Tag : Townhome

792 ผลลัพธ์
บทสรุปตลาดบ้าน+คอนโดฯ หลังมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ดีสุดตลาดไม่ติดลบ

บทสรุปตลาดบ้าน+คอนโดฯ หลังมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ดีสุดตลาดไม่ติดลบ

REIC ชี้ตลาดอสังหาฯ​ หลังมาตรการรัฐ กระตุ้นธุรกิจ ช่วยพยุงตลาดติดลบน้อยลง มองบวกหากฟื้นตัวทำดีได้เท่าปีที่ผ่านมา ขณะที่แนวโน้มปี 2563 คาดการณ์โตได้ไม่เกิน 5%   ดร.วิชัย  วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปีในปี 2562 คาดว่าจะจะทำให้จำนวนยูนิตเปิดใหม่ลดลง 0.6% และมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศน่าจะลดลง 2.2% เทียบกับปี 2561 จากเดิมที่ประเมินสถานการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าจะติดลบถึง 7.7% และ 2.7% ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่บวกภาพรวมในปีนี้อาจจะไม่ติดลบเลยก็ได้   การประเมินสถานการณ์ดังกล่าว ทางศูนย์ข้อมูลฯ ได้นำตัวแปรสำคัญที่ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในไตรมาส 4 ปี 2562 คือ   มาตรการที่รัฐบาลออกมา สนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางมากขึ้น โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจดจำนองเหลือ 0.01% ครอบคลุมถึงบ้านในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่ออกมาวันที่ 22 ตุลาคม  2562 และโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” ซึ่งให้การสนับสนุนเงินดาวน์ 50,000 บาท แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย   โดยตั้งแต่ออกมาตรการมากระตุ้นตลาดอสังหาฯ พบว่าได้ช่วยให้เกิดการดูดซับบ้านและคอนโดมิเนียมในตลาดได้อย่างดี  คาดว่าในครึ่งหลังของปี 2562 จะมีขายบ้านใหม่ได้ประมาณ 71,000 ยูนิต และในปี 2563 จะมีการขายบ้านใหม่ได้ถึงประมาณ 166,000 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงประมาณ 20% ในแต่ละครึ่งปี และส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยในตลาดปีหน้าลดลงถึง 10% ในแต่ละครึ่งปี เมื่อเทียบกับการที่ไม่มีมาตรการ   ปี’63 ตลาดขยายตัวไม่เกิน 5%   สำหรับทิศทางตลาด ปี 2563 หลังมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ คาดว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ อัตราดอกเบี้ยขาลง และ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล  ที่ต่อเนื่องจากปลายปีนี้  แต่อาจจะมีการขยายตัวไม่เกิน 5% และโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ จะมีการเปิดตัวต่อเนื่อง  ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนใกล้เคียงกับยอดการเปิดตัวในปี 2562   “ผู้ประกอบการยังต้องให้ความสำคัญ กับการบริหารสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จรอการขาย เพื่อไม่ให้มีสินค้าค้างอยู่มากเกินไป และยังต้องระมัดระวังการเปิดตัวโครงการใหม่ ที่มากจนตลาดไม่สามารถดูดซับไม่ทัน เพราะแม้ว่ากำลังซื้อจะมี แต่มีอยู่ไม่มากเมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน”     อสังหาฯ กทม.-ปริมณฑล สต็อกลด 6.7%   สำหรับสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ​ และปริมณฑล  ข้อมูลถึงสิ้นปี 2561 พบว่า มีที่อยู่อาศัยเหลือขายสะสมจำนวน 153,895 ยูนิต มูลค่า 651,293 ล้านบาท แบ่งออกเป็น โครงการบ้านจัดสรร 87,263 ยูนิต มูลค่า 393,996 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม  66,632 ยูนิต มูลค่า 257,297 ล้านบาท  จำนวนยูนิตเหลือขายคอนโดฯ ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ มากถึง 67.8% ส่วนจังหวัดปริมณฑล 5 จังหวัดมีสัดส่วนรวมกันเพียง 32.2% ของยูนิตเหลือขายทั้งหมด   ศูนย์ข้อมูลฯ ประเมินว่า จำนวนยูนิตเหลือขายในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล  ถึงสิ้นปี 2562 มีประมาณ 149,000 ยูนิต และคาดว่าถึงสิ้นปี 2563 จะมีประมาณ 139,000 ยูนิต ลดลงจากปี 2562 ในอัตรา 6.7% การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยที่สร้างใหม่ และจะช่วยให้จำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายสะสมในตลาดถูกดูดซับออกไป   จนสามารถปรับสมดุลให้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 138,720 ยูนิตได้   ต่างจังหวัดเร่งโอนบ้าน+คอนโดฯ สต็อกลด 20%   สำหรับตลาดอสังหาฯ ในภูมิภาคพื้นที่ 20 จังหวัดหลัก ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ทำการสำรวจเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกปี ปีละ 2 รอบ ได้แก่ ประกอบด้วย ภาคตะวันออก มี 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ภาคใต้ มี 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สงขลา นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ภาคเหนือ มี 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก และพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม  ภาคกลาง มี 2 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี  ภาคตะวันตก มี 2 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี โดยประเมินสถานการณ์ว่าถึงสิ้นปี 2562  หลังมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ จะมีจำนวนยูนิตเหลือขายประมาณ 109,000 ยูนิต และถึงสิ้นปี 2563 คาดว่าจะมีประมาณ 87,000 ยูนิต ลดลง 20.1% เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2562 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ของรัฐบาลเช่นกัน  ซึ่งจะมีการดูดซับที่อยู่อาศัยเหลือขายในตลาดออกไป จนสามารถปรับสมดุลให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่มีจำนวนเหลือขายเฉลี่ย 106,790 ยูนิตได้            
แมกโนเลียฯ เพิ่มงบ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ทะลุ 125,000 ล้านบาท มิกซ์ยูสใหญ่สุดในไทย

แมกโนเลียฯ เพิ่มงบ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ทะลุ 125,000 ล้านบาท มิกซ์ยูสใหญ่สุดในไทย

