Tag : News

2376 ผลลัพธ์
SPACES ออฟฟิศพร้อมใช้งานจากอัมสเตอร์ดัม ฉลองเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่

SPACES ออฟฟิศพร้อมใช้งานจากอัมสเตอร์ดัม ฉลองเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่

นางโนเอล โค้ก (ซ้ายสุด), ผู้อำนวยการใหญ่ สเปซเซส ประจำประเทศไทย ไต้หวัน และเกาหลี พร้อมด้วยทีมผู้บริหารสเปซเซส ประจำประเทศไทย ร่วมจัดงานปาร์ตี้สุดเอ็กคลูซีฟฉลองการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ SPACES (สเปซเซส) ออฟฟิศพร้อมใช้งานและโคเวิร์กกิ้งแบบครบวงจรสุดสร้างสรรค์จากอัมสเตอร์ดัม สาขาแรกในประเทศไทย ณ ชั้น 3 โครงการซัมเมอร์ฮิลล์ (Summer Hill) ติดบีทีเอสพระโขนง ด้วยคอนเซปต์อันโดดเด่นในสไตล์ดัตช์ ที่พร้อมเปิดมิติใหม่เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน พร้อมให้ลูกค้าและแขกผู้มีเกียรติเข้าเยียมชมพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบ เมื่อเร็วๆ นี้   สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Spaces ณ โครงการซัมเมอร์ฮิลล์ กรุณาโทร 02-026-0635 หรือดูรายละเอียดจาก www.spacesworks.com/bangkok.
PROPACHILL แพลตฟอร์มใหม่ทลายจุดอ่อนบริการเช่าที่อยู่อาศัย

PROPACHILL แพลตฟอร์มใหม่ทลายจุดอ่อนบริการเช่าที่อยู่อาศัย

  พร็อพทูมอร์โรว์ แตกไลน์ธุรกิจใหม่บนแพลตฟอร์มPROPACHILL(พร๊อพพาชิล)ผ่านเว็บไซต์ www.propachill.com ให้บริการเช่าที่อยู่อาศัยทั้ง บ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ แบบไม่ต้องมีเงินมัดจำแบบสมบูรณ์ เป็นแห่งแรก เพื่อแก้ปัญหาเวลาผู้เช่าต้องจ่ายเงินก้อนตอนทำสัญญาเช่าและ แก้ปัญหาความกังวลของผู้ให้เช่า(เจ้าของและนายหน้า) เรื่องความเสียหายภายในห้องโดยดึงพันธมิตร “กรุงเทพประกันภัย – ดิจิตอล บัตเลอร์ - ฟิกซี่” อีกทั้งเตรียมบริการเสริมแบบจัดเต็มเพื่อตอบไลฟ์สไตล์คนเมือง พร้อมให้บริการ 15 มิถุนายน 2561 นี้   นายกรณ์กวินท์ พีระเดชไพศาล กรรมการบริหารบริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด เว็บไซต์ข่าวอสังหาริมทรัพย์ www.prop2morrow.com เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ศึกษา Business Model แพลตฟอร์ม PROPACHILL ผ่านเว็บไซต์ www.propachill.com เพื่อการเช่ามากว่า 2 ปี พัฒนาสูตรธุรกิจให้ทุกฝ่ายพึงพอใจ จากจุดแข็งที่ทีมงานมีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาฯมากว่า 12 ปี ทั้งในฐานะผู้ประกอบการ นักลงทุน นายหน้า นักการตลาด เล็งเห็นว่าจุดอ่อนของธุรกิจการเช่าอสังหาฯ อยู่ที่เงินมัดจำ 3เดือน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฎิบัติมาช้านาน ทำให้ผู้เช่าต้องรอเงินก้อน กว่าจะได้เช่าทำให้ระบบธุรกิจล่าช้า ทีมจึงตั้งคำถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ การเช่าอสังหาฯ ต่อไปนี้ ไม่ต้องใช้เงินมัดจำ ในขณะเดียวกัน นายหน้า ผู้เป็นส่วนสำคัญในธุรกิจการเช่า ยังได้รับค่าคอมมิชชั่นเหมือนเดิม และสุดท้ายเจ้าของทรัพย์ ได้รับค่าเช่าจากแผนการลงทุนที่วางไว้ รวมไปถึงบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้มีตัวช่วยในการระบาย Stock คอนโดที่แล้วเสร็จแต่ยังไม่มีผู้ซื้ออีกด้วย   จับมือ “กรุงเทพประกันภัย”ออกแบบกรมธรรม์ความคุ้มครองพิเศษ วิธีแก้ปัญหานั้นก็คือ การทำประกันคุ้มครองความเสียหายให้กับอสังหาฯ โดย PROPACHILL ร่วมออกแบบกรมธรรม์ความคุ้มครองพิเศษกับทางบริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้กับเจ้าของทรัพย์ที่ตั้งใจปล่อยเช่าอสังหาฯครอบคลุมความเสียหายด้านต่างๆอาทิ ความเสียหายต่อเฟอร์นิเจอร์ ผนังห้อง พื้น เครื่องใช้ไฟฟ้า คุ้มครองสูงสุด 500,000 บาท รวมไปถึงมีค่าชดเชยในการขาดผู้เช่าในระหว่างซ่อมแซม หรือ มีค่าขนย้ายซาก เป็นต้น ทำให้เงินมัดไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะหากเกิดความเสียหาย ทางเจ้าของทรัพย์สามารถติดต่อ เคลมความเสียหายโดยตรงไปยัง กรุงเทพประกันภัย ได้ทันที โดยระบบของ PROPACHILL ผู้เช่า จ่ายเพียงเงินค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือนก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าชำระด้วยบัตรเครดิตหรือการโอนเงิน PROPACHILL จะคิดเพียงค่าบริการ( Fee) จากอัตราค่าเช่าที่แตกต่างกันกับผู้เช่าไม่มีการหักคอมมิชชั่นใดๆ จากนายหน้าหรือเจ้าของทรัพย์ และเงินมัดจำล่วงหน้านี้ ระบบจะทำการจ่ายเงินไปยังผู้ที่ลงประกาศโฆษณาในเว็บไซต์หลังจากตรวจสอบความถูกต้อง   จัดเต็มบริการเสริมตอบรับไลฟ์สไตล์คนเมือง ไม่เพียงเท่านี้เรายังเตรียมบริการเสริม จากพันธมิตรที่แข็งแกร่งในด้านต่างๆ มาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม อาทิ DIGITAL BUTLER ผู้ช่วยส่วนตัวไม่ว่าการขนย้ายสัมภาระจากที่เก่ามายังที่อยู่ใหม่ พร้อมทำความสะอาดให้เสร็จสรรพ นอกจากนี้เราคิดเผื่อให้ลูกค้ากรณีเกิดความเสียหายที่ต้องใช้ช่างซ่อมระดับมืออาชีพ ไม่ว่างานระบบประปา ระบบไฟฟ้า งานโครงสร้าง ได้พันธมิตรจาก FIXZY คอยบริการต่อเนื่อง เรายังให้ฟรีบัตรโดยสารจาก Air Asia ฟรีบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ฟรี บัตรชมภาพยนต์จาก Major และบริการเสริมอีกมาก ขณะนี้มีพันธมิตรธุรกิจหลายรายให้ความสนใจพร้อมต่อยอดให้ PROPACHILL แข็งแกร่งยิ่งขึ้น   นายกรณ์กวินท์ กล่าว พร้อมกับกล่าวย้ำว่า บริษัทฯได้ทำตามกติกากฎหมายควบคุมสัญญาเช่าฯ ทุกประการ ไม่รับการปล่อยเช่ารายวัน ไม่เก็บเงินมัดจำ เก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้าไม่เกิน 1 เดือน พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบ 15 มิถุนายน 2561 นี้   พร้อมกันนี้ผู้บริหารของพร็อพทูมอร์โรว์ ยังกล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2539-2564 จะมีคอนโดฯสร้างเสร็จจดทะเบียนเป็นอาคารชุดประมาณถึง 1 ล้านยูนิต ในจำนวนนี้มีผู้ซื้อเพื่อการลงทุนทั้งปล่อยเช่า หรือ ซื้อเพื่อขายต่อคิดเป็น 30% หรือประมาณ 3 แสนยูนิต ซึ่งนั่นคือโอกาสของธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทย รวมถึงลูกค้าองค์กรของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ที่ต้องการหาห้องเช่า หรือบ้านเช่าให้กับผู้บริหาร โดยบริษัทตั้งเป้าหมายสร้างระบบธุรกิจอสังหาฯให้มีสภาพคล่องสูงขึ้น ปัจจุบันมีผู้ประกอบการสนใจที่จะนำเอาห้องชุดพร้อมอยู่มาปล่อยเช่าผ่าน PROPACHILL มีทั้งที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ฯและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯเพราะเชื่อว่า PROPACHILL จะมีส่วนช่วยดันยอดขายโครงการที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมโอนนั่นเอง
เอสซี แอสเสทฯ จับมือ OFO(โอโฟ่)  คิกออฟแอพพลิเคชั่นบริการให้เช่ารถจักรยานแบบไร้สถานี ตอกย้ำ Rue Jai Living Solutions

เอสซี แอสเสทฯ จับมือ OFO(โอโฟ่) คิกออฟแอพพลิเคชั่นบริการให้เช่ารถจักรยานแบบไร้สถานี ตอกย้ำ Rue Jai Living Solutions

  นายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำการเป็น Rue Jai Living Solutions ด้วยการ co-create ร่วมกับ นางสาว ซาแมนต้า ตึง ผู้บริหารจาก OFO (โอโฟ่) แอปพลิเคชั่นรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลก เพื่อเปิดให้บริการเช่าจักรยานแบบไร้สถานีที่ให้ความสะดวกผ่านแอปพลิเคชั่นผ่านมือถือ ใช้งานง่ายและ Worry free ปลอดความกังวลด้วยการดูแลบำรุงรักษาภายใต้ทีมโอโฟ่ เพื่อแก้ปัญหา pain point และตอบสนองไลฟ์สไตล์เรื่อง Sharing Economy รักษ์สุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยพร้อมนำร่องที่โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ 2 บ้านหรูสไตล์นอร์ดิกที่ Facilities ครบครัน รองรับ Bike Lane ซึ่งเชื่อมต่อสวนส่วนกลางถึง 3 จุด โครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลใกล้ทางด่วนแจ้งวัฒนะ บริเวณถนนหอการค้าไทย ซึ่งครอบครัวสมาชิก SC Family สามารถทดลองใช้บริการได้ฟรีถึงเดือนกรกฎาคมนี้ โดยสามารถปั่นออกกำลังกายทั้งภายในและภายนอกโครงการ ปั่นไปซื้อของบริเวณใกล้เคียง ช่วยทั้งประหยัดพลังงานและลดปัญหามลภาวะก๊าซคาร์บอนในอากาศ     นอกจากนี้เอสซี แอสเสทฯ มีแผนการขยายบริการโอโฟ่ไปยังโครงการอื่น ๆ ในอนาคตอีกด้วย สนใจเยี่ยมชมโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ 2 สอบถามที่โทร.1749 https://www.scasset.com/th/house/bangkok-boulevard-changwattana2
เรียลแอสเสท เปิดแบบบ้านใหม่ “ วิรัณยา วงแหวน – อ่อนนุช” รุกตลาดไตรมาสสอง เปิดขายเฟสใหม่ชิงชิ้นเค้กย่านบางนา ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท

เรียลแอสเสท เปิดแบบบ้านใหม่ “ วิรัณยา วงแหวน – อ่อนนุช” รุกตลาดไตรมาสสอง เปิดขายเฟสใหม่ชิงชิ้นเค้กย่านบางนา ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท

  “เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์” เปิดตัวแบบบ้านใหม่ โครงการ “วิรัณยา วงแหวน – อ่อนนุช” กับแบบบ้าน LIVA ขนาดพื้นที่ใช้สอย 151 ตรม. และแบบบ้าน VITA ขนาดพื้นที่ใช้สอย 182 ตรม. พร้อมเปิดขายเฟสใหม่ลุยตลาดไตรมาสสอง ชิงชิ้นเค้กย่านบางนาต่อเนื่อง ในราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท ตอกย้ำจุดขายการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด “บ้านที่มีหัวใจ” กับการออกแบบที่มีความหมายและแฝงข้อคิดดีๆในการดำเนินชีวิต ในทุกรายละเอียดที่ผสมผสานกับธรรมชาติอย่างลงตัว ล่าสุดเตรียมจัดไม้เด็ด คัดแปลงสวยในราคาพิเศษเพียง 5.69 ล้านบาท มาสมนาคุณลูกค้า จำนวนจำกัด แค่ภายในวันงาน 2 – 3 มิถุนายน 2561 นี้เท่านั้น     นายวีระชัย หาญจริยากูล ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาโครงการ “ วิรัณยา วงแหวน – อ่อนนุช” ในปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้ทำการเปิดขายเฟสใหม่จำนวน 34 ยูนิต พร้อมกับเปิดตัวแบบบ้านซีรีย์ใหม่ กับแบบบ้าน LIVA ขนาดพื้นที่ใช้สอย 151 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และแบบบ้าน VITA ขนาดพื้นที่ใช้สอย 182 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ทำให้ปัจจุบันโครงการ วิรัณยา วงแหวน – อ่อนนุช มีแบบบ้านให้ลูกค้าเลือกเป็น 5 แบบ ในราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท ทั้งนี้เหตุผลในการปรับแบบบ้านใหม่เพิ่มเติม มาจากกระแสการตอบรับและข้อเสนอแนะของลูกค้า ที่อยากได้แบบบ้านขนาดไซส์กลางที่มีห้องนอนด้านล่างเหมือนแบบบ้านขนาดไซส์ใหญ่บ้าง ทางบริษัทฯ จึงทำการปรับแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์และให้ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดย ในวันที่ 2-3 มิถุนายนนี้ บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นคัดแปลงสวยในราคาพิเศษเพียง 5.69 ล้านบาทมาสมนาคุณลูกค้าในจำนวนจำกัด สำหรับโครงการ “ วิรัณยา วงแหวน – อ่อนนุช” มีมูลค่าโครงการกว่า 1,100 ล้านบาท สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “บ้านที่มีหัวใจ” คือ บ้านที่ใส่ใจลึกซึ้งทุกความรู้สึก เข้าถึงทุกหัวใจของทุกคนในบ้าน สู่แนวคิดโครงการที่ออกแบบตัวบ้านที่เน้นความ เท่ อบอุ่นและผ่อนคลาย เต็มอิ่มกับธรรมชาติภายนอกด้วยกระจกเข้ามุม พื้นที่ครัวปิดเป็นสัดส่วนและภายในบ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่เชื่อมต่อกันสำหรับผู้อยู่อาศัย แบบ Multi Generation Space ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ บริเวณชั้น 2 มีพื้นที่พักผ่อนสำหรับครอบครัวสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามไลฟ์สไตล์และเปิดมุมมองกับสวนภายนอก รับแสงธรรมชาติเพื่อความปลอดโปร่งและช่วยระบายอากาศได้เป็นอย่างดี รองรับการสร้าง Silvan Experience & Outdoor ในบรรยากาศร่มรื่นทั่วทั้งโครงการ อิ่มเอมในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนด้วยคลับเฮ้าส์ ,ฟิตเนส ,สนามเด็กเล่น ,คิดส์คลับ และสระว่ายน้ำยกระดับเปิดโล่งสไตล์คอนโดบนชั้นสองของคลับเฮ้าส์ พร้อมศาลาสำหรับนั่งพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ รายล้อมด้วยสวนสาธารณะขนาดใหญ่ , ทะเลสาบ และจุดพักผ่อนรอบโครงการ ให้ชีวิตเต็มไปด้วยการพักผ่อนอย่างแท้จริง   ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯฝั่งตะวันออก ช่วงถนนบางนา-ตราดมุ่งหน้าถนนอ่อนนุช ใกล้ทางขึ้น-ลงทางด่วนบางนา-ชลบุรี และสนามบินสุวรรณภูมิ โดยนับได้ว่าเป็นทำเลที่มีความโดดเด่น เพราะ เชื่อมต่อทุกความสะดวกสบาย รองรับทุกเส้นทางสู่กิจกรรมของชีวิต ด้วยทำเลที่ใกล้ใจกลางเมืองถึง 2 เส้นทาง ทั้งจากวงแหวนพระราม 9 และ บางนา นอกจากนี้ยังใกล้ทางด่วนวงแหวนฝั่งใต้ ,ทางด่วนฉลองรัช , ทางด่วนบูรพาวิถี รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียนและห้างสรรพสินค้า อาทิ IKEA , เซ็นทรัล บางนา , พาราไดส์ พาร์ค และซีคอนสแควร์ เป็นต้น ปัจจุบันเฟส1มียอดขายแล้วกว่า40%     นายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์ธุรกิจ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงศักยภาพของทำเลย่านบางนาและอ่อนนุชว่า ปัจจุบันทำเลที่ตั้งในย่านบางนา – อ่อนนุช ถือได้ว่าเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกที่เป็นทำเลทอง เพราะมีศักยภาพสูง มีสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นจำนวนมากทั้ง ศูนย์การค้า, โรงพยาบาล, และอื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำมาสู่คำตอบที่ว่าทำไมโครงการที่อยู่อาศัยจึงเกิดขึ้นมากในทำเลย่านบางนา-อ่อนนุช ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบ – แนวสูง ที่นักพัฒนาทั้งรายใหญ่และรายย่อยต่างกันมองหาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในย่านนี้ และในปัจจุบันได้มีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ถือได้ว่าเป็นเมกะโปรเจคของย่านบางนา ได้แก่ แบงค๊อก มอลล์, ไบเทค เฟส 2, อาคารสำนักงานเกรด A ของกลุ่มภิรัชบุรีบริเวณไบเทค และเมกะซิตี้ “ศักยภาพของทำเลย่านบางงนา และอ่อนนุช นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มีอยุ่รอบๆ พื้นที่ ยังมีจุดเด่นในเรื่องของการเดินทางที่สะดวกสบาย มีการเชื่อมต่อมาจากศูนย์กลางพัฒนาเศรษฐกิจแห่งใหม่ (NEW CBD) และสุขุมวิทตอนกลาง ที่มีเส้นทางคมนาคมหลากหลายเส้นทางในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ได้แก่ วงแหวนรอบนอก (เชื่อมต่อกรุงเทพ, นนทบุรี, สมุทรปราการ), มอเตอร์เวย์ (เชื่อมต่อกรุงเทพฯ, ปทุมธานี, ชลบุรี), ทางด่วนบางนา-ชลบุรี (เชื่อมต่อกรุงเทพฯ ไปสู่ภาคตะวันออก), โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มส่วนต่อขยายจากแบริ่งไปสมุทรปราการที่เริ่มเปิดใช้บริการในปี 2560, โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายใน 1-2 ปี, โครงการรถไฟฟ้าในอนาคตสายสีเขียว (บางนา-สุวรรณภูมิ) ที่ได้บรรจุลงไปในแผนพัฒนา ปี 2560 เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองในอนาคต” นายณัฏฐพร กล่าว
EVER เปิดโครงการบ้านเดี่ยว “มายโฮมอเวนิว  ” ภายใต้คอนเซ็ปต์ พบความสุข 360 องศา ครบทุกความปรารถนาของชีวิตเมือง  ฟังก์ชั่นครบ เพียง 61 หลัง ราคา  3 ล้านกว่าบาท

EVER เปิดโครงการบ้านเดี่ยว “มายโฮมอเวนิว ” ภายใต้คอนเซ็ปต์ พบความสุข 360 องศา ครบทุกความปรารถนาของชีวิตเมือง ฟังก์ชั่นครบ เพียง 61 หลัง ราคา 3 ล้านกว่าบาท

EVER เปิดตัวตัวโครงการแนวราบแรก ”มายโฮมอเวนิว” บ้านเดี่ยวสไตล์ MODERN CHIC มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท พร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้สอย” 360 ANGLE of HAPPINESS IS HERE พบความสุข 360 องศา ครบทุกความปรารถนาของชีวิตเมือง บนทำเลรามอินทรา-จตุโชติ "สังคมคุณภาพเพียง 61 หลัง เท่านั้น ราคา 3 ล้านกว่าบาท พร้อมพรีเซล 2- 3 มิถุนายน นี้ ด้าน บอส "สวิจักร์ โลจายะ" คาดผลตอบรับดี ตั้งเป้ายอดจอง 40%   นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER เปิดเผยว่า ในปีนี้จะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์จากปีก่อน และการขยายธุรกิจเชิงรุกโดยเฉพาะการพัฒนาโครงการแนวราบ จากปัจจุบันที่พอร์ตรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการแนวสูง เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต   โดยล่าสุดบริษัทฯ เปิดโครงการใหม่ ” มายโฮมอเวนิว “มูลค่าโครงการกว่า 250 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว สไตล์ MODERN CHIC ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ 360 ANGLE of HAPPINESS IS HERE “ พบความสุข 360 องศา ครบทุกความปรารถนาของชีวิตเมือง บนทำเลรามอินทรา-จตุโชติ ในราคาเริ่มต้น 3 ล้านกว่าบาท เปิดพรีเซลล์ในวันที่ 2-3 มิถุนายน 2561   MY HOME AVENUE เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่มีฟังก์ชั่นครบ การดีไซน์ที่โปร่งโล่ง เพื่อเปิดรับธรรมชาติภายนอก มุมมองที่ไม่เหมือนใคร ท่ามกลางสังคมคุณภาพเพียง 61 หลัง เท่านั้น พร้อมทั้งความปลอดภัยสูงด้วยระบบเข้าออกแบบ Key Card กล้อง CCTV สระว่ายน้ำ ฟิตเนส คลับเฮ้าส์ พร้อมสวนสวยที่จะมอบความสดชื่นมีชีวิตชีวาให้กับคุณทุกวัน   นอกจากนี้ ยังมีทำเลที่ตั้งมีศักยภาพและน่าสนใจเพราะ ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู สถานีบางชัน พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เช่น รร. นวมินทราชินูทิศ, รร.สาธิตพัฒนา และโรงพยาบาล สายไหม , โรงพยาบาล เสรีรักษ์ ฯลฯ   “มั่นใจว่าโครงการ “ มายโฮมอเวนิว ” จะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากจุดเด่นในด้านทำเล คาดจะมียอด presale 40% หรือประมาณ 100 ล้านบาท และยังเป็น 1 ใน 4โครงการแนวราบที่ EVER วางแผนเปิดใหม่ในปีนี้ มูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยเปิดในช่วงปีนี้ เป็นโครงการทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้ " ในย่านทำเลสุขสวัสดิ์ , บางนา หนามแดง ฯลฯ ซึ่งมีการซื้อที่ดินเพื่อรอการพัฒนาไว้เรียบร้อยแล้ว “นายสวิจักร์กล่าว   นายสวิจักร์ กล่าวว่า EVER ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,800 – 1,900 ล้านบาท โดย 90 % มาจากรายได้จากธุรกิจอสังหา ฯ และในไตรมาส 3/2561 จะเริ่มมียอดขายบางส่วนจากโครงการเดอะ โพลิแทนบรีซ มูลค่า 1,900 ล้านบาท เป็นโครงการสูง 8 ชั้น 4 อาคารจำนวน 587 ห้อง โดยโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 และเริ่มโอนได้ภายในเดือนธันวาคมนี้
‘ลลิล พร็อพเพอร์ตี้’ แข็งแกร่งเหนืออุตสาหกรรม  ปักหมุดลุยโครงการใหม่ 8-10 ทำเล มูลค่า 5,000 ล้านบาท

‘ลลิล พร็อพเพอร์ตี้’ แข็งแกร่งเหนืออุตสาหกรรม ปักหมุดลุยโครงการใหม่ 8-10 ทำเล มูลค่า 5,000 ล้านบาท

  บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) เดินหน้าผุดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าปีนี้ลุย 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,500-5,000 ล้านบาท ผลักดันผลประกอบการขยายตัวตามเป้า 15% แตะ 4,000 ล้านบาท เผยไตรมาสแรกของปี 2561 รับรู้รายได้แล้ว 962.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 45% ตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวได้ดีในระดับที่สูงกว่า 30% อย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในแง่ของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นราว 60% หรืออยู่ที่ระดับ 182.2 ล้านบาท   นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปท์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเปิดขายโครงการใหม่ บนทำเลศักยภาพกว่า 8-10 โครงการ มูลค่าโดยประมาณ 4,500-5,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ เพราะในช่วงช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดโครงการใหม่ไปทั้งสิ้น 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท โดยมียอดขายใหม่ที่รอรับรู้รายได้กว่า 1,500 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาสสองมีแผนที่จะเปิดอีก 1 - 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท สำหรับเป้าหมายการรับรู้รายได้ในปี 2561 มั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้โดยเติบโต 15% หรือแตะ 4,000 ล้านบาท   ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้ที่ 962.1 ล้านบาท เติบโตได้ราว 45% นับเป็นการขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องจากที่บริษัทสามารถเติบโตในระดับสูงกว่า 30% ตลอดช่วง 2 ปี ขณะที่มีกำไรสุทธิทั้งสิน 182.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงความสามารถในการบริหารและจัดการต้นทุนต่างๆ ได้ดี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.9% นับเป็นอัตราที่สูงเป็นลำดับต้นๆ ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ และในส่วนของต้นทุนการขายและบริหาร บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน   สำหรับโครงสร้างเงินทุน แม้ว่าบริษัทฯ จะมีการขยายธุรกิจอย่างมากในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา แต่บริษัทฯ ยังคงรักษาระดับ Gearing ได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด โดย ณ สิ้นไตรมาสแรก บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.82 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.3 - 1.4 เท่า สะท้อนความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท และความพร้อมในการขยายธุรกิจของทางบริษัทได้เป็นอย่างดี
วี พร็อพเพอร์ตี้ เปิดตัว เซลล์ แกลเลอรี่ คอนโด ไอคอน สุขุมวิท 77 ต้อนรับลูกค้า เปิดประสบการณ์ “Living Extraordinary” รับไลฟ์สไตล์คนเมือง

วี พร็อพเพอร์ตี้ เปิดตัว เซลล์ แกลเลอรี่ คอนโด ไอคอน สุขุมวิท 77 ต้อนรับลูกค้า เปิดประสบการณ์ “Living Extraordinary” รับไลฟ์สไตล์คนเมือง

  บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury จัดงาน VIP DAY เปิดตัว ไอคอน เซลล์ แกลเลอรี่ สุขุมวิท 77 (IKON Sales Gallery Sukhumvit 77) โดยมี นายพรชัย เลิศอนันต์โชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ให้การต้อนรับและให้ข้อมูล พร้อมนำชมห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียม IKON Sukhumvit 77 พบกับไฮไลท์กิจกรรมจากดาราหนุ่ม “ก๊อต – จิรายุ ตันตระกูล” ที่มาร่วมสร้างความสนุกและความประทับใจ ภายในงาน ซึ่งมีผู้ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก   นายพรชัย เลิศอนันต์โชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม ไอคอน สุขุมวิท 77 (IKON Sukhumvit 77) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่ดีและมีผู้ที่สนใจเป็นอย่างมาก จึงได้จัดงาน VIP DAY ขึ้น เพื่อมอบความพิเศษให้แก่ผู้ที่สนใจได้ร่วมเยี่ยมชมห้องตัวอย่างของไอคอน สุขุมวิท 77 อย่างเป็นทางการ โดยคอนเซ็ปท์ของการพัฒนาโครงการนี้เกิดจากการศึกษาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และการวิเคราะห์ทำเลที่อยู่อาศัยในย่านลงทุนแห่งใหม่อย่างย่านอ่อนนุช เพื่อให้สอดรับ กับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury ตามยุทธศาสตร์ของบริษัท ทั้งทำเลที่ดีอยู่บริเวณรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทและใกล้แหล่งคอมมูนิตี้มอลล์ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เพื่อให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนเมืองให้ได้มากที่สุด   “โครงการ ไอคอน สุขุมวิท 77 เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวนรวม 442 ยูนิต บนพื้นที่ 3-3-55 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ด้วยแนวคิด Living Extraordinary ทุกอย่างลงตัวในแบบคุณ ในราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอ่อนนุช ตัวโครงการสะดวกสบายด้วยเส้นทางลัดเพียง 3 นาที สามารถเดินทางถึง BTS อ่อนนุช ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับคอมมิวนิตี้มอลล์ เพียง 20 เมตร โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์น (Modern Style) เพิ่มขีดระดับที่อยู่อาศัยและเชื่อมความเป็นธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน เน้นการใช้พื้นที่ในห้องพักสูงสุดด้วยการขยายพื้นที่ระเบียง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการมีพื้นที่ใช้สอยอย่างกว้างขวาง ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น และให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลาย มีขนาดห้อง 4 รูปแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น ห้องสตูดิโอ ขนาด 23.23 - 26.01 ตร.ม. , 1 ห้องนอน ขนาด 27.45 - 31.56 ตร.ม. , 1 ห้องนอนพลัส ขนาด 34.15 - 34.85 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน ขนาด 43.27 - 47.05 ตร.ม.   นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกในระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น 24hr Co-thinking space พื้นที่สำหรับเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ โดยไม่ต้องให้เวลาเป็นข้อจำกัด 24hr Dynamic Fitness ฟิตแอนด์เฟิร์มด้วยพื้นที่สุขภาพที่สามารถออกกำลังกายได้ตลอดเวลาถึงแม้จะเลิกงานดึก สระว่ายน้ำหินอ่อนสีขาว ที่มาพร้อมกับระบบBubble Jet Amphitheatre มุมพักผ่อนที่เพิ่มมิติของการพักผ่อนเพื่อให้เข้าถึงธรรมชาติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมี Double Volume Lobby Lounge ห้องรับรองแขกตกแต่งด้วยผนังหินอ่อนสีขาวสะท้อนความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ ทั้งยังเสริมความมั่นใจให้กับผู้พักอาศัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยทั้ง Digital door lock และ Individual floor locked ที่เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้เจ้าของห้องพักในแต่ละชั้น กล้องวงจรปิด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อม Shuttle Van ไว้บริการลูกบ้าน” นายพรชัย กล่าวทิ้งท้าย   ทั้งนี้ บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้มอบความพิเศษภายในงาน VIP DAY ให้กับผู้ที่สนใจลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุดถึง 150,000 พร้อม IPhone X ได้ที่ www.ikon77.com พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นแพ็กเกจทัวร์ไป - กลับท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น มูลค่ากว่า 100,000 บาท อีกด้วย   ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง ณ ไอคอน เซลล์ แกลเลอรี่ สุขุมวิท 77 (IKON Sales Gallery Sukhumvit 77) ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ โทร.0 2204 7900 หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.ikon77.com หรือ https://www.facebook.com/VProperty DevelopmentTH/
เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว ร่วมทุน แสงฟ้าก่อสร้าง  เปิดตัวโครงการ CONNER Ratchathewi คอนโดระดับลักชัวรี่ มูลค่า 3.2 พันล้านบาท

เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว ร่วมทุน แสงฟ้าก่อสร้าง เปิดตัวโครงการ CONNER Ratchathewi คอนโดระดับลักชัวรี่ มูลค่า 3.2 พันล้านบาท

28 พ.ค. 2561 - บริษัท เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว จำกัด เปิดตัวบริษัทฯ อย่างเป็นทางการ พร้อมจับมือ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ร่วมทุนเปิดตัวโครงการ “คอนเนอร์ ราชเทวี” คอนโดมิเนียมสุดหรูระดับลักชัวรี่ใจกลางกรุง มูลค่าโครงการ 3.2 พันล้านบาท โดยยูนิตราคาเริ่มต้นที่ 8.1 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ และนักลงทุน ทำเลราชเทวี ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพย่านใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองด้วยคอนเซ็ปต์ “The Future is Just Around the Corner” เพียง 300 เมตรจาก BTS ราชเทวี และ 0 เมตร จาก MRT ราชเทวีในอนาคต ตั้งเป้ายอดขาย 100 % ภายใน 3 เดือน     นายชัยวัฒน์ จักรแต๋ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวบริษัทฯ ในครั้งนี้ว่า “บริษัท เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ภายใต้โมเดลธุรกิจในรูปแบบ Dynamic Corporate บริหารงานด้วยทีมคนรุ่นใหม่ โดยเป็นเสมือนแหล่งรวมนักพัฒนาโครงการที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือเพื่อยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตด้วยการบริหารพื้นที่อยู่อาศัย ด้วยจุดขายที่แตกต่างพร้อมนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยเลือกเอเจนซี่ ที่มีประสบการณ์ในแต่ละด้านในการพัฒนากลยุทธ์ต่างๆ และการร่วมทุนกับบริษัทพันธมิตรชั้นนำ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยในครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีที่บริษัทฯ ได้ประเดิมโครงการร่วมทุนกับ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด และตั้งเป็นบริษัทในเครือภายใต้ชื่อ C09 เพื่อพัฒนาโครงการ CONNER Ratchathewi โดยเป็นที่รู้กันว่าดีว่า แสงฟ้าก่อสร้างมีความเชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้าง ด้วยประสบการณ์ ชื่อเสียง และผลงานที่มีมากว่า 50 ปี ซึ่งยิ่งทำให้ลูกค้าได้มั่นใจในเรื่องของการก่อสร้างที่เสร็จตามกำหนดเวลา และได้คุณภาพมาตรฐานอย่างแท้จริง”     น.พ. เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า “บริษัท แสงฟ้าก่อสร้างฯ มีความตั้งใจและตัดสินใจที่จะร่วมทุนกับ เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว เนื่องจากได้มองเห็นวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐาน ตลอดจนเล็งเห็นถึงรูปแบบองค์กรของ เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว ในการเป็นทีมบริหารรุ่นใหม่ และมุ่งมั่นนำเสนอโครงการที่แตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง เนื่องจาก แสงฟ้าก่อสร้าง ได้เคยเป็นพันธมิตรงานก่อสร้างกับทีมบริหารของเดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว ด้วยผลงานโครงการ C EKKAMAI ที่ประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์วางแผนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการบริหารคน และการบริหารเวลาที่ใส่ความมุ่งมั่นไปในทุกขั้นตอน ด้วยความเชี่ยวชาญของแสงฟ้า ทำให้โครงการ C EKKAMAI สร้างเสร็จ และคาดว่าสามารถส่งมอบงานได้ก่อนกำหนดถึงครึ่งปี โดยในการร่วมทุนในครั้งนี้ CONNER Ratchathewi ก็จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะสร้างประวัติศาสตร์บนทำเลราชเทวี ของการเป็นโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอนาคต เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพในทุกตารางนิ้ว ทั้งการก่อสร้าง และการออกแบบ”     นายชัยวัฒน์ จักรแต๋ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงรายละเอียดของโครงการ คอนเนอร์ ราชเทวี ว่า “คอนเนอร์ ราชเทวี เป็นโครงการคอนโดมิเนี่ยมระดับลักชัวรี่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Future Standard of Living” เพื่อยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตแห่งอนาคตของคนเมือง โดยพัฒนาจุดขายด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมนวัตกรรม เพื่อคุณภาพชีวิตคนเมืองในปัจจุบันอย่างแท้จริงจากมุมมองผ่าน Pain-point หรือโจทย์ที่คนเมืองต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องของมลภาวะสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราตอบโจทย์ด้วยการสร้างพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติจริง ด้วย Vertical Forest ที่มีต้นไม้มากกว่า 150,000 ต้น ที่สามารถผลิตออกซิเจนได้ถึง 121% ของจำนวนผู้อยู่อาศัยทั้งโครงการ ครอบคลุมทั้งโครงการที่มีจำนวน 294 ยูนิต เป็นการหลอมรวมธรรมชาติทั้งต้นไม้และสายน้ำเข้ามาไว้ในทุกส่วนของตัวโครงการ ความสะดวกสบายในการเดินทาง พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น การสั่งของออนไลน์ โดยมีบริการ Concierge Service และห้องเดลิเวอรี่ เพื่อรับอาหาร และของที่มาจัดส่ง โดยจุดเด่นของห้องนี้คือการที่สามารถรักษาอุณหภูมิของอาหารให้ลูกบ้านพร้อมทานอยู่ตลอดเวลา พร้อมด้วยพื้นที่สันทนาหลากหลายโซนในรูปแบบ Private และ Study Area ตลอดจนเป็นคอนโดแห่งแรกในประเทศไทยในการใช้ระบบน้ำด้วยนวัตกรรมน้ำคลื่นแม่เหล็ก HydroSmart จากประเทศออสเตรเลีย และที่จอดรถแบบ Auto Parking มากกว่า 79% เป็นต้น”     “ในด้านการตลาด โครงการ คอนเนอร์ ราชเทวี เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ทั้งลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่เอง และเพื่อการลงทุน และมีสัดส่วนที่ขายคนไทย 55% และต่างชาติ 45% ทั้งนี้ ด้วยคุณภาพและจุดขายต่างๆที่มีความคุ้มค่าสูงกว่ามาตรฐาน เมื่อเทียบกับราคาที่ตั้งไว้ ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะทำยอดขายได้ตามเป้า ที่ได้ตั้งไว้คือ Sold-out ภายใน 3 เดือน ทั้งนี้ ด้วยเศรษฐกิจปีนี้ในไตรมาสแรก ที่โตขึ้น 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี โดยทุกภาคเศรษฐกิจดีขึ้นทั้งหมด และทางภาครัฐยังเตรียมปรับเป้าหมาย GDP ปี 2561ใหม่ เป็นเติบโต 4.2 ถึง 4.7% ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ทำให้เรามองว่าไตรมาส 2-3 นี้ ก็จะยังจะมีกำลังซื้อต่อเนื่องสำหรับโครงการ คอนเนอร์ ราชเทวี” นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม     นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวถึงทำเลย่านราชเทวีว่า “พื้นที่พญาไท-ราชเทวี มีอุปสงค์การตอบรับคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในระดับสูง (เฉลี่ยอยู่ที่ 80-90%) สูงกว่ายอดขายเฉลี่ยของโครงการใหม่ในโซน CBD และโซนชั้นกลางในภาพรวมที่มีค่าเฉลี่ยประมาณ 66% และจากการสำรวจล่าสุดพบว่าจำนวนอุปทานคงค้างในปี 2561 เหลือเพียง 300 ยูนิต หากพิจารณาด้านผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าจะอยู่ที่ 5% (ราคาเช่าอยู่ที่ราว 20,000 – 25,000 บาทต่อเดือน) และยิ่งไปกว่านั้น โครงการคอนเนอร์ ราชเทวี ยังแวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ อาคารสำนักงาน อาคารมิกซ์ยูส โรงแรม และสถานศึกษา และยังอยู่ใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นทำเลหายาก จึงมี real demand ทั้งจากผู้อยู่อาศัยจริงและนักลงทุน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนมีความน่าสนใจ เป็นทรัพย์สินที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้ ทั้งนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะผู้บริหารงานขายและการตลาดให้กับโครงการฯ เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในฐานะ Service Provider ทางด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร พร้อมด้วยทีมวิจัยแบบเจาะลึกที่มีประสบการณ์การลงพื้นที่ต่างๆ จะสามารถบริหารงานขายได้ตามเป้าที่บริษัทวางไว้”     ทั้งนี้ คอนเนอร์ ราชเทวี เป็นโครงการคอนโดมิเนี่ยม สูง 38 ชั้น 1 อาคาร รวม 294 ยูนิต ในพื้นที่ 1-3-21 ไร่ ราคา 8.1 – 19.8 บาท ประกอบด้วยห้องฝ้าเพดานสูง 3 เมตร (สำหรับห้อง Simplex) และ 4.5 เมตร (สำหรับห้อง Loft) จำนวน 4 รูปแบบ ดังนี้: 1.) Loft 1 ห้องนอน ขนาด 30-42 ตร.ม. 2) Simplex 1 ห้องนอน ขนาด 34.9-35.5 ตร.ม. 3.) Simplex 1 ห้องนอน Plus ขนาด 50 ตร.ม. 4.) Simplex 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 69-73 ตร.ม. โดยเริ่มก่อสร้าง ไตรมาส 4 พ.ศ. 2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จใน ไตรมาส 4 พ.ศ 2564   ผู้ที่สนใจ สามารถรับข้อมูลของโครงการ CONNER Ratchathewi เพิ่มเติมได้ ที่เว็บไซต์ www.thecreatorshq.com หรือโทร (093) 289-8988  
IWG พร้อมให้บริการพื้นที่สำนักงานออฟฟิศกว่า 50 ล้านตารางฟุต  ลุยปฏิวัติพื้นที่การทำงานแนวใหม่

IWG พร้อมให้บริการพื้นที่สำนักงานออฟฟิศกว่า 50 ล้านตารางฟุต ลุยปฏิวัติพื้นที่การทำงานแนวใหม่

IWG ผู้นำให้บริการพื้นที่สำนักงานระดับโลก เดินหน้าขยายพื้นที่จำนวนกว่า 50 ล้านตารางฟุต สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการพื้นที่สำนักงานในตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มขององค์กรที่อ้าแขนรับเทรนด์การเร่งปฏิวัติพื้นที่การทำงานแนวใหม่   ในช่วงปี พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา IWG ได้ขยายพื้นที่ทำงานไปยังอาคารสำนักงานกว่า 314 แห่ง จากพื้นที่เดิมที่มีอยู่ทั้งหมด 5.5 ล้านตารางฟุต ถือเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ปัจจุบัน IWG มีพื้นที่สำนักงานทั่วโลกรวมแล้วกว่า 50 ล้านตารางฟุต เทียบได้กับขนาดของ สนามกีฬาเวมบลีย์รวมกัน 116 สนาม หรือซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ 261 หลัง หรือสระว่ายน้ำโอลิมปิกจำนวน 3,718 สระ   ปัจจุบันความต้องการพื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่นนั้นได้แผ่ขยายไปทั่วโลกอย่างแท้จริง ซึ่ง IWG ก็ขยายสาขาไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ อเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก ในปีที่ผ่านมา IWG ยังขยายไปเปิดพื้นที่สำนักงานครั้งแรกในประเทศแองโกลา อาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย ไอซ์แลนด์ อิหร่าน คาซัคสถาน ทรินิแดด โตเบโก รวมถึงการมุ่งขยายสาขาเพิ่มเติมในประเทศต่างๆ อีกด้วย เพื่อช่วยสนับสนุนให้คนทำงานกว่า 2.5 ล้านคนได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น   IWG เป็นบริษัทผู้ดูแลและบริหารแบรนด์พื้นที่สำนักงานชั้นนำอย่าง Regus, Spaces, No18, Basepoint, Open Office และ Signature ซึ่งพร้อมให้บริการมากกว่า 3,300 แห่ง ใน 1,000 เมืองและกว่า 110 ประเทศ ทั้งยังคงมีแนวโน้มจะเติบโตตลอดปี พ.ศ. 2561 ด้วยแผนการเพิ่มพื้นที่สำนักงานทั่วโลก     นาย มาร์ค ดิกซัน กรรมการผู้จัดการและ ผู้ก่อตั้ง IWG กล่าวว่า ความต้องการพื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่นที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจต่างๆ เล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่เรามุ่งนำเสนอ และในปีนี้ยังถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของกระแสและทัศนคติของคนทั่วโลกที่มีต่อพื้นที่การทำงาน   "ธุรกิจทั่วโลกต่างเริ่มตระหนักว่าพื้นที่สำนักงานที่มีความยืดหยุ่นมีข้อได้เปรียบสูง ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และช่วยดึงดูดหรือรักษาพนักงานได้เป็นอย่างดี เรากำลังมาถึงจุดเปลี่ยนที่จะสร้างประสบการณ์การทำงานใหม่ให้แก่คนทำงานนับล้าน"   “การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและความสามารถของคนที่ทำงานจากที่ไหนก็ โดยพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นยังช่วยให้บริษัทต่างๆ ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงบริษัทข้ามชาติไม่ว่าจะเป็นกำไรที่มากขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นในกระบวนการทำงานเชิงกลยุทธ์และคล่องตัวมากขึ้นด้วยโลกแห่งดิจิทัลที่มีการเคลื่อนไหวและแข่งขันกันอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน” นายมาร์ค กล่าวเพิ่มเติม     “IWG มุ่งถ่ายทอดวัฒนธรรมการทำงานใหม่ๆ ผ่านแบรนด์ชั้นนำในเครือของบริษัททั่วโลก รวมถึงการพัฒนาและเสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ยืดหยุ่นตามแบบฉบับของ IWG พร้อมให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงสำนักงานในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก สำหรับกรุงเทพฯ มีแบรนด์ชั้นนำอย่าง Regus และ Spaces ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ IWG ได้ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่การทำงานครั้งสำคัญ โดยปัจจุบัน Regus ผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงานชั้นนำระดับโลก มีสาขาพร้อมให้บริการสำนักงานให้เช่าครบวงจรถึง 19 สาขาทั่วประเทศไทยและหนึ่งสาขาสำหรับ Spaces นอกจากนี้ Regus มีแผนจะเปิดสาขาใหม่ทั้งหมด 3 สาขาภายในปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการพื้นที่ใช้งานที่มีความยืดหยุ่นของผู้บริโภคให้มากขึ้น ได้แก่ สาขาเชียงใหม่ไอคอนปาร์ค โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ และอีกหนึ่งสาขาบนชั้น 23 อาคาร ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค (ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค) ในขณะที่ Spaces ยังคงเดินหน้าขยายสาขาที่สอง ณ จัตุรัสจามจุรี ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางในเดือนหน้านี้" นางโนเอล โค้ก ผู้อำนวยการใหญ่ประจำประเทศไทย เกาหลี ไต้หวัน กล่าวเสริม
“AIRES” เปิดตัวยิ่งใหญ่ บน 3 ทำเลศักยภาพ

