Ryl Info 7 Factor 1200x628

7 ปัจจัยเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ของคนยุคดิจิทัล

Categories : Life+Style
Tags : , , , , ,

ปัจจัยเลือกซื้อที่อยู่อาศัย

นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน ก็เปลี่ยนไปมากมาย ไม่ใช่แค่ไลฟ์สไตล์เวลาอยู่นอกบ้าน ที่จะต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ เข้าสถานที่ต่าง ๆ ต้องตรวจวัดอุณหภูมิ และการเว้นระยะห่างทางสังคม แต่การอยู่อาศัยในบ้านก็เปลี่ยนแปลงไป ในลักษณะเช่นเดียวกัน

Ryl Info 7 Factor

เมื่อพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคโควิด-19 เปลี่ยนไปเช่นนี้ ย่อมส่งผลถึงการเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งให้ความสำคัญกับบ้านที่เข้ามาตอบสนองวิถีชีวิต ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ ซึ่งมีแนวทางการเลือกอยู่อาศัยในบ้านที่ไม่ได้เหมือนในอดีตแล้ว  จึงถือเป็นหน้าที่สำคัญที่บรรดาดีเวลลอปเปอร์ จะต้องพัฒนาที่อยู่อาศัยออกมา ให้ตรงกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป

 

จากแบบสอบถาม DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study ล่าสุด ที่เผยให้เห็นทัศนคติและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากผลกระทบของโควิด-19 โดย 2 ใน 3 ของผู้บริโภค หรือ สัดส่วน 66% เห็นว่า ต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด  ขณะที่ความเห็นเกือบครึ่ง หรือสัดส่วน 42%  เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการไปรับประทานอาหารนอกบ้านบ่อย ๆ โดยเกือบ 1 ใน 3 ของผู้บริโภค หรือสัดส่วน 31% ยังคงกังวลใจเกี่ยวกับการแพร่ระบาด เนื่องจากผู้ใกล้ชิดจะได้รับผลกระทบ และมีเพียง 1% เท่านั้นที่ผู้บริโภคมองว่าโควิด-19 ไม่ได้มีผลต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขาเลย

 

สำหรับผลกระทบต่อการอยู่อาศัย ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ที่ส่งผลในเรื่องการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย จาก​ แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด  ระบุว่า ผลกระทบของโควิด-19 ที่กลายมาเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมุมมองและพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยไปจากก่อนยุค New Normal โดยมองหาบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ด้วยเช่นกัน  ซึ่งสรุปออกมาเป็น 7 ปัจจัยเลือกซื้อที่อยู่อาศัย หรือก็คือ ปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินใจในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยนั่นเอง

7 ปัจจัยเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ของคนยุคดิจิทัล

Work From Home

1.Work from Home กับการลาออกครั้งใหญ่

ในช่วงมีการแพร่ระบาดหนัก ๆ มาตรการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from Home เป็นวิธีหลักที่แทบทุกองค์กรนำมาใช้ เพื่อให้ธุรกิจยังเดินหน้าขณะที่พนักงานก็ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรค มีหลายองค์กรที่ใช้มาตรการ Work from Home นานนับปี ทำให้ปัจจุบันพนักงานจำนวนมาก คุ้นชินกับวิถีชีวิตแบบนี้ และยังมองว่าเป็นแนวทางการทำงานที่ปลอดภัย ทั้งต่อตัวเองและบุคคลในครอบครัวด้วย

 

การสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (59%) ตั้งใจหางานที่อนุญาตให้ Work from Home ได้มากขึ้น เนื่องจากเห็นความสำคัญของการได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวและต้องการรักษาระยะห่างในสังคม นอกจากนี้ในช่วง Work from Home ที่ผ่านมา ผู้บริโภคต่างได้ปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยเพื่อสร้างบรรยากาศที่บ้านให้รองรับการทำงานออนไลน์ไปแล้ว จึงอาจยังไม่เห็นความจำเป็นในการกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ ในสหรัฐอเมริกา พบว่า เกิดกระแสการลาออกระลอกใหญ่ของมนุษย์เงินเดือน (The Great Resignation) หลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย และมีการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม ในประเทศไทยก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นแบบนี้ได้เช่นกัน​ หากองค์กรให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม ขณะที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคจำนวนมาก

2.คนเลือกซื้ออสังหาฯ ผ่านโลกออนไลน์ มากขึ้น

ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  เครื่องมือทางการตลาดสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ทุกองค์กรหยิบมาใช้ คือ การตลาดออนไลน์ ซึ่งเป็นเครื่องมือเข้าถึงคนได้ง่ายและปลอดภัย บริษัทอสังหาริมทรัพย์แทบจะทุกบริษัทก็ได้เอาการลาดออนไลน์ มาใช้เป็นช่องทางการซื้อขายที่อยู่อาศัย หรือบริหารการตลาด  ทำให้ออนไลน์ที่เดิมเป็นเพียงแหล่งค้นหาข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัย กลายมาเป็นเครื่องมือในการซื้อขายสำคัญ ​ โดยมากกว่าครึ่งของผู้บริโภคเลือกใช้ช่องทางออนไลน์ในการคัดเลือกโครงการที่อยู่อาศัยที่สนใจ (54%) และเยี่ยมชมโครงการเสมือนจริง (52%) นอกจากนี้ยังพบว่า 1 ใน 5 ของผู้บริโภค (20%) มีการเซ็นสัญญาซื้อขายผ่านออนไลน์ สะท้อนให้เห็นการปรับตัวและใช้ประโยชน์จากโลกออนไลน์ทั้งในฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่า หากโครงการไหนไม่มีช่องทางออนไลน์  คงไม่ไดอยู่ในลิสต์ที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อแน่นอน

3.Cryptocurrency เพิ่มโอกาสให้คนรุ่นใหม่ซื้อบ้าน  

การเข้ามามีบทบาทของสกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency ที่นอกจากจะเป็นการลงทุนที่เห็นผลตอบแทนเร็วแล้ว ผลตอบแทนจากการลงทุนในสกุลเงินนี้ยังถือเป็นช่องทางที่สร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยที่มีราคาสูงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย จากแบบสอบถามฯ พบว่า มากกว่าครึ่งของผู้บริโภค (57%) สนใจที่จะใช้สกุลเงินดิจิทัลในการซื้อบ้าน/คอนโดฯ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเปิดรับเทคโนโลยีและเรียนรู้สิ่งใหม่ได้เร็วนั้น มีแนวโน้มสนใจซื้อบ้านด้วยสกุลเงินดิจิทัลสูงตามไปด้วย โดยกลุ่มช่วงอายุ 22-29 ปี ให้ความสนใจถึง 71% ในขณะที่ช่วงอายุ 30-39 ปี สนใจถึง 61%

Origin Crypto

4.“มาตรการภาครัฐ” ปัจจัยบวกกระตุ้นซื้อบ้าน  

มาตรการภาครัฐ ถือเป็นปัจจัยบวกกระตุ้นความต้องการซื้อบ้าน และปัจจัยเลือกซื้อที่อยู่อาศัย จากสภาพเศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัว ผู้บริโภคจึงเลือกที่จะวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและชะลอการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน เพราะต้องการรักษากระแสเงินสดเอาไว้ มาตรการจากภาครัฐที่ออกมา อาทิ การลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง การผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กลายเป็นปัจจัยบวกที่มีแนวโน้มจะส่งผลให้ความต้องการซื้อของผู้บริโภคเติบโต

 

โดย 7 ใน 10 ของผู้บริโภคเผยว่าตั้งใจจะซื้อที่อยู่อาศัยในอนาคต หลังจากที่ผู้บริโภคได้มีการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 ได้ดีขึ้น ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเริ่มปรับตัวสูงขึ้น และผู้พัฒนาอสังหาฯ มีแนวโน้มปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมไปถึงผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งนอกประเทศที่อาจส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าและภาวะเงินเฟ้อในไทยปรับตัวสูงขึ้น ได้กลายเป็นอีกปัจจัยเร่งให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เห็นได้จากการที่ผู้บริโภควางแผนซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 2 ปีมีถึง 45% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจรอบที่แล้ว (39%) สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการซื้อบ้านที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

