรือเทคโนโลยีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้  และสัดส่วน 82.96% ต้องการให้ผู้ผลิตมีสินค้าและบริการที่ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมหรือการใช้ซ้ำ ทั้งหมดเป็นความต้องการของผู้บริโภคที่ภาคธุรกิจอสังหาฯ​ จะต้องให้ความสำคัญ​และรีบดำเนินการตอบสนองเรื่องเหล่านี้ 9.Humanity Resilience นวัตกรรมการปรับตัวให้อยู่รอดเพื่อมวลมนุษยชาติ :  จากปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดบ่อยมากขึ้น เมื่อเที่ยบกับอดีต และกระทบคนจำนวนมากขึ้นซึ่งสร้างความเสียหายต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สิน สิ่งที่ภาคธุรกิจอสังหาฯ ต้องปรับตัวรองรับกับเทรนด์นี้ ​คือ การ​สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยซึ่งสามารถรับมือกับภัยพิบัติ รูปแบบต่าง ๆ ได้ อาทิ  ที่อยู่อาศัยสามารถรับมือกับน้ำท่วม การพัฒนาเมืองต้นแบบที่เอาตัวรอดได้เมื่อโดนตัดขาด และกรรมวิธีการผลิตที่ทำได้แม้สถานการณ์คับขัน   จากการสำรวจความเห็น พบว่า ประชาชนต้องการเมืองที่มีความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติได้ดี ช่วยให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งสัดส่วน 92.08% ต้องการเมืองที่มีความสามารถในการับมือกับภัยพิบัติ สามารถอยู่รอดในสถานการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ แม้จะถูกตัดขาดจากพื้นที่โดยรอบของเมือง  และสัดส่วน 92.95% ต้องการเมืองที่ประชาชนรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 10.New Frontier บ้านหลังใหม่ของมนุษยชาติบนดาวอังคาร : หากมองไปไกลอีกหลายสิบปีข้างหน้า การออกไปอยู่ในอวกาศก็เป็นสิ่งที่หลายชาติกำลังมองหา ​เห็นได้จากการพัฒนาโครงการทางอวกาศในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย เป็น​​การเกิดขึ้นของโครงการอวกาศ ที่แต่ละครั้งล้วนสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรม​​ การนำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้บนพื้นโลกนั้น ถือเป็นนหนึ่งในวีธีที่ทำให้สิ่งของบนโลกถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น หนึ่งในเทคโนโลยีที่ต่อยอดลงมาสู่พื้นโลก คือ การพัฒนาการอยู่อาศัย ตั้งแต่การสร้างบ้านที่ครบครันจากเครื่องพิมพ์สามมิติ และการอยู่อาศัยอย่างปกติในสภาพวะไร้น้ำหนัก   จากข้อมูล​​ พบว่า มูลค่าตลาดธุรกิจอวกาศ มีมูลค่ากว่า 420,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกกว่า 50% ในปี 2583  และตั้งแต่ปี 2563 ไปจนถึงปี 2570 ทาง NASA วางแผนที่จะใช้งบประมาณกว่า 150,000 ดอลลาร์สหรัฐในภารกิจที่จะพามนุษย์กลับไปสู่ดวงจันทร์ อีกทั้งสำรวจดาวอังคารด้วย ​   ทิศทางการตลาดของเศรษฐกิจอวกาศที่กำลังจะเกิดขึ้น ถือเป็นโอกาสสำหรบประเทศไทย ในการ​สร้างเศรษฐกิจอวกาศในประเทศไทย และการใช้องค์ความรู้จากการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อมุ่งสู่อวกาศมาพัฒนายัง Business Sector อื่น ๆ  ได้แก่ ใช้ประโยชน์ข้อมูลจากดาวเทียม พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเป็นอยู่บนอวกาศ ต่อยอดเทคโนโลยีอวกาศมาแก้ปัญหาบนพื้นโลก สร้างประสบการณ์ใหม่ที่เพิ่มมูลค่าด้วยอวกาศ สร้างแรงบันดาลใจด้วยจินตนาการถึงอวกาศ ทั้งหมดคือ 10 เทรนด์ที่อยู่อาศัย ที่น่าสนใจซึ่งกำลังจะก้าวเข้าตอบสนองความต้องการขของคนในยุคปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ หลายอย่างเชื่อว่าจะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น และสะดวกบายมากยิ่งขึ้น แต่เทรนด์ไหนจะเกิดขึ้นจริงได้บ้างนั้น คงต้องเฝ้าติดตามกันต่อไป​   อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง -อัพเดต 5 เทรนด์ที่อยู่อาศัย-การก่อสร้าง มาแรงปี 2022 -ส่อง ตลาดที่อยู่อาศัยปี 66 การเติบโตท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง ดอกเบี้ย-ต้นทุนพุ่ง
พรีโม ขาย IPO หุ้นละ 15 บาท 80 ล้านหุ้น  วางเป้า Top 3 บริการด้านอสังหาฯ ​

พรีโม ขาย IPO หุ้นละ 15 บาท 80 ล้านหุ้น วางเป้า Top 3 บริการด้านอสังหาฯ ​

พรีโม พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น เคาะราคา IPO 15 บาทต่อหุ้น พร้อมเปิดจองซื้อวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายนนี้ เตรียมระดมทุน 80 ล้านหุ้น ในตลาด เอ็ม เอ ไอ ต่อยอดธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ ครบวงจร พร้อมใช้เทคโนโลยีเสริมการบริการ ตั้งเป้าขึ้น Top3 หลัง 9 เดือนกวดรายได้กว่า 604.26 ล้าน มีกำไรสุทธิ 156.02 ล้าน   หลังจากบริษัทแม่อย่าง ออริจิ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์ไปก่อนหน้า พร้อมนำเอาบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครืออีกหนึ่งบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคิวของบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ PRI ที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นรายต่อไป   นางสาวจตุพร วิไลแก้ว  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโมฯ  เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มต้นธุรกิจขึ้นตั้งแต่ปี 2554 ในธุรกิจให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ และเป็นนายหน้า และมีการจัดตั้งบริษัทต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ จนปัจจุบันได้เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ​เนื่องจากเป็นบริษัทเรือธงของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ซึ่งเดิมทางออริจิ้นถือหุ้น 100% จะปรับลดเหลือ 75% ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท ชำระแล้ว 120 ล้านบาท   โดยปัจจุบันมีบริการที่หลากหลายตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ หรือก่อนเข้าอยู่อาศัย เข้าอยู่อาศัยแล้วและบริการหลังการขายอสังหาฯ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าอสังหาฯ ที่ต้องการพัฒนาโครงการและลูกค้ารายย่อย โดยสามารถให้บริการได้ตั้งแต่เริ่มออกแบบก่อสร้าง จนถึงโอนกรรมสิทธิ์และมีบริการหลังการขายอสังหาฯ ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการด้านการอยู่อาศัยแบบวันสต็อปเซอร์วิส ภายใต้แนวคิด “Living Partner” เสมือนเป็นเพื่อนคู่คิดในการใช้ชีวิตร่วมกับลูกค้า สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ในการสร้างการเติบโตแบบออกานิคอย่างต่อเนื่อง ​ และการเพิ่มบริการให้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า ที่มีอยู่กว่า 30,000 ครัวเรือน 100 โครงการ และขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเสริมบริการ อาทิ การเพิ่มบริการของแอปพลิเคชั่น PRIMO PLUS ด้านเฮลท์แคร์ การช้อปปิ้ง นอกจากนี้ ยังเสริมธุรกิจด้านต่าง ๆ ให้เติบโตเพื่อไปสู่เป้าหมายสำคัญ ในการขึ้นเป็นผู้นำ1 ใน 3  หรือ Top3 ตลาดธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ ด้วย สาเหตุที่ออกมาจากออริจิ้น เพราะอยากเติบโตรองรับลูกค้าจาก One-time customer เป็น Life-time เพราะบริษัทเป็นฟันเฟืองที่ใหญ่ในธุรกิจอสังหาฯ ที่สามารถเติบโตได้ด้วยตนเอง สามารถรับลูกค้าได้ทั้งกลุ่มนอกออริจิ้นได้ด้วย 3 กลุ่มธุรกิจ 8 บริษัทในเครือ ปัจจุบันบริษัทฯ แบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 3 กลุ่ม ภายใต้การดำเนินงานของ 8 บริษัทย่อย ได้แก่ 1.ธุรกิจที่ปรึกษาและออกแบบทางวิศวกรรม (Pre-Living Services) โดยมีบริการที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้างโครงการอสังหาฯ  บริการออกแบบสถาปัตยกรรม งานวิศวกรรมและงานระบบ โดยได้รับมาตรฐาน ISO 9001: ด้านที่ปรึกษาและบริหารจัดการก่อสร้าง รวมถึงมีบริการจัดฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับอสังหาฯ และการพัฒนาบุคลากร 2.ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Living Services) โดยให้บริการรับบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน บริการจัดหาผู้เช่าห้องชุดภายใต้แบรนด์ “พรีโม แมเนจเม้นท์” โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 มีลูกค้า 56 โครงการ และให้บริการดังกล่าวแก่โครงการระดับลักชัวรี่ภายใต้แบรนด์ “คราวน์ เรสซิเดนซ์” โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 มีลูกค้า 15 โครงการ (ไม่รวมลูกค้าจากบริการจัดหาผู้เช่าห้องชุด) นอกจากนี้ยังมีบริการรับบริหารจัดการอสังหาฯ เพื่อเช่าระยะยาวภายใต้แบรนด์ “แฮมตัน” (Hampton) บริการนายหน้าซื้อ ขาย ให้เช่า อสังหาฯ  ครบวงจร รวมถึงบริการที่ปรึกษาพัฒนาโครงการอสังหาฯ และการตลาด 3.ธุรกิจให้บริการหลังการขายอสังหาริมทรัพย์ (Living & Earning Services) โดยมีบริการต่างๆ ได้แก่ ออกแบบตกแต่งภายในบ้าน คอนโดฯ และพื้นที่ส่วนกลาง, ตกแต่งพื้นที่ส่วนกลาง สำนักงานขายโครงการอสังหาฯ, ทำความสะอาดที่พักอาศัยแบบทำสัญญาและรายครั้ง และบริการช่างและขนย้ายสิ่งของ ทั้งนี้ การที่บริษัทสามารถให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาฯ แบบครบวงจร ถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ โดยฐานรายได้หลักของบริษัทมาจากการให้บริการ ซึ่งมีทั้งการทำสัญญาให้บริการแบบระยะยาว เช่น บริการที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้าง, บริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร เป็นต้น และการให้บริการเป็นรายครั้ง รวมถึงมีฐานลูกค้าจากโครงการของ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านรายได้แก่บริษัท  นอกจากนี้บริษัทมุ่งขับเคลื่อนการให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยหรือ Tech Service Company โดยมีแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นช่องทางติดต่อและให้แก่บริการแก่ลูกค้า   นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า บริษัทวางกลยุทธ์การเติบโตด้วยการมุ่งเพิ่มศักยภาพการให้บริการและสร้างสรรค์บริการใหม่ ๆ แบบวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการอยู่อาศัยในทุกจังหวะการใช้ชีวิต หรือ “At Your Service, Every Moment” โดยจะมุ่งรักษาฐานลูกค้าเดิมใช้บริการต่อเนื่องและขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งวางแผนยายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักในปัจจุบัน ควบคู่กับการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีไอทีและดิจิทัลเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ มุ่งสู่ผู้นำของธุรกิจให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร 9 เดือนกวาดรายได้กว่า 600 ล้าน ด้านนางสาวนุชจรีย์ จิตต์อาจหาญ ผู้บริหารสายงานบัญชีและการเงิน กล่าวว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่ง โดยในปี 2562 – 2564 มีรายได้รวม 255.69 ล้านบาท 266.51 ล้านบาท และ 489.56 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 30.48% ต่อปี และมีกำไรสุทธิ 34.52 ล้านบาท 40.05  ล้านบาท และ 111.25 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 74.09% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของ   ปี 2565 มีรายได้รวม 604.26 ล้านบาท เติบโต 95.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 156.02 ล้านบาท เติบโต 128.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจเติบโตได้ดีและมีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ณ งวด 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 61.62% และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 81.20% เคาะราคาหุ้นละ 15 บาท ระดม 80 ล้านหุ้น ขณะที่นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ความคืบหน้าการนำ บริษัท​ พรีโมฯ หรือ PRI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หลังจากที่ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาอนุมัติ   ล่าสุด ได้รับการอนุมัติแบบคำขอฯ และแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับแล้ว โดย บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญ ที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจในปัจจุบัน และพัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการลูกค้า รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ   โดย PRI เป็นบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมากตามการขยายตัวของธุรกิจอสังหาฯ และความต้องการใช้บริการด้านการอยู่อาศัย โดยมีบริการที่สามารถตอบสนองลูกค้าที่เป็นโครงการอสังหาฯ และลูกค้ารายย่อย   ส่วนนางสาวยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ราคาหุ้นละ 15 บาท ซึ่งมองว่าเป็นราคาที่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายนนี้ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 5 ราย   โดยคาดว่าจะนำหุ้น PRI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยเชื่อว่า PRI จะเป็นหุ้น IPO ที่ได้รับความสนใจที่ดีจากนักลงทุน ด้วยจุดแข็งด้านบริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาฯ แบบครบวงจร มีฐานลูกค้าที่มั่นคง มีรายได้ประจำที่มาจากการทำสัญญาระยะยาวกับลูกค้า และผลประกอบการที่ผ่านมาที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โชว์ศักยภาพธุรกิจเป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ครอบคลุมต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ตั้งแต่ก่อนเข้าอยู่อาศัย เข้าอยู่อาศัยแล้วและบริการหลังการขายอสังหาฯ ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 156.02 ล้านบาท เติบโต 128.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน วางกลยุทธ์ขยายบริการใหม่มุ่งสู่ผู้นำของธุรกิจให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เปิดโรดแมพธุรกิจ “ออริจิ้น” ใน 3 ปี ปูทางสู่มาร์เก็ตแคปกลุ่มธุรกิจ 1 แสนล้าน -พรีโม เตรียม IPO ในปลายปีนี้ วางเป้าขึ้น Top3 ด้านบริการอสังหาฯ ​ครบวงจร
[PR News] ฮาบิแทท ร่วมสนับสนุนงาน PATTAYA INTERNATIONAL BIKINI BEACH RACE 2022

[PR News] ฮาบิแทท ร่วมสนับสนุนงาน PATTAYA INTERNATIONAL BIKINI BEACH RACE 2022

ฮาบิแทท ร่วมสนับสนุนงาน PATTAYA INTERNATIONAL BIKINI BEACH RACE 2022 บริษัท ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ จำกัด กลุ่มบริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ร่วมสนับสนุนของรางวัล และของที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมงาน “PATTAYA INTERNATIONAL BIKINI BEACH RACE 2022” ให้กับผู้ร่วมงาน และผู้แข่งขันการประกวดรางวัลหุ่นดีหญิง, รางวัลผิวสวยชาย และรางวัลผิวสวยหญิง อาทิ  บัตรกำนัลห้องพัก 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหารเช้า โรงแรมเบสเวสเทิร์นพรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา และโรงแรมครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์   ฮาบิแทท ร่วมสนับสนุนงาน PATTAYA INTERNATIONAL BIKINI BEACH RACE 2022 โดยมี คุณชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้มอบรางวัลครั้งนี้ ร่วมกับคณะบริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา พร้อมด้วย คุณศศิวิมล สุทธิบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ร่วมงาน อีกทั้งยังมีกิจกรรมแจกของที่ระลึก และมอบสิทธิพิเศษแก่ผู้ร่วมงาน ได้แก่ กระเป๋าผ้ารักษ์โลก, น้ำดื่ม, คูปองส่วนลดห้องพัก 15%, คูปองรับประทานอาหาร มูลค่า 300บาท สำหรับใช้บริการโรงแรม ครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์, โรงแรม ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ และโรงแรมเบสเวสเทิร์นพรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา บริเวณหน้าศูนย์การค้า เซ็นทรัล พัทยา เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา     บทความน่าสนใจ “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ปั้นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส 4,500 ล้าน พร้อมบุกตลาดลูกค้าต่างชาติ รีวิวคอนโด ทองหล่อ Walden Thonglor 13 คอนโดดีไซน์สไตล์ Japanese tropical เรียบง่าย หรูหรา ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ เปิดเกมขยายตลาดต่างประเทศ ลุยโรดโชว์จีน-ฮ่องกง เชื่อศักยภาพตลาดยังแกร่ง
AWC  เดินแผนขยายธุรกิจแสนล้าน  เตรียมเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 9 แห่ง

AWC เดินแผนขยายธุรกิจแสนล้าน เตรียมเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 9 แห่ง

awc AWC เดินแผนธุรกิจ 5 ปี ลงทุน 100,000 ล้าน ทั้งขยายโครงการใหม่ และซื้อกิจการ รับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่ทั้งปีน่าจะทำตัวเลขต่างชาติทะลุ 10 ล้านคน เตรียมขยายพอร์ตโรงแรมเพิ่มอีก 9 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 19 แห่งทั่วประเทศ พร้อมจับมือ ททท. กระตุ้นท่องเที่ยวตามนโยบาย ททท. พันธมิตรทางภาครัฐ   ตอนนี้ประเทศไทยได้เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางกลับเข้ามาในประเทศกันมากขึ้นแล้ว ข้อมูลล่าสุดจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 26 ตุลาคม 2565 มีจำนวน 7.39 ล้านคน หรือเฉลี่ยเดือนละ 51,000 คน โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 ล้านคน และภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทย 10 ล้านคน และปีหน้าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคน   สัญญาณการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวนี้ ได้สร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจการท่องเที่ยวให้กับ AWC หรือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ที่จะเดินหน้าตามแผนธุรกิจขยายพอร์ตโรงแรมและธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะแผนธุรกิจในระยะ 5 ปี (2565-2569) ในการลงทุน 100,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการต่าง ๆ พร้อมลงทุน แสนล้านเพิ่มพอร์ตธุรกิจ นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  AWC เปิดเผยว่า ตามแผนธุรกิจในระยะ 5 ปี โดยเริ่มนับจากปี 2565 นี้ บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ 100,000 ล้านบาท  เพื่อใช้สำหรับการพัฒนาโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องจำนวน 15 โครงการ มูลค่ารวม 60,000 ล้านบาท ส่วนอีก 40,000 ล้านบาท จะมองโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ รวมถึงการลงทุนที่เน้นการพัฒนาสู่ความยั่งยืนพร้อมกับการบริหารต้นทุนและกระแสเงินสดจากการที่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น   โดยปัจจุบันยังมีโรงแรมที่เข้ามาเสนอขายให้กับบริษัทจำนวนกว่า 200 โรงแรม มีโรงแรมหลายขนาด ซึ่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งบริษัทจะพิจารณาดูศักยภาพและคัดเลือกโรงแรมที่เหมาะสม ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท​ แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุป ​จากช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมาได้มีการซื้อโรงแรมไปแล้วหลายแห่ง   ส่วนโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาปัจจุบัน มี 9 แห่ง ได้แก่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โรงแรมเจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา โรงแรมพัทยา แมริออท มาร์คีส์ โรงแรมอควาทีค พัทยา ออโตทราฟ คอลเลคชัน โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา แอท จอมเทียนบีช ​ โรงแรมเดอะ ริทช์ – คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซต์  โรงแรมเจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ โฮเทล เอเชียทีค กรุงเทพ โรงแรมดิ เอเชียทีค แบงค็อก, ออโตกราฟ คอลเลคชัน และโรงแรมอินน์ไซด์ กรุงเทพ สุขุมวิท   ทั้งนี้ ในจำนวนโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาปัจจุบัน จะมีโรงแรมที่พร้อมเปิดให้บริการในปี 2566 จำนวน 400 ห้อง จากช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีจำนวนโรงแรมและห้องที่​บริหารงานและดำเนินการอยู่ 19 แห่ง จำนวน 5,195 ห้อง เพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2562 ที่มีจำนวนห้อง 4,200 ห้อง โดยช่วงเวลาดังกล่าวโรงแรมในกลุ่ม AWC มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 79% ในช่วงเกิดสถานการณ์โควิด ได้คุยกับพันธมิตรระดับโลก เขาบอกว่านักเดินทางจะกลับมาเมืองไทย เนื่องจากไทยมีมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวที่ชัดเจนอย่างมาตรฐาน SHA ปัจจุบันอัตราการจองเข้าพักล่วงหน้า (Booking) มีอัตราการจองที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดในปี 2562 แล้ว เฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ อัตราการจองแบบก้าวกระโดด เนื่องจากประเทศไทยจะมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค และเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีกิจกรรมต่าง ๆ ​โดยอัตราการเข้าพักช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับ​ 30-40% และปรับเพิ่มขึ้นเป็น 50% ส่วนปัจจุบันปัจจุบันมีอัตราจองเข้าพัก​ 60% ทำให้อัตราการจองมีต่อเนื่องถึงกลางปี 2566 ถือเป็นสัญญาณที่ดี มีอัตราการจองวันละ​ 51,000 คน แม้จะเป็นครึ่งหนึ่งจากปี 2562 ที่เฉลี่ยวันละแสนคน เพราะต้องรอสายการบินกลับมาบิน แต่รายได้ต่อห้อง​ หรือ Room rate สูงขึ้น จากคืนละ 4,200 บาทเป็นคืน 4,900 บาท เพราะได้นักท่องเที่ยวคุณภาพ เดินหน้าการท่องเที่ยวยั่งยืน นอกจากการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตแล้วบริษัทยังมีพันธกิจ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยั่งยืน และ เชื่อมั่นว่าการรวมพลังและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะสามารถร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก   ล่าสุด ได้ตอบรับนโยบาย “ททท. พันธมิตรทางภาครัฐ” กับทางททท. ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและเป็นศูนย์กลางรวบรวมผู้ประกอบการทั้งหมดมาร่วมสร้างคุณค่าให้กับการท่องเที่ยวยั่งยืนของไทยไปด้วยกัน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ความอย่างยั่งยืนตลอดการะบวนการดำเนินงาน และโครงการต่างๆ  อาทิ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ได้เป็นโรงแรมแห่งแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 20121 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการจัดงานอย่างยั่งยืน   ทั้งนี้  บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสำคัญ จะเป็น Carbon Neutral คือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ รวมไปถึงไม่มีขยะฝังกลบจากการดำเนินงาน ภายในปี 2572 โดยในช่วง 5 ปีจากนี้ ตั้งแต่ปี 2565-2569 บริษัทจะเน้นลงทุนพัฒนาโครงการตามกลยุทธ์ Carbon Neutral ที่คำนึงถึงมาตรฐานอาคารสีเขียว และได้รับการรับรองมาตรฐาน EDGE ด้วย สำหรับการดำเนินงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ  AWC และพันธมิตรจากภาคส่วนต่างๆ ดำเนินการภายใต้ 3 เสาหลัก 6 มิติ หรือ 3BETTERs ได้แก่ 1.สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น (BETTER PLANET) การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตั้งแต่กระบวนการวางแผนและก่อสร้าง การจัดการ และการบริหารงาน ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรในการบูรณาการกรอบแนวคิดในระดับสากลเข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการตามมาตรฐานอาคารสีเขียว ทั้งผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ ผู้รับเหมา ที่ปรึกษาโครงการ และอื่นๆ ต่อเนื่องถึงพันธมิตรในด้านการจัดการและบริหารการดำเนินงานที่จะร่วมรวมพลัง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 2.คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (BETTER PEOPLE) การพัฒนาบุคคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร การยกระดับการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมและชุมชน ผ่านความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในการเสริมสร้างความรู้และพัฒนาอาชีพ เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนผ่านโครงการ “เดอะ GALLERY” ที่มุ่งจัดจำหน่ายสินค้าฝีมือคนในชุมชน อีกทั้งยังเป็นอีกช่องทางที่ช่วยชุมชนเพิ่มมูลค่างานศิลปะ ซึ่ง AWC ตั้งใจขอชวนพันธมิตรและชุมชนติดต่อ เดอะ GALLERY เพื่อเพิ่มสินค้าและผลงานศิลปะเพื่อเป็นช่องทางการขาย ผ่านโครงการต่างๆ ของบริษัท​ ทำการตลาดถึงลูกค้าจากทั่วโลก 3.เศรษฐกิจที่ดีขึ้น (BETTER PROSPERITY) การผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและกระตุ้นความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยวางแผนกลยุทธ์องค์กรให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผ่านการลงทุนพัฒนาบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายของบริษัทฯ สร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชนและธุรกิจท้องถิ่น สร้างคุณค่าทวีคูณและธุรกิจองค์รวม (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก อีกทั้งส่งเสริมให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด     อ่านข่าวเพิ่มเติม -AWC ปี 64 ทำกำไรกว่า 861 ล้าน หลังคลายล็อกดาวน์-เปิดการท่องเที่ยว -[PR News] AWC ทุ่มงบ 435 ล้าน ซื้อ “ดุสิต ดีทู เชียงใหม่” ผนึกกำลัง “กลุ่มดุสิตธานี” เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือ  
[PR News] SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR

[PR News] SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR

SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR เผยโฉมไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชันล่าสุด ‘A Parisian State of Mind’ นำสัมผัสแห่งแรงบันดาลใจในสไตล์ปารีเซียง มาถ่ายทอดสู่งานดีไซน์ให้เหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ใจกลางมหานครปารีสในทุกวัน SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR  นายพิเดช ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ กล่าวถึงแนวทางการสร้างสรรค์โปรเจคพิเศษด้านความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยโซลูชันที่ล้ำหน้าและไม่ซ้ำใครว่า ในฐานะผู้นำด้านเฟอร์นิเจอร์และการแต่งบ้าน ภายใต้แนวคิด Home Design Solutions การสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานดีไซน์ใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเติมเต็มความต้องการของไลฟ์สไตล์เทรนด์ในทุกช่วงเวลาจึงเป็นความท้าทายให้ SB Design Square ต้องเฟ้นหาความใหม่ที่พิเศษสุดมานำเสนอในแต่ละปี โดยอาศัยความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำที่พร้อมจะดึงจุดเด่นของแบรนด์นั้นๆ มาผสานกับความเชี่ยวชาญที่เรามี เพื่อส่งมอบโซลูชันในการอยู่อาศัยโดยมีดีไซน์เข้ามาเติมเต็มเพื่อความสุขในทุกโมเมนต์ของการใช้ชีวิต โดยล่าสุดในปีนี้ SB Design Square ได้ผสานความร่วมมือกับ ELLE DECOR แบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นระดับโลกจากฝรั่งเศส สร้างสรรค์ผลงานไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นอายแบบฉบับของปารีเซียงสไตล์ ที่มุ่งเน้นถ่ายทอดความงดงามทางแฟชั่นกับศิลปะในการออกแบบและผลิตเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่นำเข้าจากทั่วโลกผ่านเทคโนโลยีการผลิตสุดทันสมัยได้อย่างไม่จำกัด ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกหล่อหลอมผ่านมุมมองสร้างสรรค์ให้กลายเป็นคอลเลคชันพิเศษ ที่มีดีไซน์ทันสมัยและรายละเอียดการผลิตสุดประณีตให้สัมผัสถึงความเป็นเฟมินีน มีเสน่ห์โดดเด่นกว่าใครภายใต้ความเรียบอย่างมีสไตล์ในคอลเลคชัน ‘A Parisian State of Mind’ “SB Design Square ต้องการที่จะผสมผสานเรื่องของการแต่งบ้านเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยให้มากขึ้น ต้องการสร้างความคิดที่ว่า ‘การแต่งบ้านเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัน’ ให้เหมือนกับการเลือกซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นของชิ้นใหญ่ ซึ่งคอลเลคชัน ‘A Parisian State of Mind’ จะสะท้อนแนวคิดไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ได้เป็นอย่างดี” นายพิเดช ชวาลดิฐ  กล่าวถึงแนวคิดในการสร้างสรรค์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ ‘A Parisian State of Mind’ “ความร่วมมือในครั้งนี้เสมือนเป็นการย้ำให้เห็นถึง ความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยีการผลิตต่างๆ ที่ทันสมัย เพื่อยกระดับความเป็น     Home Design Solutions    ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทั้งเรื่องสินค้าและบริการช่วยออกแบบตกแต่งที่ครบ   วงจร ด้วยความที่เราเป็นผู้นำจึงสามารถสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ที่โดดเด่น เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ นำเสนอในราคาที่สามารถจับต้องได้  โดยเราได้นำลวดลายของ ELLE DECOR มาผสมผสานลงไปในชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ในคอลเลคชัน A Parisian State of Mind ที่นำสัมผัสแห่งแรงบันดาลใจในสไตล์ปารีเซียงมาถ่ายทอดสู่งานดีไซน์ที่เหมือนให้เราใช้ชีวิตอยู่ใจกลางมหานครปารีสในทุกวัน”   ด้านมุมมองต่อทิศทางการพัฒนางานด้านดีไซน์โซลูชันของ SB Design Square จากปัจจุบันสู่อนาคตนั้น นายพิเดช กล่าวเสริมว่า จากพฤติกรรม work from home ที่เกิดขึ้นในกว่า 2 ปีที่ผ่านมาที่ทำให้  "บ้าน" ไม่ได้เป็นแค่เพียง "ที่อยู่อาศัย" แต่ยังกลายเป็นออฟฟิศ ห้องประชุม ฟิตเนส ร้านกาแฟ หรือแม้กระทั่งโรงภาพยนตร์ ประกอบกับการเริ่มเปิดประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะสินค้าในลักษณะไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ ที่ผสานประสบการณ์ใหม่เข้ากับฟังก์ชันที่ลูกค้าต้องการ SB Design Square จึงได้ร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เดินหน้าแนวคิดในการพัฒนาเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์เทรนด์ในส่วนนี้มาอย่างต่อเนื่อง และจากกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้เราได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในทุกปี โดย SB Design Square จะไม่หยุดที่จะเข้าถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คน ด้วยเหตุนี้เราจึงนำ Big Data ที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Personalization ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์แบรนด์ที่หลากหลายเพื่อเป้าหมายในการขยายกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์ในอนาคต นางสาวปรียรัติ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ลาร์กาแดร์ แอคทีฟ เอ็น เตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ของแบรนด์ ELLE DECOR ในประเทศไทยกล่าวถึงความพิเศษของคอลเลคชันใหม่ภายใต้โปรเจคพิเศษ SBDS X ELLE DECOR ว่า คอลเลคชัน A Parisian State of Mind ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านกว่า 50 ชิ้น ซึ่งเราได้ผสมผสานลายพริ้นท์ ELLE Signature และ Parisian Touch ซึ่งสะท้อน DNA ของแบรนด์ในความเป็นผู้นำด้านแฟชั่นมาลงอยู่ในคอลเลคชันนี้ และสะท้อนให้เห็นว่า ELLE เป็นมากกว่าสินค้าแฟชั่น แต่หากคือทุกๆช่วงชีวิตของผู้หญิง ELLE ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็มีสไตล์ไปหมด ความโดดเด่นของคอลเลคชันนี้คือ  ELLE Signature ที่เน้นลาย Signature Monogram สุดคลาสสิค รวมไปถึง The Parisian Journey ที่นำ ELLE Eiffel มาทำให้ห้องของคุณมีชีวิตชีวาดั่งมหานครปารีส และที่ขาดไม่ได้คือลายพริ้นท์camo ที่เป็นลายที่เป็น MUST HAVE ของ Fall Winter 2022 นี้เลยทีเดียว ซึ่งความร่วมมือกับ SB Design Square ในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถ makeover ห้องของคุณจากห้องธรรมดาให้มีความหรูหรา มีสไตล์ น่าค้นหา และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ สร้างบรรยากาศในบ้านของคุณให้เป็น #ParisianAnywhere ได้อย่างไม่มีที่ติ ทั้งนี้ ไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ในคอลเลคชัน A Parisian State of Mind พร้อมเปิดให้ได้สัมผัสเพื่อสร้างแรงบัลดาลใจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ในทุกวัน ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sbdesignsquare.com หรือเข้าชมสินค้าจริงได้ที่ SB Design Square สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ และ SB Design Square สาขาราชพฤกษ์     บทความน่าสนใจ SB สาขา CDC ปรับลุคเป็น Flagship Store ส่ง Zelection Built-in ปฏิวัติวงการบิลท์อิน
อิเกีย  x STEPS  ออกแบบออฟฟิศสำหรับทุกคน ด้วย 5 เทคนิครองรับความแตกต่าง

อิเกีย x STEPS ออกแบบออฟฟิศสำหรับทุกคน ด้วย 5 เทคนิครองรับความแตกต่าง

อิเกีย อิเกีย  จับมือ STEPS  ออกแบบออฟฟิศสำหรับทุกคน เพราะโลกมีความแตกต่าง ด้วย 5 เทคนิคการออกแบบพื้นที่ และออฟฟิศ ที่สามารถรองรับความแตกต่างของคนได้รูปแบบ   แม้ว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “คน” แต่ต้องยอมรับว่าแต่ละคนต่างก็มีความแตกต่าง และมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคิด วิถีชีวิต รสนิยมทางเพศ  แม้กระทั่งรูปร่าง หน้าตา หรือโครงสร้างของร่างกาย ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีความปกติทั่วไป หรืออาจจะมีพิเศษกว่าคนอื่น   แต่สรุปสุดท้ายแล้ว คนทุกคนบนโลกนี้ ล้วนแต่มีความเป็น “มนุษย์” ที่เหมือนกันและเท่าเทียมกัน จึงต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม และเสมอภาคไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใคร เกิดมาด้วย รูปลักษณ์ หน้าตา หรือมีความพิเศษแตกต่างจากคนทั่วไปก็ตาม โดยเฉพาะประเทศไทย ที่คนไทยทุกคน อยู่ภายใต้การปกครองที่มีรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ย่อมจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคกัน ตามหลักสิทธิมนุษยชน ​ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะพบว่าคนส่วนใหญ่ของสังคม เริ่มตระหนักและให้ความสำคัญ กับความเสมอภาค และความเท่าเทียมกัน เพราะคนส่วนใหญ่เริ่มเข้าใจ และยอมรับกับความแตกต่าง และความหลากหลายของผู้คนในสังคม ที่แม้จะเป็นคนเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันไปในหลากหลายเรื่อง   ไม่เพียงแต่ผู้คนในสังคมเท่านั้น ที่ตระหนักและให้ความสำคัญกับประเทศความเท่าเทียม และความเสมอภาคกันเท่านั้น หน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ก็หันมาให้ความสำคัญ​และตระหนักถึงประเด็นสังคมนี้ด้วย เพราะทุกคน ทุกองค์กร ต่างเชื่อและเคารพในทุกความต่างของคนในสังคม ซึ่งหนึ่งในองค์กรนั้น คือ “อิเกีย” ศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ และของแต่งบ้าน สัญชาติสวีเดน   นางสาววรันธร เตชะคุณากร ผู้จัดการแผนก Inspiration & Communication อิเกีย ประเทศไทย  เล่าว่า วิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจของอิเกีย คือ การสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนทั่วไป รวมถึงการเคารพในทุกความต่าง และต้องการที่จะสร้างโลกใบนี้ให้เป็นบ้านสำหรับทุกคน ให้สามารถใช้ชีวิตที่ดีได้อย่างเท่าเทียมกัน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจ อิเกีย จึงได้ออกแบบสินค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งด้านความสวยงาม ราคา และฟังก์ชั่น เพื่อรองรับการใช้งานของคนที่มีความแตกต่างในสังคม ล่าสุด อิเกีย ได้ร่วมมือกับ STEPS องค์กรที่ให้การฝึกอาชีพและสนับสนุนการจ้างงาน ให้กับบุคคลที่มีความหลากหลายทางการรับรู้ จัดทำพื้นที่ “Inclusive Office” หรือโมเดลออฟฟิศต้นแบบที่ออกแบบสำหรับทุกคน ด้วยการนำเอาเฟอร์นิเจอร์และของใช้สำนักงาน มาจัดพื้นที่สำนักงานให้พนักงานของ STEPS ได้ทำงานอย่างคล่องตัว และสอดล้องกับความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งถือเป็น 1 ในกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR ของอิเกียในปีนี้ นางสาววรันธร  เล่าอีกว่า อิเกียรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เพราะอิเกียตระหนักดีถึงศักยภาพของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางการรับรู้ (Neurodivergent people) รวมไปถึงบุคคลที่มีภาวะออทิสซึม ดาวน์ซินโดรม ฯลฯ พวกเขาสามารถทำงานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับทุกคนได้เป็นอย่างดี เพียงแต่องค์กรจะต้องออกแบบสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยคำนึงถึงความหลากหลาย และแตกต่างของผู้ใช้งาน เรายอมรับในความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ ศาสนา เชื้อชาติ เราไม่มีการแบ่งแยกเรื่องเหล่านี้ และเวลาออกแบบสินค้า จะมองหาสิ่งที่พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของผู้คน สำหรับแนวทางการออกแบบเพื่อที่ออฟฟิศสำหรับทุกคน  อิเกีย จะมุ่งเน้นในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งาน มากกว่าเรื่องความสวยงาม ซึ่งการออกแบบจะต้องเข้าใจผู้ใช้งาน และรู้ถึงความต้องการของแต่ละบุคคล ว่ามีการใช้งานและกิจกรรมในแต่ละวันอย่างไร เพื่อออกแบบให้เหมาะสม ตั้งแต่เรื่องของโต๊ะและเก้าอี้ทำงาน แสงสว่าง อุปกรณ์กาจัดเก็บ ด้านนางสาวแม็กซ์ ซิมป์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง STEPS Community กล่าวว่า องค์กรหรือบริษัทในประเทศไทย ยังมีอัตราการรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางการรับรู้เข้าทำงาน ในหน่วยงานนั้นในอัตราที่ต่ำ ซึ่งตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 กำหนดสัดส่วนองค์กรที่มีพนักงาน 100 คน จะต้องรับบุคคลที่มีความหลากหลายทางการรับรู้เข้าทำงาน 1 คน หากไม่ปฏิบัติตามจะต้องชำระเป็นเงินค่าปรับให้กับกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเป็นรายปีแทน  ซึ่งองค์กรส่วนใหญ่เลือกจะเสียเงินค่าปรับแทน 98% ขององค์กรในประเทศไทย เลือกที่จะเสียค่าปรับแทนการรับคนเหล่านี้เข้าทำงาน โดยการทำงานของ STEPS จะมุ่งเน้นการฝึกสอนทักษะการทำงาน และการช่วยเหลือด้านการทำงาน สร้างกระบวนการทำงานที่กลุ่มคนเหล่านี้เข้าใจ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับบุคคลอื่น ๆ ในองค์กรได้ ซึ่งความต้องการของกลุ่มคนเหล่านี้ จะมี 3 เรื่องหลัก คือ รูปแบบการทำงาน ระบบการทำงาน และคนที่จะมาช่วยสอนการทำงาน ขณะเดียวกันองค์กรก็จะต้องมีนโยบาย ในการสนับสนุนการทำงานของคนเหล่านี้ และมีสิ่งอำนวยความสะดวก มีสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกับการทำงานของกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย "เรามุ่งมั่นที่จะสร้าง Inclusive Community หรือชุมชนที่ไม่แบ่งแยก จึงเป็นโอกาสดีที่เราได้ร่วมมือกับอิเกีย องค์กรที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน ในการจัดทำโมเดลต้นแบบออฟฟิศสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความพิการ และบุคคลที่มีความหลากหลายทางการรับรู้ ซึ่งองค์กรต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ ออฟฟิศต้นแบบของเรามีพื้นที่ 100 ตร.ม. รองรับคนทำงาน 25 คน โดยอิเกียได้ให้การสนับสนุนด้านเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่ง" 5 เทคนิคจัดออฟฟิศสำหรับทุกความต่าง สำหรับไอเดียในการจัดพื้นที่และออฟฟิศ ที่สามารถรองรับกับการอยู่ร่วมกันของคนที่มีความหลากหลาย และความแตกต่าง ทางอิเกีย มี 5 ไอเดียมาแนะนำ ให้กับองค์กรหรือหน่วยงานที่สนใจ นำเอาไปปรับใช้ได้ตามขนาดและพื้นที่ของแต่ละแห่ง ดังนี้ 1.จัดแบ่งพื้นที่ตามกิจกรรมหรือประเภทงานที่ทำ เพื่อช่วยให้คนทำงาน/พนักงาน โฟกัสกับงานที่รับผิดชอบได้ดียิ่งขึ้น อาจหาตู้วางของ หรือตู้หนังสือมาช่วยแบ่งโซน 2.เลือกความสว่างและแสงไฟที่เหมาะสมกับแต่ละคน  แสงไฟ หรือความสว่างมีผลต่อการทำงาน ดังนั้นการเลือกใช้ไฟที่สามารถปรับหรือกระจายความสว่าง หรือปรับความสูงได้ ก็จะช่วยให้คนทำงานแต่ละคน สามารถปรับได้ตามความชอบ โดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมงานคนอื่น 3.เลือกเก้าอี้ที่เหมาะสมกับแต่ละคน  เก้าอี้เป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่แต่ละคนมีความถนัดหรือความชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบแบบมีล้อเลื่อน บางคนชอบแบบที่อยู่นิ่ง บางคนชอบแบบมีที่วางแขน รวมถึงความสูงต่ำของพนักพิง ดังนั้นควรเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เลือกเก้าอี้ด้วยตัวเอง แต่สามารถคุมโทนได้โดยการใช้สี หรือวัสดุแบบเดียวกัน 4.เลือกโต๊ะทำงานที่เหมาะสมกับแต่ละคน   ควรเลือกใช้โต๊ะที่สามารถปรับระดับความสูงได้ให้เหมาะกับการใช้งานและสรีระของแต่ละคน นอกจากนี้ พนักงานบางคนชอบที่จะยืนทำงานเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ หรือบางงานจำเป็นจะต้องยืนทำงานเพื่อให้เคลื่อนไหวได้สะดวก 5.จัดพื้นที่ให้เป็นระบบ การวางระบบ/แบบแผน (systematic) ไว้ล่วงหน้าว่าอะไรจะต้องอยู่ตรงไหนเป็นอีกสิ่งที่สำคัญ เพื่อตอบโจทย์ workflow หรือกระบวนการทำงาน จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ด้วยตนเอง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น   เราได้แต่หวังว่า นับจากนี้ต่อไป จะได้เห็นการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ที่มีความหลากหลายและแตกต่าง ร่วมกันมากขึ้น ไม่เพียงแต่การใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังหมายความรวมถึงการทำงาน การประกอบอาชีพ เพราะเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับศักยภาพเป็นของตนเอง ซึ่งอาจจะมีความแตกต่างกันออกไป  ซึ่งสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข จุดเริ่มต้นคงต้องเกิดจากความเข้าใจ และยอมรับในความแตกต่างนั้น และหลังจากนั้น ก็จะเป็นการหาแนวทางที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และเคารพสิทธิของความเป็นคนที่ทุกคนมีอย่างเท่าเทียมกัน    อ่านบทความที่น่าสนใจ -อิเกียสุขุมวิท ซิตี้สโตร์แห่งแรกในเซาท์อีสเอเชีย ปักหมุด ดิ เอ็มสเฟียร์ พร้อม เปิดปลายปี 66 -10 ปีอิเกีย กับ 5 กลยุทธ์ สร้างการเติบโตปีละ 5%
[PR News]เปิดตัว “โอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก”

[PR News]เปิดตัว “โอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก”

โอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก “บูทิค คอร์ปอเรชั่น” จับมือเชนโรงแรมชั้นนำระดับโลก “Oakwood” ขานรับเปิดประเทศเต็มรูปแบบ บูมท่องเที่ยวไทย ปักหมุดทำเลซีบีดี ผุด “โอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก” มูลค่าโครงการกว่า 1,250 ล้านบาท โดดเด่นด้วยห้องพักสุดชิคสไตล์ Studio Type แห่งที่ 2 ของเอเชีย ในเครือ Oakwood บนทำเลทองสุขุมวิท ศูนย์กลางย่านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม การเดินทางสะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อ พร้อมมาตรฐานบริการระดับโลก นายปรับ ทักราล (Mr. Prab Thakral) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้พัฒนา “โอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก” (Oakwood Studios Sukhumvit  Bangkok) โรงแรมระดับ 4 ดาว สูง 8 ชั้น จำนวน 177 ห้อง ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 1 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 36 ใกล้ทองหล่อ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1,250 ล้านบาท ได้รับ การออกแบบภายใต้แนวคิด Stylish Modern Hotel ในสไตล์ที่ทันสมัย โอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก หลังจากการกลับมาเปิดประเทศ เราเห็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวขาเข้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยว และกลับมายังประเทศไทย นอกจากนี้เรายังเห็นการขยายตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวจากอินเดียที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่หายไปของนักท่องเที่ยวจีน โดยคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะสามารถฟื้นตัวเต็มที่ได้ภายในปี 2568 ทั้งนี้โดยการพัฒนาและเปิดตัวโรงแรมโอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก สอดรับกับกลยุทธ์การเติบโตที่มั่นคงของบริษัทฯ ที่เน้นการสร้างผลตอบแทนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลย่านทองหล่อที่คึกคักและทันสมัย โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ นายปรับ กล่าว . นายปรับ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการสร้าง ดำเนินการ และการขาย  รวมถึงการเปิดตัวธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพเพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ทั้งจากการขยายธุรกิจเดิมและสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อสร้าง การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน . . นางสาวลีน่า อับดุลลาห์ (Ms. Lina Abdullah)  ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการประจำประเทศไทย, Oakwood Thailand  กล่าวว่า “บริษัทฯ รู้สึกตื่นเต้นในการขยายธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวของ “โอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก” การได้นำโรงแรมในสไตล์ Studio Type มาเปิดในประเทศไทย เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง ดิฉันภูมิใจในทีมคุณภาพของเราที่สามารถนำแบรนด์ Oakwood Studios เข้าสู่ยุคใหม่ และทำให้โรงแรมของเราเป็นที่น่าจับตาด้วยการนำประสบการณ์ใหม่ๆ มามอบให้กับแขกผู้เข้าพักโรงแรมในย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลที่มีความสำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานบันเทิงระดับฟรีเมียม . . สำหรับ โรงแรมโอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก เป็นโครงการอับดับที่ 4  ซึ่ง โอ๊ควู้ด ได้เข้ามาบริหารให้กับ BC โดยได้ เริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางกรุงเทพฯ โดยเป็นโรงแรมในสไตล์ Studio Type แห่งที่ 2 ของเอเชีย ที่อยู่ในเครือ Oakwood ให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลกซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ Oakwood  โดยมีห้องพักจำนวน 177 ห้อง ไว้ให้บริการหลายรูปแบบ ได้แก่ Superior King, Superior Twin, Studio Deluxe, Studio Executive และ Studio Premier ภายในห้องพักเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องพักพร้อมครัว สำหรับรองรับลูกค้า Long Stay ช่องเคเบิลที่หลากหลาย การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อความเพลิดเพลินระหว่างการพักผ่อน  การเดินทางสะดวกด้วยระบบคมนาคมที่เชื่อมโยงทั้งถนนสายหลัก สายรอง รถไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชน พร้อมการเดินทางที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทั้งถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 4 . . นอกจากนี้ ภายในโรงแรมโอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อกยังมีห้องประชุมขนาด 10 คน และ Co-Working Space, Business Center พร้อมทั้งห้องอาหาร Vibrante Restaurant & Bar สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ พร้อมด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส รถชัตเตอร์บัสเพื่อรับ-ส่งไปยัง BTS ทองหล่อ รวมทั้งยังเป็นโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงด้วยโซนห้องพักที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้  เพื่อให้ผู้เข้าพักทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์การพักผ่อนสุดประทับใจ   บทความน่าสนใจ แอสคอทท์ ทองหล่อ เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว [PR News] เลอ เมอริเดียน จับมือ โตโต้ พลิกโฉมโรงแรมใหม่ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ขายทิ้ง “Kiroro Resort Holding”                
พาไปดู โปรเจ็กต์หมื่นล้าน “ไวส์พาร์ค มีนบุรี”  มิกซ์ยูสใหญ่สุดของ แอสเสทไวส์ ในรอบ 10 ปี

พาไปดู โปรเจ็กต์หมื่นล้าน “ไวส์พาร์ค มีนบุรี” มิกซ์ยูสใหญ่สุดของ แอสเสทไวส์ ในรอบ 10 ปี

