Tag : review condo

336 ผลลัพธ์
Life ปิ่นเกล้า : รีวิวคอนโด

Life ปิ่นเกล้า : รีวิวคอนโด

ไม่นานมานี้ เราเพิ่งจะได้ยินข่าวว่าทาง AP เตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่ย่านปิ่นเกล้า ในแบรนด์ Life ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้ความร่วมมือกับทาง Mitsubishi Estate แต่ยังไม่ทันไรก็มีกระแสว่าโครงการ Life ปิ่นเกล้า ได้รับการตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย แค่ช่วงทดลองเปิด Pre-sale ก็มียอดจองล้นหลามแล้ว งานนี้พวกเราทีมงานเลยรีบเข้าไปเก็บข้อมูลโครงการ และภาพห้องตัวอย่างมาให้ดูกันแบบด่วนๆ เลยครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     3,000,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    803 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   4 - 3 - 86.3 ไร่ ที่จอดรถ    52% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2561 ค่าส่วนกลาง    34 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ค่ากองทุน    450 บาท/ตารางเมตร เก็บครั้งแรกในวันโอนกรรมสิทธิ์ การเดินทาง ทำเลที่ตั้งโครงการ Life ปิ่นเกล้า อยู่ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยจรัญฯ 40/1 ห่างจากแยกบรมราชชนนีประมาณ 450 เมตรเท่านั้น แต่จุดเด่นสำคัญของโครงการอยู่ที่ ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 40 เมตรก็จะเป็นบันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีบางยี่ขัน) ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างครับ และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานพอๆ กับที่คอนโด Life ปิ่นเกล้า เลยด้วย การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยรถไฟฟ้าสำหรับลูกบ้านของโครงการจึงนับว่าสะดวกสุดๆ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าศักยภาพของทำเลในแถบนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้รับความสนใจมากเลยทีเดียว นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ในอนาคตอันใกล้แล้ว ปัจจุบันการเดินทางมายังโครงการ ก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีเช่นกัน เหมือนที่เราลองเลือกเส้นทางถนนจรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่แยกท่าพระซึ่งเป็นต้นถนน ลองวิ่งมาเรื่อยๆ จนข้ามแยกบรมราชชนนีมาแล้วค่อยมากลับรถมายังโครงการ ตลอดเส้นทางตอนนี้อาจจะติดขัดบ้าง เพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ในขณะนี้ ทำให้การจราจรไม่ค่อยคล่องตัวเท่าที่ควร แต่เชื่อว่าถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้ว การจราจรจะคล่องตัวขี้นอีกเยอะ ไหนจะรถไฟฟ้า และอุโมงค์ข้ามแยกต่างๆ อีก น่าจะช่วยลดปัญหารถติดไปได้ไม่มากก็น้อยเลยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เราเริ่มกันบริเวณสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่เลยนะครับ เราตรงไปตามถนนจรัญสนิทวงศ์เรื่อยๆ เลยนะครับ ลงจากสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่นิดหน่อย จะเป็นแยกท่าพระ เราลงอุโมงค์ลอดใต้แยกไปเลยนะครับ พอขึ้นมาจากอุโมงค์แล้วจะเริ่มเจอกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่ทอดยาวตลอดแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ การจราจรอาจจะหนาแน่นสักหน่อยนะครับ เพราะถนนถูกบีบลงมาเหลือ 2 เลน ตรงมาตามถนนจรัญสนิทวงศ์เรื่อยๆ จะเจอตลาดบางขุนศรี อยู่ทางซ้ายมือ เลยจากตลาดบางขุนศรีมาจะเจอแมคโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ ตรงมาอีกหน่อยเราจะเจออีกหนึ่งแยก คือแยกบรมราชชนนี แยกนี้เราก็ตรงลงอุโมงค์อีกเหมือนกันนะครับ พอขึ้นมาจากอุโมงค์แล้วจะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านขวามือ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ฝั่งขวามือนะครับ ต้องตรงไปกลับรถอีกประมาณ 300 เมตร บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน Susco กลับรถมาแล้วเราก็เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการกันเลยครับ หน้าตาของสำนักงานขายโครงการ วิเคราะห์รอบโครงการ Life ปิ่นเกล้า เป็นคอนโด High Rise สูง 23 ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ 4.3 ไร่ โดยทาง AP ได้เสนอคอนเซปต์แนวคิดที่ว่า “Discover The New Joy of Old Memories” ซึ่งเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของพื้นที่ ผสมผสานเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตชุมชนของย่านนี้ มาสู่รูปแบบการใช้ชีวิตที่พิถีพิถัน เรียบหรูและลงตัวสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทาง AP มุ่งเน้นให้เป็นลูกค้าหลักคือ กลุ่มคนในพื้นที่ กลุ่มพ่อค้าชาวไทยเชื้อสายจีนที่ต้องการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือส่งต่อให้ลูกหลานต่อไป รวมไปถึงกลุ่มหมอ และข้าราชการระดับสูงซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และด้วยความที่คนกลุ้มนี้จะมีความคุ้นชินกับพื้นที่อยู่แล้ว จึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทางโครงการได้รับการตอบรับอย่างดีด้วยยอดจองถล่มทลายเหนือความคาดหมายแบบนี้ พื้นที่ฝั่งธนบุรีในย่านนี้มีความคึกคักและมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากมาตั้งแต่อดีตแล้วครับ ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสด ตลาดน้ำ รวมกันอยู่หนาแน่นเข้าขั้นอุดมสมบูรณ์มาก แถมด้วยสถาบันศึกษาชื่อดัง โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง แหล่งช็อปปิ้งก็แวดล้อมอยู่ใกล้ๆ ทุกอย่าง เป็นทั้งพื้นที่ชุมชนการค้า ศูนย์งานราชการครบถ้วน การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง หรือข้ามเข้าสู่ฝั่งพระนครก็ทำได้หลายเส้นทาง สามารถเดินทางได้ทั้งรถ และเรือ รวมถึงรถไฟฟ้าที่จะมีในอนาคตด้วยอีกอย่าง ไม่ว่าจะมองในด้านใดพื้นที่บริเวณนี้ก็ถือว่ามีศักยภาพตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะครับ ในส่วนของพื้นที่ภายในโครงการ ก็เน้นให้มีพื้นที่สีเขียวมากถึง 3 ไร่ นับตั้งแต่ทางเข้าสู่ตัวโครงการที่มีการผสานความร่มรื่นของทิวไม้และสายน้ำ ภายใต้แนวคิด “Mura” A Village within Nature ในขณะที่ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือแบบ Infinity Edge Pool ยาว 40 เมตร พร้อมวิวสะพานพระราม 8 ในมุมที่สวยที่สุด, ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่ให้วิวแบบ Panoramic ในบรรยากาศเหมือนได้ออกกำลังกายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และห้องซ่าวน่า สตีมแยกชายหญิง รวมถึง Casual Space พื้นที่สำหรับพักผ่อน หรือไว้พบปะพูดคุยสังสรรค์ ซึ่งทางโครงการตั้งใจจัดสรรไว้ให้ลูกบ้านของ Life ปิ่นเกล้าโดยเฉพาะ นอกจากนี้เรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน ทางโครงการก็ไม่ลืมให้ความสำคัญนะครับ โดยเฉพาะยูนิตพักอาศัยที่อยู่บนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับพื้นที่ส่วนกลาง ทางโครงการก็มีการออกแบบตกแต่งสวนไว้เป็นแนวยาว เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องด้านที่ติดกับสระว่ายน้ำมากขึ้นด้วย มาดูกันที่ Master Plan ของโครงการกันก่อนนะครับ ด้านหน้าโครงการจะเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนด้านในตัวอาคารด้านหน้าจะเป็น Main Lobby สำนักงานนิติบุลคล Mail Box และร้านค้า ส่วนพื้นที่ด้านในจะเป็นที่จอดรถตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปถึง ชั้น 4 สวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานกันของทิวไม้และเสียงน้ำ กับแนวคิด "Mura" A Village within Nature ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ บรรยากาศของโถง Lobby ที่ชั้น 1 ชั้น 5 จะเป็นชั้นที่มี Facility หลักของโครงการ ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ แบบ Infinity Edge Pool ความยาวกว่า 40 เมตร พร้อมห้องฟิตเนส, Casual Space, Steam และ Sauna ส่วนพื้นที่อีกด้านจะเป็นห้องพักอาศัย บรรยากาศของสระว่ายน้ำ บนชั้น 5 ได้วิวฝั่งสะพานพระราม 8 บรรยากาศของห้องฟิตเนส บนชั้น 5 Casual Space พื้นที่สำหรับพบปะกันของลูกบ้าน ตั้งแต่ชั้น 8-23 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด พื้นที่โล่งตรงนี้จะเป็นสถานที่ก่อสร้างโครงการนะครับ ด้านนี้จะเป็นทิศตะวันออกที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา จะสังเกตเห็นว่ายังไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิว ภาพมุมสูงในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะหันไปทางสะพานพระราม 8 ยังไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิว ด้านทิศเหนือที่หันไปทางบางพลัดก็เช่นกันนะครับ ยังไม่มีตึกสูงมาบังวิว ภาพมุมสูงของทิศเหนือ หันไปทางสถานีรถไฟฟ้าบางยี่ขัน ด้านทิศใต้จะมีอาคารสูงขึ้นอยู่นิดหน่อย ส่วนด้านหน้าโครงการจะเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีตึกสูงเพียงตึกเดียวคือคอนโดคอมมอนเวลธ์ ปิ่นเกล้า สูง 22 ชั้น แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้จนบังวิวซะทีเดียวนะครับ ภาพมุมสูงของทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องพักอาศัยกันบ้างนะครับ Life ปิ่นเกล้า มีห้องให้เลือกหลายขนาดเช่นกัน โดยมีขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 26 ตร.ม. ไปจนถึงห้องขนาด 60.50 ตร.ม.ซึ่งเป็นขนาดใหญ่สุด สำหรับการอยู่อาศัยในลักษณะของครอบครัวมากยิ่งขึ้น แต่ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ในขนาด 35 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็น Highlight ของโครงการเลยทีเดียวครับ โดย Layout ของห้องนี้จะถูกจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้พิเศษมากขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์มากกว่าเดิม ด้วยพื้นที่ของ Walk in Closet ในห้องนอนที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้าวของได้มากขึ้น และเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าเดิม แน่นอนว่าพื้นที่ในส่วนนี้เจ้าของห้องยังสามารถปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องนอนเล็ก หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็ตามแต่ความจำเป็นใช้งานเลยครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ภายในห้องก็ถือว่าจัดสรรปันส่วนกันได้อย่างลงตัวมากๆ เลยทีเดียว เดี๋ยวไปดูตามรูปที่เก็บมาฝากกันเลยครับ แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาไม่ถือว่าใกล้กันเท่าไหร่ ด้านที่วางโซฟามีพื้นที่ให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้เลยนะครับ แถมยังมีที่เหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโต๊ะทำงานได้อีกด้วย ส่วนฝั่งชั้นวางทีวี เลยจาก Living Area เข้ามาด้านใน ฝั่งที่ติดกับชั้นวางทีวี จะเป็นส่วนครัวแบบเปิด พร้อมโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L ด้านล่างจะมีช่องวางเครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยม เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควัน ต่อมาเรามาดูห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องครัวกันต่อนะครับ อ่างล้างหน้าวางอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม วางอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ Shower Box จะอยู่ด้านในสุด เราออกไปมาดูที่ห้องนอนด้านนอกกันต่อนะครับ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของห้องนอนค่อนข้างกว้างพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียง 6 ฟุตลงไปแล้วยังมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือให้วางอย่างอื่นได้อีกนิดหน่อย หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่แบบนี้เลยนะครับ มีบานกระทุ้งเป็นบานเล็ก 1 บาน ที่เหลือจะเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้เดินได้ ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย คงต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนัง เหมือนในห้องตัวอย่างแทนนะครับ ถัดจากห้องนอนเข้าไปด้านในอีกหน่อย จะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ Walk in Closet บริเวณโต๊ะเครื่องแป้งจะมีช่องกระจกมองออกไปเห็นส่วนครัว ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านี้นะครับ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียง หันหน้าออกด้านนอก ใครที่กำลังสนใจโครงการ Life ปิ่นเกล้า อยู่ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้แล้วนะครับ ซึ่งนอกเหนือจากการซื้อไว้อยู่อาศัยเองแล้ว ทำเลในย่านจรัญฯ-ปิ่นเกล้า ยังนับว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพน่าเก็บสะสมไว้ลงทุนด้วยนะครับ เพราะนอกจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เป็นรูปเป็นร่างให้เห็นแล้ว ก็ยังมีโครงการทางด่วนในอนาคต (ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนสายตะวันตก) มาลงใกล้ๆ อีกด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้ศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีความพร้อมมากขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
a space ME บางนา : รีวิวคอนโด

a space ME บางนา : รีวิวคอนโด

a space ME บางนา คอนโด High Rise สูง 26 ชั้น ใกล้ MEGA Bangna พร้อมเข้าอยู่ จาก Areeya Property รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,290,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 26 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    3 - 1 - 17.1ไร่ จำนวนห้อง     945 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 378 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40% ที่ตั้งโครงการ    ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร/เดือน ค่ากองทุน    350 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง MEGA Bangna IKEA Tesco Lotus เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา พาราไดซ์ พาร์ค ซีคอน สแควร์ ไบเทค บางนา ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 และ 32.10 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก ร้านค้าในโครงการ 15 ยูนิต สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อมรอบโครงการ และบนดาดฟ้า ระบบ CCTV / Access Card สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1797 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.aspace.co.th
CHAMBERS CHAAN ลาดพร้าว-วังหิน : รีวิวคอนโด

CHAMBERS CHAAN ลาดพร้าว-วังหิน : รีวิวคอนโด

CHAMBERS CHAAN ลาดพร้าว-วังหิน คอนโดอารมณ์บ้าน บนถนนลาดพร้าววังหิน ใกล้แยกวังหิน โครงการใหม่จาก SC Asset รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,000,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    3 - 3 - 35 ไร่ จำนวนห้อง     317 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ  156 คัน หรือคิดเป็น 50% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    ปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2560 ค่าส่วนกลาง    45 บาท/ตารางเมตร/เดือน ค่ากองทุน    550 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง วัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนานิคม) Tesco Lotus Green Plaza Mini Big C ลาดพร้าววังหิน ตลาดวังหินยิ่งเจริญ Plaza Lagoon วัดลาดพร้าว ม.ราชภัฎจันทรเกษม โรงพยาบาล เปาโล เมโมเรียล โชคชัย 4 ตลาดโชคชัย 4 ตลาดลาดพร้าวสะพาน 2 เซ็นทรัลลาดพร้าว ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 26 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 29 – 31 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 40 – 44 ตารางเมตร 1 Bedroom CHAAN ขนาด 40 – 42 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 55 – 56 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby สระว่ายน้ำระบบเกลือ ห้องออกกำลังกาย สวนหย่อมรอบโครงการ สวนดาดฟ้า ชานพักผ่อนริมสระน้ำ ระบบ CCTV / Access Card สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1749 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.scasset.com
เดอะ ไลน์ ราชเทวี : รีวิวคอนโด

เดอะ ไลน์ ราชเทวี : รีวิวคอนโด

จากความร่วมมือของ แสนสิริ กับ BTS Group ได้ปล่อยคอนโดแบรนด์ เดอะ ไลน์ ออกมาแล้ว 2 โครงการ คือ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต และ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเปิดตัว วันนี้เราจะพาไปชมโครงการที่ 3 อย่าง เดอะ ไลน์ ราชเทวีกันครับ โครงการนี้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านราชเทวีกันเลยครับ เพียง 220 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี สามารถเดินได้สบายๆ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     6,900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 250,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 38 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    231 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 2 - 0 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 67% ที่ตั้งโครงการ    ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ สถานะโครงการ    EIA Approved เริ่มก่อสร้าง    เดือนธันวาคม 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนกันยายน 2561 ค่าส่วนกลาง    90 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    600 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ วิธีการเดินทาง สำหรับตัวโครง เดอะ ไลน์ ราชเทวี จะตั้งอยู่ปากซอยเพชรบุรี 18 ติดถนนเพชรบุรี ก่อนถึงแยกราชเทวีนิดหน่อย การเดินทางในวันนี้เราเลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS ดูจะสะดวกที่สุดในการเดินทางในย่านนี้ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ห่างจากตัวสถานี BTS ราชเทวีประมาณ 220 เมตรเท่านั้น ซึ่งอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ไม่ไกลจนเกินไป แผนที่โครงการ การเดินทางวันนี้เราขอให้รถไฟฟ้า BTS นะครับ เนื่องจากเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดแล้วในย่านนี้ มาลงที่สถานีราชเทวี ตามชื่อโครงการเลยครับ เราลงทางออกที่ 4 นะครับ ไปทางพันธ์ทิพย์พลาซ่าตามป้ายเลย ลงมาจากสถานีราชเทวีแล้ว จะเจอแยกราชเทวี เราเดินเลี้ยวขวาตามทางไปถนนเพชรบุรีเลยนะครับ จากแยกราชเทวีเดินตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งโครงการแล้วละครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ ล้อมรั้วไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัด ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ แต่อาจจะต้องทำใจเรื่องการจราจรกันสักหน่อย เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าในย่านนี้ การจราจรค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่ทีเดียว เริ่มจากด้านหน้าโครงการคือถนนเพชรบุรี ตัวโครงการจะตั้งอยู่ปากซอยเพชรบุรี 18 ก่อนถึงแยกราชเทวี ถ้ามาจากถนนราชดำริก็สามารถเลี้ยวซ้ายที่แยกประตูน้ำเข้าถนนเพชรบุรี แล้วตรงผ่านพันธุ์ทพย์ พลาซ่า ก่อนถึงโครงการ ส่วนถ้ามาจากทางถนนพญาไทฝั่งขาเข้า สามารถมาเลี้ยวซ้ายที่แยกราชเทวี แล้วไปกลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยกประตูน้ำกลับมาที่โครงการได้เช่นกัน แต่ถ้ามาจากถนนพญาไทฝั่งขาออก จะไม่สามารถเลี้ยวขวาที่แยกราชเทวีได้นะครับ ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพญานาคที่อยู่ข้างๆ โรงแรมเอเชีย ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงถนนบรรทัดทอง จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง ตรงไปอีกนิดเดียวก็จะออกถนนเพชรบุรี พอออกมาถึงถนนเพชรบุรีแล้วให้เลี้ยวขวาอีกทีนะครับ จากนั้นก็ตรงขึ้นสะพานข้ามแยกราชเทวีได้เลย การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเหมือนจะง่ายนะครับ แต่ค่อนข้างจะซับซ้อนสักหน่อย แยกไหนเลี้ยวได้ เลี้ยวไม่ได้ ต้องดูกันดีๆ หากไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวจริงๆ เลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS จะสะดวกสบายมากขึ้นเยอะเลยครับ เพียงสถานีเดียวก็ถึงศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งใจกลางกรุงเทพฯ อย่างสยามแล้ว สถานที่สำคัญใกล้เคียง พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า แพลทินั่ม ประตูน้ำ MBK สยาม พารากอน สยาม เซ็นเตอร์ สยาม สแควร์ สยาม สแควร์ วัน จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เซ็นทรัล เวิลด์ วิเคราะห์รอบโครงการ ภาพรวมของที่ตั้งโครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี ซึ่งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตรงช่วงซอยเพชรบุรี 18 ในตำแหน่งนี้มีเพื่อนบ้านใกล้ๆ เป็นคอนโดบ้านกลางกรุง สยาม-ปทุมวัน อยู่ทางทิศตะวันตก ทางทิศใต้มีคอนโด Low Rise ของ The Address ปทุมวัน แล้วก็มีอาคารของกรมการพลังงานทหารอยู่ทางทิศตะวันออกอีกตึก ส่วนในซอยเพชรบุรี 18 ก็มีอพาร์ทเม้นท์กับบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้บริเวณนี้จะค่อนข้างมีรถวิ่งผ่านไปมาพลุกพล่านตลอดทั้งวัน แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศยังค่อนข้างเหมาะกับการอยู่อาศัยเหมือนกันนะครับ ไหนจะเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่ถือเป็นจุดเด่นที่ทางโครงการเลือกมาเป็นประเด็นชูโรง ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้งสำคัญมากมายทั้งสยามสแควร์ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ ประตูน้ำ อนุสาวรีย์ชัยฯ King Power Duty Free เรียกว่าอยู่ในระยะที่เดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า 1-2 สถานีเท่านั้น  และแถมยังใกล้สถานศึกษาชื่อดังใจกลางเมืองอีก จึงทำให้โครงการนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยครับ BTS สถานีสยามจุดเชื่อมต่อของสายสุขุมวิทและสายสีลม ห่างจากสถานีราชเทวี เพียง 1 สถานี ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น เป็นอาคารเดี่ยวแต่ออกแบบมาให้ตัวอาคารเป็นทรงตัว L จนถึงชั้นที่ 31 ส่วนชั้นที่เลยขึ้นไปจะมีจำนวนห้องต่อชั้นน้อยลง และด้วยจำนวนยูนิตรวมที่มากถึง 231 ยูนิต ทางโครงการจึงใส่ใจเพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง และ Facility ต่างๆ ให้เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกบ้าน เริ่มตั้งแต่จำนวนที่จอดรถที่มากถึง 67% ซึ่งให้พื้นที่จอดตั้งแต่ชั้น 1-10 เลยทีเดียว แถมด้วยที่จอดรถอัจริยะ (Mechanical Parking) สำหรับผู้มาติดต่ออีก 16 คัน ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 11 ขึ้นไป​ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งของชั้นที่ 11 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ของ Facility หลัก ทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ พร้อม Outdoor Theater ริมสระว่ายน้ำ ในขณะที่พื้นที่บนชั้น 31 ส่วนหนึ่งจะเป็นห้องสมุดภายในอาคาร และห้องอ่านหนังสือที่จัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วน ถือว่าเป็น Co-working Space สำหรับนั่งทำงาน ประชุมงาน หรือติวหนังสือก่อนสอบได้เลย ซึ่งพื้นที่บนชั้นนี้มาพร้อมกับสวนกลางแจ้ง และวิวสีเขียวสวยๆ สบายตา และถ้าขึ้นไปที่ชั้น 38 ก็ยังมี Rooftop Garden ที่จัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นจุดชมวิวและที่พักผ่อนได้ในคราวเดียวกัน โมเดลของโครงการ ดูจาก Master Plan ของโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้า-ออกทางเดียว ด้านหน้าจะมี Drop off สำหรับรับ-ส่งลูกบ้าน ใกล้ๆ กันจะมีจุดจอดรถอัจฉริยะอยู่ด้วย ส่วนด้านในอาคารจะมี Lobby ขนาดใหญ่ ก่อนจะถึงโถงลิฟท์ ที่มีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว เป็นลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service Lift 1 ตัว ทางเข้าโครงการ หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G ตกแต่งได้อย่างหรูหราทีเดียวครับ จากชั้น G ขึ้นไปถึง 10 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด สามารถรองรับได้ประมาณ 67% ขึ้นมาที่ชั้น 11 จะเป็นชั้นเริ่มของห้องพักอาศัย ที่มีเพียง 5 ห้อง เนื่องจากส่วนหนึ่งจะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำและ ฟิตเนส ทำให้ห้องพักอาศัยของชั้น 11 จะมีเพดานสูงกว่าชั้นอื่นๆ อยู่ประมาณ 60 ซม. โมเดลจำลองฟิตเนสบนชั้น 11 ที่มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอก โมเดลจำลองของสระว่ายน้ำบนชั้น 11 ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำในเวลากลางวัน สระว่ายน้ำจะประดับด้วยสาย Fibre Optic พอถึงเวลากลางคืนจะมีแสงระยิบระยับให้บรรยากาศเหมือนว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวบนฟากฟ้า (งานมโนต้องมา ฮ่าๆๆ) นอกจากนั้นยังมี Outdoor Theater จอใหญ่ให้ได้ชมรายการต่างๆ เวลาเล่นได้อีกด้วย บรรยากาศห้องฟิตเนส ขึ้นมาที่ชั้น 13-29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีประมาณ 11 ห้องต่อชั้น พอถึงชั้นที่ 30 จำนวนห้องพักอาศัยจะลดลงเหลือเพียง 6 ห้อง เนื่องจากถูก Facility บนชั้น 31 กินพื้นที่ลงมาบางส่วน ชั้น 31 ห้องพักอาศัยจะเหลือเพียง 3 ห้อง และเป็นอีกชั้นหนึ่งที่มี Facility อยู่ด้วยทั้งห้องสมุด ห้องซักผ้า พร้อมกับพื้นที่พักผ่อนที่แยกกันอย่างเป็นสัดส่วน เชื่อมต่อไปออกถึงสวนสีเขียวด้านนอก Facility บนชั้น 31 ที่กินพื้นที่ลงมาที่ชั้น 30 ด้วย บรรยากาศภายในห้องสมุดบนชั้น 31 ของโครงการ โมเดลจำลองของสวนสีเขียวที่เชื่อมต่อกับห้องสมุดบนชั้น 31 ตั้งแต่ชั้น 32-37 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดอีกครั้งนะครับ แต่จำนวนห้องจะน้อยลงอีกเหลือเพียงชั้นละ 3-4 ยูนิตต่อชั้น เนื่องจากจะเป็นห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2-3 ห้องนอน และห้อง Penthouse มาถึงชั้นบนสุดของโครงการที่ชั้น 38 จะเป็น Rooftop Garden ให้ลูกบ้านได้ขึ้นมาชมวิวมุมสูงที่ชั้นดาดฟ้า ในส่วนของที่พักอาศัย ทางโครงการเน้นออกแบบให้เหมาะกับ Lifestyle คนเมือง ซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ห้องแบบ Studio ห้อง 1-3 Bedroom ไปจนถึงห้องแบบ Duplex และ Penthouse เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยในลักษณะต่างๆ ทั้งแบบเดี่ยว หรืออาศัยกันทั้งครอบครัวก็สามารถเลือกแบบห้องได้ตามต้องการ แถมทางโครงการยังจัดขายห้องมาแบบ Semi Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in วัสดุคุณภาพมาให้เสร็จสรรพ ห้องที่ได้มาจึงแทบจะไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มมากนักก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ภายในห้อง เดี๋ยวเราไปดูในห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเตรียมไว้ตอนนี้มีด้วยกัน 2 แบบ คือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 34.25 ตร.ม และห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 59 ตร.ม. เราเริ่มต้นกันที่ห้อง 1 Bedroom กันก่อนนะครับ พอเปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกับครัวและพื้นที่นั่งเล่นก่อน โดยที่พื้นที่ของห้องนอนจะแยกไว้เป็นสัดส่วน การจัดวาง Layout ของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องค่อนข้างทำได้ดีเลยทีเดียว ยิ่งในห้องตัวอย่างนี้เป็นแบบห้องที่อยู่ในตำแหน่งห้องมุมของอาคาร จึงได้หน้าต่างเพิ่มขึ้นมาที่ผนังด้านข้างด้วย ทำให้ห้องนี้รับแสงและเห็นวิวได้มากขึ้น แปลนห้อง Type 1E ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 34.25 ตารางเมตร ที่นี่จะให้ Digital Door Lock รุ่น push and pull ของ Samsung ที่ใช้ได้ 3 ระบบทั้ง Key Card , Password และ กุญแจไข เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ด้านหน้า มองตรงเข้าไปด้านในถึงจะเป็น Living Area พื้นที่ส่วนครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาว ส่วนพื้นที่ Living Area จะเป็น Engineering Wood สีไม้โอ๊ค ครัวที่อยู่ด้านหน้าห้องจะเป็นแบบเปิดนะครับ ตัวท็อปครัวจะเป็นกระเบื้องหินแกรนิต Black Galaxy ด้านซ้ายมือจะเป็นซิงค์ล้างจานทรงสีเหลี่ยมของ MEX ด้านขวาเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมกันฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านบนจะเป็นตู้ลอยติดผนัง ห้องจริงจะได้หน้าบานเป็นกระจกแบบนี้เลยนะครับ เปิดเข้าไปก็จะเป็นที่เก็บจาน ชาม ช้อน ส้อม ด้านล่างจะเป็นจุดวางไมโครเวฟและตู้เก็บของ ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีโต๊ะอเนกประสงค์ ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ใช้เป็นโต๊ะทานอาหารก็สะดวกดีนะครับ แต่เก้าอี้โครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามครัวจะเป็นจุดวางตู้เย็น และตู้เก็บของที่โครงการ Built in มาให้ ตู้ที่ได้มานี่สารพัดประโยชน์เลยนะครับ เก็บได้ทั้งไม้กวาด ไม้ถูพื้น รองเท้า ไปจนถึงของเล็กๆ น้อยๆ ถัดจากส่วนครัวเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ด้านชั้นวางทีวีโครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง โซฟาที่โครงการจัดวางมาให้ดูเป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง ทำให้ด้านข้างมีที่ว่างเหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟ ส่วน Living Area จะให้แอร์ฝั่งฝ้าแบบนี้นะครับ ทำให้เพดานตรงส่วนครัวถูกดรอปลงมาเหลือ 2.5 เมตร ในขณะที่เพดานในส่วน Living Area จะสูง 2.75 เมตร ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน แบบ Full High Window พื้นที่บริเวณระเบียงจะกว้างประมาณ 1 เมตร ที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่นอกเบียงนี่นะครับมี Grill กั้นอย่างเป็นสัดส่วน คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเครื่องซักผ้าอีกที เรากลับเข้ามาดูที่ห้องนอนกันต่อเลยนะครับ ภายในห้องนอนสามารถเลือกวางเตียง 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยนะครับ เพราะมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควร ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะทำงานเลยทีเดียว แต่โครงการวางให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ นะครับ ไม่ได้แถมให้ด้วย ส่วนหน้าต่างจะได้บานประมาณนี้นะครับ ที่เห็นเป็นกระจกข้างๆ หน้าต่างนั่นไม่ใช่ตู้เก็บของนะครับ แต่เป็นส่วนของที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่ยื่นเข้ามาในห้องนอน หน้าต่างจะเป็นบาน Fix บานใหญ่เลยนะครับ พื้นที่ปลายเตียงจะเหลืออยู่นิดหน่อยให้พอเดินได้ ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอน ก็คงต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทนนะครับ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า และทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าโครงการจะ Built in มาให้ด้วยนะครับ เป็นตู้สูงถึงเพดานห้องเลย หน้าบานจะเป็นกระจกสีชาแบบที่เห็นนี่เลยครับ ติดกับตู้เสื้อผ้าจะมีชั้นวางของเล็กๆ พร้อมกับกระจกเงาที่สามารถปิด-เปิด ได้ ช่วยให้ดูเรียบร้อยขึ้น เราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อนะครับ ภายในห้องน้ำจะปูด้วยหินแกรนิต Misty Grey ทั้งห้องเลยนะครับ ทั้งพื้นและผนัง จะมีความแตงต่างกันตรงที่ผิวของกระเบื้อง บริเวณผนังห้องจะมีผิวขรุขระให้ความรู้สึกเหมือนหินจริงๆ ส่วนที่พื้นจะเป็นผิวเรียบ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Cotto ตัวเคาน์เตอร์จะเป็นหินแกรนิตเหมือนที่ปูผนังห้องน้ำ กระจกเงาจะได้บานสูงแบบนี้เลยนะครับ โถสุขภัณฑ์จะได้เป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะของ Cotto รุ่น The Tunio มีฟังก์ชัน Automatic Flushing Sensor พร้อมกันรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ที่ให้มาพร้อมทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ของ Cotto ชุดฝักบัวของ Cotto มาพร้อมกับ Rain Shower ของ Cotto เหมือนกัน ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้อง คือ ห้องแบบ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายในห้องกว้างขวางมากขึ้น ด้วยลักษณะของห้องเป็นห้องหน้ากว้างนะครับ เด่นที่พื้นที่ระเบียง ที่จะติดตั้งกระจกกั้นไว้สองชั้น คือชั้นแรกเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อออกสู่ระเบียง ซึ่งกระจกชั้นที่สองจะติดตั้งเต็มพื้นที่ด้านนอก โดยติดตั้งเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อเปิดระบายอาการและรับลมจากด้านนอก ซึ่งห้องแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไปจะได้ระเบียงแบบนี้ทั้งหมดนะครับ แปลนห้อง Type 2B-1 ขนาด 59 - 59.75 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ด้านข้างประตูห้องจะมีตู้เก็บของ เก็บรองเท้า เราไปดูด้านขวามือกันก่อนนะครับ ด้านขวามือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ซึ่งจะคล้ายๆ กับห้อง 1 ห้องนอนที่เราดูมาเมื่อกี้เลยนะครับ แต่ห้องนี้จะได้ครัวใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย พื้นบริเวณส่วนครัวจะเป็นกระเบื้องเซรามิคสีขาว ส่วน Living Area จะเป็นพื้น Engineering Wood สีไม้โอ๊ค เหมือนห้อง 1 ห้องนอนเมื่อสักครู่ เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L ตัวท็อปจะเป็นกระเบื้องหินแกรนิต Black Galaxy เหมือนกัน ด้านบนก็จะเป็นตู้ลอยเก็บของ ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยมของ MEX เตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมกับฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ พร้อมจุดวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ที่วางตู้เย็นจะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัว ขยับออกมาทาง Living Area จะเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหาร ขนาด 4 ที่นั่ง อยู่ตรงกลางระหว่างครัวกับ Living Area มุมมองจาก Living Area ไปที่ส่วนครัวที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้อง ถัดจากส่วน Dining Area เข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area Living Area ของห้อง Type นี้ ถือว่ากว้างขวางเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่ากว้างพอสมควร สามารถวางทีวีจอใหญ่ๆ ได้บายๆ โครงการเลือกวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งให้ดูนะครับ แต่จริงๆ แล้วมีพื้นที่เหลือพอให้วางโซฟา 4 ที่นั่งได้เลย ด้านชั้นวางทีวี โครงการ Built in มาให้เป็นเป็นเคาน์เตอร์ยาวสีดำ ติดกับ Living Area เข้าไปด้านในจะเป็นระเบียง ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงของห้องจริงจะกว้างกว่าที่เราเห็นนี้ประมาณ 15 ซม. นะครับ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องโครงสร้างทำให้โครงการทำขนาดเท่าห้องจริงไม่ได้ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงเหมือนเดิมนะครับ มี Grill กั้น ให้เรียบร้อย จะสังเกตว่าที่ระเบียงจะมีกระจกกั้นอีก 1 ชั้นนะครับ เพราะห้องแบบ 2 ห้องนอน เกือบทั้งหมดจะอยู่ทิศใต้ หันไปทางวังสระปทุม จึงต้องมีกระจกกั้นไว้อีกชั้น ซึ่งจะเป็นบานกระทุ้ง 3 บาน สามารถเปิดได้ประมาณ 30 องศา เรากลับเข้ามาดูด้านในกันต่อ จาก Living Area จะเป็นทางเดินเข้าไปที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องและห้องน้ำ ห้องแรกจะเป็นห้องนอนเล็ก พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้นะครับ ถ้าจะวางทีวีไว้ในห้องนอน อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน พื้นที่ในห้องนอนเล็กค่อนข้างกว้าพอสมควรนะครับ สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้เลย หน้าต่างภายในห้องนอนเล็กจะได้บานใหญ่เลยนะครับ แต่จะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in บานสูงขึ้นไปจนถึงเพดาน เปิดตู้เสื้อผ้าออกมาแล้ว หน้าตาจะประมาณนี้นะครับ ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำเล็ก สุขภัณฑ์ที่ใช้และการวาง Layout ในห้องน้ำจะเหมือนกับห้อง 1 ห้องนอนที่เราดูมาแล้วนะครับ แต่ห้องน้ำเล็กห้องนี้จะไม่ได้โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Cotto พร้อมกับกระจกเงาบานสูง อย่างที่บอกนะครับ โถสุขภัณฑ์ของห้องน้ำเล็กจะเป็นแบบธรรมดา ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ชุดฝักบัวของ Cotto พร้อมกับ Rain Shower ของ Cotto เช่นกัน จากห้องน้ำเล็ก เราเข้ามาดูที่ห้องนอน Master พื้นที่ในห้องนอน Master ค่อนข้างใหญ่เลยนะครับ วางเตียง 6 ฟุตเข้าไปแล้วยังมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลืออีกพอสมควร ด้านปลายเตียงโครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีพร้อมกับที่เก็บของ หน้าต่างในห้องนอนใหญ่ก็จะเหมือนกับในห้องนอนเล็กนะครับ คือจะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า Built in อยู่มุมห้อง ติดกับทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าจะคล้ายๆ กับของห้อง 1 ห้องนอนนะครับ หน้าบานเป็นกระจกสีชา มีชั้นวางของอยู่ด้านข้าง สุดท้ายเราไปดูที่ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ การจัดวางสุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องน้ำเล็กเมื่อสักครู่นะครับ แต่ห้องนี้จะได้โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะด้วย โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะของ Cotto พร้อมกันรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส ติดกับโถสุขภัณฑ์จะเป็น Shower Box พร้อมชุดฝักบัวของ Cotto และ Rain Shower ยี่ห้องเดียวกัน มุมมองจากห้องนอนใหญ่ออกไปที่ Living Area สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ทางโครงการก็มีห้องแบบ 3 Bedroom และ Penthouse ให้เลือก 3 Type ด้วยกันนะครับ คือ 3 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 85 ตร.ม. 3 Bedrooms 3 Bathrooms ขนาด 105 ตร.ม. Penthouse ขนาด 119.50 ตร.ม. ซึ่งการออกแบบก็ตอบโจทย์ให้พื้นที่ใช้สอยที่เป็นส่วนตัวกับสมาชิกทุกคน รวมถึงการ Upgrade วัสดุอุปกรณ์บางชิ้นให้สูงขึ้นด้วยถึงแม้ว่าโดยรวมทางโครงการจะเลือกใช้วัสดุแบรนด์คุณภาพ หรือวัสดุนำเข้าอยู่แล้วก็ตาม อย่างตัวอย่างของวัสดุอุปกรณ์ที่ถูก Upgrade ขึ้นมาก็เช่น ในส่วนครัวเตาไฟฟ้าจะได้เป็นเตา 4 หัว พร้อมฮูดดูดควันของ Küppersbusch ซึ่งเป็นแบรนด์นำเข้าจากเยอรมัน เช่นเดียวกับซิงค์ล้างจานที่เพิ่มมาเป็น 2 หลุม นอกจากนั้นจะมีตู้เย็นและไมโครเวฟ Built in ของ Foster แบรนด์จากอิตาลีเพิ่มมาให้อีกด้วย ส่วนห้องน้ำทุกห้องให้เป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะ Cotto รุ่น The Tunio ที่มีฟังก์ชันสุดล้ำ Automatic Flushing Sensor และรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส และยังได้ความเป็น private มากขึ้น เพราะเป็น High Floor เริ่มตั้งแต่ชั้น 31 -37 มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อย ที่สำคัญวิวที่ได้รับจะเป็นวิวเมือง เปิดโล่ง มุมสูง แปลนห้อง Type 3A 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 85 ตารางเมตร แปลนห้อง Type 3B 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 105 ตารางเมตร แปลนห้อง Penthouse (3 ห้องนอน) ขนาด 119.50 ตารางเมตร ด้วยทำเลที่จัดว่าได้เปรียบเรื่องศักยภาพในด้านต่างๆ ทั้งการเดินทางที่สะดวก แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีสาธารณูปโภคครบครัน โครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี จึงเป็นที่น่าจับตา และน่าสนใจทั้งในแง่ของการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อการลงทุน แถมตัวโครงการเองก็ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองด้วย ใครที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างพร้อมพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับพนักงานขายได้ที่ THE LINE Sales Centre (BTS หมอชิต) โดยโครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี จะเปิดจองในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย.นี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/condominium/theline_ratchathewi หรือ โทร.1685
The Trust Condo@BTS Erawan : รีวิวคอนโด