แมกโนเลียฯ เพิ่มงบลงทุน “เดอะ ฟอรสเทียส์” ทะลุ  125,000 ล้าน สร้างโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสใหญ่สุดในเมืองไทย พร้อมผืนป่าขนาด 30 ไร่ มูลค่า 1,000 ล้าน หวังสร้างโครงการต้นแบบแห่งใหม่ในการพัฒนาเมือง     โปรเจ็กต์มิกซ์ยูสใหญ่สุดในไทย  นางทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า  ได้ประกาศเพิ่มเงินลงทุนโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์  บนที่ดินขนาด 300 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก จากมูลค่าโครงการ 90,000 ล้านบาท เป็นมูลค่า 125,000 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มงบประมาณลงทุนครั้งนี้ ทำให้ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ กลายเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และขนาดพื้นที่โครงการได้เพิ่มขึ้นอีก 98 ไร่ เป็นพื้นที่โครงการ 398 ไร่   โดยหนึ่งในองค์ประกอบที่มีความพิเศษโดดเด่นของ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ คือ ป่าขนาดใหญ่ พื้นที่ 30 ไร่ ที่เริ่มปลูกมาตั้งแต่เป็นเมล็ดและต้นกล้า ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของโครงการ สร้างความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ระบบนิเวศน์ ซึ่งจะพัฒนาเติบโตและมีวิวัฒนาการความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่อไปอีกเรื่อยๆ     “เป็นครั้งแรกในโลก สำหรับโครงการที่มีผืนป่าขนาดใหญ่ รวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมือง และอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ คือพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัยซึ่งถูกออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย”   โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ประกอบด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ซึ่งมุ่งตอบสนองความหลากหลายของไลฟ์สไตล์และขนาดของครอบครัวที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีพื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึง พื้นที่สำหรับกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนุกและสร้างสรรค์ของครอบครัว ใน Family Life Center   นอกจากนั้น เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังมีพื้นที่ Town Center สำหรับจัดกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ โรงละคร อีเว้นต์ฮอลล์ ตลาด รวมถึงทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร ซึ่งรวมทางเดินที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ และองค์ประกอบหลายๆ ส่วนในโครงการ และทางเดินที่ทอดตัวอยู่เหนือผืนป่าซึ่งอยู่บริเวณใจกลางโครงการ มอบเป็นเส้นทางเดินเท้าท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์   ภายในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังมีโรงแรมระดับ 5 ดาว และศูนย์การแพทย์และสุขภาพขนาดใหญ่ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ อยู่ในระหว่างการออกแบบและก่อสร้าง  โดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการยอมรับ และยกย่องมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก รวมทั้งสถาบันต่างๆ ที่เป็นสถาบันชั้นนำระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าทุกองค์ประกอบของโครงการ จะส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น   "การออกแบบโครงการได้รับการยอมรับจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ใน T.H. Chan School of Public Health ว่าเป็นโครงการที่มีวิสัยทัศน์ดีเยี่ยม” นางทิพพาภรณ์ กล่าว   ทุ่มงบ 1,000 ล้านผุดผืนป่า 30 ไร่ ด้านนายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์  กล่าวว่า ได้ใช้งบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านบาท ในการพัฒนาผืนป่าขนาดใหญ่ ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของ โคงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดยผืนป่าแห่งนี้ประกอบด้วยพื้นที่ “ป่าลึก”  ซึ่งเป็นป่าลึกที่อุดมสมบูรณ์ของจริง รวมทั้งพื้นที่ป่าที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายจากทางเดินเท้า และมีพื้นที่สีเขียวเปิดโล่งที่ให้ผู้คนสามารถเข้าไปใช้ชีวิต โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังให้ความสำคัญกับการสัญจรไปมาด้วยการเดินเท้า ทั้งเพื่อความสะดวกสบายและเพื่อความสุขสดชื่นจากการได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ตลอดจนเพื่อการมีสุขภาพที่ดีจากการเดินออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งทางเท้าและถนนได้ถูกวางผังจัดเส้นทางไว้อย่างดี ปกคลุมด้วยแนวกั้นและร่มเงาของพืชพรรณตามธรรมชาติที่ออกแบบอย่างละเอียดรอบคอบ   เดอะ ฟอเรสเทียส์ มีระบบการป้องกันน้ำท่วมโดยเฉพาะ ประกอบด้วยพื้นที่กักเก็บน้ำทิ้งขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้มากกว่า 10 ล้านลิตร และสามารถป้องกันไม่ให้โครงการเกิดน้ำท่วมแม้ต้องเผชิญกับพายุฝนครั้งใหญ่ก็ตาม   “ในโครงการสามารถช่วยกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ได้เป็นปริมาณมหาศาล ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณที่พื้นที่ปลูกต้นไม้ขนาด 30,000 ไร่ จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้” นายกิตติพันธุ์ กล่าว   โครงสร้าง เดอะ ฟอเรสเทียส์ เสร็จแล้ว 90% ขณะที่นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC กล่าวว่า  โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นการดำเนินโครงการตามปรัชญาของ MQDC ที่มุ่งเป็นองค์กรซึ่งไม่เพียงสร้างสรรค์โครงการที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นองค์กรที่ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมและให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของทุกคน ผ่านการทำจริงให้เห็นเป็นแบบอย่าง “ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำระดับโลกได้ด้วยแนวคิดอันก้าวล้ำนำสมัยในด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและของชุมชนที่อยู่โดยรอบ พร้อมกับส่งเสริมในเรื่องนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” นายวิสิษฐ์ กล่าว   โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นระเบียงเศรษฐกิจที่เติบโตรวดเร็วที่สุดของประเทศไทย สามารถเข้าถึงทางด่วนและการคมนาคมขนส่งมวลชนที่สำคัญได้โดยง่าย ซึ่งการก่อสร้างเส้นทางถนนในโครงการ และการตอกเสาเข็มสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของโครงการ ปัจจุบันเสร็จสมบูรณ์แล้ว 90%   สำหรับองค์ประกอบส่วนหนึ่งในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้แก่ คอนโดมิเนียมแบรนด์  วิสซ์ดอม คอนโดมิเนียมแบรนด์ มัลเบอร์รี่ โกรฟ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า  ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี  ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ซิกซ์เซนส์  โรงแรมแบรนด์  ซิกซ์เซนส์  และองค์ประกอบอื่นๆ  
สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 1-8 ธันวาคม 2562

สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 1-8 ธันวาคม 2562

หลังจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการ “บ้านดีมีดาวน์”  ในวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา  ด้วยการสนับสนุนเงินแคชแบ็ค (Cash Back) เพื่อลดภาระผ่อนดาวน์ จำนวน 50,000 บาท ให้แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้     โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com  ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 เวลา 8.00 น. จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563  และจะต้องได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินและจดจำนองตั้งแต่วันที่27 พฤศจิกายน 2562 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563   โอกาสดีๆ แบบนี้ บรรดาดีเวลลอปเปอร์ ทั้งค่ายเล็กค่ายน้อย ย่อมไม่พลาดโอกาส ใช้เป็นจังหวะที่ดีในการจัดแคมเปญการตลาด กระตุ้นยอดขาย โดยขนบ้านและคอนโดมิเนียมในสต็อกออกมาร่วมแคมเปญกันแทบทุกราย อาทิ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ขน 9 โครงการ 370 ยูนิต มูลค่า 830 ล้านบาท ทั้งบ้านและคอนโดฯ มาจัดแคมเปญร่วมกับโครงการบ้านดีมีดาวน์ และแอล.พี.เอ็น.ฯ ยังเติมเงินให้อีก 50,000 บาท (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   บริษัท มั่นคง เคหะการ จำกัด (มหาชน) ก็ขานรับนโยบาย คัดโครงการทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว 10 โครงการ กว่า 300 ยูนิต เข้าร่วม แถมด้วยสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ  ฟรีค่ามิเตอร์น้ำ – มิเตอร์ไฟ, ฟรีค่าส่วนกลาง 3 ปี, เฟอร์นิเจอร์ห้องนอนใหญ่ 1 ชุด, เครื่องปรับอากาศห้องนอนใหญ่ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอีก  5 รายการ เป็นต้น (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   นอกเหนือจากความเคลื่อนไหว การจัดแคมเปญของดีเวลลอปเปอร์ กับโครงการภาครัฐแล้ว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาวงการอสังหาริมทรัพย์ มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง มาอัพเดทกันได้เลย   “ซิซซา” ลุยอสังหาฯ เพื่อการลงทุน การันตีผลตอบแทน 6% วินแดม โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จับมือพันธมิตร ซิซซา กรุ๊ป  รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ภายใต้แบรนด์ “วินแดม แกรนด์” (Wyndham Grand) เน้นเจาะตลาดพรีเมียม ด้วยสินค้าระดับลักซูรี่ ตามหัวเมืองท่องเที่ยว พร้อมยกระดับโครงการ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต”     นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด  เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลง แต่อสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตกลับยังมีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยที่เข้ามาซื้อในลักษณะเพื่อการลงทุน จนทำให้ตลาดอสังหาฯในรูปแบบการการันตีผลตอบแทน หรือ Investment Property มีความต้องการสูงเห็นได้จากจำนวนโครงการแบบ Investment Property ที่เพิ่มมากขึ้นในจังหวัดภูเก็ต   ในระยะหลายปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการในภูเก็ตจึงหันมาพัฒนาสินค้าในลักษณะ Investment Property จำนวนมาก จนทำให้การแข่งขันสูง และซิซซา กรุ๊ป ได้เล็งเห็นทิศทางของตลาด จึงได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ WYNDHAM Hotels and Resorts ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมรีสอร์ทที่มีจำนวนสาขาในเครือมากที่สุดของโลก ที่จะพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในตลาดระดับบน และโครงการล่าสุดของบริษัทก็ได้รับการยกระดับขึ้นเป็น วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต (WYNDHAM Grand Nai Harn Beach Phuket)  (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ปั้นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส 4,500 ล้าน   “ฮาบิแทท กรุ๊ป” เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มุ่งเน้นทำตลาด อสังหาฯ เพื่อการลงทุน โดยมองแนวโน้มตลาดในปีหน้าว่ายัง เติบโตแต่ไม่หวือหวา ซึ่งแผนธุรกิจของบริษัทในปีหน้า ยังคงชูกลยุทธ์  "ไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์” พร้อมกับเตรียมเปิดโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส 4,500 ล้าน  นอกจากนั้นยังมุ่งหน้าทำตลาดในต่างประเทศ  ด้วยการผนึกพันธมิตร ลีสต์ กรุ๊ป ญี่ปุ่น รุกขยายตลาดใหม่จับลูกค้าต่างชาติเพิ่ม ทั้ง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตะวันออกกลางและยุโรป ทดแทนตลาดจีน และฮ่องกง     นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 คาดว่าจะไม่เติบโตจากปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562  ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อได้รับผลกระทบ ขณะที่ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากกว่าระดับปกติ และยังมีปัจจัยเรื่องนโยบายการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV)   แม้จะมีปัจจัยบวกอยู่บ้างจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นตลาด ประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอน และการจดจำนองให้เหลือเพียง 0.01% ของราคาประเมินไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 และยังมีโครงการบ้านดีมีดาวน์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ แต่ภาพรวมตลาดอสังหาฯ น่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว หรือใกล้เคียงกับปี 2562 (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   เสนาฯ​ เลื่อน9โปรเจ็กต์หมื่นล้านเปิดตัวปี63 ปีนี้สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไม่เอื้ออำนวยให้ดีเวลลอปเปอร์รุกตลาดมากนัก จากช่วงต้นปีที่ได้ประกาศธุรกิจ พอเอาเข้าจริงกลับไม่เป็นไปตามแผน หลายๆ บริษัทปรับแผนธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดในปัจจุบัน อย่างเสนาฯ เลื่อน 9 โปรเจ็กต์ มูลค่านับหมื่นล้านไปเปิดตัวใหม่ในปีหน้า   แม้ว่า 3 ไตรมาสแรกของปี ยังโกยรายได้และกำไรเติบโต  ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนในไตรมาสสุดท้ายได้เปิดตัว 3 โครงการแนวราบ–แนวสูง เพื่อผลักดันยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้     นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้อำนวยการ สายงานจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA  เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 บริษัทมีแผนการเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการทั้งโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม  รวมมูลค่าโครงการราว 2,977 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ เสนา แกรนด์ โฮม รามอินทรา กม. 8 ม, โครงการเสนา วิลล์ ลำลูกกา คลอง 6 และล่าสุด เปิดโครงการเสนา- อาศุ พระราม 9  คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ ซึ่งทั้งหมดได้เปิดขายแล้ว   สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทวางแผนเปิดโครงการทั้งหมด 20 โครงการ รวมมูลค่า 18,779 ล้านบาท แต่จากสถานการณ์อสังหาฯ ที่ชะลอตัว และปัจจัยลบต่างๆ ทำให้บริษัทต้องบริษัทได้เลื่อนการเปิดโครงการใหม่ไปในปีหน้า ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ได้เปิดตัวโครงการใหม่แล้ว 8 โครงการมูลค่า 5,411 ล้านบาท และเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ 9  โครงการในปี 2563 มูลค่า 10,391 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเตรียมพร้อมการพัฒนาไว้ทั้งหมดแล้ว (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   แมกโนเลียฯ จับมือ ททท.-RSTA จัดงานแสดงแสงสีเสียง   เข้าสู่ช่วงโค้งท้ายของปีแล้ว ตอนนี้สถานที่หลายแห่งเริ่มเตรียมพื้นที่เฉลิมฉลอง รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันแล้ว อย่างแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น หรือ MQDC ได้จับมือกับ ททท. และสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ จัดงาน “Beautiful Bangkok 2020” งานแสดงแสงสีเสียงบริเวณอาคาร โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ซึ่งเตรียมเปิดแสดงรอบปฐมฤกษ์วันที่ 16 ธันวาคมนี้     นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA)  เตรียมประกาศความพร้อมการจัดงาน “Beautiful Bangkok 2020” การแสดงแสงสีเสียง ด้วยการเนรมิตอาคารโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ให้สวยงาม   โดยในปีนี้ใช้ชื่อการแสดงว่า “Beautiful Bangkok 2020: A Blossom of Happiness” ซึ่งมาพร้อมกับกิจกรรมอีกมากมาย บริเวณลานหน้าโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี  โดยจะเปิดการแสดงรอบปฐมฤกษ์วันที่ 16 ธันวาคม 2562 นี้ และจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 (อ่านข่าวเพิ่มเติม)      
รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด เดือนธันวาคม 2562

รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด เดือนธันวาคม 2562

โค้งสุดท้ายปลายปีที่จะมาจัดโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด ลดราคากระหน่ำก่อนปิดยอดปลายปี ถือเป็นช่วงกอบโกยของผู้บริโภคไปด้วย เพราะจะสามารถมีอำนาจในการต่อรองได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้มาตรการรัฐเข้ามาช่วย ก็ยิ่งประหยัดเงินในกระป๋าเราได้มากขึ้นค่ะ   SC Asset Final Sale ลดสูงสุด 2,000,000 บาท* SC Asset จัด Final Sale ช่วงปลายปี พบ 4 โครงการคุณภาพ อาทิ บางกอก บูเลอวาร์ด สาทร-ปิ่นเกล้า 2, บางกอก บูเลอวาร์ด ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม, เวนิว เวสต์เกต, ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ราคาเริ่มต้น 5.99–15 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1–15 ธ.ค. นี้ เท่านั้น! “บริทาเนีย” เปิดตัวแคมเปญส่งท้ายปี “ฉลองใหญ่ให้เต็ม” บริทาเนีย (Britania) จัดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปีกับโปร “ฉลองใหญ่ให้เต็ม” กับบ้านราคาเริ่มต้นเพียง 2.59 ล้านบาท* อัดส่วนลดให้เต็มกว่ารัฐมากถึง 3 ต่อ พิเศษ!ส่วนลดสูงสุด 1,000,000 บาท* พร้อมสิทธิ์ ค่าเงินดาวน์คืน สูงสุด 50,000 บาท (จากโครงการ “บ้านดีมีดาวน์”) และ ฟรี! ค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกมากมาย กับ 3 ทำเล 3 โครงการพร้อมอยู่ บริทาเนีย วงแหวน หทัยราษฎร์ บริทาเนีย เมกะทาวน์ บางนา บริทาเนีย บางนา กม.12 วันที่ 7-8 ธ.ค. นี้ ณ สำนักงานขายทั้ง 3 โครงการ ลลิล ร่วมแคมเปญ ‘บ้านดีมีดาวน์’ ซื้อปุ๊บ โอนปั๊บ รับ 3 สิทธิพิเศษสุดคุ้ม ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ นำบ้านคุณภาพทุกโครงการทุกทำเลเข้าร่วมแคมเปญ ‘บ้านดีมีดาวน์’ เริ่มวันที่ 11 ธันวาคม 2562 พร้อมรับ 3 สิทธิพิเศษ ทั้งเงินดาวน์ 50,000 บาทที่รัฐออกให้, ลดค่าจดจำนองและค่าโอนเหลือ 0.01% และสามารถเลือกกู้ดอกชิวๆ ‘กู้ล้าน ผ่อน 800 บาท’ กับแบงก์กรุงเทพ พฤกษา ยกขบวนบ้านและคอนโด 101 โครงการ ร่วมโครงการ ‘บ้านในฝัน รับปีใหม่’กับธอส.  พฤกษา ยกขบวนบ้านและคอนโด 101 โครงการ กว่า 1,800 ยูนิต เข้าร่วมแคมเปญกับธอส. ลูกค้าที่ซื้อและโอนบ้านในโครงการที่เข้าร่วมภายใน 31 ธันวาคมนี้ สามารถมีบ้านได้ง่ายขึ้นด้วยสิทธิพิเศษ 3 ต่อจากแคมเปญ ได้แก่ กู้บ้านกับธอส.รับดอกเบี้ยคงที่ 2.5% นาน 3 ปี พร้อมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าในวันโอนกรรมสิทธิ์ด้วย รับฟรีทันที ค่าโอนและค่าจดจำนอง และสิทธิ์ต่อที่ รับโปรโมชั่นพิเศษต่างๆจากทางโครงการอาทิ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ค่ามิเตอร์น้ำและไฟ, ค่าบริการสาธารณะ, ส่วนลดเพิ่มเติม (โปรโมชั่นขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่แต่ละโครงการกำหนด) “มั่นคงฯ” ส่งโปรโมชั่นท้าลมหนาวร่วมโครงการ “บ้านในฝัน” มั่นคงฯ สนองนโยบายโครงการ “บ้านในฝัน” พิเศษสำหรับลูกค้าเมื่อจอง “บ้าน” ของ “มั่นคงฯ” ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท รับไปเลยต่อที่ 1 ทันที ดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% คงที่ 3 ปี (เงื่อนไขต้องกู้สินเชื่อ 5 ปี ไม่สามารถไถ่ถอนได้), ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน, ฟรีค่าธรรมเนียมจดจำนอง พร้อมข้อเสนอเพิ่มเติมสุดอลังการ!! ได้แก่ ฟรีค่ามิเตอร์น้ำ – มิเตอร์ไฟ, ฟรีค่าส่วนกลาง 3 ปี, เฟอร์นิเจอร์ห้องนอนใหญ่ 1 ชุด, เครื่องปรับอากาศห้องนอนใหญ่ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอีก 5 รายการ รวมมูลค่ากว่า 116,000 ล้านบาท โดยมีให้เลือก 6 โครงการ ได้แก่ ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1,  ชวนชื่น ทาวน์ ราชพฤกษ์ 345, ชวนชื่น ทาวน์ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ, ชวนชื่น ทาวน์ บางใหญ่, ชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่ และ ชวนชื่น ทาวน์ วิลเลจ บางนา กม.29 ตั้งแต่วันนี้–31 ธ.ค. 2562 เดอะคิวบ์ นอร์ท แจ้งวัฒนะ ลดแรงสุดส่งท้ายปี เดอะคิวบ์ นอร์ท แจ้งวัฒนะ 12 คอนโดมิเนียมใหม่สไตล์บูทีค บนทำเลศักยภาพถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 12 เยื้องศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (แจ้งวัฒนะ) 350 เมตร จากรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีแจ้งวัฒนะ 14 จัดโปรโมชั่นพิเศษส่งท้ายปีให้เตรียมความพร้อมเข้าอยู่ได้เดือนมีนาคม 2563 พร้อมเฟอร์นิเจอร์คุณภาพดี (Fully Furnished) ราคาพิเศษเริ่มเพียง 1.79 ล้านบาท* พร้อมส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท "เจ เอส พี" จัด โปรดี Free จัดเต็ม เจ เอส พี พร็อพเพอร์ตี้ จัดโปรแรงที่สุดแห่งปี "เจ เอส พี" จัด โปรดี Free จัดเต็ม เพื่อลูกค้าที่สนใจ บ้าน  ทาวน์โฮม คอนโด อาคารพาณิชย์ บนทำเลศักยภาพ รังสิต  แพรกษา เพชรเกษม กัลปพฤกษ์ บางปู รัตนาธิเบศร์ บางประกง และศรีราชา พิเศษ เริ่มต้น เพียง 799,999 บาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 62 เท่านั้น “แกรนด์ ยูนิตี้” ฉีก ทุกราคาและทุกเงื่อนไข แรงกว่ามาตรการรัฐ แกรนด์ ยูนิตี้ รุกตลาดโค้งสุดท้ายของปี’62 ปล่อยโปรฯ “ฉีก..แรงกว่ามาตรการรัฐ” จ่ายเพียง 0 บาท* ฟรี! เงินจอง, เงินทำสัญญา, ค่าโอน, ค่าจดจำนอง, ค่าส่วนกลาง และค่ากองทุนแรกเข้า* พร้อมรับ Cash Back เพิ่มอีก 20,000 บาท* สำหรับลูกค้าที่ซื้อคอนโดพร้อมอยู่ 6 ทำเลดีใกล้สถานีรถไฟฟ้า อาทิ คอนโด ยู เกษตร – นวมินทร์, ยู ดีไลท์ รัชวิภา, ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์, ยู ดีไลท์ เรสซิเดนท์ ริเวอร์ฟร้อนท์ พระราม 3, เซียล่า ศรีปทุม, เดอ ลาพีส จรัญ 81 ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.54 ล้านบาท* ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 25 ธ.ค. 2562 THANA ผุดแคมเปญ “ วันธรรมดา ก็มาได้” รับข้อเสนอพิเศษสุด พร้อมรับเพิ่ม iPhone11 ธนาสิริ กรุ๊ป จัดแคมเปญพิเศษ “วันธรรมดา ก็มาได้” เอาใจสายอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ เลือกชมและช้อปบ้านในวันธรรมดา พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษสุด รับ ฟรี โทรศัพท์มือถือ Iphone 11 รุ่น 64 gb. มูลค่า 24,900 บาท (เมื่อจองและทำสัญญา ในแปลงที่กำหนด) พร้อมบัตรกำนัลพิเศษ เมื่อนัดเข้าชมทั้ง 5 โครงการของธนาสิริ อาทิ ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร, ธนาคลัสเตอร์ ราชพฤกษ์, ธนาคลัสเตอร์ เวสต์เกต, ธนาซิโอ รัตนาธิเบศร์ และสิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต ตั้งแต่วันนี้-27 ธ.ค.2562 นี้ property perfect จัดโปรว้าว แซงรัฐ property perfect จัดโปรแรงกว่ามาตรการรัฐ มาพร้อมสิทธิพิเศษในคอนโดใกล้รถไฟฟ้าทั้ง 13 โครงการ ได้แก่  กู้เต็ม 100% จองง่ายเพียง 999 บาท ผ่อนสบายล้านละ 3,000 บาท/เดือน เป็นเวลา 3 ปี ฟรีค่าใช้จ่าย 6 รายการ ลดสูงสุด 1,000,000 บาท รับแพ็คเกจทัวร์ฮอกไกโด พร้อมที่พัก 5 วัน 3 คืน 2 ท่าน และลดเพิ่มตามมาตรการรัฐ ตั้งแต่วันนี้-27 ธ.ค.2562 นี้    
LPN ขน 9 โครงการ บ้าน-คอนโดฯ ร่วม “บ้านดีมีดาวน์”

