Tag : News

2376 ผลลัพธ์
นารายณ์ ฯ ผุดเมกกะโปรเจ็ค เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56

นารายณ์ ฯ ผุดเมกกะโปรเจ็ค เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56

“นารายณ์ พร็อพเพอตี้”เปิดบิ๊กโปรเจ็คช่วงครึ่งปีหลัง “เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56” ยึดทำเลทองรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ภายใต้แนวคิด "Never Before No More Again"อัดแน่น จัดเต็ม ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกว่า 30 รายการ พร้อมสวนขนาดใหญ่  Mega Park, อยู่หน้าห้างและ หน้าสถานีรถไฟฟ้า ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบความสะดวกสบายรอบด้าน ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท พบข้อเสนสุดพิเศษในงาน Exclusive sales  26  สิงหาคมนี้ นายเจนต์ชัย ลิ้มวัฒนะกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอตี้ จำกัด เปิดเผย ถึงแผนการดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลัง 2560 ว่า บริษัทมีแผนงานที่จะเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่อีกหนึ่งโครงการ ได้แก่ โครงการเดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56 นับเป็นโครงการที่พักอาศัยขนาดใหญ่โครงการที่สองของปีนี้  ต่อจากโครงการเดอะพาร์คแลนด์ จรัญ-ปิ่นเกล้าที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้  โดยมีขายไปแล้วกว่า 60 % มูลค่าโครงการรวมทั้ง 2 โครงการกว่า 12,000 ล้านบาท "ภาวะตลาดอสังหาฯในปีนี้ ไม่น่าจะโตได้มากเหมือนปีก่อนๆ การแข่งขันจะสูงทุก segment การทำอสังหาฯ ไม่ได้ดูเทียบปีต่อปี จะต้องอ่านตลาดไปล่วงหน้าอีก 2 ปี  ภาวะตลาดแบบนี้ต้องอ่านตลาดดีๆ ของต้องดีจริง ตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งที่มีอัตราการเติบโตสูง โปรดักส์แตกต่างจากท้องตลาด ให้คุณภาพชีวิตที่ดีกับผู้ซื้อจริงเท่านั้นถึงจะอยู่ได้" นายเจนต์ชัย กล่าว โครงการเดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56 เป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยที่ถูกพัฒนาขึ้นในย่านทำเลที่ดีที่สุดอีกโครงการหนึ่ง บนเนื้อที่ 13-3-12.3ไร่ จำนวนยูนิต 2,047 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 6,000ล้านบาท พัฒนาภายใต้แนวคิด "Never Before No More Again" ด้วยจุดเด่นของโครงการที่มากด้วยสวนขนาดใหญ่Mega Parkไม่ต่ำกว่า 3 ไร่ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายภายในโครงการแบบที่ไม่มีที่ไหนเคยทำมาก่อน โครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2562โครงการอยู่ติด MRT สถานีภาษีเจริญเพียง 40 เมตรเท่านั้น สามารถเดินทางเข้ามาในย่านกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบายการเดินทางโดยรถยนต์ก็สะดวกเพราะอยู่ติดถนนเพชรเกษม สามารถออกไปทางฝั่งเหนือด้วยถนนราชพฤกษ์ หรือจะเข้าเมืองย่านสาทรผ่านสะพานตากสินก็ได้โดยง่าย ทั้งนี้โครงการถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน ด้วยโครงการอยู่ตรงข้ามห้างซีคอน บางแค และใกล้สถานีรถไฟฟ้า เพียง 40 เมตร มีไลฟสไตล์ที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆที่อยู่ภายในโครงการเน้นพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ และ Facility จัดเต็มโดยแบ่งออกเป็น 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์ ทาวเวอร์ A จำนวน 32 ชั้น, ทาวเวอร์ Bจำนวน 31 ชั้น และ ทาวเวอร์ Cจำนวน 29 ชั้น ราคาเริ่มต้น1.79 ล้านบาท  ประกอบด้วย ห้อง Studio ขนาด 25-25.5 ตารางเมตร ,ขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 26.5-37.5ตร.ม. และขนาด 2 ห้องนอน  48.5-62ตร.ม. มีสัดสัดส่วนของจำนวนที่จอดรถมากถึง 50% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) จุดเด่นของโครงการที่ต้องไฮไลท์มีทั้งหมด 4 โซน ได้แก่โซนที่ 1 Star Pavilion  ตั้งอยู่บนชั้น 32 ทาวเวอร์ A ที่ให้คุณพาเพื่อนมานั่งชิลล์  ชมวิวกรุงเทพฯแบบพาโนรามา ประกอบด้วยMini Theatre & Karaoke Room , SKY Private Party Roomโซนที่ 2 Double Volume Co-Working Space จัดพื้นที่ให้มี Co- Working Space ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ทันสมัยด้วยสไตล์การออกแบบ Modern Loft ใช้วัสดุไม้ผสมเหล็ก คัดสรรเอาธรรมชาติเข้ามาตกแต่งเพื่อให้เรารู้สึกไม่อึดอัดโซนที่ 3 Double Volume Fitness ฟิตเนสที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ห้องซาว์น่า  ห้องโยคะ และอีกหนึ่งความน่าสนใจ คือBoxing Stage บริเวณชั้น 5 เป็นเวทีมวย ให้ได้ปล่อยพลังกันเต็มอิ่ม ส่วนโซนที่ 4 Pools & Garden สระและสวน มีแรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์ของพื้นที่เกษตรกรรมในย่านบางแคเดิมที่เต็มไปด้วย ต้นแค และกล้วยไม้ คลอง และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ จึงนำมารังสรรค์เพื่อใช้ในการออกแบบโครงการเพื่อให้ผู้พักอาศัยใกล้ชิดกับธรรมชาติ สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือทั้ง 2 สระขนาด 6x25 และ 7x24  พร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ที่เชื่อมกันระหว่าง 3 อาคารปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการขอ EIA ซึ่งคาดว่าจะได้รับอนุญาตในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563  บริษัทฯ ได้กำหนดเปิดขายอย่างเป็นทางการในงานExclusive Sales วันที่ 26 สิงหาคมนี้ ณ สำนักงานขายโดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนใน Website : naraiproperty.com เพื่อรับ Gift Voucher  มูลค่า 10,000 บาทเมื่อจองและทำสัญญา “ด้วยภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมอยู่ในภาวะทรงตัวในปัจจุบัน การเลือกโลเคชั่นในการพัฒนาโครงการ และการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย ในราคาที่สมเหตุสมผลในการพัฒนาโครงการจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่มีการเติบโตของพื้นที่สูง ส่งผลทำให้ราคาที่ดินเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ประกอบการต้องทำให้คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด” นายเจนต์ชัยกล่าว   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับโครงการเดอะพาร์ค แลนด์ เพชรเกษม 56 โทร.02-4548585 www.naraiproperty.com
Pleno พหลโยธิน-รังสิต พรีเมี่ยมทาวน์โฮม บนทำเลศูนย์กลางรังสิต

Pleno พหลโยธิน-รังสิต พรีเมี่ยมทาวน์โฮม บนทำเลศูนย์กลางรังสิต

Pleno พหลโยธิน-รังสิต โครงการทาวน์โฮมใหม่ล่าสุดจาก  AP ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Live in the Embrace of Nature” ใช้ชีวิตมีระดับ ในอ้อมกอดของธรรมชาติ – ร่วมใช้ชีวิตบนศูนย์กลางของรังสิตกับสุดยอดทำเลทาวน์โฮม ติดถนนใหญ่เพียงหนึ่งก้าว ให้ทุกไลฟ์สไตล์อยู่ใกล้แค่เอื้อม จากความปรารถนาของชีวิตที่จะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบสู่งานสถาปัตย์กรรมอันล้ำสมัย ทางเข้าขนาดใหญ่แสดงถึงฐานะอันโดดเด่น คลับเฮ้าส์ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันรองรับทุกกิจกรรมของครอบครัว เติมเต็มความต้องการของการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของสุดยอดทำเล! สัมผัสความสะดวกสบายใจกลางรังสิต กับโครงการ Pleno พหลโยธิน-รังสิต ทาวน์โฮม 2 ชั้น ทำเลศักยภาพเพียง 1 กม.ถึงฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, 3.5 กม.ถึงทางด่วนโทลเวย์, 5.5 กม.ถึงทางด่วนอุรัถยาและ 2.2 กม.ถึงมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ  อีกทั้งยังใกล้สถานที่อำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ,  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต,  ไทยวัสดุ, บุญถาวร ,  เทสโก้โลตัส,  เมเจอร์รังสิต, เซียร์รังสิต, โรงพยาบาลภัทร-ธนบุรีและโรงพยาบาลปทุมเวช จัดได้ว่าเป็นทำเลศักยภาพที่น่าจับตามองอย่างแท้จริง รายละเอียดโครงการ   โครงการ    Pleno พหลโยธิน-รังสิต ที่ตั้งโครงการ    ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 ลักษณะโครงการ    ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 18.3 ตร.วา พื้นที่โครงการ    33-1-12.4 ไร่ พื้นที่ขาย    7794.50  ตร.วา พื้นที่สวนสาธารณะ    398.29  ตร.วา พื้นที่ตั้งอาคารสโมสรและสระว่ายน้ำ    187.94  ตร.วา จำนวนยูนิต    373  ยูนิต รายละเอียดแบบบ้าน แบบบ้าน FLORA ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 18.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 106 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน สิ่งอำนวยความสะดวก ฟิตเนส สระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์ สวนสาธารณะภายในโครงการ  พื้นที่ตั้งนิติบุคคล ระบบรักษาความปลอดภัย  เส้นทางคมนาคม ใช้เส้น ถ.พหลโยธิน ทางเข้าโครงการติดกับ ถ.พหลโยธินฝั่งขาเข้า  ถัดจากโรงกษาปณ์เลยซอยคลองหลวง 8  ทางเข้าอยู่ติดกับศูนย์อีซูซุ ก่อนถึงฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สถานศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ปทุมธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้ง ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ไทยวัสดุ บุญถาวร เทสโก้โลตัส เมเจอร์รังสิต เซียร์รังสิต สถานพยาบาล โรงพยาบาลภัทร-ธนบุรี โรงพยาบาลปทุมเวช โรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต 2 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลเปาโล รังสิต โรงพยาบาลแพทย์รังสิต สถานที่สำคัญ โรงกษาปณ์ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง วัดพระธรรมกาย สวนสนุกดรีมเวิลด์ เว็ปไซต์    http://www.apthai.com/campaign/ทาวน์โฮม/the-phenomenal-10/ เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) โทร    :     1623 Pleno พหลโยธิน-รังสิต พรีเมี่ยมทาวน์โฮม 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นในบ้าน ให้เชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ ใจกลางรังสิต เพียง 1 กม.ถึงฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 3.5 กม.ถึงทางด่วนโทลเวย์ 5.5 กม. เริ่มต้น 2.19 ล้าน* ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใคร คลิก >>> http://www.apthai.com/campaign/ทาวน์โฮม/the-phenomenal-10/  
The Excel Hideaway Sukhumvit 71 คอนโดทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้า ในราคาจับต้องได้

The Excel Hideaway Sukhumvit 71 คอนโดทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้า ในราคาจับต้องได้

  ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมสักแห่งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศักยภาพทำเล, ราคาที่เอื้อมถึง, การเดินทางที่ง่ายสะดวกสบาย, Facility ภายในโครงการ รวมไปจนถึงสาธารณูปโภคโดยรอบ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็เป็นเงื่อนไขอันดับต้นๆ ที่ช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงเงื่อนไขที่กล่าวมาข้างต้นว่ามีคอนโดมิเนียมที่ดีและเพียบพร้อมเช่นนั้นอยู่จริง เรามีคอนโดฯ ใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจในย่านสุขุมวิทมาแนะนำค่ะ นั่นก็คือ “The Excel Hideaway Sukhumvit 71” โครงการคุณภาพจาก All Inspire ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง ด้วยการคำนึงถึงที่อยู่อาศัยเป็นเป็นหลักภายใต้คอนเซ็ปต์ Hideaway ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงไม่วุ่นวายแม้อยู่ใจกลางเมือง แต่จะดูโดดเด่นและมีน่าสนใจแค่ไหน การเดินทางไปยังโครงการสะดวกเพียงใด ตามไปทำความรู้จักกับทำเลศักยภาพนี้พร้อมๆ กันเลยค่ะ   คอนโด Low Rise บนทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย โครงการ “The Excel Hideaway Sukhumvit 71” ตั้งอยู่ในซอยปรีดีย์พนมยงค์ 14 เป็นทำเลที่น่าสนใจมากค่ะ แทบจะเรียกว่าอยู่บนใจกลางย่านสุขุมวิทที่มีความครบเครื่องทั้งในส่วนของออฟฟิศ แหล่งการค้า แหล่งช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์สุดฮิต จุดเด่นของทำเลคอนโดนี้คือใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสพระโขนง (ห่างเพียง 1.5 กิโลเมตร) และรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช (ห่างเพียง 1.8 กิโลเมตร) สามารถใช้เข้า-ออกเมืองเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงทองหล่อ พร้อมพงศ์ และอโศกแล้ว เรียกได้ว่ารวดเร็วและสะดวกสบายอย่างแท้จริง สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ยังสะดวกสบายไม่ต่างกันค่ะ เพราะโครงการอยู่ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ในระยะเพียง 330 เมตร เพราะอยู่ใกล้ทางด่วนเฉลิมนคร เรียกได้ว่าสะดวกทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง   เส้นทางเข้าเมืองหลักๆ จะใช้ถนนสุขุมวิทขาเข้ามุ่งหน้าตรงเข้าไปทางเอกมัยหรือทองหล่อได้เลย หรือจะใช้เส้นทางถนนพระราม 4 ผ่านกล้วยน้ำไทไปถึงสีลม-สาทรก็ยังได้ ส่วนด้านถนนสุขุมวิท 71 ก็วิ่งตรงไปตัดถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 ไปจนถึงรามคำแหงได้สบายๆ   ส่วนใครที่จะออกนอกเมืองหรืออกต่างจังหวัดก็สามารถใช้ถนนสุขุมวิทขาออกมุ่งหน้าตรงไปทางบางนา สมุทรปราการได้เลย หรือใช้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ วนไปลงมอเตอร์เวย์แล้วต่อด้วยถนนกรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่ ไปถึงพัทยาได้ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง หากใครไม่ได้ใช้รถส่วนตัวก็ไม่ต้องกังวลค่ะ ทางโครงการมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่ง ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้าน แถมในซอยยังคึกคักมีรถผ่านมาก หาเรียกแท็กซี่ได้ง่าย และยังมีวินมอเตอร์ไซด์หรือรถสองแถวผ่านในซอยตลอดทั้งวันอีกเช่นกัน เรียกได้ว่าสะดวกแบบไหนก็เลือกใช้บริการได้เลยค่ะ   แหล่งไลฟ์สไตล์และสิ่งอำนวยความสะดวกของคนเมืองที่แท้จริง สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็น T77 ที่อยู่ห่างออกไป 600 เมตร เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ที่ภายในมีรีเทล มอลล์สุดชิคอย่างฮาบิโตะ (Habito) ศูนย์รวมร้านอาหารระดับนานาชาติ พร้อมด้วยร้านค้าและบริการต่างๆ อีกมากมายที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของครอบครัว หรือถ้าออกไปทางถนนใหญ่ก็จะมี Summer Hill คอมมูนิตี้มอลล์ใหม่อยู่ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพระโขนงให้เลือกไปชิลล์กันได้อย่างเพลิดเพลิน Summer Hill คอมมูนิตี้มอลล์ใหม่อยู่ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพระโขนง Habito รีเทล มอลล์ สุดชิค อยู่ไม่ห่างจากโครงการ นอกจากแหล่งไลฟ์สไตล์ที่เรายกตัวอย่างไปแล้วนั้น บริเวณรอบโครงการ “The Excel Hideaway Sukhumvit 71” ยังมีสถานศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (วิทยาเขตกล้วยน้ำไท) และสถานพยาบาล รวมไปจนถึงตลาดสด ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อให้แวะกินแวะซื้อมากมาย หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศจากมาใช้ชีวิต Slow Life ก็สามารถเดินทางไปซอยปรีดี พนมยงค์ 31 (ซอยเอกมัย 12) ที่อยู่ไม่ไกลโครงการ ซึ่งภายในซอยมีร้านคาเฟ่ดีๆ มากมายให้ได้นั่งชิลล์หลีกหนีความวุ่นวาย เรียกได้ว่าผู้อยู่อาศัยในย่านนี้มีตัวเลือกในเรื่องของอาหารการกินที่เยอะและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพทีเดียวค่ะ   นอกจากทำเลศักยภาพของ โครงการ “The Excel Hideaway Sukhumvit 71” ที่เราแนะนำกันไปแล้ว การออกแบบและ Facility ภายในคอนโดยังจัดเต็มเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้งานสูงสุด ซึ่งจะดีแค่ไหนถ้าได้สัมผัสความเป็นอยู่ที่เพียบพร้อมทุกด้านในย่านสุขุมวิทด้วยตนเอง กับการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมดีๆ ควรแค่แก่การลงทุนทั้งอยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า แวดล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ ทั้งยังเดินทางสะดวกสบาย ในราคาที่ไม่ว่าใครก็จับต้องได้ บอกได้คำเดียวว่า "ไม่ควรมองข้ามค่ะ"   ทั้งนี้โครงการ “The Excel Hideaway สุขุมวิท 71” จะเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.พ. 2561 และคาดว่าจะเสร็จในเดือน ม.ค. 2562 ซึ่งถือว่าเป็นคอนโดใหม่ที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก ซึ่งโครงการจะมีงาน VVIP Day ในวันที่ 2 กันยายนนี้ ที่ โรงแรงอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ (BTS สถานีราชดำริ ทางออก 4) สำหรับคนที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ http://www.allinspire.co.th/ หรือโทร. 02-029-9999 คลิกดูรายละเอียดโครงการ https://goo.gl/9QPNJ2  
Pleno พหลโยธิน-วัชรพล พรีเมี่ยมทาวน์โฮม บนทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้าสถานีภูมิพลและจุดขึ้น-ลงทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา

Pleno พหลโยธิน-วัชรพล พรีเมี่ยมทาวน์โฮม บนทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้าสถานีภูมิพลและจุดขึ้น-ลงทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา

Pleno พหลโยธิน-วัชรพล โครงการทาวน์โฮมล่าสุดจาก AP ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Connexion To The Metropolis Sanctuary” จากประสบการณ์อันยาวนานสู่วิสัยทัศน์การเลือกสรรทำเลอย่างผู้นำ เชื่อมต่อใจกลางเมืองด้วยรถไฟฟ้าและทางด่วนจากถนนใหญ่เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถเข้าถึงย่านธุรกิจการค้าและแหล่งช้อปปิ้ง ให้ทุกกิจกรรมการเดินทางเป็นเรื่องง่าย ให้ทุกไลฟ์สไตล์อยู่ใกล้กว่าที่คิด มาพร้อมดีไซน์จากแรงบันดาลใจตึกระฟ้า ณ ใจกลางมหานคร ผสมผสานศิลปะรูปแบบการตกแต่งที่ได้รับความนิยมตลอดกาล แบบ Modern Art Deco สู่การสร้างสรรค์รูปลักษณ์ใหม่ด้วยลวดลายกราฟฟิกที่สวยงาม สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวิถีชีวิตคนเมืองผ่านทุกรายละเอียดที่งดงามไร้กาลเวลา มาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของสุดยอดทำเล! สัมผัสประสบการณ์ใหม่ กับโครงการ Pleno พหลโยธิน-วัชรพล ทาวน์โฮม 2 ชั้น ทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้าสถานีภูมิพล สะดวกสบายด้วยทางขึ้น-ลงทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา เพียง 10 นาที ใกล้สถานที่อำนวยความสะดวกสบายมากมาย ทั้งเซนทรัล พลาซา รามอินทรา, บิ๊กซีสะพานใหม่, โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 1, 2, โรงเรียนสารวิทยา, โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช, โรงพยาบาลสายไหม, สถานีตำรวจนครบาลสายไหม, และตลาดยิ่งเจริญ จัดได้ว่าเป็นทำเลศักยภาพที่น่าจับตามองอย่างแท้จริง รายละเอียดโครงการ   รายละเอียดโครงการ โครงการ    Pleno พหลโยธิน-วัชรพล ที่ตั้งโครงการ    ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220 พื้นที่โครงการ   30-3-79.74 ไร่ พื้นที่ขาย    6,494.75 ตร.วา พื้นที่สวนสาธารณะ    377.85 ตร.วา พื้นที่ตั้งอาคารสโมสรและสระว่ายน้ำ    105.15 ตร.วา จำนวนยูนิต    321 ยูนิต ลักษณะโครงการ LUXE : ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น  18 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย  100.71 ตร.ม. 3 ห้องนอน  1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 1 คัน METRO : ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น  20.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย  130.55 ตร.ม. 3 ห้องนอน  3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน สิ่งอำนวยความสะดวก ฟิตเนส สระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์ สวนสาธารณะภายในโครงการ พื้นที่ตั้งนิติบุคคล ระบบรักษาความปลอดภัย เส้นทางคมนาคม ถนนพหลโยธิน ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ถนนกาญจนาภิเษก สนามบินดอนเมือง ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ สถานีรถไฟฟ้าโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช (เปิดใช้ปี 2563) สถานีรถไฟฟ้าสะพานใหม่ (เปิดใช้ปี 2563) สถานศึกษา โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 1,2 โรงเรียนสารวิทยา โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบางเขน โรงเรียนผ่องสุวรรณวิทยาลัย สายไหม มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ วิทยาเขตสะพานใหม่ ห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้ง เซนทรัล พลาซา รามอินทรา บิ๊กซีสะพานใหม่ สถานพยาบาล โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โรงพยาบาลสายไหม โรงพยาบาลเซนทรัลเยนเนอรัล สถานที่สำคัญ สถานีตำรวจนครบาลสายไหม กองทัพอากาศ ตลาดยิ่งเจริญ เว็ปไซต์    : http://www.apthai.com/campaign/ทาวน์โฮม/the-phenomenal-10/ เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) โทร    :    1623
August-Condo_สะพานพระราม3

August-Condo_สะพานพระราม3

Pleno รามอินทรา-วงแหวน โครงการทาวน์โฮมคุณภาพ ใหม่ล่าสุด จาก AP ทำเลใกล้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ครั้งแรกของนวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ชีวิต ที่ตอบรับทุก Lifestyle คนเมือง สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านทุกตารางเมตร ตอบสนองทุกรายละเอียดและความต้องการ เอกสิทธิ์ของชีวิตสมบูรณ์แบบและความงดงามของการใช้ชีวิต ให้ทุกคนได้อบอุ่นและผ่อนคลายกับพื้นที่สีเขียวตลอดทั่วโครงการ เพิ่มระดับความสุขให้มากกว่าที่เคย ด้วยการพักผ่อนอย่างมีระดับกับ คลับเฮาส์สุดหรู ,ฟิตเนส,สระว่ายน้ำ และสวนพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศธรรมชาติ สุดยอดการค้นพบ! ทำเลแห่งอนาคต หากท่านกำลังหาโอกาส หรือความเป็นไปได้ ที่จะใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ ขอแนะนำ โครงการใหม่ Pleno รามอินทรา-วงแหวน ทาวน์โฮมคุณภาพ บนสุดยอดทำเลแห่งอนาคต ถนนกาญจนาภิเษก ใกล้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา และวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก ที่สามารถตอบสนองทุกการเดินทางอย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ไม่เกิน 5 นาที ถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนฯ ทั้ง 2 อีกทั้งยังใกล้สถานที่อำนวยความสะดวกมากมาย ตัวอย่างห้างสรรพสินค้า หรือ แหล่งช้อปปิ้งฯ ชื่อดัง เช่น Fashion Island ,The Promanade, Central Plaza รามอินทรา เป็นต้น รายละเอียดโครงการ   ชื่อโครงการ    Pleno รามอินทรา-วงแหวน สถานที่ตั้ง    ถนนคู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก แขวงสามวาตะวันตก เขตมีนบุรี กทม. พื้นที่โครงการ    22–3–12 ไร่ (9,112.0  ตร.วา) พื้นที่ขาย    12–1–10.7 ไร่ (4,910.7  ตร.วา) พื้นที่สวน     2–0–81.2 ไร่ พื้นที่สโมสร    0–0–93.4 ไร่ จำนวน    180 ยูนิต รายละเอียดแบบบ้าน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 126 ตร.ม.ที่จอดรถ 2 คันหน้ากว้าง 5.5 เมตร สิ่งอำนวยความสะดวก อาคารสโมสรพร้อมฟิตเนส และสระว่ายน้ำ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ กว่าครึ่งไร่ (247.2 ตร.วา) สวนหย่อมอื่นๆภายในโครงการ รวมกันมากกว่า 1.5 ไร่ (634 ตร.วา) ระบบรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ Access Card สำหรับเข้าออกโครงการ (Easy Pass) ระบบ CCTV ทางเข้า – ออกโครงการ ป้ายเรียกบริการแท็กซี่ด้านหน้าโครงการฯ เส้นทางคมนาคม ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ (3.3 กม.) ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก) (4.1 กม.) ถนนลำลูกกา ถนนสายไหม-สุขาภิบาล5 ถนนหทัยราษฎร์ สถานศึกษา  ม. เวสเทิร์น ม. ศรีปทุม โรงเรียนสารสาสน์ สายไหม โรงเรียนสาธิต พัฒนา ห้างสรรพสินค้า Big C ลำลูกกา, Home Pro ลำลูกกา The Promenade , Fashion Island Central Plaza รามอินทรา สถานพยาบาล  รพ.สายไหม สถานที่ท่องเที่ยว สวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์ สวนสนุก สวนน้ำสวนสยาม เว็ปไซต์    :    http://www.apthai.com/campaign/ทาวน์โฮม/the-phenomenal-10/ เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) โทร    :    1623 เริ่มก่อสร้าง    พฤษภาคม 2560 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    มกราคม 2563 Pleno รามอินทรา-วงแหวน พรีเมี่ยมทาวน์โฮมแบบ Flexible Space ที่ออกแบบพื้นที่ชีวิตให้เข้ากับทุก Lifestyle ของคนเมือง และเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างสะดวกและง่ายดาย เพียง 5 นาที ถึง ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา หรือ วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก เริ่มต้น 2.49 ล้าน* ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใคร คลิก >>> http://www.apthai.com/campaign/ทาวน์โฮม/the-phenomenal-10/  
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยทำเลพระโขนง-อ่อนนุชดีมานด์ต่างชาติพุ่ง ค่าเช่าขยับ 10% ราคารีเซล 5 ปี เพิ่ม 40%

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยทำเลพระโขนง-อ่อนนุชดีมานด์ต่างชาติพุ่ง ค่าเช่าขยับ 10% ราคารีเซล 5 ปี เพิ่ม 40%

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจตลาดเช่าที่อยู่อาศัยของต่างชาติ ในปี 2560 พบความต้องการในย่าน พระโขนง – อ่อนนุชเติบโตสูง ชี้ครึ่งปีแรกค่าเช่าขยับแล้วถึง 10% อัตราผลตอบแทนสูง 5-7% แซงหน้าย่านทองหล่อ –เอกมัย อีกทั้งตลาดรีเซลยังทำกำไรสูงกว่า โดยรูปแบบ 1 ห้องนอน ในระยะเวลา 5 ปี มีราคาขายต่อยูนิตเพิ่มขึ้นจากราคาในช่วงเปิดตัวถึง 24% นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการสำรวจ ความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจ โดยพบว่าทำเลพระโขนง-อ่อนนุช เป็นทำเลใหม่ที่ตลาดเช่าโดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างประเทศที่มาทำงานในเมืองไทย (Expat) มีความต้องการเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยล่าสุดครึ่งปี 2560 มีชาวต่างชาติเช่าห้องชุดเพื่ออยู่อาศัยในย่านนี้สูงถึงประมาณ 70% เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2555 ที่มีชาวต่างชาติเช่าเพียง 56% จากความต้องการที่สูงขึ้นนี้จึงทำให้คอนโดมิเนียมในย่านนี้สามารถปรับค่าเช่าขึ้นได้แบบก้าวกระโดด โดยค่าเช่ามีการขยับตัวสูงขึ้น 10% ใน 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการปรับขึ้นมาดังกล่าวถือว่าเป็นการปรับที่สูงกว่าโซนทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งเป็นโซนที่ชาวต่างชาตินิยมเช่าคอนโดมิเนียมมากที่สุด ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 90% มีผู้เช่าคนไทยเพียงแค่ 10% โดย โซนทองหล่อ–เอกมัย มีอัตราค่าเช่าขึ้น 4% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวต่างชาติเริ่มหันไปเช่าคอนโดมิเนียมโซนพระโขนง–อ่อนนุช เพราะการเดินทางสะดวกมีรถไฟฟ้าผ่านแถมยังมีระยะทางไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางของกรุงเทพฯ ที่สำคัญราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สูงมากเหมือนโซนใจกลางเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะย่านทองหล่อ–เอกมัย ซึ่งเดิมเป็นทำเลที่มีความต้องการเช่าของต่างชาติ (ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ อเมริกา จีน) นั้น มีจำนวนที่ดินในการพัฒนาอย่างจำกัด ส่งผลให้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ค่อนข้างน้อย ทำให้ราคาเปิดตัวมีราคาแพงและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่าลดลง โดยมีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที 800 – 1,000 บาทต่อตารางเมตร หรือคิดเป็นผลตอบแทน (Rental Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 4-5 % ต่อปี หากขนาด 1 ห้องนอน (40-50 ตารางเมตร) ราคาค่าเช่าอยู่ที่ 35,000-55,000 บาท และรูปแบบ 2 ห้องนอน (60-80 ตารางเมตร) ราคาค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 60,000-80,000บาทต่อเดือน ในขณะที่โซนพื้นที่พระโขนง-อ่อนนุช มีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 500 – 600 บาทต่อตารางเมตร หรือคิดเป็นผลตอบแทน (Rental Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 5-7 %  รูปแบบห้องที่นิยมคือ ขนาด 1 ห้องนอน (30-35 ตารางเมตร) ราคาค่าเช่าอยู่ที่ 14,000-18,000 บาท และรูปแบบ 2 ห้องนอน (50-60 ตารางเมตร) ราคาค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 25,000-36,000บาทต่อเดือน นอกจากนี้ในส่วนของห้องที่นำกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ในย่านพระโขนง–อ่อนนุช ก็ถือว่ามีความน่าสนใจ โดยตั้งแต่ปี 2555  เป็นต้นมา พบว่ารูปแบบ 1-2 ห้องนอนถูกนำกลับมาขายใหม่มากที่สุด โดยรูปแบบ 1 ห้องนอน มีราคาขายต่อยูนิตเพิ่มขึ้นจากราคาในช่วงเปิดตัวถึง 40% โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยรีเซลอยู่ที่ 122,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของห้องรีเซลย่านทองหล่อ – เอกมัย อยู่ที่ 230,000 บาทต่อตารางเมตร เมื่อเปรียบเทียบกันจะพบว่าราคารีเซลในพื้นที่พระโขนง-อ่อนนุช ถูกกว่าพื้นที่ทองหล่อ – เอกมัย ถึง 47% และยังสามารถทำกำไรได้ดีกว่าถึง 9% “ปัจจัยที่สนับสนุนให้ทำเลพระโขนง – อ่อนนุช ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ เพราะมีการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วและยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และไม่เพียงแต่ราคาที่ถูกกว่าย่านทองหล่อ–เอกมัยเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่โดดเด่นในด้านการคมนาคมที่สะดวก ทั้งถนนสายหลักเส้นสุขุมวิท ใกล้ทางขึ้นทางด่วนที่สะดวก รวมถึง แนวเส้นทางของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (BTS) ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท จึงทำให้ราคาที่ดินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบใหม่ๆ อย่างครบครัน  ทั้งโรงเรียนนานาชาติ ร้านอาหารที่เหมาะกับ ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย แหล่งแฮงค์เอ้ทท์  และคอมมูนิตี้มอลล์ที่หลากหลาย แต่ก็ยังมีสถานที่ที่ตอบสอนองความต้องการของคนพื้นที่ เช่น ตลาดแบบดั้งเดิมในย่านพระโขนง หรือร้านอาหารเก่าแก่เจ้าดัง ทำให้ทำเลนี้มีสีสัน และสามารถเอื้อผลประโยชน์ต่อการลงทุนขายต่อหรือปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมอีกด้วย และในอนาคตเมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาพร้อมเปิดให้บริการ บริเวณนี้จะกลายเป็นจุดอินเตอร์เชนจ์ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีเทา ปัจจัยเหล่านี้จึงสนับสนุนให้อสังหาริมทรัพย์ในทำเลพระโขนง – อ่อนนุช ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ” นายอนุกูล กล่าว
เนอวานา ไดอิ (NVD) แถลงรายได้ครึ่งปีแรก 1,315 ล้านบาท เติบโต 226% เตรียมเปิดอีก 2 โครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เดินหน้า ธุรกิจรับสร้างบ้าน จัดทัพผู้บริหารมือดีเสริมความแกร่ง

เนอวานา ไดอิ (NVD) แถลงรายได้ครึ่งปีแรก 1,315 ล้านบาท เติบโต 226% เตรียมเปิดอีก 2 โครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เดินหน้า ธุรกิจรับสร้างบ้าน จัดทัพผู้บริหารมือดีเสริมความแกร่ง

บมจ. เนอวานา ไดอิ (NVD) เปิดตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรก บันทึกรายได้รวม 1,315 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 226% สร้างกำไรสุทธิ 112 ล้านบาท เผยแผนครึ่งปีหลังเปิดตัวอีก 2 ​โครงการ มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท มั่นใจยอดขายหลักมาจากคอนโดระดับพรีเมียม Banyan Tree Residences Riverside Bangkok และโครงการ Define ศรีนครินทร์-พระราม 9 พร้อมรุกธุรกิจรับสร้างบ้านโฉมใหม่ เปิดโอกาสให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้านเนอวานา บนที่ดินของลูกค้าเอง เร่งสร้าง Nirvana Home Building Center ศูนย์รับสร้างบ้านแห่งใหม่ พร้อมจัดทัพผู้บริหารระดับมือดีมาดูแลด้านการเงิน ออกแบบ งานขาย งานก่อสร้าง นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD เผยว่า “ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา NVD ทำรายได้รวม (Total Revenue) ทั้งสิ้น 1,315 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่มีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ  และ NVD ได้เสริมความแข็งแกร่งของทีมงาน และได้ผู้บริหารมืออาชีพ ทั้งด้านการดำเนินธุรกิจ การบริหารงานก่อสร้าง การเงินและการจัดการเข้ามา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ การที่ บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้ควบรวมกับ บริษัท ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นับเป็นการผนวกจุดเด่นด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างที่นำสมัย มั่นคงแข็งแรง เข้ากับความสามารถด้านการออกแบบที่ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเนอวานา ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ NVD เป็นอย่างมาก เป็นที่มาของแผนยุทธศาสตร์ Synergistically Beyond” “ในด้านการทำการตลาดนั้น เราวางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ NVD คือ กลุ่ม B ถึง A++ ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย ชอบความแตกต่าง เน้นรายละเอียด เพราะโครงการที่เราพัฒนานั้น จะพัฒนาภายใต้แนวความคิด Life is Full of Details เน้นการใช้ Human-Centered Design ในการออกแบบ โครงการจะถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์น ระดับพรีเมียม ตอบรับ high-end lifestyle สำหรับด้านคุณภาพนั้นเรามีการก่อสร้างที่มีคุณภาพ โดยใช้พื้นฐานนวัตกรรมของไดอิ ที่จะสร้างความรวดเร็วในการก่อสร้าง ทั้งยังมีความแข็งแกร่ง สวยงาม และทนทาน  ตอบโจทย์การขยายตลาดในวงที่กว้างขึ้น ทั้งธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจรับสร้างบ้าน  ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์ Synergistically Beyond ที่จะตอบสนองการเติบโต ในช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้นายศรศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินธุรกิจของ NVD แบ่งเป็น  3 หมวด คือ 1.) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ครอบคลุมโครงการทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ภายใต้แบรนด์ Nirvana Beyond, Nirvana Define, Nirvana @WORK และคอนโดมิเนียมแบรนด์ Banyan Tree Residences Riverside Bangkok 2.)  ธุรกิจรับสร้างบ้าน ลูกค้าสามารถสร้างบ้านเนอวานา ในที่ดินของลูกค้า โดยบริษัทมองเห็นโอกาสทางการตลาดที่จะเติบโตไปได้ต่อเนื่องและยั่งยืน อีกทั้งยังมีความพร้อมที่จะต่อยอดธุรกิจนี้ไปได้ด้วย Synergistically Beyond โดยมีแผนสร้าง Nirvana Home Building Center แห่งใหม่บริเวณพระราม 9 ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์รูปแบบใหม่ของการรับสร้างบ้าน ที่จะมีบ้านจริงให้ลูกค้าเลือก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2561 และสุดท้าย 3.) ธุรกิจวัสดุก่อสร้างรูปแบบทันสมัย ธุรกิจนี้จะใช้ศักยภาพเชิงเทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้างเดิมของไดอิ โดยเสริมการออกแบบที่แตกต่างและทันสมัย ในสไตล์ของเนอวานาเข้าไป เป็น Innovative Product รูปแบบใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า คาดว่าธุรกิจนี้จะเติบโตไปพร้อมกับ NVD และตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ด้านนายจิรเดช นุตสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารมืออาชีพในวงการการเงิน ซึ่งได้เข้ามาร่วมทัพผู้บริหารเมื่อไม่นานมานี้ โดยรับผิดชอบสายงานการเงินของ NVD กล่าวถึงผลการดำเนินงานของ NVD ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาว่า “ในครึ่งปีแรก NVD บันทึกรายได้รวม 1,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 912 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 226 เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2559 โดยการเติบโตนั้นมาจากธุรกิจทั้ง 3 ส่วนของ NVD คือ 1) รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นเงิน 997 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 722 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกของปี 2560 เนื่องจาก โครงการใหม่ๆ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อาทิ โครงการ @WORK รามอินทรา และลาดพร้าว-เกษตร นวมินทร์ และโครงการ Define พระราม 9  ส่วนที่ 2) รายได้จากบ้านสั่งสร้างและธุรกิจรับสร้างบ้าน เป็นเงิน 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่วนที่ 3) รายได้จากการขายวัสดุก่อสร้างเป็นเงิน 53 ล้านบาท กำไรขั้นต้นเป็นเงิน 415 ล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 290 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 112 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกของปี 2560 และ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 NVD มีรายได้รอรับรู้ (Backlog) อยู่ประมาณ 920 ล้านบาท” ในช่วงครึ่งปีหลัง NVD จะเปิดตัวอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท  ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้   แบรนด์ Banyan Tree Residences Riverside Bangkok มูลค่า 6,000 ล้านบาท และโครงการ Define ศรีนครินทร์-พระราม 9 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท” “โครงการ Define ศรีนครินทร์-พระราม 9 เป็นโครงการนำร่องบนที่ดินผืนใหญ่ของ NVD ขนาด 237 ไร่ ติดสองฝั่งถนนตัดใหม่ ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ย่านกรุงเทพกรีฑา  NVD มีแผนจะพัฒนา 6-7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 13,000 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม Banyan Tree Residences Riverside Bangkok น่าจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงปลายปี 2561 เป็นต้นไป” เกี่ยวกับ บมจ. เนอวานา ไดอิ (NVD) บมจ. เนอวานา ไดอิ (NVD) เป็นบริษัทควบรวมระหว่าง บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (Nirvana Development Co.,Ltd)  และ ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (Daii Group) ด้วยทุนจดทะเบียน 1,405.6 ล้านบาท โดยดำเนินธุรกิจหลัก คือ 1) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Property Development) ได้แก่ การพัฒนาโครงการบ้านอยู่อาศัย (Nirvana Beyond, Nirvana Icon, Intro) สำนักงานโฮมออฟฟิศ (Nirvana @Work) ทาวน์โฮม (Nirvana Define, Cover, Cluster) คอนโดมิเนียม (Banyan Tree Residences Riverside Bangkok) โดยปัจจุบัน มีโครงการที่พัฒนาแล้วทั้งสิ้น 18 ​โครงการ มูลค่าโครงการคงเหลือรวมกว่า 14,000 ล้านบาท, 2) ธุรกิจรับสร้างบ้าน (Nirvana Home Builder)  3) ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง NVD จึงเกิดจากการผนวกจุดเด่นด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างที่นำสมัย มั่นคงแข็งแรงของไดอิ เข้ากับความสามารถด้านการออกแบบที่ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเนอวานา บริษัทฯ ได้วางกรอบกลยุทธ์การทำงานไว้ภายใต้แนวคิดที่ต้องมุ่งมั่นไปข้างหน้า โดยคำนึงถึงทุกองค์ประกอบในการทำงานเพราะเราเชื่อว่า ภายใต้ทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต ล้วนนำมาซึ่งความสุขทั้งของลูกค้า เพื่อนร่วมงาน พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้ถือหุ้นทุกคน ส่งผลให้การพัฒนาสินค้าจากทางเนอวานา ไดอิ จะสามารถตอบสนอง     ความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านฟังก์ชั่นการใช้งานและตอบสนองความต้องการในการทางความรู้สึก ในรูปแบบที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของเนอวานาอย่างแท้จริง เพราะที่ เนอวานา ไดอิ เราเชื่อว่า Life is Full of Details.  
Pleno ราชพฤกษ์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม บนทำเลถนนราชพฤกษ์ ใกล้ทางด่วนศรีรัชฯ