The Trust Condo@BTS Erawan : รีวิวคอนโด

The Trust Condo@BTS Erawan คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น บนถนนสุขุมวิท ติด BTS พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จาก Q House รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,790,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    7 - 2 - 84.1 ไร่ จำนวนห้อง     1,570 ยูนิต ที่จอดรถ    476 คัน ที่ตั้งโครงการ    ถนนสุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สถานที่สำคัญใกล้เคียง พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โลตัส ศรีนครินทร์ บิ๊กซี สำโรง บิ๊กซี สมุทรปราการ อิมพิเรียล เวิลด์ สำโรง ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 23.50 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส สวนพักผ่อนธรรมชาติสไตล์รีสอร์ท ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. กล้อง CCTV Access Card เข้า-ออก เฉพาะชั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1388, 02-380-6000, 087-606-4334 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.qh.co.th
The Residences@Mandarin Oriental Bangkok : รีวิวคอนโด

The Residences@Mandarin Oriental Bangkok : รีวิวคอนโด

The Residences@Mandarin Oriental Bangkok คอนโดหรูระดับ Super Luxury ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา  อีกหนึ่งโครงการในโปรเจค ICONSIAM ภายใต้แบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 350,000 บาทต่อตารางเมตร เจ้าของโครงการ   บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 52 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     146 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 350 คัน พื้นที่โครงการ    ประมาณ 4.9 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2561 สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน โรงแรมเพนนินซูล่า ท่าเรือสี่พระยา โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ลักษณะห้องและขนาดห้อง 2 Bedroom  ขนาด 127.87 - 165.40 ตารางเมตร 3 Bedroom  ขนาด 222.21 - 228.88 ตารางเมตร Penthouse  ขนาด 380.93 - 383.98 ตารางเมตร Penthouse Duplex  ขนาด 386.12 - 707.28 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Club House Business Center Lounge Infinity-edge Lap Pool Fitness Center สนามกอล์ฟจำลอง ห้องเล่นเกม ระบบจอดรถอัตโนมัติ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-118-2211 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.iconsiam.com
Supalai Loft @ สถานีแคราย : รีวิวคอนโด

Supalai Loft @ สถานีแคราย : รีวิวคอนโด

Supalai Loft @ สถานีแคราย คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น บนถนนติวานนท์ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีแคราย โครงการใหม่จาก ศุภาลัย รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1 ล้านกว่าบาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 33 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    ประมาณ  2-0-34.5 ไร่ จำนวนห้อง     422 ยูนิต / ร้านค้า 2 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ    ถนนติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี สถานที่สำคัญใกล้เคียง ไปรษณีย์นนทบุรี MRT สถานีแคราย เทสโก้ โลตัส รัตนาธิเบศร์ เอสพลานาด รัตนาธิเบศร์ ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี สถาบันโรคทรวงอก กระทรวงสาธารณสุข บิ๊กซี เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 32- 35 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 46- 49 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 56.5- 68 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Meeting Room บริเวณ lobby  ชั้น 1 สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ห้องน้ำส่วนกลาง ชั้น8  ( สระว่ายน้ำ) พร้อมห้องออกลังกาย (Fitness) สวนชั้นล่าง, สวนชั้นสระว่ายน้ำและสวนชั้นดาดฟ้า(สวนพักผ่อน)  Roof  Garden รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1720 กด 79 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.supalai.com
THAN Living รัชดา-วงศ์สว่าง : รีวิวคอนโด

THAN Living รัชดา-วงศ์สว่าง : รีวิวคอนโด

THAN Living รัชดา-วงศ์สว่าง คอนโด High Rise สูง 28 ชั้น บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ห่างจาก MRT วงศ์สว่างเพียง 200 เมตร โครงการใหม่จาก กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,200,000 บาท (เดือนสิงหาคม 2558) เจ้าของโครงการ    บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 28 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     707 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ    ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT วงศ์สว่าง บิ๊กซี วงศ์สว่าง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom - 2 Bedroom ขนาด 28 - 80 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก สวนพักผ่อน Sky Lounge ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. กล้อง CCTV สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-275-8888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.siralai.com
Menam Residences : รีวิวคอนโด

Menam Residences : รีวิวคอนโด

Menam Residences (แม่น้ำ เรสซิเดนซ์) คอนโดหรูสูง 54 ชั้น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ Asiatique รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    8,100,000 บาท (เดือนสิงหาคม 2558) ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 180,000 บาท เจ้าของโครงการ    Menam Residences Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 54 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     294 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   5 - 0 - 58 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2559 ที่จอดรถ    ประมาณ 350 คัน คิดเป็น 120% ค่าส่วนกลาง    60 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    600 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีสะพานตากสิน Asiatique โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน Homepro พระราม 3 Vanilla Moon โรบินสัน บางรัก เซ็นทรัล พระราม 3 เทสโก้ โลตัส พระราม 3 โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 44.5 - 60 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 63 - 99 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 120.5 - 160 ตารางเมตร Duplex Penthouse ขนาด 262 - 287 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำที่ชั้น 10 + Jacuzzi ห้องออกกำลังกาย ห้องเด็กเล่น สนามเด็กเล่น Steam / Sauna Indoor / Outdoor Onsen ห้องสมุด Reflective Pool สวนใหญ่หน้าโครงการ พร้อม Pool + Pavillion Sky Lounge ที่ชั้น 41 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-688-2002 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.menamresidences.com
Chewathai Residence Bang Pho : รีวิวคอนโด

Chewathai Residence Bang Pho : รีวิวคอนโด

รีวิววันนี้ เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ความน่าสนใจของโครงการนี้นอกจากจะเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบางโพแล้ว ยังเป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ที่อยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 ในช่วงที่ใกล้มากพอจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ พร้อมกับการออกแบบที่เน้นความหรูหรา ในสไตล์ Modern Contemporary และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่าคอนโดอื่นๆ ในทำเลเดียวกัน ซึ่งขณะนี้โครงการได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วนะครับ และจะเปิด Pre-Sales ในวันที่ 26-27 กันยายนนี้แล้วด้วย ใครสนใจก็อย่าลืมแวะไปชมกันนะครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,900,000 บาท (เฉพาะช่วง Pre-Sales เท่านั้น) ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 125,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 24 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     172 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 1 - 94.3 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 80% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    เดือนกันยายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2560 วิธีการเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้ เราเริ่มจากถนนรัชดาภิเษกก่อนถึงแยกประชานุกูล วิ่งมาตามถนนรัชดาภิเษกมาที่แยกวงศ์สว่าง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งมาจนสุดที่แยกเตาปูนแล้วเลี้ยวขวา เพื่อเข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ก่อนจะถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 เล็กน้อย เราก็จะเห็นที่ตั้งของโครงการชีวาทัยบางโพอยู่ทางด้านซ้ายมือ ติดกับที่ทำการไปรษณีย์ ส่วนสำนักงานขายตอนนี้จะแยกตัวไปอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้ามนะครับ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลบางโพ รับรองว่าหาไม่ยากครับ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นกันตรงถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปทางวงศ์สว่าง ข้างหน้าเราจะเป็นแยกประชานุกูล ตรงนี้มีทางเลือก 2 ทางนะครับ จะตรงไปขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล เพื่อไปทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ก็ได้ หรือจะเลี้ยวซ้ายที่แยกประชานุกูล เพื่อไปทางถนนประชาชื่น ก็ได้ เราเลือกตรงขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล เพื่อไปเข้าทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี พอลงสะพานข้ามแยกมาแล้ว ให้ค่อยๆ ชิดซ้ายไว้นะครับ ข้างหน้าจะมีอีก 1 สะพาน เป็นสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง เราไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ เพราะเราจะต้องเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ไปทางเตาปูนตามป้าย ชิดซ้ายไว้ ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ จากนั้นเรามาเลี้ยวซ้ายที่แยกวงศ์สว่าง พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรีแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ เลยครับ ผ่านแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง ด้านขาวมือตอนเย็นๆ จะมีตลาดสยามยิปซี เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเตาปูน ข้างหน้าจะเป็น MRT สถานีเตาปูน เป็นสถานี Interchange เชื่อมต่อสายสีน้ำเงินกับสายสีม่วง ที่กำลังจเปิดให้บริการในปลายปีนี้แล้ว ตรงนี้เราต้องเลี้ยวขวาไปทางบางโพ ตามป้าย เลี้ยวขวาลอดใต้สถานีเตาปูน เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางบางโพ เลี้ยวขวามาแล้วจะเห็นโครงการชีวาทัย Interchange ที่อยู่ติดกับสถานีเตาปูน จากแยกเตาปูนเราตรงมาตามถนนประชาราษฎร์สาย 2 เรื่อยๆ ตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดกับไปรษณีย์บางโพ (ที่ไฮท์ไลท์สีเขียวไว้นะครับ) ก่อนถึงแยกบางโพนิดหน่อย ส่วนสำนักงานขาย จะไม่ได้ตั้งอยู่ที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้างโครงการนะครับ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยโรงพยาบาลบางโพไปนิดหน่อย สำหรับการเดินทางมายังโครงการ นอกจากจะใช้รถส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่แพ้กัน ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวัน ที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็จะเปิดให้บริการ การเดินทางมายังโครงการก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะมีสถานีรถไฟฟ้าบางโพอยู่ห่างจากหน้าโครงการออกไปเพียง 80 เมตรเท่านั้น สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีบางโพ โรงพยาบาลบางโพ ตลาดบางโพ ตลาดเตาปูน เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น บิ๊กซี วงศ์สว่าง รัฐสภา แห่งใหม่ โรงเรียนโยธินบูรณะ วิเคราะห์รอบโครงการ ทำเลที่ตั้งของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ต้องบอกว่าอยู่ในทำเลที่น่าสนใจเลยทีเดียว ทั้งเรื่องที่มีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ ห่างจากสี่แยกออกไปไม่ไกล สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลายเส้นทาง และยังได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ อีกด้วย ขณะเดียวกันบรรยากาศในบริเวณรอบๆ โครงการยังคงมีความเป็นชุมชนเก่า มีตลาดสด ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล วัด และสถานที่ราชการแวดล้อมอยู่หลายแห่ง เลยไม่ต้องกลัวว่าจะเงียบเหงาเลย ในขณะเดียวกันถ้าต้องการออกไปช๊อปปิ้ง ทำเลที่ตั้งของโครงการก็ไม่ได้อยู่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ มากนัก เช่น สวนจตุจักร เจเจกรีน ห้างเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ รวมถึงย่านฮิปๆ แถวอารีย์เลย ซึ่งสามารถเดินทางรอบเมืองได้ด้วยเส้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่วิ่งเป็น loop เพียงสายเดียวเท่านั้น สำหรับตัวโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น บนพื้นที่ขนาด  1 ไร่เศษ ริมถนนประชาราษฎร์ ไม่ต้องเข้าซอยอีกให้ยุ่งยากครับ คอนเซปต์การออกแบบของโครงการนี้เน้นมาในสไตล์ Modern Contemporary ชูความต่างจากโครงการอื่นๆ ในเครือชีวาทัย ด้วยขนาดของห้องที่กว้างขวาง และเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตรวมเพียง 172 ยูนิตเท่านั้น ในแต่ละชั้นก็มีจำนวนห้องน้อยมาก แถมห้องส่วนใหญ่จะเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเต็มๆ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ Master Plan ของโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้าออกทางเดียว คือด้านถนนประชาราษฏร์สาย 2 ถนนรอบโครงการเป็นแบบ One Way ที่ชั้น 1 จะประกอบไปด้วย Main Lobby, Business Lounge, Mail Box และโถงลิฟท์ แบ่งเป็นลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว ส่วนที่จอดรถก็เริ่มที่ชั้น 1 ขึ้นไปถึงชั้น 6 เลยนะครับ รวมแล้วจอดได้ประมาณ 80% Lobby หรูหราที่ชั้น 1 ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 7 ชั้น 8-15 แปลนจะคล้ายๆ กับชั้น 7 นะครับ มีห้องพักอาศัยประมาณ 12 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 17-20 จำนวนห้องพักจะลดลงเหลือ 10 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นสูงสุดของห้องพักอาศัยที่ชั้น 21-22 จะมี 7 ยูนิตต่อชั้น และมีห้อง Penthouse อยู่ชั้นละ 2 ยูนิต หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ทางด้านของ Facility ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ก็ต้องบอกว่าเต็มที่เลยทีเดียว ซึ่ง Facility หลักจะรวมอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ทั้งสระว่ายน้ำแบบ River View Sky Lap Pool, Panoramic Fitness, Steam Room, Sky Garden, Business Lounge และ Pocket Garden รวมถึงเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ระบบ Elevators Access Control มี Key Card ล็อคชั้น มีกล้อง CCTV และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้เรื่องที่จอดรถก็จัดมาให้มากถึง 80% เลยนะครับ ถือว่าเยอะมากๆ สำหรับคอนโดที่มีทำเลติดรถไฟฟ้าแบบนี้ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้นบนสุดคือชั้น 23-24 ที่ชั้น 23 จะเป็นสระว่ายน้ำและส่วนลอยฟ้า ส่วนที่ชั้น 24 จะเป็นฟิตเนส บรรยากาศสระว่ายน้ำและฟิตเนส บนชั้นดาดฟ้าของโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวก Main Lobby Panaromic Fitness Mailbox Room Pocket Garden River View Sky Lap Pool Steam Room Business Lounge Sky Garden 24 hr. Security Guards CCTV พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ชมด้วยกัน 2 แบบครับ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 42.50 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 78.50 ตร.ม. โดยที่ห้องทั้งหมดจะขายให้แบบ Fully Furnished เลยนะครับ ชุดเฟอร์นิเจอร์จะเป็นแบบสั่งทำยี่ห้อ Starmark ทั้งหมด ทั้งหน้าตา สีสันก็สวยงาม เรียบหรูมากๆ เดี๋ยวเราไปชมในห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องกันเลยดีกว่าครับ Type B1 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 42.5 ตารางเมตร บานประตูลายไม้ ประตูจะเป็น Digital Door Lock ของ Yale เข้ามาด้านในแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ มองตรงไปด้านในถึงจะเป็น Living Area ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เชื่อมตัวกับโต๊ะอาหาร ขนาด 2 ที่นั่ง หันหน้าเข้าหาครัว ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ค่อนข้างลึกพอสมควร ตู้ด้านล่างซิงค์ล้างจาน พร้อมถังขยะ ขยับมาอีกหน่อยจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Take ด้านบนจะเป็นฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องวางเตาอบ ตู้ลอยเก็บของด้านบน ภาพรวมของส่วนครัวด้านหน้าห้อง ส่วนฝั่งตรงข้ามครัว จะเป็นทางเข้าห้องน้ำ และเป็นจุดที่วางตู้เย็นอยู่ข้างๆ ติดกับตู้เย็นมีตู้เก็บรองเท้าให้ด้วย ด้านในห้องน้ำส่วนแรกจะเป็นอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ฝั่งตรงข้ามเป็นโถสุขภัณฑ์ จากห้องน้ำตรงนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน เพื่อเข้าไปยังห้องอาบน้ำด้านใน เลยเข้ามาด้านในอีกจะเป็นส่วนอาบน้ำ มีอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาให้อีก 1 จุด อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม รอบๆ ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ติดกับอ่างล้างหน้าจะเป็นอ่างอาบน้ำ อีกฝั่งจะเป็น Shower Box ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto มุมมองจากห้องอาบน้ำออกไปถึงส่วนครัวด้านนอก คราวนี้เราออกมาดูที่ Living Area กันต่อ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรนะครับ สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้เลย โซฟาที่โครงการวางมาให้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อีกด้านโครงการ Built in ชั้นวางทีวี ขนาดพอดีกับผนัง Living Area จะอยู่ติดกับระเบียง ขนาดของระเบียงกว้างประมาณนี้นะครับ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จาก Living Area เราเข้าไปดูห้องนอนกันต่อ ห้องนอนถือว่าใหญ่พอสมควรนะครับ สามารถวางเตียง King Size ได้เลย ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย แนะนำเป็นทีวีแบบแขวนผนังจะดีกว่าครับ ส่วนหน้าต่างด้านในจะเป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานกระทุ้ง 2 บานข้างๆ ข้างเตียงอีกด้านโครงการจัดวางเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ต่อจากโต๊ะทำงานเข้าไปจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Walk in closet ข้างๆ ตู้เสื้อผ้าจะเห็นประตูบานเลื่อน เป็นทางเข้าห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง ต่อมาเรามาดูกันที่ห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 78.5 ตารางเมตร กันต่อ เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ การวาง Lay Out ส่วนนี้จะคล้ายๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่เราดูมาเมื่อกี้เลย ด้านซ้ายมือจะเป็นตู้สูงไว้สำหรับเก็บรองเท้า ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เตาไฟฟ้าจะได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกเป็นเตาแบบ 4 ตัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ขยับมาอีกจะเป็นซิงค์ล้างจาน ห้องนี้จะได้ 2 หลุมเลยนะครับ ด้านบนก็เป็นตู้ลอยเก็บของ จุดวางตู้เย็นจะอยู่ใกล้ๆ กับไมโครเวฟและเตาอบ ภาพรวมๆ ของส่วน Dining Area มีโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง เป็น Island อยู่ตรงกลาง ถัดเข้าไปด้านในเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่ากำลังดีเลยนะครับ สามารถเลือกวางทีวีจอใหญ่ได้เลย โซฟาที่โครงการจัดมาให้เป็นขนาด 3 ที่นั่ง และเก้าอี้อาร์มแชร์อีก 1 ตัว ด้านชั้นวางทีวีเป็นตู้ Built in ยาวไปจรดกับตู้เก็บรองเท้า ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ฝ้าบริเวณนี้โครงการจะทำเป็นร่องไว้สำหรับซ่อนรางผ้าม่านให้ด้วยนะครับ ขนาดของระเบียง จาก Living Area เราเดินเข้าไปดูห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ ห้องนอนแรกเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ติดกับ Living Area ขนาดของห้องนอนเเล็ก เมื่อวางเตียง 5 ฟุต ลงไปแล้วจะเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงนิดหน่อย ปลายเตียงมีที่เหลือให้เดินได้สะดวก และโครงการยังได้ Built in ชั้นวางทีวีเล็กๆ มาให้ด้วย หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ เป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานกระทุ้งบานเล็ก 2 บานอยู่ข้างๆ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า หน้าบานเป็นบานกระจกแบบในรูปเลยครับ จากห้องนอนเล็กเราเดินต่อเข้าไปด้านใน ก่อนถึงห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำเล็ก 1 ห้อง สุขภัณที่ใช้จะเหมือนกับห้องน้ำของห้อง 1 ห้องนอน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมมาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box จะประมาณนี้นะครับ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนดูอึดอัด ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto เหมือนกัน ติดๆ กับห้องน้ำเล็กก็จะเป็นห้องนอนใหญ่ ห้องนอนใหญ่นี่กว้างขวางดีเลยครับ โครงการจัดเตียง King Size มาให้ พื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลืออีกเยอะพอสมควร ปลายเตียง Built in เป็นชั้นวางทีวียาวไปเป็นโต๊ะทำงานด้วย หน้าต่างในห้องนอนใหญ่จะเหมือนกับหน้าต่างในห้องนอนเล็กนะครับ ข้างเตียงอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า ดีไซน์จะเหมือนกับตู้เสื้อในห้องนอนเล็ก แต่ขนาดจะใหญ่กว่า ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวอีก 1 ห้อง ซึ้งขนาดจะใหญ่กว่าห้องน้ำข้างนอกเยอะเลยครับ โถสุขภัณฑ์จะแยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วน เป็นห้องเล็กๆ กั้นด้วยประตูกระจก อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ยาวมี 2 อ่าง กระจกเงาก็ได้ 2 บาน ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box จะพอๆ กับห้องน้ำเล็กข้างนอก ชุดฝักบัวกับ Rain Shower ก็จะเหมือนๆ กัน ด้านในสุดจะเป็นอ่าง Jacuzzi บริเวณอ่าง Jacuzzi จะเป็นกระจกรอบด้านเลยนะครับ เวลานอนแช่น้ำในอ่างได้ชมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย ในช่วงแรกที่มีการเปิดขายนี้จะมีโปรโมชั่นพิเศษ แถม Motion Sensor, Digital Door Lock ของ Yale และ Water Heater ในห้องมาให้ด้วย อันนี้สามารถไปต่อรองและคุยกับเซลล์ที่สำนักงานขายกันได้ครับ เท่าที่รู้มาโครงการนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยนะครับ รีบเข้าไปดูห้องตัวอย่างประกอบการตัดสินใจก่อนหน่อยก็ดีครับ เพราะจำนวนห้องมีน้อย พลาดห้องสวยๆ ไปแล้วจะเสียดายครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 14/08/2558 1 Bedroom จอง 30,000 บาท ทำสัญญา 70,000 บาท 2 Bedroom จอง 50,000 บาท ทำสัญญา 150,000 บาท ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตร ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาทุกคนไปดูโครงการใหญ่จาก J.S.P. Property บนทำเลที่ถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ ชื่อว่า “สำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม” ซึ่งเป็นส่วนของที่พักอาศัยในหมู่อาคาร High Rise รวม 7 ตึก โดยพื้นที่ใกล้ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของโครงการสำเพ็ง 2 เซ็นเตอร์ และสำเพ็ง 2 พลาซ่า ที่ถือเป็นพื้นที่รวมร้านค้าขนาดใหญ่ และคาดว่าจะเป็นแหล่งการค้าที่สำคัญอีกแห่งของย่านนี้เลยก็ว่าได้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,100,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 48,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   High Rise สูง 25 ชั้น 1 อาคาร และสูง 16 ชั้น 6 อาคาร จำนวนห้อง    2,821 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    20 - 0 - 4 ไร่ ที่จอดรถ    938 คัน หรือคิดเป็น 33% ที่ตั้งโครงการ   ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางแค เขตบางแค กทม. คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2559 ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร ต่อเดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ การเดินทาง สำหรับการเดินทางมายังตัวโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม ในครั้งนี้เราเริ่มต้นกันจากแยกบางแค ตรงช่วงถนนเพชรเกษมตัดกับถนนกาญจนาภิเษก พอเลี้ยวเข้าถนนกาจนาภิเษกมุ่งหน้ามาทางถนนพระราม 2 ให้วิ่งตรงมาตามถนนคู่ขนานมาอีกประมาณ 2.7 กิโลเมตร ก็จะเห็นทางแยกซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายมาเล็กน้อย ก็จะเห็นโครงการสำเพ็ง 2 ในส่วนของพลาซ่าอยู่ทางซ้ายมือ ให้ตรงขึ้นมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นพื้นที่ก่อสร้างคอนโดมิเนียม ซึ่งตอนนี้มีสำนักงานขายอยู่ตรงด้านหน้าเลยครับ มองเห็นได้ชัดเจน แผนที่ของโครงการ คราวนี้เรามาดูแผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการกันบ้าง การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม ขาออก บริเวณเดอะมอลล์ บางแค ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอใกล้ถึงเดอะ มอลล์ บางแค แล้วให้ชิดซ้ายไว้เลยนะครับ เพราะเราต้องเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายช่องแรกเลยนะครับ พอเข้าสู่ถนนกาญจนาภิเษกแล้ว ตรงไปอีกประมาณ 1 กม. จะมีทางเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ ตามป้ายที่บอกอยู่ข้างทาง สังเกตป้ายบอกทางนะครับ จะมีบอกเรื่อยๆ ใกล้ถึงถนนกัลปพฤกษ์แล้วครับ มีป้านยบอกให้เตรียมตัวเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลปพฤกษ์มาได้นิดหน่อย จะเจอศูนย์การค้าสำเพ็ง 2 อยู่ทางซ้ายมือ ตรงนี้ไม่ใช่ที่ตั้งโครงการนะครับ โครงการจะเลยตรงนี้ไปอีก เลยจากศูนย์การค้าสำเพ็ง 2 มานิดเดียวก็ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ นอกจากเส้นทางที่เลือกเข้ามาทางฝั่งถนนกาญจนาภิเษกแล้ว สำหรับการเดินทางเข้าเมืองก็สามารถใช้เส้นทางถนนกัลปพฤกษ์ ต่อมายังถนนราชพฤกษ์ และมุ่งหน้าเข้าสู่สาทรได้เลย ซึ่งที่ตั้งของโครงการสามารถเดินทางได้สะดวกมากด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าหากต้องการพึ่งพาบริการขนส่งมวลชนบนถนนกัลปพฤกษ์ไม่มีรถเมล์ หรือรถบริการสาธารณะวิ่งผ่านเท่าไหร่นัก ดังนั้นถ้าใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็อาจจะเดินทางไปไหนมาไหนยากหน่อย สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะ มอลล์ บางแค เทสโก้ โลตัส บางแค บิ๊กซี แมคโคร   วิเคราะห์รอบโครงการ ที่ตั้งโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม อยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ค่อนไปทางด้านถนนกาญจนาภิเษกนะครับ ซึ่งเส้นทางนี้สามารถเชื่อมต่อมายังถนนสาทรได้ไม่ยาก แต่อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อยโดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าและเย็น เนื่องจากมีปริมาณรถมาก รอบๆ โครงการเป็นหมู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ หาร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อได้ยากในระยะเดินใกล้ๆ ต้องมุ่งหน้าเลยขึ้นไปทางด้านขาเข้าเมือง จึงจะมีร้านค้า ร้านอาหารให้แวะพึ่งพาได้บ้าง หรือไม่ก็ต้องออกไปทางถนนกาญจนาภิเษก หรือออกบางแคไปเลยจะดีกว่า แหล่งช็อปปิ้งที่ใกล้ที่สุดจะเป็นที่ไหนไม่ได้เลย นอกจากโครงการสำเพ็ง 2 นั่นแหละครับ รอให้ตัวโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์ทุกส่วนแล้ว ก็คงจะคึกคัก มีที่ให้แวะช็อปได้เต็มที่ ส่วนห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ก็คงต้องออกไปทางด้านบางแค ซึ่งจะมีทั้ง The Mall บางแค, Seacon บางแค, Tesco Lotus และ Big C รวมถึง Macro บางบอน บนถนนกาญจนาภิเษกด้วย นอกเหนือจากนี้คาดว่าภายในโครงการก็น่าจะมีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้ลูกบ้านพอพึ่งพา ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง สำหรับตัวโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม จัดว่าเป็นโครงการใหญ่เลยนะครับ เพราะมียูนิตรวมมากถึง 2,821 ยูนิต โดยแบ่งเป็นตึกสูง 16 ชั้น 6 ตึก และตึกสูง 25 ชั้นอีก 1 ตึก นอกจากนี้ยังมีอาคารจอดรถแยกให้อีก 1 ตึก ซึ่งเป็นตึกสูง 6 ชั้น และมี Facility อยู่บนชั้นดาดฟ้าด้วย สำหรับเรื่องของ Facility ภายในโครงการนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ ลูกบ้านที่เลือกอยู่ในอาคาร 16 ชั้นทั้งหมด สามารถเดินมาใช้ Facility ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนสได้ที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ส่วนลูกบ้านในตึกใหญ่ จะมี Facility แยกไว้ให้ต่างหากที่ชั้น 4 ของตึก 25 ชั้น โดยขนาดของ Facility ทั้ง 2 ส่วนนี้ไม่ได้ต่างกันมาก ทั้งเรื่องของขนาดสระว่ายน้ำ 8x30 เมตร แบบ Infinity Pool และห้องฟิตเนสพร้อมห้องอาบน้ำแต่งตัวแยกชายหญิง ส่วนพื้นที่สีเขียวรอบโครงการก็ใช้ร่วมกันนะครับ สำหรับลูกบ้านที่เลือกห้องในตึกใหญ่ หรือตึก 25 ชั้น จะค่อนข้างได้เปรียบกว่าลูกบ้านในตึกเล็กนะครับ เพราะมีสิทธิ์ในการใช้อาคารจอดรถ และที่จอดรถกลางแจ้ง เช่นเดียวกันกับลูกบ้านในตึกอื่นๆ รวมถึง Facility ที่บนดาดฟ้าของอาคารจอดรถด้วยนะครับ ในขณะที่ Facility ต่างๆ ในตึกใหญ่สามารถใช้ได้เฉพาะคนในตึกเท่านั้นครับ ทางเข้าโครงการ โมเดลจำลองอาคารใหญ่ สูง 25 ชั้น เรามาดูแปลนของตึกใหญ่ก่อนนะครับ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby และเป็นที่จอดรถขึ้นไปถึงชั้น 3 ชั้น 4 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย และเป็น Facility หลักๆ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนสีเขียว โมเดลจำลอง Facility บนชั้น 4 สระว่ายน้ำขนาด 8x30 เมตรบนชั้น 4 ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปขึ้นถึงชั้น 25 อาคารจะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง และเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด พื้นที่สีเขียวบนชั้นดาดฟ้า อาคาร 2 อาคาร 3 อาคาร 4 อาคาร 5 อาคาร 6 อาคาร 7 สำหรับ Facility ของลูกบ้านตึก 16 ชั้น ทั้ง 6 ตึกจะอยู่บนอาคารจอดรถ ทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนส ถ้าดูแปลนที่ดินของโครงการ จะเห็นว่า มีทางเข้าออก 2 ทางนะครับ เป็นทางเข้าลึกเข้ามาด้านใน และมีที่จอดรถกลางแจ้งอยู่ตลอดทางเข้า ซึ่งลูกบ้านที่ต้องมาจอดรถตรงนี้ก็ต้องเดินกันไกลหน่อย เช่นเดียวกับระยะการเดินจากด้านในออกมาที่หน้าโครงการถือว่าไกลมากเหมือนกัน ยิ่งทางโครงการไม่มีบริการรถรับส่งด้วย ก็ค่อนข้างลำบากนิดหน่อยครับ ไหนจะเดินจากตึกที่พักไปอาคารจอดรถหรือที่จอดรถ หรือเดินไปใช้ส่วนกลาง เชื่อว่าต้องมีเหงื่อตกกันบ้างไม่มากก็น้อยเลยครับ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ สระว่ายน้ำ Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างของโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม มีให้ชมด้วยกัน 3 แบบนะครับ โดยเริ่มต้นกันที่ขนาด 25 ตร.ม. 28 ตร.ม. และ 35 ตร.ม. ซึ่งขายกันมาแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์เลย เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างแต่ละแบบกันเลยดีกว่าครับ ห้องแรกเรามาดูห้องไซส์เล็กสุดของโครงการกันก่อนนะครับ เป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวที่อยู่หน้าห้องก่อนเลยครับ ตรงข้ามกับครัวจะเป็นประตูเข้าห้องน้ำ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันก่อน อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ยาว อยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ อีกด้านเป็น Shower Box ติดตั้งฉากกั้น 3 ตอนมาให้เรียบร้อย เราออกมาดูที่ส่วนครัวด้านนอกกันต่อ ชุดครัวจะเป็นเคาน์เคาน์เตอร์เล็กๆ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่าทำทานเอง เพราะโครงการไม่มีเตาไฟฟ้ามาให้ด้วย ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ถัดจากส่วนครัวเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area โครงการ Built in ชั้นวางทีวีเล็กๆ มาให้ โดยระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าเยอะพอสมควร สามารถเลือกว่าทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ ด้านที่วางโซฟาโครงการจัดวางโซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางมาให้ ซึ่งจะอยู่ติดกับห้องนอนเลย สำหรับห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ด้านในห้องนอนโครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ มีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือนิดหน่อย ด้านที่ติดกับหน้าต่างมีที่เหลือพอให้เลือกวางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้เลย ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in อยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งและประตูออกไปที่ระเบียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built in มาให้ ประตูที่ระเบียงจะเป็นประตูกระจก มุมมองจากจากห้องนอนออกไปด้านนอก ต่อมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 28 ตารางเมตร Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร Layout ห้อง Type นี้จะต่างกับ 25 ตารางเมตรเลยนะครับ เจ้ามาในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อน โครงการจัดวางโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางมาให้เหมือนกันนะครับ ข้างๆ โซฟามีที่เหลือพอสมควร โครงการจัดวางโต๊ะทำงานมาให้ดูเป็นไอเดีย ไม่ได้ให้ไปด้วยนะครับ ด้านชั้นวางทีวีเป็นชั้น Built in เล็กๆ พร้อมตู้เก็บของด้านข้าง และชั้นลอยด้านบน ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน 3 ตอน โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ พื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งเหลือนนิดหน่อย ทำให้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป หน้าต่างในห้องนอนได้บานใหญ่เลยนะครับ เป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีที่เหลือให้เดินได้สะดวก ตู้เสื้อผ้า Built in จะอยู่ที่ปลายเตียง เป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ขนาดค่อนข้างจะเล็กไปสักหน่อย มีชั้นลอยวางของเล็กๆ ติดมาให้ด้วย เดี๋ยวออกจากห้องนอนไปดูด้านนอกกันต่อนะครับ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนดีกว่า การจัดวาง Layout ภายในห้องน้ำจะคล้ายๆ กับห้องไซส์ 25 ตารางเมตรนะครับ แต่จะแตกต่างกันตรงที่อ่างล้างหน้า ห้องนี้จะได้เป็นอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Balena ไม่ได้เป็นเคาน์เตอร์ยาวเหมือนห้อง 25 ตารางเมตร โถสุขภัณฑ์ของ Balena อยู่ข้างๆ Shower Box Shower Box ขนาดค่อนข้างจะกะทัดรัดไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เล็กจนดูอึดอัด ชุดฝักบัว ออกจากห้องไปดูห้องครัวด้านซ้ายกันต่อ ครัวห้อง Type นี้จะเป็นครัวเปิดเหมือนกันนะครับ เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ สำหรับจัดเตรียมอาหาร พร้อมซิงค์ล้างจานแบบฝัง ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานอาหาร Built in ขนาด 2 ที่นั่ง ด้านในสุดจะเป็นระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของระเบียงค่อนข้างกะทัดรัดไปสักหน่อย คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ที่ระเบียงนะครับ ห้องตัวอย่างอีก 1 ห้องเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่ขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็น 35 ตารางเมตร แต่ตอนนี้ขายหมดเรียบร้อยแล้วนะครับ เราจึงเอาแค่ภาพรวมของห้องไซส์นี้มาให้ชมกัน Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร ห้องไซส์ใหญ่สุดของโครงการเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร สำหรับใครที่สนใจคอนโดมิเนียมในทำเลแถบนี้ ก็ลองเข้ามาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการและห้องตัวอย่างกันดูก่อนได้นะครับ เพราะราคาห้องนั้นจับต้องได้ไม่ยากเลย ถ้าไม่ติดขัดเรื่องการเดินทางมากนัก มีรถส่วนตัวใช้ และการดำเนินชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในย่านนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าโครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 19/08/2558 Type E ขนาดห้อง 25 ตารางเมตร ราคาขาย 1.180 - 1.575 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 3,900 บาท ผ่อนดาวน์ 3,900 บาท 18 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type A ขนาดห้อง 28 ตารางเมตร ราคาขาย 1.391 - 1.931 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 4,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type B ขนาดห้อง 35 ตารางเมตร ราคาขาย 1.965 - 2.395 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 5,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type C ขนาดห้อง 43 ตารางเมตร ราคาขาย 2.435 - 2.871 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 7,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์
Miami Bangpu : รีวิวคอนโด

