Tag : คอนโด ติดรถไฟฟ้า

336 ผลลัพธ์
U Delight รัชวิภา : รีวิวคอนโด

U Delight รัชวิภา : รีวิวคอนโด

U Delight รัชวิภา คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น บนถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า ใกล้เมเจอร์ รัชโยธินและ SCB Park Plaza โครงการใหม่จาก Grand U รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,490,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     875 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   6 - 0 - 69 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนวิภาวดี-รังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    345 คัน คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนพฤศจิกายน 2559 ค่าส่วนกลาง    35 บาทต่อตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาทต่อตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมเจอร์ รัชโยธิน SCB Park Plaza วัดเสมียนนารี ตลาดบองมาเช่ โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ โรงพยาบาลวิภาวดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงเรียนหอวัง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom  ขนาด 30.4 – 52 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 51.5 – 66.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด สวนสีเขียว ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-652-4000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  grandu.co.th
สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาทุกคนไปดูโครงการใหญ่จาก J.S.P. Property บนทำเลที่ถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ ชื่อว่า “สำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม” ซึ่งเป็นส่วนของที่พักอาศัยในหมู่อาคาร High Rise รวม 7 ตึก โดยพื้นที่ใกล้ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของโครงการสำเพ็ง 2 เซ็นเตอร์ และสำเพ็ง 2 พลาซ่า ที่ถือเป็นพื้นที่รวมร้านค้าขนาดใหญ่ และคาดว่าจะเป็นแหล่งการค้าที่สำคัญอีกแห่งของย่านนี้เลยก็ว่าได้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,100,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 48,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   High Rise สูง 25 ชั้น 1 อาคาร และสูง 16 ชั้น 6 อาคาร จำนวนห้อง    2,821 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    20 - 0 - 4 ไร่ ที่จอดรถ    938 คัน หรือคิดเป็น 33% ที่ตั้งโครงการ   ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางแค เขตบางแค กทม. คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2559 ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร ต่อเดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ การเดินทาง สำหรับการเดินทางมายังตัวโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม ในครั้งนี้เราเริ่มต้นกันจากแยกบางแค ตรงช่วงถนนเพชรเกษมตัดกับถนนกาญจนาภิเษก พอเลี้ยวเข้าถนนกาจนาภิเษกมุ่งหน้ามาทางถนนพระราม 2 ให้วิ่งตรงมาตามถนนคู่ขนานมาอีกประมาณ 2.7 กิโลเมตร ก็จะเห็นทางแยกซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายมาเล็กน้อย ก็จะเห็นโครงการสำเพ็ง 2 ในส่วนของพลาซ่าอยู่ทางซ้ายมือ ให้ตรงขึ้นมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นพื้นที่ก่อสร้างคอนโดมิเนียม ซึ่งตอนนี้มีสำนักงานขายอยู่ตรงด้านหน้าเลยครับ มองเห็นได้ชัดเจน แผนที่ของโครงการ คราวนี้เรามาดูแผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการกันบ้าง การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม ขาออก บริเวณเดอะมอลล์ บางแค ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอใกล้ถึงเดอะ มอลล์ บางแค แล้วให้ชิดซ้ายไว้เลยนะครับ เพราะเราต้องเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายช่องแรกเลยนะครับ พอเข้าสู่ถนนกาญจนาภิเษกแล้ว ตรงไปอีกประมาณ 1 กม. จะมีทางเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ ตามป้ายที่บอกอยู่ข้างทาง สังเกตป้ายบอกทางนะครับ จะมีบอกเรื่อยๆ ใกล้ถึงถนนกัลปพฤกษ์แล้วครับ มีป้านยบอกให้เตรียมตัวเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลปพฤกษ์มาได้นิดหน่อย จะเจอศูนย์การค้าสำเพ็ง 2 อยู่ทางซ้ายมือ ตรงนี้ไม่ใช่ที่ตั้งโครงการนะครับ โครงการจะเลยตรงนี้ไปอีก เลยจากศูนย์การค้าสำเพ็ง 2 มานิดเดียวก็ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ นอกจากเส้นทางที่เลือกเข้ามาทางฝั่งถนนกาญจนาภิเษกแล้ว สำหรับการเดินทางเข้าเมืองก็สามารถใช้เส้นทางถนนกัลปพฤกษ์ ต่อมายังถนนราชพฤกษ์ และมุ่งหน้าเข้าสู่สาทรได้เลย ซึ่งที่ตั้งของโครงการสามารถเดินทางได้สะดวกมากด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าหากต้องการพึ่งพาบริการขนส่งมวลชนบนถนนกัลปพฤกษ์ไม่มีรถเมล์ หรือรถบริการสาธารณะวิ่งผ่านเท่าไหร่นัก ดังนั้นถ้าใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็อาจจะเดินทางไปไหนมาไหนยากหน่อย สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะ มอลล์ บางแค เทสโก้ โลตัส บางแค บิ๊กซี แมคโคร   วิเคราะห์รอบโครงการ ที่ตั้งโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม อยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ค่อนไปทางด้านถนนกาญจนาภิเษกนะครับ ซึ่งเส้นทางนี้สามารถเชื่อมต่อมายังถนนสาทรได้ไม่ยาก แต่อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อยโดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าและเย็น เนื่องจากมีปริมาณรถมาก รอบๆ โครงการเป็นหมู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ หาร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อได้ยากในระยะเดินใกล้ๆ ต้องมุ่งหน้าเลยขึ้นไปทางด้านขาเข้าเมือง จึงจะมีร้านค้า ร้านอาหารให้แวะพึ่งพาได้บ้าง หรือไม่ก็ต้องออกไปทางถนนกาญจนาภิเษก หรือออกบางแคไปเลยจะดีกว่า แหล่งช็อปปิ้งที่ใกล้ที่สุดจะเป็นที่ไหนไม่ได้เลย นอกจากโครงการสำเพ็ง 2 นั่นแหละครับ รอให้ตัวโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์ทุกส่วนแล้ว ก็คงจะคึกคัก มีที่ให้แวะช็อปได้เต็มที่ ส่วนห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ก็คงต้องออกไปทางด้านบางแค ซึ่งจะมีทั้ง The Mall บางแค, Seacon บางแค, Tesco Lotus และ Big C รวมถึง Macro บางบอน บนถนนกาญจนาภิเษกด้วย นอกเหนือจากนี้คาดว่าภายในโครงการก็น่าจะมีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้ลูกบ้านพอพึ่งพา ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง สำหรับตัวโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม จัดว่าเป็นโครงการใหญ่เลยนะครับ เพราะมียูนิตรวมมากถึง 2,821 ยูนิต โดยแบ่งเป็นตึกสูง 16 ชั้น 6 ตึก และตึกสูง 25 ชั้นอีก 1 ตึก นอกจากนี้ยังมีอาคารจอดรถแยกให้อีก 1 ตึก ซึ่งเป็นตึกสูง 6 ชั้น และมี Facility อยู่บนชั้นดาดฟ้าด้วย สำหรับเรื่องของ Facility ภายในโครงการนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ ลูกบ้านที่เลือกอยู่ในอาคาร 16 ชั้นทั้งหมด สามารถเดินมาใช้ Facility ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนสได้ที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ส่วนลูกบ้านในตึกใหญ่ จะมี Facility แยกไว้ให้ต่างหากที่ชั้น 4 ของตึก 25 ชั้น โดยขนาดของ Facility ทั้ง 2 ส่วนนี้ไม่ได้ต่างกันมาก ทั้งเรื่องของขนาดสระว่ายน้ำ 8x30 เมตร แบบ Infinity Pool และห้องฟิตเนสพร้อมห้องอาบน้ำแต่งตัวแยกชายหญิง ส่วนพื้นที่สีเขียวรอบโครงการก็ใช้ร่วมกันนะครับ สำหรับลูกบ้านที่เลือกห้องในตึกใหญ่ หรือตึก 25 ชั้น จะค่อนข้างได้เปรียบกว่าลูกบ้านในตึกเล็กนะครับ เพราะมีสิทธิ์ในการใช้อาคารจอดรถ และที่จอดรถกลางแจ้ง เช่นเดียวกันกับลูกบ้านในตึกอื่นๆ รวมถึง Facility ที่บนดาดฟ้าของอาคารจอดรถด้วยนะครับ ในขณะที่ Facility ต่างๆ ในตึกใหญ่สามารถใช้ได้เฉพาะคนในตึกเท่านั้นครับ ทางเข้าโครงการ โมเดลจำลองอาคารใหญ่ สูง 25 ชั้น เรามาดูแปลนของตึกใหญ่ก่อนนะครับ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby และเป็นที่จอดรถขึ้นไปถึงชั้น 3 ชั้น 4 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย และเป็น Facility หลักๆ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนสีเขียว โมเดลจำลอง Facility บนชั้น 4 สระว่ายน้ำขนาด 8x30 เมตรบนชั้น 4 ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปขึ้นถึงชั้น 25 อาคารจะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง และเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด พื้นที่สีเขียวบนชั้นดาดฟ้า อาคาร 2 อาคาร 3 อาคาร 4 อาคาร 5 อาคาร 6 อาคาร 7 สำหรับ Facility ของลูกบ้านตึก 16 ชั้น ทั้ง 6 ตึกจะอยู่บนอาคารจอดรถ ทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนส ถ้าดูแปลนที่ดินของโครงการ จะเห็นว่า มีทางเข้าออก 2 ทางนะครับ เป็นทางเข้าลึกเข้ามาด้านใน และมีที่จอดรถกลางแจ้งอยู่ตลอดทางเข้า ซึ่งลูกบ้านที่ต้องมาจอดรถตรงนี้ก็ต้องเดินกันไกลหน่อย เช่นเดียวกับระยะการเดินจากด้านในออกมาที่หน้าโครงการถือว่าไกลมากเหมือนกัน ยิ่งทางโครงการไม่มีบริการรถรับส่งด้วย ก็ค่อนข้างลำบากนิดหน่อยครับ ไหนจะเดินจากตึกที่พักไปอาคารจอดรถหรือที่จอดรถ หรือเดินไปใช้ส่วนกลาง เชื่อว่าต้องมีเหงื่อตกกันบ้างไม่มากก็น้อยเลยครับ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ สระว่ายน้ำ Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างของโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม มีให้ชมด้วยกัน 3 แบบนะครับ โดยเริ่มต้นกันที่ขนาด 25 ตร.ม. 28 ตร.ม. และ 35 ตร.ม. ซึ่งขายกันมาแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์เลย เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างแต่ละแบบกันเลยดีกว่าครับ ห้องแรกเรามาดูห้องไซส์เล็กสุดของโครงการกันก่อนนะครับ เป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวที่อยู่หน้าห้องก่อนเลยครับ ตรงข้ามกับครัวจะเป็นประตูเข้าห้องน้ำ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันก่อน อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ยาว อยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ อีกด้านเป็น Shower Box ติดตั้งฉากกั้น 3 ตอนมาให้เรียบร้อย เราออกมาดูที่ส่วนครัวด้านนอกกันต่อ ชุดครัวจะเป็นเคาน์เคาน์เตอร์เล็กๆ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่าทำทานเอง เพราะโครงการไม่มีเตาไฟฟ้ามาให้ด้วย ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ถัดจากส่วนครัวเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area โครงการ Built in ชั้นวางทีวีเล็กๆ มาให้ โดยระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าเยอะพอสมควร สามารถเลือกว่าทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ ด้านที่วางโซฟาโครงการจัดวางโซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางมาให้ ซึ่งจะอยู่ติดกับห้องนอนเลย สำหรับห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ด้านในห้องนอนโครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ มีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือนิดหน่อย ด้านที่ติดกับหน้าต่างมีที่เหลือพอให้เลือกวางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้เลย ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in อยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งและประตูออกไปที่ระเบียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built in มาให้ ประตูที่ระเบียงจะเป็นประตูกระจก มุมมองจากจากห้องนอนออกไปด้านนอก ต่อมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 28 ตารางเมตร Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร Layout ห้อง Type นี้จะต่างกับ 25 ตารางเมตรเลยนะครับ เจ้ามาในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อน โครงการจัดวางโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางมาให้เหมือนกันนะครับ ข้างๆ โซฟามีที่เหลือพอสมควร โครงการจัดวางโต๊ะทำงานมาให้ดูเป็นไอเดีย ไม่ได้ให้ไปด้วยนะครับ ด้านชั้นวางทีวีเป็นชั้น Built in เล็กๆ พร้อมตู้เก็บของด้านข้าง และชั้นลอยด้านบน ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน 3 ตอน โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ พื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งเหลือนนิดหน่อย ทำให้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป หน้าต่างในห้องนอนได้บานใหญ่เลยนะครับ เป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีที่เหลือให้เดินได้สะดวก ตู้เสื้อผ้า Built in จะอยู่ที่ปลายเตียง เป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ขนาดค่อนข้างจะเล็กไปสักหน่อย มีชั้นลอยวางของเล็กๆ ติดมาให้ด้วย เดี๋ยวออกจากห้องนอนไปดูด้านนอกกันต่อนะครับ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนดีกว่า การจัดวาง Layout ภายในห้องน้ำจะคล้ายๆ กับห้องไซส์ 25 ตารางเมตรนะครับ แต่จะแตกต่างกันตรงที่อ่างล้างหน้า ห้องนี้จะได้เป็นอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Balena ไม่ได้เป็นเคาน์เตอร์ยาวเหมือนห้อง 25 ตารางเมตร โถสุขภัณฑ์ของ Balena อยู่ข้างๆ Shower Box Shower Box ขนาดค่อนข้างจะกะทัดรัดไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เล็กจนดูอึดอัด ชุดฝักบัว ออกจากห้องไปดูห้องครัวด้านซ้ายกันต่อ ครัวห้อง Type นี้จะเป็นครัวเปิดเหมือนกันนะครับ เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ สำหรับจัดเตรียมอาหาร พร้อมซิงค์ล้างจานแบบฝัง ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานอาหาร Built in ขนาด 2 ที่นั่ง ด้านในสุดจะเป็นระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของระเบียงค่อนข้างกะทัดรัดไปสักหน่อย คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ที่ระเบียงนะครับ ห้องตัวอย่างอีก 1 ห้องเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่ขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็น 35 ตารางเมตร แต่ตอนนี้ขายหมดเรียบร้อยแล้วนะครับ เราจึงเอาแค่ภาพรวมของห้องไซส์นี้มาให้ชมกัน Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร ห้องไซส์ใหญ่สุดของโครงการเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร สำหรับใครที่สนใจคอนโดมิเนียมในทำเลแถบนี้ ก็ลองเข้ามาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการและห้องตัวอย่างกันดูก่อนได้นะครับ เพราะราคาห้องนั้นจับต้องได้ไม่ยากเลย ถ้าไม่ติดขัดเรื่องการเดินทางมากนัก มีรถส่วนตัวใช้ และการดำเนินชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในย่านนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าโครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 19/08/2558 Type E ขนาดห้อง 25 ตารางเมตร ราคาขาย 1.180 - 1.575 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 3,900 บาท ผ่อนดาวน์ 3,900 บาท 18 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type A ขนาดห้อง 28 ตารางเมตร ราคาขาย 1.391 - 1.931 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 4,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type B ขนาดห้อง 35 ตารางเมตร ราคาขาย 1.965 - 2.395 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 5,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type C ขนาดห้อง 43 ตารางเมตร ราคาขาย 2.435 - 2.871 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 7,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์
Miami Bangpu : รีวิวคอนโด

Miami Bangpu : รีวิวคอนโด

รีวิวครั้งนี้เราจะพาไปดูอีกหนึ่งโครงการใหญ่จาก J.S.P. Property เป็นที่อยู่อาศัยแบบผสมผสานบนถนนสุขุมวิทสายเก่า ในย่านบางปู ซึ่งเป็นเมืองพักตากอากาศที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี และยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นส่วนต่อขยายด้วย โครงการ Miami บางปู จึงออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัย และรองรับการขยายตัวของเมืองที่จะตามมาในอนาคตด้วย   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    995,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   Low Rise สูง 5 ชั้น 90 อาคาร จำนวนห้อง    5,010 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    120 - 0 - 5.2 ไร่ ที่จอดรถ    39% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนกรกฏาคม ปี 2559 (เฟส 1) ค่าส่วนกลาง    Garden Villa 25 บาท/ตร.ม. , Beach Front 35 บาท/ตร.ม. ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    Garden Villa 350 บาท/ตร.ม. , Beach Front 500 บาท/ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ วิธีการเดินทาง สำหรับการเดินทางไปยังโครงการ Miami บางปู ปัจจุบันยังคงต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งเราสามารถเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่า มุ่งหน้าสู่บางปูได้เลย หรือจะอาศัยเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) แล้วมาเข้าถนนสุขุมวิทสายเก่าก็ได้เช่นกัน ส่วนการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่า เดินทางต่อจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง วิ่งมาตามเส้นทางส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผ่านช้างสามเศียรแล้วก็ตรงไปตามเส้นทางสู่สถานตากอากาศบางปู ซึ่งตัวโครงการ Miami บางปู ตั้งอยู่เยื้องๆ กับเมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของย่านนี้ พอเห็นเมืองโบราณแล้ว เราก็เตรียมชิดขวากลับรถมายังโครงการ Miami บางปูได้เลยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นจากถนนสุขุมวิท เลยจาก BTS แบริ่ง มานิดเดียว เลยมานิดหน่อย จะเห็นอิมพี เวิลด์ สำโรง อยู่ทางขวามือ เราวิ่งตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ นะครับ ตามป้ายสมุทรปราการไปเรื่อยๆ หรืออีกจุดสังเกตหนึ่งที่ง่ายๆ เลย คือตามแนวรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ เลยก็ได้ครับ ตามป้ายสมุทรปราการต่อนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เรายังคงวิ่งตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ถึงตรงนี้จะเป็นสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิทต่อ ถ้าตรงไปจะเป็นถนนประโคนชัย-ปากน้ำ เลี้ยวซ้ายมาแล้วจะไม่มีป้ายสมุทรปราการแล้วนะครับ คราวนี้ตามป้ายชลบุรีกันต่อ เรายังคงตามแนวรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือจะเป็นโรบินสัน สมุทรปราการ พอหมดเขตการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว เราก็เข้าสู่เทศบาลบางปูแล้วครับ จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามมือ ทางเข้าเมืองโบราณจะอยู่เยื้องๆ กับโครงการ พอถึงเมืองโบราณแล้วให้ชิดขวาเตรียมตัวกลับรถไว้เลยนะครับ เลยจากเมืองโบราณมาก็จะเจอที่กลับรถ กลับรถมาแล้ว พอเห็นวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ให้ชิดซ้ายไว้ได้เลยนะครับ เลยจากวิทยาเทคนิคสมุทรปราการมานิดเดียว ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ สำนักงานขายโครงการ ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ต้องบอกว่ามีให้เลือกพอสมควร ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ แต่ก็อาจจะมีให้เลือกไม่มากนักนะครับ ส่วนรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ส่วนต่อขยายส่วนแรกจากแบริ่งมายังสมุทรปราการ ยังมีระยะทางเพิ่มมาเพียง 13 กิโลเมตรเท่านั้นนะครับ ต้องรอส่วนต่อขยายในลำดับต่อไปถึงจะมีรถไฟฟ้าวิ่งมาถึงสถานพักตากอากาศบางปู และคาดว่าตัวสถานีที่ใกล้กับโครงการ Miami บางปูที่สุดก็น่าจะเป็น สถานีสวางคนิวาศ ที่ห่างเพียง 100 เมตรเท่านั้น ถ้ารถไฟฟ้ามาถึงเมื่อไหร่ การเดินทางเข้าออกเมืองก็คงจะสะดวกขึ้นอีกมากเลยทีเดียวครับ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมืองโบราณ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ สถานตากอากาศบางปู สนามกอล์ฟบางปู เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการ วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงทำเลที่ตั้งของโครงการ Miami บางปู อยู่ออกมาในเขตจังหวัดสมุทรปราการ แต่ก็ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพเลย เพราะถนนหนทางแถบนี้ยังเดินทางได้สะดวก มีเส้นทางเชื่อมต่อหลายเส้นทาง ทั้งถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ถนนวงแหวนรอบนอก ถนนศรีนครินทร์ และถนนตำหรุ-บางพลี ที่เชื่อมถึงถนนเทพารักษ์ ถนนบางนา-ตราด ฯลฯ เราสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้เดินทางเข้า-ออกเมือง รวมถึงเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ไม่ยากเลย และต่อไปถ้าหากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมาถึงก็จะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก พื้นที่รอบๆ ในย่านนี้ ยังคงมีความเจริญในรูปแบบชานเมืองอยู่มาก ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีห้างสรรพสินค้ามาเปิดในพื้นที่บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงบรรยากาศเรียบๆ แบบชานเมืองมากกว่า ในบริเวณนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เช่น สถานตากอากาศบางปู แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 7 กิโลเมตร เยื้องๆ กับโครงการก็เป็น เมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง รวมถึง ฟาร์มจรเข้สมุทรปราการ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และพิพิธภัณฑ์ทหารเรือก็ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และด้วยความเป็นเมืองตากอากาศที่ขึ้นชื่อมายาวนาน บริเวณรอบๆ จึงมีร้านอาหารใหญ่ๆ บรรยากาศดี ติดริมทะเลบางปูให้เลือกเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พื้นที่แถบนี้ก็ยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมด้วย มีโรงงานใหญ่ๆ ตั้งอยู่มากมาย มีรถบรรทุกใหญ่ๆ วิ่งผ่านตลอดทั้งวัน บางช่วงของถนนอาจจะมีกลิ่นรบกวนจากโรงงานอุตสาหกรรมฟอกหนังบ้าง เหมือนเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นแหล่งอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกันบริเวณโดยรอบก็เป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ทำให้มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล วัดวาอาราม และสถานที่ราชการสำคัญๆ มากมายเลยทีเดียว ทำให้บรรยากาศโดยรวมเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น มากกว่าให้ความรู้สึกว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว สำหรับโครงการ Miami บางปู เป็นโครงการขนาดใหญ่บนที่ดิน 120 ไร่ ซึ่งแบ่งพื้นที่หลักๆ ออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Miami Bayside อยู่โซนด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท พื้นที่ตรงนี้จะเป็นไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งมอลล์ เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ มากกว่า 500 ร้านค้าเลยทีเดียว ซึ่งในอนาคตพื้นที่ตรงนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งช็อปปิ้งที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในบางปู ส่วนโซนที่ 2 เรียกว่า Miami Garden Villa ซึ่งอยู่ถัดเข้ามาในโซนตรงกลาง พื้นที่ตรงนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 60 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวโดยรอบเลยครับ และโซนสุดท้ายจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลบางปู เรียกว่า Miami Beach Front Villa มีคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 30 อาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ครบครัน ทางโครงการต้องการเน้นบรรยากาศอยู่อาศัยแบบเมืองตากอากาศนะครับ ดังนั้นการออกแบบจึงเน้นเรื่องการเปิดรับวิว ทั้งวิวสวน และวิวทะเลได้อย่างเต็มที่ ผสมผสานกับความสะดวกสบายด้วยแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ด้านหน้า ทำให้ลูกบ้านสามารถเลือกกินเลือกช็อปกันได้อย่างมีความสุข สนุกสนาน โดยแทบจะไม่ต้องเดินทางออกไปไกลๆ เลย Facility ต่างๆ ในแต่ละโซนและแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะครับ ลูกบ้านในแต่ละโซนก็จะใช้พื้นที่ส่วนกลางในส่วนของตัวเองไป รวมถึงเรื่องที่จอดรถก็เช่นกันนะครับ ทางโครงการจัดเป็นที่จอดรถกลางแจ้งไว้รอบโครงการ ไม่มีที่จอดรถในอาคาร เนื่องจากห้องพักอาศัยจะเริ่มกันตั้งแต่ชั้น 1 กันเลย และแน่นอนว่าจำนวนที่จอดรถอาจจะไม่เพียงพอต่อจำนวนห้องทุกห้อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่น่ากังวลสำหรับโครงการที่ยังต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลักแบบนี้ โซน Miami Bayside จะเป็นโซนที่รวบรวมศูนย์การค้า ร้านอาหารต่างๆ ไว้ด้วยกัน บรรยากาศจำลองจะเห็น McDonald's ตั้งอยู่หน้าโครงการ โซนที่ 2 เรียกว่า Miami Garden Villa จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 60 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวโดยรอบ Floor Plan ของทั้ง 60 อาคารในโซน Garden Villa จะเหมือนกันหมดนะครับ โดยห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปเลย บรรยากาศภายในโซน Garden Villa โซนสุดท้ายจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลบางปู เรียกว่า Miami Beach Front Villa มีคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 30 อาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ครบครัน Floor Plan ของโซนนี้จะเป็นรูปวงรี ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 เหมือนกันนะครับ ทางเข้าโซน Beach Front Villa บรรยากาศจำลองบริเวณ Club House ให้อารมณ์เหมือนสถานตากอากาศมั่กๆ บรรยากาศจะลองของส่วนที่ติดกับทะเล โครงการทำเป็นส่วนหย่อมกับทางเดินไว้เดินเล่นพักผ่อนริมทะเล โมเดลจำลองของโครงการ ด้านหน้าสุดโซน Miami Bayside ติดถนนสุขุมวิท โมเดลโซน Garden Villa Club House ของโซน Garden Villa ตั้งอยู่บริเวณถนนเส้นหลัก โมเดลโซน Beach Front Villa ระหว่างโซน Garden Villa และโซน Beach Front Villa จะแบ่งโซนกันอย่างชัดเจน Club House ของโซนนี้จะอยู่ด้านหน้าโซนตรงทางเข้าเลยนะครับ จาก Club House ยาวเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่สีเขียว ให้บรรยากาศเหมือนสถานพักตากอากาศ ด้านท้ายโครงการที่ติดกับทะเล จะเป็นสถานที่พักผ่อนเดินเล่น ปั่นจักรยาน ริมทะเล ด้านหน้าโครงการในโซน Miami Bayside เริ่มก่อสร้างไปได้เยอะแล้วนะครับ ส่วนด้านในโซนคอนโดก็เริ่มทะเยอะสร้างเข้าไปเรื่อยๆ ด้านขวามือที่เห็นเป็นพื้นที่โล่งๆ เป็นพื้นที่ของเทศบาลใหม่บางปู ได้ยินแว้วๆ มาว่าในอนาคตจะทำเป็นสวนสาธารณะ แต่ต้องรอดูกันอีกทีนะครับว่าจะจริงรึเปล่า ทะเลที่ติดกับโครงการจะเป็นสันเขื่อนแบบนี้นะครับ ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ สระว่ายน้ำ Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า คอนโดมิเนียมของโครงการ Miami บางปู แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ Garden Villa และ Beach Front Villa รูปแบบอาคาร และห้องพักของทั้ง 2 โซนจึงแตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจนนะครับ ในโซน Garden Villa จะมีด้วยกัน 60 อาคาร ประกอบไปด้วยห้องพักแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตร.ม. จำนวน 3,840 ยูนิตนะครับ ห้องพักในโซนนี้จะเน้นวิวสวนสวยๆ สบายตา ส่วนแปลนห้องก็เหมาะกับการอยู่อาศัยอย่างเรียบง่าย พื้นที่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และครัวขนาดเล็กเชื่อมโยงถึงกันเลย แปลนห้อง Type Garden Villa ขนาด 25 ตารางเมตร เปิดประตูเข้าในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ ตรงข้ามกับครัวจะเป็นห้องน้ำ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนนะครับ มองตรงเข้าไปด้านในสุดจะเป็นส่วนเปียก โครงการไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วย อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Balena และกระจกเงา โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ออกมาดูครัวที่ด้านนอกกันต่อ ครัวจะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ สำหรับเตรียมอาหาร มีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ส่วนด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของ ซิงค์ล้างจานแบบฝังติดมากับเคาน์เตอร์ครัว จากครัวเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอน ด้านปลายเตียงส่วนที่ติดกับครัวจะ Built in เป็นชั้นวางทีวี และโต๊ะทำงาน ข้างเตียงด้านขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ข้างเตียงอีกด้านเป็นเหมือน Living Area หลบเข้าไปอยู่ในช่อง วางโซฟา 2 ที่นั่งได้พอดิบพอดี ระเบียงจะอยู่ติดกับโต๊ะทำงานนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ขนาดของระเบียงพอวางเครื่องซักผ้าลงไปแล้วอาจจะเล็กไปสักหน่อย ส่วนในโซน Beach Front Villa จะอยู่ด้านในสุดติดกับทะเลนะครับ มีทั้งหมด 30 อาคาร แบบห้องยังคงเป็นแบบ 1 ห้องนอน จำนวนรวม 1,170 ยูนิต แต่ขนาดห้องจะเริ่มต้นกันที่ 34-41.50 ตร.ม. แล้วแต่ตำแหน่งห้อง เนื่องจากตัวอาคารถูกออกแบบมาให้มีลักษณะโค้งมนเปิดรับวิวทะเลได้มากยิ่งขึ้น ห้องแต่ละห้องจึงมี Layout ต่างกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ แปลนห้อง Type Beach Front Villa ขนาด 40.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอส่วน Dining Area อยู่ด้านหน้าห้องก่อนเลยครับ ทางขวามือจะเป็นห้องครัวหลบอยู่ในมุม ถ้าติดกระจกหรือกั้นเป็นห้องจะเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น เคาน์เตอรืครัวจะเป็นรูปตัว L ซิงค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันของ Hafele ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ และช่องวางไมโครเวฟ ส่วนด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของเช่นกัน ตู้เย็นจะอยู่ด้านในสุดต่อจากเคาเตอร์ครัว ฝั่งตรงข้ามกับครัวเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ห้องน้ำจะอยู่เยื้องๆ กับโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า พร้อมกระจกเงา ขนาดจะใหญ่กว่าห้อง Type Garden Villa ห้องนี้จะได้อ่างล้างหน้าเป็นเคาเตอร์ สามารถวางของได้เยอะขึ้น โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ด้านในติดกับ Shower Box Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ประตูเข้าออกเป็นบานเลื่อน 2 บาน เข้ามุม ชุดฝักบัวใน Shower Box ออกจากห้องน้ำเข้าไปด้านในอีกจะเป็น Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาประมาณ 2 เมตร ชั้นวางทีวีที่ได้ขนาดจะไม่ใหญ่มากนะครับ มาพร้อมโต๊ะกลาง โซฟาที่โครงการจัดวางไว้เป็นโซฟา 3 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ความกว้างเต็มพื้นที่เลยครับ ทำให้แสงเข้ามาได้เยอะ ช่วยประหยัดไฟในเวลากลางวันได้อีกแรง พื้นที่ระเบียงจะเป็นลักษณะโค้งๆ เหมือนในภาพนะครับ ได้พื้นที่เยอะพอสมควร สามารถเอาเก้าอี้มาวางเพื่อนั่งรับลมทะเลได้เลย มุมมองจากระเบียงเข้ามาด้านในห้อง กลับเข้ามาข้างใน ห้องนอนจะอยู่ต่อจาก Living Area นะครับ ขนาดห้องนอนจะค่อนข้างกะทัดรัดไปสักหน่อย เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่ Dining Area กับ Living Area ซะมากกว่า ระหว่างห้องนอนกับ Living Area จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น ในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้ว จะเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงไม่มาก หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in ฝังผนังห้อง ในส่วนของ Beach Front Villa ถึงแม้จะบอกว่าติดทะเลบางปู แต่ทะเลในแถบนี้ลงเล่นน้ำไม่ได้นะครับ เพราะติดแนวเขื่อนกั้น และมีถนนลาดยางเล็กๆ กั้นอยู่ ลูกบ้านจึงทำได้แค่ออกมาเดินเล่นรับลมชมวิวทะเลตามแนวสันเขื่อนเท่านั้นครับ ส่วนถ้าจะเล่นน้ำก็แนะนำให้เล่นในสระว่ายน้ำของโครงการจะดีกว่า โครงการ Miami บางปู เป็นโครงการขนาดใหญ่มากๆ และอาจจะใหญ่ที่สุดของย่านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีจำนวนห้องพักอาศัยรวมมากกว่า 5,000 ยูนิต แถมยังมีพื้นที่ร้านค้าอีกมากกว่า 500 ร้าน อาจจะเรียกว่าเป็นเมืองย่อยๆ เลยทีเดียว แถมราคาเริ่มต้นของห้องก็อยู่ในเรทที่จับต้องได้ไม่ยาก จึงไม่น่าแปลกใจที่โครงการนี้จะได้รับความสนใจ และถูกจับจองห้องกันเป็นจำนวนมากแล้ว ยิ่งถ้าหากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสร้างมาถึงตามแผนการขยายตัวของเมือง ความสะดวกสบายในการเดินทางก็จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไปอีก ใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ หรือว่ามีที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ ทำเลแถบย่านนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าโครงการ Miami บางปู ก็เป็นที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่งนะครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 27/08/2558 Garden Villa ขนาดห้อง 25 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 995,000 บาท จอง 900 บาท ทำสัญญา 3,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 34 ตารางเมตร ราคาขาย 1.671 - 1.799 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 40.50 ตารางเมตร ราคาขาย 1.976 - 2.117 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 41.50 ตารางเมตร ราคาขาย 2.033 - 2.176 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท
Ideo O2 : รีวิวคอนโด

