เซ้าเทิร์นกรุ๊ป ชูนโยบายดำเนินธุรกิจรับผิดชอบต่อสังคม-สิ่งแวดล้อม ให้บริษัทลูก “ครีเอทีฟ มิเนอรัล” ติดตั้งเครื่องจักแบรนด์ Propel ผลิตทรายหิน M-Sand สร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรเหลือใช้ ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กระตุ้นวงการก่อสร้างลดการใช้ทรายธรรมชาติ
นายธีรโชค มุขดี กรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัทเซ้าเทิร์นกรุ๊ป เปิดเผยว่า โลกปัจจุบันให้ความสำคัญต่อการประกอบธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมรักษาสภาพแวดล้อม และประหยัดพลังงาน บริษัทที่อยู่ในกลุ่มบริษัทเซ้าเทิร์นกรุ๊ป อย่างเช่นบริษัท ครีเอทีฟ มิเนอรัล จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตหินก่อสร้าง หินโดโลไมต์และทรายก่อสร้าง ดำเนินการอยู่ในพื้นที่อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ จึงได้ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรแบรนด์ Propel เพื่อผลิตทรายหิน M-Sand ป้อนสู่วงการก่อสร้างในพื้นที่จังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต ซึ่งจะมีส่วนช่วยทดแทนการใช้ทรายธรรมชาติทั้งทรายบกและทรายแม่น้ำ
โดยเครื่องจักรแบรนด์ Propel นำเข้าจากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีความชำนาญในการผลิตทรายจากหิน เพราะอินเดียมีกฎหมายห้ามใช้ทรายจากแม่น้ำมานานแล้ว ขณะที่ประเทศไทยเริ่มมีความเข้มงวดในการควบคุมการดูดทรายจากแม่น้ำ หรือเหล่าประเทศลุ่มแม่น้ำโขงต่างตระหนักถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศน์จากการดูดทรายจากแม่น้ำโขง
นายธีรโชค กล่าวว่า ทางบริษัทมีหินคลุก หินฝุ่น และหิน3/8 ซึ่งมีขนาดที่แตกต่างกันอยู่ เมื่อได้เครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเอาทรัพยากรที่มีอยู่เข้ากระบวนการบดและคัดแยกขนาดให้เป็นทรายที่ได้มาตรฐานสากล สามารถป้อนสู่โรงงานปูนซีเมนต์นครหลวง โรงงานซีแพคเครือปูนซิเมนต์ไทย และผู้รับเหมาทั่วไป จึงเป็นการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าพร้อมกับเพิ่มมูลค่าผลผลิต โดยการผลิต M-Sand ของบริษัทครีเอทีฟ มิเนอรัล ขณะนี้กำลังศึกษาต่อยอดไปทำการผลิตที่เหมืองศิลาชัย และเหมือง 39ศิลาทองในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เป้าหมายหลักของเราคือ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะแม้แต่น้ำที่ใช้ในกระบวนผลิตเรายังรีไซเคิลได้ถึง 85% ขณะเดียวกันยังช่วยลดการใช้ทรายธรรมชาติซึ่งมีผลต่อระบบนิเวศน์ มีผลต่อรูปทรงของแม่น้ำ ตลิ่ง ขณะที่ทรายบกก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่มีข้อจำกัด
ด้านดร.สมหวัง วิทยาปัญญานนท์ กรรมการและเลขาธิการสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง ให้ความเห็นว่า การลงทุนของกลุ่มบริษัทเซ้าเทิร์นกรุ๊ปในการผลิตทรายหิน M-Sand ที่มีคุณภาพมาตรฐานนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้ประกอบการเหมืองแร่ในปัจจุบันที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม และร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งทางสมาคมยังคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะให้ความสำคัญต่อธุรกิจสินแร่ และวัสดุก่อสร้างที่มีปัญหาค้างคาด้านกฎหมายและรอการขับเคลื่อนจากรัฐบาลมานานปี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
–ค้นหาไอเดียสุดว้าว การใช้วัสดุก่อสร้างใน งานสถาปนิก’66
–REIC เปิด ค่าก่อสร้างบ้าน Q2/66 เพิ่ม 2.1% กระเบื้อง-ค่าแรง ขึ้นราคา หวั่นกระทบต้นทุนก่อสร้างสูงขึ้น
-5 เทรนด์อุตสาหกรรมก่อสร้างโลกที่แรงไม่หยุด