Pleno ราชพฤกษ์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม บนทำเลถนนราชพฤกษ์ ใกล้ทางด่วนศรีรัชฯ

Pleno ราชพฤกษ์ โครงการทาวน์โฮมคุณภาพ ใหม่ล่าสุด จาก AP ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Live in the Embrace of Nature”--ใช้ชีวิตมีระดับ ในอ้อมกอดของธรรมชาติ – โดดเด่นที่สุดบนทำเลศักยภาพของถนนใหญ่ราชพฤกษ์ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง ใกล้ทางด่วนและรถไฟฟ้าสะดวกทุกการเดินทาง เพรียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก รองรับทุก Lifestyle ทั้ง คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และส่วนกลางที่มีสวนสวยขนาดใหญ่ ด้วยแรงบันดาลใจ จากดอกราชพฤกษ์ เพื่อเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ให้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ   มาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของสุดยอดทำเล! สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตที่แสนสบาย กับโครงการใหม่ Pleno ราชพฤกษ์ ทาวน์โฮม 2 ชั้น บนทำเลศักยภาพถนนราชพฤกษ์ ใกล้ทางด่วนศรีรัชฯ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สามารถตอบสนองทุกการเดินทางอย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ไม่เกิน 10 นาที ถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชฯ – วงแหวนรอบนอก อีกทั้งยังใกล้สถานที่อำนวยความสะดวกมากมาย อย่างห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้งฯ อย่าง Central Plaza WestGate, Central Plaza รัตนาธิเบศร์, The Walk ราชพฤกษ์, The Crystal SB ราชพฤกษ์  และใกล้โรงพยาบาลกับสถานศึกษาชั้นนำ เช่น รพ. เกษมราษฐ์ รัตนาธิเบศร์ รพ. พระนั่งเกล้า  รร.อนุบาลเด่นหล้า รร. เทพศิรินทร์ นนทบุรี เป็นต้น เรียกว่าเป็น ทำเลศักยภาพ ที่เพรียบพร้อมและน่าจับตามองในการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง   รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ   :   Pleno ราชพฤกษ์ สถานที่ตั้ง   :   บางกร่าง 45 ถ.ราชพฤกษ์ ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี 11000 ลักษณะโครงการ   :   ทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน   :   346 ยูนิต พื้นที่โครงการ   :   29-3-75.5 ไร่ พื้นที่ขาย   :   6,938.3 ตารางวา พื้นที่สวนสาธารณะ    :   352.4 ตารางวา พื้นที่ตั้งอาคารสโมสรและสระว่ายน้ำ   :   134.9 ตารางวา รายละเอียดแบบบ้าน แบบบ้าน FLORA  ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 17.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 106.86 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน สิ่งอำนวยความสะดวก   ฟิตเนต สระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์ สวนสาธารณะภายในโครงการ พื้นที่ตั้งนิติบุคคล ระบบรักษาความปลอดภัย เส้นทางคมนาคม เพียง 800 ม. จากถนนราชพฤกษ์ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางรักใหญ่ 6 กม. เดินทางสะดวกสบายหลายเส้นทาง ถ.ราชพฤกษ์ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ถ.รัตนาธิเบศร์. เชื่อมสู่เมืองด้วยทางพิเศษสายศรีรัช– วงแหวนรอบนอก ที่ ถ.ราชพฤกษ์ สถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพลาซา เวสเกต เซ็นทรัลพลาซา รัตนาธิเบศร์  เดอะ วอล์ค ราชพฤกษ์ เดอะ คริสตัล พาร์ค ราชพฤกษ์ สถานพยาบาล    รพ.เกษมราษฏร์ รัตนาธิเบศร์ รพ.พระนั่งเกล้า   เว็ปไซต์   :   http://www.apthai.com/campaign/ทาวน์โฮม/the-phenomenal-10/ เจ้าของโครงการ   :   บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) โทร   :   1623 Pleno ราชพฤกษ์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นในบ้าน ให้เชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ บนทำเลศักยภาพ ถนนราชพฤกษ์ ใกล้ทางด่วนศรีรัชฯ เพียง 10 นาที และใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง เชื่อมต่อเข้าเมืองได้ง่าย เริ่มต้น 2.09 ล้าน* ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใคร คลิก >>> http://www.apthai.com/campaign/ทาวน์โฮม/the-phenomenal-10/
Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ใช้ชีวิตอย่างมีระดับ ในอ้อมกอดของธรรมชาติ

Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ใช้ชีวิตอย่างมีระดับ ในอ้อมกอดของธรรมชาติ

Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ โครงการทาวโฮมจากแบรนด์ AP ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Live in the Embrace of Nature”-- ใช้ชีวิตมีระดับ ในอ้อมกอดของธรรมชาติ – ที่สุดแห่งทาวน์โฮมทำเลศักยภาพที่โดดเด่นบน ถ.ชัยพฤกษ์ โอบล้อมด้วยธรรมชาติตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของคนเมืองด้วยการเดินทางใกล้ทางด่วนและรถไฟฟ้าเชื่อมต่อถนนราชพฤกษ์ พระราม 5 สะดวกทุกการเดินทาง โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ภายในโครงการพร้อมสถาปัตย์ที่ดีไซน์สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากดอกชัยพฤกษ์เติมเต็มความต้องการของชีวิตที่สมบูรณ์แบบ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของสุดยอดทำเล! ทำเลศักยภาพใกล้ทางด่วน สามารถตอบสนองทุกการเดินทางที่มุ่งสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว  ใกล้ถนนชัยพฤกษ์และถนนหมายเลข 345 เชื่อมต่อการเดินทางด้วยทางด่วนศรีรัชฯและรถไฟฟ้าสายสีม่วง สะดวกรวดเร็วกับโครงการ Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งห้างสรรพสินค้า เดอะ คริสตัล พีทีที ชัยพฤกษ์, เซนทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ, โฮมโปร ชัยพฤกษ์, เมเจอร์ ฮอลลีวูด ปากเกร็ด, โรงพยาบาลปากเกร็ด, โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้านนทบุรีและโรงเรียนาสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ รายละเอียดโครงการ โครงการพลีโน่    ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ สถานที่ตั้ง    ตำบลคลองพระอุดม อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ลักษณะโครงการ    ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่โครงการ    18-3-34 ไร่ พื้นที่ขาย    4,515.40 ตร.วา พื้นที่สวนสาธารณะ    228.60 ตร.วา พื้นที่ตั้งอาคารสระว่ายน้ำ    53.80 ตร.วา จำนวนยูนิต    229 ยูนิต รายละเอียดบ้าน แบบบ้าน FLORA  ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 17.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย  106.86 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะภายในโครงการ พื้นที่ตั้งนิติบุคคล ระบบรักษาความปลอดภัย เส้นทางคมนาคม    ถนนชัยพฤกษ์ และ ถนน 345 สถานศึกษา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้านนทบุรี โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้ง The Crystal PTT ชัยพฤกษ์ Central แจ้งวัฒนะ HomePro ชัยพฤกษ์ Major  Hollywood ปากเกร็ด สถานพยาบาล โรงพยาบาลปากเกร็ด โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ สถานที่สำคัญ อบต.คลองพระอุดม วัดสะพานสูง เว็ปไซต์    http://www.apthai.com/campaign/ทาวน์โฮม/the-phenomenal-10/ เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) โทร    1623
GLAND กำไรไตรมาส 2 พุ่ง 176.84%

GLAND กำไรไตรมาส 2 พุ่ง 176.84%

บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) GLAND แจ้งผลกำไร งวด 3 เดือน (ไตรมาส 2) มีกำไรสุทธิจำนวน 305.02 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 110.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 194.84 ล้านบาท คิดเป็น 176.84% นายสุรกิจ ธารธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ของ GLAND แจ้งว่า หลังจากที่ GLAND จัดตั้งกอง REIT เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2560 โดย GLAND ให้เช่าอาคารสำนักงาน The 9th Towers  และ Unilever House แก่ กองทรัสต์ GLANDRT คิดเป็นค่าเช่าตลอดอายุสัญญา จำนวน 5,997.7 ล้านบาท ส่งผลให้ GLAND มีกำไรเพิ่มขึ้นมาก “ใน Pipe line เรายังมีอาคารสำนักงานให้เช่า G Tower ที่จะนำเข้ากอง REIT อีก ซึ่งตอนนี้ G Tower ปล่อยเช่าเต็มพื้นที่แล้ว นอกจากนี้ GLAND ยังมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าที่จะจัดตั้งกอง REIT พื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้นอีก 1 กองในอนาคต” นายสุรกิจ กล่าว สำหรับอาคาร จี ทาวเวอร์ เป็นอาคารมีดีไซน์ที่ได้รับการชื่นชมจากนิตยสาร Architecture นิตยสารออกแบบระดับโลก ได้นำไปลงปกเพื่อเผยแพร่ พร้อมยกให้เป็นอาคารรูปทรงล้ำสมัย “The Next Generation of Architecture in Asia, New Building Technologies” โดยส่วนมากเป็นผู้เช่าที่ประกอบธุรกิจทางการเงิน การประกันภัย เช่น กรุงไทยแอ็คซ่า, SCB, Huawei, DHL, TOTO  และ Booking.com  ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทำเลที่ตั้งของอาคารสำนักงานใจกลางเมือง เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัย และการออกแบบที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถดึงดูดผู้เช่ารายใหญ่ได้จำนวนมาก “จากรายได้หลักของบริษัทที่มาจาก โครงการ เดอะ แกรนด์ พระราม 9 ด้วยความต้องการอาคารสำนักงานที่มีมากขึ้น ทำให้บริษัทเตรียมก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ได้แก่ อาคาร เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่คาดว่าจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศ ด้วยพื้นที่ใช้สอย 320,000 ตร.ม. โดยตั้งเป้าให้เป็นทั้งศูนย์รวมของอาคารสำนักงานเกรดเอ ศูนย์ประชุมและห้องจัดเลี้ยง ร้านอาหาร และจุดชมวิวที่สูงที่สุดในประเทศในอนาคต พร้อมรองรับลูกค้ากลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และจากแผนการพัฒนาโครงการ เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ จะส่งผลให้ โครงการ เดอะ แกรนด์ พระราม 9 กลายเป็นอาณาจักรที่มีครบทั้ง 6 ฟังก์ชัน ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย โรงแรม ศูนย์การค้า สถานที่จัดเลี้ยง และสถานที่ท่องเที่ยว และทาง GLAND ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ประเภทบ้านเดี่ยว และโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคตอีกด้วย” นายสุรกิจ กล่าวในท้ายที่สุด  
ส.ธุรกิจรับสร้างบ้านลั่นฆ้องเปิดงาน “Home Builder & Materials Expo 2017”

ส.ธุรกิจรับสร้างบ้านลั่นฆ้องเปิดงาน “Home Builder & Materials Expo 2017”

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านควงพันธมิตรเปิดงาน 3 งานยิ่งใหญ่ของวงการธุรกิจที่อยู่อาศัย “พิชิต อรุณพัลลภ” เผยงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2017” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17–20 สิงหาคม 2560 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งเป้ายอดขายที่ 2,700 ล้านบาท วันนี้ (17 สิงหาคม2560) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานเปิดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2017” จัดโดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งงานมีขึ้นระหว่างวันที่ 17–20 สิงหาคม 2560 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  พร้อมกันนี้ยังมีการเปิดงานของอีก 2 งานคือ อภิมหกรรมบ้าน –  คอนโด และสินเชื่อแห่งปี จัดโดยสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และงาน International Realtors Conference and Real Estate Expo 2017 จัดโดย NATIONAL ASSOCIATION OF REALTORS โดยนายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าในการจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2017 จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะยกระดับมาตรฐานของธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นส่วนช่วยในการกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้าน อันเป็นส่วนหนึ่งของภาคธุรกิจทางด้านที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน และในปีนี้ กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17 -20 สิงหาคม 2560 โดยมีบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ เข้าร่วมแสดง กว่า 30 บริษัท รวมถึงผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและนวัตกรรมเกี่ยวกับบ้าน สถาบันการเงิน และสื่อในวงการอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของกิจกรรมภายในงาน ปีนี้ สมาคมฯ ได้จัดเตรียมกิจกรรมต่าง ๆ ไว้มากมายซึ่งประกอบไปด้วย  - การแสดงงานของกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ จำนวนกว่า 30  บริษัท พร้อมด้วยแบบบ้านที่มีให้เลือกภายในงานมากกว่า 1,000 แบบ ถือเป็นงานเดียวที่รวบรวมแบบบ้านไว้มากที่สุด นอกจากนี้ หลายบริษัทยังมีการนำแบบบ้านที่ออกแบบใหม่ล่าสุด และไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน มาจัดแสดงภายในงานนี้ พร้อมด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านโดยเฉพาะ -  มุมที่ปรึกษาสถาปนิก และวิศวกร เพื่อให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย -  การแสดงนวัตกรรมจากพันธมิตรกลุ่มผู้ผลิต และจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ที่นำนวัตกรรมเกี่ยวกับบ้านมาจัดแสดงในงาน เช่น เทรนด์บ้านแบบ Eco-Friendly หรือบ้านประหยัดพลังงาน, เทรนด์ Home Tech สำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะมีการใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย รวมถึงเทรนด์การออกแบบ และปลูกสร้างบ้านสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น  - มุมบ้านราคาพิเศษ HOT PRICE - มุมที่รวบรวมบ้านราคาพิเศษจำนวน 28  หลังในราคาสุดพิเศษ - นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นเฉพาะผู้ที่จองปลูกสร้างบ้านภายในงาน ยังมีสิทธิลุ้นรับ รถยนต์ Suzuki Celerio จำนวน 1 คัน และทองคำหนัก 1 บาทอีก 4 รางวัล - กิจกรรม CSR ของสมาคมฯ โดยในปีนี้สมาคมฯ จัดกิจกรรม “สร้างล้าน  ช่วยร้อย” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ “สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน สร้างอนาคตเพื่อเด็กไทย” ซึ่งยอดจองปลูกสร้างบ้านในงานทุก ๆ 1 ล้านบาท จะสมทบ 100 บาท เพื่อนำไปซื้อเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจ และระบบไหลเวียนของเลือดชนิดเคลื่อนที่ได้ และอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อหัตถการทางการแพทย์สำหรับเด็ก เพื่อมอบให้กับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) พร้อมกันนี้ นายพิชิต ยังกล่าวในตอนท้ายว่าสมาคมฯ เชื่อมั่นว่า งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2017 จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยพัฒนา และยกระดับมาตรฐานเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคต่อไปพร้อมกับตั้งเป้ายอดขายภายในงาน 2,500-2,700 ล้านบาท
‘เอพี ไทยแลนด์’ มุ่งลดคาร์บอนในอากาศ จับมือ ‘บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป’ ลงนามเปิดตัวโครงการ ‘ChargeNow’ สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมล้ำหน้าแห่งอนาคต

‘เอพี ไทยแลนด์’ มุ่งลดคาร์บอนในอากาศ จับมือ ‘บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป’ ลงนามเปิดตัวโครงการ ‘ChargeNow’ สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมล้ำหน้าแห่งอนาคต