Ideo O2 : รีวิวคอนโด

Ideo O2 คอนโด High Rise 3 อาคาร พร้อมพื้นที่ส่วนกลางเกือบ 10 ไร่ ใกล้ BTS บางนา โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,200,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise 3 อาคาร อาคาร A และ B สูง 34 ชั้น อาคาร C สูง 33 ชั้น จำนวนห้อง     ทั้งหมด 1,559 ยูนิต ร้านค้า 10 ยูนิต แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 419 ยูนิต อาคาร B และ C จำนวน 1,140 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   14 - 3 - 18.69 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสรรพวุธ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS บางนา BITEC บางนา Bangkok Mall เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา พาราไดซ์ พาร์ค ซีคอน สแควร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio  ขนาด 26.2  ตารางเมตร 1 Bedroom  ขนาด 32.4 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 46.2 - 53 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Jogging Track สนามฟุตซอลมาตรฐาน Co-Working Space พื้นที่พิเศษพร้อม Internet Wi-Fi Ultimate Connecting Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 3 สระ 3 โซน ยาวตลอดต่อเนื่องทั้งโครงการ กว่า 200 เมตร   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th  
Q Chidlom – Petchaburi : รีวิวคอนโด

Q Chidlom – Petchaburi : รีวิวคอนโด

Q Chidlom-Phetchaburi คอนโดมิเนียมหรูใจกลางชิดลม ใกล้ BTS สถานีชิดลม พร้อมแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    5,500,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 42 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     352 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 2 - 80.9 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนเพชรบุรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 224 คัน สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS ชิดลม เซ็นทรัล ชิดลม เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ แพลตตินั่ม เกษร พลาซ่า เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน The Market ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom  ขนาด 35-47 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 63 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby Mail Box ห้องสมุดและ Co-working space โซเชียล คลับ สระว่ายน้ำแยกสระเด็ก สวนส่วนกลาง ฟิตเนส สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th
The Niche Pride Thonglor-Phetchaburi : รีวิวคอนโด

The Niche Pride Thonglor-Phetchaburi : รีวิวคอนโด

The Niche Pride Thonglor-Phetchaburi คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น บนถนนเพชรบุรี ใกล้ทองหล่อ ภายใต้ความรื่นรมย์ของธรรมชาติด้วยสวน และพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 1 ไร่ ที่เน้นความร่มรื่นของต้นไม้นานาชนิด โครงการใหม่จาก เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,590,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     667 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    3 - 2 - 71 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 330 คัน หรือคิดเป็น 50% สถานที่สำคัญใกล้เคียง RCA โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลคามิลเลียน โรงพยาบาลปิยะเวท โรงพยาบาลสมติเวช โรงพยาบาลพระราม 9 Foodland Big C เอกมัย Terminal 21 เซ็นทรัล พระราม 9 ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.4 – 44.4 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 59 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby สระว่ายน้ำ พร้อมจากุซซี่ Sauna สวนหย่อม ฟิตเนส ห้องสมุด CCTV สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    095-484-7070 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.sena.co.th  
RHYTHM Sathorn : รีวิวคอนโด

RHYTHM Sathorn : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยาชื่อ Rhythm Sathorn อีกหนึ่งโครงการที่สร้างเสร็จแล้วของ AP ถ้าใครผ่านไปผ่านมาตรงสะพานตากสินบ่อยๆ น่าจะคุ้นตากับตึกนี้ดีนะครับ เพราะตำแหน่งที่ตั้งก็อยู่ฝั่งสาทรใต้ ตรงเชิงสะพานตากสินพอดิบพอดี ถึงแม้ที่ตั้งของ Rhythm Sathorn จะไม่ได้อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็เรื่องของวิวแม่น้ำจากห้องพักที่นี่ก็สวยไม่แพ้ใครเลยนะครับ ยิ่งในเรื่องของการดีไซน์ภายใต้คอนเซปต์ที่ว่า W – Double of everything ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย ไปดูรายละเอียดโครงการกันดีกว่าครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    5,100,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise 2 อาคาร สูง 37 ชั้น และ 41 ชั้น จำนวนห้อง     910 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 4 ไร่ 1 งาน 91.6 ตารางวา (1,791.6 ตารางวา) ที่จอดรถ    ประมาณ 489 คัน ที่ตั้งโครงการ    ซอย สาทร 21 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ วิธีการเดินทาง ว่ากันด้วยเรื่องทำเลที่ตั้งของ Rhythm Sathorn แบบชัดๆ ต้องบอกว่าอยู่บนถนนสาทรใต้ค่อนไปทางถนนเจริญกรุง ตรงปากซอยสาทร 21 เชิงสะพานตากสินเลยครับ เส้นทางหลักๆ ที่จะใช้ในการเดินทางมายังโครงการ ก็คงหนีไม่พ้นถนนสาทรนะครับ เว้นแต่ว่าจะเริ่มต้นจากตรงช่วงไหน จะเริ่มกันตั้งแต่ต้นถนนสาทร แยกนราธิวาสราชนครินทร์ หรือว่าแยกสุรศักดิ์ แต่หลักๆ คือให้มุ่งหน้าไปถนนเจริญกรุง พอผ่านแยกสุรศักดิ์มาแล้ว ไม่ต้องขึ้นสะพานตากสินนะครับ ให้ชิดซ้ายวิ่งผ่านเชิงสะพานมานิดหน่อย ไม่เกิน 200 เมตร ก็จะเห็นทางเข้าโครงการแล้ว ดูแผนที่โครงการ Rhythm Sathorn 21 ก่อนจะได้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของโครงการชัดเจนขึ้นครับ เราเลือกใช้เส้นทางถนนสาทรใต้มุ่งหน้าไปเจริญกรุงนะครับ ตรงนี้เป็นแยกใหญ่ ถนนสาทร ตัดกับ ถนนราธิวาสราชนครินทร์ หลายๆ คนคงคุ้นตากับ landscape ตรงนี้ดี ข้ามแยกมาแล้วก็ตรงมาเรื่อยๆ ครับ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ และโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ สถานพยาบาลเอกชนใหญ่บนถนนสาทรใต้ครับ พอเห็นสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ก็เตรียมเข้าสองเลนซ้ายเลยครับ แยกสุรศักดิ์เป็นอีกหนึ่งแยกใหญ่นะครับก่อนขึ้นสะพานตากสิน ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญราษฎร์ก็จะเจอกับด่านทางด่วนเลย แต่เดี๋ยวเราตรงข้ามแยกนี่ไปนะครับ ข้ามแยกสุรศักดิ์มาแล้วก็ชิดซ้ายไปตามป้ายบอกไปเจริญกรุงเลยครับ ไม่ต้องขึ้นสะพานตากสินนะ ผ่านเชิงสะพานตากสินมานิดหน่อยก็จะเริ่มเห็นบ้านเรือนและบรรยากาศแบบ old town นิดๆ ก็ใกล้จะถึงแล้วครับ พอเห็นป้ายซอยสาทร 21 ก็ถึงหน้าโครงการ Rhythm แล้วครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปในโครงการกันได้เลย พ้นจากเส้นทางถนนสาทรแล้ว การเดินทางมายังโครงการยังสามารถเลือกได้อีกหลายเส้นทาง เพียงแต่ต้องดูเส้นทางเดินรถให้ดีก่อน เนื่องจากถนนหน้าโครงการมีเส้นทางเดินรถแค่ทางเดียว หลายๆ ครั้งเราจึงต้องขับรถเลยแยกสุรศักดิ์ไปกลับรถมายังโครงการอีกที เช่น เส้นทางจากถนนเจริญกรุง หรือจากฝั่งธนบุรี โดยการข้ามสะพานตากสินมา แต่ถ้ามาจากทางฝั่งพระราม 3 ก็ใช้เส้นทางถนนเจริญราษฎร์ เลี้ยวซ้ายที่แยกสุรศักดิ์มาอีกนิดหน่อยก็ถึงโครงการแล้ว เช่นเดียวถ้าเลือกมาจากถนนสุรศักดิ์ พอถึงแยกสุรศักดิ์ก็เลี้ยวขวามาได้เลย นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีด่านขึ้นลงทางด่วนก็อยู่ไม่ห่างจากตัวโครงการมากนัก ทั้งด่านสาทร ตรงหัวถนนเจริญราษฎร์ และด่านสุรวงศ์ (สีลม) ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ในบริเวณนี้สะดวกขึ้น แต่อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในช่วงเช้าและเย็นของวันทำงาน ถนนในย่านนี้จะมีปริมาณรถมาก ดังนั้นอีกหนึ่งการเดินทางที่สะดวกที่สุดในการเลี่ยงปัญหารถติดก็คือ รถไฟฟ้า BTS ห่างจากหน้าโครงการออกไปเพียง 300 เมตร ก็จะเจอสถานี BTS สะพานตากสิน แถมด้านท้ายของสถานียังอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีทางเลือกในการเดินทางด้วยเรือด่วนและเรือข้ามฟากเพิ่มขึ้นอีกทาง วันไหนชิวๆ อยากนั่งเรือต่อรถก็ทำได้ไม่ยาก ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ รถเมล์ รถสองแถว รถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ครบทุกวิธีเลยทีเดียวครับ อันนี้เราจะลองเดินไปทางบางรัก ไปสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินกันบ้าง ออกจากโครงการแล้วก็เลี้ยวซ้ายเลย เดินออกมาไม่ไกลก็ใกล้จะถึงสามแยกบางรักแล้ว บริเวณนี้จะมีรถราคึกคักมากนะครับ นอกจากจะเลี้ยวเข้าถนนเจริญกรุงได้ทั้งซ้ายและขวาแล้ว แยกนี้ยังเป็นจุดกลับรถเข้าถนนสาทรเหนืออีกด้วยนะครับ แต่เดี๋ยวเราข้ามถนนไปดูฝั่งตรงข้ามกัน พอข้ามถนนมาแล้ว จะเห็นว่าบริเวณนี้มีรถเข็นแผงลอยเรียงรายเต็มเลย ได้บรรยากาศแบบวิถีชุมชนมากๆ เดินตรงไปอีกหน่อยก็จะถึงทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าแล้วครับ ถึงทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินแล้วครับ บริเวณนี้จะเป็นจุดรวมการเดินทางที่หลากหลายมากครับ มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์ คิวรถสองแถวสาย 1256 (บางรัก-ช่องนนทรี) ลึกเข้าไปสุดซอยก็จะเป็นท่าน้ำสาทร จุดขึ้นเรือข้ามฟาก และเรือด่วนเจ้าพระยาครับ บริเวณตีนบันไดสถานีรถไฟฟ้านี้มีรถเข็นแผงลอยขายของกินเพียบเลย และผู้คนก็ขึ้นรถ ต่อเรือกันเยอะแยะไปหมด และในซอยนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมแชงกรีลาด้วยนะครับ เดินไปดูบรรยากาศตรงบางรักกันนิดหน่อยครับ แค่ช่วงต้นๆ ก็คึกคักผู้คนหนาแน่นเกือบทั้งวันเลยทีเดียว ร้านสะดวกซื้อ รถเข็นขายอาหาร บรรดาช่างซ่อมต่างๆ มีให้เห็นตลอดทางครับ บรรยากาศถนนเจริญกรุงบริเวณนี้เรียกกันรวมๆ ว่าย่านบางรักนะครับ ที่เห็นด้านซ้ายมือคือ ห้างโรบินสันบางรัก ห้างสรรพสินค้าหลักๆ ของย่านนี้ และตึกสีขาวใหญ่ๆ นั่นคือ The State Tower ครับ ข้างๆ โรบินสันบางรักมีตลาดนัดบางรักบาซาร์ลึกเข้าไปในซอยเจริญกรุง 50 ทั้งซอยเลยครับ เปิดตั้งแต่เย็นๆ ไปจนค่ำ สาวๆ ขาช็อปไม่ควรพลาด และในซอยบริเวณนี้มีอาหารการกินอร่อยๆ เพียบเลยนะครับทั้งซ้ายและขวา แนะนำให้เดินสำรวจทีละซอยไปเลย รับรองมีให้ชิมทั้งวันทั้งคืน วิเคราะห์รอบโครงการ ด้วยทำเลที่ตั้งของ Rhythm Sathorn ซึ่งอยู่ในย่านชุมชนเก่าที่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ บางรัก บรรยากาศใกล้ๆ โครงการที่ค่อนไปทางถนนเจริญกรุงอันเป็นถนนเก่าแก่ของกรุงเทพ จึงคงเสน่ห์ของชุมชนดังเดิมไว้เต็มเปี่ยม บ้านเรือนเก่าๆ ประตูบานเฟี้ยมยังมีให้เห็น ที่สำคัญเรื่องอาหารการกินในย่านนี้จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ มีร้านอร่อยเก่าแก่หลายร้าน รวมถึงร้านค้าแผงลอยแนวสตรีทฟู้ดเรียงรายเต็มไปหมด แถมยังมีขายกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ บางร้านเปิดขายกันเฉพาะกลางดึก ความอร่อยในย่านนี้จึงมีให้ฝากท้องกันได้เกือบตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ห้างโรบินสัน บางรัก ห้างใหญ่แห่งเดียวบนถนนสายนี้ ที่แทรกตัวอยู่กลางชุมชนอย่างกลมกลืน ผ่านจากความเจริญในแบบชุมชมเก่าไปแล้ว ถ้าข้ามมาทางฝากถนนสาทรบ้าง บนถนนสายนี้ก็จะเห็นถึงความเจริญในรูปแบบเมืองใหญ่ เพราะเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ มีอาคารสำนักงานใหญ่ๆ เบียดเสียดกันอยู่มากมาย อย่างที่หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องบรรยายให้มากความนะครับ ทีนี้มาดูเรื่องสถานที่สำคัญๆ ในย่านนี้ก็บ้าง ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแห่งเลยครับ ตั้งแต่วัดวาอารามไปจนถึงแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ ยกตัวอย่างเช่น เอเชียทีค วัดยานนาวา ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตกรุงเทพใต้ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย อู่ต่อเรือกรุงเทพ สะพานปลา โรงแรมแชงกรีรา โรงพยาบาลเลิดสิน โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ สเตททาวเวอร์ ไปรษณีย์กลาง ฯลฯ สำหรับตัวโครงการ Rhythm Sathorn เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise 2 อาคาร บนที่ดินขนาด 4 ไร่ 1 งานเศษๆ โดยแบ่งเป็นตึก North สูง 37 ชั้น และตึก South สูง 41 ชั้น มียูนิดที่พักอาศัยรวม 910 ยูนิต ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้คอนเซปต์ “W – Double of everything” ซึ่งต้องการจะสื่อถึงลักษณะของตัวอาคารทั้ง 2 ตึก ที่วางตัวต่อกันเป็นรูปตัว W และยังหมายถึงการ Double Value ในหลายๆ ด้าน เช่น  Double View ซึ่งมีให้เลือกชมทั้งวิวแม่น้ำและวิวเมือง, Double Floor Sky High Facility เพิ่มพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้าของทั้ง 2 ตึก, Double Convenience ด้วยจำนวนลิฟต์โดยสารมากถึง 11 ตัว และพื้นที่จอดรถใต้ดินอีก 4 ชั้น เป็นต้น จุดหลักๆ ที่เป็นพื้นที่ที่ 2 อาคารเชื่อมต่อถึงกันได้ก็คือ บริเวณลานจอดรถ และล็อบบี้ชั้นล่างเท่านั้น ส่วนที่พักอาศัยนั้นจะแยกออกจากกัน และใช้ระบบ Key Card สำหรับการเข้าออกตึก เช่นเดียวกันกับ Facility หลัก ที่บนดาดฟ้า ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำ Panoramic View พร้อมห้องฟิตเนส ห้องซาวน่า และสวนหย่อมบนดาดฟ้า จะแยกเป็นตึกใครตึกมัน โดยตึก North จะอยู่ที่ชั้น 37 และตึก South จะอยู่ที่ชั้น 41 สูงกว่านิดหน่อยครับ แต่เรื่องวิวรับรองว่าสวยไม่แพ้กันเลย แปลนอาคารที่ชั้นแรกครับ จะเห็นว่าจากทางเข้าหน้าโครงการมาก็จะตรงดิ่งลงสู่ลานจอดรถใต้ดินเลยนะครับ และตัวอาคารทั้ง 2 ตึกก็เรียงตัวกันเป็นรูป W ชัดเจน ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปทั้ง 2 ตึกเลยนะครับ การจัดวางตำแหน่งห้องในแต่ละ wing จะเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว จำนวนห้องจึงมีเพียง 6 ยูนิต ต่อ1 wing เท่านั้น Facility จะแยกกันในแต่ละตึกเลยนะครับ โดยตึก South จะอยู่บนชั้น 36 และตึก North อยู่บนชั้น 40 ซึ่งทุกพื้นที่การใช้งานจะมีขนาดและจำนวนเท่ากันหมด เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายของลูกบ้านแต่ละตึกครับ เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโถงกลางของ Lobby ซึ่งเป็นจุดเชื่อมพื้นที่ Lobby ของทั้งตึก South และ North ไว้ก่อนจะไปขึ้นลิฟท์ของแต่ละตึก บรรยากาศโดยรวมของบริเวณ Lobby นะครับ มีชุดโซฟารับรองอยู่หลายชุดเลย ลูกบ้านสามารถลงมานั่งเล่นพักผ่อนที่ Lobby ได้สบายเลยครับ หรือเวลามีแขกมาเยี่ยมก็ใช้ตรงนี้เป็นที่นัดพบพูดคุยได้ บรรยากาศภายใน Lobby ตกแต่งไว้อย่างหรูหรามากๆ ทั้งเพดานสูงโปร่งประดับด้วยโคมไฟระย้า การเข้าออกจะใช้ระบบ Key Card และลิฟท์โดยสารแบบล็อคชั้นนะครับ บรรยากาศสบายๆ มุมนึงของสวนลอยฟ้าที่ชั้น 36 ของตึก South ครับ มีศาลานั่งเล่นให้รับลมชมวิวกันได้เพลินๆ วิวนี้จากตรงศาลานั่งเล่น มองลงมาทางแยกสุรศักดิ์ครับ ด้านนี้จะได้ City View สวยๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน จากมุมเดียวกันมองไปทางใต้หน่อยจะเห็นคุ้งน้ำเจ้าพระยาอยู่ไกล แถมยังมองเห็นได้ไกลไปถึงบางกระเจ้าและสะพานภูมิพลเลยทีเดียว ที่นอนเล่นกลางแจ้งพร้อมวิวสวยๆ สามารถมานอนเล่นได้ทั้งเช้าและเย็นเพราะสวยไปคนละแบบจริงๆ สระว่ายน้ำถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายตัว L ยาวไปตามแนวขอบอาคารเลยครับ ว่ายน้ำไปชมวิวไปได้ด้วย เพราะเป็น infitity edge pool มุมนี้มองลงไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานตากสินพอดีเลย มุมจากุชซี่แช่ตัวได้สบายเลย สระว่ายน้ำที่นี่เป็นระบบน้ำเกลือนะครับ ตัวสระไม่ได้กว้างมาก แต่เน้นความยาวที่เลียบไปตามแนวอาคารมากกว่า วิวมุมสูงจากบนชั้น 36 นี่กว้างสุดๆ เลยครับ ได้วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาสวยมาก City View ของย่านสาทรมุมนี้ เห็นตึกใหญ่ๆ ที่เป็น Landmark ครบเลยครับ ส่วนมุมนี้ จะเห็นบรรยากาศบริเวณบางรัก และถนนเจริญกรุงที่โค้งขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาเลย จุดอาบน้ำล้างตัวริมสระว่ายน้ำครับ เป็น rain shower ด้วย ในห้องฟิตเนสที่อยู่เหนือสระว่ายน้ำขึ้นมาอีกชั้น มีอุปกรณ์ครบครันเลยครับ ออกกำลังกายไปก็ชมวิวสวยๆ กันไปได้เลย อุปกรณ์รวมถึงเครื่องออกกำลังกายมีเหมือนกันทั้ง 2 ตึกเลยนะครับ สิ่งอำนวยความสะดวก คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. กล้อง CCTV พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงในส่วนของห้องพักอาศัยกันบ้าง Rhythm Sathorn นี้ จะมีห้องชุดให้เลือกหลากหลายแบบทั้งแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom โดยจะมีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเริ่มตั้งแต่ 35-65.7 ตร.ม. ครับ ส่วนเรื่องการจัดวาง Layout ของแต่ละยูนิตก็จะเน้นความเป็นส่วนตัว เพราะในแต่ละ wing จะมีเพียง 5 ยูนิตเท่านั้นเอง สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้เข้าไปเยี่ยมชมกันในครั้งนี้ จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom นะครับ แต่มีด้วยกัน 2 Type ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Sky Living และ Sky Kitchen ภาพโดยรวมของทั้ง 2 Type จะต่างกันไม่มาก ทั้งเรื่องขนาดห้อง และฟังก์ชั่นภายใน แต่จะเน้นพื้นที่ใช้สอยตามวัตถุประสงค์ที่ต่างกันครับ เดี๋ยวไปดูตามภาพถ่ายของแต่ละห้องกันเลยดีกว่า ห้อง Type นี้มีอีกชื่อเรียกว่า Sky Kitchen ครับ เป็นห้องขนาด 45.5 ตร.ม. เปิดประตูเช้าห้องมาก็จะเป็น Living Area แบบนี้เลยครับ ด้านขวาของประตูทางเข้าห้อง จะมีห้อง Laundry Room ซ่อนเครื่องซักผ้า และมีชั้นเก็บของ Built-in มาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นที่ภายในโซนนี้ถือว่ากว้างเลยทีเดียว ขนาดวางโซฟาชุดใหญ่ลงไปแล้วยังเหลือที่ว่างอีกเยอะเหมือนกัน ตู้เก็บรองเท้าก็ Built-in ติดมาให้ที่ผนังอีกด้านของประตูทางเข้าครับ บริเวณนั่งเล่นอยู่ติดกับห้องครัวเลยนะครับ ซึ่งภายในห้องออกแบบมาให้เปิดโล่งรับแสงธรรมชาติได้ดี ทำให้ไม่อึดอัดเลย ทีวีแขวนบนชั้นติดผนังช่วยประหยัดพื้นที่ภายในห้องได้ดีเลยครับ บรรยากาศโดยรวมของห้องนั่งเล่นครับ ออกแบบมาได้ดูเรียบร้อยลงตัวทุกมุมดีนะครับ ห้อง Type นี้จะเน้นพื้นที่ในห้องครัวให้กว้างหน่อยตามชื่อเลยนะครับ ใครที่ชอบทำกับข้าวน่าจะถูกใจห้องนี้ ประตูห้องครัวเป็นกระจกบานเลื่อน 3 ตอนครับ ทำให้ได้ครัวปิดดูเป็นสัดส่วนมากๆ รางเลื่อนประตูกั้นพื่นที่ห้องให้เป็นสัดส่วนครับ พื้นห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องเพื่อการทำความสะอาดที่ง่ายขึ้นครับ เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และซิงค์ล้างจานครบชุดเลย ตำแหน่งวางตู้เย็นอยู่ติดประตูห้องครัว ด้านบนมีตู้เก็บของและชั้นวางอุปกรณ์ต่างๆ ประตูตู้ด้านบนเป็นบานพับแบบเปิดขึ้นด้านบนนะครับ ตู้ตรงเหนือตู้เย็นอาจจะหยิบของยากหน่อย ซิงค์ล้างจานเป็นแบบฝังติดกับเคาน์เตอร์ครัวตามภาพเลย เตาไฟฟ้าสองหัวยี่ห้อ Franke เครื่องดูดควันยี่ห้อ Franke เข้าชุดกันเลยครับ โต๊ะกินข้าว Built ให้เป็นเคาน์เตอร์ยาวต่อจากเคาน์เตอร์ครัวติดกับหน้าต่าง เปิดรับวิวเวลารับประทานอาหารได้เต็มตา พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ช่วยระบายอากาศ โต๊ะกินข้าวหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ได้มุมดีๆ ไว้นั่งเล่นดูวิวแม่น้ำเจ้าพระยาให้เพลินไปเลยครับ เนื่องจากบริเวณห้องครัวติดกระจกบานใหญ่เต็มผนัง แสงภายนอกจึงเพิ่มความสว่างให้กับห้องได้เยอะเลยทีเดียว มาดูในห้องนอนกันบ้างครับ ห้อง Type นึ้ ระเบียงจะอยู่ในห้องนอนนะครับ ภายในห้องพอวางเตียงขนาด 5 ฟุตลงไปแล้ว ยังเหลือที่ว่างข้างๆ เตียงอีกพอสมควรเลยครับ ปลายเตียง Built-in เป็นชั้นวางของเล็กๆ และเว้นที่ไว้แขวนทีวีติดผนัง และที่ติดกันเป็นมุมแต่งตัวครับ ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนที่หนาและหนักเอาเรื่องเลยครับ ออกแบบมาได้แน่นหนามากๆ ส่วนธรณีประตูก็กั้นไว้สูงเลยทีเดียว เวลาเดินเข้าออกต้องระวังสะดุดกันหน่อยครับ พื้นที่ระเบียงไม่ได้กว้างมากนะครับ แต่ก็พอใช้งานได้ดี ทางโครงการติดตั้งที่แขวนผ้าแบบพับเก็บได้มาให้เรียบร้อย อีกด้านของระเบียบเป็นห้องแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ มีประตูปิดเรียบร้อยเลย ภายนี้มองจากระเบียงกลับเข้าไปในห้องครับ เดี๋ยวเราไปดูในห้องน้ำกัน ห้องอาบน้ำออกแบบมาเซ็กซี่มากเลยนะครับ เพราะติดกระจกเข้ามุมตรงอ่างอาบน้ำพอดีเลย ถ้าไม่ได้เป็นคนเปิดเผยมากๆ ก็สามารถติดม่านเพิ่มได้ ส่วนห้องส้วมจะแยกออกมาต่างหากนะครับ ตู้เสื้อผ้าติดกระจกบานใหญ่เต็มผนังเลย อันนี้ทางโครงการก็ Built-in ไว้ตรงหน้าห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย ธรณีประตูห้องน้ำจะกั้นสูงขึ้นมาประมาณ 5 ซม. แทนการดร๊อปพื้นห้องน้ำครับ อ่างอาบน้ำอยู่ชิดกับกระจกเลย โซนตรงกลางเป็นอ่างล้างหน้าครับ อ่างล้างหน้าทรงกลม ผนังทำเป็น Low Wall เอาไว้วางของได้ครับ อีกด้านเป็นห้องอาบน้ำ ซึ่งกันกระจกเทมเปอร์ พร้อมชุดฝักบัวแบบ rain shower มาให้เรียบร้อย ในห้องน้ำซึ่งแยกออกมาจากบริเวณห้องอาบน้ำนะครับ แต่จะมีประตูทางเข้า 2 ทาง ทั้งจากฝั่งห้องนอน และห้องนั่งเล่นครับ โดยประตูทางด้านห้องนอนจะเป็นประตูบานเลื่อน ส่วนประตูฝั่งห้องนั่งเล่นเป็นบานสวิงครับ มีอ่างล้างมือขนาดเล็กในห้องน้ำครับ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ ห้องตัวอย่างแบบต่อไปที่เราได้ดู มีชื่อว่า Sky Living นะครับ ขนาดก็เล็กกว่าห้องก่อนหน้านิดเดียวเอง แต่ก็ยังเป็นแบบ 1 Bedroom เหมือนกัน กลอนประตูห้องเป็นแบบคันโยก และล็อคด้วยลูกบิดกุญแจ น่าเสียดายที่ไม่มีระบบ Digital Door Lock ให้ การออกแบบของห้องนี้จะเน้นประโยชน์ใช้สอยของห้องนั่งเล่นเป็นหลักนะครับ พอเปิดเข้าห้องมาจะเจอกับ Pentry ครัวเล็กๆ ก่อนเลย ห้องเก็บอุปกรณ์ซักรีดตรงด้านหลังประตูห้อง Built มาเรียบร้อยเหมือนกันทุกห้อง การใช้งานของห้องนี้ไม่ได้เน้นการเข้าครัวทำกับข้าวหนักๆ นะครับ เลยได้เป็นครัวเปิด มี island เล็กๆ เป็นส่วนเชื่อมต่อพื้นที่ให้ดูกลมกลืนกัน อ่างล้างจานจะอยู่ฝั่งเคาน์เตอร์ด้านนี้นะครับ ติดตั้งเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันไว้ในมุมเล็กๆ ติดกับตู้เย็นเลย อย่างที่บอกว่าไม่เหมาะกับการทำกับข้าวหนักๆ เลยนะครับห้องนี้ เน้นเอาไว้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า ประตูทางเข้าห้องน้ำจากทางห้องนั่งเล่นครับ อยู่ติดกับห้องเก็บอุปกรณ์ซักรีดนั่นเลย การตกแต่งเน้นพื้นที่ใช้สอยในบริเวณนั่งเล่นมากหน่อย โต๊ะกินข้าวจึงวางติดกับเคาน์เตอร์ครัวเลย เพื่อการประหยัดพื้นที่ครับ ทำให้มีพื้นที่เหลือในห้องนั่งเล่นมากหน่อย บริเวณนั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้เลย และยังอยู่ติดกับระเบียงห้องด้วย เปิดม่านตรงระเบียงออกแล้ว แสงธรรมชาติจะช่วยให้ภายในห้องสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยนะครับ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ พื้นที่บริเวณระเบียงไม่กว้างมากครับ แต่ก็พอตากผ้าได้ แถมมีติดตั้งที่แขวนผ้ามาให้แล้วด้วย อีกด้านเป็นห้องแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ มีประตูปิดมาเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เปิดประตูออกมาจะเห็นว่าใต้คอมเพรสเซอร์แอร์ยังมีที่ว่างอีกนะครับ มุมนี้อาจจะเอาไว้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องได้บ้าง ซึ่งจะช่วยให้ภายในห้องเป็นระเบียบมากขึ้นไปอีก เดี๋ยวเข้าไปดูในห้องนอนกันครับ ตู้ที่เห็นหน้าห้องเป็นตู้เก็บรองเท้านะครับ Built-in มาไว้ตรงกลางระหว่างประตูห้องน้ำกับห้องนอนเข้ามุมพอดีเลย ภายในห้องนอนดูมีพื้นที่กว้างมากขึ้น เพราะไม่มีระเบียงในห้องนอนนะครับ พื้นที่ห้องจึงกว้างติดริมกระจกเลย การจัดวาง lay out ภายในห้องนอนก็จะคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ บริเวณปลายเตียงแขวนทีวีติดผนังและมีมุมโต๊ะเครื่องแป้งติดกระจกมาให้เหมือนกัน ตำแหน่งโต๊ะเครื่องแป้งจะเข้ามุมชิดกำแพงห้องเลยนะครับ คนถนัดซ้ายอาจจะใช้งานลำบากนิดหน่อย แขนอาจจะชนกำแพงได้เวลาแต่งหน้าแต่งตัว หน้าต่างในห้องนอนติดเป็นกระจกบานใหญ่ มุมนี้สามารถวาง daybed ไว้นั่งเล่นชมวิวได้เต็มตามากๆ หรือจะจัดเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือก็ดีนะครับ เพราะเปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่มากๆ พื้นที่ปลายเตียงเหลืออีกเยอะเลยนะครับ เดินได้สบายๆ ไม่ต้องเบี่ยงตัวหลบมุมเวลาเดินเลย ห้องอาบน้ำเซ็กซี่เหมือนกันครับ อ่างอาบน้ำติดกระจกเลย อาบไปดูทีวีในห้องนอนไปได้ด้วย เข้าห้องน้ำมาเจออ่างล้างหน้าทรงกลมอยู่โซนกลางห้องน้ำเลยครับ อ่างอาบน้ำก็เข้ามุมชิดผนังด้านนึง ซึ่งติดกระจกเข้ามุมไว้ตามภาพ ถ้าไม่ชอบอาบน้ำแบบเปิดโล่งก็แนะนำให้ติดม่านหรือมูลี่เพิ่มได้ครับ อีกด้านเป็นห้องอาบน้ำ ซึ่งทางโครงการติดตั้งประตูกระจกเทมเปอร์ไว้ให้เป็นสัดส่วน แถมมี Rain Shower มาให้อีก ถ้าไม่ชอบแบบ Rain Shower ก็มีชุดฝักบัวแบบมือถืออีกชุด ส่วนหัวก๊อกเป็นแบบผสมหน้าตาตามภาพเลยครับ ห้องน้ำสำหรับทำธุระส่วนตัวจะแยกออกมาจากห้องอาบน้ำนะครับ มีชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระเรียบร้อย อ่างล้างมือขนาดเล็กกระทัดรัดในห้องน้ำครับ บริเวณของห้องน้ำนี่จะมีประตูเปิดเข้าได้สองทางนะครับ ด้านนี้หันไปทางห้องนอน ประตูห้องน้ำจะเป็นกระจกขุ่นกรอบอลูมิเนียมบานเลื่อน ส่วนอันนี้จะถ่ายจากในห้องน้ำออกไปทางห้องครัวครับ ประตูด้านนี้เป็นประตูบานสวิง จากห้องตัวอย่างที่เราได้ชมกันไป หลายคนคงจะกำลังคิดถึงห้องที่ขายให้กับลูกบ้านแล้วใช่มั้ยครับ ว่าทางโครงการจะให้อะไรมาพร้อมห้องบ้าง ต้องบอกกันว่า โครงการ Rhythm Sathorn นี้ ทาง AP ขายกันให้แบบ Full Furnished เลย มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ชุดเคาน์เตอร์ครัว เตาเซรามิค เครื่องดูดควัน อ่างล้างจาน ชุดสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมด รวมถึงเครื่องปรับอากาศด้วย เรียกแทบจะหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ได้เลย ถ้าใครที่สนใจคอนโดในย่านนี้อยู่แล้ว Rhythm Sathorn น่าจะเป็นอีกโครงการที่ตอบโจทย์แบบชีวิตคนเมืองได้เป็นอย่างดี ถึงถนนสาทรจะมีปัญหารถติดหนักหน่วงหน่อย แต่ก็มีทางออกด้วยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่สะดวกมากๆ รวมถึงเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือข้ามฟากด้วย ซึ่งเชื่อว่าลูกบ้านของโครงการน่าจะได้ใช้บริการกันบ่อยๆ แน่ ยิ่งโครงการนี้เป็นอาคารสร้างเสร็จ และมีลูกบ้านย้ายเข้ามาอยู่ได้ระยะหนึ่งแล้ว เราก็จะมีโอกาสเยี่ยมชมโครงการในบรรยากาศจริง ซึ่งทางโครงการยังมีห้องสวยๆ ให้เลือกอีกหลายตำแหน่ง อย่างไรแล้วลองแวะเข้าไปดูห้องตัวอย่างที่โครงการกันก่อน จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ ท่านใดที่สนใจโครงการสามารถลงทะเบียนเพื่อติดต่อนัดหมายเข้าชมโครงการและรับสิทธิพิเศษก่อนใครที่นี่ http://goo.gl/yKm3u5
Ideo Sukhumvit 115 : รีวิวคอนโด