“AIRES” เปิดตัวยิ่งใหญ่ บน 3 ทำเลศักยภาพ

นายถวนันท์ ธเนศเดชสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เวล แกรนด์ แอสเสท จำกัด และนายพงษ์ชัย เศรษฐีวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท เศรษฐีวรรณ จำกัด แถลงความร่วมมือทางธุรกิจ พร้อมเปิดตัวโครงการ AIRES (ไอเรส) ทาวน์โฮมระดับลักชัวรี่ บน 3 ทำเล ได้แก่ พระราม 9, รัชดาภิเษก 19,  และ รามคำแหง รวมมูลค่า 700 ล้านบาท  โดยมี ถิรชนม์ ธเนศเดชสุนทร, ศรีวรรณ เศรษฐีวรรณ, พลอยจันทร์ วิฑูรชาติ, จักรดาว นาวาเจริญ, นิธิศวร์ ตั้งสง่า และ ศิโรตม์ วิชยาภัย มาร่วมงาน ณ ห้อง The Residence 302 ชั้น Mโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้
บุญถาวร ชู ออมนิชาแนล ดัน บุญถาวร.com ขึ้นแท่นผู้นำด้าน วัสดุตกแต่งบ้าน

บุญถาวร ชู ออมนิชาแนล ดัน บุญถาวร.com ขึ้นแท่นผู้นำด้าน วัสดุตกแต่งบ้าน

บุญถาวร ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมสินค้าวัสดุตกแต่ง กระเบื้อง ห้องน้ำ ห้องครัวและของแต่งบ้าน พร้อมบริการมืออาชีพ เสริมทัพ ดัน บุญถาวร.com ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านวัสดุตกแต่งบ้าน ด้วยแนวคิด ออมนิชาแนล (Omni-Channel) ผนวกออนไลน์-ออฟไลน์ให้เป็นหนึ่งเดียว เพิ่มความสะดวกจนถึงขีดสุดให้กับลูกค้า สร้างประสบการณ์ใหม่ตรงใจผู้บริโภคยุคดิจิทัล ตั้งเป้า 3 ปี ดันยอดผ่านช่องทางออนไลน์ 10 % ของยอดขายออนไลน์ พร้อมกันนี้ส่ง แคมเปญใหญ่ เฉลิมฉลองครบ 1 ปี บุญถาวร.com เอาใจขา ช้อปของตกแต่งบ้าน ในแคมเปญ ‘ONLINE MEGA SALE เซลสุดฮอต!ลดสุดร้อน สูงสุด70% พร้อมลุ้นเที่ยวมัลดีฟฟรี’ ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2561 ช้อปเลยที่ www.boonthavorn.com   คุณ ชนัส ชูชาติ รองกรรมการผู้จัดการ E-Commerce บริษัท บุญถาวรกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ‘ด้วยการสั่งสมประสบการณ์ กว่า 40 ปีของบุญถาวร เชื่อมั่นว่า เรามีรากฐานและความแข็งแกร่งด้านธุรกิจค้าปลีกวัสดุตกแต่งบ้านในระดับแถวหน้าของเมืองไทย 1 ปีที่ผ่านมากับการเปิดให้บริการการสั่งซื้อสินค้าบนออนไลน์ ผ่าน บุญถาวร.com ทำหน้าที่มาช่วยเติมเต็มและต่อยอดธุรกิจให้สอดคล้อง ตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เราได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งช่วยเพิ่มพูนความมั่นใจให้เราได้ยกระดับพัฒนาก้าวต่อๆไปในฐานะผู้นำด้าน วัสดุตกแต่งบ้าน ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อความสะดวกสูงสุดของลูกค้าของเรา’   “อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถึงแม้บุญถาวร จะเพิ่งเริ่มเปิดให้บริการออนไลน์ เพียงปีเดียว แต่เนื่องด้วยเรามีระบบหลังบ้านที่มีศักยภาพและพร้อมในการให้บริการเต็มที่ เราจึงมั่นใจว่าเราเป็น ออมนิชาแนล (Omni Channel)ที่สมบูรณ์มากในประเทศไทย เราตั้งใจทำให้ระบบการขายและการตลาดบนออนไลน์และออฟไลน์ ทำงานสอดประสานและส่งเสริมกันให้ได้มากที่สุด โดยมุ่งเน้นเพื่อสร้างความสะดวกสบาย รวดเร็วตอบโจทย์ในการบริการลูกค้าในทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ ผ่าน บุญถาวร.com หรือการซื้อสินค้าหน้าโชว์รูมก็ตาม’     “ในยุคดิจิทัล ใครสะดวกกว่า เร็วกว่าก็ถือว่าชนะ” คุณ ชนัส ชูชาติ กล่าวเพิ่มเติมถึง บุญถาวร.com ว่า “เราเปิดตัวออนไลน์มาได้ 1 ปีเต็มแล้ว และด้วยแนวคิด Omni Channel ซึ่งช่วยต่อยอดจากธุรกิจค้าปลีกของ บุญถาวร 13 สาขาทั่วประเทศ วันนี้ บุญถาวร.com ยังทำหน้าที่ เป็นแคตตาลอคสินค้า ที่สมบูรณ์แบบ เรามีสินค้ากว่า 100,000 รายการ เพื่อให้ลูกค้าได้ศึกษาสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อ แล้วยังทำหน้าที่เป็นหน้าร้านเพื่อปิดการขายเช่นเดียวกับหน้าโชว์รูม จุดเด่นอีกอย่าง ที่ร้านออนไลน์เรามี คือการให้บริการประเภทแชตทุกช่องทาง เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงและติดต่อสอบถามรายละเอียดของสินค้ากับพนักงานขายของเราจริงๆ พนักงานขายของบุญถาวร ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้พนักงานขาย หรือผู้เชี่ยวชาญในแผนกต่างๆ สามารถตอบคำถามและข้อสงสัยของลูกค้าได้ตลอดทุกที่ ทุกเวลา อีกทั้งยังช่วยให้สามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย จะเห็นได้ว่าระบบออนไลน์ของเรา มีประสิทธิผลสูงสุดให้ทั้งผู้ซื้อผู้ขายในคราวเดียวกัน อาทิ พนักงานขายของเรา สามารถส่งออเดอร์คำนวณและปิดยอดการขายผ่านออนไลน์ได้เลย หรือ ในทางกลับกันเมื่อลูกค้ามาเลือกชมสินค้าหน้าโชว์รูม เพื่อสัมผัสและเก็บข้อมูล แล้วกลับไปสั่งซื้อที่บ้าน ผ่าน บุญถาวร.com ก็ย่อมได้ เนื่องด้วย สินค้าหน้าโชว์รูมและบนออนไลน์มีราคาเท่ากัน โปรโมชั่นของสินค้าก็เหมือนกัน อาจมีความแตกต่างกันของแคมเปญร่วมเล็กๆน้อยๆ เช่นการแจกตั๋วหนังตามจำนวนยอด โดยยอดของออนไลน์นั้นจะไม่สูงเท่ากับยอดซื้อหน้าร้านอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ลูกค้าก็มั่นใจได้เลยว่าไม่ว่าจะทำการซื้อที่ใดก็จะได้รับโปรโมชั่นเดียวกัน ตามความสะดวกทุกช่องทาง”   คุณชนัส อธิบายเพิ่มเติมว่า “เรามีระบบให้พนักงานขายสามารถเข้าถึงข้อมูลของสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทันที จึงทำให้พนักงานขายของเราสามารถตอบในทุกๆคำถามของลูกค้าได้ทันที ระบบดังกล่าวจึงช่วยให้พนักงานสามารถจัดการกับคำสั่งซื้อ ปิดการขาย และดำเนินการเรื่องการจัดส่งต่อได้ อาทิ ในบางกรณี ที่ผู้รับเหมา ต้องการเลือกสินค้าก่อน และมารับที่หน้าโชว์รูม เพื่อไปทำหน้างานงานต่อได้เลยนั้น เราก็มี ระบบ click & collect ซึ่งเป็นหนึ่งฟังก์ชั่นของระบบ Omni Channel ถือว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยเอื้อให้การทำงานเรามีประสิทธิภาพสูงสุด นั้นเพราะบุญถาวร เรามีระบบคลังสินค้า ระบบขนส่ง มีบริการหลังการขาย (after sales service) เรามีพนักงานขาย ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละแผนก คอยตอบคำถามและข้อสงสัยของลูกค้าได้ตลอดเวลาครบทุกช่องทาง”   สำหรับก้าวต่อไปของ บุญถาวร.com นั้น เนื่องด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นบนออนไลน์ ทำให้เราเริ่มนำข้อมูล ลูกค้ามาศึกษาถึงพฤติกรรมการซื้อและสั่งสินค้ามาวิเคราะห์เพื่อขยายความต้องการ รวมถึงการให้บริการให้ครอบคลุมทุกประเภทกลุ่มลูกค้า และสร้างความพึงพอใจและการให้บริการในแต่ละกลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุด อีกทั้งยังนำไปพัฒนาศักยภาพของบุญถาวรในทุกๆด้านให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำข้อมูลมาใช้เพื่อสนับสนุนงานด้านการตลาดของการขายหน้าโชว์รูมและออนไลน์ โดยส่วนงานการตลาดทั้ง 2 ช่องทาง จะทำงานประสานกัน เพื่อสร้างแคมเปญให้เป็นแคมเปญใหญ่เป็นแคมเปญเดียวกัน ซึ่งในรายละเอียดสินค้าที่ขายบนออนไลน์บางตัวอาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะสั่งซื้อผ่านออนไลน์เท่านั้น เนื่องจากข้อมูลเชิงพฤติกรรมการซื้อที่แตกต่างกัน มาจากอัตราเฉลี่ยของยอดใช้จ่ายผ่านช้อปออนไลน์ต่ำกว่าจึงมีการสร้างแคมเปญโปรโมชั่นที่ต่างกันออกไปบ้าง   ปัจจุบัน ยอดสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์อย่างต่ำเฉลี่ย 10,000 บาท/ใบเสร็จ ในขณะที่ยอดเฉลี่ยซื้อสินค้าหน้าโชว์รูมอยู่ที่ 30,000 บาท /ใบเสร็จ แต่ทั้งนี้เมื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงลึก พบว่า 50% ของลูกค้าออนไลน์ เป็นลูกค้าใหม่ ที่เข้ามาศึกษาข้อมูลสินค้าบนหน้าเว็บ แล้วค่อยไปซื้อหน้าโชว์รูม ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าแนวโน้มของการขายแบบ ออมนิชาแนล มีโอกาสสูงขึ้นเรื่อยๆ จุดเด่นหลักของการให้บริการนี้ เรามีจุดให้บริการเปลี่ยน-รับคืนสินค้าออนไลน์ที่อยู่ในโชว์รูมด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเชื่อใจในบริการหลังการขายให้กับ ลูกค้าออนไลน์   คุณชนัสเสริมเพิ่มเติม “ใน 1 ปีที่ผ่านมา เรามีกลุ่มลูกค้าใหม่จากจังหวัดต่างๆเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดว่า ช่องทาง บุญถาวร.com ได้เพิ่มความสะดวกและการเข้าถึงลูกค้าในจังหวัดต่างๆ นอกเหนือจากจังหวัดที่เรามีโชว์รูมอยู่ ซึ่ง บุญถาวร.com มีสินค้าให้เลือกกว่า 100,000 รายการ ครบทุกหมวดหมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระเบื้อง มีให้เลือกกว่า 30,000 แบบ ซึ่งถือว่าเป็นโชว์รูมออนไลน์ที่มีกระเบื้องให้เลือกซื้อมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีระบบคำนวณกระเบื้องในการใช้งาน จึงทำให้สามารถสั่งซื้อกระเบื้องได้อย่างแม่นยำ พร้อมบริการจัดส่งฟรีด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงยิ่งตอกย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ช้อปออนไลน์ได้ว่า จะสามารถเลือกซื้อวัสดุตกแต่งบ้านได้ไม่ต่างจากการเลือกซื้อที่หน้าโชว์รูม” ในอนาคตเราจะขยาย จุดรับสินค้า เป็น ศูนย์กระจายสินค้า (Logistics hub) ให้กระจายไปตามต่างจังหวัด ทั้งนี้เพื่อรองรับยอดจำหน่ายจากการสั่งซื้อของออนไลน์ในต่างจังหวัดมากขึ้น นโยบายของเราจะส่งเสริมการขายทั้ง 2 ช่องทาง ให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะ พนักงานขาย ปิดการขายผ่านช่องทางใด ก็จะได้รับคอมมิชชั่นเท่ากัน”   “ปัจจัยที่สนับสนุน ให้เรากล้าพูด ว่า เราเป็นที่หนึ่งและผู้นำด้านการค้าปลีกวัสดุตกแต่งบ้าน กระเบื้อง ห้องน้ำ ห้องครัวและของแต่งบ้าน พร้อมบริการมืออาชีพ นั้น เนื่องด้วยทุกอย่างเป็นของบุญถาวร เรามีระบบการจัดการแบบครบองค์ โดยทีมงานคุณภาพที่สั่งสมประสบการณ์และไม่หยุดยั้งในการพัฒนามาตลอด 40 ปี ดำเนินการจัดการและทำงานประสานกันระหว่างแผนกได้เป็นอย่างดี เราจึงมั่นใจว่า ลูกค้าจะได้รับบริการไม่แตกต่างจากการซื้อผ่านหน้าโชว์รูม รวมถึงการหาคำตอบคลายข้อสงสัยของสินค้าต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ การติดตามการสั่งซื้อสินค้า การจัดส่งสินค้า ทุกอย่างเราจัดการเองหมด เป็น One Stop Service แบบครบครัน ดังนั้นเราจึงมั่นใจในมาตรฐานของเรา การพัฒนาในทุกๆด้านของบุญถาวร เกิดจากการที่เราแข่งกับตัวเราเอง แม้ว่ายอดขายสินค้าออนไลน์ ขณะนี้คิดเป็น 0.5% ของยอดขายหน้าโชว์รูม แต่เป้าหมายแรกของเราคือ การเชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามามีประสบการณ์บน บุญถาวร.com เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าและบริการก่อนและหลังการขาย ทั้งนี้เป้าหมายในอีก 3 ปีข้างหน้าคือ ต้องการเพิ่มยอดขายใน บุญถาวร.com ให้เป็น 10 % ของยอดขายหน้าโชว์รูม” คุณชนัสกล่าวทิ้งท้าย
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยรายงานสภาวการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยรายงานสภาวการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต

จากผลวิจัยไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ตลาดคอนโดฯในภูเก็ตคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตและตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยอุปทานและราคาขายที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ในขณะที่อุปสงค์ยังคงปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ปริมาณอุปทานใหม่ที่เปิดตัวในภูเก็ตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักพัฒนาโครงการภายในประเทศและบริษัทร่วมทุนจะยังเป็นผู้เล่นหลักในตลาด อุปสงค์ทั้งตลาดจะถูกผลักดันด้วยกลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศ, นักลงทุน, และชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองไทย โดยเฉพาะจากจีน, รัสเซีย, และออสเตรเลีย นอกจากนี้จะเห็นกลุ่มผู้ซื้อจำนวนมากจากเกาหลีใต้อีกด้วย ด้านราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรคาดว่าจะปรับราคาเพิ่มขึ้นทั่วทุกพื้นที่ ในขณะที่ความต้องการคอนโดฯหรูที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ราคามีการปรับสูงขึ้นในปี 2561 โดยเฉพาะโครงการที่ติดทะเล นอกจากนี้หนึ่งปัจจัยที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯได้ คือ โครงการ Smart City ในภูเก็ต ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาทั้งในด้านเศรษฐกิจและวิถีชีวิตแบบอัจฉริยะ และเพื่อสร้างเมืองให้กลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมดิจิทัลในภูมิภาคที่จะช่วยดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว โดยโครงการคาดการณ์ว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2563   ไฮไลท์   • อุปทานและอุปสงค์ของตลาดคอนโดฯในภูเก็ตปรับตัวลงในปี 2560 โดยจำนวนอุปทานใหม่รวมทั้งหมดในปี 2560 ลดลงไปร้อยละ 29 หรืออยู่ที่ 1,736 ยูนิต เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 2,478 ยูนิต สำหรับด้านอุปสงค์มีจำนวนคอนโดมิเนียม 1,147 ยูนิตที่ขายไปแล้วในปี 2560 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 ปีต่อปี • อุปทานที่เปิดตัวใหม่ติดวิวทะเล, ติดวิวทะเลบางส่วน, และไม่ติดวิวทะเลสามารถคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 44, ร้อยละ54 และร้อยละ 2 ตามลำดับ โดยโครงการใหม่ส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มตลาดระดับไฮเอนด์ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่หาดกะรน, หาดในหาน, และหาดบางเทา • โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในปี 2560 มีอัตราการครอบครองเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 66 ซึ่งลดลงร้อยละ 6 ปีต่อปี อย่างไรก็ตามโครงการบางแห่งที่มีราคาไม่แพง, มีโปรโมชั่นเงินดาวน์ที่ดึงดูด, มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน, และอยู่ในทำเลที่เข้าถึงได้ง่ายสามารถทำยอดขายได้สูงภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการเปิดตัว • ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของโครงการใหม่ทั้งหมดที่เปิดตัวในปี 2560 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 135,719 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ปีต่อปี   อุปทาน   ในปี 2560 มีจำนวนอุปทานที่เปิดตัวประมาณ 1,736 ยูนิต ส่งผลให้มีอุปทานสะสมของคอนโดฯในภูเก็ตเพิ่มขึ้นไปที่ 14,266 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 14 ปีต่อปี อย่างไรก็ตามอุปทานที่เปิดตัวใหม่ในปี 2560 ลดลงไปร้อยละ 29 ปีต่อปี หรือจาก 2,478 ยูนิตลงไปที่ 1,736 ยูนิต เนื่องจากนักพัฒนาโครงการระมัดระวังในด้านการเลือกประเภทการลงทุนและประเภทสินค้าที่นำเสนอแก่กลุ่มผู้ซื้อ   กราฟที่ 1 อุปทานตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ปี 2551 – 2560 ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย กราฟที่ 2 อุปทานใหม่ปี 2560 ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย   อุปสงค์   ในปี 2560 มีอัตราการครอบครองเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 66 ซึ่งปรับลดลงร้อยละ 6 ปีต่อปี ในขณะที่อัตราการดูดซับแสดงอัตราการปรับลดลงอยู่ที่ร้อยละ 35.8 ปีต่อปี อัตราการครอบครองเฉลี่ยของโครงการใหม่ที่ติดวิวทะเลบางส่วน ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 65 หรือร้อยละ 16.7 ปีต่อปี ในช่วงเดียวกันอัตราการครอบครองยูนิตใหม่ที่ติดวิวทะเล และยูนิตที่ไม่ติดวิวทะเลลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.4 และ 2.5 ตามลำดับ สำหรับด้านผู้ซื้อ ตลาดคอนโดฯในภูเก็ตส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยกลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากชาวจีน, รัสเซีย, และออสเตรเลีย ผู้ซื้อกลุ่มนี้มักซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อเป็นการลงทุนแบบระยะยาว   กราฟที่ 3 อุปทาน อุปสงค์สะสม และอัตราครอบครองคอนโดมิเนียมในภูเก็ตปี 2551 - 2560 ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย   ราคา   ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯทั้งหมดที่เปิดตัวในปี 2560 อยู่ที่ 135,719 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ปีต่อปี ราคาขายของยูนิตที่ติดวิวทะเลเฉลี่ยอยู่ที่ 181,522 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 หากเทียบกับปีก่อน จากแรงผลักดันด้านราคาที่สูงขึ้นของยูนิตใหม่ที่เข้ามาในตลาดส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยของยูนิตที่ติดวิวทะเลบางส่วนในปี 2560 ปรับขึ้นไปที่ 115,828 บาทต่อตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นสูงกว่าปี 2559 ประมาณร้อยละ 5 ในช่วงเดียวกัน ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯที่ไม่มีวิวทะเลปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 103,927 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 102,583 บาทต่อตารางเมตรในปี 2560   กราฟที่ 4 ราคาขายเฉลี่ยของคอนมิเนียมในภูเก็ตปี 2551 – 2560 ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
เซ็นทรัลพัฒนา ชูวิสัยทัศน์ “Co-Create Center of Life” อย่างเป็นรูปธรรม ภายในปี 2022 เสริมแกร่งธุรกิจทุ่มงบกว่า 1 แสนล้านบาทใน 5 ปี สร้าง ‘The New Landscape’ วงการรีเทล

เซ็นทรัลพัฒนา ชูวิสัยทัศน์ “Co-Create Center of Life” อย่างเป็นรูปธรรม ภายในปี 2022 เสริมแกร่งธุรกิจทุ่มงบกว่า 1 แสนล้านบาทใน 5 ปี สร้าง ‘The New Landscape’ วงการรีเทล

  บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้นำด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของไทย นำโดย นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารแถลงวิสัยทัศน์ 5 ปี (2018-2022) บุกเบิกเทรนด์รีเทลด้วยแนวคิด “Co-Create Center of Life” ผ่าน 3 กลยุทธ์คือ  การสร้าง Destination Concepts, Digital Platform, และ Partnerships พร้อมทุ่มงบกว่า 1 แสนล้านบาทใน 5 ปี ชูสร้าง ‘The New Landscape’ ของวงการรีเทล ตอกย้ำความเป็น Global Player ด้วย 5 โครงการไฮไลท์ยิ่งใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ คือ เซ็นทรัลเวิลด์โฉมใหม่, เซ็นทรัล ภูเก็ต, เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้, เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา และ เซ็นทรัล วิลเลจ พร้อมปรับทุกศูนย์ฯ ให้เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตและคอมมูนิตี้ที่ลูกค้าจะได้มา “ใช้ชีวิต” ตาม ไลฟ์สไตล์ของตนเองอย่างแท้จริง   นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในยุค Digital Disruption ที่เกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้ ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลง ซึ่งซีพีเอ็นเรามองการปรับตัวครั้งนี้ว่าเป็น ความท้าทายและโอกาสที่จะทำให้เราได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง ดังเช่น 38 ปีที่ผ่านมาที่เราเคยได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญๆ ให้กับวงการค้าปลีกไทย และวันนี้เราจะสร้างประวัติศาสตร์ให้วงการค้าปลีกอีกครั้ง ทำให้การมาเดินศูนย์การค้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ 5 ปีต่อจากนี้คือ“Co-Create Center of Life” เพื่อทำให้ศูนย์การค้าของซีพีเอ็นเป็นศูนย์กลางที่ทุกคนมาใช้ชีวิตอย่างแท้จริง โดยมีจิ๊กซอว์สำคัญคือพันธมิตรธุรกิจ คู่ค้า และพาร์ทเนอร์ ผู้เช่าทั้งหมดของเรา ที่จะร่วมกัน Co-Create สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อความสำเร็จในธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกันด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ (1) Co-Creating Destination Concepts, (2)Co-Creating Digital Platform ที่ทำให้เกิด Seamless Experience และ (3) Co-Creating Partnerships”   นายปรีชากล่าวต่ออีกว่า “นอกจากนี้ เราได้เตรียมแผนการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุน 1 แสนล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้าง ‘The New Landscape’ ของวงการรีเทล และตอกย้ำการเป็น Global Player ของซีพีเอ็น โดยในปีนี้ มีไฮไลท์ 5 โครงการที่จะทำให้การ  ‘Co-Create Center of Life’ เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่ เราจะสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกอีกครั้งให้กับเซ็นทรัลเวิลด์ ในฐานะ “ต้นแบบของเดสติเนชั่นการใช้ชีวิตระดับโลก” ด้วยคอนเซ็ปต์ Central to Your World ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 61นี้ โดยจะช่วยสะท้อนภาพ Co-Create Center of Life ที่ชัดเจน ทั้ง Destination Concept ที่หลากหลายที่สุด การสร้าง Digital Platform ที่จะเกิดขึ้นเป็นศูนย์แรกๆ และการสร้าง Business Initiative อีกมากมายร่วมกับร้านค้า เซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งจะเป็น A Global Must-Visit Destination ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทั้งแบบ Luxury และ Leisure อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด พร้อม Attraction ระดับโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้แก่ ‘ไตรภูมิ’ ธีมปาร์ค รูปแบบใหม่ครั้งแรกของโลกที่จะสร้างประสบการณ์ผจญภัยแบบ 3D walkthrough และ ‘Aquaria’ ซึ่งจะเป็น อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมด้วย Food Destination ที่ตอบโจทย์ทั้งคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวทั่วโลก เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ โครงการศูนย์การค้าในต่างประเทศแห่งแรกของซีพีเอ็น ในโลเคชั่นศักยภาพสูงของมาเลเซีย ใกล้กัวลาลัมเปอร์ ตั้งอยู่ใน Mix-Use Project ขนาดใหญ่ที่ภาครัฐของมาเลเซียผลักดันให้เป็น Destination แห่งการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบที่สุดของมาเลเซีย เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแห่งใหม่ของอยุธยา ที่ผสมผสานเอกลักษณ์กลิ่นอายของจังหวัดอยุธยาเมืองมรดกโลกเข้ากับความร่วมสมัย โดยจะเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดและศูนย์กลางการใช้ชีวิต และเป็นจุดแวะพักที่ดีที่สุด คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2562 เซ็นทรัล วิลเลจ แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของซีพีเอ็นในรูปแบบ “ลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย” เพื่อตอบรับกระแสการเป็นเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ตอบรับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่รู้จักเลือกใช้สินค้า ซึ่งแพลตฟอร์มเอาท์เล็ตทั่วโลกมีการเติบโตอย่างมาก และเป็นสถานที่ must visit ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก” สำหรับภาพรวมธุรกิจ ซีพีเอ็นมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 21,234 ล้านบาท ในปี 2013 เป็น 30,875 ล้านบาท ในปี 2017 และล่าสุดในปี 2018 ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20% นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับโฉมศูนย์การค้าอื่นๆ ตอบรับเทรนด์อนาคตด้วย Destination Concept ที่วางไว้ ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, พระราม 3,เชียงราย, ชลบุรี และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2 ปีนี้ รวมถึงแผนพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ทั้งสำนักงาน โรงแรม และโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อเติมเต็มธุรกิจศูนย์การค้า และเสริมสร้างความเป็น Center of Life สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจเชิงกลยุทธ์ของเซ็นทรัลพัฒนาที่เน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน   ซีพีเอ็น เป็นผู้นำในการนำคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ สู่วงการค้าปลีก ด้วยการบุกเบิกคอนเซ็ปต์ ‘One-Stop Shopping Center’ ครั้งแรกในการเปิดตัว ‘เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว’ และต่อมากับ‘Lifestyle Experience’ ที่ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ เพื่อสร้างปรากฏการณ์มาศูนย์การค้าไม่เพียงแค่มาช้อปปิ้ง และใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จกับศูนย์ฯ ใหม่ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในแต่ละย่าน เช่น ‘เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต’ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของครอบครัวสมัยใหม่ และ ‘เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์’ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนกรุงย่านเอกมัย-รามอินทราที่ทันสมัย รักสุขภาพ
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยบ้านเดี่ยวตลาดลักซ์ชัวรี่โตสวนกระแส  ตอบรับการเพิ่มขึ้นของกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยบ้านเดี่ยวตลาดลักซ์ชัวรี่โตสวนกระแส ตอบรับการเพิ่มขึ้นของกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธ

  พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยตลาดบ้านเดี่ยวราคาเกิน 20 ล้านบาทยังเติบโตดี แม้ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวยังชะลอตัว ระบุผลสำรวจพบข้อมูลการเติบโตบ้านเดี่ยวเจาะกลุ่มตลาดลักซ์ชัวรี่เติบโตสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกลุ่ม High Net Worth พบทำเลบ้านเดี่ยวที่ตอบโจทย์ยังเติบโตดี อาทิ โซนเหนือและโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ และยังมีโซนดาวรุ่งดวงใหม่อย่างพัฒนาการที่ตอบโจทย์ครบถ้วน ทั้งการคมนาคมที่หลากหลาย เชื่อมต่อศูนย์กลางธุรกิจและสนามบินสุวรรณภูมิ ใกล้โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล และศูนย์การค้าขนาดใหญ่   นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในตลาดบ้านเดี่ยวพบว่าปัจจุบันแม้สถานการณ์ตลาดบ้านเดี่ยวยังชะลอตัวทั้งในส่วนของอุปทานและอุปสงค์ แต่พบว่าบ้านเดี่ยวที่เจาะกลุ่มตลาดระดับลักซ์ชัวรี่ยังไปได้ดี โดยผลสำรวจในปี 2560 บ้านเดี่ยวราคามากกว่า 20 ล้านบาท มีอุปทานขยายตัวสูงถึง 34% และอุปสงค์ขยายตัว 19% ซึ่งการขยายตัวนี้สอดคล้องกับข้อมูลการเพิ่มขึ้นของบุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูง (High Net Worth Individual; HNWI) ซึ่งในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี จากรายงาน World Wealth Report 2017 ของ Capgemini พบว่า HNWI ในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2559 เพิ่มขึ้น 12.7% และทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 13.3% ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ให้ความสำคัญในการซื้อโครงการบ้านเดี่ยวโดยเฉพาะบ้านระดับลักซ์ชัวรี่หรือที่ราคามากกว่า 20 ล้านบาท ในทำเลที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีความเป็นส่วนตัว มีความสะดวกในการเดินทาง     สำหรับทำเลที่มีการตอบรับในตลาดบ้านเดี่ยวค่อนข้างดี มักเป็นทำเลที่มีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมอย่างหลากหลาย เดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจได้สะดวก เช่น บริเวณโซนเหนือของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ลาดพร้าว-จตุจักร ไปจนถึงปทุมธานี-ลำลูกกา ปัจจุบันมีจำนวนอุปทานบ้านเดี่ยวสะสมอยู่ที่ 16,805 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับแล้ว 83% เป็นโซนที่มีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) โครงการรถไฟระบบชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) และในอนาคตยังมีโครงการพัฒนาแอร์พอร์ตลิงค์เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่โซนตะวันตกตั้งแต่ธนบุรีไปจนถึงศาลายา-บางใหญ่-นนทบุรี นับเป็นอีกหนึ่งโซนที่มีศักยภาพ มีอุปทานบ้านเดี่ยวสะสม 17,993 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับแล้ว 83% ซึ่งจากที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมากมายในพื้นที่ ตั้งแต่การที่มีรถไฟฟ้า ทั้งสายสีม่วง สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ / หัวลำโพง-บางแค) สายสีแดง (ตลิ่งชัน-ศาลายา) และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) รวมไปถึงทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก และมอเตอร์เวย์เส้นทางบางใหญ่กาญจนบุรี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562   นอกจากนี้ยังพบว่าโซนพัฒนาการถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าจับตา เนื่องจากมีความครบครันสำหรับการอยู่อาศัย โดยเฉพาะด้านคมนาคมที่หลากหลาย ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์และทางพิเศษศรีรัช รวมถึงมีโครงการคมนาคมที่อยู่ในช่วงพัฒนาอีกจำนวนมากประกอบไปด้วย - โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองนี้สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ได้ที่สถานีพัฒนาการ รวมไปถึงเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ทางแยกลำสาลี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่สถานีสำโรง รวมถึงมีโครงการก่อสร้างถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า โครงการก่อสร้างทางลอดถนนพัฒนาการ-รามคำแหง-ถาวรธวัช ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรของถนนพัฒนาการและโครงข่ายถนนบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางเข้าเมืองและศูนย์กลางธุรกิจได้หลายเส้นทาง เชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิท 71 ไปยังเอกมัย-ทองหล่อ ใกล้พระราม 9 ที่เป็นโซนแหล่งศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ และสามารถเดินทางเชื่อมไปยังถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และถนนรามคำแหงได้ ไม่เพียงเท่านี้ข้อมูลราคาที่ดินของทาง Agency for Real Estate Affairs (AREA) บริเวณเส้นถนนพัฒนาการ-สวนหลวง ราคาในปี 2560 อยู่ที่ 150,000 บาท/ตารางวา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 4% ส่วนบริเวณถนนศรีนครินทร์-พัฒนาการ อยู่ที่ 250,000 บาท/ตารางวา เติบโตโดยเฉลี่ยปีละ 9% ส่วนราคาประเมินจากกรมที่ดินบริเวณเส้นถนนพัฒนาการ ปีประเมิน 2559-2562 เทียบกับ 2555-2558 มีอัตราการเติบโตของราคาที่ดินอยู่ที่ 7-16% จึงทำให้เห็นว่าการพัฒนาบ้านเดี่ยวในระดับกลางลงไปทำได้ยากขึ้น เพราะต้นทุนสูงขึ้นต่อเนื่อง บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ขึ้นไปจึงเริ่มเข้าสู่ตลาดและดูเหมือนว่าจะเป็นกลุ่ม niche market อีกกลุ่มที่น่าจับตามอง ทั้งความต้องการในตลาดยังให้การตอบรับดีและศักยภาพของทำเลพัฒนาการที่ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อระดับบนได้ไม่ยากนัก ปัจจุบันมีอุปทานเหลือขายในกลุ่มบ้านระดับราคามากกว่า 20 ล้านบาทเพียงไม่กี่ยูนิต ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับสูงถึง 68% ทั้งยังครบครันด้วยศูนย์การค้าที่หลากหลาย เช่น พาราไดซ์ พาร์ค เมกาบางนา ตลอดจนโรงเรียนนานาชาติมากถึง 4 แห่ง และโรงพยาบาลชั้นนำอย่างสมิติเวช อีกทั้งไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งสามารถเดินทางไปด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ได้ที่สถานีหัวหมาก และยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนหลวง ร.9   “จากภาพรวมดังกล่าว จึงเป็นเหตุผลให้บ้านเดี่ยวที่เจาะตลาดลักซ์ชัวรี่ (ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป) เป็นที่ต้องการของตลาดและมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีสัดส่วนยูนิตไม่มากนักทั้งอุปทานและอุปสงค์เมื่อเทียบกับระดับราคาอื่นๆ แต่เมื่อเทียบในส่วนของมูลค่านั้นมีสัดส่วนค่อนข้างสูง โดยภาพรวมอุปทานและอุปสงค์บ้านเดี่ยวที่เจาะตลาดลักซ์ชัวรี่ในปี 2560 พบว่ามีสัดส่วนยูนิตอยู่ที่ 7% และ 5% ตามลำดับ หากพิจารณาในส่วนของมูลค่าแล้วพบว่ามีสัดส่วนสูงถึง 27% และ 19% ตามลำดับ” นายอนุกูล กล่าว
‘พีอาร์เอ อะคาเดมี’ มั่นใจยอดผู้ชมงานมหกรรมการลงทุน-อสังหาฯ ทะลุเป้า เดินเกมส์รุกเพิ่มนักลงทุนคุณภาพสู่ตลาดปีนี้แตะ 8,000 คน  ปักธงยกระดับสถาบันเทียบเท่าคุณวุฒิวิชาชีพระดับสากล

‘พีอาร์เอ อะคาเดมี’ มั่นใจยอดผู้ชมงานมหกรรมการลงทุน-อสังหาฯ ทะลุเป้า เดินเกมส์รุกเพิ่มนักลงทุนคุณภาพสู่ตลาดปีนี้แตะ 8,000 คน ปักธงยกระดับสถาบันเทียบเท่าคุณวุฒิวิชาชีพระดับสากล

  พีอาร์เอ อะคาเดมี สถาบันสอนการลงทุนอสังหาฯ ทุกรูปแบบ เร่งผลักดันองค์กรก้าวสู่การเป็นสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ( พัฒนาและบริหารโครงการ / การขายและการตลาด ) และเป็นสถาบันระดับสากล เล็งปั้นนักลงทุนคุณภาพสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดผู้เข้าเรียนกับสถาบันปีนี้แตะ 8,000 คน เพิ่มขึ้น 20% เผยความมั่นใจการงาน Money Property Exp0 2018 งานที่รวมแหล่งทรัพย์อสังหาฯ และสินทรัพย์การเงินที่น่าลงทุน พร้อมโปรโมชั่นร้อนแรงที่สุดแห่งปีไว้ในงานเดียว ระหว่าง 24-30 พฤษภาคม 2561 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ชั้น 1 มียอดผู้เข้าชมงานทะลุเป้า   นางสุดา ประกฤติพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร พีอาร์เอ อะคาเดมี (P.R.A. Academy) สถาบันสอนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า มีความเชื่อมั่นว่าการจัดงาน Money Property Expo 2018 จัดขึ้นระหว่าง 24 – 30 พฤษภาคม 2561 เวลา 10.30 – 21.00 น. ณ ลานจัดกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว จะมียอดผู้เข้าชมงานทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะเป็นครั้งแรกของงานที่รวมแหล่งทรัพย์ดี ทำเลเด่น และสินทรัพย์ทางการเงินที่น่าลงทุนมากกว่า 100 รายการ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นร้อนแรงที่สุดแห่งปี มาไว้ในงานเดียว เรียกว่างานเดียวตอบทุกโจทย์ความต้องการของคนรักการลงทุน   โดยพิธีเปิดงาน Money Property Expo 2018 ดังกล่าว จัดขึ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 เวลา 10.30-13.00 น. โดยได้รับเกียรติจาก นายจุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน ภายในงานยังเตรียมการแสดงชุดพิเศษ “ เปิดประตูนักลงทุนอสังหาฯและการเงินสู่ความสำเร็จ มั่งคั่งอย่างยั่งยืน” เสวนาพิเศษจากวิทยากรด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และการเงิน นักพัฒนาโครงการชื่อดังจะมาให้มุมมองนักลงทุนต่างชาติและตลาดอสังหาฯ ครึ่งหลังปี 2561 โดยบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ได้เพิ่มเติมความรู้ด้านการลงทุนและยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดพอร์ตของแต่ละท่านให้สอดรับสภาวการณ์ตลาดได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น   สำหรับ พีอาร์เอ อะคาเดมี ก่อตั้งในปี 2559 ด้วยเจตนารมณ์ที่มุ่งหวังในการพัฒนาศักยภาพนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยก้าวไกลสู่ระดับสากล จึงพัฒนาองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ และรวบรวมวิทยากรที่มีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบความสำเร็จ และมีชื่อเสียงในวงการอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละด้านมากที่สุดแห่งเดียวในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้ให้ทำได้จริง ประสบความสำเร็จจริง เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปและแบบครบวงจร อาทิ กฎหมายอสังหาริมทรัพย์ระหว่างประเทศ ทางเลือกใหม่ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ วิเคราะห์เจาะลึกทำเลทอง คอนโดสูงกว่า 100 ล้าน งานให้เช่าพื้นที่ ภาษีและกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ การพัฒนาและบริหารโครงการ การสร้างความสัมพันธ์และเครือข่าย เพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพนักลงทุนและผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก้าวไปในระดับสากล เป็นต้น   “ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี เราได้เห็นการเติบโตที่โดดเด่นยิ่งขึ้นทุกปีของตลาดนักลงทุนอสังหาฯ สะท้อนจากสถิตินักลงทุนที่เข้ามาเรียนกับ พีอาร์เอ อะคาเดมี ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแตะ 5,000 คน และภายในสิ้นปีนี้ มีแนวโน้มจะเติบโตกว่า 20% แตะที่ 8,000 คน โดยเราคาดหวังว่าการจัดงานมหกรรมอสังหาฯ-การลงทุน ครั้งนี้ จะยิ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนทั่วไป จะโยกย้ายเข้ามาลงทุนในอสังหาฯ เพิ่มขึ้น 10 % เพราะอสังหาฯ ถือเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง มีตัวเลือกลงทุนที่หลากหลายและให้ผลตอบแทนที่ดี” นางสุดา กล่าว   อย่างไรก็ดีในปีนี้ พีอาร์เอ อะคาเดมี เล็งเป้าหมายจะพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องโดยก้าวถัดไปจะมุ่งพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เน้นการพัฒนาศักยภาพให้มีความชำนาญ เพื่อผลักดันให้ก้าวสู่การเป็นสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ( พัฒนาโครงการ / การขายและการตลาด ) และเป็นศูนย์กลางประสานความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ ภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาให้เป็นสังคมนักอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพในระดับสากลตามเจตนารมณ์ที่บริษัทฯ มุ่งมั่นไว้
ฮาบิแทท กรุ๊ปส่ง 3 คอนโดฯ อัดโปรจัดเต็มงาน FUTURE PROPERTY EXPO 2018  มอบส่วนลดสูงสุดถึง 5 แสนบาท พร้อมแจกฟรี! iPhone X  ตั้งแต่วันนี้ – 27 พ.ค.นี้เท่านั้น

ฮาบิแทท กรุ๊ปส่ง 3 คอนโดฯ อัดโปรจัดเต็มงาน FUTURE PROPERTY EXPO 2018 มอบส่วนลดสูงสุดถึง 5 แสนบาท พร้อมแจกฟรี! iPhone X ตั้งแต่วันนี้ – 27 พ.ค.นี้เท่านั้น

  นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด นำคอนโดฯ ลักชัวรี่ทำเลพัทยา และกรุงเทพฯ 3 โครงการ อัดโปรโมชั่นจัดเต็มในงาน “FUTURE PROPERTY EXPO 2018” ได้แก่ วาลเด้น อโศก คอนโดฯ ทำเลสุขุมวิท 23 ใกล้ BTS อโศกและ MRT สุขุมวิท มอบส่วนลดสูงสุดถึง 500,000 บาท ฟรี! ชุดเฟอร์นิเจอร์แพ็คเกจและเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมผ่อนชำระค่าจองและทำสัญญา 0% นาน 6 เดือน, บลูเฟียร์ พัทยา แมนเนจ บาย เบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น คอนโดฯ สไตล์รีสอร์ทติดชายหาด นาจอมเทียน มอบส่วนลดพิเศษถึง 200,000 บาท หรือเลือกรับส่วนลดพิเศษ 150,000 บาท พร้อมฟรี! iPhone X ขนาด 256 GB ฟรีค่าส่วนกลางและค่าประกันอัคคีภัย นาน 5 ปี ฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอน และ วินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา คอนโดฯ ใกล้หาดวงศ์อมาตย์และศูนย์การค้า Terminal 21 มอบส่วนลดพิเศษถึง 200,000 บาท หรือเลือกรับส่วนลดพิเศษ 150,000 บาท พร้อมฟรี! iPhone X ขนาด 256 GB และฟรีค่าส่วนกลางและค่าประกันอัคคีภัย นาน 5 ปี เฉพาะลูกค้าที่จองในงานเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 27 พ.ค.นี้ ณ ลานอีเดน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
LPN-JLL ชูกลยุทธ์ขยายธุรกิจ  ปักหมุดวิภาวดี-จตุจักร ชิงตลาดอาคารสำนักงาน

