Tag : News

2376 ผลลัพธ์
ออริจิ้น จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญลูกบ้านเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติ

ออริจิ้น จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญลูกบ้านเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติ

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI” จัดกิจกรรมเพื่อเอาใจลูกบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญชวนลูกบ้านจากหลากหลายโครงการในเครือออริจิ้น เข้ากิจกรรม พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ “พับกลีบดอกบัวเจริญสติ” จุดเริ่มต้นแห่งสมาธิ สติ ปัญญา และสัมผัสรสชาติของชาคุณภาพ หลากหลายรสชาติสุดพิเศษ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกบ้านและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกบ้านและองค์กร พร้อมยังเป็นการมอบความสุขให้กับลูกบ้านในช่วงวันหยุด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกบ้าน  ณ ร้านชาปัญญา สุขุมวิท 59 เมื่อเร็วๆ นี้
‘เอพี ไทยแลนด์’ นำเทรนด์เปิดตัว ‘Digital Community’ รายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย

‘เอพี ไทยแลนด์’ นำเทรนด์เปิดตัว ‘Digital Community’ รายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย

กรุงเทพฯ (19 ก.ย. 59) – วันนี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย สำหรับคนเมือง โดย คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศเปิดตัว “AP Digital Community” เป็นรายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยโครงการแรกที่พร้อมรองรับวิสัยทัศน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ดิจิตอล คอมมิวนิตี้ของเอพีก็คือ โครงการ “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่” วิลล่าหรูเหนือระดับล่าสุด ซึ่งพร้อมเปิดตัววันพุธที่ 21 กันยายนนี้ ที่ห้องฉัตราบอลรูม โรงแรมสยามเคมปินสกี้   ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ AP Digital Community จะเข้ามาส่งเสริมให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ในโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ของเอพีเปลี่ยนไป ผ่านการสอดผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับแนวคิด IoT (Internet of Things) ที่ว่าระบบและอุปกรณ์ต่างๆ สามารถสื่อสารถึงกันได้  โดยมีเป้าหมายคือช่วยกันทำงาน เพื่อให้รูปแบบการใช้ชีวิตสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น  โดยเอพีได้วางระบบสมองกลอัจฉริยะไว้เป็นคีย์สำคัญที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทุกชิ้นภายในบ้านให้สามารถสื่อสารและประมวลผลร่วมกัน รวมถึงการผสานนวัตกรรมระบบสั่งการด้วยเสียง ที่นอกจากจะควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านเสียงแล้ว ระบบนี้ยังทำงานร่วมกับสมองกลอัจฉริยะที่พัฒนาขั้นสูงไปจนถึงคิดคำนวณและตอบโต้กับเจ้าของบ้านได้อีกด้วย หรือระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดมากขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยจริงได้อย่างน่าทึ่ง ช่วยให้ชีวิตของลูกบ้านเอพีสะดวกสบายและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นับเป็นการสานต่อวิสัยทัศน์สู่การเติบโตในปีที่ 26 ของเอพีเพื่อมุ่งสู่การเป็น 1 ใน 3 บริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจ “มอบความแตกต่างด้วยคุณภาพ” กับหลักปรัชญาการทำงาน “AP – The Differentiator”   “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย– ทุกพื้นที่ชีวิตเราคิดเพื่อคุณ”
PRIN เดินหน้าโครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ เปิดตัวบ้านแบบใหม่ C-SHAPE เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 12-26 ล้านบาท

PRIN เดินหน้าโครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ เปิดตัวบ้านแบบใหม่ C-SHAPE เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 12-26 ล้านบาท

“ปริญสิริ”เตรียมจัดงาน“ เปิดแบบบ้านใหม่ C-SHAPE” โครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุดบนถนนราชพฤกษ์เพียง 1.2 กิโลเมตร จาก BTS-MRT สถานีบางหว้า ระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย.นี้ “ชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย”ชี้เป็นการพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ขึ้นมา เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ มั่นใจตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว ภายใต้แนวคิด “Oxygen Community” โดยมาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษ “ห้องธรรมชาติ” ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 12-26 ล้านบาท   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1753 หรือ Prinsiri.com นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 24-25 กันยายน 2559 นี้ บริษัทฯเตรียมจัดงาน “เปิดแบบบ้านใหม่ C-SHAPE” ที่โครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ บนทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุดบนถนนราชพฤกษ์เพียง 1.2 กิโลเมตร จากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สถานีบางหว้า หลังจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากบ้าน L-SHAPE ในเฟสแรก “เฟสที่ 2 นี้ ทางปริญสิริได้พัฒนาฟังก์ชั่นบ้านใหม่ ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ขึ้นเกิดเป็น แบบบ้าน C-SHAPE บ้านที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของคนเมือง ภายใต้แนวคิด “Oxygen Community” โดยยังมาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษ “ห้องธรรมชาติ” ที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการปริญญ์ สาทร – ราชพฤกษ์”นายชัยรัตน์กล่าว สำหรับโครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวต้นแบบของปริญสิริ ในเฟสแรกมีแบบบ้าน L-SHAPE เป็นแบบบ้าน Hilight ของโครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และถูกพัฒนาต่อเนื่องในเฟส 2 ที่จะเปิดขายระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย. นี้ พร้อมกับเปิดตัวแบบบ้านใหม่ C-SHAPE ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ ย่านฝั่งธน สำหรับราคาเริ่มต้นของโครงการ อยู่ที่ 12- 26 ล้าน  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1753 หรือ Prinsiri.com “ปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ ออกแบบโครงการที่พักอาศัยภายใต้แนวคิดการอยู่อย่างยั่งยืน โดยมีธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ จากแนวคิดเพื่อการอยู่อย่างยั่งยืน เราสามารถพัฒนาวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการสร้างสรรค์พื้นที่เพื่อออกแบบสังคมใหม่ โดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมที่เอื้อให้เราใกล้ชิดกลมกลืนกับธรรมชาติ ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อสร้างความสะดวกสบาย โดยรบกวนสภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด ควบคู่ไปกับการประหยัดพลังงานและลดมลพิษ เกิดเป็นแนวทางในการออกแบบ โครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ สร้างสมดุลแห่งการอยู่อาศัย เชื่อมต่อธรรมชาติสู่ใจกลางเมือง”นายชัยรัตน์กล่าว ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ว่า คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้เตรียมเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,450 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ คือ ซิตี้เซนส์ พระราม 2 (ท่าข้าม) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ,ซิตี้เซนส์ รังสิต มูลค่า 260 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โครงการตลาดพลู มูลค่า 190 ล้านบาท และรัตนาธิเบศร์ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมหมดแล้ว สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที และมีจุดขายตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะอยู่ที่ 2,900 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่า 90% จะเป็นรายได้จากโครงการที่เปิดขายแล้วในปัจจุบัน
พลัส พร็อพเพอร์ตี้แนะจับตาตลาดคอนโดหรู 7 หมื่นล้าน ย่านอโศก-พร้อมพงษ์ โครงการพร้อมโอนเนื้อหอม คาดปี’60 แตะ 2.6 แสนบ./ตร.ม.

พลัส พร็อพเพอร์ตี้แนะจับตาตลาดคอนโดหรู 7 หมื่นล้าน ย่านอโศก-พร้อมพงษ์ โครงการพร้อมโอนเนื้อหอม คาดปี’60 แตะ 2.6 แสนบ./ตร.ม.

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจ อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครช่วงปี 2555-2558  มีมูลค่าเฉลี่ยรวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท พบว่ากว่า 50% อยู่ในพื้นที่ อโศก-พร้อมพงษ์ เหตุเป็นทำเลศักยภาพมีจุดเชื่อมต่อคมนาคมรถไฟฟ้า BTS และ MRT แถมยังเป็นแหล่งที่ผู้คนอยู่อาศัยหนาแน่น 80-90% เป็นศูนย์กลางธุรกิจ แหล่งทำงาน แหล่งชอปปิ้ง และสถานศึกษาสำคัญ คาดราคาที่ดินขยับขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลราคาคอนโดมิเนียมปี 2560 มีแนวโน้มขยับถึง 2.6 แสนบาท/ตารางเมตร ด้านโครงการพร้อมโอนปีนี้เนื้อหอมสุด เหตุผู้ซื้อ-นักลงทุน รีบจับจองก่อนราคาขยับในปีหน้า นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด  ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการสำรวจคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูงในเขตกรุงเทพมหานคร  ที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2555-2558 พบว่าในปี 2558 มีจำนวน 51 โครงการ คิดเป็น 24,883 ยูนิต มูลค่ารวมของโครงการอยู่ที่ 214,931 ล้านบาท แต่หากคิดจากปี 2555-2558 มีมูลค่าโครงการเฉลี่ยที่ 142,535 ล้านบาท ในขณะที่ในเขตอโศก-พร้อมพงษ์ตั้งแต่ปี 2555 มีโครงการคอนโดมิเนียมอาคารสูงที่เปิดขายทั้งหมด 18 โครงการ มีจำนวนห้องชุดทั้งหมด 5,556 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 71,799 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าเฉลี่ยโครงการคอนโดมีเนียมเปิดใหม่ในแต่ละปี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ได้เข้ามาชิงพื้นที่ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในพื้นที่นี้ เนื่องจากช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาโครงการคอนโดมีเนียมหรูใจกลางเมืองมียอดขายที่ดีมาก ซึ่งยังคงดีต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าอัตราขายจะลดลงแต่ก็ยังถือว่าเป็นอัตราการขายที่ดีอยู่ อีกทั้งกำลังซื้อของลูกค้าระดับบนไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ในปี 2559 อุปทานคอนโดมิเนียมในโซนอโศก – พร้อมพงษ์เพิ่มขึ้นจำนวน 1,044 ยูนิตคิดเป็น 19% จากปี 2558 ส่งผลให้มีอุปทานรวมจำนวน 5,417 ยูนิต ซึ่งเป็นการเติบโตในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากที่ดินที่สามารถจะพัฒนาโครงการใหม่เริ่มหายากมากขึ้น จำนวนยอดขายสะสมในไตรมาส 3/2559 มีทั้งหมด 4,200 ยูนิต เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน และมียอดขายเฉลี่ย 77% ขณะที่อุปทานใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2559 ถึง ไตรมาส 2/2560 มีเพียง 558 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับโซนอื่นๆ สำหรับในปี 2559 จะมีโครงการที่เริ่มโอนทั้งหมด 3 โครงการได้แก่ เดอะเทอร์ตี้ไนน์ และเอดจ์ สุขุมวิท 23 จากแสนสิริ  โครงการลุมพินี 24 จากแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์  รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,056 ยูนิต มูลค่ารวมทั้งสิ้น 8,600 ล้านบาท ส่วนโครงการอื่นที่จะทยอยเสร็จในปี พ.ศ. 2560, 2561 และ 2562 จะมีจำนวน 278, 2,801 และ 1,421 ห้อง ตามลำดับ และมีมูลค่า 13,000, 29,758 และ 20,441 ล้านบาท ตามลำดับเช่นกัน ซึ่งหากมองจากโครงการทั้งหมดบนทำเลอโศก-พร้อมพงษ์ พบว่า เอดจ์ สุขุมวิท 23 และแอชตัน อโศก เป็นโครงการที่โดดเด่นได้เปรียบโครงการอื่น เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดตัดของรถไฟฟ้า BTS และ MRT และเป็นโครงการแรกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่อยู่ใกล้กับอโศกอินเตอร์เชนจ์  โดยเอดจ์ สุขุมวิท 23 จะก่อสร้างเสร็จในปีนี้ (2559) ส่วนแอชตัน อโศก จะก่อสร้างเสร็จในปี 2561 อนึ่ง ทำเลดังกล่าวราคาปรับเพิ่มทุกปี โดยค่าเฉลี่ยของการปรับราคาของโครงการเปิดใหม่ต่อปีอยู่ที่ 9-10% ดังนั้นโครงการที่พร้อมโอนปีนี้จะมีราคาถูกกว่าโครงการใหม่ถึง 30% ทำให้เป็นที่สนใจของผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยจริงหรือลงทุน อีกทั้งราคารีเซลของโครงการพร้อมโอนถือว่ายังไม่ขยับสูงขึ้นไปมากทำให้สามารถลงทุนได้ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าในปี 2560 ราคาขายคอนโดมิเนียมในโซนอโศก-พร้อมพงษ์ จะปรับขึ้นไปที่ 260,000 บาท/ตารางเมตร “แม้พื้นที่โซนอโศก-พร้อมพงษ์ จะมีขนาดเพียง 2.5 ตารางกิโลเมตร แต่ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพในหลายด้าน ทั้งด้านการคมนาคมที่โดดเด่นด้วยการมีสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า BTS และ MRT ที่สามารถดึงดูดผู้อยู่อาศัยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีอาคารสำนักงานรวมกว่า 900,000 ตารางเมตร เป็นศูนย์กลางแหล่งชอปปิ้งและสถาบันการศึกษาชั้นนำ เช่น  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งจากข้อมูลการพักอาศัยของโครงการที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริหารในทำเลนี้ พบความหนาแน่นของการอยู่อาศัยกว่า 80-90%  ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่มีความหนาแน่นการอยู่อาศัยเป็นอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ และยังเป็นตลาดเช่าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ทำให้ความต้องการของคอนโดมีเนียมในบริเวณนี้มีมากทั้งจากผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยเอง และผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อการปล่อยเช่า ซึ่งอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่าอยู่ที่ 5%  อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ต้องจับตามองคือยังมีโครงการใหม่ๆที่กำลังขายและรอโอนในปีหน้าและปีต่อๆไปว่าจะได้รับการตอบรับอย่างไรเพราะผลตอบรับนี้จะเป็นตัวชี้วัดถึงการเติบโตของโครงการหรูในอนาคต แต่ที่ชัดเจนคือ โครงการพร้อมโอนปีนี้มียอดรีเซลที่คึกคักเพราะได้เปรียบในเรื่องส่วนต่างของราคาเมื่อเทียบกับโครงการเปิดใหม่” นายภูมิภักดิ์ กล่าว
“โฮม เอ็กซ์โป โดย เซ็นทรัล กรุ๊ป” (HOME EXPO by CENTRAL Group) ลดสะท้านเมือง ผนึกกำลังบริษัทเครือกลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าโกย 600 ล้าน

“โฮม เอ็กซ์โป โดย เซ็นทรัล กรุ๊ป” (HOME EXPO by CENTRAL Group) ลดสะท้านเมือง ผนึกกำลังบริษัทเครือกลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าโกย 600 ล้าน