LPN ขน 9 โครงการ บ้าน-คอนโดฯ ร่วม “บ้านดีมีดาวน์”

LPN ขน 9 โครงการ 370 ยูนิต มูลค่า 830 ล้าน เข้าร่วมมาตรการรัฐ “บ้านดีมีดาวน์” สร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ขณะเดียวกันยังจัดโปรโมชั่นเติมให้อีก 50,000 บาท เมื่อซื้อโครงการและโอนกรรมสิทธิ์ภายในสิ้นปีนี้ นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พีเอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่า จากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภายใต้โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” รัฐบาลจะสนับสนุนเงินแคชแบ็ค (Cash Back) เพื่อลดภาระผ่อนดาวน์ จำนวน 50,000 บาทแก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย โดยสามารถเข้าร่วมโครงการ ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ บ้านดีมีดาวน์ ได้ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 เวลา 8.00 น. จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 และจะต้องได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินและจดจำนองตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 คนละ 1 สิทธิ์ (1 บัตรประชาชนต่อ 1 สิทธิ์)   โดยรัฐบาลมอบสิทธิ์ให้แก่ผู้ที่สนใจที่อยู่ในเกณฑ์รายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน ซึ่ง LPN ได้ตอบรับเข้าร่วมมาตรการนี้ โดยคัดสรรสินค้าคุณภาพทั้งบ้านและคอนโดฯ 9 โครงการ จำนวน 370 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 830 ล้านบาท ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความพอดี ที่ดีกว่า” ใน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ พอดีกับการออกแบบ พอดีกับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายปลอดภัยมากกว่าที่เคย และพอดีกับบริการที่ลงตัวในทุกความใส่ใจภายใต้การบริหารหลังการขายตามกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่” เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับมี 3 ต่อ ดังนี้   ต่อที่ 1 ลูกค้าจะได้รับแคชแบ็ค (Cash Back) มูลค่า 50,000 บาทจากรัฐบาลหลังโอนกรรมสิทธ์ ต่อที 2 LPN เติมให้อีก 50,000 บาท เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าของ LPN และโอนกรรมสิทธิ์ภายในสิ้นปี 2562 รวมมูลค่าระหว่างรัฐบาลและ LPN มูลค่า 100,000 บาท ต่อที่ 3 ลูกค้าได้รับอานิสงค์จากรัฐบาลในมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01 % และลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% โครงการของ LPN ที่เข้าร่วมแคมเปญ ได้แก่ กลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม ลุมพินี วิลล์ พระนั่งเกล้า - ริเวอร์วิว ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 76แบริ่ง – สเตชั่น ลุมพินี สวีท เพชรบุรี – มักกะสัน กลุ่มโครงการบ้านพักอาศัย บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ รังสิต - คลอง ๒ บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ลาดปลาดุก – บางไผ่สเตชั่น บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ เพิ่มสิน – วัชรพล บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ราชพฤกษ์ – ปิ่นเกล้า บ้านลุมพินี ทาวน์พาร์ค ท่าข้าม - พระราม 2 ลุมพินี ทาวน์เพลส พระราม 2 - ท่าข้าม เงื่อนไขของมาตรการ “บ้านดีมีดาวน์” ได้แก่ ผู้เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี และเป็นผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีอากรของกรมสรรพากร จำกัดจำนวนสิทธิ์ ผู้ร่วมโครงการ 100,000 รายแรก ที่ผ่านเกณฑ์ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังกำหนด ต้องเป็น “บ้านใหม่” เท่านั้น ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2562 – 31 มี.ค. 2563 โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 62 เป็นต้นไป โดยผู้สนใจร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้ที่ บ้านดีมีดาวน์ ขั้นตอนการเข้าร่วม ขั้นตอนที่ 1 ลงทะเบียนผ่านเว็บ บ้านดีมีดาวน์ โดยกรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องและยินยอมให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปตรวจสอบคุณสมบัติกับกรมการปกครอง กรมสรรพากร NCB และ ITMX ขั้นตอนที่ 2 รอรับ SMS แจ้งผลรอบแรก ผู้ผ่านคุณสมบัติจะได้รับ SMS แจ้งผลการตรวจสอบรอบแรก กรมการปกครอง : มีตัวตนตามฐานข้อมูล กรมสรรพากร : อยู่ในระบบฐานภาษีและมีรายได้ปีละไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ขั้นตอนที่ 3 พิจารณาคำขอกู้ สถาบันการเงินพิจารณาคำขอกู้ อนุมัติเงินกู้และดำเนินการจดจำนองให้แล้วเสร็จ โดยคำขอกู้ต้องไม่ผิดวัตถุประสงค์ของมาตรการ และผู้ขอกู้ต้องเป็นผู้ได้รับอนุมัติสินเชื่อและจดจำนองหลังจากวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นกำหนดเริ่มต้นของโครงการ ขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบข้อมูลกับ NCB และ ITMX ระบบตรวจสอบข้อมูลจากสถาบันการเงินของผู้กู้ร่วมมาตรการกับ NCB และ ITMX วัตถุประสงค์การกู้กับสถาบันการเงิน วันจดจำนองกับ NCB ความถูกต้องของเลขที่ PROMT PAY (ID card เท่านั้น) กับ ITMX ขั้นตอนที่ 5 โอนเงิน 50,000 บาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์จะโอนเงินเข้าบัญชี PROMT PAY ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของผู้กู้หลัก ขั้นตอนที่ 6 ผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับสิทธิ์จะได้รับเงินโอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. LPN Call Center 02-689-6888 หรือ LPN
“มั่นคงฯ” ขน 10 โปรเจ็กต์ ร่วม “บ้านดีมีดาวน์”​