LPN-JLL ชูกลยุทธ์ขยายธุรกิจ ปักหมุดวิภาวดี-จตุจักร ชิงตลาดอาคารสำนักงาน

  LPN-JLL เผยกลยุทธ์ขยายธุรกิจ มั่นใจดึง JLL นำทัพชิงตลาดอาคารสำนักงาน ส่งให้เป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานในโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร (อาคาร A) รองรับความต้องการตลาดอาคารสำนักงานที่เพิ่มขึ้น ต่อยอดธุรกิจอาคารชุดพักอาศัยที่ LPN ครองตลาดมากว่า 29 ปี พุ่งเป้าการเติบโตไปด้วยกัน เจาะกลุ่มลูกค้านักลงทุนปล่อยเช่า ให้ผลตอบแทนระยะยาว และลูกค้าที่ต้องการเช่าพื้นที่ทำออฟฟิศ   นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวในระหว่างพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจแต่งตั้งให้ JLL เป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าสำหรับอาคาร A ของโครงการ ว่า โครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร เป็นการต่อยอดการลงทุนด้วยกลยุทธ์ขยายธุรกิจ ซึ่งความตั้งใจกลับมาพัฒนาอาคารสำนักงานอีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2532 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีกับการพัฒนาโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ (ถนนพระราม 4) และแอล.พี.เอ็น.ทาวเวอร์ เนื่องจากศักยภาพทำเลตอบโจทย์คนทำงานในเมือง ทั้งยังใกล้แหล่งสาธารณูปโภค และสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยการพัฒนาโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร ในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการอาคารสำนักงานที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันบนถนนวิภาวดีรังสิตที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพสูง   “โครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร เป็นการนำประสบการณ์ และจุดแข็งที่ LPN ได้สั่งสมมาจากการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยมากว่า 29 ปี มาสร้างคุณค่าด้านผลิตภัณฑ์ เช่น การออกแบบโครงการให้เข้ากับมาตรฐานอาคารเขียวสากล การวางแผนจัดการพลังงานและใช้พลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมให้ผู้ที่ทำงานในอาคารมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการจัดสรรให้มีพื้นที่จอดรถจักรยาน สร้างสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง และลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในโครงการ ควบคู่ไปกับการยกระดับการให้บริการด้านการบริหารอาคารโดยบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการพัฒนาโครงการจะดีพร้อมเพียงใด หากไม่ได้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในระดับมืออาชีพ ก็อาจส่งผลให้การจัดหาผู้เช่าพื้นที่สำนักงานในโครงการไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ได้ ดังนั้นความร่วมมือของ LPN และ JLLในครั้งนี้ จึงเป็นสร้างคุณค่าร่วมระหว่างกัน ด้วยการนำจุดแข็งของทั้งสององค์กรมาประสานเพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทาง ซึ่งโครงการมีทั้งหมด 2 อาคารสำนักงาน แบ่งเป็นอาคาร A และ อาคาร B โดยบริษัทได้เลือก JLLเป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าพื้นที่สำนักงานในโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร (อาคาร A)  เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นในธุรกิจบริการด้านอาคารสำนักงาน  โดยเฉพาะการเป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าพื้นที่สำนักงานให้กับบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติ ตลอดจนเป็นตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน     นอกจากนั้นบริษัทยังมั่นใจในศักยภาพทำเลที่โดดเด่นที่สุดย่านวิภาวดีนี้ ทั้งใกล้แหล่งงาน อย่างอาคารสำนักงานของบริษัทต่างๆ มากมายตลอดจนแหล่งสาธารณูปโภค  ศูนย์การค้าชั้นนำ  แหล่งรวมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน  สถานพยาบาล สถานศึกษา สวนสวนสาธารณะขนาดใหญ่ และยังใกล้กับจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทางรางขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมโยงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่บริเวณถนนพหลโยธิน ช่วงหมอชิตเดิม บริเวณห้าแยกลาดพร้าว   และถนนวิภาวดีรังสิต   แม้จะไม่มีรถไฟฟ้าพาดผ่านพื้นที่โดยตรง   หากแต่มีสถานีรถไฟฟ้าถึง  2  สายที่ให้บริการอย่างสะดวก ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินMRT (สถานีพหลโยธิน และสถานีจตุจักร) และรถไฟฟ้า BTS  (สถานีหมอชิต) ทำให้การเดินทางเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ  ทั้งเข้า-ออกเมือง  มีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น  ตลอดจนเชื่อมต่อถนนเส้นสำคัญในระดับภูมิภาคได้อย่างตอบโจทย์ทุกการเดินทาง”   นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (JLL)  กล่าวว่า “การพัฒนาโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีถึงกลยุทธ์อันชาญฉลาดของ LPN ในการเพิ่มช่องทางการขยายธุรกิจ  โดยโครงการนี้เปิดโอกาสให้ LPN ได้ขยายธุรกิจเข้ามาในตลาดอาคารสำนักงาน ซึ่งเป็นนับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในขณะนี้”   ศูนย์บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทยของ JLL ระบุว่า ขณะนี้กรุงเทพฯ มีพื้นที่อาคารสำนักงานคิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้น 8.9 ล้านตารางเมตร  ในจำนวนนี้มีพื้นที่ว่างเหลือเช่าเพียงไม่ถึง 9%  ในขณะที่ค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงกว่า 7 ปีที่ผ่านมา  โดย  ณ  สิ้นไตรมาสแรกของปีนี้  ค่าเช่าสำหรับอาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ ไม่แบ่งเกรด  และทำเล  มีอัตราเฉลี่ยที่ 667 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 4% และยังมีแนวโน้มที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อไปอีก   ลงนาม... นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) บันทึกความเข้าใจแต่งตั้ง บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อจัดหาผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานโครงการลุมพินี ทาวน์เวอร์ วิภาวดี จตุจักร(อาคาร A)   ขณะที่ นางสาวยุพา เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน JLL กล่าวเสริมว่า “ขณะนี้ตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในภาวะที่มีปริมาณพื้นที่ไม่เพียงพอรองรับความต้องการของผู้เช่า โดยเฉพาะอาคารสำนักงานคุณภาพดีที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีผู้เช่าใช้พื้นที่เต็มหรือเกือบเต็ม ส่วนอาคารใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างในขณะนี้ มีบริษัทผู้เช่าเข้าจับจองพื้นที่เช่าล่วงหน้าแล้วเฉลี่ยมากกว่า 30% และมีแนวโน้มที่จะมีผู้เช่าพื้นที่เต็ม 100% ในเวลาอันรวดเร็วหลังก่อสร้างเสร็จ” “การเปิดตัวโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร ในช่วงนี้ จึงนับเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเลือกที่ตั้งโครงการอยู่ในทำเลที่สะดวกบนถนนวิภาวดี ยังนับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ดี เพราะมีบริษัทจำนวนมากที่ต้องการมีสำนักงานในย่านวิภาวดี ไม่ว่าจะเพื่ออยู่ใกล้กับกลุ่มลูกค้า ซัพพลายเออร์ หรือพนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่อาจอยู่ในย่านดังกล่าว หรือห่างออกไปในโซนด้านเหนือของกรุงเทพฯ ในขณะที่ยังคงสามารถเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ได้สะดวก ดังนั้นเชื่อว่าโครงการจะประสบความสำเร็จในด้านการปล่อยเช่าภายในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ” นางสาวยุพากล่าว
Pixel of Life ความสุขเล็กๆ ที่ไม่มีวันหมดที่  “ธนาคลัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ ”

Pixel of Life ความสุขเล็กๆ ที่ไม่มีวันหมดที่ “ธนาคลัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ ”

  จากการขยายตัวจากเมืองออกสู่วงแหวนตะวันตกแห่งใหม่ เพื่อเป็นแหล่งยุทธศาสตร์ทางการค้า หรือ NEW CBD ซึ่งอิทธิพลของความเป็นเมืองขยายสู่พื้นที่บางใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีม่วง,ทางพิเศษมอเตอร์เวย์สายตะวันตกบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี, ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ความสะดวกสบาย ต่าง ๆ อาทิ ศูนย์การค้า Central Westgate และ IKEA ทำให้เกิดหลายๆ องค์ประกอบของไลฟ์สไตล์เมืองผสมความเป็นท้องถิ่น ประกอบกัน ดั่ง Concept  “Pixel of life” จนเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบ้านแฝด 3 ชั้น และทาวน์โฮม 3 ชั้น ที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้ทุกๆ ตารางเมตรภายในบ้าน เพื่อกิจกรรมที่เหมาะกับตนเอง ที่โครงการธนาคลัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ ที่เราจะพาไปชมในวันนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ 2 ภายใต้แบรนด์ "ธนาคลัสเตอร์" (Thana Cluster) บริหารงานโดยบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)     สำหรับโครงการธนาคลัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ ตั้งอยู่ในตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี บนเนื้อที่ประมาณ 10-1-94.30 ไร่ ประกอบด้วย บ้านแฝด และทาวน์โฮม 3 ชั้น  จำนวน 77 ยูนิต มูลค่าโครงการ 357 ล้านบาท  สร้างบ้านบนขนาดที่ดิน 22-54 ตารางวา พื้นที่ส่วนกลาง 287.82 ตารางวา ออกแบบภายใต้แนวคิด “ความสนุกแบบเท่ห์ๆ แบบไม่สิ้นสุด the infinity of smart and fun” เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้น และบ้านแฝด 3 ชั้น  ดีไซน์ใหม่ทันสมัย เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ตกแต่งสไตล์ Modern Loft ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเรียบร้อย แต่มีเสน่ห์ เพื่อให้เป็นศิลปะของการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ตัวบ้านก่อสร้างด้วยผนังสำเร็จรูป แข็งแรง ออกแบบบ้านให้โปร่งโล่งและแบ่งฟังก์ชั่นใช้สอยได้อย่างลงตัว รวมถึง Sky Light ทำให้บ้านโปร่งมากขึ้น กับพื้นที่ใช้สอยที่กว้าง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามจิตนาการ โดยบ้านทุกหลังสามารถจอดรถได้ 2 คัน มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง  ใช้ชีวิตแบบ Smart Living ด้วยระบบ Home Automation ซึ่งเป็นระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟ ภายในบ้าน เชื่อมต่อสัญญาณกันขโมย สามารถสั่งงาน เปิด  ปิดไฟภายในบ้าน ผ่าน Applications บน Smartphone และสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นควบคุมการเปิด-ปิดแอร์ได้, สุขภัณฑ์อัตโนมัติ, ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านทุกหลัง พื้นที่ชั้นสองจะมีโถงขนาดใหญ่ก่อนเข้าห้องนอนทุกหลังช่วยลดความอึดอัดและรู้สึกโปร่งโล่งด้วยเพดานฝ้ายกสูง พร้อมติดตั้งถังสำรองน้ำพร้อมปั๊มน้ำอัตโนมัติทุกหลัง และเครื่องปรับอากาศในห้องนอนใหญ่เพิ่มฟังก์ชั่น Family Corner เพื่อความเป็นส่วนตัวของครอบครัว  พิเศษด้วยพื้นที่ Smile Club House ที่คุณจะได้สนุกไปกับช่วงเวลาที่ความวุ่นวายเข้าไม่ถึง ครบครันทุกกิจกรรม ทั้งพื้นที่พักผ่อน สระว่ายน้ำ และฟิตเนส ให้คุณ Take View แบบ Panoramic 360 องศา       โดยในโครงการจะมีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบด้วยกันคือ แบบบ้าน Cluster 5.5 ด้วยบ้านหน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 190 ตารางเมตร 3 ห้องนอน master bedroom อยู่ชั้น 2 มีระเบียงพร้อมห้องน้ำในตัวและ Walk-in Closet และสวนในห้องน้ำ 4 ห้องน้ำ (พิเศษ ห้อง Greenery Bathroom ในห้องนอนใหญ่ชั้น 2) มีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ ที่ชั้น2 มุมห้องครัว พร้อมเคาน์เตอร์ครัวหลังบ้าน  เพิ่มเฉลียงหน้าบ้านขนาดใหญ่ 2 ที่จอดรถเชื่อมกับ Pocket Garden   แบบบ้าน Cluster 8 บ้านหน้ากว้างถึง 8 เมตร ขนาดพื้นที่ใช้สอย 233 ตารางเมตร 4 ห้องนอน Grand master bedroom อยู่ชั้น 2 พร้อม Walk in Closet และ ห้องน้ำในตัว 4 ห้องน้ำพร้อม Separate Shower zone 1 มุมเอนกประสงค์ชั้นสองพร้อมระเบียงชมวิว ห้องครัวขนาดใหญ่แยกสัดส่วนเชื่อมต่อลานซักล้างด้านหลัง เพิ่มเฉลียงหน้าบ้านขนาดใหญ่ 2 ที่จอดรถเชื่อมต่อกับสวนขนาดใหญ่ด้านข้างบ้าน   และแบบบ้าน Cluster 10 ที่หน้าบ้านกว้างมากสุดถึง 10 เมตรด้วยกันในราคาเริ่มต้นที่ 6.6 ล้านบาท บนขนาดพื้นที่ใช้สอย 282 ตารางเมตรประกอบไปด้วย 4 ห้องนอนออกแบบ Star Penthouse พร้อม Double Walk in Closet และมุมมองจากตัวบ้านแบบ Panorama view 4 ห้องน้ำพร้อม Separate Shower Zone ห้องครัวขนาดใหญ่แยกสัดส่วนเชื่อมต่อลานซักล้างด้านหลัง พื้นที่เตรียมอาหารขนาดใหญ่หรือปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่เอนกประสงค์บริเวณชั้นล่าง 1 มุมเอนกประสงค์ชั้นสองพร้อมระเบียงชมวิว Grand master bedroom อยู่ชั้น2พร้อม Walk in Closet มีห้องน้ำในตัวและระเบียงอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ห้องนอน 4 บนชั้น 3 มีระเบียงส่วนตัว 3 ที่จอดรถเชื่อมต่อกับสวนขนาดใหญ่ด้านข้างบ้าน   จุดเด่นของโครงการธนาคลัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ จะอยู่ที่ทำเลที่ตั้งโครงการที่ใกล้ห้างสรรพสินค้า Central Westgate, IKEA, Big C เอ็กซ์ตร้า บางใหญ่ และBig C รัตนาธิเบศร์, Index Living Mall, Plus Mall  ทำเลที่ตั้งโครงการใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีคลองบางไผ่ เป็นโครงการบ้านแฝดและทาวน์โฮม 3 ชั้นทั้งโครงการมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าบ้านเดี่ยว จำนวนหลังไม่มากเพียง 77หลังเป็นส่วนตัวและใกล้ชิดธรรมชาติ ตัวโครงการมีความปลอดภัยมีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่งโมง ถึง 3 ชั้น รปภ. + CCTV, สัญญาณกันขโมย, กล้องวงจรปิดในโครงการทั้งหมด 17 จุด มีสโมสรพร้อมสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกาย พื้นที่อเนกประสงค์ และสวนสาธารณะไว้เพื่อให้ลูกบ้านพบปะสังสรรค์ Main Entrance ดูเท่ทันสมัย และแตกต่างจากโครงการโดยรอบทั้งหมด     ตัวสินค้าจะมีจุดเด่นอยู่ที่ เป็นบ้านแฝดและทาวน์โฮม 3 ชั้น ดีไซน์ใหม่ทันสมัย Modern Loft Style เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความแปลกใหม่ ตัวบ้านก่อสร้างด้วยผนังสำเร็จรูป แข็งแรง เรียบร้อย มีการออกแบบบ้านให้โปร่งโล่งและแบ่งฟังก์ชั่นใช้สอยได้อย่างลงตัว สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็น Home office ที่มีพนักงานไม่มากเพื่อทำกิจการขนาดเล็กได้ หน้ากว้าง 5.5-8 เมตร บ้านทุกหลังจอดรถได้ 2 คัน และจอดรถได้ถึง 3 คันในแบบบ้าน cluster 10 มีการเพิ่มฟังก์ชั่นเอนกประสงค์ เพื่อความเป็นส่วนตัวของครอบครัว พร้อมห้อง Master Bedroom มีขนาดใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัวและWalk in closet พร้อม rain shower  ติดตั้ง ระบบ Home Automation, ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านทุกหลัง พื้นที่ชั้นสองออกแบบให้มีลักษณะโปร่งโล่ง พร้อมมีโถงขนาดใหญ่ก่อนเข้าห้องนอนทุกหลังทำให้ไม่อึดอัดหรือมีห้องพักผ่อนที่มีแสงธรรมชาติส่องถึงให้อารมณ์เหมือนบ้านเดี่ยว ติดตั้งถังสำรองน้ำพร้อมปั๊มน้ำอัตโนมัติทุกหลังและเครื่องปรับอากาศในห้องนอนใหญ่      ทุกหลังมี Pocket Garden เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในตัวบ้านบริเวณด้านข้างบ้านหรือโรงรถ (ในแบบ Cluster 5.5) ฝ้าเพดานสูงโปร่ง ถึง 2.7 เมตร  ตัวบ้านประหยัดพลังงาน ด้วยการติดตั้งหลอดไฟระบบ LED ทั้งหลัง มีเฉลียงหน้าบ้านขนาดใหญ่ ทำให้ไม่รู้สึกคับแคบก่อนเข้าบ้าน และระเบียงขนาดใหญ่ไว้เป็นมุมพักผ่อน สัมผัสบรรยากาศภายนอกบ้านชั้นสองและสามขั้นอยู่กับแบบบ้าน มุมมองแบบ Panorama View ในแบบบ้านทุกแบบ เพื่อให้สัมผัสบรรยากาศภายนอกได้อย่างเต็มที่ไม่อึดอัด กั้นห้องครัวให้เป็นสัดส่วน ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อเติมบ้าน (เฉพาะแบบCluster 8 และCluster10) ห้องน้ำชั้นบนทุกห้องแยกส่วนแห้งเปียกเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ติดตั้งฝาสุขภัณฑ์แบบชำระอัตโนมัติ พร้อม Rain shower เพื่อความทันสมัยสะดวกใช้งานและแตกต่าง  ที่จอดรถมีการตอกเข็มกลุ่ม ชะลอการทรุดตัวของพื้นและมีการตกแต่งทรายล้างเพื่อความสวยงามทุกหลัง   บนทำเลศักยภาพบางใหญ่ ที่เป็นศูนย์กลางฝั่งตะวันตก รอบรับ AEC HUB ในอนาคต ตอบโจทย์กับ Life Style ของคนรุ่นใหม่ ใกล้เซ็นทรัลเวสเกต และรถไฟฟ้าสายสีม่วง พบกับบ้านที่ให้ความสุขเล็กๆ ที่ไม่มีวันหมด ได้ที่ ธนาคลัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ บ้าน 3 ชั้น ระดับ Premium หน้ากว้างสูงสุด 10 เมตร พร้อม สโมสร สระว่ายน้ำ ในราคาเริ่มต้นที่ 3.89 ล้านบาท พร้อมของแถม 12 รายการ สนใจสอบถามรายละเอียดและข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ Smile Home Center 02 005 8888 กด 1 กด 6 หรือ thanacluster.com
ศุภาลัย เปิดแผนลงทุนต่อเนื่อง รองรับ EEC ปักหมุดโครงการใหม่ “ศุภาลัย การเด้นวิลล์ ชลบุรี”

