Tag : News

2376 ผลลัพธ์
เปิดตัว “เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี้” น้องใหม่อสังหาฯ ประเดิมโครงการแรก “ease park” คอมมูนิตี้มอลล์ บนถนนรามอินทรา มูลค่าโครงการ 200 ลบ.

เปิดตัว “เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี้” น้องใหม่อสังหาฯ ประเดิมโครงการแรก “ease park” คอมมูนิตี้มอลล์ บนถนนรามอินทรา มูลค่าโครงการ 200 ลบ.

เปิดตัวบริษัทพัฒนาอสังหาฯ น้องใหม่ “เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี้” ประกาศส่ง “ease park” คอมมูนิตี้มอลล์ ทำเลเด่นย่านรามอินทรา ประเดิมตลาด ด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 200 ล้านบาท หวังเป็นทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้า ชูจุดเด่นด้านทำเลและความแตกต่างด้านดีไซน์ ครบครัน ทันสมัย ในสไตล์ Industrial ที่สำคัญติดถนนใหญ่ ห่างรถไฟฟ้าสายสีชมพูเพียง 100 เมตร เผยยอดจองพื้นที่กว่า 80% พร้อมเปิดให้ลูกค้าได้ใช้บริการในต้นเดือนธันวาคมนี้ เผยแผนการดำเนินงานต่อเนื่อง ตั้งเป้าเป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ปี 60 เตรียมเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการ นายธัชชัย ศีลพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ปักธงเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรทั้งเพื่อการค้า และที่อยู่อาศัย  เปิดเผยว่า “ผมเรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  และไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน MBA ที่มหาวิทยาลัย University of Akron ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นเมื่อกลับมาประเทศไทย ผมเริ่มงานในวงการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และคลุกคลีในธุรกิจนี้มาประมาณ 6 ปี ความรับผิดชอบหลักในตอนนั้น คือ ดูแลงานด้านการตลาดโครงการแนวสูง หรือ คอนโดมิเนียม ที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากตรงนั้นมากพอ จึงมาก่อตั้ง บริษัท เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยแรกเริ่มได้วางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจไว้ว่าจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ครบวงจรทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม แต่ด้วยที่ดินของครอบครัวที่เป็นปั๊มน้ำมันเดิมได้หมดสัญญาลง จึงเล็งเห็นว่าควรที่จะทำประโยชน์กับที่ดินผืนนี้ก่อน เริ่มต้นตั้งโจทย์ว่าจะทำอะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ต้องขายที่ผืนนี้ เนื่องจากว่าเป็นที่มรดกของครอบครัว ดังนั้น การพัฒนาโครงการเพื่อขายจึงตกไป เลยมองไปถึงโครงการที่ให้ผลประโยชน์จากการให้เช่าพื้นที่แทน ประกอบกับที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่ติดถนนรามอินทรา ช่วงกม 4.5 ถือเป็นทำเลที่ดี ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู เพียง 100 เมตร ซึ่งในอนาคต หากว่ารถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดใช้ เรียกได้ว่าโครงการจะเป็นโครงการที่ติดสถานีเลยครับ เดินทางสะดวก ลงรถไฟฟ้าแล้วเดินเข้ามาจับจ่าย และนั่งชิลล์ที่นี่ได้ ซึ่งธุรกิจแบบให้เช่าพื้นที่ที่น่าสนใจและเหมาะสมกับพื้นที่มากที่สุด คือ Community Mall จึงได้เกิดโครงการ “ease park” ขึ้น “โดยส่วนตัวผมชอบไปทำธุระ ทานข้าว ซื้อของตาม Community Mall มากกว่าห้าง เพราะสะดวกในการเดินทาง ไม่ต้องวนหาที่จอดรถ และไม่ต้องเดินไกล บ้านผมอยู่ค่อนข้างนอกเมือง หากจะไปในเมืองก็ต้องฝ่ารถติดเข้าไป ซึ่งถ้าไม่จำเป็นส่วนใหญ่ก็จะทำธุระอยู่แถวๆ บ้าน หรือมองหา Community Mall ที่ใกล้ๆ มากกว่า การไปใช้บริการก็มากกว่าอาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ประมาณอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง) ทำธุระประจำเช่น ซื้อของ Supermarket, ซื้อกาแฟ, ทานอาหาร, หรือออกกำลังกาย อีกทั้งผมอยู่อาศัยแถวรามอินทรามาตั้งแต่เกิด จึงเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนที่พักอาศัยแถวนี้อยู่ตลอด  ผมคิดว่าบริเวณนี้ยังขาด Neighborhood Mall ที่คนละแวกประมาณ 3-4 ตารางกิโลเมตร จะมาใช้เป็นประจำ  อีกทั้งถนนรามอินทรานั้นปัจจุบันเป็นถนนที่คนใช้เป็นเส้นทางเดินทางหลัก  ในแต่ละวันมีรถผ่านหน้าโครงการไม่ต่ำกว่า 250,000 คัน ซึ่งบริเวณของโครงการนี้จะเป็นจุดแวะพักสำหรับคนที่ใช้ถนนรามอินทราในการเดินทางเป็นอย่างดี” นายธัชชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงที่มาของโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ “ease park” สำหรับโครงการ “ease park” เกิดขึ้นผ่านแนวคิดของความเรียบง่าย และความสะดวกสบาย ซึ่งคำว่า ease ก็มาจากคำว่า easy ที่มีความหมายถึงความสะดวกสบาย ง่ายๆ park หมายถึง สถานที่พักผ่อน ซึ่งความหมายรวมๆ ก็คือ เป็นสถานที่พักผ่อนที่เรียบง่ายและสะดวกสบาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Industrial ซึ่งตัวโครงการมีการตกแต่งแบบโชว์วัสดุ ไม้ เหล็ก ปูน อิฐ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่น แต่ไม่ล้าสมัย โดยตั้งอยู่ที่ถนนรามอินทรา กม. 4.5 พัฒนาเป็นโครงการ Community Mall สูง 3 ชั้น บนพื้นที่โครงการรวมประมาณ 3.5 ไร่ ติดถนนรามอินทรา หน้ากว้าง 60 เมตร พื้นที่ก่อสร้างประมาณ 7,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 200 ล้านบาท ประกอบไปด้วยร้านค้าประมาณ 13 ร้าน และ kios ประมาณ 4 ร้าน (รวม 17 ร้าน) ชั้น 1 เป็น Supermarket ซึ่งเป็น Villa market และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่าง Starbucks ที่เป็นแบบ Drive thru ส่วนชั้น 2 เป็นโซนของ ร้านอาหาร ซึ่งมีอาหารหลากหลายชนิดมากกว่า10 ร้านดัง และส่วนพื้นที่ ชั้น 3 เป็นส่วนของ  Health, Beauty and Lifestyle ซึ่งประกอบไปด้วย Fitness, คลินิคเสริมความงาม, ร้านทำผม และ  Nail spa และยังจัดให้เป็นโซนร้านนั่งชิลล์เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อนอีกด้วย “โครงการ “ease park” หากมองดูแล้วค่อนข้างจะเล็กถ้าเทียบกับโครงการ Community Mall อื่นๆ เราจึงต้องพิถีพิถันในการเลือกร้านค้าให้ไม่ซ้ำกัน และมีทุกอย่างครบถ้วน รวมทั้งแตกต่างกับคู่แข่งในบริเวณนี้ อีกเรื่องที่เราจะให้ความสำคัญหลังจากเปิดโครงการไปแล้ว คือ ด้านการบริการ บุคลากรที่จะมาทำหน้าที่บริการลูกค้าต้องมี Service Mind เพื่อให้ผู้ใช้บริการรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนบ้านจริงๆ รวมทั้งการจัดกิจกรรมที่กำลังเป็นกระแสนิยมในเมือง เราจัดมาไว้ที่โครงการผ่านอีเว้นท์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดเราได้วางแผนไว้  แต่เรายินดีที่จะขยับออกไป เนื่องจากเรายังอยู่ในสภาวการณ์ที่กำลังพวกเรากำลังเศร้าหมอง ดังนั้น การเปิดตัวโครงการของเราจะทำการเปิดแบบค่อยเป็นค่อยไป คงไม่ได้มีอีเว้นท์อะไรมากมาย เพราะถือเป็นการถวายความเคารพพระองค์ท่านในฐานะที่เราเป็นพสกนิกรชาวไทยคนหนึ่งด้วย” ด้านความคืบหน้าของโครงการขณะนี้ “ease park” มียอดจองพื้นที่มาแล้วกว่า 80% และคิดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้คงจะเต็ม 100%  ร้านค้ามีทั้งที่เคยเปิดมาแล้ว และเป็นร้านใหม่ที่เปิดที่นี่เป็นที่แรก ร้านที่คนรู้จักกันอยู่แล้วก็มี Villa Market, Kingkong, Starbucks, Neo Suki  เป็นต้น และคาดว่าจะเปิด Soft Opening ประมาณต้นเดือนธันวาคม” นายธัชชัย กล่าว นายธัชชัย กล่าวถึงจุดเด่นของโครงการ ease park และมุมมองในการพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ ว่า “ปัจจุบันตลาดกลุ่มนี้มีการแข่งขันสูง และที่ผ่านมามีการเปิดตัวกันอย่างมากมาย ทั้งประสบความสำเร็จและไปไม่ถึงฝั่ง จุดแข็งของโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ก็คือเรื่องของทำเล ซึ่ง “ease park” มีทำเลที่ดี ซึ่งถือเป็นจุดแข็งอันดับแรก เพราะอยู่ติดถนนใหญ่และมีหน้ากว้าง  มองเห็นได้ชัดสำหรับคนที่สัญจรผ่าน อันดับต่อมาก็คือความสะดวกสบายในการเดินทาง ด้วยถนนรามอินทราในปัจจุบันนั้นมีขนาดกว้างและมีรถผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการแวะพักของรถที่ผ่านไปมา รวมทั้งอยู่ในแหล่งชุมชนพักอาศัยหนาแน่นปานกลาง ความแตกต่างอีกเรื่องหนึ่งก็คือ โครงการนี้เป็นโครงการขนาดเล็กที่เป็น Neighborhood  Mall เหมาะสำหรับคนบริเวณนี้ โครงการ Community Mall หากมีการบริหารจัดการเลือกร้านค้าที่ดี มี Location ที่เข้าออกสะดวก และมีการบริหารศูนย์ที่ดีแล้ว มันก็ยังไปได้ เนื่องจากว่าคนเรา ยังต้อง ทานอาหาร ซื้อของจาก Supermarket ออกกำลังกาย  ยังไงก็ต้องหาที่ทำกิจกรรมนั้นๆ อยู่ดี และคนก็มักอยากจะไปในที่เราคุ้นเคย และสะดวกสบายจริงๆ” ด้านนางกฤษณา อุดมพิทยภูมิพิจารณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกาสมา จำกัด ที่ปรึกษาและออกแบบเกี่ยวกับการสั่งจัดสรรพื้นที่ให้เช่าของโครงการ “ease park”  กล่าวถึงมุมมองของตลาด Community mall ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตว่า Community Mall หรือศูนย์การค้าชุมชน มีการขยายตัวตามการขยายตัวของเมืองและประชากรที่มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของคนในชุมชน ด้วย Lifestyle ของคนปัจจุบันที่เปลี่ยนไป สภาพสังคมที่รถติดขึ้นมาก คนส่วนใหญ่ต้องการความสะดวกสบาย การจับจ่ายใช้สอยใกล้บ้าน ดังนั้น Community Mall จึงต้องมุ่งเน้นไปที่ความสะดวกสบาย เข้าถึงง่าย มองเห็นจากถนนได้ง่าย เพราะฉะนั้นองค์ประกอบหลัก ของ Community Mall จะต้องมี Supermarket หรือ Convenient Store ขนาดแตกต่างกันไปตามข้อจำกัดของผังเมืองในแต่ละที่, ร้านค้าประเภทร้านอาหาร ที่ต้องเลือกสรรร้านให้เหมาะกับคนในพื้นที่นั้นๆและโซนนิ่งต่างๆเพิ่มเติมพวกโซนการศึกษา Service อื่นๆ ตามความเหมาะสมสำหรับพื้นที่ใน บริเวณนั้นๆ อย่างไรก็ดี Community Mall ต้องมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับจัดกิจกรรมตามช่วงเวลา และกิจกรรมต่างๆที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของ Lifestyle คนในอนาคต นางกฤษณา กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันตลาด Community Mall มีการเจริญเติบโต อย่างต่อเนื่อง ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ซึ่งการที่จะพัฒนาให้ประสบความสำเร็จ มีปัจจัยที่สำคัญคือ การทำวิจัย และสังเกตการณ์หาข้อมูล Lifestyle และความต้องการ รวมถึงความชอบของคนในแต่ละพื้นที่ เพราะแต่ละที่มีความแตกต่างกัน ต้องวิเคราะห์ Location กลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งความต้องการของคนในพื้นที่นั้นๆ ให้ถูกต้อง จัดวางและเลือก ร้านค้า ให้ตอบโจทย์คนในพื้นที่ และต้องมีทีม Property Management ในการบริหารจัดการ ศูนย์อย่างต่อเนื่อง สำหรับ lifestyle ของคนรามอินทรา ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ใกล้บ้าน เน้นสะดวกสบายเป็นหลัก เนื่องการจราจร ในย่านนี้ รถติดมากๆ การหาร้านอาหาร หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อซื้อของกินของใช้ก็จะเน้นเพื่อนที่ใกล้เคียงที่เดินทางไม่ไกลมากนัก โครงการ “ease park” จึงเน้นกลุ่มลูกค้าในพื้นที่รามอินทราเป็นหลัก  และอีกกลุ่มเป้าหมายหนึ่ง คือกลุ่มคนที่ใช้ถนนรามอินทรา เป็นทางผ่านในการไปทำงานหรือเป็นทางกลับบ้าน สามารแวะซื้อของได้ง่ายและสะดวกสบาย ซึ่งจะเห็นว่าเราจัดสรรร้านค้าของ “ease park” จะมีการผสมผสาน ทั้ง Villa Supermarket ที่มีของคุณภาพเหมาะกับคนรามอินทราที่มีกำลังการซื้อสูงและเลือกสรรของที่มีคุณภาพ, Starbucks drive thru ที่ตอบโจทย์ผู้เดินทางได้เป็นอย่างดี, ร้านอาหารอาหารที่มีชื่อ และร้านค้าประเภท Beauty คลินิก และ Fitness ขนาดใหญ่ที่ตอบสนอง Healthy Lifestyle ของคนที่เปลี่ยนไป ในขณะนี้ โดยข้อดีของย่านรามอินทรา คือเป็นย่านที่มีชุมชนอยู่อาศัยหนาแน่นและขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และ ระบบการขนส่งขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า ทางด่วน และ มอเตอร์เวย์ ที่สะดวกมากๆ  นายธัชชัย ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในอนาคตว่า บริษัทฯ ยังคงยึดตามแผนเดิมที่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มแรก ที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ซึ่งการเปิดโครงการในแต่ละที่ต้องศึกษาทำเลให้มีความเหมาะสมกับประเภทของสินค้าที่เราจะขาย โดยในปีนี้ได้เปิดตัวโครงการแรก “ease park” ซึ่งเป็น Community Mall สำหรับในปี 2560 จะเริ่มด้วยโครงการทาวน์โฮม เนื่องจากว่าเงินลงทุนไม่สูงมากและน่าจะขายปิดโครงการได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าจะเริ่มได้ประมาณไตรมาสที่ 3 และในปี 2561 วางไว้จะเปิด 2 โครงการเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในส่วนของโครงการ Community Mall นั้น บริษัทฯ ก็ยังคงสนใจแต่จะต้องดู Location เป็นหลัก ซึ่งต้องดีมากจริงๆ ถึงจะทำ แต่ก็มี โครงการ ที่เป็น Community Mall แบบเฉพาะกลุ่มที่มี Concept แรงๆ ศึกษาอยู่ด้วยเหมือนกัน หากมีโอกาสที่ดีก็จะทำ ในส่วนของรายได้ของบริษัท หลังจากเปิดตัวโครงการ “ease park” ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ และคาดว่าในปีหน้าจะมีรายได้รวมประมาณ 70 ล้านบาท ผู้สนใจเช่าพื้นที่สามารถติดต่อได้ที่ 086 406 9595 หรือสามารถติดตามข่าวสารของ “ease park” ผ่านทาง Facebook : www.facebook.com/easeparkbkk
“ดีเวล” เปิดตัวโครงการ “อาณา เอกมัย” บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ใจกลางสุขุมวิท ย่านทองหล่อเอกมัย เริ่มต้นที่ 29.8 ล้านบาท พร้อมเปิดจองในงานพรีเซลล์วันที่ 29-30 ตุลาคมนี้

“ดีเวล” เปิดตัวโครงการ “อาณา เอกมัย” บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ใจกลางสุขุมวิท ย่านทองหล่อเอกมัย เริ่มต้นที่ 29.8 ล้านบาท พร้อมเปิดจองในงานพรีเซลล์วันที่ 29-30 ตุลาคมนี้

“ดีเวล” รุกตลาดอสังหาระดับลักซ์ชัวรี่ เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูมูลค่า 410 ล้านบาท “อาณา เอกมัย” (ARNA EKAMAI) บนทำเลพรีเมียมทองหล่อเอกมัย เน้นดีไซน์โมเดิร์นแต่ยังคงความหรูหรามีระดับ มอบความเป็นส่วนตัวสูงด้วยพื้นที่ใช้สอยหลากหลายรูปแบบ ชูจุดขายเดินทางสะดวกเพียง 5 นาทีถึงรถไฟฟ้าเอกมัย และใกล้ทางด่วน พัฒนาการ-อาจณรงค์-พระโขนง สนนราคาคุ้มค่าที่สุดในย่านเดียวกัน  ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเองและการลงทุน หลังประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ D’Memoria พหลโยธินซอย 8 , D’Mura รัชโยธิน, D 25 คอนโดมิเนียม ทองหล่อ 25 และ D’65 คอนโดมิเนียม สุขุมวิท65  “ดีเวล” (D’Well) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไฟแรง รุกตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ เปิดตัวโครงการ “ อาณา เอกมัย” (ARNA EKAMAI) มูลค่า 410 ล้านบาท  ด้วยบ้านที่ออกแบบอย่างหรูหรามีระดับ ท่ามกลางสังคมที่มีคุณภาพเพียง 11 หลัง ผสานความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์งานดีไซน์ทั้งภายนอกที่ทันสมัย และการออกแบบภายในอย่างปราณีต เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เน้นการใช้พื้นที่ที่เป็นส่วนตัวและลงตัวสำหรับสมาชิกทุกคนในบ้าน ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่สงบเงียบใจกลางเมือง รายรอบไปด้วยโรงเรียนนานาชาติ, โรงพยาบาล, ร้านอาหารชั้นนำ และห้างสรรพสินค้า เดินทางสะดวก เพียง 5 นาทีถึงรถไฟฟ้า BTS เอกมัยและพระโขนง 10 นาที ถึงทองหล่อ ใกล้ทางด่วน พัฒนาการ อาจณรงค์  และ พระโขนง ทั้งยังเข้าออกสะดวกสบาย สู่ถนนสุขุมวิท 65, เอกมัย ซอย 10 และ สุขุมวิท 71 (ปรีดี พนมยงค์ 15) นายถวนันท์ ธเนศเดชสุนทร กรรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเวล แกรนด์แอสเสท จำกัด (D’Well Grand Asset Co., Ltd.)  กล่าวว่า “เพราะเราเชื่อว่าการสร้างบ้านสำหรับเราคือการสร้างชีวิต โครงการ  อาณา จึงเป็นโครงการบ้านจัดสรรที่สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ โดยเน้นกลุ่มครอบครัวขยาย หรือคู่สมรสใหม่  อายุ 35 ปีขึ้นไป มีบุตร หรือมีสัตว์เลี้ยง และต้องการที่อยู่อาศัยที่ไม่ไกลจากย่านใจกลางเมืองมากนัก รวมถึงผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพฯ ที่ต้องการย้ายมาอยู่บ้านเดี่ยว มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยชื่นชอบการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ดีในทำเลคุณภาพ เราจึงออกแบบบ้านทั้ง 11 หลัง ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับพรีเมียม และออกแบบพื้นที่ใช้สอยทุกตารางเมตรให้สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีความเป็นส่วนตัวสูง ที่สำคัญคือสะดวกสบายสำหรับการเดินทางอย่างแท้จริง” สำหรับโครงการ อาณา เอกมัย ตั้งอยู่บนย่าน สุขุมวิท-เอกมัย  บนพื้นที่  1.3.74 ไร่ จำนวน 11 หลัง ออกแบบอย่างลงตัวมีระดับ  3 แบบ ได้แก่แบบ A พื้นที่ 36 -39 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 390 ตร.ม. จำนวน 4 หลัง แบบ B พื้นที่ 45 -51 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 440 ตร.ม. จำนวน 2 หลัง  และแบบ C พื้นที่ 56 - 69 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 420 ตร.ม. จำนวน 5 หลัง  โดยเป็นบ้านขนาด 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำทั้งหมด, 2 ห้องครัว ทั้งครัวไทยและครัวฝรั่ง, 1-2 ห้องแม่บ้าน, ลิฟท์ส่วนตัว สวนส่วนตัว จอดรถได้ 3-4 คัน สนนราคาเริ่มต้น  29.8 ล้านบาท พร้อมเปิดให้จองในเดือนตุลาคม และโครงการจะแล้วเสร็จกลางปี 2561 ทั้งนี้ “ อาณา เอกมัย” นับเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่โครงการแรก สำหรับกลุ่มบริษัท ดีเวล ซึ่งปัจจุบัน มีมูลค่าโครงการต่างๆ รวมกันแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท และในปี  2560 กลุ่มบริษัทวางแผนขยายโครงการเพิ่มขึ้น 1-2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท ด้านนายชาญวิชญ์ พสุวัต ผู้อำนวยการ ฝ่ายที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด (CBRE) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นที่ปรึกษาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา มีโครงการใหม่ๆ ทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านพร้อมที่ดินใจกลางเมือง ระดับลักซ์ชัวรี่ ทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง กอปรกับผู้บริโภคที่มีรายได้สูงนั้นยังคงมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เอง และลงทุนในอนาคต ในขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมมีการแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ตลาดบ้านพร้อมที่ดินใจกลางเมืองเพิ่งเริ่มขึ้นไม่นาน แต่มีความต้องการอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นสินค้าที่มาทดแทนคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ที่มีราคาต่อตารางเมตรสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอบโจทย์ในเรื่องพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอและมีราคาต่อตารางเมตรที่ต่ำกว่าคอนโดมิเนียมระดับเดียวกัน ภาพรวมตลาดบ้านพร้อมที่ดินใจกลางเมืองระดับลักซ์ชัวรี่ที่มีราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป ที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท และสาทรมีอุปทานอยู่ทั้งสิ้นเพียง  97 หลัง  โดยส่วนใหญ่มียอดขายเฉลี่ยแล้ว 60 %  ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเน้นกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ คนไทยที่ซื้อเพื่ออยู่เอง มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบความเป็นส่วนตัว เน้นกิจกรรมที่มีส่วนร่วมกับครอบครัวและมีสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะแตกต่างจากกลุ่มที่ซื้อคอนโดมิเนียม “โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวที่อยู่ในทำเลในเมืองอย่าง  อาณา เอกมัย ที่สงบ มีความเป็นส่วนตัวสูง ออกแบบพื้นที่ใช้สอยเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์อยู่ใจกลางเมือง สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย  ที่สำคัญคือเป็นราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่า เนื่องจากราคาที่ดินในย่านนี้ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้โครงการลักษณะนี้เกิดขึ้นยาก หากราคาที่ดินสูงเกินไป บ้านเดี่ยวในเมืองเป็นสินค้าที่มีจำกัด จึงเป็นการลงทุนที่น่าสนใจและมีแนวโน้มที่ดีในแง่มูลค่าเพิ่มในอนาคต” นายชาญวิชญ์ กล่าว ผู้ที่สนใจ โครงการ “ อาณา เอกมัย” เตรียมเปิดโอกาสให้จองในงานพรีเซลล์วันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ ที่ สำนักงานขายโครงการ อาณา เอกมัย  พร้อมข้อเสนอพิเศษ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.arna-ekamai.com หรือ โทร.  061 662 6565 เกี่ยวกับบริษัท ดีเวล กรุ๊ป จำกัด ดีเวล กรุ๊ป (D-Well Group) เป็นบริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2553 ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรภายใต้แบรนด์ ดีเวล โดยมีแผนในการสร้าง  แบรนด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Develop” คือ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องขององค์กร และรูปแบบโครงการเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้า “Deliver” คือ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้า และ “Delight” คือประสบการณ์ และการอยู่อาศัยที่มีความสุขของลูกค้า
มั่นคงฯ เปิดตัวทาวน์โฮมโครงการใหม่ “ชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่” ชูคอนเซ็ปต์สมาร์ท โมเดิร์น ลิฟวิ่ง ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