ไวส์พาร์ค แอสเสทไวส์ ปั้นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส์ หมื่นล้าน ใหญ่สุดรอบ 10 ปี เจาะพื้นที่ มีนบุรี รองรับเส้นทางรถไฟฟ้า 2 สาย “ชมพู-เหลือง” ประเดิม “แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี” มูลค่า​ 1,350 ล้าน พร้อมวางโรดแมปพัฒนาจบใน 6 ปี กับ 4,500 ยูนิตที่พักอาศัย   ถ้าย้อนดูโครงการที่บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) พัฒนามาตลอดระยะเวลา 9 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจในปี 2556 โครงการที่นับมีขนาดใหญ่พื้นที่ใหญ่สุด และมูลค่ามากที่สุด ก็คือ โครงการเคฟทาว์ รังสิต ด้วยมูลค่าโครงการรวม 9,100 ล้านบาท มีจำนวนยูนิตรวม 5,000 ยูนิต บนเนื้อที่ 60 ไร่ จากจำนวนโครงการที่พัฒนามาทั้งสิ้น 44 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 46,700 ล้านบาท   แต่ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 10 ในปี 2565 แอสเซทไวส์ ก็ได้พัฒนาโครงการที่มีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจ กับ “ไวส์พาร์ค มีนบุรี” (WISEPARK Minburi) โครงการมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่บนพื้นที่ 33 ไร่ ย่านมีนบุรี มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท หลังจากได้ซื้อที่ดินมาในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอสเซทไวส์ เล่าว่า ได้ตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงนี้มา ซึ่งมีขนาดใหญ่แต่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เพราะอยู่ใกล้สถานนีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีตลาดมีนบุรี และรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีมีนบุรี  และมองเห็นศักยภาพของที่ดิน ในการพัฒนาโครงการให้เป็นรูปแบบมิกซ์ยูส เพราะมีประสบการณ์การพัฒนาในรูปแบบดังกล่าวมาแล้ว จากโครงการเคฟทาวน์รังสิต ที่ได้กระแสตอบรับที่ดี ไวส์พาร์ค มีนบุรี โปรเจ็กต์หมื่นล้าน สำหรับโครงการไวส์พาร์ค มีนบุรี จะมีมูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วยโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งรูปแบบโลว์ไรส์ และไฮไลท์ คอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่า และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งในโครงการจะแบ่งการพัฒนาออกเป็นเฟส ใช้ระยะเวลาการพัฒนาและก่อสร้างประมาณ 6 ปี ซึ่งภายในโครงการมีรายละเอียดดังนี้ 1.”มิงเกิ้ล มีนบุรี” คอมมูนิตี้ มอลล์ บริเวณด้านหน้าโครงการฝั่งซ้ายมือเมื่อหันหน้าเข้าโครงการ จะถูกพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์  “มิงเกิ้ล มีนบุรี”  ขนาดพื้นที่อาคาร 8,857 ตร.ม. มูลค่าโครงการประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปีหน้า ภายในคอมมูนิตี้มอลล์ จะประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ อาทิ สุกี้ตี๋น้อย โลตัส โก เฟรช เป็นต้น   ส่วนบริเวณด้านหน้าฝั่งขวามือ ปัจจุบัน คือ  ไวส์พาร์ค พาวิลเลี่ยน ซึ่งเป็นสำนักงานขายของโครงการ ที่ออกแบบและพัฒนาให้มีพื้นที่สีเขียวบนอาคาร ซึ่งทำให้สามารถใช้เป็นสวนส่วนกลางสำหรับลูกบ้าน หรือคนในชุมชนใกล้เคียงได้ทั้งปัจจุบันและในอนาคตด้วย ขณะที่ทั้งโครงการมีพื้นที่สีเขียวรวมกว่า 12 ไร่ เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้บริการด้วย 2.มิกซ์ยูสคอนโด+ออฟฟิศ ถัดจากคอมมูนิตี้มอลล์เข้ามา แอสเซทไวส์ วางแนวทางการพัฒนาเป็นโครงการขนาดสูง 45 ชั้น 1 อาคาร ที่จะประกอบไปด้วยส่วนพักอาศัยและพื้นที่สำนักงาน  ส่วนที่พักอาศัยเบื้องต้นจะใช้แบรนด์โมดิซ แต่ทั้งนี้อาจจะปรับเปลี่ยนแบรนด์ได้ในอนาคต โดยพิจารณาสภาวะตลาดและผลการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง   สำหรับพื้นที่ออฟฟิศได้วางสัดส่วนไว้ประมาณ 10-15% ของอาคาร มีการจัดพื้นที่แยกกับส่วนพักอาศัย ด้วยการมีลิฟต์ส่วนตัว มีการจดทะเบียนเป็นพื้นที่พาณิชย์ ที่ผู้ซื้อสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ โดยเป็นการขายพื้นที่ไม่ได้เป็นการให้เช่า​ ซึ่งแอสเซสไวส์มองกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือกลุ่ม SME ที่มีพนักงานไม่เกิน 10 คน สามารถทำงานออนไลน์ได้ 3.พื้นที่พักอาศัย 3 โปรเจ็กต์คอนโด ในพื้นที่ด้านหลังโครงการ ถูกจัดวางไว้เป็นพื้นที่ส่วนพักอาศัย ซึ่งจะเป็นโครงการคอนโดโรว์ไรส์  2 โครงการ และไฮไลท์ 1 โครงการ อยู่บริเวณด้านหลังสุด มีขนาดความสูงประมาณ 33 ชั้น คาดว่าจะพัฒนาภายใต้แบรนด์โมดิซ โดยวายแผนเปิดตัวในอนาคตอีกครั้ง   ก่อนถึงคอนโดไฮไลท์ ปัจจุบันพัฒนาเป็นโครงการ “แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี” (Atmoz Flow Minburi)  ซึ่งได้เปิดตัวโครงการไปก่อนหน้านี้แล้ว  โดยโครงการพัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ 6-0-13 ไร่ จำนวน 3 อาคาร รวม 739 ยูนิต  ซึ่งเริ่มเปิดจองแล้ว ในราคาเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท  และพื้นที่ด้านหน้าโครงการแอทโมซ โฟลว์ ยังวางแผนพัฒนาเป็นโครงการคอนโดโลว์ไรส์อีก 1 โครงการเช่นกัน ภายใรต้แบรนด์โมดิซ โครงการไวส์พาร์ค จะมีส่วนพักอาศัยทั้งหมดของโครงการภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ จำนวนรวม 4,500 ยูนิต ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างและพัฒนาประมาณ 6 ปี ระยะเวลาการเปิดตัว และการใช้แบรนด์ที่มาพัฒนา จะมีการพิจารณาจากสภาวะตลาดและการตอบรับของกลุ่มลูกค้าเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา แต่เบื้องต้นโครงการแอทโมช โฟลว์ มีนบุรี คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในช่วงปลายปีหน้า ซึ่งใกล้เคียงกับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู   สำหรับคอนเซ็ปต์ของ ไวส์พาร์ค มีนบุรี ภายใต้แนวคิด “WISECOLOGY” มีจุดเด่นของการอยู่อาศัยแห่งอนาคต 3 ด้าน ได้แก่ Smart Living, Sustainable Life และ Environment Friendly  ​   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -[PR News] แอสเซทไวส์ กวาดยอดขาย Q1 กว่า 3,250 ล้าน เดินหน้าไตรมาส 2 เปิดอีก 3 โปรเจ็กต์ใหม่ -แอสเซทไวส์ เปิด 5 กลยุทธ์ความสำเร็จแบรนด์เคฟ แคมปัสคอนโด จับกลุ่มนศ.มหาลัย-นักลงทุน
อัปเดต ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด เดือนกรกฎาคม 2565