ศุภาลัย เปิดแผนลงทุนต่อเนื่อง รองรับ EEC ปักหมุดโครงการใหม่ “ศุภาลัย การเด้นวิลล์ ชลบุรี”

  บมจ.ศุภาลัย เปิดแผนลงทุนต่อเนื่อง รองรับ EEC ในจังหวัดชลบุรี เตรียมเปิด “ศุภาลัย การเด้นวิลล์ ชลบุรี” ราคาเริ่มต้นเพียง 4.8 ล้านบาท Pre-Sales 2 - 3 มิถุนายน นี้ ณ สำนักงานขาย พร้อมพบสิทธิพิเศษมากมาย     นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากนโยบายผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการลงทุนและพัฒนาพื้นที่ใหม่ๆ ที่สำคัญอย่างมาก ส่งผลให้แผนการลงทุนในจังหวัดชลบุรีมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งหลังจาก บริษัทฯ เปิดตัวโครงการ ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น ได้รับกระแสตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการแนวราบ เพิ่มขึ้นเป็นโครงการที่ 9 ในจังหวัดชลบุรี คือ “ศุภาลัย การเด้นวิลล์ ชลบุรี” ชูแนวคิด “ทำเลเหนือระดับ กับชีวิตที่สมบูรณ์แบบ” บนพื้นที่โครงการประมาณ 23 ไร่  มูลค่าโครงการประมาณ 592 ล้านบาท     “ศุภาลัย การเด้นวิลล์ ชลบุรี” เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น 3 - 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอยเริ่ม 150 - 213 ตร.ม.  ราคาเริ่มต้นเพียง 4.8 ล้านบาท  ใส่ใจในทุกรายละเอียดใช้ประโยชน์ได้ทุกพื้นที่  ตอบรับทุกความต้องการได้อย่างลงตัว พร้อมออกแบบเน้นการอนุรักษ์พลังงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ สวนส่วนกลาง ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV และระบบเข้า - ออกอัตโนมัติ Easy Pass โดดเด่นด้วยทำเลศักยภาพ พร้อมเติมเต็มความสบายในการใช้ชีวิต เชื่อมต่อถนนมอเตอร์เวย์ (By Pass) แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่สำคัญ อาทิ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศชลบุรี เซ็นทรัลชลบุรี โรงพยาบาลชลบุรี   สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พร้อมเติมเต็มความสบายในการใช้ชีวิต เชิญเลือกแปลงโดนใจในราคาพิเศษ ก่อนใครในงาน Pre-Sales 2 - 3 มิถุนายน นี้ พร้อมพบสิทธิพิเศษมากมาย ณ สำนักขายโครงการ โทร. 1720 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.supalai.com
แอสเซทไวส์ เปิดตัวคอนโด “แอทโมซ ลาดพร้าว 15”  บนทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย ติดบิ๊กซี ลาดพร้าว

แอสเซทไวส์ เปิดตัวคอนโด “แอทโมซ ลาดพร้าว 15” บนทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย ติดบิ๊กซี ลาดพร้าว

แอสเซทไวส์ เดินหน้าธุรกิจเปิด “แอทโมซ ลาดพร้าว 15” (Atmoz Ladprao 15) คอนโดมิเนียมบนทำเลถนนลาดพร้าว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย สะดวกสบาย ใกล้ MRT ลาดพร้าวพร้อมส่วนกลางสุดอลังการ พิเศษด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายใต้แนวคิด “double FACILITY” สุข...จนไม่ได้พักผ่อน  บนพื้นที่โครงการขนาด 4-0-15.1 ไร่  มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาท   นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพของคอนโดในย่านลาดพร้าว ซึ่งมีคนที่เริ่มทำงาน เริ่มแยกครอบครัวออกจากครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในย่านลาดพร้าว จึงเปิดตัวโครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 15 ซึ่งเป็นคอนโดที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “double FACILITY” โดยจุดเด่น คือ มีส่วนกลางขนาดใหญ่ถึง 3 ชั้น ทำกิจกรรมได้ไม่มีวันเบื่อ มีสระว่ายน้ำ 2 สระ ขนาดมาตรฐานที่ว่ายได้จริง พร้อม Aqua Bike, Serenity Courtyard, Co-Living Lounge, Boxing Corner, Game Room, Cinema Lounge, Party Zone เป็นต้น แถมยังสามารถชวนเพื่อนมา          Chat & Share ได้ไม่ซ้ำมุม     นายกรมเชษฐ์ เปิดเผยต่อไปว่า บริษัทฯ คาดว่า จะมียอดขายในช่วง 6 เดือนแรกประมาณ 1,600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมองอีกว่า ศักยภาพของทำเลลาดพร้าว มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะทำเลห้าแยกลาดพร้าว-รัชดาภิเษก มีความครบถ้วนไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยน มอลล์, บิ๊กซี, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ม.ราชภัฏจันทรเกษม อาคารสำนักงาน และแหล่ง Hang Out อีกจำนวนมาก เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ทำเลนี้มีศักยภาพสูงมากขึ้น โดยตั้งใจพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ด้วยดีไซน์สวย หรู และ Facility ที่รองรับกิจกรรมและการพักผ่อนมากมาย   นายรชฏ วรรณกนก กรรมการผู้จัดการ บริษัท DB Studio จำกัด สถาปนิกผู้ออกแบบโครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 15 กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวคิดในการออกแบบโครงการว่า จากโจทย์ที่ได้รับมาด้วยพื้นที่เป็นพื้นที่หน้ากว้าง จึงได้จัดวางอาคารโดยคำนึงถึงทิศทางลม จำนวนรวม 3 อาคาร 8 ชั้น ในลักษณะที่ทุกอาคารหายใจได้ คือมีความโปร่ง รับลม โดยล้อมรอบคอร์ทกลางซึ่งออกแบบเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำ เพื่อให้เกิดทัศนียภาพที่ดีที่สุด ตัวอาคารมี Facilities ชั้นบนสุดเชื่อมถึงกัน  ทำให้ได้พื้นที่ส่วน Rooftop ขนาดใหญ่ที่มีความต่อเนื่อง สามารถจัดวางสระว่ายน้ำสระที่สอง รวมทั้งพื้นที่กิจกรรมอื่นๆ ได้  โดยเตรียมอาคารจอดรถอัตโนมัติไว้รองรับการใช้งาน     นายปสงค์จิต แก้วแดง กรรมการผู้จัดการ บริษัท Redland-Scape จำกัด สถาปนิกผู้ออกแบบภูมิ สถาปัตย์ของโครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 15 เล่าว่า ในมุมมองของสถาปนิกเรื่องของการวาง Landscape ภายในโครงการทั้งหมดนั้น เนื่องจากทำเลย่านลาดพร้าวตอนต้น เป็นย่านกลางเมืองสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีวิถีชีวิตคนเมือง จึงกำหนดแนวคิดให้แอทโมซ ลาดพร้าว 15เป็น Urban Sanctuary และออกแบบให้ภูมิสถาปัตย์ของโครงการเป็นเสมือน Timeless Urban Forest ที่ซ่อน Double Facilities ไว้ภายใน  ทั้งในส่วนของสวนและสระว่ายน้ำในคอร์ทกลางติดกับล็อบบี้และไลบรารี่ และส่วนของชั้น 8 ที่มีฟังก์ชั่นของห้อง Passive & Active Fitness พร้อม Boxing Corner, Cinema Lounge, Game Room และ Co-Living Lounge & Pantry ทั้งยังมีสระว่ายน้ำบนชั้น Rooftop ที่มี Aqua Bike, Yoga Deck, และ Barefoot Garden ซึ่งเป็นแนวทางเดินเพื่อสุขภาพ งานออกแบบทั้งหมดเน้นงานดีไซน์ที่เรียบหรู ไร้กาลเวลา พร้อมด้วยความใส่ใจในการออกแบบ Softscape การคัดสรรพันธุ์ไม้และต้นไม้ที่เน้นต้นขนาดใหญ่ที่ดูดซับคาร์บอน  สร้างอากาศสดชื่นในทุกๆ วัน ทำให้ไม่รู้สึกว่าอยู่ใจกลางเมือง     นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาด บริษัท ไรส์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสแรกปี 2561 มี 13,970 ยูนิต ซึ่งในพื้นที่ย่านลาดพร้าวตอนต้น ตั้งแต่ซอยลาดพร้าว 1-23 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ไม่มาก มีอัตรา Sold rate สูงอยู่ 81-94% บริเวณพื้นที่โดยรอบเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง และถึงแม้ว่าราคาขายเฉลี่ยจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6-7% ต่อปี แต่ด้วยปัจจัยในเรื่องความเป็นชุมชนดั้งเดิม พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และรถไฟฟ้าสายใหม่ในอนาคตอีก 3สาย จึงทำให้โครงการที่เปิดใหม่ในย่านนี้จะได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
“ออริจิ้น” ร่วมทุน “โนมูระ” ผุดมิกซ์ยูส ORIGIN24  พร้อมดึง BIG NAME นั่งแท่น CEO กลุ่ม RECURRING INCOME

“ออริจิ้น” ร่วมทุน “โนมูระ” ผุดมิกซ์ยูส ORIGIN24 พร้อมดึง BIG NAME นั่งแท่น CEO กลุ่ม RECURRING INCOME

“ออริจิ้น” เดินหน้าร่วมทุน “โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์” ยักษ์อสังหาฯญี่ปุ่นเพิ่ม ขายหุ้นบริษัทย่อย 49% ลุยมิกซ์ยูส “ออริจิ้น 24” มูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมแต่งตั้ง “กมลวรรณ วิปุลากร” อดีตผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย เพื่อปั้นธุรกิจ RECURRING INCOME เป็น TOP 3 ในวงการ   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค (PARK) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นและพันธมิตรหลักของออริจิ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จะร่วมทุนกันในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส “ออริจิ้น 24” ตรงข้ามโครงการพาร์ค 24 ในซอยสุขุมวิท 24 ทั้งนี้ ได้ให้ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ดำเนินการขายหุ้นในบริษัทย่อยที่ดูแลโครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 ให้แก่ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ 49% คิดเป็นมูลค่าหุ้นที่ชำระแล้วรวมจำนวน 135,008,100 บาท ทั้งนี้บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จะรับรู้กำไรพิเศษ (Share premium) สำหรับดีลนี้เป็นจำนวน 73,500,000 บาท “เราและโนมูระยังคงมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการส่งมอบความสุขและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้บริโภค ผ่านการผสมผสานโนว์ฮาวของกันและกัน โครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 จะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของการใช้ชีวิต ใจกลางสุขุมวิท” นายพีระพงศ์ กล่าว สำหรับโครงการออริจิ้น 24 เป็นโครงการมิกซ์ยูสแบบลีสโฮลด์ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 500 เมตร บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ 2 งาน ประกอบด้วย 2 อาคาร โดยมีโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์หรูระดับ 5 ดาว รวม 411 ห้อง สำนักงานให้เช่าพื้นที่รวม 2,000 ตร.ม. คอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่รวม 3,200 ตร.ม. ภายในพื้นที่โครงการประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น ห้องประชุม ฯลฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้แต่งตั้งกรรมการใหม่ของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ทดแทนกรรมการที่ลาออกไป 1 ท่าน ได้แก่ นางกมลวรรณ วิปุลากร ทั้งนี้พร้อมพ่วงอีกตำแหน่งสำคัญคือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยนางกมลวรรณ วิปุลากร อดีตเคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจโรงแรมอย่างยาวนาน ถือเป็นมืออาชีพที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจะมีการแสดงวิสัยทัศน์และแผนธุรกิจเร็วๆ นี้   โดยปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่  โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง , โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ , โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา และ โครงการ ออริจิ้น 24 มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันยังมีแผนผุดโครงการเพิ่มอีก 2-3 แห่ง เตรียมพร้อมแผนธุรกิจในการเติบโตขึ้นเป็น TOP 3 ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า และคอมมูนิตี้มอลล์
“ศุภาลัย ริวา แกรนด์” เตรียมจัดงาน GRAND OPENING เปิดให้ชมห้องตัวอย่าง มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 900,000 บาท* 2-3 มิ.ย.นี้

“ศุภาลัย ริวา แกรนด์” เตรียมจัดงาน GRAND OPENING เปิดให้ชมห้องตัวอย่าง มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 900,000 บาท* 2-3 มิ.ย.นี้

  บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เตรียมจัดงาน GRAND OPENING “ศุภาลัย ริวา แกรนด์” วันที่ 2 - 3 มิถุนายนนี้ โดยภายในงานเปิดให้ลูกค้าที่สนใจได้จับจองเป็นเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ริมโค้งน้ำที่สวยที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณพื้นที่อนุรักษ์บางกระเจ้า โดดเด่นด้วยทำเลศักยภาพ ติดถนนพระราม 3 ศูนย์กลางธุรกิจ เชื่อมสู่ถนนสายธุรกิจสำคัญ ทั้งถนนสาทร สีลม สุขุมวิท และสะพานภูมิพล (ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม) พร้อมความสะดวกสบายที่สมบูรณ์แบบ ด้วยที่จอดรถกว่า 130% (ของจำนวนยูนิต) อีกทั้งมอบความอบอุ่น มั่นใจ ปลอดภัยตลอด 24 ชม. ด้วยระบบลิฟท์ล็อคชั้น Digital Door Lock กล้อง CCTV ระบบป้องกันอัคคีภัย Smoke & Heat Detector และ Fire Alarm นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำระบบเกลือ Infinity Edge, Fitness & Boxing Room, Sauna & Steam, Kid’s Room, Broadway theatre, Roof Garden, Sky Lounge เป็นต้น     เปิดให้คุณเลือกสรรทุกความพึงพอใจ กับห้องพักอาศัย บนพื้นที่ใช้สอย  53.5 - 148.5 ตารางเมตร  ราคา 4.5 - 17 ล้านบาท  สิทธิพิเศษ! จองภายในงาน รับส่วนลดพิเศษสูงสุด 900,000 บาท* (*เฉพาะยูนิตที่บริษัทฯกำหนด)   ผู้สนใจสามารถเลือกห้องชุดในทำเลและมุมมองที่คุณพึงพอใจ ณ สำนักงานขายโครงการ สอบถามข้อมูลโทร.1720 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.supalai.com