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ริเริ่มโครงการ ‘ChargeNow’ เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอกย้ำความเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาเพื่อเท่าทัน และล้ำหน้าต่อเทรนด์การใช้ชีวิตด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่เพียงแต่ที่อยู่อาศัย แต่ยังหมายรวมถึงคุณภาพสังคมและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของสังคมเมืองอีกด้วย เอพีมุ่งหวังนำพาสังคมไทยไปสู่สังคมไร้การปล่อยก๊าซคาร์บอนในที่สุด โดยจะเริ่มสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้ากับคอนโดมิเนียมเครือเอพี และขยายต่อไปยังโครงการอื่นๆ ในอนาคต นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม กล่าวว่า “เอพี (ไทยแลนด์) เราดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์สำคัญ คือ ‘AP Think Different’ โดยเราให้ความสำคัญกับการคิดต่าง และพัฒนาธุรกิจเพื่อความสำเร็จแบบยั่งยืน เราจึงไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา เพื่อเท่าทันและล้ำหน้าต่อเทรนด์การใช้ชีวิต และเทรนด์การอยู่อาศัยในอนาคต และตอนนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 26 โดยเป้าหมายสูงสุดของเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนเมือง เรามุ่งมั่นที่จะสร้าง       ที่อยู่อาศัยซึ่งตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิตอันทันสมัย เราเปิดรับทุกไอเดียใหม่ๆ ทางเลือกในการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการใช้พื้นที่ต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้อยู่อาศัย และเอพี (ไทยแลนด์) มองว่าโครงการ ChargeNow จึงเป็นแง่มุมใหม่ของการใช้ชีวิตอันทันสมัย และยังสามารถลดจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างแท้จริง เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตร ผู้ริเริ่มโครงการที่ดี และล้ำสมัยอย่างโครงการ ChargeNow เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมเติบโตไปกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอนาคต” “การสนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ระบบไฟฟ้า และระบบปลั๊กอิน ไฮบริดจะช่วยให้สามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศได้ เนื่องจากการหันมาใช้รถยนต์ระบบไฟฟ้า หรือระบบปลั๊กอิน ไฮบริดจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันได้ถึง 50% เมื่อลดการใช้ปริมาณน้ำมันจะสามารถลดการผลิตมลพิษทางอากาศได้ด้วยเช่นกัน” นายวิทการกล่าวเสริม ในปัจจุบัน โครงการ ChargeNow ให้บริการสถานีสาธารณะในการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 65,000 แห่ง ใน 27 ประเทศทั่วโลก ด้วยวิธีการชาร์จที่สะดวกและรวดเร็ว สำหรับในประเทศไทย สถานีโครงการ ChargeNow จะแสดงที่ตั้งผ่านสมาร์ทโฟน และในเว็บไซต์ ซึ่งสามารถช่วยให้ลูกค้าทราบได้ว่าสถานีไหนว่างพร้อมให้บริการหรือมีการใช้งานอยู่ โดยลูกค้าจะได้รับการ์ด ChargeNow และสามารถเข้ารับบริการในสถานีซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ลูกค้าสะดวก ลูกค้าจะได้รับบิลค่าบริการทุกสิ้นเดือนเช่นเดียวกับบิลค่าบริการโทรศัพท์มือถือ โครงการ ChargeNow จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับเจ้าของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าที่มีหัวชาร์จ AC ทั้งแบบ Type 1 (SAE J1772) และ Type 2 (IEC 62196) ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดหรือยี่ห้อใดโดยจะมีการชี้แจงถึงรายละเอียดในการลงทะเบียนล่วงหน้า ในช่วงประมาณไตรมาสที่สามของปี 2560 นี้ “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”
ศุภาลัย เปิดบ้านจัดงานแถลงข่าวสรุปยอดขายครึ่งปีแรก และเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ใหม่ พร้อมโชว์ยอดขายโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ ทะลุ 2,000 กว่าล้านบาท ในวันเปิดจอง

ศุภาลัย เปิดบ้านจัดงานแถลงข่าวสรุปยอดขายครึ่งปีแรก และเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ใหม่ พร้อมโชว์ยอดขายโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ ทะลุ 2,000 กว่าล้านบาท ในวันเปิดจอง

ผ่านพ้นไปด้วยความชื่นมื่นกับงานแถลงข่าวครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมากับ สรุปยอดขายของ บมจ.ศุภาลัย ครึ่งปีแรก 2560 พร้อมเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ใหม่ล่าสุด “ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ” ภายใต้คอนเซปต์ Convenience of Life #ชีวิตติดสบาย ใกล้รถไฟฟ้าเพียง 150 เมตร ภายในงานได้รับเกียรติจาก 2 ผู้บริหาร ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร และนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ ที่มาต้อนรับสื่อมวลชนด้วยความเป็นกันเอง โดยนายไตรเตชะ ระบุว่า ไตรมาส 2 บริษัทฯ สามารถกวาดยอดขายได้พุ่งสูงถึง 13,344 ล้านบาท เติบโต 29% โดยแบ่งเป็นตัวเลขยอดขายจากโครงการแนวราบ 8,154     ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 5,190 ล้านบาท อีกทั้งยังเปิดเผยข้อมูลโครงการ “ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ” เป็นครั้งแรก กับราคาสุดสบายกระเป๋า เริ่มเพียง 1.5 ล้านบาท ผ่อนสบายๆ เริ่มเดือนละ 4,900 บาท และอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดในงานวันแถลงข่าว  คือการรวมสุดยอดร้านอร่อยย่านภาษีเจริญ ในบรรยากาศภาษีเจริญ Food Street มาร่วมสังสรรค์มื้อกลางวันระหว่างผู้บริหารและสื่อมวลชน ได้อิ่ม อร่อย ประทับใจ เสมือนได้อยู่ในย่านภาษีเจริญ อีกทั้งยังเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อโครงการ “ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ” สามารถกวาดยอดขายทะลุถึง 2,000 กว่าล้านบาท ในงานเปิดจองวันที่ 5-6 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยเข้ามารอคิวจับจองกันตั้งแต่ช่วงเช้า และทยอยเข้ามาจองซื้อกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อมอบชีวิตติดสบายสำหรับผู้พักอาศัย โดยให้ทุกการใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ สบายกว่าใคร อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และใกล้ระบบคมนาคมที่สะดวกรวดเร็วอย่างรถไฟฟ้า แวะเวียนไปเยี่ยมชมโครงการได้ที่สำนักงานขาย สอบถามข้อมูลโทร 1720 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.supalai.com
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ชู “ลลิล ทาวน์” ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ ตอกย้ำแบรนด์ด้วยโครงการใจกลางทำเลยุทธศาสตร์

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ชู “ลลิล ทาวน์” ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ ตอกย้ำแบรนด์ด้วยโครงการใจกลางทำเลยุทธศาสตร์

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ชู “ลลิล ทาวน์” ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ ตอกย้ำแบรนด์ด้วยโครงการใจกลางทำเลยุทธศาสตร์ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 เติบโตแข็งแกร่ง พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาลมั่นใจรายได้ทั้งปีโตทะลุเป้า  บริษัท  ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) มองเศรษฐกิจไทยยังเคลื่อนตัวได้ รับแรงกระตุ้นจากแผนการลงทุนของภาครัฐ เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง หลังรอบ 6 เดือนแรก ปี 2560 ศักยภาพโดดเด่นสวนทางตลาดรวมที่ชะลอตัว โดยประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง ปี 2560 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มียอดรับรู้รายได้ที่ 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิที่171 ล้านบาท เติบโตราว 50% จากไตรมาสก่อนหน้า ชู “ลลิล ทาวน์” โครงการมิกซ์ยูส กว่า 5 โครงการ 5 ทำเลทอง ตอบโจทย์ลูกค้า ดันยอดขายใหม่แตะ 2,100 ล้านบาทในครึ่งปีแรก เตรียมตอกย้ำแบรนด์ “ ลลิล ทาวน์” ด้วยการเปิดเพิ่ม 3-4 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ในหลายทำเลยุทธศาสตร์ มั่นใจตลอดปีนี้สามารถทำได้ตามเป้าหมาย ยอดขาย 3,650 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 3,100 ล้านบาท เติบโตกว่า 15 %   นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยถึงแนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงที่เหลือ ปี 2560 ว่า เศรษฐกิจไทยจะยังสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้จากแผนงานการลงทุนของภาครัฐ หลังนโยบายการคลังโดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายโดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีแล้ว อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมอเตอร์-เวย์ ซึ่งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นและดึงการลงทุนจากภาคเอกชนได้ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่ยังน่าเป็นห่วงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์มองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นตลาด Real Demand ตลาดกลาง–ล่าง ยังขยายตัวได้อยู่ โดยภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะขยายตัวได้ 3-5% บริษัทฯ ได้ประเมินเศรษฐกิจโดยรวมแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี จึงมีการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ ช่วยให้บริษัทสามารถ Gain Market Share เพิ่มขึ้น และมีผลประกอบการที่เติบโตสวนทางกับตลาดโดยรวมที่ชะลอตัว โดยผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรก ปี 2560 บริษัทมียอดรับรู้รายได้รวม 1,545 ล้านบาท ขยายตัวราว 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559  และมีผลกำไรสุทธิที่ 285 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 17% ทั้งนี้บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.135 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 1 กันยายน 2560 (หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 29 สิงหาคม 2560) และจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่านในวันที่ 8 กันยายน 2560 นี้ ในแง่ของโครงสร้างเงินทุน แม้จะมีการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาสสองนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.84 เท่า ปรับลดลงเล็กน้อยจาก ณ สิ้นไตรมาสแรก ซึ่งอยู่ที่ 0.86 เท่า  ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าว นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.4 เท่า สำหรับการขยายธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวอาณาจักร “ลลิล ทาวน์ (LALIN Town)” ไปแล้วทั้งสิ้น 5 โครงการ 5 ทำเลยุทธศาสตร์ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท อาทิ พุทธสาคร-ถนนเศรษฐกิจ บางนา-สุวรรณภูมิ ลำลูกกาคลอง 4-5 และในต่างจังหวัด อาทิ อมตะนคร-ชลบุรี พัทยา-ชลบุรี เป็นต้น ซึ่ง ลลิล ทาวน์ นับเป็นโครงการใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้า เพราะกลยุทธ์ที่พัฒนาให้เป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ซีรี่ส์ใหม่ บ้านแนวคิดใหม่ ให้บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 140-175 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านกว่าบาท – 5 ล้านบาท และทาวน์โฮม หน้ากว้างดีไซน์ใหม่ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 85-105 ตารางเมตร ในราคาสุดคุ้มเพียง 2 - 2.5 ล้านบาท ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ตอบทุกโจทย์ของผู้อยู่อาศัยได้ทุกกลุ่ม ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยทำเลนั้นๆ อย่างไรก็ดี ในก้าวถัดไปของ ลลิล ทาวน์ เตรียมขยายโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่เหลือ ปี 2560 มีแผนเปิดโครงการใหม่อีกราว 3-4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีการขยายตัวที่มั่นคงต่อไป โดยรวมแล้วทั้งปี 2560 บริษัท ตั้งเป้าหมายยอดขาย 3,650 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 3,100 ล้านบาท เติบโตราว 15% และเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ในสัดส่วนทำเล กรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว และแหล่งงานสำคัญ 30%
แอสเซทไวส์ ส่ง “แอทโมซ ลาดพร้าว 71” (Atmoz) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยคอนโดหรูริมทะเลสาบ พร้อมส่วนกลางสุดอลังการ

แอสเซทไวส์ ส่ง “แอทโมซ ลาดพร้าว 71” (Atmoz) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยคอนโดหรูริมทะเลสาบ พร้อมส่วนกลางสุดอลังการ

บนที่สุดแห่งทำเลศักยภาพ ถนนลาดพร้าว 71 (นาคนิวาส) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “Urban Refresh” กับคอนโดสวยหรูท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ  ริมทะเลสาบใจกลางเมือง พร้อมส่วนกลางสุดอลังการ พิเศษด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ  จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการคอนโดที่กำลังสร้างความฮือฮาอยู่ในขณะนี้  “แอทโมซ ลาดพร้าว 71” (Atmoz) คอนโดเหนือระดับที่น่าอยู่ที่สุดใจกลางเมือง บนพื้นที่โครงการขนาด 7-0-93.2 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,780 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพที่ดีที่สุด ใจกลางลาดพร้าว 71 (นาคนิวาส) ในราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด กล่าวว่า แอทโมซ ลาดพร้าว 71  ตั้งอยู่บนถนนนาคนิวาส หรือ ลาดพร้าว 71 ท่ามกลางชุมชนที่น่าอยู่ขนาดใหญ่ ห้อมล้อมด้วยถนนหลัก 5 สาย คือ ลาดพร้าว รัชดาภิเษก พหลโยธิน เกษตร-นวมินทร์ และ ประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา)  ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย คอนโดจึงเป็นตัวเลือกที่มาแทนทาวน์เฮ้าส์ ที่ปัจจุบันในย่านนีั้ ราคาสูงถึงกว่า 4 ล้านบาท ต่อยูนิต ทำให้คอนโดระดับราคา 1.5 - 2.5 ล้านบาท ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้  แอทโมซ มีแนวคิดในการพัฒนาให้เป็นคอนโดที่ผู้อยู่อาศัยได้พักผ่อนกับบรรยากาศดีๆ ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ด้วยทำเลโครงการติดบึงน้ำสาธารณะ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับทั้งลมและวิวที่สวยงามทั้งภายในโครงการ และภายนอกโครงการ โดยผู้ออกแบบเลือกที่จะมอบวิวที่ดีที่สุดให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศที่ดีที่สุด แอทโมซ ลาดพร้าว 71 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “Urban Refresh”  ที่ใช้ในการออกแบบ และ วาง Facilities ต่างๆ ให้ผู้พักอาศัยได้ผ่อนคลายและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งสระว่ายน้่ำ 2 สระ สมาร์ทฟิตเนส ห้องเกมส์รูม Co-Chilling Space, Library หรือแม้กระทั่งห้องคาราโอเกะเธียเตอร์ เพื่อให้ผู้พักอาศัยรู้สึกสดชื่น เมื่อได้กลับมาพักผ่อนที่คอนโด และมีพลังที่จะออกไปทำงานได้อย่างเต็มที่ โครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 71 จึงเป็นโครงการที่เหมาะที่สุดที่จะซื้อทั้งเพื่ออยู่อาศัย  และเพื่อลงทุน ปล่อยเช่า เพราะจะได้ผลตอบแทน ไม่น้อย กว่า 6% นายบรรจง เกียรติสิงห์นคร  ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท PODesign จำกัด สถาปนิกผู้ออกแบบโครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 71 อธิบายว่า  ในการวางผังโครงการแอทโมซ ได้เลือกวางตัวอาคารจำนวน 4 อาคารให้ห่างกันมากที่สุด และสร้างที่ว่างส่วนกลางเป็นสวนขนาดใหญ่ เชื่อมต่อไปยังทะเลสาบทางด้านหลัง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายอารมณ์จากความเป็นเมืองของถนนด้านหน้า เมื่อผ่านเข้ามาภายในโครงการ ที่ว่างจะค่อยเปิดออก และแผ่กว้าง สร้างบรรยากาศของความผ่อนคลาย รวมทั้งให้มุมมองที่เชื่อมต่อจากสวนไปที่ทะเลสาบ นอกจากนั้น เพราะความงามของสถาปัตยกรรมจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา แสงที่เปลี่ยนสี เมฆที่เคลื่อนตัว เงาของร่มไม้ ฝนที่โปรยปราย โครงการแอทโมซจึงมีการออกแบบแผงแนวตั้งที่ทำหน้าที่บังแดด และสร้างลักษณะแห่งการเคลื่อนไหวที่ไม่ซ้ำกันให้ตัวอาคาร  เป็นการเสริมสร้างภาพแห่งความประทับใจ นายปสงค์จิต แก้วแดง กรรมการผู้จัดการ บริษัท Redland-Scape จำกัด  สถาปนิกผู้ออกแบบภูมิสถาปัตย์ของโครงการ เล่าว่า ในมุมมองของ Landscape Designer  นาคนิวาส หรือ ย่านลาดพร้าว 71 เป็นย่านที่มีความน่าสนใจและมีเสน่ห์ มีความหลากหลายของร้านค้า ร้านอาหาร มีร้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และถูกออกแบบให้มีคาแรกเตอร์และจุดขายที่ชัดเจน เป็นย่านที่มีความ Modern + Hipsters + Individual Lifestyle ที่น่าสนใจ โครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 71 ตั้งอยู่ในย่านที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่น อีกทั้งที่ตั้งของตัวโครงการเอง ยังอยู่ติดกับสวนสาธารณะบึงน้ำ ลาดพร้าว 71  ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สวยงามและเงียบสงบ ตัวสวนสาธารณะเองยังมีโซน Sports Activities ที่รองรับกิจกรรม Outdoor ของคนในย่านนี้มาเป็นเวลานาน  ดังนั้นทาง Landscape Designer จึงตั้งโจทย์การออกแบบงานภูมิสถาปัตย์ ให้ตอบสนองรูปแบบ Concept Lifestyle ของการใช้ชีวิต Outdoor นอกกรอบของที่พักอาศัย โดยใช้บริบทของที่ตั้งโครงการ (Site Context) มาเชื่อมโยงกับ Activity ภายในโครงการ โดยใช้ คอนเซปต์ Double Lake เป็น Keyword ในการออกแบบ  เป็นการเชื่อมโยงศักยภาพของโครงการที่มีพื้นที่ติดกับบึงน้ำลาดพร้าว71  รูปแบบของการวางอาคารโดยรวมและพื้นที่ส่วนกลางจึงเปิดรับมุมมองของวิวทะเลสาบภายนอกเป็นหลัก  โดยบริเวณชั้น2 ของอาคารส่วนกลางริมทะเลสาบ ยังได้วางสระว่ายน้ำด้วยแนวคิด Borrow View ด้วยการสร้าง Infinity Edge Detail ให้กับขอบของสระว่ายน้ำ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเราว่ายน้ำอยู่ในทะเลสาบด้านข้าง และนอกจากการสร้างความเชื่อมโยงในแง่มุมมองกับทะเลสาบภายนอกโครงการแล้ว พี้นที่ภายในโครงการ ยังถูกพัฒนาโดยการสร้างสระว่ายน้ำส่วนกลางฟอร์มธรรมชาติขนาดใหญ่ ให้เสมือนเป็นอีก Lake หนึ่งภายในโครงการ ที่สามารถใส่กิจกรรม Outdoor ต่างๆ เช่น Lap Pool , Kid's Pool , Sunken & Floating Deck , Jacuzzi Pool ฯลฯ โดยสามารถเชื่อมต่อมุมมองของห้องพักมายังสระว่ายน้ำฟอร์มธรรมชาตินี้  รวมถึงเชื่อมต่อกับอาคารส่วนกลางที่เป็น Library และ Smart Fitness ซึ่งอยู่ด้านบน ดังนั้นแนวความคิดของงานออกแบบงานภูมิสถาปัตย์โดยรวมก็คือ การเชื่อมต่อ (connectivity) ทั้งวิวภายในและภายนอก  การเชื่อมต่อผู้พักอาศัยให้ออกมาใช้ชีวิตภายนอกอาคาร ด้วย Facilities ที่เตรียมมาอย่างครบครัน รวมถึงการเน้นการออกแบบที่แสดงถึงความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความ modern + hipsters + individual lifestyle ให้ตอบแนวคิด Urban Refresh อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสบรรยากาศดีๆ ริมทะเลสาบ พร้อมส่วนกลางสุดอลังการ  และห้องตัวอย่างสวยหรูมีสไตล์ ในโครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 71 ได้ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม นี้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 087 701 0071 หรือ www.atmozcondo.com   
รีบจองเลย!! ใครอยากมีบ้าน “โครงการบ้านประชารัฐ” ให้กู้ 100% จองเพียง 1,000 บาท ผ่อนเดือนละ 3,000 บาท แถมผู้ซื้อไม่ต้องจ่ายค่าโอนฯ อีกด้วย