อัปเดต ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด เดือนกรกฎาคม 2565

ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน   ปี 2565 ได้เดินทางมาถึงครึ่งปีแล้ว  เรายังคงอยู่กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ซึ่งปัจจุบันยังมีผู้ติดเชื้อต่อเนื่องทุกวัน  แม้ว่าบางคนได้รับการฉีดวัคซีกันไปแล้วถึงเข็มที่ 4 แต่ยังมีบางคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียวก็มี และแม้ว่าโควิดจะยังคงอยู่ แต่ผู้ได้รับเชื้อก็ไม่ได้มีอาการรุนแรงมากนัก ยกเว้นกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวที่บางรายอาจจะมีอาการที่รุนแรงได้   ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้สถานการณ์ของโควิด-19 ที่อยู่รายรอบคนในยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการหลายรายก็ยังคงสร้างผลงานการทำตลาดได้อย่างดี มียอดขายช่วงครึ่งปีแรกเติบโตมากมาย โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์  ส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านแนวราบ และยังทำให้ผู้ประกอบการต้องทำแคมเปญการตลาดออกมาเพื่อสร้างยอดขาย ราคาบ้านปัจจุบันจึงยังถือว่าไม่สูงมาก หากเปรียบเทียบกับต้นทุนต่าง ๆ และแนวโน้มของการปรับขึ้นราคาของต้นทุนที่เชื่อว่าจะสูงขึ้นในเร็ว ๆ นี้   นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการยกเลิกการให้สินเชื่อการซื้อบ้านในอัตราคงที่ของธนาคารต่าง  ๆ ที่จะส่งผลต่อความต้องการที่อยู่อาศัย และความสามารถในการกู้เงินของกลุ่มลูกค้าทั่วไปในอนาคตด้วย แต่ปัจจุบันหากมาดูอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ที่หลายธนาคารออกมาทำตลาด ภาพรวมส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้ปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้านี้  ถือเป็นข่าวดีและเป็นจังหวะที่ดีหากใครจะกู้ซื้อบ้านในเวลานี้  แต่ธนาคารไหนจะให้อัตราดอกเบี้ยเท่าไร เราได้รวมรวม และอัปเดตดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียม สำหรับกรกฎาคมเอาไว้ให้แล้ว ​​ อัปเดต ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด 1.ธนาคารกรุงเทพ สำหรับธนาคารกรุงเทพ มีสินเชื่อบ้านบัวหลวง ที่ให้บริการลูกค้า 2 กลุ่ม คือ ลูกค้าพนักงานที่มีรายได้ประจำ และลูกค้าทั่วไป  โดยอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านและคอนโด ประจำเดือนกรกฎาคม 2565 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่ผ่านมา มีการคิดอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ดังนี้ อัตราดอกเบี้ยเฉพาะพนักงานที่มีรายได้ประจำ วงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท  (คำนวณจากวงเงินสินเชื่อ 3 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี) ทางเลือกที่ 1 ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 3.00% ปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ย 4.95% (MRR-1.00%) หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ย 5.2% อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปีตลอดอายุสัญญา 4.65% ทางเลือกที่ 2 ปีที่ 1-3  อัตราดอกเบี้ย 4.2% (MRR-1.75%) หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ย 5.2% อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปีตลอดอายุสัญญา 4.65% อัตราดอกเบี้ยเฉพาะพนักงานที่มีรายได้ประจำ วงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป (คำนวณจากวงเงินสินเชื่อ 5 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี) ทางเลือกที่ 1 ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 3.00% ปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ย 4.45% (MRR-1.50%) หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ย 5.2% (MRR-0.75%) อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปีตลอดอายุสัญญา 4.48% ทางเลือกที่ 2 ปีที่ 1-3  อัตราดอกเบี้ย 4.075% (MRR-1.875%) หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ย 5.2% อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปีตลอดอายุสัญญา 4.48% อัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าทั่วไป   ลูกค้าทั่วไป วงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท (คำนวณจากวงเงินสินเชื่อ 3 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี) ทางเลือกที่ 1 ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 3.50% ปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ย 4.95% (MRR-1.00%) หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ย 5.45% อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปีตลอดอายุสัญญา 4.87% ทางเลือกที่ 2 ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 4.45%(MRR-1.50%) หลังจากนั้น 5.45%  (MRR-0.50%) หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ย 5.45% อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปีตลอดอายุสัญญา 4.9% ลูกค้าทั่วไปวงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป (คำนวณจากวงเงินสินเชื่อ 5 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี) ทางเลือกที่ 1 ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 3.00% ปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ย 4.7%(MRR-1.25%) หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ย 5.2% อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปีตลอดอายุสัญญา 4.57% ทางเลือกที่ 2 ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 4.075%(MRR-1.875%) ปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ย 4.075% (MRR-1.875%) หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ย 5.2% อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปีตลอดอายุสัญญา 4.58%   -กรณีวงเงิน ตั้งแต่ 500,000 บาทแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย คงที่ปีแรก MRR-1.20% หลังจากนั้น​คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา -กรณีวงเงินต่ำกว่า ​500,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา -กรณีหลักประกันสิทธิการเช่า ​คิดอัตราดอกเบี้ย​ MRR-0.75% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา -กรณีหลักประกันที่ดินเปล่าเพื่อการอยู่อาศัย คิดอัตราดอกเบี้ย ​MRR-0.25% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา   หมายเหตุ -อัตราดอกเบี้ยนี้สำหรับผู้ที่ยื่นคำขอสินเชื่อพร้อมเอกสารครบถ้วน ตั้งแต่วันที่  10 พ.ค. – 30 มิ.ย. 65 โดยผู้กู้ต้องลงนามในสัญญากู้ภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่อนุมัติสินเชื่อ​และจดทะเบียนจำนองพร้อมเบิกเงินกู้งวดแรกหรือทั้งหมดภายใน 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญา ​ -พนักงานที่มีรายได้ประจำ หมายถึง พนักงานที่มีรายได้หลัก หรือ มีความสามารถในการชำระคืนหลัก จากรายได้ประจำ -รูปแบบการชำ​ระแบบคงที่ เลือกผ่อนได้ทุกทางเลือก/รูปแบบการผ่อนชำ​ระแบบขั้นบันได เลือกผ่อนได้เฉพาะทางเลือกที่ 1 -อัตราส่วนวงเงินกู้สูงสุดและมูลค่าหลักประกันให้เป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย -อัตราดอกเบี้ย MRR ปัจจุบันตามประกาศของธนาคาร ณ วันที่ 7 ธ.ค. 64 เท่ากับ 5.95% ต่อปี -ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไข 2.ธนาคารกรุงไทย อัปเดตดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด สำหรับธนาคารกรุงไทย ในเดือนกรกฎาคม ​ ​ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด  เปลี่ยนเปลี่ยนแปลงจากช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเล็กน้อย ​​ดังนี้ ทางเลือกที่ 1 แบบทำประกัน ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 2.77% (MRR-3.45%) เพิ่มขึ้น 2.21% จากเดือนก่อนหน้าที่คิดอัตรา 0.56% ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 2.77% (MRR-3.45%) ลดลง 1.45% จากเดือนก่อนหน้าที่คิดอัตราดอกเบี้ย 4.22% (MRR-2.0%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 2.77% ลดลง 0.23% จากเดือนก่อนหน้าที่คิด 3.0% ดอกเบี้ยจริงตลอดอายุสัญญา 4.22% ลดลง 0.05% จากเดือนก่อนหน้าที่คิด 4.27% ทางเลือกที่ 2 แบบไม่ทำประกัน ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 2.87% (MRR-3.35%) เพิ่มขึ้น 2.06% จากเดือนก่อนหน้าคิดดอกเบี้ยเฉลี่ย 0.81% (เดือนที่ 1-9 คิด 0.56% เดือนที่ 10-12 คิดดอกเบี้ย 1.56%) ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 2.87% (MRR-3.35%) ลดลง 0.13% จากเดือนก่อนหน้าที่คิดดอกเบี้ย 3.0% อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 4.30% ดอกเบี้ยจริงตลอดอายุสัญญา 4.24% ทางเลือกที่ 3 แบบทำประกัน ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 0.75% ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 3.92% (MRR-2.30%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 2.88% ดอกเบี้ยจริงตลอดอายุสัญญา 4.23% ทางเลือกที่ 4 แบบไม่ทำประกัน ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 1.00% ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 3.97% (MRR-2.25%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 2.98% ดอกเบี้ยจริงตลอดอายุสัญญา 4.27%   หมายเหตุ : 1.การทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ *ทำประกันทางเลือกใด ทางเลือกหนึ่ง ดังนี้ -ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA / GLTSP) เต็มวงเงินกู้ และระยะเวลาทำประกันขั้นต่ำ 10 ปี -ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA / GLTSP) 70% ของวงเงินกู้ และระยะเวลากู้ -ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA / GLTSP) 70% ของวงเงินกู้ และระยะเวลาทำประกันขั้นต่ำ 15 ปี (การทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ เป็นไปตามความสมัครใจของลูกค้า และไม่มีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อ) 2.อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR)**คำนวณจากวงเงินกู้ 1.00 ล้านบาท อายุสัญญา 20 ปี ผ่อนชำระ 6,600 บาท/เดือน MRR = 6.22% ต่อปี 3.สามารถขอสินเชื่อ Home For Cash แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) เพิ่มเติม สำหรับวัตถุประสงค์ : เพื่ออุปโภคบริโภค / ปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย /ชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย MRR ต่อปี ตลอดอายุสัญญา 4.เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด การพิจารณาสินเชื่ออยู่ภายใต้ดุลยพินิจของธนาคาร ยื่นสมัครสินเชื่อ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 และทำนิติกรรมจำนองภายใน 30 วัน ทั้งนี้ ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขรายการส่งเสริมการขาย โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า   3.ธนาคารกรุงศรี ธนาคารกรุงศรี มีสินเชื่อบ้านกรุงศรี เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย (บ้านใหม่/บ้านมือสอง) สำหรับลูกค้าทั่วไป โดยมีแคมเปญฟรี ค่าธรรมเนียมสำรวจ และค่าประเมินอัตราดอกเบี้ยยังคงเท่าเดิมจากเดือนที่ผ่านมา โดยมีดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ดังนี้ สำหรับการกู้ในวงเงิน 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 5 ล้านบาท ทางเลือกที่ 1 ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2.9% ( MRR-3.15%) ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 4.05% (MRR-2.00%) ปีที่ 3 เป็นต้นไป 4.95% (MRR-1.10%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 3.97% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 4.39% ทางเลือกที่ 2 ปีที่ 1 เดือนที่ 1-6 อัตราดอกเบี้ย 1.50% เดือนที่ 7-12 ดอกเบี้ย MRR-1.60% ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 4.7% (MRR-1.35%) ปีที่ 3 เป็นต้นไป ดอกเบี้ย 4.95% (MRR-1.10%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 4.21% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 4.52% สำหรับการกู้เงินในวงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ทางเลือกที่ 1 ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2.55%  (MRR-3.50%) ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 3.3%  (MRR-2.75%) ปีที่ 3 เป็นต้นไป ดอกเบี้ย 4.7% (MRR-1.35%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 3.52% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 4.02% ทางเลือกที่ 2 ปีที่ 1 เดือนที่ 1-6 อัตราดอกเบี้ย 1.25% เดือนที่ 7-12 ดอกเบี้ย 4.1% (MRR-1.95%) ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 4.3% (MRR-1.75%) ปีที่ 3 เป็นต้นไป 4.7%  (MRR-1.35%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 3.89% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 4.23%   หมายเหตุ * อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงข้างต้นเป็นเพียงการแสดงตัวอย่าง โดยคำนวณจากฐานวงเงินกู้ 2 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 5 ล้านบาท และฐานวงเงินกู้ 5 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยระยะเวลาการกู้ 10 ปี ในกรณีที่ลูกค้า ซื้อ MRTA/MLTA หากค่าเบี้ย MRTA/MLTA เปลี่ยนแปลง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอาจเปลี่ยนแปลงได้ เงื่อนไขการรับสิทธิพิเศษสาหรับลูกค้าที่ซื้อประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA/MLTA) -รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี เฉพาะในปีที่ 1 จากอัตราดอกเบี้ยทุกทางเลือก ลูกค้าต้องซื้อ MRTA/MLTA ที่ร่วมรายการตามเงื่อนไขดังนี้ 1.ผลิตภัณฑ์ MRTA/MLTA ที่ร่วมรายการได้แก่ MRTA : แผนกรุงศรี เซฟตี้โลน 1 พลัส หรือ กรุงศรี เซฟตี้โลน 1 หรือ กรุงศรี เซฟตี้โลน 2 / MLTA : กรุงศรี รักบ้าน รักคุณ หรือกรุงศรี รักบ้าน รักคุณ พลัส เท่านั้น 2.กรณีผู้กู้หลักเป็นพนักงานเงินเดือนที่มีรายได้ ประจำ​ต้องซื้อ MRTA/MLTA 100% ของวงเงินกู้โดยมีระยะเวลาความคุ้มครองไม่ต่ำกว่า 15 ปี หรือซื้ออย่างน้อย 70% ของวงเงินกู้โดยมีระยะเวลาความ คุ้มครองไม่ต่ำกว่า 20 ปี 3.กรณีผู้กู้หลักเป็นผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ต้องซื้อ MRTA/MLTA อย่างน้อย 80% ของวงเงินกู้โดยมีระยะเวลาความคุ้มครองไม่ต่ำกว่า 10 ปี หรือซื้อย่างน้อย 50% ของวงเงินกู้โดยมีระยะเวลาความคุ้มครองไม่ต่ำกว่า 15 ปี 4.กรณีมีผู้กู้ร่วม สามารถซื้อ MRTA/MLTA เฉพาะผู้กู้หลักเพียงคนเดียวได้ หรือหากผู้กู้ร่วมประสงค์ที่จะซื้อ MRTA/MLTA ด้วย ผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมทุกคนจะต้องมีทุนประกันขั้นต่ำในสัดส่วนที่เท่ากัน ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย เป็นอัตราดอกเบี้ยปกติตามที่ลูกค้าได้เลือกไว้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ในกรณีที่บริษัทประกันไม่ อนุมัติ MRTA/MLTA หรือในกรณีที่ลูกค้าขอยกเลิก MRTA/MLTA -ตามประกาศธนาคาร ณ วันที่ 21 พ.ค. 63 อัตราดอกเบี้ย MRR = 6.05% ต่อปี -อัตราดอกเบี้ยนี้สำหรับลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-31 ส.ค. โดยจดจำนองและเบิกรับเงินกู้ภายในวันที่ 30 ก.ย. 65 -ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เป็นไปตามประกาศของธนาคาร -การพิจารณา อนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด -วงเงินกู้อนุมัติสูงสุดเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด และไม่เกินกว่า วงเงินกู้สูงสุดต่อมูลค่าหลักประกัน (ราคาซื้อขาย) ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด -ธนาคารขอสงวนสิทธิ์เรียกเก็บค่าเบี้ยปรับกรณีปิด ภาระหนี้ก่อนกำหนด (กรณีที่ลูกค้ารีไฟแนนซ์ไปสถาบันการเงินอื่นภายใน 3 ปีแรกนับจากวันทำสัญญา) คิดเป็น 3% ของยอดหนี้คงเหลือ 4.ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย มีสินเชื่อกู้ซื้อบ้านสำหรับบ้านใหม่ให้กับลูกค้าทั่วไป โดยพิจารณาเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีรายได้ประจำ และกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ ซึ่งเดือนนี้อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่ผ่านมา โดยมีดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ดังนี้ สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ระจำ ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย = n.a. อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 7.72% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 7.72% สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการ ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย = n.a. อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 8.22% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 8.22% หมายเหตุ -อัตราดอกเบี้ย MRR = 5.97% (ประกาศ ณ วันที่ 22 พ.ค. 2563) ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ย MRR ให้อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคาร ณ วันที่ลูกค้ายื่นใบสมัครสินเชื่อ -อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสำหรับลูกค้าที่ยื่นกู้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2565 โดยสามารถยื่นกู้ได้สำหรับที่อยู่อาศัยทุกประเภท ยกเว้นการกู้เพื่อซื้อที่ดินเปล่า -รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม 0.25% ในปีแรก หากทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้านตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด -กรณียื่นกู้บ้านในโครงการจัดสรรที่ธนาคารสนับสนุน ธนาคารฯมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center 02-8888888 ต่อ 887 5.ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารเกียรตินาคิน มีสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย (KKP Home Loan เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย) กรณี บ้านใหม่ : ซื้อบ้านจากบริษัทพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ที่ธนาคารกำหนด ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมา โดยธนาคารเกียรตินาคินมีดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ดังนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัว แบบทำประกัน ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 2.79% ปีต่อไป 5.025% (MLR-1.50%) แบบไม่ทำประกัน ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 2.99% ปีต่อไป 5.025% (MLR-1.50%) อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1 ปี แบบทำประกัน ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 2.59% ปีต่อไป 5.025% (MLR-1.50%) แบบไม่ทำประกัน ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 2.79% ปีต่อไป 5.025% (MLR-1.50%)   หมายเหตุ 1.อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับปัจจัยอ้างอิง เช่น อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ซึ่งธนาคารจะแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว  โดยจะประกาศไว้ ณ สถานที่ทำการให้บริการและ​เว็บไซต์ของธนาคาร 2.MLR ณ วันที่​ 18 สิงหาคม 2563 เท่กับ​ 6.525% ต่อปี 3.เลือกทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ​(MRTA)ผ่านธนาคาร ทุนประกันภัยเท่ากับวงเงินกู้โดยมีระยะเวลาเอาประกันภัยขั้นต่ำ 10 ปี กรณีที่ระยะเวลาการกู้ไม่ถึง 10 ปี ให้ระยะเวลาเอา​​​​​​ประกันภัยเท่ากับระยะเวลาการกู้ 4.กรณี Refinance ไปสถาบันการเงินอื่นก่อนครบ 3 ปี แรก คิดค่า​ Prepayment Penalty 3% ของเงินต้นคงค้าง 5.​กรณีเลือกใช้เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยแบบฟรีค่าจดจำนอง ​​หากลูกค้า Re-Finance หรือชำระปิดบัญชีก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ ลูกค้าต้องชำระค่าจดจำนองที่ธนาคาร เคยสำรองจ่ายให้แก่ธนาคาร​ 6.ค่าประเมินหลักประกันเริ่มต้น 3,210 บาท  ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ (สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท) 7.เบี้ยประกันอัคคี ​เป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด ​โดยผู้กู้สามารถเลือกทำประกันกับบริษัทที่น่าเชื่อถือใดก็ได้ ​ a.อัตราส่วนวงเงินกู้ยืมสูงสุด ต่อหลักประกัน 100% ของราคาซื้อขายจริง หรือราคาประเมินธนาคาร แล้วแต่ราคาใดต่ำกว่า ยกเว้นธนาคารมีกำหนดเงื่อนไขพิเศษอื่น ๆ สำหรับบางโครงการ อาจจะได้รับอัตราส่วนวงเงินกู้ยืมสูงสุดต่อหลักประกัน​ 100% b.ระยะเวลากู้สูงสุด ​30 ปี (อายุผู้รวมระยะเวลากู้ไม่เกิน 65 ปี สำหรับพนักงานเงินเดือนประจำ และไม่เกิน 70 ปี สำหรับเจ้าของกิจการ/ธุรกิจส่วนตัว) 6.ธนาคารซีไอเอ็มบี ธนาคารซีไอเอ็มบี สินเชื่อบ้าน โฮมโลนฟอร์ยู  ให้กับพนักงานประจำ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ประกอบการ และเจ้าของกิจการ  โดยคิดอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด เท่ากับเดือนที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารซีไอเอ็มบี มีดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ดังนี้ สำหรับพนักงานประจำ รายได้ 15,000 บาท หรือเจ้าของกิจการรายได้ 30,000 บาท ประเภททำประกันชีวิต ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 4.25% (MRR-3.1%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 4.25% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 5.07% แบบไม่ทำประกันชีวิต ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 4.55% (MRR-2.8%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 4.55% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.15% หมายเหตุ -สำหรับซื้อบ้านและคอนโดจากโครงการทั่วไป -อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา คำนวณจากวงเงินกู้ 2 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 15 ปี (MRR=7.35% ประกาศ ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2564) -ธนาคารยังมีอัตราดอกเบี้ยสำหรับพนักงานประจำรายได้ 30,000-50,000 หรือเจ้าของกิจการรายได้ 50,000 บาทขึ้นไปไว้พิจารณาด้วย รวมถึงสินเชื่อสำหรับโครงการที่ธนาคารเป็นผู้สนับสนุน 7.ธนาคารทีทีบี ธนาคารทีทีบี มีสินเชื่อบ้านใหม่ สำหรับการซื้อบ้านหรือคอนโดจากโครงการทั่วไป ภายใต้แคมเปญดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นเฉลี่ย 3 ปีแรก 4.05% ต่อปี จะได้รับฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ค่าจดทะเบียนจำนอง และค่าประเมินหลักทรัพย์  ยังคงใช้ในอัตราเท่ากับเดือนที่ผ่านมา  โดยมีดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ดังนี้ สมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท ทางเลือก 1 ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 4.05% (MRR-2.23%) หลังจากนั้น อัตราดอกเบี้ย 4.65% (MRR-1.63%) ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 4.05% ดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.46% ทางเลือก 2 (ฟรีค่าจดจำนอง) ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 4.4% (MRR-1.88%) หลังจากนั้น 4.65% (MRR-1.63%) ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 4.4% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.57% ทางเลือก 3 ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 4.65% (MRR-1.63%) หลังจากนั้น ดอกเบี้ย 4.65% (MRR-1.63%) ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี ดอกเบี้ย 4.65% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา ดอกเบี้ย 4.65% รายละเอียดเงื่อนไข สมัครผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท ได้แก่ 1.สมัครประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ สไมล์โฮม หรือ สไมล์โฮม พลัส ​ 2.สมัครใช้บริการหักบัญชีอัตโนมัติผ่านบัญชีออมทรัพย์ ทีทีบี เพื่อผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน 3.สมัครบัตรเดบิต ttb (กรณีที่คุณมีบัตรเดบิต ttb แล้ว ไม่ต้องสมัครเพิ่ม) กู้ซื้อบ้าน คอนโดใหม่ กับทีทีบี รับข้อเสนอพิเศษ ด้วยอัตราดอกเบี้ย ให้เลือก 2 แบบ ดังนี้ แบบที่ 1 สมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท -รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษนาน 3 ปี -ฟรีประกันอัคคีภัยมูลค่าประมาณ 1,000 บาทต่อปี ต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท -ฟรีค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของเงินกู้สูงสุดถึง 200,000 บาท -ฟรี ค่าธรรมเนียมธนาคารของสินเชื่อบ้านทุกประเภท: ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์, ค่าดำเนินการสินเชื่อ, ค่าทำนิติกรรม จำนอง แบบที่ 2 สมัครผลิตภัณฑ์เสริมไม่ครบทั้ง 3 ประเภท​ -ฟรีประกันอัคคีภัย มูลค่าประมาณ 1,000 บาทต่อปี ต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท -ฟรี ค่าธรรมเนียมธนาคารของสินเชื่อบ้านทุกประเภท: ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์, ค่าดำเนินการสินเชื่อ, ค่าทำนิติกรรม จำนอง หมายเหตุ -อัตราดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมรวมถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ เป็นไปตามประกาศของธนาคาร การทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้าน (MRTA) ไม่มีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อทำเพื่อประโยชน์หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับผู้กู้ในขณะที่ยังชำระหนี้ไม่ครบถ้วน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผู้กู้และธนาคาร และไม่มีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อ -อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา คำนวณจากวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 3 ล้านบาท อายุสัญญา 20 ปี -ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร -ธนาคารขอสงวนสิทธิเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่แจ้งไว้ในเอกสารฉบับนี้ โดยไม่ ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า -ในกรณีที่ธนาคารเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนจำนองหลักประกันแทนผู้กู้หากผู้กู้มีความประสงค์จะไถ่ถอนหลักประกันและชำระหนี้คืนทั้งหมดภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันเบิกใช้เงินกู้ ครั้งแรก ผู้กู้ตกลงคืนเงินค่าธรรมเนียมจดจำนองหลักประกันตามจำนวนเงินที่ธนาคารได้ช าระไปให้แก่ธนาคาร ในวันที่ผู้กู้ได้ชำระหนี้ทั้งหมดเสร็จสิ้น (ค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท) -กค้าต้องสำรอง จ่ายค่าจดจำนองแก่กรมที่ดินก่อน โดยธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ลูกค้าใช้หักชำระค่างวดกับธนาคารภายใน 30 วันทำการนับจากวันที่ลูกค้าจดจำนอง -MRR = 6.28% ตามประกาศธนาคาร https://www.ttbbank.com/th/rates/loan-interest-rates -สำหรับลูกค้าที่ยื่นกู้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 65 ถึง 30 มิ.ย.​65 และจดจำนอง ภายใน 31 ก.ค. 65 -ข้อมูลในเว็บไซต์ธนาคาร ณ วันที่ 3 ส.ค. 65 8.ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ มีสินเชื่อบ้านสำหรับลูกค้าทั่วไป โดยคิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับช่วงเดือนที่ผ่านมา  คิดอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ดังนี้ แบบไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 5.995% ปีต่อไป MRR = 5.995% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 5.995% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.995% แบบทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ มากกว่าหรือเท่ากับ 70% ของวงเงินกู้ ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 5.95% ปีต่อไป MRR = 5.995% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 5.95% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.983% หมายเหตุ -กรณีใช้ดอกเบี้ย​แบบทำประกัน​ Credit Life 70% กำหนดให้ทำทุนประกันไม่น้อยกว่า 70% ของวงเงินกู้และระยะเวลาเอาประกัน 70% ของระยะเวลากู้ตามสัญญา โดยกำหนดให้เอาระยะเวลาขั้นต่ำ 10  ปี (กรณีระยะเวลากู้ตามสัญญาต่ำ​10 ปี กำหนดให้ระยะเวลาเอาประกันเท่ากับระยะเวลากู้ตามสัญญา) ​-ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ รับประกันภัยโดย บมจ. ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต บริษัทนเครือกลุ่มเอฟดับบลิวดี หากต้องการสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับการประกันภัยเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ศูนย์บริการลูกค้า โท​ร. 1315 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น. -ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข ​​ก่อนการตัดสินใจทำประกันภัยทุก​ ธนาคารเป็นเพียงนายหน้าผู้ชี้ช่อง หรือจัดการให้บุคคลเข้าทำสัญญาประกันภัยเท่านั้น ​การพิจารณารับประกัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการรับประกันภัย ของบริษัทประกันภัย -อัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารไทยพาณิชย์ เท่ากับ 5.995% ต่อปี ​(ประกาศ ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2564) ซึ่งอาจะเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศธนาคาร -อัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ระบุในตารางเป็นเพียงตัวอย่างที่คำนวณตามเงื่อนไขที่ใช้ในฉบับนี้เท่านั้น ​ซึ่งอาจะมีความแตกต่างกัน ตามเงื่อนไขการกู้ยืมของลูกค้าแต่ละราย -กรณีลูกค้าบอกเลือกประกันชีวิต หรือขอเวนคืนกรมธรรม์ หรือทำประกันไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ​ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยวงเงินกู้ เป็นอัตราดอกเบี้ยทั่วไป  ตามประกาศธนาคาร ระยะเวลากู้ตามสัญญา วงเงิน ระยะเวลาผ่อนชำระ อัตราดอกเบี้ย คุณสมบัติ เอกสารปรกอบการพิจารณา และการอนุมัติเป็นไปตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด 9.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์  หรือ ธอส. มีสินเชื่อสำหรับการซื้อบ้านหลากหลายประเภท โดยประเภทสินเชื่อโครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ ปี 2565 ​มีการคิดอัตราดอกเบี้ย ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากแคมเปญสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2565  โดยมีดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ดังนี้ ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 3.15% ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 3.9% (MRR-2.25%) ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย 4.75% (MRR-1.4%) หลังจากนั้น ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา  5.4% หมายเหตุ -ยื่นคำขอกู้และอนุมัติตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.-30 ธ.ค.65   (ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกำหนด หากธนาคารให้สินเชื่อเติมวงเงินของโครงการแล้ว) -อัตราดอกเบี้ย MRR = 6.15% ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2563 -ยกเว้น ค่าธรรมเนียมยื่นกู้ 0.1% ของวงเงินกู้และทุกบัญชีเงินกู้ภายใต้หลักประกันเดียวกัน 10.ธนาคารยูโอบี ธนาคารยูโอบี มีสินเชื่อบ้านสำหรับโครงการหมู่บ้านทั่วไป  โดยอัปเดตดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนที่ผ่านมา โดยคิดอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ดังนี้ ทางเลือก 1 ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 3.55% (MRR-3.8%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 3.55% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.87% ทางเลือกที่ 2 ไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 3.75% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี ดอกเบี้ย  3.75% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.95% ทางเลือกที่ 3 ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย 3.0% ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย  4.95% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี ดอกเบี้ย 3.65% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.88% ทางเลือกที่ 4 ไม่ทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย 3.2% ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย 5.15% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 3.85% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.96% หมายเหตุ -ขอสินเชื่อตั้งแต่ 1  ก.ค.-30 ก.ย.65 และจดจำนองหลักประกันกับธนาคารภายใน 31 ต.ค. 65 -อัตราดอกเบี้ยแบบทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ผ่านธนาคารยูโอบี >ทุนประกันเต็มวงเงินกู้ และมีระยะเวลาเอาประกันขั้นต่ำ 10 ปี หรือ >ทุนประกันขั้นต่ำ 80% ของวงเงินกู้ และมีระยะเวลาเอาประกันเต็มตามระยะเวลากู้ -อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยวงเงิน 1 ล้านบาท อายุสัญญา 15 ปี MRR=7.35% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงข้างต้น เป็นเพียงตัวอย่างที่คำนวณตามเงื่อนไขที่ใช้ในสื่อโฆษณาเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยสำหรับการทำสัญญากู้ยืมของลูกค้าแต่ละรายอาจะมีความแตกต่างกันตามเงื่อนไขการกู้ยืมของลูกค้าแต่ละราย -กรณีไถ่ถอนจำนองเพื่อไปใช้บริการกับสถาบันการเงินอื่น ​(Re-finance) ในช่วงระยะเวลา 3 ปีแรก นับจากวันที่กู้ จะมีค่าปรับ 3% ของยอดเงินต้นคงค้าง (เฉพาะวงเงินสินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาที่อยู่อาศัยเท่านั้น)​ -การอนุมัติสินเชื่อ​เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร​ -เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้น อัตราดอกเบี้ย MRR ปัจจุบันเท่ากับ  7.35% ต่อปี ​(ตามประกาศธนาคารณ วันที่  9 ก.ค. 64) อนึ่ง ธนาคารสามารถประกาศปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย​ MRR ได้ตามเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดอนุญาตไว้​ -อัตราค่าธรรมเนียมและค่าบริการต่าง ๆ​เป็นไปตามประกาศที่ธนาคารจัดทำไว้  และประกาศให้ทราบตามระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยธนาคารอาจเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ได้โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยการปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการ หรือเว็บไซต์ของธนาคาร​ -ธนาคารยูโอบีในฐานะนายหน้าประกันภัย ​(ใบอนุญาตประกันชีวิต​เลขที่ ช.00026/2545 และใบอนุญาตประกันวินาศภัย​ เลขที่ ว.00020/2546) ทำหน้าที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยและเป็นผู้จัดการให้บุคคลเข้าทำสัญญาประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย และอำนวยความสะดวกในการรับชำระเบี้ยประกันเท่านั้น  รับประกันชีวิตโดยบริษัท พรูเด็นเชียลประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), รับประกันวินาศภัยโดย บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน), บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ​จะเป็นผู้รับผิดชอบตามเงื่อนไข ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย -ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนการตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง 11.ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัย คือ โฮมโลน โดนใจ สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้น 1.9% หรือผ่อนล้านละ 3,500 บาท โดยเดือนนี้ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีการคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับช่วงเดือนที่ผ่านมา ดังนี้​ แบบที่ 1 ปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย  1.9% ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย 3.85% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี  2.55% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 3.54% แบบที่ 2 ปีที่ 1-2 ดอกเบี้ยคงที่ 2.0% ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย 4.25% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 2.75% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 3.65%   เงื่อนไข กรณีลูกค้าเลือกทำประกัน MRTA/MLTA ผ่านธนาคาร : 1.กรณีที่ลูกค้าทำประกัน MRTA/MLTA ผ่านธนาคาร ธนาคารทดรองจ่ายค่าจดจำนองให้ 1% ของวงเงินกู้อนุมัติ หรือ สูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท (ทั้งนี้ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บเงินทดรองจ่ายค่าจดจำนองดังกล่าวคืนจากลูกค้า กรณีลูกค้าปิดบัญชีสินเชื่อ หรือ เปลี่ยนแปลงสัญญาใด ๆ ภายใน 5 ปีแรก ทุกกรณี นับจากวันทำนิติกรรมจดจำนอง) 2.กรณีสมัครทำประกันชีวิต ต้องสมัครทำ MRTA/MLTA ทุนประกัน 100% ของวงเงินสินเชื่อ ระยะความคุ้มครองขั้นต่ำ 10 ปี หมายเหตุ -โครงการจัดสรรในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เท่านั้น* -ราคาซื้อขายของหลักประกันต้องมีราคา (แนวราบ) ไม่น้อยกว่า 2.00 ล้านบาท , (แนวสูง) ไม่น้อยกว่า 2.50 ล้านบาท -ลูกค้าสามารถเลือกใช้อัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำ ล้านละ 3,500 บาท  กรณีเลือกอัตราดอกเบี้ยคงที่** -ยกเว้น ค่าประเมินราคาหลักประกัน (โครงการจัดสรรทุกโครงการที่มีราคาซื้อขาย 2 ล้านบาทขึ้นไป)*** -ระยะเวลากู้สูงสุด 40 ปี รวมอายุผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี**** -วงเงินกู้เพิ่มสูงสุด 10% จากสัญญาซื้อขาย เพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งบ้าน อัตราดอกเบี้ย 1) ทำประกัน MRTA/MLTA : ปีที่ 1-3 : MRR – 2.75% = 4.60% หรือ 2) ไม่ทำประกัน MRTA/MLTA : ปีที่ 1-3 : MRR – 2.25% = 5.10% , หลังจากนั้นปีที่ 4 เป็นต้นไป MRR = 7.35% ***** -อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่าง อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยวงเงิน 3 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี MRR = 7.35% (ณ 1 เม.ย. 64) ที่คำนวณตามเงื่อนไขที่ใช้ในโฆษณาฉบับนี้เท่านั้น ซึ่งอาจมีความแตกต่างตามเงื่อนไขการกู้ยืมของลูกค้าแต่ละราย -การพิจารณาคุณสมบัติของลูกค้าแต่ละรายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่ธนาคารกำหนด -ธนาคารขอสงวนสิทธิ์การพิจารณาสินเชื่อ โดยอยู่ในดุลยพินิจของธนาคาร ทั้งนี้เงื่อนไขต่าง ๆเป็นไปตามประกาศธนาคาร โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า -อัตราดอกเบี้ย และโปรโมชั่น (มีวงเงินสินเชื่อจำกัด) สำหรับลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อ โดยเบิกรับเงินกู้ ตั้งแต่วันนี้- 30 ก.ย. 65 12.ธนาคารออมสิน ธนาคารออมสิน มีสินเชื่อเคหะ สำหรับให้บริการผู้ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปซื้อบ้านหรือคอนโด  โดยฟรีค่าบริการสินเชื่อ ค่านิติกรรมสัญญา สำหรับยื่นกู้ภายในวันที่ 31 สิงหาคม อนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาภายใน 30 กันยายน 2565 โดยมีรายละเอียด ​ดังนี้​ กรณีทำประกัน ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 1.95% ล ปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ย 2.875% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 2.5% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 4.085% กรณีไม่ทำประกัน ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 2.20% ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 3.625% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 3.15% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 4.327%   เงื่อนไขการผ่อนชำระ -ปีที่ 1 ผ่อนชำระ 2,500 บาทต่อเดือน ปีที่ 2 ผ่อนชำระ 4,500 บาทต่อเดือน ปีที่ 3 ผ่อนชำระ 5,500 บาทต่อเดือน หมายเหตุ -การทำประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อ เป็นการทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ โดยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด -เงื่อนไขการใช้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อตามโปรโมชั่น สมัครบริการ MyMo และผลิตภัณฑ์/บริการอื่น อย่างน้อย 2 ประเภท ได้แก่ บัตรอิเล็กทรอนิกส์/ บัตรเครดิตหรือสินเชื่อบัตรเงินสด/ ชำระสินเชื่อหักผ่านบัญชี/ หน่วยงานหักเงินนำส่งชำระหนี้ / จ่ายตรงเงินเดือน / ประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อ ทั้งนี้ หากลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ / บริการอื่นตามที่กำหนดอยู่แล้ว สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวได้ และกรณีไม่มี Smartphone ให้สมัครผลิตภัณฑ์ / บริการอื่นของธนาคารตามที่กำหนดทดแทนได้ -*กรณี ฟรีค่าธรรมเนียมจดจำนอง ให้ตามที่จ่ายจริง (รวมทุกสัญญาที่กู้ในคราวเดียวกัน) โดยลูกค้าต้องสำรองจ่ายค่าธรรมเนียมจดจำนองแก่กรมที่ดิน ไปก่อน ทั้งนี้ กรณีจำนวนเงินที่จ่ายตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย ร้อยละ 1.00 ของเงินค่าจดจำนอง โดยธนาคารจะโอนเงินหลังหักภาษี ณ ที่จ่าย คืนเข้าบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกของลูกค้าภายใน 30 วันทำการ นับจากวันที่จดจำนองแล้วเสร็จ -กรณีผู้กู้ชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนด เฉพาะกรณีไถ่ถอนจำนองก่อนครบกำหนด (Prepayment) เพื่อไปใช้บริการกับสถาบันการเงินอื่น ภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ทำสัญญากู้เงิน ผู้กู้ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามที่ธนาคารกำหนด (ปัจจุบันร้อยละ 3.00 ของยอดเงินต้นคงเหลือ) ทั้งนี้ กรณีฟรีค่าธรรมเนียมจดจำนอง หากผู้กู้ชำระหนี้ปิดบัญชีในทุกกรณี ภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ทำสัญญากู้เงิน ผู้กู้จะต้องชำระค่าธรรมเนียมจดจำนองคืนแก่ธนาคารเต็มจำนวน -หลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด โดยธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า   หมายเหตุ Reviewyourliving รวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ธนาคาร ณ​ วันที่ 12 กรกฎาคม 2565   อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง -อัปเดต ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน และคอนโด เดือนมิถุนายน 2565
เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ

เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ

เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนต้องปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานมาเป็นรูปแบบ Work From Home ทำให้เวลาเกือบทั้งหมดถูกใช้ไปในมุมต่างๆ ภายในบ้าน แน่นอนว่าพอต้องอยู่บ้านนานๆ ก็ต้องนึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน อยากจะตกแต่งซ่อมแซมบ้าน หรือจัดมุมทำงานใหม่ ในขณะที่หลายคนเริ่มขยับขยาย หาบ้านใหม่ คอนโดใหม่ เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป    ถ้าเป็นคนรักบ้านและชื่นชอบการตกแต่งบ้านด้วยแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก NocNoc.com แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ที่รวบรวมสินค้า เฟอร์นิเจอร์ วัสดุตกแต่งบ้านพร้อมบริการที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่ง ตรงกับสโลแกนที่ว่า “NocNoc เคาะจบทุกเรื่องบ้าน” เพราะแค่เข้าไปที่เว็บไซต์ก็สามารถเลือกหาวัสดุและสินค้าตกแต่งบ้านได้ตามหมวดหมู่ต่างๆ ที่ต้องการ ตั้งแต่หมวด “Home Improvement” ที่รวบรวมสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง วัสดุปูพื้น งานต่อเติมหนักๆ ทั้งหลาย หรือจะเป็นหมวด “Home and Living” ที่เป็นกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งหลากหลายรูปแบบ และหมวด “Home Appliance” ซึ่งรวบรวมสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไว้เพียบ ซึ่งปัจจุบัน NocNoc.com เป็น marketplace ที่มีสินค้ามากกว่า 200,000 รายการ จากผู้ขายกว่า 2,000 รายเลยทีเดียว แถมยังสามารถเปรียบเทียบราคาพร้อมรับดีลพิเศษจากร้านค้าอีกด้วย      จากแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ที่หลายคนคุ้นชินและเรียกชื่อ NocNoc.com กันจนติดปากมาแล้วกว่า 3 ปี ล่าสุดทางเว็บไซต์ได้มีการ Rebranding ชื่อเรียกมาเป็น “NocNoc” เพื่อให้กระชับมากขึ้น พร้อมเปิดตัว Application บนมือถือในชื่อเดียวกัน ด้วยประสบการณ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา NocNoc เล็งเห็นความต้องการและปัญหาที่ผู้บริโภคพบเจอเวลาที่อยากหาสไตล์การตกแต่งบ้านที่ตรงใจ แต่อาจจะจับต้นชนปลายไม่ถูก หรือนึกไม่ออกว่าจะหาเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการได้จากที่ไหน และถ้าต้องหาช่างมาซ่อมแซมบ้านด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะหาช่างที่ถูกใจ    NocNoc จึงมุ่งมันที่จะเป็น Complete Journey ด้านการตกแต่งบ้าน โดยมีการพัฒนาและปรับปรุงแพลตฟอร์มให้ใช้งานได้ง่าย ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง รวมถึงหาช่างผู้มีความเชี่ยวชาญในสายงานได้ครบจบทุกขั้นตอนในที่เดียว และยังมุ่งเน้นให้ NocNoc เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนได้สนุกสนานกับการตกแต่งบ้านได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และค้นหาทุกสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ทั้งบนเว็บไซต์ NocNoc และ NocNoc Application ซึ่งเราจะพาไปดูกันว่าทำไม NocNoc Application ถึงสะดวกกว่า สบายกว่าเดิม และจะช่วยแก้ปัญหาการตกแต่งบ้านได้ดีขึ้นกว่าเดิมจริงมั้ย? เพราะสไตล์เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีถูกผิด ทุกคนมีความต้องการอยากให้บ้านน่าอยู่และตกแต่งในสไตล์ที่ตรงใจ แสดงความเป็นตัวเองได้มากที่สุด แต่บางครั้งการเลือกหาของตกแต่งบ้านก็ทำให้เราจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะหาสิ่งที่ต้องการได้จากที่ไหน หรืออาจจะอธิบายไม่ถูกด้วยซ้ำว่าสไตล์ที่ชอบที่เรากำลังค้นหาเรียกว่าสไตล์อะไรกันแน่ พอเราไปเลือกดูภาพสวยๆ ตามอินเตอร์เน็ต บางทีไอเดียในหัวก็พรั่งพรูมาเรื่อยๆ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นก็ดี ผนังสีนี้ก็สวย แล้วโซฟาในห้องนั่งเล่นต้องสไตล์ไหนดี? เชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะต้องเคยเกิดขึ้นกับทุกคนแน่นอน และถึงแม้ว่าสิ่งที่เราชอบจะไม่ตรงกับสไตล์มาตรฐาน ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นสไตล์การตกแต่งบ้านของเราก็ไม่จำเป็นต้องซ้ำแบบกับใคร..ใช่มั้ยล่ะ?   ถ้าเราลองสมัครเข้ามาที่ NocNoc Application แค่ขั้นตอนแรกก็ช่วยให้เรา “ค้นพบแรงบันดาลใจที่จะสร้างสไตล์แบบเวรี่คุณ” ได้แล้ว แค่ลองไปเลือกภาพสไตล์ที่โดนใจบน NocNoc Application จากนั้น AI ก็จะคำนวณให้เรียบร้อยแล้วว่า ความชอบของเรามีส่วนผสมของสไตล์อะไรบ้าง แต่ละสไตล์คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรารู้สึกว้าวมากกับฟังก์ชั่นนี้ เพราะจากที่เราคิดว่าเราเป็นคนที่ชอบสไตล์ Minimal, Japandi หรือ Industrial แต่สไตล์ในชีวิตจริงเกิดจากการผสมผสานสไตล์ต่างๆ เอาไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความชื่นชอบส่วนตัว เมื่อเรารู้จักสไตล์ของตัวเองแล้ว การตกแต่งบ้านของเราก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น แถมยังทำให้ “แรงบันดาลใจ” ที่เราเห็นมีความชัดเจนและกลายเป็น “แรงบันดาลจริง” ได้ที่บ้านของเรา   พอเราค้นพบตัวตนและสไตล์ที่แท้จริงของเราแล้ว ไม่ว่าเราอยากจะเลือกตกแต่งห้องไหนในบ้าน ก็แสนจะง่ายดาย เพราะใน NocNoc Application มีตั้งแต่ภาพตัวอย่างบ้านมากมายให้ดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ช่วยทำให้เราเห็นภาพห้องที่อยากได้มากขึ้น ว่าอยากจะตกแต่งแบบไหน  และด้วยความที่ NocNoc เป็นศูนย์รวมสินค้า วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านไว้มากมาย แต่การจะหาสินค้าสไตล์ที่ใช่ในราคาโดนใจ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ NocNoc จัดแบ่งประเภทสินค้าไว้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน รวมถึงการเลือกช้อปปิ้งตามประเภทห้องที่ต้องการได้เลย ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น, ห้องกินข้าว, ห้องทำงาน, ห้องนอน, ห้องครัว, ห้องน้ำ ฯลฯ หรือ เลือกจากสไตล์ภาพตัวอย่างที่ชอบก็ได้เช่นกัน แค่คลิกเข้าไปในภาพ ก็จะมี tag แจ้งชื่อรุ่น และขนาดไว้เรียบร้อย อีกทั้งยังสามารถคลิกต่อไปที่หน้าสั่งซื้อ พร้อมรับคูปองส่วนลดเพิ่มจาก NocNoc ได้เลยทันที      ส่วนถ้าใครยัง No Idea และกำลังต้องการหา “Your Home Inspirealtion แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ” จาก NocNoc เราอยากแนะนำให้ Download NocNoc Application ใส่มือถือเอาไว้เลย ซึ่งสามารถติดตั้งได้ทั้งระบบ Android และ iOS จากนั้นค่อยๆ หาแรงบันดาลใจของคุณผ่านทางภาพตัวอย่างหลากหลายสไตล์ที่คุณสามารถเซฟแบบที่ใช่ สไตล์ที่ชอบไว้เป็นคอลเล็คชั่นส่วนตัวได้ตลอดเวลา พร้อมเมื่อไหร่ก็แค่กดสั่งซื้อ แล้วรอรับสินค้าที่บ้านได้เลย สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินเข้าห้างให้เสี่ยงโควิด-19 แถมยังได้สินค้าราคาคุ้มค่าสุดๆ อีกด้วย   Download NocNoc Application ได้แล้ววันนี้ App Store / Google Play : https://bit.ly/3ahhAxb      
พรีโม เตรียม IPO ในปลายปีนี้  วางเป้าขึ้น Top3 ด้านบริการอสังหาฯ ​ครบวงจร

พรีโม เตรียม IPO ในปลายปีนี้ วางเป้าขึ้น Top3 ด้านบริการอสังหาฯ ​ครบวงจร

“พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กางแผนธุรกิจปี 2565 เตรียม IPO ช่วงปลายปีนี้ หวังเติบโตตามบริษัทแม่ ตั้งเป้ารายได้โต 2-3 เท่าภายใน 3 ปี พร้อมขึ้นผู้นำ Top3 ในด้านธุรกิจบริการอสังหาฯ ครบวงจร ​   นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ได้วางแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (IPO) ในช่วงปลายไตรมาส 4/2565  โดยจะเริ่มยื่นไฟลิ่งในช่วงไตรมาส 3 นี้   ในปีนี้ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้เติบโต 25-30% จากปีที่ผ่านมามีรายได้กว่า 489 ล้านบาท  ซึ่งจะเป็นรายได้ในกลุ่มบริษัทออริจิ้น สัดส่วน 30% และนอกกลุ่มบริษัทออริจิ้น สัดส่วน 70% โดยบริษัทวางแผนลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งจะนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาการบริการให้ดีขึ้น เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชั่นช่วยการฝึกอบรมบุคลากร และการบริการ พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2566 จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดติดอันดับ Top 3 ด้านการให้บริการในธุรกิจอสังหาฯ ครบวงจรในประเทศไทย   นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า  ภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2568 คาดว่ารายได้จะเติบโต 2-3 เท่า ด้วยจุดแข็งของบริษัทที่ให้บริการธุรกิจต่าง ๆ แบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่ง​บริษัทวางแผนขยายงานบริการต่าง ๆ แบบครบวงจร ทั้งฝั่ง B2B และ B2C ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนสร้างบ้าน ไปจนถึงการลงทุนบ้านหลังที่ 2  ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าจะสามารถเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ตามแผนงานที่วางเอาไว้   ในปี 2565 นี้ บริษัทเร่งขับเคลื่อนองค์กรตามแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล หรือ Origin Multiverse ให้บริษัทสามารถแยกและเติบโตแบบคู่ขนานกับบริษัทแม่ เดินหน้าธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ อย่างเต็มกำลัง ภายใต้แนวคิด “At Your Service Every Moment”  ด้วยการจัดทัพงานบริการของ 8 บริษัทย่อย ขยายสู่การบริการแบบครบวงจรใน 3 กลุ่มหลัก เป็น One-Stop Service ที่พร้อมให้บริการในทุกช่วงจังหวะของการใช้ชีวิต ให้บริการแก่ทั้งผู้บริโภค ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ 3 กลุ่มธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ 1.กลุ่ม Pre-Living Services ให้บริการตั้งแต่ก่อนเริ่มอยู่อาศัย ประกอบด้วย -ธุรกิจที่ปรึกษาและตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการโดย บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด (Passion Realtor) การให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาโครงการ บริการทำการตลาด บริการซื้อ-ขายที่ดิน เป็นตัวแทนขายโครงการที่อยู่อาศัย ให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาฯ พร้อมทั้งเป็นผู้ช่วยดูแลให้ผู้บริโภคได้มีบ้านและคอนโดที่ดีตั้งแต่ตอนซื้อ   -ธุรกิจออกแบบอาคาร โดย บริษัท ยูพีเอ็ม ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด (UPM Design Studio) ให้บริการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายในอาคารแก่ผู้พัฒนาอสังหา   -ธุรกิจบริหารงานโครงการและบริหารงานก่อสร้าง โดย บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด (United Project Management หรือ UPM) ให้บริการบริหารงานโครงการและบริหารงานก่อสร้าง ให้บริการแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และโครงการก่อสร้างภาครัฐ   -ธุรกิจที่ปรึกษางานออกแบบ ตกแต่งและขนย้าย โดย บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด (Wyde Interior) ให้บริการตกแต่งภายในพร้อมทั้งมีบริการขนย้ายแก่ผู้บริโภคที่ต้องการย้ายจากบ้านเดิมไปยังบ้านใหม่ 2.กลุ่ม Living Services ให้บริการเมื่อผู้บริโภคเข้าพักอาศัยแล้ว ประกอบด้วย -ธุรกิจบริหารจัดการอาคาร ดำเนินการโดย บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด (Primo Management) และบริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด (Crown Residence) รับบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ดูแลคุณภาพชีวิตของลูกบ้านระหว่างการพักอาศัยทั้งในระดับโครงการทั่วไปจนถึงระดับลักชัวรี   -ธุรกิจบริการความสะอาดครบวงจร โดย บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด บริการทำความสะอาดครบวงจร ให้บริการแก่ทั้งลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคทั่วไป 3.กลุ่ม Living & Earning Services ให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการได้รับประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม เช่น ผลตอบแทนจากการลงทุนคอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ความรู้ด้านการตลาดอสังหาฯ ​ประกอบด้วย   -ธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัย โดย บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินงานบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย ร่วมวางแผนตกแต่ง จัดหาบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้เข้าพัก   -ธุรกิจอบรมด้านอสังหาริมทรัพย์ โดย บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด จัดคอร์สอบรมให้ความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์แก่ผู้สนใจ ที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ตัวเองในการพัฒนาโครงการ การทำการตลาดอสังหาริมทรัพย์   นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ธุรกิจบริการอสังหาฯ​​มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามทิศทางของธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ โดยในช่วงปีนี้ กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มจะมีโอกาสเติบโตสูงคือกลุ่ม Pre-Living หรือกลุ่มก่อนการอยู่อาศัย เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาฯ​​ หลายราย มีแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยกันในระดับ New-High ในรอบหลายปี ทำให้มีความต้องการที่ปรึกษาด้านการขาย ผู้บริหารงานโครงการก่อสร้าง ทีม Interior Design เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะใช้จุดแข็งใน 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1.ความเข้าใจพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ 2.ความพร้อมการบริการครบวงจรแบบ One-Stop Service และ 3.ความเชี่ยวชาญของพนักงานบริการในแต่ละประเภทธุรกิจ เข้าแข่งขันกับตลาดทั้งฝั่ง B2B และ B2C ในช่วงนับจากนี้   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เปิดโรดแมพธุรกิจ “ออริจิ้น” ใน 3 ปี ปูทางสู่มาร์เก็ตแคปกลุ่มธุรกิจ 1 แสนล้าน
พราว กรุ๊ป  พร้อมเปิดสวนน้ำ อันดามันดา  22 พ.ค.นี้ ดึงนักท่องเที่ยวปีละ 1 ล้านคน

พราว กรุ๊ป พร้อมเปิดสวนน้ำ อันดามันดา 22 พ.ค.นี้ ดึงนักท่องเที่ยวปีละ 1 ล้านคน

อันดามันดา พราว กรุ๊ป ลุยพัฒนาโปรเจ็กต์สวนน้ำ ปักหมุดจังหวัดภูเก็ต ขึ้น “อันดามันดา ภูเก็ต” แหล่งท่องเที่ยวสวนน้ำแห่งที่ 2 ด้วยเม็ดเงินกว่า 4,500 ล้าน มั่นใจศักยภาพของเมืองท่องเที่ยวระดับโลก คาดผู้ใช้บริการปีละ 1 ล้าน พร้อมเดินหน้าหาแหล่งพัฒนาต่อ เล็งสมุย-กรุงเทพฯ ใช้เม็ดเงินแห่งละกว่า 2,000 ล้าน   วันที่ 22 พฤษภาคมนี้ จังหวัดภูเก็ตจะมีแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ "อันดามันดา ภูเก็ต" ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ลงทุนและบริหารงานโดย นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว กรุ๊ป ทายาทนักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดังอย่าง “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ”   โครงการอันดามันดา ภูเก็ต ไม่ใช่สวนน้ำแห่งแรกที่พราว กรุ๊ป พัฒนาขึ้นมา ก่อนหน้านี้ มีการพัฒนาโครงการนาวา นาวา หัวหิน เมื่อปี 2555 เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อน ในรูปแบบสวนน้ำระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะมีนักท่องเที่ยวไปใช้บริการมากกว่า 500,000 คนในปีแรกที่เปิดให้บริการ   โครงการอันดามันดา ภูเก็ต จึงเป็นสวนน้ำระดับโลกแห่งที่ 2 ของพราว กรุ๊ป ที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างแหล่งรายได้ให้กับบริษัท ซึ่งการเลือกจังหวัดภูเก็ต ก็คงเป็นเหตุผลในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยว ที่เข้ามามากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ชื่อเสียงของภูเก็ตเป็นที่รู้กันว่า ไม่ใช่แค่แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเฉพาะคนไทย แต่หมายถึงคนทั้งโลกที่ชื่นชอบและเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตเป็นจำนวนมาก และภูเก็ตยังมีความพร้อมอีกหลายอย่างที่จะทำให้ธุรกิจสวนน้ำเติบโต ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสายการบินมากมาย จำนวนโรงแรมหรูชั้นนำ และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีกมากมายด้วย อันดามันดา ภูเก็ต เทงบลงทุน 4,500 ล้าน โครงการอันดามันดา ภูเก็ต มีมูลค่าการลงทุนรวม 4,500 ล้านบาท  บนเนื้อที่ 58 ไร่  โดยแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 เฟส ในเฟสแรก เป็นการพัฒนาสวนน้ำ มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยเปิดให้บริการในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ส่วนเฟสที่สอง จะพัฒนาโรงแรมระดับ 4 ดาวจำนวน 300 ห้อง​ พื้นที่รีเทล  และลานแสดงน้ำพุ  โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท  จะเปิดให้บริการได้ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า   โครงการอันดามันดาภูเก็ต พัฒนาขึ้นด้วยแนวคิดและแรงบันดาลใจ “Thai Legend Meets Fantasy” เพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทย  สามารถเข้าใช้บริการได้ทุกเพศทุกวัย  ซึ่งมีการพัฒนาภายใต้ ​3 ธีมหลัก  คือ 1.การผจญภัย (Adventure) 2.วัฒนธรรม (Culture) 3.การพักผ่อนหย่อนใจ (Leisure) โดยภายในโครงการ ประกอบด้วย ทะเลเทียมขนาดใหญ่ 10,000 ตร.ม. สามารถโต้คลื่นได้สูงสุดถึง 3 เมตร ที่เดียวในไทย ที่มาพร้อมกับหาดทรายเทียมที่มีความยาวกว่า 300 เมตร  มีจุดน่าสนใจทั้งหมดกว่า 25 รายการ รวมไปถึงสไลเดอร์กว่า 12 สไลเดอร์ โซนเครื่องเล่นสำหรับเด็กกว่า 5,300 ตารางเมตร ทั้งสำหรับสาย Adrenaline สายชิลล์ และเด็ก  ซึ่งสามารถรองรับคนเข้ามาใช้บริการได้มากกว่า 5,000 คน  ไม่ว่าจะเข้ามาเล่นเครื่องเล่น หรือใช้พื้นที่สำหรับการจัดงานและอีเว้นท์ต่างๆ เครื่องเล่น  นอกจากนี้ ยังมีการตกแต่งด้วยหน้าผาและก้อนหินจำลอง  เขาตะปูจำลองขนาดเท่าของจริง Lazy River ที่ยาวที่สุดในไทย เติมเต็มด้วยร้านอาหาร-ร้านค้า-การแสดง ภายในโครงการอันดามันดา ภูเก็ต  ยังมีร้านอาหาร ในตลาดน้ำแบบไทย ซึ่งมีการจำหน่ายอาหารนานาชาติ Ultimate Theme Party ทุกเดือน และมี Wave Bar และ Sand Bar บาร์ลับที่รวบรวมเครื่องดื่มนานาชนิดจากทั่วโลก รวมถึง Cocktail สูตรลับของอันดามันดา ภูเก็ตไว้บริการ   นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ในส่วนร้านค้า และการจัดอีเว้นท์กับคอนเสิร์ตระดับโลกที่จะมีขึ้นตลอดทั้งปี มีการโชว์พาเหรดและการแสดง ที่รวมนำเอาศิลปวัฒนธรรมภาคใต้และความเป็นไทย พร้อมแสงสีเสียงมาจัดแสดง   นางสาวพราวพุธ กล่าวว่า อันดามันดา ภูเก็ต จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นศูนย์รวมแหล่งพักผ่อน สวนน้ำ และความบันเทิงในรูปแบบ Integrated Entertainment and Resort Destination ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นน้ำของโลกของเมืองภูเก็ตให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งเชื่อว่า การเปิดในครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของภูเก็ต สำหรับแนวทางการทำตลาด อันดามันดา ภูเก็ต จะทำงาน​ร่วมกับพันธมิตร อาทิ โรงแรมในภูเก็ตกว่า 300 โรงแรม ทัวร์เอเจ้นท์กว่า 500 ราย ในการร่วมกันทำการตลาด มีการทำข้อตกลงในการส่งลูกค้ากับกลุ่มขนส่งกว่า 3,000 คัน ซึ่งภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการประมาณ 400,000 คน กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มครอบครัว 40% กลุ่มคนรุ่นใหม่ 30% และกลุ่มจัดงานอีเวนท์อีก 30%  ซึ่งจะโฟกัสตลาดคนไทยสัดส่วน 70% และต่างชาติ 30% แต่หลังจากมีการเปิดประเทศแบบเต็มที่แล้ว คาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการสัดส่วนถึง 70%   หลังเปิดประเทศเป็นปกติ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการปีละ 1 ล้านคน  หรือสัดส่วน 10% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดภูเก็ตปีละ 10 ล้านคน​   สำหรับโครงการอันดามันดา ภูเก็ต แบ่งระยะเวลาคืนทุนเป็น 2 ส่วน โดยสวนน้ำ คาดใช้เวลา 6-7 ปี โรงแรม 10 ปี ซึ่งนอกจาก พราว กรุ๊ปจะลงทุนที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว ยังมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการในรูปแบบสวนน้ำ ในจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวปีละ 1 ล้านคนด้วย ซึ่งมี 2 แห่งที่น่าสนใจ คือ เกาะสมุยและจังหวัดกรุงเทพฯ  โดย​เงื่อนไขการลงทุนธุรกิจสวนน้ำ ควรจะต้องมีที่ดิน 15-20 ไร่  และพัฒนาเป็นรูปแบบมิกซ์ยูส  ทำให้ต้องมีพื้นที่ตั้งแต่ 30-40 ไร่ขึ้นไป  และใช้เม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า ​ 2,000 ล้านบาทต่อโครงการด้วย ​   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -พาชม “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” Branded Residence แห่งแรก
MetaMask โดนแบนแก้ยังไงดี [VDO]

MetaMask โดนแบนแก้ยังไงดี [VDO]

  หลายบทความที่ผ่านมา เราได้มีการแนะนำวิธีการติดตั้ง และการใช้งาน MataMask ในหลาย ๆ ส่วนกันไปแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงจะสามารถใช้งานและสร้าง Wallet บน MataMask Wallet กันได้อย่างสะดวก และปลอดภัย จากฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่มีมาให้ เพราะ MataMask Wallet ใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่มความปลอดภัยสูงจากการที่เป็นแพลตฟอร์มที่เป็น Decentralized   แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่ทำเอานักลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัล หรือลงทุนเหรียญต่าง ๆ รวมถึงผู้ที่สนในวงการคริปโทเคอร์เรนซี่ ต่างก็ตกใจและงงไปตาม ๆ กันเมื่อ MetaMask Wallet โดนแบน ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ จากที่เคยเข้าใจว่า Metamask Wallet เป็นแพลตฟอร์มในรูปแบบ Decentralized นั้น ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหรือจริง ๆ แล้ว เป็นระบบ Centralized มากกว่า     โดยช่วงที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนส่วนใหญ่คิดเช่นนั้น เมื่อชาวเวเนซุเอลาจำนวนมาก ไม่สามารถ​ทำการล็อกอินเข้าไปใช้งาน MetaMask Wallet ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นข่าวใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละคนเชื่อว่า MetaMask Wallet เป็นแพลตฟอร์ม Decentralized หรือใคร ๆ ก็สามารถเข้ามาใช้งานได้ โดยไม่ต้องทำการ KYC  หรือต้องขออนุญาตในการใช้งานก่อนเลย จากเหตุการณ์นี้ก็มีคนบ่นกันมากเลยว่า เหตุการณ์นี้ จริง ๆ แล้ว แพลตฟอร์ม MetaMask มันเป็น Centralized หรือเปล่า มันจึงทำการบล็อกให้คนทั้งประเทศไม่สามารถจะเข้ามาใช้งานได้เลย     MetaMask แจงสาเหตุ Login ไม่ได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวเวเนซุเอลา ไม่สามารถล็อกอินเอข้าไปใช้งาน MetaMask Wallet ได้ ทาง MetaMask ก็รีบออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าว และวิธีการแก้ไขในกรณีนี้กัน หากเราต้องเจอกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้   MetaMask มีการชี้แจงว่า วัตถุประสงค์ของ MetaMask Wallet ก็เพื่อต้องการทำให้ ทุกคนสามารถเข้าสู่เทคโนลยี Blockchain ได้ ซึ่งการที่ถูกบล็อกในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่อยู่ใน MetaMask แต่การบล็อกครั้งนี้ เกิดจากความผิดพลาดของแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า  Infura ซึ่งเป็น Centralized ซึ่งจากข่าวจะเห็นว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เกิดจาก Infura ทำการบล็อกตามคำสั่ง ของรัฐบาลอเมริกา เพียงแต่ว่าตอนใส่คำสั่งบล็อก อาจจะเกิดข้อผิดพลาด จึงทำการบล็อกเกินคำสั่งที่ได้มา คือไม่ได้ตั้งใจบล็อกทั้งประเทศ แต่ไปกดผิดก็เลย บล็อกทั้งประเทศเลย     แต่ที่ส่งผลมาถึงตัว MetaMask ก็เพราะว่า MetaMask Wallet โดยปกติค่า Default API endpoints ทาง MetaMask  จะเลือกใช้ตัว Infura เป็นตัว API endpoints ก็เลยกลายเป็นว่าตัว MetaMask Wallet ที่มีวัตถุประสงค์จะสร้าง Wallet เป็น Decentralized ดันมีฟังก์ชั่นการทำงานที่มี Centralied นั่นก็คือ Infura นั่นเอง   แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทาง MetaMask  บอกว่า ผู้ใช้งานทุกคน สามารถเข้าไปตั้งค่าไม่ใช้งาน Infura ได้ในแต่ละคน ให้ไปใช้งาน API endpoints ตัวอื่น ๆ ได้     โดยมีตัวหนึ่งคือ Pocket network (POKT) ที่ให้บริการ API Pain point แบบ Decentralized จากเว็บไซต์ของ Pocket network จะมีการให้บริการทั้ง Ethereum, Harmony, SOLANA, Binance รวมถึง Blockchain อื่น ๆด้วย ซึ่งจะเห็นว่า Pocket network มีความเป็น Decentralized เพราะว่ามีจำนวน Node อยู่มากกว่า 20,000 Node แสดงให้เห็นถึงความเป็น Decentralized ที่สูงมาก และถ้ามาดูในส่วน Protocol ที่สร้างรายได้ได้สูงสุด (ตามภาพ) จะเห็นว่า Pocket Network เป็นตัวที่สร้างรายได้สูงเป็นอันดับ 2 รองจาก Ethereum แซงหน้าทั้งตัว SOLANA และ Helium แล้ว   วิธีการตั้งค่าการใช้งาน Pocket Network บน MetaMask Wallet ในส่วนนี้ทางเว็บไซต์ Pocket network มีการเขียนอธิบายไว้ พร้อมกับทำคลิปตัวอย่างอธิบาย รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นต้องเพิ่มเข้าไป ใน เข้าไปใน MetaMask Wallet ของเรา ซึ่งวิธีการนั้นก็เหมือนกับการเพิ่มตัว Binance Smart Chain,Polygon,  Avalanche  บน MetaMask Wallet ของเรา     โดยหากเราต้องการเพิ่ม Network อะไร ลงบน MetaMask Wallet ของเรา ให้เอาข้อมูลในส่วนนี้ (....รูป) เข้าไปใน MetaMask Wallet ของเราได้เลย เมื่อเรารู้ข้อมูลดังกล่าวแล้ว ให้เข้าไปใน MetaMask Wallet ของเรา แล้วทำการกดเพิ่ม Network เข้าไป (เมนูคำสั่งอยู่บริเวณขาวมือบน) แล้วเพิ่มข้อมูลในส่วนต่าง ๆ เข้าไป ดังนี้   -Network Name -New PRC URL -Chain ID -Currency Symbol -Block Explorer URL   หากใส่ข้อมูลต่าง ๆ ลงไปแล้ว ปรากฏว่าขึ้นสีแดง ก็ไม่ต้องสนใจให้กด Save ได้เลย ซึ่งเราสามารถเพิ่ม Network ต่าง ๆ ได้ตามปกติ     จากภาพตัวอย่าง จะเห็นว่าปัจจุบันมี Network เพิ่มเข้ามาแล้ว โดยมีทั้งหมด 3 Network ด้วยกัน คือ 1.Ethereum Mainnet ที่ใช้ตัว Infura ซึ่งเป็นค่า Default ของ MetaMask Wallet 2.POKT Network_Avalanche 3.POKT Network_Ethereum ซึ่งตัวนี้เป็น ETH Mainnet เหมือนกับตัวแรก แต่จะต่างกันที่ตัวแรกใช้ Infurส่วนตัวนี้ตัวนี้ใช้ตัว POKT Network   แล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่า การเพิ่ม ETH Mainnet ที่ใช้ Pocket network เข้าไป มันเป็น ETH Mainnet เหมือนกันหรือไม่นั้น มีวิธีการตรวจสอบง่าย ๆ ดังนี้ คือ ให้เข้าไปตรวจสอบจำนวนเหรียญที่มีอยู่ใน ETH Mainnet กับ Pocket network จะต้องมีจำนวนเหรียญที่เท่ากัน   โดยทำการกดเปลี่ยนตัว Network ไปเป็น Pocket network หากเป็น ETH Mainnet เหมือนกัน มันจะต้องแสดงข้อมูลจำนวน Token ที่เท่ากัน (จากจำนวน Token ของเราที่มีอยู่ใน MetaMask Wallet) จากกรณีตัวอย่างจะเห็นว่ามีจำนวนเหรียญที่เท่ากันทั้งใน Ethereum Mainnet และ Pocket Network     ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของ MetaMask ซึ่งเป็นหนึ่งแพลตฟอร์มด้านการเงินดิจิทัล ที่มีระบบการทำงานไม่ยุ่งยาก สามารถใช้งานได้ง่าย ๆ แต่บางครั้งอาจจะมีปัญหาทำให้เราต้องมาแก้ไข เพราะบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ 100% และปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ ถ้าไม่อยากพลาดบทความดี ๆ และสาระความรู้ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และเทคโนโลยี รวมถึงไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ อย่าลืมกดติดตามเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของ Reviewyourliving หรืออยากให้เราทำคอนเทนต์อะไรก็คอมเมนต์มาได้เสมอ    
Never Snooze Coffee@ Chrew   นั่งคาเฟ่ ช้อปเสื้อผ้า