“มั่นคงฯ” ขน 10 โปรเจ็กต์ ร่วม “บ้านดีมีดาวน์”​

มั่นคงฯ ขานรับนโยบาย “บ้านดีมีดาวน์” คัด 10 โครงการ กว่า 300 ยูนิต เข้าร่วม ตอบโจทย์ความต้องการซื้อบ้านและกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ปลายปี มั่นคง เข้าร่วมโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” 10 โครงการ นายศักดินา แม้นเลิศ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารโครงการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ได้นำโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัท. เข้าร่วมโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” ทั้งหมด 10 โครงการ จำนวนกว่า 300 ยูนิต เพื่อช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาคักคัก  ด้วยการมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่จองที่อยู่อาศัย ในโครงการของบริษัท  ได้แก่ ฟรีค่ามิเตอร์น้ำ – มิเตอร์ไฟ, ฟรีค่าส่วนกลาง 3 ปี, เฟอร์นิเจอร์ห้องนอนใหญ่ 1 ชุด, เครื่องปรับอากาศห้องนอนใหญ่ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอีก  5 รายการ ทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว จากมั่นคงฯ  สำหรับโครงการที่เข้าร่วมนโยบาย “บ้านดีมีดาวน์” ได้แก่ ทาวน์โฮม 6 โครงการ ได้แก่ ชวนชื่น ทาวน์ ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ, ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1, ชวนชื่น ทาวน์ ราชพฤกษ์ - 345, ชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่, ชวนชื่น ทาวน์ – บางใหญ่, ชวนชื่น ทาวน์ วิลเลจ บางนา บ้านแฝด 1 โครงการ ได้แก่  ชวนชื่น พาร์ค อ่อนนุช-วงแหวน และ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ ได้แก่ ชวนชื่น ไพรม์ วิลเลจ บางนา, ชวนชื่น ไพร์มวิลล์ กรุงเทพ-ปทุมธานี และ ชวนชื่น ซิตี้ วัชรพล - รามอินทรา โครงการบ้านดีมีดาวน์  ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติออกมาตรการ มาช่วยลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย และสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองนั้น ทางภาครัฐสนับสนุนเงินผ่อนดาวน์รายละ 50,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี จำนวน 100,000 ราย โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนขอรับสิทธิตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 จนถึง 31 มีนาคม 2563  และทำนิติกรรม จดจำนองบ้านได้ตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2562 - วันที่ 31 มีนาคม 2563   นายศักดินา กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวนับเป็นมาตรการ ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อและหนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาคึกคัก ซึ่งหากมองในภาพรวมต้องยอมรับว่าธุรกิจอสังหาฯ  สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียน อีกทั้งยังเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วัสดุก่อสร้าง เหล็ก เฟอร์นิเจอร์ อินทีเรียดีไซน์ เป็นต้น ขณะเดียวกันในแง่ของผู้บริโภค ก็ได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน ข้อมูลเพิ่มเติมโครงการจากมั่นคงฯ ทั้ง 10 โครงการ ชวนชื่น ทาวน์ ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1 ชวนชื่น ทาวน์ ราชพฤกษ์ - 345 ชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่ ชวนชื่น ทาวน์ – บางใหญ่ ชวนชื่น ทาวน์ วิลเลจ บางนา ชวนชื่น พาร์ค อ่อนนุช-วงแหวน ชวนชื่น ไพรม์ วิลเลจ บางนา ชวนชื่น ไพร์มวิลล์ กรุงเทพ-ปทุมธานี ชวนชื่น ซิตี้ วัชรพล - รามอินทรา  
วิลล่า คุณาลัย น้องใหม่ใน mai เคาะราคาขายหุ้นละ 1.10 บาท พร้อมเทรด 17 ธ.ค. 62 