โฮมเวิร์ค,  บ้าน แอนด์ บียอนด์ และไทวัสดุ จับมือ ร่วมกันเป็นครั้งแรกกับบริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เพาเวอร์บาย, ซูเปอร์สปอต, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, วัตสัน,  เดอะวันการ์ด และ มาเมซอง เฟอร์นิเจอร์ จัดงานใหญ่ “HOME EXPO by CENTRAL Group” มหกรรมสินค้าเพื่อบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าครั้งใหญ่สุดแห่งปี พบสินค้ากว่า 500 แบรนด์ดังชั้นนำ ลดสูงสุดถึง 80% พร้อมรับส่วนลดเพิ่มอีก  45% จาก The 1 Card และ Central Credit Card ระหว่างวันที่ 16 – 25 กันยายน 2559 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายกำชัย  หลุยยะพงศ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีก โฮมเวิร์ค, เพาเวอร์บาย, บ้าน แอนด์ บียอนด์ และไทวัสดุ  ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ทุ่มงบกว่า 120 ล้านบาทจัดงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี “HOME EXPO by CENTRAL Group” ที่สุดของมหกรรมสินค้าเพื่อบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องเขียน สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งขนทัพสินค้ากว่า 500 แบรนด์ชั้นนำ ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปมากระหน่ำลดราคา หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้มีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานทั้ง 10 วันประมาณ 500,000 คน และมียอดขายไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท ภายใต้ธีม “ฟิตเต็มร้อย  ตั้งใจมาขน” สำหรับไฮไลท์ของงาน Home Expo by Central Group นั้น แบ่งเป็น 8 โซนที่ละลานตาไปกับสินค้าหลากหลายที่นำมาลดราคาพิเศษ อาทิเช่น โซนที่ 1 โฮมเวิร์ค, บ้าน แอนด์ บียอนด์ และไทวัสดุ  เป็นโซนที่รวมสินค้าตกแต่ง ซ่อมแซม วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่ครบวงจร ประกอบไปด้วย Bath World, Kitchen World, Floor World, Mattress World, Lighting World, Color World และTools World โซนที่ 2 Powerbuy Zone ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความสุขไซส์ใหญ่ ให้ทุกครอบครัว” โดยขนกองทัพเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ชั้นนำมาจัดโปรโมชั่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่กำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าไอที โซนที่ 3 Elegance Furniture by มาเมซอง เป็นโซนที่อลังการกับเฟอร์นิเจอร์หรูมี Design พร้อม Model room สุดชิค และลดสูงสุดถึง 50% โซนที่ 4 Supersports Zone จะเป็นโซนที่รวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬา ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์รองเท้ากีฬาชั้นนำ เครื่องแต่งกาย รวมถึงอุปกรณ์กีฬาทุกชนิด ที่คนรักการออกกำลังกายห้ามพลาด โซนที่ 5 Garden Zone เพลิดเพลินไปกับต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับนานาพันธุ์ รวมไปถึงของตกแต่งสวน สินค้าตกแต่งบ้านแบบมีสไตล์ กว่า 80 ร้านค้า โซนที่ 6 Food Zone พบงาน “ตลาดโบราณ ตำนานความอร่อย” อิ่มอร่อย ช้อปสนุก กับบรรยากาศ  ย้อนยุคของงาน และพบกับร้านค้ามากกว่า 100 ร้านค้า โซนที่ 7 Activities Zone เป็นโซนของการจัดกิจกรรม Workshop, สาธิตการทำอาหาร และขนมคาวหวานนานาชนิดทุกวัน และโซนที่ 8 Import Zone พบกับสินค้า อุปกรณ์ และของใช้ภายในบ้านลดสูงสุด 80% ด้านบริเวณเวทีกลาง ยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ กิจกรรม Fit and Firm shopping contest ซึ่งเป็นกิจกรรมทดสอบความฟิตของร่างกาย Sit up contest, Hula hoop Contest และ Power Hammer Contest สำหรับการช้อปปิ้งทั้งหญิงและชายทุกวัน เพื่อชิงเงินรางวัลช้อปปิ้งฟรี 10,000 บาท หรือรับคูปองสำหรับซื้อสินค้าฟรีในงาน ขณะเดียวกัน ก็มีกิจกรรม และสาระความบันเทิงอีกมากมาย ทั้งการแสดงมายากล, การแสดงโชว์สุนัขแสนรู้, อัพเดทเทรนด์การแต่งบ้านโดยสถาปนิกชื่อดัง เพื่อลุ้นแพคเกจห้องพักโรงแรมเซนทารา หรือลุ้นสร้อยคอทองคำตั้งแต่ 1 สลึง ไปจนถึง 1 บาท นอกจากนี้ยังการสาธิตการทำไม้กวาดป่านศรนารายณ์ และพรหมเช็ดเท้าจากวิสาหกิจชุมชนบ้านสบสาย จ.แพร่ ที่นำมาแสดงภายในงานด้วย โดยที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนปีละ 10 ล้านบาท ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจัดจำหน่าย โดยมีโซนขายของผลิตภัณฑ์ชุมชนภายในร้านค้าไทวัสดุทุกสาขาด้วย “นับว่าเป็นครั้งแรก ที่บริษัทในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป ได้ผนึกกำลังกันจัดงาน “HOME EXPO by CENTRAL Group” ที่สุดของมหกรรมสินค้าตกแต่ง ซ่อมแซมบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี และลดสูงสุดถึง 80% ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ครบ ถูก คุ้ม ยิ่งใหญ่กว่าทุกงาน” บนพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร โดยขนสินค้ากว่า 500 แบรนด์ดัง นำโดย โฮมเวิร์ค, บ้าน แอนด์ บียอนด์ และไทวัสดุ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจศูนย์รวมสินค้าตกแต่ง ซ่อมแซม วัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างครบวงจร ตามด้วยเพาเวอร์บาย ซูเปอร์สปอต ออฟฟิศเมท บีทูเอส วัตสัน เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน ไม่น้อยกว่า 500,000 คน และมีรายได้จากการจำหน่ายตลอดทั้งงาน ประมาณ 600 ล้านบาท” นายสุทธิสาร กล่าว ขณะที่ OfficeMate  ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องเขียนอุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์ ไอที และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน “ที่เดียวครบจบทุกเรื่องออฟฟิศ” อันดับหนึ่งในประเทศไทย ร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในราคาสุดพิเศษ โดยยกขบวนสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพมาตรฐานและราคาที่คุ้มค่า  เช่น  Furradec ,  La Z Boy , Serta  พร้อมกับแจกของสมมนาคุณอีกมากมายภายในงานด้วย สำหรับ The1Card ก็กระหน่ำโปรโมชั่นน่าสนใจไม่แพ้กัน อาทิ แลกทุก 10 คะแนน ลุ้น 2 ต่อ ต่อที่ 1 แพ็กเกจทัวร์ Osaka 6 วัน 3 คืน, iPhone 7, คะแนน The 1 Card รวม 5 ล้านคะแนน และอีกมากมาย ต่อที่ 2 รถยนต์ BMW 1 Series 118i M Sport มูลค่า 2.09 ล้านบาท, The 1 Card 600 คะแนน แลกฟรี บัตรกำนัล Starbucks มูลค่า 100 บาท (จำกัด 100 ใบ/วัน และ 1คน/ 1 สิทธิ์ ตลอดรายการ) หรือจะเป็นโปรโมชั่นพักสบายใจ แลกสบายกระเป๋า The 1 Card 500 คะแนน แลกซื้อห้องพัก Centara ราคาพิเศษ เฉพาะงานนี้เท่านั้น  หรือฟรี The 1 Card 300 คะแนน สำหรับสมาชิกออนไลน์ พร้อมเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่น Hashtag 1 พร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษมากมายภายในงาน บริเวณบูทกิจกรรม Hashtag 1 หน้า Impact Challenger 2 Entrance 2 หรือร่วมรับสิทธิ์ชิงบัตรชมภาพยนตร์สุดหรูที่ central embassy จำนวน 2 ที่นั่ง เพียงร่วมกิจกรรมทาง The 1 Card Facebook fanpage เป็นต้น ด้าน “เพาเวอร์บาย” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มาในคอนเซปต์ “ความสุขไซส์ใหญ่ ที่จ่ายเบาๆ แบบไซส์เล็ก”  โดยขนกองทัพเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ชั้นนำมาจัดโปรโมชั่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่กำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าไอที ซึ่งภายในงาน เพาเวอร์บายนำเสนอการมอบความสุขไซส์ใหญ่ให้กับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ ที่สามารถซักผ้าให้กับสมาชิกในบ้านได้ครบภายในถังซักครั้งเดียว เน้นความประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ และประหยัดเวลาในการซักผ้าให้กับคุณแม่บ้านได้อย่างลงตัว, ตู้เย็น คุณภาพไซส์ใหญ่ในราคาโดนใจที่จ่ายได้สบายๆ ช่วยให้ตู้เย็นเป็นการเติมเต็มความสุขในการทำอาหารและใช้เวลาอยู่ร่วมกันของทุกคนในครอบครัว และการนำเสนอ ทีวี หน้าจอขนาดใหญ่ ขยายความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว พร้อมเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ ที่พัฒนาภาพและสีคมชัดสมจริง เป็นศูนย์กลางให้ทุกคนในครอบครัวใช้เวลาอยู่ร่วมกันและรับชมความบันเทิงที่บ้านอย่างเต็มอรรถรส พร้อมโปรโมชั่นของแถม ส่วนลด และโปรผ่อนชำระกับบัตรเครดิตชั้นนำมากมายได้ที่บูธเพาเวอร์บาย ในงาน HOME EXPO by CENTRAL Group งาน “HOME EXPO by CENTRAL Group” มหกรรมสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้านและเครื่องใช้ ไฟฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-25 กันยายน 2559 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-2 อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งนอกจากจะเป็นการรวมตัวกันของบริษัทฯ ในเครือเซ็นทรัล รวมถึงคู่ค้ามากมายในงานแล้ว ยังมีคู่รักดารา กัปตัน ภูธเนศ หงษ์มานพ และ เอ้ก-บุษกร ตันติภนา ที่จะมาร่วมสร้างความสุขในการช้อปปิ้งให้กับผู้เข้าชมงานทุกท่านด้วย และนอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนกันยายน โฮมเวิร์ค จะมีงานใหญ่อีก 1 งานคืองาน “HomeWorks EXPO ครั้งที่ 24” โดยจะมีขึ้นในวันที่ 30 กันยายน – 9 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์แสดงสินค้า   ไบเทค บางนา เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ากรุงเทพโซนตะวันออก สมุทรปราการ ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
ฟัลครัม โกลบอล ประเดิมโครงการแรกในไทยกับ The Park at EM District Managed by The Ascott Limited ดึงผู้บริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับโลกสร้างมาตรฐานความเหนือระดับและเสริมศักยภาพการลงทุน

ฟัลครัม โกลบอล ประเดิมโครงการแรกในไทยกับ The Park at EM District Managed by The Ascott Limited ดึงผู้บริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับโลกสร้างมาตรฐานความเหนือระดับและเสริมศักยภาพการลงทุน

ฟัลครัม โกลบอล บริษัทด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกด้วยโครงการ The Park at EM District Managed by The Ascott Limited บนสุดยอดทำเลซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ ชูแนวคิดใหม่ในการผนึกกำลังผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรีชั้นนำของโลกเพื่อสร้างจุดแข็งทั้งในด้านมาตรฐานที่พักอาศัยอันเหนือระดับ พร้อมกับเสริมศักยภาพในการลงทุนด้วยการรับประกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าถึง 6% นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด กล่าวว่า “The Park at EM District Managed by The Ascott Limited คือมิติใหม่ของโครงการที่พักอาศัยแบบเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี ซึ่งเกิดขึ้นจากการร่วมเป็นพันธมิตรกับฟัลครัม โกลบอล บริษัทด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับโลก เป็นการเน้นย้ำถึงความโดดเด่นของพาร์ค 24 ในฐานะโครงการที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงบนทำเลใจกลางกรุงซึ่งนับวันมีแต่จะหายากขึ้น นอกจากนั้น ยังตั้งอยู่ใกล้กับย่านดิ เอ็มดิสทริค ซึ่งเป็นทั้งย่านที่พักอาศัย แหล่งไลฟ์สไตล์และเอนเตอร์เทนเมนต์ระดับไฮเอนด์ของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นการเสริมศักยภาพให้กับโครงการให้เด่นชัดยิ่งขึ้น โดยเราประเมินว่าในช่วงหลังจากนี้ไป ความต้องการโครงการที่พักอาศัยในทำเลใจกลางกรุงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการพักอาศัยหรือเพื่อการลงทุน” มร. แฟรงค์ เหลียง กรรมการผู้จัดการ ฟัลครัม โกลบอล แคปิตอล กล่าวว่า “โครงการ The Park at EM District Managed by The Ascott Limited นับเป็นโครงการแรกของเราในประเทศไทยโดยร่วมเป็นพันธมิตรกับพราวด์ เรสซิเดนซ์ และดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับแถวหน้าของโลก โครงการนี้จึงเป็นหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดใจกลางเมืองในทำเลที่ตั้งเป็นที่ต้องการมากที่สุด พร้อมศักยภาพที่ดีเยี่ยมสำหรับการลงทุนอย่างแท้จริง” “ด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งมีปัจจัยที่เราคาดเดาไม่ได้มากมายและสภาพคล่องส่วนเกินล้นตลาด นักลงทุนที่รอบคอบมักจะสรรหารูปแบบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมั่นคงและรายได้จากค่าเช่าที่สม่ำเสมอ โครงการ The Park at EM District คือหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนในระยะยาว ด้วยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีการรับประกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าถึง 5% ในช่วงสองปีแรกสำหรับยูนิตแบบหนึ่งห้องนอน และ 6% สำหรับยูนิตแบบอื่น ๆ นอกจากนั้นข้อมูลจากการวิจัยเร็ว ๆ นี้เผยว่าแนวคิดของโครงการที่พักอาศัยระดับหรูขนาดใหญ่ซึ่งบริหารโดยผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี ซึ่งกำลังแพร่หลายในเมืองสำคัญ ๆ ของโลก เช่นโตเกียว และฮ่องกง จะสร้างผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีกว่าโครงการที่พักอาศัยทั่วไป โดยมีราคาขายอสังหาริมทรัพย์หลังจากที่โครงการพัฒนาแล้วเสร็จที่ต่างกันกว่า 30% - 50% เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการในบริเวณเทียบเคียง” แฟรงค์กล่าวเสริม The Park at EM District Managed by The Ascott Limited คือโครงการที่พักอาศัยระดับหรู ซึ่งบริหารโดย   ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ตัวอาคารสูง 29 ชั้น ประกอบด้วย 245 ยูนิต เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพาร์ค 24 ซึ่งแวดล้อมด้วยสวนขนาดใหญ่ถึง 10 ไร่ หรือ 16,000 ตรม. พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้องออกกำลังกาย โยคะสตูดิโอ ห้องสมุด สระว่ายน้ำความยาว 40 เมตร และพื้นที่พักผ่อนกลางแจ้งหลายจุดทั่วโครงการ ผสานความพรั่งพร้อมทันสมัยของชีวิตคนเมืองเข้ากับความร่มรื่นท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างลงตัว มร. จอห์น เคจเดนเนอร์ ผู้จัดการใหญ่ของแอสคอทท์ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ต้อนรับ The Park at EM District  สู่พอร์ตโครงการภายใต้การบริหารของเราในประเทศไทย ด้วยมาตรฐานสูงสุดและความเชี่ยวชาญของแอสคอทท์ในการบริหารที่พักอาศัย เจ้าของและผู้พักอาศัยมั่นใจได้ในบริการแบบมืออาชีพระดับโลก โครงการนี้จึงโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้ง คุณภาพระดับลักชัวรี และการบริหารแบบมืออาชีพ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเจ้าของและนักลงทุน ผู้ซื้อโครงการจึงไว้วางใจได้ว่าตัวโครงการจะได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม The Park at EM District  จึงนับเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในโอกาสสุดท้ายสำหรับการลงทุนในโครงการที่พักอาศัยคุณภาพสูงบนทำเลใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างสูง” เกี่ยวกับฟัลครัม โกลบอล แคปิตอล ฟัลครัม โกลบอล แคปิตอล เป็นบริษัทด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก่อตั้งขึ้นที่ฮ่องกงในปี 2552  มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทั้งในประเทศอังกฤษและประเทศแถบอาเซียน และเป็นพันธมิตรกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเพื่อลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูงสุดในการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนและผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าในระยะยาว โดยร่วมเป็นเจ้าของในส่วนหนึ่งของโครงการด้วยเพื่อเป็นยืนยันถึงความมั่นใจในการลงทุนระยะยาว ปัจจุบัน ฟัลครัม โกลบอล แคปิตอลบริหารโครงการที่พักอาศัยจำนวนกว่า 1,500 ยูนิตในลอนดอน แมนเชสเตอร์ และกรุงเทพฯ  และมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารมูลค่า 14,000 ล้านบาท เกี่ยวกับพราวด์ เรสซิเดนซ์ พราวด์ เรสซิเดนซ์ ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้ลงทุนของบริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด ร่วมกับธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยมากว่า 25 ปี ในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนชั้นนำ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ และบ้านพักอาศัยแนวราบรวมกว่า 30 โครงการ ภาระกิจของพราวด์ เรสซิเดนซ์ คือการสร้างสรรค์โครงการที่พักอาศัยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เพื่อมุมมองใหม่ ๆ ของการใช้ชีวิต เกี่ยวกับ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด คือเจ้าของและบริษัทผู้นำตลาดด้านการบริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเด้นท์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากประเทศสิงคโปร์ มีที่พักอาศัยภายใต้การบริหารกว่า 29,000 ยูนิตในเมืองหลักของอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ยุโรป และตะวันออกกลาง และที่พักอาศัยที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกกว่า 17,000 ยูนิต รวมทั้งสิ้นกว่า 46,000 ยูนิตในกว่า 290 โครงการ บริษัทเป็นผู้ดำเนินการบริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ชั้นนำ 3 แบรนด์ คือ แอสคอทท์, ซิทาดีนส์ และซัมเมอร์เซ็ท มีพอร์ตโครงการในกว่า 100 เมืองใน 27 ประเทศทั่วโลก แอสคอทท์ เป็นบริษัทเครือแคปปิต้าแลนด์ ลิมิเต็ด บุกเบิกธุรกิจบริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ในเอเชียแปซิฟิกโดยก่อตั้งดิ แอสคอทท์ สิงคโปร์ ในปี 2527 และก่อตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ในแพน-เอเชียครั้งแรกของโลกในปี 2549 ปัจจุบัน แอสคอทท์คือแบรนด์บริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีและรางวัลรับประกันมากมาย  
ซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง 2559 วันที่ 17 – 18 กันยายน 2559 ณ โรงแรม ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง 2559 วันที่ 17 – 18 กันยายน 2559 ณ โรงแรม ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ไทย, 13 กันยายน 2559 – ซีบีอาร์อีประกาศจัดงาน “ซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง 2559” (CBRE Elegant Homes & Living 2016) ณ โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ ในซอยสุขุมวิท 24  ในวันเสาร์ที่ 17 และวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2559 นี้   ซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง คืองานจัดแสดงโครงการที่พักอาศัยแนวราบชั้นนำในกรุงเทพฯ และแหล่งพักผ่อนตากอากาศ   ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การนำเสนอโครงการที่พักอาศัยแนวราบระดับลักซ์ชัวรี่ในใจกลางกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว คลัสเตอร์โฮม และคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ โครงการที่พักอาศัยที่เข้าร่วมงานนี้มีทั้งหมด 11 โครงการ  โดยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นการเปิดพรีเซลส์บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุงเทพฯ โครงการใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน ได้แก่ ดิ เอ็ดดิชั่น    ศักยะ 149    อาณา เอกมัย   เดอะ บูเลอวาร์ด เอกมัย และธาม ฮิลล์ วิลเลจ ในเขาใหญ่    นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูของชาญอิสสระที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ในย่านพระราม 9 และบางนา  รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จของนายณ์ เอสเตทอย่าง ควอเตอร์ 31 และพาร์ค พรีว่า  อีกหนึ่งโครงการใหม่ที่จะเปิดพรีเซลส์เป็นครั้งแรก คือ ฟินน์ สุขุมวิท 31 ซึ่งคอนโดมิเนียมแบบโลวไรส์ในซอยสุขุมวิท 31  ราคาโครงการที่จัดแสดงในงานเริ่มต้นที่ 3.59 ล้านบาท จนถึง 120 ล้านบาท นับเป็นการจัดแสดงโครงการที่พักอาศัยงานแรกที่ซีบีอารอีจัดขึ้นในรูปแบบนี้ ภายใต้แนวคิดที่ต้องการรวบรวมที่พักอาศัยแนวราบใจกลางเมืองระดับคุณภาพเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสที่ดีมากในการเลือกซื้อเลือกชมโครงการใหม่ๆ ที่น่าสนใจได้ภายในงานเดียว นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “มีลูกค้าจำนวนมากที่ตั้งใจจะซื้อบ้านแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะยังไม่แน่ใจเรื่องทำเล ราคา และการออกแบบ  ในงานนี้ลูกค้าจะสามารถพิจารณาและเปรียบเทียบรายละเอียดต่างๆ ของโครงการได้   ทั้งนี้ โครงการเหล่านี้ถือเป็นโครงการเอ็กซ์คลูซีฟที่มีจำนวนยูนิตไม่มากและมักไม่ได้ทำการตลาดในวงกว้าง ซีบีอาร์อีจึงคัดสรรโครงการเหล่านี้มาจัดแสดงเพื่อให้ลูกค้าที่เข้าชมงานได้มีโอกาสพิจารณาเป็นกลุ่มแรก” หากพิจารณาในด้านทำเล สุขุมวิทและซอยย่อยต่างๆ ได้กลายเป็นทำเลชั้นนำของโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ที่มีจำนวนมากขึ้นในตลาด    อาณา เอกมัย   ศักยะ 149  และเดอะ บูเลอวาร์ด ล้วนตั้งอยู่ในเอกมัยและเชื่อมต่อได้สะดวกกับทองหล่อ   ในขณะที่ทำเลอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น คือ รัชดา-พระราม 9 และซอยศูนย์วิจัย ซึ่งสามารถเดินทางไปทองหล่อและสุขุมวิทได้สะดวก นอกจากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่แล้ว ภายในงานยังจัดแสดงโครงการ  ฟินน์ สุขุมวิท 31 โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่แบบโลวไรส์ที่จะเปิดพรีเซลส์เป็นครั้งแรกในงานนี้เช่นกัน  จากการที่คอนโดมิเนียมแนวสูงมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ฟินน์ สุขุมวิท 31 จึงเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่มองหาโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ในงบประมาณที่เป็นเจ้าของได้ง่าย บ้านระดับลักซ์ชัวรี่ได้กลายเป็นทางเลือกที่เข้ามาแข่งขันกับคอนโดมิเนียมสำหรับลูกค้าที่ซื้อเพื่อพักอาศัยเอง  เนื่องจากคอนโดมิเนียมมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นและความพยายามของผู้พัฒนาโครงการที่ต้องการรักษาระดับราคา   ลูกค้าที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นจึงมีตัวเลือกที่จำกัด  โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางเมืองจึงเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวและได้เกิดเป็นตลาดใหม่ขึ้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดที่พักอาศัยแนวราบทั้งในรูปแบบบ้านและคอนโดมิเนียมมีการพัฒนาไปมาก หลายโครงการยึดพื้นฐานการออกแบบจากแนวคิดรูปแบบบ้านดั้งเดิม แต่มีการพัฒนาเพิ่มเติมในเรื่องการออกแบบและการวางตำแหน่งทางการตลาดของสินค้า โครงการใหม่ๆ มีการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุที่ทันสมัยและหรูหรายิ่งขึ้น  สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ มีการออกแบบที่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้พักอาศัยในปัจจุบัน  โดยเฉพาะในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน พื้นที่ใช้สอย และที่จอดรถ นอกจากนี้ ที่พักอาศัยแนวราบในแหล่งตากอากาศได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทยมาอย่างยาวนาน  โดยโครงการใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในเขาใหญ่ คือ ธาม ฮิลล์ วิลเลจ คอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์และวิลล่า บนพื้นที่ 40 ไร่ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ประกอบด้วยรีสอร์ทวิลล่าและรีสอร์ทเรสซิเด์นท์ เหมาะสำหรับคนเมืองที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์  ธาม ฮิลล์ วิลเลจ  คือโครงการใหม่ล่าสุดจากนายณ์ เอสเตท งานซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง ซึ่งรวบรวมโครงการที่พักอาศัยแนวราบที่ดีที่สุดมาไว้ด้วยกัน เป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและนักลงทุน ในงานนี้ ซีบีอาร์อีจับมือกับหลายธนาคารชั้นนำและมอบคะแนนสะสมสูงสุด 55 เท่าเมื่อชำระเงินจองด้วยบัตรเครดิตซิตี้แบงค์ และผ่อนชำระ 0% สูงสุด 6 เดือนเมื่อชำระค่าทำสัญญาผ่านบัตรเครดิตกรุงศรี  นอกจากนี้ ซีบีอาร์อียังมอบข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย เช่น ส่วนลดสูงสุด 3.1 ล้านบาทต่อยูนิต รวมถึงของสมนาคุณและสิทธิพิเศษต่างๆ อย่างบัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์ฟรีมูลค่าสูงสุด 2.5 ล้านบาท แพ็กเกจตกแต่งเฟอร์นิเจอร์มูลค่าสูงสุด 3 ล้านบาทจากชนินทร์ ลิฟวิ่ง และทริปล่องเรือยอร์ชส่วนตัวจากวีรันดา รีสอร์ท พัทยา ด้วยส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ รวมมูลค่ามากกว่า 8 ล้านบาท และการรวบรวมโครงการที่พักอาศัยแนวราบที่ดีที่สุดที่ไว้ภายในงานเดียว  จึงทำให้งานซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง จึงเป็นงานที่ผู้ต้องการซื้อที่พักอาศัยไม่ควรพลาด ติดตามข่าวสารจากซีบีอาร์อีเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: CBRE.Thailand Twitter: @CBREThailand LinkedIn: CBRE Thailand Instagram: CBRE Residential Thailand  
ออริจิ้น รุกหนักปักหมุด บุกทำเลโซน CBD ใจกลางเมืองครั้งแรก !!! เปิดโครงการระดับลักชัวรี่ “ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร” ย่านสาทร-นราธิวาสใกล้รถไฟฟ้า ช่องนนทรี มูลค่าโครงการกว่า 3,800ล้านบาท กับราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้