รีบจองเลย!! ใครอยากมีบ้าน “โครงการบ้านประชารัฐ” ให้กู้ 100% จองเพียง 1,000 บาท ผ่อนเดือนละ 3,000 บาท แถมผู้ซื้อไม่ต้องจ่ายค่าโอนฯ อีกด้วย

โครงการบ้านประชารัฐเป็นการปล่อยกู้ให้ผู้ มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัย ในราคาไม่เกิน 700,000 บาท และไม่เกิน 1,500,000 บาท เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทั้งผู้ที่มีรายได้ประจำ เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรืออาชีพอิสระ ที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ให้สามารถมีที่อยู่อาศัยในราคาที่ไม่เกิน 1,500,000 บาท เป็นของตัวเอง หรือซ่อมแซมและต่อเติมที่อยู่อาศัย ผ่านการปล่อยกู้จากธนาคาร 3 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐ จะต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน หรือเป็นบ้านหลังแรก ราคาที่อยู่อาศัยรวมที่ดินไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ได้ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง หรือบ้านที่ปลูกในที่ของตัวเอง โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะบ้านที่รัฐจะสร้างใหม่บนที่ราชพัสดุ สำหรับการกู้เพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมนั้น ผ่อนปรนให้ผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย แต่ให้กู้ไม่เกิน 5 แสนบาท ทั้งนี้ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะแบ่งวงเงินกู้โครงการบ้านประชารัฐเป็นสองส่วน คือ วงเงินกู้ไม่เกิน 7 แสนบาทและวงเงินกู้ระหว่าง 7 แสน – 1.5 ล้านบาท เงื่อนไข ธนาคารออมสิน  1.วงเงินกู้ไม่เกิน 7 แสนบาท ใช้อัตราดอกเบี้ย ในปีที่ 1 ดอกเบี้ย 0% ผ่อน 3,000 บาท/เดือน /ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 2% ผ่อน 3,000 บาท/เดือน /ปีที่ 4-6 ดอกเบี้ย 5% ผ่อน 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 7-30 ดอกเบี้ยลอยตัว (MRR) -1.475% ผ่อน 4,000 บาท/เดือน (ข้อมูลเฉพาะธนาคารออมสิน) 2.วงเงินกู้ระหว่าง 7 แสน – 1.5 ล้านบาท ใช้อัตราดอกเบี้ย ในปีที่ 1-3 ดอกเบี้ย 3% ผ่อน 7,200 บาท/เดือน /ปีที่ 4-6 ดอกเบี้ย 5% ผ่อน 8,600 บาท/เดือน และปีที่ 7-30 ดอกเบี้ยลอยตัว (MRR) -1.475% ผ่อน 9,100 บาท/เดือน (ข้อมูลเฉพาะธนาคารออมสิน) เช็ครายละเอียดการขอกู้ กับธนาคารออมสิน ที่นี่ ธนาคารออมสิน เงื่อนไข ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (1) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนพิเศษสำหรับกรณีวงเงินสินเชื่อเพื่อซื้อหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 7 แสนบาทต่อหน่วย และกรณีวงเงินสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมและ/หรือต่อเติมอาคารวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาทต่อหน่วย คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนี้ ปีที่ 1 = 0.00% ต่อปี ปีที่ 2 – ปีที่ 3 = 2.00% ต่อปี ปีที่ 4 – ปีที่ 6 = 5.00% ต่อปี ปีที่ 7 – ปีที่ 30 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว = MRR-0.75% ต่อปี (2) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนสำหรับกรณีวงเงินสินเชื่อเพื่อซื้อหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัย ราคามากกว่า 7 แสนบาท แต่ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อหน่วย คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนี้ ปีที่ 1 – ปีที่ 3 = 3.00% ต่อปี ปีที่ 4 – ปีที่ 6 = 5.00% ต่อปี ปีที่ 7 - ปีที่ 30 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว - กรณีลูกค้ารายย่อย = MRR-0.75% ต่อปี - กรณีลูกค้าสวัสดิการ = MRR-1.00% ต่อปี เช็ครายละเอียดการขอกู้ กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่นี่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ขั้นตอนการสมัครโครงการฯ 1.สมัครโครงการบ้านประชารัฐ ธนาคารที่ร่วมโครงการ เอกสารสมัคร (ข้างล่าง) 2.เข้าเวปไซต์ http://www.google.co.th ค้นหาคำว่า ทรัพย์สินรอการขาย 2.1.ธนาคารออมสิน http://properties.gsb.or.th/properties/index.php 2.2.ธนาคารกรุงไทย www.ktb.co.th/npa 2.3.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ www.ghbhomecenter.com/ghb 3.ค้นหาและจดเลขที่ทรัพย์สินที่สนใจ ในวงเงินที่กำหนด 4.โทรสอบถามธนาคารที่ร่วมโครงการ เอกสารการใช้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2559 จนกว่าจะสิ้นสุดโครงการ 2ปี(ธนาคารออมสิน) 1.สำเนาบัตรบัตรประชาชน 2.สำเนาทะเบียนบ้านที่อยู่อาศัย 3.หนังสือรับรองเงินเดือน (ตัวจริง) 4.สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน หมายเหตุกรณีกู้เพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซม วงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท บ้านต้องไม่ติดกู้และเป็นเจ้าบ้าน สำหรับพื้นที่การเปิดจองบ้านประชารัฐ เช็คได้ที่นี่ การเคหะแห่งชาติ ตัวอย่างโครงการที่เปิดจอง ตัวอย่างโครงการบ้านเอื้ออาทร เปิดโครงการบ้านประชารัฐ บ้านประชารัฐคืออะไร โครงการบ้านประชารัฐ คือ โครงการปล่อยสินเชื่อวงเงิน 70,000 ลบ.ของรัฐบาล เอื้อต่อผู้มีรายได้น้อยให้สามารถซื้อบ้านได้แบบดอกเบื้ยถูกลง แบ่งเป็น 1.สินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์สร้างที่อยู่อาศัย ในวงเงิน 3 หมื่นลบ. ผ่านธนาคารกรุงไทย ออมสิน และธอส. 2.สินเชื่อให้ประชาชนกู้ซื้อบ้าน ผ่านธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ แห่งละ 2 หมื่นลบ. รวม 4 หมื่นลบ.โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 2 ปี บ้านประชารัฐจะครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ทุกอันต้องมีราคาไม่เกิน 1.5 ลบ. ไม่ว่าจะสร้างบนที่ดินของตนเอง โครงการของเอกชน หรือสร้างบนที่ดินของรัฐ และยังครอบคลุมไปจนถึงที่อยู่อาศัยที่สร้างใหม่ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และทรัพย์สินรอการขายของสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ รวมทั้ง NPA ของกรมบังคับคดี  โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทั้งผู้ที่มีรายได้ประจำ เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรืออาชีพอิสระ ที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ให้สามารถมีที่อยู่อาศัยในราคาที่ไม่เกิน 1.5 ลบ. เป็นของตัวเอง หรือซ่อมแซมและต่อเติมที่อยู่อาศัยโดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2559 บ้านประชารัฐ มีที่ไหนบ้าง ที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการบ้านประชารัฐมีราคาไม่เกิน 1.5 ลบ. ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งสร้างบนที่ดินของตนเอง โครงการของเอกชน หรือโครงการที่สร้างบนที่ดินของรัฐ ซึ่งครอบคลุมที่อยู่อาศัยที่สร้างใหม่ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ของสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ โดยโครงการของเอกชนจะประกอบไปด้วยโครงการบ้านของ Developers ชั้นนำ เช่น LPN, พฤกษา, ศุภาลัย ซึ่งบางโครงการจะเข้าร่วมบางส่วน (เฉพาะที่ราคาไม่เกิน 1.5 ลบ.) หรือบางโครงการมีราคาไม่เกินนี้อยู่แล้วก็จะเข้าร่วมทั้งหมด ใครมีสิทธิ์จองบ้านประชารัฐบ้าง ผู้ขอสินเชื่อจะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ระยะเวลาชำระเงินกู้ไม่เกิน 65 ปี ส่วนการซื้อบ้าน เช่าซื้อ หรือสร้างใหม่ ราคาหลังละไม่เกิน 1.5 ลบ. และเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น โดยผู้ขอสินเชื่อ ต้องไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านมาก่อน ยกเว้นว่า จะเป็นการซ่อมแซมหรือต่อเติมที่อยู่อาศัยรวมทั้งผู้ขอสินเชื่อ ต้องไม่มีชื่อเป็นหรือเคยเป็น “เจ้าบ้าน” ในทะเบียนบ้านที่นำมาแสดงเป็นหลักฐานการยื่นกู้กับธนาคาร และต้องมีชื่อเป็น “ผู้อยู่อาศัย” ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 3 ปี ยกเว้น มีชื่อเป็นเจ้าบ้านแต่พิสูจน์ได้ว่าไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยตามทะเบียนบ้านนั้น สำหรับคนที่มีบ้านแล้ว สามารถขอสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมและตกแต่งที่อยู่อาศัยได้ ในวงเงินกู้ไม่เกิน 5 แสนบาท คิดดอกเบี้ยเท่ากับกรณีที่กู้บ้านไม่เกิน 7 แสนบาท ทั้งนี้มูลค่ารวมของที่ดินและที่อยู่อาศัยที่จะขอกู้เพื่อซ่อมแซมหรือต่อเติมต้องไม่เกิน 1.5 ลบ. เงื่อนไขพิเศษสำหรับผู้จองบ้านประชารัฐ สิทธิพิเศษเพื่อผู้จองบ้านประชารัฐ คือ ไม่จำกัดรายได้ผู้ขอสินเชื่อ ครอบคลุมทั้งข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมาก่อน นอกจากนั้นแล้ว ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัย จะลดราคาบ้านให้อีกอย่างน้อย 2% จากราคาขายสุทธิ ทำให้วงเงินขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านลดลง
 พร้อม ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจำนอง
 ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี
 แถมดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ ระยะเวลาผ่อนสูงสุดถึง 30 ปี
 เท่านั้นยังไม่พอ! ธนาคารยังผ่อนปรนสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้เพิ่มเป็นสูงสุดไม่เกิน 50% ของรายได้สุทธิต่อเดือนกรณีลูกค้ารายย่อย จากเดิม 33% อีกด้วย อัตราดอกเบี้ยและสินเชื่อบ้านประชารัฐ ในส่วนของประชาชนนั้น แยกเป็นเงินกู้เพื่อซื้อหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 700,000 บ. และไม่เกิน 1.5 ลบ. หรือกรณีกู้เพื่อซ่อมแซมวงเงินไม่เกิน 500,000 บ. จะมีรายละเอียด ดังนี้ โครงการบ้านประชารัฐจะแบ่งวงเงินกู้ออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. วงเงินกู้ต่ำกว่า 700,000 บ. ปีที่ 1     ดอกเบี้ย 0% ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 2% ปีที่ 4-6 ดอกเบี้ย 5% ปีที่ 7 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยลอยตัว * กรณีปีที่ 7 เป็นต้นไป ธอส. คิดอัตราดอกเบี้ย MRR–0.75% ต่อปี (ปัจจุบัน MRR 6.75%) * กรณีปีที่ 7 เป็นต้นไป ออมสิน คิดอัตราดอกเบี้ย MRR – 1.475% (ปัจจุบัน MRR 7.475%) เราสามารถเลือกผ่อนได้ถึง 30 ปี หากเราขอสินเชื่อในวงเงิน 300,000 – 700,000 บ. เป็นเวลา 10-30 ปี จะต้องเลือกผ่อนจ่ายอย่างไร ดูได้จากตารางด้านล่างนี้ จากตารางด้านบนจะเห็นว่า ถ้าเราขอสินเชื่อ 700,000 บ.  ปีที่ 1-3 จะผ่อนแค่เดือนละ 3,000 บ. พอปีที่ 4-6 จะผ่อนเดือนละ 4,100 บ. ขณะที่ปีที่ 7 เป็นต้นไป ผ่อนเดือนละ 4,500 บ. 2. วงเงินกู้ 700,001-1,500,000 บ. ปีที่ 1-3 ดอกเบี้ย 3% ปีที่ 4-6 ดอกเบี้ย 5% ปีที่ 7 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยลอยตัว * กรณีปีที่ 7 เป็นต้นไป ธอส. คิดอัตราดอกเบี้ย MRR–0.75% ต่อปี สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป และ MRR–1% ต่อปี  สำหรับลูกค้าสวัสดิการ * กรณีปีที่ 7 เป็นต้นไป ออมสิน คิดอัตราดอกเบี้ย MRR –1.475% สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป และ MRR -1.725% ต่อปี สำหรับลูกค้าสวัสดิการ และหากเราขอสินเชื่อในวงเงิน  700,000-1,500,000 บ. เป็นเวลา 10-30 ปี จะต้องเลือกผ่อนจ่ายอย่างไร ดูได้จากตารางด้านล่างนี้ และถ้าหากเราขอสินเชื่อ 1.5 ลบ. และขอผ่อนชำระ 30 ปี ปีที่ 1-3 จะผ่อนแค่เดือนละ 7,200 บ. พอปีที่ 4-6 จะผ่อนเดือนละ 8,900 บ. ขณะที่ปีที่ 7 เป็นต้นไป ผ่อนเดือนละ 9,700 บ. กรณีกู้ซ่อมแซม หรือต่อเติม วงเงินกู้ไม่เกิน 500,000 บ. เริ่มต้นผ่อนชำระ 2,100 บ./เดือน เอกสารประกอบการขอสินเชื่อบ้านประชารัฐ บ้านประชารัฐ ธนาคารออมสิน 1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้และคู่สมรส 2. สำเนาใบสำคัญสมรส หรือสำเนาใบแสดงการหย่า หรือสำเนาใบมรณบัตรของผู้สมรส 3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขอกู้และคู่สมรส บ้านประชารัฐ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 1. บัตรประจำประชาชน/ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ 2. ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน 3. สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ใบมรณบัตร/ใบแจ้งความแยกกันอยู่ 4. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล 5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส 6. ใบรับรองเงินเดือน/หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ 7. สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน 8. สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (กรณีอาชีพประจำ) และ 12 เดือน (กรณีอาชีพอิสระ) 9. สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ห้างหุ้นส่วนฯ 10. หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ 11. รูปถ่ายกิจการ 12. สำเนาใบประกอบวิชาชีพ เอกสารหลักประกันเงินกู้ 1. สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย/สัญญาวางมัดจำ/สัญญาเช่าซื้อการเคหะ 2. สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินฉบับกรมที่ดิน 3. สำเนาโฉนดที่ดิน/น.ส.3ก./หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดทุกหน้า กรณีซื้อสินทรัพย์มือสองต้องรับรองสำเนาโดยเจ้าพนักงานที่ดิน โครงการบ้านประชารัฐ กำหนดระยะเวลาดำเนินงานไว้ไม่เกิน 2 ปี นับตั้งแต่ วันที่ 22 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป และหากวงเงินเต็มแล้ว ก็ต้องลุ้นดูกันว่า จะมีการขยายวงเงินเพิ่มเติมอีกหรือไม่? ทั้งนี้ บ้านประชารัฐนี้ คาดว่า จะมีประชาชนได้รับผลประโยชน์ราว 40,000-50,000 รายเลยทีเดียว จึงนับว่าเป็นนโยบายภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ประโยชน์ตกอยู่กับผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่เพิ่งเริ่มทำงานเต็มที่ เผยรายชื่อ บ้านประชารัฐ ผู้ประกอบการตบเท้าเข้าร่วมกว่า 4 หมื่นยูนิต ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่ามีทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม 55 โครงการ จำนวนกว่า 1.2 หมื่นยูนิต ที่เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐจาก 8 บริษัท อสังหาฯ ได้แก่ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์, บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ.ศุภาลัย, บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ และ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึง “กคช.-การเคหะแห่งชาติ” ที่ขน 2.67 หมื่นยูนิตภายใต้แบรนด์ “โครงการเคหะประชารัฐ” ร่วมแจมด้วย ประชาชนแห่จองบ้านเคหะประชารัฐ ที่มา :  http://thaihitz.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90/  
เมทริส คอนโด 3 ทำเลศักยภาพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ครบทุกมิติของชีวิตที่สมบูรณ์

เมทริส คอนโด 3 ทำเลศักยภาพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ครบทุกมิติของชีวิตที่สมบูรณ์