Never Snooze Coffee@ Chrew   นั่งคาเฟ่ ช้อปเสื้อผ้า

Never Snooze Coffee@ Chrew เราอาจเคยเห็นร้านกาแฟในร้านคาร์แคร์ ร้านกาแฟในร้านหนังสือ วันนี้  Never Snooze Coffee ร้านกาแฟในร้านเสื้อผ้าย่านสามย่าน ชื่อแบรนด์ Chrew จากออสเตรเลีย     Never Snooze Coffee  กาแฟรูปแบบต่าง ๆ เมนูชา ชาเขียว และ เมนู Soda ทางร้านจะมีรูปแบบเมล็ดให้เลือกตามความชอบด้วยจะคั่วเข้ม คั่วกลาง ก็มีตามความชอบเลย     Never Snooze Coffee ตั้งอยู่ด้านในร้าน Chrew ณ Dragon Town สามย่าน หรือถ้าหากสะดวกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสามารถมาลงที่ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ โดยลงฝั่งสนามกีฬาฯ     Never Snooze Coffee@ Chrew เปิดทุกวัน ร้านกาแฟ เปิดทุกวัน เวลา : 07.30 – 16.30 ร้านเสื้อผ้า เปิดทุกวัน เวลา : 10.00 – 19.00 สามารถติดตามข่าวสารของทางร้านใน Facebook ได้ที่ Never Snooze Coffee และ Brand เสื้อผ้าที่ chrewbkk และ Instagram ชื่อว่า : neversnoozecoffee พิกัดร้าน โครงการ Dragon Town ใกล้ I’m Park มีจอดรถได้ที่โครงการ  Dragon Town มีค่าจอด   บทความน่าสนใจ Poon ปูรณ์ คาเฟ่ในสวน ณ บางแสน Bang Khla Cafe คาแฟ่สไตล์โฮมมี่ เหมือนปิกนิกในสวนหลังบ้าน RISE COFFEE กาแฟดีที่ เพลินจิต   .  
ติดตั้ง Binance Smart Chain บน Metamask ได้ง่าย ๆ ไม่กี่คลิ๊ก [VDO]

ติดตั้ง Binance Smart Chain บน Metamask ได้ง่าย ๆ ไม่กี่คลิ๊ก [VDO]

ติดตั้ง Binance Smart Chain บน Metamask ได้ง่าย ๆ ไม่กี่คลิ๊ก​ ก่อนหน้านี้เราได้มีการแนะนำ วิธีการติดตั้งและใช้งาน Metamask การใช้งาน Metamsk Wallet บนโทรศัพท์มือถือกันไปแล้ว ซึ่งการติดตั้งและใช้งานถือว่าทำกันได้ง่าย ๆ ไม่ได้ยุ่งยาก หากใครพลาดบทความก่อนหน้านี้ สามารถไปติตตามอ่านกันได้   ส่วนในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการติดตั้ง Binance Smart Chain บน Metamask ได้ง่าย ๆ บนโทรศัพท์มือถือเช่นกัน ซึ่งไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไร สามาถทำตามเพียงไม่กี่คลิ๊ก​เท่านั้น ไม่เชื่อลองทำตามดูได้เลย     ขั้นตอนการติดตั้ง Binance Smart Chain 1.เข้า App Metamask แล้ว Login เริ่มต้นเข้ามาที่ Application Metamask  จากนั้นทำการ Login เข้าระบบเพื่อใช้งาน ซึ่งอาจจะใช้วิธีใส่รหัส หรือการสแกนนิ้วมือ พอเข้ามาจะเป็นหน้าตาของ Wallet METAMASK     2.เข้าคำสั่ง Setting หลังจากทำการ Login แล้วให้เราเข้ามาตรงแถบเมนูด้านซ้ายมือบน แล้วเข้าคำสั่ง Setting และเลือกเมนู Networks แล้วเราจะเห็น Network ทั้งหมดที่มีการเปิดใช้งานบน Metamask ในตอนนี้     3.เพิ่ม Network จะสังเกตว่าตอนนี้ใน Network ทั้งหมด จะยังไม่มี Binance Smart Chain ติดตั้งอยู่ให้เราทำการเพิ่ม Network เข้ามาก่อนด้วยการกดปุ่ม Add Network บริเวณด้านล่าง     4.กรอกข้อมูลให้ครบ เมื่อเรากดปุ่ม Add Network บริเวณด้านล่างแล้ว​ App จะพาเข้ามาสู่ในส่วนของการกรอกข้อมูลต่าง ๆ  ให้ทำการกรอกข้อมูลต่าง ๆ ที่ Network ต้องการเข้าไป ซึ่งข้อมูลพวกนี้ ปกติแล้วเราสามารถหาได้จาก การค้นหาใน Google ซึ่ง Key word ปกติจะมี 3 คำ ด้วยกันคือ  Metamask  และชื่อ Network ซึ่งกรณีนี้ คือ Binance Smart Chain และ How to add จะเป็นประมาณนี้ สำหรับข้อมูล Binance Smart Chain สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้     หลังจากได้แหล่งข้อมูลที่ทำการก๊อบปี้มาใส่ใน Metamask ได้แล้ว ให้เราทำการก๊อปปี้มาใส่ไว้ใน Metamask กรอกข้อมูลให้ครบ แล้วทำการกดปุ่ม Add ด้านล่าง     เมื่อทำการกดปุ่ม Add เพื่อเพิ่ม Network เรียบร้อยแล้ว  ตัว App จะตัดมาที่หน้า Wallet จะเห็นว่าบริเวณด้านบน จะมีคำว่า Smart Chain แล้ว ซึ่งเหรียญหลักที่มีการทำงาน บน Smart Chain คือ เหรียญ BNB Token   โดยเราสามารถสลับ Network การใช้งานได้ด้วยการ กดปุ่มด้านบน กดเข้ามาก็จะโชว์ตัว Network ทั้งหมด และเราสามารถสลับการทำงานไปมาได้ตลอดเวลา จากกรณีตัวอย่างเราเสามรถเปลี่ยนเป็น Ethereum ได้ด้วยการกด Ethereum Main Network ก็จะเข้าสู่หน้า Wallet ของ Ethereum Main Network หรือจะเปลี่ยนกลับไปเป็น Binance Smart Chain ได้ด้วยการกดปุ่มด้านบนเช่นกัน     ทั้งหมดเป็นการเพิ่ม Metamask Smart Chain บนมือถือ โดยเราสามารถใช้หลักการเดียวกัน เพื่อเพิ่มเข้ามาใน Metamask ได้ เช่น Bitkab Chain ก็สามารถทำการเพิ่มโดยใช้วิธีการเดียวกันได้เลย   บทความที่เกี่ยวข้อง Blockchain คืออะไร? เกี่ยวอะไรกับ Bitcoin – Crypto Blockchain มีกี่ประเภท? เรื่องต้องรู้ก่อนเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัล ไขทุกข้อสงสัย การโอน Crypto กับ E-Banking ต่างกันยังไง? เรื่องต้องรู้ ETH Smart Contract คืออะไร? Coin VS Token เหมือน หรือ ต่าง อย่างไร? ETFs แค่เข้าใจ ก็ลงทุน Bitcoin ได้ไม่ยาก Bitcoin Wallet คืออะไร? จะเสี่ยงแค่ไหน? ถ้าคอมพิวเตอร์โดยขโมย!! ทำไมต้อง IPO ทำไปเพื่ออะไร? – เข้าใจการระดมทุนใน SET ด้วย IPO Bitcoin กับการฟอกเงินและอาชญากรรม DeFi นวัตกรรมการเงินดิจิทัล ที่ไม่ต้องง้อธนาคาร Chainlink กับบทบาทและความสำคัญในโลกการเงินดิจิทัล รู้จักกับ STO อีกวิธีของการระดมเงินทุน ทั้งรวดเร็วและปลอดภัย รู้จัก Yield Farming เพื่อการลงทุนคริปโทให้กำไรงอกเงย Liquidity Pool คืออะไร สำคัญแค่ไหนในวงการ Cryptocurrency รู้จักกับ LUKSO เทคโนโลยี Blockchain เพื่อไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล Impermanent Loss คืออะไร เข้าใจเรื่องเสี่ยงขาดทุนในการฟาร์ม Compound Finance การปล่อยกู้เพื่อสร้างกำไรในคริปโทฯ ถ้าไม่เข้าใจ ICO อย่าพึ่งลงทุนใน Crypto รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่1) รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่2) คลิปเดียวรู้เรื่อง ติดตั้งและใช้งาน MetaMask กระเป๋าเงิน Cryptocurrency ฟรี โอน METAMASK Wallet บนมือถือ ทำได้ง่ายแค่คลิ๊กเดียว    
4 เทคนิค ทำความสะอาดตู้เย็น ช่วยลดค่าไฟสร้างสุขอนามัยในหน้าร้อน

4 เทคนิค ทำความสะอาดตู้เย็น ช่วยลดค่าไฟสร้างสุขอนามัยในหน้าร้อน

ทำความสะอาดตู้เย็น หลายคนคงได้ยินข่าว กกพ. (เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน)  ที่เตรียมปรับค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่าเอฟที ในรอบเดือนเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2565 นี้  โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 5.82% จากงวดปัจจุบัน ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างนี้ สิ่งที่เราทำได้ ก็คงเป็นการประหยัดการใช้ไฟ้ หรือหากประหยัดไฟไม่ได้ ก็คงต้องใช้ไฟให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่เราได้จ่ายออกไป แต่สิ่งสำคัญเราคงดูกันว่า ทุกวันนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไร ที่กินไฟ้มาก หรือเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราเสียค่าไฟแพง ๆ โดยไม่เกิดประโยชน์   ตอนนี้อากาศบ้านเราก็ยังถือว่าร้อนเอาเรื่องอยู่ และหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกใช้กันมาก ก็คือ ตู้เย็น โดยเฉพาะในช่วงที่หลายคนต้องทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เพราะคงต้องเปิดเข้าเปิดออกหาของกินตลอดวัน ซึ่งใครหลายคนอาจจะมองข้ามและละเลยการทำความสะอาดตู้เย็น เพราะสาเหตุสำคัญของการสิ้นเปลืองไฟฟ้าของตู้เย็น ก็คือปริมาณของที่ถูกแช่ไว้จำนวนมาก รวมถึงการไม่ได้ทำความสะอาด ให้ตู้เย็นได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง   วันนี้เราจะมาบอกเทคนิค การทำความสะอาดตู้เย็นในทุกซอกทุกมุม ซึ่งจะช่วยในเรื่องการทำงาของตู้เย็นให้มีประสิทธิภาพ และลดต้นเหตุของการสิ้นเปลืองพลังงาน ที่สำคัญจะทำให้อาหารที่แช่อยู่ในตู้เย็น คงความสด สะอาด ซึ่งดีต่อร่างกายและสุขภาพของคนกินด้วย กับ 4 เทคนิคทำความสะอาดตู้เย็น ช่วยลดค่าไฟสร้างสุขอนามัยในหน้าร้อน 1.ทำความสะอาดพื้นที่ภายในทุกซอกมุม การทำความสะอาดตู้เย็น ก่อนอื่นเลยควรถอดสายไฟออกก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ จากนั้นให้นำอาหารที่แช่ไว้ทั้งหมดออกมา ถอดชั้นวาง ลิ้นชัก ตู้แช่ผัก และส่วนอื่นๆ ที่สามารถถอดออกได้ เพื่อนำมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจาน ตามด้วยการล้างน้ำเปล่า และนำไปตากหรือเช็ดให้แห้งก่อนนำกลับมาใส่ในตู้เย็นอีกครั้ง   สำหรับพื้นผิวภายในตู้เย็น สามารถใช้ฟองน้ำชุบเบกกิ้งโซดาที่นำไปละลายกับน้ำเปล่าเช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว รวมถึงบริเวณขอบยางตู้เย็น หากพบจุดที่มีคราบสกปรกหรือเชื้อราฝังแน่น สามารถนำสำลีชุบน้ำส้มสายชู แล้วมาทาบริเวณดังกล่าวเพื่อขจัดคราบเชื้อราให้หมดไป   นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดที่หลายคนอาจมองข้ามไปในขั้นตอนการทำความสะอาดตู้เย็นคือท่อจ่ายน้ำ (water dispenser) ในที่กดน้ำของตู้เย็น ซึ่งอาจเกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกเมื่อไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ 2.ขจัดกลิ่นอับภายในตู้เย็น การทำความสะอาดตู้เย็น อีกเรื่องที่ต้องทำตาม คือ หลังจากขจัดคราบและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ภายในตู้เย็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ควรจัดการกับกลิ่นไม่พึงประสงค์เป็นลำดับต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่มาจากอาหารที่แช่ค้างไว้เป็นเวลานานจนบูด กลิ่นคาวของอาหารสดหรืออาหารที่มีกลิ่นแรง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลิ่นอับภายในตู้เย็นที่เกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย   โดยนอกจากการขจัดกลิ่นด้วยเบกกิ้งโซดาหรือน้ำส้มสายชูแล้ว ยังมีวิธีธรรมชาติอื่นๆ เช่น การใช้ถ่าน กากใบชา เมล็ดกาแฟ หรือหนังสือพิมพ์ ไปแช่ไว้ในตู้เย็น เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีคุณสมบัติในการดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้ การเลือกใช้ตู้เย็นที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยจัดการกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในตู้เย็น ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกได้ในระยะยาว ​ 3.ทำความสะอาดตู้เย็น ด้านนอก เมื่อทำความสะอาดพื้นที่ภายในตู้เย็นอย่างหมดจดแล้ว การทำความสะอาดตู้เย็น ก็ไม่ควรมองข้ามการทำความสะอาดพื้นที่ภายนอกของตู้เย็น โดยเฉพาะที่จับประตูตู้เย็นซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ถูกสัมผัสบ่อยที่สุด และยังถูกใช้งานบ่อยขึ้นในยุคที่คนนิยมทำอาหารทานเองหรือสั่งอาหารมาทานที่บ้านมากขึ้น สำหรับใครที่ใช้ผ้าหุ้มที่จับตู้เย็น ควรถอดและนำไปซักทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง   สำหรับการทำความสะอาดภายนอกตู้เย็น รวมถึงที่จับประตู สามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาละลายน้ำหรือน้ำส้มสายชู เช่นเดียวกับการทำความสะอาดภายในตู้เย็น หรือใช้สเปรย์แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคอย่างเป็นประจำ 4.จัดระเบียบ-ตรวจเช็คอาหารที่แช่ในตู้เย็น การทำความสะอาดตู้เย็น อีกอย่างที่ไม่ควรละเลย คือ การรักษาความสะอาดและจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบอยู่เสมอจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการทำความสะอาดครั้งต่อไป เทคนิคง่ายๆ คือการหมั่นเช็ดชั้นวางภายในตู้เย็น เพื่อลดโอกาสในการก่อตัวของคราบสกปรกและเชื้อแบคทีเรียฝังแน่น รวมถึงการตรวจเช็ควันหมดอายุของอาหารที่แช่อยู่ในตู้เย็นบ่อยๆ เพื่อป้องกันอาหารบูดเสียค้างอยู่ในตู้เย็น   เทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นวิธีการทำความสะอาดตู้เย็น ที่ไม่ได้ยุ่งยาก หรือซับซ้อนอะไร ทำได้ง่าย ๆ ซึ่งจะช่วยทำให้ตู้เย็นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และไม่สิ้นเปลืองไฟฟ้า เชื่อว่าหากใครเอาไปใช้ ก็น่าจะช่วยทำให้ตู้เย็นไม่กินไฟโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญจะได้ตู้เย็นที่สะอาด อาหารที่แช่ก็จะมีความสดสะอาด ให้เราไว้ได้กินอย่างมีสุขภาพดีด้วย     CR:แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ในประเทศไทย   บทความที่เกี่ยวข้อง -รวมวิธีประหยัดไฟ รับมือค่าไฟฟ้าขึ้นราคา 4 บาท กับสารพัดวิธีเซฟเงินในกระเป๋า  
โอน METAMASK Wallet บนมือถือ ทำได้ง่ายแค่คลิ๊กเดียว [VDO]

โอน METAMASK Wallet บนมือถือ ทำได้ง่ายแค่คลิ๊กเดียว [VDO]