วิลล่า คุณาลัย น้องใหม่ใน mai เคาะราคาขายหุ้นละ 1.10 บาท พร้อมเทรด 17 ธ.ค. 62 

“วิลล่า คุณาลัย” เคาะราคาขายหุ้น IPO หุ้นละ 1.10 บาท พร้อมแต่งตั้ง บล. เอเชีย เวลท์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย  และรับประกันการจัดจำหน่าย เตรียมเสนอขาย วันที่ 3-4 และ 6 ธันวาคมนี้ พร้อมลงสนามเทรดใน mai วันแรก 17  ธันวาคม วิลล่า คุณาลัย พร้อมจำหน่ายหุ้นสามัญ นายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Lead Underwriter) บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่าได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ของ KUN ระดับราคา 1.10 บาทต่อหุ้น จำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 150 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าการระดมทุน 165 ล้านบาท โดยพิจารณาจากอัตราส่วนราคา ต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio)  10.78 เท่า โดยคำนวนกำไรสุทธิต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 61 ถึง ไตรมาส 3 ปี 62) เทียบกับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) เฉลี่ยของบริษัทใกล้เคียงที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน มีค่าเท่ากับ 11.24 เท่า และมีส่วนลดให้กับนักลงทุนเล็กน้อย ซึ่งระดับราคาดังกล่าวถือเป็นราคาที่เหมาะสม เมื่ออิงกับปัจจัยพื้นฐาน ด้านนางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่าฯ กล่าวว่า  การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทได้เม็ดเงินจากการระดมทุน จำนวน 165 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้ในวัตถุประสงค์หลัก ได้แก่ การสร้างการเติบโตในระยะ 3 ปีข้างหน้า ด้วยการจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการต่อเนื่องมูลค่า 30 ล้านบาท การชำระหนี้กับสถาบันการเงิน 60 ล้านบาท รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ วิลล่า คุณาลัย เตรียมบุกตลาดรอบกทม. สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการ บริษัทจะพัฒนาภายใต้แนวคิด “สุขใจอยู่บ้านชานเมือง” ซึ่งปัจจุบันพัฒนาในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ในอนาคตมีแผนพัฒนาและขยายโครงการในทำเลอื่นๆ ตามแผนยุทธ์ศาสตร์ป่าล้อมเมือง ให้ครบ 4 ทิศ รอบกรุงเทพมหานคร (เหนือ, ใต้, ตะวันออก, ตะวันตก) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและวิสัยทัศน์ที่บริษัทวางไว้ เพื่อเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งของแบรนด์ธุรกิจ สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในอนาคตนั้น บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,172 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 1.โครงการคุณาลัย จอย 2 ซึ่งเป็นโครงการประเภทบ้านแฝด-บ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท ตั้งอยู่ในจังหวัดนนทบุรี โดยคาดว่าสามารถเปิดการขายได้ ภายในไตรมาส 2 ปี 2563 และ 2.โครงการวิลล่า วาณิช เป็นโครงการประเภทอาคารพาณิชย์ มูลค่าโครงการประมาณ 672 ล้านบาท ตั้งอยู่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีเช่นกัน   โครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 7 โครงการ ภายใต้ 4  แบรนด์ ซึ่งประกอบด้วย คุณาลัย บีกินส์ , คุณาลัย ซิมโฟนี, คุณาลัย พอลเลน และคุณาลัย จอย ซึ่งโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ที่บางบัวทอง บนพื้นที่ 250 ไร่ ล่าสุด บริษัทได้ขยายพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ที่ฉะเชิงเทรา ภายใต้โครงการ “คุณาลัย จอย ออน 314” บนพื้นที่ประมาณ 24 ไร่ โดยมองว่าทำเลดังกล่าวมีศักยภาพ อัตราการเติบโต และมีความต้องการของแหล่งที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกับย่านบางบัวทอง ประกอบกับเขตพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สรุปผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ของ วิลล่า คุณาลัย ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 43.15 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 28% ซึ่งสูงกว่ากำไรในปี 2561 ที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 11.56 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 25% ในขณะที่ปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 10.80 ล้านบาท และ ปี 2559 บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรสุทธิที่ระดับ 5.94 ล้านบาท และส่วนอัตราการเติบโตของรายได้ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ   ทั้งนี้ KUN มีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี ข้อมูลโครงการจาก วิลล่า คุณาลัย คุณาลัย บีกินส์  คุณาลัย ซิมโฟนี คุณาลัย พอลเลน  คุณาลัย จอย บางบัวทอง  คุณาลัย จอย ออน 314
อสังหาฯ 63 ยังน่าห่วง กำลังซื้อมี แต่น้อย แนะบริหารสต็อก-ทำตลาดระมัดระวัง