Miami Bangpu : รีวิวคอนโด

รีวิวครั้งนี้เราจะพาไปดูอีกหนึ่งโครงการใหญ่จาก J.S.P. Property เป็นที่อยู่อาศัยแบบผสมผสานบนถนนสุขุมวิทสายเก่า ในย่านบางปู ซึ่งเป็นเมืองพักตากอากาศที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี และยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นส่วนต่อขยายด้วย โครงการ Miami บางปู จึงออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัย และรองรับการขยายตัวของเมืองที่จะตามมาในอนาคตด้วย   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    995,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   Low Rise สูง 5 ชั้น 90 อาคาร จำนวนห้อง    5,010 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    120 - 0 - 5.2 ไร่ ที่จอดรถ    39% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนกรกฏาคม ปี 2559 (เฟส 1) ค่าส่วนกลาง    Garden Villa 25 บาท/ตร.ม. , Beach Front 35 บาท/ตร.ม. ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    Garden Villa 350 บาท/ตร.ม. , Beach Front 500 บาท/ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ วิธีการเดินทาง สำหรับการเดินทางไปยังโครงการ Miami บางปู ปัจจุบันยังคงต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งเราสามารถเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่า มุ่งหน้าสู่บางปูได้เลย หรือจะอาศัยเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) แล้วมาเข้าถนนสุขุมวิทสายเก่าก็ได้เช่นกัน ส่วนการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่า เดินทางต่อจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง วิ่งมาตามเส้นทางส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผ่านช้างสามเศียรแล้วก็ตรงไปตามเส้นทางสู่สถานตากอากาศบางปู ซึ่งตัวโครงการ Miami บางปู ตั้งอยู่เยื้องๆ กับเมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของย่านนี้ พอเห็นเมืองโบราณแล้ว เราก็เตรียมชิดขวากลับรถมายังโครงการ Miami บางปูได้เลยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นจากถนนสุขุมวิท เลยจาก BTS แบริ่ง มานิดเดียว เลยมานิดหน่อย จะเห็นอิมพี เวิลด์ สำโรง อยู่ทางขวามือ เราวิ่งตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ นะครับ ตามป้ายสมุทรปราการไปเรื่อยๆ หรืออีกจุดสังเกตหนึ่งที่ง่ายๆ เลย คือตามแนวรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ เลยก็ได้ครับ ตามป้ายสมุทรปราการต่อนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เรายังคงวิ่งตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ถึงตรงนี้จะเป็นสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิทต่อ ถ้าตรงไปจะเป็นถนนประโคนชัย-ปากน้ำ เลี้ยวซ้ายมาแล้วจะไม่มีป้ายสมุทรปราการแล้วนะครับ คราวนี้ตามป้ายชลบุรีกันต่อ เรายังคงตามแนวรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือจะเป็นโรบินสัน สมุทรปราการ พอหมดเขตการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว เราก็เข้าสู่เทศบาลบางปูแล้วครับ จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามมือ ทางเข้าเมืองโบราณจะอยู่เยื้องๆ กับโครงการ พอถึงเมืองโบราณแล้วให้ชิดขวาเตรียมตัวกลับรถไว้เลยนะครับ เลยจากเมืองโบราณมาก็จะเจอที่กลับรถ กลับรถมาแล้ว พอเห็นวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ให้ชิดซ้ายไว้ได้เลยนะครับ เลยจากวิทยาเทคนิคสมุทรปราการมานิดเดียว ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ สำนักงานขายโครงการ ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ต้องบอกว่ามีให้เลือกพอสมควร ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ แต่ก็อาจจะมีให้เลือกไม่มากนักนะครับ ส่วนรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ส่วนต่อขยายส่วนแรกจากแบริ่งมายังสมุทรปราการ ยังมีระยะทางเพิ่มมาเพียง 13 กิโลเมตรเท่านั้นนะครับ ต้องรอส่วนต่อขยายในลำดับต่อไปถึงจะมีรถไฟฟ้าวิ่งมาถึงสถานพักตากอากาศบางปู และคาดว่าตัวสถานีที่ใกล้กับโครงการ Miami บางปูที่สุดก็น่าจะเป็น สถานีสวางคนิวาศ ที่ห่างเพียง 100 เมตรเท่านั้น ถ้ารถไฟฟ้ามาถึงเมื่อไหร่ การเดินทางเข้าออกเมืองก็คงจะสะดวกขึ้นอีกมากเลยทีเดียวครับ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมืองโบราณ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ สถานตากอากาศบางปู สนามกอล์ฟบางปู เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการ วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงทำเลที่ตั้งของโครงการ Miami บางปู อยู่ออกมาในเขตจังหวัดสมุทรปราการ แต่ก็ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพเลย เพราะถนนหนทางแถบนี้ยังเดินทางได้สะดวก มีเส้นทางเชื่อมต่อหลายเส้นทาง ทั้งถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ถนนวงแหวนรอบนอก ถนนศรีนครินทร์ และถนนตำหรุ-บางพลี ที่เชื่อมถึงถนนเทพารักษ์ ถนนบางนา-ตราด ฯลฯ เราสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้เดินทางเข้า-ออกเมือง รวมถึงเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ไม่ยากเลย และต่อไปถ้าหากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมาถึงก็จะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก พื้นที่รอบๆ ในย่านนี้ ยังคงมีความเจริญในรูปแบบชานเมืองอยู่มาก ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีห้างสรรพสินค้ามาเปิดในพื้นที่บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงบรรยากาศเรียบๆ แบบชานเมืองมากกว่า ในบริเวณนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เช่น สถานตากอากาศบางปู แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 7 กิโลเมตร เยื้องๆ กับโครงการก็เป็น เมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง รวมถึง ฟาร์มจรเข้สมุทรปราการ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และพิพิธภัณฑ์ทหารเรือก็ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และด้วยความเป็นเมืองตากอากาศที่ขึ้นชื่อมายาวนาน บริเวณรอบๆ จึงมีร้านอาหารใหญ่ๆ บรรยากาศดี ติดริมทะเลบางปูให้เลือกเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พื้นที่แถบนี้ก็ยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมด้วย มีโรงงานใหญ่ๆ ตั้งอยู่มากมาย มีรถบรรทุกใหญ่ๆ วิ่งผ่านตลอดทั้งวัน บางช่วงของถนนอาจจะมีกลิ่นรบกวนจากโรงงานอุตสาหกรรมฟอกหนังบ้าง เหมือนเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นแหล่งอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกันบริเวณโดยรอบก็เป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ทำให้มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล วัดวาอาราม และสถานที่ราชการสำคัญๆ มากมายเลยทีเดียว ทำให้บรรยากาศโดยรวมเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น มากกว่าให้ความรู้สึกว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว สำหรับโครงการ Miami บางปู เป็นโครงการขนาดใหญ่บนที่ดิน 120 ไร่ ซึ่งแบ่งพื้นที่หลักๆ ออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Miami Bayside อยู่โซนด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท พื้นที่ตรงนี้จะเป็นไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งมอลล์ เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ มากกว่า 500 ร้านค้าเลยทีเดียว ซึ่งในอนาคตพื้นที่ตรงนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งช็อปปิ้งที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในบางปู ส่วนโซนที่ 2 เรียกว่า Miami Garden Villa ซึ่งอยู่ถัดเข้ามาในโซนตรงกลาง พื้นที่ตรงนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 60 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวโดยรอบเลยครับ และโซนสุดท้ายจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลบางปู เรียกว่า Miami Beach Front Villa มีคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 30 อาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ครบครัน ทางโครงการต้องการเน้นบรรยากาศอยู่อาศัยแบบเมืองตากอากาศนะครับ ดังนั้นการออกแบบจึงเน้นเรื่องการเปิดรับวิว ทั้งวิวสวน และวิวทะเลได้อย่างเต็มที่ ผสมผสานกับความสะดวกสบายด้วยแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ด้านหน้า ทำให้ลูกบ้านสามารถเลือกกินเลือกช็อปกันได้อย่างมีความสุข สนุกสนาน โดยแทบจะไม่ต้องเดินทางออกไปไกลๆ เลย Facility ต่างๆ ในแต่ละโซนและแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะครับ ลูกบ้านในแต่ละโซนก็จะใช้พื้นที่ส่วนกลางในส่วนของตัวเองไป รวมถึงเรื่องที่จอดรถก็เช่นกันนะครับ ทางโครงการจัดเป็นที่จอดรถกลางแจ้งไว้รอบโครงการ ไม่มีที่จอดรถในอาคาร เนื่องจากห้องพักอาศัยจะเริ่มกันตั้งแต่ชั้น 1 กันเลย และแน่นอนว่าจำนวนที่จอดรถอาจจะไม่เพียงพอต่อจำนวนห้องทุกห้อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่น่ากังวลสำหรับโครงการที่ยังต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลักแบบนี้ โซน Miami Bayside จะเป็นโซนที่รวบรวมศูนย์การค้า ร้านอาหารต่างๆ ไว้ด้วยกัน บรรยากาศจำลองจะเห็น McDonald's ตั้งอยู่หน้าโครงการ โซนที่ 2 เรียกว่า Miami Garden Villa จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 60 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวโดยรอบ Floor Plan ของทั้ง 60 อาคารในโซน Garden Villa จะเหมือนกันหมดนะครับ โดยห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปเลย บรรยากาศภายในโซน Garden Villa โซนสุดท้ายจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลบางปู เรียกว่า Miami Beach Front Villa มีคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 30 อาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ครบครัน Floor Plan ของโซนนี้จะเป็นรูปวงรี ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 เหมือนกันนะครับ ทางเข้าโซน Beach Front Villa บรรยากาศจำลองบริเวณ Club House ให้อารมณ์เหมือนสถานตากอากาศมั่กๆ บรรยากาศจะลองของส่วนที่ติดกับทะเล โครงการทำเป็นส่วนหย่อมกับทางเดินไว้เดินเล่นพักผ่อนริมทะเล โมเดลจำลองของโครงการ ด้านหน้าสุดโซน Miami Bayside ติดถนนสุขุมวิท โมเดลโซน Garden Villa Club House ของโซน Garden Villa ตั้งอยู่บริเวณถนนเส้นหลัก โมเดลโซน Beach Front Villa ระหว่างโซน Garden Villa และโซน Beach Front Villa จะแบ่งโซนกันอย่างชัดเจน Club House ของโซนนี้จะอยู่ด้านหน้าโซนตรงทางเข้าเลยนะครับ จาก Club House ยาวเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่สีเขียว ให้บรรยากาศเหมือนสถานพักตากอากาศ ด้านท้ายโครงการที่ติดกับทะเล จะเป็นสถานที่พักผ่อนเดินเล่น ปั่นจักรยาน ริมทะเล ด้านหน้าโครงการในโซน Miami Bayside เริ่มก่อสร้างไปได้เยอะแล้วนะครับ ส่วนด้านในโซนคอนโดก็เริ่มทะเยอะสร้างเข้าไปเรื่อยๆ ด้านขวามือที่เห็นเป็นพื้นที่โล่งๆ เป็นพื้นที่ของเทศบาลใหม่บางปู ได้ยินแว้วๆ มาว่าในอนาคตจะทำเป็นสวนสาธารณะ แต่ต้องรอดูกันอีกทีนะครับว่าจะจริงรึเปล่า ทะเลที่ติดกับโครงการจะเป็นสันเขื่อนแบบนี้นะครับ ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ สระว่ายน้ำ Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า คอนโดมิเนียมของโครงการ Miami บางปู แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ Garden Villa และ Beach Front Villa รูปแบบอาคาร และห้องพักของทั้ง 2 โซนจึงแตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจนนะครับ ในโซน Garden Villa จะมีด้วยกัน 60 อาคาร ประกอบไปด้วยห้องพักแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตร.ม. จำนวน 3,840 ยูนิตนะครับ ห้องพักในโซนนี้จะเน้นวิวสวนสวยๆ สบายตา ส่วนแปลนห้องก็เหมาะกับการอยู่อาศัยอย่างเรียบง่าย พื้นที่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และครัวขนาดเล็กเชื่อมโยงถึงกันเลย แปลนห้อง Type Garden Villa ขนาด 25 ตารางเมตร เปิดประตูเข้าในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ ตรงข้ามกับครัวจะเป็นห้องน้ำ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนนะครับ มองตรงเข้าไปด้านในสุดจะเป็นส่วนเปียก โครงการไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วย อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Balena และกระจกเงา โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ออกมาดูครัวที่ด้านนอกกันต่อ ครัวจะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ สำหรับเตรียมอาหาร มีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ส่วนด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของ ซิงค์ล้างจานแบบฝังติดมากับเคาน์เตอร์ครัว จากครัวเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอน ด้านปลายเตียงส่วนที่ติดกับครัวจะ Built in เป็นชั้นวางทีวี และโต๊ะทำงาน ข้างเตียงด้านขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ข้างเตียงอีกด้านเป็นเหมือน Living Area หลบเข้าไปอยู่ในช่อง วางโซฟา 2 ที่นั่งได้พอดิบพอดี ระเบียงจะอยู่ติดกับโต๊ะทำงานนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ขนาดของระเบียงพอวางเครื่องซักผ้าลงไปแล้วอาจจะเล็กไปสักหน่อย ส่วนในโซน Beach Front Villa จะอยู่ด้านในสุดติดกับทะเลนะครับ มีทั้งหมด 30 อาคาร แบบห้องยังคงเป็นแบบ 1 ห้องนอน จำนวนรวม 1,170 ยูนิต แต่ขนาดห้องจะเริ่มต้นกันที่ 34-41.50 ตร.ม. แล้วแต่ตำแหน่งห้อง เนื่องจากตัวอาคารถูกออกแบบมาให้มีลักษณะโค้งมนเปิดรับวิวทะเลได้มากยิ่งขึ้น ห้องแต่ละห้องจึงมี Layout ต่างกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ แปลนห้อง Type Beach Front Villa ขนาด 40.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอส่วน Dining Area อยู่ด้านหน้าห้องก่อนเลยครับ ทางขวามือจะเป็นห้องครัวหลบอยู่ในมุม ถ้าติดกระจกหรือกั้นเป็นห้องจะเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น เคาน์เตอรืครัวจะเป็นรูปตัว L ซิงค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันของ Hafele ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ และช่องวางไมโครเวฟ ส่วนด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของเช่นกัน ตู้เย็นจะอยู่ด้านในสุดต่อจากเคาเตอร์ครัว ฝั่งตรงข้ามกับครัวเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ห้องน้ำจะอยู่เยื้องๆ กับโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า พร้อมกระจกเงา ขนาดจะใหญ่กว่าห้อง Type Garden Villa ห้องนี้จะได้อ่างล้างหน้าเป็นเคาเตอร์ สามารถวางของได้เยอะขึ้น โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ด้านในติดกับ Shower Box Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ประตูเข้าออกเป็นบานเลื่อน 2 บาน เข้ามุม ชุดฝักบัวใน Shower Box ออกจากห้องน้ำเข้าไปด้านในอีกจะเป็น Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาประมาณ 2 เมตร ชั้นวางทีวีที่ได้ขนาดจะไม่ใหญ่มากนะครับ มาพร้อมโต๊ะกลาง โซฟาที่โครงการจัดวางไว้เป็นโซฟา 3 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ความกว้างเต็มพื้นที่เลยครับ ทำให้แสงเข้ามาได้เยอะ ช่วยประหยัดไฟในเวลากลางวันได้อีกแรง พื้นที่ระเบียงจะเป็นลักษณะโค้งๆ เหมือนในภาพนะครับ ได้พื้นที่เยอะพอสมควร สามารถเอาเก้าอี้มาวางเพื่อนั่งรับลมทะเลได้เลย มุมมองจากระเบียงเข้ามาด้านในห้อง กลับเข้ามาข้างใน ห้องนอนจะอยู่ต่อจาก Living Area นะครับ ขนาดห้องนอนจะค่อนข้างกะทัดรัดไปสักหน่อย เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่ Dining Area กับ Living Area ซะมากกว่า ระหว่างห้องนอนกับ Living Area จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น ในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้ว จะเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงไม่มาก หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in ฝังผนังห้อง ในส่วนของ Beach Front Villa ถึงแม้จะบอกว่าติดทะเลบางปู แต่ทะเลในแถบนี้ลงเล่นน้ำไม่ได้นะครับ เพราะติดแนวเขื่อนกั้น และมีถนนลาดยางเล็กๆ กั้นอยู่ ลูกบ้านจึงทำได้แค่ออกมาเดินเล่นรับลมชมวิวทะเลตามแนวสันเขื่อนเท่านั้นครับ ส่วนถ้าจะเล่นน้ำก็แนะนำให้เล่นในสระว่ายน้ำของโครงการจะดีกว่า โครงการ Miami บางปู เป็นโครงการขนาดใหญ่มากๆ และอาจจะใหญ่ที่สุดของย่านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีจำนวนห้องพักอาศัยรวมมากกว่า 5,000 ยูนิต แถมยังมีพื้นที่ร้านค้าอีกมากกว่า 500 ร้าน อาจจะเรียกว่าเป็นเมืองย่อยๆ เลยทีเดียว แถมราคาเริ่มต้นของห้องก็อยู่ในเรทที่จับต้องได้ไม่ยาก จึงไม่น่าแปลกใจที่โครงการนี้จะได้รับความสนใจ และถูกจับจองห้องกันเป็นจำนวนมากแล้ว ยิ่งถ้าหากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสร้างมาถึงตามแผนการขยายตัวของเมือง ความสะดวกสบายในการเดินทางก็จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไปอีก ใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ หรือว่ามีที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ ทำเลแถบย่านนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าโครงการ Miami บางปู ก็เป็นที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่งนะครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 27/08/2558 Garden Villa ขนาดห้อง 25 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 995,000 บาท จอง 900 บาท ทำสัญญา 3,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 34 ตารางเมตร ราคาขาย 1.671 - 1.799 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 40.50 ตารางเมตร ราคาขาย 1.976 - 2.117 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 41.50 ตารางเมตร ราคาขาย 2.033 - 2.176 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท
ชีวาทัย รามคำแหง : รีวิวคอนโด