โอน METAMASK Wallet บนมือถือ ทำได้ง่ายแค่คลิ๊กเดียว บทความก่อนหน้านี้ เราได้พาทุกคนไปรู้จักกับการติดตั้งและใช้งาน METAMASK กระเป๋าเงิน Cryptocurrency แบบฟรี ๆ กันแล้ว ซึ่งครั้งนี้ ก็จะพาทุกคนไปรู้จักวิธีการติดตั้งและการใช้งาน METAMASK ผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ เพราะต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ ทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านมือถือกันมากที่สุดแล้ว รวมถึงการจะนำเอากระเป๋าเงิน หรือ METAMASK Wallet ที่อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์มาไว้บนมือถืออย่างไร ซึ่งต้องบอกไว้เลยว่า การติดตั้งและการใช้งานง่ายมาก ๆ เพียงไม่กี่คลิ๊กเท่านั้น ​   บทความนี้จะพาทุกคนไปทำการติดตั้ง METAMASK Wallet บนโทรศัพท์มือถือและการตั้งค่า เริ่มตั้งแต่การ Import METAMASK Wallet ที่เราใช้บนเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ามายังโทรศัพท์มือถือได้อย่างไร รวมถึงดูว่า METAMASK Wallet บนมือถือสามารถทำงานและใช้งานในฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้อย่างไรบ้าง     การติดตั้ง Metamask Wallet บนมือถือ เริ่มต้นให้เราเข้าไปที่ application METAMASK  แล้วกดปุ่ม Get Start แล้ว METAMASK  จะให้เราทำการเลือก ว่าจะ Import  Wallet ที่เรามีอยู่ หรือสร้าง Wallet ใหม่     หากต้องการ Import Wallet ที่มีอยู่แล้ว ให้กดปุ่ม Sync or Import Wallet หากต้องการสร้างใหม่ ให้กดปุ่ม Create Wallet  แต่ในบทความนี้ จะเป็นการโอน ก็จะทำการ Import wallet ที่มีอยู่แล้วเข้ามา   เมื่อเข้ามาแล้วจะพบว่า METAMASK มีวิธีการให้เรา Import Wallet เข้ามาด้วยกัน 2 วิธี คือ 1.การสแกน QR Code ซึ่งวิธีการนี้ จะต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ METAMASK บนเครื่อง PC แล้วทำตาม 4 ขั้นตอนดังนี้ 1.Open the extension 2.Go to Setting > Advanced 3.Click on “Sync with Mobile” 4.Scan the QR Code to start syncing   2.อีกวิธีการหนึ่ง คือ การ Import ด้วยการ Seed Phrase ที่เราได้มาตั้งแต่ขั้นตอนการสร้าง wallet ครั้งแรก โดยกดปุ่ม Import using seed phrase เมื่อกดแล้วจะเข้ามาสู่หน้าที่ให้เราใส่ข้อมูล     -ข้อมูล Seed phrase จำนวน 12 คำ -ใส่ Password และยืนยัน Password สำหรับมือถือที่มีการสแกนลายนิ้วมือ ก็สามารถใช้ฟังก์ชั่นสแกนนิ้วมือได้ ด้วยการเปิดฟังก์ชั่น Sign in with Fingerprint? -กดปุ่ม Import ข้อมูล หลังจากนั้น จะมีการสอบถามข้อมูลว่าสามารถแชร์ข้อมูลของเราบางส่วนได้หรือไม่ ซึ่งจะตอบอย่างไรก็ได้ ไม่ว่าจะ No Thanks หรือ I Agree ก็ได้เพราะไม่มีผลอะไร     เมื่อเรา Log in เข้ามาแล้วก็จะสามารถใช้งาน Wallet ของเราได้ ซึ่งจะมีหน้าตาตามรูป     โดยจะเห็นว่าใน Wallet จะมีอยู่แล้วบางส่วน เพราะเป็นการ Import Wallet ที่ใช้งานอยู่แล้วเข้ามา แต่จะเห็นว่ามีการแสดง Token อันเดียว คือ ETH เราสามารถเพิ่ม Token เข้ามาได้ ด้วยการกดปุ่ม ADD TOKENS แล้วค้นหา Token ที่เราต้องการเพิ่มเข้ามา เช่น กรณีที่ต้องการเพิ่ม Chainlink Token ให้พิมพ์ค้นหาในช่องค้นหา ก็จะสามารถเพิ่ม Token ได้ง่าย ๆ และสามารถเพิ่มได้มากกว่า 1 Token  โดยกรณีตัวอย่างได้เพิ่ม KNC เข้ามาด้วย     โอนเงินได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว ใน Application METAMASK ยังมีเมนูต่าง ๆ สำหรับการใช้งาน โดยเราสามารถกดปุ่ม เมนูบริเวณด้านซ้ายมือบน ก็จะมีเมนูต่าง ๆ ให้ใช้งาน อาทิ ฟังก์ชั่น Send หรือการโอนเงินออก     เป็นฟังก์ชั่นการโอนเงินออกไปให้กับผู้อื่นได้ โดยการกรอกข้อมูล Address ของผู้ที่เราต้องการจะโอนเงินไปให้ในช่อง To เมื่อใส่ข้อมูลเรียบร้อยแล้วกดปุ่ม Next ด้านล่าง แล้วเลือกจำนวน ที่เราต้องการส่งออก โดยเปลี่ยนแปลงจำนวนเหรียญตามที่เราต้องการ หรือหากต้องการเปลี่ยน Tokenอื่น ๆ  ที่เราต้องการโอนออกได้ ก็สามารถกดปุ่มสีน้ำเงินตรงกลาง ที่เป็นชื่อของ Token เพื่อเลือก Token ที่ต้องการได้ เมื่อตั้งค่าการโอนเหรียญเสร็จเสร็จ ให้เรากดปุ่ม Next   แล้ว METAMASK จะทำการคำนวณ และสรุปให้เราเห็นว่า จะมีการโอนเหรียญอะไร มูลค่าเท่าไร มีค่าธรรมเนียมเท่าไร ถ้าเราตกลงให้กดปุ่ม Send     นอกจากนี้ บริเวณที่หน้าโอนเงินออก หรือ Send จะพบว่าในช่อง To จะพบมีเครื่องหมายสแกน QR Code ซึ่งหมายความว่าเราสามารถสแกน QR Code เพื่อโอนเงินออกได้เช่นกัน ​     วิธีการรับโอนเงิน ด้วยฟังก์ชั่น Receive ถัดมาเรามาดูฟังก์ชั่นการรับเงิน หรือ Receive  ในหน้า Receive จะพบว่า มีวิธีการในการส่ง Address ของเราได้หลายช่องทาง ให้กับผู้ที่จะโอนเหรียญให้เรา ซึ่งเราสามารถแชร์ข้อมูล Addressผ่าน Email หรือการแสดง QR Code ก็ได้เช่นกัน หรือใช้ฟังก์ชั่น Share my Public Address ซึ่งเราสามารถ Share Address ของเราไปได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Line, Email หรือ  Messenger     การเพิ่ม Token ใช้งานเหรียญได้หลากหลาย ต่อมาเป็นฟังก์ชั่น Browser สำหรับการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ เข้ามา เมื่อเรากดฟังก์ชั่น Browser ก็จะเห็นว่ามีแพลตฟอร์มต่าง ๆ ปรากฏอยู่ในหน้านี้  ซึ่งตัว METAMASK Wallet ก็สามารถที่จะเข้าไป เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ ซึ่งตรงจุดนี้ ทำให้เราสามารถเข้าไปใช้งานแพลตฟอร์มต่าง ๆ ผ่านทาง METAMASK Wallet ได้       โดยวิธีการเชื่อมโยง ลองกด Application อะไรก็ได้ จากตัวอย่างเป็นการกด Application AXIE Infinity ซึ่งเป็นเกมที่พัฒนาขึ้นมา บนระบบ Blockchain ของ Ethereum ซึ่งจะมีหน้า Connect Request ขึ้นมา ซึ่งถ้าเราต้องการที่เชื่อมโยงเข้ากับ METAMASK Wallet กับเกมนี้ให้กดปุ่ม Connect ด้านล่าง ก็จะทำให้เราสามารถเชื่อมโยงเข้ากับเกมนี้แล้ว     สมมุติแอพพลิเคชั่นที่เราต้องการเชื่อมต่อด้วยไม่มีในนี้  เราก็สามารถทำการค้นหา ด้วยการใส่ชื่อแพลตฟอร์มที่เราต้องการเชื่อมต่อในช่อง Search or Type URL     จากตัวอย่างเป็นการค้นหาแพลตฟอร์ม Kyberswap ซึ่งสามารถค้นหาเจอ ให้ลองกดเข้าไปดูเมื่อเข้าไปใน Kyberswap แล้ว ให้ลองกดเมนูเมนูบาร์ด้านขวามือบน  แล้วลองกด จะมีเมนู Wallet แล้วให้กด Import   เมื่อกด METAMASK แล้วจะพบว่า Kyberswap ทำการเชื่อมต่อกับ METAMASK Wallet ของเราได้ ด้วยการกด Connect ปุ่มด้านล่าง METAMASK Wallet ก็จะทำการเชื่อมต่อ Kyberswap แล้ว     ทั้งหมดก็เป็นวิธีการติดตั้ง METAMASK Wallet บนมือถือ และการใช้งานต่าง ๆ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์และสะดวกกับทุกคนมาก   บทความที่เกี่ยวข้อง Blockchain คืออะไร? เกี่ยวอะไรกับ Bitcoin – Crypto Blockchain มีกี่ประเภท? เรื่องต้องรู้ก่อนเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัล ไขทุกข้อสงสัย การโอน Crypto กับ E-Banking ต่างกันยังไง? เรื่องต้องรู้ ETH Smart Contract คืออะไร? Coin VS Token เหมือน หรือ ต่าง อย่างไร? ETFs แค่เข้าใจ ก็ลงทุน Bitcoin ได้ไม่ยาก Bitcoin Wallet คืออะไร? จะเสี่ยงแค่ไหน? ถ้าคอมพิวเตอร์โดยขโมย!! ทำไมต้อง IPO ทำไปเพื่ออะไร? – เข้าใจการระดมทุนใน SET ด้วย IPO Bitcoin กับการฟอกเงินและอาชญากรรม DeFi นวัตกรรมการเงินดิจิทัล ที่ไม่ต้องง้อธนาคาร Chainlink กับบทบาทและความสำคัญในโลกการเงินดิจิทัล รู้จักกับ STO อีกวิธีของการระดมเงินทุน ทั้งรวดเร็วและปลอดภัย รู้จัก Yield Farming เพื่อการลงทุนคริปโทให้กำไรงอกเงย Liquidity Pool คืออะไร สำคัญแค่ไหนในวงการ Cryptocurrency รู้จักกับ LUKSO เทคโนโลยี Blockchain เพื่อไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล Impermanent Loss คืออะไร เข้าใจเรื่องเสี่ยงขาดทุนในการฟาร์ม Compound Finance การปล่อยกู้เพื่อสร้างกำไรในคริปโทฯ ถ้าไม่เข้าใจ ICO อย่าพึ่งลงทุนใน Crypto รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่1) รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่2) คลิปเดียวรู้เรื่อง ติดตั้งและใช้งาน MetaMask กระเป๋าเงิน Cryptocurrency ฟรี
Poon ปูรณ์ คาเฟ่ในสวน ณ บางแสน

Poon ปูรณ์ คาเฟ่ในสวน ณ บางแสน

Poon ปูรณ์ Poon ปูรณ์ เหมือนเดินเข้าป่า แต่อยู่ที่หนองมน บางแสน บรรยากาศในร้านที่เต็มไปด้วย ต้นไม้หายากหลากหลายสายพันธ์ ที่แทรกตัวอยู่ในทุกมุมของร้าน ร่มรื่นเหมือนเดินอยู่ในป่า ภายนอกล้อมรอบด้วยต้นสนสูงบังตาเหมือนถูกตัดจากเมืองและความวุ่นวายเพียงแค่เดินก้าวเข้าร้าน  มีเสียงน้ำไหลจากธารน้ำภายในร้านที่ทำขึ้น เหมือนกับนั่งอยู่ริมน้ำในกลางป่าจริงๆ Poon ปูรณ์ ร้านตกแต่งสไตล์ Modern Loft ด้านในปูนเปลือย ผนังดิบๆ ด้านนอกมีมุม camp  หรือ จะแฝงเข้าไปในมุมต้นไม้ก็มีให้เลือกนั่ง เลือกดื่มด่ำกับธรรมชาติ ต้นไม้ราคาแพงยอดนิยม แบบที่ บางต้นมีกล้องวงจรปิด คอยสอดส่องไว้ด้วย คนรักต้นไม้ ต้องมา Poon ปูรณ์ เมนู ร้านนี้ มีทั้ง เครื่องดื่ม ขนม หรือแม้แต่อาหารคาวหวาน อิ่มจบในที่เดียว อาหารเป็นอาหารยุโรป สเต๊ก พาสต้า แฮมเบอร์เกอร์ สลัด ขนม Home madeที่ทำขึ้นสดใหม่ในร้าน Poon ปูรณ์  เครื่องดื่มกาแฟมีความแปลกใหม่ แฟนตาซีมากๆ แต่สำหรับคอกาแฟ กาแฟร้านนี้ มีรางวัลการันตี มีเมล็ดกาแฟให้เลือกในแบบที่ชอบ . Poon ปูรณ์ ทำให้ภาพจำของ หนองมนของเราเปลี่ยนไปแล้ว หนองมนไม่ได้มีแค่ข้าวหลามอีกต่อไป เวลาเปิดปิด : 10.00 - 18.00น. หยุดวันพุธ พิกัด : ปูรณ์ / POON 32 ถนนแสนสุขซอย 1 ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ที่จอดรถ : มี GPS : https://goo.gl/maps/5WUh9bbSTpzxep2VA บทความน่าสนใจ Bang Khla Cafe คาแฟ่สไตล์โฮมมี่ เหมือนปิกนิกในสวนหลังบ้าน RISE COFFEE กาแฟดีที่ เพลินจิต Know Name Cafe กินหมูกระทะสไตล์อเมริกันที่รังสิต
7 เทคนิคขับรถให้ประหยัดน้ำมัน

7 เทคนิคขับรถให้ประหยัดน้ำมัน

ขับรถให้ประหยัดน้ำมัน การขับรถให้ประหยัดน้ำมัน ในภาวะราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูง น่าจะเป็นตัวเลือกที่เราทำได้เอง เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เราไม่อาจจะควบคุมได้ และเราก็จำเป็นจะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อน้ำมัน เพราะยังคงต้องใช้รถยนต์เพื่อการเดินทางไปทำงาน หรือเพื่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ทำให้ต้องยอมรับกับสภาพปัญหาราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ คือ การประหยัดการใช้รถยนต์เท่าที่มีความจำเป็น หรือไม่ก็ต้องมาหาวิธีการใช้รถยนต์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และทำให้การใช้งานสิ้นเปลืองน้ำมันน้อยที่สุดด้วย โดย Reviewyourliving มี 7 เทคนิคขับรถให้ประหยัดน้ำมันมาแชร์ให้เป็นไอเดีย ในการนำไปปรับใช้เพื่อประหยัดน้ำมัน และประหยัดเงินในกระเป๋า เป็นเทคนิคประหยัดน้ำมันที่ทำได้ไม่ยาก และเห็นผลจริง ไม่เชื่อต้องลองทำตาม ได้ผลลัพธ์อย่างไรอย่าลืมมาแบ่งปันกันด้วยนะ 7 เทคนิค ขับรถให้ประหยัดน้ำมัน 1.วางแผนเส้นทางก่อนเดินทาง หลีกเลี่ยงเส้นทางที่การจราจรติดขัด แน่นอนการวางแผนเส้นทางก่อนเดินทางจะช่วยประหยัดเวลา และที่สำคัญลดการสิ้นเปลืองของน้ำมันจากการขับรถออกนอกเส้นทาง ถือเป็นเทคนิคประหยัดน้ำมัน ที่ทำได้และมีประโยชน์หลายอย่างด้วยกัน 2.ตรวจสอบเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งาน การใช้รถยนต์ให้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยการหมั่นตรวจสอบสภาพรถ และสภาพเครื่องยนต์ตามเวลาที่กำหนด บำรุงรักษาอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จะทำให้ลดอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้มาก และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง เป็นอีกเทคนิคการประหยัดน้ำมัน ที่ดีต่อรถและดีต่อเงินในกระเป๋าเราด้วย 3.ไม่บรรทุกของหนักเกินจำเป็น การบรรทุกของหนักเกินจำเป็น จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก และมีผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มมากขึ้น เพราะรถต้องออกแรง ใช้พลังงานมากขึ้น จึงควรบรรทุกสิ่งของเท่าที่จำเป็นก็พอ 4.เติมลมยางให้เหมาะสม สาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถยนต์ต้องใช้น้ำมันเยอะ คือ การที่ยางรถยนต์มีลมยางไม่เหมาะสม ดังนั้น เจ้าของรถยนต์ควรหมั่นตรวจสอบและเติมลมยางให้เหมาะสม ลมยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มมากขึ้น 5.ขับรถในความเร็วที่เหมาะสม การขับรถที่มีความเร็วเหมาะสม และตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ช้าไปหรือไม่เร็วเกินไป จะได้ทั้งความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงานของรถ ที่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน โดยอัตราความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น เป็นวิธีประหยัดน้ำมันที่ช่วยเซฟเงินในกระเป๋า และให้ความปลอดภัยขณะขับขี่ด้วย 6.ไม่เปลี่ยนเลนบ่อย การขับรถแล้วเปลี่ยนเลนบ่อย นอกจากเสี่ยงอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุแล้ว หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้รถยนต์ใช้น้ำมันเยอะขึ้นด้วย  เพราะการเปลี่ยนเลนบ่อย จะมีการเร่งเครื่องและหยุดรถกะทันหัน  ซึ่งเป็นสาเหตุให้สิ้นเปลืองน้ำมัน ขับรถจึงควรเปลี่ยนเลนเมื่อมีความจำเป็น และตามความเหมาะสมของการขับขี่จะดีที่สุด เพราะช่วยประหยัดน้ำมัน และยังถนอมผ้าเบรกและจานเบรกให้ใช้ได้นานขึ้น ไม่ติดเครื่องยนต์ขณะจอดรถ แน่นอน การติดเครื่องยนต์ขณะจอดรถนอกจากจะเป็นการสร้างมลพิษให้กับอากาศแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน เพราะการจอดติดเครื่องเพียง 5 นาที ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันถึง 3 ลิตร หากจะประหยัดน้ำมัน ก็ต้องไม่ติดเครื่องยนต์ขณะจอดรถไว้ โดยเฉพาะการจอดทิ้งไว้เกินกว่า 5 นาที   ทั้งหมดก็เป็น 7 เทคนิค ที่ทำได้ง่าย ๆ และใช้ได้จริง เป็นเทคนิคประหยัดน้ำมัน ที่ช่วยเซฟเงินในกระเป๋า แถมยังได้ความปลอดภัยในการขับขี่ และช่วยทำให้อายุการใช้งานของรถยนต์เราได้นานมากขึ้นอีกด้วย   ที่มา: กระทรวงพลังงาน และกระทรวงคมนาคม   บทความที่น่าสนใจ บ้านกับรถ ซื้ออะไรก่อนดี ?  
คลิปเดียวรู้เรื่อง ติดตั้งและใช้งาน MetaMask กระเป๋าเงิน Cryptocurrency ฟรี [VDO]

คลิปเดียวรู้เรื่อง ติดตั้งและใช้งาน MetaMask กระเป๋าเงิน Cryptocurrency ฟรี [VDO]

คลิปเดียวรู้เรื่อง ติดตั้งและใช้งาน MetaMask กระเป๋าเงิน Cryptocurrency ฟรี สำหรับคนที่สนใจก้าวเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งที่จะต้องมี คือ กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือ Crypto Wallet เพราะจำเป็นต้องใช้งาน ไม่ว่าจะโอน รับ จ่าย เงินดิจิทัลสกุลต่าง ๆ  ซึ่งจะต้องมีความรู้และเข้าใจการใช้งาน ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มมากมาย และหลากหลายที่มีระบบรองรับกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งวันนี้ เราจะมาแนะนำ และอธิบายวิธีการใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้งานได้แบบฟรี ๆ อย่าง MetaMask ที่ทำงานบนระบบ Blockchain ของ Ethereum (ETH) ​ซึ่งขั้นตอนการติดตั้งและวิธีการใช้งานไม่ยุ่งยาก หรือสลับซับซ้อน สามารถเรียนรู้ได้เพียงเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น และที่สำคัญใช้งานได้ฟรีอีกด้วย       วิธีการติดตั้ง MetaMask วิธีการติดตั้ง MetaMask เบื้องต้น ซึ่ง MetaMask เป็น  ETH Wallet  ที่ทำงานบน Web ซึ่งมีจุดเด่นหลัก 2 เรื่องคือ 1. การใช้งานฟรี 2. แพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่พัฒนาบน Blockchain ของ ETH จะมีการเชื่อมโยงเข้ากับ MetaMask ได้โดยตรง เช่น Maker หรือ Compound ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการกู้ยืมเงินในระบบ Blockchain ของ ETH ทำให้เราทดลองใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เหล่านั้นได้โดยง่าย โดยใช้ตัว MetaMask   เริ่มต้นการใช้งาน ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ metamask.io ซึ่งเมื่อเข้ามาแล้วจะพบว่า สามารถใช้ได้กับ web browser ได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Chrome Firefox Opera Brave หากเราใช้ web browser ไหนให้เลือกชนิดนั้นได้เลย     เมื่อกดเลือก web browser แล้ว จะเข้ามาสู่หน้า MetaMask ซึ่งบริเวณด้านขวาบนจะมีปุ่ม Add to Brave (ด้านบนขวามือ) ให้กดปุ่มนี้     แล้วจะมีป๊อปอัพ Add MetaMask ขึ้นมา ให้เรากดปุ่ม Add extension แล้ว MetaMask จะทำการแจ้งว่าได้มีการเพิ่ม MetaMask เข้าไปในตัว Web browser Brave เรียบร้อยแล้ว     ถัดมาให้กดปุ่ม Get Start  หลังจากนั้นระบบจะมีข้อความสอบถาม 1.No, I already have a seed phrase หมายถึง จะใช้ตัว seed phrase เพื่อกู้  wallet  ที่เรามีอยู่ก่อนหน้าแล้วหรือไม่ หรือ 2.Yes, Let’s get up! หมายความว่า จะเป็นการสร้าง wallet ใหม่       สำหรับกรณีนี้ เรายังไม่มี wallet ให้กดปุ่มสร้าง wallet ใหม่ เมื่อกดเข้ามาแล้ว จะพบกับหน้า  Help Us Improve MetaMask ซึ่งเป็นการสอบถามข้อมูลเพื่อนำไปปรับปรุงระบบการทำงานของ MetaMask ให้ดีขึ้น ซึ่งไม่ได้มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานแต่อย่างใด เราสามารถเลือกได้ตามความสะดวก ว่าจะส่งข้อมูลให้ หรือไม่ส่งข้อมูลให้ก็ได้     สร้าง Password ป้องกันการแฮก หลังจากนั้นจะเข้ามาสู่หน้า Create Password เป็นการสร้างรหัสการใช้งาน เมื่อสร้างรหัสเสร็จเรียบร้อย ระบบจะพาเรามาสู่หน้า Secret Backup Phrase     ให้คลิ๊กปุ่มรูปกุญแจ จะปรากฏตัว Backup Phrase ซึ่งเอาไว้ใช้งานกรณีที่เราทำ Password หายไป ก็จะสามารถกู้คืนตัว wallet ของเรากลับมาได้ ข้อมูลในส่วนนี้ให้เก็บไว้อย่างดี ไม่ให้ผู้อื่นรู้ เพราะหากมีคนได้ข้อมูลส่วนนี้ไป จะสามารถเข้าไปใช้งาน ETH Wallet ของเราได้ สามารถโอนเงินออกจาก Wallet ของเราได้ทั้งหมดเลย สำหรับข้อมูล Backup Phrase สามารถดาวน์โหลดข้อมูลเป็น Text file เก็บไว้ได้ เมื่อดำเนินการเรียบร้อย ให้กดปุ่ม Next   โดยระบบจะนำเราเข้ามาสู่หน้า Confirm your Secret Backup Phrase ซึ่งระบบ MetaMask จะให้เราทำการ Confirm Backup Phrase ที่เราเพิ่งจะจดเก็บไว้ ให้เราเลือกลำดับตัว Backup Phrase หากเราเลือกลำดับได้อย่างถูกต้อง ระบบจะให้เรากดปุ่ม Confirm ด้านล่างได้     เมื่อเรากดปุ่ม Confirm เสร็จแล้ว ระบบ MetaMask จะให้เราใช้สามารถใช้งาน Wallet ได้ ให้คลิ๊กปุ่ม All Done บริเวณด้านล่าง     ระบบจะพาเข้ามาสู่หน้า ETH Wallet  ซึ่งระบบจะเซ็ทชื่อไว้เป็น Account 1 ซึ่งเราสามารถทำการเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อของเราได้ด้วยการคลิ๊กที่ชื่อแล้วเปลี่ยนชื่อที่ต้องการ (กรณีตัวอย่างเปลี่ยนชื่อเป็น Test1) บริเวณด้านล่างของคิวอาร์โค้ด จะเป็น Address สำหรับไว้บอกให้ผู้อื่น เพื่อให้เขาสามารถโอนเงินให้เราได้ (เราสามารถดูรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ใน Wallet ของเราได้ ด้วยการคลิ๊กปุ่ม View on Etherscan ซึ่งระบบจะพาเข้ามาสู่หน้า Etherscan ซึ่งมีรายละเอียดต่าง ๆ  ทั้ง Address จำนวนเหรียญใน Wallet     ในส่วนหน้า ETH Wallet จะเห็นว่า ใน Wallet เรามีเพียงแค่ ETH อย่างเดียว ไม่มี Token อื่น ซึ่งหากต้องการเพิ่ม Token อื่น ๆ เข้ามาใน Wallet สามารถเพิ่มได้ด้วยการคลิ๊กปุ่ม Add Token     เมื่อคลิ๊กปุ่มเพิ่ม Token แล้วจะเข้ามาสู่หน้า Add Tokens ให้ทำการค้นหา Token ที่ต้องการในช่องค้นหา เพื่อทำการ Add กรณีตัวอย่างนี้ ได้ค้นหา Token Ox (ZRX) เมื่อค้นแล้ว Token จะปรากฏขึ้นมาให้คลิ๊กเลือก Token Ox (ZRX) ก็จะปรากฏ Token Ox (ZRX) ในหน้า ETH Wallet     กรณีที่ Token ซึ่ง Add เข้ามาปรากฏว่า มีปุ่มคำสั่งแค่ Sent  ซึ่งจะต้องมีคำสั่ง Deposit และ Send     เนื่องจาก Token จะต้องทำงานบนระบบ Blockchain ของ ETH ซึ่งจะต้องมี Address เดียวกัน แต่หาก Token ที่ Add เข้ามาไม่มีข้อมูล จะต้องทำการเพิ่ม Token ใหม่ด้วยการกรอกข้อมูลในส่วนของ Custom Token ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้งหมดให้ครอบ สามารถขอได้ที่เจ้าของ Token หรือผู้ที่อก Token นั้น ๆ   วิธีการฝากเงินเข้า Wallet 1.โอนเข้าโดยตรงเข้า Wallet 2.การซื้อตัว ETH ผ่านบัตรเครดิต ด้วยการกดปุ่ม Continue to Wyre 3.ซื้อโดยตรงผ่าน Coninswitch ด้วยการกดปุ่ม Continue to Coinswitch     การทำ Transaction บน Wallet ในการโอน ETH ไปยังผู้อื่น ให้เข้าไปยังหน้า ETH Wallet ให้กดปุ่ม Send ด้านขวามือบน จะเข้ามาสู่หน้า Add Recipient แล้วทำตามขั้นตอน ดังนี้     1.เลือก Address ที่ต้องการจะโอน ETH ให้ 2.ช่อง Asset เพื่อเลือก Token ที่ต้องการจะโอน 3.ช่อง Transaction Fee เป็นการเลือกค่าธรรมเนียมในการโอน ว่าจะเลือกแบบใด เลือกได้แบบถูก คือ Slow หรือแบบแพง คือ Fast 4.Advance Option เป็นการเลือกค่าธรรมเนียมแบบละเดียด เมื่อกดคำสั่ง จะไปสู่หน้า Customize Gas ที่เราสามารถเลือกค่า Gas ได้ว่าจะเลือก Gas Price หรือ Gad Limit หากเลือก Gas สูง ๆ จะทำให้Transaction เร็วขึ้น แต่ก็จะเสียค่าธรรมเนียมแพงขึ้น ​     เมื่อเซ็ทค่าธรรมเนียม และจำนวน ETH เสร็จ ให้กด Next  ทางระบบ MetaMask จะถามเราอีกครั้งเพื่อยืนยันข้อมูลการโอน     ซึ่งในส่วนนี้ยังสามารถแก้ไขข้อมูลได้ ในส่วนของค่าธรรมเนียม (GAS FEE) ด้วยการกด EDIT ซึ่งกลับไปสู่หน้าการแก้ไขค่าธรรมเนียม เมื่อแก้ไขข้อมูลจนเรียบร้อยแล้วให้กดยืนยันข้อมูล ซึ่งเราสามารถตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ของการโอน หรือการรับ ETH ต่าง ๆ ได้ในส่วนของหน้า ETH Wallet ทั้งหมดนี้ ก็เป็นขั้นตอนและวิธีการติดตั้ง MetaMask และการใช้งานระบบ MetaMask ทั้งหมด ซึ่งก็หวังว่าจะช่วยให้คนที่กำลังสนใจ และอยากเรียนรู้การใช้งาน Wallet ของ Cryptocurrency ได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย   บทความที่เกี่ยวข้อง Blockchain คืออะไร? เกี่ยวอะไรกับ Bitcoin – Crypto Blockchain มีกี่ประเภท? เรื่องต้องรู้ก่อนเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัล ไขทุกข้อสงสัย การโอน Crypto กับ E-Banking ต่างกันยังไง? เรื่องต้องรู้ ETH Smart Contract คืออะไร? Coin VS Token เหมือน หรือ ต่าง อย่างไร? ETFs แค่เข้าใจ ก็ลงทุน Bitcoin ได้ไม่ยาก Bitcoin Wallet คืออะไร? จะเสี่ยงแค่ไหน? ถ้าคอมพิวเตอร์โดยขโมย!! ทำไมต้อง IPO ทำไปเพื่ออะไร? – เข้าใจการระดมทุนใน SET ด้วย IPO Bitcoin กับการฟอกเงินและอาชญากรรม DeFi นวัตกรรมการเงินดิจิทัล ที่ไม่ต้องง้อธนาคาร Chainlink กับบทบาทและความสำคัญในโลกการเงินดิจิทัล รู้จักกับ STO อีกวิธีของการระดมเงินทุน ทั้งรวดเร็วและปลอดภัย รู้จัก Yield Farming เพื่อการลงทุนคริปโทให้กำไรงอกเงย Liquidity Pool คืออะไร สำคัญแค่ไหนในวงการ Cryptocurrency รู้จักกับ LUKSO เทคโนโลยี Blockchain เพื่อไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล Impermanent Loss คืออะไร เข้าใจเรื่องเสี่ยงขาดทุนในการฟาร์ม Compound Finance การปล่อยกู้เพื่อสร้างกำไรในคริปโทฯ ถ้าไม่เข้าใจ ICO อย่าพึ่งลงทุนใน Crypto รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่1) รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่2)  
10 ไอเดีย เปลี่ยนผนังห้องธรรมดาด้วยเทปกาวง่ายๆ ทำได้เอง