มั่นคงฯ เปิดตัวทาวน์โฮมโครงการใหม่ “ชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่” ชูคอนเซ็ปต์สมาร์ท โมเดิร์น ลิฟวิ่ง ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

บมจ. มั่นคงเคหะการ เปิดตัว “ชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่” ทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์นบนทำเลบางใหญ่ ใกล้เซ็นทรัลเวสต์เกส รถไฟฟ้าสายสีม่วง ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก เสริมความคุ้มค่าด้วยคอนเซ็ปต์สมาร์ท โมเดิร์น ลิฟวิ่ง ประสบการณ์ใหม่แห่งการใช้ชีวิตที่ลงตัว พร้อมบ้านฟังก์ชั่นพิเศษออกแบบเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยอย่างคุ้มค่า ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมข้อเสนอพิเศษในมหกรรมบ้านและคอนโด ระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวทาวน์โฮมโครงการใหม่ “ชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่” มูลค่าโครงการ 391 ล้านบาท คุ้มค่าด้วยคอนเซ็ปต์สมาร์ท โมเดิร์น ลิฟวิ่ง ประสบการณ์ใหม่แห่งการใช้ชีวิตที่ลงตัว ชูนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อที่อยู่อาศัยและความปลอดภัยที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ตั้งอยู่บนทำเลทองอย่างบางใหญ่ ใกล้เซ็นทรัลเวสต์เกส เดินทางสะดวกสบาย เพียง 5 นาที จากสถานีรถไฟฟ้าคลองบางไผ่-บางซื่อ (รถไฟฟ้าสายสีม่วง), ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก และโครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี  ซึ่งจะเปิดให้บริการประมาณ ปี 2564 ทั้งนี้ เราพร้อมเปิดตัวโครงการชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่ ในมหกรรมบ้านและคอนโด ระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้” “มั่นคงฯ ได้มุ่งพัฒนาบ้านที่มอบความคุ้มค่าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน นอกจากมีการออกแบบบ้านให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างลงตัวแล้ว เรายังนำเอานวัตกรรมล่าสุดของที่อยู่อาศัยมอบให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้มีแสงสว่างเพียงพอ การเลือกใช้วัสดุพื้นกันความลื่น หรือแม้แต่การออกแบบบันไดบ้านไม่ให้มีความชัน รวมถึงระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไฟเบอร์ออพติก (Fiber Optic) ที่ต่อตรงให้บ้านทุกหลัง และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่นำมาใช้ อาทิ สัญญาณกันขโมยในบ้าน ระบบ Magnetic & Motion  Sensor และ ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการแบบ Triple Security เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยและเติมเต็มความสุขของการพักอาศัยทุกมิติ” นายวรสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม โครงการ “ชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่” เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 174 ยูนิต บนเนื้อที่ 19-0-35.6 ไร่ มีแบบบ้านทั้งหมด 2 แบบ คือ บ้านแบบ T-Smart ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่จอดรถ 1 คัน พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 115 ตารางเมตร บนพื้นที่เริ่มต้น 18 ตารางวา และบ้านแบบ T-Space ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 140 ตารางเมตร บนพื้นที่ 21.4 ตารางวา โครงการ ชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่ โดดเด่นด้วยการนำเทคโนโลยีเพื่อที่อยู่อาศัยและความปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Triple Security System ในโครงการพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย, กล้อง CCTV, บ้านแต่ละหลังจะมีสัญญาณกันขโมยในบ้าน ระบบ Magnetic & Motion Sensor อีกทั้งยังตอบโจทย์ชีวิตแบบ SMART LIFE ด้วยระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแบบ Fiber Optic เชื่อมต่อเข้าบ้านทุกหลัง และบริการ Wi-Fi ในพื้นที่ส่วนกลาง นอกจากนั้นยังมีสวนสีเขียวขนาดใหญ่และสนามเด็กเล่น เพื่อให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีคุณภาพ พบกับบ้านฟังก์ชั่นที่ดีที่สุดก่อนใครของโครงการ ชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่ พร้อมข้อเสนอพิเศษภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.mk.co.th หรือ โทร. 1622
อสังหาฯ ร้อนแรงต่อเนื่องล่าสุด!!! เปิดตัวใหม่อีกราย “เดอะ ช้อยส์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์”

อสังหาฯ ร้อนแรงต่อเนื่องล่าสุด!!! เปิดตัวใหม่อีกราย “เดอะ ช้อยส์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์”

ดึงตัววิศวกรผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาฯ ผันตัวจากนาราคอนซัลส์มารั้งตำแหน่งเอ็มดี เผยโครงการแรก “ซี เอกมัย” ไฮไรส์ คอนโด บนเส้นเอกมัย ทำเลดี ราคาโดนใจ มั่นใจงานก่อสร้าง อสังหาร้อนแรงไม่หยุดยั้ง ล่าสุด บริษัท เดอะ ช้อยส์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กระโดดลงสังเวียนอสังหาฯ อีกราย ประเดิมโครงการแรกด้วย High Rise คอนโด   “ซี เอกมัย” ภายใต้แนวคิด “ปริซึมดีไซน์” ราคาเริ่มต้นเพียง 3 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท เผยโครงการแรกอยากทำให้ดีทีสุด จึงเลือกทำเลเด่น ให้ของที่มีคุณภาพดี ดีไซน์เฉียบ พร้อมดึง “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” ดันเรื่องการทำการตลาดและการขาย คาดปิดโครงการได้ไม่ยากเพราะทำเลย่านเอกมัยยังคงมีอุปสงค์ถึง 82% และราคาที่อยู่อาศัยย่านนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน  ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาราคาคอนโดถีบตัวขึ้นแล้วกว่า 80% นายวิญญู พูลเกิด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะช้อยส์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “ผมอยู่ในวงการอสังหาฯ มาเป็นระยะเวลานาน เรียกว่าตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ได้มาสวมหมวกอีกใบ ในฐานะหัวเรือใหญ่ของเดอะ ช้อยส์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งต้องขอบคุณคณะผู้บริหารที่ไว้วางใจ การทำงานในฐานะผู้พัฒนาโครงการอีกครั้ง ผมได้นำความรู้ทุกอย่างที่เก็บเกี่ยวมาตลอดชีวิตมาใช้ เพื่อไปสู่เป้าหมายของบริษัทที่วางไว้ นั่นคือ ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมทั้งแนวสูง แนวราบ จากนั้นจะไปสู่การพัฒนาโครงการที่ไม่ใช่เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น โดยจะเป็นการพัฒนาโครงการเพื่อการพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือแม้กระทั่งสถานที่ท่องเที่ยวเป็นต้น สำหรับโครงการแรกของเดอะช้อยส์ คือ โครงการ ซี เอกมัย (C Ekkamai) ซึ่งเป็น High Rise คอนโดมิเนียม สูง 44 ชั้น จำนวน 736 ยูนิต ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย 729 ยูนิต และเป็นห้องเพื่อการค้า 7 ยูนิต   สำหรับห้องเพื่อการอยู่อาศัยมีทั้งสิ้น 3 ขนาดให้เลือก ได้แก่ ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 27-52.25 ตร.ม. , ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 51.50-65 ตร.ม. และ PENTHOUSE พื้นที่ 82-126 ตร.ม. โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 125,000 บาทต่อ ตร.ม. โดยราคาห้องเริ่มต้นอยู่ที่ 3 ล้านบาท และราคาสูงสุดที่ 19 ล้านบาท  โครงการเรา ตั้งอยู่บนถนนเอกมัยใกล้ฝั่งเพชรบุรี   โดยโครงการนี้เราใช้แนวคิดในการพัฒนาโครงการ คือ “ปริซึมดีไซน์” (Prism Design)  เราดึงเอาหลักการสะท้อนของแสงผ่านแท่ง Prism เป็น Dimension ต่างๆออกมาใช้  ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนถึงทำเล ณ ถนนเอกมัย จุดที่ตั้งของโครงการ ถือเป็นจุดเชื่อมต่อ CBD ได้ง่าย และรวดเร็ว ทั้งถนนสุขุมวิท และเพชรบุรี  เป็นทำเลของการใช้ชีวิตแบบ Urbanite ใจกลางเอกมัย-ทองหล่อ นอกจากนี้ ในมุมหนึ่งของการสะท้อนของ “Prism” จะถูกถ่ายทอดอยู่ในงานสถาปัตย์ และงานตกแต่งภายในของ C Ekkamai  นั่นคือ ทุกเส้นของการออกแบบ  รายละเอียดที่ใส่ลงไปการออกแบบพัฒนาโครงการล้วนสอดรับกับทุกการใช้งาน  อาทิ จาก Function ของห้องที่วาง layout ห้องไว้เป็นอย่างดี  ความสูงจากพื้นถึงเพดานถึง 2.7 เมตร ทุกห้องมาตรฐาน  ทำให้ห้องโปร่งสบายยิ่งขึ้น  พร้อมความสวยงามและพื้นที่ที่มากกว่าของสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง และ Sky lounge ชมวิว 360 องศา จากมุมที่สูงที่สุดในเอกมัย การพัฒนาโครงการแรกบนถนนเอกมัย ทำให้ทีมงานต้องทำการบ้านหนักพอสมควร เนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นถนนที่มีไลฟ์สไตล์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก เรามองว่ากลุ่มเป้าหมายของเรา คือ กลุ่มลูกค้าระดับ B+ มีรายได้มีประมาณ 60,000 บาท ขึ้นไป ชอบใช้ชีวิตในเมือง หรือในย่านธุรกิจ  ซึ่งสะดวกสบายในการเดินทาง โดยโครงการนี้ เรามอบหมายให้บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มาช่วยในการดูแลด้านการบริหารการตลาดและการขาย" นางสาวสมสกุล  หลิมศุทธพรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวเกี่ยวกับสถานการตลาดอสังหาฯ ย่านเอกมัยว่า “ทำเลเอกมัยเป็น ทําเลคุณภาพ ใกล้ใจกลางเมือง ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ และมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย สามารถเชื่อมต่อไปถนนพระราม 4, ถนนเพชรบุรี และเชื่อมต่อรามอินทราอย่างสะดวก  ด้วยความสะดวกสบาย และความเจริญใกล้เมืองทำให้ที่ดินย่านนี้หายากขึ้นทุกวัน ปัจจุบัน ในพื้นที่เอกมัย มีโครงการเปิดขายจำนวน 4 โครงการ จํานวนอุปทานรวมตั้งแต่เปิดโครงการถึง ปัจจุบันอยู่ที่ 1,096 ยูนิต ดีมานด์ให้การตอบรับดีถึง 82%  ทำให้ราคาที่อสังหาฯในย่านนี้ ปรับตัวขึ้นสูงถึง 80% ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี  สำหรับคอนโดมิเนียม Re-Sale ที่เปิดตัวในช่วง 2-5 ปีที่ผ่านมา ราคาขายเฉลี่ยยังปรับขึ้นจากตอนเปิดตัวถึง 30-50% สําหรับตลาดเช่าเอง ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอยู่ในระดับดีไม่แพ้กัน Gross Rental Yield  ประมาณ 4 % ต่อปี โดยรูปแบบห้องที่นิยมมากที่สุดคือ 1 ห้องนอน  ดังนั้น ทำเลนี้จึงยังเป็นทำเลที่ร้อนแรงตลอดอยู่อย่างต่อเนื่อง” ด้านการความคาดหวังด้านงานขาย โครงการ ซี เอกมัย นางสาวสมสกุล กล่าวต่อว่า “สำหรับโครงการนี้ เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี จากทั้งกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยเองและนักลงทุน  เพราะการเปิดตัวด้วยราคาเฉลี่ยเพียง 125,000บาท ต่อ ตรม. กับทำเลนี้  ถือว่าเป็นที่สุดทั้งด้านคุณภาพ และราคาของคอนโดใหม่ในเส้นเอกมัย  โดยช่วงเปิดตัว คาดประมาณยอดขายไว้ที่ 40%  ณ วัน Pre-Sale  ทั้งนี้เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในตลาดที่เปิดตัวด้วยราคาเฉลี่ยในตลาดที่ 160,000 บาท ต่อ ตารางเมตร จะเห็นได้ว่าโครงการ C Ekkamai เป็นโครงการที่น่าสนใจมาก และคาดว่าจะปิดการขายได้ทั้งหมดภายในระยะเวลาไม่นาน" โครงการ ซี เอกมัย เป็น High Rise คอนโดมิเนียนขนาด 44 ชั้น  736 ยูนิต ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย 729 ยูนิต และเป็นห้องเพื่อการค้า 7 ยูนิต โดดเด่นด้วยทำเลติดถนนเอกมัยเชื่อมต่อใจกลางทองหล่อ ถนนสุขุมวิท และเพชรบุรี,  และงานออกแบบด้านสถาปิก และงานตกแต่งภายในที่ใส่ใจเรื่องใช้ชีวิตได้จริงของลูกค้าอย่างสะดวกสบาย และลงตัวที่สุดลงไปในตัวโครงการ เช่น การใส่ใจทุกรายละเอียดของการออกแบบและก่อสร้าง เช่นการออกแบบปีกอาคารให้เป็น Single corridor และช่องหน้าต่างเพื่อบรรยากาศโปร่งสบายภายในตัวอาคาร การใช้วัสดุเกรด Premium เช่นครัว Top หิวสังเคราะห์, หน้าบาน High Gloss, และรางลิ้นชัก Soft close เพิ่มพื้นที่ในการอยู่อาศัยให้กว้างและสบายมากกว่าเดิม เช่น ฝ้าเพดานจะสูงกว่ามาตรฐานที่ 2.7 เมตรสำหรับ 1 ห้องนอน และสูงถึง 4.2 -5.5 เมตรสำหรับห้องพิเศษเพดานสูง หรือแม้กระทั่ง lobby และ Sky Lounge ที่เพดานสูงถึง 7 และ 8 เมตรตามลำดับ นอกจากนี้มีการเพิ่มพื้นที่ชมวิวจากห้องนั่งเล่นด้วยความยาวของ Balcony ที่มากกว่าที่สามารถชมวิวที่สูงที่สุดในเอกมัย Facilities คิดมาเพื่อตอบโจทย์ทุก Lifestyle บนมาตรฐานเทียบเท่ากับโรงแรม เช่น จุด drop off ที่ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงสภาพการจราจรจริง lobby ที่ออกแบบมาเสมือนห้องรับแขกเพื่อเป็นที่นัดพบของลูกบ้านและเพื่อนด้วย design ที่โอ่โถงและสวยงามที่จะคอยสร้างความประทับใจให้คนที่มาเยี่ยม นอกจากนี้ยังมี facilities ที่คิดมาให้เพียงพอต่อความต้องการลูกบ้านในทุก lifestyle ไม่ว่าจะเป็น swimming pool, working space, fitness, jogging track, sky garden, sky lounge and roof top ซึ่งสิ่งเหล่านี้ลูกบ้านสามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยราคาที่ดีที่สุดในเส้นเอกมัย-ทองหล่อ “The Best Price Condominium in EKKAMAI Neighborhood” โครงการ ซี เอกมัย พร้อมเปิดตัวด้วยราคาขายพิเศษ ณ วัน Pre-Sales ในวันที่ 15-16 ต.ค.นี้ โดย ขนาด 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาท และลูกค้าจะได้รับส่วนลดพิเศษสูงสุด 100,000บาท และรวมถึงส่วนลดเพิ่มเติมจากการแสดงสิทธิลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์อีก 50,000 บาท รวมมูลค่าส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เพื่อรับสิทธิส่วนลดพิเศษได้ที่  098-268-5588 หรือ www.cekkamai.com
“ซินเซีย วีพี” สบช่องว่างตลาดรีสอร์ทเช่าเมืองหัวหินมีดีมานต์ เปิดขาย “ครอสทู หัวหิน โอเอซิส” การันตีผลตอบแทนค่าเช่า 8% ต่อปี

“ซินเซีย วีพี” สบช่องว่างตลาดรีสอร์ทเช่าเมืองหัวหินมีดีมานต์ เปิดขาย “ครอสทู หัวหิน โอเอซิส” การันตีผลตอบแทนค่าเช่า 8% ต่อปี

บริษัท ซินเซีย วีพี จำกัด ในเครือซินเซียกรุ๊ปสบช่องจับดีมานต์ตลาดรีสอร์ทเช่าเมืองท่องเที่ยวหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ มาแรง รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว และกลุ่มเพื่อน ผุดโครงการ ครอสทู หัวหิน โอเอซิส (X2 – Huahin Oasis) มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท บ้านตากอากาศลักซ์ชัวร์รี่สไตล์คนรุ่นใหม่ตอบทุกโจทย์ของการพักผ่อน เสนอขายพร้อมสัญญาเช่า 6 ปี สร้างผลตอบแทนในคราวเดียวในอัตราค่าเช่า 8% ของราคาบ้านต่อปีมอบความลักซ์ชัวร์รี่ให้การพักผ่อนแบบส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิต เพียง 23 หลัง พร้อมสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือส่วนตัว ชู 2 แบบบ้านตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่น จอยฟูลวิลล่า (Joyful Villa) พื้นที่ใช้สอย 279 ตารางเมตร และบลิสฟูลวิลล่า (Blissful Villa) พื้นที่ใช้สอย 299 ตารางเมตร เปิดขายเฟสแรกเดือนเมษายน ปี 2560 ราคา 14.0-17.2 ล้านบาท หรือเริ่มต้น 49,000 บาทต่อตารางเมตร นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเซีย วีพี จำกัด ในเครือซินเซียกรุ๊ป บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 10 ปี เปิดเผยว่า จากการติดตามการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในตลาดหัวเมืองท่องเที่ยวนอกจากกรุงเทพมหานคร พบว่ามีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก 5 หัวเมือง ประกอบด้วย ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย พัทยา และหัวหิน โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยของการท่องเที่ยวปีละ 6.55% ขณะที่ผลการศึกษาข้อมูลตลาดรีสอร์ทและโรงแรมปล่อยเช่าในเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีโอกาสขยายตัวและมีความต้องการที่สูงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ด้วยเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีลักษณะพิเศษสำหรับครอบครัวและคนที่ชอบความสงบยอดนิยมที่สุด สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียง 2.5-3 ชั่วโมง ซึ่งสถิติหัวหินมีนักท่องเที่ยวสูงสุดอันดับ 4 (ไม่รวมกรุงเทพฯ) รองจาก ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กว่า 70% คือนักท่องเที่ยวคนไทย และนักท่องเที่ยวกว่า 55% จะเป็นลักษณะกลุ่มครอบครัว และกลุ่มเพื่อนจำนวน 4-8 คน ถือว่ามีความแตกต่างจากเมืองท่องเที่ยวอื่นที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวแบบ 2 คน ในด้านผลสำรวจพฤติกรรมหลักที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบที่สุด ยังคงเป็นการใช้เวลาพักผ่อนในโรงแรมและกิจกรรมรับประทานอาหาร ดังนั้นความต้องการที่พักในลักษณะดังกล่าวจึงมีมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเภทที่พักที่สามารถรับรองการทำกิจกรรมแบบเป็นหมู่คณะครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน จะมีสัดส่วนไม่ถึง 5% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด และส่วนใหญ่จะเป็นที่ระดับ 2-3 ดาว ในขณะที่ราคาการให้บริการของรีสอร์ทและโรงแรมในเมืองหัวหินถือว่าสูงเกินความพึงพอใจของลูกค้าอยู่มาก จึงทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ สามารถจับช่องว่างของตลาดรีสอร์ทและโรงแรมขนาดใหญ่ที่ยังไม่สามารถปรับตัวตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เพียงพอ นายชยพล กล่าวว่า เพื่อรองรับความต้องการของตลาด บริษัทได้เปิดตัว ครอสทู หัวหิน โอเอซิส (X2 – Huahin Oasis) หัวหิน ประจวบคิรีขันธ์ มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท โครงการบ้านตากอากาศลักซ์ชัวร์รี่สไตล์คนรุ่นใหม่ตอบทุกโจทย์ของการพักผ่อนที่เสนอขายพร้อมสัญญาเช่า 6 ปี สร้างผลตอบแทนในคราวเดียว โดยรับประกันอัตราค่าเช่า 8% ของราคาบ้านต่อปี บริหารการเช่าโดย BHMA, Bespoke Hospitality Management Asia ผู้บริหารรีสอร์ทและโรงแรมระดับเอเชียเจ้าของแบรนด์ X2 (ครอสทู) และแบรนด์อื่น อาทิ Away, Le Bayburi และ Golden Tulip โครงการ X2 Huahin Oasis มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พร้อมสระว่ายน้ำแบบน้ำเกลือ มีทั้งหมด 23 ยูนิตมี 2 แบบบ้านให้เลือก ประกอบด้วยแบบบ้าน จอยฟูลวิลล่า (Joyful Villa) พื้นที่ใช้สอย 279 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือส่วนตัว จำนวน 13 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14.0-15.9 ล้านบาท และแบบบ้าน บลิสฟูลวิลล่า (Blissful Villa) พื้นที่ใช้สอย 299 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือส่วนตัว จำนวน 10 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 15.0-17.2 ล้านบาท พร้อมเปิดขายเฟสแรกจำนวน 13 ยูนิต ภายในเดือนเมษายน 2560 และเฟสสอง จำนวน 10 ยูนิต ภายในเดือนพฤจิกายน 2560 สำหรับการตกแต่งภายในโครงการ X2 Huahin Oasis จะตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม โดยตกแต่งแบบ Premium Hotel Furnished รวมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าครบตามคุณภาพโรงแรม 5 ดาว หรูหรา พร้อมบริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้รับประกับคุณภาพการบริการด้วยรับรางวัลระดับนานาชาติ สาขาบ้านพักตากอากาศ (Leisure Development) จาก International Property Awards Asia Pacific 2015-2016 ในส่วนของกิจกรรมการตลาดโครงการ X2 Huahin Oasis เตรียมออกบูธประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 19-20 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับเจ้าของห้องยังมีสิทธิสามารถเข้าพักได้ปีละ 10 คืน แบ่งเป็น 5 คืน วันธรรมดา และ 5 คืนวันสุดสัปดาห์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันหยุดยาวตามปฏิทินธนาคาร สอบถามเพิ่มเติม โทร.0814099496 หรือชมข้อมูลโครงการผ่าน www.oasishuahinvilla.com
ชนินทร์ ลิฟวิ่ง เปิดตัวโชว์รูม เฮอร์แมน มิลเลอร์ ด้วยคอนเซ็ปต์ “ลิฟวิ่ง ออฟฟิศ” แฟลกชิป แห่งแรกในประเทศไทย