ชีวาทัย รามคำแหง : รีวิวคอนโด

สวัสดีครับวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูคอนโด ชีวาทัย รามคำแหง ซึ่งสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว โครงการนี้มีจุดเด่นที่เป็นคอนโด High Rise ติดถนนรามคำแหงเลย และยังอยู่ห่างจากแยกลำสีแค่นิดเดียวเองด้วย ส่วนเรื่องการเดินทางก็ไปมาได้หลายทาง เราเริ่มเดินทางไปกันเลยดีกว่าครับ     รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,890,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 63,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     535 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    3 - 3 - 32 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    321 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    30 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร Promotion เดือน กรกฎาคม – สิงหาคม 2558 จ่าย 1 บาท พร้อมเข้าอยู่ (เฉพาะธนาคาร ไทยพาณิชย์) เริ่ม 1.89 ห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม. ฟรีทุกค่าใช่จ่าย : ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ ฟรีค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 1 ปี ฟรีค่ากองทุนแรกเข้า ฟรีค่ามิเตอร์ไฟฟ้า มิเตอร์น้ำ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) การเดินทาง โครงการชีวาทัย รามคำแหง ตั้งอยู่ริมถนนรามคำแหงตรงช่วงระหว่างซอย 79/1 และ 79/2 ครั้งนี้เราเริ่มต้นเดินทางมาจากทางแยกพระราม 9 ซึ่งห่างจากสี่แยกพระราม 9 ไปทางคลองตันไม่ไกลนักจะมีรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีรามคำแหง เป็นอีกตัวเลือกในการร่นระยะเวลาในการเดินทาง และหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรเวลาต้องเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองครับ ลงจากตัวสถานีมาแล้วก็สามารถต่อรถแท็กซี่ รถสองแถว หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้เลย วิ่งตรงมาข้ามแยกพระราม 9 แล้วเข้าสู่ถนนรามคำแหงมาเรื่อยๆ เป็นระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร ก็ถึงหน้าโครงการแล้วครับ เราก็จะผ่านทั้ง ห้างเดอะมอล์รามคำแหง ห้างบิ๊กซี เมเจอร์ฮอลลิวูด มหาวิทยาลัยรามคำแหง วัดเทพลีลา สนามรัชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญบนถนนสายนี้ ที่สำคัญเส้นทางบนถนนรามคำแหงช่วงก่อนจะถึงโครงการ ก็มีซอยใหญ่ๆ ที่สามารถลัดไปออก ประชาอุทิศ ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม และถนนลาดพร้าวได้ด้วย ทำให้การจราจรในบริเวณนี้หนาแน่นมากเลยทีเดียว สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำ ก็สามารถเลือกใช้เส้นทางต่างๆ ข้างต้นลัดเลาะมาที่ถนนรามคำแหงได้ หรือจะขึ้นทางด่วนมาลงที่พระราม 9 แล้วต่อมาที่ถนนรามคำแหงก็ได้เหมือนกัน แต่อย่าขึ้นสะพานยกระดับบนถนนรามคำแหงนะครับ เพราะทางลงจะอยู่เลยโครงการมาแล้ว ไม่อย่างนั้นจะต้องไปกลับรถที่แยกลำสาลีกลับมาที่โครงการอีกครั้งนะครับ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะมอลล์ บางกะปิ เดอะมอลล์ รามคำแหง บิ๊กซี หัวหมาก เมเจอร์ ฮอลลีวูด รามคําแหง โรงพยาบาลรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สนามกีฬาหัวหมาก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABACC) แต่ถ้าจะพึ่งพาระบบขนส่งมวลชน บนถนนรามคำแหงก็มีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสายมากๆ ทั้งเข้าเมือง ออกเมือง มีรถเมล์วิ่งผ่านตลอดทั้งวันทั้งคืน ส่วนป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดจากหน้าโครงการไปนิดเดียวเองครับ นอกจากนี้ด้านหลังโครงการก็ติดคลองแสนแสบ ซึ่งมีประตูเล็กสามารถเดินออกทางด้านหลังไปที่ท่าเรือวัดกลางได้ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดครับ นอกจากนี้ก็จะมีรถสองแถว รถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง พร้อมจะให้บริการทุกทาง การเดินทางมายังโครงการชีวาทัย รามคำแหงจึงจัดว่าสะดวกดีทีเดียว ถ้าไม่ติดช่วงเร่งด่วนที่รถติดมากๆ นะครับ ทำเลที่ตั้งของโครงการบนถนนรามคำแหง มีสถานที่สำคัญๆ แวดล้อมอยู่มากมาย แผนที่ของโครงการชีวาทัย รามคำแหง เราเดินทางกันด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link มาลงที่สถานีรามคำแหง ตึกที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link คือ ตึก A Link ซึ่งมีร้านค้าเปิดให้บริการอยู่บ้างบางส่วน จากสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link เรามุ่งหน้าไปตามถนนรามคำแหง พอเจอแยกพระราม 9 ให้ตรงไปเลยครับ จุดสังเกตุแรกในช่วงต้นถนนรามคำแหงคือ Foodland ครับ วิ่งผ่านห้างเดอะมอลล์รามคำแหง ซึ่งอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนน และเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่สำคัญแห่งหนึ่งของย่านนี้ ตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นร้านค้าตลอดทาง และมีซอยใหญ่ๆ ที่สามารถลัดไปออกถนนสายอื่นได้ พอผ่านหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงไปแล้ว อีกไม่ไกลก็จะถึงโครงการชีวาทัย รามคำแหง โครงการชีวาทัย รามคำแหงจะอยู่ช่วงระหว่าง ซอยรามคำแหง 79/1 และ 79/2 ทางรถเข้าออกใช้ระบบ Key Card เพื่อความปลอดภัยครับ โครงการชีวาทัย รามคำแหง เป็นตึกเดี่ยวสูง 33 ชั้น ด้านหน้าทางเข้าอาคารครับ ด้านซ้ายเป็นจุด Drop Off ก่อนจะเข้าไปที่ลานจอดรถด้านใน มีทางเดินรถล้อมรอบตัวอาคาร บริเวณด้านหน้าล็อบบี้ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการชีวาทัย รามคำแหง ต้องบอกว่าค่อนข้างได้เปรียบเพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย ไม่ต้องเดินเข้าซอยให้ยุ่งยากอีก แถมบริเวณรอบๆ ก็ยังเป็นย่านชุมชน มีตึกแถวสูง 3-4 ชั้นอยู่ขนาบทางเข้าหน้าโครงการ ซึ่งก็เป็นร้านค้า มินิมาร์ท ร้านขายอาหารอีกนิดหน่อย ส่วนพื้นที่ข้างๆ ติดกับโครงการก็เป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีอาคารอพาร์ทเม้นท์บ้าง แต่ก็สูงไม่เกิน 6 ชั้น หมดกังวลเรื่องปัญหาตึกรอบๆ บังวิว บังแดด บังลมไปได้เลย ความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการจัดว่าดีใช้ได้เลยนะครับ มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง มินิมาร์ท ร้านกาแฟ ร้านขายของชำ อยู่ในระยะเดินสบายๆ รวมถึงห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ ทั้ง ห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ศูนย์การค้าตะวันนา เดอะมอลล์รามคำแหง บิ๊กซี ฟู้ดแลนด์ ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็ครบถ้วน ทั้งโรงพยาบาล คลินิค มหาวิทยาลัยรัฐ และเอกชน โรงเรียน รวมถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ก็อยู่รายล้อมบริเวณนี้ไม่น้อยเลย ถึงจะไม่ใช่เขตใจกลางเมือง แต่เรื่องความเจริญนี่เข้าขั้นสะดวกสบายพอตัวเลยครับ ตึกแถวริมถนนรามคำแหง ทางฝั่งซอยรามคำแหง 79/1 มีร้านค้า ร้านอาหารให้พึ่งพาได้ครับ ก่อนถึงหน้าโครงการมีคลองระบายน้ำกั้นอยู่ คลองระบายน้ำเส้นนี้จะขนาบข้างตลอดโครงการไปจนถึงคลองแสนแสบเลยนะครับ ส่วนทางด้านซอยรามคำแหง 79/2 จะมีตึกแถวซึ่งเป็นร้านค้าเรียงรายอยู่หลายร้านเช่นกัน เดินออกจากโครงการไปทางซอยรามคำแหง 79/2 จะผ่านร้านต่างๆ มากมาย และมีสะพานลอยอยู่ไม่ไกล รวมถึงป้ายรถเมล์ด้วย ฝั่งตรงข้ามมีอาคารสำนักงาน และมี Max Value อยู่ ให้พึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดริมทางไปจนถึงแยกลำสาลีจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคารเด็มไปหมด ตรงนี้เป็นบริเวณปากซอยรามคำแหง 81 ซึ่งเป็นซอยใหญ่ สามารถลัดไปออกซอยลาดพร้าว 130 ได้ ทางเรือวัดกลาง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองแสนแสบสามารถเดินเข้ามาทางซอยรามคำแหง 81 หรือจะออกทางประตูเล็กที่ด้านหลังโครงการได้เลย สำหรับตัวโครงการชีวาทัย รามคำแหง ที่ตอนนี้สร้างเสร็จเรียบร้อย และมีลูกบ้านเข้าอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีห้องว่างสวยๆ เหลือให้จับจองกันอีกพอสมควร ซึ่งข้อดีของโครงการที่สร้างเสร็จแบบนี้ก็คือ เราจะได้เห็นห้องจริง ในทำเลและบรรยากาศจริง ไม่ต้องจินตนาการให้เสียเวลา เรื่อง Facility ต่างๆ ก็มีพร้อมให้ใช้งานแล้วเช่นกัน ซึ่งทางโครงการก็จัด Facility หลักๆ ทั้งหมดไปไว้ที่ชั้น 33 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดหรือดาดฟ้านั่นเอง ที่เด่นๆ เลยก็คือ สระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool Edge ว่ายน้ำไปชมวิวกันได้เต็มตา เช่นเดียวกันกับห้องฟิตเนส ที่กว้างขวางและใช้กระจกบานใหญ่เปิดรับวิวไปได้เต็มที่ พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรับลมเย็นๆ บนชั้น 33 นี้ด้วย ส่วนพื้นที่สีเขียวก็ถูกจัดไว้บริเวณด้านล่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง Floor Plan ชั้น 1 จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่จอดรถทั้งด้านหน้าและหลังโครงการ รวมถึงเส้นทางการเดินรถรอบอาคารด้วย แปลนของชั้น 6-29 จะเห็นว่าการจัดวางตำแหน่งห้องไม่มีอะไรซับซ้อน ระเบียงห้องจะหันออกไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก อันนี้เป็นแปลนของชั้นที่ 30 ซึ่งมีจำนวนห้องน้อยกว่า เนื่องจากเป็นไปตามระเบียบของกฏหมายอาคารสูงนะครับ ส่วนอันนี้เป็นแปลนของชั้นที่ 31-32 ซึ่งมีจำนวนห้องน้อยที่สุด และเป็นห้อง Type ใหญ่เกือบทั้งหมด พื้นที่บนชั้นที่ 33 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด จะเป็นศูนย์รวมของ Facility หลักของโครงการ มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องอาบน้ำ ซาวน่า และมุมนั่งเล่นพักผ่อน บรรยากาศภายในล็อบบี้ สำนักงานนิติบุคคลก็ตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้นี้ด้วย ตู้จดหมายของทุกยูนิตอยู่บริเวณล็อบบี้ชั้น 1 ลิฟต์โดยสารล็อคชั้น ต้องใช้ Key Card ในการขึ้นลง ไปดู Facility ที่บนดาดฟ้าชั้น 33 กันก่อน เครื่องออกกำลังการ ลู่วิ่งพร้อมอุปกรณ์อื่นๆ ครบ ภายในห้องฟิตเนสดูกว้างขวางน่าใช้งานดีทีเดียวครับ สามารถออกกำลังกายไปชมวิวสวยๆ ไปได้เพลินๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมวิวสวย ตัวสระว่ายน้ำยาว 22 เมตร เป็นแบบ infinity pool edge อยู่ติดกับห้องฟิตเนสเลยครับ ที่สระว่ายน้ำมีแยกสระเด็กเอาไว้ให้ด้วยนะครับ มุมพักผ่อนริมสระว่ายน้ำครับ ลานกว้างอีกด้านใกล้กับสระว่ายน้ำ มีชุดโซฟาให้นั่งเล่นพักผ่อนได้ ที่นั่งเล่นมุมนี้ก็เปิดรับวิวมุมสูงได้กว้างเต็มตาเลย ทางขึ้น-ลง ที่จอดรถ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งการเข้าออกอาคารด้วย Key Card ลิฟต์โดยสารล็อคชั้น และกล้อง CCTV พร้อม รปภ. ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทางโครงการก็จัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้กับลูกบ้านเต็มที่เลยทีเดียว สิ่งอำนวยความสะดวก LOBBY SKY SWIMMING POOL WITH SALT SYSTEMS PLUNGE POOL WITH SUN DECK SAUNA & STEAM TRIPLE SECURITY ACCESS CONTROL 24 –HR SECURITY GUARD CCTV พาชมห้องตัวอย่าง ทีนี้มาถึงห้องตัวอย่างกันบ้าง ด้วยความที่ตัวอาคารของโครงการถูกบังคับด้วยลักษณะของที่ดินที่เป็นแนวยาว ทำให้ห้องพักส่วนใหญ่ของโครงการหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงแดดแรงๆ ได้ยากหน่อย ทำได้แค่เลือกว่าจะชอบแดดเช้าหรือแดดบ่ายมากกว่ากัน สำหรับห้องที่เราจะพาไปดูในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ ในขนาดพื้นที่ที่ต่างกันนิดหน่อย ไปดูกันเลยดีกว่าครับ ห้องแรกเป็นแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาดประมาณ 30 ตร.ม. เปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอห้องหน้าตาแบบนี้เลยครับ โซน Pantry ครัว ติดกับประตู้ห้องน้ำ และถัดไปก็เป็นห้องนอนครับ Pantry ครัว อยู่ตำแหน่งมุมห้องด้านซ้าย ติดกันคือห้องน้ำครับ ชุดครัวมีซิงค์ล้างจานมาให้ ตู้ด้านบนทำเตรียมไว้สำหรับใส่ฮูทดูดควัน ซึ่งต้องติดเพิ่มเติมเองนะครับ ตรงข้ามครัวสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารได้พอดี พื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดรับแสงได้ดี ภาพรวมในโซนนั่งเล่น ซึ่งใช้พื้นที่ร่วมกัน ระหว่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีก็กำลังพอดี เดินผ่านไประเบียงได้สะดวกเลย ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อน และพื้นระเบียงปูกระเบื้องดรอปต่ำลงมาอีกเล็กน้อย คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ตามภาพ ส่วนพื้นที่ด้านล่างสามารถวางเครื่องซักผ้าได้พอดี ซึ่งทางโครงการเดินติดก๊อกน้ำ ท่อน้ำทิ่ง และปลั๊กไฟไว้เรียบร้อย เราไปดูห้องน้ำกันบ้างดีกว่า เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่ บริเวณอ่างล้างหน้ามีพื้นที่ให้วางของได้เยอะพอสมควร ห้องอาบน้ำกันด้วยกระจกเทมเปอร์ และตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ก็อยู่ทางด้านเดียวกัน ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระของ Cotto ห้องอาบน้ำ กั้นไว้ให้เรียบร้อย พร้อมเตรียมตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว ชุดฝักบัวหน้าตาแบบนี้ครับ เป็นของ Cotto เช่นกัน พื้นที่ของห้องอาบน้ำ และชุดสุขภัณฑ์ มีขนาดพื้นที่กำลังพอใช้งานสะดวก พื้นในห้องอาบน้ำดรอปให้ต่ำลงมาอีกนิดหน่อยตามภาพเลยครับ มาดูภายในห้องนอนกันบ้าง วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี ตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เรียบร้อยแล้ว ระยะห่างของเตียงกับหน้าต่างกำลังดี และเป็นกระจกบานใหญ่ทำให้เปิดรับวิวได้เต็มตา ห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่มีขนาดประมาณ 35 ตร.ม. และเป็นตำแหน่งห้องหัวมุมตึก เปิดเข้าห้องมาก็จะเห็นบรรยากาศประมาณนี้ครับ แต่อันนี้ขอปิดม่านไว้ก่อน ด้านซ้ายมือของประตูห้องเป็น Pantry ครัว และมุมรับประทานอาหาร ถ้าเปิดม่านออกก็จะเห็นวิวสวยๆ ด้วย เคาน์เตอร์ครัวจะใหญ่กว่าห้องก่อนหน้านิดหน่อย แต่โดยรวมก็ไม่ได้ต่างกันมากครับ มีตำแหน่งติดตั้งฮูทดูดควันไว้ให้แล้วเช่นกัน ซิงค์ล้างจานขนาดกะทัดรัด พื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดริมระเบียงเช่นกัน ถ้าเปิดม่านออกมาก็รับแสง รับวิวได้เต็มๆ เหมือนกันครับ ชั้นวางทีวีที่ให้มาพร้อมห้องหน้าตาแบบนี้เลยนะครับ มุมนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้เข้าที่พอดี และตำแหน่งติดแอร์อยู่ด้านบน หน้าตาแอร์ที่แถมมาพร้อมห้องยี่ห้อ York ตามนี้ครับ ภาพรวมของโซนนั่งเล่นอีกมุมในบรรยากาศอุ่นๆ ของแสงจากหลอดไฟ ด้วยตำแหน่งห้องนี้ที่เป็นห้องมุมตึก ทำให้ประตูกระจกตรงระเบียงเป็นแบบเข้ามุม เพื่อให้เปิดรับวิวได้มากขึ้น พอเปิดม่านแล้ว ได้แสงธรรมชาติบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนก็ไปอีกแบบ ระเบียงปูด้วยกระเบื้อง และดรอปลงมาต่ำกว่าพื้นห้องไม่มากไม่น้อย คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ที่ระเบียง พร้อมเว้นตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าไว้ให้แล้วเหมือนเดิม ห้องนี้เป็นห้องมุมในโซนด้านหน้าโครงการ จะได้วิวถนนรามคำแหงกว้างสุดสายตา มาดูในห้องน้ำกันบ้าง การจัดวางก็เหมือนกับห้องก่อนหน้าเป๊ะ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ชุดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าของ Cotto กระจกบานใหญ่ และเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระก็ของ Cotto เช่นกัน ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ พื้นที่บริเวณห้องอาบน้ำดรอปให้ต่ำกว่างพื้นห้องน้ำลงมาอีกเล็กน้อย ชุดฝักบัวอาบน้ำก็ของ Cotto เหมือนเดิม ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังพอดี วางเตียงแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินได้สะดวก ด้านข้างเตียงที่ติดกับหน้าต่างก็เหลือที่อีกพอสมควรเลย หน้าต่างในห้องนอนเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดรับลมได้เต็มที่ นอกจากจะเปิดรับลมรับแสงได้ดีแล้ว เรื่องวิวจากหน้าต่างห้องนอนก็เปิดชมวิวได้เต็มตาเช่นกัน อันนี้เป็นวิวจากในห้องนอนมองไปทางด้านหลังโครงการจะเห็นคลองแสนแสบด้วย ภายในห้องนอนก็มีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน อ้อ...กลอนประตูห้องเป็นแบบธรรมดาเหมือนกันทุกยูนิตครับ เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับห้องตัวอย่างของโครงการชีวาทัย รามคำแหง น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ เพราะตัวอาคารได้เปรียบเรื่องที่ไม่มีอาคารสูงอยู่ใกล้ๆ เลย ทำให้เรื่องวิวทิวทัศน์จากห้องพักเปิดกว้างสุดสายตา แถมเรื่อง Facility ต่างๆ ก็จัดมาให้เต็มที่ เช่นเดียวกันกับวัสดุอุปกรณ์ภายในห้องที่ขายกันมาแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ พร้อมเข้าอยู่ คุณภาพของของทุกชิ้นก็คุ้มค่า ในราคาน่าคบหาสำหรับคอนโดระดับนี้ ใครที่กำลังมองหาที่อยู่ในย่านนี้ หรือต้องทำงานในแถบนี้อยู่แล้ว ก็น่าจะลองเก็บมาพิจารณากันดูนะครับ
Ideo Sukhumvit 115 : รีวิวคอนโด

Ideo Sukhumvit 115 : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการใหม่แกะกล่องในแนวรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวจากบริษัท อนันดา เดลเวลลอปเมนท์  ซึ่งใช้ชื่อว่า Ideo Sukhumvit 115 แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่าทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ตรงส่วนไหนของถนนสุขุมวิท แต่ถ้าจะให้เจาะจงให้ชัดกว่านี้ก็ต้องบอกว่า ที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าปู่เจ้าสมิงพรายเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละโครงการของแบรด์นี้ก็่ขึ้นชื่อในเรื่องของทำเลติดรถไฟฟ้าดีอยู่แล้ว และโครงการนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอีกเช่นเคย ว่าแล้วเราก็ไปเยี่ยมชมบรรยากาศกันเลยดีกว่า การเดินทาง เรื่องการเดินทางไปยังโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ในปัจจุบัน รถไฟฟ้า BTS จะมีปลายทางสถานีอยู่ที่แบริ่ง และในส่วนต่อขยายนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากแล้ว โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จเปิดใช้งานได้ในช่วงปลายปี 59 หรือต้นปี 60 ซึ่งก็น่าจะเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ตัวคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่พอดี อันนี้นับว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว ดังนั้นในเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงไม่เป็นปัญหาเลย ด้วยบันไดสถานีรถไฟฟ้าอยู่ห่างจากหน้าโครงการเพียง 30 เมตร จัดว่าสะดวกสบายแบบสุดๆ ครับ ใครที่กำลังอยากได้คอนโดติดรถไฟฟ้า โครงการนี้จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าเก็บไว้พิจารณาครับ ส่วนการเดินของเราในวันนี้ เราเลือกเดินทางข้ามมาจากทางฝั่งพระราม 3 ด้วยเส้นทางข้ามสะพานภูมิพลมาลงที่ปู่เจ้าสมิงพรายเลย จากนั้นก็ขับตรงมาเรื่อยๆ จนสุดถนน พอเจอถนนสุขุมวิทก็ให้เลี้ยวขวาไปทางพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ หรือช้างสามเศียร จากแยกนี้วิ่งอีกนิดเดียวก็เจอะกับห้างบิ๊กซี จัมโบ้ แล้วที่อยู่ติดกันก็คือ โครงการ Ideo Sukhumvit 115 นั่นแหละครับ รั้วติดกันเลย แผนที่ตั้งโครงการ Ideo Sukhumvit 115 จะเห็นว่ารอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยถนนหนทางหลายสาย และสถานที่สำคัญมากมาย ครั้งนี้เราเลือกเดินทางมาจากทางฝั่งพระราม 3 มุ่งหน้าไปขึ้นสะพานภูมิพลครับ ขึ้นสะพานภูมิพลแล้วให้สังเกตุป้ายไปทางปู่เจ้าสมิงพรายให้ดี ข้ามจากสะพานภูมิ ๑ ต่อไปยังสะพานภูมิพล ๒ เลยนะครับ มุ่งหน้าไปตามป้ายปู่เจ้าสมิงพรายนะครับ เส้นทางนี้เป็นทางโค้งต้องระมัดระวังให้ดีๆ นะครับ ลงจากสะพานมาแล้วก็สังเกตุป้ายสำโรงนะครับ วิ่งมาจนสุดถนนแล้วก็จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางสำโรงนะครับ ตลอดถนนปู่เจ้าสมิงพรายจะมีโรงงานอุตสาหกรรม โกดังใหญ่ๆ ให้เห็นตลอดทั้งสายเลย ถนนสายนี้เป็นถนนใหญ่ 6 เลน มีเกาะกลางตลอดทั้งทาง ขับมาจนช่วงกลางๆ ถนนจะเจอสถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้นะครับ เนื่องจากถนนปู่เจ้ามีโรงงานอุตสากรรม โกดังมากมาย ดังนั้นเราจะเจอรถบรรทุกเป็นจำนวนมากบนถนนสายนี้ สุดถนนปู่เจ้าสมิงพรายแล้วจะมาเจอกับถนนสุขุมวิทนะครับ ที่เห็นด้านบนคือ รางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย จากตรงนี้เดี๋ยวเราเลี้ยวขวาไปที่โครงการกันครับ พอเลี้ยวขวามาแล้ววิ่งตรงมาตามรางรถไฟฟ้าเรื่อยๆ บนถนนสายนี้ยังคงเจอรถบรรทุกอยู่เป็นระยะนะครับ ขับรถก็ระวังๆ กันหน่อย พอเจอห้างบิ๊กซีจัมโบ้ก็เตรียมตัวชิดซ้ายได้เลยครับ ตรงหน้าทางเข้าห้างบิ๊กซีจัมโบ้จะมีทางกลับรถพอดี ถ้ามาจากทางถนนวงแหวนก็สามารถมากลับรถเข้าโครงการตรงนี้ ส่วนถ้าใครจะมาดูโครงการ Ideo ก็สามารถจอดรถในห้างบิ๊กซีได้นะครับ พอสุดรั้วห้างบิ๊กซีจัมโบ้ ก็จะเจอโครงการ Ideo เลยครับ จะเห็นได้ว่าตัวสถานีปู่เจ้าฯ อยู่ตรงหน้าโครงการพอดีเลย ตัวสถานีรถไฟฟ้าอยู่ตรงหน้าเลยครับ ยืนอยู่หน้าโครงการนี่เห็นกันชัดเจนเลยว่าติดรถไฟฟ้าจริงๆ มุมนี้จากนห้าทางเข้าครับ มองกลับไปทางบิ๊กซี อีกด้านที่อยู่ติดกับโครงการเป็นตึกแถว ร้านค้าที่อยู่มาก่อนแล้ว เส้นทางการใช้รถใช้ถนนในย่านนี้ก็อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าสามารถเลือกได้ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งถนนวงแหวนสายตะวันออก สะพานภูมิพล ถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด ดังนั้นเวลาที่รถติดหนักๆ ก็สามารถหาเส้นทางเลี่ยงเข้า-ออกเมืองได้อยู่เหมือนกัน นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ สามล้อ ที่มีวิ่งกันตลอดทั้งวัน ต่อให้ไม่มีรถส่วนตัวก็ยังสามารถเดินทางกันได้สะดวกมากๆ เลยล่ะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงแม้ปัจจุบันทำเลในย่านนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนมากแล้ว เนื่องจากมีทั้งรถไฟฟ้า BTS ที่ต่อขยายและจะพร้อมใช้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มีถนนหนทางเชื่อมโยงหลายสาย มีคอนโดใหญ่ๆ และที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเจริญแผ่ขยายมามาก แต่ในขณะเดียวก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าทำเลในแถบชานเมืองตรงนี้ ยังมีบรรยากาศเป็นแหล่งชุมชนเก่า และยังเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกมากมาย ดังนั้นย่านนี้จึงมีกลุ่มพนักงานเป็นจำนวนมากที่ยังต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน และโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย ไม่ต้องนั่งรถต่อเข้าซอยอีกเหมือนอย่างคอนโดในซอยแบริ่ง ลงจากรถไฟฟ้าปุ๊ปก็เดินเข้าโครงการได้เลย นอกจากนี้ในเรื่องของสภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัยก็จัดว่าเพียบพร้อมไม่น้อยเลย เริ่มตั้งแต่ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อที่จะมีอยู่ใต้โครงการ ห้างบิ๊กซีจัมโบ้ก็อยู่รั้วติดกัน ห่างออกไปไม่ไกลก็มีตลาดสำโรง มีโรงพยาบาล และโรงเรียนดังอยู่รอบๆ หลายแห่ง เช่นเดียวกันกับแหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า ก็มีทั้ง ห้างเซ็นทรัลบางนา ศูนย์การค้าไบเทค ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค ฯลฯ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เมืองโบราณ สถานตากอากาศบางปู เป็นต้น อีกทั้งยังมีบรรยากาศของความเป็นชุมชนเก่า ความอุดมสมบูรณ์จึงเข้าขั้นพอใช้ได้เลยทีเดียว ห้างบิ๊กซี จัมโบ้ นี่อยู่ติดกับโครงการ Ideo เลยนะครับ แถมเป็นจุดจอดรถเมล์ด้วย สะดวกสุดๆ ถ้ามาอยู่ที่นี่รับรองว่าไม่มีอดครับ เพราะมีห้างบิ๊กซีจัมโบ้ให้พึ่งพาซื้อหาของกินของใช้ได้   เรามาดูที่ตัวโครงการกันบ้างครับ สำหรับ Ideo Sukhumvit 115 เป็นคอนโด High Rise สูง 35 ชั้น เป็นอาคารเดี่ยวเลยนะครับ เรื่องการออกแบบตกแตกตัวอาคารก็เป็นสไตล์โมเดิร์นตามแบบของแบรนด์ Ideo ที่เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่เน้นเรื่องความสะดวกสบาย ดังนั้นทำเลที่ตั้งของโครงการจึงถูกเลือกมาให้ตอบโจทย์ได้มากที่สุด มียูนิตที่พักอาศัยรวมไม่ถึง 1,000 ยูนิต จัดว่าเป็นโครงการใหญ่ติดถนนสุขุมวิทเลยนะครับ เรื่อง Facility ภายในก็จัดว่าครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด พื้นที่สีเขียวทั้งบริเวณด้านหน้าโครงการ และ Sky Garden บนดาดฟ้า รวมถึงพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อที่บริเวณชั้น 1  เช่นเดียวกับเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีพร้อมทั้ง Digital Door Lock กล้อง CCTV เข้าออกด้วย Key Card และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามมาตรฐานของโครงการที่จัดกันมาให้เต็มที่เพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้านทุกยูนิต สำหรับเรื่องที่จอดรถทางโครงการเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ชั้น 1-6 ซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 30% (รวมจอดซ้อนคันแล้ว) ตามคอนเซปต์ของคอนโดที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าเลยครับ ที่ไม่ได้เน้นเรื่องที่จอดรถมากนัก เพราะอย่างไรก็สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลักอยู่แล้ว โมเตลอาคารครับ เป็นอาคารเดี่ยวขนาดใหญ่ ดีไซน์โมเดิร์นเท่ห์ๆ เลย จากโมเดลจะเห็นว่า สถานีรถไฟฟ้าปู่เจ้าสมิงพรายอยู่ตรงหน้าโครงการเลย แต่บันไดทางลงจากตัวสถานีจะอยู่ค่อนมาทางหน้าหน้าบิ๊กซี ซึ่งห่างจากหน้าโครงการเพียง 30 เมตร โซนด้านหน้าโครงการจัดเป็นสวนสำหรับนั่งพักผ่อน ที่โซนด้านหลังโครงการก็ยังมีพื้นที่สีเขียวเล็กๆ เอาไว้ให้เป็นจุดนั่งเล่นพักผ่อนอีกแห่ง สระว่ายน้ำที่ชั้น 7 จะยื่นออกมาจากตัวอาคารหลักนะครับ ทำให้ได้สระกลางแจ้งขนาดใหญ่หน่อย ด้านล่างของสระว่ายน้ำเป็นอาคารจอดรถซึ่งเพิ่มเติมมาจากตัวอาคารหลัก ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายโครงการ แปลนบริเวณชั้น 1 ของโครงการ จะเห็นว่าโซนด้านหน้าเป็นพื้นที่ของร้านค้า ซึ่งยังไม่ได้มีการระบุนะครับว่าจะมีร้านอะไรบ้าง ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นจุด Drop Off และ Lobby ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 6 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดครับ ส่วนจอดรถที่ชั้น 6 ก็จะน้อยหน่อยนะครับ มาถึงชั้น 7 ก็จะเริ่มเป็นที่พักอาศัยแล้ว ในขณะที่โซนด้านหลังจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวม Facility หลักเอาไว้ทั้งหมด แปลนตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 34 ก็จะเป็นแปลนแบบเดียวกันทั้งหมด ดาดฟ้าที่ชั้น 35 มี Sky Garden นะครับ เอาไว้ขึ้นไปนั่งเล่นรับลม ชมวิวได้ ส่วนใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าปัจจุบันถนนหนทางในย่านนี้ยังมีการจราจรที่ติดขัดอยู่พอสมควรทั้งในช่วงเช้าและเย็น หรือบางทีก็มีปริมาณรถเยอะจนเคลื่อนตัวไปได้ช้ากว่า อีกทั้งจำนวนรถบรรทุก รถสิบล้อ และรถพ่วงบนถนนก็มีปริมาณมากเกือบทั้งวัน เนื่องจากอยู่ในย่านอุตสาหกรรมจึงหลีกเลี่ยงได้ยาก การขับรถขับราบนถนนหนทางแถวนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง พาชมห้องตัวอย่าง ทีนี้เราจะพาไปดูภายในห้องตัวอย่างกันบ้าง ซึ่งทางโครงการจัดห้องตัวอย่างไว้ให้ชม 3 แบบด้วยกัน โดยที่แต่ละห้องก็มีรายละเอียดการตกแต่งที่เหมาะกับการใช้สอยต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือ ทางโครงการขายห้องชุดทุกห้องมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเสร็จ (Fully Furnished) พร้อมชุดครัว และเครื่องปรับอากาศ ตามรายการที่แสดงไว้ชัดเจนในทุกๆ ห้องตัวอย่างเลยครับ เดี๋ยวเราไปชมชัดๆ กันเลยดีกว่า ห้อง Type แรกที่เราจะดูกันเป็นห้อง Studio ขนาด 27.50 ตร.ม. นะครับ เฟอร์นิเจอร์ที่จะแถมมากับห้องก็เป็นไปตามนี้เลยครับ เราไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า เปิดเข้าห้องมาก็จะเห็นภาพรวมในห้องแบบนี้ โซนนั่งเล่นกับที่นอนจะแชร์พื้นที่ใช้สอยร่วมกันตามในภาพเลยครับ ในห้องตัวอย่างชั้นวางทีวี ชั้นวางของเป็นแบบ​ Built-in ซึ่งห้องจริงจะเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวนะครับ ภาพมุมนี้จะเห็นโซนนั่งเล่นชัดๆ ซึ่งวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้วางตู้ หรือทำชั้นเก็บของได้อีก อันนี้ลองนั่งที่โซฟาดูก็รู้สึกว่าระยะห่างจากทีวีก็กำลังดีเลยครับ โต๊ะกินข้าวตัวนี้ ออกแบบมาช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในห้องได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้ใช้ก็สามารถพับเก็บได้เรียบร้อย มุมห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี เหลือพื้นที่บริเวณปลายเตียงให้เดินได้สะดวก ไม่แคบจนเกินไป บริเวณปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าอยู่ติดกับชั้นวางทีวีเลยครับ ของจริงจะเป็นตู้แบบลอยตัวไม่ได้ Built-in มาให้ จากมุมข้างหัวเตียงตรงหน้าห้องน้ำ วางโต๊ะเครื่องแป้งไว้เป็นมุมแต่งตัวได้ จากมุมนี้เราจะได้เห็นภาพรวมของห้องในอีกมุม เดี๋ยวเราไปดูในห้องน้ำกันบ้าง ซึ่งห้องน้ำของห้อง Type นี้จะอยู่ใกล้กับที่นอนเลย ภาพรวมในห้องน้ำ มีการจัดวาง Layout ตามนี้ครับ เน้นสีโทนเข้ม เรื่องการระบายอากาศในห้องน้ำ มีสองรูปแบบ มีทั้งพัดลมดูดอากาศ และหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะเป็นข้อดีในเรื่องการระบายกลิ่นแล้วยัง ช่วยในเรื่องการเพิ่มแสงธรรมชาติในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย สีกระเบื้องภายในห้องเป็นสีโทนเข้ม ตัดกับสีชุดสุขภัณฑ์สีขาว อ่างล้างหน้าของ American Standard ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ ก็ใช้ของ American Standard เช่นกัน ฝักบัวอาบน้ำครับ อันใหญ่ดีทีเดียว พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำก็กำลังดีครับ ไม่แคบจนเกินไป มาดูห้องครัวกันบ้าง ตำแหน่งห้องครัวอยู่ด้านเดียวกับห้องน้ำเลย ในครัวจะมีตู้เก็บของและเคาน์เตอร์ครัวมาให้แล้ว ครัวจะเป็นระบบปิด แยกส่วนระหว่างพื้นที่ครัวและห้องรับแขกหรือพื้นที่ส่วนอื่นๆออกจากกัน โดยมีประตูกั้นแบ่งแยกชัดเจน ทำให้ไม่มีกลิ่นอาหารในห้อง และป้องกันคราบน้ำมัน รวมทั้งฝุ่นละอองที่เกิดจากการปรุงอาหารเข้าสู่พื้นที่ใช้สอยอื่นๆ อีกทั้งพื้นที่ครัวติดหน้าต่าง ทำให้มีการระบายเรื่องกลิ่นได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย ซิงค์ล้างจานเป็นแบบฝังติดเคาน์เตอร์เลย เตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ MEX ครับ มาพร้อมกับฮูทดูดควันเข้าชุดยี่ห้อเดียวกัน ถัดจากห้องครัวออกไปเป็นระเบียง พื้นที่ระเบียงก็ไม่กว้างมาก แต่ก็พอใช้สอยประโยชน์ได้สบายๆ อยู่ครับ ตรงระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ช่วยระบายกลิ่นเวลาทำกับข้าวได้ดี ธรณีประตูตรงระเบียงก็สูงพอสมควร และพื้นระเบียงก็ดร็อปลงมาอีก ป้องกันเรื่องน้ำท่วมขังแล้วไหลเข้าห้องได้ คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ตรงระเบียงมีระแนงบังตาให้เรียบร้อย ด้านล่างคอมเพรสเซอร์แอร์เว้นที่ไว้วางเครื่องซักผ้าได้พอดิบพอดี ห้องต่อไปเป็น Type 1 Bedroom ที่ขนาดห้อง 34 ตร.ม. ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้องนี้ก็มีตามภาพเลยครับ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง โซฟา ฯลฯ ไปดูในห้องตัวอย่างกัน เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะโซนนั่งเล่นก่อนเลยครับ บรรยากาศรวมก็จะเป็นประมาณนี้ ชุดโซฟาวางชิดกับกำแพงด้านประตูเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางของ ส่วนทีวีแขวนไว้กับผนังห้อง มุมกินข้าวของห้องนี้ จะอยู่ต่อจากโซฟานั่งเล่น ซึ่งวางเป็นโต๊ะชุดเล็กๆ ได้กำลังดี อีกด้านของโต๊ะกินข้าวคือห้องครัว สังเกตุได้ว่าพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกระทัดรัดเลยทีเดียว ภายในห้องครัวจะมีเคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย กำแพงอีกด้านสามารถติดชั้นวางของเพิ่มเติมได้ จะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มากขึ้นกว่าเดิม ประตูห้องครัวใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนสีดำแบบนี้เลย อันนี้คือรางเลื่อนของประตูห้องครัวนะครับ จะเห็นว่าพื้นห้องครัวดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องลงมาเล็กน้อยด้วย ห้องครัวนี้ไม่ได้อยู่ติดระเบียง หน้าต่างเลยติดมาบานใหญ่หน่อย นอกจากจะช่วยในเรื่องรับแสงได้มากขึ้นแล้ว บานกระทุ้ง 2 บานก็จะช่วยเปิดให้ระบายกลิ่นได้ดีเช่นกัน ซิงค์ล้างจานแบบฝังครับ ตำแหน่งวางของห้องนี้อยู่ทางด้านขวา ติดกับตู้เย็นเลย เตาไฟฟ้า และฮูทดูดควันมาเป็นเซ็ตของ MEX แบบห้องก่อนหน้าเลย ด้านบนเป็นตู้เก็บของ Built-in มาให้ มีเว้นที่สำหรับวางไมโครเวฟเรียบร้อย หน้าต่างบานกระทุ้งในห้องครัวเป็กรอบอลูมิเนียมสีดำตามนี้ ติดกับห้องครัวก็เป็นห้องน้ำนะครับ ซึ่งยังคงเน้นโทนสีเทา-ดำเช่นเดิม การจัดวางภายในก็ไม่ต่างจากห้องก่อนหน้ามากนัก ห้องอาบน้ำกั้นกระจกเทมเปอร์มาให้ด้วยแล้ว อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ก็วางเรียงอยู่ในด้านเดียวกัน เหนืออ่างล้างหน้าทางโครงการจะติดกระจกเงาบานใหญ่ให้ตามภาพเลย อ่างล้างหน้าสเปคเดียวกัน ตินิดหน่อยตรงที่มีที่วางของได้น้อยไป ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระของ American Standard เหมือนเดิม ในห้องน้ำ มีหน้าต่างบ้านกระทุ้งให้อีกบาน สามารถเปิดระบายความชื้นได้ พื้นของห้องอาบน้ำดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องน้ำอีกประมาณ 2 ซม. เวลาอาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวน้ำจะไหลออกไปถึงโซนอื่นครับ ชุดฝักบัวของ American Standard เช่นกัน หัวใหญ่จับถนัดมือมากครับ บรรยากาศในห้องนอนครับ วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย ข้างเตียงนอน Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มพื้นที่ผนังเลย แต่ห้องจริงจะให้มาเป็นตู้แบบลอยตัวนะครับ อย่าลืม บริเวณปลายเตียงแขวนทีวีติดผนัง แต่ที่ปลายเตียงเหลือนิดเดียวเองนะครับ เดินไปมายากหน่อยนึง สำหรับห้อง Type นี้จะได้ห้องนอนที่มีระเบียงครับ ทำให้เพิ่มพื้นที่ทำงานติดริมระเบียงได้อีกหน่อย ดูกันชัดๆ ครับ มุมนี้ตกแต่งเป็นโต๊ะทำงาน หรือจะให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นมุมแต่งตัวก็ได้ ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดรับแสงได้ดีครับ ออกมาที่ระเบียงก็มีพื้นที่ใช้สอยได้พอสมควร พื้นระเบียงดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องเยอะเหมือนกัน ป้องกันน้ำขังแล้วท่วมเข้าห้องได้ดีเลย พื้นที่ของระเบียงครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดกำลังพอใช้งานได้ จะวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็ได้ หรือจะเลือกแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบนก็ได้ครับ ห้องตัวอย่างแบบสุดท้ายคือ 2 Bedroom ที่ขนาด 62 ตร.ม. ครับ เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้องก็จะมีจำนวนเยอะขึ้นกว่าห้องอื่นๆ ตามขนาดห้องครับ อย่าลืมว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ให้เป็นแบบลอยตัวทั้งหมดนะครับ ไม่ใช่ Built-in ไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ สวยดีทีเดียว เดินเข้าห้องมาก็เจอกับ Living Area หรือห้องนั่งเล่นก่อนเลย ลองดูบรรยากาศในห้องก่อนครับ มีมุมทำงานเพิ่มขึ้นมาในห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนพื้นที่โดยรวมก็กว้างขวางพอใช้ได้เลย มุมทำงานพร้อมตู้เก็บของจัดเต็มผนังด้านเดียวกับประตูทางเข้าห้องเลย โต๊ะกินข้าวยังคงใช้พื้นที่เดียวกันกับห้องนั่งเล่นนะครับ แบ่งๆ พื้นที่กัน จัดวางดีๆ หน่อยก็ลงตัวดีครับ โต๊ะกินข้าวขนาด 4 ทีนั่งวางไว้ตรงหน้าห้องครัวได้พอดี ดูกันชัดๆ ครับ พอวางโต๊ะกินข้าวแล้ว ยังเหลือพื้นที่ข้างๆ ให้ลากเก้าอี้ออกมานั่งได้สบายๆ พื้นที่โถงกลางห้องที่เป็น Living Area ถูกจัดสรรให้ใช้สอยได้คุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ห้องครัวกับห้องน้ำอยู่ด้านเดียวกันนะครับ คล้ายๆ กับห้องแบบ 1 Bedroom ภายในห้องครัวจะคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้นะครับ แต่มีขนาดที่กว้างขวางขึ้น ซึ่งเคาน์เตอร์ครัวก็ติดตั้งมาให้เรียบร้อย เว้นแต่ไม่ได้เว้นช่องไว้วางเครื่องซักผ้ามาด้วย เครื่องซักผ้าจึงต้องมาตั้งอยู่อีกฝั่งแทน เคาน์เตอร์ครัว ตำแหน่งการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็คล้ายๆ กับห้อง 1 Bedroom เลยครับ ซิงค์ล้างจานอยู่ทางขวา เตาไฟฟ้าอยู่ทางซ้ายใกล้กับหน้าต่าง ซิงค์ล้างจานอยู่ชิดขอบด้านขวา ติดกับตู้เย็น หัวเตาไฟฟ้า ยี่ห้อ MEX เป็นแบบ 2 หัวเหมือนเดิม ฮูตดูดควันยี่ห้อ MEX เข้าชุดกัน ภายรวมในห้องครัวครับ จะเห็นว่ากว้างขวางกว่าห้องก่อนหน้ามาก ในห้องน้ำติดกระจกบานใหญ่มาให้เรียบร้อย อ่างล้างหน้าของ American Standard สเปคเดิมครับ ชุดโถสุขภัณฑ์สเปคเท่ากับห้องอื่นๆ ในห้องน้ำใช้โทนสีเข้มเหมือนเดิม ส่วนห้องอาบน้ำก็กั้นกระจกเทมเปอร์มาให้เรียบร้อย ชุดฝักบัวในห้องอาบน้ำครับ ในห้องน้ำมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่ เปิดระบายอากาศได้ดี เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนกันครับ ประตูที่เห็นทางด้านซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ทางด้านขวา อันนี้เป็นห้องนอนใหญ่ครับ พื้นที่ภายในห้องกว้างขวางไม่น้อยเลย ในห้องวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงมากอยู่เหมือนกัน บรรยากาศในห้องจึงไม่อึดอัดเลย ด้านข้างเตียงมีช่องหน้าต่างกระจกบานไม่ใหญ่นัก แต่สามารถเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับห้องได้อีกทาง ผนังด้านที่ติดกับประตูห้อง ​Built-in เป็นมุมแต่งตัว มีทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้ามาพร้อม ในห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ ซึ่งจะอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องเลย ห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งหลังฝนังทีวีตรงปลายเตียงนะครับ อ่างล้างหน้า ชุดโถสุขภัณฑ์ กระจกเงาบานใหญ่ จัดวางไว้เหมือนกับห้องน้ำห้องอื่นๆ เป๊ะ ห้องอาบน้ำของห้องนอนใหญ่จะกว้างขึ้นมาอีกพอสมควร ถึงแม้จะอยู่ตรงกับตำแหน่งของเสาไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็จัดว่ากว้างมากเลยทีเดียว ระเบียงของห้องแบบ 2 Bedroom จะอยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ ซึ่งก็ได้ระเบียงที่กว้างขวาง ยาวเต็มความกว้างของห้อง ที่ระเบียงนอกจากจะเป็นจุดแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์เหมือนห้องอื่นๆ แล้ว ยังกว้างพอให้วางชุดเก้าอี้นั่งเล่นได้สบายๆ เอาไว้มานั่งเล่นชมวิวได้ครับ ส่วนอันนี้เป็นห้องนอนเล็กครับ ซึ่งขนาดก็กระทัดรัดกำลังดี ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเล็กๆ ห้องนี้ก็เหมาะเลย มีทั้งเตียงนอน โต๊ะทำการบ้าน และตู้ครบ เตียงนอนเล็กจัดวางไว้ชิดผนังห้อง ทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้น ภายในห้องนี้ตกแต่งให้โต๊ะอ่านหน้งสือไว้ตรงหัวเตียง และมีตู้เสื้อผ้า กับชั้นวางทีวีอยู่ติดผนังอีกด้าน อันนี้เป็นเฟอร์นิเจอร์ของห้องนอนเล็กในห้องตัวอย่างนะครับ แต่ของจริงอาจจะหน้าตาต่างกันนิดหน่อย เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว สำหรับห้องนอนเล็ก อาจปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องทำงาน หรือใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นก็ได้ ตามแต่จะดีไซน์กันครับ สำหรับโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ซึ่งเป็นคอนโดที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ล้านต้นๆ ถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะจับจองเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุนปล่อยห้องเช่า ก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีอยู่พอสมควร เนื่องจากศักยภาพการเติบโตของที่อยู่อาศัยในย่านนี้ยังโตอีกได้เยอะ ยิ่งถ้ารถไฟฟ้า BTS เปิดให้บริการก็จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองมากขึ้น ถ้าใครที่กำลังเล็งที่อยู่อาศัยในย่านนี้ หรือว่ามีที่ทำงานในแถบนี้อยู่แล้ว ลองเก็บไว้พิจารณาดูก็ไม่เลวครับ
HALLMARK งามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

