จระเข้ เดินหน้าสู่ทศวรรษที่ 4 วางวิสัยทัศน์-ทิศทางธุรกิจ มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าก่อสร้าง เพื่อความสุขที่ยั่งยืน พร้อมเป้าหมายรายได้ 5,000 ล้าน เตรียมรุกหนักตลาดประเทศเพื่อนบ้าน หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ขึ้นเป็น 20%
นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าตรา “จระเข้” เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2535 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ในการดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มกาวยาแนว กาวซีเมนต์ สี และผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง ซึ่งยังคงมุ่นเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าก่อสร้าง เพื่อคุณภาพชีวิตและสร้างความสุขที่ยั่งยืน บนพื้นฐานของการให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
สำหรับก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 บริษัทได้วางทิศทางการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดกาวซีเมนต์ กาวยาแนวปูกระเบื้อง และไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมเคมีก่อสร้าง ที่ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมซ่อมแซม และตกแต่งแบบครบวงจร เพื่อบ้าน อาคาร ไปจนถึงงานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สีจระเข้ (SEE JORAKAY) สีธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากสีทั่วไป โจทย์เทรนด์สุขภาพและการดูแลสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบและปกป้องพื้นผิว (Coating) และ JORAKAY GREEN PRODUCTS ตอบโจทย์อาคารเขียว โดยวางเป้าหมายทำรายได้ 4,000-5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ แผนการลงทุนใน 3-5 ปี จะมีการพัฒนานวัตกรรม ทั้งในด้านของการขยายสินค้ากลุ่มเคมีก่อสร้างให้ครอบคลุมมากขึ้น ใช้ Enterprise Resource Planning หรือ ERP พัฒนาระบบการจัดการตั้งแต่การผลิต จัดส่ง และเชื่อมต่อการชำระเงิน รองรับการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย สอดคล้องกับธุรกิจยุคใหม่ ผนวกกับ Customer Data / Digital Transformation เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น รวดเร็วขึ้น ในรูปแบบของ B2B2C เสริมด้วย Non Products เช่น บริการติดตั้ง โดยช่างฝีมือที่ได้รับการรับรองจากศูนย์ฝึกอบรม จระเข้ อะคาเดมี่ (JORAKAY ACADEMY TRAINING CENTER) เป็นการต่อยอดบริการให้คำปรึกษาและบริการเกี่ยวเนื่องกับการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร
นายศุภพงษ์ กล่าวอีกว่า เพื่อการเติบโตตามเป้าหมายดังกล่าว ส่วนหนึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV และมาเลเซีย ที่สำคัญจะมุ่งทำตลาดในประเทศเวียดนาม เนื่องจากเป็นตลาดที่มีโอกาสการเติบโตสูง และยังมีอัตราการใช้งานผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงไม่มากนัก ซึ่งจะมีรูปแบบการทำตลาดใหม่ หลังจากที่ได้เข้าไปทำตลาดเมื่อ 4-5 ปีก่อนหน้านี้ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาวเวียดนาม โดยบริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 20% จากปัจจุบันมีไม่ถึง 10%
ส่วนในปีนี้บริษัทคาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ 2,800 ล้านบาท ปัจจุบันสินค้าที่มียอดขายสูงสุดกว่า 80% ของยอดขายทั้งหมด ได้แก่ กลุ่มกาวซีเมนต์ เขียว แดง เงิน ทอง โดยเฉพาะกาวเขียวที่มียอดขายอันดับ 1 กลุ่มกาวยาแนวพรีเมียม พลัส ป้องกันราดำ ที่มียอดขายอันดับ 1 ซึ่งจระเข้เป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมนี้รายแรกในตลาดกาวยาแนว และกลุ่มผลิตภัณฑ์กันซึม รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมซีเมนต์กันซึมส่วนผสมเดียวรายแรก ส่วนช่องทางในการจัดจำหน่ายปัจจุบัน แบ่งเป็นออฟไลน์ 95% ผ่านช่องทางดีลเลอร์กว่า 3,000 ราย ร้านโมเดิร์นเทรด 300 แห่ง และช่องทางออนไลน์อยู่ที่ 5%
ด้านของการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนด 5 กลยุทธ์สำคัญด้านความยั่งยืนครอบคลุมทุกห่วงโซ่ ได้แก่ 1. ลดการปล่อย CO2 ในกระบวนการต่างๆ 2. ลดปริมาณขยะและของเสียเน้นใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3. ลดองค์ประกอบหรือกระบวนการที่ก่อให้เกิดสารพิษ 4. เพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 5. สนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ด้านการศึกษา สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
–สีจระเข้ รีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 20 ปี ปูทางสร้างยอดขาย 300 ล้าน
–สีจระเข้ เปิดแฟลกชิพ สโตร์ โชว์ผลิตภัณฑ์ พร้อมสร้างประสบการณ์ใช้จริงให้ลูกค้า