ออริจิ้น รุกหนักปักหมุด บุกทำเลโซน CBD ใจกลางเมืองครั้งแรก !!! เปิดโครงการระดับลักชัวรี่ “ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร” ย่านสาทร-นราธิวาสใกล้รถไฟฟ้า ช่องนนทรี มูลค่าโครงการกว่า 3,800ล้านบาท กับราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI  ยกระดับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บุกทำเลโซน CBD ใจกลางเมือง พร้อมเปิดตัวโครงการระดับลักชัวรี่ “ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร” ย่านสาทร-นราธิวาส  สไตล์ดูเพล็กซ์ ราคาเริ่มต้นเพียง 4.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 3,800 ล้านบาท ชูจุดเด่นPrimeArea ที่อยู่อาศัยในย่านเศรษฐกิจสำคัญใกล้รถไฟฟ้าช่องนนทรี และ รถไฟฟ้าสายสีเทา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  เน้นเจาะกลุ่มคนทำงานระดับ B ขึ้นไป มั่นใจสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี คุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI”เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียม ใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้า เชื่อว่ายังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลของคนเมืองที่ทำงานออฟฟิศที่มีวิถีชีวิตเปลี่ยนไป และส่วนหนึ่งมาจากการจับจองของนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ ลูกค้าจะมองถึงเรื่องความคุ้มค่าและมูลค่าในอนาคตที่เพิ่มขึ้น เพราะขณะนี้ที่ดินในเมืองหายากขึ้นและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเลใจกลางเมืองย่านเศรษฐกิจสำคัญและเป็นที่รู้จักในระดับโลกอย่าง ย่านสาทร  ซึ่งในปัจจุบันแถวนี้จะหาที่ดินในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยนั้นเป็นไปได้ยาก ล่าสุด บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้ กลยุทธ์ Blue Ocean Location ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สุดของ ออริจิ้น ในการเลือกสรรทำเลที่ดีที่สุด นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้านราคาที่สร้างความได้เปรียบให้กับสินค้า โดยการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในระดับที่ผู้บริโภคเอื้อมถึง ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด  กับ โครงการระดับลักชัวรี่ใจกลางเมือง ย่านสาทร ครั้งแรก !! คือ โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร(Knightsbridge Prime Sathorn)  เพื่อยกระดับการพัฒนาโครงการของบริษัทให้เข้ามาอยู่ในใจกลางเมืองมากขึ้น  โดยโครงการดังกล่าว พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับ ลักชัวรี่ แบบดูเพล็กซ์ ในราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ชูจุดเด่นทำเลดังกล่าวถือเป็นทำเล Prime Area ราคาดูเพล็กซ์เริ่มต้นเพียง4.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 3,800 ล้านบาท ย้ำมั่นใจทำเลดังกล่าวยังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร(Knightsbridge Prime Sathorn) พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ใจกลางเมือง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 726 ยูนิต ตั้งอยู่บนถนนสาทรห่างจากแยกสาทร – นราธิวาสประมาณ 550เมตรในราคาห้องดูเพล็กซ์เริ่มต้นเพียง 4.5 ล้านบาท มีห้องชุดทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. ห้อง Type A Duplex มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 44 ตร.ม. 2. ห้อง Type B Duplex มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 37 ตร.ม. 3. ห้อง Type C Monoplex มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 30 ตร.ม. ห้อง Type D Monoplex มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 24 ตร.ม. พัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Medium and Luxury Condo เน้นการดีไซน์บนความเรียบง่ายแต่มีความพรีเมี่ยม เพื่อสร้างมิติใหม่ของการพักอาศัย ที่จะนำผู้พักอาศัยไปยังเป้าหมายของชีวิตที่กำหนดไว้และถึงเป้าหมายสูงสุดของชีวิตได้อย่างรวดเร็วและลงตัวครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในโครงการ อาทิ อาคารจอดรถระบบอัตโนมัติที่สามารถรองรับการจอดรถได้ถึง 70% ของยูนิตทั้งหมด (ประมาณ 500 คัน) ล็อบบี้ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนส ห้องอ่านหนังสือ ลู่วิ่ง ฯลฯ โครงการตั้งอยู่ต้นถนนนราธิวาสราชนครินทร์ซึ่งเป็นถนนย่านเศรษฐกิจที่เก่าแก่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ทำเลตั้งห่างจากแยกสาธร-นราธิวาส เพียง 550 ม. ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานี ช่องนนทรีเพียง 600 ม. สถานีรถ BRT เพียง 0 เมตร และติดรถไฟฟ้าสายสีเทาในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้บริการในปี 2564 ทำให้การคมนาคมในย่านนี้ในอนาคตมีความสะดวกสบายมากขึ้น ที่จะตอบโจทย์ของการคมนาคมไปยังทิศต่างๆของกรุงเทพฯได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญในกรุงเทพฯได้อยากหลายสาย อาทิ ถนนสาทร-นราธิวาส ถนนสุรวงศ์ ถนนสาทร ถนนสีลม ฯลฯ “ระยะหลังๆ มานี้ ที่ดินในย่านเศรษฐกิจสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ นั้นค่อนข้างหายาก จำนวนโครงการที่เปิดตัวใหม่ลดลง ผู้ที่ซื้อเพื่อลงทุนคอนโดในบริเวนนี้มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนกำไรสูงขึ้นและตลาดการขายต่อ (Resale) ในอนาคตก็จะมีแนวโน้มสดใส ซึ่ง ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร ตั้งอยู่บริเวณแยกสาทร-นราธิวาส ซึ่งจัดว่าเป็นทำเลที่ดีเยี่ยมเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบาย ระบบขนส่งมวลชนที่รวมสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทา มารองรับการเดินทาง ที่ห่างจากตัวโครงการไม่กี่ย่างก้าว ”คุณพีระพงศ์ กล่าวตอนท้าย ล่าสุดสำหรับโครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร เปิดให้จองพร้อมชมห้องตัวอย่างทั้ง 4 รูปแบบ ในวันที่ 1-2 ตุลาคม 2559  ณ Sale Gallery นอกจากนั้นยังเตรียมจัดโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดระดับลักชัวรี่ ใจกลางเมือง ที่พร้อมตอบรับทุกการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวที่สุด ที่อยู่ตั้งบนทำเลศักยภาพย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 020 300 0000 หรือ www.origin.co.thิด
นับถอยหลังเตรียมพบกับงานด้านการก่อสร้างใหญ่ที่สุดในเอเชีย “Asian Construction Week 2016”

นับถอยหลังเตรียมพบกับงานด้านการก่อสร้างใหญ่ที่สุดในเอเชีย “Asian Construction Week 2016”

บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัดผู้นำด้านการจัดงานและผู้บริหารการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุม ของประเทศไทย ร่วมกับบริษัท Sphere Exhibits Pte Ltd (สิงคโปร์), สถาบันคอนกรีตและก่อสร้างแห่งเอเชีย (ACCI) และ โกลบ อินเตอร์เนชั่นแนล อีเว้นท์ คอนซัลแทนซี่ ขอเชิญผู้ประกอบการด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของอาคาร ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบอาคาร ผู้รับเหมา สถาปนิก องค์กรภาครัฐ และเอกชน ร่วมงานแสดงสินค้าและการประชุมนาระดับนานาชาติด้านก่อสร้างและการอยู่อาศัยที่ครบครัน ภายใต้งาน“Asian Construction Week 2016”โดยงานนี้ประกอบด้วย 3 งานหลัก ได้แก่ งาน BMAM Expo Asia 2016 (งานแสดงสินค้าและการประชุมสัมมนาระดับนานาชาติด้านการบริหารจัดการและบำรุงรักษาอาคารครั้งที่ 9) งานแสดงนวัตกรรมด้านการบำรุงรักษาและบริหารจัดการอาคารโรงงานอสังหาริมทรัพย์การบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดีน่าใช้งานและยังคงสร้างประโยชน์อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยท่านจะได้พบกับการนำเสนอSmart Building to Smart City – New areas & Upcoming technologies Trend for the future เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นตัวอย่างของ Smart Building ที่มีนวัตกรรมที่ล้ำหน้าอย่างแท้จริงทั้ง Smart Security & Safety, Smart Office,​ Smart ECO Building จาก Philips Healthcare, Infinite, Fivebond, Solar D, HIP Global, Prosecure, HID, Honeywell  เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดงานสัมนานานาชาติ อาทิ  Facility Management Conference ที่จัดโดยสมาคมวิชาชีพการบริหารทรัพยากรอาคาร และอีกหลากหลายหัวข้อซึ่งจัดโดยสมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากอุตสาหกรรม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ maintenance-asia.com งาน GBR Expo Asia 2016 (งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติด้านการซ่อมแซมและก่อสร้างอาคารเขียวครั้งที่ 6) งานแสดงเทคโนโลยีการก่อสร้างและต่อเติมอาคารเขียวพร้อมการประชุมสัมนาที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญในวงการอาคารเขียวอาทิการจัดงาน Thailand Green Building Conference โดยเราพยามยามสร้างความตระหนักให้แก่ผู้ประกอบการและผู้รับเหมาก่อสร้างเกี่ยวกับความสำคัญในการสร้างอาคารเขียวเพราะนั้นคือการรักษาโลกรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอย่างแท้จริง(Sustainable) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ greenbuilding-asia.com งาน Concrete Asia 2016 (งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับคอนกรีตการขุดเจาะและอุตสาหกรรมการก่อสร้างอาคาร) เนื่องจากคอนกรีตเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอาคาร และจำเป็นต่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้กับการเติบโตของประเทศ เพราะคอนกรีตที่มีคุณภาพดี แห้งเร็ว และมีความคงทน จะยิ่งทำให้สิ่งปลูกสร้างอยู่กับเราได้นาน ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง ซึ่งนั่นคือ ประหยัดต้นทุนในการทำงานนั้นเอง โดยในปีนี้ ไฮไลท์สำคัญ คือ สาธิตวิธีการเทและการขัดมันคอนกรีต และสำหรับพาวิลเลี่ยมของสมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย  จะมีการเปิดสัมนาฟรีในหัวข้อ “Trend of High Rise Building Construction in Thailand” และมี Concrete Laboratory นอกจากนี้ ด้านทางเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ โดยมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย และการสัมนาระดับนานาชาติ อาทิ Asian Concrete Conference 2016, ประสบการณ์ในเรื่องระบบการขุดเจาะของประเทศต่างๆในอาเซี่ยนและองค์ความรู้อันเป็นประโยชน์ต่องานคอนกรีตเพื่อป้องกันรอยร้าวและอื่นๆ (Tunneling Practice in Asian Country Conference and Essential Knowledge of Concrete Floor Cracks) ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ concrete-asia.com 3 งานหลักดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้งาน Asian Construction Week 2016 ระหว่างวันที่ 21 – 23 กันยายน 2559 ณ อาคาร 5 – 6 และลานกลางแจ้งศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี สอบถาม โทร. 02-833-5312 แฟกซ์ 02 833 5127-9 อีเมล์ pathitau@impact.co.th หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของงาน www.asianconstructionweek.com
ไทวัสดุ พระราม 2 เปิดยิ่งใหญ่ บนถนนพระราม 2 ทุ่ม 500 ล้านผุดคอมแพ็คสโตร์สาขาที่ 42

ไทวัสดุ พระราม 2 เปิดยิ่งใหญ่ บนถนนพระราม 2 ทุ่ม 500 ล้านผุดคอมแพ็คสโตร์สาขาที่ 42

ไทวัสดุ ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย เดินหน้าตอกย้ำผู้นำของตกแต่งบ้าน และ วัสดุก่อสร้าง เตรียมพร้อมเปิดบ้านใหม่ ไทวัสดุ สาขาที่ 42 ตระหง่านบนถนนพระราม 2 ทุ่มงบลงทุน 500 ล้านบาท    ผุดสโตร์ ภายใต้แนวคิด “Compact Store” บนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร ยึดมั่นสโลแกน  “ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี” รองรับกำลังซื้อกลุ่มเจ้าของบ้าน และช่าง-ผู้รับเหมา ในโซนกรุงเทพแถบฝั่งธนฯ ฉลองเปิดสาขาด้วยสินค้าที่ครบครัน ราคาถูก คุ้มค่า ทุกรูปแบบ นายกำชัย  หลุยยะพงศ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด  ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีก  ไทวัสดุ ,โฮมเวิร์ค และบ้าน  แอนด์ บียอนด์ ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีกำหนดเปิดร้านไทวัสดุ สาขาพระราม 2 ซึ่งเป็นสาขาที่ 42 ภายใต้ แนวคิด “Compact Store” บนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร แต่ครบครันทุกสินค้า และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กันยายน 2559 โดยไทวัสดุ สาขาพระราม 2 นี้ ได้ครอบคลุมพื้นที่ถนนพระราม 2 ทั้งเส้น ตั้งแต่ท่าข้าม บางมด บางขุนเทียน แสมดำ จอมทอง  บางบอน กาญจนาภิเษก และสุขสวัสดิ์ โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากลูกค้ากลุ่มช่าง กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง ที่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แถบชานเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไทวัสดุสาขาพระราม 2 มีจุดแข็งตรงที่ครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในรัศมี 10 กิโลเมตร พบว่ามีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 500,000 คน มีบ้านเดิมกว่า 155,000 หลังคาเรือน และโครงการบ้านใหม่ ที่มีแผนจะขึ้นในปีนี้อีกกว่า 8,000 ยูนิต ซึ่งคาดว่าไทวัสดุสาขานี้ จะมียอดขายสูงถึง 500  ล้านบาท ในปี 2560 “ไทวัสดุ มองทำเลโซนพระราม 2 มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเห็นได้ว่า ธุรกิจก่อสร้างโซนนี้ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทำเลโดยรอบ ถือว่าเป็นทำเลทองที่มีความเคลื่อนไหวด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเดิมทีพระราม 2 ถือเป็นเขตเศรษฐกิจอยู่แล้ว เพราะเป็นแหล่งรวมโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบัน ก็เริ่มมีที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า ห้างร้าน และโรงพยาบาล ทยอยเปิดตัว ทำให้มีแรงงาน และผู้คนเข้ามาอยู่ในอาศัยในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทำให้ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยขยายตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย เราเล็งเห็นตรงนี้ จึงได้เปิดไทวัสดุ สาขาพระราม 2 ขึ้น มีสินค้าเรื่องบ้านที่ครบทุกความต้องการ มีการจัดวางสินค้าที่น่าดู และมีอุณหภูมิภายในที่เย็นสบายขึ้นด้วย” นายกำชัย กล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการทำโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย ในสาขาใหม่ด้วย โดย 4 วันแรกของการเปิดสาขา คือระหว่างวันที่ 8-11 กันยายน 2559 พบกับโปรโมชั่น “ช้อปฟรี..ฟรี 500 บาท” แจกฟรีคูปองเงินสด 500 บาท เพียงLike facebook thaiwatsadu fan page และ Check in ไทวัสดุสาขาพระราม 2 จำกัด 200 ท่านแรกต่อวัน และรับฟรีเสื้อยืดไทวัสดุ (จำนวนจำกัด) เพียงสมัครสมาชิกเดอะวันการ์ด ทุก 50 บาท = 1 คะแนน 600 คะแนน = 100 บาท (ปกติ 800 คะแนน= 100บาท) นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญลุ้นแลกซื้อสินค้าครึ่งราคา เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป รับคูปองเพื่อลุ้นแลกซื้อสินค้า เช่น LED TV LG 55 นิ้ว มูลค่า 29,900 บาท และซื้อเพียง 14,500 บาท , สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 22,000 บาท แลกซื้อในราคาพิเศษ 11,000 บาท , iPAD MINI 16 GB มูลค่า 13,400 บาท แลกซื้อในราคาเพียง 6,700 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นระหว่างวันที่ 8 – 29 กันยายน 2559 ช้อปทุก 3,000 บาท รับคูปองส่วนลด 300 บาท หรือ ช้อปครบ รับฟรี อาทิ ช้อปครบ 30,000 – 59,999 บาท รับฟรี พัดลมทาวเวอร์ มูลค่า 1,988 บาท ,ช้อปครบ 60,000 – 99,999 บาท รับฟรี กล้องติดรถยนต์มูลค่า 3,500 บาท ,ช้อปครบ 100,000 – 299,999 บาท รับฟรี สร้อยคอทองคำ 1 สลึง มูลค่า 5,500 บาท และช้อปครบ 300,000 บาทขึ้นไป รับฟรี สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 22,000 บาท ซึ่งรายละเอียดโปรโมชั่นของสาขาพระราม 2 สามารถติดตามได้ใน www.thaiwatsadu.com หรือสอบถามได้ที่สาขาโดยตรง สำหรับงบลงทุนไทวัสดุสาขาพระราม 2 ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 40 ล้านบาท ต่อเดือน ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงบรรยากาศภายในสโตร์ และปรับปรุงรายการสินค้าให้รองรับความต้องการซื้อมากขึ้น มีการเสริมตัวสินค้าให้ดูทันสมัยมากขึ้น อาทิ เก้าอี้ เดิมเป็นเก้าอี้ธรรมดา โฉมใหม่นำเสนอสินค้าที่มีฟังก์ชั่นมากขึ้น นั่งสบาย สวยงาม รวมทั้ง เพิ่มสินค้าของตกแต่ง อาทิ ต้นไม้เทียม ดอกไม้เทียม เพื่อรองรับลูกค้าย่านถนนพระราม 2 ตั้งแต่ท่าข้าม บางมด บางขุนเทียน แสมดำ จอมทอง  บางบอน กาญจนาภิเษก และสุขสวัสดิ์
บี-ทิพพาภรณ์ ดวงพุ่ง โปรไฟล์ผู้บริหารเข้าตากรรมการระดับเอเชีย แถมโครงการแมกโนเลียส์ฯ เข้าชิงรางวัล 2 งานใหญ่

บี-ทิพพาภรณ์ ดวงพุ่ง โปรไฟล์ผู้บริหารเข้าตากรรมการระดับเอเชีย แถมโครงการแมกโนเลียส์ฯ เข้าชิงรางวัล 2 งานใหญ่

กรุงเทพฯ – ดูเหมือนครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงเฮงแบบสุดๆ ของเครือแมกโนเลียส์ฯ อีกครั้ง เพราะนอกจากยอดจองห้องชุดในหลายโครงการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ทุกโครงการยังเดินขบวนเข้าชิงรางวัลระดับสูงกันเป็นว่าเล่น ทั้ง THAILAND PROPERTY AWARDS 2016 งานประกาศผลรางวัลชั้นนำที่ทั้งวงการอสังหาฯต่างจับตามอง ซึ่งแมกโนเลียส์ฯ ได้เข้าชิงถึง 7 สาขารางวัลใหญ่เลยทีเดียว และงาน THINK OF LIVING PEOPLE’S CHOICE AWARDS 2016 งานผลรางวัลจากสื่อมวลชนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือสูงสุด ซึ่งแมกโนเลียส์ฯก็เข้าชิงใน 4 สาขาหลักเช่นกัน แถมเมื่อไม่นานมานี้ หัวเรือใหญ่อย่าง บี-ทิพพาภรณ์ เจียรวนนท์ อริยวรารมย์ ยังติดโผสุดยอดนักธุรกิจแห่งเอเชีย ASIA BUSINESS LEADER AWARDS 2016 ซึ่งคัดเลือกเฉพาะผู้บริหารที่โดดเด่นด้านธุรกิจและมากด้วยผลงานความสำเร็จ รวมไปถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยจะรู้ผลในเร็วๆนี้ เรียกว่าทั้งผลงานทั้งโปรไฟล์ผู้บริหารต่างเข้าตากรรมการกันแบบยกเซต งานนี้แมกโนเลียส์ฯมีหวังยิ้มแก้มปริแน่นอน !!! รายชื่อโครงการของแมกโนเลียส์ ที่เข้าชิง Thailand Property Awards 2016 ประกอบไปด้วย ; Best Ultra Luxury Condo Development Bangkok เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ Best Luxury Condo Development (Bangkok) แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม Best Residential Architectural Design เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ  และ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม Best Residential Interior Design เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ และ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม รายชื่อโครงการของแมกโนเลียส์ ที่เข้าชิง Think of Living People’s Choice Awards 2016 ประกอบไปด้วย ; Luxury: Best High Rise Condominium Development แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม Best Show Home Interior Design เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ Best Architectural Design แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด Best Mixed-Use Development แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด, วิสซ์ดอม 101 และ ไอคอนสยาม
‘เอพี ไทยแลนด์’ ปลื้มคอนโดเอพีได้รับการตอบรับดีท่วมท้น ล่าสุด ‘RHYTHM เอกมัย’ ขายหมดในวันแรกที่เปิดตัว ผลพิสูจน์ความมุ่งมั่นสร้างความแตกต่างอสังหาฯ เครือเอพี

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปลื้มคอนโดเอพีได้รับการตอบรับดีท่วมท้น ล่าสุด ‘RHYTHM เอกมัย’ ขายหมดในวันแรกที่เปิดตัว ผลพิสูจน์ความมุ่งมั่นสร้างความแตกต่างอสังหาฯ เครือเอพี

กรุงเทพฯ (8 ก.ย. 59) – วันนี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการ อสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย โดยนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ คอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากแนวทางในการดำเนินงานที่มุ่งสร้าง ความแตกต่างให้กับอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอพี ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ในปีนี้ล้วนประสบความสำเร็จทางยอดขาย ไม่ว่าจะเป็น Life สุขุมวิท 48 ที่เปิดขายไปเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมาก็ปิดการขาย 100% ได้ภายในเวลาเพียง 2 วัน และล่าสุดกับการเปิดขายโครงการใหม่ RHYTHM เอกมัย  (ริธึ่ม เอกมัย) คอนโดมิเนียมร่วมทุนโครงการที่ 8 กับพันธมิตรญี่ปุ่นมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) มูลค่า 2,680 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างด้วยนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ล่าสุด เพื่อพื้นที่อยู่อาศัยในมุมมองใหม่ ภายใต้แนวคิด ‘PERSPECTIVISM’ และจากจุดขายที่ชัดเจนของโครงการนี้ที่ทุกยูนิตจะมีวิวเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถ ปิดการขายโครงการ RHYTHM เอกมัยได้ 100% ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว     “ในปีนี้เราประกาศ Sold Out ไปแล้ว 2 โครงการคือ Life สุขุมวิท 48 ที่เปิดไปเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และล่าสุดคือ RHYTHM เอกมัย ซึ่งถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ มีลูกค้ามาลงทะเบียนสนใจห้องชุดมากกว่า 1,500 คน ซึ่งเรามีห้องเพียง 326 ยูนิต หลายคนไม่ได้ห้องชุดที่ต้องการซึ่งทางบริษัทต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ การ Sold Out ไม่ว่าจะของ Life สุขุมวิท 48 หรือ RHYTHM เอกมัยในวันนี้ สะท้อนให้เราเห็นภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ ข้อหนึ่งว่าจริงๆ แล้วดีมานด์สำหรับตลาดคอนโดยังคงมีอยู่ เพียงแต่สินค้าที่เปิดใหม่ขึ้นมานั้น จับตลาดถูกกลุ่มหรือไม่ และที่สำคัญสินค้านั้นมีความโดดเด่นและแตกต่างจากสินค้าที่ขายอยู่ในตลาดแค่ไหน ซึ่งสำหรับคอนโดที่มีแผนจะเปิดตัวใหม่ในปีนี้อีก 2 โครงการ ทีม AP Design Lab เราเปลี่ยนวิธีคิดในการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการเป็นรายแรกในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งสร้างความแตกต่าง ให้เกิดขึ้นในทุกองค์ประกอบของโครงการ ซึ่งอยากให้คอยติดตามดูนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ของเอพีเราครับ” นายวิทการกล่าว   นอกจากโครงการ RHYTHM เอกมัย ที่นำมาเปิดขายในงาน AP SPACE VISION สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 8-11 กันยายนนี้แล้วนั้น ภายในงานบริษัทฯ มีคอนโดมิเนียมในทำเลใกล้รถไฟฟ้า มาขายในงานอีกกว่า 17 โครงการ ในราคาเริ่มต้น 1.55 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นในทำเล สุขุมวิท อโศก สาทร งามวงศ์วาน รัตนาธิเบศร์ ปิ่นเกล้า และเอราวัณ เป็นต้น รวมทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมในทำเลศักยภาพ กว่า 20 ทำเลในราคาเริ่มต้น 2.19 บาท พร้อมรับส่วนลดสูงสุดในงานกว่า 4,000,000 บาท พิเศษสำหรับโครงการพร้อมอยู่รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% นาน 2 ปี จากพันธมิตรธนาคารชั้นนำ   สำหรับผู้ที่มองหาห้องชุดยูนิตพิเศษในทำเลที่หาไม่ได้แล้วในตลาด หรือต้องการฝากขาย-ฝากเช่า คอนโดมิเนียม ภายในงานยังมีบูธของ บริษัท บางกอก ซิตี้สมาร์ท โบรกเกอร์ในเครือเอพีคอยให้คำปรึกษา และแนะนำการลงทุน พร้อมจัดแคมเปญพิเศษ Tomorrow is NOW โอกาสเดียวในการเป็นเจ้าของคอนโดพร้อมอยู่ ในราคาเดียวกับวันเปิดตัว เริ่ม 2.2 ล้านบาทอีกด้วย   ทั้งนี้ งาน AP SPACE VISION สยามพารากอน จัดขึ้น ณ ชั้น 1 สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 8-11 กันยายน 2559 เป็นหนึ่งในแคมเปญใหญ่ 25 ปีเอพี ที่ทางบริษัทฯ จัดขึ้น 4 งานใหญ่รอบมุมเมืองของกรุงเทพ (บางแค ลาดพร้าว เวสต์เกต สยามพารากอน) เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าเอพี ภายในงานได้นำเสนอโครงการพร้อมอยู่ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมคุณภาพ ดีไซน์สเปซยอดเยี่ยมภายใต้แบรนด์เอพี และอีกหนึ่งไฮไลท์ในงานคือนวัตกรรมการนำเสนอรูปแบบใหม่ ‘AP SPACE VR’ Virtual Reality ครั้งแรก ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยลูกค้าสามารถรับชม Space ภายในบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมของเอพี สัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยได้อย่างเสมือนจริง โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมายังโครงการ ช่วยประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์มากที่สุดอีกด้วย   ติดตามข้อมูลข่าวสารของเอพีได้ที่ www.apthai.com และเฟสบุ๊ค www.facebook/Apthai “พื้นที่ชีวิต...เราคิดเพื่อคุณ 25 ปี AP Think Space”
เอสซี แอสเสท ตอกย้ำภาพลักษณ์สังคมไม่มีรั้ว ส่งแคมเปญ Walk With Me สานต่อปรัชญา ‘For Good Mornings’ ชวนก้าวเดินออกจากรั้วเพื่อไปพบเพื่อนบ้านและมิตรภาพดีๆ พร้อมร่วมส่งต่อแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้สังคม

เอสซี แอสเสท ตอกย้ำภาพลักษณ์สังคมไม่มีรั้ว ส่งแคมเปญ Walk With Me สานต่อปรัชญา ‘For Good Mornings’ ชวนก้าวเดินออกจากรั้วเพื่อไปพบเพื่อนบ้านและมิตรภาพดีๆ พร้อมร่วมส่งต่อแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้สังคม

บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำ ก้าวสู่ปีที่ 13 ของการดำเนินธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯ  ด้วยวิสัยทัศน์ที่เติบโตยั่งยืนควบคู่ไปกับการสร้างสังคมเพื่อนบ้านอบอุ่น  ซึ่งในปีนี้ได้สร้างสรรค์คอร์ปอเรทแคมเปญภายใต้ชื่อ “ Walk With Me มิตรภาพดีๆ มีอยู่รอบรั้ว...แค่ออกเดิน” ต่อยอดสโลแกน “For Good Mornings ชีวิตที่ดี มาจากจุดเริ่มต้นที่ดี” เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าก้าวเดินออกจากบ้าน เพื่อพบมิตรภาพดี ๆ ที่มีอยู่รอบรั้ว  เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านและมิตรภาพอบอุ่น  อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตที่ยั่งยืน นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “เพราะเราเชื่อว่าบ้านที่ดีไม่ได้เป็นแค่ที่พักอาศัย แต่ยังต้องเป็นจุดเริ่มต้นที่นำความสุขและโอกาสดี ๆ มาให้ผู้อาศัยด้วย เรามุ่งสร้างสังคมคุณภาพอันอบอุ่น ในทุกๆ โครงการที่พัฒนาภายใต้แบรนด์ SC ASSET เราเชื่อว่าสังคมอบอุ่นเพราะมี “มิตรภาพ” ดังนั้นจึงได้กิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้าของเรามาโดยตลอด โดยแคมเปญ Walk With Me ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สะท้อนถึงจุดยืนดังกล่าว ที่เราอยากให้ทุกคนเชื่อว่าการก้าวเท้าออกเดินจากบ้านเป็นโอกาสที่จะพบปะเพื่อนใหม่ เสริมสร้างสังคมเพื่อนบ้านอันอบอุ่น ให้มีความสัมพันธ์และมิตรภาพที่แข็งแรง ซึ่งได้เลือกการสื่อสารเรื่องราวทั้งหมดนำเสนอผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ พร้อมกับเลือกรองเท้าเดิน adidas มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจ ในกิจกรรมร่วมสนุกผ่านโซเชียลมีเดียให้มีโอกาสแบ่งปันบริจาครองเท้ากับมูลนิธิ Second Chance เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้สังคม” แคมเปญ Walk With Me ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสื่อสารหลัก เนื่องจากสื่อออนไลน์เป็นสื่อที่กำลังเติบโตและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุม โดยสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาในรูปแบบมิวสิควีดิโอแบบอินเทอร์แอ็คทีฟ (Interactive Music VDO) ซึ่งนับว่าเป็นนวัตกรรมสุดล้ำครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นสื่อกลางในการเชิญชวนผู้ชม ทั้งลูกค้าและบุคคลทั่วไปมาร่วมกิจกรรม Walk With Me บนเว็บไซต์ walkwithme.scasset.com ภาพยนตร์โฆษณาของแคมเปญ Walk With Me บอกเล่าเรื่องราวมิตรภาพของการเดินใน 3 เส้นทาง ได้แก่ Night Walker, Dream Walker และ Dog Walker  ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมในการเลือกเรื่องราวได้เองถึง 12 รูปแบบที่แตกต่างกัน กำกับโดยโคไซ เซกิเนะ (Kosai Sekine) ผู้กำกับมือรางวัลระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งโดดเด่นในการนำเทคนิคใหม่ ๆ มาสร้างความตื่นเต้นแก่วงการภาพยนตร์อยู่เสมอ และสร้างสรรค์เพลงประกอบโดยเจ-มณฑล จิรา ศิลปินแถวหน้าของไทย และแฮนน่า เบ็งสัน (Hanna L Bengtsson) นักร้องและโปรดิวเซอร์ชาวสวีเดน ที่เคยสร้างผลงานอันฮือฮา ร่วมกับ SC ASSET มาแล้วกับแคมเปญ “ฟาร์มรัก” แคมเปญ Walk With Me นี้ ยังมีกิจกรรมต่อยอดให้ทุกคนร่วมสนุกด้วยการลงทะเบียนลุ้นรับรองเท้าเดินรุ่นสุดฮิตจาก adidas หลังจากชมภาพยนตร์โฆษณาจบผ่านทางเว็บไซต์ walkwithme.scasset.com โดยอัพโหลดถ่ายภาพของตัวเองใส่กรอบรูปบนหน้าเว็บ จากนั้นกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วนในแบบฟอร์มออนไลน์ และแชร์ภาพกิจกรรมลงบน Facebook ของตน พร้อมแท็กเพื่อนที่อยากชวนมาร่วมกิจกรรม ใส่ Hashtag #WalkWithMe #SCASSET  ระยะเวลาในการร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม – 7 กันยายน 2559 โดยจะมีการประกาศผลทางอีเมล์ และทางเว็บไซต์ walkwithme.scasset.com ในวันที่ 29 สิงหาคม, 5 และ 12 กันยายน 2559 ผู้โชคดีที่ได้รับรองเท้า  สามารถติดต่อรับได้ในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ ระหว่างช่วงวันที่ 10 กันยายน ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2559 ที่โครงการ BEATNIQ สุขุมวิท 32 คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดของเอสซี แอสเสท นอกจากนั้นผู้ที่มารับมอบรองเท้ายังสามารถร่วมสร้างโอกาสดีๆ แก่สังคม โดยการนำรองเท้าที่ไม่ได้ใช้แล้วมาบริจาคให้มูลนิธิ Second Chance ซึ่งจะเป็นตัวแทนส่งต่อให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนคลองเตยต่อไป “เราหวังว่าแคมเปญ Walk With Me นี้ จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นตัวกลางในการสร้างความสัมพันธ์และความสุขให้แก่ลูกค้าของเราผ่านประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ  โดยคาดหวังว่าจะมีมิตรภาพดีๆ และสังคมเพื่อนบ้านอบอุ่น เกิดขึ้นรอบๆ รั้วโครงการของเอสซี แอสเสทมากขึ้น  นอกจากนั้นการที่เราเปิดโอกาสให้ทุกๆ คน ไม่จำกัดเฉพาะลูกค้า สามารถร่วมแคมเปญได้ เพราะเชื่อว่านี่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างมิตรภาพและสังคมที่ดี ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขยั่งยืน” นายณัฐพงศ์กล่าว
ฟิลิปส์ เปิดตัว Philips LED SceneSwitch รุ่นใหม่ มาพร้อมนวัตกรรมในการปรับระดับแสง ตอบโจทย์ทุกอารมณ์และความรู้สึก

ฟิลิปส์ เปิดตัว Philips LED SceneSwitch รุ่นใหม่ มาพร้อมนวัตกรรมในการปรับระดับแสง ตอบโจทย์ทุกอารมณ์และความรู้สึก

5 กันยายน 2559 - กรุงเทพฯ - บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change หลอดไฟแอลอีดีรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่สามารถปรับความสว่างของแสงได้สามระดับในหลอดเดียว โดยสามารถใช้สวิตซ์ไฟตัวเดิมโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติม ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ช่วยสร้างบรรยากาศและปรับอารมณ์ให้เหมาะสมสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า การทำอาหาร หรือการพักผ่อน หลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change มีโทนสีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ คูลเดย์ไลท์หรือแสงขาว (6500k) และโทนแสงวอร์มไวท์หรือแสงเหลืองนวล (3000K) มาในหลอดขนาด 9 วัตต์ และสามารถปรับความสว่างของแสงได้สามระดับ ตามความต้องการในการใช้งานของผู้บริโภค ตั้งแต่ Bright light (6,5000K/800Lm) มีระดับความสว่างของแสงเต็ม 100% เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่ต้องการแสงสว่างในการทำงาน Normal light (6,500K/320Lm) มีระดับมีความสว่างของแสง 40% ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ และ Low light (6,500K/80Lm) มีระดับมีความสว่างของแสง 10% เหมาะช่วงเวลาที่ต้องการใช้แสงน้อย เช่น เวลาชมภาพยนตร์ เป็นต้น นอกจากนี้ หลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change ยังช่วยประหยัดพลังงานได้สูงสุด 87% พร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 15 ปี หลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change มีวางจำหน่ายแล้ว ในราคา 259  บาท สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหลอดไฟฟิลิปส์ทั่วประเทศ พิเศษ! ฟิลิปส์ จัดโปรโมชั่นมอบส่วนลด 20 บาท สำหรับหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change จาก 259  บาท เหลือ 239 บาท ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 กันยายน– 31 ตุลาคม 2559 เท่านั้น หรือจนกว่าของจะหมด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลผู้บริโภคฟิลิปส์ โทร. 02-2688522 หรือสามารถชมวิดีโอเกี่ยวกับหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change ได้ที่ http://bit.ly/2beyNcs และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฟิลิปส์ได้ที่ www.facebook.com/philipslilghtingthailand
Thailand Property Awards ครั้งที่ 11 คึกคัก ประกาศรายชื่อ 36 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เข้าชิงชัย 33 ประเภทรางวัล

Thailand Property Awards ครั้งที่ 11 คึกคัก ประกาศรายชื่อ 36 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เข้าชิงชัย 33 ประเภทรางวัล

Thailand Property Awards ครั้งที่ 11 เข้าสู่โค้งสุดท้าย คณะกรรมการตัดสิน คัดเลือกผู้เข้าชิงรางวัลทั้งหมด 36 บริษัท มีสิทธิ์ลุ้น 33 ประเภทรางวัล กว่า 200 โครงการร่วมชิงชัย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 32% ทั้งบริษัทขนาดเล็กและยักษ์ใหญ่ในวงการ โดยปีนี้จัดงานสัมมนา Property Report Congress Thailand 2016 ก่อนงานกาล่า ดินเนอร์ประกาศรางวัล มร.เทอร์รี่ แบล็คเบิร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การประกาศรางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ด 2016 ครั้งที่ 11 (Thailand Property Awards 2016) ขณะนี้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกได้ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณาเข้ารอบที่มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณารับรางวัล 33 ประเภท โดยปีนี้ได้มีการเพิ่มรางวัลใหม่ ได้แก่ รางวัล Special Recognition in Sustainable Development, รางวัล Best Luxury Villa Development (Hua Hin), รางวัล Best Community Retail Development และ รางวัล Best Condo Development (Bangkok) “หลังจากที่ผลประกอบการอสังหาฯ ฟื้นตัวเล็กน้อยในครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดระดับบน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยโดยรวมหวังที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องและสะท้อนการเติบโตที่งานแจกรางวัลที่ยิ่งใหญ่แห่งปี Thailand Property Awards 2016  ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สอง การจัดงานในปีนี้เรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ทำโครงการแนวบูติก ซึ่งได้รางวัลร่วมกับบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ ที่หันมาร่วมแข่งขันเพื่อให้ได้รางวัลแห่งความสำเร็จและการยอมรับจากทั่วอุตสาหกรรมในปีที่ 11 นี้” มร.เทอรี่ กล่าวต่อไปว่า การจัดงานมีคณะกรรมการตัดสินเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงอสังหาฯ  และการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของผู้เข้าร่วมชิงรางวัล เป็นการบ่งบอกว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีเสถียรภาพ สำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯที่ต้องการแข่งขัน คุณภาพของโครงการดีขึ้นทุกปีๆ ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสภาพสังคมและการเมือง โดยในปีนี้ได้รับรายชื่อโครงการที่เข้ามาร่วมประกวดในประเภทการออกแบบมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว และเป็นที่น่าตื่นเต้นที่จะได้เห็นคนที่จะได้รับรางวัลในงานแจกรางวัลครั้งนี้ นอกเหนือจากผู้เข้าชิงรางวัลทั้ง 33 ประเภท Thailand Property Awards 2016 ในงานจะการประกาศรางวัลอันทรงเกียรติ Real Estate Personality of the Year ที่ได้รับการตัดสินจากบรรณาธิการหนังสือแมกกาซีน Property Report เป็นการ   ยกย่องบุคคลที่มีส่วนช่วยพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ไม่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการตัดสิน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลนี้เมื่อปีที่แล้ว คือ นาย William Bill E Heinecke ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยในปีนี้ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC), บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ลัคกี้ ลิฟวิ่ง พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลชั้นนำ ในการประกาศรางวัลอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ในบรรดาผู้ถูกเสนอชื่อ MQDC คือ บริษัท ที่ถูกเสนอชื่อมากที่สุดถึง 9 รายการ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วได้รับรางวัลชมเชย Best Developer มาปีนี้ MQDC เข้าแข่งขันในประเภทคอนโดมิเนียมหรู เพื่อชิงรางวัล Best Ultra Luxury Condo Development (Bangkok) สำหรับโครงการ The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok  และ รางวัล Best Luxury Condo Development (Bangkok) สำหรับโครงการ Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM. ด้วยความต้องการจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่มีกำลังซื้อและนักลงทุนชาวเอเชีย ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุด เอสซี แอสเสท ผู้ชนะรางวัล Best Developer เมื่อปีที่แล้ว จะแข่งขันในประเภทโครงการหรูระดับบน ร่วมกับบริษัทรายใหญ่อย่างแสนสิริ, เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ และ แม่น้ำ เรสซิเดนท์ สำหรับประเภทโครงการริมน้ำเจ้าพระยา ถนนวิทยุ ศาลาแดง พร้อมพงษ์ และลาดพร้าว ส่วนรางวัลยอดเยี่ยมของโครงการคอนโดมิเนียม low-rise และ high-rise ในกรุงเทพ จะมีการแยกประเภทย่อยระหว่างราคาระดับบนและปานกลาง นอกจากนี้ยังมีรางวัลใหม่ Best Community Retail Development สำหรับประเทศไทยอีกด้วย ขณะนี้ไม่ว่าจะทำเลไหน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหน้าใหม่และรายเก่า ต่างแข่งขันกันในประเภทที่อยู่อาศัย บ้านจัดสรร และวิลล่าในเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหิน สมุย พังงา กระบี่ และภาคตะวันออก นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ประธานกรรมการพิจารณาตัดสิน กล่าวว่า “นับตั้งแต่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินตั้งแต่ปี 2014 ในปีนี้ถือเป็นปีที่ทีความท้าทายมากที่สุด โดยมี ผู้เข้าประกวดถึง 214 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มี 163 โครงการ กรรมการตัดสินทุกท่านใช้เวลาและความสามารถอย่างมาก ในการพิจารณาและไปเยี่ยมชมโครงการแต่ก็นับเป็นความท้าทาย เป็นประสบการณ์และโอกาสอันเยี่ยมยอด ที่จะได้พบกับที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ตลอดจน มัณฑนากร และสถาปนิก ที่มีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างโครงการเหล่านี้” ในการมอบรางวัลครั้งที่ 11 นี้ ผู้จัด Thailand Property Awards 2016 ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสายงานไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา ผู้บริหารโครงการ ผู้ออกแบบ มาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินในปีนี้ โดย ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ คือ ศ.ดร.มานพ พงศทัต ภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  “โดยมาตรฐานการตัดสินจะครอบคลุมหลายประการ ได้แก่ ความได้เปรียบของทำเล แนวคิดการออกแบบ ความสำเร็จทางการตลาด ความมั่นคง และความคุ้มค่าสำหรับลูกค้า ซึ่งเรามีมาตรวัดที่ชัดเจนในการตัดสินโครงการที่คู่ควรกับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากที่เห็นบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำ ลงทุนทำโครงการรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ไม่ได้จำกัดตัวอยู่แต่ในกรุงเทพฯ” นางสุพินกล่าว และเพื่อความยุติธรรมและโปร่งใสในการตัดสินรางวัล Thailand Property Awards 2016 ได้มอบหมายให้ BDO ซึ่งเป็นบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก มาร่วมตรวจสอบในกระบวนการคัดเลือกผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล  เยี่ยมชมโครงการ และกระบวนการตัดสิน ตลอดจนขั้นตอนการพิจารณาการตัดสินครั้งสุดท้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยผู้ชนะจะถูกเปิดเผยรายชื่อในงาน กาลา ดินเนอร์ ที่สุดเอกซ์คลูซีฟ วันที่ 22 กันยายน นี้ ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี อะ รอยัล    เมอริเดียน คาดว่าจะมีผู้มาร่วมงาน 600 คน ทั้งแขกผู้มีเกียรติ และผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ โดยในครั้งนี้ยังมีแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ ได้แก่ นายสุวัฒน์ ลิมปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด ให้เกียรติเข้าร่วมงานอีกด้วย ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในหมวดพัฒนาโครงการ จะมีโอกาสได้รับรางวัลในหลายประเภท เช่น รางวัล Best of the Best ได้แก่ Best Housing Development (Thailand), Best Condo Development (Thailand) และ Best Commercial Development (Thailand)  ซึ่งจะทำให้มีโอกาสไปเข้าชิงรางวัลสุดท้ายในระดับอาเซียน และเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมงาน 6th South East Asia Property Awards ที่สิงคโปร์ ในเดือนพฤศจิกายน มร.เทอรี่ กล่าวปิดท้ายว่า “งาน Thailand Property Awards 2016 ครั้งที่ 11 ได้รับการสนับสนุนหลักโดย Hansgrohe, ผู้สนับสนุนระดับ gold คือ Teka และ JLL Thailand โดยมี Property Report  เป็นสื่อพันธมิตร ก่อนที่จะมีการจัดงานกาลา ดินเนอร์ ในวันเดียวกันนั้น จะมีการจัดงานสัมมนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ในชื่อ“ Property Report Congress Thailand 2016”  โดยความร่วมมือกับสมาคมธุรกิจชั้นนำ และ PropertyGuru Group ซึ่งเป็นผู้บริหาร DDproperty.com. เว็บไซต์ที่มีฐานสมาชิกเป็นกลุ่มผู้บริโภคอสังหาริมทรัพย์กว่า 16 ล้านคน และ เว็บไซต์อสังหาฯ ชั้นนำ ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรราคาพิเศษก่อนวันที่ 1 กันยายนนี้ (หลังจากนั้นจนถึงวันงานสามารถซื้อบัตรได้ในราคาปกติได้) ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมที่ info@asiapropertyawards.com หรือ เว็บไซต์ : AsiaPropertyAwards.com/thailandpropertyawards/ รายชื่อ ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 11th Thailand Property Awards 2016 DEVELOPER Best Boutique Developer Global Top Group Co Ltd Lucky Living Properties Co Ltd Siamese Asset Co Ltd DEVELOPMENT Best Ultra Luxury Condo Development (Bangkok) 98 Wireless by Sansiri PLC Marque Sukhumvit by Major Residences Company Limited The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Best Luxury Condo Development (Bangkok) Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Saladeang One by SC Asset Corporation PLC Best Low-Rise High End Condo Development (Bangkok) LIV@49 by Lucky Living Properties Co Ltd Best High-Rise High End Condo Development (Bangkok) Menam Residences by Menam Residences Co Ltd Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Best Low-Rise Affordable Condo Development (Bangkok) Proud III Condominium by Tri Property Co Ltd Villa Lasalle Sukhumvit 105 by Origin Property Public Company Limited Best High-Rise Affordable Condo Development (Bangkok) Knightsbridge Sky River Ocean by Origin Property Public Company Limited The Stage Taopoon Interchange by Real Asset Development Co Ltd Whizdom Station Ratchada – Thapra by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Limited Best Housing Development (Bangkok) 749 Residence by Pannaphat Development Co Ltd Setthasiri Charan – Pinklao by Sansiri PLC VILLAZZO 10 by A-List Development Best Condo Development (Phuket) Saturdays Residence by Two Villa Tara Co Ltd The Beachfront Oceanfront Condos and Villas by The Beachfront Oceanfront Condos and Villas Twinpalms Residences MontAzure by MontAzure Best Residential Development (Phang Nga/Krabi ) Phu Dahla Residences by Phu Petra Development Co Ltd The Cleat Condominium by Save Solution Co Ltd Best Villa Development (Eastern Seaboard) Baan Dusit by Dusit Group Nusa Chivani by Nusasiri Best Luxury Condo Development (Eastern Seaboard) Aeras Condominium by The Urban Property One Tower Pratumnak by 1 Group Development The Riviera Wongamat Beach by The Riviera Group Best Affordable Condo Development (Eastern Seaboard) Dusit Grand Park by Dusit Group The Cloud by Global Top Group Best Residential Development (Hua Hin) La Bua Resort & Residence by Nordic Home Co Ltd Falcon Hill by Falcon Hill Development Limited Smart House Valley Development by Suppagarn Real Estate Service Co Ltd Best Luxury Villa Development (Hua Hin) MahaSamutr by PACE Development Best Residential Development (Chiang Mai) Astra Condo by Onsirin Group The Spring Condominium by NTS Property Co Ltd Best Residential Development (Samui) Azur by Beach Republic Group UniQue by Q71 Development Co Ltd Villa Karpe Diem by Sea Bright View Limited Best Hotel Development Avani Riverside Bangkok by Minor International Best Community Retail Development theCOMMONS by The Commons Co Ltd Best Retail Development Siam Discovery by Siam Piwat Co Ltd DESIGN Best Residential Architectural Design Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM by MQDC Magnolia Quality Development Corporation MahaSamutr by PACE Development The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok by MQDC Magnolia Quality Development Corporation VILLAZZO 10 by A-List Development Best Residential Interior Design Best Western Premier BayPhere Pattaya by Habitat Group Co Ltd Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM by MQDC Magnolia Quality Development Corporation The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok by MQDC Magnolia Quality Development Corporation X2 Vibe Pattaya SeaPhere by Fifth Avenue Development Co Ltd (Under Habitat Group Co Ltd) Best Landscape Architectural Design Avani Riverside Bangkok Hotel by Minor Hotels Hyde Sukhumvit 11 by Grande Asset Hotels & Property Public Company Limited LIV@49 by Lucky Living Properties Co Ltd VILLAZZO 10 by A-List Development Best Hotel Architectural Design Avani Riverside Bangkok Hotel by Minor Hotels Best Hotel Interior Design Avani Riverside Bangkok Hotel by Minor Hotels Best Retail Architectural Design theCOMMONS by The Commons Co Ltd Whizdom 101 by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Note: The awards for Best Developer, Best Green Development, Special Recognition in CSR, Special Recognition in Sustainable Development, Best Housing Development (Thailand), Best Condo Development (Thailand) and Best Commercial Development (Thailand) will be revealed during the Gala Dinner.
จีแลนด์เผย ไตรมาส 2 กำไรสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

จีแลนด์เผย ไตรมาส 2 กำไรสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

อัตราค่าเช่าอาคารสำนักงานที่สูงขึ้น ส่ง “เดอะ แกรนด์ พระราม 9” หนุนกำไร “จีแลนด์” ไตรมาส 2 ทำกำไรแล้ว 110 ล้านบาท และเตรียมรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากอาคาร จี ทาวเวอร์ ที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปในสิ้นปีนี้ นายสุรกิจ ธารธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ G Land เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ 3 ที่ บริษัทมุ่งเป้าหมายการบริหารกิจการโดยเน้นการขยายพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ New CBD ภายใต้เมกกะโปรเจค เดอะ แกรนด์ พระราม 9  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยปัจจุบันโครงการที่แล้วเสร็จและเปิดดำเนินการไปแล้ว 2 อาคาร คือ อาคาร ยูนิลิเวอร์ เฮาส์ และอาคารเดอะ ไนน์ ทาวเวอร์ ซึ่งมีการเช่าเต็มพื้นที่แล้ว ทั้งนี้อาคาร จี ทาวเวอร์เริ่มเปิดให้บริการบางส่วนในไตรมาส3 และเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในสิ้นปีนี้  ซึ่งขณะนี้ได้ขายพื้นที่ไปแล้วกว่า 70% ทำให้ในไตรมาสที่ 2 บริษัทมีผลกำไรกว่า 110 ล้านบาท     สำหรับอาคาร จี ทาวเวอร์ เป็นอาคารที่มีดีไซน์ที่ได้รับการยอมรับในวงการออกแบบอาคาร โดยนิตยสาร Architecture นิตยสารออกแบบระดับโลกนำไปลงปกและเผยแพร่ พร้อมยกให้เป็นอาคารรูปทรงล้ำสมัย “The Next Generation of Architecture in Asia, New Building Technologies” และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จี ทาวเวอร์จะเป็นอาคารที่ได้รับการรับรองว่าเป็นอาคารสีเขียว LEED certified ในระดับ Gold  ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่กว่า 70% โดยมากกว่าครึ่งของผู้เช่าทั้งหมด เป็นผู้เช่าธุรกิจการเงินการประกันภัย เช่น กรุงไทยแอ็คซ่า ตลอดจนแบรนด์สุขภัณฑ์ยักษ์ใหญ่อย่าง “โตโต้” และบริษัท Booking.com  ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทำเลที่ตั้งของอาคาร ความพร้อมสรรพของสิ่งอำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัย พร้อมทั้งการออกแบบที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้เช่า สามารถดึงดูดผู้เช่ารายใหญ่ได้จำนวนมาก สำหรับพื้นที่ขายอีกบางส่วน บริษัทคาดว่าจะขายพื้นที่หมดก่อนการเปิดดำเนินการของอาคารอย่างแน่นอน “จากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกรายได้หลักของบริษัทมาจาก โครงการ เดอะ แกรนด์ พระราม 9 รวมทั้งสิ้น 1,750 ล้านบาท ด้วยความต้องการอาคารสำนักงานที่มีมากขึ้นนี้ ทำให้บริษัทเตรียมก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ในปี 2560 อีก 1 อาคาร มูลค่าอาคารหมื่นแปดพันล้านบาทได้แก่ อาคาร เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่คาดว่าจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศ ด้วยพื้นที่ใช้สอย 320,000 ตร.ม. ที่จะเป็นทั้งศูนย์รวมของ อาคารสำนักงานเกรดเอ โรงแรมระดับ 6 ดาว ศูนย์ประชุมและห้องจัดเลี้ยง ร้านอาหาร และจุดชมวิวที่สูงที่สุดในประเทศในอนาคต พร้อมรองรับลูกค้ากลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย อีกทั้งในไตรมาสสี่ของปีนี้ เราเตรียมเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ในเครือจีแลนด์อีกหลายโครงการ ได้แก่ ห้องชุด Penthouse & Duplex (คอนโด Belle) และแกรนด์คาแนล ดอนเมือง เฟส2 ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลตอบรับที่ดีให้แก่บริษัทเช่นกัน” นายสุรกิจ กล่าวเพิ่มเติม
ออริจิ้น เตรียมส่ง “เคนซิงตัน 63” คอนโดสไตล์รีสอร์ทเอาใจคนเมือง ปักหมุดแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ใกล้สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท

ออริจิ้น เตรียมส่ง “เคนซิงตัน 63” คอนโดสไตล์รีสอร์ทเอาใจคนเมือง ปักหมุดแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ใกล้สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด เน้นตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยและเอาใจคนเมือง ภายใต้แบรนด์ Kensington (เคนซิงตัน) โครงการ เคนซิงตัน 63 (Kensington 63) มูลค่าโครงการ 450ล้านบาท เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวห่างจากสถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ เพียง 250 ม. ชูจุดขายคอนโดมิเนียนสไตล์รีสอร์ท เพื่อการใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้ทุกวันเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริงเน้นการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวครบครันทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ในบรรยากาศที่ร่มรื่น รายล้อมไปด้วยธรรมชาติราคาเริ่มต้นที่ 1.49 ล้านบาท   คุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI”เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีความชัดเจนขึ้น ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจในสถานการณ์การเมืองที่เริ่มคลี่คลายและมีเสถียรภาพมากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยเห็นได้จากยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ในขณะที่ ออริจิ้น ยังให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจให้มีความครอบคลุมความต้องการของลูกค้า รวมทั้งยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสรรทำเลที่ตั้ง การออกแบบดีไซน์ที่สวยงาม มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย รวมถึงการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัวที่สุด  โดยล่าสุด เตรียมเปิดโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ Kensington (เคนซิงตัน)  คือ โครงการ เคนซิงตัน 63 (Kensington 63) พัฒนาเป็นโครงการคอนโดสไตล์รีสอร์ท  ให้คุณพักผ่อนตลอด 365 วัน มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 1.49 ล้านบาท ย้ำเชื่อมั่นความแข็งแกร่งของศักยภาพแบรนด์ Kensington (เคนซิงตัน) และจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดี โครงการเคนซิงตัน 63(Kensington 63) พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมLow rise 8 ชั้น จำนวน 231 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยถนนพหลโยธิน 63 ห่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ 250 เมตร มีห้องชุดทั้งหมด 3 รูปแบบ 1. 1 Bedroom ขนาด 23-33 ตร.ม. 2. 1 Bedroom Plus ขนาด 34.8 ตร.ม. 3. 2 Bedroom ขนาด 47.6 ตร.ม. พัฒนาภายใต้แนวคิด “รีสอร์ทคอนโด” เน้นการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ในบรรยากาศที่ร่มรื่น แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อังกฤษ และการออกแบบพื้นที่พิเศษที่ให้คุณได้พักผ่อน เติมเต็มพลังงานพร้อมความเป็นส่วนตัวทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย อาทิ สวนหย่อมรอบโครงการTree house ห้องอ่านหนังสือ ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฯลฯ เป็นต้น โครงการตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 63 ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ ประมาณ 250 เมตรซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งคาดว่ามีแผนจะเปิดให้บริการในช่วงปี 2562 ทำให้การเดินทางในย่านนี้เกิดความสะดวกมากขึ้นสามารถเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) จตุจักรในการเดินทางเข้าเมืองได้ นอกจากนี้ที่ตั้งโครงการยังสามารถเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญได้หลายสาย อาทิ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนงามวงศ์วาน ถนนเกษตร-นวมินทร์ และถนนรามอินทราเป็นต้น “สำหรับทำเลย่านพหลโยธิน-สะพานใหม่ เป็นทำเลที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งคิดว่ายังคงมีดีมานด์อยู่อีกมาก และมีผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริงยังมีอยู่ ซึ่ง ออริจิ้น ได้พัฒนาโครงการ เคนซิงตัน 63 (Kensington 63)ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ทั้งการออกแบบประโยชน์ใช้สอยภายในให้เหมาะสม สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าและสภาวะปัจจุบันให้มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาโดยตลอดเพื่อสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ในปัจจุบันมีการแข็งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม”คุณพีระพงศ์ กล่าวตอนท้าย ล่าสุดสำหรับโครงการ เคนซิงตัน 63 (Kensington 63) เตรียมจัดโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดสไตล์รีสอร์ทที่ตอบรับทุกการใช้ชีวิต ครบทุกฟังก์ชั่น โดดเด่นด้วยดีไซน์เฉพาะตัว ตั้งบนทำเลศักยภาพติดแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว สอบถามรายละเอียดได้ที่ 020 300 0000 หรือ www.origin.co.th  
อนันดาฯ ยืนยันไม่มีนโยบายในการซื้อที่ดินแพงที่สุด!! พร้อมยึดหลักในการมอบสิ่งที่ดีที่สุด ในราคาสมเหตุผลแก่ลูกค้า

อนันดาฯ ยืนยันไม่มีนโยบายในการซื้อที่ดินแพงที่สุด!! พร้อมยึดหลักในการมอบสิ่งที่ดีที่สุด ในราคาสมเหตุผลแก่ลูกค้า

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าและผู้ประกอบการที่คำนึงถึงผลประโยชน์และความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ในกรณีมีข่าวเรื่อง “อนันดาฯ ซื้อที่ดินแพงที่สุดถึง 2.2 ล้านบาท/ตารางวา”  พร้อมยืนยันบริษัทฯ ไม่มีนโยบายในการซื้อที่ดินที่แพงที่สุด  โดยที่ดินแปลงดังกล่าวได้ซื้อมาในราคา 1.2 ล้านบาท/ตารางวา ย้ำห่วงก่อให้เกิดปัญหาทำให้ราคาที่ดินในท้องตลาดสูงขึ้น ส่งผลต่อผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อไม่สูงมาก ไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ในราคาย่อมเยา หวังสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชนและความเชื่อมั่นของนักลงทุน นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า  เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวบิดเบือนจากความเป็นจริงอย่างยิ่ง เรื่อง “ อนันดาฯ ซื้อที่ดินแพงที่สุดถึง 2.2 ล้านบาท/ตารางวา” โดยความเป็นจริงแล้ว ที่ดินแปลงดังกล่าวซื้อมาในราคา 1.2 ล้านบาท/ตารางวา  ซึ่ง อนันดาฯ ไม่มีนโยบายในการซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการในราคาที่แพงที่สุด เพราะเป้าหมายในการพัฒนาที่ดินของ อนันดาฯ ยังคงยึดหลักคำนึงถึงผลประโยชน์และความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ และไม่เคยซื้อที่ดินที่แพงขึ้นหรือทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นเลย เนื่องจากทราบดีถึงปัญหาในเรื่องกำลังซื้อของคนในประเทศที่ไม่ได้สูงมาก ดังนั้น อนันดาฯ จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในราคาสมเหตุผล เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้  และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชน นักลงทุน จะให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในการบริหารงานที่ยุติธรรมต่อผู้บริโภคของอนันดาฯ  ต่อไป
“แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ฯ” ปั้น “ทาวน์โฮมหรู” เจาะตลาดออฟฟิศ เปิด The Element Rama 9 รองรับสตาร์ทอัพ ดีมานด์ล้น คนทำออฟฟิศในบ้าน

“แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ฯ” ปั้น “ทาวน์โฮมหรู” เจาะตลาดออฟฟิศ เปิด The Element Rama 9 รองรับสตาร์ทอัพ ดีมานด์ล้น คนทำออฟฟิศในบ้าน

เนื่องจากตลาดอสังหาฯปี 2016 แนวโน้มความชัดเจนว่าตลาด Residential มีความตึงตัวค่อนข้างสูงมากและในบางพื้นที่พบว่า demand ลดลงอย่างต่อเนื่อง  สวนทางกับ home office ที่ยังคงร้อนแรง  ขณะที่ supply ยังคงมีน้อย ประกอบกับความหนาแน่นของ office ให้เช่าในเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบันค่อนข้างสูง และปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 5%   จุดประกายให้ บริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด  เปิดตัวโครงการ The Element Rama 9  บนทำเลที่มีศักยภาพสูงสุด เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ อโศก ทองหล่อ เอกมัย ใช้เวลาเพียง 15 นาที ใกล้ the nine Concept  โครงการเป็น home office design Modern Luxury รองรับพนักงานได้ประมาน  25-30 คน ที่จอดรถ 6 คัน  เริ่มต้นที่ 22.9 ล้านบาท  ด้านตัวแทนขาย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์(ประเทศไทย) จำกัด มั่นใจ ดิวิลอปเปอร์มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาโครงการแนวราบ ประกอบกับตัวเลขดีมานด์ล้น  คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถปิดการขายได้หมด!! ธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล   กรรมการผู้จัดการ  เผยว่า “ผมมองว่าคนที่ทำธุรกิจ size m ที่มีกำลังซื้อและอยากขยายธุรกิจหรือมองหา ที่ทำงานในทำเลที่ดีและอยู่อาศัยในที่เดียวกันอย่างลงตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนั้นยังมีอีกมากและตัดสินใจไม่ยากที่จะเปลี่ยนจากการจ่ายค่าเช่าเป็นผ่อนกับทางธนาคารเพื่อซื้อขาด ผมมองว่า product นี้น่าจะรองรับความต้องการในตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี และหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากโครงการอาคารพาณิชย์ที่นิคมลาดกระบังทำให้รู้สึกชอบโครงการแนวราบเพาะสามารถแบ่งเฟสในการสร้างและขายทยอยโอนได้ไม่เหมือนกับคอนโดมิเนียมที่ต้องสร้างเสร็จทั้งโครงการจึงจะโอนได้” “โดยเรามองหาทำเลเพื่อทำ home office มาระยะหนึ่งแล้ว ดูที่ดินหลาย 10 แปลง เพราะมองเห็นโอกาสเนื่องจาก product ที่เราพัฒนานั้นยังเป็นส่วนน้อยที่ทำออกมาขายในตลาดและยังมีความต้องการออฟฟิศเพื่อทำงานและอยู่อาศัยในที่เดียวกันในทำเลที่ดีประกอบกับจังหวะดีที่เราได้ที่ดินแปลงนี้มาซึ่งอยู่ในทำเลที่เหมาะมากๆ เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ อโศก ทองหล่อ เอกมัย ใช้เวลาเพียง 15 นาที ใกล้ the nine ซึ่งจากที่ research ข้อมูลพบว่าพื้นที่ละแวกนี้มีคนทำ office ในบ้านเยอะแต่เป็นการดัดแปลงพื้นที่ตัวบ้านมาเป็นออฟฟิศซึ่งทำให้พื้นที่ใช้สอยไม่ลงตัวนักและจากผลสำรวจโครงการที่มีลักษณะเดียวกันนี้ยังมียอดขายที่ดี จึงมีแนวคิดเกิดเป็น “โครงการ The Element Rama 9” จากความตั้งใจที่จะทำให้โครงการนี้ตอบโจทย์สำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในทำเลที่มีศักยภาพแบ่งพื้นที่ใช้สอยเพื่อทำงานและอยู่อาศัยอย่างลงตัว ด้าน Concept  โครงการเป็น home office เน้นตอบโจทย์การทำงานพร้อมทั้งอยู่อาศัยอย่างลงตัวทั้งพื้นที่ใช้สอยและทำเลที่ตั้งรองรับพนักงานได้ประมาน  25-30 คน พร้อมกับ design Modern Luxury โดยใช้รูปทรงสีเหลี่ยมเรียบง่าย แต่เพิ่มมิติให้ตัวอาคารด้วยการใช้วัสดุที่หลากหลาย ทั้งเหล็ก ปูน กระจก และไม้ มีพื้นที่ธรรมชาติในบ้านหลายส่วน เริ่มจากชั้น1 เป็นที่จอดรถซึ่งจอดรถได้ถึง 6 คันและส่วนของ reception  เพื่อใช้ต้อนรับผู้มาติดต่อ ชั้น 2 ออกแบบให้มีระเบียงกว้างกระถางต้นไม้ที่มีความลึกพอปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ เพื่อบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติที่ร่มรื่นในส่วนชั้นสำนักงาน รวมถึง ชั้น3,4 พื้นที่ ภายในที่เว้นไว้สำหรับปรับพื้นที่ให้เข้ากับความต้องการการใช้งานให้ตรงกับลักษณะของธุรกิจที่ทางลูกค้าต้องการ ชั้น 5 หรือชั้นบนสุดที่เป็นส่วน Master Bedroom จะมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับจัดสวนชั้นดาดฟ้า เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในสวนได้อย่างเป็นส่วนตัว ราคาเริ่มต้นที่ 22.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 700++ ล้านบาท เป้าหมายหลักคือกลุ่มนักธุรกิจ sme ที่ต้องการขยายธุรกิจ( size m ) เจ้าของธุรกิจที่กำลัง start up, กลุ่มเจ้าของธุรกิจที่เช่าออฟฟิศในเมืองและต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนมากขึ้นได้ทั้งอยู่อาศัยและดำเนินธุรกิจโดยเปลี่ยนค่าเช่าเป็นการผ่อนธนาคาร กำหนดเปิดขาย   27-28 สิงหาคม 2559  ระยะเวลาการก่อสร้างเสร็จสมบรูณ์ภายใน ไตรมาส 2 ปี 2561 นอกจากนี้ผู้บริหารรุ่นใหม่ยังเผยกลยุทธ์การขายและทำการตลาดว่า “เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความชะลอตัวมาตั้งแต่ปี2558โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนกว่า 100,000 ยูนิตรอโอนประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้คนไม่กล้าใช้เงินเท่าไรนัก แต่ยังคงมี segment นี้ซึ่ง supply ที่มีอยู่ในตลาดยังไม่มากนักและยังทำยอดขายได้อยู่เรื่อยๆคือกลุ่มที่เป็น product high end ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จึงทำให้ผมสนใจใน segment นี้ประกอบกับที่ตั้งโครงการอยู่ในทำเลที่เหมาะสมกับ product มาก กลยุทธ์ของเรานอกจากเลือกที่จะอยู่ใน segment ที่มี supply ไม่เยอะแล้วอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา product ออกมามีคุณภาพสูงสูดเน้นทุกรายละเอียดและทำให้ ลูกค้าที่ซื้อโครงการของเราได้ความคุ้มค่ามากที่สุดโดยที่ลูกค้าสามารถเทียบราคา, ขนาดตัวบ้าน และ วัสดุต่างๆที่เราให้กับโครงการอื่นๆได้เลย ส่วนช่องทางการประชาสัมพันธ์แบ่งเป็น offline และ online และตั้ง target ไปที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าจะสามารถปิดการขายและจบโครงการภายในปี 2560   แผนในอนาคตผมยังคงสนใจที่ดินในเมืองและยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนา product segment ที่เป็น Home office หรือ Luxury home ระดับ high end เพราะมองเห็นถึงศักยภาพของที่ดินและกำลังซื้อ เราจึงมั่นใจว่าจะพัฒนาโครงการใน segment นี้ต่อไป ด้าน คุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์(ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ความต้องการพื้นที่ออฟฟิศบริเวณพระราม9 รามคำแหง ศรีนครินทร์ ณ ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดี โดยมีอัตราการเช่าสูงถึงร้อยละ 93 และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2554 โดยมีพื้นที่ที่ว่างเพียงร้อยละ 7 หรือประมาณ 18,000 ตารางเมตร และคาดว่าพื้นที่เช่าในย่านนี้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนภายใน 3 ปีข้างหน้า จากสาเหตุที่ไม่มีอุปทานใหม่ๆเกิดขึ้นในพื้นที่
“แอสเซทไวส์” ลุย 2 โครงการใหม่ ครองเจ้าทำเลที่ดีที่สุดย่านพหลโยธิน-รามอินทรา

“แอสเซทไวส์” ลุย 2 โครงการใหม่ ครองเจ้าทำเลที่ดีที่สุดย่านพหลโยธิน-รามอินทรา

“แอสเซทไวส์” ลุย 2 โครงการใหม่ ครองเจ้าทำเลที่ดีที่สุดย่านพหลโยธิน-รามอินทรา ประเดิมด้วย “โมดิซ สเตชั่น” คอนโดติดบันไดรถไฟฟ้าสายสีเขียว ต่อเนื่องความแรง กับ “โมดิซ อินเตอร์เชนจ์” คอนโดใจกลางจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีชมพู บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ล่าสุด ลุยใจกลางย่านพหลโยธิน - รามอินทรา ประเดิมด้วย โมดิซ สเตชั่น (Modiz Station) ติดบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท พร้อมเตรียมลุยต่อเนื่องกับ โมดิซ อินเตอร์เชนจ์ (Modiz Interchange) บนสุดยอดทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีชมพู ต่อยอดความสำเร็จภายใต้แบรนด์ “โมดิซ” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด กล่าวว่า “โมดิซ สเตชั่น” และ “โมดิซ อินเตอร์เชนจ์” ถือเป็นความภูมิใจล่าสุดที่เป็นเหมือนการยืนยันคุณภาพและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ อันเนื่องมาจากการมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดย โมดิซ สเตชั่น จะเปิดตัวก่อนในต้นเดือนกันยายน ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของย่านพหลโยธิน – รามอินทรา ติดบันไดรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและจะเปิดให้บริการในอีกไม่ช้า ทั้งนี้ แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวจัดว่าเป็นสายที่มีศักยภาพสูงสุดเพราะเป็นสายที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท มุ่งตรงเข้าสู่หมอชิต สยาม และอโศก ทำให้สามารถเดินทางสู่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองได้อย่างคล่องตัว และสามารถเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง เพราะล้อมรอบด้วยถนนสายหลัก คือ ถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดี-รังสิต ถนนรามอินทรา และถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมทั้งอยู่ใกล้สถานที่สำคัญ ทั้งสถานศึกษา และสถานที่อำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ทำให้ย่านพหลโยธิน-รามอินทรา เป็นทำเลที่น่าจับตามองที่สุดแห่งหนึ่ง โมดิซ สเตชั่น โดดเด่นด้วยการออกแบบในแนวคิด Live The Modern Luxury สะท้อนถึงตัวตนของผู้อยู่อาศัยที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง เป็นผู้นำเทรนด์ มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ใส่ใจทุกรายละเอียดด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพ ออกแบบห้องพักที่คำนึงถึงฟังก์ชั่นการใช้งานและประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่า ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์แบบครบเซ็ต พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Digital Door Lock และ Bluetooth Sound System ระบบหน้าจอสัมผัสในทุกห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ตอบสนองทุกด้านของการใช้ชีวิต ทั้ง ดับเบิ้ลวอลุ่ม ลอบบี้ (Double Volume Lobby) ที่ให้ความรู้สึกที่โปร่งสบาย ห้องสมุด พร้อมพื้นที่สำหรับนัดประชุมงาน (Meeting Hub) ห้องฟิตเนสลอยฟ้าที่สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจน (Sky Fitness) สระว่ายน้ำที่มองเห็นวิวได้ 360 องศา (Panoramic View Swimming Pool) พื้นที่สวนบนอาคารที่สามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างหลากหลาย ทั้งพื้นที่สำหรับปิ้งย่าง (BBQ Terrace) พื้นออกกำลังกายกลางแจ้ง (Outdoor Exercise Area) และพื้นที่พักผ่อนชมวิว (Skylight Chill Out Area) ทั้งยังเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง “ด้านโครงการ โมดิซ อินเตอร์เชนจ์ จะเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น โดดเด่นด้วยทำเลที่อยู่ติดรถไฟฟ้าสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีเขียวและสายสีชมพู ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายโครงการต่อเนื่องจาก โมดิซ สเตชั่น ในเดือนตุลาคม ศกนี้ นอกจากนี้ ภายในปี 2559 บริษัทฯ จะมีการเปิดตัวอีก 1 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ “บราวน์” (Brown) มูลค่าโครงการ 470 ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยรัชดา 32 โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ทั้งนี้ ภาพรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมียอดขายรวมแล้ว 1,100 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ Wynn Condo พหลโยธิน 52 และ The Honor รวมถึงโครงการปัจจุบันที่มียอดขายอย่างต่อเนื่องจากปี 2558 โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2559 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้”  นายกรมเชษฐ์ กล่าวในตอนท้าย โครงการ โมดิซ สเตชั่น (Modiz Station) เป็นคอนโดมิเนียมในรูปแบบโลว์ไรส์ จำนวน 8 ชั้น 1 อาคาร รวม 246 ยูนิต มูลค่าโครงการ 570 ล้านบาท อีกด้านหนึ่ง โครงการ โมดิซ อินเตอร์เชนจ์ (Modiz Interchange) จะเป็นคอนโดมิเนียมรูปแบบโลว์ไรส์เช่นกัน สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร รวม 217 ยูนิต มูลค่าโครงการ 530 ล้านบาท โดยโครงการ โมดิซ สเตชั่น ประกอบด้วยห้องชุดขนาดต่างๆ ได้แก่ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 23.27 – 23.70 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom Extra ขนาด 26.12 ตร.ม. ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 30.27 – 36.70 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom ขนาด 48.12 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท โดยในขณะนี้ได้เปิดลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อรับส่วนลด 100,000 บาท พร้อมจะมีการจัด VIP Booking สำหรับโครงการ โมดิซ สเตชั่น ก่อนในวันที่ 3 – 4 กันยายน ศกนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท ได้ที่ www.modizcondo.com พร้อมเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้ ณ สำนักงานขาย โมดิซ ถนนพหลโยธิน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 089 331 1777 หรือ www.modizcondo.com
ความสนใจซื้อคอนโดไฮเอ็นด์ในกรุงเทพฯ ยังสูง แต่ตัวเลือกและราคาที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจช้าลง

ความสนใจซื้อคอนโดไฮเอ็นด์ในกรุงเทพฯ ยังสูง แต่ตัวเลือกและราคาที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจช้าลง

กรุงเทพฯ 24 สิงหาคม 2559 - แม้โครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จะมียอดขายแตกต่างกันไปในแต่ละโครงการและทำเล แต่สำหรับตลาดโดยภาพรวม พบว่า มีการขายช้าลง เนื่องจากซัพพลายที่มีอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ผู้ซื้อใช้เวลานานขึ้นในการหาและเปรียบเทียบตัวเลือก ตามการรายงานจากบรืษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) นายบัณฑูร ดำรงรักษ์ หัวหน้าฝ่ายบริการธุรกิจที่พักอาศัย เจแอลแอล กล่าวว่า “โดยทั่วไป ดีมานด์หรือความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ยังคงมีอยู่สูง โดยเห็นได้จากการที่เจแอลแอลยังคงได้รับการติดต่อสอบถามจากผู้สนใจซื้อเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสำหรับคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุง ทั้งนี้ แม้ผู้สนใจซื้อหลายรายมีความตั้งใจซื้อจริง แต่ปริมาณคอนโดมิเนียมที่มีเสนอขายอยู่มากในตลาด ทำให้ผู้ซื้อไม่แน่ใจว่า ยูนิตที่กำลังสนใจนั้น เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่ จึงลังเลและใช้เวลาในการตัดสินใจนานขึ้น” รายงานจากศูนย์บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยเจแอลแอล ระบุว่า ณ กลางปีนี้ กรุงเทพฯ มีคอนโดมิเนียม (เฉพาะที่สร้างเสร็จแล้ว) คิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 406,500 ยูนิต โดยในจำนวนนี้เป็นคอนโดที่สร้างเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปีนี้รวม 29,200ยูนิต นอกจากนี้ มีคอนโดอีก 135,900 ยูนิตที่กำลังทยอยสร้าง โดยในจำนวนนี้ จะสร้างเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ประมาณ40,000 ยูนิต ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯ ณ สิ้นปี 2559 มีจำนวนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วรวมทั้งสิ้นมากกว่า 446,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากช่วงสิ้นปี 2555 คาดหวังราคาของผู้ซื้อและผู้ขาย มีช่องว่าง การติดต่อสอบถามที่เจแอลแอลได้รับส่วนใหญ่ มาจากผู้สนใจซื้อคอนโดมิเนียมกลุ่มไฮเอ็นด์ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ในสนนราคาต่ำกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่คอนโดกลุ่มนี้มีราคาเสนอขายส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 200,000-300,000 บาทต่อตารางเมตร “ผู้สนใจซื้อหลายรายรับรู้ว่าตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ มีซัพพลายเพิ่มขึ้นมากและโครงการต่างๆ ขายได้ช้าลง จึงคาดหวังว่าเจ้าของจะปรับลดราคา แต่ในความเป็นจริง แม้การขายจะช้าลง ราคาคอนโดมิเนียมยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการที่เปิดตัวใหม่ (เปิดขายก่อนเริ่มก่อสร้างหรือยังสร้างไม่เสร็จ) นอกจากนี้ โครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ยังคงมีราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 10-20% จากราคาเสนอขายช่วงเริ่มเปิดตัวโครงการก่อนเริ่มการก่อสร้าง” นายบัณฑูรกล่าว เพื่อกระตุ้นการขาย เจ้าของโครงการบางรายเสนอแรงจูงใจเพิ่ม อาทิ แถมเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินหรือลอยตัว ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอน ไปจนถึงยกเว้นการจัดเก็บค่าบริหารส่วนกลางในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ยังไม่มีสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าจะมีการปรับลดราคาลง ดังนั้น ความคาดหวังด้านราคาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายจึงมีช่องว่าง และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การขายในตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ช้าลง เจ้าของโครงการรุกตลาดผู้ซื้อต่างชาติมากขึ้น นอกจากการติดต่อสอบถามจากผู้สนใจซื้อชาวไทยแล้ว เจแอลแอลพบว่า มีชาวต่างชาติให้ความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะจากฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน ทั้งนี้ จากการซื้อขายที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และการติดต่อสอบถามที่เจแอลแอลได้รับ แสดงให้เห็นว่า ชาวต่างชาติที่สนใจซื้อส่วนใหญ่ เน้นโครงการไฮเอ็นด์เนื่องจากสามารถมั่นใจได้มากกว่าในแง่ของคุณภาพการออกแบบ การก่อสร้าง และการบริหารจัดการอาคาร รวมถึงศักยภาพการลงทุน “แม้ในขณะนี้ การซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ จะให้ผลตอบแทนไม่สูงมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ชาวต่างชาติยังคงสนใจลงทุนซื้อ” นายบัณฑูรกล่าว พร้อมอธิบายว่า คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ นับว่ายังมีราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับคุณภาพและทำเลที่เทียบเคียงกันกับคอนโดที่ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือหัวเมืองใหญ่ๆ ของจีน ทำให้นักลงทุนจากประเทศเหล่านี้สามารถซื้อคอนโดกรุงเทพฯ ได้ด้วยงบประมาณที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ แม้การซื้อคอนโดในกรุงเทพฯ เพื่อปล่อยเช่าจะให้ผลตอบแทนการลงทุนไม่สูง แต่นักลงทุนหลายรายคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวมากกว่า จากมูลค่าที่คาดว่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต “ความคาดหวังดังกล่าว มีความเป็นสมเหตุสมผล เนื่องจากคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์ในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นดี ซึ่งมีที่ดินเหลือสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่ดินที่เสนอขายกรรมสิทธิ์ขาด ดังนั้น ต้นทุนการพัฒนาโครงการใหม่จึงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาขายในโครงการใหม่ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย” นายบัณฑูรกล่าว การที่นักลงทุนต่างชาติสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น ทำให้มีเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้นที่สนใจนำโครงการไปทำโรดโชว์ในต่างประเทศ นายบัณฑูรชี้ว่า การเจาะกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมายในต่างประเทศอาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพราะเป็นการขยายฐานผู้ซื้อ อย่างไรก็ดี แม้นักลงทุนต่างชาติจะสนใจซื้อ แต่ก็ใช้ความระมัดระวังในการซื้อไม่น้อยกว่าผู้ซื้อชาวไทย ดังนั้น ในการทำนำโครงการไปเสนอขายในต่างแดน เจ้าของโครงการอาจไม่สามารถคาดหวังได้ว่าจะสามารถปิดการขายได้ในทันที เว้นเสียแต่ว่า จะมีการเสนอแรงจูงใจพิเศษมากพอที่จะกระตุ้นให้ผู้สนใจตัดสินใจซื้อในระหว่างจัดกิจกรรม
มั่นคงฯ เผยครึ่งปีแรก กำไรพุ่ง 295%

มั่นคงฯ เผยครึ่งปีแรก กำไรพุ่ง 295%

บมจ. มั่นคงเคหะการ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2559 โตต่อเนื่องตามแผน โกยรายได้รวม 1,286 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเติบโตมากถึง 59% ด้านกำไรสุทธิรับ 140 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตพุ่งสูงถึง 295% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2558 เดินหน้ารุกครึ่งปีหลังด้วยการเปิดตัวโครงการบ้านอีก 2 โครงการและกลยุทธ์ผลักดันรายได้ระยะยาวจากธุรกิจอสังหาฯเพื่อการเช่า นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2559 มีการเติบโตขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย สืบเนื่องจากการทำการตลาดเชิงรุกทุกๆเดือนในโครงการบ้านที่เปิดขายรวม 11 โครงการทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบ้านระดับกลาง-บน ราคา 8-12 ล้านบาท และบ้านระดับกลาง ราคา 4 ล้านบาทของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับดี ผลักดันให้เกิดรายได้รวมในช่วงไตรมาสสองกว่า 675.19 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่า 83.30% มีกำไรสุทธิ 46.41 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตกว่า 814.12 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปี 2558” จากผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสองนี้ทำให้บริษัทฯ มีรายได้รวมในครึ่งปีแรก 2559 เป็นจำนวน 1,286.95 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 กว่า 59.86% โดยมีกำไรสุทธิ 140.82 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 295.68% “มั่นคงฯ จะยังคงดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเราได้มีการปรับภาพลักษณ์โครงการต่างๆ พัฒนารูปแบบบ้านและพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเราได้เปิดบริษัทลูกคือ บริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทให้บริการด้านการบริหารจัดการอาคารและที่พักอาศัย ทั้งนี้เพื่อเป็นบริการหลังการขายเสริมทัพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เสริมความแกร่งให้กับแบรนด์ระยะยาว พร้อมให้บริการกับโครงการบ้านต่างๆ ภายใต้บมจ.มั่นคงเคหะการ และปั้นเป็นธุรกิจให้บริการกับโครงการอื่นๆ อีกด้วย นอกจากนั้น เรามีแผนเปิดตัวโครงการบ้านอีก 2 โครงการ คือ ทาวน์โฮมระดับราคา 2 ล้านบาท และบ้านแฝดระดับราคา 3-4 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 841 ล้านบาท บนทำเลบางใหญ่ใกล้กับเซ็นทรัล เวสต์เกตและรถไฟฟ้าสีม่วงในไตรมาส 4/2559” นายวรสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติม ส่วนความคืบหน้าในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่านั้น ล่าสุด บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ไทคอน โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด ในการพัฒนาก่อสร้างอาคารคลังสินค้าและโรงงานเพื่อให้เช่าในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนบนเนื้อที่ 150 ไร่ โดยมีช่วงระยะการพัฒนา 2 ปี (2559-2560) ซึ่งจะมีการรับรู้กำไรจากการขายสิทธิการเช่าช่วงที่ดินระยะยาวทันทีเมื่อโอนสิทธ์การเช่าให้กับบริษัทร่วมทุนและส่วนแบ่งกำไร 40% ส่วนพาร์ค คอร์ท อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าบนสุขุมวิท 77 จะมีการเปิดตัวโชว์ยูนิตภายในไตรมาส 4/2559 โดยเฟสแรกจะเสร็จพร้อมให้บริการในปลายปี 2560
ยิปรอค โชว์นวัตกรรมและโซลูชั่นส์เพื่อการอยู่อาศัยแบบครบวงจรในงาน “Home Expo by Central Group” พร้อมร่วมลุ้นแจกของรางวัลมากมาย

ยิปรอค โชว์นวัตกรรมและโซลูชั่นส์เพื่อการอยู่อาศัยแบบครบวงจรในงาน “Home Expo by Central Group” พร้อมร่วมลุ้นแจกของรางวัลมากมาย

กรุงเทพฯ - บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตนวัตกรรมยิปซัมคุณภาพสูงแบรนด์ “ยิปรอค” และผู้ให้บริการโซลูชั่นส์ระบบผนังและฝ้าครบวงจรมากว่า 45 ปี เชิญชวนเจ้าของบ้านและผู้ปฏิบัติงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ร่วมสัมผัสนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และวัสดุก่อสร้างรูปแบบใหม่ ที่บูทหมายเลข HC 4.2 อาคาร ชาเลนเจอร์ 1 ภายในงาน “Home Expo by Central Group” ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 16-25 กันยายน 2559 โดยผู้เข้าชมบูธจะได้รับชุดกระเป๋าของที่ระลึกจากยิปรอค ซึ่งมีทั้งสมุดโน้ต ปากกา แคตตาล็อกสินค้า และคู่มือการติดตั้งโซลูชั่นส์ผนังและผลิตภัณฑ์ของยิปรอค นอกจากนี้ ยิปรอคได้จัดกิจกรรมร่วมสนุกภายในบูธ เพียงแค่โพสต์ภาพถ่ายและแชร์โลเคชั่นผ่านทางเฟสบุ๊ค อินสตราแกรม พร้อมกับติดแฮชแท็ก #GYPROCTHAILAND และ #GYPROCHOMEEXPO เพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจากทางยิปรอคตลอด 10 วันของการจัดงาน มร. ริชาร์ด จูเชรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงงานครั้งนี้ว่า “Home Expo by Central Group คือโอกาสสำคัญของยิปรอคในการจัดแสดงนวัตกรรมและโซลูชั่นส์การก่อสร้างให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเจ้าของบ้านและผู้ปฏิบัติงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพื่อเชื่อมโยงผู้บริโภคที่มีความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ให้มารู้จักกับผลิตภัณฑ์ยิปซัมคุณภาพสูงของตลาดในเมืองไทย ทั้งยังทำให้เราสามารถประชาสัมพันธ์แบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภคได้โดยตรง นอกเหนือจากกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำ ซึ่งรู้จักแบรนด์ของเรามาเป็นเวลานานแล้ว” บูธของยิปรอคจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ซึ่งรวมถึง ปูนยิปรอค แม็กเนติค (Gyproc® Magnetic Plaster) ปูนฉาบตกแต่งภายในสูตรพิเศษที่ทำให้แถบแม่เหล็กสามารถยึดเกาะกับผนังได้ พร้อมคุณสมบัติการปกปิดรอยแตกร้าวได้เนียนสนิท ยิปรอค ฮาบิโต้  (Gyproc® HabitoTM) ผนังยิปซัมรูปแบบใหม่ที่แข็งแกร่งทนทานเป็นเลิศ พร้อมคุณสมบัติป้องกันการกระแทก ป้องกันเสียงได้อย่างดีเยี่ยม และติดตั้งได้ง่าย และ โปรคลีน คัลเลอร์ (ProClean Color) แผ่นฝ้าเพดานยิปซัมเพื่อสุขอนามัยของผู้ใช้ที่รวบรวมคุณสมบัติความสวยงาม เช็ดทำความสะอาดง่าย ทั้งยังไม่เก็บฝุ่นและไม่ลามไฟ ไว้ในหนึ่งเดียว ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของยิปรอคถูกผลิตภายใต้แนวคิด “Gyproc Go Green” หรือ “Gyproc 3G” ซึ่งประกอบด้วย Green Products, Green Solutions และ Green Manufacturing มีจุดประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดมลภาวะ ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยิปซัม รวมถึงผู้ติดตั้งและผู้บริโภคทั่วไป ยิปรอคพัฒนาโซลูชั่นส์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของผู้บริโภคและช่างก่อสร้างอย่างครอบคลุม ซึ่งเกิดจากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัยในอาคารและตอบสนองความต้องการในด้านไลฟ์สไตล์การพักอาศัยในโลกปัจจุบันได้อย่างแท้จริง โดยผู้เข้าชมงาน Home Expo by Central Group สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากพนักงานและผู้เชี่ยวชาญของยิปรอค ซึ่งพร้อมตอบคำถามและให้รายละเอียดด้านการก่อสร้างตลอดการจัดงานครั้งนี้ หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมภายในงาน กรุณาติดต่อ  02-640-8600 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ http://www.gyproc.co.th
ทำไมต้องเลือก Life ๑ Wireless

ทำไมต้องเลือก Life ๑ Wireless

  ก่อนหน้าเราคงได้ยินกระแสข่าวการเปิดจองห้องของโครงการ “Life ๑ Wireless” กันไปบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งทุกข่าวที่ออกมาเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า “ถนนวิทยุ” คือทำเลที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้ เพราะเพียงแค่เริ่มเปิดให้จองออนไลน์ จำนวนห้องที่เตรียมไว้ก็ถูกจองหมดภายใน 1 นาที!!!! และอีก 2 วันถัดมา ทาง AP ก็จัดอีเวนท์ใหญ่เปิด Pre-Sale ที่สำนักงานขาย จำนวนห้องกว่า 800 ยูนิตก็ถูกจองหมดเกลี้ยงอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ยังไม่มีห้องตัวอย่างให้ชมเลยด้วยซ้ำ!!! นับว่าเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ทำเลย่านวิทยุ ยังคงครองตำแหน่งทำเลทองที่ทุกคนต้องการเป็นเจ้าของมากที่สุด ในขณะที่พวกเราก็รู้กันดีว่า ที่ดินสวยๆ ที่พร้อมสำหรับการทำที่อยู่อาศัยในย่านวิทยุมีอยู่อย่างจำกัด ประกอบกับราคาที่ดินที่มีการซื้อขายกันในตลาดก็นับว่าเป็นราคาที่สูงลิบเป็นประวัติการณ์ พื้นที่ที่เป็นไข่แดงของกรุงเทพย่านนี้ จัดว่าเป็นศูนย์รวมทุกความเจริญของมหานคร ซึ่งนับวันจะทำให้พื้นที่ในย่านนี้ทวีความน่าสนใจ และมีมูลค่าที่สูงขึ้นเรื่อยๆ   พื้นที่ในย่านวิทยุพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แวดล้อมไปด้วยโครงการใหญ่ๆ ระดับ Flagship และโครงการที่จะกลายเป็น Landmark สำคัญบนถนนสายนี้เลยทีเดียว อาทิเช่น   Central Embassy และ Central Chidlom ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เนม สินค้า Lifestlye หรูหราจากทั่วโลกไว้ในที่เดียว   BDMS Wellness Clinic ศูนย์สุขภาพครบวงจรในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ บนที่ดิน Park Nai Lert เก่า   Rosewood Hotel โรงแรมสุดหรูติดถนนวิทยุ ด้วยดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นกระแสไปเมื่อเร็วๆ นี้   อาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บนทำเลหัวมุมถนนวิทยุ ที่กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่ง Landmark ที่สวยงามบนถนนสายนี้   Park Venture อาคารสำนักงานสุดหรู และโรงแรม The Okura Prestige Bangkok ก็เป็นอีกโครงการที่โดดเด่นมาก นอกจากหลากหลายโครงการที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น ถนนวิทยุ รวมถึงบริเวณรอบๆ ยังคงมีอีกหลายโครงการที่กำลังเตรียมจะเปิดตัว เริ่มก่อสร้าง หรือแม้แต่ก่อสร้างไปจนใกล้เสร็จแล้วอีกหลายแห่ง ซึ่งจะมาเติมเต็มให้ทำเลในย่านนี้มีความสมบูรณ์มากขึ้นไปอีก   Life ๑ Wireless ดีกว่ายังไง เนื่องด้วยเหตุผลของศักยภาพทำเล “ถนนวิทยุ” จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมโครงการ “Life ๑ Wireless” จะเป็นคอนโดมิเนียมที่ถูกจับตามากที่สุดในเวลานี้ ด้วยระยะห่างจากรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตเพียง 600 เมตร ประกอบกับราคาห้องเริ่มต้นในช่วงราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 170,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่หาได้ยากมากในทำเลกลางเมืองเช่นนี้ ในขณะที่โครงการอื่นๆ ในย่านเดียวกันกลับมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงกว่าเกือบเท่าตัว   ในส่วนของการเดินทางเข้า-ออกโครงการ สะดวกด้วยเส้นทางหลักอย่างถนนวิทยุ ถนนเพชรบุรี รวมไปถึงทางด่วนพระราม 4 ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เพิ่มเติมด้วยทางออกที่ 2 จากทางด้านหลังของโครงการสู่ถนนสุขุมวิทด้วยซอยนายเลิศ ที่จะเป็นเส้นทางลัดให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นไปอีก   การออกแบบตัวอาคาร Life ๑ Wireless ทาง AP ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เพื่อเปิดมุมมองให้ทุกยูนิตได้รับวิวที่สวยที่สุด ตัวอาคารจึงถูกวางตัวบิดเฉียงเป็นรูปตัว Z ทางทิศเหนือ - วิวสวยสบายตาด้วยสวนมักกะสัน สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่จัดว่าเป็นปอดของคนกรุงเทพอีกแห่ง นอกจากนี้ยังได้วิว Super Tower ทางฝั่งพระราม 9 ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นวิวเมืองที่สวยมากอีกมุมหนึ่งเลยทีเดียว ทางทิศตะวันออก - Metropolis View วิวเมืองสวยเต็มตาทางฝั่งเพลินจิต และสุขุมวิท ไร้สิ่งปลูกสร้างมาบดบัง ทางทิศตะวันตก - วิวเมืองทางฝั่งถนนเพชรบุรี วิว Skyscrapper เห็นแนวอาคารสูงในเมือง ทางทิศใต้ - วิวสถานฑูตอังกฤษ เห็นอาคารสวยของ Central Embassy พร้อมวิวเมืองที่สวยไม่แพ้ทิศอื่นๆ เลย   ถึงแม้โครงการ Life ๑ Wireless จะตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ แถมใกล้กับทางด่วน แต่ด้วยความใส่ใจในการออกแบบที่ทาง AP คิดเผื่อลูกค้ามาแบบรอบด้านแล้ว จึงหมดกังวลเรื่องเสียงรบกวนขณะอยู่อาศัย ด้วยการเพิ่มระยะห่างตัวอาคารจากถนนมากขึ้น ประกอบกับการวางพื้นที่พักอาศัยเริ่มที่ชั้น 10 เป็นต้นไป เสียงรบกวนจากถนนและทางด่วนจึงไม่ใช่ปัญหาของการอยู่อาศัยในทำเลนี้อย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นทั้งหมดที่กล่าวมานี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โครงการ Life ๑ Wireless จะถูกจับจองเกลี้ยงในพริบตา ใครที่พลาดโอกาสในช่วงการจองออนไลน์ กับช่วง Pre-Sale ที่ผ่านมาก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะทาง AP ยังมีห้องสวยๆ พร้อมโปรโมชั่นล่าสุดให้เลือกจับจองกันอยู่... สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้แล้ว ณ Sales Gallery ซึ่งทางโครงการเปิดขายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 5-6 สิงหาคมนี้ ในราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท* สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://goo.gl/tWW9qP หรือโทร. 1623