HALLMARK งามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

สวัสดีทุกท่านครับ ^_^.. รีวิวฉบับนี้เราจะพาแวะไปแถวงามวงศ์วาน ใกล้ๆ กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเยี่ยมชมโครงการ Hallmark งามวงศ์วานคอนโดแบรนด์ Hallmark โครงการแรกจากชีวาทัย ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยก็พร้อมให้ลูกบ้านได้ย้ายเข้าอยู่กันแล้ว รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,390,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย อินเตอร์เช้นจ์ จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวนห้อง     792 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    7 - 0 - 70.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยดวงมณี ถนนงามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง นนทบุรี ที่จอดรถ    255 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) การเดินทาง ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยดวงมณี ติดกับกระทรวงสาธารณสุขเลยนะครับ การเดินทางก็มีให้เลือกหลายเส้นทาง ทั้งจากทางถนนงามวงศ์วาน เข้าทางซอยงามวงศ์วาน 2 และซอยหลวงวิเชียรแพทยาคม ผ่านกระทรวงสาธารณสุขมาออกซอยดวงมณี ส่วนทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เข้าทางซอยกรุงเทพ-นนท์ 14 ก่อนมาเข้าซอยดวงมณี แต่ทางนี้ใครที่ไม่คุ้นชินเส้นทางไม่แนะนำนะครับ เพราะต้องเลี้ยวเยอะหน่อย แถมซอยเล็กอีกตั้งหาก ส่วนทางที่สะดวกและง่ายที่สุดคือมาจากทางด่วนศรีรัช ลงที่ถนนงามวงศ์วานแล้ววกกลับวิ่งเลียบทางด่วน ก่อนมาเลี้ยวขวาเข้าซอยดวงมณีก็ถึงโครงการแล้วครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เราเริ่มกันบนทางด่วนศรีรัช ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางแจ้งวัฒนะเลยนะครับ เรามาลงที่ถนนงามวงศ์วาน มีป้ายบอกชัดเจน ลงมาแล้วชิดซ้ายไว้เลยนะครับ ลงมาแล้วจะเจอทางให้เลี้ยวซ้าย ตรงนี้เราเลี้ยวซ้ายไปแล้ววกกลับอีกทีเพื่อเข้าถนนเลียบทางด่วน มีป้ายบอกทางไปโครงการอยู่เป็นระยะๆ ไม่หลงแน่นอนครับ พอเราวกกลับเข้าถนนเลียบทางด่วนแล้ว ก็ตรงยาวเลยครับ ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอโรงการ Saijo Denki อยู่ด้านขวามือ แสดงว่าใกล้ถึงซอยดวงมณีแล้วครับ เลยจากโรงงาน Saijo Denki มาเจอสามแยก ให้เราเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอยดวงมณี เลี้ยวเข้ามาในซอยดวงมณีแล้วก็ตรงไปอีกนะครับ สังเกตุป้ายบอกทางโครงการให้ตรงไปอีก 500 เมตร ทางเข้า-ออก กระทรวงสาะารณสุข ใครมาจากทางถนนงามวงศ์วานต้องมาทะลุออกทางนี้แหละครับ ตรงมาเรื่อยๆ ก็ถึงโครงการแล้วครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปโลดดดด สีเขียวเตะตาแบบนี้สังเกตุได้ไม่ยากครับ ทางเข้าโครงการ ผ่านป้อมยามหน้าโครงการ ใครมาเยี่ยมชมโครงการก็จอดรถใต้อาคารตรงนี้ได้เลยนะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน อาจจะอยู่ในซอยลึกไปสักหน่อยนะครับ เมื่อมองจากทางถนนงามวงศ์วาน หรือทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่อาจจะสับสนกับการเดินทางอยู่สักหน่อย แต่จะสะดวกและใกล้มากๆ ถ้าใครทำงานอยู่กระทรวงสาธารณสุข สามารถเข้าออกได้ทางประตู 4 และประตู 5 ฝั่งซอยดวงมณี ถ้าใครไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะภายในซอยมีวินมอเตอร์ไซค์และรถสองแถวคอยให้บริการออกไปถึงถนนกรุงเทพ-นนท์ และไปถึงรถไฟฟ้าสถานีแยกติวานนท์กันเลย สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการเป็นชุมชนขนาดเล็กมีหมู่บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ และตึกแถวอยู่รอบๆ โครงการ ส่วนเรื่องของกินของใช้จะมีร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ อยู่ไม่ห่างจากโครงการมากนัก สำหรับตัวโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน ตอนนี้ก็สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ใครสนใจไปดูโครงการตอนนี้ก็จะได้เห็นตำแหน่งห้องจริงๆ กันเลยว่าอยู่ตรงไหน วิวห้องเราเป็นยังไง โดยตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร ล้อมรอบ Facility หลักของโครงการอย่างสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ที่อยู่ตรงกลาง สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby area Exercise room with equipment Swimming Pool Jogging Track Garden and outdoor recreation area Access card control 24-hours security by guard service 24-hours CCTV Master Plan ของโครงการ จะแสดงให้เราเห็นถึงตัวอาคารทั้ง 4 อาคารที่ล้อมรอบ Facility อย่างสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวไว้ตรงกลาง ที่ชั้น 1 จะแบ่งเป็นที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร ทั้ง 4 อาคาร รวมแล้วจอดได้ 255 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันนะครับ และอีกส่วนหนึ่งของชั้น 1 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย ที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร นอกจากห้องพักอาศัยที่อยู่ชั้น 1 แล้ว ยังมีร้านค้าด้วยนะครับ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีร้านอะไรบ้าง เรามาดูที่ฟิตเนสกันก่อนนะครับ ฟิตเนสจะอยู่ด้านหน้าอาคาร A บรรยากาศภายในฟิตเนส เป็นกระจกทั้งอาคาร ทำให้ดูโปร่งโล่ง มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำด้านนอก ภาพกราฟฟิกของสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางโครงการ คราวนี้เรามาดูสระว่ายน้ำของจริงกันบ้าง สระว่ายน้ำจะเป็นแนวยาว มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ อยู่ข้างๆ ฟิตเนส ทางเดินระหว่างอาคาร พาชมห้องตัวอย่าง เนื่องจากตอนนี้โครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเปิดให้ลูกบ้านเข้าอยู่กันได้แล้วนะครับ ทำให้เราได้เห็นพื้นที่จริงๆ สถานที่จริง ห้องจริง ของโครงการกันเลย โดยโครงการจะขายแบบ Fully Furnished ซึ่งห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ชมก็จัดเต็มแบบจุใจกันเลยถึง 4 แบบ ทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ประกอบด้วยห้อง Type A 1 ห้องนอน ขนาด 24-25 ตารางเมตร, Type B 1 ห้องนอน ขนาด 27-28 ตารางเมตร, Type C 31-32 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน Type G ขนาด 48-49 ตารางเมตร แต่เราไม่ได้เก็บภาพห้องตัวอย่างของ Type B มาให้ชมด้วยนะครับ เพราะการจัดวาง Layout จะเหมือนกับ Type A เลย ต่างกันแค่ Type B จะขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย ห้องแรกเรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 ห้องนอน Type A ก่อนเลยนะครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน Type A ขนาด 24-25 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอ Living Area ด้านหน้าก่อนเลยนะครับ ก่อนที่จะมองตรงไปเจอครัวที่อยู่ด้านใน โซฟาที่โครงการจัดมาให้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง มุมมองจากโซฟาไปที่ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม ระยะห่างถือว่ากว้างพอสมควรนะครับ วางทีวีจอใหญ่ได้เลย ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านในเป็นครัวแบบเปิด เคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะขนาดประมาณนี้นะครับ เหมือนเป็นเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารมากกว่า เพราะไม่มีเตาไฟฟ้าให้ด้วย มีซิ้งค์ล้างจานแบบฝังกับพื้นที่เตรียมอาหารนิดหน่อย ด้านล่างเป็นลิ้นชักและตู้เก็บของ ด้านบนเป็นที่วางไมโครเวฟ และตู้เก็บของเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหาร พื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัวนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน คอมเพรสเซอร์แอร์จะวางไว้ที่ด้านนอกระเบียง เราออกจากครัวไปดูที่ด้านนอกกันต่อ มาดูที่ห้องน้ำกันก่อนนะครับ ห้องน้ำจะอยู่ติดกับชั้นวางทีวีที่เราเห็นเมื่อสักครู่ การจัดวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำก็หน้าตาแบบนี้นะครับ พื้นที่ห้องน้าจะดรอปลงนิดหน่อย ได้อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ American Standard พื้นที่วางของอาจจะน้อยไปหน่อยนะครับ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard หลบอยู่ข้างๆ Shower Box ติดกับโถสุขภัณฑ์ จะเป็น Shower Box ประตูทางเข้าจะเป็นบานสไลด์เข้ามุม รูปร่างหน้าตาของฝักบัวที่ได้ สุดท้ายเราเข้ามาดูกันที่ห้องนอน ห้องนอนจะอยู่ติดกับห้องน้ำ เหมือนในแปลนนะครับ ขนาดห้องนอนถือว่ากว้างพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ ห้องเลยดูโล่งขึ้นอีกหน่อย เปิดประตูเข้ามาเกือบถึงขอบเตียงพอดี ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมาติดขอบเตียงพอดี ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ มีบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix ห้องต่อมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่ขนาดห้องจะใหญ่ขึ้นมาอีกเป็น 30.5 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ก็จะแตกต่างจาก Type A ด้วยนะครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน Type C ขนาด 31-32 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้ว มองเอียงมาทางซ้ายนิดหน่อย จะเป็น Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง โซฟาที่โครงการจัดมาให้จะเป็นโซฟา 2 ที่นั่ง เหมือนห้อง Type A ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม จะอยู่ติดกับประตูห้อง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area ห้องนี้ได้วิวสระว่ายน้ำด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามกับ Living Area จะเป็นส่วนครัวแบบเปิด เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับครัวของห้อง Type A นะครับ เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ไว้สำหรับเตรียมอาหาร แต่ชุดครัวของห้องนี้มีช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ด้านล่างด้วย ใกล้ๆ กันจะเป็นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน จริงๆ แล้วมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะยาว 4 ที่นั่งได้เลยนะครับ ด้านบนเป็นชั้นลอย และช่องวางไมโครเวฟ ใกล้ๆ กับครัวจะแยกออกเป็น 2 ห้อง คือห้องน้ำและห้องนอน เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อน ห้องน้ำจะเข้าออกได้ 2 ทางนะครับ นอกจากทางครัวแล้ว ยังเข้าทางห้องนอนได้ด้วย ทางเข้าจากห้องนอน สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนๆ กับห้อง Type A นะครับ อ่างล้างหน้าของ American Standard อยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box ห้องนี้จะใหญ่กว่าห้อง Type A เราเข้ามาดูในห้องนอนกันต่อ เตียงที่ทางโครงการจัดมาให้เป็นเตียง 5 ฟุต ข้างเตียงด้านที่ติดกับประตูห้องน้ำ จะเป็นตู้เสื้อผ้า ติดกับตู้เสื้อผ้ามีหน้าต่างบานเล็กๆ 1 บาน ข้างเตียงอีกฝั่งเป็นหน้าต่าง แต่จะได้บานเล็กกว่าห้อง Type A หน่อยนะครับ หน้าต่างจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix สุดท้ายมาดูที่ห้องแบบ 2 ห้องนอน Type G ขนาด 49 ตารางเมตร แบบห้อง Type G ขนาด 48-49 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ก่อนจะมองตรงไปเป็น Dining Area ด้านซ้ายเป็น Living Area และด้านขวาเป็นห้องน้ำ มือจับประตูและที่ล็อค เราเลี้ยวซ้ายมาดู Living Area กันก่อนนะครับ โซฟาที่โครงการให้มาเป็นโซฟา 3 ที่นั่ง ขนาดของโซฟาเท่ากันผนังเป๊ะเลย ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม จาก Living Area เราตรงเข้ามาดูที่ส่วน Dining Area ที่มีเคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะเป็นแนวยาวแบบนี้นะครับ แต่ไม่มีเตาไฟฟ้าให้ ใครอยากได้ไว้ทำอาหารอาจจะต้องติดตั้งเพิ่มกันเอง มีช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ด้านล่าง ตู้และลิ้นชักเก็บของด้านล่าง ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ด้านบนเป็นตู้แขวนผนัง พร้อมช่องวางไมโครเวฟ ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว เป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 3 ที่นั่ง ถัดจากครัวเข้าไปด้านในจะเป็นระเบียงใหญ่ กั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ 2 บาน พื้นที่ระเบียง จากระเบียงมองเข้าไปเห็นห้องนอน ที่ทำเป็นกระจกเข้ามุมไว้ อีกด้านเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ หันหน้าเข้าระเบียง จากระเบียงเรากลับเข้ามาด้านใน มาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อ ห้องนอนเล็กจะอยู่ติดกับโต๊ะทานอาหาร ในห้องนอนเล็กโครงการวางเตียงขนาด 3 ฟุต พร้อมโต๊ะทำงานอยู่ข้างเตียง ที่หัวเตียงจะเป็นหน้าต่างบานยาวเท่ากับผนัง หน้าต่างจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน และบาน fix อีก 2 บานด้านข้าง พื้นที่ปลายเตียงเหลือนิดหน่อยนะครับ เป็นที่วางตู้เสื้อผ้า เราออกจากห้องนอนเล็กข้ามมาดูห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ขนาดจะใหญ่กว่า 2 ห้องแรกที่เราดูมานิดหน่อย มาพร้อมกับกระจกเงาบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์จะอยู่ติดกับอ่างล้างหน้า มีที่ใส่กระดาษชำระอยู่ข้างๆ ด้านในสุดเป็น Shower Box กั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างพอสมควร ที่แขวนผ้าเช็ดตัว จะอยู่หน้า Shower Box ขนาดของ Shower Box ชุดฝักบัวที่ได้ สุดท้ายเราเข้ามาดูที่ห้องนอนใหญ่ ในห้องนอนใหญ่โครงการวางเตียง 5 ฟุตไว้ให้ ข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานยาว เข้ามุมไว้ทั้ง 2 ด้าน มองออกไปเห็นระเบียงด้านนอก มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะข้างเตียง จะมีบ้านเลื่อนให้ 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix ทั้งหมด ข้างเตียงอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า และมีโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ อยู่ด้วย โดยรวมแล้วตัวโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนคอนโดในเมือง และเหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในย่านนี้ โดยเฉพาะข้าราชการหรือบุคคลากรที่ทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข จะสะดวกมากที่สุด เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้กระทรวงสาธารณสุข ส่วนเรื่องการเดินทางถ้าหากใครที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็อาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อย เพราะทำเลที่ตั้งโครงการถือว่าอยู่ในซอยลึกพอสมควร แต่ก็ยังมีรถสองแถวและวินมอเตอร์ไซค์ไว้คอยให้บริการอยู่ อีกทั้งปลายปีนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่อยู่ใกล้ๆ อย่างสถานีแยกติวานนท์ก็จะเปิดให้บริการแล้ว อาจจะช่วยให้การเดินทางในอนาคตสะดวกมากขึ้น
ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปดูคอนโด High Rise ของชีวาทัย ในทำเลที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน สำหรับโครงการชีวาทัย Interchange นี้ แต่ก่อนเป็นโครงการคอนโดที่มีชื่อว่า “Cross Point At Taopoon Station” แล้วนำมาพัฒนาต่อ จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ชีวาทัย Interchange ตามปัจจุบัน การเดินทาง สำหรับเรื่องการเดินทางก็สามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ เนื่องจากว่าโครงการตั้งอยู่ตรงแยกเตาปูนพอดี ไม่ว่าจะเป็นทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งตรงจากติวานนท์ วงศ์สว่าง มาถึงแยกเตาปูน, ถนนประชาชื่น ตรงมาจากงามวงศ์วาน เรียบคลองประปามาเรื่อยๆ ก่อนเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ก็ได้ ส่วนใครมาจากทางจรัญฯ ข้ามสะพานพระราม 7 มาแล้ววกเข้าถนนประชาราษฏร์ สาย 1 ก่อนมาเลี้ยวซ้ายที่แยกบางโพ เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ได้ก็เหมือนกัน อีกเส้นทางหนึ่งคือถนนสามเสน วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ก่อนมาเลี้ยวขวาที่แยกบางโพ เข้าถนนประชาราษฏร์สาย 2 แผนที่เส้นทางรอบๆ โครงการ เราซูมลงมาดูกันใกล้ๆ อีกหน่อย จะเห็นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแยกเตาปูน ติดกับตัวสถานี MRT เตาปูนเลยล่ะครับ การเดินทางครั้งนี้เราใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เราตรงมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เรื่อยๆ ก่อนจะตรงผ่านแยกวงศ์สว่าง ตรงนี้เป็นแยกวงศ์สว่าง ถ้าเลี้ยวขวาจะไปทางวงศ์สว่าง ผ่านบิ๊กซี ก่อนขึ้นสะพานพระราม 7 ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางประชาชื่น รัชโยธิน เราตรงไปทางบางซื่อ เตาปูน ต่อเลยครับ ตามเส้นทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรีเราจะเห็นแนวรถไฟฟ้า มาตลอดทาง ปลายปีนี้ รถไฟฟ้าสายนี้ก็จะเริ่มเปิดทดลองให้บริการแล้วนะครับ ที่เห็นด้านหน้าจะเป็นแนวรถไฟชานเมืองสายสีแดง เราตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเตาปูน จะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนอยู่ด้านหน้า ถึงแยกเตาปูนแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะเราต้องเลี้ยวขวาที่แยกนี้ เลี้ยวขวามาแล้วให้รีบชิดซ้ายเลยนะครับ เพราะตัวโครงการจะอยู่ห่างจากแยกเตาปูนแค่นิดเดียว ถึงแล้วล่ะครับ สำนักงานขายจะตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 หน้าไซต์ก่อสร้างโครงการเลย ตอนนี้ตัวโครงการสร้างไปเยอะแล้วนะครับ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้ลูกบ้านได้ย้ายเข้าอยู่ได้ภายในสิ้นปีนี้ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ​ ชีวาทัย Interchange ก็มีความสำคัญมากๆ เพราะอยู่ในจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินพอดิบพอดี ชนิดที่เดินออกจากโครงการมาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนแล้ว หรือถ้าจะบอกว่าบันไดสถานีแทบจะเกยหน้าโครงการเลยก็คงจะไม่เกินไปนัก แต่ก็ใช่ว่าการที่ตัวโครงการอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าจะไม่มีข้อพึงระวังนะครับ เรื่องเสียงดังรบกวนอาจจะมีโอกาสเล็ดลอดมาบ้าง รวมถึงมลภาวะทางอากาศเนื่องจากอยู่ใกล้สี่แยกใหญ่ด้วย ทั้งนี้คนที่อยู่ในห้องสูงๆ หน่อยก็จะห่างไกลปัญหาเหล่านี้ได้มากกว่าห้องล่างๆ ครับ สภาพแวดล้อมในย่านนี้ยังคงความเป็นชุมชนเก่า ค่อนข้างสงบ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย ยิ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยิ่งทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต ดังนั้นเรื่องอาหารการกินและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่แวดล้อมอยู่รอบๆ จึงจัดว่าครบครันมาก เราไปดูกันดีกว่าว่าใกล้ๆ โครงการมีอะไรน่าสนใจบ้าง จากสถานีเตาปูนมาทางถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี นิดเดียวจะมีร้านสะดวกซื้อ และร้านขายอาหาร อยู่หลายร้านเลยครับ ใกล้ๆ กันก็มีตลาดสดให้เลือกซื้อเลือกหา มีทั้งผัก ผลไม้ ของสด ของแห้ง เสื้อผ้า จากถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เราสามารถเดินทะลุตลาดสดมาออกถนนประชาชื่นได้เลยครับ บรรยากาศบนถนนประชาชื่น ถ้าใครไม่ชอบเดินตลาดสด ข้ามมาฝั่งถนนประชาชื่นก็จะมีเทสโก้ โลตัส ไว้คอยบริการ ถ้าเดินมาแล้วขี้เกียจเดินกลับก็มีพี่วินมอไซค์ คอยรับ-ส่ง อยู่หน้าโลตัส สำหรับตัวโครงการ ชีวาทัย Interchange เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้น โดยแบ่งชั้น1-5 เป็นพื้นที่จอดรถ และตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปก็จะเป็นพื้นที่พักอาศัย ซึ่ง Facility หลักภายในโครงการจะรวมกันอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรฐานเลย ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย... ทางเข้าโครงการ จากถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby และเป็นที่จอดรถส่วนหนึ่ง ซึ่งที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปถึงชั้น 5 หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G ชั้น 6 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย Facility หลักของโครงการก็จะอยู่ที่ชั้น 6 ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนส สระว่ายน้ำและฟิตเนสบนชั้น 6 จากชั้น 7 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14 ยูนิตต่อชั้น ห้องมุมทั้ง 4 ด้านจะเป็นห้อง 2 ห้องนอน พาชมห้องตัวอย่าง ห้องพักทั้งหมดของโครงการมีทั้งแบบ 1 Bedroom, 2 Bedroom และ 3 Bedroom ซึ่งแบบ 1 Bedroom ตอนนี้ขายหมดเกลี้ยงแล้วนะครับ สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในวันนี้ จึงเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ซึ่งมีขนาดห้องตั้งแต่ 51 ตร.ม​. ไปจนถึงขนาด 57 ตร.ม. โดยที่ห้องแบบ 2 Bedroom นี้จะอยู่ในตำแหน่งมุมตึกทั้งหมด ทำให้สามารถเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ แถมห้องที่ทางโครงการขายให้ก็เป็นแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่เรียบร้อย หน้าตาห้องตัวอย่างจะเป็นอย่างไรบ้าง เรามีรูปพร้อมคำบรรยายกันแบบชัดๆ มาฝากครับ โดยที่รูปทั้งหมดถ่ายจากห้องตัวอย่างที่อยู่บนอาคารจริง ไม่ใช่ห้องในสำนักงานขายนะครับ ห้องแรกเรามาดูที่ห้อง Type B2 ขนาด 57.40 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ มองตรงเข้าไปข้างในจะเป็น Living Area ส่วน Dining Area วางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างของทีวีกับโซฟาจะประมาณนี้นะครับ สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งแบบ L-Shape ได้สบายๆ ฝั่งชั้นวางทีวี โครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ ไว้ให้ ติดกับ Living Area จะมีระเบียงใหญ่อยู่ด้วย ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงที่ได้จะกว้างประมาณนี้นะครับ อีกด้านจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ ห้องที่เราทำการรีวิวนี้จะอยู่ที่ชั้น 7 มองจากระเบียงออกมาจะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน มุมมองย้อนกลับไปทางประตูหน้าห้อง คราวนี้เราเข้าไปดูในครัวกันบ้าง เคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจัดไว้ให้จะได้แบบนี้เลยนะครับ เป็นชุดครัวของ Starmark สังเกตที่ผนังทางโครงการจะติดกระจกให้ด้วยนะครับ เวลามีเศษอาหาร หรือน้ำมันกระเด็นไปโดนผนัง จะได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้จะประกอบด้วยเตาไฟฟ้า 4 หัว ของ Teka พร้อมฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ และจุดวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟของ Teka ที่เป็นทั้งไมโครเวฟและเตาอบเครื่องนี้ก็ได้ด้วยนะครับ จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ข้างๆ ไมโครเวฟ แต่เครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ภายในครัวจะมีประตูเล็กๆ สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ เวลาซักผ้าเสร็จแล้วก็เอาออกมาตากที่ระเบียงได้เลย อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ Mogen ทั้งหมดนะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ใต้อ่างล้างหน้ามีตู้เก็บของเล็กๆ ให้ด้วย กระจกเงาได้ขนาดพอดีตัว กระจกเงาสามารถเปิดได้นะครับ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้านหลัง โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box พื้นที่ใน Shower Box กว้างพอสมควร ชุดฝักบัวของ Mogen พร้อม Rain Shower ออกจากห้องน้ำกับห้องครัวมา มองตรงผ่าน Living Area ไปจะเป็นทางเข้าห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ที่แยกกันอยู่คนละด้าน เรามาดูห้องนอนทางซ้ายกันก่อน หน้าบานประตูห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะเป็นสีขาว มือจับประตูเป็นลูกบิดแบบที่เห็นเลยนะครับ เมื่อดูจากแปลนห้องแล้ว ขนาดของห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะไม่ต่างกันมากนะครับ ห้องนี้จะใหญ่กว่านิดหน่อย จะเรียกว่าเป็น Master Bedroom ก็ได้ วางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังดีเลยครับ ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป เตียงจะวางอยู่ติดกับหน้าต่าง ด้านบนจะเป็นบานเปิด 3 บาน ส่วนด้านล่างจะเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควรนะครับ สามารถ Built in เป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะเปลี่ยนเป็นชั้นวางทีวีก็ได้ ใกล้ๆ กันจะเป็นตู้เสื้อผ้า ตรงกลางระหว่างโต๊ะทำงานกับตู้เสื้อผ้ามีหน้าต่างบานเล็กๆ อีก 1 จุด ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำในตัว การจัดวาง Layout ในห้องน้ำ และสุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกันห้องน้ำ ห้องแรกที่เราดูกันมาแล้ว อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box เหมือนเดิมนะครับ แต่ขนาดของห้องนี้จะเล็กกว่าห้องน้ำด้านนอกนิดหน่อย ชุดฝักบัว มาพร้อม Rain Shower เหมือนเดิม เราข้ามมาดูที่ห้องนอนอีกห้องกันบ้าง ห้องนอนห้องนี้ขนาดจะเล็กลงมาอีกนิดหน่อย เตียงใช้ขนาด 5 ฟุตเหมือนกัน หน้าต่างข้างเตียงจะเป็นบานเปิดบานเดียว ปลายเตียงไม่มีที่เหลือพอให้ Built in ชั้นวางทีวีนะครับ อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง วางอยู่ใกล้ๆ กับตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะคล้ายๆ กับห้อง Master Bedroom นะครับ ห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นแบบ 2 ห้องนอนเหมือนกันนะครับ การจะวาง Layout แทบจะไม่ต่างกับห้องเมื่อกี้เลย จะต่างกันแค่ขนาด ห้องนี้นี้ขนาดจะเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 59.20 ตารางเมตร อย่างที่บอกนะครับว่าการจัดวาง Layout แทบจะเหมือนกับห้องเมื่อกี้เป๊ะๆ เข้ามาแล้วก็เจอส่วน Dining Area อยู่หน้าห้องก่อนเลยครับ โต๊ะทานอาหารก็วางขนาด 4 ที่นั่งเหมือนกัน ถัดเข้ามาด้านในเป็นส่วน Living Area มองย้อนกลับออกไปหน้าห้อง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area เหมือนเดิมนะครับ ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็อยู่ที่ระเบียง เรากลับเข้ามาดูที่ห้องครัวกันต่อ ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะเป็นของ Starmark เหมือนกัน ซิ้งค์ล้างจากทรงสี่เหลี่ยมแบบฝัง เตาไฟฟ้า 4 หัวของ Teka มาพร้อมฮูดดูดควัน ด้านบนเป็นตู้แขวนผนัง มีประตูเล็กๆ ออกไปที่ระเบียงเหมือนเดิมครับ อีกด้านเป็นห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Type B2 อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen กระจกเงามีตู้อยู่ด้านหลังเหมือนกัน โถสุขภัณฑ์วางอยู่ระหว่างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ากับ Shower Box Shower Box จะอยู่ด้านในสุดเหมือนเดิมนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กันกับห้อง Type B2 เราออกมาดูที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ เริ่มจากห้องนอนเล็กทางซ้ายมือกันก่อน ห้องนี้วางเตียง 5 ฟุตจะพอดีเลยนะครับ ปลายเตียงไม่มีที่เหลือแล้ว ถ้าอยากดูทีวีในห้องนอน ก็ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแล้วล่ะครับ โต๊ะเครื่องแป้งจะ Built in ไว้ที่ข้างเตียง ใกล้ๆ กันจะเป็นตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บาน เราข้ามไปดูห้อง Master Bedroom กันต่อ ห้องนี้การจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้อง Master ของ Type B2 เลยนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่กว่านิดหน่อย เตียงที่โครงการจัดไว้ให้เป็นเตียงขนาด 5 ฟุต เตียงจะวางติดกับหน้าต่าง ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ด้านปลายเตียง ใกล้ๆ กับชั้นวางทีวี ส่วนในห้องน้ำก็จะคล้ายๆ กับห้องน้ำด้านนอกนะครับ การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม โถสุขภัณฑ์อยู่ระหว่างอ่างล้างหน้ากับ Shower Box Shower Box อยู่ด้านในสุด ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower อย่างที่ทราบกันแล้วว่า โครงการ ชีวาทัย Interchange ได้เปรียบมากในเรื่องทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่ติดกับทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าเลย ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ ถึงจะอยู่ในทำเลเดียวกัน แต่ก็ยังตั้งอยู่ห่างจากตัวสถานีรถไฟฟ้าออกไปอย่างน้อย 300 เมตร จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจโครงการนี้ก่อนรายอื่นๆ ปัจจุบันห้องแบบ 2 Bedroom ยังมีเหลือให้เลือกจับจองอีกพอสมควร ถ้าใครกำลังมองหาห้องพักอาศัยในย่านนี้ แนะนำให้นัดหมายเพื่อเข้าไปชมห้องตัวอย่างในสถานที่จริงกันก่อนครับ เผื่อจะได้ตัดสินใจซื้อในเร็ววัน เพราะคาดว่าในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเมื่อไหร่ ราคาห้องก็คงขยับสูงขึ้นไปอีกแน่ๆ แล้วจะต้องมาเสียดายทีหลัง
Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ : รีวิวคอนโด

Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปชมคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุดจากเครือ LPN ในชื่อ Lumpini Mixx (ลุมพินี มิกซ์) ซึ่งปักหมุดในทำเลใกล้สี่แยกศรีเทพา (ถนนศรีนครินทร์ตัดกับถนนเทพารักษ์) เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับสายสีเหลืองอยู่เนืองๆ แถมเปิดตัวที่ราคา 7 แสนเศษเท่านั้น ยิ่งทำให้รู้สึกน่าจับจองเป็นที่สุด ว่าแล้วก็ไปดูโครงการกันเลยดีกว่าครับ การเดินทาง การเดินทางวันนี้เราขอยืดรถไฟฟ้าเป็นหลัก ด้วยการมาลงที่สถานีแบริ่ง ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ณ ขณะนี้ แล้วต่อรถมายังตัวโครงการอีกที ซึ่งก็สามารถเลือกได้ทั้งเส้นทางในซอยแบริ่ง มาออกถนนศรีนครินทร์ แล้วค่อยมาเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ หรือวิ่งตรงมาผ่านสถานีตำรวจภูธรตำบลสำโรงเหนือแล้วก็เลี้ยวซ้าย วิ่งตรงมาตามถนนเทพารักษ์ยาวๆ เลย พอผ่านแยกศรีเทพา ก็ให้กลับรถแล้วชิดซ้ายเพื่อเข้าโครงการ เนื่องจากที่ตั้งโครงการ Lumpini Mixx อยู่ห่างจากสี่แยกศรีเทพาเพียง 260 เมตรเท่านั้น การต่อรถจากสถานีรถไฟฟ้ามายังโครงการก็ทำได้ง่าย มีให้เลือกทั้งรถสองแถวสีส้ม (บางนา-สำโรง หนามแดง) หรือจะเรียกรถแท็กซี่ หรือใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างตรงทางลงรถไฟฟ้าก็สะดวกดีเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทางโครงการ Lumpini Mixx ก็จัดให้มีรถรับ-ส่งจากโครงการไปยังสถานีรถไฟฟ้าแบริ่งเพื่อเพิ่มความสะดวกสำหรับลูกบ้านด้วย   การเดินทางวันนี้เราเริ่มจาก BTS สถานีแบริ่งกันเลยนะครับ จากตรงนี้ไปมี 2 เส้นทางให้เลือกคือเข้าถนนสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งก็ได้ หรือตรงไปเข้าถนนเทพารักษ์เลยก็ได้เหมือนกัน เราเลือกตรงมาตามถนนสุขุมวิท แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเทพารักษ์นะครับ จาก BTS สถานีแบริ่งมา มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีเขียว ตลอดทางไปจนถึงบริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเลยนะครับ จาก BTS แบริ่งมาประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ จะเจอบิ๊กซี สำโรงอยู่ทางขวามือ เราตรงมาตามถนนสุขุมวิทเรื่อยๆ ตรงนี้จะเป็นจุดก่อสร้าง BTS สถานีสำโรง อยู่ก่อนถึงแยกที่เราจะเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ ตรงมาอีกหน่อยจะเจอ 3 แยก ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนเทพารักษ์ เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะเห็นบรรยากาศบนถนนเทพารักษ์เป็นถนน 3 เลน ตอนเราไปเป็นช่วงเกือบจะเที่ยงแล้ว การจราจรจึงคล่องตัวอย่างที่เห็น เข้าสู่ตำบลบางเมืองกันแล้ว จากแยกถนนสุขุมวิท เราตรงมาตามถนนเทพารักษ์อีกประมาณ 4 กม. จะเจออีกแยก เป็นแยกศรีเทพา (ถนนเทพารักษ์ตัดกับถนนศรีนครินทร์) เราตรงผ่านแยกศรีเทพาไปเลยนะครับ เลยแยกมานิดเดียว จะเห็นโครงการอยู่ทางด้านขวามือ เราชิดขวาเพื่อกลับรถ จุดกลับรถจะอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าโครงการเลยนะครับ กลับรถแล้วรีบชิดซ้ายทันที ถึงแล้วละครับ สำนักงานขายของโครงการ ถ้าใครไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว หน้าโครงการก็มีรถสาธารณะไว้ให้บริการด้วยนะครับ ทั้งรถเมล์ และรถสองแถว วิ่งไปถึง BTS แบริ่งกันเลย เลี้ยวเข้าไปจอดรถด้านหลังสำนักงานขายได้เลยครับ เข้ามาในสำนักงานขายแล้วคึกคักทีเดียวครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็สะดวกไม่แพ้กัน เพราะมีเส้นทางให้เลือกทั้งถนนเทพารักษ์ ถนนศรีนครินทร์ ที่ไปออกได้ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนบางนา-ตราด และถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งใต้ สำหรับในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวทำส่วนต่อขยายเสร็จแล้ว สถานีก็จะขยับเข้ามาใกล้ตัวโครงการมากขึ้น จากสถานีแบริ่งก็จะเป็นสถานีสำโรงแทน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งอยู่ในแผนก่อสร้างในอนาคต ก็จะมีสถานีศรีด่าน และสถานีศรีเทพาอยู่ใกล้ๆ ในระยะเพียง 1 กิโลเมตรครับ วิเคราะห์รอบโครงการ โครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ในชุมชนตรงสี่แยกย่านศรีเทพาพอดี พื้นที่รอบๆ เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมด ริมถนนเทพารักษ์แถบนี้เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย มีอาหารการกินขายตั้งแต่เช้ายันค่ำ รถราก็วิ่งผ่านไปมาตลอดวัน บรรยากาศจึงคึกคักไม่เงียบเหงา หรือห่างไกลความเจริญเลยครับ แหล่งช็อปปิ้งสำคัญๆ ของย่านนี้ก็อยู่รอบๆ โครงการ บนเส้นศรีนครินทร์ก็มีทั้ง Food Land, Big C, Makro, Paradise Park และ Seacon Square เลยไปทางถนนบางนา-ตราดก็มี Central บางนา, Mega บางนา และ Tesco Lotus ส่วนสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีแวดล้อมครบถ้วนทั้ง โรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน มหาวิทยาลัย ธนาคาร และหน่วยงานราชการ ใกล้โครงการมีร้านขายอาหารอยู่หลายร้านเลยนะครับ สำหรับโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ที่มีทั้งหมด 7 อาคารด้วยกัน แต่ละอาคารตั้งเรียงตัวกันยาวเข้าไปตามแนวของที่ดิน โซนด้านหน้าเรียกว่าโซน A มี 3 อาคาร ส่วนด้านในเป็นโซน B มีอีก 4 อาคาร โดยที่ Facilities ต่างๆ ก็กระจายกันไปในแต่ละอาคาร ลูกบ้านแต่ละอาคาร ดังนี้ อาคาร A1 จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด และร้านเสริมสวย อาคาร A2 มีร้านอาหาร ห้องเด็กเล่น และห้องสมุด อาคาร A3 มีห้องออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ อาคาร B1 มีห้องกิจกรรมผู้สูงอายุ อาคาร B2 มีร้านอาหาร อาคาร B3 มีห้องออกกำลังกายอีกห้อง อาคาร B4 ห้องเด็กเล็ก และห้องสมุด ส่วนพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนก็มีอยู่ทุกๆ อาคาร เช่นเดียวกับที่จอดรถที่มีให้จอดที่บริเวณด้านหลังของทุกๆ อาคาร และมีอาคารจอดรถสูง 4 ชั้น อยู่ระหว่างอาคาร B2 และ B3 เพิ่มเติมมาให้ด้วย ช่วยเพิ่มจำนวนที่จอดรถได้มากขึ้นพอสมควร แต่โดยรวมแล้วก็ยังสามารถรองรับได้ประมาณ 30% เรื่องทิศทางของอาคาร อาคารทั้งหมดจะตั้งอยู่ในแนวเหนือใต้ตามรูปที่ดิน หน้าอาคารในโซน A จะหันไปทางทิศตะวันออก ส่วนโซน B หันหน้าไปทางทิศตะวันตกครับ ดังนั้นห้องเกือบทั้งหมดจึงเผชิญกับทิศตะวันออก และทิศตะวันตก รักชอบด้านไหนก็เลือกกันได้ตามสะดวก นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน ลิฟท์โดยสารอาคารละ 2 ตัว และรถรับส่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านเพิ่มเติม Master Plan ของโครงการที่มีทั้งหมด 7 อาคาร เรียงตัวกันยาวเข้าไปตามแนวของที่ดิน มีอาคารจอดรถสูง 4 ชั้น 1 อาคาร อยู่ระหว่างอาคาร B2 กับ B3 แต่ละอาคารจะมีสวนสีเขียวอยู่หน้าอาคาร อาคาร A1 จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด และร้านเสริมสวย อยู่ที่ชั้น 1 และห้องพักบางส่วนจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 และอีกส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร ชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด อาคาร A2 ชั้น 1 จะมีร้านอาหาร ห้องเด็กเล่น ห้องสมุด ส่วนหนึ่งเป็นห้องพักอาศัย และที่จอดรถใต้อาคารและรอบๆ อาคาร อาคาร A3 มีห้องออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ อยู่ที่ชั้น 2 สระว่ายน้ำบนชั้น 2 ของอาคาร A3 อาคาร B1 ชั้น 1 มีห้องกิจกรรมผู้สูงอายุ และห้องพักอาศัยก็เริ่มต้นที่ชั้น 1 นี่เลยนะครับ ที่จอดรถจะใช้พื้นที่รอบๆ อาคาร อาคาร B2 มีร้านอาหาร อยู่ที่ชั้น 1 อาคาร B3 จะมีห้องออกกำลังกายอยู่อีก 1 ห้อง อาคาร B4 จะมีห้องเด็กเล็ก และห้องสมุด พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกว่าโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ เป็นแบรนด์ใหม่เอี่ยมแกะกล่องจากเครือ LPN เลยมีห้องแบบใหม่มาฝากกันด้วย แต่ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ห้องแบบเดิม ไซส์เดิมตามมาตรฐานของ Lumpini ยังคงมีอยู่ครบ โดยทางโครงการจะแบ่ง Layout ห้องแบบเดิมในขนาด 22.50-26.50 ตร.ม. ไว้ในอาคารโซน A ส่วนห้อง Layout ใหม่ ขนาดใหม่จะอยู่ในอาคารโซน B ทั้งหมด ซึ่งห้องแบบใหม่จะมีขนาดที่ 21.50-22 ตร.ม. เรียกว่าเป็นขนาดที่เล็กกระทัดรัดกว่านิดหน่อย แต่ก็มีการจัดวางพื้นที่ภายในให้สามารถใช้สอยได้คุ้มค่าเหมือนเดิม ดังนั้นราคาห้องเริ่มต้นของโครงการนี้จึงอยู่ในช่วงราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก เชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นหน้าตาของห้องตัวอย่างกันแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่าครับ ห้อง Studio ขนาด 21.50 ตารางเมตร เรามาเริ่มกันจากห้อง Studio ขนาด 21.50 ตารางเมตร กันก่อนเลยนะครับ ห้องที่ได้จะเป็นห้องเปล่า แต่ถ้าอยากได้แบบห้องตัวอย่าง ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 175,000 บาท ห้องนี้จะเป็น Layout แบบใหม่ของ LPN อาจจะแปลกตาหน่อยนะครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นส่วน Living Area อยู่ด้านหน้า ถัดเข้าไปจะเป็นห้องนอน พื้นที่ Living Area ขนาดกะทัดรัต ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา จะได้ประมาณนี้นะครับ ก็ถือว่าไม่แคบเกินไป สำหรับห้อง size นี้ จุดที่วางทีวี โครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ แบ่งครึ่งกับโต๊ะทานอาหารหรือจะเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ ฝั่งที่วางโซฟาในห้องตัวอย่าง Built in เป็นโซฟา 2 ที่นั่ง ที่อยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังพอดีครับ ติดกับเตียงนอนจะมีหน้าต่าง เป็นกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้ Built in เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ อีกฝั่งของห้องจะเป็นส่วนครัว อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับระเบียง เคาน์เตอร์ครัว จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ นะครับ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่า ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง ด้านขวามือของครัวจะเป็นห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นของ American Standard อ่างล้างหน้า มาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว ด้านไหนจะเป็นส่วนเปียก ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะครับ อาจจะต้องติดเพิ่มเอง ชุดฝักบัว มีก๊อกน้ำอยู่ด้านล่างให้ด้วย ส่วนด้านซ้ายของครัว จะเป็นประตูออกไปที่ระเบียงด้านนอก ระเบียงด้านนอกรูปร่างหน้าตาก็ตามสไตล์ LPN นะครับ ด้านบนจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ มีกริลเป่าลมออกด้านนอก มีหน้าต่างบานเกล็ด เพื่อช่วยระบายกลิ่นออกจากส่วนครัว ต่อมาเรามาดูแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร แปลนห้อง 2 ห้องนอนขนาด 43 ตารางเมตร เป็นการเอาห้อง 21.50 ตารางเมตร 2 ห้องรวมกัน ห้องนี้หากให้โครงการตกแต่งให้เหมือนในห้องตัวอย่าง ต้องเพิ่มเงินอีก 350,000 บาท เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เราจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ จุดที่วางโซฟาและทีวีจะวางเยื้องๆ กันอยู่สักหน่อยนะครับ เพราะว่าติดทางเข้าห้องนอนเล็ก ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านใน จะเป็นจุดที่วางโต๊ะทานอาหาร อยู่ติดกับหน้าต่าง โต๊ะทานอาหารวางเข้ามุมอยู่ จริงๆ จะวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งแนวยาว ก็ยังสามารถวางได้นะครับ จากมุมโต๊ะทานอาหาร และ Living Area เข้าไปจะเป็นส่วนครัว อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำ กับระเบียง คล้ายๆ กับห้อง Studio ชุดเคาน์เตอร์ครัวจะเหมือนกับแบบห้อง Studio เลยนะครับ ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้เป็นไปตามมาตรฐานของ LPN ด้านขวาเป็นระเบียงห้อง ขนาดของระเบียงเป็นไปตามมาตรฐานของ LPN ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ด้านขวาจะเป็นห้องนอนเล็ก ด้านซ้ายจะเป็นห้องนอนใหญ่ เรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อน ขนาดห้องค่อนข้างจะเล็กอยู่เหมือนกันนะครับ อาจจะทำเป็นห้องนอนให้เด็กๆ ก็ถือว่าลงตัวทีเดียว ทางโครงการใช้เตียง Built in เข้ากับขนาดห้องพอดี ด้านหน้าห้องเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า และมีโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ด้วย มีช่องหน้าต่างมองทะลุไปที่ห้องนอนใหญ่ได้ด้วย อาจจะทำไว้เพื่อไม่ให้ห้องดูทึบหรือดูอึดอัดเกินไป มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อ ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย วางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังดีครับ ข้างเตียงเป็นทางเดินไปห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง ตรงนี้จะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับระเบียง ด้านขวาจะมีห้องน้ำในตัวให้อีก 1 ห้อง การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกับห้องข้างนอก อีกด้านเป็นประตูออกไปที่ระเบียง ขนาดของระเบียงเป็นไปตามมาตรฐานของ LPN แบบสุดท้ายไปดูห้อง 1 ห้องนอนขนาด 26 ตารางเมตร ห้องนี้จะเป็น Layout ตามแบบฉบับของ LPN ที่หลายๆ คนคุ้นเคย ห้องนี้คิดค่าตกแต่งเพิ่ม 225,000 บาท เข้ามาในห้องก็จะส่วน Living Area อยู่ด้านหน้าเหมือนเดิม พื้นที่วางโซฟา ถ้าจะวางให้เต็มพื้นที่เลย สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้เลยนะครับ ฝั่งตรงข้ามเป็นจุดที่วางทีวี ติดกับ Living Area จะเป็นห้องนอน ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่ข้างๆ เตียงเหลือนิดหน่อย ปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ที่โครงการ Built in ไว้ให้ ออกมาดูที่ส่วนครัวกันต่อ เคาน์เตอร์ครัวที่ได้ จะเป็นครัวแบบมาตรฐานของ LPN นะครับ เหมาะสำหรับการเตรียมอาหารมากกว่าทำอาหารเอง พื้นที่ในส่วนครัว ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว จะเป็นจุดที่วางดต๊ะทานอาหาร วางได้เป็นโต๊ะเล็กๆ ขนาด 2 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัวนี่นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้างพอสมควร มีธรณีประตูเตี้ยๆ กั้นอยู่ด้วย จากระเบียงเรากลับเข้าดูห้องน้ำด้านในกันต่อ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าเป็นเคาน์เตอร์ยาวเต็มแนวผนัง วัสดุเป็น Fiber กระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อยู่ติดกับอ่างหน้าล้าง อีกด้านเป็น Shower Box ที่มีฉากกั้นมาให้ด้วย ชุดฝักบัวของ Hafele แบบห้องขนาดอื่นๆ โดยรวมแล้วโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ ถือว่าอยู่ในทำเลที่น่าสนใจ เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ไม่ไกลจากย่านนี้มากนัก ที่ตั้งโครงการยังอยู่ในเขตชุมชนใกล้ๆ แยกศรีเทพา พื้นที่รอบๆ เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมด ริมถนนเทพารักษ์แถบนี้เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย มีอาหารการกินขายตั้งแต่เช้ายันค่ำ รถราก็วิ่งผ่านไปมาตลอดวัน บรรยากาศจึงคึกคักไม่เงียบเหงา แหล่งช็อปปิ้งสำคัญๆ ของย่านนี้ก็อยู่รอบๆ โครงการ การเดินทางถือว่าสะดวกทีเดียว หากไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็มีรถโดยสารประจำทางคอยให้บริการอยู่ตลอด แถมในอนาคตอันใกล้จะมีรถไฟฟ้าขยับใกล้เข้าอีกหน่อยคือ BTS สถานีสำโรง ที่ต่อขยายมาจาก BTS แบริ่ง อยู่บริเวณปากทางถนนเทพารักษ์ และยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเพิ่มมาอีก คราวนี้จะใกล้เข้ามาอีกคือสถานีศรีด่านอยู่ใกล้ๆ แยกศรีเทพา ในอนาคตการเดินทางจะสะดวกสบายเพิ่มขึ้นอีกมาก ส่วนเรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่จัดมาให้ก็ได้ตามมาตรฐานของ LPN จะต่างกันตรงที่โครงการนี้ถือว่าเป็นแบรนด์ใหม่ของ LPN ที่มีห้อง Layout แบบใหม่เพิ่มขึ้นมา แต่เรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็จะได้ตามคุณภาพของ LPN เหมือนเดิมครับ หมายเหตุ : โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม
รีวิวทำเล Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

รีวิวทำเล Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งในหลายโครงการของเครือ AP ที่มีกระแสการตอบรับที่ดีมากๆ วันนี้เราเลยจะพาไปสำรวจทำเลที่ตั้งโครงการ และบรรยากาศโดยรอบแบบคร่าวๆ กันก่อนที่จะมีการเปิดตัวเต็มๆ อีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ เผื่อว่าใครที่กำลังสนใจอยู่จะได้เก็บข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจ เพราะได้ข่าวมาว่ายอดลงทะเบียนทางหน้าเว็บไซต์ของโครงการตอนนี้พุ่งกระฉูดเกินความคาดหมายไปไกลแล้วครับ สำหรับใครสนใจโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ ก็อย่าลืมไปลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ ผ่านทาง www.apthai.com ไว้ด้วยนะครับ   การเดินทาง   ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ อยู่ติดถนนราชพฤกษ์ ตรงหัวมุมถนนเทอดไทพอดิบพอดี ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมที่ดินสำหรับก่อสร้าง ซึ่งเราได้มีโอกาสได้เข้าไปดูพื้นที่จริงก่อนที่จะมีการเปิด Pre-sale พร้อมๆ กับได้เดินสำรวจดูทำเลใกล้ๆ ไปด้วยเลย   สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เราขับรถข้ามสะพานตากสินมาทางถนนกรุงธนบุรี แล้วเข้าถนนราชพฤกษ์ ผ่านสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศมาก็ชิดซ้ายเลี้ยวไปตามป้ายบอกทางถนนเทอดไท พอขึ้นสะพานข้ามแยกมาแล้วให้ชิดซ้ายเพื่อไปถนนเทอดไท ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ ไม่งั้นจะเลยไปเข้าถนนเพชรเกษมกันซะก่อน วิ่งมาตามทางอีกนิดหน่อยก็จะเห็นตำแหน่งที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือพอดี ซึ่งเส้นทางนี้น่าจะเป็นเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางมายังโครงการ ส่วนเส้นทางรองอีกทางก็สามารถเข้ามาทางถนนบางแคก็ได้ หรือถ้ามาจากทางถนนเพชรเกษม ก็ให้สังเกตป้ายวัดนิมมานรดีตรงปากซอย เส้นทางในซอยแถวนี้พอจะให้ใช้หลีกหนีรถติดได้พอสมควรครับ ส่วนการเดินทางมายังโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ ด้วยรถไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นอีกวิธีที่สะดวกพอสมควร เพราะอยู่ห่างออกไปเพียง 10 สถานีเท่านั้น แค่เดินจากหน้าโครงการไปอีก 350 เมตร ก็ขึ้นรถไฟฟ้าได้แล้ว ยิ่งในอนาคตทางกรุงเทพมหานครจะทำทางเดินเชื่อมจากตัวสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าข้ามคลองภาษีเจริญมายังฝั่งเทอดไท ก็จะยิ่งความสะดวกกับคนที่อาศัยอยู่ฝั่งนี้มากขึ้น แถมทางโครงการจะเชื่อมต่อทางเดินบน Sky Walk ให้ยาวมาจนถึงหน้าทางเข้าโครงการเลย ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้านที่ต้องใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นไปอีกหลายเท่า เพราะแค่ก้าวเท้าออกจากประตูโครงการเพียงก้าวเดียวก็สามารถขึ้น (บันไดสถานี) รถไฟฟ้าได้แล้วครับ ในขณะที่การเดินทางด้วยวิธีการอื่นๆ ก็มีไว้รองรับพอสมควรเลยเหมือนกัน ทั้งรถสองแถวที่วิ่งผ่านหน้าโครงการเลย รถแท็กซี่ก็หาเรียกได้ไม่ยากเท่าไหร่ หรือถ้าจะลองใช้บริการเรือด่วนในคลองภาษีเจริญก็ได้เช่นกัน ทางกรุงเทพมหานครก็จัดให้มีเรือด่วนวิ่งรับส่งทั้งเช้าและเย็น ก็ทำให้การเดินทางไปยังโซนต่างๆ บนถนนเพชรเกษม ตั้งแต่ประตูน้ำภาษีเจริญ ไปจนถึงเพชรเกษม 69 จะเดินทางขึ้นรถ ต่อเรือ นั่งรถไฟฟ้า ก็จัดว่าสะดวกดีทีเดียวเลย สำรวจรอบโครงการ   ทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตที่ใกล้แหล่งชุมชนเก่าที่มีอยู่กันมาก่อนแล้ว ถึงจะอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ซึ่งเป็นถนนใหญ่ แต่ก็ยังได้บรรยากาศความคึกคักของชุมชนอยู่พอสมควร เพราะถนนเทอดไทเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมไปออกถนนบางแค และถนนเพชรเกษมได้ จึงมีรถวิ่งผ่านไปมาเยอะพอสมควร แต่ยังไม่ถึงกับมีปัญหารถติดหนักๆ ในซอยนะครับ เรียกว่าวิ่งกันได้สบายๆ ตลอดทั้งวัน บริเวณใกล้ๆ โครงการไม่ได้มีตึกสูงขึ้นมาใกล้ๆ เลย ดังนั้นปัญหาเรื่องการบังวิวจึงยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง รอบๆ ที่ดินโครงการจะเป็นที่พักอาศัยในแนวราบสูงไม่เกิน 4-5 ชั้น ฝั่งตรงข้ามมีห้องพักให้เช่าซึ่งมีอยู่เดิม บริเวณด้านหน้าจึงมีเพิงขายอาหารเล็กๆ อยู่ให้พอซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง แต่ถ้าเลยเข้ามาในถนนเทอดไทหน่อย ก็จะเห็นว่ามีร้านค้า ร้านขายของอยู่เรื่อยๆ ยิ่งออกไปที่ถนนบางแค และถนนเพชรเกษมก็ยิ่งคึกคักใหญ่เลย ร้านค้า ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า มีให้เลือกจับจ่ายได้เต็มที่ สาธารณูปโภคต่างๆ ก็มีครบทั้งสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล ศาสนสถาน หน่วยงานราชการต่างๆ อีก ต่อไปในอนาคตอันใกล้พอรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเปิดให้บริการ การเดินทางก็จะยิ่งสะดวกขึ้น บรรยากาศการค้าบริเวณนี้ก็คงจะยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีกหลายเท่า ดังนั้นเรื่องการอยู่อาศัยในย่านนี้จึงจัดว่าค่อนข้างสะดวกสบาย ครบครันดีทีเดียว ในขณะที่บรรยากาศรอบๆ โครงการก็ยังเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อน   พอวิ่งตามถนนราชพฤกษ์มาตามป้ายบอกไปถนนเทอดไทแล้ว พอเจอป้ายแบบนี้ก็เลี้ยวซ้ายเตรียมเข้าโครงการได้เลย ที่ดินของโครงการฝั่งที่ติดกับถนนราชพฤกษ์จะมีคลองเล็กๆ กั้นอยู่ ความคืบหน้าของโครงการขณะนี้ก็มีการล้อมรั้ว เตรียมปรับหน้าดินเพื่อก่อสร้างกันแล้ว มุมนี้ถ่ายจากหัวมุมถนนเทอดไทครับ ตรงที่รถตู้จอดอยู่กำลังก่อสร้าง Sale Gallery ส่วนทางเข้าโครงการก็อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นเลยครับ หน้าโครงการฝั่งถนนเทอดไทครับ จะเห็นว่าอยู่ตรงหัวมุมทางเข้าพอดีเลย ถ่ายจากหน้าโครงการก็เห็นรางรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ เลย อีกไม่นาน Sale Gallery ก็คงเปิดให้เข้าชมได้ละครับ บริเวณ Sale Gallery หน้าโครงการเลยครับ จะเห็นว่าถนนเทอดไทตรงหน้าโครงการก็ไม่ได้ใหญ่มาก เป็นถนนสองเลนมีรถราวิ่งผ่านตลอดวัน ข้างๆ Sale Gallery ตอนนี้ยังเป็นซอยเล็กๆ และมีบ้านอยู่ แต่อีกไม่นานก็จะถูกปรับพื้นที่ใหม่แล้ว ที่ดินตรงนี้รวมถึงบ้านที่เห็นก็เป็นพื้นที่ของโครงการนะครับ ภายในพื้นที่จริงที่กำลังจะมีการเตรียมก่อสร้างครับ พอเจ้าของบ้านหลังที่เห็นย้ายออก ที่ตรงนี้ก็จะลึกไปถึงด้านหลังนู่นเลย คลองระบายน้ำที่อยู่ตรงหน้าโครงการจะยาวไปจนถึงคลองภาษีเจริญเลย ตอนนี้ทางกทม.ก็มีการปรับภูมิทัศน์บริเวณทางเดินจากหน้าโครงการไปจนถึงคลองภาษีเจริญให้ดูสวยงามและเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น สถานีรถไฟฟ้าบางหว้าอยู่ฝั่งตรงข้ามนะครับ เดี๋ยวทาง BTS จะทำทาง Sky Walk มาลงที่ฝั่งนี้ แล้วทาง AP ก็ลงทุนต่อทางเดินเพิ่มเพื่อไปลงยังหน้าโครงการเลย บรรยากาศในคลองภาษีเจริญครับ มีเรือด่วนวิ่งรับส่งด้วย ทำให้การเดินทางในแถบนี้สะดวกมากยิ่งขึ้น ถนนเทอดไทหน้าโครงการ เป็นถนนสองเลนมีรถวิ่งสวนไปมาเกือบตลอดเวลาเลยครับ เพราะในซอยนี้ทะลุไปออกถนนบางแคได้ ตรงข้ามโครงการมีเพิงขายอาหารเล็กๆ พอให้พึ่งพาได้บ้าง ตรงข้ามโครงการยังมีหอพักสูง 2 ชั้น เลยเข้ามาในถนนเทอดไทเพื่อไปออกถนนบางแค ก็เริ่มเป็นแหล่งชุมชน มีโรงเรียนและบ้านพักอาศัยเยอะเลยครับ จากถนนเทอดไทก็เลี้ยวมาออกถนนบางแคได้ ถือว่าการเดินทางก็สะดวกดีครับ ถ้ามาทางถนนเพชรเกษมก็สามารถเข้าถนนบางแค ตรงทางเข้าวัดนิมมานรดีเลย แหล่งช็อปปิ้งสำคัญของฝั่งบางแคครับ ซึ่งถือว่าอยู่ใกล้โครงการที่สุดแล้ว รายละเอียดโครงการ ในส่วนของรายละเอียดโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอะไรออกมามากนัก เพราะทาง AP เตรียมจะมีการเปิดตัวใหญ่ในช่วงปลายเดือนที่จะถึงนี้ แต่เท่าที่เราสอบถามข้อมูลมาคร่าวๆ ก็พอจะเห็นจุดเด่นของโครงการในเรื่อง ทางเชื่อมต่อขึ้น Sky Walk ไปยังสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ที่ใกล้ชนิดที่เรียกว่า ก้าวเดียวถึง!! รวมถึง Facility ที่จัดกันมาแบบเต็มที่ และที่แน่ๆ สำหรับโครงการ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ นี่ยังมี Layout ห้องแบบใหม่ที่ทาง AP เอามาใช้เป็นโครงการแรก ซึ่งภายในห้องมีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้ทำประโยชน์ได้มากขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานของลูกบ้านได้ดีขึ้นกว่าเดิม Master Plan ของโครงการ ทางเข้า-ออก โครงการใช้ทางเดียวนะครับ คือทางถนนเทอดไท Outdoor lobby ที่แบ่งพื้นที่นั่งเป็น pocket space ส่วนตัว ขนาบด้วย waterscape และ green area Indoor Lobby ชั้น 8 จะเป็น Facility หลักของโครงการ มีสระว่ายน้ำแบบ Infinity edge pool ยาว 40 เมตร และฟิตเนส สระว่ายน้ำแบบ Infinity edge pool ยาว 40 เมตร ชั้น 11-28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มี Rooftop Garden อยู่ที่ชั้น 33 Rooftop Garden บนชั้น 33 ทั้งนี้ก็อดใจรอชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในงานเปิดตัวของ AP ที่สยามพารากอนอีกครั้ง หรือที่ www.apthai.com ส่วนรีวิวโครงการแบบเต็มๆ พร้อมห้องตัวอย่าง เราจะรีบตามไปเก็บข้อมูลมาฝากกันอีกครั้งนะครับ อย่าลืมติดตามกันด้วย
Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