Ideo Sukhumvit 115 : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการใหม่แกะกล่องในแนวรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวจากบริษัท อนันดา เดลเวลลอปเมนท์  ซึ่งใช้ชื่อว่า Ideo Sukhumvit 115 แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่าทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ตรงส่วนไหนของถนนสุขุมวิท แต่ถ้าจะให้เจาะจงให้ชัดกว่านี้ก็ต้องบอกว่า ที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าปู่เจ้าสมิงพรายเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละโครงการของแบรด์นี้ก็่ขึ้นชื่อในเรื่องของทำเลติดรถไฟฟ้าดีอยู่แล้ว และโครงการนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอีกเช่นเคย ว่าแล้วเราก็ไปเยี่ยมชมบรรยากาศกันเลยดีกว่า การเดินทาง เรื่องการเดินทางไปยังโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ในปัจจุบัน รถไฟฟ้า BTS จะมีปลายทางสถานีอยู่ที่แบริ่ง และในส่วนต่อขยายนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากแล้ว โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จเปิดใช้งานได้ในช่วงปลายปี 59 หรือต้นปี 60 ซึ่งก็น่าจะเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ตัวคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่พอดี อันนี้นับว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว ดังนั้นในเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงไม่เป็นปัญหาเลย ด้วยบันไดสถานีรถไฟฟ้าอยู่ห่างจากหน้าโครงการเพียง 30 เมตร จัดว่าสะดวกสบายแบบสุดๆ ครับ ใครที่กำลังอยากได้คอนโดติดรถไฟฟ้า โครงการนี้จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าเก็บไว้พิจารณาครับ ส่วนการเดินของเราในวันนี้ เราเลือกเดินทางข้ามมาจากทางฝั่งพระราม 3 ด้วยเส้นทางข้ามสะพานภูมิพลมาลงที่ปู่เจ้าสมิงพรายเลย จากนั้นก็ขับตรงมาเรื่อยๆ จนสุดถนน พอเจอถนนสุขุมวิทก็ให้เลี้ยวขวาไปทางพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ หรือช้างสามเศียร จากแยกนี้วิ่งอีกนิดเดียวก็เจอะกับห้างบิ๊กซี จัมโบ้ แล้วที่อยู่ติดกันก็คือ โครงการ Ideo Sukhumvit 115 นั่นแหละครับ รั้วติดกันเลย แผนที่ตั้งโครงการ Ideo Sukhumvit 115 จะเห็นว่ารอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยถนนหนทางหลายสาย และสถานที่สำคัญมากมาย ครั้งนี้เราเลือกเดินทางมาจากทางฝั่งพระราม 3 มุ่งหน้าไปขึ้นสะพานภูมิพลครับ ขึ้นสะพานภูมิพลแล้วให้สังเกตุป้ายไปทางปู่เจ้าสมิงพรายให้ดี ข้ามจากสะพานภูมิ ๑ ต่อไปยังสะพานภูมิพล ๒ เลยนะครับ มุ่งหน้าไปตามป้ายปู่เจ้าสมิงพรายนะครับ เส้นทางนี้เป็นทางโค้งต้องระมัดระวังให้ดีๆ นะครับ ลงจากสะพานมาแล้วก็สังเกตุป้ายสำโรงนะครับ วิ่งมาจนสุดถนนแล้วก็จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางสำโรงนะครับ ตลอดถนนปู่เจ้าสมิงพรายจะมีโรงงานอุตสาหกรรม โกดังใหญ่ๆ ให้เห็นตลอดทั้งสายเลย ถนนสายนี้เป็นถนนใหญ่ 6 เลน มีเกาะกลางตลอดทั้งทาง ขับมาจนช่วงกลางๆ ถนนจะเจอสถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้นะครับ เนื่องจากถนนปู่เจ้ามีโรงงานอุตสากรรม โกดังมากมาย ดังนั้นเราจะเจอรถบรรทุกเป็นจำนวนมากบนถนนสายนี้ สุดถนนปู่เจ้าสมิงพรายแล้วจะมาเจอกับถนนสุขุมวิทนะครับ ที่เห็นด้านบนคือ รางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย จากตรงนี้เดี๋ยวเราเลี้ยวขวาไปที่โครงการกันครับ พอเลี้ยวขวามาแล้ววิ่งตรงมาตามรางรถไฟฟ้าเรื่อยๆ บนถนนสายนี้ยังคงเจอรถบรรทุกอยู่เป็นระยะนะครับ ขับรถก็ระวังๆ กันหน่อย พอเจอห้างบิ๊กซีจัมโบ้ก็เตรียมตัวชิดซ้ายได้เลยครับ ตรงหน้าทางเข้าห้างบิ๊กซีจัมโบ้จะมีทางกลับรถพอดี ถ้ามาจากทางถนนวงแหวนก็สามารถมากลับรถเข้าโครงการตรงนี้ ส่วนถ้าใครจะมาดูโครงการ Ideo ก็สามารถจอดรถในห้างบิ๊กซีได้นะครับ พอสุดรั้วห้างบิ๊กซีจัมโบ้ ก็จะเจอโครงการ Ideo เลยครับ จะเห็นได้ว่าตัวสถานีปู่เจ้าฯ อยู่ตรงหน้าโครงการพอดีเลย ตัวสถานีรถไฟฟ้าอยู่ตรงหน้าเลยครับ ยืนอยู่หน้าโครงการนี่เห็นกันชัดเจนเลยว่าติดรถไฟฟ้าจริงๆ มุมนี้จากนห้าทางเข้าครับ มองกลับไปทางบิ๊กซี อีกด้านที่อยู่ติดกับโครงการเป็นตึกแถว ร้านค้าที่อยู่มาก่อนแล้ว เส้นทางการใช้รถใช้ถนนในย่านนี้ก็อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าสามารถเลือกได้ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งถนนวงแหวนสายตะวันออก สะพานภูมิพล ถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด ดังนั้นเวลาที่รถติดหนักๆ ก็สามารถหาเส้นทางเลี่ยงเข้า-ออกเมืองได้อยู่เหมือนกัน นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ สามล้อ ที่มีวิ่งกันตลอดทั้งวัน ต่อให้ไม่มีรถส่วนตัวก็ยังสามารถเดินทางกันได้สะดวกมากๆ เลยล่ะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงแม้ปัจจุบันทำเลในย่านนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนมากแล้ว เนื่องจากมีทั้งรถไฟฟ้า BTS ที่ต่อขยายและจะพร้อมใช้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มีถนนหนทางเชื่อมโยงหลายสาย มีคอนโดใหญ่ๆ และที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเจริญแผ่ขยายมามาก แต่ในขณะเดียวก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าทำเลในแถบชานเมืองตรงนี้ ยังมีบรรยากาศเป็นแหล่งชุมชนเก่า และยังเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกมากมาย ดังนั้นย่านนี้จึงมีกลุ่มพนักงานเป็นจำนวนมากที่ยังต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน และโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย ไม่ต้องนั่งรถต่อเข้าซอยอีกเหมือนอย่างคอนโดในซอยแบริ่ง ลงจากรถไฟฟ้าปุ๊ปก็เดินเข้าโครงการได้เลย นอกจากนี้ในเรื่องของสภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัยก็จัดว่าเพียบพร้อมไม่น้อยเลย เริ่มตั้งแต่ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อที่จะมีอยู่ใต้โครงการ ห้างบิ๊กซีจัมโบ้ก็อยู่รั้วติดกัน ห่างออกไปไม่ไกลก็มีตลาดสำโรง มีโรงพยาบาล และโรงเรียนดังอยู่รอบๆ หลายแห่ง เช่นเดียวกันกับแหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า ก็มีทั้ง ห้างเซ็นทรัลบางนา ศูนย์การค้าไบเทค ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค ฯลฯ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เมืองโบราณ สถานตากอากาศบางปู เป็นต้น อีกทั้งยังมีบรรยากาศของความเป็นชุมชนเก่า ความอุดมสมบูรณ์จึงเข้าขั้นพอใช้ได้เลยทีเดียว ห้างบิ๊กซี จัมโบ้ นี่อยู่ติดกับโครงการ Ideo เลยนะครับ แถมเป็นจุดจอดรถเมล์ด้วย สะดวกสุดๆ ถ้ามาอยู่ที่นี่รับรองว่าไม่มีอดครับ เพราะมีห้างบิ๊กซีจัมโบ้ให้พึ่งพาซื้อหาของกินของใช้ได้   เรามาดูที่ตัวโครงการกันบ้างครับ สำหรับ Ideo Sukhumvit 115 เป็นคอนโด High Rise สูง 35 ชั้น เป็นอาคารเดี่ยวเลยนะครับ เรื่องการออกแบบตกแตกตัวอาคารก็เป็นสไตล์โมเดิร์นตามแบบของแบรนด์ Ideo ที่เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่เน้นเรื่องความสะดวกสบาย ดังนั้นทำเลที่ตั้งของโครงการจึงถูกเลือกมาให้ตอบโจทย์ได้มากที่สุด มียูนิตที่พักอาศัยรวมไม่ถึง 1,000 ยูนิต จัดว่าเป็นโครงการใหญ่ติดถนนสุขุมวิทเลยนะครับ เรื่อง Facility ภายในก็จัดว่าครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด พื้นที่สีเขียวทั้งบริเวณด้านหน้าโครงการ และ Sky Garden บนดาดฟ้า รวมถึงพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อที่บริเวณชั้น 1  เช่นเดียวกับเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีพร้อมทั้ง Digital Door Lock กล้อง CCTV เข้าออกด้วย Key Card และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามมาตรฐานของโครงการที่จัดกันมาให้เต็มที่เพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้านทุกยูนิต สำหรับเรื่องที่จอดรถทางโครงการเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ชั้น 1-6 ซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 30% (รวมจอดซ้อนคันแล้ว) ตามคอนเซปต์ของคอนโดที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าเลยครับ ที่ไม่ได้เน้นเรื่องที่จอดรถมากนัก เพราะอย่างไรก็สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลักอยู่แล้ว โมเตลอาคารครับ เป็นอาคารเดี่ยวขนาดใหญ่ ดีไซน์โมเดิร์นเท่ห์ๆ เลย จากโมเดลจะเห็นว่า สถานีรถไฟฟ้าปู่เจ้าสมิงพรายอยู่ตรงหน้าโครงการเลย แต่บันไดทางลงจากตัวสถานีจะอยู่ค่อนมาทางหน้าหน้าบิ๊กซี ซึ่งห่างจากหน้าโครงการเพียง 30 เมตร โซนด้านหน้าโครงการจัดเป็นสวนสำหรับนั่งพักผ่อน ที่โซนด้านหลังโครงการก็ยังมีพื้นที่สีเขียวเล็กๆ เอาไว้ให้เป็นจุดนั่งเล่นพักผ่อนอีกแห่ง สระว่ายน้ำที่ชั้น 7 จะยื่นออกมาจากตัวอาคารหลักนะครับ ทำให้ได้สระกลางแจ้งขนาดใหญ่หน่อย ด้านล่างของสระว่ายน้ำเป็นอาคารจอดรถซึ่งเพิ่มเติมมาจากตัวอาคารหลัก ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายโครงการ แปลนบริเวณชั้น 1 ของโครงการ จะเห็นว่าโซนด้านหน้าเป็นพื้นที่ของร้านค้า ซึ่งยังไม่ได้มีการระบุนะครับว่าจะมีร้านอะไรบ้าง ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นจุด Drop Off และ Lobby ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 6 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดครับ ส่วนจอดรถที่ชั้น 6 ก็จะน้อยหน่อยนะครับ มาถึงชั้น 7 ก็จะเริ่มเป็นที่พักอาศัยแล้ว ในขณะที่โซนด้านหลังจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวม Facility หลักเอาไว้ทั้งหมด แปลนตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 34 ก็จะเป็นแปลนแบบเดียวกันทั้งหมด ดาดฟ้าที่ชั้น 35 มี Sky Garden นะครับ เอาไว้ขึ้นไปนั่งเล่นรับลม ชมวิวได้ ส่วนใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าปัจจุบันถนนหนทางในย่านนี้ยังมีการจราจรที่ติดขัดอยู่พอสมควรทั้งในช่วงเช้าและเย็น หรือบางทีก็มีปริมาณรถเยอะจนเคลื่อนตัวไปได้ช้ากว่า อีกทั้งจำนวนรถบรรทุก รถสิบล้อ และรถพ่วงบนถนนก็มีปริมาณมากเกือบทั้งวัน เนื่องจากอยู่ในย่านอุตสาหกรรมจึงหลีกเลี่ยงได้ยาก การขับรถขับราบนถนนหนทางแถวนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง พาชมห้องตัวอย่าง ทีนี้เราจะพาไปดูภายในห้องตัวอย่างกันบ้าง ซึ่งทางโครงการจัดห้องตัวอย่างไว้ให้ชม 3 แบบด้วยกัน โดยที่แต่ละห้องก็มีรายละเอียดการตกแต่งที่เหมาะกับการใช้สอยต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือ ทางโครงการขายห้องชุดทุกห้องมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเสร็จ (Fully Furnished) พร้อมชุดครัว และเครื่องปรับอากาศ ตามรายการที่แสดงไว้ชัดเจนในทุกๆ ห้องตัวอย่างเลยครับ เดี๋ยวเราไปชมชัดๆ กันเลยดีกว่า ห้อง Type แรกที่เราจะดูกันเป็นห้อง Studio ขนาด 27.50 ตร.ม. นะครับ เฟอร์นิเจอร์ที่จะแถมมากับห้องก็เป็นไปตามนี้เลยครับ เราไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า เปิดเข้าห้องมาก็จะเห็นภาพรวมในห้องแบบนี้ โซนนั่งเล่นกับที่นอนจะแชร์พื้นที่ใช้สอยร่วมกันตามในภาพเลยครับ ในห้องตัวอย่างชั้นวางทีวี ชั้นวางของเป็นแบบ​ Built-in ซึ่งห้องจริงจะเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวนะครับ ภาพมุมนี้จะเห็นโซนนั่งเล่นชัดๆ ซึ่งวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้วางตู้ หรือทำชั้นเก็บของได้อีก อันนี้ลองนั่งที่โซฟาดูก็รู้สึกว่าระยะห่างจากทีวีก็กำลังดีเลยครับ โต๊ะกินข้าวตัวนี้ ออกแบบมาช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในห้องได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้ใช้ก็สามารถพับเก็บได้เรียบร้อย มุมห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี เหลือพื้นที่บริเวณปลายเตียงให้เดินได้สะดวก ไม่แคบจนเกินไป บริเวณปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าอยู่ติดกับชั้นวางทีวีเลยครับ ของจริงจะเป็นตู้แบบลอยตัวไม่ได้ Built-in มาให้ จากมุมข้างหัวเตียงตรงหน้าห้องน้ำ วางโต๊ะเครื่องแป้งไว้เป็นมุมแต่งตัวได้ จากมุมนี้เราจะได้เห็นภาพรวมของห้องในอีกมุม เดี๋ยวเราไปดูในห้องน้ำกันบ้าง ซึ่งห้องน้ำของห้อง Type นี้จะอยู่ใกล้กับที่นอนเลย ภาพรวมในห้องน้ำ มีการจัดวาง Layout ตามนี้ครับ เน้นสีโทนเข้ม เรื่องการระบายอากาศในห้องน้ำ มีสองรูปแบบ มีทั้งพัดลมดูดอากาศ และหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะเป็นข้อดีในเรื่องการระบายกลิ่นแล้วยัง ช่วยในเรื่องการเพิ่มแสงธรรมชาติในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย สีกระเบื้องภายในห้องเป็นสีโทนเข้ม ตัดกับสีชุดสุขภัณฑ์สีขาว อ่างล้างหน้าของ American Standard ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ ก็ใช้ของ American Standard เช่นกัน ฝักบัวอาบน้ำครับ อันใหญ่ดีทีเดียว พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำก็กำลังดีครับ ไม่แคบจนเกินไป มาดูห้องครัวกันบ้าง ตำแหน่งห้องครัวอยู่ด้านเดียวกับห้องน้ำเลย ในครัวจะมีตู้เก็บของและเคาน์เตอร์ครัวมาให้แล้ว ครัวจะเป็นระบบปิด แยกส่วนระหว่างพื้นที่ครัวและห้องรับแขกหรือพื้นที่ส่วนอื่นๆออกจากกัน โดยมีประตูกั้นแบ่งแยกชัดเจน ทำให้ไม่มีกลิ่นอาหารในห้อง และป้องกันคราบน้ำมัน รวมทั้งฝุ่นละอองที่เกิดจากการปรุงอาหารเข้าสู่พื้นที่ใช้สอยอื่นๆ อีกทั้งพื้นที่ครัวติดหน้าต่าง ทำให้มีการระบายเรื่องกลิ่นได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย ซิงค์ล้างจานเป็นแบบฝังติดเคาน์เตอร์เลย เตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ MEX ครับ มาพร้อมกับฮูทดูดควันเข้าชุดยี่ห้อเดียวกัน ถัดจากห้องครัวออกไปเป็นระเบียง พื้นที่ระเบียงก็ไม่กว้างมาก แต่ก็พอใช้สอยประโยชน์ได้สบายๆ อยู่ครับ ตรงระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ช่วยระบายกลิ่นเวลาทำกับข้าวได้ดี ธรณีประตูตรงระเบียงก็สูงพอสมควร และพื้นระเบียงก็ดร็อปลงมาอีก ป้องกันเรื่องน้ำท่วมขังแล้วไหลเข้าห้องได้ คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ตรงระเบียงมีระแนงบังตาให้เรียบร้อย ด้านล่างคอมเพรสเซอร์แอร์เว้นที่ไว้วางเครื่องซักผ้าได้พอดิบพอดี ห้องต่อไปเป็น Type 1 Bedroom ที่ขนาดห้อง 34 ตร.ม. ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้องนี้ก็มีตามภาพเลยครับ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง โซฟา ฯลฯ ไปดูในห้องตัวอย่างกัน เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะโซนนั่งเล่นก่อนเลยครับ บรรยากาศรวมก็จะเป็นประมาณนี้ ชุดโซฟาวางชิดกับกำแพงด้านประตูเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางของ ส่วนทีวีแขวนไว้กับผนังห้อง มุมกินข้าวของห้องนี้ จะอยู่ต่อจากโซฟานั่งเล่น ซึ่งวางเป็นโต๊ะชุดเล็กๆ ได้กำลังดี อีกด้านของโต๊ะกินข้าวคือห้องครัว สังเกตุได้ว่าพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกระทัดรัดเลยทีเดียว ภายในห้องครัวจะมีเคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย กำแพงอีกด้านสามารถติดชั้นวางของเพิ่มเติมได้ จะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มากขึ้นกว่าเดิม ประตูห้องครัวใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนสีดำแบบนี้เลย อันนี้คือรางเลื่อนของประตูห้องครัวนะครับ จะเห็นว่าพื้นห้องครัวดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องลงมาเล็กน้อยด้วย ห้องครัวนี้ไม่ได้อยู่ติดระเบียง หน้าต่างเลยติดมาบานใหญ่หน่อย นอกจากจะช่วยในเรื่องรับแสงได้มากขึ้นแล้ว บานกระทุ้ง 2 บานก็จะช่วยเปิดให้ระบายกลิ่นได้ดีเช่นกัน ซิงค์ล้างจานแบบฝังครับ ตำแหน่งวางของห้องนี้อยู่ทางด้านขวา ติดกับตู้เย็นเลย เตาไฟฟ้า และฮูทดูดควันมาเป็นเซ็ตของ MEX แบบห้องก่อนหน้าเลย ด้านบนเป็นตู้เก็บของ Built-in มาให้ มีเว้นที่สำหรับวางไมโครเวฟเรียบร้อย หน้าต่างบานกระทุ้งในห้องครัวเป็กรอบอลูมิเนียมสีดำตามนี้ ติดกับห้องครัวก็เป็นห้องน้ำนะครับ ซึ่งยังคงเน้นโทนสีเทา-ดำเช่นเดิม การจัดวางภายในก็ไม่ต่างจากห้องก่อนหน้ามากนัก ห้องอาบน้ำกั้นกระจกเทมเปอร์มาให้ด้วยแล้ว อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ก็วางเรียงอยู่ในด้านเดียวกัน เหนืออ่างล้างหน้าทางโครงการจะติดกระจกเงาบานใหญ่ให้ตามภาพเลย อ่างล้างหน้าสเปคเดียวกัน ตินิดหน่อยตรงที่มีที่วางของได้น้อยไป ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระของ American Standard เหมือนเดิม ในห้องน้ำ มีหน้าต่างบ้านกระทุ้งให้อีกบาน สามารถเปิดระบายความชื้นได้ พื้นของห้องอาบน้ำดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องน้ำอีกประมาณ 2 ซม. เวลาอาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวน้ำจะไหลออกไปถึงโซนอื่นครับ ชุดฝักบัวของ American Standard เช่นกัน หัวใหญ่จับถนัดมือมากครับ บรรยากาศในห้องนอนครับ วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย ข้างเตียงนอน Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มพื้นที่ผนังเลย แต่ห้องจริงจะให้มาเป็นตู้แบบลอยตัวนะครับ อย่าลืม บริเวณปลายเตียงแขวนทีวีติดผนัง แต่ที่ปลายเตียงเหลือนิดเดียวเองนะครับ เดินไปมายากหน่อยนึง สำหรับห้อง Type นี้จะได้ห้องนอนที่มีระเบียงครับ ทำให้เพิ่มพื้นที่ทำงานติดริมระเบียงได้อีกหน่อย ดูกันชัดๆ ครับ มุมนี้ตกแต่งเป็นโต๊ะทำงาน หรือจะให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นมุมแต่งตัวก็ได้ ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดรับแสงได้ดีครับ ออกมาที่ระเบียงก็มีพื้นที่ใช้สอยได้พอสมควร พื้นระเบียงดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องเยอะเหมือนกัน ป้องกันน้ำขังแล้วท่วมเข้าห้องได้ดีเลย พื้นที่ของระเบียงครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดกำลังพอใช้งานได้ จะวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็ได้ หรือจะเลือกแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบนก็ได้ครับ ห้องตัวอย่างแบบสุดท้ายคือ 2 Bedroom ที่ขนาด 62 ตร.ม. ครับ เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้องก็จะมีจำนวนเยอะขึ้นกว่าห้องอื่นๆ ตามขนาดห้องครับ อย่าลืมว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ให้เป็นแบบลอยตัวทั้งหมดนะครับ ไม่ใช่ Built-in ไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ สวยดีทีเดียว เดินเข้าห้องมาก็เจอกับ Living Area หรือห้องนั่งเล่นก่อนเลย ลองดูบรรยากาศในห้องก่อนครับ มีมุมทำงานเพิ่มขึ้นมาในห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนพื้นที่โดยรวมก็กว้างขวางพอใช้ได้เลย มุมทำงานพร้อมตู้เก็บของจัดเต็มผนังด้านเดียวกับประตูทางเข้าห้องเลย โต๊ะกินข้าวยังคงใช้พื้นที่เดียวกันกับห้องนั่งเล่นนะครับ แบ่งๆ พื้นที่กัน จัดวางดีๆ หน่อยก็ลงตัวดีครับ โต๊ะกินข้าวขนาด 4 ทีนั่งวางไว้ตรงหน้าห้องครัวได้พอดี ดูกันชัดๆ ครับ พอวางโต๊ะกินข้าวแล้ว ยังเหลือพื้นที่ข้างๆ ให้ลากเก้าอี้ออกมานั่งได้สบายๆ พื้นที่โถงกลางห้องที่เป็น Living Area ถูกจัดสรรให้ใช้สอยได้คุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ห้องครัวกับห้องน้ำอยู่ด้านเดียวกันนะครับ คล้ายๆ กับห้องแบบ 1 Bedroom ภายในห้องครัวจะคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้นะครับ แต่มีขนาดที่กว้างขวางขึ้น ซึ่งเคาน์เตอร์ครัวก็ติดตั้งมาให้เรียบร้อย เว้นแต่ไม่ได้เว้นช่องไว้วางเครื่องซักผ้ามาด้วย เครื่องซักผ้าจึงต้องมาตั้งอยู่อีกฝั่งแทน เคาน์เตอร์ครัว ตำแหน่งการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็คล้ายๆ กับห้อง 1 Bedroom เลยครับ ซิงค์ล้างจานอยู่ทางขวา เตาไฟฟ้าอยู่ทางซ้ายใกล้กับหน้าต่าง ซิงค์ล้างจานอยู่ชิดขอบด้านขวา ติดกับตู้เย็น หัวเตาไฟฟ้า ยี่ห้อ MEX เป็นแบบ 2 หัวเหมือนเดิม ฮูตดูดควันยี่ห้อ MEX เข้าชุดกัน ภายรวมในห้องครัวครับ จะเห็นว่ากว้างขวางกว่าห้องก่อนหน้ามาก ในห้องน้ำติดกระจกบานใหญ่มาให้เรียบร้อย อ่างล้างหน้าของ American Standard สเปคเดิมครับ ชุดโถสุขภัณฑ์สเปคเท่ากับห้องอื่นๆ ในห้องน้ำใช้โทนสีเข้มเหมือนเดิม ส่วนห้องอาบน้ำก็กั้นกระจกเทมเปอร์มาให้เรียบร้อย ชุดฝักบัวในห้องอาบน้ำครับ ในห้องน้ำมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่ เปิดระบายอากาศได้ดี เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนกันครับ ประตูที่เห็นทางด้านซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ทางด้านขวา อันนี้เป็นห้องนอนใหญ่ครับ พื้นที่ภายในห้องกว้างขวางไม่น้อยเลย ในห้องวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงมากอยู่เหมือนกัน บรรยากาศในห้องจึงไม่อึดอัดเลย ด้านข้างเตียงมีช่องหน้าต่างกระจกบานไม่ใหญ่นัก แต่สามารถเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับห้องได้อีกทาง ผนังด้านที่ติดกับประตูห้อง ​Built-in เป็นมุมแต่งตัว มีทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้ามาพร้อม ในห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ ซึ่งจะอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องเลย ห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งหลังฝนังทีวีตรงปลายเตียงนะครับ อ่างล้างหน้า ชุดโถสุขภัณฑ์ กระจกเงาบานใหญ่ จัดวางไว้เหมือนกับห้องน้ำห้องอื่นๆ เป๊ะ ห้องอาบน้ำของห้องนอนใหญ่จะกว้างขึ้นมาอีกพอสมควร ถึงแม้จะอยู่ตรงกับตำแหน่งของเสาไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็จัดว่ากว้างมากเลยทีเดียว ระเบียงของห้องแบบ 2 Bedroom จะอยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ ซึ่งก็ได้ระเบียงที่กว้างขวาง ยาวเต็มความกว้างของห้อง ที่ระเบียงนอกจากจะเป็นจุดแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์เหมือนห้องอื่นๆ แล้ว ยังกว้างพอให้วางชุดเก้าอี้นั่งเล่นได้สบายๆ เอาไว้มานั่งเล่นชมวิวได้ครับ ส่วนอันนี้เป็นห้องนอนเล็กครับ ซึ่งขนาดก็กระทัดรัดกำลังดี ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเล็กๆ ห้องนี้ก็เหมาะเลย มีทั้งเตียงนอน โต๊ะทำการบ้าน และตู้ครบ เตียงนอนเล็กจัดวางไว้ชิดผนังห้อง ทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้น ภายในห้องนี้ตกแต่งให้โต๊ะอ่านหน้งสือไว้ตรงหัวเตียง และมีตู้เสื้อผ้า กับชั้นวางทีวีอยู่ติดผนังอีกด้าน อันนี้เป็นเฟอร์นิเจอร์ของห้องนอนเล็กในห้องตัวอย่างนะครับ แต่ของจริงอาจจะหน้าตาต่างกันนิดหน่อย เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว สำหรับห้องนอนเล็ก อาจปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องทำงาน หรือใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นก็ได้ ตามแต่จะดีไซน์กันครับ สำหรับโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ซึ่งเป็นคอนโดที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ล้านต้นๆ ถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะจับจองเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุนปล่อยห้องเช่า ก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีอยู่พอสมควร เนื่องจากศักยภาพการเติบโตของที่อยู่อาศัยในย่านนี้ยังโตอีกได้เยอะ ยิ่งถ้ารถไฟฟ้า BTS เปิดให้บริการก็จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองมากขึ้น ถ้าใครที่กำลังเล็งที่อยู่อาศัยในย่านนี้ หรือว่ามีที่ทำงานในแถบนี้อยู่แล้ว ลองเก็บไว้พิจารณาดูก็ไม่เลวครับ
รีวิวทำเล The Line Sukhumvit 71 : รีวิวคอนโด

รีวิวทำเล The Line Sukhumvit 71 : รีวิวคอนโด

แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลหลัก ในการมองหาคอนโดสักแห่ง คือ ทำเลที่ตั้งของโครงการ ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย อาหารการกินที่มีให้เลือกหลากหลาย และอยู่ไม่ไกลจากแหล่งธุรกิจหรือออฟฟิศต่างๆ ย่อมนำมาซึ่งความได้เปรียบในการใช้ชีวิตประจำวัน วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปสำรวจทำเลของคอนโดโครงการใหม่อีกหนึ่งโครงการจากแสนสิริ ชื่อโครงการ The Line Sukhumvit 71 ตัวโครงการตั้งอยู่ในถนนสุขุมวิท 71 ใกล้ BTS สถานีพระโขนง เราไปดูกันดีกว่าครับ ว่ารอบๆ โครงการจะเป็นยังไงกันบ้าง นอกจากทำเลที่อยู่ใก้รถไฟฟ้าแล้ว ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ตามผมมาเลยครับ สำหรับตัวโครงการ The Line Sukhumvit 71 จะตั้งอยู่ในถนนสุขุมวิท 71 ตามชื่อโครงการ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนงประมาณ 500 เมตร หรือ 400 เมตร หากเดินลัดเลาะเข้าไปทาง W District ซึ่งอยู่ในระยะทางที่ถือว่าเดินได้นะครับ ไม่ไกลจนเกินไป แต่ถ้าใครขี้เกียจเดิน ใต้สถานีรถไฟฟ้าจะมีรถสองแถวเล็กคอยให้บริกาอยู่ หรือเดินมาอีกนิดเดียวก็มีพี่วินรอให้บริการอยู่หน้าไปรษณีย์พระโขนง เราลองไปดูรอบๆ โครงการกันก่อนดีกว่า เราเริ่มกันที่รถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนงกันเลยนะครับ ลงมาจากรถไฟฟ้าก็เจอเลยครับ โฆษณาของ The Line Sukhumvit 71 เต็มไปหมด ทางออกที่จะไปฝั่งโครงการจะต้องออกทางออกที่ 3 นะครับ สภาพการจราจรบนถนนสุขุมวิท ช่วงเที่ยงๆ อาจจะยังไม่เห็นบรรยากาศเท่าไหร่ เราย้อนมาดูร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ รถไฟฟ้ากันก่อนนะครับ ในอาคาร Taisin Square มีร้านชาบูญี่ปุ่นอันแสนอร่อยอย่างร้าน Akiyoshi เลยจากอาคาร Taisin จะเจอโรงแรม Jasmine ติดกับโรงแรม Jasmine และสถานีรถไฟฟ้าจะมี Max Valu อยู่ด้วย ลงจากสถานีรถไฟฟ้ามานิดเดียว จะเจอซอยสุขุมวิท 69 มีไปรษณีย์พระโขนง ตั้งอยู่อยู่หน้าปากซอย และมีร้านขายอาหารอยู่ด้วยนะครับ ซอยนี้สามารถเดินทะลุไปออกซอยปรีดี พนมยงค์ 3 ที่อยู่ใกล้ๆ โครงการได้นะครับ หรือนั่งวินมอไซค์ที่อยู่ปากซอยนี้ไปก็ได้ ใครขายของออนไลน์ก็สะดวกหน่อยนะครับ มีไปรษณีย์อยู่ใกล้ๆ เลย ไปรษณีย์พระโขนง จะตั้งอยู่ตรงสามแยกถนนสุขุมวิทตัดกับถนนพระราม 4 เลยจากสามแยกมานิดเดียวจะเจอคอมมูนิตี้ มอลล์ ชื่อ W District ด้านในจะมีโรงแรม Beat Hotel และร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อต่างๆ เลยจาก W District มาก็จะมีธนาคารให้เลือกใช้บริการ เราเดินตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ตามข้างทางก็จะมีทั้งร้านขายของ ร้านสปา และร้านอาหารเล็กๆ เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงถนนสุขุมวิท 71 หรือซอยปรีดี พนมยงค์ ระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้าพระโขนงมาถึงตรงนี้ประมาณ 300 เมตร บรรยากาศในซอยสุขุมวิท 71 ฝั่งขาออกจากซอยรถจะมาหนาแน่นในช่วงปากซอยเพราะติดไฟแดง เลี้ยวเข้ามาปุ๊บในซอยก็เจอร้านพิซซ่าทันที ฟุตบาทกว้างขวางเดินได้สะดวกปลอดภัยดีครับ เดินมาอีกหน่อยก็เจอทางเข้า W Market เป็นส่วนหนึ่งของ W District ที่รวบรวมร้านอาหารหลากหลายสไตล์ และแหล่ง Hang Out สุดชิค ใกล้ๆ โครงการ ฝั่งตรงข้ามจะเห็นพระโขนงพลาซ่า แหล่งค้าขายเก่าแก่ในย่านนี้ เดินต่อมาอีกจะเจอร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี ซอยปรีดี พนมยงค์ 3 ที่บอกไว้ตอนแรกว่าเดินทะลุมาทางซอยสุขุมวิท 69 ได้ ในซอยก็จะมีร้านอาหาร ร้านขายของอยู่ด้วยเหมือนกัน เลยจากซอยปรีดี พนมยงค์ 3 มานิดเดียวก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ ทางเข้าสถานที่ก่อสร้างโครงการ มีป้ายบอกชัดเจน การก่อสร้างก็เริ่มไปได้สักพักแล้วนะครับ เลยจากโครงการไปก็เป็นตึกแถว มีร้านขายของอยู่ชั้นล่าง การจราจรบริเวณหน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามโครงการมีร้าน Family Mart อยู่ติดกับซอยปรีดี พนมยงค์ 2 เดี๋ยวเราข้ามไปดูฝั่งตรงข้ามกันต่อ ในซอยปรีดี พนมยงค์ ถือว่าเป็นแหล่งฝากท้องได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ เพราะในซอยมีร้านขายอาหาร ผลไม้ ต่างๆ เยอะมาก ยาวตลอดแนวเข้าไปในซอย แถมอยู่ใกล้โครงการ เพียงแค่ข้ามถนนมาเท่านั้น ตลอดทั้ง 2 ฝั่งในซอยสุขุมวิท 71 นี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นชุมชน มีตึกแถวขึ้นอยู่ทั้ง 2 ข้างทาง มองไปฝั่งตรงข้าม ก็จะเห็นโครงการ วายน์ บาย แสนสิริ ที่มาบุกเบิกทำเลนี้เมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ชั้น 1 ของตึกแถวจะเป็นเป็นร้านขายของ ขายอาหาร ร้านทองก็มีอยู่หลายร้านเลยนะครับ ไม่เพียงแค่อยู่ริมถนนสุขุมวิท 71 เท่านั้น ตามตรอกซอกซอยก็มีร้านขายของยาวเข้าไปในซอย สามารถเดินทะลุไปถึงตลาดสดพระโขนงที่อยู่ข้างในได้เลย บรรยากาศบนถนนสุขุมวิทฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปทางอ่อนนุช จะเป็นตึกแถว และมีร้านขายของยาวไปตลอดแนวจนถึงสะพานข้ามคลองพระโขนง ส่วนฝั่งตรงข้าม เป็นฝั่งซอยสุขุมวิท 48 ก็เป็นตึกแถว มีร้านขายของเหมือนกันนะครับ แต่จะไม่คึกคักเท่าฝั่งซอยสุขุมวิท 71 ทำเลในย่านพระโขนงนี้เป็นทำเลที่ดีพอสมควรเลยนะครับ ด้วยทำเลในย่านนี้ที่ถือว่ายังอยู่ในเมืองและสามารถเดินทางออกนอกเมืองได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS อยู่ใกล้ๆ โครงการ ที่ใช้ได้ทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง เพียงไม่กี่นาทีก็ถึงใจกลางเมือง อย่างทองหล่อ พร้อมพงศ์ หรืออโศกแล้ว เรียกได้ว่าสะดวกสบายไม่ต่างกับอยู่ใจกลางเมืองเลยทีเดียว หรือจะใช้เส้นทางถนนพระราม 4 ผ่านกล้วยน้ำไท ไปถึงสีลม สาทร แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันนะครับว่าการจราจรบนถนนพระราม 4 ติดขัดขนาดไหน โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน อีกทางจะใช้ถนนสุขุมวิท 71 นี่แหละครับวิ่งตรงไปตัดถนนเพชรบุรี เลือกไปทางพระราม 9 หรือรามคำแหงได้ไม่ยาก ส่วนการเดินทางออกนอกเมืองก็ง่ายพอๆ กัน สามารถใช้รถไฟฟ้าได้เหมือนกันนะครับ หรือถ้าใช้รถยนต์ส่วนตัวก็วิ่งตรงตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ก็ออกไปถึงอุดมสุข ตัดสี่แยกบางนา เลือกไปทางบางนา บางพลี หรือสำโรง เทพารักษ์ได้เลย หรือจะขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ตรงสะพานข้ามคลองพระโขนง ไปทางพระราม 9 รามอินทรา หรือจะออกต่างจังหวัดไปวนลงถนน Motorway กรุงเพท-ชลบรีสยาใหม่ ก็ยังได้ เรื่องการเดินทางถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยนะครับ สำหรับทำเลในย่านนี้ ไม่ว่าจะเข้าเมือง หรือออกนอกเมือง แต่อาจจะต้องทำใจกับเรื่องการจราจรอยู่สักหน่อยสำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง ส่วนใครที่ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเป็นประจำ ถือว่าได้เปรียบอยู่พอสมควร คราวนี้เรามาดูเรื่องอาหารการกิน และคอมมูนิตี้ มอลล์ กันบ้าง ถ้าเรื่องการเดินทางถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เรื่องอาหารการกินต้องเรียกอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเลยหล่ะครับ ตั้งแต่ลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง เรื่อยไปจนถึงตัวโครงการ และเลยไปในซอยสุขุมวิท 71 ก็ยังมีร้านอาหาร หรือตลาดในเลือกซื้อเลือกหามากมาย ทั้งของกินของใช้ เดี๋ยวผมจะพาไปดูครับ ว่ามีที่ไหนกันบ้าง เราซูมแผนที่ลงมาดูใกล้ๆ กันอีกหน่อย ร้านอาหารที่อยู่รอบๆ โครงการถือว่าเยอะเลยนะครับ สังเกตหมุดที่ปักอยู่ในแผนที่ คือร้านอาหารที่เราจะพาไปชมกัน สังเกตหมุดตัวที่ใหญ่ที่สุดนะครับ เริ่มจากร้านชาบูญี่ปุ่นชื่อดังอย่างร้าน Akiyoshi ที่อยู่ในอาคาร Taisin Square ใกล้ๆ สถานี BTS พระโขนง ขยับมาทางซอยสุขุมวิท 69 จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นอีกหนึ่งร้าน ชื่อร้าน Okinawa Kinjo HOF Art Space พื้นที่ศิลปะแห่งใหม่ในกรุงเทพ HOF Art Residency อีกหนึ่งพื้นที่ศิลปะใกล้ๆ โครงการ ขยับเข้ามาใกล้ๆ โครงการเป็นร้านอาหารเกาหลีชื่อร้าน Mapo Galbi ฝั่งตรงข้ามโครงการมีร้านอาหารมังสวิรัติ ชื่อร้านครัวสวนผัก เหมาะกับคนรักสุขภาพ Cielo Sky Bar เป็น Bar & Restaurant ได้ทานอาหารอร่อยๆ พร้อมชมบรรยากาศมุมสูงของกรุงเทพมหานคร เราขยับเข้าไปในซอยสุขุมวิท 71 อีกหน่อย มีร้านก๋วยเตี๋ยวปลาเจ้าดัง อย่างร้านง้วนหลังวัง เลยเข้าไปอีกมีร้านข้าวต้มกระดูกหมู สุขุมวิท 71 เปิดขายมายาวนานกว่า 40 ปี ด้วยความอร่อยที่ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เมนูเจ้าประจำที่ลูกค้าชื่นชอบ ข้าวต้มกระดูกหมู, ข้าวต้มปลา, ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา และหมูสะเต๊ะ หิวกันรึยังครับ ^__^ เปลี่ยนบรรยากาศจากอาหารหนักๆ มาใช้ชีวิต Slow Life กันบ้าง ในซอยปรีดี พนมยงค์ 31 หรือซอยเอกมัย 12 มีร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่น ชื่อร้าน Nikko Cafe ให้ได้นั่งชิวหลีกหนีความวุ่นวาย ใกล้ๆ กับร้าน Nikko Cafe มีร้านชาบูนางใน ชาบูสไตล์ไทย ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วกรุงเทพ ลึกเข้าไปในซอยสุขุมวิท 71 อีกหน่อย ก็ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา และร้านผัดไทเสวย ให้เลือกชิมกันอีก เรามาไกลสุดถึงแยกคลองตัน มีร้านอาหารจีนเก่าแก่ ชื่อร้านฉั่วคิมเฮง ที่คนแน่นร้านทุกวัน เมนูห้ามพลาดของร้านคือห่านพะโล้รสเด็ด เนื้อหนุ่ม หนังหนุบ น้ำพะโล้เข้มข้นหวานเค็มกำลังดี อาจจะอยู่ไกลโครงการสักหน่อย แต่บอกคำเดียวครับว่ามาแล้ว คุ้ม!! นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ ที่เรานำมาให้ชมกัน ยังมีร้านอาหารแอบอยู่อีกหลายร้าน ใครเป็นคนในพื้นที่มีร้านอาหารเด็ดๆ ในย่านนี้ ก็ส่งกันเข้ามามาแนะนำกันได้เลยนะครับ โดยสรุปแล้วที่ตั้งของโครงการ The Line Sukhumvit 71 ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีเลยนะครับ ด้วยที่ตั้งโครงการอยู่ไม่ไกลจากแหล่งธุรกิจใจกลางเมืองมากนัก สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ที่อยู่ใกล้ๆ โครงการ อีกทั้งเรื่องอาหารการกิน ที่รายล้อมอยู่รอบๆ โครงการ ก็มีให้เลือกมากมาย หลากหลายสไตล์ ทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่ และยังมีคอมมูนิตี้ มอลล์ ที่รวบรวมไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองไว้ด้วยกัน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ สำหรับข้อเสียก็อาจจะมีเรื่องการจราจร แต่ก็เป็นที่สิ่งที่หลีกเลี่ยงกันไม่ได้อยู่แล้วนะครับสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว แต่สำหรับใครที่ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นประจำ เรื่องนี้ก็หายห่วงเลยครับ ส่วนเรื่องการลงทุน ทำเลในย่านนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวเลยนะครับ เนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และราคาของคอนโดในย่านพระโขนงนี้ก็ขยับขึ้นถึง 24% ต่อปี และมีแนวโน้มจะที่ดีในอนาคต แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีนะครับ ว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนกันด้วยนะครับ
HALLMARK งามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

HALLMARK งามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

สวัสดีทุกท่านครับ ^_^.. รีวิวฉบับนี้เราจะพาแวะไปแถวงามวงศ์วาน ใกล้ๆ กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเยี่ยมชมโครงการ Hallmark งามวงศ์วานคอนโดแบรนด์ Hallmark โครงการแรกจากชีวาทัย ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยก็พร้อมให้ลูกบ้านได้ย้ายเข้าอยู่กันแล้ว รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,390,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย อินเตอร์เช้นจ์ จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวนห้อง     792 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    7 - 0 - 70.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยดวงมณี ถนนงามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง นนทบุรี ที่จอดรถ    255 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) การเดินทาง ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยดวงมณี ติดกับกระทรวงสาธารณสุขเลยนะครับ การเดินทางก็มีให้เลือกหลายเส้นทาง ทั้งจากทางถนนงามวงศ์วาน เข้าทางซอยงามวงศ์วาน 2 และซอยหลวงวิเชียรแพทยาคม ผ่านกระทรวงสาธารณสุขมาออกซอยดวงมณี ส่วนทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เข้าทางซอยกรุงเทพ-นนท์ 14 ก่อนมาเข้าซอยดวงมณี แต่ทางนี้ใครที่ไม่คุ้นชินเส้นทางไม่แนะนำนะครับ เพราะต้องเลี้ยวเยอะหน่อย แถมซอยเล็กอีกตั้งหาก ส่วนทางที่สะดวกและง่ายที่สุดคือมาจากทางด่วนศรีรัช ลงที่ถนนงามวงศ์วานแล้ววกกลับวิ่งเลียบทางด่วน ก่อนมาเลี้ยวขวาเข้าซอยดวงมณีก็ถึงโครงการแล้วครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เราเริ่มกันบนทางด่วนศรีรัช ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางแจ้งวัฒนะเลยนะครับ เรามาลงที่ถนนงามวงศ์วาน มีป้ายบอกชัดเจน ลงมาแล้วชิดซ้ายไว้เลยนะครับ ลงมาแล้วจะเจอทางให้เลี้ยวซ้าย ตรงนี้เราเลี้ยวซ้ายไปแล้ววกกลับอีกทีเพื่อเข้าถนนเลียบทางด่วน มีป้ายบอกทางไปโครงการอยู่เป็นระยะๆ ไม่หลงแน่นอนครับ พอเราวกกลับเข้าถนนเลียบทางด่วนแล้ว ก็ตรงยาวเลยครับ ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอโรงการ Saijo Denki อยู่ด้านขวามือ แสดงว่าใกล้ถึงซอยดวงมณีแล้วครับ เลยจากโรงงาน Saijo Denki มาเจอสามแยก ให้เราเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอยดวงมณี เลี้ยวเข้ามาในซอยดวงมณีแล้วก็ตรงไปอีกนะครับ สังเกตุป้ายบอกทางโครงการให้ตรงไปอีก 500 เมตร ทางเข้า-ออก กระทรวงสาะารณสุข ใครมาจากทางถนนงามวงศ์วานต้องมาทะลุออกทางนี้แหละครับ ตรงมาเรื่อยๆ ก็ถึงโครงการแล้วครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปโลดดดด สีเขียวเตะตาแบบนี้สังเกตุได้ไม่ยากครับ ทางเข้าโครงการ ผ่านป้อมยามหน้าโครงการ ใครมาเยี่ยมชมโครงการก็จอดรถใต้อาคารตรงนี้ได้เลยนะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน อาจจะอยู่ในซอยลึกไปสักหน่อยนะครับ เมื่อมองจากทางถนนงามวงศ์วาน หรือทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่อาจจะสับสนกับการเดินทางอยู่สักหน่อย แต่จะสะดวกและใกล้มากๆ ถ้าใครทำงานอยู่กระทรวงสาธารณสุข สามารถเข้าออกได้ทางประตู 4 และประตู 5 ฝั่งซอยดวงมณี ถ้าใครไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะภายในซอยมีวินมอเตอร์ไซค์และรถสองแถวคอยให้บริการออกไปถึงถนนกรุงเทพ-นนท์ และไปถึงรถไฟฟ้าสถานีแยกติวานนท์กันเลย สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการเป็นชุมชนขนาดเล็กมีหมู่บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ และตึกแถวอยู่รอบๆ โครงการ ส่วนเรื่องของกินของใช้จะมีร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ อยู่ไม่ห่างจากโครงการมากนัก สำหรับตัวโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน ตอนนี้ก็สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ใครสนใจไปดูโครงการตอนนี้ก็จะได้เห็นตำแหน่งห้องจริงๆ กันเลยว่าอยู่ตรงไหน วิวห้องเราเป็นยังไง โดยตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร ล้อมรอบ Facility หลักของโครงการอย่างสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ที่อยู่ตรงกลาง สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby area Exercise room with equipment Swimming Pool Jogging Track Garden and outdoor recreation area Access card control 24-hours security by guard service 24-hours CCTV Master Plan ของโครงการ จะแสดงให้เราเห็นถึงตัวอาคารทั้ง 4 อาคารที่ล้อมรอบ Facility อย่างสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวไว้ตรงกลาง ที่ชั้น 1 จะแบ่งเป็นที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร ทั้ง 4 อาคาร รวมแล้วจอดได้ 255 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันนะครับ และอีกส่วนหนึ่งของชั้น 1 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย ที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร นอกจากห้องพักอาศัยที่อยู่ชั้น 1 แล้ว ยังมีร้านค้าด้วยนะครับ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีร้านอะไรบ้าง เรามาดูที่ฟิตเนสกันก่อนนะครับ ฟิตเนสจะอยู่ด้านหน้าอาคาร A บรรยากาศภายในฟิตเนส เป็นกระจกทั้งอาคาร ทำให้ดูโปร่งโล่ง มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำด้านนอก ภาพกราฟฟิกของสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางโครงการ คราวนี้เรามาดูสระว่ายน้ำของจริงกันบ้าง สระว่ายน้ำจะเป็นแนวยาว มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ อยู่ข้างๆ ฟิตเนส ทางเดินระหว่างอาคาร พาชมห้องตัวอย่าง เนื่องจากตอนนี้โครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเปิดให้ลูกบ้านเข้าอยู่กันได้แล้วนะครับ ทำให้เราได้เห็นพื้นที่จริงๆ สถานที่จริง ห้องจริง ของโครงการกันเลย โดยโครงการจะขายแบบ Fully Furnished ซึ่งห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ชมก็จัดเต็มแบบจุใจกันเลยถึง 4 แบบ ทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ประกอบด้วยห้อง Type A 1 ห้องนอน ขนาด 24-25 ตารางเมตร, Type B 1 ห้องนอน ขนาด 27-28 ตารางเมตร, Type C 31-32 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน Type G ขนาด 48-49 ตารางเมตร แต่เราไม่ได้เก็บภาพห้องตัวอย่างของ Type B มาให้ชมด้วยนะครับ เพราะการจัดวาง Layout จะเหมือนกับ Type A เลย ต่างกันแค่ Type B จะขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย ห้องแรกเรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 ห้องนอน Type A ก่อนเลยนะครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน Type A ขนาด 24-25 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอ Living Area ด้านหน้าก่อนเลยนะครับ ก่อนที่จะมองตรงไปเจอครัวที่อยู่ด้านใน โซฟาที่โครงการจัดมาให้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง มุมมองจากโซฟาไปที่ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม ระยะห่างถือว่ากว้างพอสมควรนะครับ วางทีวีจอใหญ่ได้เลย ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านในเป็นครัวแบบเปิด เคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะขนาดประมาณนี้นะครับ เหมือนเป็นเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารมากกว่า เพราะไม่มีเตาไฟฟ้าให้ด้วย มีซิ้งค์ล้างจานแบบฝังกับพื้นที่เตรียมอาหารนิดหน่อย ด้านล่างเป็นลิ้นชักและตู้เก็บของ ด้านบนเป็นที่วางไมโครเวฟ และตู้เก็บของเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหาร พื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัวนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน คอมเพรสเซอร์แอร์จะวางไว้ที่ด้านนอกระเบียง เราออกจากครัวไปดูที่ด้านนอกกันต่อ มาดูที่ห้องน้ำกันก่อนนะครับ ห้องน้ำจะอยู่ติดกับชั้นวางทีวีที่เราเห็นเมื่อสักครู่ การจัดวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำก็หน้าตาแบบนี้นะครับ พื้นที่ห้องน้าจะดรอปลงนิดหน่อย ได้อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ American Standard พื้นที่วางของอาจจะน้อยไปหน่อยนะครับ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard หลบอยู่ข้างๆ Shower Box ติดกับโถสุขภัณฑ์ จะเป็น Shower Box ประตูทางเข้าจะเป็นบานสไลด์เข้ามุม รูปร่างหน้าตาของฝักบัวที่ได้ สุดท้ายเราเข้ามาดูกันที่ห้องนอน ห้องนอนจะอยู่ติดกับห้องน้ำ เหมือนในแปลนนะครับ ขนาดห้องนอนถือว่ากว้างพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ ห้องเลยดูโล่งขึ้นอีกหน่อย เปิดประตูเข้ามาเกือบถึงขอบเตียงพอดี ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมาติดขอบเตียงพอดี ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ มีบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix ห้องต่อมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่ขนาดห้องจะใหญ่ขึ้นมาอีกเป็น 30.5 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ก็จะแตกต่างจาก Type A ด้วยนะครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน Type C ขนาด 31-32 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้ว มองเอียงมาทางซ้ายนิดหน่อย จะเป็น Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง โซฟาที่โครงการจัดมาให้จะเป็นโซฟา 2 ที่นั่ง เหมือนห้อง Type A ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม จะอยู่ติดกับประตูห้อง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area ห้องนี้ได้วิวสระว่ายน้ำด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามกับ Living Area จะเป็นส่วนครัวแบบเปิด เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับครัวของห้อง Type A นะครับ เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ไว้สำหรับเตรียมอาหาร แต่ชุดครัวของห้องนี้มีช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ด้านล่างด้วย ใกล้ๆ กันจะเป็นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน จริงๆ แล้วมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะยาว 4 ที่นั่งได้เลยนะครับ ด้านบนเป็นชั้นลอย และช่องวางไมโครเวฟ ใกล้ๆ กับครัวจะแยกออกเป็น 2 ห้อง คือห้องน้ำและห้องนอน เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อน ห้องน้ำจะเข้าออกได้ 2 ทางนะครับ นอกจากทางครัวแล้ว ยังเข้าทางห้องนอนได้ด้วย ทางเข้าจากห้องนอน สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนๆ กับห้อง Type A นะครับ อ่างล้างหน้าของ American Standard อยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box ห้องนี้จะใหญ่กว่าห้อง Type A เราเข้ามาดูในห้องนอนกันต่อ เตียงที่ทางโครงการจัดมาให้เป็นเตียง 5 ฟุต ข้างเตียงด้านที่ติดกับประตูห้องน้ำ จะเป็นตู้เสื้อผ้า ติดกับตู้เสื้อผ้ามีหน้าต่างบานเล็กๆ 1 บาน ข้างเตียงอีกฝั่งเป็นหน้าต่าง แต่จะได้บานเล็กกว่าห้อง Type A หน่อยนะครับ หน้าต่างจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix สุดท้ายมาดูที่ห้องแบบ 2 ห้องนอน Type G ขนาด 49 ตารางเมตร แบบห้อง Type G ขนาด 48-49 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ก่อนจะมองตรงไปเป็น Dining Area ด้านซ้ายเป็น Living Area และด้านขวาเป็นห้องน้ำ มือจับประตูและที่ล็อค เราเลี้ยวซ้ายมาดู Living Area กันก่อนนะครับ โซฟาที่โครงการให้มาเป็นโซฟา 3 ที่นั่ง ขนาดของโซฟาเท่ากันผนังเป๊ะเลย ชั้นวางทีวีฝั่งตรงข้าม จาก Living Area เราตรงเข้ามาดูที่ส่วน Dining Area ที่มีเคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะเป็นแนวยาวแบบนี้นะครับ แต่ไม่มีเตาไฟฟ้าให้ ใครอยากได้ไว้ทำอาหารอาจจะต้องติดตั้งเพิ่มกันเอง มีช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ด้านล่าง ตู้และลิ้นชักเก็บของด้านล่าง ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ด้านบนเป็นตู้แขวนผนัง พร้อมช่องวางไมโครเวฟ ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว เป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 3 ที่นั่ง ถัดจากครัวเข้าไปด้านในจะเป็นระเบียงใหญ่ กั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ 2 บาน พื้นที่ระเบียง จากระเบียงมองเข้าไปเห็นห้องนอน ที่ทำเป็นกระจกเข้ามุมไว้ อีกด้านเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ หันหน้าเข้าระเบียง จากระเบียงเรากลับเข้ามาด้านใน มาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อ ห้องนอนเล็กจะอยู่ติดกับโต๊ะทานอาหาร ในห้องนอนเล็กโครงการวางเตียงขนาด 3 ฟุต พร้อมโต๊ะทำงานอยู่ข้างเตียง ที่หัวเตียงจะเป็นหน้าต่างบานยาวเท่ากับผนัง หน้าต่างจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน และบาน fix อีก 2 บานด้านข้าง พื้นที่ปลายเตียงเหลือนิดหน่อยนะครับ เป็นที่วางตู้เสื้อผ้า เราออกจากห้องนอนเล็กข้ามมาดูห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ขนาดจะใหญ่กว่า 2 ห้องแรกที่เราดูมานิดหน่อย มาพร้อมกับกระจกเงาบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์จะอยู่ติดกับอ่างล้างหน้า มีที่ใส่กระดาษชำระอยู่ข้างๆ ด้านในสุดเป็น Shower Box กั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างพอสมควร ที่แขวนผ้าเช็ดตัว จะอยู่หน้า Shower Box ขนาดของ Shower Box ชุดฝักบัวที่ได้ สุดท้ายเราเข้ามาดูที่ห้องนอนใหญ่ ในห้องนอนใหญ่โครงการวางเตียง 5 ฟุตไว้ให้ ข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานยาว เข้ามุมไว้ทั้ง 2 ด้าน มองออกไปเห็นระเบียงด้านนอก มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะข้างเตียง จะมีบ้านเลื่อนให้ 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน fix ทั้งหมด ข้างเตียงอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า และมีโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ อยู่ด้วย โดยรวมแล้วตัวโครงการ Hallmark งามวงศ์วาน อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนคอนโดในเมือง และเหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในย่านนี้ โดยเฉพาะข้าราชการหรือบุคคลากรที่ทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข จะสะดวกมากที่สุด เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้กระทรวงสาธารณสุข ส่วนเรื่องการเดินทางถ้าหากใครที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็อาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อย เพราะทำเลที่ตั้งโครงการถือว่าอยู่ในซอยลึกพอสมควร แต่ก็ยังมีรถสองแถวและวินมอเตอร์ไซค์ไว้คอยให้บริการอยู่ อีกทั้งปลายปีนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่อยู่ใกล้ๆ อย่างสถานีแยกติวานนท์ก็จะเปิดให้บริการแล้ว อาจจะช่วยให้การเดินทางในอนาคตสะดวกมากขึ้น
Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ : รีวิวคอนโด

Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปชมคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุดจากเครือ LPN ในชื่อ Lumpini Mixx (ลุมพินี มิกซ์) ซึ่งปักหมุดในทำเลใกล้สี่แยกศรีเทพา (ถนนศรีนครินทร์ตัดกับถนนเทพารักษ์) เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับสายสีเหลืองอยู่เนืองๆ แถมเปิดตัวที่ราคา 7 แสนเศษเท่านั้น ยิ่งทำให้รู้สึกน่าจับจองเป็นที่สุด ว่าแล้วก็ไปดูโครงการกันเลยดีกว่าครับ การเดินทาง การเดินทางวันนี้เราขอยืดรถไฟฟ้าเป็นหลัก ด้วยการมาลงที่สถานีแบริ่ง ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ณ ขณะนี้ แล้วต่อรถมายังตัวโครงการอีกที ซึ่งก็สามารถเลือกได้ทั้งเส้นทางในซอยแบริ่ง มาออกถนนศรีนครินทร์ แล้วค่อยมาเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ หรือวิ่งตรงมาผ่านสถานีตำรวจภูธรตำบลสำโรงเหนือแล้วก็เลี้ยวซ้าย วิ่งตรงมาตามถนนเทพารักษ์ยาวๆ เลย พอผ่านแยกศรีเทพา ก็ให้กลับรถแล้วชิดซ้ายเพื่อเข้าโครงการ เนื่องจากที่ตั้งโครงการ Lumpini Mixx อยู่ห่างจากสี่แยกศรีเทพาเพียง 260 เมตรเท่านั้น การต่อรถจากสถานีรถไฟฟ้ามายังโครงการก็ทำได้ง่าย มีให้เลือกทั้งรถสองแถวสีส้ม (บางนา-สำโรง หนามแดง) หรือจะเรียกรถแท็กซี่ หรือใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างตรงทางลงรถไฟฟ้าก็สะดวกดีเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทางโครงการ Lumpini Mixx ก็จัดให้มีรถรับ-ส่งจากโครงการไปยังสถานีรถไฟฟ้าแบริ่งเพื่อเพิ่มความสะดวกสำหรับลูกบ้านด้วย   การเดินทางวันนี้เราเริ่มจาก BTS สถานีแบริ่งกันเลยนะครับ จากตรงนี้ไปมี 2 เส้นทางให้เลือกคือเข้าถนนสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งก็ได้ หรือตรงไปเข้าถนนเทพารักษ์เลยก็ได้เหมือนกัน เราเลือกตรงมาตามถนนสุขุมวิท แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเทพารักษ์นะครับ จาก BTS สถานีแบริ่งมา มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีเขียว ตลอดทางไปจนถึงบริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเลยนะครับ จาก BTS แบริ่งมาประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ จะเจอบิ๊กซี สำโรงอยู่ทางขวามือ เราตรงมาตามถนนสุขุมวิทเรื่อยๆ ตรงนี้จะเป็นจุดก่อสร้าง BTS สถานีสำโรง อยู่ก่อนถึงแยกที่เราจะเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ ตรงมาอีกหน่อยจะเจอ 3 แยก ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนเทพารักษ์ เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะเห็นบรรยากาศบนถนนเทพารักษ์เป็นถนน 3 เลน ตอนเราไปเป็นช่วงเกือบจะเที่ยงแล้ว การจราจรจึงคล่องตัวอย่างที่เห็น เข้าสู่ตำบลบางเมืองกันแล้ว จากแยกถนนสุขุมวิท เราตรงมาตามถนนเทพารักษ์อีกประมาณ 4 กม. จะเจออีกแยก เป็นแยกศรีเทพา (ถนนเทพารักษ์ตัดกับถนนศรีนครินทร์) เราตรงผ่านแยกศรีเทพาไปเลยนะครับ เลยแยกมานิดเดียว จะเห็นโครงการอยู่ทางด้านขวามือ เราชิดขวาเพื่อกลับรถ จุดกลับรถจะอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าโครงการเลยนะครับ กลับรถแล้วรีบชิดซ้ายทันที ถึงแล้วละครับ สำนักงานขายของโครงการ ถ้าใครไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว หน้าโครงการก็มีรถสาธารณะไว้ให้บริการด้วยนะครับ ทั้งรถเมล์ และรถสองแถว วิ่งไปถึง BTS แบริ่งกันเลย เลี้ยวเข้าไปจอดรถด้านหลังสำนักงานขายได้เลยครับ เข้ามาในสำนักงานขายแล้วคึกคักทีเดียวครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็สะดวกไม่แพ้กัน เพราะมีเส้นทางให้เลือกทั้งถนนเทพารักษ์ ถนนศรีนครินทร์ ที่ไปออกได้ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนบางนา-ตราด และถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งใต้ สำหรับในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวทำส่วนต่อขยายเสร็จแล้ว สถานีก็จะขยับเข้ามาใกล้ตัวโครงการมากขึ้น จากสถานีแบริ่งก็จะเป็นสถานีสำโรงแทน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งอยู่ในแผนก่อสร้างในอนาคต ก็จะมีสถานีศรีด่าน และสถานีศรีเทพาอยู่ใกล้ๆ ในระยะเพียง 1 กิโลเมตรครับ วิเคราะห์รอบโครงการ โครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ในชุมชนตรงสี่แยกย่านศรีเทพาพอดี พื้นที่รอบๆ เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมด ริมถนนเทพารักษ์แถบนี้เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย มีอาหารการกินขายตั้งแต่เช้ายันค่ำ รถราก็วิ่งผ่านไปมาตลอดวัน บรรยากาศจึงคึกคักไม่เงียบเหงา หรือห่างไกลความเจริญเลยครับ แหล่งช็อปปิ้งสำคัญๆ ของย่านนี้ก็อยู่รอบๆ โครงการ บนเส้นศรีนครินทร์ก็มีทั้ง Food Land, Big C, Makro, Paradise Park และ Seacon Square เลยไปทางถนนบางนา-ตราดก็มี Central บางนา, Mega บางนา และ Tesco Lotus ส่วนสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีแวดล้อมครบถ้วนทั้ง โรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน มหาวิทยาลัย ธนาคาร และหน่วยงานราชการ ใกล้โครงการมีร้านขายอาหารอยู่หลายร้านเลยนะครับ สำหรับโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ที่มีทั้งหมด 7 อาคารด้วยกัน แต่ละอาคารตั้งเรียงตัวกันยาวเข้าไปตามแนวของที่ดิน โซนด้านหน้าเรียกว่าโซน A มี 3 อาคาร ส่วนด้านในเป็นโซน B มีอีก 4 อาคาร โดยที่ Facilities ต่างๆ ก็กระจายกันไปในแต่ละอาคาร ลูกบ้านแต่ละอาคาร ดังนี้ อาคาร A1 จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด และร้านเสริมสวย อาคาร A2 มีร้านอาหาร ห้องเด็กเล่น และห้องสมุด อาคาร A3 มีห้องออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ อาคาร B1 มีห้องกิจกรรมผู้สูงอายุ อาคาร B2 มีร้านอาหาร อาคาร B3 มีห้องออกกำลังกายอีกห้อง อาคาร B4 ห้องเด็กเล็ก และห้องสมุด ส่วนพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนก็มีอยู่ทุกๆ อาคาร เช่นเดียวกับที่จอดรถที่มีให้จอดที่บริเวณด้านหลังของทุกๆ อาคาร และมีอาคารจอดรถสูง 4 ชั้น อยู่ระหว่างอาคาร B2 และ B3 เพิ่มเติมมาให้ด้วย ช่วยเพิ่มจำนวนที่จอดรถได้มากขึ้นพอสมควร แต่โดยรวมแล้วก็ยังสามารถรองรับได้ประมาณ 30% เรื่องทิศทางของอาคาร อาคารทั้งหมดจะตั้งอยู่ในแนวเหนือใต้ตามรูปที่ดิน หน้าอาคารในโซน A จะหันไปทางทิศตะวันออก ส่วนโซน B หันหน้าไปทางทิศตะวันตกครับ ดังนั้นห้องเกือบทั้งหมดจึงเผชิญกับทิศตะวันออก และทิศตะวันตก รักชอบด้านไหนก็เลือกกันได้ตามสะดวก นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน ลิฟท์โดยสารอาคารละ 2 ตัว และรถรับส่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านเพิ่มเติม Master Plan ของโครงการที่มีทั้งหมด 7 อาคาร เรียงตัวกันยาวเข้าไปตามแนวของที่ดิน มีอาคารจอดรถสูง 4 ชั้น 1 อาคาร อยู่ระหว่างอาคาร B2 กับ B3 แต่ละอาคารจะมีสวนสีเขียวอยู่หน้าอาคาร อาคาร A1 จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด และร้านเสริมสวย อยู่ที่ชั้น 1 และห้องพักบางส่วนจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 และอีกส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถใต้อาคาร และรอบๆ อาคาร ชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด อาคาร A2 ชั้น 1 จะมีร้านอาหาร ห้องเด็กเล่น ห้องสมุด ส่วนหนึ่งเป็นห้องพักอาศัย และที่จอดรถใต้อาคารและรอบๆ อาคาร อาคาร A3 มีห้องออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ อยู่ที่ชั้น 2 สระว่ายน้ำบนชั้น 2 ของอาคาร A3 อาคาร B1 ชั้น 1 มีห้องกิจกรรมผู้สูงอายุ และห้องพักอาศัยก็เริ่มต้นที่ชั้น 1 นี่เลยนะครับ ที่จอดรถจะใช้พื้นที่รอบๆ อาคาร อาคาร B2 มีร้านอาหาร อยู่ที่ชั้น 1 อาคาร B3 จะมีห้องออกกำลังกายอยู่อีก 1 ห้อง อาคาร B4 จะมีห้องเด็กเล็ก และห้องสมุด พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกว่าโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ เป็นแบรนด์ใหม่เอี่ยมแกะกล่องจากเครือ LPN เลยมีห้องแบบใหม่มาฝากกันด้วย แต่ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ห้องแบบเดิม ไซส์เดิมตามมาตรฐานของ Lumpini ยังคงมีอยู่ครบ โดยทางโครงการจะแบ่ง Layout ห้องแบบเดิมในขนาด 22.50-26.50 ตร.ม. ไว้ในอาคารโซน A ส่วนห้อง Layout ใหม่ ขนาดใหม่จะอยู่ในอาคารโซน B ทั้งหมด ซึ่งห้องแบบใหม่จะมีขนาดที่ 21.50-22 ตร.ม. เรียกว่าเป็นขนาดที่เล็กกระทัดรัดกว่านิดหน่อย แต่ก็มีการจัดวางพื้นที่ภายในให้สามารถใช้สอยได้คุ้มค่าเหมือนเดิม ดังนั้นราคาห้องเริ่มต้นของโครงการนี้จึงอยู่ในช่วงราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก เชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นหน้าตาของห้องตัวอย่างกันแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่าครับ ห้อง Studio ขนาด 21.50 ตารางเมตร เรามาเริ่มกันจากห้อง Studio ขนาด 21.50 ตารางเมตร กันก่อนเลยนะครับ ห้องที่ได้จะเป็นห้องเปล่า แต่ถ้าอยากได้แบบห้องตัวอย่าง ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 175,000 บาท ห้องนี้จะเป็น Layout แบบใหม่ของ LPN อาจจะแปลกตาหน่อยนะครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นส่วน Living Area อยู่ด้านหน้า ถัดเข้าไปจะเป็นห้องนอน พื้นที่ Living Area ขนาดกะทัดรัต ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา จะได้ประมาณนี้นะครับ ก็ถือว่าไม่แคบเกินไป สำหรับห้อง size นี้ จุดที่วางทีวี โครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ แบ่งครึ่งกับโต๊ะทานอาหารหรือจะเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ ฝั่งที่วางโซฟาในห้องตัวอย่าง Built in เป็นโซฟา 2 ที่นั่ง ที่อยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังพอดีครับ ติดกับเตียงนอนจะมีหน้าต่าง เป็นกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้ Built in เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ อีกฝั่งของห้องจะเป็นส่วนครัว อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับระเบียง เคาน์เตอร์ครัว จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ นะครับ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่า ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง ด้านขวามือของครัวจะเป็นห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นของ American Standard อ่างล้างหน้า มาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว ด้านไหนจะเป็นส่วนเปียก ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะครับ อาจจะต้องติดเพิ่มเอง ชุดฝักบัว มีก๊อกน้ำอยู่ด้านล่างให้ด้วย ส่วนด้านซ้ายของครัว จะเป็นประตูออกไปที่ระเบียงด้านนอก ระเบียงด้านนอกรูปร่างหน้าตาก็ตามสไตล์ LPN นะครับ ด้านบนจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ มีกริลเป่าลมออกด้านนอก มีหน้าต่างบานเกล็ด เพื่อช่วยระบายกลิ่นออกจากส่วนครัว ต่อมาเรามาดูแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร แปลนห้อง 2 ห้องนอนขนาด 43 ตารางเมตร เป็นการเอาห้อง 21.50 ตารางเมตร 2 ห้องรวมกัน ห้องนี้หากให้โครงการตกแต่งให้เหมือนในห้องตัวอย่าง ต้องเพิ่มเงินอีก 350,000 บาท เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เราจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ จุดที่วางโซฟาและทีวีจะวางเยื้องๆ กันอยู่สักหน่อยนะครับ เพราะว่าติดทางเข้าห้องนอนเล็ก ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านใน จะเป็นจุดที่วางโต๊ะทานอาหาร อยู่ติดกับหน้าต่าง โต๊ะทานอาหารวางเข้ามุมอยู่ จริงๆ จะวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งแนวยาว ก็ยังสามารถวางได้นะครับ จากมุมโต๊ะทานอาหาร และ Living Area เข้าไปจะเป็นส่วนครัว อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำ กับระเบียง คล้ายๆ กับห้อง Studio ชุดเคาน์เตอร์ครัวจะเหมือนกับแบบห้อง Studio เลยนะครับ ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้เป็นไปตามมาตรฐานของ LPN ด้านขวาเป็นระเบียงห้อง ขนาดของระเบียงเป็นไปตามมาตรฐานของ LPN ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ด้านขวาจะเป็นห้องนอนเล็ก ด้านซ้ายจะเป็นห้องนอนใหญ่ เรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อน ขนาดห้องค่อนข้างจะเล็กอยู่เหมือนกันนะครับ อาจจะทำเป็นห้องนอนให้เด็กๆ ก็ถือว่าลงตัวทีเดียว ทางโครงการใช้เตียง Built in เข้ากับขนาดห้องพอดี ด้านหน้าห้องเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า และมีโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ด้วย มีช่องหน้าต่างมองทะลุไปที่ห้องนอนใหญ่ได้ด้วย อาจจะทำไว้เพื่อไม่ให้ห้องดูทึบหรือดูอึดอัดเกินไป มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อ ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย วางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังดีครับ ข้างเตียงเป็นทางเดินไปห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง ตรงนี้จะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า อยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับระเบียง ด้านขวาจะมีห้องน้ำในตัวให้อีก 1 ห้อง การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกับห้องข้างนอก อีกด้านเป็นประตูออกไปที่ระเบียง ขนาดของระเบียงเป็นไปตามมาตรฐานของ LPN แบบสุดท้ายไปดูห้อง 1 ห้องนอนขนาด 26 ตารางเมตร ห้องนี้จะเป็น Layout ตามแบบฉบับของ LPN ที่หลายๆ คนคุ้นเคย ห้องนี้คิดค่าตกแต่งเพิ่ม 225,000 บาท เข้ามาในห้องก็จะส่วน Living Area อยู่ด้านหน้าเหมือนเดิม พื้นที่วางโซฟา ถ้าจะวางให้เต็มพื้นที่เลย สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้เลยนะครับ ฝั่งตรงข้ามเป็นจุดที่วางทีวี ติดกับ Living Area จะเป็นห้องนอน ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่ข้างๆ เตียงเหลือนิดหน่อย ปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ที่โครงการ Built in ไว้ให้ ออกมาดูที่ส่วนครัวกันต่อ เคาน์เตอร์ครัวที่ได้ จะเป็นครัวแบบมาตรฐานของ LPN นะครับ เหมาะสำหรับการเตรียมอาหารมากกว่าทำอาหารเอง พื้นที่ในส่วนครัว ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว จะเป็นจุดที่วางดต๊ะทานอาหาร วางได้เป็นโต๊ะเล็กๆ ขนาด 2 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัวนี่นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้างพอสมควร มีธรณีประตูเตี้ยๆ กั้นอยู่ด้วย จากระเบียงเรากลับเข้าดูห้องน้ำด้านในกันต่อ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าเป็นเคาน์เตอร์ยาวเต็มแนวผนัง วัสดุเป็น Fiber กระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อยู่ติดกับอ่างหน้าล้าง อีกด้านเป็น Shower Box ที่มีฉากกั้นมาให้ด้วย ชุดฝักบัวของ Hafele แบบห้องขนาดอื่นๆ โดยรวมแล้วโครงการ Lumpini Mixx เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ ถือว่าอยู่ในทำเลที่น่าสนใจ เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ไม่ไกลจากย่านนี้มากนัก ที่ตั้งโครงการยังอยู่ในเขตชุมชนใกล้ๆ แยกศรีเทพา พื้นที่รอบๆ เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมด ริมถนนเทพารักษ์แถบนี้เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย มีอาหารการกินขายตั้งแต่เช้ายันค่ำ รถราก็วิ่งผ่านไปมาตลอดวัน บรรยากาศจึงคึกคักไม่เงียบเหงา แหล่งช็อปปิ้งสำคัญๆ ของย่านนี้ก็อยู่รอบๆ โครงการ การเดินทางถือว่าสะดวกทีเดียว หากไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็มีรถโดยสารประจำทางคอยให้บริการอยู่ตลอด แถมในอนาคตอันใกล้จะมีรถไฟฟ้าขยับใกล้เข้าอีกหน่อยคือ BTS สถานีสำโรง ที่ต่อขยายมาจาก BTS แบริ่ง อยู่บริเวณปากทางถนนเทพารักษ์ และยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเพิ่มมาอีก คราวนี้จะใกล้เข้ามาอีกคือสถานีศรีด่านอยู่ใกล้ๆ แยกศรีเทพา ในอนาคตการเดินทางจะสะดวกสบายเพิ่มขึ้นอีกมาก ส่วนเรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่จัดมาให้ก็ได้ตามมาตรฐานของ LPN จะต่างกันตรงที่โครงการนี้ถือว่าเป็นแบรนด์ใหม่ของ LPN ที่มีห้อง Layout แบบใหม่เพิ่มขึ้นมา แต่เรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็จะได้ตามคุณภาพของ LPN เหมือนเดิมครับ หมายเหตุ : โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม
RHYTHM รางน้ำ : รีวิวคอนโด

RHYTHM รางน้ำ : รีวิวคอนโด

Rhythm รางน้ำ คอนโด High Rise ในซอยรางน้ำ ใกล้ BTS อนุเสาวรีย์ชัย ประมาณ 100 เมตร  โครงการใหม่จาก AP ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่  www.apthai.com รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    N/A เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด มหาชน ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 27 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     385 ยูนิต และ 1 ร้านค้า เนื้อที่ทั้งหมด    1 - 3 - 93 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 171 คัน หรือคิดเป็น  44% Master Plan ของโครงการ มีลิฟท์ 3 ตัว ลิฟท์ขนของอีก 1 ตัว มีสวนเล็กๆ อยู่บนชั้น 6 ทำไว้เป็นมุมอ่านหนังสือ outdoor ชั้น 7-10,12-15,17-20 ห้องแบบ 2 ห้องนอนที่นี่ เป็นห้องมุมทั้งหมด Facility จะอยู่บนชั้นที่ 27 มีสระว่ายน้ำ วางเป็นแนวยาว, Steam แยกชาย-หญิง, Sky Fitness และด้านบน มี Multi Purpose Area สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆ กับกลุ่มเพื่อนพร้อมชมวิวเมืองได้ สถานที่สำคัญใกล้เคียง King Power ซอยรางน้ำ อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ Century Mall สวนสันติภาพ Center One Victory Mall โรงพยาบาลราชวิถี ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio  ขนาด 28 ตารางเมตร 1 Bedroom  ขนาด 35 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 47-62 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนหินสไตล์ญี่ปุ่น ที่ชั้น G สระว่ายน้ำ วางเป็นแนวยาว Stream แยกชาย-หญิง Sky Fitness Multi Purpose Area สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.apthai.com
Life Asoke : รีวิวคอนโด

Life Asoke : รีวิวคอนโด

Life Asoke คอนโด High Rise โครงการใหม่จาก AP บนถนนอโศก-ดินแดง ใกล้ MRT เพชรบุรี และ Airport Link มักกะสัน ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่  www.apthai.com รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    N/A เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด มหาชน ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 35 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     1,624 ยูนิต และ 3 ร้านค้า เนื้อที่ทั้งหมด    6 - 2 - 85 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนอโศก-ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 675 คัน หรือคิดเป็น  41% Master Plan จะเห็นทางเข้า-ออกรถ 3 ทาง + 1 ประตูทางเข้าจากทางบันได Sky walk พร้อมทางเดิน Cover Way จากประตูถึงตัวตึก Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 7 มีทั้งสระขนาดใหญ่ 30.00 x12.50 ม. Fitness 2 ห้อง, ห้อง Sauna แยกชายหญิง และลานอเนกประสงค์และพื้นที่สวนรับมุมมองที่เปิดกว้าง รูปทรงอาคารที่พักอาศัยเป็นรูปตัว H ที่ชั้น 9-34 เป็นห้องพักอศัยทั้งหมด ชั้น 35 เป็น Roof Top Facility ขนาดเกือบ 1 ไร่ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT เพชรบุรี Airport Link มักกะสัน โรงพยาบาลผิวหนังอโศก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โรงเรียนนานาชาติ NIST Terminal 21 โรงพยาบาลพระราม 9 เซ็นทรัล พระราม 9 ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio  ขนาด 24 ตารางเมตร 1 Bedroom  ขนาด 29-35 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 54 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus 35 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Infinity Edge Pool สระขนาดใหญ่ 30.00 x12.50 ม.  พร้อม Pool Bed ในแบบ Indoor & Outdoor ฟิตเนส 2 ห้อง 4 Private Lobby Rooms สวนหน้าโครงการขนาดเกือบ 2 ไร่ ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง ประตูทางเข้าจากทางบันได Sky walk พร้อมทางเดิน Cover Way จากประตูถึงตัวตึก พื้นที่ Drop off area ก่อนเข้าถึง Grand Lobby ที่เชื่อมต่อทั้ง 2 ตึก Infinity Edge Pool สระขนาดใหญ่ 30.00 x12.50 ม. พร้อม Pool Bed ในแบบ Indoor & Outdoor Fitness 2 ห้อง รับวิวแบบ Panoramic ลานอเนกประสงค์ + สวนชั้น 7 ขนาด 1 ไร่กว่า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.apthai.com
Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

สวัสดีแฟนเพจทุกท่านครับ วันนี้เราจะพาไปชมคอนโดใจกลางเมือง ที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อมกับงานแถลงข่าวครบรอบ 25 ปี ของ Noble Development  ชื่อโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ และ The EM District ในระยะที่สามารถเดินได้ จะน่าสนใจขนาดไหน ตามผมไปดูกันเลยดีกว่าครับ อ่อ..ลืมบอกไปครับ หากสนใจโครงการ สามารถลงทะเบียนผ่านทาง http://goo.gl/TFpM99 เพื่อรับส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท ได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย. นี้เท่านั้น !! การเดินทาง ตัวโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากสถานี BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 650 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้ (ถ้าไม่ใช่ช่วงที่อากาศร้อนตับแล่บนะครับ ฮ่าๆ ) สำหรับตัวสถานี BTS พร้อมพงษ์จะอยู่ใจกลาง ล้อมรอบด้วยศูนย์การค้าหรูอย่าง The Em District ที่เป็นการรวมตัวกันของ 3 ห้างระดับท็อปของ The Mall Group อย่าง The Emporium ที่ตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์นี้มาอย่างยาวนาน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น The EmQuartier ห้างสรรพสินค้าน้องใหม่สุดหรู ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปได้ไม่นาน และอีกแห่งจะอยู่ฝั่งเดียวกับ The Emporium แต่ถูกกั้นกลางด้วยสวนเบญจสิริ คือ  The EmSphere ที่กำลังก่อสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 33 เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องสาธารณูปโภคในย่านนี้ถือว่าหายห่วงเลยครับ ทั้งเรื่องของกิน ของใช้ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถ้าจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ก็แทบจะไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเลย นอกจากในห้างสรรพสินค้าแล้ว บริเวณรอบๆ ก็ยังมีร้านอาหารให้เลือกกันเยอะแยะเลยครับ ทั้งอาหารฝรั่ง หรืออาหารญี่ปุ่น เพราะย่านนี้จะอุดมไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น แผนที่ของโครงการ เราเริ่มกันที่สถานี BTS พร้อมพงษ์เลยนะครับ เดินลงมาแล้วก็จะเจอสภาพแบบนี้เลยครับ ผู้คนพลุกพล่านแทบจะทุกวัน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ตัวสถานีจะมี Sky Walk เชื่อมต่อกับห้างทั้ง 2 ฝั่ง ด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้าง Emporium เดินเลยมาอีกหน่อยทางเดินก็จะหรูหราขึ้น ปูพรหมแดงต้อนรับกันเลยทีเดียว ด้านขวามือจะเป็นทางเข้าห้าง EmQuartier ส่วนด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าอีกทางของ Emporium จากตัวสถานี Sky Walk ทอดยาวมาถึงสวนเบญจสิริ บรรยากาศบนถนนสุขุมวิท ที่ถนนโล่งแบบนี้ เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่ ทางลงด้านซ้ายมือจะเป็นฝั่งสวนเบญจสิริ ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อน และที่ออกกำลังของคนในย่านนี้ สวนเบญจสิริแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 29 ไร่ ของกรมอุตุนิยมวิทยา สร้างขึ้นในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษาในปีพ.ศ. 2535 ภายในสวนมีประติมากรรมที่งดงาม และเป็นชิ้นงานสำคัญของศิลปินระดับชาติที่ร่วมใจกันถวายเป็นการเทิดพระเกียรติฯ แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ที่สามารถเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังมีลานกีฬา อยู่ในส่วนพื้นที่รอบนอก สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายและกีฬากลางแจ้ง ประกอบไปด้วย สนามตระกร้อ สนามวอลเล่ย์บอล สนามบาสเก็ตบอล ลานสเก็ต สวนสุขภาพ สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำ ขนาด 12.5 x 25 เมตร และยังมีดนตรีในสวน เป็นส่วนที่จัดแสดงดนตรีในแนวไทย หรือสากล ตามโปรแกรมการแสดงดนตรีวันเสาร์-อาทิตย์ ในช่วงเย็นที่จัดหมุนเวียนไปตามสวนสาธารณะหลายแห่งทั่วกรุงเทพมหานคร ส่วนทางลงด้านขวามือจะเป็น จะเป็นทางลงมายังถนนสุขุมวิท ฝั่งซอยเลขคี่ เราต้องลงฝั่งนี้แหละครับ เพื่อเดินไปซอยสุขุมวิท 33 ลงมาจากสถานีได้ไม่ไกล จะเจอซอยสุขุมวิท 33/1 เป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนาม Japanese Town ภายในซอยก็จะมีร้านอาหาร ให้เลือกกันมากมายจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้าน Subway ถัดมาจะเจอ Villa Market ที่ขายสินค้าทั้งของกิน ของใช้ เดินมาอีกหน่อย ก่อนถึงซอยสุขุมวิท 33 จะเจอร้าน Gute Express เป็นร้านเบเกอรี่เล็กๆ น่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่น ให้เลือกซื้อก่อนกลับเข้าคอนโด ติดกับร้าน Gute Express เป็น UBC II Building อาคารสมัชชาวาณิช 2 อาคารสำนักงาน มีธนาคารกรุงไทยกับธนาคารกสิกรไทย อยู่หน้าอาคาร หลังจากเดินมาจนเหงื่อซึม ก็ถึงแล้วล่ะครับ ซอยสุขุมวิท 33 ฝั่งตรงข้ามจะเห็นสถานที่ก่อสร้าง EmSphere ถ้าสร้างเสร็จแล้วไม่รู้ว่าจะมี Sky Walk ทอดยาวมาถึง EmSphere รึเปล่า ถ้ามีจริงก็คงจะดีนะครับ หน้าปากซอยยังมีร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Family Mart อยู่อีกด้วย บรรยากาศภายในซอยนะครับ มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ปากซอยด้วย อัตราค่าบริการคร่าวๆ ตามนี้เลยครับ จากปากซอยเข้ามาประมาณ 350 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วล่ะครับ วิเคราะห์โครงการ โครงการ Noble BE 33 Sukhumvit เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ที่ออกแบบมาในสไตล์เรียบ หรู และสวยงาม ตามแบบฉบับของโนเบิล โดยโครงการนี้จะเน้นให้เห็นเส้นตัดของแนวตั้งกับแนวนอนชัดเจนกว่าโครงการที่ผ่านๆ มา เรียกได้ว่าเป็น Timeless Design ที่จะยังคงสวยงาม ทันสมัย อยู่แบบนี้ไปอีกหลายปี ตัวโครงการจะหันไป 2 ด้าน คือด้านหน้าโครงการที่ติดกับซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการเป็นทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก แม้ว่าจะต้องหันไปรับแดดเต็มๆ ทั้ง 2 ด้าน แต่ก็แลกมาด้วย City View ใจกลางกรุงเทพฯ สำหรับ Master Plan ของโครงการเรายังไม่มีให้ชมนะครับ ดูจากโมเดลจำลองของตัวอาคารประกอบกันไปก่อนแล้วกันนะครับ เริ่มจากทางเข้าโครงการจะใช้ทางเข้าเดียวเป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนที่จะลงไปจอดรถที่ชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น สามารถจอดรถได้ประมาณ 67% ของจำนวนห้องพัก ( 187 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งส่วนที่เป็น Indoor และแบบ Semi Outdoor เชื่อมต่อกับสวนด้านนอก โซนแรกจะเป็น Indoor Lobby ตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ที่ทางโครงการบอกมาว่าในตอนกลางวันกระจกจะสะท้อนแสงกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน Lobby อย่างสวยงาม โดย Lobby ส่วนนี้จะมาพร้อมกับ Drop-Off มีจุดจอดรถรับ-ส่ง ด้านหน้า Lobby อีกโซนหนึ่งจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อออกมาสู่สวนสีเขียวด้านนอก ที่ทางโครงการบอกว่าเน้นการปลูกต้นให้เหมือนป่ามากที่สุด เลยจาก Lobby เข้ามาด้านในจะเป็น Lift Hall จะมีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัว แบ่งเป็น Private Lift 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว อยู่ตรงกลางอาคารแบบ Single Loaded Corridor และมีบันไดหนีไฟอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ตั้งแต่ชั้น 2-28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีแบบห้อง 1-3 ห้องนอน คละเคล้ากันไป ส่วน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 29 ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย-หญิง ขยับขึ้นไปที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ที่มีอยู่เพียง 4 ยูนิต แบ่งเป็นชั้นละ 2 ยูนิต รูปทรงของอาคารออกแบบมาในสไตล์เรียบหรู โดยห้องพักอาศัยจะหันหน้าไปใน 2 ทิศทาง คือทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ด้านหน้าโครงการที่หันออกมาทางซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการจะหันไปทางทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก ห้อง Type ที่อยู่หัวมุม จะได้ระเบียงเล็กๆ ด้านข้างด้วย ด้านบนที่ชั้น 29 จะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย หญิง ส่วนที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ที่มีเพียงแค่ 4 ยูนิต ชั้นละ 2 ยูนิต บรรยากาศสระว่ายน้ำบนชั้น 29 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งแบบ Indoor ที่มาพร้อมกับ Drop-Off และแบบ Semi Outdoor ที่มีสวนสีเขียวล้อมรอบ Lobby โซนแรกจะตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ให้ความสวยงาม โดยในเวลากลางวันจะสะท้อนสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนจะเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby บรรยากาศจำลองภายนอก Lobby ในเวลากลางวัน กระจกโค้งที่ Lobby จะเป็นเหมือนกระจกเงา สะท้อนสิ่งแวดล้อมรอบๆ แต่ในเวลากลางคืน จะส้อนให้เห็น Interior ต่างๆ ที่อยู่ภายใน Lobby Lobby อีกโซนจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อกับสวนสีเขียวภายนอก มุมมองจาก Lobby ออกมาที่สวนด้านนอก ทางเข้าโครงการจะเข้าออกทางเดียว เป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น ภาพบรรยากาศ Lift Hall ที่บริเวณ Lobby พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบนะครับ ประกอบด้วยแบบ 1 ห้องนอน มี 2 ขนาด เริ่มต้นที่ 34.25 ตารางเมตร และขนาดประมาณ 40-43 ตารางเมตร ต่อมาเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 51 - 69 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาด 109-139 ตารางเมตร สำหรับห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ชมนั้น จะมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ ประมาณ 43 ตารางเมตร และอีกแบบเป็นห้อง 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร โดยโครงการจะขายแบบ Fully Fitted ลูกบ้านจะได้ในส่วนของห้องครัวประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตาไฟฟ้า 2 หัว, ฮูดดูดควัน, ไมโครเวฟ และตู้เย็น Built in ตามแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะครับ นอกจากนั้นยังมีตู้เสื้อผ้า Built in ที่มีให้ในห้องนอนทุกห้อง และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำด้วย สำหรับแอร์ที่ใช้ โครงการจะใช้แอร์แบบฝังฝ้า ทุกอยู่นิตจะได้แอร์ที่ห้องนอน และ Living Area มาดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่าครับ แบบแรกเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องค่อนข้างลงตัว พื้นที่ที่ให้มาสามารถใช้งานได้จริง โดยลักษณะห้องจะแบ่งออกเป็น 2 โซน เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Dining Living ก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ที่จัดชุดเคาน์เตอร์ครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้อย่างครบครัน และที่ติดกับครัวจะเป็นส่วน Dining Area ที่สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ขยับเข้าไปด้านในจะเป็น Living Area และอีกด้านจะเป็นส่วนของห้องนอน และมีห้องน้ำอยู่ด้านใน ห้องนี้จะได้แอร์ 2 จุด คือที่ Living Area และในห้องนอน ประตูห้องจะเป็นบานสูง 2.4 เมตร ผิวลามิเนตลายไม้ ประตูจะใช้ระบบ Digital Door Lock ซึ่งคีย์การ์ดจะมีขนาดเล็กและบางกว่าคีย์การ์ดแบบทั่วไป พื้นห้องจะเป็นลามิเนตเกรดพรีเมี่ยม ที่ทำเลียบแบบผิวไม้ เวลาสัมผัสจะให้ควมรู้สึกเหมือนไม้จริงๆ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dinning Living ก่อนเลยนะครับ ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวแนวยาว ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน โดยโครงการจะให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วย 4 รายการ คือตู้เย็น Built in, โมโครเวฟ, เตาไฟฟ้า 2 หัว และฮูดดูดควัน เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดจะให้ของ Smeg ด้านซ้ายสุดที่ติดกับผนังห้องจะเป็นตู้เย็น Built in เปิดออกมาก็จะมี 2 ส่วน ตัวท็อปครัวจะเป็นแนวยาว ด้านบนจะเป็นไมโครเวฟ ติดกันจะเป็นตู้ลอยเก็บของ มีจุดที่วางเครื่องซักอยู่ด้านล่าง แต่ตัวเครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ซิ้งล่างจานแบบหลุม มีความลึกพอสมควร ขยับมาอีกจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันแบบฝัง ตรงข้ามกับครัว จะเป็นส่วน Dining Area ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านได้เลย ด้านในสุดจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวี สามารถวางโซฟา L Shape 4 ที่นั่ง ได้เลยครับ ที่ Living Area ที่มีระเบียงให้ด้วยนะครับ พื้นที่ระเบียงจะดูเล็กไปสักหน่อย ความกว้างประมาณ 55 ซม. อาจจะใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก ออกไปยืนรับลม ชมวิว พอไหวอยู่ จุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงนี่แหละครับ มีฉากอลูมิเนียมปิดกั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน เฟรมกระจกที่ระเบียงจะมีความสูง 2.95 เมตร ซึ่งสูงกว่าเพดานห้องที่มีความสูง 2.75 เมตร มาดูกันต่อที่ห้องนอน พื้นที่ในห้องนอนถือว่ากว้างขวางอยู่นะครับ วางเตียง 5 ฟุต กำลังดีจะได้ไม่ดูอึดอัดเกินไป แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จัดเตียง King Size ก็ยังไหวนะครับ พื้นที่ปลายเตียงมีที่พอให้เดินผ่านได้ ถ้าจะเอาทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็คงต้องใช้แบบแขวนผนัง ในห้องนอนก็มีระเบียงให้อีกนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กับที่ Living Area ไม่สามารถเดินเชื่อมกับระเบียงที่ Living Area ได้นะครับ เพราะมีจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์กั้นอยู่ ข้างเตียงอีกด้านก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกจุดหนึ่ง จุดนี้จะเป็นระเบียงที่อยู่ด้านข้างอาคาร ฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเดินเข้าไปห้องน้ำ ที่หน้าห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in เป็นบานกระจกยาวตลอดแนว แต่สเปคที่ได้จริงๆ จะไม่ใช่แบบนี้นะครับ ห้องจริงบานกระจกจะเป็นกระจกขุ่นๆ ส่วนเฟรมอลูมิเนียมก็จะไม่ใช่สีทองแบบที่เห็น จะเป็นเฟรมอลูมิเนียมสีธรรมขาติ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันบ้าง การจัดวาง Layout ในห้องน้ำจะมีลักษณะแบบนี้นะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำทั้งหมดจะใช้ของ TOTO พื้นห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องลายหิน ขนาด 60x60 ซม. อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม พร้อมกับเคาน์เตอร์ยาว กระจกเงาที่ได้ที่จะเป็นแนวยาวตามเคาน์เตอร์เลยครับ เคาน์เตอร์ยาวเท่าไหน กระจกเงาก็ยาวเท่านั้น Lighting ที่กระจกเงาเป็นแนวยาวทั้งด้านบน ด้านล่าง นี่โครงการก็ติดให้ด้วยนะครับ กระจกเงาสามารถเปิดปิดได้ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้วย โถสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบอัตโนมัติของ TOTO อีกด้านจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบนั่ง ให้มาด้วย ซึ่งอ่างอาบน้ำแบบนี้จะได้ทุกยูนิต ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower แบบต่อมาเป็นแบบ 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาเป็นขนาด 76 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นทาง Corridor ยาวเข้าไปในห้องก่อนที่จะเจอกับห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ แม้ว่าขนาดจะดูเล็กกระทัดรัดไปสักหน่อย แต่เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานก็ยังครบครันเหมือนเดิม ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนของ Dining Area ที่ให้มาค่อนข้างกว้างพอสมควร สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้สบายๆ ขยับเข้ามาด้านในอีกจะเป็น Living Area ที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง ที่มีขนาดพอๆ กัน ซึ่งแต่ละห้องก็จะมีห้องน้ำในตัวแยกต่างหาก ส่วนห้องนอนเล็กจะแยกมาอยู่ฝั่งตรงข้าม จะมีห้องน้ำรวมอยู่ที่หน้าห้อง ซึ่งสามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากทางห้องนอนเล็ก และทาง Dining Area โดยห้องนี้จะได้แอร์ทั้งหมด 4 จุด คือที่ห้องนอนทั้ง 3 ห้อง และที่ Living Area อีก 1 จุด เข้ามาให้ห้องแลเวจะเป็นทาง Corridor ยาว ตรงนี้ผนังทั้ง 2 ด้านโครงการตกแต่งเป็นตู้เก็บของและตู้โชว์เป็นไอเดีย แต่ห้องจริงจะเป็นผนังปูน ไม่มีตู้ Built in มาให้ด้วยนะครับ เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ ฟังก์ชั่นการใช้งานก็จะเหมือนกันกับครัวของแบบ 1 ห้องนอน เมื่อสักครู่นะครับ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้เหมือนๆ กัน ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับครัว จะเป็นส่วน Dining Area เป็นแนวยาวทอดไปหา Living Area ตรงนี้สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้เลย ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area อยู่ตรงกลางระหว่าง ห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง Living Area จะมีขนาดพอๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน มีระเบียงให้เหมือนกัน ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน ออกมาที่ระเบียงด้านขวาจะเป็นจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นแผงคอนกรีตกั้นไว้ เพื่อความสวยงามของโครงสร้างด้านนอก เรมาดูห้องนอนทางซ้ายมือกันก่อน ขนาดห้องจะใกล้เคียงกับห้องแบบ 1 ห้องนอน การจัดวาง Layout ต่างๆ ก็จะคล้ายๆ กัน ในห้องนอนก็จะมีระเบียงอีก 1 จุด อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อ Built in อยู่หน้าห้องน้ำทั้ง 2 ด้าน อย่างที่บอกนะครับ ว่าเฟรมอลูมิเนียมที่ตู้เสื้อผ้า ในห้องจริงๆ จะไม่ได้สีทองแบบนี้นะครับ จะเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ด้านในห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกับแบบ 1 ห้องนอน ข้ามมาดูที่ห้องนอนใหญ่อีกห้อง ห้องนี้เป็นห้อง Master Bedroom นะครับ การจัดวาง Layout จะเหมือนกันเลย แต่ห้องน้ำจะแอบเล็กกว่านิดหน่อย อีกด้านก็จะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อผ้า Built in อยู่หน้าห้องน้ำเหมือนกัน ซึ่งการจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน โถสุขภัณฑ์ของห้อง Master Bedroom จะพิเศษกว่าห้องน้ำห้องอื่นๆ จะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัตินะครับ มาดูที่ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนเล็ก ตรงนี้จะมีห้องน้ำแยกออกมา 1 ห้อง แต่สามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากด้านห้องนอนเล็ก และจาก Dining Living ห้องนอนเล็กนี้สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้นะครับ แต่ทางโครงการตกแต่งเห็นเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นอีกห้อง ด้วยการวาง Daybed แทน ในห้องนอนเล็กก็จะมีตู้เสื้อผ้าให้อีก 1 ตู้ เป็นหน้าบานสไลด์ ในห้องนอนเล็กนี้ก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกด้วยนะครับ มองจากห้องนอนเล็กเข้าไปในห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่าแบบที่อยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก็จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ แต่สุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เป็นของ TOTO เหมือนเดิม และอีกอย่างที่ห้องน้ำนี้แตกต่างจากห้องอื่น คือจะไม่ได้อ่างอาบน้ำ แต่จะมีเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ให้แทนครับ โดยรวมแล้วโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ถือว่าอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอย่างแท้จริง สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า แต่ก็ถือว่ายังอยู่ระยะที่สามารถเดินได้ อีกทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ทั้งของกิน ของใช้ มีให้เลือกมากมาย และอยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก หากซื้อเพื่ออยู่อาศัยก็เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในเมือง หรืออยู่ตามแนวรถไฟฟ้า แต่อาจจะต้องแลกมากับความพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง คนที่ชอบความสงบ และต้องการความเป็นส่วนตัว อาจจะต้องคิดหนักหน่อยนะครับ ส่วนเรื่องการซื้อเพื่อลงทุน ก็อาจจะหาผู้เช่าได้ไม่ยาก เนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และแหล่งออฟฟิศต่างๆ แถมยังเป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านนี้
KLASS Sarasin Rajdamri : รีวิวคอนโด

KLASS Sarasin Rajdamri : รีวิวคอนโด

KLASS Sarasin Rajdamri (คลาส สารสิน ราชดำริ) คอนโด Low Rise บนถนนสารสิน ใกล้สวนลุม จาก Klass Asset รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    8,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 178,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท คลาส แอสเซส จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     68 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    1 - 0 - 49 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 68 คัน หรือคิดเป็น  100% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) เริ่มก่อสร้าง   ไตรมาสที่ 1 ปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ค่าส่วนกลาง    80 บาท/ตารางเมตร จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี ค่ากองทุน    800 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนลุมพินี โรงพยาบาลจุฬาฯ BTS สถานีราชดำริ สนามม้าราชกรีฑาสโมสร Ambassdor Court Hotel สถานทูตอเมริกา สถานทูตอังกฤษ สถานทูตเนเธอแลนด์ อาคารออลล์ ซีซั่น เพลส ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom  ขนาด 45-55 ตารางเมตร จำนวน 15 ยูนิต 2 Bedroom  ขนาด 73-83 ตารางเมตร จำนวน 25 ยูนิต 3 Bedroom  ขนาด 95-127 ตารางเมตร จำนวน 26 ยูนิต Duplex  ขนาดประมาณ 134-135 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby lounge and Reception 2 Elevators Mail Box Parking Space Swimming pool and Jacuzzi equipment Fitness Library Sundeck and Lush garden Integrated key card access Digital door lock and Video door phone Smoke and Heat detector สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    082-422-5444 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.klasscondo.com
The Line Jatujak-Mochit – เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต : รีวิวคอนโด

The Line Jatujak-Mochit – เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต : รีวิวคอนโด

THE LINE จตุจักร-หมอชิต คอนโด High Rise โครงการใหม่จากแสนสิริ ตรงข้ามสวนจตุจักร ใกล้ BTS หมอชิตและ MRT สวนจตุจักร พร้อมวิวสวนจตุจักรขนาด 700 ไร่และวิวเมืองที่โดดเด่นยามค่ำคืน   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    4,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 159,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     841 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    4 - 2 - 95 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 420 คัน หรือคิดเป็น  50% คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ต้นปี 2561 Master Plan โครงการ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 7-9 ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อมขนาดใหญ่ และ Jogging Track ตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย   สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนจตุจักร ตลาดอ.ต.ก. JJ Green JJ Mall เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ สวนสิริกิติ์ สวนรถไฟ โรงเรียนหอวัง โรงเรียนเซนต์จอนห์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.25 – 26.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท 668 ยูนิต 2 Bedroom ขนาด 53.5 – 66 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท 134 ยูนิต 3 Bedroom ขนาด 77.75 – 85.25 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท 34 ยูนิต Duplex ขนาด 102.5 – 105.75 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 15.5 ล้านบาท 5 ยูนิต Type 1A แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25.75 - 26.50 ตารางเมตร Type 2A แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 56.75 ตารางเมตร Type 2B แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 53.5 ตารางเมตร Type 3A แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 77.75 ตารางเมตร Type 3A-1 แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 85.25 ตารางเมตร   Type 3DP แบบ 3 ห้องนอน Duplex ขนาด 105.75 ตารางเมตร   สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 40 x 6.4 ม. ห้องออกกำลังกาย แบบ Double Space Kids Room แบบ Triple Space Library Meeting Room Business Lounge Game Room Sky Pavilion พร้อมจากุชชี่ สวนหย่อมรอบโครงการ ระบบ CCTV / Access Card สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  https://www.sansiri.com/condominium/theline_jatujak_mochit/th/
Supalai Elite @Surawong : รีวิวคอนโด

Supalai Elite @Surawong : รีวิวคอนโด

Supalai Elite @Surawong คอนโด High Rise โครงการใหม่จากศุภาลัย บนถนนนเรศ อยู่ระหว่างถนนสี่พระยาและสุรวงศ์ ตรงข้ามสำนักงานเขตบางรัก รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 5 ล้านกว่าบาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 110,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     277 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 2 - 1 - 55 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ Master Plan ของโครงการ Facility ของโครงจะอยู่ที่ชั้น 7 ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ชั้น 8 - 29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด โดยการนำ Core ไว้ตรงกลางอาคารทั้งลิฟท์ 3 ตัวและบันไดหนีไฟ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีสามย่าน ประมาณ 850 ม. จุดขึ้น-ลง ทางด่วนพระราม 4 ประมาณ 1 กม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประมาณ 1.2 กม. BTS สถานีช่องนนทรี ประมาณ 1.2 กม. โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ประมาณ 1.3 กม. จามจุรี สแควร์ ประมาณ 1.3 กม. สยามพารากอน ประมาณ 2.6 กม. ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 49 - 73.5 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 85 - 100.5 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 112 - 144.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ห้องออกกำลังกาย (Fitness) ซาวน่า (Sauna) สวนลอยฟ้า (Roof Garden) พื้นที่พักผ่อนบนชั้นดาดฟ้า (Sky Lounge) รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1720 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.supalai.com
รีวิวคอนโดทำเลอ่อนนุช : รีวิวคอนโด

รีวิวคอนโดทำเลอ่อนนุช : รีวิวคอนโด

ทำเลที่อยู่อาศัย ในแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในโซนที่อิงกับสถานีอ่อนนุชหลาย ๆ คนก็ยังมองหาซื้อบ้านและคอนโดในย่านนี้อยู่เรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอ่อนนุชหรือสุขุมวิท 77 ไม่ได้อยู่ในเมืองมากจนราคาที่อยู่อาศัยสูงเกินเอื้อมไหว ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ไกลเกินจะเดินทางเข้ากลางเมือง หรือห่างไกลความเจริญและสาธารณูปโภคไปซะทีเดียว เพียงแต่ละเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องอาศัยการนั่งรถ ต่อรถไฟฟ้า หรือต้องใช้รถส่วนตัวอีกนิดก็แค่นั้นเอง ทั้งด้วยเส้นทางถนนสายหลักอย่างถนนสุขุมวิทก็เดินทางเข้าเมืองไปเอกมัย ทองหล่อ อโศก ตัดเข้าพระราม 4 ได้ง่าย อีกฝั่งก็วิ่งไปออกบางนา ข้ามไปวงแหวน หรือจะออกศรีนครินทร์ พัฒนาการ ไปจนถึงมอเตอร์เวย์ได้อีกด้วย ซึ่งถนนแถบนี้เชื่อมโยงถึงกันมีซอยเล็กซอยน้อยให้ลัดเลาะกันสนุก (ถ้าคุ้นเคยเส้นทางนะครับ) ด่านขึ้นทางด่วนก็มีที่ซอยสุขุมวิท 50 อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่ จัดว่าสะดวกใช้ได้เลย ติดแค่ปัญหารถติดที่ใครๆ ก็รู้ว่าการจราจรติดหนักเอาการ โชคดีหน่อยที่ตัวสถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช อยู่ถัดมาจากปากซอยอ่อนนุชหรือสุขุมวิท 77 ประมาณ 300 เมตรเท่านั้น แถมเลยไปทางฝั่งพัฒนาการก็ยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้า Airport Rail Link อีก และในอนาคตโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 สายก็จะมีการก่อสร้างตามมา ทั้งสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ซึ่งจะทำให้ทำเลในย่านอ่อนนุช-พัฒนาการสามารถเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และที่ดินที่อยู่อาศัยในแถบนี้ก็คงจะบูมมากขึ้นไปอีกแน่นอน ว่ากันที่บริเวณรอบๆ ตัวสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชกันก่อน พอลงมาจากตัวสถานีปุ๊ปก็เจอกับห้าง Tesco Lotus ทันที ซึ่งมีทางเชื่อมกับตัวสถานีเลย สามารถแวะจับจ่ายก่อนได้จนถึงเที่ยงคืนกันเลย หน้าโลตัสยังมีตลาดนัดเช่นเดียวกันกับฝั่งตรงข้ามที่มีขายทั้งเสื้อผ้า อาหารการกิน ซึ่งเปิดยาวไปตั้งแต่บ่ายแก่ๆ จนเที่ยงคืนเช่นกัน ริมถนนสุขุมวิทใกล้กับตัวสถานีอ่อนนุชก็มีคอนโดอยู่หลายโครงการซึ่งสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วทั้ง Ideo, Rhythm, Q House ฯลฯ ตลอดเส้นทางเดินริมถนนมีร้านค้า แผงลอยเต็มไปหมด ก่อนขึ้นปากซอยอ่อนนุชก็ยังมีทั้งสถานีดับเพลิงและสถานีตำรวจพระโขนงด้วย พอมาถึงตรงปากซอยอ่อนนุชปุ๊ป เราก็จะได้เห็นบรรยากาศที่คึกคัก ผู้คนหนาตาขึ้นไปอีก เพราะบริเวณนี้เป็นทั้งตลาดสด และจุดขึ้นรถสองแถวต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีให้บริการหลายสายเลยทีเดียว พอถัดเข้ามาอีกหน่อยก็มี Big C Extra อีก บริเวณนี้เลยเป็นที่จับจ่ายซื้อของแหล่งหลักๆ เลยก็ว่าได้ นับแค่ระยะทาง 300 เมตรจากปากซอยเข้ามาก็จับจ่ายกันไม่ไหวแล้วล่ะครับ โครงการ Ideo Verve สุขุมวิท คอนโดรุ่นแรกๆ ในย่านนี้ และเป็นโครงการที่อยู่ใกล้สถานีมากที่สุด เรียกว่าติดสถานีเลยล่ะครับ ติดกับโครงการ Ideo Verve จะมีตลาดนัดขายเสื้อผ้า ของกิน ช่วงเย็นๆ มืดๆ จะคึกคักทีเดียวครับ อีกฝั่งเป็นเทสโก้ โลตัส จะอยู่ติดกับตัวสถานีรถไฟฟ้าเลย มีทางเดินเชื่อมเข้าตัวห้างโดยตรง มองจากสถานีไปทางซอยสุขุมวิท 50 มีคอนโดขึ้นหลายโครงการเลยทีเดียวครับ ที่เห็นอยู่ไกลๆ ตรงโน่น คือโครงการ Diamond สุขุมวิท ตั้งอยู่ตรงข้ามซอยสุขุมวิท 77 ที่เห็นนี้คือโครงการ Rhythm สุขุมวิท 50 ตัวโครงการจะตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 50 เลยครับ บรรยากาศหน้าปากซอยสุขุมวิท 50 ทางเดินไปโครงการ Rhythm มองเข้าไปซอยสุขุมวิท 50 มีจุดขึ้นทางด่วน ไปทางพระราม 9 รามอินทรา และยังมีคอนโดอีกหลายโครงการ หน้าปากซอยสุขุมวิท 50 จะมีร้านอาหารจำพวกร้านลาบ ส้มตำ ปลาเผา ให้เลือกทานกันอยู่หลายร้าน มองจากปากซอยสุขุมวิท 50 กลับไปทางสถานีรถไฟฟ้า จะเห็นโครงการ Ideo Verve สุขุมวิท เดินเลยมาอีกก็จะมีร้านหมูกระทะที่อยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน มองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นโครงการ Q.House Condo สุขุมวิท 79 ที่เพิ่งสร้างเสร็จไปได้ไม่นาน สภาพการจราจรบนถนนสุขุมวิทก็อย่างที่ทราบกันดีนะครับ ว่าเป็นยังไง เลยมาอีกหน่อยจะเป็นสถานีดับเพลิงพระโขนง ตรงข้ามก็จะเป็นการประปานครหลวง ใกล้ๆ กับสถานีดับเพลิงจะเป็น สน.พระโขนง ตรงข้ามกับ สน.พระโขนง เยื้องๆ กับซอยสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช จะเป็นโครงการ Diamond สุขุมวิท มีสะพานลอยข้ามไปฝั่งซอยอ่อนนุชอยู่หน้าโครงการเลยครับ เดินข้ามไปซื้อของกินฝั่งตรงข้ามได้สบาย สภาพการจราจรบริเวณปากซอยอ่อนนุช รถนี่ติดแทบจะตลอดเวลา ใครจะเข้าซอยอ่อนนุชก็ชิดขวารอเลี้ยวได้เลยนะครับ เราเดินเลยจากซอยอ่อนนุชมาเล็กน้อย จะมีร้าน Best Beef เป็นร้านปิ้งย่างแบบไทยๆ อยู่เชิงสะพานพระโขนง ใครชอบทานเนื้อ ร้านนี้ต้องลองครับ ส่วนถ้าใครเลี้ยวขวาที่แยกอ่อนนุชไม่ทัน หรือไม่อยากรอไฟแดงนานๆ ก็มากลับรถใต้สะพานพระโขนงนี้แทนได้ครับ ห่างกันนิดเดียว เราข้ามสะพานลอยมาฝั่งซอยอ่อนนุชกันต่อ ที่ปากซอยจะมีร้านขายอาหาร ผลไม้ หรือของใช้ต่างๆ อยู่ทั้ง 2 ข้างทาง ยาวไปจนถึงบิ๊กซี เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็ถึงบิ๊กซีแล้วล่ะครับ มีอีกเส้นทางนึงนะครับ ที่เดินลัดมาเข้าบิ๊กซีได้ คือซอยสุขุมวิท 77/1 เลยจากคอนโด Q.House Condo สุขุมวิท 79 มานิดเดียว ในซอยก็มีร้านขายของให้เลือกซื้อเหมือนกันครับ เดินมาจนสุดซอย ก็จะเจอบิ๊กซี ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้รถยนตืส่วนตัว รถสองแถวนี้แหละครับเป็นที่พึ่งหลักในซอยนี้ หรือถ้าใครต้องการความรวดเร็วหน่อยก็มีพี่วินคอยให้บริการเช่นกัน ตอนเช้าออกไปทำงานแนะนำให้นั่งพี่วินนะครับ เพราะรถจะติดมหาโหดมาก โดยเฉพาะฝั่งที่มุ่งหน้ามาถนนสุขุมวิท ช่วงบ่ายจุดขึ้นรถสองแถวเข้าซอย จะอยู่ฝั่งตรงข้ามบิ๊กซี แต่ในช่วงเย็นจะขยับไปอยู่ที่หน้าคอนโด blocs 77 เดินเลยเข้ามาเรื่อยๆ ในซอยก็จะไม่ค่อยคึกคักเหมือนช่วงปากซอยแล้ว ในซอยนี้เป็นถนนใหญ่ มีชุมชน หมู่บ้าน บ้านเรือนที่อยู่มาก่อนให้เห็นเป็นระยะ เช่นเดียวกับวัดวาที่มีเยอะเช่นกัน แต่ที่เด่นๆ เลยก็คือ วัดมหาบุศย์ (อ่อนนุชซอย 7) หรือวัดแม่นาคพระโขนงนั่นเอง นอกจากบ้านไม้ บ้านเก่า ตึกแถวร้านค้าริมถนนที่มีอยู่ก่อนแล้ว เราก็จะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมที่เพิ่งสร้างเสร็จในช่วง 1-2 ปีนี้ให้เห็นเป็นระยะ ทั้งคอนโดในเครือ Lumpini, U Delight, The Base, Blocs 77 เป็นต้น รวมไปถึงโครงการอื่นๆ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ทั้งหมู่บ้าน และคอนโดในซอย บรรยากาศสองฝั่งถนนในซอยอ่อนนุชจะมีร้านค้า แผงลอยให้เห็นตลอดทาง บางช่วงก็จะมีแผงลอยขายอาหารหนาตาหน่อย บางช่วงก็จะเป็นบ้านอยู่อาศัยซะเยอะ ถนนในซอยดูเหมือนจะไม่เปลี่ยวนะครับ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วผมว่าไม่ค่อยเหมาะกับการเดินเท่าไหร่ โดยเฉพาะคุณสาวๆ ถ้าต้องเดินคนเดียว ถึงจะเป็นช่วงกลางวันแสกๆ ก็เถอะ อาศัยนั่งรถสองแถว หรือใช้พี่วินมอเตอร์ไซค์เอาจะดีกว่าครับ ตอนเราไปถึงเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ รถก็ติดกันแล้วนะครับ เราขยับเข้ามาในซอยอีกหน่อย คอนโดแรกที่เราเจอจะเป็นโครงการ blocs 77 อยู่เยื้องๆ กับบิ๊กซี ติดๆ กับ blocs 77 เป็นโครงการ The Base สุขุมวิท 77 หน้าโครงการ The Base มีทางเข้าไปยังที่ดินของแสนสิริ ด้านในจะมีอีกหนึ่งโครงการเป็นโครงการ The Base Park West สุขุมวิท 77 มองจากตรงนี้ไปจะเห็นมีคอนโด อยู่อีกหลายโครงการ เราเดินไปดูกันต่อเลยครับ โครงการที่เห็นเมื่อสักครู่เป็นโครงการ U Delight อ่อนนุช สเตชั่น คอนโด High Rise ของ Grand U ส่วนคอนโดที่กำลังก่อสร้างอยู่ข้างกับ U Delight คือโครงการ Sunshine Garden กรุงเทพ เลยเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นโครงการ Lumpini Ville สุขุมวิท 77 คอนโดรุ่นแรกๆ ในซอย จาก LPN เยื้องๆ กันหน่อยจะเป็นคอนรุ่นน้องอย่าง Lumpini Ville สุขุมวิท 77 (2) ลึกเข้ามาในซอยอีกสักหน่อยบรรยากาศคอนโดก็เริ่มจะเบาบางลงแล้วนะครับ ส่วนร้านขายอาหาร ร้านขายของต่างๆ หรือตลาดนัด จะมีประปรายตามรายทาง บางช่วงก็เยอะหน่อย เรื่องของกินของใช้ในซอยนี้เรียกว่าหายห่วงได้เลยครับ เลยจากโครงการ Lumpini Ville สุขุมวิท 77 (2) ได้ไม่ไกล กำลังมีการก่อสร้างคอมมูนิตี้ มอลล์ แห่งใหม่ ชื่อโครงการ People Park อ่อนนุช น่าจะช่วยให้ย่านนี้คึกคักมากขึ้นไปอีก มี Max Value คอยให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยรวมแล้วย่านอ่อนนุชยังถือเป็นทำเลที่มีความน่าสนใจอยู่ ยังมีคอนโดและหมู่บ้านโครงการอื่นๆ ผุดขึ้นอีกเรื่อยๆ ทั้งในบริเวณติดๆ กับสถานีรถไฟฟ้าก็ดี หรือในบริเวณใกล้เคียงรอบๆ ย่านนี้ก็ด้วย เพราะศักยภาพของพื้นที่แถบนี้มีความเป็นชุมชนสูง มีความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัย สาธารณูปโภคต่างๆ ก็ค่อนข้างครบครัน ถึงจะไม่หรูหราฟู่ฟ่าแบบในเมือง แต่ก็จัดว่าสะดวกมากๆ สำหรับชีวิตประจำวันครับ ศักยภาพด้านการเติบโตของพื้นที่นี้ยังมีโอกาสอีกมาก ถึงจะไม่ใช่ย่านใจกลางสุขุมวิท แต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไปนัก อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้สะดวกไม่ว่าจะด้วยรถไฟฟ้า หรือรถส่วนตัว ในขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้ก็ไม่ได้สูงจนเอื้อมไม่ถึง เพราะถึงอย่างไรทำเลแถบนี้ก็ไม่ได้เน้นตลาดที่อยู่อาศัยหรูหราอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่จึงยังคงปักหมุดเลือกอ่อนนุชมาในอันดับต้นๆ ส่วนย่านใกล้เคียงที่น่าสนใจอย่างพัฒนาการ บางจาก หรืออุดมสุข ไว้พวกเราทีมงานจะหาโอกาสไปรีวิวทำเลเพิ่มเติมมาให้อีก....ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ
Plum Condo Extra พระราม 2 : รีวิวคอนโด

Plum Condo Extra พระราม 2 : รีวิวคอนโด

Plum Condo Extra Rama 2 คอนโดราคาหยิบจับง่ายในเครือพฤกษาที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า มักจะเลือกทำเลในแถบชานเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตัวโครงการนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ บนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าลงใต้ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายระดับกลางที่อยากได้คอนโดในราคาที่ไม่สูงเกินเอื้อมมากนัก รอบๆ โครงการและหน้าตาห้องจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ การเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้เราใช้เส้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ข้ามสะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวนมาลงที่พระราม 2 กันเลยครับ ง่ายและสะดวกดีครับเส้นทางนี้ พอลงจากทางด่วนมาแล้ว เจอทางออกแรกก็วิ่งตามเส้นคู่ขนานมาอีกประมาณ 2 กิโลเมตรก็ถึงตัวโครงการแล้ว จุดสังเกตุง่ายๆ ก็คือ โครงการ Plum Condo Extra Rama 2 จะถึงก่อนโรงพยาบาลบางมดเล็กน้อยครับ แต่ถ้าไม่อยากขึ้นทางด่วนก็สามารถใช้เส้นทางดาวคะนอง โดยข้ามสะพานพระราม 3 หรือสะพานกรุงเทพ 2 แล้วลงที่ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปดาวคะนอง และมาเลี้ยวเข้าถนนพระราม 2 อีกครั้งก็ได้เช่นกัน แต่การเดินทางบนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินในช่วงนี้ไม่ค่อยสะดวกเลย เพราะมีการขุดเจาะทำอุโมงค์ลอดตรงสี่แยกมไหสวรรค์ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้เส้นทางนี้เลยครับ การจราจรติดขัดมากเกือบตลอดเวลา เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นจะดีกว่า แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราจะขอเริ่มจากบนทางด่วนศรีรัช มุ่งหน้าดาวคะนองนะครับ ตามป้ายไปเรื่อยๆ เลยครับ เบี่ยงออกทางขวาตามป้าย เพื่อไปขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นสะพานพระราม 9 มาแล้วจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ เมื่อลงสะพานมาแล้วเราตรงต่อไปอีกนะครับ ทางซ้ายจะไปออกถนนสุขสวัสดิ์ ถึงตรงนี้เราจะไม่ตามป้ายดาวคะนองแล้วนะครับ เราต้องไปทางสมุทรสาคร ชิดขวาเพื่อไปทางสมุทรสาคร ตามป้ายเลยครับ เมื่อแยกออกมาทางสมุทรสาคร เพื่อไปลงที่ถนนพระราม 2 จะเห็นโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล อยู่ด้านขวามือ เมื่อลงมาที่ถนนพระราม 2 แล้ว ให้ชิดซ้ายไว้เลยนะครับ เราจะออกที่ทางออกแรกเลย เมื่อออกจากทางคู่ขนานมาแล้วก็ใกล้ถึงแล้วล่ะครับ จุดสังเกตของโครงการคือท่อผ้าเป่าลมสีชมพูนี่แหละครับ เจอแล้วก็เลี้ยวเข้าไปเลยครับ ปัจจุบันโครงการก่อสร้างเฟส 1 ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะครับ ส่วนพื้นที่ว่างข้างๆ ก็จะใช้ในการก่อสร้างเฟส 2 ต่อไปในอนาคต หน้าตาของสำนักงานขายโครงการ บรรยากาศภายใน ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะอื่นๆ ก็มีทั้งรถเมล์ รถตู้ หรือถ้าจะไปไหนในระยะใกล้ๆ ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ กับรถสองแถวให้ใช้บริการได้ แต่ถ้าเอาสะดวกหน่อยก็เรียกแท็กซี่เลยครับ เรียกง่ายเพราะหน้าโครงการติดถนนใหญ่ ส่วนรถไฟฟ้านี่คงต้องรอกันอีกนานเลย แถมที่ตั้งโครงการก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับแนวรถไฟฟ้าด้วย เอาเป็นว่าแค่ลองคิดๆ เผื่อไว้สำหรับอนาคต รอให้รถไฟฟ้า  MRT สายสีม่วงสร้างเสร็จ สถานีที่ใกล้ที่สุดก็น่าจะเป็นสถานีดาวคะนอง ซึ่งก็น่าจะพอช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางเข้าออกเมืองไปได้บ้าง วิเคราะห์รอบโครงการ เรามาดูทำเลบริเวณรอบๆ โครงการกันบ้าง โครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ตั้งอยู่ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 หน้าโครงการตรงกับเกือกม้ากลับรถพอดีเลย ข้างๆ โครงการเป็นปั๊มน้ำมันปตท. ซึ่งใหญ่พอสมควรเลย เพราะมีทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอีกนิดหน่อย ถัดไปก่อนจะถึงโรงพยาบาลบางมด มีลานกว้าง และทางเลี้ยวเข้าพระราม 2 ซอย 43 บริเวณนี้เป็นพื้นที่ชุมชนด้านในซอยเป็นหมู่บ้านสินทวี ตรงปากซอยจึงมีทั้งคิวรถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็นจุดจอดรถตู้ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านขนม ตลาดสด รถเข็น แผงลอย ก็เปิดขายกันเกือบตลอดวัน บริเวณนี้จึงคึกคักมากเป็นพิเศษ แวะมาหาของกิน ซื้อกับข้าวกลับเข้าบ้านได้ครับ นอกจากนี้ในซอยก็มีร้านขายยา ร้านทำผม คลินิกทำฟัน ร้านซักรีด ร้านแว่น ร้านขายของชำ และร้านอื่นๆ อีกเต็มไปหมด พอถัดจากซอยนี้ไปเราก็จะเจอทางเข้าโรงพยาบาลบางมด ศูนย์สุขภาพและความงาม My Care, Health Land, โชว์รูมรถ, ปั๊มน้ำมันบางจาก ไปจนถึง Big C พระราม 2 ก็จะเจอเกือกม้ากลับรถอีกอัน ซึ่งเชื่อมเข้าห้างเซ็นทรัลพระราม 2 ได้เลย หรือจะกลับรถวิ่งเข้าเมืองก็ต้องใช้สะพานกลับรถอันนี้แหละครับ ซึ่งห้างหลักๆ ที่อยู่ใกล้กับโครงการก็จะมี Big C และเซ็นทรัลนี่แหละ ที่เป็นเหมือนแหล่งช็อปปิ้งหลักของผู้คนในย่านนี้ แต่ถ้าขับรถเลยจากบริเวณนี้ไปอีก ก็จะมี Tesco Lotus และตลาดสดขนาดใหญ่อีกแห่ง ใกล้กับทางแยกใหญ่ที่ตัดไปออกถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนวงแหวนอุตสาหกรรม เชื่อมไปบางนาได้อีกทาง ปั๊ม ปตท. ที่อยู่ข้างๆ โครงการ พระราม 2 ซอย 43 บริเวณปากซอยมีร้านสะดวกซื้อ ร้านขายอาหาร ถัดจากซอยไปอีกหน่อยจะมีทางเข้าโรงพยาบาลบางมด ต่อด้วย Health Land ส่วนบริเวณรอบๆ ตัวโครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ส่วนใหญ่ยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบสูง 1-2 ชั้นครับ จะมีอาคารพาณิชย์บ้างตรงโซนด้านหน้าติดถนนใหญ่ แต่ก็สูงไม่เกิน 4-5 ชั้น เรื่องปัญหาการบังวิวจึงมีผลกระทบน้อยมาก ยิ่งในเฟสแรกที่เปิดขายอยู่ลึกเข้ามาด้านในทางฝั่งขวาของพื้นที่ทั้งหมด จึงเรียกว่าไม่โดนตึกแถวด้านหน้าบังวิวเลยด้วยซ้ำ สำหรับโครงการ Low Rise แบบนี้ เลือกซักชั้น 3 ขึ้นไปก็พ้นวิวหลังคาบ้านละครับ Master Plan แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของโครงการในเฟสแรก ซึ่งจะใช้ทางเข้าร่วมกับเฟสอื่นๆ และ Commercial ด้านหน้า ถนนทางเข้าจะเป็นถนน 2 เลน ผ่าน 3 วงเวียน ก่อนจะถึงทางเข้าตัวโครงการ สำหรับเฟสแรกที่กำลังเปิดขายกันอยู่นี้ ประกอบด้วยอาคาร Low Rise สูง 8 ชั้นทั้งหมด 3 อาคาร ซึ่งจะมีคลองเล็กๆ กั้นที่ดินตรงนี้ออกจากที่ดินผืนใหญ่ของโครงการอีกที ทำให้โครงการในเฟสแรกดูเป็นสัดส่วนแยกออกมาอย่างชัดเจน ลักษณะที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งเป็นแนวยาวลึกเข้ามาด้านในตามทิศเหนือใต้ ดังนั้นห้องพักในตัวอาคารจึงเรียงตัวเผชิญหน้ากับแดดจากทิศตะวันออกและตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ห้องชั้นล่างๆ ของอาคาร A และ B ที่หันหน้าเข้าหากันอาจจะพ้นระยะแดดบ้างจากที่ได้ตึกตรงข้ามบังให้ แต่ก็ไม่น่าจะมากเท่าไหร่ ในส่วนของห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปนะครับ ยกเว้นอาคาร C ที่มีห้องพักตั้งแต่ชั้น 1 เลย และ Facility ส่วนกลางทั้งหมดก็จะอยู่ตรงคอร์ทกลางระหว่างอาคาร แต่แยกเป็น 2 โซน โซนแรกอยู่ระหว่างอาคาร A และ B จะมีสระว่ายน้ำขนาด 6x20 เมตร ล้อมรอบไปด้วยสวนหย่อมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดทอนการมองเห็นจากลานจอดรถ และยังมีสนามเด็กเล่นอยู่ในโซนนี้ด้วย ในขณะที่โซนหน้าอาคาร C จะเป็นห้องออกกำลังกาย และมีพื้นที่สวนไว้ให้พักผ่อนอีกนิดหน่อย การแยกพื้นที่ส่วนกลางออกเป็น 2 โซนแบบนี้ อาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนที่ต้องการออกกำลังกาย แล้วไปว่ายน้ำต่อ เพราะต้องเดินข้ามโซนไป เช่นเดียวกันกับลูกบ้านในอาคาร C ก็จะอยู่ห่างจากสระว่ายน้ำมากหน่อย และลูกบ้านในอาคาร A และ B ที่ต้องเดินไกลอีกนิดถ้าจะมาออกกำลังกายที่ห้อง Fitness แต่โดยภาพรวมแล้ว ทางโครงการก็จัดพื้นที่ส่วนกลางให้มากขึ้นพอสมควรเลยนะครับ เพราะมีคำว่า Extra ต่อท้ายนี่แหละครับ เห็นว่ามีเพิ่มพื้นที่สวนและเส้นทางจักรยานให้ในโครงการด้วยนะครับ จะใช้งานได้จริงแค่ไหน ต้องรอดูตอนสร้างเสร็จอีกที เรื่องพื้นที่จอดรถ ในบริเวณเฟสแรกจะใช้พื้นที่ใต้อาคาร และพื้นที่กลางแจ้งเป็นที่จอดรถนะครับ ซึ่งสามารถรองรับจำนวนรถแบบนับรวมจอดซ้อนคันแล้วได้ถึง 40% ถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับโครงการในระดับนี้ และจากที่เห็นในโมเดลยังมีพื้นที่จอดรถจักรยานตามอาคารด้วย แต่ไม่รู้ว่าของจริงจะจอดกันแบบไหน และเหมาะที่เราจะเอาจักรยานมาจอดไว้กลางแจ้งแบบในโมเดลรึเปล่าครับ ภาพจากโมเดลโครงการ แสดงให้เห็น Facility ที่อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 2 ฝั่ง ภาพจำลองสระว่ายน้ำขนาด 6x20 เมตร อยู่ระหว่างอาคาร A กับ B ภาพจากโมเดลจำลองฟิตเนสที่ตั้งอยู่หน้าอาคาร C ทางเข้า-ออก โครงการ พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องของโครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom-s และห้อง 1 Bedroom นะครับ ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom ก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก และเป็นห้องมุมอาคารซะทั้งหมด เรามาดูห้องตัวอย่างของทางโครงการกันดีกว่าครับ เริ่มด้วยห้องแบบ 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดเริ่มต้นที่เล็กกระทัดรัด แต่จัด Layout ห้องได้ค่อนข้างลงตัวเหมือนกัน พื้นที่ห้องนอน ที่นั่งเล่น หรือโต๊ะทำงาน ใช้พื้นที่ในโซนเดียวกันหมดเลย ในขณะที่ห้องน้ำและห้องครัวแยกออกไปที่ด้านของห้อง ถ้ากั้นประตูกระจกเพิ่มอีกหน่อยตรงทางเข้าห้องครัวก็จะได้เป็นครัวปิด สามารถทำอาหารกันได้จริงจังหน่อย เพราะไม่ต้องกลัวกลิ่นรบกวนในห้องนอน และสามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ ซึ่งอันนี้เป็นไอเดียนะครับ เพราะทางโครงการไม่ได้ติดประตูกั้นห้องครัวมาให้ โดยรวมแล้วถ้าไม่ได้มีข้าวของมากมาย ห้องแบบนี้ก็อยู่คนเดียวได้แบบหลวมๆ เลยครับ แบบห้อง 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนของ Living Area ก่อนเลยครับ พื้นที่ในส่วน Living Area จะดูกระทัดรัดสักหน่อยนะครับ ในห้องตัวอย่างใช้ทีวีแบบแขวนผนังทำให้ดูพื้นที่ดูโล่งขึ้นมาหน่อย จุดที่วางโซฟา ถ้าวางโซฟา 2 ที่นั่งแบบในห้องตัวอย่างก็จะมีพื้นที่ข้างๆ เหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโต๊ะทำงานได้อีกหน่อย หรือเอาไม่โต๊ะทำงาน แต่จะวางโซฟา 3 ที่นั่งก็ได้เหมือนกันครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีถือว่าโอเคเลยครับ ไม่ได้ใกล้มาจนเกินไป คราวนี้เราเข้าไปดูห้องนอนที่อยู่ด้านในกันต่อ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุต อย่างที่เห็นนะครับ พื้นที่รอบๆ เตียงจะเหลืออยู่นิดหน่อย หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานเปิดอยู่ด้านขวามือ 1 บาน ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า และมีพื้นที่ว่างข้างๆ สามารถวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ครับ มาดูกันต่อที่ห้องครัวเลยครับ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ขนาดเล็กกระทัดรัด เหมาะสำหรับใช้ในการเตรียมอาหาร ชั้นลอยด้านบนจะเป็นจุดที่วางไมโครเวฟ อีกด้านจะเป็นโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ทาน ระเบียงจะอยู่ต่อจากครัวนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดความกว้างของระเบียงประมาณ 1.1 เมตร จุดที่วางเครื่องซักผ้า วางงานระบบมาให้พร้อม มองย้อนจากระเบียงผ่านครัวเข้ามา จะเป็นห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ โดยสุขภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมดจะเป็นของ Mogen อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์จะใช้ถังพักน้ำแบบฝังผนัง ทำให้มีพื้นที่วางของเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ส่วน Shower Box ขนาดก็เกือบๆ จะพอดีตัวเลยนะครับ ค่อนข้างเล็กอยู่สักหน่อย ฉากกั้น Shower Box ที่เห็นทางโครงการไม่ได้แถมมาให้ด้วยนะครับ ห้องต่อไปเป็นห้องแบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมาอีกหน่อยที่ 28.78 ตร.ม. ลักษณะห้องนี้จะลึกกว่าห้องแบบ 1 Bedroom-s นิดหน่อย และมีการกั้นพื้นที่ใช้สอยให้แยกออกจากกันชัดเจนขึ้น ทั้งในส่วนของห้องนอนที่มีประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และ Living Area ก็กว้างพอที่วางโต๊ะกินข้าวเพิ่มได้ หรือจะตกแต่งให้เป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นไปเต็มๆ เลยก็ได้ ส่วนพื้นที่ครัวและห้องน้ำก็แยกไว้อีกด้านคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้า แต่มีประตูเลื่อนมาให้เลยดูเป็นสัดส่วนมากกว่า แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 28.78 ตารางเมตร จะเห็นว่าในแปลนห้องจะมีโต๊ะทานอาหารวางอยู่หน้าห้องนอน แต่ในห้องตัวอย่างไม่มีนะครับ ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีหวานๆ เหมาะกับคุณผู้หญิงที่สุดเลยครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Living Area ก่อนเลยครับ คล้ายๆ กับห้อง 1 Bedroom-s ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างทีเดียวครับ วางทีวีจอใหญ่ๆ ได้สบายๆ จุดที่วางโซฟามีพื้นที่เยอะพอสมควร นอกจากโซฟาแล้ว สามารถวางชั้นหรือตู้โชว์ได้เลย เดี๋ยวเราข้ามจาก Living Area ไปดูในห้องนอนกันต่อ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตเหมือนกันครับ ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออยู่พอสมควร จนสามารถวางโต๊ะข้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จัดเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ เลยครับ หน้าต่างในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้องแบบ Studio ครับ ปลายเตียงก็จะเหมือนกัน คือมีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ข้างๆ ด้านบนก็จะเป็นจุดที่วางแอร์ มาต่อกันที่ห้องครัว ห้องครัวจะมีประตูเลื่อนเปิดปิด เหมือนในภาพนะครับ ภายในครัวก็จะคล้ายๆ กับห้อง Studio คือมีเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ใช้สำหรับเตรียมอาหาร แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย ที่วางไมโครเวฟจะอยู่ด้านบนเหมือนกัน ระเบียงที่อยู่ติดกับครัว ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กับห้อง Studio เลยครับ กลับเข้ามาดูที่ห้องน้ำกันต่อ การจัดวาง และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Studio และห้องแบบสุดท้ายคือห้องแบบ 2 Bedroom ครับ มีขนาด 46.23 ตร.ม. ซึ่งมีจำนวนน้อยมากๆ ภายในห้องจัด Layout ไว้เป็นสัดส่วนครับ ห้องนอนแยกกันอยู่คนละด้าน และมีห้องน้ำอยู่โซนกลาง เช่นเดียวกับพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่ว่างหน้าห้องน้ำ สามารถตกแต่งเป็นมุมทำงานหรือมุมอ่านหนังสือได้อีก ซึ่งเป็นไอเดียที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้หลากหลายมากขึ้น ในขณะที่ห้องครัวแยกออกไปเป็นครัวปิด แต่ไม่ได้อยู่ติดระเบียง เรื่องปัญหากลิ่นรบกวนขณะทำกับข้าวคงจะระบายได้ไม่ดีเท่า 2 ห้องก่อนนี้ เพราะว่ามีประตูระเบียงที่เปิดได้กว้างกว่า ห้องแบบนี้ก็จะเหมาะกับครอบครัวเล็กๆ อยู่กันได้แบบสบายๆ มีห้องส่วนตัวกันไป ถ้าชอบก็ต้องรีบตัดสินใจหน่อย เนื่องจากห้องมีจำนวนน้อยครับ แปลนห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 46.23 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นโถงเล็กๆ ก่อนนะครับ มีโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ท่านอยู่ด้านซ้ายมือ มองตรงไปจะเป็น Living Area โต๊ะทานอาหารที่ตั้งอยู่หน้าห้อง ด้านขวามือตรงข้ามกับโต๊ะทานอาหาร จะแบ่งออกเป็น 2 ห้อง คือห้องครัวกับห้องนอนเล็ก เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องครัวกันก่อนนะครับ ห้องครัวจะมีประตูเลื่อนเปิดปิดเหมือนกับห้องแบบ 1 ห้องนอน เคาน์เตอร์ครัวจะออกกึ่งๆ รูปตัว L เพราะมีจุดที่วางเครื่องซักผ้าเพิ่มเข้ามา มาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อ แต่ในห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องทำงาน มีโซฟา มีโต๊ะทำงาน ก็เป็นไอเดียอีกแบบ ในห้องนี้จะมีระเบียงให้ด้วยนะครับ แต่ขนาดจะเล็กหน่อย กว้างประมาณ 60 ซม. ออกมาจากห้องทำงานจะเป็น Living Area ที่จัดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ซึ่งระยะในการดูทีวีอาจจะใกล้ไปหน่อย โถงทางเดินต่อไปยังห้องนอนใหญ่และห้องน้ำ ระเบียงที่โถงทางเดินนี้จะใหญ่ขึ้นอีก กว้างประมาณ 1.1 x 1.6 เมตร ห้องน้ำจะสามารถเข้าออกได้ 2 ทางนะครับ จากทางโถงทางเดิน กับทางห้องนอนใหญ่ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็จะเหมือนๆ กับห้องเราดูมาก่อนหน้านี้ จุดติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเตรียมมาให้พร้อม ออกจากห้องน้ำมาดูในห้องนอนใหญ่กันบ้าง ห้องนอนมีพื้นที่เยอะเลยครับ วางเตียง 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่ให้วางโต๊ะทำงาน หน้าต่างในห้องนอนก็จะคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้ ด้านปลายเตียงมีช่องว่างให้ Built-in จะเป็นชั้นวางทีวี หรือจะทำเป็นอย่างอื่น อันนี้ตามใจเลยครับ อีกด้านจะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง แถมยังมีที่เหลือให้วางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้อีกด้วย เราดูห้องทั้ง 3 แบบกันไปแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้พูดถึงเลยก็คือ ห้องน้ำ ซึ่งทางพฤกษาเลือกใช้ห้องน้ำแบบสำเร็จรูป ดังนั้นทุกๆ ห้องจึงมีรูปแบบห้องน้ำและขนาดพื้นที่เหมือนกันหมด โดยห้องน้ำสำเร็จรูปนี้จะยกพื้นขึ้นมาสูงกว่าพื้นปกติอีกประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อเว้นไว้เดินงานระบบ พื้นห้องน้ำและผนังบางส่วนจะเป็นงานหล่อขึ้นมาเป็นชิ้นเดียวกันหมด พื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำค่อนข้างจำกัดมากๆ นะครับ ยิ่งถ้าคนไหนตัวใหญ่ๆ อาจจะรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเวลาอาบน้ำ แต่ห้องจริงที่ทางโครงการขายมาให้ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ ต้องติดเพิ่มกันเอง เช่นเดียวกันกับส่วนอื่นๆ ภายในห้อง ที่ทางโครงการเปิดขายกันมาแบบห้องโล่งๆ สะอาดๆ มีแค่ชุดเคาน์เตอร์ครัวมาให้เท่านั้น ที่เหลือก็ต้องหาซื้อมาตกแต่งกันเองตามสไตล์ได้เลย โดยภาพรวมทั้งหมดแล้ว Plum Condo Extra Rama 2 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยในเรทราคาที่หยิบจับได้ง่าย ไม่ต้องเอื้อมกันสูงเกินไป และไม่ติดปัญหาเรื่องทำเลที่อยู่ค่อนไปทางแถบชานเมือง เพราะด้วยสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ก็ดูครบถ้วน และมีพื้นที่เยอะดีเหมือนกันครับ ในขณะที่สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการก็มีความเป็นชุมชนสูง มีอาหารการกินให้เลือกมากมาย เดินทางได้สะดวกตามสมควรถึงแม้จะไม่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านก็ตาม และคาดการณ์ว่าในอนาคตเมืองทางโครงการสร้างเฟสอื่นๆ เสร็จ และมี Commercial Mall ในโซนด้านหน้าเปิดอย่างครบถ้วนแล้ว จะทำให้ภาพรวมของโครงการมีความสะดวกสบาย และอุดมสมบูรณ์มากขึ้นอีก จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านพระราม 2 ครับ ราคาและเงื่อนไขการขาย ณ วันที่ 12 พ.ค. 2558 ห้องเลขที่ 431 อาคาร A ชั้น 4 แบบ 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตารางเมตร ราคาขาย   1,050,000 บาท เงินจอง   5,000 บาท เงินทำสัญญา   15,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 6,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 20,000 บาท ห้องเลขที่ 325 อาคาร C ชั้น 3 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28.78 ตารางเมตร ราคาขาย   1,350,000 บาท เงินจอง   10,000 บาท เงินทำสัญญา   20,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 8,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 30,000 บาท ห้องเลขที่ 407 อาคาร A ชั้น 4 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 46.23 ตารางเมตร ราคาขาย   2,100,000 บาท เงินจอง   20,000 บาท เงินทำสัญญา   30,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 10,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 50,000 บาท
Plum Condo พหลโยธิน 89 : รีวิวคอนโด

Plum Condo พหลโยธิน 89 : รีวิวคอนโด

Plum Condo พหลโยธิน 89 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 12 อาคาร ริมถนนพหลโยธิน หน้าทางเข้าเมืองเอก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีหลักหก จากพฤกษา เรียลแอสเสท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 699,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท พฤกษา เรียลแอสเสท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น 12 อาคาร จำนวนห้อง     เฟส 1 จำนวน 948 ยูนิต เฟส 2 จำนวน 948 เฟส 3 จำนวน 1272 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   ประมาณ 8 ไร่ ต่อ 1 เฟส ที่ตั้งโครงการ   ถนนพหลโยธิน 89 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ที่จอดรถ    50% สำหรับเฟส 1,2 และ 30% สำหรับเฟส 3 ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    350 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง ร.พ.แพทย์รังสิต 1.2 km. สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงหลักหก 1.5 km. Zeer รังสิต 1.5 km. โลตัส 2 km. สนามกอล์ฟ ธูปเตมีย์ 2 km. ร.พ. ปทุมเวช 2.2 km. Future Park รังสิต 2.5 km. Major Cineplex รังสิต 2.5 km. สนามกอล์ฟ เมืองเอก 2.8 km. มหาวิทยาลัยรังสิต 3.5 km. ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 22 ตารางเมตร Petite ขนาด 28 ตารางเมตร แปลนห้อง Studio ขนาด 22 ตารางเมตร แปลนห้อง Petite ขนาด 28 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก DOUBLE VOLUME LOBBY และ LOBBY LOUNGE พร้อม FREE WIFI MAIL BOX ROOM ใกล้ LOBBY WIFI 100 MB. ฟรี ในสวน และ LOBBY LOUNGE ระบบ DOCSIS รับรองทุกห้องพัก KEY CARD ACCESS เข้าโครงการ พร้อม CCTV ควบคุมความปลอดภัย 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  plum.pruksa.com
Saladaeng One : รีวิวคอนโด

Saladaeng One : รีวิวคอนโด

Saladaeng One (ศาลาแดง วัน) คอนโด High Rise โครงการใหม่จาก SC Asset ในซอยศาลาแดง 1 ใกล้ MRT ลุมพินี รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 13 ล้านบาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 260,000 บาท เจ้าของโครงการ    SC Asset Corporation Public Company Limited. ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 33 ชั้น 1 อาคาร และ Pool Villa 1 อาคาร จำนวนห้อง     187 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 1 - 3 - 95.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ศาลาแดงซอย 1 ถนนพระรามที่ 4 เขตบางรัก กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 192 คันคิดเป็น 102% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ค่าส่วนกลาง    90 บาท/ตารางเมตร (ชำระล่วงหน้า 1 ปี) ค่าก่องทุน    900 บาท/ตารางเมตร (ชำระครั้งเดียว) สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีลุมพินี สวนลุมพินี ตลาดคลองเตย ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงพยาบาลจุฬาฯ โรงแรม Sofitel So Bangkok โรงแรมดุสิตธานี ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 50 - 57 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาดประมาณ 106 - 122 ตารางเมตร 2 Bedroom Duplex ขนาดประมาณ 106 - 122 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาดประมาณ 216 ตารางเมตร 4 Bedroom Penthouse ขนาดประมาณ 420 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบรักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    061-398-1999, 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.saladaeng-one.com
Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูโครงการ Silk Phaholyothin 9 คอนโดมิเนียม Low Rise สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในซอยพหลโยธิน 9 หนึ่งในทำเลที่อยู่ระหว่างรถไฟฟ้า BTS สถานีอารีย์ และสะพานควาย และมีบรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนอาศัยด้วย   การเดินทาง ตัวโครงการ Silk Phaholyothin 9 ตั้งอยู่ลึกเข้ามาในซอยพหลโยธิน 9 อีกประมาณ 400 เมตร และถ้านับจากปากซอยไปยังสถานีรถไฟฟ้า ก็อยู่กึ่งกลางระหว่างสถานีรถไฟฟ้าอารีย​์และสะพานควายพอดี เพียงแต่ถ้าเลือกลงที่สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ แล้วขึ้นรถต่อมายังโครงการก็จะสะดวกและง่ายกว่า เพราะเลือกได้ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้ ถ้าอยากออกกำลังกายก็ออกแรงเดินกันได้เลยครับ ระยะเดินเรียกเหงื่อได้กำลังดี เพราะอากาศบ้านเราแดดร้อนได้ที่ แต่จริงๆ แล้วทางเดินในซอยพหลโยธิน 9 ก็ร่มรื่นดีนะครับ ถนนในซอยมีรถผ่านเข้าออกมากหน่อยเนื่องจากเป็นซอยที่เชื่อมต่อไปได้ทั้งซอยพหลโยธิน11 ถนนประดิพัทธ์ ซอยพหลโยธิน 7 (ซอยอารีย์) หรือจะออกพระราม 6 หนีไปขึ้นทางด่วนก็ได้เช่นกัน และถ้าออกไปตรงแยกสะพานควาย ก็เลี้ยวไปสุทธิสาร ออกถนนวิภาวดีรังสิตได้ด้วย ดังนั้นถ้าใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็ถือว่าสะดวกดีใช้ได้เลยทีเดียว เว้นเสียแต่ปัญหารถติดบนถนนรอบๆ บริเวณนี้ที่ติดหนักเอาเรื่อง ยิ่งในช่วงเช้าและเย็นนี่ปริมาณรถแน่นขนัดติดยาวหายห่วงไปเลย ดังนั้นเส้นทางลัดเลาะในซอยแถบนี้จึงค่อนข้างจำเป็นครับ เอาไว้หนีช่วงเวลารถติดหนัก ส่วนถ้าใครเลือกจะใช้บริการรถสาธารณะ ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็มีรถเมล์ผ่านบนถนนพหลโยธินหลายสายมากๆ ป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดไปตรงหน้าตึกชินวัตร 2 เลยปากซอยพหลโยธิน 9 ไปนิดเดียวเอง แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นะครับ มาลงที่สถานีอารีย์ ถึงอารีย์แล้ว ถ้าหันหน้าไปทางสะพานควาย ด้านขวามือจะเห็น La Villa อารีย์ คอมมูนิตี้ มอลล์ เล็กๆ ที่รวมร้านอาหาร ร้านค้า ต่างๆ เราจะลงทางออกที่ 3 ฝั่งซอยอารีย์นะครับ ทางออกที่ 4 จะลงฝั่ง La Villa อารีย์ จากนั้นเราเดินต่อไปทางสะพานควาย ผ่านซอยอารีย์ ถ้าเดินไม่ไหว จะมีวินมอไซค์ไว้คอยให้บริการอยู่ตรงปากซอยอารีย์เพียบเลยครับ ฟุตบาททางเดินกว้างขวางเดินได้สะดวกดีครับ แถวนี้จะมีอาคารสำนักงานและหน่วยงานราชการอยู่หลายที่เลยนะครับ เลยจาก BTS มานิดเดียวจะเห็นอาคาร IBM อยู่ฝั่งตรงข้าม ติดกับอาคาร IBM จะเป็นธนาคารกสิกรไทย สำนักพหลโยธิน เดินมาอีกจะเจอกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อาคารพหลโยธิน เพลส และอาคารชินวัตร 1 อยู่หน้าปากซอยพหลโยธิน 8 2 ข้างทางมีต้นไม้เขียวขจีดูร่มรื่นดีครับ ถ้าอากาศไม่ร้อนจนละลายก็น่าเดินอยู่นะ ถัดมาอีกหน่อยจะเจอโรงพยาบาลประสานมิตร หรือโรงพยาบาลปอดกรุงเทพ เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงแล้วล่ะครับซอยพหลโยธิน 9 มี 7-11 อยู่ปากซอยให้ได้ฝากท้องกันด้วย อีกฝั่งจะเป็นอาคารชินวัตร 2 ตอนเราไปทำการรีวิวเป็นช่วงบ่ายๆ รถก็เริ่มติดกันแล้วนะครับ อาคาร EVS อยู่ตรงข้ามกับอาคารชินวัตร 2 มีร้านขายอาหารสำหรับชาวออฟฟิศแอบอยู่ข้างๆ ตึก ภายในซอยเงียบสงบดีครับ รถราไม่ค่อยมีวิ่งพลุกพล่านเท่าไหร่ เนื่องจากซอยนี้เป็นซอยตัน ซอยชำนาญอักษร ซอยนี้สามารถลัดเลาะไปเข้าซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ เพื่อไปออกซอยพหลโยธิน 7 หรือซอยอารีย์ได้ ถึงแล้วครับ Silk Condo อยู่ด้านซ้ายมือ พอเรามาถึงคอนโด ฝนก็เทลงมาพอดี ที่จอดรถจะอยู่ใต้อาคารเลยนะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ เรามาดูบรรยากาศพื้นที่รอบๆ โครงการกันดูบ้าง เริ่มจากทางฝั่งอารีย์ พอลงสถานีรถไฟฟ้ามาก็จะพบกับความอุดมสมบูรณ์ขั้นสุด เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต แหล่งช๊อปปิ้ง ตั้งแต่ร้านแบกะดิน ร้านฮิปๆ อินเทรนด์ ไปจนถึงร้านหรูหราไฮโซ (คลิกไปดูรีวิวทำเลแถบซอยอารีย์ได้ที่นี่ครับ) เลือกเอาได้ตามสไตล์เลยครับ เช่นเดียวกันกับทางฝั่งสถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย ความอุดมสมบูรณ์ก็ไม่แพ้กันเลย ด้วยความเป็นย่านชุมชนเก่าด้วย ร้านอาหารเก่าแก่ที่เปิดกิจการกันมานานก็เยอะ ร้านใหม่ๆ ไม่น้อย อยู่ย่านนี้ไม่ต้องกลัวอดครับ นอกเหนือจากเรื่องอาหารการกินที่เราสามารถฝากท้องไว้ได้แล้ว เรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ครับครันไม่แพ้กัน บริเวณนี้มีโรงพยาบาลหลายแห่ง ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลเฉพาะทาง รวมถึงหน่วยงานราชการ อาคารสำนักงานใหญ่ๆ สถาบันการเงิน และสถาบันศึกษาก็รายล้อมอยู่รอบๆ บริเวณนี้ด้วย ยิ่งถ้าใครที่ต้องทำงานในย่านนี้อยู่แล้วก็ยิ่งเหมาะมากๆ เพราะคงคุ้นชินกับพื้นที่ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหน ต้องหาเส้นทางเลี่ยงรถติดยังไง เป็นต้น พอขยับเข้ามาใกล้ที่ตั้งโครงการอีกหน่อย ก็จะเห็นว่าบริเวณปากซอยพหลโยธิน 9 มีบรรยากาศคึกคักมากๆ โดยเฉพาะในช่วงกลางวันของวันทำงาน เพราะตรงปากซอยมีอาคารชินวัตร 2 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ตอนพักกลางวันคนจะเยอะมากๆ ร้านอาหารรถเข็นแผงลอยจึงมีให้เห็นเพียบ โดยเฉพาะช่วงปากซอยจะมีรถเข็นขายอาหารเรียงรายกันยาวเหยียด แต่พอช่วงบ่ายแก่ๆ ก็จะเริ่มทยอยเก็บร้านกันแล้ว เหลือก็แต่ร้านสะดวกซื้อตรงปากซอยที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นทีพึ่งพายามฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี บรรยากาศในซอยพหลโยธิน 9 โดยรวมแล้วค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยดีที่เดียว เพราะท้ายซอยนี้เป็นซอยตัน แต่ช่วงกลางๆ ซอยจะมีซอยแยกเชื่อมไปออกซอยอารีย์ ซอยพหลโยธิน 11 และถนนประดิพัทธ์ได้ครับ พอเลยช่วงนี้ไปแล้วในซอยก็จะเงียบขึ้นมาทันตา ซึ่งโชคดีที่ Silk Phaholyothin 9 ตั้งอยู่ค่อนไปทางท้ายซอย ลูกบ้านจึงวางใจได้ว่าจะไม่ค่อยมีเสียงรถราดังรบกวนเวลาพักผ่อน อีกทั้งรอบๆ โครงการก็ยังเป็นบ้านเดี่ยวเก่าแก่เกือบทั้งหมด เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการบังวิวห้องพัก เว้นแต่ห้องบนชั้น 2-3 เท่านั้นที่อาจจะถูกบ้านติดๆ โครงการบังวิวมากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่ตำแหน่งห้องที่ต้องไปลองเลือกจากห้องจริงกันอีกทีครับ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง ทางโครงการก็จัดสรรมาให้ครบถ้วนทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสตรีมแยกชายหญิง และสวนหย่อมสำหรับพักผ่อนในบริเวณชั้น 1 โซนด้านหลังของโครงการ โดยที่เวลาใช้งานลูกบ้านจะต้องลงจากลิฟท์ เดินผ่านล็อบบี้ก่อนมาออกประตูอีกด้าน จึงอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร แต่ในขณะเดียวกันขนาดของสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางก็ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป น่าจะพอเหมาะกับการใช้งานของลูกบ้านทั้งหมด เหมือนกันกับพื้นที่จอดรถภายในอาคาร ที่ทางโครงการแจ้งไว้ว่าสามารถจอดได้มากถึง 60% ของจำนวนห้องเลยทีเดียว รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานตลอด 24 ชั้วโมง ทั้งกล้อง CCTV และ ระบบ Key Card Access มาเราดูที่แปลนอาคารกันต่อ เริ่มจากชั้น 1 Facility ของโครงการจะรวมกันอยู่ชั้น 1 ทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และห้องสตรีม โดยส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถและ Lobby ที่จอดรถจะมี 2 ชั้นนะครับ คือที่ชั้น 1 และชั้นใต้ดิน ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไป มีทั้งหมด 13 ยูนิต โดยชั้น 2 จะถูกส่วนของ Facility กินพื้นที่ขึ้นมาถึงชั้น 2 ด้วย แต่ไม่สามารถเข้าจากชั้น 2 ได้นะครับ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ชั้นละประมาณ 16 ยูนิต เรามาดูสถานที่จริงกันเลยดีกว่าครับ ว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง ตรงนี้จะเป็นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 จากลานจอดรถจะมีประตูเข้าตัวอาคาร ต้องใช้คีย์การ์ดด้วยนะครับ จะมีลิฟท์ไว้ให้บริการ 2 ตัว ทางเข้าอีกทางจะผ่านทาง Lobby Mailbox จะอยู่ที่บริเวณ Lobby ติดกับ Mailbox จะเป็นประตูทางเข้า ตรงนี้ต้องใช้คีย์การ์ดเข้าด้วยนะครับ มองตรงผ่าน Lobby ไปด้านหลัง จะเป็น Facility ของโครงการ ใครจะไปใช้ Facility ก็ต้องลงมาที่ชั้น 1 ก่อนนะครับ ประตูทางออกไป Facility ขึ้นบันไดมาแล้วจะเจอกับสระว่ายน้ำ มีสวนหย่อมเล็กๆ อยู่ต่อจากสระว่ายน้ำ ข้างๆ สระว่ายน้ำจะมีห้องน้ำชาย หญิง ด้านในจะมีห้องอาบน้ำให้ด้วยนะครับ ห้องสตรีมจะอยู่ในห้องน้ำ มีเหมือนกันทั้งห้องน้ำชาย ห้องน้ำหญิง ใกล้ๆ กันจะเป็นห้องฟิตเนส ซึ่งต้องใช้คีย์การ์ดเข้าเหมือนกัน บรรยากาศในห้องฟิตเนส มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำ พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า Silk Phaholyothin 9 สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เราจึงมีโอกาสได้ชมห้องตัวอย่างในอาคารจริง ทำให้เห็นบรรยากาศต่างๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่ง Layout ของห้อง 1 Bedroom ก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับห้องครัวเปิดที่มาพร้อมกับชุดเคาน์เตอร์ครัว ถัดเข้าไปอีกหน่อยจะเป็นพื้นที่ของ Living Area ติดกับระเบียง พื้นที่ตรงส่วนนี้สามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกตามสไตล์ของเจ้าของห้องเลย ซึ่งคนที่มีสไตล์การตกแต่งในใจอยู่แล้ว พื้นที่ตรงนี้ก็จัดได้อย่างเต็มที่เลยครับ ส่วนของห้องนอนจะแยกออกไปเป็นสัดส่วน ใช้ผนังกั้นห้องพร้อมประตูบานสวิงเรียบร้อย ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าประตูกระจกบานเลื่อน พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนก็กระทัดรัดกำลังดี วางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้วก็เหลือที่พอสำหรับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าอีกด้วย เช่นเดียวกันกับห้องน้ำที่มีชุดสุขภัณฑ์มาพร้อม ลองไปดูรูปภายในห้องแบบใกล้ๆ กันเลย ช่วงนี้ทางโครงการจัดโปรโมชั่นพิเศษ แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อีก 4 รายการ ประกอบด้วย ทีวี, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า สเปคตามที่โชว์ในห้องตัวอย่างเลยนะครับ เพื่อคนที่กำลังลังเลจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนปล่อยเช่าก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะทำเลแถบนี้ยังเป็นที่ต้องการอีกมาก โอกาสที่จะทำกำไรก็ยังมีอยู่ครับ เราเริ่มตั้งแต่หน้าลิฟท์กันเลยนะครับ ที่ทิ้งขยะจะอยู่ที่หน้าลิฟท์ โถงทางเดินไปสู่ห้องพัก เมื่อเข้ามาในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area เมื่อมองมาด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนของครัวแบบเปิด อยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ ตัวท็อปครัวจะเป็นรูปตัว L มีชั้นลอย และตู้เก็บของด้านล่าง อ่างล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมฮูดดูดควันของ MEX ช่องวางไมโครเวฟจะอยู่ด้านล่าง เยี่ยงๆ กับครัวจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหาร พื้นที่ในส่วนของ Living Area ค่อนข้างกระทัตรัตอยู่สักหน่อย ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาไม่มากนัก ระยะห่างของชั้นวางทีวีจากโซฟา โครงการจะแถมแอร์ให้ 2 เครื่องนะครับ ที่ Living Area กับห้องนอน ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ความกว้างของระเบียง คอมเพรสเซอร์แอร์จะติดตั้งไว้ที่ระเบียง มีประตูเหล็กกั้นอย่างมิดชิด มาต่อกันที่ห้องนอน จุดเชื่อมต่อของทั้ง 3 ห้อง จะใช้วัสดุปูพื้นคนละแบบกันเลยนะครับ ในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตกำลังดีครับ มีพื้นที่รอบเตียงนิดหน่อยดูไม่อึดอัด แต่ถ้าใครชอบนอนเตียง King Size ก็มีพื้นที่พอให้วางได้นะครับ ปลายเตียงเหลือพื้นที่พอให้เดินได้ ถ้าอยากจะดูทีวีในห้องนอน ก็ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแล้วล่ะครับ ข้างเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่าง หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเปิด 2 บาน อยู่ด้านซ้าย-ขวา ส่วนที่เหลือเป็นบาน Fix อีกด้านจะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า ที่มีให้วางโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ หน้าตู้เสื้อผ้า ออกจากห้องนอนมาดูห้องน้ำเป็นห้องสุดท้ายครับ กระจกเงายาวจากอ่างล้างหน้าไปถึงโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของด้านล่าง ของ American Standard โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อยู่ตรงกลางระหว่างอ่างล้างหน้ากับ Shower Box จุดที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่อีกด้านติดกับ Shower Box ออกแบบมาได้พอดีกับเครื่องซักผ้ามั่กๆ ด้านในสุดจะเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัวของ American Standard
KLASS SIAM : รีวิวคอนโด

KLASS SIAM : รีวิวคอนโด

KLASS SIAM  คอนโด Low Rise ในซอยเกษมสันต์ 2 ใกล้ BTS สนามกีฬาแหง่ชาติ จาก KLASS Asset รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 6,600,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 150,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท คลาส แอสเสท จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     79 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    0 - 3 - 26 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยเกษมสันต์ 2 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 69 คัน หรือคิดเป็น 87% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) สถานที่สำคัญใกล้เคียง สนามศุภชลาสัย มาบุญครอง (MBK) Siam Square Siam Discovery Siam Center Siam Paragon จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 44-50 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาดประมาณ 57-84 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby และพื้นที่รับแขก Passenger Lift 2 ตัว Libraly Fitness ห้องน้ำส่วนกลาง Keycard Access ห้องจดหมาย สระว่ายน้ำ & จากุ๊ชชี่ ห้องออกกำลังกาย ห้องสันทนาการ รปภ. 24 ชม., ​CCTV, สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    080-741-6555 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.klasscondo.com
Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 คอนโด Low Rise พร้อมเข้าอยู่ ในซอยพหลโยธิน 9 ใกล้ BTS อารีย์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,500,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 96,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เคเอสเอเอส ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     109 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    1 ไร่ 4 ตารางวา ที่ตั้งโครงการ    ซอยพหลโยธิน 9 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 60% คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS อารีย์ BTS สะพานควาย La Villa อารีย์ บิ๊กซี สะพานควาย โรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย อาคารชินวัตร ทาวน์เวอร์ 1 อาคารชินวัตร ทาวน์เวอร์ 2 อาคารพหลโยธิน เพลส ตลาดนัดสวนจตุจักร ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1-2 ห้องนอน ขนาด 36.5 – 77 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบคีย์การ์ดเข้าออก ห้องสตรีม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-615-1708 - 9 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.silkphaholyothin9.com