10 ไอเดีย เปลี่ยนผนังห้องธรรมดาด้วยเทปกาวง่ายๆ ทำได้เอง

10 ไอเดีย เปลี่ยนผนังห้องธรรมดาด้วยเทปกาวง่ายๆ ทำได้เอง ในช่วงที่ต้องทำงานแบบ work from home นี้ การอยู่ในห้องทั้งวันหลายคนคงจะเกิดอาการเบื่อ อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้อง หรือลองตกแต่งสิ่งรอบๆ ข้างบ้าง เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้องเดิมที่เราเห็นอยู่ทุกวันจนชินตา ครั้งนี้เรามีไอเดียมานำเสนอ ใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ และสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ที่สำคัญใช้งบประมาณไม่มาก ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศจากห้องเดิมให้เหมือนได้ห้องใหม่กันไปเลย   ครั้งนี้เราเลือกวิธีการอย่างง่าย ที่เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง อย่างการทาสีผนัง บางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นงานที่ยากเพราะไม่เคยทำ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถทำได้ด้วยตัวเองเพียงแค่ใช้เทปกาวเป็นตัวช่วยสร้างแพทเทิร์นลวดลายต่างๆ เพื่อเปลี่ยนสีผนังห้อง และปรับบรรยากาศให้ห้องของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น แล้วจะมีแพทเทิร์นลวดลายอะไรบ้างไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   10 ไอเดีย เปลี่ยนผนังห้องธรรมดาด้วยเทปกาวง่ายๆ ทำได้เอง   1.Color blocking การทาสีบล็อกแบบนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการทาผนังโดยใช้เทปกาว เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วผนังจะมีสีเดียวกัน และยังเป็นลายที่มีการใช้เทปกาวก็จำนวนน้อยกว่าเทคนิคอื่นๆ เหมาะสำหรับห้องที่เปิดกว้างและมีพื้นที่ผนังโล่งกว้าง การทาสีบล็อกแบบนี้เป็นวิธีที่ดีอีกรูปแบบนึงในการไม่ทำให้พื่นที่ดูว่างโล่งจนเกินไป     2.Triangle pattern หากว่าคุณกำลังมองหาการออกแบบลวดลายฝาผนังที่เรียบง่าย สบายตา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังดูมีดีไซน์เก๋ไม่น่าเบื่อจนเกินไป ลายสามเหลี่ยมนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี ซึ่งแพทเทิร์นนี้อาจจะใช้เวลาทาสีนานมากขึ้นอีกหน่อย เนื่องจากต้องรอให้สีแต่ละส่วนแห้งก่อนจึงจะทาสีในส่วนถัดไปได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว ลองเลือกชุดสีที่ใกล้เคียงกัน หรือเลือกใช้สีที่เป็นคู่ตรงข้ามกันหากคุณต้องการความฉูดฉาดโดดเด่นไม่ซ้ำใคร รับรองว่าจากผนังบานเรียบๆ จะป๊อปขึ้นทันตา     3.Vertical stripes ลายทางแนวตั้งก็เป็นอีกหนึ่งลายที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากมีความดึงดูดสายตา และสามารถช่วยให้ห้องที่มีเพดานต่ำดูสูงขึ้นได้ ส่วนใหญ่เรามักจะเลือกใช้เทปกาวให้มีขนาดเท่าๆ กัน หรือกะระยะแบ่งความกว้างให้สม่ำเสมอ แต่ถ้าอยากจะลองเปลี่ยนความกว้างของแถบสีแต่ละแถบให้กว้างขึ้น หรือเป็นแพทเทิร์นแบบไม่เท่ากันเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับผนังก็น่าสนใจไม่น้อย แม้กระทั่งการเลือกทาแถบสีไปจนถึงบนเพดานเลยก็สวยไปอีกแบบ     4.Horizontal stripes เทคนิคการทาสีเป็นแถบแนวนอนนั้นเหมือนกับการใช้กระดาษกาวแบ่งแถบสีเส้นแนวตั้งเลย แค่เปลี่ยนจากการใช้เทปกาวแปะขึ้นลงก็สลับเป็นซ้ายขวาแทน ลวดลายแพทเทิร์นแนวนอนนี้เป็นอีกรูปแบบที่ดีในการช่วยให้ห้องแคบรู้สึกกว้างขึ้น นอกจากนี้การใช้ลายทางกว้างเท่ากันก็ช่วยให้ความรู้สึกสว่างและโปร่ง สบายตามากขึ้นด้วย ซึ่งเราอาจจะเพิ่มลูกเล่นของสีเข้าไปโดยใช้เฉดสีต่างๆ ของสีเดียวกันก็จะสร้างเอฟเฟกต์แบบ Ombre หรือการไล่สีให้กับผนังธรรมดาสวยขึ้นได้ โดยให้เริ่มด้วยสีที่เข้มที่สุดอยู่ด้านล่างแล้วค่อยๆ ไล่เฉดสีขึ้นไป และใช้สีที่สว่างที่สุดทาด้านบน     5.Geometric blocks หากคุณเบื่อกับแพทเทิร์นง่ายๆ ลายเดิมๆ แล้ว ลองเลือกใช้รูปแบบของรูปทรงเรขาคณิตมาช่วยให้ผนังดูสดใส และมีลวดลายที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้ ทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ วางทับซ้อนกัน หรือรูปสามเหลี่ยมที่หลากหลายมาใช้ หรือแม้แต่การนำรูปทรงในแบบต่างๆ มามิกซ์แอนด์แมทช์เข้าด้วยกัน และลองใช้สีโทนตรงข้ามกัน ทั้งโทนร้อนหรือโทนเย็นมาสร้างลูกเล่นเพิ่มเข้าไปให้กับผนังขาวๆ มีรูปแบบที่ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น     6.Paint a trellis วิธีการของลวดลายแบบตาข่ายนี้ เป็นการทาสีให้เป็นช่องบนผนัง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการสร้างความรู้สึกให้เหมือนกับมีสวนอยู่ในห้อง โดยเราจะใช้เทปกาวสร้างลวดลายตาข่ายเพื่อหลอกตา เพียงแค่กะระยะห่างให้เท่าๆ กัน แล้วเลือกทาสีเฉพาะช่องที่เว้นไว้ จากนั้นเราสามารถลองวาดเถาวัลย์ พวกไม้เลื้อยอย่าง Wisteria หรือแม้แต่เลือกหาไม้ประดับทั้งของไม้จริง และไม้ประดิษฐ์มาประดับเพิ่ม ก็เป็นทางเลือกที่ทำให้ห้องดูร่มรื่มและสบายตาได้อีก     7.Herringbone pattern ลวดลายกางปลานี้คนส่วนใหญ่มักจะนำไปเป็นลายสำหรับปูพื้นห้อง เพราะเป็นลายที่เพิ่มความหรูหรา และเป็นแพทเทิร์นที่สวยงาม เพียงแค่ใช้วัสดุจากไม้เข้ามา ก็ทำให้บรรยากาศของห้องดูคลาสสิค อีกทั้งยังเป็นรูปแบบที่นิยมกันมาอย่างยาวนาน ครั้งนี้เราลองเปลี่ยนจากลวดลายบนพื้นมาเป็นลวดลายกางปลาบนผนังดูบ้าง โดยเราสามารถวาดได้ด้วยตัวเอง เป็นเส้นทะแยงไปมาอย่างเป็นระเบียบ แต่ถ้าอยากได้เส้นของลายกางปลาเท่าๆ กัน ก็แค่ใช้เทปกาวแปะเป็นแนวเฉียงสลับกัน ทั้งนี้อาจจะใช้สีที่คล้ายกับไม้ด้วยก็ได้ หรือลองเลือกเป็นสีโทนอ่อนไม่เข้มจนเกินไป ก็จะเพิ่มความน่าสนใจได้เช่นกัน     8.Diamond pattern ลวดลายเพชรนี้ก็เป็นแพทเทิร์นอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถใช้เทปกาวในการสร้างสรรค์งานศิลปะลงบนผนังได้ไม่ยาก และเป็นอีกลายที่คลาสสิค เพียงแค่ใช้เทปกาวแปะเป็นแนวเฉียงสลับซ้ายขวาในแนวทะแยงมุมในมุมที่เท่าๆ กัน แล้วทางสีในช่องที่ต้องการได้เลย แค่นี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับห้องที่เปิดโล่งและมีพื้นที่เยอะที่จะทำให้ห้องสดใสขึ้นมาได้ทันที     9.Argyle ลวดลายนี้เป็นการเพิ่มความยากและเลเวลอัพการทาผนังให้ดูมืออาชีพมายิ่งขึ้น เพราะเป็นแพทเทิร์นที่กินเวลากว่ารูปแบบของ Diamond pattern ในขั้นเริ่มต้นอาจจะมีความคล้ายกัน แต่อาจจะใช้เทปกาวเยอะกว่า และมีความซับซ้อนมากกว่าในการเลือกสี และการเลือกเว้นระยะของแถบสีให้มีเส้นเล็กหรือใหญ่เพื่อสร้างลวดลายที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการเลือกทาสีในเฉดเดียวกันแต่มีความเข้มอ่อนไม่เท่ากันในแต่ละช่อง ซึ่งต้องอาศัยการวางแผนที่ดี แต่เมื่อเสร็จแล้ว แพทเทิร์นนี้จะช่วยให้ห้องดูโมเดิร์นขึ้นมาได้     10.Gingham ผนังลายตารางถือเป็นแพทเทิร์นยอดฮิตสุดคลาสสิคอีกอันนึงที่น่ารัก สดใส และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมักจะเลือกใช้สีอ่อนไม่ว่าจะเป็นสีโทนร้อนหรือโทนเย็นก็ได้หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกสีพาสเทลมาใช้กับลายตารางก็จะเพิ่มความหวานให้กับห้องได้ เนื่องจากเรามักจะเลือกสีที่มาใช้ตัดกับพื้นสีขาวเดิมของผนัง แค่นี้ก็จะช่วยให้ไม่ดูทึบและหนักเกินไป เราสามารถทาได้ทั้งผนังในบางผนังของห้อง หรือจะทาแค่ครึ่งเดียวของผนังก็น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งเป็นอีกแพทเทิร์นยอดนิยมที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับในทุกๆ งานศิลปะจริงๆ   เป็นอย่างไรบ้างกับไอเดียการออกแบบเพ้นท์ผนังด้วยเทปกาวที่เรานำมาฝากในครั้งนี้ ใครที่กำลังเบื่อกับสีผนังห้องเรียบๆ แบบเดิม ก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับผนังที่มีหรือส่วนอื่นๆ ในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องโถง ห้องนอน หรือแม้แต่ห้องครัว ไม่ต้องกลัวว่าจะทำเองไม่ได้ ลองเลือกลวดลายง่ายๆ เป็นการเริ่มต้นก่อน เราเชื่อว่าทุกคนสามารถทำตามได้อย่างแน่นอน และจะยิ่งเพิ่มความภาคภูมิใจได้เมื่อเสร็จแล้ว เพราะทุกอย่างเราได้ทำด้วยสองมือของตัวเอง   cr. fromhousetohome   บทความที่น่าสนใจ แต่งห้องนอน 12 ราศี ให้ถูกโฉลก  เฮง ๆ ปัง ๆ กับ  “หมอช้าง” ของแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย ความรัก หาคู่แท้  
รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่2) [VDO]

รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่2) [VDO]

รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่2) บทความที่แล้ว เราได้อธิบายการทำงานของระบบ Blockchain ว่าจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้าง และมีความปลอดภัยของข้อมูลอย่างไร ในส่วนของบทความครั้งนี้ เราจะมาดูกันว่าระบบ Blockchain มีความปลอดภัยแค่ไหน ถ้านำเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการโอนเงิน  โดยมีแบบจำลองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการโอนเงิน มาให้เห็นภาพที่ชัดเจน ของการทำงานในระบบ Blockchain ว่าเป็นอย่างไรและมีวิธีการอย่างไรบ้าง   สำหรับการโอนเงินในระบบ Blockchain นั้น ตามแบบจำลองจะมีการใช้ Private Key Public Key และการ Signing ในการควบคุมการโอนเงิน ซึ่งเฉพาะเจ้าของเงินเท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์ในการโอนเงินไปหาคนอื่นได้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้ จะมาโอนเงินไปหาคนโน้นคนนี้ได้ ตามใจชอบ ส่วนรูปแบบการทำงานเป็นอย่างไร มีการใช้ Private Key Public Key และการ Signing อย่างไร ไปดูการทำงานจากแบบจำลองกันได้เลย​     เริ่มต้นเข้ามาในเว็บไซ http://anders.com  เมื่อเข้ามาแล้วจะพบหัวข้อ Key Transaction Signatures (เป็นเมนูอยู่บริเวณด้านบนทางขวามือ)     โดยเริ่มต้นจาก Public / Private Key / Pares กันก่อน ซึ่งความแตกต่างระหว่าง Public key และ Private key ก็คือตามชื่อเลยนะครับ Private key เป็นส่วนที่เจ้าของจะต้องเก็บข้อมูลไม่ให้ผู้อื่นทราบ เพราะหากผู้อื่นทราบ ก็จะทำการโอนเงินของเจ้าของไปให้คนอื่นได้ ในขณะที่ตัว Public key จะทำหน้าที่คล้ายกับบัญชีธนาคาร เป็นข้อมูลที่สามารถบอกผู้อื่นได้ เพราะว่าการที่เราจะรับเงินจากผู้อื่นได้ในระบบ Blockchain ได้ เราจะต้องให้ตัว Public key กับคนที่จะโอนเงินมาให้เรา     เราลองเปลี่ยนค่าใน Private key เราสามารถกำหนดเป็นค่าอะไรก็ได้ จะสังเกตว่าทุกครั้งที่ Private key มีการเปลี่ยนแปลง ตัว Public key จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของ Private key ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเราสามารถกดเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการพิมพ์ข้อมูลในช่อง Private key หรือมากดปุ่ม Random ​ก็ได้เช่นเดียวกัน   จากตัวอย่างนี้ จะเห็นว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะ Private key แต่ Public key เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้ เนื่องจากระบบ Blockchain ตัว Public key จะถูกสร้างมาจากตัว Private key แต่ตัว Public key ไม่สามารถถูกคำนวณย้อนกลับไปเป็น Private key ได้ ซึ่งมีคนยกตัวอย่างไว้ว่า ตัว Private key ก็เหมือนกับ ตัวหมู แล้ว Public key คือ ลูกชิ้นหมู คือ หมูถูกแปรรูปเป็นลูกชิ้นหมูได้ แต่ลูกชิ้นหมู ไม่สามารถแปรรูปเป็นตัวหมูได้   เข้าใจการทำงานของ Signatures โดยการโอนเงินปกติเราต้องทราบว่า การโอนเงินมาจากเจ้าของเงินจริง ๆ  หรือเปล่า เพราะตัว Private key เป็นข้อมูลความลับที่เก็บไว้ในระบบ Blockchain และตัว Private key ไม่สามารถคิดคำนวณย้อนกลับ ด้วยตัว Public key ก็ทำให้ระบบ Blockchain มีการใช้ฟังก์ชั่นหนึ่งที่เรียกว่า Signatures ที่เข้ามาตรวจสอบการโอนเงิน     พอเข้ามาในส่วน Signatures เราจะเห็นในส่วนการทำงานของ Sign และ Verify โดยตัวอย่างการ Sign ก็เช่น ถ้าผู้ส่งต้องการส่งข้อความในกล่อง Message ให้กับผู้รับ  โดยผู้ส่งเป็นเจ้าของ Private key นี้ ในตัวอย่างนี้ให้ลองกดปุ่ม Sign ระบบ Blockchain จะมีการสร้าง Message Signature ขึ้นมา และตัว Message Signature จะถูกนำไปใช้ในขั้นตอนการ Verify ต่อไป   ขั้นตอนการ Verify ในขั้นตอนการ Verify จะมีการใช้ข้อมูลในการ Verify คือ ตัว Message Public key ของผู้ส่ง Message Signature  ที่เราได้จากการ Sign ไปก่อนหน้า​ ให้เราลองคลิกปุ่ม Verify จะสังเกตเห็นว่า แบล็กกราวด้านหลังเป็นสีเขียว แสดงว่าข้อมูลถูกต้อง  หมายความว่า ตัว Signature มีการ Sign หรือการลงนาม โดยเจ้าของ Private key ที่อยู่เบื้องหลัง Public key ตัวนี้ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าตัว Message ตัวนี้ มีการส่งโดยเจ้าของ Private key ที่อยู่เบื้องหลัง Public Key  ตัวนี้จริง ๆ   Transaction ขั้นตอนการโอนเงิน ตัวอย่างการโอนเงินในส่วนของ Transaction ทางผู้ส่งซึ่งเป็นเจ้าของ Public key มีความต้องการจะส่งเงินจำนวน 20 us ผู้เป็นเจ้าของ Public key ตัวนี้ ส่วน Private key คือ ของผู้ส่ง ให้เราทำการกดไซน์ เพื่อให้ระบบ Blockchain สร้างตัว Message Signature ขึ้นมา หลังจากนั้นระบบ Blockchain จะเข้าสู่ขั้นตอนการ Verify เหมือนตัวอย่างแรก   ขั้นตอนการ Verify  ตัวระบบ Blockchain จะทำการตรวจสอบข้อมูล Signature ที่มีการ Sign เป็นการส่งมาจากตัว Private key ที่อยู่เบื้องหลังตัว Public key นี้จริง ๆ หรือเปล่า ให้เราทำการคลิกปุ่ม Verify  เพื่อ Verify จะเห็นว่าแบล็กกราวด์เปลี่ยนเป็นสีเขียว คือ หมายความว่า ระบบ Blockchain ทำการตรวจสอบ Signature นี้ ก็พบว่า Signature  ถูกส่งมาจาก Private key ที่อยู่เบื้องหลังตัว Public key นี้จริง ๆ เป็นตัวอย่างการตรวจสอบความถูกต้องในส่วนของการโอนเงิน   ภาพรวมการโอนเงินในระบบ Blockchain เมื่อเรามาดูข้อมูลในแบบ Blockchain จะเป็นการโอนเงินเข้าหากัน เป็นการบันทึกเฉพาะตัว Public key จาก Public key ไหน ไปสู่ Public key ไหน ไม่มีการบันทึกข้อมูลในส่วน Private key ไว้ในระบบ Blockchain เลย และจากตัวอย่างในแต่ละ Transaction ก็จะมี ตัว Signature ของแต่ละ Transaction ออกมาให้เราเห็นกัน  เราจะทราบแล้วว่า ตัว Signature จะถูกสร้างมาจากตัว Message  หรือตัวการโอนเงินควบคู่ไปกับ Private Key     เดี๋ยวเราจะมาลองเปลี่ยนแปลงข้อมูลการโอนเงิน ว่าหลังจากการทดลองเปลี่ยนแปลงข้อมูลแล้วทำการ Mining เพื่อดูว่าข้อมูลใน Blockchain มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง   จากตัวอย่าง หากลองเปลี่ยนข้อมูลจำนวนเงินที่โอน เป็น 29.9 us ตัว Signature จะเป็นสีแดง ตอนนี้ตัว Signature เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปแล้ว และตัวข้อมูลใน Block ก็เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพราะแบล็กกราวด์กลายเป็นสีแดง ให้ลองทำการ Mining ดู หลังจากทำการ Mining ดูจะพบว่า ตัวรหัส Hash ขึ้นต้นด้วย 0000 และตัวแบล็กกราวด์ก็เป็นสีเขียว ตัวรหัส Hash มีความถูกต้องแล้ว     อย่างไรก็ตาม ตัว Signature ยังเป็นสีแดง เพราะการ Mining ไม่สามารถเข้ามาแก้ตัว Signature  ได้ เนื่องจากว่าการ Mining ตัว Node ต่าง ๆ ที่ทำการประมวลผลในระบบ Blockchain จะไม่มีข้อมูลในส่วน Private key ข้อมูลในส่วน Private key คนที่ทราบข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นเฉพาะเจ้าของเงินเท่านั้น เพราะตัว Minus ในระบบ Blockchain จะไม่สามารถมาแก้ไขในส่วนตัว Signature ได้  เพราะตัว Minus ในระบบ Blockchain ไม่มีข้อมูลในส่วน Private key ซึ่งถือเป็นระบบรักษาความปลอดภัยในการโอนเงินของระบบ Blockchain ก็จะทำให้เรามั่นใจได้ว่า การโอนเงินจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ในระบบ Blockchain จะเป็นการส่งคำสั่งการโอนเงินโดยเจ้าของเงินจริง ๆ ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะมาเป็นคนสร้าง Transaction ในการโอนเงินจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้มั่วซั่วไปหมด   ทั้งหมดนี้ เป็นแบบจำลองการโอนเงินในระบบ Blockchain ที่เราจะเห็นความสำคัญของ Private key Public key รวมถึงการ Signing ว่าทั้งสามตัวมีฟังก์ชั่นการทำงานอย่างไร และมีความสัมพันธ์อย่างไรกับระบบ Blockchain   บทความที่เกี่ยวข้อง Blockchain คืออะไร? เกี่ยวอะไรกับ Bitcoin – Crypto Blockchain มีกี่ประเภท? เรื่องต้องรู้ก่อนเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัล ไขทุกข้อสงสัย การโอน Crypto กับ E-Banking ต่างกันยังไง? เรื่องต้องรู้ ETH Smart Contract คืออะไร? Coin VS Token เหมือน หรือ ต่าง อย่างไร? ETFs แค่เข้าใจ ก็ลงทุน Bitcoin ได้ไม่ยาก Bitcoin Wallet คืออะไร? จะเสี่ยงแค่ไหน? ถ้าคอมพิวเตอร์โดยขโมย!! ทำไมต้อง IPO ทำไปเพื่ออะไร? – เข้าใจการระดมทุนใน SET ด้วย IPO Bitcoin กับการฟอกเงินและอาชญากรรม DeFi นวัตกรรมการเงินดิจิทัล ที่ไม่ต้องง้อธนาคาร Chainlink กับบทบาทและความสำคัญในโลกการเงินดิจิทัล รู้จักกับ STO อีกวิธีของการระดมเงินทุน ทั้งรวดเร็วและปลอดภัย รู้จัก Yield Farming เพื่อการลงทุนคริปโทให้กำไรงอกเงย Liquidity Pool คืออะไร สำคัญแค่ไหนในวงการ Cryptocurrency รู้จักกับ LUKSO เทคโนโลยี Blockchain เพื่อไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล Impermanent Loss คืออะไร เข้าใจเรื่องเสี่ยงขาดทุนในการฟาร์ม Compound Finance การปล่อยกู้เพื่อสร้างกำไรในคริปโทฯ ถ้าไม่เข้าใจ ICO อย่าพึ่งลงทุนใน Crypto รู้ทุกเรื่องของระบบ Blockchain ด้วยแบบจำลอง (ตอนที่1)