สวัสดีแฟนเพจทุกท่านครับ วันนี้เราจะพาไปชมคอนโดใจกลางเมือง ที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อมกับงานแถลงข่าวครบรอบ 25 ปี ของ Noble Development  ชื่อโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ และ The EM District ในระยะที่สามารถเดินได้ จะน่าสนใจขนาดไหน ตามผมไปดูกันเลยดีกว่าครับ อ่อ..ลืมบอกไปครับ หากสนใจโครงการ สามารถลงทะเบียนผ่านทาง http://goo.gl/TFpM99 เพื่อรับส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท ได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย. นี้เท่านั้น !! การเดินทาง ตัวโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากสถานี BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 650 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้ (ถ้าไม่ใช่ช่วงที่อากาศร้อนตับแล่บนะครับ ฮ่าๆ ) สำหรับตัวสถานี BTS พร้อมพงษ์จะอยู่ใจกลาง ล้อมรอบด้วยศูนย์การค้าหรูอย่าง The Em District ที่เป็นการรวมตัวกันของ 3 ห้างระดับท็อปของ The Mall Group อย่าง The Emporium ที่ตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์นี้มาอย่างยาวนาน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น The EmQuartier ห้างสรรพสินค้าน้องใหม่สุดหรู ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปได้ไม่นาน และอีกแห่งจะอยู่ฝั่งเดียวกับ The Emporium แต่ถูกกั้นกลางด้วยสวนเบญจสิริ คือ  The EmSphere ที่กำลังก่อสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 33 เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องสาธารณูปโภคในย่านนี้ถือว่าหายห่วงเลยครับ ทั้งเรื่องของกิน ของใช้ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถ้าจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ก็แทบจะไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเลย นอกจากในห้างสรรพสินค้าแล้ว บริเวณรอบๆ ก็ยังมีร้านอาหารให้เลือกกันเยอะแยะเลยครับ ทั้งอาหารฝรั่ง หรืออาหารญี่ปุ่น เพราะย่านนี้จะอุดมไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น แผนที่ของโครงการ เราเริ่มกันที่สถานี BTS พร้อมพงษ์เลยนะครับ เดินลงมาแล้วก็จะเจอสภาพแบบนี้เลยครับ ผู้คนพลุกพล่านแทบจะทุกวัน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ตัวสถานีจะมี Sky Walk เชื่อมต่อกับห้างทั้ง 2 ฝั่ง ด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้าง Emporium เดินเลยมาอีกหน่อยทางเดินก็จะหรูหราขึ้น ปูพรหมแดงต้อนรับกันเลยทีเดียว ด้านขวามือจะเป็นทางเข้าห้าง EmQuartier ส่วนด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าอีกทางของ Emporium จากตัวสถานี Sky Walk ทอดยาวมาถึงสวนเบญจสิริ บรรยากาศบนถนนสุขุมวิท ที่ถนนโล่งแบบนี้ เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่ ทางลงด้านซ้ายมือจะเป็นฝั่งสวนเบญจสิริ ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อน และที่ออกกำลังของคนในย่านนี้ สวนเบญจสิริแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 29 ไร่ ของกรมอุตุนิยมวิทยา สร้างขึ้นในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษาในปีพ.ศ. 2535 ภายในสวนมีประติมากรรมที่งดงาม และเป็นชิ้นงานสำคัญของศิลปินระดับชาติที่ร่วมใจกันถวายเป็นการเทิดพระเกียรติฯ แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ที่สามารถเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังมีลานกีฬา อยู่ในส่วนพื้นที่รอบนอก สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายและกีฬากลางแจ้ง ประกอบไปด้วย สนามตระกร้อ สนามวอลเล่ย์บอล สนามบาสเก็ตบอล ลานสเก็ต สวนสุขภาพ สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำ ขนาด 12.5 x 25 เมตร และยังมีดนตรีในสวน เป็นส่วนที่จัดแสดงดนตรีในแนวไทย หรือสากล ตามโปรแกรมการแสดงดนตรีวันเสาร์-อาทิตย์ ในช่วงเย็นที่จัดหมุนเวียนไปตามสวนสาธารณะหลายแห่งทั่วกรุงเทพมหานคร ส่วนทางลงด้านขวามือจะเป็น จะเป็นทางลงมายังถนนสุขุมวิท ฝั่งซอยเลขคี่ เราต้องลงฝั่งนี้แหละครับ เพื่อเดินไปซอยสุขุมวิท 33 ลงมาจากสถานีได้ไม่ไกล จะเจอซอยสุขุมวิท 33/1 เป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนาม Japanese Town ภายในซอยก็จะมีร้านอาหาร ให้เลือกกันมากมายจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้าน Subway ถัดมาจะเจอ Villa Market ที่ขายสินค้าทั้งของกิน ของใช้ เดินมาอีกหน่อย ก่อนถึงซอยสุขุมวิท 33 จะเจอร้าน Gute Express เป็นร้านเบเกอรี่เล็กๆ น่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่น ให้เลือกซื้อก่อนกลับเข้าคอนโด ติดกับร้าน Gute Express เป็น UBC II Building อาคารสมัชชาวาณิช 2 อาคารสำนักงาน มีธนาคารกรุงไทยกับธนาคารกสิกรไทย อยู่หน้าอาคาร หลังจากเดินมาจนเหงื่อซึม ก็ถึงแล้วล่ะครับ ซอยสุขุมวิท 33 ฝั่งตรงข้ามจะเห็นสถานที่ก่อสร้าง EmSphere ถ้าสร้างเสร็จแล้วไม่รู้ว่าจะมี Sky Walk ทอดยาวมาถึง EmSphere รึเปล่า ถ้ามีจริงก็คงจะดีนะครับ หน้าปากซอยยังมีร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Family Mart อยู่อีกด้วย บรรยากาศภายในซอยนะครับ มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ปากซอยด้วย อัตราค่าบริการคร่าวๆ ตามนี้เลยครับ จากปากซอยเข้ามาประมาณ 350 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วล่ะครับ วิเคราะห์โครงการ โครงการ Noble BE 33 Sukhumvit เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ที่ออกแบบมาในสไตล์เรียบ หรู และสวยงาม ตามแบบฉบับของโนเบิล โดยโครงการนี้จะเน้นให้เห็นเส้นตัดของแนวตั้งกับแนวนอนชัดเจนกว่าโครงการที่ผ่านๆ มา เรียกได้ว่าเป็น Timeless Design ที่จะยังคงสวยงาม ทันสมัย อยู่แบบนี้ไปอีกหลายปี ตัวโครงการจะหันไป 2 ด้าน คือด้านหน้าโครงการที่ติดกับซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการเป็นทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก แม้ว่าจะต้องหันไปรับแดดเต็มๆ ทั้ง 2 ด้าน แต่ก็แลกมาด้วย City View ใจกลางกรุงเทพฯ สำหรับ Master Plan ของโครงการเรายังไม่มีให้ชมนะครับ ดูจากโมเดลจำลองของตัวอาคารประกอบกันไปก่อนแล้วกันนะครับ เริ่มจากทางเข้าโครงการจะใช้ทางเข้าเดียวเป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนที่จะลงไปจอดรถที่ชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น สามารถจอดรถได้ประมาณ 67% ของจำนวนห้องพัก ( 187 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งส่วนที่เป็น Indoor และแบบ Semi Outdoor เชื่อมต่อกับสวนด้านนอก โซนแรกจะเป็น Indoor Lobby ตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ที่ทางโครงการบอกมาว่าในตอนกลางวันกระจกจะสะท้อนแสงกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน Lobby อย่างสวยงาม โดย Lobby ส่วนนี้จะมาพร้อมกับ Drop-Off มีจุดจอดรถรับ-ส่ง ด้านหน้า Lobby อีกโซนหนึ่งจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อออกมาสู่สวนสีเขียวด้านนอก ที่ทางโครงการบอกว่าเน้นการปลูกต้นให้เหมือนป่ามากที่สุด เลยจาก Lobby เข้ามาด้านในจะเป็น Lift Hall จะมีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัว แบ่งเป็น Private Lift 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว อยู่ตรงกลางอาคารแบบ Single Loaded Corridor และมีบันไดหนีไฟอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ตั้งแต่ชั้น 2-28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีแบบห้อง 1-3 ห้องนอน คละเคล้ากันไป ส่วน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 29 ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย-หญิง ขยับขึ้นไปที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ที่มีอยู่เพียง 4 ยูนิต แบ่งเป็นชั้นละ 2 ยูนิต รูปทรงของอาคารออกแบบมาในสไตล์เรียบหรู โดยห้องพักอาศัยจะหันหน้าไปใน 2 ทิศทาง คือทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ด้านหน้าโครงการที่หันออกมาทางซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการจะหันไปทางทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก ห้อง Type ที่อยู่หัวมุม จะได้ระเบียงเล็กๆ ด้านข้างด้วย ด้านบนที่ชั้น 29 จะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย หญิง ส่วนที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ที่มีเพียงแค่ 4 ยูนิต ชั้นละ 2 ยูนิต บรรยากาศสระว่ายน้ำบนชั้น 29 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งแบบ Indoor ที่มาพร้อมกับ Drop-Off และแบบ Semi Outdoor ที่มีสวนสีเขียวล้อมรอบ Lobby โซนแรกจะตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ให้ความสวยงาม โดยในเวลากลางวันจะสะท้อนสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนจะเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby บรรยากาศจำลองภายนอก Lobby ในเวลากลางวัน กระจกโค้งที่ Lobby จะเป็นเหมือนกระจกเงา สะท้อนสิ่งแวดล้อมรอบๆ แต่ในเวลากลางคืน จะส้อนให้เห็น Interior ต่างๆ ที่อยู่ภายใน Lobby Lobby อีกโซนจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อกับสวนสีเขียวภายนอก มุมมองจาก Lobby ออกมาที่สวนด้านนอก ทางเข้าโครงการจะเข้าออกทางเดียว เป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น ภาพบรรยากาศ Lift Hall ที่บริเวณ Lobby พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบนะครับ ประกอบด้วยแบบ 1 ห้องนอน มี 2 ขนาด เริ่มต้นที่ 34.25 ตารางเมตร และขนาดประมาณ 40-43 ตารางเมตร ต่อมาเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 51 - 69 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาด 109-139 ตารางเมตร สำหรับห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ชมนั้น จะมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ ประมาณ 43 ตารางเมตร และอีกแบบเป็นห้อง 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร โดยโครงการจะขายแบบ Fully Fitted ลูกบ้านจะได้ในส่วนของห้องครัวประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตาไฟฟ้า 2 หัว, ฮูดดูดควัน, ไมโครเวฟ และตู้เย็น Built in ตามแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะครับ นอกจากนั้นยังมีตู้เสื้อผ้า Built in ที่มีให้ในห้องนอนทุกห้อง และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำด้วย สำหรับแอร์ที่ใช้ โครงการจะใช้แอร์แบบฝังฝ้า ทุกอยู่นิตจะได้แอร์ที่ห้องนอน และ Living Area มาดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่าครับ แบบแรกเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องค่อนข้างลงตัว พื้นที่ที่ให้มาสามารถใช้งานได้จริง โดยลักษณะห้องจะแบ่งออกเป็น 2 โซน เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Dining Living ก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ที่จัดชุดเคาน์เตอร์ครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้อย่างครบครัน และที่ติดกับครัวจะเป็นส่วน Dining Area ที่สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ขยับเข้าไปด้านในจะเป็น Living Area และอีกด้านจะเป็นส่วนของห้องนอน และมีห้องน้ำอยู่ด้านใน ห้องนี้จะได้แอร์ 2 จุด คือที่ Living Area และในห้องนอน ประตูห้องจะเป็นบานสูง 2.4 เมตร ผิวลามิเนตลายไม้ ประตูจะใช้ระบบ Digital Door Lock ซึ่งคีย์การ์ดจะมีขนาดเล็กและบางกว่าคีย์การ์ดแบบทั่วไป พื้นห้องจะเป็นลามิเนตเกรดพรีเมี่ยม ที่ทำเลียบแบบผิวไม้ เวลาสัมผัสจะให้ควมรู้สึกเหมือนไม้จริงๆ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dinning Living ก่อนเลยนะครับ ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวแนวยาว ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน โดยโครงการจะให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วย 4 รายการ คือตู้เย็น Built in, โมโครเวฟ, เตาไฟฟ้า 2 หัว และฮูดดูดควัน เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดจะให้ของ Smeg ด้านซ้ายสุดที่ติดกับผนังห้องจะเป็นตู้เย็น Built in เปิดออกมาก็จะมี 2 ส่วน ตัวท็อปครัวจะเป็นแนวยาว ด้านบนจะเป็นไมโครเวฟ ติดกันจะเป็นตู้ลอยเก็บของ มีจุดที่วางเครื่องซักอยู่ด้านล่าง แต่ตัวเครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ซิ้งล่างจานแบบหลุม มีความลึกพอสมควร ขยับมาอีกจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันแบบฝัง ตรงข้ามกับครัว จะเป็นส่วน Dining Area ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านได้เลย ด้านในสุดจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวี สามารถวางโซฟา L Shape 4 ที่นั่ง ได้เลยครับ ที่ Living Area ที่มีระเบียงให้ด้วยนะครับ พื้นที่ระเบียงจะดูเล็กไปสักหน่อย ความกว้างประมาณ 55 ซม. อาจจะใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก ออกไปยืนรับลม ชมวิว พอไหวอยู่ จุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงนี่แหละครับ มีฉากอลูมิเนียมปิดกั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน เฟรมกระจกที่ระเบียงจะมีความสูง 2.95 เมตร ซึ่งสูงกว่าเพดานห้องที่มีความสูง 2.75 เมตร มาดูกันต่อที่ห้องนอน พื้นที่ในห้องนอนถือว่ากว้างขวางอยู่นะครับ วางเตียง 5 ฟุต กำลังดีจะได้ไม่ดูอึดอัดเกินไป แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จัดเตียง King Size ก็ยังไหวนะครับ พื้นที่ปลายเตียงมีที่พอให้เดินผ่านได้ ถ้าจะเอาทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็คงต้องใช้แบบแขวนผนัง ในห้องนอนก็มีระเบียงให้อีกนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กับที่ Living Area ไม่สามารถเดินเชื่อมกับระเบียงที่ Living Area ได้นะครับ เพราะมีจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์กั้นอยู่ ข้างเตียงอีกด้านก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกจุดหนึ่ง จุดนี้จะเป็นระเบียงที่อยู่ด้านข้างอาคาร ฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเดินเข้าไปห้องน้ำ ที่หน้าห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in เป็นบานกระจกยาวตลอดแนว แต่สเปคที่ได้จริงๆ จะไม่ใช่แบบนี้นะครับ ห้องจริงบานกระจกจะเป็นกระจกขุ่นๆ ส่วนเฟรมอลูมิเนียมก็จะไม่ใช่สีทองแบบที่เห็น จะเป็นเฟรมอลูมิเนียมสีธรรมขาติ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันบ้าง การจัดวาง Layout ในห้องน้ำจะมีลักษณะแบบนี้นะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำทั้งหมดจะใช้ของ TOTO พื้นห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องลายหิน ขนาด 60x60 ซม. อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม พร้อมกับเคาน์เตอร์ยาว กระจกเงาที่ได้ที่จะเป็นแนวยาวตามเคาน์เตอร์เลยครับ เคาน์เตอร์ยาวเท่าไหน กระจกเงาก็ยาวเท่านั้น Lighting ที่กระจกเงาเป็นแนวยาวทั้งด้านบน ด้านล่าง นี่โครงการก็ติดให้ด้วยนะครับ กระจกเงาสามารถเปิดปิดได้ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้วย โถสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบอัตโนมัติของ TOTO อีกด้านจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบนั่ง ให้มาด้วย ซึ่งอ่างอาบน้ำแบบนี้จะได้ทุกยูนิต ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower แบบต่อมาเป็นแบบ 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาเป็นขนาด 76 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นทาง Corridor ยาวเข้าไปในห้องก่อนที่จะเจอกับห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ แม้ว่าขนาดจะดูเล็กกระทัดรัดไปสักหน่อย แต่เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานก็ยังครบครันเหมือนเดิม ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนของ Dining Area ที่ให้มาค่อนข้างกว้างพอสมควร สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้สบายๆ ขยับเข้ามาด้านในอีกจะเป็น Living Area ที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง ที่มีขนาดพอๆ กัน ซึ่งแต่ละห้องก็จะมีห้องน้ำในตัวแยกต่างหาก ส่วนห้องนอนเล็กจะแยกมาอยู่ฝั่งตรงข้าม จะมีห้องน้ำรวมอยู่ที่หน้าห้อง ซึ่งสามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากทางห้องนอนเล็ก และทาง Dining Area โดยห้องนี้จะได้แอร์ทั้งหมด 4 จุด คือที่ห้องนอนทั้ง 3 ห้อง และที่ Living Area อีก 1 จุด เข้ามาให้ห้องแลเวจะเป็นทาง Corridor ยาว ตรงนี้ผนังทั้ง 2 ด้านโครงการตกแต่งเป็นตู้เก็บของและตู้โชว์เป็นไอเดีย แต่ห้องจริงจะเป็นผนังปูน ไม่มีตู้ Built in มาให้ด้วยนะครับ เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ ฟังก์ชั่นการใช้งานก็จะเหมือนกันกับครัวของแบบ 1 ห้องนอน เมื่อสักครู่นะครับ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้เหมือนๆ กัน ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับครัว จะเป็นส่วน Dining Area เป็นแนวยาวทอดไปหา Living Area ตรงนี้สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้เลย ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area อยู่ตรงกลางระหว่าง ห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง Living Area จะมีขนาดพอๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน มีระเบียงให้เหมือนกัน ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน ออกมาที่ระเบียงด้านขวาจะเป็นจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นแผงคอนกรีตกั้นไว้ เพื่อความสวยงามของโครงสร้างด้านนอก เรมาดูห้องนอนทางซ้ายมือกันก่อน ขนาดห้องจะใกล้เคียงกับห้องแบบ 1 ห้องนอน การจัดวาง Layout ต่างๆ ก็จะคล้ายๆ กัน ในห้องนอนก็จะมีระเบียงอีก 1 จุด อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อ Built in อยู่หน้าห้องน้ำทั้ง 2 ด้าน อย่างที่บอกนะครับ ว่าเฟรมอลูมิเนียมที่ตู้เสื้อผ้า ในห้องจริงๆ จะไม่ได้สีทองแบบนี้นะครับ จะเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ด้านในห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกับแบบ 1 ห้องนอน ข้ามมาดูที่ห้องนอนใหญ่อีกห้อง ห้องนี้เป็นห้อง Master Bedroom นะครับ การจัดวาง Layout จะเหมือนกันเลย แต่ห้องน้ำจะแอบเล็กกว่านิดหน่อย อีกด้านก็จะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อผ้า Built in อยู่หน้าห้องน้ำเหมือนกัน ซึ่งการจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน โถสุขภัณฑ์ของห้อง Master Bedroom จะพิเศษกว่าห้องน้ำห้องอื่นๆ จะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัตินะครับ มาดูที่ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนเล็ก ตรงนี้จะมีห้องน้ำแยกออกมา 1 ห้อง แต่สามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากด้านห้องนอนเล็ก และจาก Dining Living ห้องนอนเล็กนี้สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้นะครับ แต่ทางโครงการตกแต่งเห็นเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นอีกห้อง ด้วยการวาง Daybed แทน ในห้องนอนเล็กก็จะมีตู้เสื้อผ้าให้อีก 1 ตู้ เป็นหน้าบานสไลด์ ในห้องนอนเล็กนี้ก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกด้วยนะครับ มองจากห้องนอนเล็กเข้าไปในห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่าแบบที่อยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก็จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ แต่สุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เป็นของ TOTO เหมือนเดิม และอีกอย่างที่ห้องน้ำนี้แตกต่างจากห้องอื่น คือจะไม่ได้อ่างอาบน้ำ แต่จะมีเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ให้แทนครับ โดยรวมแล้วโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ถือว่าอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอย่างแท้จริง สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า แต่ก็ถือว่ายังอยู่ระยะที่สามารถเดินได้ อีกทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ทั้งของกิน ของใช้ มีให้เลือกมากมาย และอยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก หากซื้อเพื่ออยู่อาศัยก็เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในเมือง หรืออยู่ตามแนวรถไฟฟ้า แต่อาจจะต้องแลกมากับความพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง คนที่ชอบความสงบ และต้องการความเป็นส่วนตัว อาจจะต้องคิดหนักหน่อยนะครับ ส่วนเรื่องการซื้อเพื่อลงทุน ก็อาจจะหาผู้เช่าได้ไม่ยาก เนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และแหล่งออฟฟิศต่างๆ แถมยังเป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านนี้
KLASS Sarasin Rajdamri : รีวิวคอนโด

KLASS Sarasin Rajdamri : รีวิวคอนโด

KLASS Sarasin Rajdamri (คลาส สารสิน ราชดำริ) คอนโด Low Rise บนถนนสารสิน ใกล้สวนลุม จาก Klass Asset รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    8,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 178,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท คลาส แอสเซส จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     68 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    1 - 0 - 49 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 68 คัน หรือคิดเป็น  100% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) เริ่มก่อสร้าง   ไตรมาสที่ 1 ปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ค่าส่วนกลาง    80 บาท/ตารางเมตร จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี ค่ากองทุน    800 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนลุมพินี โรงพยาบาลจุฬาฯ BTS สถานีราชดำริ สนามม้าราชกรีฑาสโมสร Ambassdor Court Hotel สถานทูตอเมริกา สถานทูตอังกฤษ สถานทูตเนเธอแลนด์ อาคารออลล์ ซีซั่น เพลส ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom  ขนาด 45-55 ตารางเมตร จำนวน 15 ยูนิต 2 Bedroom  ขนาด 73-83 ตารางเมตร จำนวน 25 ยูนิต 3 Bedroom  ขนาด 95-127 ตารางเมตร จำนวน 26 ยูนิต Duplex  ขนาดประมาณ 134-135 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby lounge and Reception 2 Elevators Mail Box Parking Space Swimming pool and Jacuzzi equipment Fitness Library Sundeck and Lush garden Integrated key card access Digital door lock and Video door phone Smoke and Heat detector สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    082-422-5444 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.klasscondo.com
Supalai Elite @Surawong : รีวิวคอนโด

Supalai Elite @Surawong : รีวิวคอนโด

Supalai Elite @Surawong คอนโด High Rise โครงการใหม่จากศุภาลัย บนถนนนเรศ อยู่ระหว่างถนนสี่พระยาและสุรวงศ์ ตรงข้ามสำนักงานเขตบางรัก รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 5 ล้านกว่าบาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 110,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     277 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 2 - 1 - 55 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ Master Plan ของโครงการ Facility ของโครงจะอยู่ที่ชั้น 7 ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ชั้น 8 - 29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด โดยการนำ Core ไว้ตรงกลางอาคารทั้งลิฟท์ 3 ตัวและบันไดหนีไฟ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีสามย่าน ประมาณ 850 ม. จุดขึ้น-ลง ทางด่วนพระราม 4 ประมาณ 1 กม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประมาณ 1.2 กม. BTS สถานีช่องนนทรี ประมาณ 1.2 กม. โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ประมาณ 1.3 กม. จามจุรี สแควร์ ประมาณ 1.3 กม. สยามพารากอน ประมาณ 2.6 กม. ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 49 - 73.5 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 85 - 100.5 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 112 - 144.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ห้องออกกำลังกาย (Fitness) ซาวน่า (Sauna) สวนลอยฟ้า (Roof Garden) พื้นที่พักผ่อนบนชั้นดาดฟ้า (Sky Lounge) รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1720 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.supalai.com
รีวิวคอนโดทำเลอ่อนนุช : รีวิวคอนโด