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูทำเลศักยภาพและความพิเศษของคอนโดมิเนียมแบบ High Rise แบรนด์ใหม่ เมทริส บนสามทำเล Expanding CBD อย่าง ลาดพร้าว, พัฒนาการ, พระราม 9 –รามคำแหง ซึ่งเพิ่งเปิดตัวกันไปไม่นานและน่าสนใจมากๆ กับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบ ‘มิด-เซ็นจูรี่ โมเดิร์น’ (Mid-Century Modern) ที่ผสานความคลาสสิก ความทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ Remaster The Modern DNA ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่รักอิสระ ชอบความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความสง่างามเหนือกาลเวลา ซึ่งเป็นคอนโดคุณภาพในเครือ Major Development นั่นเองค่ะ   เรื่องทำเลที่ตั้งหลายคนคงจะรู้จักและทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมทริส (METRIS) มีทั้งหมด 3 โครงการ 3 ทำเลศักยภาพที่น่าจับตามากที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะแต่ละโครงการอยู่ในย่าน Expanding CBD แวดล้อมด้วยร้านกาแฟเก๋ๆ  ห้างสรรพสินค้า และศูนย์รวมความบันเทิงที่ครบครัน  พร้อมกับความสะดวกสบายในแง่ของการเดินทาง และการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่ต่างจากในเมือง อาทิ การเดินทางไปยังรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ (Airport Rail Link) และทางด่วน หรือเส้นทางโทลล์เวย์ที่สามารถเดินทางเข้าในเมืองหรือออกนอกเมืองไปยังต่างจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้างสามารถดูได้ที่นี่เลยค่ะ.. เมทริส พระราม 9 -รามคำแหง, เมทริส พัฒนาการ, เมทริส ลาดพร้าว    เมทริส พระราม 9-รามคำแหง เริ่มต้นด้วย เมทริส พระราม 9-รามคำแหง ตั้งอยู่ในทำเลอันแสนสะดวกสบายบริเวณแยกพระราม9 - รามคำแหง จุดเด่นของโครงการนี้คือทำเลดีที่สุดของส่วนต่อขยายเมือง ซึ่งกำลังพัฒนาไปเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการคมนาคม Expanding CBD Rama 9 เชื่อมต่อในตัวเมืองอย่างรวดเร็วเพียงแค่ 10 นาทีก็ถึงเอกมัยแล้ว โครงการล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ โฮมโปร, ฟู๊ดแลนด์, เดอะมอลล์รามคำแหง 2 และ 3 ทั้งยังเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวกด้วยทางด่วนพิเศษศรีรัช, ทางด่วนรามอินทรา เชื่อมต่อชีวิตคนเมืองด้วยการเดินทางใกล้รถไฟฟ้า ARL, MRT Ramkamhang station 12 (รฟฟ.สายสีส้ม) ที่ห่างเพียง 300 เมตรเท่านั้น อีกเรื่องที่ถือเป็นจุดขายของเมทริส พระราม 9-รามคำแหง คงจะหนีไม่พ้นทางเข้า-ออก ซึ่งตามชื่อโครงการเลย ที่สามารถเข้าออกได้ถึง 2 ทาง ทั้งฝั่งถนนพระราม 9 และฝั่งถนนรามคำแหง ทำเลนี้มีดีเรื่อง option การเดินทางจริงๆ ค่ะ นอกจากทำเลที่น่าสนใจแล้ว ดีไซน์ตัวอาคารก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะใช้เส้นสายแนวตั้งเรียบง่ายแข็งแรง สะท้อนสไตล์เรียบเท่ด้วยรูปทรงเลขาคณิต สร้างความสมดุลจากความต่างอย่างลงตัว การออกแบบภายในถูกลดทอนให้เกิดความเรียบง่าย เปิดให้เห็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน เผยโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ด้วยไม้สีเข้ม พื้นผิวปูนเปลือย เสาหินสีดำเงาและกระจกสีทอง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ในโครงการก็ยังคงรูปแบบและโทนสีเอกลักษณ์ของยุค Mid- Century Modern ได้เป็นอย่างดี เมทริส พระราม9-รามคำแหง - ล็อบบี้ เมทริส พัฒนาการ ต่อมากับ เมทริส พัฒนาการ คอนโดสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง จุดเด่นอยู่ที่ความเป็นส่วนตัวท่ามกลางส่วนต่อขยายเมืองที่ไม่วุ่นวาย ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพซอยพัฒนาการ 12 ที่สะดวกต่อการเข้าเมืองและออกนอกเมืองได้หลายเส้นทาง เพียง 10 นาทีถึงทองหล่อ-เอกมัย จะทะลุพัฒนาการ 20 ออกถนนอ่อนนุช 17 ก็เป็นอีกทางออกที่ดีไม่ไช่น้อย และยังอยู่ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เพียง 100 เมตร สามารถเดินทางไปต่างจังหวัดได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะไปชลบุรี พัทยา หรือแม้แต่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเดินทางเข้าเมืองก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงทองหล่อและเอกมัยแล้วค่ะ ที่สำคัญกำลังจะมีอุโมงค์ทางลอดรามคำแหง – พัฒนาการสามารถเชื่อมไปยังแอร์พอร์ทลิงค์สถานีหัวหมากได้ด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561 ถือว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ทำงานฝั่งสุวรรณภูมิ หรือระแวกใกล้เคียง นอกจากจะเป็นทำเลที่สะดวกแล้ว การดีไซน์อาคารยังแสดงออกถึงความเรียบง่ายในรูปแบบเฉพาะตัว แต่ยังคงกลิ่นอาย Mid-century Modern ทั้งยังตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่โดยจัดให้มีพื้นที่สีเขียวควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมต่างๆด้วยแนวคิด NEW URBAN LIFESTYLE ซึ่งมีพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งด้านนอกและในตึก อาทิ ลานบาสเกตบอล, ฟิตเนสกลางแจ้ง, ลานบาร์บีคิวสำหรับจัดปาร์ตี้ และสระว่ายน้ำพร้อมวิว 180 องศา ลานบาสเกตบอลและสระว่ายน้ำพร้อมวิว 180 องศา เมทริส ลาดพร้าว – 1 ห้องนอน สุดท้ายกับ เมทริส ลาดพร้าว ตั้งอยู่ในทำเลทองย่านลาดพร้าวจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนลาดพร้าวในซอย 8 จุดเด่นแรกอยู่ในด้านโลเคชั่นที่สะดวกสบายต่อการเดินทางแสนง่าย เชื่อมต่อ 3 เส้นทางสำคัญ เช่น ถ้าจะเข้าเมืองก็สะดวกโดยใช้เส้นพหลโยธินขาเข้า ส่วนขาออกก็ออกทางถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าไปดอนเมือง-รังสิต หรือจะหลบรถติดเส้นสะพานควาย อารีย์ ก็มาวิ่งเส้นวิภาวดี มุ่งหน้าแยกดินแดงเพื่อขึ้นทางด่วนดินแดงก็ได้เช่นกัน บอกได้เลยว่า เมทริส ลดพร้าว เหมาะกับกลุ่มนักเรียนนักศึกษา และกลุ่มคนที่ทำงานตามออฟฟิศทาวน์เวอร์ตามเส้นทางที่กล่าวมา รวมถึงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สะดวกรวดเร็วเพราะอยู่ห่างจาก MRT พหลโยธิน เพียง 250 เมตร  ไม่เพียงเท่านี้ยังแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า, สวนสาธารณะ, สถานศึกษา และสถานพยาบาล ที่ช่วยเติมเต็มความต้องการของผู้อาศัยได้เป็นอย่างดี เมทริส ลาดพร้าว - 2 ห้องนอน นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่ลูกบ้านจะได้รับแล้ว เช่น สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และ Co-Working Space เมทริส ลาดพร้าว  ยังมีระบบจอดรถอัตโนมัติที่เพิ่มความสะดวกสบายในการจอดรถอีกด้วย พื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยง   จะว่าไปแล้วความน่าสนใจของทั้ง 3 โครงการก็ดูโดดเด่นไม่แพ้กัน สำหรับห้องชุดในโครงการประกอบไปด้วยห้อง 3 ประเภท ได้แก่ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ในราคาต่อตารางเมตรที่ 90,000-120,000 บาท อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าแบรนด์ เมทริสพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเหนือระดับ ทั้งยังให้มากกว่าใคร อาทิ เทคโนโลยีการเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ (Motion Sensor Lighting) ในโถงทางเดินของโครงการช่วยให้ลูกบ้านประหยัดเงินค่าส่วนกลาง ภายในโครงการเลือกใช้แต่งสุขภัณฑ์แบรนด์ดังชั้นนำระดับสากลอย่าง HAFELE (รับประกัน 5 ปี*) และยังมีฟิตเนสสุดล้ำสำหรับคนรักสุขภาพกับ Dynamic Fitness Center ให้ความรู้สึกอุ่นใจปลอดภัยด้วยระบบ Digital Door Lock พร้อม Car Wash พื้นที่ล้างรถสำหรับลูกบ้าน ที่สำคัญคืออนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ทุกยูนิต Pet-Friendly Condo ซึ่งมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ลูกบ้านจะได้ความรู้สึกสะดวกสบายอย่างเพียบพร้อม และยังสัมผัสได้ถึงความงามแบบย้อนยุคแต่คงไว้ซึ่งความทันสมัยต่อเนื่องเชื่อมกันไปทั้งโครงการ   คงต้องบอกว่า เมทริส (METRIS) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์คุณภาพจาก Major Development ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวค่ะ ทั้งด้วยศักยภาพของทำเล และตัวโครงการเองที่มีการจัดสรรพื้นที่ในส่วนต่างๆ ไว้อย่างลงตัว รวมถึงเลือกใช้วัสดุที่คุ้มค่าเกินราคาห้อง ใครที่กำลังเล็งห้องในทำเลทั้ง 3 ย่านนี้อยู่ ไม่ว่าจะอยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุน ขอกระซิบให้รีบตัดสินใจเลยค่ะ เพราะทั้งสามโลเคชั่นที่โครงการเลือกนั้นเป็นย่านธุรกิจที่จะขยายตัวในอนาคต สอดรับกับความต้องการของนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการลงทุนในทำเลทองที่มีแนวโน้มในการเพิ่มมูลค่าขึ้นทุกปีแน่นอน ซึ่งปัจจุบันกำลังเดินการสร้างอยู่และจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2563 แถมยังอยู่ในเรทราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ยังไงก็เก็บไว้พิจารณากันดูนะคะ   สำหรับผู้ที่สนใจ โครงการ เริ่ม 2.8 ล้าน* เปิดจองพร้อมกัน 3 ทำเล พัฒนาการ, พระราม9-รามคำแหง และลาดพร้าว วันที่ 7-10 ก.ย. นี้ ที่งาน September Hot ชั้น 1 Fashion Hall, Siam Paragon  ฟรี! เครื่องดูดฝุ่น iRobot! ลงทะเบียนออนไลน์ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 40,000 บาท* เมทริส ลาดพร้าว คลิก https://goo.gl/z3GaMZ เมทริส พัฒนาการ คลิก https://goo.gl/dUqp3Y เมทริส พระราม9-รามคำแหง คลิก https://goo.gl/fGhmGQ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-116-1111
The Excel Ratchada 17 ตอบโจทย์ทำเลสวยกับความพร้อมทุกการใช้ชีวิต

The Excel Ratchada 17 ตอบโจทย์ทำเลสวยกับความพร้อมทุกการใช้ชีวิต

เดี๋ยวนี้การจะเลือกเป็นเจ้าของคอนโดซักห้อง คงไม่จำเป็นแล้วว่าจะต้องเลือกแต่คอนโดใหญ่ใจกลางเมืองเท่านั้น ถ้าคอนโดมิเนียมโครงการไหนอยู่บนทำเลที่ดี สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย มีถนนสายหลักเชื่อมโยงไปได้หลายทาง บวกกับอยู่ใกล้กับแหล่งช็อปปิ้ง ใกล้แหล่งชุมชนบ้าง แค่นี้ก็คงเป็นเหตุผลดึงดูดที่เพียงพอให้เราตัดสินใจซื้อคอนโด…. จริงมั้ยคะ? ถ้าใครกำลังมองหาคอนโดมิเนียมดีๆ ซักห้องบนเงื่อนไขที่ว่ามานี้ล่ะก็ เรามีคอนโดมิเนียมน่าสนใจที่แทรกตัวอยู่ในย่านรัชดาภิเษกมาแนะนำกันค่ะ โครงการที่ว่านี้ก็คือ “The Excel Ratchada 17” คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดจาก All Inspire ซึ่งคอนเซปต์โครงการสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมบนทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง และเพียบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เราจะไปดูกันค่ะว่าทำเลใน “ซอยรัชดาภิเษก 17” จะตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยของคนเมืองมากน้อยแค่ไหน มีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง การเดินทางไปยังโครงการสะดวกอย่างไร.... ไปทำความรู้จักกับทำเลศักยภาพนี้กันเลยค่ะ เดินทางสะดวก ครอบคลุมทุกเส้นทาง เริ่มต้นกันด้วยการเดินทางมายังโครงการ “The Excel Ratchada 17” สามารถเดินทางได้หลายทิศทาง และหลายวิธีการเลยค่ะ การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดก็คือ รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งมีสถานีสุทธิสาร อยู่ใกล้ๆ ปากซอยรัชดาภิเษก 17 เลยทีเดียว ขึ้นจากสถานีแล้วเดินมาอีกนิดหน่อย ก็สามารถเลือกต่อรถรับจ้าง หรือเรียกวินมอเตอร์ไซค์ก็ได้ แต่ถ้าอยากออกกำลังกายซักหน่อย ลองเดินเข้าซอยไปที่โครงการก็ได้นะคะ บรรยากาศในซอยโอเคเลยค่ะ เดินได้ไม่ยากมีทางเท้าตลอดเส้นทาง ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์นั้น ถนนหนทางแถบนี้เชื่อมโยงกันเป็นใยแมงมุมเลยค่ะ เข้าออกได้หลายทางมากๆ ถนนสายหลักๆ ที่เราสามารถเลือกใช้เดินทางมายังโครงการก็คือ ถนนรัชดาภิเษก, ถนนสุทธิสารวินิจฉัย, ถนนวิภาวดีรังสิต และถนนดินแดง โดยถนนสายหลักทั้ง 4 สายนี้จะถูกเชื่อมโยงด้วยถนนย่อยในซอยต่างๆ ซึ่งซอยรัชดาภิเษก 17 ก็เป็นซอยสำคัญที่มีเส้นทางลัดเลาะไปออกถนนสายหลักที่ว่ามานี้ทั้งหมดเลยทีเดียว.... ลองมาดูกันค่ะ ว่าซอยรัชดาภิเษก 17 เป็นเส้นทางลัดไปออกซอยไหนได้บ้าง หากต้องใช้ทางด่วน จากเส้นทางลัดเลาะที่ว่ามานี้ ก็ทำให้ด่านทางด่วนดินแดง และด่านทางด่วนพระราม 9 เป็นทางเลือกในการขับรถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้อย่างง่ายดาย รวมถึงทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ก็ยังอยู่ในเส้นทางที่ใกล้กับโครงการอีกเช่นกันค่ะ วันไหนถ้าขี้เกียจขับรถ ก็เรียก Taxi หรือใช้บริการรถประจำทางบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปค่ะ รถราผ่านในซอยเยอะหาเรียก Taxi ได้ไม่ยากค่ะ อีกอย่างถนนในซอยประชาสุขซึ่งเชื่อมกับซอยรัชดาภิเษก 17 ก็มีรถเมลวิ่งผ่านหลายสายเลยค่ะ จากหน้าโครงการไปแค่ 100  เมตรเท่านั้น ก็เจอป้ายรถเมล์แล้ว แถมบริเวณนั้นยังมีป้อมตำรวจเพิ่มความอุ่นใจในการสัญจรและอยู่อาศัยได้อีกด้วย   สิ่งอำนวยความสะดวกครบ เพื่อชีวิตที่ใช่ การอยู่คอนโดมิเนียม ชีวิตต้องง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมเพื่อการอยู่อาศัยถึงจะตอบโจทย์คนเมือง “The Excel Ratchada 17” อยู่ในย่านที่พร้อมไปด้วยอาหารการกิน แหล่งช็อปปิ้ง สถานที่ Hangout สถานศึกษา รวมถึงแหล่งงานใหญ่ๆ ที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างครบครัน อาทิเช่น ตลาดเมืองไทยภัทร, The Street รัชดา, Esplanade รัชดา, เซ็นทรัล พระราม 9, ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย, ตลาดห้วยขวาง, ตลาดนัดรถไฟ, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, อาคารเมืองไทยภัทร, G Land Tower, มหาวิทยาลัยหอการค้า, โรงพยาบาลพระราม 9 ฯลฯ นอกจากสถานที่ใหญ่ๆ ที่เรายกตัวอย่างไปแล้วนั้น บริเวณซอยรัชดาภิเษก 17 ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อปลีกย่อยให้เราได้พึ่งพาอีกเพียบ เริ่มตั้งแต่บริเวณปากซอยที่มีทั้ง McDonald และ Max Value ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ แบรนด์ดังอีกหลายร้านให้เลือก พอขยับเข้าซอยมาอีกหน่อย ร้านอาหารง่ายๆ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง อาหารตามสั่งก็มีให้เลือกเป็นระยะๆ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟดีๆ ก็มีให้เห็นค่ะ..... ใกล้ๆ ที่ตั้งโครงการเอง ก็มี 7-11 อยู่ห่างออกไปเพียง 100 เมตรเท่านั้น ความเพียบพร้อมในเรื่องอาหารการกินต้องบอกว่าไม่ผิดหวังแน่นอน aboutthailandliving.com บรรยากาศในย่านรัชดาภิเษก หลายคนก็รู้ดีว่าย่านนี้จัดเป็น New CBD ที่แทบจะไม่เคยหลับใหล กิจกรรมต่างๆ บนถนนสายนี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ร้านค้า ร้านอาหาร หลายแห่งจึงเปิดให้บริการกันแบบ 24 ชั่วโมง ผู้คนที่อยู่อาศัยในย่านนี้จึงมีตัวเลือกเยอะเลยค่ะ ตั้งแต่ของอร่อยริมข้างทาง ในตลาดสด ไปจนถึงร้านหรูบนห้าง แหล่ง Hangout หรือร้านอาหารนานาชาติอีกมากมาย จนต้องบอกว่ามีให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหวจริงๆ ค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะกับทำเลศักยภาพบนถนนรัชดาภิเษก ที่ตั้งของโครงการ “The Excel Ratchada 17” ที่เราเลือกมาแนะนำกันในครั้งนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ และเราคงบรรยายได้ไม่สมจริงเท่ากับการได้ลองไปสัมผัสความเป็นอยู่ในย่านรัชดาภิเษก ด้วยการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม The Excel Ratchada 17 ซักห้อง   เราเชื่อว่าด้วยการออกแบบของโครงการ และ Faclity ที่ทาง The Excel Ratchada 17 จัดมาอย่างเต็มที่ น่าจะเป็นคำตอบที่โดนใจใครหลายๆ คน ที่จะทำให้การอยู่ในคอนโดมิเนียมทำเลดีๆ ซักแห่งเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อม คลิกดูรายละเอียดโครงการ  https://goo.gl/HBj7wU Website โครงการ : www.allinspire.co.th Tel. : 02-029-9999
LEVO_ลาดพร้าว