ชนินทร์ ลิฟวิ่ง เปิดตัวโชว์รูม เฮอร์แมน มิลเลอร์ ด้วยคอนเซ็ปต์ “ลิฟวิ่ง ออฟฟิศ” แฟลกชิป แห่งแรกในประเทศไทย

กรุงเทพฯ – ชนินทร์ ลิฟวิ่ง ร่วมกับ Herman Miller แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับไอคอนของโลก เปิดตัวโชว์รูมภายใต้แนวคิด Living Office (ลิฟวิ่ง ออฟฟิศ) คอนเซ็ปต์สถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ที่จะช่วยสร้างและยกระดับประสบการณ์การทำงานที่ดีให้กับพนักงาน โดยโชว์รูม Herman Miller และ Living Office ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท ชนินทร์ ลิฟวิ่ง ชั้น 18 อาคาร จีพีเอฟ ถนนวิทยุ คอนเซ็ปต์ Living Office  ช่วยองค์กรจัดการพื้นที่ทำงาน ให้เหมาะสมกับลักษณะและสไตล์ขององค์กร เพราะ Herman Miller เชื่อว่าการออกแบบพื้นที่ที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ของธุรกิจ และเป้าหมายขององค์กรจะช่วยให้พนักงานตระหนักถึงเป้าหมายและหน้าที่ของตนเอง ออฟฟิศที่ดีจะช่วยสื่อสารวัฒนธรรมและค่านิยมขององค์กร เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือของคนในองค์กร และจะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่นำไปสู่ผลงานที่ยอดเยี่ยมขึ้น ลูกค้าของ Herman Miller ที่ใช้คอนเซ็ปต์ Living Office ทั่วโลก เช่นใน ฮ่องกง เมลเบิร์น ซานฟรานซิสโก จนถึงบังกาลอร์ ต่างเห็นผลลัพธ์และได้รับประโยชน์จากคอนเซ็ปต์นี้อย่างชัดเจน  โดยการเปลี่ยนออฟฟิศจากสถานที่ที่มาเพื่อทำงาน ให้กลายมาเป็น “สถานที่ทำงานที่น่ามาทำงานที่สุด” โดยคอนเซ็ปต์ Living Office ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมี Herman Miller’s Passport ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลอัจฉริยะที่สามารถช่วยแนะนำและปรับปรุงการใช้พื้นที่ส่วนต่างๆของออฟฟิศ เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อสินทรัพย์ของบริษัทและองค์กรในระยะยาว แนวทางในการกำหนดคอนเซ็ปต์ Living Office สำหรับแต่ละออฟฟิศ Herman Miller ใช้ระบบการวิจัย Office Discovery Process ในการเก็บข้อมูลเพื่อประมวลผล และจำแนกรูปแบบ ลักษณะงาน เป้าหมาย กิจกรรมหลักขององค์กรนั้นๆ ตลอดจนพนักงาน และกลุ่มงานที่แตกต่างกันในแต่ละแผนก โดยข้อมูลและมุมมองต่างๆจากฐานข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยองค์กรเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่า สถานที่ทำงานที่ดีที่จะสะท้อนเป็นภาพลักษณ์ขององค์กรของเขาควรจะเป็นเช่นไร และเพื่อออกแบบพื้นที่ให้องค์กรนั้นๆมีพื้นที่ใช้งานที่สอดคล้องกับความต้องการ และสิ่งที่พวกเขากำลังสร้างสรรค์อยู่ ทำไมถึงต้องเป็น Living Office? หลายออฟฟิศในปัจจุบัน ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกระบวนการทำงานและเทคโนโลยีจากยุคก่อน  ซึ่ง Herman Miller มองเห็นศักยภาพของสถานที่ทำงานในยุคปัจจุบันและอนาคต  ด้วยการออกแบบที่เข้าใจมุมมองของบุคลากร รูปแบบงานและพฤติกรรม ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็น ซึ่ง Living Office จะเป็นสถานที่ที่ยกระดับประสบการณ์ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้พนักงานอยากมาและกระตือรือร้นในการทำงานมากกว่าเพียง “ต้องมาทำงาน” การจัดสรรพื้นที่ สถานที่สามารถเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย วัฒนธรรมและบุคลากรของแต่ละองค์กร ย่อมมีความแตกต่างกัน แต่โดยมากออฟฟิศทั่วๆไปกลับมีรูปแบบ หน้าตาและบรรยากาศเหมือนๆกัน Herman Miller  ได้นำระบบ Living Office Discovery มาใช้ เพื่อช่วยให้องค์กรเห็นภาพและช่วยการออกแบบพื้นที่ Living Office ของแต่ละองค์กร ให้เหมาะสม 10 กิจกรรมหลักในการทำงาน การพูดคุย (Chat): การพูดคุยทักทายชีวิตประจำวันระหว่างเพื่อนร่วมงาน การสนทนา (Converse): การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างกลุ่มเพื่อนร่วมงานในหัวข้อประชุม การสร้างสรรค์ร่วมกัน (Co-Create): การสร้างสรรค์ คิดค้นไอเดียใหม่ๆร่วมกันในรูปแบบกลุ่ม การแบ่งงานเพื่อร่วมสร้าง (Divide & Conquer): การแบ่งงานระหว่างสมาชิกในทีม เพื่อกระจายตัวไปคิดงานในส่วนที่รับมอบหมายของตน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานโปรเจกต์ใหญ่ ร่วมกัน การรวมตัว (Huddle): กิจกรรมนี้หมายถึงเมื่อเวลาทีมต้องการจะประกาศหรือบอกกล่าวเกี่ยวกับ เรื่องด่วน การหารือ หรือการกำหนดทิศทางแผนการดำเนินงาน การอุ่นเครื่อง และเตรียมสรุป (Warm Up, Cool Down): เป็นกิจกรรมเพื่อเตรียมประชุมแบบเป็นทางการ การสร้างสรรค์ (Create): การสร้าง และผลิตผลงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย การนำเสนอ และบอกเล่า (Show & Tell): การนำเสนองานระหว่างเพื่อนร่วมงานในทีมนั้นๆ โดยจะมีหรือไม่มีลูกค้าในการนำเสนอนั้นก็ได้ การดำเนินงาน และการตอบรับ (Process & Respond): การทำงาน ตอบรับ ประสานงาน ไม่ว่าในรูปแบบของอีเมล์ โทรศัพท์ ฯลฯ เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่อง การทบทวน (Contemplate): พฤติกรรมเมื่อพนักงานแต่ละคนสามารถหยุดเพื่อทบทวนความคิดเกี่ยวกับงานของตนเอง หรือพักงานไว้ก่อนเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง ทั้งนี้ การออกแบบ  Living Office โดย Herman Miller มีเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไฮไลท์ เช่น ชุดโต๊ะทำงาน Optimis Desking System, เก้าอี้ Activity Chair, โต๊ะ  T2 Smart Desk, ชุดเฟอร์นิเจอร์รุ่น Public Office Landscape, ชุดโต๊ะทำงาน Imagine Desking, เก้าอี้ Mirra 2 Butterfly Back, เก้าอี้ Sayl เป็นต้น Living Office โดย Herman Miller พร้อมต้อนรับทุกท่านแล้วที่ ชนินทร์ ลิฟวิ่ง สำนักงานใหญ่ ชั้น 18 อาคาร จีพีเอฟ วิทยุ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร +662 015 8889 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลิฟวิ่ง ออฟฟิศ – ภูมิทัศน์ใหม่ของการทำงาน http://www.hermanmiller.com/global/en_apc/solutions/living-office.html
SENA สุดเจ๋ง โครงการ the kith plus สุขุมวิท 113 ตอบรับดีเกินคาด ยอดจองพุ่งกว่า 70% คอนโดที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว ฟังก์ชั่นที่ลงตัว ลดค่าไฟด้วยโซลาร์

SENA สุดเจ๋ง โครงการ the kith plus สุขุมวิท 113 ตอบรับดีเกินคาด ยอดจองพุ่งกว่า 70% คอนโดที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว ฟังก์ชั่นที่ลงตัว ลดค่าไฟด้วยโซลาร์

บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ( SENA ) อวดโครงการ” เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113” กระแสตอบรับดีเกินคาด …..  ยอดจองพุ่งกว่า 70%   “คอนโดฯ แรกในไทย….ที่ช่วยลดค่าไฟด้วยโซลาร์ “ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สำโรง ติดตั้งแผงโซลาร์ “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” เดินหน้าผุดโครงการช่วงที่เหลือต่อเนื่อง - คอนเฟิร์มผลงานปีนี้เจ๋ง!!! ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย และในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า โครงการใหม่ “เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113 “มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดี จากการเปิดขายในช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70%  และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในเร็วๆ นี้ พร้อมเตรียมเปิดเฟส 2 ต่อเนื่องเพื่อตอบรับกระแสความต้องการของตลาดในย่านนี้ ทั้งนี้โครงการ “เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113  เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีจุดเด่น ทั้งการเดินทางที่สะดวก เพียง 400 เมตร ถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว  และเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายเหลือง การออกแบบเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบพิเศษเฉพาะโครงการ รวมทั้งเป็นโครงการที่นำพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์มาใช้ โดยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ประหยัดไฟฟ้าส่วนกลาง 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังเพิ่มพื้นที่นั่งเล่น ใกล้ชิดธรรมชาติ ติดห้องพักอาศัย ด้วยสวนลอยฟ้า ขนาดใหญ่ กว่า 200 ตรม. ถือเป็นการตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว สำหรับห้องที่มีขนาด 28 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท “โครงการ “เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113” ได้รับการตอบรับที่ดีมาก หลักๆ ก็มาจากทำเลที่สะดวกเพียง 400 เมตร ถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว แถมยังมีฟังก์ชั่นที่ลงตัว โดยเฉพาะแผงโซลาร์ ที่ช่วยลดค่าไฟ อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ให้เฟอร์ฯครบ ในราคาสบายๆ  ซึ่งถือว่าเป็นการตอบโจทย์ได้ดี แบบลงตัว  ภายใต้ราคาที่คุ้มค่าสามารถจับต้องได้ “ผศ.ดร.เกษรา กล่าว ผศ.ดร.เกษรา  กล่าวต่อว่า บริษัททยอยเปิดโครงการใหม่ที่เหลือครบ ภายในปีนี้ตามแผนอย่างต่อเนื่อง ตามแผนงานโครงการใหม่ในปี 2559 มีจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,670 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1,980 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,690 ล้านบาท นั้น ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้เปิดแล้ว 2 โครงการ คือโครงการ SENA Ville บรมราชชนนี – สาย  5  มูลค่าโครงการ 880 ล้านบาท และโครงการ SENA Park Ville รามอินทรา-วงแหวน เฟส 1 มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท พร้อมเปิดอีก 5 โครงการอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เปิด The Kith Plus สุขุมวิท 113 มูลค่าโครงการ  550  ล้านบาท , เดือนกันยายนเปิด The Niche Mono บางนา เฟส 3 มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท  The Niche ID พระราม 2 เฟส 2 มูลค่าโครงการ 540 ล้านบาท และบริษัทจะทยอยเปิดโครงการที่เหลืออีก 2 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย  The Kith Lite บางกะดี เฟส 2 มูลค่าโครงการ 310 ล้านบาท และ  The Niche Mono สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 1,130 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559  ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวม 3,500 ล้านบาท และยอดขายอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก มียอดโอนเข้ามาแล้วกว่า 2,500 ล้านบาท และยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59 อีกกว่า 2,400 ล้านบาท  ซึ่งจะเป็นยอดที่รอรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังประมาณ 1,000 ล้านบาท  อีกทั้งบริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังเพื่อสะสมยอดขายรอโอนสำหรับปี 2560 ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงให้ความใส่ใจ ดูแลลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ “หัวคิด และหัวใจ” พร้อมบริการดูแลหลังการขาย  360 องศา เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วย องศาแห่งความอุ่นใจ ในบริการแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. โดย SENA We Care , องศาแห่งความสุข ดูแลทุกโครงการให้อยู่สบายโดย Victory , องศาแห่งความสบายใจ วันไหนก็ยังมั่นคงด้วยบริการรับฝากขาย – เช่า โดย Living agent  , องศาแห่งความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะติดต่อหรือติดตาม และยังตรวจสอบปริมาณการลดค่าไฟฟ้าจากโซลาร์ ก็สะดวกสบายด้วยแอพพลิเคชั่น SENA 360° SERVICE
อนันดาฯ ลุยหนักปลายปี เปิดรวด 6 โครงการ ตอกย้ำความแข็งแกร่ง “มิตซุย ฟูโดซัง” ร่วมทุนต่อ 3 โครงการใหญ่ 12,000 ล้าน มั่นใจยอดปีทะลุเป้า หลังคนแห่จอง 2 โครงการใหม่ล้นหลาม เดินหน้าจัดงานใหญ่แห่งปี ANANDA URBAN PULSE 20 – 23 ต.ค.นี้

อนันดาฯ ลุยหนักปลายปี เปิดรวด 6 โครงการ ตอกย้ำความแข็งแกร่ง “มิตซุย ฟูโดซัง” ร่วมทุนต่อ 3 โครงการใหญ่ 12,000 ล้าน มั่นใจยอดปีทะลุเป้า หลังคนแห่จอง 2 โครงการใหม่ล้นหลาม เดินหน้าจัดงานใหญ่แห่งปี ANANDA URBAN PULSE 20 – 23 ต.ค.นี้

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โชว์ศักยภาพผู้นำคอนโดติดรถไฟฟ้า พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งกับพันธมิตรเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น มิตซุย ฟูโดซัง ที่มอบความไว้วางใจ ร่วมทุนต่อ 3 โครงการใหญ่ กว่า 12,000 ล้านบาทและอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมทุนต่ออีกหลายโครงการปีนี้ เผยแผนธุรกิจ 4 เดือนหลังเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท  บนทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ พร้อมโชว์ความสำเร็จได้รับการตอบรับดีเหนือความคาดหมาย จาก 2 โครงการใหม่ล่าสุด ไอดีโอ โมบิ อโศก และ เวนิโอ สุขุมวิท 10 นอกจากนี้เตรียมกระตุ้นตลาดและกำลังซื้อจัดงานนำเสนอคอนโดติดรถไฟฟ้าครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี “ANANDA URBAN PULSE” รวบรวมคอนโดติดรถไฟฟ้าคุณภาพเยี่ยมกว่า 14 โครงการทั่วกรุงเทพ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุด !! และพลาดไม่ได้!! กับ 4 โครงการไฮไลท์  จากแบรนด์คุณภาพที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าด้วยดีเสมอมา ที่พร้อมตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างลงตัว ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2559 นี้ ที่ชั้น 1 สยามพารากอน นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจาก บริษัท มิตซุย  ฟูโดซัง  จำกัด อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นความร่วมมือในปี 2013 – จนปัจจุบัน โดยได้ร่วมมือกันพัฒนาโครงการติดรถไฟฟ้าที่มีคุณภาพมาแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 45,000 ล้านบาท ซึ่ง มิตซุยฯ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของอนันดาฯ ซึ่งผลจากการร่วมทุนที่ประสบความสำเร็จที่ผ่านมาทำให้มีการวางแผนเดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องด้วยการทำสัญญาร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังมีโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมทุนในอนาคตอีกหลายโครงการเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างลงตัวที่สุด ในช่วง 4 เดือนหลังของ 2559 นี้ บริษัทฯ มีแผนการเปิดตัวที่สุดของคอนโดมิเนียมบนสุดยอดทำเลศักยภาพ พร้อมกัน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ ไอดีโอ , ไอดีโอ โมบิ, เวนิโอ ,ยูนิโอ   ประกอบด้วย 3 โครงการความร่วมมือภายใต้การร่วมทุนกับ บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง  จำกัด  มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.) โครงการ ไอดีโอ โมบิ อโศก สูง 36 ชั้น จำนวน 507 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,240 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น  4.19 ล้านบาท  2.) โครงการ ไอดีโอ สุขุมวิท 93  สูง 38 ชั้น จำนวน 1,332  ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,072 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท   และ 3.) โครงการ ไอดีโอ  โมบิ สุขุมวิท 66 สูง 28 ชั้น จำนวน 298  ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,288 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5.19 ล้านบาท  ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าทั้ง 3 โครงการจากความร่วมมือนี้จะสามารถสร้างความสนใจครั้งใหญ่ให้คนเมืองได้อีกครั้ง และสำหรับอีก 3 โครงการคุณภาพที่เตรียมตัวเปิดในช่วง 4 เดือนหลังเช่นกันได้แก่  โครงการ ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร สูง 37 ชั้น จำนวน 400 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,513 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท  โครงการ เวนิโอ สุขุมวิท 10 สูง 8 ชั้น จำนวน 162 ยูนิต มูลค่าโครงการ 875 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท  และโครงการ ยูนิโอ นิด้า-เสรีไทย สูง 8 ชั้น จำนวน 703 ยูนิต มูลค่าโครงการ 932 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 950,000 บาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จดีเกินความคาดหมายอีกครั้งจากผลตอบรับที่ดียิ่งของการเปิดขาย 2  โครงการใหม่ล่าสุดไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นโครงการสุดยอดทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ได้แก่ โครงการ ไอดีโอ โมบิ อโศก (IDEO Mobi Asoke) โดยสามารถสร้างยอดขายแล้วกว่า 70% และ โครงการ เวนิโอ สุขุมวิท 10  (Venio Sukhumvit 10 ) คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุด ภายใต้การพัฒนาโครงการโดย บริษัท เฮลิกซ์  จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอนันดาฯ  โดยสามารถสร้างยอดขายรวมเกือบ 90% ซึ่งดำเนินงานด้านการขายโดยบริษัท ดิ เอเจ้นท์ จำกัด มร. อะกิฮิโกะ ฟูนาโอกะ Executive Managing Officer บริษัท มิตซุย  ฟูโดซัง  จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุด และมีรายได้และกำไรสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น มีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 7 แสนล้านบาท เปิดเผยว่า ตั้งแต่ได้มีการทำสัญญาความร่วมมือ บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของอนันดาฯ  ในการเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมทำเลใกล้รถไฟฟ้าที่ดีที่สุด มีความเชี่ยวชาญและศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่โดดเด่นทั้งคุณภาพและการออกแบบโครงการที่ดึงดูด และสามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าย่านใจกลางเมืองได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นว่า อนันดาฯ เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย และ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของ มิตซุย ฟูโดซัง และหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งร่วมกันต่อไป  โดยมีความเชื่อมั่นในความสำเร็จ ในปีนี้เรามีอีก3โครงการใหม่ที่จะร่วมลงทุน ได้แก่ โครงการไอดีโอ โมบิ อโศก โครงการ ไอดีโอ สุขุมวิท 93 และโครงการ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 66 ซึ่งการร่วมทุนใหม่นี้ ถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่ตอบสนองความสะดวกสบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวก ในราคาที่สมเหตุผลและสามารถจับต้องได้ “มิตซุย ฟูโดซัง มีนโยบายที่จะเติบโตทางธุรกิจในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยเป็นประเทศที่สำคัญที่สุดสำหรับกลยุทธ์ด้านการลงทุนของ มิตซุย ฟูโดซัง เพราะการพัฒนาระบบการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้ และเราคาดหวังที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เจริญเติบโตในพื้นที่โดยรอบๆสถานีรถไฟฟ้า มิตซุย ฟูโดซังมีความมั่นใจอีกด้วยว่า ความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของอนันดาฯ จะสามารถสร้างโครงการที่มีนวัตกรรมใหม่ และมีมูลค่าที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า บริษัทของเราต้องการที่สนับสนุนบริษัท อนันดาฯ และพัฒนาโครงการร่วมทุนอื่นๆด้วยกันอีก นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยการจัดงาน “ANANDA  URBAN PULSE” ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2559 ณ. ชั้น 1  ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายใต้แนวคิด “SHIFT TO A NEW PARADIGM OF LIVING” เพื่อนำเสนอบริบทใหม่ของการใช้ชีวิตสำหรับคนเมือง โดยนำเสนอนวัตกรรมแห่งการอยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาผสมผสานกับการใช้ชีวิตเมืองมากขึ้น หรือ  SMART LIVING ไม่ว่าจะเป็นด้านความสะดวกสบาย ด้านความปลอดภัย หรือในด้านของการอยู่อาศัยในมิติอื่นๆเพื่อการใช้ชีวิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และในงาน ANANDA URBAN PULSE ทางบริษัทฯได้ออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับแนวคิด “SHIFT TO A NEW PARADIGM OF LIVING” โดยตั้งใจนำเสนอรูปแบบงานให้เป็น Event แห่งอนาคต ที่ผู้ร่วมงานจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของ Event ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเทคโนโลยีการนำเสนอข้อมูลโครงการในรูปแบบใหม่ อาทิ Isolate map , 3D Simulator , Dynamic VR และอีกมากมาย พิเศษสุดเมื่อจองห้องชุดภายในงานจะได้รับ Samsung Gear Fit 2 (เฉพาะโครงการที่กำหนด) หรือแค่เข้าร่วมงานก็มีสิทธิ์ร่วมลุ้นรับ Siam Paragon Gift Card มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 20 รางวัลต่อวัน ซึ่งบริษัทฯได้คัดสรรและรวบรวมโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพติดรถไฟฟ้า กว่า 14 โครงการทั่วกรุงเทพฯ มานำเสนอซึ่งเป็นการส่งเสริมการขายที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูงติดสถานีรถไฟฟ้าของอนันดาฯ สามารถเลือกชมโครงการต่างๆได้อย่างใกล้ชิดก่อนใครพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษเมื่อจองซื้อภายในงาน  ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเห็นได้จากการการให้ความสนใจและตอบรับเป็นอย่างดีทุกครั้งของการเปิดตัวโครงการของบริษัทตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ประกาศผลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ครั้งที่ 11 “แมกโนเลีย”คว้ารางวัลสุดยอดบริษัทพัฒนาอสังหายอดเยี่ยม เปิดตัว Property Report Congress Thailand งานสัมมนาสำหรับผู้บริหารชั้นนำ

ประกาศผลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ครั้งที่ 11 “แมกโนเลีย”คว้ารางวัลสุดยอดบริษัทพัฒนาอสังหายอดเยี่ยม เปิดตัว Property Report Congress Thailand งานสัมมนาสำหรับผู้บริหารชั้นนำ

พร็อพเพอร์ตี้กูรู เปิดโผรายชื่อผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศและผู้ได้รับรางวัลชมเชย “ไทยแลนด์พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์”  ครั้งที่ 11 “แมกโนเลีย” คว้ารางวัลสุดยอดบริษัทพัฒนาอสังหายอดเยี่ยม โครงการจากโปรเจกต์ Waterfront จากกรุงเทพ ภูเก็ต สมุย และโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกคือตัวกำหนดที่มาของรางวัลแห่งชัยชนะนี้ ในขณะที่ ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ จากเมเจอร์กรุ๊ป ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลแห่งวงการอสังหา ประจำ 2016 เปิดตัว Property Report Congress Thailand งานสัมมนาระดับบริหารที่อัดแน่นด้วยวิทยากรทั้งไทยและวิทยากรระดับโลก มร.เทอรี่ แบล็คเบิร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นับว่าสิ้นสุดการรอคอยอันยาวนานสำหรับการประกาศรางวัล ไทยแลนด์ พรอเพอร์ตี้ อวอร์ดส 2016 ครั้งที่ 11 ที่จัดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ณ พลาซา แอทธินี กรุงเทพฯ อะ รอยัล เมอริเดียน ) โดย 33 ประเภทได้รับการประกาศบนเวทีประกาศรางวัลอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดและยาวนานที่สุดของประเทศไทย งานที่จัดโดยพร็อพเพอร์ตี้กูรู ผู้นำแห่งวงการออนไลน์อสังหาริมทรัพย์ โดยมีบริษัท ฮันส์โกรเฮ่อ จำกัด เป็นผู้สนับสนุนหลัก มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 600 คน จากผู้บริหารแถวหน้าในวงการอสังหาฯ โดยมีแขกรับเชิญพิเศษ คือ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี โดยการประกาศผลรางวัลเกียรติยศ ในปีนี้   ผู้ที่คว้ารางวัลสุดยอดบริษัทพัฒนาอสังหายอดเยี่ยม คือ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด MQDC หรือ Magnolia Quality Development Corporation  โดยกวาดไปถึง 8 รางวัล ในขณะที่โครงการจากโปรเจกต์Waterfront จากกรุงเทพ ภูเก็ต สมุย และโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก พาเหรดขึ้นรับรางวัลบนเวทีอย่างคึกคัก ด้านรางวัลบุคคลแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ ประจำปี 2016 ได้แก่ ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และในปีนี้ยังถือเป็นการเปิดตัว Property Report Congress Thailand งานสัมมนาระดับบริหาร ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิชาวไทยและระดับโลก มาร่วมเป็นวิทยากรให้ข้อมูลกลยุทธ์และโอกาสทางการตลาดอสังหาฯอย่างน่าสนใจ ผู้ได้รับรางวัลสูงสุดคือ ​บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาอสังหาขนาดใหญ่ ด้วยโครงการสุดหรูเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นผู้ชนะรางวัลในรายการต่างๆ มากมาย รวมไปถึงรางวัลผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมอันเป็นที่สุดแห่งความหรูหราในเขตกรุงเทพมหานคร  ได้แก่โครงการ โอเรียนทัล เรสซิเดนท์  และรางวัลผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมหรูในเขตกรุงเทพมหานคร สำหรับที่พักอาศัยได้แก่ โครงการแมกโนเลีย วอเตอร์ฟรอนท์ ไอคอน-สยาม ซึ่งโครงการดังกล่าวยังได้รับรางวัลผู้พัฒนารางวัลคอนโดมิเนียมยอดเยี่ยมเช่นกัน ทั้งนี้ ศ.ดร. มานพ พงศทัต จากสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับในวงการอสังหาในไทย และเป็นประธานการตัดสินกิตติมศักดิ์ ให้ความเห็นว่าโครงการร่วมทุน MDQC ริเวอร์ฟรอนท์ จะเปลี่ยนวิถีชีวิตริมน้ำในเมืองหลวงไปตลอดกาล สำหรับรางวัลเชิดชูเกียรติอื่นๆ ตกเป็นของโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาต่างๆ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า โครงการริมแม่น้ำยังคงมีศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มตลาดหรูของกรุงเทพ โดยโครงการแม่น้ำเรสซิเดนท์ ได้รับรางวัลคอนโดมิเนียมไฮท์ไลท์ที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มตลาดบน ในขณะที่โรงแรมอวานิริเวอร์ไวด์ กรุงเทพฯ ซึ่งส่งประกวดในกลุ่มโรงแรมระดับกลางกวาดไป 4 รางวัล โดยเป็นรางวัลด้านการออกแบบถึงสามรางวัล ส่วนอีกหนึ่งเป็นรางวัลการพัฒนาโรงแรมยอดเยี่ยม ซึ่งนับได้ว่าเป็นรางวัลที่ได้มาโดยปราศจากคู่แข่งอีกด้วย นอกจากนี้ โครงการมหาสมุทร ของ เพซ ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งนำเสนอที่พักริมหาดตระการตาที่สร้างด้วยมือมนุษย์ในประเทศไทย ได้รางวัลกลับบ้านไป 3 ประเภท ได้แก่ การออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่พักอาศัยยอดเยี่ยม การพัฒนาวิลล่าหรูยอดเยี่ยม(หัวหิน) และรางวัลการพัฒนาวิลลาที่ดีที่สุด(ประเทศไทย) โดยคณะกรรมการตัดสินให้ความเห็นว่า “มหาสมุทรนำความหรูหราในอีกระดับหนึ่งมาสู่หัวหิน ซึ่งเมืองแห่งนี้ไม่เคยมีมาก่อน” นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ประธานกรรมการพิจารณาตัดสิน กล่าวถึงผู้ชนะในการประกวดปี 2016 ว่าการตัดสินเกี่ยวกับอาคารที่อยู่บนดินหรือติดแม่น้ำก็ตาม ต่างก็ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการตัดสิน เนื่องจากเป็นที่เข้าใจว่า ตลาดมีความคาดหวังต่อที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ “ผู้พัฒนาที่ชนะในการประกวดครั้งนี้ ได้ช่วยยกระดับวงการและสร้างมาตรฐานตัวอย่างสำหรับการพัฒนาในอนาคตให้ผู้อื่นติดตามเอาแบบอย่าง” โดยทศวรรษที่สองของรางวัลไทยแลนด์พรอเพอร์ตี้อวอร์ด ได้แบ่งการประกวดออกเป็น 8 ประเภท สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย ท่ามกลางรางวัลใหม่ๆ เหล่านี้ สิ่งที่เป็นที่น่าประทับใจก็คือการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งถูกนำเสนอผ่านผู้ชนะรางวัลนักพัฒนายอดเยี่ยม MQDC คณะกรรมการตัดสินยังกล่าวอีกว่า โครงการนวัตกรรมที่ยั่งยืน Sustainovation ของ MQDC มีความชัดเจนในการสร้างความยั่งยืน ทั้งในฐานะของเสาหลักและจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ซึ่งไม่เพียงแต่จะเอื้อต่อการพัฒนาและออกแบบโครงการใดๆ เท่านั้น แต่รวมถึงการปรับเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรม และวิถีปฏิบัติของผู้บริโภค เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่า โครงการใหม่ๆ เหล่านี้มีความยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไปด้วย ทั้งนี้ MQDC ยังได้รับรางวัลโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม จากโครงการตลาดที่พักอาศัยระดับบน เดอะ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว เป็นปีที่สองติดต่อกัน บริษัท บีดีโอ จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบการตัดสิน และ หนึ่งในบริษัทบัญชีและตรวจสอบบัญชีของโลก ได้เข้าเป็นที่ปรึกษาให้กับกระบวนการตัดสินรางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2016 ซึ่งเป็นเครื่องการันตีให้การตัดสินมีความยุติธรรม โปร่งใส และน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น การประกาศรางวัลพิเศษ รางวัลนักอสังหาริมทรัพย์แห่งปี ซึ่งได้แก่ ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โครงการของ MJD ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงในประเภทรางวัล Best Ultra Luxury Condo Development (Bangkok) คุณสุริยาได้รับการเลือกโดยบรรณาธิการ Property Report ให้เป็นผู้นำของคณะผู้พัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูของประเทศไทย ซึ่งกล่าวว่า “วิสัยทัศน์ที่ปราศจากการลงมือปฎิบัติ มันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน ผมขออุทิศรางวัลผู้แทนอสังหาริมทรัพย์สุดหรูนี้ให้กับเหล่าคนหนุ่มสาวที่ เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ เขาเหล่านั้นได้มีส่วนร่วมในความพยายามสร้างแบรนด์ MJD และเป็นส่วนสำคัญทำให้วิสัยทัศน์ร่วมกันนี้เป็นจริงได้ สำหรับผู้ชนะรางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ในประเภทต่างๆ จะมีสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันรอบตัดสินรางวัลเอเชีย พร็อเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2016 ครั้งที่ 5 ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่สุดของสุดยอดเกียรติยศแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ชนะเหล่านี้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ชนะจากอีก 7 ประเทศในสมาคมอาเซียนด้วยกัน คุณเทอร์รี่ แบล็คเบิร์น ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของรางวัลเอเชียพร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะและขอชื่นชมต่อบริษัทต่างๆ เป็นอย่างสูงที่ได้มีส่วนร่วมในมหกรรมยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการในครั้งนี้ รางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ซึ่งก้าวล่วงเข้าสู่ศตวรรษที่สองอย่างน่ายินดี เป็นการประกวดที่ยาวนานและเป็นที่น่าจดจำในฐานะรางวัลระดับนานาชาติที่เคยมีมาในประเทศ’ คุณเทอร์รี่เสริมว่า ‘เช่นเคยปฏิบัติเสมอมา เรามีความยินดีที่จะมอบรางวัลแห่งความประณีตพิถีพิถันและนักพัฒนารุ่นใหม่ๆ ในประเทศไทย ร่วมไปกับนักพัฒนารายใหญ่และที่มีมาอยู่แล้วของประเทศไทยตลอดเวลา 11 ปี ความพยายามที่จะยกระดับมาตรฐานวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยจะต้องเป็นที่จดจำและชื่นชนของประเทศในภูมิภาคอาเซียน’ รางวัลไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2016 ได้รับการสนับสนุนหลักจากบริษัท ฮันส์โกรเฮ่อ จำกัด และผู้สนับสนุนรายใหญ่ คุปเปอร์สบุส และเจแอลแอล ประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจสื่อชั้นนำในวงการอสังหาริมทรัพย์หมายเลขหนึ่งของไทย DDproperty.com รวมถึงหุ้นส่วนสำคัญ นิตยสาร Property Report ผู้นำด้านนิตยสารเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สุดหรู สถาปัตยกรรมและการออกแบบ ในปีนี้ยังได้มีการริเริ่มจัดสัมมนาสำหรับผู้บริหาร Property Report Congress Thailand 2016 โดย มีเป็นการจัดงานในช่วงเช่า-บ่าย ก่อนงานกาลาดินเนอร์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชั้นนำทั้งในและต่างประเทศอย่าง JLL ของคุณสุพินท์ มีชูชีพ ในฐานะนักออกแบบที่โดดเด่น คุณโธมัส เลสเซอร์ แห่งเลสเซอร์อาชิเธคเจอร์ รวมไปถึงกระบวนการตัดสิน นำโดยคุณเคลย์ตัน เวด กรรมการผู้จัดการพรีเมียร์โฮม ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการตัดสิน และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากไทยและต่างชาติอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ info@asiapropertyawards.com หรือเข้าเยี่ยมชมเว็ปไซต์ AsiaPropertyAwards.com/thailandpropertyawards/ สำหรับรายชื่อผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศและรางวัลชมเชยของการประกาศรางวัลไทยแลนด์พรอเพอร์ตี้อวอร์ดครั้งที่ 11 ปี 2016 ได้แก่ DEVELOER Best Developer Winner: MQDC Magnolia Quality Development Corporation   Best Boutique Developer Winner: Siamese Asset Co., Ltd. Highly Commended: Global Top Group Co., Ltd. Highly Commended: Lucky Living Properties Co., Ltd.   Best Green Development Winner: Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao by MQDC Magnolia Quality Development Corporation   Special Recognition in CSR Winner: Sansiri PLC   Special Recognition in Sustainable Development Winner: MQDC Magnolia Quality Development Corporation   BEST OF THE BEST Best Commercial Development (Thailand) Winner: Siam Discovery by Siam Piwat Co., Ltd.   Best Villa Development (Thailand) Winner: MahaSamutr by PACE Development   Best Condo Development (Thailand) Winner: The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok by MQDC Magnolia Quality Development Corporation   DEVELOPMENT   Best Ultra Luxury Condo Development (Bangkok) Winner: The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Highly Commended: Marque Sukhumvit by Major Residences Company Limited   Best Luxury Condo Development (Bangkok) Winner: Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Highly Commended: Saladeang One by SC Asset Corporation PLC   Best Low-Rise High End Condo Development (Bangkok) Winner: LIV@49 by Lucky Living Properties Co., Ltd.    Best High-Rise High End Condo Development (Bangkok) Winner: Menam Residences by Menam Residences Co., Ltd. Highly Commended: Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao by MQDC Magnolia Quality Development Corporation   Best Low-Rise Affordable Condo Development (Bangkok) Winner: Villa Lasalle Sukhumvit 105 by Origin Property Public Company Limited Highly Commended: Proud III Condominium by Tri Property Co., Ltd.   Best High-Rise Affordable Condo Development (Bangkok) Winner: Whizdom Station Ratchada – Thapra by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Limited Highly Commended: Knightsbridge Sky River Ocean by Origin Property Public Company Limited Highly Commended: The Stage Taopoon Interchange by Real Asset Development Co., Ltd.   Best Housing Development (Bangkok) Winner: 749 Residence by Pannaphat Development Co., Ltd. Highly Commended: Setthasiri Charan – Pinklao by Sansiri PLC Highly Commended: VILLAZZO 10 by A-List Development   Best Condo Development (Phuket) Winner: Twinpalms Residences MontAzure by MontAzure Highly Commended: Saturdays Residence by The Attitude Club Co., Ltd. Highly Commended: The Beachfront Oceanfront Condos and Villas by Blue Horizon Developments   Best Residential Development (Phang Nga/Krabi) Winner: The Cleat Condominium by Krabi Boat Lagoon Co., Ltd. Highly Commended: Phu Dahla Residences by Phu Petra Development Co., Ltd.   Best Villa Development (Eastern Seaboard) Winner: Baan Dusit by Dusit Group   Best Luxury Condo Development (Eastern Seaboard) Winner: The Riviera Wongamat Beach by The Riviera Group Highly Commended: Aeras Condominium by The Urban Property Highly Commended: One Tower Pratumnak by 1 Group Development   Best Affordable Condo Development (Eastern Seaboard) Winner: Dusit Grand Park by Dusit Group Highly Commended: The Cloud by Global Top Group   Best Residential Development (Hua Hin) Winner: La Bua Resort & Residence by Nordic Home Co., Ltd. Highly Commended: Falcon Hill by Falcon Hill Development Limited Highly Commended: Smart House Valley Development by Suppagarn Real Estate Service Co., Ltd.   Best Luxury Villa Development (Hua Hin) Winner: MahaSamutr by PACE Development   Best Residential Development (Chiang Mai) Winner: Astra Condo by North Home Co Ltd Highly Commended: The Spring Condominium by NTS Property Co., Ltd.   Best Residential Development (Samui) Winner: UniQue by Q71 Development Co., Ltd. Highly Commended: Azur by Beach Republic Group Highly Commended: Villa Karpe Diem by Sea Bright View Limited   Best Hotel Development Winner: Avani Riverside Bangkok Hotel by Minor Hotels   Best Community Retail Development Winner: theCOMMONS by The Commons Co., Ltd.   Best Retail Development Winner: Siam Discovery by Siam Piwat Co., Ltd.   DESIGN Best Residential Architectural Design Winner: MahaSamutr by PACE Development Highly Commended: Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Highly Commended: The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Highly Commended: VILLAZZO 10 by A-List Development   Best Residential Interior Design Winner: The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Highly Commended: Best Western Premier BayPhere Pattaya by Habitat Group Co., Ltd. Highly Commended: Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM by MQDC Magnolia Quality Development Corporation Highly Commended: X2 Vibe Pattaya SeaPhere by Habitat Group Co., Ltd.   Best Landscape Architectural Design Winner: Avani Riverside Bangkok Hotel by Minor Hotels Highly Commended: Hyde Sukhumvit 11 by Grande Asset Hotels & Property Public Company Limited Highly Commended: LIV@49 by Lucky Living Properties Co., Ltd. Highly Commended: VILLAZZO 10 by A-List Development   Best Hotel Architectural Design Winner: Avani Riverside Bangkok Hotel by Minor Hotels   Best Hotel Interior Design Winner: Avani Riverside Bangkok Hotel by Minor Hotels   Best Retail Architectural Design Winner: theCOMMONS by The Commons Co., Ltd. Highly Commended: Whizdom 101 by MQDC Magnolia Quality Development Corporation   PUBLISHER’S CHOICE   Real Estate Personality of the Year Dr. Suriya Poolvoralaks Managing Director, Major Development PCL
MQDC คว้า 8 รางวัลจากงาน ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2016

MQDC คว้า 8 รางวัลจากงาน ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2016

กรุงเทพฯ, 26 กันยายน 2559 – MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ประสบความสำเร็จสูงสุดจากงาน ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2016 โดยคว้า 8 รางวัลชนะเลิศ รวมถึงรางวัล Best Developer อันทรงเกียรติ พร้อมรับอีก 5 รางวัลชมเชย  จากการประกาศรางวัลทั้งหมด 33 รายการของการประกวดซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ รางวัลที่ MQDC ได้รับมีทั้งรางวัลในระดับองค์กรและโครงการ รวมทั้งรางวัลที่สะท้อนความเป็นมืออาชีพในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รางวัลผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดีเด่น รางวัลด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ด้านโครงการระดับท็อปของความหรูหรา โครงการหรูหรา และโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงราคาปานกลาง รวมทั้งรางวัลด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม การออกแบบภายใน และการอออกแบบศูนย์การค้า MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่นเป็นบริษัทในเครือดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น   MQDC เน้นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว และคอนโดมีเนียม ที่ให้ความสำคัญกับแนวคิดในการก่อสร้างที่มีคุณภาพโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เลือกใช้วัสดุชั้นดี การออกแบบที่พิถีพิถันสอดรับลงตัวกับไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ และสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในการสร้างสรรค์โครงการเพื่อสังคมและร่วมอนุรักษ์โลก รางวัลชนะเลิศ: MQDC Best Developer Special Recognition in Sustainable Development แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนธ์ เรสซิเดนซ์  แอท ไอคอนสยาม Best Luxury Condo Development (Bangkok) เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ Best Residential Interior Design Best Condo Development (Thailand) Best Ultra Luxury Condo Development (Bangkok) วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว Best Green Development วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ Best High-rise Affordable Condo Development (Bangkok) รางวัลชมเชย: แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนธ์ เรสซิเดนซ์  แอท ไอคอนสยาม Best Residential Architectural Design Best Residential Interior Design เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ Best Residential Architectural Design วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว Best High-rise High End Condo Development (Bangkok) วิสซ์ดอม 101 Best Retail Architectural Design
เจ.เอส.พี. พร้อมลุยโค้งสุดท้ายปี 59 ไม่หวั่นภาคอสังหาฯ แข่งเดือด เตรียมยกขบวน 11 โครงการใน 6 ทำเลคุณภาพ ออกบูธงานมหกรรมบ้านฯ ครั้งที่ 35 หวังส่งมอบของดี ราคา โดนใจ ให้กับลูกค้า

เจ.เอส.พี. พร้อมลุยโค้งสุดท้ายปี 59 ไม่หวั่นภาคอสังหาฯ แข่งเดือด เตรียมยกขบวน 11 โครงการใน 6 ทำเลคุณภาพ ออกบูธงานมหกรรมบ้านฯ ครั้งที่ 35 หวังส่งมอบของดี ราคา โดนใจ ให้กับลูกค้า

บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP พร้อมลุยโค้งสุดท้ายปี2559 ไม่หวั่นภาคอสังหาฯ แข่งเดือด มั่นใจรายได้ครึ่งปีหลังโตกว่าในครึ่งปีแรก เตรียมยกขบวน 11 โครงการกับ 6 ทำเลคุณภาพ ออกบูธงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 ในวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้ หวังส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพดี ราคา โดนใจให้กับลูกค้า นายธีระชาติ มโนธรรมรักษา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า “แนวโน้มภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง นี้แม้จะดูไม่หวือหวามากนัก  แต่สำหรับบริษัท เจ.เอส.พี. ยังค่อนข้างไปได้สวย เนื่องจากเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าแบบแมส(Mass) ซึ่งยังจัดเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อสูงอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องของราคา คุณภาพสินค้า และด้านทำเล จนทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากธนาคารชั้นนำต่าง ๆ กว่า10 ธนาคาร ที่ร่วมเป็นพันธมิตร และยกระดับการให้วงเงินสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยในแบบพิเศษ จึงทำให้โอกาสการกู้ผ่านของลูกค้าง่ายขึ้น” โครงการทุกโครงการในกลุ่มบริษัท เจ.เอส.พี. มีจุดแข็งในด้านศักยภาพของทำเลที่ตั้ง  คือทุกโครงการจะติดถนนใหญ่ มีการคมนาคมสะดวก ใกล้ส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที และอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีสาธารณูปโภคเข้าถึงอย่างครบครัน รวมทั้งด้านการออกแบบบริษัทฯ ยังคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า ซึ่งได้มีการปรับโครงการฯ ให้เป็นลักษณะมิกซ์ยูส(Mixed use)  เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัยมากขึ้น ที่สำคัญคือทุกโครงการของเจ.เอส.พี. ราคาคุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับโครงการในละแวกเดียวกัน อีกทั้งคุณภาพด้านงานก่อสร้างยังได้มาตรฐานเทียบเท่ากับค่ายใหญ่รายอื่น ๆ และในช่วงเดือนตุลาคม 2559 นี้ ทางบริษัทฯ จึงได้ตั้งใจนำ 11 โครงการ ไปร่วมออกบูธในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 พร้อมจัดโปรโมชั่นสุดประทับใจ เพื่อเตรียมส่งมอบความคุ้มค่าแก่ลูกค้า นายธีระชาติ กล่าวต่อว่า ด้าน 11 โครงการที่ทางบริษัทเจ.เอส.พี. จะนำไปออกบูธในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 35 นี้ ได้แก่ โครงการสำเพ็ง 2 อาณาจักรค้าปลีกส่ง แห่งใหม่ ใหญ่ที่สุดในย่านฝั่งธน ราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท, โครงการไมอามี่ คอนโด บางปู คอนโดติดรถไฟฟ้า ติดทะเล แห่งเดียวในไทย ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท, โครงการทิวลิป สแควร์ คอนโดสไตลส์ยุโรปสุดหรู ติดช้อปปิ้งมอลล์ และสถานที่ท่องเที่ยว ราคาเริ่มต้น 799,000 บาท, โครงการJcondo สาทร - กัลปพฤกษ์  คอนโดสูง25 ชั้น วิว 360องศา ใกล้สถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศ ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท, โครงการJ villa สุขุมวิท - แพรกษา ทาวโฮมและอาคารพาณิชย์ รองรับครอบครัวใหญ่ติดโรงเรียนสารวิเทศน์ สมุทรปราการ ราคาเริ่มต้น 1.799 ล้านบาท และโครงการ JSP city บางปะกง - บ้านโพธิ์ ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ ทำเลเด่นติดถนนใหญ่ใกล้แหล่งงานและนิคมอุตสาหกรรม ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท,  โครงการ JSP city รังสิต คลอง 1 ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ทำเลดีที่สุดในย่าน ติดถนนใหญ่ใกล้รถไฟฟ้า สายสีแดง และ จุดขึ้นลงทางด่วน ราคาเริ่มต้น 1.885 ล้านบาท, รวมทั้งโครงการน้องใหม่ล่าสุด ได้แก่ โครงการJ condo พระราม 2 ติดเซ็นทรัลพระราม2 ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท, โครงการJ city ติวานนท์-บางกระดี ทาวน์โฮมและบ้านแฝด River View ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท, โครงการJ Grand สาทร – กัลปพฤกษ์ ทาวน์โฮม 3 ชั้น สไตล์แพ้นเฮาส์ทำเลดีที่สุด ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท, โครงการJ city รัตนธิเบศร์-บางบัวทอง ทาวน์โฮมใหม่ ใจกลางแหล่งชุมชน  ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 11 โครงการดังกล่าวจะถูกเสริมทัพด้วยโปรโมชั่นของแถมพิเศษเป็น Gift Voucher Homepro มูลค่ากว่า 10,000 บาท แจกฟรีสำหรับลูกค้าที่จองในงาน พร้อมขบวนส่วนลดอีกมากมาย ซึ่งผู้กำลังมองหาซื้อบ้านและคอนโดต้องไม่พลาด อย่างไรก็ตามนายธีระชาติ กล่าวถึงการร่วมออกบูธในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 นี้ว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ได้ และมั่นใจว่าจากแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่ารายได้จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรกแน่นอน “โอกาสดีสำหรับผู้กำลังมองหาซื้อบ้านและที่อยู่อาศัยในราคาที่คุ้มค่ามาถึงแล้ว เปิดโอกาสให้เจ.เอส.พี. ได้เป็นหนึ่งโครงการในใจลูกค้าสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านที่ดีที่สุด โดยพบกับ 11 โครงการ และ 6 ทำเลคุณภาพของเจ.เอส.พี. ได้ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่35 ระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคม 2559 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ที่บูธJ.S.P. โซน C2 บูธเลขที่ C200 - C203 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1173” นายธีระชาติ กล่าวทิ้งท้าย
‘เอพี’ ตอกย้ำผู้นำทาวน์โฮมไฮเอ็นท์ในเมือง เปิดตัว “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย – รามอินทรา” ซูเปอร์ลักชัวรี่วิลล่า 3 ชั้นโครงการแรกในเมืองไทย ผสานนวัตกรรมดิจิตอลลิฟวิ่งล้ำสมัย ยกระดับการใช้ชีวิตไปอีกขั้น มูลค่าโครงการรวม 2,560 ล้านบาท

‘เอพี’ ตอกย้ำผู้นำทาวน์โฮมไฮเอ็นท์ในเมือง เปิดตัว “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย – รามอินทรา” ซูเปอร์ลักชัวรี่วิลล่า 3 ชั้นโครงการแรกในเมืองไทย ผสานนวัตกรรมดิจิตอลลิฟวิ่งล้ำสมัย ยกระดับการใช้ชีวิตไปอีกขั้น มูลค่าโครงการรวม 2,560 ล้านบาท

กรุงเทพฯ (21 ก.ย. 59) – วันนี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สำหรับคนเมือง และผู้นำการสร้างสรรค์นวัตกรรมการดีไซน์เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำกัด เปิดตัว “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่” (Baan Klang Muang CLASSE) ซูเปอร์ลักชัวรี่วิลล่า 3 ชั้นโครงการแรกของวงการอสังหาฯ ไทย ผลิตภัณฑ์ล่าสุดเพื่อรุกตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบไตรมาส 4/2559 ของเอพี นำเสนอความต่างด้วยการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์สุดล้ำภายใต้แนวคิด ‘Multiverse Layouts’ การออกแบบพื้นที่ที่คำนึงถึงรูปแบบการใช้ชีวิตในแนวตั้งและแนวนอนไปพร้อมๆ กัน สร้างมิติใหม่ให้กับพื้นที่ใช้สอยและการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ 3 ชั้นได้อย่างไร้รอยต่อ ตอบสนองความต้องการใช้ชีวิตที่หลากหลายของคน 3 ช่วงวัยในครอบครัว มอบความเป็นที่สุดของการใช้ชีวิตหรูหรามีระดับ ผสมผสานกลมกลืนกับธรรมชาติในบรรยากาศส่วนตัว และการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านที่เพิ่มเติมพื้นที่ให้สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น มูลค่าโครงการรวม 2,560 ล้านบาท บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ พร้อมเปิดตัวเป็นที่แรกกับ “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย - รามอินทรา” โดยในเฟสแรกพร้อมนำเสนอซูเปอร์ลักชัวรี่วิลล่า 3 ชั้น จำนวน 2 โมเดล ได้แก่ MONTE และ ETHNA สมบูรณ์พร้อมด้วย 5 ห้องนอน  6 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น พร้อมที่จอดรถ 3 คัน พื้นที่ใช้สอย 346-454 ตารางเมตร จำนวน 56 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท เตรียมเปิดขายช่วง pre-sale วันที่ 5-6 พฤศจิกายนนี้ ณ เซลส์ แกลเลอรีโครงการ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮมไฮเอ็นท์ในเมืองอันดับหนึ่งของประเทศจากแบรนด์ “บ้านกลางเมือง” การบุกตลาดในครั้งนี้ นับเป็นการท้าทายวิธีคิดของเอพีในการพัฒนาพื้นที่ไปอีกขั้น ด้วยการต่อยอดแนวคิดในการออกแบบพื้นที่แนวตั้งไปสู่ที่อยู่อาศัยรูปแบบซูเปอร์ลักชัวรี่วิลล่าสามชั้น “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย - รามอินทรา” จัดเป็นโครงการแรกที่เอพีนำวิสัยทัศน์การใช้ชีวิตแบบ ‘Digital Community’ มาใช้จริงอย่างเป็นรูปธรรมเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาฯ ไทย โดย AP Digital Community จะเข้ามาส่งเสริมให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป ผ่านการสอดผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เข้ากับแนวคิด IoT (Internet of Things) ที่ว่าระบบและอุปกรณ์ต่างๆ สามารถสื่อสารถึงกันได้ โดยมีเป้าหมายคือช่วยกันทำงาน เพื่อให้รูปแบบการใช้ชีวิตสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเอพีได้วางระบบสมองกลอัจฉริยะไว้เป็นคีย์สำคัญที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทุกชิ้นภายในบ้านให้สามารถสื่อสารและประมวลผลร่วมกัน รวมถึงการผสานนวัตกรรมระบบสั่งการด้วยเสียง ที่นอกจากจะควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านเสียงแล้ว ระบบนี้ยังทำงานร่วมกับสมองกลอัจฉริยะที่พัฒนาขั้นสูงไปจนถึงคิดคำนวณและตอบโต้กับเจ้าของบ้านได้อีกด้วย หรือระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดมากขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยจริงได้อย่างน่าทึ่ง ช่วยให้ชีวิตของลูกบ้านเอพีสะดวกสบายและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยว่า “เอพีประสบความสำเร็จในการริเริ่มบุกเบิกตลาดทาวน์โฮมไฮเอ็นท์ โลเคชั่นใจกลางเมืองเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นเบอร์ 1 ของตลาดทั้งในแง่สัดส่วนยอดขายและจำนวนโครงการ จากความสำเร็จดังกล่าวการันตีได้ถึงความโดดเด่นด้านแนวคิดของ ‘การดีไซน์พื้นที่’ ที่สร้างความแตกต่างให้กับการอยู่อาศัย ซึ่งในการสร้างความแตกต่างเราไม่ได้พิจารณาเฉพาะการแข่งขันในตลาด แต่เราคำนึงถึงการ-ท้าทายตัวเราเอง นั่นคือการก้าวข้ามขีดจำกัดและศักยภาพของตัวเราเองด้วย การเปิดตัว ‘บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย - รามอินทรา’ในครั้งนี้ จึงนับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการพัฒนาโครงการแนบราบของเอพี ด้วยแบรนด์ทาวน์โฮมไฮเอ็นท์ ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งเป็นที่น่าเชื่อถือของผู้บริโภคอย่าง ‘บ้านกลางเมือง’ จึงการันตีได้ถึงคุณภาพและแนวคิดฉีกกรอบภายใต้ปรัชญาการทำงาน ‘AP – The Differentiator’ หรือเอพีผู้สร้างความแตกต่างให้วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย” “การที่เอพีบุกตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่วิลล่า (ระดับราคาขาย 20 ล้านบาทขึ้นไป) ในโซนเอกมัย - รามอินทรานับว่าเป็นทำเลที่มีจำนวนดีมานด์และมียอดขายดีมาอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจซับพลาย์กลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวทั้งตลาด พบว่า 93% หรือประมาณ 24,332 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวที่อยู่ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 15 ล้านบาท และอีก 6% หรือประมาณ 1,504 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวกลุ่มระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป และเมื่อศึกษาเข้าไปถึงทำเลที่ตั้งพบว่าจาก 6% นั้นมีเพียงแค่ 3 โครงการ หรือประมาณ 50 ยูนิตเท่านั้นที่ตั้งอยู่ในเมือง (รัศมี 10 กิโลเมตรจากรถไฟฟ้าจตุจักร) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างทางการตลาดที่จำนวนซับพลาย์เกิดใหม่ยังมีไม่มาก ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงกระจุกตัวอยู่ในเขตเมือง” นายภมรกล่าว โดยนายภมรยังกล่าวถึงแนวคิดการออกแบบโครงการ “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่” ภายใต้นวัตกรรม Multiverse Layouts ซึ่งเป็นวิธีคิดในการออกแบบพื้นที่แนวตั้งและแนวนอนพร้อมกัน ก่อให้เกิดมิติด้านพื้นที่ใช้สอยและการใช้งานที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ 3 ชั้น อีกทั้งยังสร้างความต่อเนื่องของสเปซภายนอกบ้านสู่ภายในบ้าน ตอบสนองความต้องการใช้ชีวิตที่หลากหลายของคน 3 ช่วงวัยในครอบครัว ซึ่งประกอบด้วย 5 แนวคิดหลัก ดังนี้ Multi-Dimension Space "เชื่อมต่อทุกมิติชีวิตให้เป็นหนึ่งเดียว" เพิ่มประสบการณ์รวมถึงการใช้พื้นที่หลากกิจกรรมบนพื้นที่เดียวกัน เช่น ห้องนั่งเล่นชั้น 1 (Veranda Atrium) พื้นที่พักผ่อนที่มีดีไซน์เชื่อมต่อในแนวตั้งด้วยเพดานสูง 5 เมตร และการเชื่อมต่อพื้นแนวนอนสู่สวนด้านหน้า และดีไซน์ความเป็นส่วนตัวโดยเพิ่มทางเข้าบ้าน 3 แบบ โดยสามารถเข้าจากห้องรับแขก จากห้องเตรียมอาหาร หรือบันไดหน้าบ้านสู่ห้องนั่งเล่นชั้น 2 ซึ่งประสบการณ์ที่ได้จะแตกต่างกันทั้งหมด Perceptual Space "ขยายขอบเขตของบ้านให้ใหญ่ขึ้น" การออกแบบบ้านโดยไม่มีการทิ้งพื้นที่ให้เปล่าประโยชน์ เชื่อมพื้นที่หน้าบ้านและสวนมาเป็นส่วนหนึ่งของห้องภายใน ที่เสมือนการขยายขอบเขตของพื้นที่ห้องออกไปด้านนอก เช่น ห้องรับประทานอาหารสามารถเชื่อมมุมมองออกไปยังสวนหลังบ้านจนถึงแนวกำแพงบ้าน รวมถึงห้องรับแขกที่สามารถเชื่อมการใช้พื้นที่ออกไปยังลานเอนกประสงค์จนถึงแนวรั้วต้นไม้ Outside-In Space "พื้นที่สวนเดียวหลายมุมมอง" ที่บริเวณชั้น 3 ของบ้าน โดยสวนเล็กๆ นี้ได้ถูกออกแบบเป็น Courtyard และยังได้รับการออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้จากทุกชั้นภายในบ้าน รวมถึงสามารถมองต่อเนื่องขึ้นมาจากบริเวณโถงสูงของห้องรับแขก Height Ceiling เป็นพื้นที่ต่อเนื่องทางตั้ง นอกจากมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว สวนนี้ยังทำหน้าที่เป็นช่องแสง และช่วยเพิ่มการระบายอากาศภายในได้ เรียกได้ว่าเป็นสเปซที่ให้ความสำคัญกับความสงบ และความเป็นส่วนตัวไปพร้อมๆ กัน Three Generational Space “พื้นที่ที่คำนึงถึงรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย” เชื่อมความสัมพันธ์ของคน 3 ช่วงวัย คือ รุ่นปู่ย่า/ตายาย รุ่นพ่อแม่ และรุ่นลูก โดยทุกคนในครอบครัวมีพื้นที่ในการทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น เปลี่ยนแนวคิดด้านข้อจำกัด ทำให้พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นพื้นที่เชื่อมสายใยรัก ความอบอุ่น แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวของคนในครอบครัว อาทิ Patio Family Living ห้องนั่งเล่นของครอบครัวที่ ชั้น 2 ของบ้าน โดยเพิ่มเอกลักษณ์และความเป็นส่วนตัวด้วยการเชื่อมบันไดหน้าบ้านตรงสู่ห้องนั่งเล่น    และการออกแบบที่คำนึงถึงผู้สูงอายุเป็นหลัก อาทิ ห้อง Sanctuary Unit ห้องนอนผู้สูงอายุชั้น 1 พร้อมพื้นลดแรงกระแทก (absorption floor) และราวจับในห้องน้ำ Convertible Space “การออกแบบพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย” ประโยชน์ใช้สอยเต็มพื้นที่ ฉีกกรอบคำจำกัดความแบบเดิม ยกตัวอย่าง พื้นที่เตรียมอาหารขนาดใหญ่ (Dining Terrain) ทำให้เกิดมุมมองที่โปร่ง แปลกตา จากที่จอดรถที่ไม่เป็นผนังทึบ กลายเป็นลาน-เอนกประสงค์สำหรับจัดงานสังสรรค์เล็กๆ สำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้อีกด้วย “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย - รามอินทรา” ตั้งอยู่ถนนสุคนธสวัสดิ์ 19 มีจำนวนทั้งสิ้น 156 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,560 ล้านบาท วางการเปิดขายเป็น 2 เฟส ได้แก่ เฟสที่ 1 จำนวน 56 ยูนิต (เปิดพรีเซล 5-6 พ.ย. นี้) และเฟสที่ 2 จำนวน 100 ยูนิต (คาดว่าจะเปิดขายช่วงต้นปี 2560) โครงการได้รับการพัฒนาบนที่ดินขนาด 32.3 ไร่ ในทำเลเชื่อมต่อย่านธุรกิจใจกลางเมือง แวดล้อมไปด้วยแหล่งแฮงค์เอาท์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวคนเมือง อาทิ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, CDC และเดอะ วอล์ค เป็นต้น สะดวกต่อการเดินทางเข้าออกเมืองและใช้ชีวิตของสมาชิกในครอบครัว โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เราเปิดตัวโครงการแนบราบไปแล้ว 8 โครงการ มูลค่ารวม 6,550 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ มูลค่า 4,010 ล้านบาท และทาวน์โฮม 4 โครงการ มูลค่า 2,540 ล้านบาท ยอดขายโครงการแนวราบ (ณ วันที่ 15 กันยายน) รวม 9,745 ล้านบาท และมีสินค้าแนวราบรอรับรู้รายได้รวมมูลค่า 5,685 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจากการเปิดโครงการใหม่ และกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจยอดขายโครงการแนวราบปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ เป้ายอดขายโครงการแนวราบ 14,500 ล้านบาท” นายภมรกล่าว นอกจากนี้ ในช่วง 4 เดือนสุดท้าย เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,400 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 5 โครงการ มูลค่า 3,840 ล้านบาท และบ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย – รามอินทรา 1 โครงการ มูลค่ารวม 2,560 ล้านบาท บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) คือ ผู้นำด้านการปฏิวัติออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่อยู่อาศัย ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย มุ่งมั่นสร้างสรรค์อย่างมีสำนึกรับผิดชอบ ด้วยผลิตภัณฑ์อสังหาริมทรัพย์และบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ตั้งแต่การดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบาย ทำเลที่ดีเยี่ยม รวมไปถึงคุณภาพในการก่อสร้าง การบำรุงรักษา บริการหลังการขาย และบริการขาย/ให้เช่า ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์เอพีได้ใช้ชีวิตที่ดีที่สุดและเติมเต็มความสุขในแบบที่ตนปรารถนา “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย – ทุกพื้นที่ชีวิตเราคิดเพื่อคุณ”
ออริจิ้น จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญลูกบ้านเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติ

ออริจิ้น จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญลูกบ้านเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติ

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI” จัดกิจกรรมเพื่อเอาใจลูกบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญชวนลูกบ้านจากหลากหลายโครงการในเครือออริจิ้น เข้ากิจกรรม พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ “พับกลีบดอกบัวเจริญสติ” จุดเริ่มต้นแห่งสมาธิ สติ ปัญญา และสัมผัสรสชาติของชาคุณภาพ หลากหลายรสชาติสุดพิเศษ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกบ้านและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกบ้านและองค์กร พร้อมยังเป็นการมอบความสุขให้กับลูกบ้านในช่วงวันหยุด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกบ้าน  ณ ร้านชาปัญญา สุขุมวิท 59 เมื่อเร็วๆ นี้
‘เอพี ไทยแลนด์’ นำเทรนด์เปิดตัว ‘Digital Community’ รายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย

‘เอพี ไทยแลนด์’ นำเทรนด์เปิดตัว ‘Digital Community’ รายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย

กรุงเทพฯ (19 ก.ย. 59) – วันนี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย สำหรับคนเมือง โดย คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศเปิดตัว “AP Digital Community” เป็นรายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยโครงการแรกที่พร้อมรองรับวิสัยทัศน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ดิจิตอล คอมมิวนิตี้ของเอพีก็คือ โครงการ “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่” วิลล่าหรูเหนือระดับล่าสุด ซึ่งพร้อมเปิดตัววันพุธที่ 21 กันยายนนี้ ที่ห้องฉัตราบอลรูม โรงแรมสยามเคมปินสกี้   ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ AP Digital Community จะเข้ามาส่งเสริมให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ในโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ของเอพีเปลี่ยนไป ผ่านการสอดผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับแนวคิด IoT (Internet of Things) ที่ว่าระบบและอุปกรณ์ต่างๆ สามารถสื่อสารถึงกันได้  โดยมีเป้าหมายคือช่วยกันทำงาน เพื่อให้รูปแบบการใช้ชีวิตสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น  โดยเอพีได้วางระบบสมองกลอัจฉริยะไว้เป็นคีย์สำคัญที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทุกชิ้นภายในบ้านให้สามารถสื่อสารและประมวลผลร่วมกัน รวมถึงการผสานนวัตกรรมระบบสั่งการด้วยเสียง ที่นอกจากจะควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านเสียงแล้ว ระบบนี้ยังทำงานร่วมกับสมองกลอัจฉริยะที่พัฒนาขั้นสูงไปจนถึงคิดคำนวณและตอบโต้กับเจ้าของบ้านได้อีกด้วย หรือระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดมากขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยจริงได้อย่างน่าทึ่ง ช่วยให้ชีวิตของลูกบ้านเอพีสะดวกสบายและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นับเป็นการสานต่อวิสัยทัศน์สู่การเติบโตในปีที่ 26 ของเอพีเพื่อมุ่งสู่การเป็น 1 ใน 3 บริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจ “มอบความแตกต่างด้วยคุณภาพ” กับหลักปรัชญาการทำงาน “AP – The Differentiator”   “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย– ทุกพื้นที่ชีวิตเราคิดเพื่อคุณ”
PRIN เดินหน้าโครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ เปิดตัวบ้านแบบใหม่ C-SHAPE เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 12-26 ล้านบาท

PRIN เดินหน้าโครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ เปิดตัวบ้านแบบใหม่ C-SHAPE เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 12-26 ล้านบาท

“ปริญสิริ”เตรียมจัดงาน“ เปิดแบบบ้านใหม่ C-SHAPE” โครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุดบนถนนราชพฤกษ์เพียง 1.2 กิโลเมตร จาก BTS-MRT สถานีบางหว้า ระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย.นี้ “ชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย”ชี้เป็นการพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ขึ้นมา เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ มั่นใจตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว ภายใต้แนวคิด “Oxygen Community” โดยมาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษ “ห้องธรรมชาติ” ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 12-26 ล้านบาท   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1753 หรือ Prinsiri.com นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 24-25 กันยายน 2559 นี้ บริษัทฯเตรียมจัดงาน “เปิดแบบบ้านใหม่ C-SHAPE” ที่โครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ บนทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุดบนถนนราชพฤกษ์เพียง 1.2 กิโลเมตร จากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สถานีบางหว้า หลังจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากบ้าน L-SHAPE ในเฟสแรก “เฟสที่ 2 นี้ ทางปริญสิริได้พัฒนาฟังก์ชั่นบ้านใหม่ ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ขึ้นเกิดเป็น แบบบ้าน C-SHAPE บ้านที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของคนเมือง ภายใต้แนวคิด “Oxygen Community” โดยยังมาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษ “ห้องธรรมชาติ” ที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการปริญญ์ สาทร – ราชพฤกษ์”นายชัยรัตน์กล่าว สำหรับโครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวต้นแบบของปริญสิริ ในเฟสแรกมีแบบบ้าน L-SHAPE เป็นแบบบ้าน Hilight ของโครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และถูกพัฒนาต่อเนื่องในเฟส 2 ที่จะเปิดขายระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย. นี้ พร้อมกับเปิดตัวแบบบ้านใหม่ C-SHAPE ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ ย่านฝั่งธน สำหรับราคาเริ่มต้นของโครงการ อยู่ที่ 12- 26 ล้าน  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1753 หรือ Prinsiri.com “ปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ ออกแบบโครงการที่พักอาศัยภายใต้แนวคิดการอยู่อย่างยั่งยืน โดยมีธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ จากแนวคิดเพื่อการอยู่อย่างยั่งยืน เราสามารถพัฒนาวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการสร้างสรรค์พื้นที่เพื่อออกแบบสังคมใหม่ โดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมที่เอื้อให้เราใกล้ชิดกลมกลืนกับธรรมชาติ ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อสร้างความสะดวกสบาย โดยรบกวนสภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด ควบคู่ไปกับการประหยัดพลังงานและลดมลพิษ เกิดเป็นแนวทางในการออกแบบ โครงการปริญญ์ สาทร-ราชพฤกษ์ สร้างสมดุลแห่งการอยู่อาศัย เชื่อมต่อธรรมชาติสู่ใจกลางเมือง”นายชัยรัตน์กล่าว ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ว่า คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้เตรียมเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,450 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ คือ ซิตี้เซนส์ พระราม 2 (ท่าข้าม) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ,ซิตี้เซนส์ รังสิต มูลค่า 260 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โครงการตลาดพลู มูลค่า 190 ล้านบาท และรัตนาธิเบศร์ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมหมดแล้ว สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที และมีจุดขายตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะอยู่ที่ 2,900 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่า 90% จะเป็นรายได้จากโครงการที่เปิดขายแล้วในปัจจุบัน
พลัส พร็อพเพอร์ตี้แนะจับตาตลาดคอนโดหรู 7 หมื่นล้าน ย่านอโศก-พร้อมพงษ์ โครงการพร้อมโอนเนื้อหอม คาดปี’60 แตะ 2.6 แสนบ./ตร.ม.

พลัส พร็อพเพอร์ตี้แนะจับตาตลาดคอนโดหรู 7 หมื่นล้าน ย่านอโศก-พร้อมพงษ์ โครงการพร้อมโอนเนื้อหอม คาดปี’60 แตะ 2.6 แสนบ./ตร.ม.

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจ อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครช่วงปี 2555-2558  มีมูลค่าเฉลี่ยรวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท พบว่ากว่า 50% อยู่ในพื้นที่ อโศก-พร้อมพงษ์ เหตุเป็นทำเลศักยภาพมีจุดเชื่อมต่อคมนาคมรถไฟฟ้า BTS และ MRT แถมยังเป็นแหล่งที่ผู้คนอยู่อาศัยหนาแน่น 80-90% เป็นศูนย์กลางธุรกิจ แหล่งทำงาน แหล่งชอปปิ้ง และสถานศึกษาสำคัญ คาดราคาที่ดินขยับขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลราคาคอนโดมิเนียมปี 2560 มีแนวโน้มขยับถึง 2.6 แสนบาท/ตารางเมตร ด้านโครงการพร้อมโอนปีนี้เนื้อหอมสุด เหตุผู้ซื้อ-นักลงทุน รีบจับจองก่อนราคาขยับในปีหน้า นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด  ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการสำรวจคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูงในเขตกรุงเทพมหานคร  ที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2555-2558 พบว่าในปี 2558 มีจำนวน 51 โครงการ คิดเป็น 24,883 ยูนิต มูลค่ารวมของโครงการอยู่ที่ 214,931 ล้านบาท แต่หากคิดจากปี 2555-2558 มีมูลค่าโครงการเฉลี่ยที่ 142,535 ล้านบาท ในขณะที่ในเขตอโศก-พร้อมพงษ์ตั้งแต่ปี 2555 มีโครงการคอนโดมิเนียมอาคารสูงที่เปิดขายทั้งหมด 18 โครงการ มีจำนวนห้องชุดทั้งหมด 5,556 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 71,799 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าเฉลี่ยโครงการคอนโดมีเนียมเปิดใหม่ในแต่ละปี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ได้เข้ามาชิงพื้นที่ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในพื้นที่นี้ เนื่องจากช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาโครงการคอนโดมีเนียมหรูใจกลางเมืองมียอดขายที่ดีมาก ซึ่งยังคงดีต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าอัตราขายจะลดลงแต่ก็ยังถือว่าเป็นอัตราการขายที่ดีอยู่ อีกทั้งกำลังซื้อของลูกค้าระดับบนไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ในปี 2559 อุปทานคอนโดมิเนียมในโซนอโศก – พร้อมพงษ์เพิ่มขึ้นจำนวน 1,044 ยูนิตคิดเป็น 19% จากปี 2558 ส่งผลให้มีอุปทานรวมจำนวน 5,417 ยูนิต ซึ่งเป็นการเติบโตในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากที่ดินที่สามารถจะพัฒนาโครงการใหม่เริ่มหายากมากขึ้น จำนวนยอดขายสะสมในไตรมาส 3/2559 มีทั้งหมด 4,200 ยูนิต เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน และมียอดขายเฉลี่ย 77% ขณะที่อุปทานใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2559 ถึง ไตรมาส 2/2560 มีเพียง 558 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับโซนอื่นๆ สำหรับในปี 2559 จะมีโครงการที่เริ่มโอนทั้งหมด 3 โครงการได้แก่ เดอะเทอร์ตี้ไนน์ และเอดจ์ สุขุมวิท 23 จากแสนสิริ  โครงการลุมพินี 24 จากแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์  รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,056 ยูนิต มูลค่ารวมทั้งสิ้น 8,600 ล้านบาท ส่วนโครงการอื่นที่จะทยอยเสร็จในปี พ.ศ. 2560, 2561 และ 2562 จะมีจำนวน 278, 2,801 และ 1,421 ห้อง ตามลำดับ และมีมูลค่า 13,000, 29,758 และ 20,441 ล้านบาท ตามลำดับเช่นกัน ซึ่งหากมองจากโครงการทั้งหมดบนทำเลอโศก-พร้อมพงษ์ พบว่า เอดจ์ สุขุมวิท 23 และแอชตัน อโศก เป็นโครงการที่โดดเด่นได้เปรียบโครงการอื่น เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดตัดของรถไฟฟ้า BTS และ MRT และเป็นโครงการแรกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่อยู่ใกล้กับอโศกอินเตอร์เชนจ์  โดยเอดจ์ สุขุมวิท 23 จะก่อสร้างเสร็จในปีนี้ (2559) ส่วนแอชตัน อโศก จะก่อสร้างเสร็จในปี 2561 อนึ่ง ทำเลดังกล่าวราคาปรับเพิ่มทุกปี โดยค่าเฉลี่ยของการปรับราคาของโครงการเปิดใหม่ต่อปีอยู่ที่ 9-10% ดังนั้นโครงการที่พร้อมโอนปีนี้จะมีราคาถูกกว่าโครงการใหม่ถึง 30% ทำให้เป็นที่สนใจของผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยจริงหรือลงทุน อีกทั้งราคารีเซลของโครงการพร้อมโอนถือว่ายังไม่ขยับสูงขึ้นไปมากทำให้สามารถลงทุนได้ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าในปี 2560 ราคาขายคอนโดมิเนียมในโซนอโศก-พร้อมพงษ์ จะปรับขึ้นไปที่ 260,000 บาท/ตารางเมตร “แม้พื้นที่โซนอโศก-พร้อมพงษ์ จะมีขนาดเพียง 2.5 ตารางกิโลเมตร แต่ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพในหลายด้าน ทั้งด้านการคมนาคมที่โดดเด่นด้วยการมีสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า BTS และ MRT ที่สามารถดึงดูดผู้อยู่อาศัยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีอาคารสำนักงานรวมกว่า 900,000 ตารางเมตร เป็นศูนย์กลางแหล่งชอปปิ้งและสถาบันการศึกษาชั้นนำ เช่น  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งจากข้อมูลการพักอาศัยของโครงการที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริหารในทำเลนี้ พบความหนาแน่นของการอยู่อาศัยกว่า 80-90%  ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่มีความหนาแน่นการอยู่อาศัยเป็นอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ และยังเป็นตลาดเช่าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ทำให้ความต้องการของคอนโดมีเนียมในบริเวณนี้มีมากทั้งจากผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยเอง และผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อการปล่อยเช่า ซึ่งอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่าอยู่ที่ 5%  อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ต้องจับตามองคือยังมีโครงการใหม่ๆที่กำลังขายและรอโอนในปีหน้าและปีต่อๆไปว่าจะได้รับการตอบรับอย่างไรเพราะผลตอบรับนี้จะเป็นตัวชี้วัดถึงการเติบโตของโครงการหรูในอนาคต แต่ที่ชัดเจนคือ โครงการพร้อมโอนปีนี้มียอดรีเซลที่คึกคักเพราะได้เปรียบในเรื่องส่วนต่างของราคาเมื่อเทียบกับโครงการเปิดใหม่” นายภูมิภักดิ์ กล่าว
“โฮม เอ็กซ์โป โดย เซ็นทรัล กรุ๊ป” (HOME EXPO by CENTRAL Group) ลดสะท้านเมือง ผนึกกำลังบริษัทเครือกลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าโกย 600 ล้าน

“โฮม เอ็กซ์โป โดย เซ็นทรัล กรุ๊ป” (HOME EXPO by CENTRAL Group) ลดสะท้านเมือง ผนึกกำลังบริษัทเครือกลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าโกย 600 ล้าน

โฮมเวิร์ค,  บ้าน แอนด์ บียอนด์ และไทวัสดุ จับมือ ร่วมกันเป็นครั้งแรกกับบริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เพาเวอร์บาย, ซูเปอร์สปอต, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, วัตสัน,  เดอะวันการ์ด และ มาเมซอง เฟอร์นิเจอร์ จัดงานใหญ่ “HOME EXPO by CENTRAL Group” มหกรรมสินค้าเพื่อบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าครั้งใหญ่สุดแห่งปี พบสินค้ากว่า 500 แบรนด์ดังชั้นนำ ลดสูงสุดถึง 80% พร้อมรับส่วนลดเพิ่มอีก  45% จาก The 1 Card และ Central Credit Card ระหว่างวันที่ 16 – 25 กันยายน 2559 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายกำชัย  หลุยยะพงศ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีก โฮมเวิร์ค, เพาเวอร์บาย, บ้าน แอนด์ บียอนด์ และไทวัสดุ  ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ทุ่มงบกว่า 120 ล้านบาทจัดงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี “HOME EXPO by CENTRAL Group” ที่สุดของมหกรรมสินค้าเพื่อบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องเขียน สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งขนทัพสินค้ากว่า 500 แบรนด์ชั้นนำ ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปมากระหน่ำลดราคา หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้มีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานทั้ง 10 วันประมาณ 500,000 คน และมียอดขายไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท ภายใต้ธีม “ฟิตเต็มร้อย  ตั้งใจมาขน” สำหรับไฮไลท์ของงาน Home Expo by Central Group นั้น แบ่งเป็น 8 โซนที่ละลานตาไปกับสินค้าหลากหลายที่นำมาลดราคาพิเศษ อาทิเช่น โซนที่ 1 โฮมเวิร์ค, บ้าน แอนด์ บียอนด์ และไทวัสดุ  เป็นโซนที่รวมสินค้าตกแต่ง ซ่อมแซม วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่ครบวงจร ประกอบไปด้วย Bath World, Kitchen World, Floor World, Mattress World, Lighting World, Color World และTools World โซนที่ 2 Powerbuy Zone ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความสุขไซส์ใหญ่ ให้ทุกครอบครัว” โดยขนกองทัพเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ชั้นนำมาจัดโปรโมชั่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่กำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าไอที โซนที่ 3 Elegance Furniture by มาเมซอง เป็นโซนที่อลังการกับเฟอร์นิเจอร์หรูมี Design พร้อม Model room สุดชิค และลดสูงสุดถึง 50% โซนที่ 4 Supersports Zone จะเป็นโซนที่รวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬา ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์รองเท้ากีฬาชั้นนำ เครื่องแต่งกาย รวมถึงอุปกรณ์กีฬาทุกชนิด ที่คนรักการออกกำลังกายห้ามพลาด โซนที่ 5 Garden Zone เพลิดเพลินไปกับต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับนานาพันธุ์ รวมไปถึงของตกแต่งสวน สินค้าตกแต่งบ้านแบบมีสไตล์ กว่า 80 ร้านค้า โซนที่ 6 Food Zone พบงาน “ตลาดโบราณ ตำนานความอร่อย” อิ่มอร่อย ช้อปสนุก กับบรรยากาศ  ย้อนยุคของงาน และพบกับร้านค้ามากกว่า 100 ร้านค้า โซนที่ 7 Activities Zone เป็นโซนของการจัดกิจกรรม Workshop, สาธิตการทำอาหาร และขนมคาวหวานนานาชนิดทุกวัน และโซนที่ 8 Import Zone พบกับสินค้า อุปกรณ์ และของใช้ภายในบ้านลดสูงสุด 80% ด้านบริเวณเวทีกลาง ยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ กิจกรรม Fit and Firm shopping contest ซึ่งเป็นกิจกรรมทดสอบความฟิตของร่างกาย Sit up contest, Hula hoop Contest และ Power Hammer Contest สำหรับการช้อปปิ้งทั้งหญิงและชายทุกวัน เพื่อชิงเงินรางวัลช้อปปิ้งฟรี 10,000 บาท หรือรับคูปองสำหรับซื้อสินค้าฟรีในงาน ขณะเดียวกัน ก็มีกิจกรรม และสาระความบันเทิงอีกมากมาย ทั้งการแสดงมายากล, การแสดงโชว์สุนัขแสนรู้, อัพเดทเทรนด์การแต่งบ้านโดยสถาปนิกชื่อดัง เพื่อลุ้นแพคเกจห้องพักโรงแรมเซนทารา หรือลุ้นสร้อยคอทองคำตั้งแต่ 1 สลึง ไปจนถึง 1 บาท นอกจากนี้ยังการสาธิตการทำไม้กวาดป่านศรนารายณ์ และพรหมเช็ดเท้าจากวิสาหกิจชุมชนบ้านสบสาย จ.แพร่ ที่นำมาแสดงภายในงานด้วย โดยที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนปีละ 10 ล้านบาท ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจัดจำหน่าย โดยมีโซนขายของผลิตภัณฑ์ชุมชนภายในร้านค้าไทวัสดุทุกสาขาด้วย “นับว่าเป็นครั้งแรก ที่บริษัทในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป ได้ผนึกกำลังกันจัดงาน “HOME EXPO by CENTRAL Group” ที่สุดของมหกรรมสินค้าตกแต่ง ซ่อมแซมบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี และลดสูงสุดถึง 80% ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ครบ ถูก คุ้ม ยิ่งใหญ่กว่าทุกงาน” บนพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร โดยขนสินค้ากว่า 500 แบรนด์ดัง นำโดย โฮมเวิร์ค, บ้าน แอนด์ บียอนด์ และไทวัสดุ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจศูนย์รวมสินค้าตกแต่ง ซ่อมแซม วัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างครบวงจร ตามด้วยเพาเวอร์บาย ซูเปอร์สปอต ออฟฟิศเมท บีทูเอส วัตสัน เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน ไม่น้อยกว่า 500,000 คน และมีรายได้จากการจำหน่ายตลอดทั้งงาน ประมาณ 600 ล้านบาท” นายสุทธิสาร กล่าว ขณะที่ OfficeMate  ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องเขียนอุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์ ไอที และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน “ที่เดียวครบจบทุกเรื่องออฟฟิศ” อันดับหนึ่งในประเทศไทย ร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในราคาสุดพิเศษ โดยยกขบวนสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพมาตรฐานและราคาที่คุ้มค่า  เช่น  Furradec ,  La Z Boy , Serta  พร้อมกับแจกของสมมนาคุณอีกมากมายภายในงานด้วย สำหรับ The1Card ก็กระหน่ำโปรโมชั่นน่าสนใจไม่แพ้กัน อาทิ แลกทุก 10 คะแนน ลุ้น 2 ต่อ ต่อที่ 1 แพ็กเกจทัวร์ Osaka 6 วัน 3 คืน, iPhone 7, คะแนน The 1 Card รวม 5 ล้านคะแนน และอีกมากมาย ต่อที่ 2 รถยนต์ BMW 1 Series 118i M Sport มูลค่า 2.09 ล้านบาท, The 1 Card 600 คะแนน แลกฟรี บัตรกำนัล Starbucks มูลค่า 100 บาท (จำกัด 100 ใบ/วัน และ 1คน/ 1 สิทธิ์ ตลอดรายการ) หรือจะเป็นโปรโมชั่นพักสบายใจ แลกสบายกระเป๋า The 1 Card 500 คะแนน แลกซื้อห้องพัก Centara ราคาพิเศษ เฉพาะงานนี้เท่านั้น  หรือฟรี The 1 Card 300 คะแนน สำหรับสมาชิกออนไลน์ พร้อมเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่น Hashtag 1 พร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษมากมายภายในงาน บริเวณบูทกิจกรรม Hashtag 1 หน้า Impact Challenger 2 Entrance 2 หรือร่วมรับสิทธิ์ชิงบัตรชมภาพยนตร์สุดหรูที่ central embassy จำนวน 2 ที่นั่ง เพียงร่วมกิจกรรมทาง The 1 Card Facebook fanpage เป็นต้น ด้าน “เพาเวอร์บาย” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มาในคอนเซปต์ “ความสุขไซส์ใหญ่ ที่จ่ายเบาๆ แบบไซส์เล็ก”  โดยขนกองทัพเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ชั้นนำมาจัดโปรโมชั่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่กำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าไอที ซึ่งภายในงาน เพาเวอร์บายนำเสนอการมอบความสุขไซส์ใหญ่ให้กับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ ที่สามารถซักผ้าให้กับสมาชิกในบ้านได้ครบภายในถังซักครั้งเดียว เน้นความประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ และประหยัดเวลาในการซักผ้าให้กับคุณแม่บ้านได้อย่างลงตัว, ตู้เย็น คุณภาพไซส์ใหญ่ในราคาโดนใจที่จ่ายได้สบายๆ ช่วยให้ตู้เย็นเป็นการเติมเต็มความสุขในการทำอาหารและใช้เวลาอยู่ร่วมกันของทุกคนในครอบครัว และการนำเสนอ ทีวี หน้าจอขนาดใหญ่ ขยายความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว พร้อมเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ ที่พัฒนาภาพและสีคมชัดสมจริง เป็นศูนย์กลางให้ทุกคนในครอบครัวใช้เวลาอยู่ร่วมกันและรับชมความบันเทิงที่บ้านอย่างเต็มอรรถรส พร้อมโปรโมชั่นของแถม ส่วนลด และโปรผ่อนชำระกับบัตรเครดิตชั้นนำมากมายได้ที่บูธเพาเวอร์บาย ในงาน HOME EXPO by CENTRAL Group งาน “HOME EXPO by CENTRAL Group” มหกรรมสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้านและเครื่องใช้ ไฟฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-25 กันยายน 2559 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-2 อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งนอกจากจะเป็นการรวมตัวกันของบริษัทฯ ในเครือเซ็นทรัล รวมถึงคู่ค้ามากมายในงานแล้ว ยังมีคู่รักดารา กัปตัน ภูธเนศ หงษ์มานพ และ เอ้ก-บุษกร ตันติภนา ที่จะมาร่วมสร้างความสุขในการช้อปปิ้งให้กับผู้เข้าชมงานทุกท่านด้วย และนอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนกันยายน โฮมเวิร์ค จะมีงานใหญ่อีก 1 งานคืองาน “HomeWorks EXPO ครั้งที่ 24” โดยจะมีขึ้นในวันที่ 30 กันยายน – 9 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์แสดงสินค้า   ไบเทค บางนา เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ากรุงเทพโซนตะวันออก สมุทรปราการ ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
ฟัลครัม โกลบอล ประเดิมโครงการแรกในไทยกับ The Park at EM District Managed by The Ascott Limited ดึงผู้บริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับโลกสร้างมาตรฐานความเหนือระดับและเสริมศักยภาพการลงทุน

ฟัลครัม โกลบอล ประเดิมโครงการแรกในไทยกับ The Park at EM District Managed by The Ascott Limited ดึงผู้บริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับโลกสร้างมาตรฐานความเหนือระดับและเสริมศักยภาพการลงทุน

ฟัลครัม โกลบอล บริษัทด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกด้วยโครงการ The Park at EM District Managed by The Ascott Limited บนสุดยอดทำเลซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ ชูแนวคิดใหม่ในการผนึกกำลังผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรีชั้นนำของโลกเพื่อสร้างจุดแข็งทั้งในด้านมาตรฐานที่พักอาศัยอันเหนือระดับ พร้อมกับเสริมศักยภาพในการลงทุนด้วยการรับประกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าถึง 6% นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด กล่าวว่า “The Park at EM District Managed by The Ascott Limited คือมิติใหม่ของโครงการที่พักอาศัยแบบเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี ซึ่งเกิดขึ้นจากการร่วมเป็นพันธมิตรกับฟัลครัม โกลบอล บริษัทด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับโลก เป็นการเน้นย้ำถึงความโดดเด่นของพาร์ค 24 ในฐานะโครงการที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงบนทำเลใจกลางกรุงซึ่งนับวันมีแต่จะหายากขึ้น นอกจากนั้น ยังตั้งอยู่ใกล้กับย่านดิ เอ็มดิสทริค ซึ่งเป็นทั้งย่านที่พักอาศัย แหล่งไลฟ์สไตล์และเอนเตอร์เทนเมนต์ระดับไฮเอนด์ของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นการเสริมศักยภาพให้กับโครงการให้เด่นชัดยิ่งขึ้น โดยเราประเมินว่าในช่วงหลังจากนี้ไป ความต้องการโครงการที่พักอาศัยในทำเลใจกลางกรุงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการพักอาศัยหรือเพื่อการลงทุน” มร. แฟรงค์ เหลียง กรรมการผู้จัดการ ฟัลครัม โกลบอล แคปิตอล กล่าวว่า “โครงการ The Park at EM District Managed by The Ascott Limited นับเป็นโครงการแรกของเราในประเทศไทยโดยร่วมเป็นพันธมิตรกับพราวด์ เรสซิเดนซ์ และดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับแถวหน้าของโลก โครงการนี้จึงเป็นหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดใจกลางเมืองในทำเลที่ตั้งเป็นที่ต้องการมากที่สุด พร้อมศักยภาพที่ดีเยี่ยมสำหรับการลงทุนอย่างแท้จริง” “ด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งมีปัจจัยที่เราคาดเดาไม่ได้มากมายและสภาพคล่องส่วนเกินล้นตลาด นักลงทุนที่รอบคอบมักจะสรรหารูปแบบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมั่นคงและรายได้จากค่าเช่าที่สม่ำเสมอ โครงการ The Park at EM District คือหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนในระยะยาว ด้วยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีการรับประกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าถึง 5% ในช่วงสองปีแรกสำหรับยูนิตแบบหนึ่งห้องนอน และ 6% สำหรับยูนิตแบบอื่น ๆ นอกจากนั้นข้อมูลจากการวิจัยเร็ว ๆ นี้เผยว่าแนวคิดของโครงการที่พักอาศัยระดับหรูขนาดใหญ่ซึ่งบริหารโดยผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี ซึ่งกำลังแพร่หลายในเมืองสำคัญ ๆ ของโลก เช่นโตเกียว และฮ่องกง จะสร้างผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีกว่าโครงการที่พักอาศัยทั่วไป โดยมีราคาขายอสังหาริมทรัพย์หลังจากที่โครงการพัฒนาแล้วเสร็จที่ต่างกันกว่า 30% - 50% เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการในบริเวณเทียบเคียง” แฟรงค์กล่าวเสริม The Park at EM District Managed by The Ascott Limited คือโครงการที่พักอาศัยระดับหรู ซึ่งบริหารโดย   ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ตัวอาคารสูง 29 ชั้น ประกอบด้วย 245 ยูนิต เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพาร์ค 24 ซึ่งแวดล้อมด้วยสวนขนาดใหญ่ถึง 10 ไร่ หรือ 16,000 ตรม. พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้องออกกำลังกาย โยคะสตูดิโอ ห้องสมุด สระว่ายน้ำความยาว 40 เมตร และพื้นที่พักผ่อนกลางแจ้งหลายจุดทั่วโครงการ ผสานความพรั่งพร้อมทันสมัยของชีวิตคนเมืองเข้ากับความร่มรื่นท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างลงตัว มร. จอห์น เคจเดนเนอร์ ผู้จัดการใหญ่ของแอสคอทท์ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ต้อนรับ The Park at EM District  สู่พอร์ตโครงการภายใต้การบริหารของเราในประเทศไทย ด้วยมาตรฐานสูงสุดและความเชี่ยวชาญของแอสคอทท์ในการบริหารที่พักอาศัย เจ้าของและผู้พักอาศัยมั่นใจได้ในบริการแบบมืออาชีพระดับโลก โครงการนี้จึงโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้ง คุณภาพระดับลักชัวรี และการบริหารแบบมืออาชีพ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเจ้าของและนักลงทุน ผู้ซื้อโครงการจึงไว้วางใจได้ว่าตัวโครงการจะได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม The Park at EM District  จึงนับเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในโอกาสสุดท้ายสำหรับการลงทุนในโครงการที่พักอาศัยคุณภาพสูงบนทำเลใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างสูง” เกี่ยวกับฟัลครัม โกลบอล แคปิตอล ฟัลครัม โกลบอล แคปิตอล เป็นบริษัทด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก่อตั้งขึ้นที่ฮ่องกงในปี 2552  มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทั้งในประเทศอังกฤษและประเทศแถบอาเซียน และเป็นพันธมิตรกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเพื่อลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูงสุดในการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนและผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าในระยะยาว โดยร่วมเป็นเจ้าของในส่วนหนึ่งของโครงการด้วยเพื่อเป็นยืนยันถึงความมั่นใจในการลงทุนระยะยาว ปัจจุบัน ฟัลครัม โกลบอล แคปิตอลบริหารโครงการที่พักอาศัยจำนวนกว่า 1,500 ยูนิตในลอนดอน แมนเชสเตอร์ และกรุงเทพฯ  และมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารมูลค่า 14,000 ล้านบาท เกี่ยวกับพราวด์ เรสซิเดนซ์ พราวด์ เรสซิเดนซ์ ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้ลงทุนของบริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด ร่วมกับธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยมากว่า 25 ปี ในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนชั้นนำ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ และบ้านพักอาศัยแนวราบรวมกว่า 30 โครงการ ภาระกิจของพราวด์ เรสซิเดนซ์ คือการสร้างสรรค์โครงการที่พักอาศัยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เพื่อมุมมองใหม่ ๆ ของการใช้ชีวิต เกี่ยวกับ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด คือเจ้าของและบริษัทผู้นำตลาดด้านการบริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเด้นท์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากประเทศสิงคโปร์ มีที่พักอาศัยภายใต้การบริหารกว่า 29,000 ยูนิตในเมืองหลักของอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ยุโรป และตะวันออกกลาง และที่พักอาศัยที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกกว่า 17,000 ยูนิต รวมทั้งสิ้นกว่า 46,000 ยูนิตในกว่า 290 โครงการ บริษัทเป็นผู้ดำเนินการบริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ชั้นนำ 3 แบรนด์ คือ แอสคอทท์, ซิทาดีนส์ และซัมเมอร์เซ็ท มีพอร์ตโครงการในกว่า 100 เมืองใน 27 ประเทศทั่วโลก แอสคอทท์ เป็นบริษัทเครือแคปปิต้าแลนด์ ลิมิเต็ด บุกเบิกธุรกิจบริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ในเอเชียแปซิฟิกโดยก่อตั้งดิ แอสคอทท์ สิงคโปร์ ในปี 2527 และก่อตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ในแพน-เอเชียครั้งแรกของโลกในปี 2549 ปัจจุบัน แอสคอทท์คือแบรนด์บริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีและรางวัลรับประกันมากมาย  
ซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง 2559 วันที่ 17 – 18 กันยายน 2559 ณ โรงแรม ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง 2559 วันที่ 17 – 18 กันยายน 2559 ณ โรงแรม ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ไทย, 13 กันยายน 2559 – ซีบีอาร์อีประกาศจัดงาน “ซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง 2559” (CBRE Elegant Homes & Living 2016) ณ โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ ในซอยสุขุมวิท 24  ในวันเสาร์ที่ 17 และวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2559 นี้   ซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง คืองานจัดแสดงโครงการที่พักอาศัยแนวราบชั้นนำในกรุงเทพฯ และแหล่งพักผ่อนตากอากาศ   ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การนำเสนอโครงการที่พักอาศัยแนวราบระดับลักซ์ชัวรี่ในใจกลางกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว คลัสเตอร์โฮม และคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ โครงการที่พักอาศัยที่เข้าร่วมงานนี้มีทั้งหมด 11 โครงการ  โดยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นการเปิดพรีเซลส์บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุงเทพฯ โครงการใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน ได้แก่ ดิ เอ็ดดิชั่น    ศักยะ 149    อาณา เอกมัย   เดอะ บูเลอวาร์ด เอกมัย และธาม ฮิลล์ วิลเลจ ในเขาใหญ่    นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูของชาญอิสสระที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ในย่านพระราม 9 และบางนา  รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จของนายณ์ เอสเตทอย่าง ควอเตอร์ 31 และพาร์ค พรีว่า  อีกหนึ่งโครงการใหม่ที่จะเปิดพรีเซลส์เป็นครั้งแรก คือ ฟินน์ สุขุมวิท 31 ซึ่งคอนโดมิเนียมแบบโลวไรส์ในซอยสุขุมวิท 31  ราคาโครงการที่จัดแสดงในงานเริ่มต้นที่ 3.59 ล้านบาท จนถึง 120 ล้านบาท นับเป็นการจัดแสดงโครงการที่พักอาศัยงานแรกที่ซีบีอารอีจัดขึ้นในรูปแบบนี้ ภายใต้แนวคิดที่ต้องการรวบรวมที่พักอาศัยแนวราบใจกลางเมืองระดับคุณภาพเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสที่ดีมากในการเลือกซื้อเลือกชมโครงการใหม่ๆ ที่น่าสนใจได้ภายในงานเดียว นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “มีลูกค้าจำนวนมากที่ตั้งใจจะซื้อบ้านแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะยังไม่แน่ใจเรื่องทำเล ราคา และการออกแบบ  ในงานนี้ลูกค้าจะสามารถพิจารณาและเปรียบเทียบรายละเอียดต่างๆ ของโครงการได้   ทั้งนี้ โครงการเหล่านี้ถือเป็นโครงการเอ็กซ์คลูซีฟที่มีจำนวนยูนิตไม่มากและมักไม่ได้ทำการตลาดในวงกว้าง ซีบีอาร์อีจึงคัดสรรโครงการเหล่านี้มาจัดแสดงเพื่อให้ลูกค้าที่เข้าชมงานได้มีโอกาสพิจารณาเป็นกลุ่มแรก” หากพิจารณาในด้านทำเล สุขุมวิทและซอยย่อยต่างๆ ได้กลายเป็นทำเลชั้นนำของโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ที่มีจำนวนมากขึ้นในตลาด    อาณา เอกมัย   ศักยะ 149  และเดอะ บูเลอวาร์ด ล้วนตั้งอยู่ในเอกมัยและเชื่อมต่อได้สะดวกกับทองหล่อ   ในขณะที่ทำเลอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น คือ รัชดา-พระราม 9 และซอยศูนย์วิจัย ซึ่งสามารถเดินทางไปทองหล่อและสุขุมวิทได้สะดวก นอกจากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่แล้ว ภายในงานยังจัดแสดงโครงการ  ฟินน์ สุขุมวิท 31 โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่แบบโลวไรส์ที่จะเปิดพรีเซลส์เป็นครั้งแรกในงานนี้เช่นกัน  จากการที่คอนโดมิเนียมแนวสูงมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ฟินน์ สุขุมวิท 31 จึงเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่มองหาโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ในงบประมาณที่เป็นเจ้าของได้ง่าย บ้านระดับลักซ์ชัวรี่ได้กลายเป็นทางเลือกที่เข้ามาแข่งขันกับคอนโดมิเนียมสำหรับลูกค้าที่ซื้อเพื่อพักอาศัยเอง  เนื่องจากคอนโดมิเนียมมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นและความพยายามของผู้พัฒนาโครงการที่ต้องการรักษาระดับราคา   ลูกค้าที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นจึงมีตัวเลือกที่จำกัด  โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางเมืองจึงเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวและได้เกิดเป็นตลาดใหม่ขึ้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดที่พักอาศัยแนวราบทั้งในรูปแบบบ้านและคอนโดมิเนียมมีการพัฒนาไปมาก หลายโครงการยึดพื้นฐานการออกแบบจากแนวคิดรูปแบบบ้านดั้งเดิม แต่มีการพัฒนาเพิ่มเติมในเรื่องการออกแบบและการวางตำแหน่งทางการตลาดของสินค้า โครงการใหม่ๆ มีการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุที่ทันสมัยและหรูหรายิ่งขึ้น  สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ มีการออกแบบที่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้พักอาศัยในปัจจุบัน  โดยเฉพาะในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน พื้นที่ใช้สอย และที่จอดรถ นอกจากนี้ ที่พักอาศัยแนวราบในแหล่งตากอากาศได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทยมาอย่างยาวนาน  โดยโครงการใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในเขาใหญ่ คือ ธาม ฮิลล์ วิลเลจ คอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์และวิลล่า บนพื้นที่ 40 ไร่ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ประกอบด้วยรีสอร์ทวิลล่าและรีสอร์ทเรสซิเด์นท์ เหมาะสำหรับคนเมืองที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์  ธาม ฮิลล์ วิลเลจ  คือโครงการใหม่ล่าสุดจากนายณ์ เอสเตท งานซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง ซึ่งรวบรวมโครงการที่พักอาศัยแนวราบที่ดีที่สุดมาไว้ด้วยกัน เป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและนักลงทุน ในงานนี้ ซีบีอาร์อีจับมือกับหลายธนาคารชั้นนำและมอบคะแนนสะสมสูงสุด 55 เท่าเมื่อชำระเงินจองด้วยบัตรเครดิตซิตี้แบงค์ และผ่อนชำระ 0% สูงสุด 6 เดือนเมื่อชำระค่าทำสัญญาผ่านบัตรเครดิตกรุงศรี  นอกจากนี้ ซีบีอาร์อียังมอบข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย เช่น ส่วนลดสูงสุด 3.1 ล้านบาทต่อยูนิต รวมถึงของสมนาคุณและสิทธิพิเศษต่างๆ อย่างบัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์ฟรีมูลค่าสูงสุด 2.5 ล้านบาท แพ็กเกจตกแต่งเฟอร์นิเจอร์มูลค่าสูงสุด 3 ล้านบาทจากชนินทร์ ลิฟวิ่ง และทริปล่องเรือยอร์ชส่วนตัวจากวีรันดา รีสอร์ท พัทยา ด้วยส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ รวมมูลค่ามากกว่า 8 ล้านบาท และการรวบรวมโครงการที่พักอาศัยแนวราบที่ดีที่สุดที่ไว้ภายในงานเดียว  จึงทำให้งานซีบีอาร์อี เอลิแกนท์ โฮมส์ แอนด์ ลิฟวิ่ง จึงเป็นงานที่ผู้ต้องการซื้อที่พักอาศัยไม่ควรพลาด ติดตามข่าวสารจากซีบีอาร์อีเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: CBRE.Thailand Twitter: @CBREThailand LinkedIn: CBRE Thailand Instagram: CBRE Residential Thailand  
ออริจิ้น รุกหนักปักหมุด บุกทำเลโซน CBD ใจกลางเมืองครั้งแรก !!! เปิดโครงการระดับลักชัวรี่ “ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร” ย่านสาทร-นราธิวาสใกล้รถไฟฟ้า ช่องนนทรี มูลค่าโครงการกว่า 3,800ล้านบาท กับราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้

ออริจิ้น รุกหนักปักหมุด บุกทำเลโซน CBD ใจกลางเมืองครั้งแรก !!! เปิดโครงการระดับลักชัวรี่ “ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร” ย่านสาทร-นราธิวาสใกล้รถไฟฟ้า ช่องนนทรี มูลค่าโครงการกว่า 3,800ล้านบาท กับราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI  ยกระดับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บุกทำเลโซน CBD ใจกลางเมือง พร้อมเปิดตัวโครงการระดับลักชัวรี่ “ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร” ย่านสาทร-นราธิวาส  สไตล์ดูเพล็กซ์ ราคาเริ่มต้นเพียง 4.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 3,800 ล้านบาท ชูจุดเด่นPrimeArea ที่อยู่อาศัยในย่านเศรษฐกิจสำคัญใกล้รถไฟฟ้าช่องนนทรี และ รถไฟฟ้าสายสีเทา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  เน้นเจาะกลุ่มคนทำงานระดับ B ขึ้นไป มั่นใจสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี คุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI”เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียม ใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้า เชื่อว่ายังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลของคนเมืองที่ทำงานออฟฟิศที่มีวิถีชีวิตเปลี่ยนไป และส่วนหนึ่งมาจากการจับจองของนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ ลูกค้าจะมองถึงเรื่องความคุ้มค่าและมูลค่าในอนาคตที่เพิ่มขึ้น เพราะขณะนี้ที่ดินในเมืองหายากขึ้นและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเลใจกลางเมืองย่านเศรษฐกิจสำคัญและเป็นที่รู้จักในระดับโลกอย่าง ย่านสาทร  ซึ่งในปัจจุบันแถวนี้จะหาที่ดินในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยนั้นเป็นไปได้ยาก ล่าสุด บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้ กลยุทธ์ Blue Ocean Location ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สุดของ ออริจิ้น ในการเลือกสรรทำเลที่ดีที่สุด นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้านราคาที่สร้างความได้เปรียบให้กับสินค้า โดยการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในระดับที่ผู้บริโภคเอื้อมถึง ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด  กับ โครงการระดับลักชัวรี่ใจกลางเมือง ย่านสาทร ครั้งแรก !! คือ โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร(Knightsbridge Prime Sathorn)  เพื่อยกระดับการพัฒนาโครงการของบริษัทให้เข้ามาอยู่ในใจกลางเมืองมากขึ้น  โดยโครงการดังกล่าว พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับ ลักชัวรี่ แบบดูเพล็กซ์ ในราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ชูจุดเด่นทำเลดังกล่าวถือเป็นทำเล Prime Area ราคาดูเพล็กซ์เริ่มต้นเพียง4.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 3,800 ล้านบาท ย้ำมั่นใจทำเลดังกล่าวยังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร(Knightsbridge Prime Sathorn) พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ใจกลางเมือง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 726 ยูนิต ตั้งอยู่บนถนนสาทรห่างจากแยกสาทร – นราธิวาสประมาณ 550เมตรในราคาห้องดูเพล็กซ์เริ่มต้นเพียง 4.5 ล้านบาท มีห้องชุดทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. ห้อง Type A Duplex มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 44 ตร.ม. 2. ห้อง Type B Duplex มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 37 ตร.ม. 3. ห้อง Type C Monoplex มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 30 ตร.ม. ห้อง Type D Monoplex มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 24 ตร.ม. พัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Medium and Luxury Condo เน้นการดีไซน์บนความเรียบง่ายแต่มีความพรีเมี่ยม เพื่อสร้างมิติใหม่ของการพักอาศัย ที่จะนำผู้พักอาศัยไปยังเป้าหมายของชีวิตที่กำหนดไว้และถึงเป้าหมายสูงสุดของชีวิตได้อย่างรวดเร็วและลงตัวครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในโครงการ อาทิ อาคารจอดรถระบบอัตโนมัติที่สามารถรองรับการจอดรถได้ถึง 70% ของยูนิตทั้งหมด (ประมาณ 500 คัน) ล็อบบี้ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนส ห้องอ่านหนังสือ ลู่วิ่ง ฯลฯ โครงการตั้งอยู่ต้นถนนนราธิวาสราชนครินทร์ซึ่งเป็นถนนย่านเศรษฐกิจที่เก่าแก่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ทำเลตั้งห่างจากแยกสาธร-นราธิวาส เพียง 550 ม. ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานี ช่องนนทรีเพียง 600 ม. สถานีรถ BRT เพียง 0 เมตร และติดรถไฟฟ้าสายสีเทาในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้บริการในปี 2564 ทำให้การคมนาคมในย่านนี้ในอนาคตมีความสะดวกสบายมากขึ้น ที่จะตอบโจทย์ของการคมนาคมไปยังทิศต่างๆของกรุงเทพฯได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญในกรุงเทพฯได้อยากหลายสาย อาทิ ถนนสาทร-นราธิวาส ถนนสุรวงศ์ ถนนสาทร ถนนสีลม ฯลฯ “ระยะหลังๆ มานี้ ที่ดินในย่านเศรษฐกิจสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ นั้นค่อนข้างหายาก จำนวนโครงการที่เปิดตัวใหม่ลดลง ผู้ที่ซื้อเพื่อลงทุนคอนโดในบริเวนนี้มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนกำไรสูงขึ้นและตลาดการขายต่อ (Resale) ในอนาคตก็จะมีแนวโน้มสดใส ซึ่ง ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร ตั้งอยู่บริเวณแยกสาทร-นราธิวาส ซึ่งจัดว่าเป็นทำเลที่ดีเยี่ยมเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบาย ระบบขนส่งมวลชนที่รวมสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทา มารองรับการเดินทาง ที่ห่างจากตัวโครงการไม่กี่ย่างก้าว ”คุณพีระพงศ์ กล่าวตอนท้าย ล่าสุดสำหรับโครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร เปิดให้จองพร้อมชมห้องตัวอย่างทั้ง 4 รูปแบบ ในวันที่ 1-2 ตุลาคม 2559  ณ Sale Gallery นอกจากนั้นยังเตรียมจัดโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดระดับลักชัวรี่ ใจกลางเมือง ที่พร้อมตอบรับทุกการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวที่สุด ที่อยู่ตั้งบนทำเลศักยภาพย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 020 300 0000 หรือ www.origin.co.thิด
นับถอยหลังเตรียมพบกับงานด้านการก่อสร้างใหญ่ที่สุดในเอเชีย “Asian Construction Week 2016”

นับถอยหลังเตรียมพบกับงานด้านการก่อสร้างใหญ่ที่สุดในเอเชีย “Asian Construction Week 2016”

บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัดผู้นำด้านการจัดงานและผู้บริหารการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุม ของประเทศไทย ร่วมกับบริษัท Sphere Exhibits Pte Ltd (สิงคโปร์), สถาบันคอนกรีตและก่อสร้างแห่งเอเชีย (ACCI) และ โกลบ อินเตอร์เนชั่นแนล อีเว้นท์ คอนซัลแทนซี่ ขอเชิญผู้ประกอบการด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของอาคาร ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบอาคาร ผู้รับเหมา สถาปนิก องค์กรภาครัฐ และเอกชน ร่วมงานแสดงสินค้าและการประชุมนาระดับนานาชาติด้านก่อสร้างและการอยู่อาศัยที่ครบครัน ภายใต้งาน“Asian Construction Week 2016”โดยงานนี้ประกอบด้วย 3 งานหลัก ได้แก่ งาน BMAM Expo Asia 2016 (งานแสดงสินค้าและการประชุมสัมมนาระดับนานาชาติด้านการบริหารจัดการและบำรุงรักษาอาคารครั้งที่ 9) งานแสดงนวัตกรรมด้านการบำรุงรักษาและบริหารจัดการอาคารโรงงานอสังหาริมทรัพย์การบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดีน่าใช้งานและยังคงสร้างประโยชน์อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยท่านจะได้พบกับการนำเสนอSmart Building to Smart City – New areas & Upcoming technologies Trend for the future เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นตัวอย่างของ Smart Building ที่มีนวัตกรรมที่ล้ำหน้าอย่างแท้จริงทั้ง Smart Security & Safety, Smart Office,​ Smart ECO Building จาก Philips Healthcare, Infinite, Fivebond, Solar D, HIP Global, Prosecure, HID, Honeywell  เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดงานสัมนานานาชาติ อาทิ  Facility Management Conference ที่จัดโดยสมาคมวิชาชีพการบริหารทรัพยากรอาคาร และอีกหลากหลายหัวข้อซึ่งจัดโดยสมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากอุตสาหกรรม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ maintenance-asia.com งาน GBR Expo Asia 2016 (งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติด้านการซ่อมแซมและก่อสร้างอาคารเขียวครั้งที่ 6) งานแสดงเทคโนโลยีการก่อสร้างและต่อเติมอาคารเขียวพร้อมการประชุมสัมนาที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญในวงการอาคารเขียวอาทิการจัดงาน Thailand Green Building Conference โดยเราพยามยามสร้างความตระหนักให้แก่ผู้ประกอบการและผู้รับเหมาก่อสร้างเกี่ยวกับความสำคัญในการสร้างอาคารเขียวเพราะนั้นคือการรักษาโลกรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอย่างแท้จริง(Sustainable) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ greenbuilding-asia.com งาน Concrete Asia 2016 (งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับคอนกรีตการขุดเจาะและอุตสาหกรรมการก่อสร้างอาคาร) เนื่องจากคอนกรีตเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอาคาร และจำเป็นต่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้กับการเติบโตของประเทศ เพราะคอนกรีตที่มีคุณภาพดี แห้งเร็ว และมีความคงทน จะยิ่งทำให้สิ่งปลูกสร้างอยู่กับเราได้นาน ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง ซึ่งนั่นคือ ประหยัดต้นทุนในการทำงานนั้นเอง โดยในปีนี้ ไฮไลท์สำคัญ คือ สาธิตวิธีการเทและการขัดมันคอนกรีต และสำหรับพาวิลเลี่ยมของสมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย  จะมีการเปิดสัมนาฟรีในหัวข้อ “Trend of High Rise Building Construction in Thailand” และมี Concrete Laboratory นอกจากนี้ ด้านทางเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ โดยมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย และการสัมนาระดับนานาชาติ อาทิ Asian Concrete Conference 2016, ประสบการณ์ในเรื่องระบบการขุดเจาะของประเทศต่างๆในอาเซี่ยนและองค์ความรู้อันเป็นประโยชน์ต่องานคอนกรีตเพื่อป้องกันรอยร้าวและอื่นๆ (Tunneling Practice in Asian Country Conference and Essential Knowledge of Concrete Floor Cracks) ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ concrete-asia.com 3 งานหลักดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้งาน Asian Construction Week 2016 ระหว่างวันที่ 21 – 23 กันยายน 2559 ณ อาคาร 5 – 6 และลานกลางแจ้งศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี สอบถาม โทร. 02-833-5312 แฟกซ์ 02 833 5127-9 อีเมล์ pathitau@impact.co.th หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของงาน www.asianconstructionweek.com
ไทวัสดุ พระราม 2 เปิดยิ่งใหญ่ บนถนนพระราม 2 ทุ่ม 500 ล้านผุดคอมแพ็คสโตร์สาขาที่ 42

ไทวัสดุ พระราม 2 เปิดยิ่งใหญ่ บนถนนพระราม 2 ทุ่ม 500 ล้านผุดคอมแพ็คสโตร์สาขาที่ 42

ไทวัสดุ ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย เดินหน้าตอกย้ำผู้นำของตกแต่งบ้าน และ วัสดุก่อสร้าง เตรียมพร้อมเปิดบ้านใหม่ ไทวัสดุ สาขาที่ 42 ตระหง่านบนถนนพระราม 2 ทุ่มงบลงทุน 500 ล้านบาท    ผุดสโตร์ ภายใต้แนวคิด “Compact Store” บนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร ยึดมั่นสโลแกน  “ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี” รองรับกำลังซื้อกลุ่มเจ้าของบ้าน และช่าง-ผู้รับเหมา ในโซนกรุงเทพแถบฝั่งธนฯ ฉลองเปิดสาขาด้วยสินค้าที่ครบครัน ราคาถูก คุ้มค่า ทุกรูปแบบ นายกำชัย  หลุยยะพงศ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด  ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีก  ไทวัสดุ ,โฮมเวิร์ค และบ้าน  แอนด์ บียอนด์ ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีกำหนดเปิดร้านไทวัสดุ สาขาพระราม 2 ซึ่งเป็นสาขาที่ 42 ภายใต้ แนวคิด “Compact Store” บนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร แต่ครบครันทุกสินค้า และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กันยายน 2559 โดยไทวัสดุ สาขาพระราม 2 นี้ ได้ครอบคลุมพื้นที่ถนนพระราม 2 ทั้งเส้น ตั้งแต่ท่าข้าม บางมด บางขุนเทียน แสมดำ จอมทอง  บางบอน กาญจนาภิเษก และสุขสวัสดิ์ โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากลูกค้ากลุ่มช่าง กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง ที่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แถบชานเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไทวัสดุสาขาพระราม 2 มีจุดแข็งตรงที่ครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในรัศมี 10 กิโลเมตร พบว่ามีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 500,000 คน มีบ้านเดิมกว่า 155,000 หลังคาเรือน และโครงการบ้านใหม่ ที่มีแผนจะขึ้นในปีนี้อีกกว่า 8,000 ยูนิต ซึ่งคาดว่าไทวัสดุสาขานี้ จะมียอดขายสูงถึง 500  ล้านบาท ในปี 2560 “ไทวัสดุ มองทำเลโซนพระราม 2 มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเห็นได้ว่า ธุรกิจก่อสร้างโซนนี้ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทำเลโดยรอบ ถือว่าเป็นทำเลทองที่มีความเคลื่อนไหวด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเดิมทีพระราม 2 ถือเป็นเขตเศรษฐกิจอยู่แล้ว เพราะเป็นแหล่งรวมโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบัน ก็เริ่มมีที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า ห้างร้าน และโรงพยาบาล ทยอยเปิดตัว ทำให้มีแรงงาน และผู้คนเข้ามาอยู่ในอาศัยในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทำให้ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยขยายตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย เราเล็งเห็นตรงนี้ จึงได้เปิดไทวัสดุ สาขาพระราม 2 ขึ้น มีสินค้าเรื่องบ้านที่ครบทุกความต้องการ มีการจัดวางสินค้าที่น่าดู และมีอุณหภูมิภายในที่เย็นสบายขึ้นด้วย” นายกำชัย กล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการทำโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย ในสาขาใหม่ด้วย โดย 4 วันแรกของการเปิดสาขา คือระหว่างวันที่ 8-11 กันยายน 2559 พบกับโปรโมชั่น “ช้อปฟรี..ฟรี 500 บาท” แจกฟรีคูปองเงินสด 500 บาท เพียงLike facebook thaiwatsadu fan page และ Check in ไทวัสดุสาขาพระราม 2 จำกัด 200 ท่านแรกต่อวัน และรับฟรีเสื้อยืดไทวัสดุ (จำนวนจำกัด) เพียงสมัครสมาชิกเดอะวันการ์ด ทุก 50 บาท = 1 คะแนน 600 คะแนน = 100 บาท (ปกติ 800 คะแนน= 100บาท) นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญลุ้นแลกซื้อสินค้าครึ่งราคา เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป รับคูปองเพื่อลุ้นแลกซื้อสินค้า เช่น LED TV LG 55 นิ้ว มูลค่า 29,900 บาท และซื้อเพียง 14,500 บาท , สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 22,000 บาท แลกซื้อในราคาพิเศษ 11,000 บาท , iPAD MINI 16 GB มูลค่า 13,400 บาท แลกซื้อในราคาเพียง 6,700 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นระหว่างวันที่ 8 – 29 กันยายน 2559 ช้อปทุก 3,000 บาท รับคูปองส่วนลด 300 บาท หรือ ช้อปครบ รับฟรี อาทิ ช้อปครบ 30,000 – 59,999 บาท รับฟรี พัดลมทาวเวอร์ มูลค่า 1,988 บาท ,ช้อปครบ 60,000 – 99,999 บาท รับฟรี กล้องติดรถยนต์มูลค่า 3,500 บาท ,ช้อปครบ 100,000 – 299,999 บาท รับฟรี สร้อยคอทองคำ 1 สลึง มูลค่า 5,500 บาท และช้อปครบ 300,000 บาทขึ้นไป รับฟรี สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 22,000 บาท ซึ่งรายละเอียดโปรโมชั่นของสาขาพระราม 2 สามารถติดตามได้ใน www.thaiwatsadu.com หรือสอบถามได้ที่สาขาโดยตรง สำหรับงบลงทุนไทวัสดุสาขาพระราม 2 ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 40 ล้านบาท ต่อเดือน ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงบรรยากาศภายในสโตร์ และปรับปรุงรายการสินค้าให้รองรับความต้องการซื้อมากขึ้น มีการเสริมตัวสินค้าให้ดูทันสมัยมากขึ้น อาทิ เก้าอี้ เดิมเป็นเก้าอี้ธรรมดา โฉมใหม่นำเสนอสินค้าที่มีฟังก์ชั่นมากขึ้น นั่งสบาย สวยงาม รวมทั้ง เพิ่มสินค้าของตกแต่ง อาทิ ต้นไม้เทียม ดอกไม้เทียม เพื่อรองรับลูกค้าย่านถนนพระราม 2 ตั้งแต่ท่าข้าม บางมด บางขุนเทียน แสมดำ จอมทอง  บางบอน กาญจนาภิเษก และสุขสวัสดิ์
บี-ทิพพาภรณ์ ดวงพุ่ง โปรไฟล์ผู้บริหารเข้าตากรรมการระดับเอเชีย แถมโครงการแมกโนเลียส์ฯ เข้าชิงรางวัล 2 งานใหญ่

บี-ทิพพาภรณ์ ดวงพุ่ง โปรไฟล์ผู้บริหารเข้าตากรรมการระดับเอเชีย แถมโครงการแมกโนเลียส์ฯ เข้าชิงรางวัล 2 งานใหญ่

กรุงเทพฯ – ดูเหมือนครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงเฮงแบบสุดๆ ของเครือแมกโนเลียส์ฯ อีกครั้ง เพราะนอกจากยอดจองห้องชุดในหลายโครงการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ทุกโครงการยังเดินขบวนเข้าชิงรางวัลระดับสูงกันเป็นว่าเล่น ทั้ง THAILAND PROPERTY AWARDS 2016 งานประกาศผลรางวัลชั้นนำที่ทั้งวงการอสังหาฯต่างจับตามอง ซึ่งแมกโนเลียส์ฯ ได้เข้าชิงถึง 7 สาขารางวัลใหญ่เลยทีเดียว และงาน THINK OF LIVING PEOPLE’S CHOICE AWARDS 2016 งานผลรางวัลจากสื่อมวลชนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือสูงสุด ซึ่งแมกโนเลียส์ฯก็เข้าชิงใน 4 สาขาหลักเช่นกัน แถมเมื่อไม่นานมานี้ หัวเรือใหญ่อย่าง บี-ทิพพาภรณ์ เจียรวนนท์ อริยวรารมย์ ยังติดโผสุดยอดนักธุรกิจแห่งเอเชีย ASIA BUSINESS LEADER AWARDS 2016 ซึ่งคัดเลือกเฉพาะผู้บริหารที่โดดเด่นด้านธุรกิจและมากด้วยผลงานความสำเร็จ รวมไปถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยจะรู้ผลในเร็วๆนี้ เรียกว่าทั้งผลงานทั้งโปรไฟล์ผู้บริหารต่างเข้าตากรรมการกันแบบยกเซต งานนี้แมกโนเลียส์ฯมีหวังยิ้มแก้มปริแน่นอน !!! รายชื่อโครงการของแมกโนเลียส์ ที่เข้าชิง Thailand Property Awards 2016 ประกอบไปด้วย ; Best Ultra Luxury Condo Development Bangkok เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ Best Luxury Condo Development (Bangkok) แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม Best Residential Architectural Design เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ  และ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม Best Residential Interior Design เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ และ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม รายชื่อโครงการของแมกโนเลียส์ ที่เข้าชิง Think of Living People’s Choice Awards 2016 ประกอบไปด้วย ; Luxury: Best High Rise Condominium Development แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม Best Show Home Interior Design เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ Best Architectural Design แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด Best Mixed-Use Development แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด, วิสซ์ดอม 101 และ ไอคอนสยาม
‘เอพี ไทยแลนด์’ ปลื้มคอนโดเอพีได้รับการตอบรับดีท่วมท้น ล่าสุด ‘RHYTHM เอกมัย’ ขายหมดในวันแรกที่เปิดตัว ผลพิสูจน์ความมุ่งมั่นสร้างความแตกต่างอสังหาฯ เครือเอพี

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปลื้มคอนโดเอพีได้รับการตอบรับดีท่วมท้น ล่าสุด ‘RHYTHM เอกมัย’ ขายหมดในวันแรกที่เปิดตัว ผลพิสูจน์ความมุ่งมั่นสร้างความแตกต่างอสังหาฯ เครือเอพี

กรุงเทพฯ (8 ก.ย. 59) – วันนี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการ อสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย โดยนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ คอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากแนวทางในการดำเนินงานที่มุ่งสร้าง ความแตกต่างให้กับอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอพี ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ในปีนี้ล้วนประสบความสำเร็จทางยอดขาย ไม่ว่าจะเป็น Life สุขุมวิท 48 ที่เปิดขายไปเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมาก็ปิดการขาย 100% ได้ภายในเวลาเพียง 2 วัน และล่าสุดกับการเปิดขายโครงการใหม่ RHYTHM เอกมัย  (ริธึ่ม เอกมัย) คอนโดมิเนียมร่วมทุนโครงการที่ 8 กับพันธมิตรญี่ปุ่นมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) มูลค่า 2,680 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างด้วยนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ล่าสุด เพื่อพื้นที่อยู่อาศัยในมุมมองใหม่ ภายใต้แนวคิด ‘PERSPECTIVISM’ และจากจุดขายที่ชัดเจนของโครงการนี้ที่ทุกยูนิตจะมีวิวเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถ ปิดการขายโครงการ RHYTHM เอกมัยได้ 100% ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว     “ในปีนี้เราประกาศ Sold Out ไปแล้ว 2 โครงการคือ Life สุขุมวิท 48 ที่เปิดไปเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และล่าสุดคือ RHYTHM เอกมัย ซึ่งถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ มีลูกค้ามาลงทะเบียนสนใจห้องชุดมากกว่า 1,500 คน ซึ่งเรามีห้องเพียง 326 ยูนิต หลายคนไม่ได้ห้องชุดที่ต้องการซึ่งทางบริษัทต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ การ Sold Out ไม่ว่าจะของ Life สุขุมวิท 48 หรือ RHYTHM เอกมัยในวันนี้ สะท้อนให้เราเห็นภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ ข้อหนึ่งว่าจริงๆ แล้วดีมานด์สำหรับตลาดคอนโดยังคงมีอยู่ เพียงแต่สินค้าที่เปิดใหม่ขึ้นมานั้น จับตลาดถูกกลุ่มหรือไม่ และที่สำคัญสินค้านั้นมีความโดดเด่นและแตกต่างจากสินค้าที่ขายอยู่ในตลาดแค่ไหน ซึ่งสำหรับคอนโดที่มีแผนจะเปิดตัวใหม่ในปีนี้อีก 2 โครงการ ทีม AP Design Lab เราเปลี่ยนวิธีคิดในการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการเป็นรายแรกในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งสร้างความแตกต่าง ให้เกิดขึ้นในทุกองค์ประกอบของโครงการ ซึ่งอยากให้คอยติดตามดูนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ของเอพีเราครับ” นายวิทการกล่าว   นอกจากโครงการ RHYTHM เอกมัย ที่นำมาเปิดขายในงาน AP SPACE VISION สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 8-11 กันยายนนี้แล้วนั้น ภายในงานบริษัทฯ มีคอนโดมิเนียมในทำเลใกล้รถไฟฟ้า มาขายในงานอีกกว่า 17 โครงการ ในราคาเริ่มต้น 1.55 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นในทำเล สุขุมวิท อโศก สาทร งามวงศ์วาน รัตนาธิเบศร์ ปิ่นเกล้า และเอราวัณ เป็นต้น รวมทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมในทำเลศักยภาพ กว่า 20 ทำเลในราคาเริ่มต้น 2.19 บาท พร้อมรับส่วนลดสูงสุดในงานกว่า 4,000,000 บาท พิเศษสำหรับโครงการพร้อมอยู่รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% นาน 2 ปี จากพันธมิตรธนาคารชั้นนำ   สำหรับผู้ที่มองหาห้องชุดยูนิตพิเศษในทำเลที่หาไม่ได้แล้วในตลาด หรือต้องการฝากขาย-ฝากเช่า คอนโดมิเนียม ภายในงานยังมีบูธของ บริษัท บางกอก ซิตี้สมาร์ท โบรกเกอร์ในเครือเอพีคอยให้คำปรึกษา และแนะนำการลงทุน พร้อมจัดแคมเปญพิเศษ Tomorrow is NOW โอกาสเดียวในการเป็นเจ้าของคอนโดพร้อมอยู่ ในราคาเดียวกับวันเปิดตัว เริ่ม 2.2 ล้านบาทอีกด้วย   ทั้งนี้ งาน AP SPACE VISION สยามพารากอน จัดขึ้น ณ ชั้น 1 สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 8-11 กันยายน 2559 เป็นหนึ่งในแคมเปญใหญ่ 25 ปีเอพี ที่ทางบริษัทฯ จัดขึ้น 4 งานใหญ่รอบมุมเมืองของกรุงเทพ (บางแค ลาดพร้าว เวสต์เกต สยามพารากอน) เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าเอพี ภายในงานได้นำเสนอโครงการพร้อมอยู่ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมคุณภาพ ดีไซน์สเปซยอดเยี่ยมภายใต้แบรนด์เอพี และอีกหนึ่งไฮไลท์ในงานคือนวัตกรรมการนำเสนอรูปแบบใหม่ ‘AP SPACE VR’ Virtual Reality ครั้งแรก ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยลูกค้าสามารถรับชม Space ภายในบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมของเอพี สัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยได้อย่างเสมือนจริง โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมายังโครงการ ช่วยประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์มากที่สุดอีกด้วย   ติดตามข้อมูลข่าวสารของเอพีได้ที่ www.apthai.com และเฟสบุ๊ค www.facebook/Apthai “พื้นที่ชีวิต...เราคิดเพื่อคุณ 25 ปี AP Think Space”