รีวิวคอนโดทำเลอ่อนนุช : รีวิวคอนโด

ทำเลที่อยู่อาศัย ในแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในโซนที่อิงกับสถานีอ่อนนุชหลาย ๆ คนก็ยังมองหาซื้อบ้านและคอนโดในย่านนี้อยู่เรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอ่อนนุชหรือสุขุมวิท 77 ไม่ได้อยู่ในเมืองมากจนราคาที่อยู่อาศัยสูงเกินเอื้อมไหว ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ไกลเกินจะเดินทางเข้ากลางเมือง หรือห่างไกลความเจริญและสาธารณูปโภคไปซะทีเดียว เพียงแต่ละเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องอาศัยการนั่งรถ ต่อรถไฟฟ้า หรือต้องใช้รถส่วนตัวอีกนิดก็แค่นั้นเอง ทั้งด้วยเส้นทางถนนสายหลักอย่างถนนสุขุมวิทก็เดินทางเข้าเมืองไปเอกมัย ทองหล่อ อโศก ตัดเข้าพระราม 4 ได้ง่าย อีกฝั่งก็วิ่งไปออกบางนา ข้ามไปวงแหวน หรือจะออกศรีนครินทร์ พัฒนาการ ไปจนถึงมอเตอร์เวย์ได้อีกด้วย ซึ่งถนนแถบนี้เชื่อมโยงถึงกันมีซอยเล็กซอยน้อยให้ลัดเลาะกันสนุก (ถ้าคุ้นเคยเส้นทางนะครับ) ด่านขึ้นทางด่วนก็มีที่ซอยสุขุมวิท 50 อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่ จัดว่าสะดวกใช้ได้เลย ติดแค่ปัญหารถติดที่ใครๆ ก็รู้ว่าการจราจรติดหนักเอาการ โชคดีหน่อยที่ตัวสถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช อยู่ถัดมาจากปากซอยอ่อนนุชหรือสุขุมวิท 77 ประมาณ 300 เมตรเท่านั้น แถมเลยไปทางฝั่งพัฒนาการก็ยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้า Airport Rail Link อีก และในอนาคตโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 สายก็จะมีการก่อสร้างตามมา ทั้งสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ซึ่งจะทำให้ทำเลในย่านอ่อนนุช-พัฒนาการสามารถเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และที่ดินที่อยู่อาศัยในแถบนี้ก็คงจะบูมมากขึ้นไปอีกแน่นอน ว่ากันที่บริเวณรอบๆ ตัวสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชกันก่อน พอลงมาจากตัวสถานีปุ๊ปก็เจอกับห้าง Tesco Lotus ทันที ซึ่งมีทางเชื่อมกับตัวสถานีเลย สามารถแวะจับจ่ายก่อนได้จนถึงเที่ยงคืนกันเลย หน้าโลตัสยังมีตลาดนัดเช่นเดียวกันกับฝั่งตรงข้ามที่มีขายทั้งเสื้อผ้า อาหารการกิน ซึ่งเปิดยาวไปตั้งแต่บ่ายแก่ๆ จนเที่ยงคืนเช่นกัน ริมถนนสุขุมวิทใกล้กับตัวสถานีอ่อนนุชก็มีคอนโดอยู่หลายโครงการซึ่งสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วทั้ง Ideo, Rhythm, Q House ฯลฯ ตลอดเส้นทางเดินริมถนนมีร้านค้า แผงลอยเต็มไปหมด ก่อนขึ้นปากซอยอ่อนนุชก็ยังมีทั้งสถานีดับเพลิงและสถานีตำรวจพระโขนงด้วย พอมาถึงตรงปากซอยอ่อนนุชปุ๊ป เราก็จะได้เห็นบรรยากาศที่คึกคัก ผู้คนหนาตาขึ้นไปอีก เพราะบริเวณนี้เป็นทั้งตลาดสด และจุดขึ้นรถสองแถวต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีให้บริการหลายสายเลยทีเดียว พอถัดเข้ามาอีกหน่อยก็มี Big C Extra อีก บริเวณนี้เลยเป็นที่จับจ่ายซื้อของแหล่งหลักๆ เลยก็ว่าได้ นับแค่ระยะทาง 300 เมตรจากปากซอยเข้ามาก็จับจ่ายกันไม่ไหวแล้วล่ะครับ โครงการ Ideo Verve สุขุมวิท คอนโดรุ่นแรกๆ ในย่านนี้ และเป็นโครงการที่อยู่ใกล้สถานีมากที่สุด เรียกว่าติดสถานีเลยล่ะครับ ติดกับโครงการ Ideo Verve จะมีตลาดนัดขายเสื้อผ้า ของกิน ช่วงเย็นๆ มืดๆ จะคึกคักทีเดียวครับ อีกฝั่งเป็นเทสโก้ โลตัส จะอยู่ติดกับตัวสถานีรถไฟฟ้าเลย มีทางเดินเชื่อมเข้าตัวห้างโดยตรง มองจากสถานีไปทางซอยสุขุมวิท 50 มีคอนโดขึ้นหลายโครงการเลยทีเดียวครับ ที่เห็นอยู่ไกลๆ ตรงโน่น คือโครงการ Diamond สุขุมวิท ตั้งอยู่ตรงข้ามซอยสุขุมวิท 77 ที่เห็นนี้คือโครงการ Rhythm สุขุมวิท 50 ตัวโครงการจะตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 50 เลยครับ บรรยากาศหน้าปากซอยสุขุมวิท 50 ทางเดินไปโครงการ Rhythm มองเข้าไปซอยสุขุมวิท 50 มีจุดขึ้นทางด่วน ไปทางพระราม 9 รามอินทรา และยังมีคอนโดอีกหลายโครงการ หน้าปากซอยสุขุมวิท 50 จะมีร้านอาหารจำพวกร้านลาบ ส้มตำ ปลาเผา ให้เลือกทานกันอยู่หลายร้าน มองจากปากซอยสุขุมวิท 50 กลับไปทางสถานีรถไฟฟ้า จะเห็นโครงการ Ideo Verve สุขุมวิท เดินเลยมาอีกก็จะมีร้านหมูกระทะที่อยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน มองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นโครงการ Q.House Condo สุขุมวิท 79 ที่เพิ่งสร้างเสร็จไปได้ไม่นาน สภาพการจราจรบนถนนสุขุมวิทก็อย่างที่ทราบกันดีนะครับ ว่าเป็นยังไง เลยมาอีกหน่อยจะเป็นสถานีดับเพลิงพระโขนง ตรงข้ามก็จะเป็นการประปานครหลวง ใกล้ๆ กับสถานีดับเพลิงจะเป็น สน.พระโขนง ตรงข้ามกับ สน.พระโขนง เยื้องๆ กับซอยสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช จะเป็นโครงการ Diamond สุขุมวิท มีสะพานลอยข้ามไปฝั่งซอยอ่อนนุชอยู่หน้าโครงการเลยครับ เดินข้ามไปซื้อของกินฝั่งตรงข้ามได้สบาย สภาพการจราจรบริเวณปากซอยอ่อนนุช รถนี่ติดแทบจะตลอดเวลา ใครจะเข้าซอยอ่อนนุชก็ชิดขวารอเลี้ยวได้เลยนะครับ เราเดินเลยจากซอยอ่อนนุชมาเล็กน้อย จะมีร้าน Best Beef เป็นร้านปิ้งย่างแบบไทยๆ อยู่เชิงสะพานพระโขนง ใครชอบทานเนื้อ ร้านนี้ต้องลองครับ ส่วนถ้าใครเลี้ยวขวาที่แยกอ่อนนุชไม่ทัน หรือไม่อยากรอไฟแดงนานๆ ก็มากลับรถใต้สะพานพระโขนงนี้แทนได้ครับ ห่างกันนิดเดียว เราข้ามสะพานลอยมาฝั่งซอยอ่อนนุชกันต่อ ที่ปากซอยจะมีร้านขายอาหาร ผลไม้ หรือของใช้ต่างๆ อยู่ทั้ง 2 ข้างทาง ยาวไปจนถึงบิ๊กซี เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็ถึงบิ๊กซีแล้วล่ะครับ มีอีกเส้นทางนึงนะครับ ที่เดินลัดมาเข้าบิ๊กซีได้ คือซอยสุขุมวิท 77/1 เลยจากคอนโด Q.House Condo สุขุมวิท 79 มานิดเดียว ในซอยก็มีร้านขายของให้เลือกซื้อเหมือนกันครับ เดินมาจนสุดซอย ก็จะเจอบิ๊กซี ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้รถยนตืส่วนตัว รถสองแถวนี้แหละครับเป็นที่พึ่งหลักในซอยนี้ หรือถ้าใครต้องการความรวดเร็วหน่อยก็มีพี่วินคอยให้บริการเช่นกัน ตอนเช้าออกไปทำงานแนะนำให้นั่งพี่วินนะครับ เพราะรถจะติดมหาโหดมาก โดยเฉพาะฝั่งที่มุ่งหน้ามาถนนสุขุมวิท ช่วงบ่ายจุดขึ้นรถสองแถวเข้าซอย จะอยู่ฝั่งตรงข้ามบิ๊กซี แต่ในช่วงเย็นจะขยับไปอยู่ที่หน้าคอนโด blocs 77 เดินเลยเข้ามาเรื่อยๆ ในซอยก็จะไม่ค่อยคึกคักเหมือนช่วงปากซอยแล้ว ในซอยนี้เป็นถนนใหญ่ มีชุมชน หมู่บ้าน บ้านเรือนที่อยู่มาก่อนให้เห็นเป็นระยะ เช่นเดียวกับวัดวาที่มีเยอะเช่นกัน แต่ที่เด่นๆ เลยก็คือ วัดมหาบุศย์ (อ่อนนุชซอย 7) หรือวัดแม่นาคพระโขนงนั่นเอง นอกจากบ้านไม้ บ้านเก่า ตึกแถวร้านค้าริมถนนที่มีอยู่ก่อนแล้ว เราก็จะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมที่เพิ่งสร้างเสร็จในช่วง 1-2 ปีนี้ให้เห็นเป็นระยะ ทั้งคอนโดในเครือ Lumpini, U Delight, The Base, Blocs 77 เป็นต้น รวมไปถึงโครงการอื่นๆ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ทั้งหมู่บ้าน และคอนโดในซอย บรรยากาศสองฝั่งถนนในซอยอ่อนนุชจะมีร้านค้า แผงลอยให้เห็นตลอดทาง บางช่วงก็จะมีแผงลอยขายอาหารหนาตาหน่อย บางช่วงก็จะเป็นบ้านอยู่อาศัยซะเยอะ ถนนในซอยดูเหมือนจะไม่เปลี่ยวนะครับ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วผมว่าไม่ค่อยเหมาะกับการเดินเท่าไหร่ โดยเฉพาะคุณสาวๆ ถ้าต้องเดินคนเดียว ถึงจะเป็นช่วงกลางวันแสกๆ ก็เถอะ อาศัยนั่งรถสองแถว หรือใช้พี่วินมอเตอร์ไซค์เอาจะดีกว่าครับ ตอนเราไปถึงเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ รถก็ติดกันแล้วนะครับ เราขยับเข้ามาในซอยอีกหน่อย คอนโดแรกที่เราเจอจะเป็นโครงการ blocs 77 อยู่เยื้องๆ กับบิ๊กซี ติดๆ กับ blocs 77 เป็นโครงการ The Base สุขุมวิท 77 หน้าโครงการ The Base มีทางเข้าไปยังที่ดินของแสนสิริ ด้านในจะมีอีกหนึ่งโครงการเป็นโครงการ The Base Park West สุขุมวิท 77 มองจากตรงนี้ไปจะเห็นมีคอนโด อยู่อีกหลายโครงการ เราเดินไปดูกันต่อเลยครับ โครงการที่เห็นเมื่อสักครู่เป็นโครงการ U Delight อ่อนนุช สเตชั่น คอนโด High Rise ของ Grand U ส่วนคอนโดที่กำลังก่อสร้างอยู่ข้างกับ U Delight คือโครงการ Sunshine Garden กรุงเทพ เลยเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นโครงการ Lumpini Ville สุขุมวิท 77 คอนโดรุ่นแรกๆ ในซอย จาก LPN เยื้องๆ กันหน่อยจะเป็นคอนรุ่นน้องอย่าง Lumpini Ville สุขุมวิท 77 (2) ลึกเข้ามาในซอยอีกสักหน่อยบรรยากาศคอนโดก็เริ่มจะเบาบางลงแล้วนะครับ ส่วนร้านขายอาหาร ร้านขายของต่างๆ หรือตลาดนัด จะมีประปรายตามรายทาง บางช่วงก็เยอะหน่อย เรื่องของกินของใช้ในซอยนี้เรียกว่าหายห่วงได้เลยครับ เลยจากโครงการ Lumpini Ville สุขุมวิท 77 (2) ได้ไม่ไกล กำลังมีการก่อสร้างคอมมูนิตี้ มอลล์ แห่งใหม่ ชื่อโครงการ People Park อ่อนนุช น่าจะช่วยให้ย่านนี้คึกคักมากขึ้นไปอีก มี Max Value คอยให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยรวมแล้วย่านอ่อนนุชยังถือเป็นทำเลที่มีความน่าสนใจอยู่ ยังมีคอนโดและหมู่บ้านโครงการอื่นๆ ผุดขึ้นอีกเรื่อยๆ ทั้งในบริเวณติดๆ กับสถานีรถไฟฟ้าก็ดี หรือในบริเวณใกล้เคียงรอบๆ ย่านนี้ก็ด้วย เพราะศักยภาพของพื้นที่แถบนี้มีความเป็นชุมชนสูง มีความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัย สาธารณูปโภคต่างๆ ก็ค่อนข้างครบครัน ถึงจะไม่หรูหราฟู่ฟ่าแบบในเมือง แต่ก็จัดว่าสะดวกมากๆ สำหรับชีวิตประจำวันครับ ศักยภาพด้านการเติบโตของพื้นที่นี้ยังมีโอกาสอีกมาก ถึงจะไม่ใช่ย่านใจกลางสุขุมวิท แต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไปนัก อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้สะดวกไม่ว่าจะด้วยรถไฟฟ้า หรือรถส่วนตัว ในขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้ก็ไม่ได้สูงจนเอื้อมไม่ถึง เพราะถึงอย่างไรทำเลแถบนี้ก็ไม่ได้เน้นตลาดที่อยู่อาศัยหรูหราอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่จึงยังคงปักหมุดเลือกอ่อนนุชมาในอันดับต้นๆ ส่วนย่านใกล้เคียงที่น่าสนใจอย่างพัฒนาการ บางจาก หรืออุดมสุข ไว้พวกเราทีมงานจะหาโอกาสไปรีวิวทำเลเพิ่มเติมมาให้อีก....ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ
Plum Condo Extra พระราม 2 : รีวิวคอนโด

Plum Condo Extra พระราม 2 : รีวิวคอนโด

Plum Condo Extra Rama 2 คอนโดราคาหยิบจับง่ายในเครือพฤกษาที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า มักจะเลือกทำเลในแถบชานเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตัวโครงการนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ บนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าลงใต้ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายระดับกลางที่อยากได้คอนโดในราคาที่ไม่สูงเกินเอื้อมมากนัก รอบๆ โครงการและหน้าตาห้องจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ การเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้เราใช้เส้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ข้ามสะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวนมาลงที่พระราม 2 กันเลยครับ ง่ายและสะดวกดีครับเส้นทางนี้ พอลงจากทางด่วนมาแล้ว เจอทางออกแรกก็วิ่งตามเส้นคู่ขนานมาอีกประมาณ 2 กิโลเมตรก็ถึงตัวโครงการแล้ว จุดสังเกตุง่ายๆ ก็คือ โครงการ Plum Condo Extra Rama 2 จะถึงก่อนโรงพยาบาลบางมดเล็กน้อยครับ แต่ถ้าไม่อยากขึ้นทางด่วนก็สามารถใช้เส้นทางดาวคะนอง โดยข้ามสะพานพระราม 3 หรือสะพานกรุงเทพ 2 แล้วลงที่ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปดาวคะนอง และมาเลี้ยวเข้าถนนพระราม 2 อีกครั้งก็ได้เช่นกัน แต่การเดินทางบนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินในช่วงนี้ไม่ค่อยสะดวกเลย เพราะมีการขุดเจาะทำอุโมงค์ลอดตรงสี่แยกมไหสวรรค์ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้เส้นทางนี้เลยครับ การจราจรติดขัดมากเกือบตลอดเวลา เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นจะดีกว่า แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราจะขอเริ่มจากบนทางด่วนศรีรัช มุ่งหน้าดาวคะนองนะครับ ตามป้ายไปเรื่อยๆ เลยครับ เบี่ยงออกทางขวาตามป้าย เพื่อไปขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นสะพานพระราม 9 มาแล้วจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ เมื่อลงสะพานมาแล้วเราตรงต่อไปอีกนะครับ ทางซ้ายจะไปออกถนนสุขสวัสดิ์ ถึงตรงนี้เราจะไม่ตามป้ายดาวคะนองแล้วนะครับ เราต้องไปทางสมุทรสาคร ชิดขวาเพื่อไปทางสมุทรสาคร ตามป้ายเลยครับ เมื่อแยกออกมาทางสมุทรสาคร เพื่อไปลงที่ถนนพระราม 2 จะเห็นโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล อยู่ด้านขวามือ เมื่อลงมาที่ถนนพระราม 2 แล้ว ให้ชิดซ้ายไว้เลยนะครับ เราจะออกที่ทางออกแรกเลย เมื่อออกจากทางคู่ขนานมาแล้วก็ใกล้ถึงแล้วล่ะครับ จุดสังเกตของโครงการคือท่อผ้าเป่าลมสีชมพูนี่แหละครับ เจอแล้วก็เลี้ยวเข้าไปเลยครับ ปัจจุบันโครงการก่อสร้างเฟส 1 ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะครับ ส่วนพื้นที่ว่างข้างๆ ก็จะใช้ในการก่อสร้างเฟส 2 ต่อไปในอนาคต หน้าตาของสำนักงานขายโครงการ บรรยากาศภายใน ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะอื่นๆ ก็มีทั้งรถเมล์ รถตู้ หรือถ้าจะไปไหนในระยะใกล้ๆ ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ กับรถสองแถวให้ใช้บริการได้ แต่ถ้าเอาสะดวกหน่อยก็เรียกแท็กซี่เลยครับ เรียกง่ายเพราะหน้าโครงการติดถนนใหญ่ ส่วนรถไฟฟ้านี่คงต้องรอกันอีกนานเลย แถมที่ตั้งโครงการก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับแนวรถไฟฟ้าด้วย เอาเป็นว่าแค่ลองคิดๆ เผื่อไว้สำหรับอนาคต รอให้รถไฟฟ้า  MRT สายสีม่วงสร้างเสร็จ สถานีที่ใกล้ที่สุดก็น่าจะเป็นสถานีดาวคะนอง ซึ่งก็น่าจะพอช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางเข้าออกเมืองไปได้บ้าง วิเคราะห์รอบโครงการ เรามาดูทำเลบริเวณรอบๆ โครงการกันบ้าง โครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ตั้งอยู่ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 หน้าโครงการตรงกับเกือกม้ากลับรถพอดีเลย ข้างๆ โครงการเป็นปั๊มน้ำมันปตท. ซึ่งใหญ่พอสมควรเลย เพราะมีทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอีกนิดหน่อย ถัดไปก่อนจะถึงโรงพยาบาลบางมด มีลานกว้าง และทางเลี้ยวเข้าพระราม 2 ซอย 43 บริเวณนี้เป็นพื้นที่ชุมชนด้านในซอยเป็นหมู่บ้านสินทวี ตรงปากซอยจึงมีทั้งคิวรถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็นจุดจอดรถตู้ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านขนม ตลาดสด รถเข็น แผงลอย ก็เปิดขายกันเกือบตลอดวัน บริเวณนี้จึงคึกคักมากเป็นพิเศษ แวะมาหาของกิน ซื้อกับข้าวกลับเข้าบ้านได้ครับ นอกจากนี้ในซอยก็มีร้านขายยา ร้านทำผม คลินิกทำฟัน ร้านซักรีด ร้านแว่น ร้านขายของชำ และร้านอื่นๆ อีกเต็มไปหมด พอถัดจากซอยนี้ไปเราก็จะเจอทางเข้าโรงพยาบาลบางมด ศูนย์สุขภาพและความงาม My Care, Health Land, โชว์รูมรถ, ปั๊มน้ำมันบางจาก ไปจนถึง Big C พระราม 2 ก็จะเจอเกือกม้ากลับรถอีกอัน ซึ่งเชื่อมเข้าห้างเซ็นทรัลพระราม 2 ได้เลย หรือจะกลับรถวิ่งเข้าเมืองก็ต้องใช้สะพานกลับรถอันนี้แหละครับ ซึ่งห้างหลักๆ ที่อยู่ใกล้กับโครงการก็จะมี Big C และเซ็นทรัลนี่แหละ ที่เป็นเหมือนแหล่งช็อปปิ้งหลักของผู้คนในย่านนี้ แต่ถ้าขับรถเลยจากบริเวณนี้ไปอีก ก็จะมี Tesco Lotus และตลาดสดขนาดใหญ่อีกแห่ง ใกล้กับทางแยกใหญ่ที่ตัดไปออกถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนวงแหวนอุตสาหกรรม เชื่อมไปบางนาได้อีกทาง ปั๊ม ปตท. ที่อยู่ข้างๆ โครงการ พระราม 2 ซอย 43 บริเวณปากซอยมีร้านสะดวกซื้อ ร้านขายอาหาร ถัดจากซอยไปอีกหน่อยจะมีทางเข้าโรงพยาบาลบางมด ต่อด้วย Health Land ส่วนบริเวณรอบๆ ตัวโครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ส่วนใหญ่ยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบสูง 1-2 ชั้นครับ จะมีอาคารพาณิชย์บ้างตรงโซนด้านหน้าติดถนนใหญ่ แต่ก็สูงไม่เกิน 4-5 ชั้น เรื่องปัญหาการบังวิวจึงมีผลกระทบน้อยมาก ยิ่งในเฟสแรกที่เปิดขายอยู่ลึกเข้ามาด้านในทางฝั่งขวาของพื้นที่ทั้งหมด จึงเรียกว่าไม่โดนตึกแถวด้านหน้าบังวิวเลยด้วยซ้ำ สำหรับโครงการ Low Rise แบบนี้ เลือกซักชั้น 3 ขึ้นไปก็พ้นวิวหลังคาบ้านละครับ Master Plan แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของโครงการในเฟสแรก ซึ่งจะใช้ทางเข้าร่วมกับเฟสอื่นๆ และ Commercial ด้านหน้า ถนนทางเข้าจะเป็นถนน 2 เลน ผ่าน 3 วงเวียน ก่อนจะถึงทางเข้าตัวโครงการ สำหรับเฟสแรกที่กำลังเปิดขายกันอยู่นี้ ประกอบด้วยอาคาร Low Rise สูง 8 ชั้นทั้งหมด 3 อาคาร ซึ่งจะมีคลองเล็กๆ กั้นที่ดินตรงนี้ออกจากที่ดินผืนใหญ่ของโครงการอีกที ทำให้โครงการในเฟสแรกดูเป็นสัดส่วนแยกออกมาอย่างชัดเจน ลักษณะที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งเป็นแนวยาวลึกเข้ามาด้านในตามทิศเหนือใต้ ดังนั้นห้องพักในตัวอาคารจึงเรียงตัวเผชิญหน้ากับแดดจากทิศตะวันออกและตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ห้องชั้นล่างๆ ของอาคาร A และ B ที่หันหน้าเข้าหากันอาจจะพ้นระยะแดดบ้างจากที่ได้ตึกตรงข้ามบังให้ แต่ก็ไม่น่าจะมากเท่าไหร่ ในส่วนของห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปนะครับ ยกเว้นอาคาร C ที่มีห้องพักตั้งแต่ชั้น 1 เลย และ Facility ส่วนกลางทั้งหมดก็จะอยู่ตรงคอร์ทกลางระหว่างอาคาร แต่แยกเป็น 2 โซน โซนแรกอยู่ระหว่างอาคาร A และ B จะมีสระว่ายน้ำขนาด 6x20 เมตร ล้อมรอบไปด้วยสวนหย่อมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดทอนการมองเห็นจากลานจอดรถ และยังมีสนามเด็กเล่นอยู่ในโซนนี้ด้วย ในขณะที่โซนหน้าอาคาร C จะเป็นห้องออกกำลังกาย และมีพื้นที่สวนไว้ให้พักผ่อนอีกนิดหน่อย การแยกพื้นที่ส่วนกลางออกเป็น 2 โซนแบบนี้ อาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนที่ต้องการออกกำลังกาย แล้วไปว่ายน้ำต่อ เพราะต้องเดินข้ามโซนไป เช่นเดียวกันกับลูกบ้านในอาคาร C ก็จะอยู่ห่างจากสระว่ายน้ำมากหน่อย และลูกบ้านในอาคาร A และ B ที่ต้องเดินไกลอีกนิดถ้าจะมาออกกำลังกายที่ห้อง Fitness แต่โดยภาพรวมแล้ว ทางโครงการก็จัดพื้นที่ส่วนกลางให้มากขึ้นพอสมควรเลยนะครับ เพราะมีคำว่า Extra ต่อท้ายนี่แหละครับ เห็นว่ามีเพิ่มพื้นที่สวนและเส้นทางจักรยานให้ในโครงการด้วยนะครับ จะใช้งานได้จริงแค่ไหน ต้องรอดูตอนสร้างเสร็จอีกที เรื่องพื้นที่จอดรถ ในบริเวณเฟสแรกจะใช้พื้นที่ใต้อาคาร และพื้นที่กลางแจ้งเป็นที่จอดรถนะครับ ซึ่งสามารถรองรับจำนวนรถแบบนับรวมจอดซ้อนคันแล้วได้ถึง 40% ถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับโครงการในระดับนี้ และจากที่เห็นในโมเดลยังมีพื้นที่จอดรถจักรยานตามอาคารด้วย แต่ไม่รู้ว่าของจริงจะจอดกันแบบไหน และเหมาะที่เราจะเอาจักรยานมาจอดไว้กลางแจ้งแบบในโมเดลรึเปล่าครับ ภาพจากโมเดลโครงการ แสดงให้เห็น Facility ที่อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 2 ฝั่ง ภาพจำลองสระว่ายน้ำขนาด 6x20 เมตร อยู่ระหว่างอาคาร A กับ B ภาพจากโมเดลจำลองฟิตเนสที่ตั้งอยู่หน้าอาคาร C ทางเข้า-ออก โครงการ พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องของโครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom-s และห้อง 1 Bedroom นะครับ ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom ก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก และเป็นห้องมุมอาคารซะทั้งหมด เรามาดูห้องตัวอย่างของทางโครงการกันดีกว่าครับ เริ่มด้วยห้องแบบ 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดเริ่มต้นที่เล็กกระทัดรัด แต่จัด Layout ห้องได้ค่อนข้างลงตัวเหมือนกัน พื้นที่ห้องนอน ที่นั่งเล่น หรือโต๊ะทำงาน ใช้พื้นที่ในโซนเดียวกันหมดเลย ในขณะที่ห้องน้ำและห้องครัวแยกออกไปที่ด้านของห้อง ถ้ากั้นประตูกระจกเพิ่มอีกหน่อยตรงทางเข้าห้องครัวก็จะได้เป็นครัวปิด สามารถทำอาหารกันได้จริงจังหน่อย เพราะไม่ต้องกลัวกลิ่นรบกวนในห้องนอน และสามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ ซึ่งอันนี้เป็นไอเดียนะครับ เพราะทางโครงการไม่ได้ติดประตูกั้นห้องครัวมาให้ โดยรวมแล้วถ้าไม่ได้มีข้าวของมากมาย ห้องแบบนี้ก็อยู่คนเดียวได้แบบหลวมๆ เลยครับ แบบห้อง 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนของ Living Area ก่อนเลยครับ พื้นที่ในส่วน Living Area จะดูกระทัดรัดสักหน่อยนะครับ ในห้องตัวอย่างใช้ทีวีแบบแขวนผนังทำให้ดูพื้นที่ดูโล่งขึ้นมาหน่อย จุดที่วางโซฟา ถ้าวางโซฟา 2 ที่นั่งแบบในห้องตัวอย่างก็จะมีพื้นที่ข้างๆ เหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโต๊ะทำงานได้อีกหน่อย หรือเอาไม่โต๊ะทำงาน แต่จะวางโซฟา 3 ที่นั่งก็ได้เหมือนกันครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีถือว่าโอเคเลยครับ ไม่ได้ใกล้มาจนเกินไป คราวนี้เราเข้าไปดูห้องนอนที่อยู่ด้านในกันต่อ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุต อย่างที่เห็นนะครับ พื้นที่รอบๆ เตียงจะเหลืออยู่นิดหน่อย หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานเปิดอยู่ด้านขวามือ 1 บาน ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า และมีพื้นที่ว่างข้างๆ สามารถวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ครับ มาดูกันต่อที่ห้องครัวเลยครับ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ขนาดเล็กกระทัดรัด เหมาะสำหรับใช้ในการเตรียมอาหาร ชั้นลอยด้านบนจะเป็นจุดที่วางไมโครเวฟ อีกด้านจะเป็นโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ทาน ระเบียงจะอยู่ต่อจากครัวนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดความกว้างของระเบียงประมาณ 1.1 เมตร จุดที่วางเครื่องซักผ้า วางงานระบบมาให้พร้อม มองย้อนจากระเบียงผ่านครัวเข้ามา จะเป็นห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ โดยสุขภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมดจะเป็นของ Mogen อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์จะใช้ถังพักน้ำแบบฝังผนัง ทำให้มีพื้นที่วางของเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ส่วน Shower Box ขนาดก็เกือบๆ จะพอดีตัวเลยนะครับ ค่อนข้างเล็กอยู่สักหน่อย ฉากกั้น Shower Box ที่เห็นทางโครงการไม่ได้แถมมาให้ด้วยนะครับ ห้องต่อไปเป็นห้องแบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมาอีกหน่อยที่ 28.78 ตร.ม. ลักษณะห้องนี้จะลึกกว่าห้องแบบ 1 Bedroom-s นิดหน่อย และมีการกั้นพื้นที่ใช้สอยให้แยกออกจากกันชัดเจนขึ้น ทั้งในส่วนของห้องนอนที่มีประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และ Living Area ก็กว้างพอที่วางโต๊ะกินข้าวเพิ่มได้ หรือจะตกแต่งให้เป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นไปเต็มๆ เลยก็ได้ ส่วนพื้นที่ครัวและห้องน้ำก็แยกไว้อีกด้านคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้า แต่มีประตูเลื่อนมาให้เลยดูเป็นสัดส่วนมากกว่า แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 28.78 ตารางเมตร จะเห็นว่าในแปลนห้องจะมีโต๊ะทานอาหารวางอยู่หน้าห้องนอน แต่ในห้องตัวอย่างไม่มีนะครับ ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีหวานๆ เหมาะกับคุณผู้หญิงที่สุดเลยครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Living Area ก่อนเลยครับ คล้ายๆ กับห้อง 1 Bedroom-s ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างทีเดียวครับ วางทีวีจอใหญ่ๆ ได้สบายๆ จุดที่วางโซฟามีพื้นที่เยอะพอสมควร นอกจากโซฟาแล้ว สามารถวางชั้นหรือตู้โชว์ได้เลย เดี๋ยวเราข้ามจาก Living Area ไปดูในห้องนอนกันต่อ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตเหมือนกันครับ ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออยู่พอสมควร จนสามารถวางโต๊ะข้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จัดเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ เลยครับ หน้าต่างในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้องแบบ Studio ครับ ปลายเตียงก็จะเหมือนกัน คือมีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ข้างๆ ด้านบนก็จะเป็นจุดที่วางแอร์ มาต่อกันที่ห้องครัว ห้องครัวจะมีประตูเลื่อนเปิดปิด เหมือนในภาพนะครับ ภายในครัวก็จะคล้ายๆ กับห้อง Studio คือมีเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ใช้สำหรับเตรียมอาหาร แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย ที่วางไมโครเวฟจะอยู่ด้านบนเหมือนกัน ระเบียงที่อยู่ติดกับครัว ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กับห้อง Studio เลยครับ กลับเข้ามาดูที่ห้องน้ำกันต่อ การจัดวาง และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Studio และห้องแบบสุดท้ายคือห้องแบบ 2 Bedroom ครับ มีขนาด 46.23 ตร.ม. ซึ่งมีจำนวนน้อยมากๆ ภายในห้องจัด Layout ไว้เป็นสัดส่วนครับ ห้องนอนแยกกันอยู่คนละด้าน และมีห้องน้ำอยู่โซนกลาง เช่นเดียวกับพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่ว่างหน้าห้องน้ำ สามารถตกแต่งเป็นมุมทำงานหรือมุมอ่านหนังสือได้อีก ซึ่งเป็นไอเดียที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้หลากหลายมากขึ้น ในขณะที่ห้องครัวแยกออกไปเป็นครัวปิด แต่ไม่ได้อยู่ติดระเบียง เรื่องปัญหากลิ่นรบกวนขณะทำกับข้าวคงจะระบายได้ไม่ดีเท่า 2 ห้องก่อนนี้ เพราะว่ามีประตูระเบียงที่เปิดได้กว้างกว่า ห้องแบบนี้ก็จะเหมาะกับครอบครัวเล็กๆ อยู่กันได้แบบสบายๆ มีห้องส่วนตัวกันไป ถ้าชอบก็ต้องรีบตัดสินใจหน่อย เนื่องจากห้องมีจำนวนน้อยครับ แปลนห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 46.23 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นโถงเล็กๆ ก่อนนะครับ มีโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ท่านอยู่ด้านซ้ายมือ มองตรงไปจะเป็น Living Area โต๊ะทานอาหารที่ตั้งอยู่หน้าห้อง ด้านขวามือตรงข้ามกับโต๊ะทานอาหาร จะแบ่งออกเป็น 2 ห้อง คือห้องครัวกับห้องนอนเล็ก เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องครัวกันก่อนนะครับ ห้องครัวจะมีประตูเลื่อนเปิดปิดเหมือนกับห้องแบบ 1 ห้องนอน เคาน์เตอร์ครัวจะออกกึ่งๆ รูปตัว L เพราะมีจุดที่วางเครื่องซักผ้าเพิ่มเข้ามา มาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อ แต่ในห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องทำงาน มีโซฟา มีโต๊ะทำงาน ก็เป็นไอเดียอีกแบบ ในห้องนี้จะมีระเบียงให้ด้วยนะครับ แต่ขนาดจะเล็กหน่อย กว้างประมาณ 60 ซม. ออกมาจากห้องทำงานจะเป็น Living Area ที่จัดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ซึ่งระยะในการดูทีวีอาจจะใกล้ไปหน่อย โถงทางเดินต่อไปยังห้องนอนใหญ่และห้องน้ำ ระเบียงที่โถงทางเดินนี้จะใหญ่ขึ้นอีก กว้างประมาณ 1.1 x 1.6 เมตร ห้องน้ำจะสามารถเข้าออกได้ 2 ทางนะครับ จากทางโถงทางเดิน กับทางห้องนอนใหญ่ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็จะเหมือนๆ กับห้องเราดูมาก่อนหน้านี้ จุดติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเตรียมมาให้พร้อม ออกจากห้องน้ำมาดูในห้องนอนใหญ่กันบ้าง ห้องนอนมีพื้นที่เยอะเลยครับ วางเตียง 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่ให้วางโต๊ะทำงาน หน้าต่างในห้องนอนก็จะคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้ ด้านปลายเตียงมีช่องว่างให้ Built-in จะเป็นชั้นวางทีวี หรือจะทำเป็นอย่างอื่น อันนี้ตามใจเลยครับ อีกด้านจะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง แถมยังมีที่เหลือให้วางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้อีกด้วย เราดูห้องทั้ง 3 แบบกันไปแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้พูดถึงเลยก็คือ ห้องน้ำ ซึ่งทางพฤกษาเลือกใช้ห้องน้ำแบบสำเร็จรูป ดังนั้นทุกๆ ห้องจึงมีรูปแบบห้องน้ำและขนาดพื้นที่เหมือนกันหมด โดยห้องน้ำสำเร็จรูปนี้จะยกพื้นขึ้นมาสูงกว่าพื้นปกติอีกประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อเว้นไว้เดินงานระบบ พื้นห้องน้ำและผนังบางส่วนจะเป็นงานหล่อขึ้นมาเป็นชิ้นเดียวกันหมด พื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำค่อนข้างจำกัดมากๆ นะครับ ยิ่งถ้าคนไหนตัวใหญ่ๆ อาจจะรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเวลาอาบน้ำ แต่ห้องจริงที่ทางโครงการขายมาให้ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ ต้องติดเพิ่มกันเอง เช่นเดียวกันกับส่วนอื่นๆ ภายในห้อง ที่ทางโครงการเปิดขายกันมาแบบห้องโล่งๆ สะอาดๆ มีแค่ชุดเคาน์เตอร์ครัวมาให้เท่านั้น ที่เหลือก็ต้องหาซื้อมาตกแต่งกันเองตามสไตล์ได้เลย โดยภาพรวมทั้งหมดแล้ว Plum Condo Extra Rama 2 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยในเรทราคาที่หยิบจับได้ง่าย ไม่ต้องเอื้อมกันสูงเกินไป และไม่ติดปัญหาเรื่องทำเลที่อยู่ค่อนไปทางแถบชานเมือง เพราะด้วยสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ก็ดูครบถ้วน และมีพื้นที่เยอะดีเหมือนกันครับ ในขณะที่สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการก็มีความเป็นชุมชนสูง มีอาหารการกินให้เลือกมากมาย เดินทางได้สะดวกตามสมควรถึงแม้จะไม่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านก็ตาม และคาดการณ์ว่าในอนาคตเมืองทางโครงการสร้างเฟสอื่นๆ เสร็จ และมี Commercial Mall ในโซนด้านหน้าเปิดอย่างครบถ้วนแล้ว จะทำให้ภาพรวมของโครงการมีความสะดวกสบาย และอุดมสมบูรณ์มากขึ้นอีก จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านพระราม 2 ครับ ราคาและเงื่อนไขการขาย ณ วันที่ 12 พ.ค. 2558 ห้องเลขที่ 431 อาคาร A ชั้น 4 แบบ 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตารางเมตร ราคาขาย   1,050,000 บาท เงินจอง   5,000 บาท เงินทำสัญญา   15,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 6,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 20,000 บาท ห้องเลขที่ 325 อาคาร C ชั้น 3 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28.78 ตารางเมตร ราคาขาย   1,350,000 บาท เงินจอง   10,000 บาท เงินทำสัญญา   20,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 8,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 30,000 บาท ห้องเลขที่ 407 อาคาร A ชั้น 4 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 46.23 ตารางเมตร ราคาขาย   2,100,000 บาท เงินจอง   20,000 บาท เงินทำสัญญา   30,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 10,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 50,000 บาท
Saladaeng One : รีวิวคอนโด

Saladaeng One : รีวิวคอนโด

Saladaeng One (ศาลาแดง วัน) คอนโด High Rise โครงการใหม่จาก SC Asset ในซอยศาลาแดง 1 ใกล้ MRT ลุมพินี รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 13 ล้านบาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 260,000 บาท เจ้าของโครงการ    SC Asset Corporation Public Company Limited. ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 33 ชั้น 1 อาคาร และ Pool Villa 1 อาคาร จำนวนห้อง     187 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 1 - 3 - 95.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ศาลาแดงซอย 1 ถนนพระรามที่ 4 เขตบางรัก กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 192 คันคิดเป็น 102% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ค่าส่วนกลาง    90 บาท/ตารางเมตร (ชำระล่วงหน้า 1 ปี) ค่าก่องทุน    900 บาท/ตารางเมตร (ชำระครั้งเดียว) สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีลุมพินี สวนลุมพินี ตลาดคลองเตย ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงพยาบาลจุฬาฯ โรงแรม Sofitel So Bangkok โรงแรมดุสิตธานี ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 50 - 57 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาดประมาณ 106 - 122 ตารางเมตร 2 Bedroom Duplex ขนาดประมาณ 106 - 122 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาดประมาณ 216 ตารางเมตร 4 Bedroom Penthouse ขนาดประมาณ 420 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบรักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    061-398-1999, 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.saladaeng-one.com