LEVO_ลาดพร้าว

ปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เอพี เดินหน้าบุกตลาดแนวราบ เปิดตัว 10 ทาวน์โฮมใหม่พร้อมกันเป็นครั้งแรก ส่งแบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง’ และ ‘พลีโน่’ 10 ทำเลไฮไลท์ใจกลางเมือง มูลค่าโครงการรวม 9,050 ล้านบาท นำเสนอนวัตกรรมพื้นที่และดีไซน์แบบบ้านใหม่ล่าสุด ตอกย้ำตำแหน่งเจ้าแห่งนวัตกรรมดีไซน์พื้นที่ใช้สอยเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง เปิดตัวแคมเปญ “Phenomenal 10” สร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่กับการเปิดตัวทาวน์โฮมแบรนด์ “บ้านกลางเมือง” และ “พลีโน่” 10 โครงการใหม่ 10 ทำเลไฮไลท์ใจกลางเมือง เปิดจองราคาพรีเซลเริ่ม 1.69 – 8.99 ล้านบาท พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุด “จ่ายน้อย คืน 100%” และรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 2.89% นาน 3 ปี ผ่อนต่ำเริ่มต้นเพียงล้านละ 3,400 บาท/เดือน นาน 3 ปี จากธนาคารไทยพาณิชย์ และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับลูกค้าทาวน์โฮมเอพีที่จองซื้อช่วงพรีเซลวันที่ 19 - 20 สิงหาคมนี้ ณ เซลส์ แกลเลอรี่ แต่ละโครงการเท่านั้น นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สินค้าทาวน์โฮมในกลุ่มเซ็กเมนต์กลาง – บนยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด โดยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าเพื่อการอยู่อาศัยจริง และที่ผ่านมายังไม่พบว่าความต้องการซื้อลดลงแต่อย่างใด ซึ่ง ‘บ้านกลางเมือง’ ของเอพีถือครองสัดส่วนผู้นำตลาดไฮเอ็นท์ทาวน์โฮมเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 40% ของตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นในเมือง โดยเอพีมุ่งสานต่อเป้าหมายในการรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง เราพร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่เน้นย้ำจุดแข็งทั้ง ‘การเป็นหนึ่งเดียวเรื่องทำเลที่ตั้ง’ ‘การพัฒนานวัตกรรมดีไซน์และแบบบ้านใหม่ๆ’ พร้อมการออกแบบที่หรูหราสอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าครอบครัวเมือง ทั้งหน้ากากบ้านและฟังก์ชั่นการใช้งานภายใน ซึ่งเชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีและช่วยดันยอดขายให้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” ทั้งนี้ รายละเอียดแคมเปญ Phenomenal 10 นอกจากไฮไลท์สำคัญคือ การเปิดตัว 10 โครงการทาวน์โฮมใหม่ 10 ทำเลไฮไลท์ใจกลางเมืองพร้อมกัน ซึ่งประกอบไปด้วย บ้านกลางเมือง ไฮเอ็นท์ทาวน์โฮม 3 ชั้น 4 ทำเลไฮไลท์ ได้แก่ บ้านกลางเมือง  สาทร – สุขสวัสดิ์ บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว – เสรีไทย บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์ – พระราม 5 และ บ้านกลางเมือง รามอินทรา – วัชรพล และ พลีโน่ พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น 6 ทำเลไฮไลท์ ได้แก่ 1.) พลีโน่ ราชพฤกษ์ 2.) พลีโน่ ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ 3.) พลีโน่ พหลโยธิน – รังสิต 4.) พลีโน่ สุขุมวิท – บางนา พลีโน่ รามอินทรา – วงแหวน พลีโน่ พหลโยธิน – วัชรพล นอกจากจะตั้งอยู่บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดในย่านติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วนและสามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทางเชื่อมต่อสู่เมืองแล้ว ยังมาพร้อมแบบบ้านดีไซน์ใหม่ ผสานความหรูหราและความงามจากธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่ภายใน และการบริหารพื้นที่ภายในที่พร้อมรองรับการใช้งานได้อย่างคุ้มค่าเต็มพื้นที่ทุกตารางนิ้ว ตลอดจนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการอยู่อาศัยจริง เหนือระดับด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ซึ่งทั้ง 10 โครงการ จะมานำเสนอในราคาพรีเซล เริ่มต้นเพียง 1.69 – 8.99 ล้านบาท พิเศษเฉพาะลูกค้าที่จองซื้อ บ้านกลางเมืองและพลีโน่ 10 ทำเลใหม่ ช่วงพรีเซลระหว่างวันที่ 19 - 20 สิงหาคมนี้เท่านั้น  
เจาะตลาดอสังหาฯ “ศรีราชา” เปิดบ้าน “The ZEA” คอนโดมิเนียมสไตล์ญี่ปุ่นระดับพรีเมียม

เจาะตลาดอสังหาฯ “ศรีราชา” เปิดบ้าน “The ZEA” คอนโดมิเนียมสไตล์ญี่ปุ่นระดับพรีเมียม

ณ วันนี้ เมืองศรีราชา จังหวัดชลบุรี น่าจะเป็นทำเลอสังหาริมทรัพย์ใกล้กรุงเทพฯ ที่ร้อนแรง และน่าจับตามากที่สุด ความฮอตของทำเลนี้มาจากเหตุผลหลัก 5 ประการด้วยกันคือ ศรีราชา เป็นเมืองท่าฝั่งตะวันออก เพราะเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และอยู่ระหว่างสนามบินนานาชาติ 2 แห่ง ได้แก่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เป็นเมืองอุตสาหกรรม เพราะเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ หลายแห่ง ซึ่งบริษัทต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก มีอัตราการจ้างงานสูง มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในตำแหน่งระดับสูงเป็นจำนวนไม่น้อย เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ที่เพียบพร้อมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ครบครันไปด้วยความสะดวกสบายและความบันเทิงมากมายพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ภาครัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งศรีราชาเป็นส่วนหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาดังกล่าว อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ มาก เพียงแค่ขับรถชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้นเอง จากเหตุผลทั้ง 5 ข้อดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความต้องการที่พักอาศัยเป็นจำนวนมาก ทั้งจากคนที่เข้ามาท่องเที่ยว เข้ามาทำงาน และผู้ที่ต้องการมีบ้านหลังที่สองเพื่อพักผ่อนตากอากาศโดยอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ ในขณะที่โครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็ยังมีไม่เพียงพอในการรองรับความต้องการ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความต้องการที่พักอาศัยคุณภาพสูงระดับพรีเมียม   ล่าสุด “เจแอลแอล” บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ให้ตัวเลขสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมในเมืองศรีราชา จังหวัดชลบุรี  ระบุว่า แม้ในช่วงระยะ 3-5 ปีก่อนหน้านี้ มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายในศรีราชาจำนวนมาก  โครงการส่วนใหญ่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2559-2560 ปัจจุบันจึงมียูนิตใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดมากถึง 5,000 ยูนิต แต่ส่วนใหญ่เป็นคอนโดที่จับตลาดกลางถึงล่าง ในขณะที่ยูนิตคอนโดในระดับพรีเมียมมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย และมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมที่เพิ่งสร้างเสร็จพร้อมโอนเข้าอยู่ในปีนี้ ได้แก่ The ZEA ศรีราชา ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการออกแบบมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เริ่มจากการให้อ่างอาบน้ำทุกยูนิต จัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งออนเซน  สระว่ายน้ำ สวนเซนสไตล์ญี่ปุ่น และอื่น ๆ  อีกมากมาย  แต่ที่พิเศษสุด ๆ สำหรับโครงการนี้ ก็คือ  ทำเลที่ตั้งโครงการ  ที่จัดว่าเป็นทำเลสวยงามด้วยทัศนียภาพของชายหาด  ทะเล และภูเขา สะดวกในการเดินทางเพราะอยู่ติดถนนสุขุมวิท มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน คือ นักธุรกิจ ผู้บริหารต่างชาติที่เข้ามาทำงานในศรีราชา รวมถึงผู้ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศใกล้กรุงเทพฯ   Review Your Living จึงเดินทางไปเปิดบ้านนำชมโครงการ The ZEA   เรามีภาพสวย ๆ ถ่ายจากสถานที่จริงมายั่วน้ำลาย  ส่วนถ้าใครดูแล้วติดใจ สามารถนัดหมายเข้าไปชมห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเป็นไอเดียให้ได้เห็นบรรยากาศการอยู่อาศัยจริง   ไปดูแล้วตัดสินใจเลือกห้องจริง  วิวสวยจริงทุกยูนิตได้ที่โครงการด้วยตัวเอง   ติดต่อเข้าชมโครงการได้ที่ The ZEA ศรีราชา โทรศัพท์ 091-736-9999 เมื่อพร้อมแล้วตามไปเปิดบ้าน The ZEA กันเลย ทางเข้าโครงการ The ZEA กว้างขวาง เมื่อเดินทางมาจากกรุงเทพฯ สามารถเห็นโครงการเป็นเสมือนแลนด์มาร์คของเมืองศรีราชาได้แต่ไกล ที่สำคัญอยู่ติดถนนใหญ่ สะดวกสบายในการเดินทาง ล็อบบี้มีความโอ่โถง มีการตกแต่งห้องชุดในส่วนล็อบบี้เป็นร้านอาหารพร้อมให้บริการ ให้อารมณ์ไม่ต่างจากโรงแรมหรู สามารถนั่งชมวิวสวนสวย  ก่อนขึ้นไปชมห้องจริงได้   ภายในห้องจัดแต่งไว้อย่างเรียบร้อย ห้องน้ำมาพร้อมกับอ่างอาบน้ำทุกยูนิต  ไม่ต้องกังวลเมื่อผู้เช่าชาวญี่ปุ่นถามถึงอ่างอาบน้ำ   วิวสวยๆ มีให้เลือกทั้งทะเลและภูเขา ถึง The ZEA ศรีราชา จะอยู่ติดถนนใหญ่ แต่การจราจรไม่พลุกพล่าน บรรยากาศจึงค่อนข้างสงบผ่อนคลาย เหมาะกับการผักผ่อนอย่างแท้จริง   The ZEA ศรีราชาจัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งสระวายน้ำ ออนเซน  ซาวน่า  ฟิตเนส   สวนสวยในแบบ Water Scape บนชั้นดาดฟ้า  สวนร่มรื่นตลอดทางเดินลงไปริมทะเล เป็นต้น ถ้าอยากรู้ว่าของสวย ๆ พร้อมโอกาสในการลงทุนแบบนี้ จะเด็ดแค่ไหน  ลองแวะไปดูด้วยตา สัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง โอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ โทรนัดชมห้องจริง ที่ 091-736-9999 หรือ www.thezeacondo.com/register/
“ORI” กำไร Q2 โตทะลุ 227% สวนตลาดอสังหาฯ อัดแคมเปญ-จัดมหกรรม My Life. My Origin โกยยอดขาย Q3 ต่อเนื่อง

“ORI” กำไร Q2 โตทะลุ 227% สวนตลาดอสังหาฯ อัดแคมเปญ-จัดมหกรรม My Life. My Origin โกยยอดขาย Q3 ต่อเนื่อง

“ออริจิ้น” โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/60 กำไรโตทะลุ 227% เทียบไตรมาส 2/59 สวนทิศทางตลาดอสังหาฯกำไรหด โกยรายได้โตเท่าตัว เผยแบ็กล็อกแข็งแกร่ง พร้อมรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ตะลุยจัดงาน อัดแคมเปญ My Life. My Origin ณ สยาม พารากอน หวังกวาดยอดขาย Q3 นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ แบรนด์เคนซิงตัน, นอตติ้ง ฮิลล์, และไนท์บริดจ์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2560 ของบริษัท มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 550.7 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาส 2/2559 ถึง 145.2% คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับร้อยละ 46.1 ขณะเดียวกัน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 238.7 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 226.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับร้อยละ 20.3 โดยรวมครึ่งปีกวาดกำไรไปแล้ว 410.7 ล้านบาท สวนกับทิศทางของภาพรวมตลาด ขณะที่รายได้ในไตรมาส 2/2560 อยู่ที่ 1,176.4 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาส 2/2559 ถึง 140.6% โดยครึ่งปีกวาดรายได้รวม 2,054.4 ล้านบาท “ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทยังมีโครงการที่ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากปี 2559 ถึง 4 โครงการ และมีโครงการใหม่ที่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์อีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ โครงการพอส สุขุมวิท 103 รวมถึงโครงการ นอตติ้งฮิลล์ เจริญกรุงที่แล้วเสร็จก่อนกำหนดทำให้ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทในไตรมาสนี้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” นายพีระพงศ์ กล่าว ขณะเดียวกัน สถานะยอดรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ของบริษัท ณ ปิดครึ่งปีแรกได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25,285 ล้านบาท จากการผนึกกำลังกับบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ทำให้กลายเป็นบริษัทที่มียอดแบ็กล็อกสูงในระดับท็อปไฟว์ของตลาด นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับช่วงไตรมาส 3/2560 จะเดินหน้าสร้างยอดขายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงวันที่ 17-20 ส.ค.นี้ บริษัทได้นำโครงการรวมจำนวน 8 โครงการ เข้าร่วมงานอภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2017 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และงาน Think of Living Living Expo ณ สยาม พารากอน พร้อมจัดแคมเปญ Stunning Price ให้ผู้ซื้ออยู่ฟรี 3 ปี เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ ในวันที่ 16-17 ก.ย. ณ แฟชั่น ฮอลล์ และรอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน บริษัทจะจัดงานมหกรรมสุดยิ่งใหญ่ภายใต้ชื่อ “My Life. My Origin” นำโครงการเด่นของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งรวมถึงโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายไตรมาส 3 เข้าร่วม ให้ผู้บริโภคสามารถเดินชมและเลือกซื้อโครงการที่สนใจได้ในงาน คาดว่างานดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างยอดขายในไตรมาส 3 นี้ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 38 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 36,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
อย่าแตกตื่น! อาคารเอียงแค่ดีไซน์ โรงแรมของ “เอม-พินทองทา” ลูกสาวทักษิณ

อย่าแตกตื่น! อาคารเอียงแค่ดีไซน์ โรงแรมของ “เอม-พินทองทา” ลูกสาวทักษิณ

ชาวเน็ตแตกตื่นอาคารใกล้บีทีเอสเพลินจิตทรุดเอียง หวั่นถล่มลงมา ผอ.เขตปทุมวันยันไม่ใช่ พบเป็นโรงแรมโรสวู้ด ของ "เอม พินทองทา" ลูกสาวทักษิณ ซื้อแบรนด์โรงแรมมาบริหาร วันนี้ (15 ส.ค.) จากกรณีที่ในสังคมออนไลน์ได้ส่งต่อภาพอาคารมีลักษณะคล้ายกับทรุดเอียง คล้ายกับจะพังถล่มลงมา บริเวณถนนเพลินจิต ใกล้กับอาคารมหาทุน สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. และมีสำนักข่าวบางแห่งรายงานว่าจะถล่ม ทำเอาผู้คนแตกตื่นกันเป็นจำนวนมาก ตกใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงหวาดหวั่นว่าจะได้รับผลกระทบนั้น นางมรกต สนิทธางกูร ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ยืนยันกับ MGR Online แล้วว่า ไม่ใช่อาคารทรุดเอียง และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูหน้างานแล้ว ขณะที่ชาวเน็ตอีกจำนวนหนึ่ง ก็ให้ข้อมูลชี้แจงว่ามันเป็นดีไซน์ของอาคารดังกล่าว ที่ทำให้มีความเอนเอียง ส่วนที่เห็นคล้ายจะพังถล่มนั้นเกิดจากมุมกล้อง อย่างไรก็ตาม อาคารดังกล่าวคือ โครงการโรงแรมโรสวู้ด แบงคอก สูง 33 ชั้น ประกอบด้วยห้องพัก 146 ห้อง ร้านอาหาร 2 แห่ง บาร์ สปา สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องประชุมพร้อมพื้นที่อเนกประสงค์สไตล์ห้องพัก และ Sky Villa ชั้นบนสุดของโรงแรม กลุ่มเป้าหมายเน้นลูกค้าชาวต่างชาติที่เดินทางมาติดต่อธุรกิจในกรุงเทพฯ โดยมี นางพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะซีอีโอบริษัท เรนด์ จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิบริหารจัดการจากเครือโรสวู้ด โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 18 แห่งใน 8 ประเทศ มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2560 ที่มา : https://www.manager.co.th/HotShare/ViewNews.aspx?NewsID=9600000083254  
Geo Fit+ นวัตกรรมการออกแบบเพื่อไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง

Geo Fit+ นวัตกรรมการออกแบบเพื่อไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง

  ถ้าใครติดตามข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ เป็นประจำอยู่แล้ว คงจะเปิดผ่านตากันมาบ้างกับข่าวการร่วมทุนระหว่าง บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด เพื่อจัดตั้ง บริษัท เสนา ฮันคิว 1 ไปเมื่อปลายปี 2559 มาถึงวันนี้ โปรเจคแรกจาก “เสนา ฮันคิว” เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแล้วค่ะ และเตรียมจะเปิดตัวคอนโดมิเนียม High Rise บนทำเลศักยภาพ ริมถนนสุขุมวิท ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีแบริ่งเพียง 250 เมตรเท่านั้น โดยโครงการที่ว่านี้ก็คือ “Niche MONO Sukhumvit - Bearing” นั่นเอง โครงการ "Niche MONO Sukhumvit - Bearing" ถือว่าเป็นโครงการแรกที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างทีมงานทางไทย และญี่ปุ่น เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวใหม่เข้าสู่ตลาด โดยการนำเสนอแนวคิด “Geo Fit+” เข้ามาใช้ในการตอบโจทย์รายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวกับการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ   Geo Fit+ คืออะไร Geo fit+ มาจากความเชื่อว่า การสร้างที่อยู่อาศัยนั้นไม่พอ แต่ต้องสร้างบ้าน บ้านที่เสียงของท่านมีความสำคัญ เป็นเสียงที่จะทำให้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นบ้านในฝันที่ท่านภูมิใจ เป็นเจ้าของอย่างแท้จริง Geo Fit+ เป็นแนวคิดในการสร้างที่อยู่อาศัยแบบคนญี่ปุ่น ซึ่งถือกำเนิดโดย บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด ที่พยายามพัฒนานวัตกรรมนี้ขึ้น เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ตรงที่สุด โดยอาศัยการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้และผู้อยู่อาศัยจริงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนเข้าอยู่ไปจนถึงหลังเข้าอยู่ จนออกมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชั่นตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดนั่นเอง จากแนวคิดที่ถือกำเนิดมาเพื่อแก้โจทย์การอยู่อาศัยอยู่คนญี่ปุ่น ทางเสนาได้รับแนวคิดนี้มาพัฒนาต่อ และปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนไทยมากยิ่งขึ้น โดย Geo Fit+ ที่ทางเสนาพัฒนาได้นั้น แบ่งได้เป็น 4 มิติ ดังนี้ Geo Day - มิติที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันที่ใส่ใจรายละเอียด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ โดยเน้นที่การออกแบบฟังก์ชั่นห้องชุด ให้ตอบสนองความต้องการของผู้พักอาศัย ด้วยFunction Furniture ต่างๆ ที่สามารถปรับให้ Fit กับ Lifestyle ผู้อยู่อาศัยได้จริง Geo Eco - มิติในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งเรื่องที่ทางเสนาให้ความสำคัญมานานแล้ว ด้วยการติดตั้ง SENA Solar Station ที่มี EV Charger ที่ใช้กระแสไฟจาก Solar Cell ที่ช่วยทั้งเรื่องการประหยัดพลังงาน รักษ์โลก และ ที่สำคัญช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลาง Geo Age - การออกแบบเพื่อผู้สูงอายุ โดยให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการอยู่อาศัย เตรียมพร้อมเมื่ออยู่ในวัยที่สูงขึ้น Geo Sonae - การให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย การเตรียมตัวให้พร้อมรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินกับลูกบ้าน และการช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างปลอดภัย ด้วยการมีห้องพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และเครื่องช่วยปั้มหัวใจภายในโครงการ   จากข้อมูลข้างต้น เราเชื่อว่าหลายคนคงจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด Geo Fit+ ไปไม่มากก็น้อยนะคะ และเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เราจะไปดูกันต่อค่ะว่าทางทีมของ “เสนา ฮันคิว” ได้นำเอาแนวคิดที่ว่านี้ ไปสร้างสรรค์ประสบการณ์การอยู่อาศัยแนวใหม่อย่างไรบ้าง ในโครงการ “​Niche MONO Sukhumvit - Bearing” เริ่มกันด้วยหัวข้อใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราที่จะต้องเผชิญกับเรื่องต่างๆ ในทุกๆ วันเลยค่ะ กับ “Geo Day” ซึ่งในหัวข้อนี้ทาง “เสนา ฮันคิว” นำเสนอออกมาในรูปแบบที่เราสามารถจับต้องได้ชัดเจน นั่นคือ “เฟอร์นิเจอร์” “เฟอร์นิเจอร์” ภายในห้องพักอาศัย ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดค่ะ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ด้วยฟังก์ชั่นที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน หรือตามความต้องการ เพื่อให้ชีวิตประจำวันดำเนินไปอย่างราบรื่น เรื่องพื้นที่ใช้สอยเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด การจัดการกับพื้นที่ภายในให้ใช้ได้คุ้มค่าที่สุดจึงเป็นเรื่องสำคัญ   ทุกยูนิตของ Niche MONO Sukhumvit - Bearing จึงถูกดีไซน์ให้มีตู้เก็บของซึ่งมาด้วยฟังก์ชั่นหลากหลาย ให้ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เช่น ตู้เก็บรองเท้า ที่สามารถเก็บรองเท้าได้มากขึ้น 10 คู่ ในขณะที่แต่ละชั้นยังสามารถปรับความสูงได้ตามขนาดรองเท้า เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยค่ะ รวมถึงช่องเก็บของกระจุกกระจิกภายในตู้ ที่จะช่วยให้กุญแจห้อง คีย์การ์ด กุญแจรถ ไม่ถูกวางลืมไว้จนหาไม่เจอ นอกจากนี้การออกแบบให้มีตู้สูงสำหรับเก็บอุปกรณ์จำพวก ไม้กวาด ที่โกยผง เครื่องดูดฝุ่น ไม้ถูพื้น ก็เป็นอีกรายละเอียดที่ทาง เสนา ฮันคิว ให้ความสำคัญ เช่นเดียวกันกับตำแหน่งวางเครื่องซักผ้า ก็เพิ่มชั้นวางของไว้ด้านบน เครื่องใช้ ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็สามารถวางไว้ใกล้มือ และหยิบใช้ง่าย และเก็บเข้าที่ให้เป็นระเบียบง่ายด้วยค่ะ จุดเด่นและสิ่งที่แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ตู้เก็บรองเท้า ที่ปรับระดับความสูงของชั้นได้ตามขนาดของรองเท้า ทำให้เก็บรองเท้าได้พอดี ประหยัดเนื้อที่ และยังออกแบบเพิ่มรูระบายอากาศ เพื่อให้อากาศภายในตู้รองเท้าหมุนเวียน ลดกลิ่นอับ ชั้นวางของสำหรับใช้งานประจำวัน เช่น กุญแจรถยนต์ คีย์การ์ด ออกแบบช่องวางแบบไม่มีฝาปิด เพื่อให้สะดวกต่อการหยิบใช้งาน ออกแบบตู้เก็บอุปกรณ์หรือสิ่งของ ที่มีความยาวมากๆ เช่น ร่มกันฝน เครื่องดูดฝุ่น ไม้กวาด ที่ตักผง เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบในการจัดเก็บ ชั้นวางอุปกรณ์ทำความสะอาด บนเครื่องซักผ้า เช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่ง่ายต่อการหยิบใช้งาน ในความเป็นจริงตู้เก็บของ และชั้นวางต่างๆ นั้นสามารถปรับแต่งได้แทบทุกจุดเลยนะคะ ไม่ได้ Fix ตายตัว เพราะเราเชื่อว่า แต่ละคนก็มีความคุ้นชินในการใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมือนกันค่ะ พื้นที่ในห้องครัวก็เช่นกัน แม่บ้านแต่ละครอบครัวก็คงจะมีความจำเป็นในการใช้งานไม่เหมือนกัน บางคนชอบเข้าครัวทำกับข้าวบ่อยๆ กลับกันบางครอบครัวอาจจะใช้ครัวเพื่อเตรียมและอุ่นอาหารเท่านั้น แต่ที่แน่ๆ คุณแม่บ้านทุกคนก็คงจะอยากได้ครัวที่ทำความสะอาดง่าย ดังนั้นวัสดุเคลือบสี กระจก Coat จึงถูกนำมาใช้กับเคาน์เตอร์ครัว เพื่อให้ประหยัดเวลาในการทำความสะอาดค่ะ รวมถึงอุปกรณ์แขวน ชั้นวาง และถังขยะใต้ซิงค์ล้างจานก็ล้วนแต่คิดมาแล้วว่าจำเป็นต่อการใช้งานจริงๆ จุดเด่นของส่วนห้องครัว และสิ่งที่แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ชุดครัวที่ออกแบบชั้นวางจานไว้อย่างลงตัว สามารถดึงชั้นวางจานลงมาจากตู้เหนืออ่างล้างจาน เพื่อเก็บจานชามที่ทำความสะอาด และรองน้ำหยดให้อยู่ในอ่างน้ำไม่เลอะเทอะเคาน์เตอร์ครัว คำนึงถึงพื้นที่ใช้สอย ด้วยการออกแบบและติดตั้งตู้เก็บถังขยะใต้อ่างล้างจาน สำหรับคนที่ชื่นชอบทำอาหาร ทางโครงการติดตั้งราวแขวนเครื่องครัว ที่บริเวณผนัง เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน เช่น ชั้นแขวนเครื่องครัว ชั้นวาง iPad สำหรับผู้ชอบดูเมนูสอนปรุงอาหาร เลือกใชวัสดุที่เช็คทำความสะอาดง่าย ทั้งพื้น Top ครัวและกระเบื้องติดผนัง ที่กันเปื้อน ทำความสะอาดคราบน้ำมันได้ง่าย เฟอร์นิเจอร์ใน Living Area ทาง เสนา ฮันคิว ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กันนะคะ ช่องเก็บของใต้โซฟา ถือเป็นไอเดียที่ดีในการจัดเก็บข้าวของต่างๆ ได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย หรือแม้แต่ช่องเก็บของเล็กๆ ข้างโซฟา ที่จะทำให้นิตยสารเล่มโปรด รวมถึงรีโมตทีวี ไม่ระเกะระกะอีกต่อไป จุดเด่นของส่วนห้องนั่งเล่น และสิ่งที่แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ช่องเก็บของอเนกประสงค์บริเวณโซฟา และใต้ฐาน เพื่อสามารถเก็บของใช้ในส่วนห้องนั่งเล่นได้ เช่น รีโมท นิตยสาร   ในส่วนของพื้นที่ห้องนอนก็ยังคงเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานค่ะ ตู้เสื้อผ้าออกแบบมาให้เก็บเสื้อผ้าเป็นจำนวนมาก แถมยังคงคอนเซปต์การปรับแต่งชั้นวางได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ถ้าตู้แค่นี้ยังไม่พอ ใต้เตียงยังเพิ่มลิ้นชักเก็บของด้วยความลึกที่เหมาะสมจึงสามารถใช้งานได้จริง รวมถึงชั้นวางหนังสือข้างเตียง ก็ออกแบบมาเอาใจหนอนหนังสือให้ทุกพื้นที่เป็นระเบียบสบายตาค่ะ จุดเด่นของส่วนห้องนอน และสิ่งที่แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ตู้เสื้อผ้าที่สามารถเก็บชุดได้หลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตาม Lifestyle พร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากกว่า ด้วยชั้นปรับระดับได้ไม่ว่าจะเป็น ชุดเดรสยาวของคุณผู้หญิง เข็มกลัด ผ้าพันคอ หรือจะเป็นเสื้อเชิ้ตตัวสั้น ชั้นเก็บเนคไท หรือที่แขวนกางเกงสำหรับคุณผู้ชาย ก็สามารถเก็บของได้สามารถเก็บได้อย่างเป็นระเบียบ และหยิบใช้ได้ง่าย   จุดเด่นของส่วนห้องครัว และสิ่งที่แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป เตียงนอนที่ออกแบบมาให้มีลิ้นชักเก็บของที่มีความลึกที่เหมาะสม สามารถเก็บของใช้ ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องชุด   เป็นอย่างไรบ้างคะ แค่รายละเอียดในส่วนของ Geo Day ก็ปลีกย่อยจนไม่อาจบรรยายได้หมดเลยทีเดียว ส่วนถัดมาคือ “Geo Eco” ซึ่งเป็นหัวข้อเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทางเสนาเองก็มีจุดแข็งในเรื่องนี้อยู่แล้ว ด้วยการออกแบบให้พื้นที่ส่วนกลางทุกโครงการของเสนาได้ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ ด้วยการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ที่โครงการ Niche Mono Sukhumvit - Bearing ก็เช่นกันค่ะ และเราเชื่อว่าทางโครงการจะเพิ่มจุดชาร์จรถไฟฟ้าไว้ในโครงการ เพื่อรองรับรถไฟฟ้าในอนาคตด้วย   “Geo Age” เป็นความใส่ใจทุกคนในครอบครัวค่ะ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตเมื่อเข้าสู่วัยที่ล่วงเลย และการใช้ชีวิตประจำวันต้องระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งทาง เสนา ฮันคิว ก็ไม่ลืมความสำคัญในข้อนี้ เพราะที่อยู่อาศัยที่เราเลือกจะต้องเป็น “บ้าน” ของเราไปอีกนาน การเพิ่มราวจับในห้องน้ำ หรือบริเวณทางเดิน อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องคิดเผื่อไว้ รวมถึงความสูงของปลั๊กไฟ ที่ระยะห่างจากพื้น 40 เซนติเมตร คือระยะที่ผ่านการทดลองมาอย่างดีแล้วว่าเป็นระยะที่ไม่ต้องก้มมากเกินไปค่ะ   มิติสุดท้ายที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ “Geo Sonae” ความปลอดภัยของการอยู่อาศัย และความช่วยเหลือเบื้องต้นที่นอกเหนือจากการมีแค่กล่องปฐมพยาบาลอย่างที่เคย การพัฒนาจากแนวคิด Geo Fit+ เล็งเห็นความปลอดภัยของชีวิตลูกบ้านเป็นสิ่งสำคัญ การอบรมเจ้าหน้าที่ประจำคอนโดให้สามารถช่วยปฐมพยาบาล ปั๊มหัวใจ เพื่อการช่วยเหลือยามฉุกเฉิน รวมถึงการออกแบบพื้นที่ทางเดิน และประตูให้กว้างพอ หากจำเป็นต้องมีการเข็นเตียงพยาบาลเข้าออกค่ะ รวมถึงการออกแบบพื้นที่ทางเดิน และประตูให้กว้างพอ หากจำเป็นต้องมีการเข็นเตียงพยาบาลเข้าออกค่ะ เรื่องเหล่านี้บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือลืมคิดเผื่อไว้ล่วงหน้า พอเกิดเหตุการไม่คาดคิด ก็อาจจะทำให้การช่วยเหลือต่างๆ ติดขัด ไม่ราบรื่น หรือล่าช้าได้ แต่จากนี้ไปลูกบ้าน Niche MONO Sukhumvit - Bearing อุ่นใจได้เลยค่ะ เพราะทาง เสนา ฮันคิว คิดทุกอย่างไว้เป็นอย่างดีแล้ว   เล่ามาถึงจุดนี้แล้ว เราเชื่อว่าแนวคิด “Geo Fit+” นวัตกรรมการออกแบบเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัย ที่ทางเสนายกมาเป็นอีกหนึ่งจุดขายนี้ จะเป็นมิติใหม่ของการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยเพื่อผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริงค่ะ   อย่างที่บอกไปแล้วนะคะว่าโครงการ “Niche MONO Sukhumvit - Bearing” จะเป็นโครงการแรกที่นำแนวคิด Geo Fit+ มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ใครที่ยังสงสัย อยากซักถามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงอยากเห็นห้องตัวอย่างด้วยตาตัวเอง เตรียมพบกันได้ที่ Sale Gallery เร็วนี้ค่ะ หรือสามารถดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ https://goo.gl/ZQGjhn และถ้าไม่อยากพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของโครงการดีๆ แบบนี้ สามารถคลิกไปลงทะเบียนได้ที่ http://www.sena.co.th/register/niche-mono-sukhumvit-bearing  
จองคอนโดง่ายแค่ปลายนิ้ว

จองคอนโดง่ายแค่ปลายนิ้ว

ปัจจุบันเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ชีวิตผูกติดกับโลกดิจิตอลจนบางครั้ง Smart Phone และ Tablet แทบจะกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ไปแล้วสำหรับใครบางคน และอีกหลายๆ คนก็เริ่มคุ้นชินกับการช็อปปิ้งออนไลน์ ผ่าน Application ต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาฝ่าการจราจรออกไปเจอรถติดๆ ให้หงุดหงิดใจ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเดิมๆ ที่ต้องไปเดินห้างจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กลายมาเป็นการจิ้มสั่งซื้อของบนหน้าจอมือถือจนเป็นเรื่องปกติไปแล้วค่ะ ยิ่งเดี๋ยวนี้ระบบ e-Banking, Online Payment ต่างๆ ก็มีความปลอดภัยมากขึ้น พวกเราเลยสะดวกใจในการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านทางโลกดิจิตอลได้บ่อยกว่าที่เคย….​จริงมั้ยคะ และด้วยความที่พฤติกรรมของคนปัจจุบันเริ่มทำธุรกรรมผ่าน Smart Phone และ Tablet มากขึ้น ผู้ประกอบการหลายๆ รายก็ต้องปรับตัวค่ะ ไม่เว้นแม้แต่ Developer หรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายๆ ราย ที่ต้องใช้สื่อออนไลน์เพื่อทำการตลาด และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้รวดเร็วทันเหตุการณ์มากขึ้น จากที่เราเคยคิดว่าการเลือกซื้อคอนโดซักห้องเป็นเรื่องไกลตัว ยุ่งยากเสียเวลา ต้องไปต่อคิวแย่งชิงกันคนมากมาย อากาศก็ร้อน รถก็ติด บ้านก็อยู่ไกล บางคนอยู่ต่างจังหวัดแต่อยากได้คอนโดในกรุงเทพ ก็ต้องเสียเวลาเดินทางมาไกลอีก บลา บลา บลา.......(ร้อยแปดปัญหาที่คนร้อยคนก็มีข้อจำกัดต่างกันไปค่ะ) Developer ปัจจุบันเลยเพิ่มช่องทางให้มีการ “จองคอนโดออนไลน์” กันได้แล้ววววววว “การจองคอนโดออนไลน์” เป็นช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ทุกๆ คนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเป็นเจ้าของห้องที่ถูกใจ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นง่ายแค่ปลายนิ้วเท่านั้นค่ะ ด้วยวิธีการเปิดจองแบบออนไลน์นี่เอง ไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนใดของประเทศ หรือแม้แต่อยู่อีกมุมโลก ขอแค่มีสัญญานอินเตอร์เน็ตเท่านั้น เราก็สามารถกดจองห้องได้ด้วยระยะเวลาไม่เกิน 2 นาที แถมยังไม่ต้องเสียเวลาเดินทางแม้แต่นิดเดียวค่ะ ซึ่งหลายคนคงอยากจะรู้แล้วว่า การจองคอนโดออนไลน์มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เราเลยจะพาไปเรียนรู้ระบบการจองคอนโดออนไลน์ของ All Inspire ที่เร็วๆ นี้ กำลังจะเปิดให้จองคอนโดสวยบนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองพร้อมกันถึง 2 โครงการด้วยกันค่ะ เอาล่ะค่ะ ก่อนที่จะไปถึงการคลิกจองห้องที่หมายตาไว้ ในวันที่ 16 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ เราจะต้องทำการลงทะเบียนล่วงหน้ากันก่อนค่ะ โดยการเข้าไปที่ https://allbooking.allinspire.co.th เพื่อกรอกข้อมูลสำคัญด้วย 3 ขั้นตอนง๊ายง่ายค่ะ...... ไปดูกันเลย   พอลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่นับวัน-เวลา รอเข้าระบบไปเลือกห้องที่โดนใจกันค่ะ ระหว่างนี้ก็ลองทำการศึกษาข้อมูลโครงการที่ทาง All Inspire เปิดจองออนไลน์ในครั้งนี้ไปพลางๆ ก่อน ซึ่งทั้ง 2 โครงการที่ว่าก็คือ “The Excel HIDEAWAY Sukhumvit 71” และ “The Excel HIDEAWAY Sukhumvit 50” ลองคลิกเข้าไปอ่านดูข้อมูลเบื้องต้นที่เรารวบรวมมาให้ก่อนได้นะคะ ภาพโครงการ The Excel HIDEAWAY Sukhumvit 71 ภาพโครงการ The Excel HIDEAWAY Sukhumvit 50 พอเลือกได้โครงการและห้องที่หมายตาไว้แล้ว ก็เตรียมตัวให้พร้อมค่ะ สิ่งแรกคือ “เตรียมวงเงินในการจอง”  -  เคลียร์วงเงินในบัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต ไว้ให้เพียงพอต่อยอดที่จะจองค่ะ จะได้ไม่ติดขัดในขั้นตอนการจ่ายเงิน   “ตั้ง Alert ในมือถือ”  -  เพื่อไม่ให้พลาด หรือทำเรื่องอื่นๆ เพลินจนลืมเวลา เราแนะนำให้ตั้งปลุกไว้ล่วงหน้าซัก 5 นาที ก่อนจะถึงเวลาเปิดจองค่ะ และควรอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญานอินเตอร์เน็ตพร้อมด้วยค่ะ สิ่งที่เราจะต้องทำในวันจองออนไลน์จะมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ของ All Inspire เพื่อ “เข้าสู่ระบบจอง” ตามลิงค์นี้ค่ะ https://allbooking.allinspire.co.th   เมื่อเข้าระบบมาแล้ว ก็ให้กดเลือกโครงการที่ต้องการ และเลือกห้องที่อยากได้เลยค่ะ   ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ซึ่งหน้านี้ ทางระบบจะ Fill ข้อมูลมาให้เลยตามที่เราได้ลงทะเบียนไว้ล่วงหน้าค่ะ จึงไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่อีกครั้ง   สำหรับขั้นตอนในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตนั้น จะต้องใช้บัตรที่สามารถซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ด้วยนะคะ ถ้าใครยังไม่เคยใช้บัตรซื้อของออนไลน์มาก่อน จะต้องติดต่อธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อเปิดใช้งานกันก่อนนะคะ และจะต้องเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเพื่อให้ธนาคารดำเนินการให้ด้วยนะคะ เมื่อถึงเวลาชำระเงินจะได้สะดวกรวดเร็ว ได้ห้องที่เราต้องการสมใจค่ะ พอคลิกจ่ายเงิน และผ่านขั้นตอนระบบ Payment ของแบงค์เรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้รับ E-mail ยืนยันการจอง เพื่อรอเจ้าหน้าที่นัดหมายเข้ามาทำหนังสือสัญญาในลำดับต่อไปค่ะ   ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ผ่านการคลิกด้วยปลายนิ้วของเราไม่เกิน 2 นาที คอนโดห้องสวยโดนใจก็จะอยู่ในมือเราแล้วววววว ^^ ทิ้งทายไว้อีกนิดกับเงื่อนไขที่ควรรู้ เพื่อสิทธิประโยชน์ของคุณเองค่ะ   แล้วพบกันในวันที่ 16 สิงหาคม เวลา 16:00 น. นะคะ หวังว่าทุกคนจะได้เป็นเจ้าของคอนโด The Excel บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองกันทุกคนนะคะ