Tag : Home

816 ผลลัพธ์
สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 24 สิงหาคม- 1 กันยายน 2562

สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 24 สิงหาคม- 1 กันยายน 2562

หมดไปแล้วอีก 1 เดือน และก้าวเข้าสู่เดือนใหม่ ที่เรียกได้ว่ากำลังจะเข้าสู่โค้งท้ายของปีนี้แล้ว วันเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เผลอแพร๊บเดียวเราคงได้ฉลองปีใหม่กันอีกรอบแล้ว...   เมื่อเวลาของปีเหลือน้อยลงน้อยลง บรรยากาศของธุรกิจก็พอจะเริ่มมีความคึกคักขึ้นมาบ้าง เพราะดีเวลลอปเปอร์แต่ละรายต้องเร่งทำตลาด และสร้างยอดขายเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่จะไปได้ดีแค่ไหนต้องลุ้นกันอีกครั้ง   ++ออลล์ อินสไปร์ ลุยโปรเจ็กต์ครึ่งปีหลัง     สำหรับ “ออลล์ อินสไปร์” คงไม่ต้องลุ้นจนเหนื่อย เพราะนายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ออกมาแถลงข่าวผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก  โดยเปิดเผยว่าสามารทำผลประกอบการเติบโตตามที่ได้คาดการณ์ไว้ โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 1,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49%  และมีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% และมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันปีก่อน นายธนากร กล่าวอีกว่า จากความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก  ส่งผลให้ทางบริษัทเตรียมวางยุทธศาสตร์ แผนขยายการลงทุนในครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่ากว่า 12,500 ล้านบาท ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ ไฮไรส์ และทาวน์โฮม  จากแผนการเปิดโครงการใหม่ ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าในปีนี้จะทำรายได้ 4,500 ล้านบาทตามที่วางเป้าหมายไว้ด้วย   ++“เสนา ฮันคิว ฮันชิน” ผนึกพันธมิตรเสริมบริการระดับโรงแรม   ด้าน “เสนาฯ” ก็วางแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้น ทั้งในปีนี้และต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ด้วยการจับมือกับพันธมิตรอย่าง ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX Hospitality Group) เพื่อเสริมจุดแข็งด้านบริการระดับโรงแรม 5 ดาว ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนา ฮันคิว ฮันชิน จำกัด  เปิดเผยว่า เสนา ฮันคิว ฮันชิน มีแผนขยายตลาดเซกเมนต์พรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นทั้งในปีนี้และปีหน้า  ล่าสุดจับมือกับ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านบริหารจัดการโรงแรมจากหลากหลายประเทศ อาทิ โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ช่วยบริหารโครงการ “ปีติ” ให้มีมาตรฐานการบริการระดับโรงแรม 5 ดาว ซึ่งโดยปกติจะพบที่คอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักชูรี่เท่านั้น นับเป็นพรีเมี่ยมคอนโดเจ้าแรกที่ให้บริการระดับลักชัวรี่ เซอร์วิส (Luxury Service)   ++โนเบิลฯ ตั้ง CFO คนใหม่ การขับเคลื่อนองค์กร หัวใจสำคัญอยู่ที่ “คน”  บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE) จึงเสริมทีมงานเพิ่มเข้ามา เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท โดยได้แต่งตั้ง นายอรรถวิทย์  เฉลิมทรัพยากร ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  สายงานการเงิน  โดยบริษัทฯได้แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  มีผลตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม  2562  เป็นต้นไป   ++ ส.สินเชื่อจัดงานเซลล์ ช่วงระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม-1 กันยายน 2562  สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้จัดงาน NPA Grand Sale & Home Loan 2019 ใน ที่ ฮอลล์ 6 อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งภายในงานมีทรัพย์เด่น ราคาลดสูงสุดถึง 50% พร้อมสินเชื่อ 0%  ซึ่งภายในงานมีธนาคารและบริษัทบริหารสินทรัพย์มาร่วมงานหลายราย อาทิ  บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน  ซึ่งมีทรัพย์สินรอการขายมาเสนอขายแสดงในงานเกือบ 10,000 รายการ มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท งานนี้ตั้งเป้ามียอดขายภายในงานประมาณ 3,000 ล้านบาท และยอดขายที่ตามมาหลังงานอีกประมาณ 10,000 ล้านบาทเลยทีเดียว   ++3 สมาคมเตรียมจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด นอกจากงาน NPA Grand Sale & Home Loan 2019 ที่ผ่านพ้นไปแล้ว ในแวดวงอสังหาฯ  ก็จะมีงานใหญ่มาให้คนที่ต้องการบ้านและคอนโดฯ  ได้เลือกช้อปกันอีกงานหนึ่ง คือ  งาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41” ระหว่าง 12-15 ก.ย.นี้ ชั้น 5 สยามพารากอน ซึ่งงานนี้ “3 สมาคมอสังหา” ประกอบด้วย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยร่วมกันจัดขึ้นโดยในปีนี้ได้ใช้งบการจัดงานกว่า 20 ล้านบาท จัดขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “Amazing Deals” สุดยอดข้อเสนอสำหรับคนอยากมีบ้านและคอนโดฯ ภายในงานจะเป็นการรวบรวมโครงการที่อยู่อาศัย “ ครบทุกที – ทุกทำเล - ทุกราคา” รวมกว่า 1,000 โครงการ พร้อมด้วย “BEST PROMOTION”   นอกจากนั้น คณะผู้จัดงานยังได้จัดโปรโมชั่น และแคมเปญ Amazing Deals ลุ้นรับบัตรกำนัลส่วนลดเงินสด และ เครื่องใช้ไฟฟ้าจากพานาโซนิค รวมมูลค่ากว่า 1.1 ล้านบาท และเฉพาะในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41 เท่านั้น ที่ผู้เข้าชมงานจะได้อัพเดทโปรโมชั่น ราคาและข้อเสนอพิเศษของแต่ละโครงการจากทุกบริษัทที่มาร่วมแสดงงาน ในรูปแบบ Real Time ณ บริเวณเวทีกลางภายในงานอีกด้วย   ++เปิดโครงการ "เดอะ ลอฟท์ ราชเทวี" ส่วนโครงการเปิดตัวใหม่รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีโครงการ “เดอะ ลอฟท์ ราชเทวี”  ของบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม  มูลค่ากว่า 3,600 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Experience the Extraordinary Space” พร้อมชูนวัตกรรม Dual Keys   ในราคาเริ่มต้น 6.2 ล้านบาท จำนวนห้องพักเพียง 273 ยูนิต สูง 33 ชั้น  พร้อมชั้นใต้ดิน 1 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1-2-31.5  ไร่  ซึ่งเตรียมเปิดพรีเซลล์รอบแรก 7-8 กันยายน 2562 ณ โรงแรม VIE HOTEL BANGKOK กรุงเทพ   สำหรับห้องชุดภายในโครงการมีให้เลือกถึง 3 แบบ คือ แบบ “ซิมเพล็ก” (Simplex: ห้องชุด แบบชั้นเดียว) เพดานสูงประมาณ 3 เมตร ขนาด 25.5 – 109.5 ตารางเมตร แบบ “ลอฟท์” (Lofts) เพดานสูงประมาณ 4.7 เมตร แบบ 2 ชั้น ขนาด 29 – 64.5 ตารางเมตร และแบบ “ดูอัล คีย์” (Dual Keys) สำหรับห้องชุดประเภท Simplex เพดานสูงประมาณ 3 เมตร ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 20 ห้องเท่านั้น และยังออกแบบ Juliet Balcony เพิ่มทางเลือกให้ผู้อยู่อาศัยได้ขยายห้องรับแขก  รวมกับระเบียงเพื่อให้ได้ห้องชุดที่กว้างและทุกห้องถูกออกแบบให้มีบานกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานแบบเต็มบานช่วยให้เห็นวิวเมืองแบบมุมกว้าง   ++เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ พร้อมโอนแล้ว   นอกจากการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าก็มีโครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ (The Metropolis Samrong Interchange ) บริหารงานโดยบริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด บริษัทในเครือว่องไววิทย์ฯ   โดยโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการทั้งหมดกว่า 8 ไร่ พัฒนาเป็น High Rise Condominium จำนวน 2 อาคาร  และเป็น Low Rise Condominium  จำนวน 1 อาคาร   และอาคารจอดรถ   มีแบบห้องให้เลือก 3 แบบขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ขนาด 29 – 67 ตร.ม. คือห้องแบบ Studio ขนาด 28 ตร.ม./ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม. และห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 52 และ 67 ตร.ม. ราคาเริ่ม 2.6 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 5,700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 70% ++จัดโครงการ “GIVE GREEN CBD : SYNERGY POWER 2019”   ดีเวลลอปเปอร์นอกจากจะสร้างที่อยู่อาศัยแล้ว ต้องมีส่วนสร้างชุมชมรอบข้างให้น่าอยู่ และมีส่วนช่วยเหลือชุมชนในด้านต่างๆ ด้วย ล่าสุด มูลนิธิแอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ภายใต้ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่นจับมือกรุงเทพมหานครและผู้ประกอบการย่านสาทรจัดโครงการ “GIVE GREEN CBD : SYNERGY POWER 2019” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เพื่อผลักดันไปให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครน่าอยู่และสังคมที่ยั่งยืน  “The Charity Society: สังคมแห่งการแบ่งปัน”   โครงการนี้ถือเป็นการมอบ สิ่งดีๆ สู่สังคมและสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพชีวิตชาว กทม. และเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก เริ่มสิงหาคม 2562 ถึงมกราคม 2563 ประเดิมด้วยกิจกรรมตลาดนัดการกุศล AWC Charity Market Around, กิจกรรมวิ่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมลดขยะ Empire Tower We Run 2019 with Virgin Active, กิจกรรมต้นคริสต์มาสยักษ์ที่ประดับตกแต่งด้วยอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬา ภายใต้แนวคิด A Sathorn District Charity Christmas Tree  The Green Happiness Society   ปิดท้ายด้วยกิจกรรมปันฝัน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและส่งต่อโอกาสทางการศึกษา ผ่านอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬาให้กับน้องๆในวันเด็กแห่งชาติในปี 2563 และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการรักษาเด็กแรกเกิด เด็กเล็ก ที่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือโรงพยาบาลเด็ก ถือเป็นกิจกรรมดีดีที่ต้องบอกต่อ....   แล้วกลับพบกันใหม่สัปดาห์หน้า      
สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 17-25 สิงหาคม 2562

สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 17-25 สิงหาคม 2562

ตลาดอสังหาฯ ผ่านพ้นไตรมาส 2 มา ยอดขายก็ลดลงไปตามๆ กัน เพราะผลกระทบจากมาตรการ LTV แต่ เดินหน้าลุยกันต่อในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะบรรยากาศโดยรวมน่าจะดีขึ้น ล่าสุดแบงก์ชาติก็ผ่อนเกณฑ์ LTV ในส่วนของผู้กู้ร่วมแล้ว ต่อไปก็น่าจะมีอะไรดีๆ ออกมาอีก ผู้ประกอบการแอบหวังไว้เช่นนั้น   ++ดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว กวาดยอดจอง 100% สำหรับค่าย “ออริจิ้น” ดูจะทำผลงานในแบรนด์ใหม่ The Origin ได้โดดเด่นเกินหน้าเพื่อนฝูงร่วมวงการ เพราะเมื่อวันที่ 17-18 สิงหาคมที่ผ่านมา จัดอีเวนท์ First Exclusive สำหรับ โครงการดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว (The Origin Ratchada-Ladprao) และดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 (The Origin Ladprao 15) ให้แก่ลูกค้าทั้ง VIP และลูกค้าทั่วไป ก็มีคนสนใจล้นหลาม โดยโครงการที่รัชดา-ลาดพร้าว สามารถ Sold Outกวาดยอดจองไป 100% ขณะที่ลาดพร้าว 15 ก็กวาดยอดจอง 80% และจะพรีเซลอย่างทางการในวันที่ 31 สิงหาคมนี้  ++SENA รุกตลาดแนวราบ     ส่วนบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่มีผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดูแลอยู่ก็เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ โดยเตรียมเปิดตัวโครงการ “เสนาแกรนด์โฮม รามอินทรา ก.ม.8” พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น  จำนวนเพียง 7 หลัง ในราคาเริ่ม 7-10 ล้านบาท  จุดเด่นของโครงการแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีคู้บอน) ใกล้ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ เดอะพรอมานาด  เดอะคริสตัล และเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ เป็นต้น   ++พราว กรุ๊ป ทุ่ม 7,000 ล้าน บุกตลาดท่องเที่ยวภูเก็ต ตลาดอสังหาฯ  ไม่ได้มีแต่ตลาดบ้านและคอนโดฯ​ เท่านั้น ยังมีการพัฒนาโครงการในรูปแบบอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น โรงแรม ศูนย์การค้า เป็นต้น  ซึ่ง “พราว กรุ๊ป” เป็นหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่ วางนโยบายเอาไว้ว่าจะเป็นผู้พัฒนาโครงการซึ่งไม่ใช่ที่อยู่อาศัย  โดยเลือกประเภทโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยว ที่สร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า ซึ่งเลือกพัฒนา “สวนน้ำ” อย่างโครงการวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน ซึ่งกลายเป็นสถานที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวหัวหินไปแล้ว   ล่าสุด ได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนา 2 โปรเจ็กต์ ในจังหวัดภูเก็ต คือ ‘อันดามันดา’ แหล่งพักผ่อน สวนน้ำ และความบันเทิงบนเนื้อที่ 58 ไร่ ตั้งเป้าเป็น Integrated Entertainment and Resort Destination ซึ่งจะเปิดบริการให้บริการในช่วงต้นปี 2564 และ ‘โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท’ ที่พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบไตรมาส  3 ปีนี้ (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   ++AWC ชู 3  กลยุทธ์ลุยธุรกิจอสังหาฯ   ความยิ่งใหญ่ของตระกูล “สิริวัฒนภักดี” คนไทยทั้งประเทศรู้ดี เพราะมีธุรกิจในมือหลากหลาย แต่และธุรกิจก็ยิ่งใหญ่ระดับประเทศทั้งน้านนนน แม้แต่ธุรกิจอสังหาฯ แต่ละโปรเจ็กต์ก็ระดับบิ๊กๆ ทั้งนั้น  อย่างเช่น ธุรกิจอสังหาฯ ในกลุ่มแอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ที่เป็นเจ้าของโครงการหลากหลาย อาทิ  เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ อาคารสำนักงานเอ็มไพร์  ทาวเวอร์ ฯลฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประกาศแผนธุรกิจในส่วนโรงแรมไปแล้ว ล่าสุดออกมาขับเคลื่อนธุรกิจในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ กับ 3 กลยุทธ์สำคัญ   นางวัลลภา ไตรโสรัส  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์(Retail & Commercial Building) มี 2 กลุ่มใหญ่ คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale) และอาคารสำนักงาน (Office) ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโต โดยเตรียม 3 กลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ 1.การตอบรับความต้องการทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้คนในบริเวณโดยรอบโครงการ ภายใต้ Barbell Strategy ซึ่งเป็นการสร้างสมดุลระหว่างโครงการหลากหลายประเภท 2. การวางคอนเซ็ปต์โครงการที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ AWC สามารถเปิดโครงการใหม่ เพื่อสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ยังไม่มีโครงการในตลาดที่ตอบโจทย์  และกลยุทธ์ที่ 3 คือ การบริหารจัดการโครงการและผู้เช่าอย่างมีประสิทธิภาพ (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   ++อนันดา เปิดแคมเปญ “คิด..เพื่อชีวิตคนเมือง” เจ้าพ่อคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าต้องยกให้เขาเลย “อนันดา” เพราะแต่ละโปรเก็จต์อยู่ใกล้ชิดติดสถานีของรถไฟฟ้า แม้จะไกลแต่ก็ยังเดินถึงสถานีได้ไม่ลำบาก  นี่คือ คีย์ความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  แต่ไม่ใช่แค่นี้  ความสำเร็จของอนันดายังมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้น คือการสร้างแบรนด์ ผ่านแคมเปญต่างๆ ล่าสุด เปิดตัว ตัวแคมเปญ “คิด...เพื่อชีวิตคนเมือง” ตอกย้ำแนวคิด Urban Living Solutions  คอร์ปอเรทแคมเปญที่ทำต่อเนื่องมาหลายปี   นอกจากนี้ ยังจัดงาน URBAN EXPO ด้วยการขน 32 โครงการ  พร้อมอยู่ ทั้ง คอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ มาจัดโปรโมชั่นพิเศษ และยังจะมีโปรโมชั่นออกมากระตุ้นตลาดเป็นระยะๆ  โดยช่วง 2-3 เดือนนับจากนี้ อนันดา คาดหวังจะทำยอดขายได้ 5,000 ล้านบาท ส่วนช่วงเวลาที่เหลือของปีก็เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 7 โครงการด้วย      ++แสนสิริ เปิดเกมส์รุกแนวราบ   จากภาวะตลาดคอนโดฯ​ ที่อออกอากาศจะไม่สดใส และชะลอตัวลง สิ่งหนึ่งที่ดีเวลลอปเปอร์ทำเพื่อรับมือกับยอดขายซึ่งอาจจะหดหายไป คือ การขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่  เทรนด์ส่วนใหญ่ที่ทำกันในปีนี้ จึงเห็นการขยายตลาดไปพัฒนาโครงการแนวราบ  เพราะเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ไม่มีกลุ่มนักเก็งกำไร ซึ่งเทรนด์นี้ “แสนสิริ” ก็เอากับเขาด้วย โดยครึ่งหลังปีเตรียมตัวเปิด 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท โดยจำนวน 10 โครงการใหม่ มูลค่า 13,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ   “ในวันนี้แสนสิริพร้อมสร้างความแตกต่าง เพื่อก้าวสู่เป้าหมายในการเป็นผู้นำในตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์เฮาส์ภายใน3 ปี ทั้งนี้กลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจแนวราบมาจากการพัฒนาโครงการที่ครอบคลุมแบรนด์แนวราบ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ พร้อมสร้างความแข็งแกร่ง และจุดเด่นในแต่ละแบรนด์ที่ชัดเจน แตกต่างเหนือคู่แข่ง” นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  เล่าถึงเป้าหมายของการรุกตลาดแนวราบ (อ่านข่าวเพิ่มเติม) ​   ++พร็อพเพอร์ตี้  โชว์ผลงานครึ่งปีแรก   ขณะที่ “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” ดูเหมือนว่าช่วงครึ่งปีแรก สามารถรับมือกับผลกระทบจาก LTV  และภาวะตลาดชะลอตัวได้ดี สามารถสร้างผลงานได้ดีกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา  โดยมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น  มีรายได้และกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน โดยบริษัทมีรายได้รวม 10,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  และยังทำกำไรสุทธิได้สูงถึง 1,132 ล้านบาท เติบโตขึ้น 225% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน   ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังน่าจะดียิ่งกว่าครึ่งปีแรก  นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)  เล่าว่า บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ 4,700 ล้านบาท ทั้งบ้าน คอนโดในประเทศ และคอนโดประเทศญี่ปุ่น มีขายที่ดินและการลงทุนอีก 3,000 ล้านบาท  จึงมีโอกาสทำกำไรต่อเนื่องพร้อมลดภาระหนี้ลงได้กว่า 4,000 ล้านบาท ปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวโครงการร่วมทุนกับต่างประเทศ ทั้งบ้านนวัตกรรมร่วมกับเซกิซุยฯ และจับมือฮ่องกงแลนด์ เปิดตัวบ้านหรูริมทะเลสาบ “เลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ” อีกด้วย   ++เอพี ออกแบรนด์ใหม่กระตุ้นยอดขาย ในภาวะตลาดที่ยอดขายทรงตัว กลยุทธ์หนึ่งที่นักการตลาดมักจะนำมาใช้ คือ การออกสินค้าใหม่ หรือไม่ก็แบรนด์ใหม่ เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นดีมานด์ใหม่ๆ เพื่อสร้างยอดขาย ค่าย “เอพี ไทยแลนด์” ก็มาในเวย์นี้เหมือนกัน ล่าสุด  เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ‘THE SONNE’ ในรูปแบบ Luxury Duplex Home เพื่อรุกตลาดช่วงครึ่งปีหลัง ประเดิมกับโปรเจ็กต์แฟล็กชิพแรกย่านศรีนครินทร์-บางนา  มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท จำนวน 56 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 12-15 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ 7-8 กันยายนนี้ ที่ ส่วน 7 เดือนยอดขายก็ทำได้กว่า 24,060 ล้านบาท เป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบมูลค่า 14,000 ล้านบาท เฉลี่ยยอดขายต่อสัปดาห์ประมาณ 451 ล้านบาท ซึ่งถือว่าโตเกินจากเป้าหมายที่วางไว้อย่างมาก (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   ++ลลิล เปิด 5 โครงการครึ่งปีหลัง   อย่างที่บอก ครึ่งปีหลังนี้ เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของปี ที่ต้องเร่งทำตลาดและสร้างยอด ในช่วงเวลาที่เหลือ เพราะแต่ละบริษัทมี “เป้าหมาย” ต้องพุ่งชน “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ก็เช่นกัน ประกาศแผนรุกตลาดครึ่งปีหลัง เตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 3,500 ล้านบาท พร้อมปักธงรุกตลาดในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอ เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย Thailand 4.0 เพิ่มอีกด้วย   ซึ่งนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN)  มองว่า   ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ  ครึ่งปีหลังยังมีทิศทางที่เป็นบวก  แต่อัตราการปรับตัวอาจอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีอุปทานคงเหลือในหลายพื้นที่  (อ่านข่าวเพิ่มเติม)    
แสนสิริ รุกแนวราบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งเป้า No.1 บ้านเดี่ยว และ Top 3 ทาวน์เฮาส์ใน 3 ปี

แสนสิริ รุกแนวราบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งเป้า No.1 บ้านเดี่ยว และ Top 3 ทาวน์เฮาส์ใน 3 ปี

เป็นอีกหนึ่ง Developer ที่ออกมาประกาศเปิดเกมส์รุกตลาดแนวราบอย่างเป็นทางการ โดยการสร้างทีมบริหาร พัฒนาสินค้าควบคู่ไปกับการบริการ เพื่อการขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดบ้านเดี่ยว และเป็น Top 3 ของตลาดทาวน์เฮาส์ ตั้งเป้าภายในระยะเวลา 3 ปี   นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านในของปีนี้ เราทำยอดขายโครงการแนวราบได้ค่อนข้างดี จึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังตลาดแนวราบจะเติบโตไปได้ดี โดย 6 เดือนแรกทำยอดขายได้ 10,924 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับยอดของปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน มีกำไรอยู่ที่ 689 ล้านบาท มียอด Backlog อยู่ที่ 55,000 ล้านบาท และมีโครงการที่เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ 10 โครงการ คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้กว่าหมื่นล้านบาท   "เทรนด์อสังหาฯ ในครึ่งปีหลัง เชื่อว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยลดลงอีกจากหลายปัจจัย และเชื่อว่าจะมีมาตรการต่างๆ จากภาครัฐออกมา เพื่อดันให้มีตัวเลขที่โตขึ้นได้" แสนสิริเตรียมเปิดอีกทั้งหมด 16 โครงการ โดยแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ รวมมูลค่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งเฉพาะแนวราบ 10 โครงการ จะมีมูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะทำให้ก้าวไปสู่เป้าหมายในการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์เฮาส์ภายใน 3 ปี คือการวางกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจแนวราบมาจากการพัฒนาโครงการที่ครอบคลุมแบรนด์แนวราบ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ สร้างจุดเด่นในแต่ละแบรนด์ที่ชัดเจน และโดดเด่นด้าน Service แตกต่างเหนือคู่แข่ง ส่วนคอนโดมิเนียมนั้นมีการปรับแผนหันมาเปิดโครงการที่จับกลุ่มระดับกลาง พร้อมปรับไปตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยมีแบรนด์หลักที่จะนำมาเปิดตัวช่วงปีหลังนี้ อาทิ   บุราสิริ “บ้านบรรยากาศรีสอร์ท บ้านเพื่อการพักผ่อนที่แท้จริง” บ้านเดี่ยวบรรยากาศรีสอร์ท ตั้งแต่ทางเข้าโครงการ คลับเฮาส์ ตัวบ้านที่ออกแบบมาให้มีโอกาสได้สัมผัส กับธรรมชาติได้มากกว่า สวนส่วนกลางที่เน้นการปลูกด้วยต้นไม้ใหญ่ เพิ่มพื้นที่ Strip Park เชื่อมต่อระหว่างบ้าน ตัวซอย เพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้ความเขียวชอุ่ม ทำให้ร่มรื่น สบายตาและเลือกใช้วัสดุที่คำนึงถึงรูปแบบ สีสันที่ให้ความกลมกลืนกับธรรมชาติ ในระดับราคา 8-20   “สราญสิริ” เตรียมเปิดตัว Double Volume ลักซ์ชัวรี่สเปซในบ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยวภายใต้แนวคิด Built for Love พร้อมเพิ่มพื้นที่ความสุขด้วย Double Volume เพื่อให้สมาชิกครอบครัวทุกรุ่นทุกวัยได้ใช้ชีวิต และเวลาดีๆ ร่วมกัน โดยจะเปิดตัวครั้งแรกที่บ้านเดี่ยวสราญสิริโครงการใหม่ ในชื่อ “สราญสิริ ศรีวารี” ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ระดับราคา 5–7 ล้านบาท   Garden Connect ฟังก์ชั่นบ้านแนวคิดใหม่ ในแบรนด์เศรษฐสิริและบุราสิริ  ครั้งแรกกับแนวคิดใหม่ในการใช้พื้นที่ภายในบ้าน บนแปลนบ้านแบบใหม่ สร้างพื้นที่พิเศษ ให้ความเป็นส่วนตัว เชื่อมต่อพื้นที่ใช้สอยภายนอกบ้านสู่ภายในบ้าน สามารถจัดสรรพื้นที่เป็นสระว่ายน้ำ หรือสวนขนาดใหญ่ได้ โดยจะเริ่มพัฒนาในรูปแบบของเอ็กซ์คลูซีฟยูนิตใน 5 โครงการ ภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ และบุราสิริ นำร่องด้วยโครงการบุราสิริ วงแหวนอ่อนนุชในช่วงปลายปีนี้และเศรษฐสิริ ทวีวัฒนาในช่วงต้นปีหน้า   สิริเพลส ทาวน์เฮาส์สไตล์ Modern Loft ครองใจกลุ่ม Young Gen ทาวน์เฮาส์คุณภาพในระดับ Best in Class ในปีนี้แสนสิริจะนำเสนอทาวน์เฮาส์รูปแบบล่าสุดในสีสันและดีไซน์ที่สนุกสนาน โดยยังคงคอนเซ็ปต์ "Modern Loft" ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ พร้อมนำเสนอฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยที่มีห้องน้ำในตัว รวมถึงเพดานสูงใน Master Bedroom และห้องเอนกประสงค์ชั้นล่างที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบ ซึ่งจะเปิดตัว 4 โครงการใน 4 ทำเลใหม่ในเดือพฤศจิกายนนี้   สำหรับแผนการเปิดตัว 10 โครงการแนวราบที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ได้แก่ โครงการไทเกอร์ เลน (Tiger Lane) มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท โครงการคณาสิริ ราชพฤกษ์ 346 มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท โครงการสราญสิริ ศรีวารี มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท โครงการอณาสิริ บางใหญ่ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท โครงการเศรษฐสิริ จรัญฯ ปิ่นเกล้า 2 มูลค่าโครงการ 3,300 ล้านบาท โครงการบุราสิริ พระราม 2 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท สิริเพลส 4 โครงการใน 4 ทำเลใหม่ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,500 ล้านบาท ในทำเล เพชรเกษม ราชพฤกษ์ตัดใหม่ และบางใหญ่อีก 2 โครงการ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Sansiri Service ที่แสนสิริเป็นผู้นำด้านการบริการลูกบ้านของวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเรียลดีมานด์ในด้านบริการและความปลอดภัย เพื่อมอบประสบการณ์ด้านบริการทั้งก่อนและหลังการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดในทุกด้านให้กับลูกบ้าน ตั้งแต่การซื้อที่อยู่อาศัย การย้ายเข้าอยู่อาศัย และตลอดระยะเวลาในการอยู่อาศัย พร้อมตั้งเป้าหมายเป็น Top of Mind ด้านความปลอดภัยในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย ด้วยความโดดเด่นของระบบรักษาความปลอดภัย Sansiri Security System และศูนย์ควบคุมสังเกตการณ์จากส่วนกลาง พร้อมนำเสนอครั้งแรกของการเปิดตัว Sansiri Home Care Card แพ็กเกจต่อประกันบ้านหลังหมดระยะประกันแบบรายปีที่ลูกบ้านสามารถเลือกดูแลบ้านได้เองตามความต้องการ ซึ่งในขณะนี้เรากำลังพัฒนาแพ็กเกจที่พัฒนาให้เหมาะกับโครงการทาวน์เฮาส์แบรนด์สิริเพลสโดยเฉพาะ        
รีวิวบ้าน เฉลิมพระเกียรติ ร.9 “THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา” Luxury Duplex Home ระดับแฟล็กชิพ

รีวิวบ้าน เฉลิมพระเกียรติ ร.9 “THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา” Luxury Duplex Home ระดับแฟล็กชิพ

บ้านแบรนด์ใหม่ล่าสุดจาก AP Thailand "THE SONNE Srinakarin-Bangna" (เดอะ ซอนเน่ ศรีนครินทร์-บางนา) บ้านแนวคิดใหม่ Luxury Duplex Home ระดับแฟล็กชิพลักชัวรี่ ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The New Original’ เจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์นิยมสินค้าหรือบริการที่สะท้อนตัวตน มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถรองรับการอยู่อาศัยร่วมกันของสมาชิกทุกวัยในครอบครัวใหญ่แบบ Cross Generations ชื่อโครงการ THE SONNE Srinakarin-Bangna (เดอะ ซอนเน่ ศรีนครินทร์-บางนา) เจ้าของโครงการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ 99 ซ.เฉลิมพระเกีรติ ร.9 ซอย 28 แยก 14-2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ จ.กรุงเทพฯ 10250 พื้นที่โครงการ 12-1-16 ไร่ ลักษณะโครงการ Luxury Duplex Home 3 ชั้น หน้ากว้าง 13.56 เมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องอเนกประสงค์ และ ที่จอดรถ 2 คัน จำนวนหลัง 56 ยูนิต ขนาดที่ดิน 40-73 ตร.วา  พื้นที่ใช้สอย สูงสุด 249 ตารางเมตร แบบบ้าน  TYPE A 249.14 ตร.ม. TYPE B 244.72 ตร.ม. TYPE C 245.84 ตร.ม. TYPE D 243.28 ตร.ม.     สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง พื้นที่ส่วนกลางภายใต้การออกแบบโดยยึดหลัก Universal Design เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของสมาชิกหลากหลายช่วงวัย อาทิ คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และ สวนสาธารณะขนาดใหญ่เปรียบดังโอเอซิสภายในโครงการ ราคาเริ่มต้น 12-15 ล้านบาท จุดเด่นโครงการ  1.ครั้งแรกของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้บ้านทุกหลังมีเอกลักษณ์ความงามและความหรูหราที่แตกต่างด้วยกา รนำแรงบัลดาลใจจากสถาปัตยกรรมสไตล์คลาสสิค รังสรรค์เป็นแบบบ้านใหม่ Luxury Duplex Home ขนาดใหญ่ 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง 2 ห้องอเนกประสงค์ และ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอยสูงสุด 249 ตร.ม. 2.การเดินทางเข้าสู่โครงการอย่างง่ายดาย ด้วย 4 เส้นทางหลัก ได้แก่ ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ถนนศรีนครินทร์ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และ ถนนกาญจนาภิเษก 3.การเดินทางสะดวกสบายด้วยทำเลที่เข้าถึงได้ทุกการเดินทาง เชื่อมต่อสู่กลางใจเมือง ทั้งถนนศรีนครินทร์ ถนนบางนา-ตราด และ ถนนอ่อนนุช ซึ่งถนนทั้ง 3 สาย เป็นถนนที่เชื่อมต่อกับย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร (CBD) ทั้งโซนสุขุมวิท และพระราม9 4.ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) (โครงการรถไฟฟ้าในอนาคต) จุดขึ้น-ลงทางด่วน ถ.กาญจนาภิเษก, บูรพาวิถี  สถานที่ใกล้เคียง เมกา บางนา, พาราไดซ์ พาร์ค, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, เซ็นทรัล บางนา, สวนหลวง ร.9, สนามบินสุวรรณภูมิ ภาพบ้าน เฉลิมพระเกียรติ ร.9 "THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา" รายละเอียดบ้าน เฉลิมพระเกียรติ ร.9 "THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา" THE SONNE Srinakarin-Bangna โครงการอื่นๆ จาก AP (Thailand) บ้านกลางเมือง รามอินทรา เดอะ ซิตี้ รัชดา-วงศ์สว่าง CENTRO ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ 2  
‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว ‘THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา’ บ้านแนวคิดใหม่ Luxury Duplex Home

‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว ‘THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา’ บ้านแนวคิดใหม่ Luxury Duplex Home

ช่วงครึ่งปีหลังมานี้หลาย Developers เลือกที่จะเปิดตัวโครงการแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ด้วยภาวะตลาด ซึ่งหลายค่ายก็เชื่อว่าตลาดแนวราบยังคงมีดีมานด์เติบโตต่อเนื่อง ‘เอพี ไทยแลนด์’ ก็เช่นเดียวกัน ล่าสุดได้เปิดตัวบ้านแนวคิดใหม่ เพื่อเติมเต็มพอร์ตสินค้าแนวราบของเอพี และเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ประเดิมด้วยแบรนด์ใหม่เอี่ยมจากโครงการ ‘THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา’   นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความสำเร็จใน 7 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้วกว่า 24,060 ล้านบาท เป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบมูลค่า 14,000 ล้านบาท เฉลี่ยยอดขายต่อสัปดาห์ประมาณ 451 ล้านบาท ซึ่งถือว่าโตเกินจากเป้าหมายที่วางไว้อย่างมาก จึงพร้อมลุยตลาดแนวราบด้วยการเติมเต็มพอร์ตสินค้าให้ครบลูป ผ่านการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ‘THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา’ เซ็ทมาตรฐานใหม่ของ Luxury Duplex Home เจาะเข้าไปยังช่องว่างลูกค้าครอบครัวรุ่นใหม่ที่มองหาบ้านลักชัวรี่ที่มีทั้งเอกลักษณ์และสเปซฟังก์ชั่นที่มากกว่า   ปัจจุบันพอร์ตสินค้าแนวราบเครือเอพี ประกอบด้วย 6 แบรนด์ในเครือครอบคลุมเทรนด์การใช้ชีวิตของลูกค้า 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ บ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ THE PALAZZO, CLASSE, THE CITY และ CENTRO ที่เน้นตอบไลฟ์สไตล์ลูกค้ากลุ่ม ‘Serene Wellness’ ครอบครัวขนาดใหญ่ 2-3 ช่วงวัยที่ต้องการบ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ กว้างขวาง ขณะที่ทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์บ้านกลางเมือง และ PLENO เน้นตอบไลฟ์สไตล์ลูกค้ากลุ่ม ‘Dreamolutioner’ คนรุ่นใหม่ที่กำลังเริ่มสร้างครอบครัวเป็นของตนเอง ในทำเลเข้า-ออกเมืองได้อย่างสะดวก และล่าสุดกับการเปิดตัวแบรนด์ THE SONNE โครงการแฟล็กชิพระดับลักชัวรี่ เจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์นิยมสินค้าหรือบริการที่สะท้อนตัวตน มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถรองรับการอยู่อาศัยร่วมกันของสมาชิกทุกวัยในครอบครัวใหญ่แบบ Cross Generations   THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The New Original’ ชูไฮไลท์ 4 มิติแห่งความเป็นที่สุด ได้แก่ 1. Classical Architectural Details ที่สุดของการนำแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสไตล์คลาสสิคผสานเข้ากับความทันสมัยในบริบทปัจจุบัน สู่การรังสรรค์บ้านแนวคิดใหม่สุดหรู 3 ชั้นที่คงเสน่ห์อัตลักษณ์ความงามเหนือกาลเวลา 2. Multi – Façade Design with Triple Layer Ventilation ที่สุดของการดีไซน์เพื่อให้บ้านทุกหลังมีเอกลักษณ์ความงามและความหรูหราที่แตกต่างกัน พร้อมดึงจุดเด่นการออกแบบ Horizontal Space ของบ้านเดี่ยวที่ตอบสุนทรียะความเหนือระดับในสเปซที่มากกว่า ผนวกเข้ากับความทันสมัยและความคุ้มค่าของฟังก์ชั่นใช้สอยในบริบทของ Vertical Timeless Design ของทาวน์โฮมไว้อย่างลงตัว ยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตเหนือระดับที่มากกว่า พร้อมสุนทรียะและประสบการณ์พิเศษจากทิศทางของแสงแดดและลม ที่พาดผ่านตัวบ้าน 3. Inclusive Design Approach ที่สุดของการออกแบบสเปซภายใต้แนวคิด Universal Design เพื่อให้มั่นใจว่าทุกๆ สเปซ ไม่ว่าจะเป็น เด็กเล็ก ผู้สูงวัย หรือ ผู้ใช้รถเข็นต่างๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง อาทิ ทางลาดเข้าสู่บ้านรองรับการใช้งานของรถเข็นต่างๆ พื้นที่ชั้น 1 ที่ไม่มีสเต็ป (Step-free Floor) สวนเชื่อมต่อห้องส่วนตัวของผู้สูงอายุ บานประตูกว้าง 1.38 เมตร ที่รองรับการใช้งานของวีลแชร์ และห้องน้ำแบบไม่มีขั้นบันได เป็นต้น 4. The New Tomorrow Security ที่สุดแห่งนวัตกรรมความปลอดภัยในโลกอนาคตสู่การอยู่อาศัยจริงอย่าง ‘KATSAN’ ที่เปรียบเสมือนผู้คุ้มกันส่วนตัวอัจฉริยะ (Personal Guardian) ที่ทำหน้าที่คัดสรร ดูแลความปลอดภัยในทุกมิติของการอยู่อาศัยเพื่อความอุ่นใจตลอด 24 ชั่วโมง   THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา ตั้งอยู่บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 28 แยก 14/2 สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง เช่น ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ถนนศรีนครินทร์ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และถนนกาญจนาภิเษก พื้นที่ทั้งหมด 12-1-16 ไร่ โดยมีขนาดที่ดินเริ่มต้น 40-73 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยสูงสุด 249 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ พื้นที่รับรองแขก ห้องรับประทานอาหาร พื้นที่ครัว ห้องพักผ่อนสำหรับครอบครัว และ 2 ที่จอดรถ พร้อมคลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ รูฟท็อปบาร์ และพื้นที่สีเขียวที่ผสานทุกกิจกรรมของทุกเจเนอเรชั่นของครอบครัวได้อย่างครบครัน ในสังคมคุณภาพเพียง 56 ยูนิต ราคาเริ่มต้นเพียง 12-15 ล้านบาท พร้อมเปิดจองอย่างเป็นทางการวันที่ 7-8 กันยายนนี้ ณ สำนักงานขายโครงการ     
สรุปข่าวอสังหาฯ​ รอบสัปดาห์ วันที่ 12-18 สิงหาคม  2562

สรุปข่าวอสังหาฯ​ รอบสัปดาห์ วันที่ 12-18 สิงหาคม 2562

เริ่มต้นสัปดาห์หลังจากพักผ่อนยาว เนื่องจากเทศกาลวันแม่ 12 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงอสังหาริทรัพย์ก็คึกคัก กับการออกมาประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ที่เป็นไปตามคาดการณ์ของหลายๆ ฝ่าย คือ ตลาดอสังหาฯ​ จะชะลอตัวลง จากมาตารการควบคุมวงเงินสินเชื่อต่อมูลค่าหลักทรัพย์  หรือ LTV ที่แบงก์ชาติ เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา แต่หลายบริษัทผลประกอบการก็ยังปิดลงได้สวย ไม่ถึงกับแย่งมากนัก สามารถประคับประครองให้ธุรกิจยังไปต่อได้   ++พฤกษา รายได้+กำไรQ2ติดลบ   นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 เป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลง โดยมียอดขาย 12,277 ล้านบาท เติบโต 5.1% มีรายได้ 7,781 ล้านบาท ลดลง 28.1% และมีกำไรสุทธิ 933 ล้านบาท ลดลง 44.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  แต่จากผลประกอบการในไตรมาสแรกที่ทำไว้ดี  จึงส่งผลให้ภาพรวมของผลประกอบการในครึ่งปีแรกยังคงเติบโตได้ดี  โดยมีรายได้รวม 19,662 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3% ทำกำไรได้อยู่ที่ 2,618 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดขายอยู่ที่ 23,368 ล้านบาท  บริษัท ยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 36,938 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 17,435 ล้านบาท และจากผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก พฤกษาจึงได้มีการพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2562 ให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท   ++เปิดชมห้องตัวอย่าง เดอะเรสซิเดนซ์ฯ      นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจงานอสังหาริมทรัพย์และบริการ  บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า  บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และแมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกันเพื่อพัฒนาโครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ   ห้องชุดพักอาศัยสุดหรูริมแม่น้ำที่ตกแต่งอย่างหรูหราเหนือระดับจำนวน 146 ยูนิต โดยมีทั้งแบบ 2 และ 3 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 130 – 230 ตารางเมตร รวมถึงห้องเพนท์เฮาส์และดูเพล็กซ์เพนท์เฮาส์ขนาด 380 – 710 ตารางเมตร พร้อมลิฟต์ส่วนตัว เพดานห้องโปร่งสบายด้วยความสุงถึง 3.2 เมตร และมอบพื้นที่พักผ่อนสำหรับผู้พักอาศัยที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการห้องชุดชั้นนำแห่งอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ โดยล่าสุดได้เปิดให้ชมห้องตัวอย่างอย่างเป็นทางการ ซึ่งโครงการสามารถขายได้แล้วกว่า 85%   ++ศุภาลัย ลุยเปิดโปรเจ็กต์ครึ่งปีหลัง 2 หมื่นล้าน     นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แผนงานในครึ่งปีหลังว่า บริษัทฯ เร่งรุกตลาดอสังหาฯ โดยเดินหน้าแผนงานเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 21 โครงการ มูลค่ากว่า 20,240 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค   โดยเชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดขายที่เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 35,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยสำคัญในเชิงบวก อย่างการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งล่าสุดก็มีการประกาศแผนนโยบายที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และขยายเส้นทางระบบการคมนาคมในปัจจุบัน  อาทิ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน บางซื่อ – หลักสอง ที่จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้  รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่จะเปิดให้บริการ สถานีห้าแยกลาดพร้าว อย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมเช่นเดียวกัน รวมไปถึงโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายเส้นทาง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยเติบโตขึ้นในอนาคต เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้   จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อภาคประชาชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง   ++‘เซ็นทรัล ลาดพร้าว’ เปิดทางเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว      ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด ซีพีเอ็น เปิดเผยว่า   รฟม. ได้อนุมัติการก่อสร้างทางเดินเชื่อมยกระดับ (Skywalk) เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีห้าแยกลาดพร้าว และรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินสถานีพหลโยธิน รวมประมาณ 200 เมตร เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างเต็มที่นั้น นับเป็นการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะทุกระนาบ ทั้งใต้ดิน บนดิน และลอยฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งบริษัทได้รับอนุญาตให้สร้างทางเดินเชื่อมจากสถานีห้าแยกลาดพร้าว (N9) เข้าสู่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวถึง 2 จุด   ++อิมแพ็ค จัดงาน INTERMAT ASEAN และ CONCRETE ASIA 2019     นางสาววาทินี สายทอง ผู้จัดการโครงการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า อิมแพ็ค ร่วมมือกับหน่วยงานด้านอุตสาหกรรมก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ เป็นต้น จัดงาน INTERMAT ASEAN และงาน CONCRETE ASIA งานแสดงสินค้าและการประชุมสัมมนาระดับนานาชาติ ด้านอุตสาหกรรมก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีคอนกรีตระดับภูมิภาค เพื่อร่วมขับเคลื่อนยุทธศาตร์ชาติในด้านการก่อสร้าง โดยรวบรวมสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 แบรนด์มาจัดแสดงระหว่างวันที่ 5 -7 กันยายน 2562 อาคาร 9 – 10 อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมทั้งกิจกรรมเจรจาธุรกิจกว่า 450 นัดหมาย อัดแน่นด้วยสัมมนาจากผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของประเทศไทย และการสาธิตเทคโนโลยีใหม่ คาดดึงบุคคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมกว่า 5,000 ราย   ++SCG EXPRESS เปิดตัวมาสคอตใหม่ล่าสุด       นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัทเอสซีจี ยามาโตะ เอ็กซ์เพรส จำกัด เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวมาสคอตใหม่ล่าสุด “น้องเปียกปูน” และ “น้องใบตอง” ที่ออกแบบโดย คุณตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร ศิลปินวาดภาพประกอบแถวหน้าของประเทศไทย และเป็นเจ้าของคาแร็กเตอร์การ์ตูน "น้องมะม่วง" ที่โด่งดังทั้งใประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น สะท้อนภาพลักษณ์ของเอสซีจี เอ็กซ์เพรส สู่คาแร็กเตอร์มาสคอตตัวใหม่ นำเสนอการส่งมอบความสุขพร้อมคุณภาพในการให้บริการการจัดส่งพัสดุตรงตามเวลาและการดูแลพัสดุอย่างดีรวมถึงการบริการที่เป็นมิตรและเอาใจใส่ของพนักงานตอกย้ำสโลแกน “Deliver Your Happiness”   ++Q-CON ลุยตลาดอิฐมวลเบา    นายกิตติ สุนทรมโนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน)  ผู้ผลิตคอนกรีตมวลเบา ภายใต้แบรนด์สินค้า Q-CON ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในเครือเอสซีจี เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจภายหลังจากครบรอบ 25 ปี บริษัทจะเดินหน้าชูกลยุทธ์ “Q Solution” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความต้องการลูกค้า เน้นเรื่อง Customer Centric จึงผลักดัน Q Solution ตอบโจทย์ลูกค้ายุคแรงงานขาดแคลน และต้องการความเร็วในการก่อสร้าง อาทิ   Q Panel ระบบผนังกันความร้อนครบวงจร ระบบ Q Network และ Q Kitchen ครัวปูนทันสมัย พร้อมการบริการติดตั้งครบวงจร เป็นต้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)   ก่อนหมดสัปดาห์.... ก่อนหมดสัปดาห์  ดูเหมือนว่าตลาดอสังหาฯ​ จะมีตัวช่วยที่เป็นข่าวดีเข้ามากระตุ้นให้ตลาดคึกคักขึ้นบ้าง เมื่อแบงก์ชาติผ่อนปรนเกณฑ์ LTV กับผู้กู้ร่วม  และบรรดาแบงก์ต่างๆ ออกมาประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้กันแทบทุกราย เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับคนจะกู้เงิน เพราะแบกรับภาะดอกเบี้ยที่ลดลง ไม่รู้ว่าสองเรื่องนี้จะพอเยียวยาอาการซึมๆ ของตลาดอสังหาฯ​ ได้แค่ไหน เราคงต้องจับตาทิศทางของรัฐบาลกันต่อไปว่าจะเอายังไงกันต่อในช่วงครึ่งปีหลังนี้  
[PR News] ธอส. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125% ต่อปี

[PR News] ธอส. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125% ต่อปี

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.125% ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ย MLR ลดลงเหลือ 6.125% ต่อปี อัตราดอกเบี้ย MOR ลดลงเหลือ 6.875% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย MRR ลดลงเหลือ 6.625% ต่อปี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าและประชาชน และเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.125% ต่อปี ประกอบด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) จาก 6.250% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.125% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) จาก 7.000% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.875% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) จาก 6.750% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.625% ต่อปี ทั้งนี้ ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยที่ต่ำสุดในระบบสถาบันการเงินในปัจจุบัน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป
เปิดโปรเจ็กต์ Tiger Lane ลักช์ชัวรี่โฮมออฟฟิศ บนทำเลท้องมังกร ใจกลางย่านธุรกิจ “เยาวราช”

เปิดโปรเจ็กต์ Tiger Lane ลักช์ชัวรี่โฮมออฟฟิศ บนทำเลท้องมังกร ใจกลางย่านธุรกิจ “เยาวราช”

ถ้าจะนับเอาเฉพาะจำนวนยูนิตต่อโครงการ  “Tiger Lane” (ไทเกอร์ เลน) ลักช์ชัวรี่โฮมออฟฟิศ  คงเป็นโปรเจ็กต์ที่เล็กสุดของแสนสิริ เพราะมียูนิตขายเพียงแค่ 5 ยูนิตเท่านั้น จากจำนวนทั้งโครงการมีด้วยกัน 10 ยูนิต  ส่วนที่ไม่ได้เอาออกขาย (ทั้งๆ ที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว) ก็เพราะกำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงดี ทำเช่าดีใหม หรือปรับรูปแบบยังไงให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น  และว่าแม้จะเป็นโปรเจ็กต์ขนาดเล็ก แต่ถ้าคิดราคาต่อยูนิตก็ไม่ถือว่าเล็กเลย  เพราะเริ่มต้นราคาก็ปาเข้าไป 38 ล้านบาทแล้ว  (สูงสุดราคา 79.9 ล้านบาท) ก็เพราะเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินผืนงาม ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ​ อย่าง “ย่านเยาวราช” ซึ่งราคาที่ดินก็ไม่ได้หนีย่านใจกลางธุรกิจอื่นเลย     ทำเลทองท้องมังกร แห่ง “เยาวราช”   ที่ตั้งของโครงการ อยู่บนถนนสายเจ้าคำรบ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นทำเลของท้องมังกร  เป็นย่านแห่งความเจริญรุ่งเรืองของการทำมาค้าขาย และมีความมั่งคั่ง  ที่ตั้งโครงการยังอยู่บนที่ดินฟรีโฮลด์  ซึ่งเหลืออยู่น้อยจนแทบเรียกได้ว่าที่ดินแปลงนี้จะกลายเป็นผืนสุดท้ายแล้ว ส่วนใหญ่ที่ดินในย่านเยาวราชจะเป็นที่ดินราชพัสดุ ทำให้บริเวณย่านเยาวราช ราคาที่ดินติดอันดับ Top 5 ราคาสูงสุดของกรุงเทพฯ​     บริเวณที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญต่างๆ ของเยาวราช โดยเฉพาะใกล้ MRT สถานีวัดมังกร เพียง 5 นาที  ซึ่งรอบๆ โครงการมีสถาที่สำคัญอย่างเช่น ศูนย์การค้าคลองถมเซ็นเตอร์ คลองถมพลาซ่า และ Mega Plaza วังบูรพา  โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลหัวเฉียว และโรงพยาบาลสมิติเวช โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสายปัญญา และโรงเรียนสวนกุหลาบ  วัดเล่งเน่ยยี่หรือวัดมังกร วัดคณิกาผล และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง   สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของ  โครงการ Tiger Lane คือ กลุ่มคนไทยเชื้อสายจีน นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ และผู้อาศัยอยู่ในย่านเยาวราช โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ ซึ่งมีคนหลายเจเนอเรชั่นที่ยังต้องการพักอาศัย หรือทำธุรกิจอยู่ในย่านนี้     โครงการ Tiger Lane ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 158.5 ตารางวา โดยพัฒนาโครงการให้มีรูปแบบบ้านในสไตล์ “ชิโน-โปรตุกีส"  มีการออกแบบให้ปรับแต่งบ้านได้ตามความต้องการ  ไม่ว่าจะทำเป็นที่อยู่อาศัยหรือการทำธุรกิจ  โดยทุกยูนิตมีขนาดความสูง 4 ชั้น ที่จอดรถส่วนตัว 2 คัน พร้อมด้วยลิฟท์ส่วนตัวจากแบรนด์ KONE ประเทศฟินแลนด์  ตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอย 254-400 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 24-50 ตารางวา หน้าบ้านกว้าง 5.5 – 12.3 เมตร  เพดานชั้นล่างสูงถึง 3 เมตร   แบ่งประเภทบ้านออกเป็น 2 แบบ THE IMPERIAL (ดิ อิมพีเรียล) ขนาดที่ดิน 24 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 254 ตารางเมตร สำหรับแบบบ้าน Residence ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ   THE EMPEROR (ดิ เอ็มเพอร์เรอร์) ขนาดที่ดิน 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 403 ตารางเมตร​ สำหรับแบบบ้าน Residence ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ   นอกจากการออกแบบให้พื้นที่ของบ้าน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าแล้ว ยังได้เติมด้วยเทคโนโลยีให้กับการอยู่อาศัยที่มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นกล้อง CCTV และ Smart Security ในทุกหลัง รวมถึง Smoke Sensor และ Door Detector ซึ่งสามารถส่งสัญญาณเข้าไปยังแอพพลิเคชั่นของแสนสิริได้โดยตรง   ปัจจุบันโครงการ Tiger Lane เริ่มเปิดพรีเซลล์แล้ว โดยขายได้แล้ว 1 ยูนิต โดยเป็นเจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งซื้อด้วยเงินสด จึงทำให้โครงการเหลือยูนิตขายเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น  ซึ่งแสนสิริจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ พร้อมพบกับสิทธิพิเศษในวันที่ 31 สิงหาคม และ 1 กันยายนนี้อีกครั้ง    
เปิด 4 กลยุทธ์การเติบโตของ “Q-CON” ในภาวะตลาดอิฐมวลเบาทรงตัว

เปิด 4 กลยุทธ์การเติบโตของ “Q-CON” ในภาวะตลาดอิฐมวลเบาทรงตัว

ปัจจุบันตลาดอิฐมวลเบามีผู้เล่นหลักๆ 6-7 ราย ซึ่งมีโรงงานผลิตรวมกันปีละกว่า 50 ล้านตารางเมตร มีการใช้งานปีละ 60-65% ของกำลังการผลิต หรือมีปริมาณการใช้ 30-40 ล้านตารางเมตร ซึ่งปริมาณการใช้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นใน เพราะการผลิตอิฐมอนมีน้อยลง เนื่องจากต้นทุนแรงงานและเชื้อเพลิงสูงขึ้น  แต่จากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมายังไม่ฟื้นตัวดีนัก ทำให้ปริมาณการใช้อยู่ในภาวะทรงตัว หรือแม้แต่ในปีนี้แนวโน้มสภาพเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ภาพรวมตลาดก็น่าจะยังคงทรงตัวต่อเนื่อง แต่ในเชิงมูลค่าน่าจะยังเติบโตได้  ซึ่งครึ่งปีแรกเติบโตอยู่ประมาณ 6-7%   สำหรับอิฐมวลเบาแบรนด์ Q-CON ของบริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในเครือเอสซีจี ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก ยังคงเติบโตได้ท่ามกลางตลาดที่ทรงตัวต่อเนื่อง โดยมีรายได้ 1,032.9 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงถึง 12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สูงกว่าเป้าหมายว่าปีนี้จะเติบโต 10% และมีผลกำไรครึ่งปีแรก 86.90 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตสูงถึง 393%   นายกิติ สุนทรมโนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 42-43% หรือมียอดขาย 1,800 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรวมจาก 5 โรงงาน 20.8 ล้านตารางเมตร ปัจจุบันผลิตอยู่ประมาณ 80-85% ของกำลังการผลิตโดยรวม ซึ่งทิศทางธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และคาดว่าจะทำผลประกอบการสูงกว่าเป้าหมาย  แม้ว่าภาพรวมตลาดจะทรงตัวก็ตาม   สำหรับกลยุทธ์สร้างการเติบโตของแบรนด์ Q-CON ในปีนี้ คือ   1.การขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มตลาดใหม่อย่างประเทศอินเดีย  รวมถึงการผลักดันสินค้า Q Panel ออกสู่ตลาดต่างประเทศ   เช่น ออสเตรเลีย สปป.ลาว กัมพูชา และมัลดีฟส์ เป็นต้น   2.การขยายตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรแนวราบ  เพื่อสร้างการเติบโตตามตลาดอสังหาริมรัพย์ โดยทำตลาดกับดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ อาทิ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน)  ซึ่งปัจจุบันดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 20-25%   3.การใช้กลยุทธ์ “Q Solution” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความต้องการลูกค้า เน้นเรื่อง Customer Centric ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ Q Panel ระบบผนังกันความร้อนครบวงจร  ระบบ Q Network เครือข่ายทีมช่างที่มีประสบการณ์ พร้อมให้บริการติดตั้งแก่ลูกค้าทั่วประเทศที่ไม่มีแรงงาน   นอกจากนี้ Q-CON ยังมี Solution อื่นๆ อีก เช่น Q Kitchen ครัวปูนทันสมัย ดีไซน์สวย และมีโครงสร้างเสริมเหล็ก High Strength ที่แข็งแรงได้มาตรฐาน พร้อมการบริการติดตั้งครบวงจร โดยใช้เวลาติดตั้งเพียงไม่กี่วัน Q Stair ระบบบันไดที่แข็งแรง  ช่วยลดต้นทุน และลดเวลาการทำงานของลูกค้า Q Sound Barrier ระบบผนังกันเสียงที่ช่วยป้องกันเสียงดังจากรอบข้างได้เป็นอย่างดี เช่น ผนังกันเสียงริมทางหลวงแผ่นดิน รั้วหมู่บ้าน รั้วโรงงาน และรั้วคอนโด   4.การจัดกิจกรรมครบรอบ 25 ปี อาทิ จัดแต่ง Display ร้านค้าทั่วประเทศที่จำหน่ายสินค้า Q-CON  จัดโปรแกรมส่งเสริมการขายพิเศษสำหรับผู้แทนจำหน่าย จัดกิจกรรมสัมมนานวัตกรรมคอนกรีตมวลเบาแก่สถาปนิก วิศวกร ผู้ควบคุมงาน และผู้รับเหมา และยังมีโครงการ Q-CON CSR 25 ปี เป็นต้น ซึ่งแต่ละปีบริษัทจะใช้งบประมาณการตลาดสัดส่วนไม่เกิน 3%        
สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 5-11 สิงหาคม 2562

สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 5-11 สิงหาคม 2562

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงมีความเคลื่อนไหวในวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผลกระทบของมาตรการ LTV ของแบงก์ชาติจะยังมีต่อเนื่อง นี่ยังเจอภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อคนชะลอตัวไปด้วย ตลาดอสังหาฯ​ ก็ออกอาการแย่พอสมควร  งานนี้ก็ต้องวัดกึ๋นและฝีมือกันละว่าใครจะ สามารถประครองตัวเองให้ผ่านพ้นปีนี้ไปได้ และจบปีได้สวยกว่ากัน...   โกลเด้นแลนด์กวาดยอดขาย GOLDEN EMPIRE แจ้งวัฒนะ นายภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮม และนีโอโฮม บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์  เปิดเผยว่า โครงการ โกลเด้น นีโอ แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง เป็นบ้านนีโอ โฮม เนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ จำนวน 156 หลัง มูลค่า กว่า 1,200 ล้านบาท มียอดขายใน 2 วันแรกที่เปิดจอง ถึง 650 ล้านบาท ต่อมาได้เปิดโครงการที่ 2 โกลเด้น ซิตี้ แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น และ 3 ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ จำนวน 167 หลัง มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์ขายหมดทั้งโครงการอีกครั้ง ด้วยยอดขายรวม 732 ล้านบาท (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   สิริเวนเจอร์ส ผนึก สวทช. พัฒนา “รถยนต์ไร้คนขับ”   นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURES) เปิดเผยว่า แผนทดสอบนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยใน SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox ได้เปิดตัว 3 สตาร์ทอัพแห่งอนาคต AIROVR เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ Fling นวัตกรรม โดรนเดลิเวอรี่ และ SoundEye ระบบเซนเซอร์รักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ ตรวจสอบเสียงผิดปกติ นำร่องพัฒนาและทดลองใช้จริงเป็นกลุ่มแรก จับมือ สวทช. สร้าง 3D Mapping เชื่อมโยงรถยนต์ไร้คนขับ เตรียมทดลองวิ่งจริงไตรมาส 4 นี้ ครึ่งปีหลังจ่อลงทุนในสตาร์ทอัพ 4 ด้าน รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 600 ล้านบาท พร้อมสรุปภาพรวมความสำเร็จครึ่งปีแรกของ 2019 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี (PropTech) ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย  ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ตลอดจนสร้างสรรค์และส่งต่อนวัตกรรมการใช้ชีวิตที่ไร้รอยต่อในยุคดิจิทัลให้กับลูกบ้านแสนสิริ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)   ชีวาทัย เปิดตัวโครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA  เปิดเผยว่า  บริษัทได้เปิดตัวโครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ เป็นคอนโดมิเนียมแบบอาคารสูง 25 ชั้น โดยมีจำนวนห้อง 649 ยูนิต พร้อมร้านค้า 5 ร้านในโครงการ ซึ่งมีที่จอดรถอยู่ที่ 49% ของโครงการ บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่  โดยบริษัทยังได้ร่วมมือกับบริษัท COMMAX Company Limited เพื่อนำเทคโนโลยี Home Automation เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกโครงการ (อ่านข่าวเพิ่มเติม)    BMF จับมือพันธมิตรญี่ปุ่นรุกตลาดวัสดุกันไฟ    นายกศิปัญญ์ ศิริธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.เอฟ.เอ็ม. จำกัด  เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้อาคารสูงครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบไม่กี่ปีมานี้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในแต่ละครั้งเกิดความสูญเสีย              ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินโดยในบางกรณีก็ยากที่จะประเมินมูลค่าการสูญเสีย ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการนำเสนอทางเลือกใหม่เพื่อป้องกัน ลดความเสี่ยง และบรรเทาความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ด้วยความร่วมมือกับ มิตซูบิชิ เคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว อัลโพลิค คลาส เอ2 (ALPOLIC A2) แผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิทไส้กลางกันไฟมาตรฐานใหม่สู่ตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการ   ปัจจุบันมีการใช้วัสดุอะลูมิเนียมคอมโพสิทอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการเมกะโปรเจ็คต์ขนาดใหญ่ของภาครัฐ ทั้งสนามบิน สถานีรถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูงในอนาคต รวมถึงอาคาร Mixed use ขนาดใหญ่ของภาคเอกชน โดยตลาดรวมมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปี (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   จัดงานรับสร้างบ้าน กระตุ้นตลาด   นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association)  เปิดเผยว่า ได้เตรียมจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ  Home Builder Expo 2019 ขึ้นในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2562 ที่อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี เพื่อกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังให้เติบโต โดยปีนี้จะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ตารางเมตร จากปีก่อนหน้าใช้พื้นที่จัดงาน 4,000 ตารางเมตร เนื่องจากย้ายสถานที่จัดงานไปยังเมืองทองธานี  ภายในงาน จะเป็นการรวบรวมบริษัทรับสร้างบ้านระดับชั้นนำมาไว้ในงาน พร้อมด้วยแบบบ้านจากบริษัทต่าง ๆ มากกว่า 1,000 แบบ และภายในงานยังมีบ้านในทุกระดับราคาให้ผู้บริโภคได้เลือก ตั้งแต่ 1 – 100 ล้านบาทขึ้นไป และยังมีผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน   คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายในงานได้กว่า 3,000 ล้านบาท (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)   ปิดท้าย... ด้วยการเปิดเผยข้อมูลของสำนักวิจัย Krungthai Compass ธนาคารกรุงไทย ที่ออกมาระบุว่า ผลกระทบจากมาตรการของแบงก์ชาติ ส่งผลให้มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมติดลบ 16% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน  โดยตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบติดลบน้อยกว่าแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม เนื่องจากส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่จริง ไม่ได้ปล่อยเช่าหรือเก็งกำไร และประเมินว่าปีนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล จะมีมูลค่า 5.1 แสนล้านบาท หดตัว 10% โดยที่อยู่อาศัยแนวราบหดตัว 4% ขณะที่คอนโดมิเนียมมีโอกาสติดลบ 20% และพบว่าบ้านแฝดหรือบ้านที่อยู่อาศัยกึ่งกลางระหว่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ มีส่วนช่วยพยุงตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้รับความนิยมมากขึ้น มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์บ้านแฝดเติบโต 30%  ขณะที่ทาวเฮ้าส์ขยายตัว 7% บ้านเดี่ยวและตึกแถวอยู่ในภาวะหดตัว (อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม)
“ทีฆา เรียลเอสเตท” ลงสนามอสังหาฯ รุกตลาดแนวราบ กางแผน5 ปี 3 โครงการ

“ทีฆา เรียลเอสเตท” ลงสนามอสังหาฯ รุกตลาดแนวราบ กางแผน5 ปี 3 โครงการ

ในวงการรับเหมาก่อสร้างคงจะรู้จักถึงชื่อเสียงอันยาวนานกว่า 35 ปี ของ บริษัท ฑีฆา ก่อสร้าง จำกัด ที่เป็นเบื้องหลังการก่อสร้างอาคารสูงชื่อดังไว้ไม่น้อย ตอนนี้ก็ได้เวลาลงสู้ศึกสนามอสังหาริมทรัพย์เองบ้าง โดยได้ผุดบริษัท ทีฆา เรียลเอสเตท จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ กางแผน 5 ปี 3 โครงการ ยึดแนววงแหวนรอบนอก ชูจุดเด่นด้านการควบคุมราคาต้นทุนได้ แต่ได้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ ในราคาเป็นมิตร ประเดิมพัฒนาโครงการแรก The Essence Chaiyaphruek-Wongwaen (ดิ เอสเซนส์ ชัยพฤกษ์-วงแหวน)      นายพีระวัฒน์ วานิชวัฒน์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีฆา เรียลเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า แม้ภาวะตลาดอสังหาฯ จะยังเติบโตไม่มาก แต่ยังเชื่อว่าตลาดแนวราบยังคงไปต่อได้ เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพที่มีอยู่ โดยเฉพาะการนำเอาองค์ความรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาจาก นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆา ก่อสร้าง จำกัด ที่มีความเข้าใจในขั้นตอนการผลิตและก่อสร้างเป็นที่ยอมรับในวงการมาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี ทำให้รู้ขั้นตอนการผลิตและก่อสร้างได้เป็นอย่างดี จึงทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่นถึง 5-10% โดยประเดิมพัฒนาโครงการแรก The Essence Chaiyaphruek-Wongwaen (ดิ เอสเซนส์ ชัยพฤกษ์-วงแหวน) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 43 ไร่ ทำเลบ้านกล้วย-ไทรน้อย พัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ ขนาดตั้งแต่ 16.5-22 ตารางวา ราคาขายตั้งแต่ 1.55-2.2 ล้านบาทต่อยูนิต และบ้านแฝด ขนาดตั้งแต่ 35-50 ตารางวา ราคาขายตั้งแต่ 2.89 ล้านบาท - 3.3 ล้านบาท รวมจำนวน 421 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 950 ล้านบาท     จุดเด่นของโครงการ THE ESSENCE ชัยพฤกษ์-วงแหวน คือหากเทียบกับคู่แข่งจะได้ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่มาก กว่า ได้วัสดุที่ดี แต่ขายในราคาถูกกว่า บริษัทตั้งใจจะพัฒนาโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด ที่ระดับราคาขายกลาง-กลางล่าง เพื่อให้ราคาสามารถจับต้องได้ง่าย อยู่ที่ 3-7 ล้านบาท โดยภายใน 5 ปีนี้ วางแผนเปิด 3 โครงการ ในทำเลที่จะยึดเอาวงแหวนรอบนอกเป็นหลัก ได้แก่ ย่านนนทบุรี ย่านรามอินทรา ไม่เกินห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ และทำเล บางนา จะไม่เกินย่านถนนกิ่งแก้ว ซึ่งจะมีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,100-3,000 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วมูลค่าโครงการละ 700-1,000 ล้านบาท แต่ในระยะแรกจะจะทำการตลาดเพื่อสร้างชื่อเสียง การจดจำ และเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคในลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย การช่วยเหลือลูกค้าเรื่องสินเชื่อ ด้วยการช่วยตรวจสอบ กลั่นกรองให้ในเบื้องต้นก่อนที่จะยื่นให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้ลดการถูกปฏิเสธสินเชื่อได้น้อยลง      
Krungthai Compass มองตลาดอสังหาฯ 62 “บ้านแฝด” ตลาดที่เติบโตสวนกระแสปัจจัยลบ กับ 4 เหตุผลที่คนเลือกซื้อ

Krungthai Compass มองตลาดอสังหาฯ 62 “บ้านแฝด” ตลาดที่เติบโตสวนกระแสปัจจัยลบ กับ 4 เหตุผลที่คนเลือกซื้อ

ปีนี้ดูเหมือนว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เจอมรสุมหลายเรื่อง ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลทำให้คนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะต้องใช้เงินเยอะ ยังมีเรื่องของการออกมาตรการสกัดนักเก็งกำไร หรือนักลงทุน อย่างมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นผลทำให้ตลาดอสังหาฯ ปีนี้ชะลอตัวลง แต่จะมากน้อยแค่ไหนคงต้องรอให้สิ้นสุดปีนี้ไปก่อน   แต่หากมาดูสถานการณ์ปัจจุบันภายหลังจากใช้มาตรการ LTV ไปแล้ว ว่ามีผลเป็นอย่างไรบ้างนั้น ก็น่าจะประเมินภาพรวมตลอดทั้งปีของตลาดอสังหาฯ 2562 ได้ไม่ยากนัก  ซึ่งเรื่องนี้ ทางสำนักวิจัย Krungthai Compass ธนาคารกรุงไทย ได้รายงานผลการวิจัยตลาดอสังหาฯ​ หลังใช้มาตรการ LTV  เอาไว้ เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงทิศทางของธุรกิจในปีนี้   โดยดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สำนักวิจัย Krungthai Compass ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า หลังเกณฑ์การใช้มาตรการ  LTV พบว่ามูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม มีมูลค่า 67,300 ล้านบาท ติดลบ 16% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น คอนโดฯ มูลค่า 29,800 ล้านบาท ติดลบ 27% และที่อยู่อาศัยแนวราบมูลค่า  37,500 ล้านบาท ติดลบ 4%   ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการโอนอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ​ และปริมณฑล ยังเติบโตในอัตรา 5% มีมูลค่า 200,200 ล้านบาท ตลาดคอนโดฯ ติดลบ 2% มีมูลค่า  87,500 ล้านบาท แต่แนวราบเติบโต 11%  มีมูลค่า 112,700 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นไปตามที่หลายฝ่ายประเมินเอาไว้ และสอดคล้องกับตัวเลขของธปท. ที่ออกมาระบุถึงการขอวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในสัญญาที่ 2 สำหรับคอนโดฯ ลดลง 25% แต่ถ้าเป็นตลาดแนวราบยังโต 3%  เป็นเพราะตลาดบ้านแนวราบเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงมากกว่า    “มาตรการที่ออกมาก็ได้ดั่งใจแบงก์ชาติ เพราะกู้ซื้อบ้านสัญญา 1 โต แต่กดดีมานด์สัญญา 2 เพราะความกลัวว่าสัญญา 2 จะทำให้ราคาเติบโตเร็วเกินไป ก่อหนี้ครัวเรือนสูงเกินไป”   ส่วนยอดขายหรือพรีเซลล์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มียูนิตเปิดขายใหม่ราว 51,500 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดฯ33,000 ยูนิต และแนวราบ 18,500 ยูนิต  โดยคอนโดฯ สามารถขายได้ 11,850 ยูนิต คิดเป็น 36% ของยูนิตเปิดใหม่ ขณะที่แนวราบสามารถขายได้ราว 3,300 ยูนิต คิดเป็น 18% ของยูนิตเปิดใหม่   โดยในภาพรวมปีนี้สำนักวิจัย Krungthai Compass  ประเมินว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล จะมีมูลค่า 510,000 ล้านบาท หดตัว 10% ซึ่งที่อยู่อาศัยแนวราบหดตัว 4% ขณะที่คอนโดมิเนียมมีโอกาสติดลบ 20%   บ้านแฝด โตสวนตลาดติดลบ   ท่ามกลางภาวะตลาดอสังหาฯ ที่ชะลอตัว ยอดขายหรือ พรีเซลล์ลดต่ำ ซึ่งตลาดคอนโดฯ พรีเซลล์ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมามียอดลดลง 30% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมียอดพรีเซลล์ 68% ขณะที่แนวราบพรีเซลล์ก็ลดลง ด้วยเช่นกันจาก 35% มาเป็น 17% ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่ตลาดที่ถือว่าเป็น “พระเอก” ทำผลงานออกมาโดดเด่นในปีนี้ คือ กลุ่มบ้านแฝด เพราะมีตัวเลขเติบโตสวนตลาดที่อยู่อาศัยอื่นๆ   ช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา มีการโอนกรรมสิทธิ์บ้านแฝดเติบโต  9% สูงกว่าตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวม 2 เท่า บ้านแฝด จึงมีส่วนช่วยพยุงตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบไว้ไม่ให้ลดลงมาก โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้รับความนิยมมากขึ้น มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์บ้านแฝดเติบโต 30%  ขณะที่ทาวเฮ้าส์ขยายตัว 7% บ้านเดี่ยวและตึกแถวอยู่ในภาวะหดตัว     ปัจจุบันบ้านแฝดมีมูลค่าการโอนสัดส่วน 8% จากภาพรวมของตลาดบ้านแนวราบ ที่คาดว่าปีนี้น่าจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 9% ส่วนบ้านเดี่ยวมีสัดส่วน 45% และทาวน์เฮ้าส์มีสัดส่วน 37% ซึ่งทั้งสองประเภทอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่กลุ่มอาคารพาณิชย์หรือตึกแถว สัดส่วนโอนกรรมสิทธิ์ลดลงเหลือ 10% จากปีที่แล้วมี 11% 4 เหตุผลคนเลือกซื้อ “บ้านแฝด”   สิ่งที่ทำให้บ้านแฝดได้รับความนิยมจากลูกค้า น่าจะมาจากการตอบโจทย์ความต้องการของการอยู่อาศัยได้มากขึ้น ท่ามกลางภาวะตลาดที่นับวันมีแต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น   สำหรับเหตุผลที่คนเลือกซื้อบ้านแฝดเพื่ออยู่อาศัยมากขึ้นนั้น มาจาก 4 เหตุผลสำคัญ คือ   1.ถูกกว่าบ้านเดี่ยวแต่ฟังก์ชั่นแทบไม่ต่าง   เมื่อพิจารณาจากฟังก์ชั่นและราคา บ้านแฝดคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าบ้านเดี่ยว  ราคาบ้านแฝดเริ่มต้นเฉลี่ย 2.5 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ​ เริ่มต้น 4.2 ล้านบาท ขณะที่ฟังก์ชั่นของบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดแทบไม่ต่างกัน เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีการออกแบบและก่อสร้างทำให้ฟังก์ชั่นบ้านไม่แตกต่างกันแล้ว แถมบ้านแฝดมีหน้าตาคล้ายบ้านเดี่ยวมากขึ้น จากเดิมก่อสร้างบ้านให้มีผนังติดกัน ตามข้อกฎหมายก็เปลี่ยนมาใช้เป็นโครงสร้างใต้ดินติดกันแทน     2.ใช้เงินดาวน์น้อยกว่าคอนโดฯ เมื่อราคาบ้านถูกกว่า ทำให้การดาวน์บ้านก็ต่ำลงด้วย ระยะเวลาการเก็บเงินเพื่อดาวน์บ้านก็น้อยลง เมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ  บ้านแฝดใช้ระยะเวลาน้อยกว่าถึง 3 เท่า     3.อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ในราคาที่คุ้มค่า ด้วยการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าออกไปมากขึ้น ทำให้การพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้ามีมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในรูปแบบของการพัฒนาก็ต้องมี “บ้านแฝด”     4.ตัวเลือกที่มีมากและคุณภาพที่ดีขึ้น   ปัจจุบันบ้านแฝดมีตัวเลือกที่มากขึ้นและคุณภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หันมาพัฒนาบ้านแฝดมากขึ้น เพราะในต้นทุนที่ดินเท่ากัน การพัฒนาบ้านแฝดเมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวแล้ว จะได้ความคุ้มค่าของโครงการมากกว่า ที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์มีการพัฒนาบ้านแฝดปีละ 3,500-4,000 ยูนิตต่อปี ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,500-7,500 ยูนิต หรือขยายตัวเฉลี่ยปีละ 18%   10 ทำเลทอง บ้านแฝด   ด้านนายกณิศ อ่ำสกุล นักวิเคราะห์ ผู้ร่วมทำงานวิจัย เปิดเผยว่า บ้านแฝดราคา 3-5 ล้านบาท มียูนิตพร้อมขายมากที่สุด โดยมีจำนวนพร้อมขายมากถึง  12,000 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 60% ขณะที่ราคา 2-3 ล้านบาท มีสัดส่วน 20% และราคา 5-10 ล้านบาท มีสัดส่วน 14% ตามลำดับ ซึ่งการเลือกซื้อบ้านแฝดควรเลือกที่อยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มจะเป็นพื้นที่ศักยภาพ ที่ราคาขายต่อของบ้านในอนาคตจะไม่ถูกกดดัน จากการให้ส่วนลดหรือการจัด Marketing Campaign เพื่อระบายสต๊อก ซึ่งสะท้อนจากการมียูนิตเหลือขายต่ำและใช้ระยะเวลาค่อนข้างสั้นในการขายหมด   สำหรับพื้นที่ศักยภาพสำหรับการซื้อบ้านแฝด ประเมินว่ามี 10 ทำเลที่มีความโดดเด่นเหนือพื้นที่อื่นๆ โดยแบ่งตามระดับราคา     กลุ่มราคา 2-3 ล้านบาท มี 2 ทำเล ได้แก่ พื้นที่พระราม 2-เพชรเกษม ย่านเอกชัย-บางบอน และพื้นที่มีนบุรี-สุวินทวงศ์ ย่านนิมิตรใหม่ กลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท มี 4 ทำเลได้แก่ พื้นที่ติวานนท์ ย่านติวานนท์-นวลฉวี พื้นที่มีนบุรี-สุวินทวงศ์ ย่านหทัยราษฎร์ และหนองจอก พื้นที่พระราม 2-เพชรเกษม ย่านวงแหวน-เพชรเกษม และพระราม 2 กม.1-10 และพื้นที่กรุงเทพฯตะวันออก ย่านลาดกระบัง กลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท มี 4 ทำเลได้แก่  พื้นที่รังสิต-ปทุมธานี ย่านคลอง 1-7 พื้นที่รัชดา-ลาดพร้าว ย่านโชคชัย 4  พื้นที่พระราม 2-เพชรเกษม ย่านวงแหวน-เพชรเกษม และพื้นที่ติวานนท์ ย่านสรงประภา  
รีวิว บ้าน Nirvana BEYOND พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา : สไตล์ Natural Modern Design

รีวิว บ้าน Nirvana BEYOND พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา : สไตล์ Natural Modern Design

บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern ที่นิยมนำเอารูปทรงเรขาคณิตมาใช้เป็นส่วนใหญ่ แล้วใช้วัสดุหรือโทนสีที่เน้นความเรียบง่ายเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่ใช่แค่ลักษณะสวยงามทันสมัยภายนอกเท่านั้น แต่ Space ที่โปร่งโล่ง และการวางฟังก์ชั่นในทุกตารางนิ้วก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ฉะนั้นหากเราจะนิยามความ Modern ว่า “เรียบแต่มาก” ก็คงไม่ผิดนัก สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่เหมาะกับ Lifestyle คนรุ่นใหม่อย่างน่าหลงใหล เหมือนกับบ้านเดี่ยวจากเนอวานา ไดอิ ที่ยังคงเสน่ห์ของดีไซน์แบบนี้เอาไว้ แม้จะมีการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่กันในปีนี้ แต่รับรองว่าลงตัวกว่าเดิมแน่นอนค่ะ   ทำเลบ้านเดี่ยวระดับ Hi End   ตั้งแต่ถ.ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เราจะเห็นหลายโครงการแนวราบระดับ Hi End เปิดตัวในทำเลนี้กันไม่น้อย ด้วยความสะดวกในการเดินทาง สิ่งแวดล้อมเงียบสงบ ทำให้เชื่อว่าย่านนี้จะกลายเป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยระดับ Hi End อย่างสมบูรณ์โดยไม่ช้า     Nirvana BEYOND พระราม9-กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่ริมถ.ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ที่มีความกว้างขวางสะดวกสบายตลอดเส้นทาง 12 กิโลเมตร จากถ.ศรีนครินทร์ข้ามถ.กาญจนาภิเษก ไปจนถึงถ.เจ้าคุณทหาร ใกล้กับทางด่วนทั้งถ.กรุงเทพฯ-ชลบุรี สายใหม่ (มอเตอร์เวย์) ถ.กาญจนาภิเษก และทางพิเศษศรีรัช สามารถเข้าเมืองย่านพระราม 9 เพียง 15 นาที หรือหากเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วยการใช้สะพานข้ามถ.กาญจนาภิเษก ซึ่งกำลังก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการถ.ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ก็จะยิ่งทำให้เป็นเรื่องง่าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น รอบๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายแห่ง เช่น รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์, รพ.รามคำแหง, ม.อัสสัมชัน, สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น, เดอะมอลล์บางกะปิ, เดอะไนน์ พระราม 9 ฯลฯ     นอกจากนี้แม้จะเป็นทำเลบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างๆ แต่ก็ยังอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ทั้งแอร์พอร์ตลิ้ง สถานีหัวหมาก รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีกรีฑา และรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีสัมมากร ทุกสายล้วนมีการเชื่อมต่อเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ง่าย รวดเร็วขึ้น           ภาพรวมโครงการ บ้าน Nirvana BEYOND Nirvana BEYOND พระราม9-กรุงเทพกรีฑา บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 3 Type พื้นที่ใช้สอยขนาด 300-470 ตร.ม. โดยอยู่บนที่ดินทั้งหมด 27 ไร่ 85 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 25-60 ล้านบาท       บ้านเดี่ยวโฉมใหม่ ฉีกกฏการดีไซน์เพื่อการใช้ชีวิตที่แตกต่าง All New Design จากเนอวานา ไดอิ เปิดตัวบ้านดีไซน์ใหม่สดๆ ร้อนๆ กันในปีนี้ ซึ่งยังคงความเป็นโมเดิร์นสุดล้ำ เหมือนการเอากล่องคอนกรีตสี่เหลี่ยมหลากหลายขนาดมาวางทับซ้อนกันแล้วบิดองศา เพิ่มมิติให้ยิ่งดู Unique อย่างมีสไตล์แบบฉบับเนอวานา ไดอิ ที่จะมาชวนเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตอย่างอย่างไม่ต้องตามใคร เพราะไม่ใช่แค่ดีไซน์ Modern เท่ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็น Natural Modern Design ออกแบบให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมในบ้านเรา ดึงธรรมชาติเข้ามาชิดกันมากขึ้น มีความเป็น Timeless ทันสมัยไม่ตกยุค นอกจาก Exterior Design ที่สวยสะดุดตาแล้ว ก็ยังได้ประโยชน์กับ Interior Design ด้วย เพราะจะได้เพิ่ม Space เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้มากขึ้น มีการวางฟังก์ชั่นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริงของทุกไลฟ์สไตล์ได้ลงตัวมากขึ้น โดยบ้านทั้ง 3 Type นั้นแตกต่างกันทั้งภายนอกและภายในบ้านอย่างเห็นได้ชัด แต่ละหลังจะมีจุดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งเราจะพาไปชมครบทุก Type รวมถึงส่วนกลางด้วยค่ะ     Design สวย Function ครบ พร้อม Innovation เพื่อการอยู่อาศัยสะดวกสบาย เกิดเป็นความสุขของการใช้ชีวิตที่ Nirvana BEYOND พระราม9-กรุงเทพกรีฑา      นอกเหนือจากดีไซน์สวย ฟังก์ชั่นดีแล้ว ยุคนี้หากจะให้บ้านสมบูรณ์ขึ้นก็ต้องมีนวัตกรรมเข้ามาช่วยให้สมาชิกในครอบครัวของเราสะดวกสบาย ปลอดภัย และสุขภาพดีตามเทรนด์ Well Being Living ด้วย เริ่มจากการคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วยการมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าถึงทุกจุดในบ้านอย่างทั่วถึง เชื่อมต่อ WiFi เข้ากับอุปกรณ์ของคุณได้ทุกรูปแบบ ตอบโจทย์การทำงานแบบ Work From Home ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างเข้าใจ   สิ่งสำคัญคือเรื่องของสุขภาพของคนในครอบครัวที่มองข้ามไม่ได้ บ้านของเนอวานา ไดอิ จึงมีระบบ Air Control System เพื่อปรับอากาศภายในบ้านให้เกิดความสมดุลอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะช่วยเรื่องการหมุนเวียนของอากาศที่ดี ลดปัญหาฝุ่นควันจากภายนอก ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั่วโลกประสบพบเจออยู่ในตอนนี้ สุดท้ายคือเรื่องของความปลอดภัยที่หลายคนคำนึงถึงเมื่อจะซื้อที่อยู่อาศัยสักแห่ง การวางระบบความปลอดภัยรอบโครงการไปจนถึงในบ้าน แปลนบ้าน Nirvana BEYOND SPACE บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 300 ตร.ม. 3 Bedrooms 3 Bathrooms 1 Living Room 1 Powder Room 1 Maid Room 2 Parking Lots   MIND บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 370 ตร.ม. 4 Bedrooms 4 Bathrooms 1 Living Room 1 Maid Room 3 Parking Lots   LUXE บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 470 ตร.ม.   4 Bedrooms 4 Bathrooms 1 Living Room 1 Powder Room 1 Maid Room 3 Parking Lots   เดินชมโครงการบ้าน Nirvana BEYOND Nirvana BEYOND พระราม9-กรุงเทพกรีฑา ต้อนรับทีมงาน Reviewyourliving ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยของรปภ. ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Main Gate สีขาวกับเส้นโค้งซ้อนกันตามแบบธรรมชาติ เหมือนเป็นการเกริ่นก่อนเผยให้เห็นไฮไลท์ความเป็น Natural Modern ของดีไซน์บ้านแต่ละหลัง   ด้วยพื้นที่บริเวณรอบไม่มีตึกสูงมาบังลม ทำให้วันที่เราไปยืนอยู่กลางโครงการนั้นมีลม Flow พัดผ่านต้นไม้ใหญ่รอบโครงการ และสระว่ายน้ำระบบเกลือ เข้าสู่ตัวอาคาร Clue House 2 ชั้น ที่มีความโปร่งเปิดช่องให้ลมสามารถผ่านได้มาเป็นระยะ ซึ่งก็จะมีทั้งสนามเด็กเล่น ห้องประชุมออนไลน์ ห้องรับรอง ห้องฟิตเนสชั้นบนที่เป็นกระจก Full Height ล้อมรอบมองลงมาเห็นวิวสระว่ายน้ำและบริเวณรอบโครงการ     อีกสิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้คือภายในโครงการนำระบบสายไฟฟ้ารวมถึงสายเคเบิ้ลลงใต้ดินทั้งหมด แบบนี้แล้วก็ยิ่งส่งให้โครงการดูสวยงามสะอาดตาเข้ากับบรรยากาศสีเขียวของต้นไม้สลับกับสีขาวของอาคารคลับเฮ้าส์แล้วตัวบ้านได้อย่างสวยงามเป็นระเบียบเลยทีเดียวค่ะ   เปิดบ้านตัวอย่าง Type Space เรามาเริ่มกันจาก Type แรกค่ะ Space เป็นบ้านเดี่ยวขนาดเริ่มต้นของโครงการ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก ใช้สี Signature ของความเป็น Modern คือขาวสลับกับสีเทาอ่อนๆ ตัดกับกรอบไม้เพิ่มความรู้สึกอบอุ่น ตรงกลางบ้านชั้น 2 มีมุมเพิ่มมิติ เหมือนมี Pop Up ออกมา ทำให้ดูไม่เรียบทื่อจนเกินไป   ภายในบ้านทุก Type จะมีพื้นที่แรกเป็น Foyer ตามแนวคิดของวัฒนธรรมชาวญี่ปุ่น ที่ทุกบ้านจะต้องมีส่วนนี้ไว้เพื่อถอด-จัดเก็บรองเท้า ป้องกันเศษดินทรายที่ติดมากับรองเท้าเลอะเทอะเข้าสู่ตัวบ้าน ถัดเข้ามาจึงจะเป็นพื้นที่ชั้นแรกของบ้าน ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ กลางบ้านคือ Living Room ที่สามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกไปยังพื้นที่สวนข้างบ้าน และฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่จัดวางมาเพื่อการใช้งานจริงอย่างสะดวกสบาย ตั้งแต่การวาง Powder Room ไว้ข้าง Living Room สะดวกต่อการใช้งานของแขกเมื่อมาที่บ้าน Dinning Room อยู่ลึกเข้าไปในพื้นที่เดียวกัน เชื่อมต่อด้วยครัวปิดข้างกัน   ห้องครัวปิดจะได้ Built In เคาน์เตอร์ครัวทรง L Shape แล้ว Top ด้วยหินสังเคราะห์ พร้อมอุปกรณ์ทำครัว อาทิ ซิงค์ล้างจาน เตาแม่เหล็กไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน ซึ่งบ้านทุกหลังจะมีประตูบานสวิงขอบอลูมิเนียมกั้นระหว่างครัวปิดกับหลังบ้าน โดยประตูนี้เป็นนวัตกรรมจาก Tostem ตรงกลางบานสามารถเลื่อนเปิดปิดให้เป็นประตูแบบโปร่งสามารถระบายอากาศและกลิ่นได้ดีกว่าเป็นประตูบานทึบอย่างเดียว   บันไดที่เป็นจุดอับ ซึ่งอันตรายที่สุดของบ้าน แต่เนอวานา ไดอิ ก็ยังไม่พลาด Detail นี้ เพราะมีการเจาะช่องหน้าต่างทุกชั้นเพิ่มแสงสว่างลดอันตรายจากการเกิดจุดมืดตรงบันได แล้วยังมีจังหวะการเล่นระดับความสูงของเพดานได้อย่างน่าสนใจ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นจุดอับของบ้านแต่กลับรู้สึกโปร่งมากขึ้น   จุดเด่นของบ้านหลังนี้อยู่ที่ชั้น 2 ปูพื้นด้วย Engineering wood ซึ่งเป็น Master Bedroom ทั้งชั้น โดยส่วนที่เราเห็นจากหน้าบ้านที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมยื่นออกมา ภายในจะได้ Space ตรงนี้เพิ่มขึ้นเป็นห้อง Multi Purpose สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ได้ทั้งความเท่ไม่เหมือนใครของการดีไซน์ และการขยายพื้นที่ใช้สอยให้รับกับทุกไลฟ์สไตล์มากขึ้น พร้อมเชื่อมต่อกับระเบียงส่วนตัวกับโซนเตียงนอนตรงกลางห้อง ส่วนลึกเข้าไปจะเป็นห้อง Walk In Closet ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวที่มีส่วนเปียกแยกระหว่าง Shower กับ Bathtub ใช้สุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ ซึ่งติดตั้งทุกอย่างมาพร้อมใช้งาน   ชั้น 3 สูงสุดของบ้านจะมีห้องนอนที่ 2 และห้องนอนที่ 3 ซึ่งทุกห้องสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ มีห้องน้ำในตัวและระเบียงส่วนตัว ถือเป็น 2 ห้องนอนที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน   Type Mind    ถัดมาเป็นบ้านเดี่ยวขนาดกลางหน้ากว้างของโครงการ มีจุดเด่นเก๋ๆ ตรงหน้าต่างแนวยาวของชั้น 2 ซึ่งเป็นห้อง Master Bedroom เพราะโดยทั่วไปแล้วลักษณะของบ้านสไตล์โมเดิร์นจะเจาะหน้าต่างเป็นกระจกบานสูงใหญ่เพิ่มการเปิดรับแสงอาทิตย์เข้ามาให้ได้มากที่สุด เราไม่ค่อยเห็นหน้าต่างทรงแคบยาวลักษณะนี้เท่าไรนัก แต่จะได้ความ Private สูงกว่า จากสายตาของคนภายนอก ประกอบกับ Common Area ของบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะเป็น Living Room ที่ได้ Double Volume สูงโปร่ง และระเบียงขนาดใหญ่ที่ชั้น 3 ทำให้บ้าน Type นี้เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ Common Area ทำกิจกรรมร่วมกันแต่ยังคงอยากได้ความ Private อยู่ด้วยเช่นกัน   เริ่มต้นด้วยความโอ่อ่าของบ้านด้วย Living Room ที่ได้ความสูง Double Volume จรดเพดานของชั้น 2 ขณะเดียวกันก็สามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกไปยังพื้นที่ข้างบ้าน ซึ่งที่ดินรอบบ้านก็มีขนาดมากพอที่จะใช้ประโยชน์ได้จริง อย่างบ้านตัวอย่างนี้ก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่น สามารถใช้รับแขกได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ถัดไปทางด้านข้างคือ Dinning Room อยู่ตรงข้ามกับครัวปิดที่มีเคาน์เตอร์ L Shape ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ถัดไปอีกด้านจะเป็นห้องนอนชั้นล่าง อยู่ใกล้กับห้องน้ำที่แยกส่วนเปียกแห้งแน่นอนว่าดีไซน์มาสำหรับผู้สูงอายุไม่ต้องเดินขึ้นลงบันไดให้เสี่ยงอันตราย   Master Bedroom ชั้น 2 จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ทั้งด้านหลังบ้านเป็นห้อง Walk In Closet ขนาดใหญ่ และห้องน้ำที่มีทั้งส่วนเปียกเป็น Shower กับ Bathtub ส่วนแห้งมีทั้งสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ และอ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ เชื่อมต่ออีกส่วนหนึ่งของห้องด้วยโถงทางเดินที่สามารถมองลงไปเห็น Living Room รวมถึงสวนนอกบ้านได้ ซึ่งหากอยากได้ความส่วนตัวยิ่งขึ้นก็สามารถสร้าง Green Wall จากข้างบ้านบังสายตาจากเพื่อนบ้าน แถมยังได้พื้นที่สีเขียวเพิ่มด้วยนะคะ ทำให้แม้อยู่ในห้องนอนของตัวเองแต่ก็ยังสามารถมองเห็นธรรมชาติภายนอกได้ และส่วนที่เป็นห้องนอนทางฝั่งหน้าบ้าน ตรงหัวนอนจะเป็นหน้าต่างทรงแคบยาวอย่างที่เห็นตอนอยู่หน้าบ้าน แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องกลับเปิดมุมมองจากหน้าต่างนี้ได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น อย่างที่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ขณะเดียวกันก็ได้ความ Private ไปด้วย ด้านข้างสามารถเปิดออกไปนั่งรับลมตรงระเบียง ซึ่งขนาดกำลังพอดีสำหรับเก้าอี้ 2 ตัว พร้อมโต๊ะกลาง      ชั้น 3 จะวางห้องนอน 2 ห้องติดกันไปทางฝั่งหลังบ้าน ซึ่งห้องแรกจะได้ระเบียงส่วนตัวรูปทรงตัว L ส่วนห้องที่ 2 จะได้มุมสำหรับวางโต๊ะทำงานได้วิวหน้าบ้าน ส่วนโถงทางเดินกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถจัดเป็น Pentry ตามแบบบ้านตัวอย่างได้ และสุดท้ายสำหรับระเบียงที่มีขนาดกว้างที่สุดของบ้านจากทั้งหมด 3 Type ของโครงการ บนชั้น 3 แห่งนี้ จะเป็นพื้นที่ Family Terrace สามารถรองรับกิจกรรมเล็กๆ ของครอบครัวได้ อย่างการเปลี่ยนบรรยากาศขึ้นมาปาร์ตี้บาร์บีคิวกันทั้งครอบครัวได้เลยนะคะ   Type Luxe มาถึงไฮไลท์ของ Nirvana BEYOND พระราม9-กรุงเทพกรีฑา กันแล้วค่ะ สำหรับบ้าน Type ใหญ่ที่สุด ดีไซน์โดดเด่นที่สุด ด้วยรูปแบบบ้านที่วางในลักษณะ C shape ซึ่งจะได้ Court กลางบ้าน โดดเด่นด้วยกล่องบิดมุมกลางบ้าน เน้นความโปร่งจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่สลับกับกำแพงทึบสีขาว โชว์ให้เห็น Living Room สวยๆ ในบ้านบนชั้น 2 ไปจนถึงโถงชั้น 3 ที่คล้ายกับเป็นชั้นลอย ทางเข้าบ้าน Double Entrance ที่เลือกได้ว่าจะเปิดประตูชั้น 1 หรือจะเดินขึ้นบันไดด้านข้างเพื่อเข้าสู่ Living Room ที่ชั้น 2 เลย ประกอบกับฟังก์ชั่นภายใน ส่งให้บ้านหลังนี้เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่มีหลาย Generation อยู่ร่วมกันเพราะพื้นที่ Common Area กว้างๆ หลากหลายโซนให้ได้เลือกเปลี่ยนมุมทำกิจกรรมด้วยกันอย่างไม่มีเบื่อ ทุกชั้นสามารถสื่อสารถึงกันได้ ให้ความรู้สึกถึงการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวภายใต้ชายคาเดียวกัน   ชั้น 1 หลังจากผ่าน Foyer เข้าไปจะเจอ Dinning Room ขนาดใหญ่ สามารถใส่ Pantry เข้าไปเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยได้ รองรับได้ทั้งครอบครัวหรือแม้แต่การจัดปาร์ตี้เล็กๆ ภายในบ้านก็ยังสามารถทำได้ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งมี  Powder Room ไว้รองรับด้วย ถัดไปจะมีการแยกระหว่างครัวปิดแบบ Double Wall Kitchen กับห้อง Laundry อย่างเป็นสัดส่วน ในส่วนของ Washing Area ก็เชื่อมต่อกับห้อง Laundry ออกไปนอกบ้านด้านข้างสะดวกต่อการใช้งาน   เมื่อเดินผ่าน Corridor กลางบ้านก็จะเห็นลักษณะ C shape ของบ้านชัดขึ้น เพราะในส่วนของ Inner Court กลางบ้านที่เป็นแบบ Semi Outdoor จึงสามารถออกไปนั่งเล่นนอกบ้าน ใกล้ชิดกับต้นไม้ สวนสีเขียวของเราได้มากขึ้นกว่าการเปิดโล่งทั้งหมด          สุด Corridor ด้านในก็จะพบห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกระจก Full Height เข้ามุมด้านข้าง Inner Court มองเห็นถึงด้านบนชั้น 2 ถือเป็นห้องผู้สูงอายุที่กว้างขวาง ไม่อึดอัด ได้รับแสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาทั่วถึง พื้นห้องน้ำไม่มีการเพิ่มหรือลดระดับ เพื่อความปลอดภัยเวลาก้าวเดิน        Living Room ชั้น 2 พื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะรองรับครอบครัวใหญ่เวลาอยู่ร่วมกันได้อย่างเต็มที่ เพดานสูงโปร่งมองไปเห็นถึงโถงทางเดินชั้น 3 ขณะเดียวกันก็ยังสามารถสัมผัสที่ Inner Court กลางบ้านได้ทั้งภายใน Living Room และระเบียงทางเดินด้านนอกให้สัมผัสถึงยอดไม้ของต้นไม้ใหญ่ประจำบ้านได้แค่เพียงเอื้อมมือ   Master Bedroom ยังคงอยู่ที่ชั้น 2 แห่งนี้เช่นเคยค่ะ พื้นที่ในห้องขนาดใหญ่สามารถแบ่งเป็นส่วน Walk In Closet บริเวณใกล้กับห้องน้ำในตัว เพื่อการใช้งานที่ Smooth มากกว่า ด้านข้างเตียงเป็นกระจก Full Height เปิดรับแสงธรรมชาติจาก Inner Court ส่งไปจนถึงประตูกระจกที่ระเบียงส่วนตัวอีกด้าน         สุดท้ายที่ชั้น 3 ค่ะ ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง มีขนาดมากพอที่จะแบ่งพื้นที่ห้องเพื่อใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ เช่น Walk In Closet หรือห้องทำงาน มีห้องน้ำในตัวแยกส่วนเปียกที่เป็น Shower กับส่วนแห้ง และระเบียงพักผ่อนส่วนตัว   ความงามของบ้านสไตล์โมเดิร์นหลังหนึ่งก็มีเสน่ห์มากอยู่แล้ว แต่เนอวานา ไอดิ สามารถเติมมิติใหม่ลงไปให้ชวนหลงใหลเข้าไปอีก ซึ่งไม่ใช่แค่ได้ Space ดีๆ เพิ่มขึ้น แต่เหมือนเพิ่มพื้นที่แห่งความสุขไปด้วย ทำให้ทุกมุมมองไม่ว่าเราจะก้าวเดินไปยังส่วนไหนของบ้าน ก็ให้ Mood&Tone ที่รู้สึกอบอุ่น โปร่งสบาย ซึ่งบ้านเดี่ยวดีไซน์นี้ไม่ได้มีไว้แค่สำหรับคนกรุงเทพฯ เท่านั้นนะคะ แต่ชาวอุดรธานีก็สามารถสัมผัสได้เช่นกันที่โครงการ Nirvana Beyond อุดรธานี หากพร้อมที่จะก้าวใช้ชีวิตให้แตกต่างอย่างลงตัวไปกับโครงการ “Nirvana BEYOND พระราม9-กรุงเทพกรีฑา” แล้วล่ะก็ ลงทะเบียนเพื่อเข้าไปชมโครงการจริงได้เลยค่ะ ดูข้อมูล บ้าน Nirvana BEYOND เพิ่มเติมได้ที่ Nirvana BEYOND พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา โครงการอื่นๆ จาก Nirvana Daii The Most Itsaraphap Nirvana @WORK Nirvana DEFINE Srinakarin-Rama 9  
สมาคมรับสร้างบ้าน จัดงานกระตุ้นธุรกิจ จับมือ 6 แบงก์ให้กู้ 130%

สมาคมรับสร้างบ้าน จัดงานกระตุ้นธุรกิจ จับมือ 6 แบงก์ให้กู้ 130%

สมาคมรับสร้างบ้าน เตรียมจัดงานกระตุ้นธุรกิจครึ่งปีหลังให้เติบโต 5-8% คาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้าน จัดพร้อมงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ผนึก 6 แบงก์ให้วงเงินกู้สร้างบ้านได้ 130%   นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association)  เปิดเผยว่า ได้เตรียมจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ  Home Builder Expo 2019 ขึ้นในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2562 ที่อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี เพื่อกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังให้เติบโต ซึ่งคาดว่าปีนี้ภาพรวมธุรกิจจะเติบโตในอัตรา 5-8% จากปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวม 12,500 ล้านบาท สำหรับยอดขายของสมาชิกสมาคม เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามีมูลค่ายอดขายรวม 12,000 ล้านบาท  แต่หากประเมินมูลค่าธุรกิจรับสร้างบ้านโดยรวม คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 120,000 ล้านบาท   สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถือว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาและปัจจัยลบหลายเรื่อง แต่ด้วยศักยภาพของเศรษฐกิจภายในประเทศ และความสงบทางการเมืองภายหลังจากการเลือกตั้ง จึงทำให้ตลาดรับสร้างบ้านไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ผู้บริโภคยังคงสร้างบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มระดับราคา 5-7 ล้านบาท และกลุ่มระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป  ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ   “ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้ น่าจะได้รับผลดีเพิ่มขึ้น หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่กำลังคิดจะปลูกสร้างบ้านมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 1 พบว่าการขยายตัวของตลาดยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ในไตรมาสที่ 2 ตลาดมีการชะลอตัวลงบ้างตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และภาวะของเศรษฐกิจโลก แต่ผลจากที่ไตรมาสที่ 1 ที่ตลาดขยายตัวและมียอดขายที่ค่อนข้างดี ทำให้ภาพรวมในครึ่งปีแรกไม่มีผลกระทบมากนัก”     โดยการจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ  Home Builder Expo 2019 ในปีนี้จะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ตารางเมตร จากปีก่อนหน้าใช้พื้นที่จัดงาน 4,000 ตารางเมตร เนื่องจากย้ายสถานที่จัดงานไปยังเมืองทองธานี    โดยภายในงาน จะเป็นการรวบรวมบริษัทรับสร้างบ้านระดับชั้นนำมาไว้ในงาน พร้อมด้วยแบบบ้านจากบริษัทต่าง ๆ มากกว่า 1,000 แบบ และภายในงานยังมีบ้านในทุกระดับราคาให้ผู้บริโภคได้เลือก ตั้งแต่ 1 – 100 ล้านบาทขึ้นไป และยังมีผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน  โดยในปีนี้ทางสมาคมฯ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของนวัตกรรมใหม่  ๆ  และการให้ความใส่ใจในด้านของสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทางสมาคมฯ คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายในงานได้กว่า 3,000 ล้านบาท   การจัดงานในครั้งนี้ ทางสมาคมฯ  ยังได้จัดงานพร้อมกันกับงาน  NPA Grand Sale and Home Loan 2019 ซึ่งเป็นงานที่รวมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยไว้มากที่สุดจากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ พร้อมด้วยสินทรัพย์รอการขายหรือ NPA ซึ่งผู้ที่สนใจปลูกสร้างบ้านสามารถที่จะขอสินเชื่อภายใต้เงื่อนไขพิเศษได้อีกด้วย โดยวงเงินสินเชื่อสำหรับผู้สร้างบ้านบนที่ดินปลอดภาระหนี้ สามารถขอวงเงินกู้ได้สูงถึง 130% จาก 6 ธนาคารที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์  หรือผู้ที่สนใจหาที่ดินเปล่าเพื่อปลูกสร้างบ้านก็สามารถเข้ามาเดินชมงานได้ด้วยเช่นกัน
[PR News] โกลเด้นแลนด์ เปิดอาณาจักร GOLDEN EMPIRE แจ้งวัฒนะขายหมดภายใน 2 วัน

[PR News] โกลเด้นแลนด์ เปิดอาณาจักร GOLDEN EMPIRE แจ้งวัฒนะขายหมดภายใน 2 วัน

โกลเด้นแลนด์ ลุยเปิดอาณาจักร GOLDEN EMPIRE  ล่าสุดเปิดโซนแจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,000 ล้านบาท  กวาดยอดขายหมดทั้งโครงการภายใน 2 วันแรกที่เปิดจอง มูลค่ากว่า 732 ล้านบาท   นายภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮม และนีโอโฮม บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า ได้เปิดโครงการโกลเด้น นีโอ แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง เป็นบ้านนีโอ โฮม เนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ จำนวน 156 หลัง มูลค่า กว่า 1,200 ล้านบาท  มียอดขายใน 2 วันแรกที่เปิดจอง ถึง 650 ล้านบาท ต่อมาได้เปิดโครงการที่ 2 โกลเด้น ซิตี้ แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น และ 3 ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ จำนวน 167 หลัง มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรกเมื่อวันที่ 3-4 สิงหาคมที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์ขายหมดทั้งโครงการอีกครั้ง ด้วยยอดขายรวม 732 ล้านบาท     โดยโครงการ โกลเด้น นีโอ แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง มีแบบบ้าน 2 แบบ คือ แบบลอนดอน (London) มีพื้นที่ใช้สอยรวม 161 ตารางเมตร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ห้องรับแขกบน ห้องพระ Glass house Laundry ห้องรับประทานอาหาร และนวัตกรรมครัวไทยสมัยใหม่ และที่จอดรถ 2 คัน  แบบเซฟฟิลด์ (Sheffield) มีพื้นที่ใช้สอยรวม 136 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ห้องรับประทานอาหาร และนวัตกรรมครัวไทยสมัยใหม่ และที่จอดรถ 2 คัน   ส่วนโครงการ โกลเด้น ซิตี้ แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง มีแบบบ้าน 4 แบบ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น GOLDEN KITCHEN นวัตกรรมครัวไทย และมีห้องนอนชั้นล่างทุกแบบ ได้แก่ แบบแมนเชสเตอร์ (Manchester) ทาวน์โฮม 3 ชั้น มีพื้นที่ช้สอย 168 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 5 ห้องนอน  4 ห้องน้ำ ห้องนอนแกรนด์ สวีท ห้องซักตากรีด ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร และที่จอดรถ 2 คัน แบบPreston (เพรสตัน) ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 117 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ  ฟังก์ชันพิเศษห้องพระ ห้องรับแขก และห้องรับประทานอาหาร และที่จอดรถ 2 คัน แบบเชสเตอร์ (Chester) ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 103 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร และที่จอดรถ 1 คัน และแบบเซนต์เจมส์ (Saint James) ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 96 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ     ห้องรับประทานอาหาร ห้องรับแขก และที่จอดรถ 1 คัน     นายภวรัญชน์  กล่าวอีกว่า  ความสำเร็จของอาณาจักร โกลเด้น เอ็มไพร์ (Golden Empire) เป็นการนำโมเดลการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบอาณาจักร คือ มีโครงการบ้านหลากหลาย ทั้งทาวน์โฮม นีโอโฮม และบ้านเดี่ยว มาอยู่ในทำเลเดียวกัน ผลตอบรับอย่างดีที่ผ่านมาทั้ง โกลเด้น เอ็มไพร์ สาทร, โกลเด้น เอ็มไพร์ บางแค และโกลเด้น เอ็มไพร์ เชียงราย ทำให้ชื่อ โกลเด้น เอ็มไพร์ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ มีแบบบ้านและฟังก์ชั่นที่ครบครัน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง      
เปิดกลยุทธ์ จาร์ตัน รุกตลาด “บ้านอัจฉริยะ” สู่การเป็น Digital Company

เปิดกลยุทธ์ จาร์ตัน รุกตลาด “บ้านอัจฉริยะ” สู่การเป็น Digital Company

ตั้งแต่เทคโนโลยีเข้ามา Disrupt วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในยุคปัจจุบัน ก็ทำให้การอยู่อาศัยในแต่ละวันสะดวกสบายมากขึ้น จากอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก และนับวันความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกมาเติมเต็มชีวิตก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  นี่ก็เป็นแรงผลักดันทำให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าและบริการต่างต้องปรับตัว หันมาพัฒนาสินค้าและบริการใส่เทคโนโลยีเข้าไป เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอลนี้ด้วย   “จาร์ตัน กรุ๊ป” หนึ่งในผู้ผลิตและติดตั้งระบบ สำหรับใช้ภายในบ้านและอาคาร ก็ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน หลังดำเนินธุรกิจมานานกว่า 40 ปี ด้วยการพัฒนาและนำเอาระบบ SMART HOME SOLUTION หรือระบบบ้านอัจฉริยะ เข้ามาทำตลาด เจาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยตามบ้านเรือนทั่วไป เพราะเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตและมีความต้องการใช้งานของคนยุคปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น   นายธีธัช จึงกานต์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จาร์ตัน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้เริ่มวางแผนและพัฒนาสินค้าซึ่งเป็นดิจิทัล ซึ่งปีที่ผ่านมาเริ่มเปิดตัวระบบ SMART HOME SOLUTION เข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ตามเทรนด์ของตลาด จากอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วเริ่มต้นจากการผลิตดิจิทัลดอร์ล็อก เป็นสินค้าชิ้นแรกออกจำหน่าย ปัจจุบันมีสินค้ากลุ่ม SMART HOME SOLUTION กว่า 40 รายการ     “บริษัทได้ศึกษาตลาดมากว่า 5 ปี ซึ่งปีนี้รุกตลาดอย่างจริงจัง เพราะคนเริ่มให้การยอมรับกับสินค้า เพราะให้ประโยชน์กับเขาได้มากกว่าการแค่ควบคุมอุปกรณ์ในบ้านเท่านั้น ที่สำคัญคนให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย และคำนึงถึงเรื่องการประหยัดพลังงาน”    ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดต่อกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 8-9 รายในการนำเอาระบบ SMART HOME SOLUTION เข้าไปติดตั้งในโครงการ  ซึ่งแต่ละโปรเจ็กต์จะมีจำนวนที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 100-300 ยูนิต นอกจากนี้ ยังเจรจากับมหาวิทยาลัยอีก 3-4 แห่งสำหรับนำเอาระบบ SMART HOME SOLUTION เข้าไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถาบันการศึกษาด้วย รวมถึงยังสามารถปรับใช้ได้กับกลุ่มธุรกิจโรงแรมด้วย  เช่น ระบบการบริหารห้องพัก โดยการเช็คอินห้องพัก และกุญแจดิจิทัล  เป็นต้น   นายธีธัช กล่าวอีกว่า  บริษัทถือเป็นแบรนด์สินค้าไทยที่ช่วงเริ่มต้นธุรกิจ 30 ปีแรกเป็นยุค 3.0 ต่อมาพัฒนาเป็นยุค 4.0 ในช่วง 10 ปีหลัง โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การมุ่งไปสู่การเป็น “Digital Company” ซึ่งภายในปี 2022 ต้องการให้แบรนด์จาร์ตันเป็น Top of mind ของผู้บริโภค และวางแผนนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง   “ในอีก 3-5 ปีบริษัทน่าจะมียอดขายใกล้ 1,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 25% ทุกปี จากก่อนหน้านี้เติบโต 5-7%”   ปัจจุบันแบรนด์จาร์ตัน ทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยส่งออกไปทำตลาดใน 17 ประเทศทั่วโลก ด้วยสัดส่วนยอดขายประมาณ 30-40% ส่วนตลาดในประเทศกลุ่มลูกค้ามีทั้งภาคราชการและหน่วยงานสำคัญๆ สัดส่วนประมาณ 60% ที่เหลือเป็นภาคเอกชน   สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทในปีนี้เพื่อสร้างการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 1.การเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไปซื้อไปใช้งานได้ ซึ่งสินค้าจะมีราคาจำหน่ายถูกกว่าแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศประมาณ​ 30% 2.การจัดทำโชว์รูม Experience Center เพื่อใช้แสดงและสาธิตการใช้งานสินค้า บริเวณถนนพระราม 3 บนเนื้อที่ 200 ตารางเมตร 3.การเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์ในเว็บไซต์ ลาซาด้า ช้อปปี้ และเจดีดอทคอม โดยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป   สำหรับ ผลิตภัณฑ์ ของ ระบบบ้านและอาคารอัจฉริยะ 5 หมวด ประกอบด้วย 1.ระบบบริหารลานจอดรถ (JARTON Carpark) 2.ระบบควบคุมการเข้าออก (JARTON Access และ JARTON Lock) 3.ระบบกล้องวงจรปิดสำหรับอาคารขนาดใหญ่ (JARTON CCTV) 4.ระบบกุญแจโรงแรม (JARTON Hotel)  และ 5.ระบบ Wi-Fi Smart Home (JARTON Home) ที่แบ่งสินค้าออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มรักษาความปลอดภัย อาทิ  กุญแจดิจิตอล กล้องวงจรปิด สัญญาณกันขโมย ฯลฯ กลุ่มอำนวยความสะดวก  อาทิ  สวิตทช์ไฟอัจฉริยะ กล่องควบคุมรีโมท ฯลฯ กลุ่มสุขภาพ  อาทิ  เครื่องฟอกอากาศ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ฯลฯ กลุ่มไลฟ์สไตล์  อาทิ  เครื่องอโรมาพร้อมลำโพง กระจกอัจฉริยะ ฯลฯ  
สรุปข่าวรอบสัปดาห์ 29 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม2562

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ 29 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม2562

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจับตา และติดตามหลายประเด็นที่น่าสนใจมากมาย เป็นความเคลื่อนไหวทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายเล็ก ทุกคนต่างขยับกันทำกิจกรรมการตลาดกันหลายกิจกรรม   “วัน แบงค็อก” เผยโฉมมาสเตอร์แพลน บิ๊กโปรเจ็กต์ 120,000 ล้าน  โปรเจ็กต์การลงทุนภาคเอกชนใหญ่สุดในเวลานี้ คงไม่มีใครเทียบได้กับ “วัน แบงค็อก” (One Bangkok) ของกลุ่มทีซีซี ภายใต้การบริหารงานของตระกูล “สิริวัฒนภักดี” ด้วยมูลค่าลงทุนถึง 120,000 ล้านบาท บนถนนวิทยุ-พระราม 4 กับโครงการมิกซ์ยูสขนาดมหึมา ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัว “มาสเตอร์แพลน” ออกมาอวดโฉมให้เห็นหน้าตาโครงการว่าแต่ละจุดจะมีอะไรยังไงกันบ้าง ถือเป็นความคืบหน้าการดำเนินงานและเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ เพื่อให้โปรเจ็กต์เสร็จสมบูรณ์ในปี 2569   นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด เปิดเผยว่า วัน แบงค็อก จะสร้างนิยามใหม่และพลิกโฉมพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ในฐานะโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ภายในโครงการจะประกอบด้วย -พื้นที่อาคาร สำนักงานเกรดเอ จำนวน 5 อาคาร มีพื้นที่รวมกันกว่า 500,000 ตารางเมตร -การเชื่อมต่อของ 4 บริเวณถึงกัน โดยมีใจกลางของโครงการอยู่ที่ Civic Plaza พื้นที่สันทนาการขนาด 10,000 ตารางเมตร -ทางเข้าออกโครงการมี 6 จุด อยู่รอบโครงการ -มีพื้นที่รีเทล 4 โซน มีร้านค้าและร้านอาหารรวมกันกว่า 450 ร้าน บนพื้นที่ 180,000 ตารางเมตร -โรงแรม 5 แห่ง ตั้งแต่ระดับบูทีคโฮเทล โรงแรมเพื่อธุรกิจ ไปจนถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี่  รวมกว่า 1,100 ห้อง -มีพื้นที่ส่วนพักอาศัยระดับลักชัวรี่ 3 อาคาร  โครงการแรกจะตั้งอยู่เหนือโรงแรม The Ritz-Carlton, Bangkok  จำนวน 110 ห้อง พื้นที่เริ่มต้นที่ 130 ตารางเมตร พร้อมเปิดตัวช่วงต้นปี พ.ศ. 2563 -มีอาคารสูงสุดในประเทศไทย “Signature Tower” สูงกว่า 430 เมตร ซึ่งจะเป็น 1 ใน 10 ตึกที่สูงที่สุดของอาเซียน -พื้นที่สีเขียวมากถึง 50 ไร่ จากพื้นที่โครงการรวม 104 ไร่ -มีระบบโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางสุดล้ำสมัย -มีฮอลล์เอนกประสงค์สำหรับจัดการแสดง พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   หั่นราคา ไอดีโอ คิว พหลฯ เหลือตารางเมตรละ 149,000 บาท   หลังเป็นกระแสข่าวในโลกออนไลน์เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้  กับโปรเจ็กต์ ไอดีโอ คิว พหลฯ-สะพานควาย ว่าจะหยุดการขาย พร้อมเตรียมปรับแบรนด์และราคาขายใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ล่าสุด อนันดาฯ ก็ประกาศออกมาแล้วว่าจะหั่นราคาขายลงมาเหลือ 149,000 บาทต่อตารางเมตร เปลี่ยนแบรนด์ใหม่ และเตรียมเปิดขายใหม่อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้   นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  ตามที่บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัว โครงการไอดีโอ คิว พหลฯ – สะพานควาย พร้อมเปิดให้มีการจองซื้อห้องชุด ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น  ซึ่งเมื่อได้เปิดให้มีการจองซื้อมาระยะหนึ่งจึงได้ทราบว่ายังมีกลุ่มลูกค้าอีกเป็นจำนวนมากกว่า 3 เท่า ที่มีความสนใจและต้องการเข้าถึงโครงการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ พิจารณาและปรับรูปแบบโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสภาวะตลาด ซึ่งบริษัท เห็นสมควรให้มีการพิจารณาปรับรูปแบบของโครงการดังกล่าว โดยนำเทคโนโลยีการก่อสร้าง BIM และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัยอื่นๆ มาพัฒนาโครงการเพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยร่วมกับ Strategic Partner ทั้งหมด โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอราคาขายในราคาเริ่มต้นใหม่ได้ที่ 149,000 บาทต่อตารางเมตร และบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในวงกว้างที่มีความต้องการคอนโดติดรถไฟฟ้า 0 เมตร โดยจะมีการเปิด Soft Opening สำหรับโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ใหม่ปลายปีนี้ (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   เกษร พร็อพเพอร์ตี้ กวาดยอดขาย "เทลล่า ทองหล่อ" 90% นายฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการเทลล่า ทองหล่อ (TELA Thonglor) คอนโดมิเนียมซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มูลค่า 4,100 ล้านบาท ได้ดำเนินก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ และพร้อมส่งมอบห้องชุดพักอาศัยได้ตั้งแต่กลางปี 2562 เป็นต้นไป ขณะที่ยอดขาย สามารถปิดการขายได้แล้วกว่า 90 % ซึ่งสวนกระแสกับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ “แนวโน้มของตลาดโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรีนั้น มองว่ายังคงเติบโตไปได้ดี ถึงแม้จะไม่หวือหวานักหากเทียบกับตลาดอื่นๆ ซึ่งมีความต้องการซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ซัพพลายในตลาดก็มีจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากโครงการใหม่เกิดขึ้นในแต่ละปีไม่มาก ประกอบกับการดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้องตลอดมาของบริษัท” นายฟ้าฟื้น กล่าว สำหรับกลยุทธ์ โค้งสุดท้ายก่อนปิดการขายโครงการภายในปีนี้  บริษัทได้จับมือร่วมกับ DM HOME ผู้นำเข้าแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำจากทั่วโลก ร่วมรังสรรค์การออกแบบตกแต่งห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด (Fully Furnished) 3 แบบ 3 สไตล์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Master of Style” - CANVAS of Unearthed Beauty” สำหรับแบบห้อง Legacy Suite ห้องชุด 3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 201 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้องซิกเนเจอร์ของโครงการ สำหรับโครงการเทลล่า ทองหล่อ ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 1 - 3 - 63 ไร่ ใจกลางทองหล่อ  เป็นอาคารสูง 32 ชั้น 1 อาคาร พร้อมที่จอดรถชั้นใต้ดิน 2 ชั้น จำนวนห้องรวม 84 ยูนิต มีราคาขายเริ่มต้นที่ 330,000 บาทต่อตารางเมตร   ALL กวาดยอดดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว ฯ  กว่า 850 ล้านบาท นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (ALL) เปิดเผยว่า หลังจากได้เปิดพรีเซลล์โครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว – สุทธิสาร  เมื่อสุดสัปดาห์วันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ด้วยการจัดโปรโมชั่น Pre – Sale ทุกชั้นราคาเดียว มีกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเพียงแค่วันเดียวลูกค้าแห่จองกวาดยอดขายแล้วกว่า 850 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า70 % ของมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท นับเป็นสัญญาณที่ดี แสดงให้เห็นว่า ALL ได้พัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่ม Real Demand อย่างแท้จริง   โดยโครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว – สุทธิสาร  เป็นคอนโดมิเนียมเอาใจกลุ่ม DINKs (Double Income, No Kids) ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่มีชีวิตคู่แต่ (ยัง) ไม่มีลูก ภายใต้คอนเซปต์ “แรงบันดาลใจเกิดได้ทุกตารางเมตร : Inspiration is All Around” บนทำเลสุดฮอตย่านลาดพร้าว ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีโชคชัย 4 เพียง 550 เมตร เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร มีขนาดตั้งแต่ 1 ห้องนอน 24.50 – 30.10 ตารางเมตร และ 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 34.70 ตารางเมตร (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   เปิดโลก AP WOLD เพื่อพิมพ์เขียวคุณภาพชีวิต   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและสร้างสรรค์ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ได้จัดงาน AP WORLD ระหว่างวันที่ 1-7 สิงหาคม 2562 ที่ลานพาร์ค พารากอน เพื่อต้องการสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี  โดยจัดแสดงงานภายใต้ 3 ปรัชญาสำคัญ คือ GROW การสร้างพื้นฐาน รวมถึงพัฒนาพื้นที่สีเขียว รักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนอย่างมีความสุขทั้งกายและใจ อย่างการร่มมือกับกลุ่มบิ๊กทรีส์ และเครือข่ายต้นไม้ในเมือง ออกแบบหลักสูตรพิเศษในการบริการจัดการต้นไม้ในโครงการที่พักอาศัย FLOW ความสบายใจในการอยู่อาศัย ด้วยความปลอดภัยที่คุ้มครองทุกชีวิตในครอบครัว โดยการนำนวัตกรรม KATSAN ผู้ค้มกันส่วนตัวอัจริยะตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการออกแบบพื้นที่เพื่อการใช้ชีวิต และ JOY การอยู่อาศัยอย่างอุ่นใจท่ามกลางความปลอดภัยในชีวิต ผ่านนวัตกรรมการบริการ เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งสังคมคุณภาพ โดยมีการร่วมมือกับ HAY แบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากเดนมาร์ก มาสร้างประสบการณ์แห่งการแบ่งปันภายใต้คอนเซ็ปต์ Sharing Community ในโครงการของเอพี (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   การกลับมาอีกครั้ง ของ “คาเฟ่ ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน”   หลังประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนๆ อะนิเมชั่น เมื่อปีก่อน “คาเฟ่ ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน ปี 2019” (Detective Conan Cafe 2019) ได้กลับมาสร้างสีสัน ณ ร้าน เบค อะ วิช (Bake A Wish) ร้านเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่นอันดับ 1 ในประเทศไทย สาขาสยามเซนเตอร์ อีกครั้ง โดยจะเปิดให้บริการ ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2562 นี้ เป็นระยะเวลา 46 วัน โดยมาในคอนเซ็ปต์ภาพยนตร์ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ 23 ตอน: ศึกชิงอัญมณีสีคราม (Detective Conan The Movie 23: The Fist of Blue Sapphire) ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเป็นทางการในไทยเร็วๆ นี้   นางนิกันติ์ ปรัชญาศิลปวุฒิ เจ้าของกิจการ Bake A Wish กล่าวว่า “Bake A Wish พร้อมเอาใจคนรักเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น  ด้วยสูตรขนมส่งตรงจากเมืองโกเบ ด้วยความอร่อยแบบโฮมเมดที่สดใหม่วันต่อวัน ซึ่งทุกเมนูใหม่ของยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน ในครั้งนี้    ได้ถูกรังสรรค์ให้ผสมผสานระหว่างวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย กับวัฒนธรรมป๊อปอะนิเมะของญี่ปุ่นอย่างกลมกล่อมที่สุด       และอีกครั้งที่ Bake A Wish ได้จับมือร่วมกับ PARCO (สิงคโปร์) ให้เป็นผู้พัฒนาคอนเซ็ปต์ และดำเนินการรังสรรค์เมนูต่างๆ ตามธีมยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน” (อ่านข่าวเพิ่มเติม)
AP WORLD  เปิดโลกแห่งอนาคตเพื่อคุณภาพชีวิต พร้อมเปิดตัว 6 โครงการใหม่ 

AP WORLD  เปิดโลกแห่งอนาคตเพื่อคุณภาพชีวิต พร้อมเปิดตัว 6 โครงการใหม่ 

เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป จัดงาน AP WORLD ชวนคนรุ่นใหม่มาร่วมสัมผัสโลกแห่งอุดมคติ เดินหน้าสร้างมาตรฐานการใช้ชีวิตในบริบทใหม่ของโลกอนาคต ผ่าน 3 ปรัชญา GROW-FLOW-JOY พร้อมเปิดตัว 6 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและสร้างสรรค์ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป กล่าวถึงการจัดงาน AP WORLD ในครั้งนี้ว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของเอพี ที่ต้องการสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี จึงได้จัดงานในครั้งนี้ขึ้น ภายใต้ 3 ปรัชญาสำคัญ คือ GROW การสร้างพื้นฐาน รวมถึงพัฒนาพื้นที่สีเขียว รักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนอย่างมีความสุขทั้งกายและใจ อย่างการร่มมือกับกลุ่มบิ๊กทรีส์ และเครือข่ายต้นไม้ในเมือง ออกแบบหลักสูตรพิเศษในการบริการจัดการต้นไม้ในโครงการที่พักอาศัย FLOW ความสบายใจในการอยู่อาศัย ด้วยความปลอดภัยที่คุ้มครองทุกชีวิตในครอบครัว โดยการนำนวัตกรรม KATSAN ผู้ค้มกันส่วนตัวอัจริยะตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการออกแบบพื้นที่เพื่อการใช้ชีวิต และ JOY การอยู่อาศัยอย่างอุ่นใจท่ามกลางความปลอดภัยในชีวิต ผ่านนวัตกรรมการบริการ เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งสังคมคุณภาพ โดยมีการร่วมมือกับ HAY แบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากเดนมาร์ก มาสรา้งประสบการณ์แห่งการแบ่งปันภายใต้คอนเซ็ปต์ Sharing Community ในโครงการของเอพี    สำหรับ AP WORLD PAVILION อันโดดเด่นกลางลานพาร์ค พารากอน ถูกออกแบบโดย นายเท็ตสึโอะ คนโดะ  สถาปนิกชื่อดังจากญี่ปุ่น ผู็ที่มีแนวคิดโดดเด่นในเรื่องของการให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตของมนุษย์ เชื่อมโยงสถาปัตยกรรมเข้ากับสิ่งรอบตัวอย่างรอบด้านไม่ว่าจะเป็นภูมิอากาศ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม    นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจแนวราบ เผยถึง 6 โครงการใหม่ที่ยกมาเปิดตัวพร้อมจัดโปรโมชั่นภายในงานว่า ทั้ง 6 โครงการมีทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยไฮไลท์จะอยู่ที่การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่า 630 ล้านบาท 56 ยูนิต โครงการต้นแบบ Luxury Duplex Home ผสมผสานระหว่างบ้านเดี่ยวกับทาวน์โฮมอย่างลงตัว ซึ่งมาในรูปแบบบ้าน 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 40-71 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยสูงสุด 249 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 12-15 ล้านบาท    LINE สาทร เซียร์รา มูลค่า 6,300 ล้านบาท 1,971 ยูนิต 40 ชั้น เน้นพื้นที่ธรรมชาติกว่า 5 ไร่ สระว่ายน้ำยาวกว่า 100 เมตร 150 เมตรจากบีทีเอสตลาดพลู 100 เมตร จากบีอาร์ทีราชพฤกษ์ โปรโมชั่นเปิดขายชั้น 8 ครั้งแรกภายในงาน เพราะเป็นชั้นสวยที่สุด ที่เปิดหน้าต่างแล้วเห็นวิวสวน เหมือนอยู่บ้านแนวราบ ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท    THE CITY เอกมัย-ลาดพร้าว บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 67 ยูนิต จองภายในงานรับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท ราคาเริ่มต้น 19.9-35 ล้านบาท    CENTRO สะพานเจษฎาบดินทร์ บ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวใหม่ จองในงานรับส่วนลดสูงสุด 400,00 บาท ราคาเริ่มต้น 6.99-8.99 ล้านบาท   GRANDE PLENO ราชพฤกษ์ จองในงานรับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท ราคาเริ่มต้น 6.05 ล้านบาท    THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี คอนโดมิเนียม 50 ชั้น เปิด 7 ยูนิตพิเศษ ขนาด 1-2 ห้องนอน ราคาพิเศษสุด    ตลอด 7 วันของการจัดงาน AP WORLD ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมบริการ และบริการเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีกับ 5 ธุรกิจในเครือเอพี กรุ๊ป ได้แก่ BC, Smart, SEAC, Vaari และ Claymore เพื่อก้าวไปสู่โลกในอุดมคติแห่งการอยู่อาศัย ที่ทุกๆ พื้นที่ผ่านกระบวนการดีไซน์ที่ต้องทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ผนวกกับนวัตกรรมสมัยใหม่ ไปจนถึงสังคมแห่งการแบ่งปัน เพื่อมอบมาตรฐานใหม่ของคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม   งาน AP WORLD จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-7 สิงหาคม 2562  ที่ลานพาร์ค พารากอน  
สรุปข่าวรอบสัปดาห์ วันที่ 22-28 กรกฎาคม 2562

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ วันที่ 22-28 กรกฎาคม 2562

  MQDC ดึง “นาย ณภัทร” เป็น Brand Ambassador นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)  เปิดเผยว่า ได้เปิดตัว Whizdom Brand Ambassador  “น้องนาย- ณภัทร เสียงสมบุญ” จากก่อนหน้านี้  มี Brand Ambassador มาแล้ว 2 ท่าน คือ คุณญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ และคุณหมาก-ปริญ สุภารัตน์ ซึ่งทั้งสองท่านเป็นตัวแทนที่แสดงถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ในด้านนวัตกรรม (Innovative Lifestyle) ต่างๆ ที่ทำให้ชีวิตสุขสบายขึ้น รวมถึงการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์วิสซ์ดอม (Whizdom) คือคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย และยังใส่ใจในด้านสังคมแห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน  ​   “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ร่วมทุน “ลิสต์ กรุ๊ป” ญี่ปุ่น นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมทุนกับ “ลิสต์ กรุ๊ป” (List Group) ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนา 2 โครงการ คอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ใจกลาง CBD มูลค่ารวมกว่า 2,800 ล้านบาท  ได้แก่ โครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 8” ภายใต้ บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป ลิสต์ จำกัด  และ โครงการ “วาลเด้น ทองหล่อ 13” พัฒนาภายใต้บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป ลิสต์ 2 จำกัด  ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น ฮาบิแทท กรุ๊ป ถือหุ้น 62% และลิสต์ กรุ๊ป ถือหุ้น 38% ถือเป็นการสร้างการเติบโตของธุรกิจของ ฮาบิแทท กรุ๊ป อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นการขยายธุรกิจต่อยอดความสำเร็จจากการไปเปิดตลาดจีน และฮ่องกง   “ซังเคียวโฮม” ปั้นคอนโดมิเนียมลักชัวรี “SYMYS Sukhumvit 61”    นางโสภิดา โองาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันเคียว โฮม (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโครงการที่ 3 และเป็นโครงการร่วมทุนโครงการที่ 2 กับบริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ เคฮัง กรุ๊ป ที่มีประวัติมายาวนานกว่า 100 ปี เจ้าของรถไฟฟ้าสายเคฮังเชื่อมโยงโอซาก้า-เกียวโต และอีกหลากหลายธุรกิจในแถบคันไซ โดยใช้ชื่อโครงการซิมมิส สุขุมวิท 61 (SYMYS Sukhumvit 61) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ 7 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท  ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1 ไร่  ในซอยสุขุมวิท 61 ประกอบด้วยอาคารสูง 7 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ยูนิตพักอาศัยแบบ 1-2 ห้องนอน ขนาด 33-88 ตารางเมตร จำนวน 109 ยูนิต มีชั้นใต้ดิน 3 ชั้นสำหรับที่จอดรถระบบ Auto Parking แบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นราว 113% ของจำนวนยูนิต  หรือกว่า 120 ช่องจอด ยูนิตพักอาศัยประเภท 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นที่ 7.5 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 220,000-240,000 แสนบาทต่อตารางเมตร   “ออริจิ้น-พรีโม” จับมือ DWG ยกระดับแบรนด์สู่สากล นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท ดีดับเบิลยูจี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DWG Thailand ผู้บริหารงานขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรชั้นนำจากสิงคโปร์ ให้เป็นตัวแทนขายโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ต่างๆ ของบริษัทฯ ในตลาดต่างประเทศ  เบื้องต้นจะนำโครงการของออริจิ้นไปบริหารการขายอย่างน้อย 10 ชาติทั่วโลก ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมา อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น และดูไบ  คาดว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ​4,000 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 5,600 ล้านบาทในปีนี้ คิดเป็นสัด 20% เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 16% ของยอดขายรวม และในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้  28,000 ล้านบาท (อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม)   ALL เปิดโปรเจ็กต์ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว-สุทธิสาร นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวโครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว – สุทธิสาร  มีมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่ดินขนาด 3 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 62 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีโชคชัย 4 เพียง 550 เมตร ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เป็นโครงการคอนโดฯ​8 ชั้น 2 อาคาร  มีจำนวน 420 ยูนิต  ขนาดตั้งแต่ 1 ห้องนอน 24.50 – 30.10 ตารางเมตร ไปจนถึง 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 34.70 ตารางเมตร  ทุกห้องมาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศและเฟอร์นิเจอร์ครบครัน (Fully Furnished) สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ โดยโครงการได้รับการอนุมัติ EIA Approved เป็นที่เรียบร้อย (อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม)   เจ.เอส.พี. กางแผนเปิดโปรเจ็กต์ใหม่  นายสงกรานต์ แสงอร่ามรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาดและการขาย บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  แนวทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 นี้ ได้วางแผนพัฒนาโครงการแนวราบ ประเภทบ้านแฝดก่อน 1 โครงการ ทำเลย่านบางบัวทอง มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท และต้นปี 2563 เตรียมเปิดแนวราบเพิ่มอีก 7 โครงการ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท  และได้วางแผนต่อยอดพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งระดับกลาง-ล่าง พร้อมกับรีแบรนด์ปรับโฉม เจ.เอส.พี. ใหม่ ภายใต้แนวความคิด “มอบความสุขและบริการที่ดีแก่ลูกค้า” อีกทั้งมีการพัฒนาสินค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยตั้งเป้าจับกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงานใหม่ ในช่วงระหว่างอายุ 30-40 ปี พร้อมตั้งเป้าภายใน 3 ปี สามารถทำยอดขายรวมแตะ 19,000 ล้านบาท (อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม)   ดูโฮม เปิดสาขา Dohome To GO 90 สาขา นายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยถึง  ได้ขยายสาขา Dohome To GO  ในรูปแบบที่เป็นสาขาขนาดเล็ก พื้นที่ประมาณ 300-1,000 ตารางเมตร โดยจะเปิดให้บริการในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า  หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภครายย่อยใจกลางเมือง ตั้งเป้าการตั้งสาขาในปีนี้ 10 สาขาโดยเปิดไปแล้ว 2 สาขา คือ แม็คโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ และแม็คโคร สาขาสาทร และวางแผน การขยายสาขา Dohome To GO ให้ได้ 90 สาขา ภายในปี 2564 เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต มีจำนวนครอบครัวขนาดเล็กเพิ่มขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการและความสะดวกสบาย ของผู้บริโภคใจกลางเมือง  ในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์เรื่องบ้าน  ที่สามารถดูแลซ่อมแซม ด้วยตนเองได้ในเบื้องต้น (อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม)   I’m Chinatown เปิดเดย์สปาระดับพรีเมี่ยม นางสาวรวิสรา เลิศปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอแอมไชน่าทาวน์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเล็ทส์ รีแลกซ์ สปา (Let’s Relax Spa) บูติคเดย์สปาระดับ 4 ดาว เนื่องในโอกาสที่ Let’s Relax Spa  ได้เข้าเปิดสาขาที่ 20 ในโครงการ I’m Chinatown โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่สุดของย่านเยาวราช โดย Let’s Relax Spa จะเป็นสปาระดับพรีเมี่ยมแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของไชน่าทาวน์ ขนาด 500 ตารางเมตร บนชั้น 3 ของส่วน ศูนย์การค้า มีจำนวน 30 เตียง แบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนนวดเท้า นวดไทย และนวดน้ำมัน  ซึ่งจะเปิดให้ บริการตั้งแต่ 10.00 ถึงเที่ยงคืน เพื่อรองรับกลุ่มนักเที่ยวชาวจีน ไต้หวัน และฮ่องกง เป็นหลัก พร้อมกลุ่มเจ้าของ ธุรกิจในย่านเยาวราชและนักท่องเที่ยวชาวไทย   SAM กวาดยอดประมูลร่วม 300 ล้านบาท นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า SAM จัดประมูลทรัพย์สิน NPA เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจยื่นซองประมูลทรัพย์สินมูลค่ารวมประมาณ 300 ล้านบาท  อาทิ  อาคารสำนักงาน เนื้อที่กว่า 6 ไร่  เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ  ที่ดินเปล่า เนื้อที่กว่า 40 ไร่ ในจ.พระนครศรีอยุธยา  เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งานเศษ ใน จ.ลำปาง และเนื้อที่ 2 งานเศษ ใน จ.เชียงใหม่ สำหรับการจัดงานประมูลครั้งต่อไป ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2562 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ    
แสนสิริเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ไม่เกิน 4,000 ล้าน เสริมแกร่งธุรกิจ [PR News]

แสนสิริเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ไม่เกิน 4,000 ล้าน เสริมแกร่งธุรกิจ [PR News]

แสนสิริเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 10 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% ต่อปี (จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้) มูลค่ารวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท นำเงินทุนเสริมแกร่งรับแผนการเติบโตของธุรกิจครึ่งหลังปี 2562 เผยมี Presale Backlog รองรับการเติบโตจนถึงปี 2565 แล้วถึง 57,200 ล้านบาทแข็งแกร่งทุกสภาวะการณ์ ผนึก 4 สถาบัน จำหน่าย   นายวันจักร์  บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจตามแผนที่วางไว้ในช่วงครึ่งหลังปี 2562 นอกเหนือไปจากการพึ่งพาวงเงินกู้จากธนาคาร โดยส่วนหนึ่งจะชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนกรกฎาคมนี้จำนวน 1,000 ล้านบาท และเดือนตุลาคมปีนี้ จำนวน 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทสำหรับเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ For Greater Well-Being สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดปี 2562 ต่อยอดกลยุทธ์ Green & Well-Being สู่ทุกโครงการใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในทุกมิติ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม เพื่อการอยู่อาศัยที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม   “บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 10 เดือน มูลค่าหุ้นกู้รวม 3,500 ล้านบาท  และมีหุ้นกู้สำรองสำหรับเสนอขายเพิ่มเติมไม่เกิน 500 ล้าน ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุของหุ้นกู้ ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาทและทวีคูณของ 100,000 บาทให้กับผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 30 – 31 กรกฎาคม และ 1 สิงหาคม 2562 โดยแต่งตั้งให้ 4 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพฯ และธนาคารกรุงไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย” นายวันจักร์ กล่าว   สำหรับหุ้นกู้ที่บริษัทนำเสนอในครั้งล่าสุดนี้ นับว่าให้อัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการออม โดยมีผลตอบแทนที่ดี และมีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ BBB+ ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2562 จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ซึ่งนับเป็น Investment Grade ที่น่าลงทุน ขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้ง ยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ BBB+ เช่นเดียวกัน อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย รวมทั้งสถานะการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยผลการดำเนินงานล่าสุด ในไตรมาส 1 ปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 6,638 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 27% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า   โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ โครงการ    บ้านแสนสิริ พัฒนาการ, โครงการเศรษฐสิริ พหล – วัชรพล, โครงการบุราสิริ ปัญญาอินทรา, โครงการบุราสิริ ราชพฤกษ์-345 และโครงการ สราญสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต นอกจากนี้บริษัทยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่งเป็นสำคัญ รวมถึงยอดขายที่รอการส่งมอบ ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2565 แล้วถึง 57,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายรอรับรู้รายได้ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ถึง 20,000 ล้านบาท   “บริษัทวางแผนออกหุ้นกู้ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพด้านการบริหารต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ การนำเสนอหุ้นกู้ของบริษัทในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่อเนื่องหลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้มาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา” นายวันจักร์ กล่าวสรุป
CI ขน 12 โครงการจัด “กรี๊ดเดย์ Great Deal”กระตุ้นตลาดอสังหาฯ [PR News]

CI ขน 12 โครงการจัด “กรี๊ดเดย์ Great Deal”กระตุ้นตลาดอสังหาฯ [PR News]

ชาญอิสสระ เตรียมจัดงานใหญ่ ขน 12 โครงการในเครือจัด Charn Issara Day แคมเปญ “กรี๊ดเดย์ Great Deal” อัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม กระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง   นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัทชาญอิสสระ ดีเวล็อป  เมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการขายและสร้างความคึกคักให้กับแวดวงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมหนุนผู้ที่ต้องการมองหาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพในราคาพิเศษ และผู้ที่มองหาสถานที่พักผ่อนตากอากาศในราคาสุดคุ้ม บริษัทฯ จึงตรียมจัดแคมเปญกระตุ้นการตลาดภายใต้แคมเปญ Charn Issara Day “กรี๊ดเดย์ Great Deal”  ขน 12 โครงการในเครือ ร่วมจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม มูลค่าสูงสุดถึง 10 ล้านบาท ทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยวสุดหรู บ้านพักตากอากาศ คอนโดมิเนียม และโรงแรม เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้การตอบรับโครงการในเครือชาญอิสสระด้วยดีเสมอมา   สำหรับโครงการที่นำมาร่วมจัดแคมเปญ Charn Issara Day “กรี๊ดเดย์ Great Deal” ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ ใจกลางเมือง อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9  มีเพียง 20 หลัง ราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท  โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูบนทำเลย่านบางนา บ้านอิสสระ บางนา มีจำนวน 44 หลังราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาทโครงการบ้านสีตวัน ปากช่อง – เขาใหญ่  โครงการบ้านพักตากอากาศ  ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท   ขณะที่ในส่วนของคอนโดมิเนียมได้นำ โครงการ อิสสระ คอลเลคชั่น สาทร โลว์ไรส์  คอนโดมิเนียม ระดับลักชัวรี่ จำนวน 33 ยูนิต เข้าร่วมโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในครั้งนี้ด้วย ในราคาเริ่มต้นที่ 18.9 ล้านบาท และได้นำเอาโครงการคอนโดมิเนียมต่างจังหวัดภายใต้อาณาจักรทิวทะเลเอสเตท ชะอำ-หัวหิน มาร่วมแคมเปญด้วย  โดยโครงการที่นำมาร่วมจัดแคมเปญในครั้งนี้ ได้แก่ โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire) โลว์ไรส์ และไฮไรส์ คอนโดมิเนียม 4 ชั้น 2 อาคาร และ 15 ชั้น 1 อาคาร พร้อมทั้ง Clubhouse อยู่หน้าหาด จำนวน 421 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.XX ล้านบาท  โครงการบลู (Blu) ไฮไรส์ คอนโดมิเนียม วิวทะเล สูง 21 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 491 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.XX ล้านบาท  ในส่วนของ Baba Beach Club Residences Phase 2   จำนวนเพียง 7 หลัง ในราคาเริ่มต้น 33.9 ล้านบาท มาจัดโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด1 ล้านบาท พร้อม Fully Furnished   นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียม ดิ อิสสระ เชียงใหม่ โลว์ไรส์ คอนโดมิเนี่ยม 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 265 ยูนิต ที่ออกแบบในสไตล์รีสอร์ท ราคาเริ่มต้น 2.85 ล้านบาท ส่วนของโรงแรมในเครืออย่าง Sri Panwa Phuket จัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม ลดราคาห้องพักสูงสุดถึง 60% พร้อมข้อเสนอของแถมให้ได้เลือกอีกมากมาย  ด้านโรงแรม Baba Beach Club Phuket ชูโปรโมชั่นแพคเกจราคาห้องพัก 1 คืน เริ่มต้นที่ 5,500 บาท จากราคาปกติ 16,478 บาท ขณะที่แพคเกจราคาห้องพัก 2 คืน เริ่มต้นที่ 12,600 บาท จากราคาปกติ 32,956 บาท ​  โรงแรม Baba Beach Club Hua Hin รับโปรโมชั่นพิเศษ Super-Hot Deal​ ด้วย​ราคาเริ่มต้น​ 7,500​ บาทต่อคืน​ (จากราคาปกติ​ 18,800บาท) ขณะที่โปรโมชั่นพัก​ 2​ คืนขึ้นไป​ รับทันที​ ชุดอาฟเตอร์นูนที​ และสิทธิพิเศษ​อื่นๆ   สำหรับโครงการ Baba Beach Club Residences Phuket บ้านพักตากอากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท จัดโปรโมชั่นมอบส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท พร้อมการันตีมอบผลตอบแทนจากการบริหารจัดการด้านการลงทุนโดยทีมงานศรีพันวาสูงถึง 5% ใน 3 ปีแรก พร้อมรับแพคเกจที่พัก​สุดหรู โรงแรม Baba Beach Club Phuket 3​ วัน​ 2 คืน​ รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับ​ พร้อมรถรับส่งจากสนามบิน​ ​   โดบลูกค้าที่ลงทะเบียนออนไลน์ร่วมงาน Charn Issara Day “กรี๊ดเดย์ Great Deal” รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดอีก 100,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่ถือบัตร Charn Issara Menber Card เพียงแสดงบัตรภายในงานรับส่วนลดเพิ่มทันทีอีก 10,000 บาท โดยส่วนลด โปรโมชั่นต่างๆ ของแต่ละโครงการเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด โดยจะจัดงานขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562 ชั้น 10 อาคารชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 2 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ  
เจ.เอส.พี. ล้างภาพ “สำเพ็ง” สู่ Top5 ผู้นำพัฒนาตลาดบ้านแนวราบ

เจ.เอส.พี. ล้างภาพ “สำเพ็ง” สู่ Top5 ผู้นำพัฒนาตลาดบ้านแนวราบ

ช่วงเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)  ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ โครงการสร้างชื่อและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง น่าจะเป็นโครงการสำเพ็ง 2 เพราะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ จากนายทะนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ได้ขายหุ้นทั้งหมดให้แก่ นายลิขิต ลือสกุลกิจไพศาล หลังจากนั้นได้มีการปรับการบริหารงาน โดยนายลิขิต เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน  และล่าสุดในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทเสริมทีมบริหารงานภายใน ด้วยการเสริมทีมบริหารการตลาดมาจากบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ PS และทีมการเงินจากบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เพื่อสร้างให้ธุรกิจมีการเติบโตอีกครั้ง จากก่อนหน้าที่บริษัทชะลอการพัฒนาโครงการ และการทำตลาดในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้   นายสงกรานต์ แสงอร่ามรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาดและการขาย บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)  หนึ่งในทีมผู้บริหารชุดใหม่ ที่เข้ามาบริหารงานเพื่อสร้างการเติบโต เปิดเผยว่า  โจทย์สำคัญที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้มอบหมายให้กับทีมบริหารชุดใหม่ ในช่วงปีแรกมี 2 เรื่องสำคัญ คือ การระบายสต็อกสินค้าเดิม และการปรับภาพลักษณ์ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อผลักดันให้บริษัทเติบโตต่อไปในอนาคต   “ซีอีโอเป็นนักลงทุนที่มองหาโอกาสจากธุรกิจ ที่สามารถสร้างการเติบโตและมีผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ก่อนจะเข้ามาลงทุนได้ทำการศึกษาบริษัทมาเป็นอย่างดี เห็นว่ามีรายได้ 3,000-4,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2559-2560 หากสามารถพัฒนาโครงการต่อเนื่อง รายได้ก็น่าจะเติบโตต่อเนื่อง และบริษัทยังมีจุดแข็งจาการมีที่ดินสะสมไว้จำนวนมาก ซึ่งมีต้นทุนราคาที่ดินต่ำ หลายแปลงราคาที่ซื้อมาถูกกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับราคาซื้อขายในปัจจุบัน”   เดินหน้าละบายสต็อกเสริมเงินทุนหมุนเวียน   แม้ว่าก่อนหน้านี้บริษัทจะไม่ได้พัฒนาโครงการใหม่ออกมา แต่โครงการเดิมที่พัฒนาไว้แล้ว ยังมีสินค้ารอการขายอยู่จำนวนหนึ่ง ที่ผู้บริหารชุดปัจจุบันจะต้องเร่งระบายสต็อก เพื่อสร้างรายได้มาเป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท จำนวน 900 ยูนิต ในโครงการไมอามี่ บางปู และโครงการ J Condo สาทร-กัลปพฤกษ์ ที่ยังเหลือขายอีก 600 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปี 2563     สำหรับกลยุทธ์การขาย จะเน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ เนื่องจากมองว่าสินค้ามีทั้งคุณภาพและราคาที่คุ้มค่า  เพราะเป็นต้นทุนเดิมตั้งแต่เริ่มการพัฒนาเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และบริษัทไม่ได้ทำการปรับราคาเพิ่มขึ้น จึงทำให้มีความสามารถในการแข่งขัน ปัจจุบันยดขายจึงเพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนหน้า โดยมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 300  ล้านบาท จากก่อนหน้ามียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 100 ล้านบาท  โดยบริษัทวางแผนใช้งบประมาณในการตลาดประมาณ​10-20 ล้านบาท   ปั้นโปรเจ็ตก์สร้างยอดปีละ 6,000 ล้าน ขึ้นท็อป5   เป้าหมายสำคัญในระยะ 2-3 ปีนับจากนี้ เจ.เอส.พี.ฯ ต้องการก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 5 ของผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการแนวราบระดับราคา 2-3 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีความต้องการอย่างแท้จริง มีขนาดตลาดใหญ่ และเป็นตลาดของคนส่วนใหญ่ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย จุดแข็งของการจะผลักดันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว คือ การมีที่ดินเปล่าสะสมไว้ถึง 10 แปลง อยู่ในโลเกชั่นติดถนน ที่สำคัญต้นทุนที่ดินต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง คิดเป็นมูลค่าทางบัญชีกว่า 2,500 ล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้ในการพัฒนาสินค้าออกมาขายในราคาดังกล่าว ซึ่งคาดว่าแต่ละปีจะมีการพัฒนาโครงการออกมาขาย คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,000-10,000 ล้านบาท เพื่อสร้างยอดขายได้มากกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้นำอันดับ 5 ในโครงการแนวราบมียอดขายอยู่ระดับ 6,000 ล้านบาท หากบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า ก็จะเข้าอยู่ใน Top 5 ดังกล่าวได้   สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 นี้ ได้วางแผนพัฒนาโครงการแนวราบ ประเภทบ้านแฝด 1 โครงการ ทำเลย่านบางบัวทอง มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท  ส่วนในปี 2563 เตรียมเปิดแนวราบเพิ่มอีก 7 โครงการ ได้แก่ ทำเลโครงการบางพระ, โครงการแพรกษา, โครงการบางใหญ่จำนวน 2 โครงการ, โครงการบางใหญ่ (2), โครงการติวานนท์, และโครงการบางบัวทอง ซึ่งมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท  ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 4,068 ล้านบาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 3,215 ล้นบาท ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ 600 ล้านบาท  ส่วนปี 2563 วางเป้ารายได้รวมกว่า 4,500 ล้านบาท โดยหวังว่าในอนาคตแต่ละปีบริษัทจะเติบโตประมาณ 15%   รีแบรนด์ล้างภาพ “สำเพ็ง2” สู่ความเป็นโมเดิร์น   นอกเหนือจากการปรับโครงสร้างการบริหารภายใน ด้วยการเสิรมทีมบริหารการตลาดมาจากบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือPS และทีมการเงินจากบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือCI เข้ามาแล้ว  ภารกิจสำคัญของบริษัท คือ การปรับภาพลักษณ์ให้บริษัทมีความทันสมัย เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในการจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน อายุระหว่าง 30-40 ปี เนื่องจากการรับรู้ของคนส่วนใหญ่จะรู้จักโครงการสำเพ็ง 2 มากกว่าจะรู้จัก บริษัท เจ.เอส.พี.ฯ  ประมาณเดือนกันยายนที่จะถึงจึงได้เตรียมวางแผนปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ สินค้าที่จะมีแบบบ้านใหม่ การบริการ และทัชพอยท์ต่างๆ   “คนยังไม่ค่อยรู้จักบริษัท จะรู้จักแต่โครงการสำเพ็ง 2 บริษัทจึงต้องปรับภาพลักษณ์ใหม่ ใส่ความโมเดิร์น การเสริมการบริการ ปรับแบรนด์วิชั่นใหม่ เราไม่ได้ขายบ้านแต่เราขายความสุข จึงต้องมีการเสริมทั้งบริการและคุณภาพสินค้า รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ โดยรวม และจะขยับการพัฒนาโครงการในตลาดพรีเมียมเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ในตลาดแมสเป็นหลัก คือ การพัฒนาโครงการบ้านแฝดในระดับ 7-8 ล้านบาท ในย่านบางใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทพัฒนาบ้านออกขายแพงสุดราคาหลังละ 6 ล้านบาทเท่านั้น”   สิ่งต่างๆ ที่ทีมผู้บริหารใหม่ต้องทำนับจากนี้ คงถือว่าเป็นความท้าทายในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะการทำให้ทีมงานบริษัทคิดและเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในอนาคตยังมีเป้าหมายสำคัญต้องบรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทำยอดขายรวม 19,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งต้องรอดูผลงานของทีมผู้บริหารชุดนี้ว่าจะทำได้ตามที่หวังไว้หรือไม่  
ต่อเติมห้องครัวไทย แบบโปร่งหรือแบบทึบดี?

ต่อเติมห้องครัวไทย แบบโปร่งหรือแบบทึบดี?

ขึ้นชื่อว่าอาหารไทย เวลาประกอบอาหารก็ย่อมจะต้องมีเสียงดัง กลิ่นแรง ควันฟุ้งเกิดขึ้น ซึ่งคงไม่เหมาะหากครัวของเราอยู่ภายในบ้าน หลายครอบครัวจึงมักจะใช้วิธีต่อเติมครัวไทยแยกออกจากตัวบ้าน แต่จะเลือกต่อเติมรูปแบบไหน เรามาดูการเปรียบเทียบกันระหว่างข้อดี-ข้อเสีย ของครัวไทยแบบทึบและแบบโปร่ง เผื่อจะประกอบการตัดสินใจของบ้านคุณได้ครับ   ห้องครัวทึบ ขึ้นชื่อว่าครัวทึบก็จะมีลักษณะสมชื่อเลยครับ คือจะเป็นห้องที่กั้นด้วยผนังทึบรอบด้าน มีหลังคาต่อออกมาอย่างมิดชิด มีการเจาะช่องระบายอากาศ หน้าต่างบ้างตามความเหมาะสม   ข้อดี ให้ความปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว มีพื้นที่สำหรับติดตั้งตู้เก็บของได้มากกว่า สามารถป้องกันสิ่งสกปรก สิ่งไม่พึงประสงค์จากภายนอกได้ดี และเครื่องดูดควันที่ใช้ภายในจะช่วยป้องกันกลิ่นและควันที่จะฟุ้งกระจายสู่ภายนอกบ้านได้ดีกว่า   ข้อเสีย การต่อเติมจะใช้เวลามากกว่า มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เพราะปริมาณวัสดุ โครงสร้าง และการเตรียมงานระบบที่มากกว่า และด้วยวัสดุที่ใช้มีน้ำหนักมากกว่าก็จะทำให้มีโอกาสทรุดตัวได้เร็วกว่า ห้องครัวโปร่ง   สำหรับครัวโปร่งจะใช้ระแนงไม้แทนผนังทึบครับ อาจจะใช้แทนผนังแค่บางส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัว เช่น เป็นกำแพงทึบครึ่งล่าง ส่วนครึ่งบนเป็นระแนงไม้ หรือเป็นผนังระแนงไม้ด้านใดด้านหนึ่ง และหลังคาก็อาจจะติดตั้งแค่กันสาดยื่นออกมาจากตัวบ้านเดิม รวมไปถึงชุดครัวที่อาจซื้อแบบสำเร็จรูปมาติดตั้งหรือก่อปูนตามการใช้งาน เรียกว่าเน้นความง่าย สะดวกนั่นเอง   ข้อดี เน้นความโปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ระบายอากาศ กลิ่น และควันออกไปได้ง่าย จึงเหมาะสำหรับการทำอาหารไทย การต่อเติมทำได้สะดวกรวดเร็วมากกว่าแบบทึบ   ข้อเสีย ฝุ่น สิ่งปรก รวมถึงแมลงต่างๆ เข้ามาในครัวได้ง่าย ต้องทำความสะอาดบ่อย อุปกรณ์ทำครัวจึงต้องมีที่เก็บอย่างมิดชิด หลายครอบครัวจึงเลือกที่จะใช้ครัวโปร่งสำหรับประกอบอาหารและล้างภาชนะเท่านั้น และควรระมัดระวังเรื่องกลิ่น ควันที่ฟุ้งกระจายไปสู่บ้านใกล้เคียงได้   เมื่อเห็นข้อดี-ข้อเสียอย่างนี้แล้ว ก็ลองนำไปพิจารณาก่อนจะลงมือต่อเติมนะครับ แต่สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดนั่นคือโครงสร้างที่ถ่ายน้ำหนักลงพื้นของครัวส่วนต่อเติม จะต้องแยกจากกันกับโครงสร้างบ้านเดิม เพราะส่วนต่อเติมซึ่งมักลงเสาเข็ม สั้นนั้นโดยปกติจะทรุดตัวเร็วกว่าตัวบ้านเดิม จึงควรให้การทรุดตัวเป็นอิสระจากกัน จะได้ไม่เกิดความเสียหายลุกลามใหญ่โตมากไปภายหลังได้ ความรู้เกี่ยวกับการทำห้องครัวไทย กั้นครัวไทยในบ้าน ปลอดภัย ไม่กวนใคร รวมเรื่องราวการต่อเติม-สร้างบ้าน 4 ปัญหาคาใจต่อเติมครัวแล้วทรุด บ้านชั้นเดียวต่อเติมเป็นบ้านสองชั้นได้หรือไม่ 7 ความผิดพลาดในการสร้างบ้าน ที่ควรใส่ใจ
สรุปข่าวรอบสัปดาห์ 15-21 กรกฎาคม 2562

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ 15-21 กรกฎาคม 2562

เอช เอสเตท เปิดโปรเจ็กต์ Arti Sukhumvit 71 นายณัฐพล จินตนา กรรมการบริหาร บริษัท เอซ เอสเตท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ได้เปิดขายโครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High rise ติดถนนสุขุมวิท 71 ความสูง 21 ชั้น จำนวนเพียง 115 ยูนิต   มีขนาดห้อง Studio, ห้อง 1 bedroom และ Loft ที่ให้พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น รวมถึงแบบ 2 ห้องนอน และ Penthouse ขนาดกว่า 100 ตร.ม. รองรับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นคอนโดที่เหมาะกับคนอายุ 28-40 ปี หรือกลุ่ม Young Adult ราคาเริ่ม 2.69  ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 525 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 และมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 โดยมีบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขาย   ออริจิ้น จับมือวิทยาลัยดุสิต เพิ่มทักษะแม่บ้าน นายธนา ต่อสหะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า  ได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยดุสิตธานี จัดการอบรมหลักสูตร “ทักษะการทำความสะอาด และการบริการมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว” เพื่อพัฒนาทักษะ ความรู้และเพิ่มศักยภาพให้กับทีมพนักงานทำความสะอาดหรือทีมแม่บ้าน ให้สามารถปฏิบัติงานเป็นไปตามมาตรฐานโรงแรมระดับ 5 ดาว  ซึ่งบริษัทยังมีแผนงานฝึกอบรมในหลักสูตรด้านการสื่อสารและการสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า ให้กับพนักงานในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับงานดูแลและบริการลูกค้าตลอดปี 2562  เพื่อนำร่องเพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศในด้านงานบริการอย่างครบวงจร  (Service Excellence) ของบริษัทต่อไป   เคาะราคา IPO อินเด็กซ์ฯ 22 บาท นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เปิดเผยว่า หลังจากสำรวจความต้องการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO)  จากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมาพบว่า ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม โดยนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองซื้อหุ้น IPO ของ ILM มากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ให้แก่นักลงทุนสถาบันถึง 8 เท่า ที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 22 บาท ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจและโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคต ดังนั้นจึงกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ราคาหุ้นละ 22 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 17 – 19 กรกฎาคมนี้ และคาดว่าจะนำหุ้น ILM เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้   รีจัส เปิดขายแฟรนไชส์ co-working space นาย แมทธิว เจมส์ เคนลีย์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจสัมพันธ์ของ IWG เปิดเผยว่า รีจัส (Regus) ผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงาน หรือ เวิร์คสเปซ ระดับโลก ประกาศเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทย ในงาน Thailand Franchise & Business Opportunities 2019 (TFBO) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคที่ผ่านมา โดยงานนี้เป็นครั้งแรกที่ รีจัส เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ สามารถเข้าถึงโมเดลการทำธุรกิจการให้บริการเวิร์คสเปซ ที่กำลังเติบโตอยู่ในปัจจุบันได้เป็นครั้งแรก และธุรกิจนี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการขยายเครือข่ายรีจัสในระดับโลกอีกด้วย   โฮมโปรจัดงานแฟร์ พร้อมโปรสูงสุด 70% นางสาวสิริวรรณ เสริมชีพ ผู้จัดการทั่วไปสายสื่อสารการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เปิดเผยว่า ได้จัดงานโฮมโปรแฟร์ ขึ้เป็นครั้งที่ 4 ภายใต้คอนเซปต์ ช้อป ชิม ชิลล์ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 -29 กรกฎาคม 2562 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีโปรโมชั่นสุดโดน ลดราคาสูงสุด 70% และมีการจัดพื้นที่ไลฟ์สไตล์โซน ‘ช้อป กิน ถิ่นสยาม’ ที่ขนขบวนสุดยอดอาหารร้านดังมามากกว่า 150 ร้านค้าทั่วไทย โดยตั้งเป้ายอดขายกว่า 550 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 11 วันของการจัดงาน   สเปซเซส จับมือ ฟิตเนส 24 เซเว่น ให้สิทธิพิเศษสมาชิก นายธารนที อัญญโพธิ์, ผู้ประสานงานฝ่ายขาย สเปซเซส เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ “ฟิตเนส 24 เซเว่น” (Fitness24Seven)  เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก สเปซเซส  โดยสามารถเข้าคลาสเรียนออกกำลังกายฟรี พร้อมได้รับส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิกเข้าใช้บริการที่ ฟิตเนส 24 เซเว่นได้ทุกสาขา 7 วันต่อสัปดาห์ ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับฟิตเนส 24 เซเว่น หนึ่งในผู้นำด้านฟิตเนสจากประเทศสวีเดน  ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2546 ที่ประเทศสวีเดนเป็นที่แรก ปัจจุบันมีสาขากว่า 230 แห่งทั่วโลกที่เปิดให้บริการ ไม่วาจะเป็นประเทศฟินแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โคลอมเบีย และไทย และมีแผนขยายไปยังประเทศอื่น ๆ อีกในอนาคต