5.วางแผนรองรับแผนเกษียณ  

คนวางแผนซื้อบ้านเพื่อรองรับแผนเกษียณ เป็นอีกปัจจัยที่มาช่วยตัดสินใจการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของคนยุคปัจจุบัน เพราะจากการสอบถาม  พบผู้บริโภคมากกว่า 3 ใน 4 (78%) ที่เป็นเจ้าของบ้านอยู่แล้วยังคงต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่ม โดยมองว่าการซื้ออสังหาฯ เพิ่มนั้นไม่ได้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเท่านั้น แต่วางแผนต่อยอดการใช้ชีวิตเพื่อความมั่นคงในอนาคตด้วย โดยเป้าหมายยอดนิยมของการซื้อบ้านเพิ่มอันดับต้น ๆ ของผู้บริโภค คือ ซื้อไว้รองรับแผนเกษียณอายุในอนาคต (31%) ตามมาด้วยการซื้อให้ญาติหรือพี่น้อง (28%) และซื้อปล่อยเช่าสร้างรายได้ระยะยาว (26%) นอกจากนี้ ยังพบว่า 46% ของผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของบ้านปัจจุบันนั้นยังมีแผนที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มภายในช่วง 1 ปีข้างหน้านี้ สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและมีความพร้อมทางการเงินกลับมามีความมั่นใจที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

6.บ้านต้องส่งเสริม “สุขภาพ”

ปัจจัยเรื่องของสุขภาพ เป็นเทรนด์ที่มีมาก่อนหน้าจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว เมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาดขึ้น ยิ่งเข้ามาตอกย้ำเพิ่มน้ำหนักในเรื่องนี้มากขึ้น คนส่วนใหญ่​เกือบ 2 ใน 3 ของผู้บริโภคปัจจุบัน (63%) หันมาให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ที่ส่งเสริมการสร้างสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากมองว่าการมีร่างกายที่แข็งแรงและพฤติกรรมสุขภาพที่ดีจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส

Health Aging Wellness

นอกจากการดูแลสุขภาพแล้ว ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังตระหนักถึงความสำคัญของการมีสถานบริการสุขภาพอยู่ใกล้ที่อยู่อาศัยแม้ว่าการแพร่ระบาดฯ จะหมดไปก็ตาม โดยแผนการดูแลสุขภาพในอนาคตของผู้บริโภคถึง 88% เผยว่าต้องการเช่าหรือซื้อที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลมากที่สุด ตามมาด้วย 45% มองหาที่อยู่อาศัยใกล้ร้านขายยา และ 37% มองหาที่อยู่อาศัยใกล้ศูนย์บริการด้านสุขภาพเฉพาะทาง เพื่อวางแผนรองรับการใช้ชีวิตระยะยาวที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางไปพบแพทย์หรือตรวจเช็กสุขภาพ

7.รถยนต์ไฟฟ้าตัวแปรสำคัญเมื่อคิดซื้อบ้าน  

รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทรนด์ที่ยังมาแรงไม่มีตก ยิ่งช่วงที่ผ่านมาราคาเชื้อเพลิงปรับตัวขึ้นสูง และภาครัฐมีการกำหนดทิศทางการพัฒนาและขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนฯ รถยนต์ไฟฟ้าที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้คนสนใจการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และนับจากนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่คนจะเลือกซื้อบ้าน ด้วยการดูว่าโครงการมีการเตรียมอุปกรณ์รองรับกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่  ตัวแปรสำคัญเมื่อคิดซื้อบ้าน เมื่อน ส่งผลให้กระแสความสนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกลับมาอีกครั้ง

Pf Green Road2

จากผลสำรวจ พบว่า โดย 2 ใน 3 ของคนหาบ้าน (67%) เผยว่ายินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ ที่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารองรับ เนื่องจากผู้บริโภคคำนึงถึงความยั่งยืนของการใช้ชีวิตในอนาคต การซื้อที่อยู่อาศัยแต่ละครั้งถือเป็นเรื่องใหญ่ จึงต้องคิดอย่างรอบคอบ มองไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในระยะยาวให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง ถือเป็น ปัจจัยเลือกซื้อที่อยู่อาศัย สำคัญในสถานการณ์เช่นนี้

 

ทั้งหมดนี้ ก็คงกล่าวได้ว่า เป็น 7 ปัจจัยเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ที่สำคัญซึ่งผู้บริโภคยุคการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย หรือใช้ตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อโครงการไหนดี ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็เอาปัจจัยทั้งหมด มาเป็นแนวทางการพัฒนาโครงการในอนาคตด้วย เพราะต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

 

CR: DDproperty

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความ Life+Style ล่าสุด