อสังหาฯ 63 ยังน่าห่วง กำลังซื้อมี แต่น้อย แนะบริหารสต็อก-ทำตลาดระมัดระวัง

ศูนย์ข้อมูลฯ ​ประเมินสถานการณ์ อสังหาฯ หลังรัฐออกมาตรการมากระตุ้นตลาด ประเมินยังติดลบ 2% โดยมีบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้าน รอขาย 84,191 ยูนิต พร้อมส่งสัญญาณเตือนปีหน้า ดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง-บริหารสต็อกในมืออย่างพอดี แม้กำลังซื้อมีแต่ปริมาณน้อย ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 ปี 2562 ว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศมาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดยรัฐบาลจะลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์จากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01%  เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต และโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” ซึ่งให้การสนับสนุนเงินดาวน์ 50,000 บาท แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย มาตรการดังกล่าวส่งผลต่อภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยปี 2563   โดยเดิมทางศูนย์ข้อมูลฯ ประเมินว่า ตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย จะติดลบถึง 7.7% แต่เมื่อมีมาตรการมากระตุ้นการซื้อขาย และโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยของรัฐบาล จะส่งผลดีทำให้ภาพรวมติดลบเพียง 2.2% หรือลดลง 0.6% จากปี 2561   สำหรับสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ในไตรมาส 3 ปี 2562 ยังคงเป็นช่วงเวลาที่ได้รับแรงส่ง หรือแรงสนับสนุนจากมาตรการลดค่าทำเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจัดจำนอง ซึ่งได้ออกมาตรการมาก่อนหน้านี้ สำหรับบ้านในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มใหญ่คือโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการที่อยู่อาศัยในภูมิภาค และคอนโดมิเนียมในพื้นที่ปริมณฑล บ้านราคาไม่เกิน 3 ล.รอขาย 84,191 ยูนิต อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 จำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายภาพรวมทั่วประเทศ ครึ่งแรกปี 2562 มีจำนวนยูนิตเหลือขาย  270,131 ยูนิต ประกอบด้วยโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล 151,993 ยูนิต คิดเป็น 56.3% ของจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขาย และอยู่ในพื้นที่ภูมิภาค 20 จังหวัดหลัก มีจำนวน 118,138 ยูนิต คิดเป็น 43.7%   ขณะที่ที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และก่อสร้างเสร็จรอการขาย ช่วงเวลาเดียวกันทั่วประเทศ มีจำนวนประมาณ 158,895 ยูนิต เป็นกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จำนวน 84,191 ยูนิต คิดเป็น  53% ของจำนวนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเสร็จและรอการขาย  เป็นคอนโดมิเนียมพักอาศัย 43,597 ยูนิต คิดเป็น 51.8%   โดยในจำนวนดังกล่าว แบ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 95,462 ยูนิต เป็นกลุ่ม ราคาไม่เกิน 3.0 ล้านบาท จำนวน 48,465 ยูนิต คิดเป็น 50.8%  โดยเป็นคอนโดมิเนียม 30,873 ยูนิต คิดเป็น 63.7% ขณะที่ในภูมิภาค มีจำนวน 63,433 ยูนิต เป็นกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 3.0 ล้านบาท 35,726 ยูนิต เป็น 56.3% เป็นคอนโดมิเนียม 12,724 ยูนิต คิดเป็น 35.6%   ส่วนประมาณการที่อยู่อาศัยเหลือขายทั่วประเทศ ครึ่งหลังปี 2562 จะมีจำนวน  257,969 ยูนิต แบ่งเป็นอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 149,284 ยูนิต หรือคิดเป็น 56.3% ในพื้นที่ภูมิภาคจำนวน 108,685 ยูนิต คิดเป็น 43.7% บ้านราคาไม่เกิน 1 ล. ช่วยพยุงตลาด 9 เดือนแรก สำหรับสถานการณ์ด้านความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ประเมินจากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย พบว่าภาพรวมทั่วประเทศในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 มียูนิตการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 101,704 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 11.1% มีมูลค่ารวม 227,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12.4%  ซึ่งเป็นผลส่วนหนึ่งจากการโอนคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนมากถึง 16,179 ยูนิต อยู่ในพื้นที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล รวม 13,984 ยูนิต   ขณะที่ภาพโดยรวมมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ทุกประเภททุกระดับราคาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล รวม 53,936 ยูนิต หรือคิดเป็น  53.0% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 10.9% เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในภูมิภาค 47,768 ยูนิต คิดเป็น  47.0% หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 13.1%   ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ภาพรวมทั่วประเทศช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 227,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12.4% เป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 146,827 ล้านบาท  คิดเป็น 64.5% โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 9.6% เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในภูมิภาค 80,966 ล้านบาท คิดเป็น 35.5% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีแล้ว 17.8% คาดเปิดตัวใหม่ กว่า 112,000 ยูนิต สำหรับอุปทานใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดปี 2562 คาดว่าจะมีการปรับตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2562 เมื่อพิจารณาจากไตรมาส 3 ปี 2562 ประมาณการว่าจะมีการเปิดขายโครงการใหม่ประมาณ 20,000 ยูนิต ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561ซึ่งมีการเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 40,000 ยูนิต จะเห็นถึงการปรับตัวลดลงสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่ชะลอตัว  และเมื่อพิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ยของการเปิดตัวโครงการใหม่แต่ละไตรมาส จะเห็นว่าค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 20,000 – 30,000 ยูนิต และคาดการณ์ว่าไตรมาส 4 ปี 2562 จะมีโครงการเปิดขายใหม่ไม่น้อยกว่า  44,000 ยูนิต แสดงว่าเอกชนเริ่มกลับเข้ามามีความมั่นใจอีกครั้ง   ทั้งนี้ จากข้อมูลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ของศูนย์ข้อมูลฯ  พบว่าในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีที่อยู่อาศัยทุกประเภทเปิดขายใหม่จำนวนรวม 20,863 ยูนิต เป็นบ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่เพียง 8,879 ยูนิต ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีแล้ว 57.3% ซึ่งเป็นการปิดตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมา 3 ไตรมาส ขณะที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ประมาณ 11,984 ยูนิต โดยลดลงจากช่วงเดียวกันของแล้ว 56.5%   โดยประมาณการว่า ปี 2562 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ทุกประเภทรวม 112,044 ยูนิต เป็นโครงการบ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่เพียง 46,010 ยูนิต โดยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 24.4% เป็นการเปิดตัวน้อยต่ออย่างเนื่องมา 3 ไตรมาส ส่วนคอนโดมิเนียมมีโครงการเปิดตัวใหม่เพียง 66,034 ยูนิต ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 22.4%  คาดตลาดที่อยู่อาศัยปี 2562 ยังติดลบ 2.2% อย่างไรก็ตามศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินสถานการณ์ไตรมาส 4 ปี 2562 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล คาดว่าจะมีการเปิดโครงการใหม่ทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 ไตรมาสที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าโครงการบ้านจัดสรรจะเปิดโครงการใหม่ 14,954 ยูนิต เป็นคอนโดมิเนียม 29,399 ยูนิต โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปี 2562 จำนวน 112,044 ยูนิต ลดลงจากปีที่แล้ว 23.2%   ทั้งนี้ แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 46,010 ยูนิต คิดเป็น 41.1% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  24.4% เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 66,034 ยูนิต คิดเป็น 58.8% ลดลง  22.4% จากช่วงเดียวกันของปี 2561   โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 หลังจากได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาล จะเหลืออุปทานในตลาด 257,969 ยูนิต ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีขึ้นกว่าไม่มีมาตรการรองรับ 2.4% และคาดว่าจะมียอดการโอนกรรมสิทธิ์รวมทั่วประเทศจำนวนประมาณ 361,696 ยูนิต เป็นมูลค่ารวม 820,624 ล้านบาท ซึ่งน่าจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 2.2% ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2563 ทิศทางตลาด ปี 2563 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ วิเคราะห์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยโดยคาว่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปลายปี 2562 แต่จะมีการขยายตัวไม่มากนักโดยจะขยายตัวไม่เกิน 5% โดยโครงการที่อยู่อาศัยใหม่จะมีการเปิดตัวต่อเนื่อง จากช่วงปลายปีรองรับมาตรการรัฐซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนใกล้เคียงกับยอดการเปิดตัวในปี 2562   ด้านความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญคืออัตราดอกเบี้ยขาลง และ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง รวมถึง “โครงการบ้านดีมีดาวน์” ส่งผลให้อุปทานในตลาดจะถูกทยอยดูดซับ โดยในปี 2563 ผู้ประกอบการยังคงต้องให้ความสำคัญ กับการบริหารสินค้าที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จรอการขาย (Inventory) เพื่อให้อุปทานไม่ค้างอยู่มากเกินไป ซึ่งภาพรวมทั่วประเทศครึ่งแรกปี 2563 คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเหลือขายประมาณ 245,371 ยูนิต “ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปลายปีนี้ แสดงว่ามาตรการยังมีผลอยู่ในการกระตุ้น และยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แต่ว่ามีการขยายตัวไม่มากนัก” คาดว่าสถานการณ์ขณะนี้ตลาดโดยรวมจะขยายตัวไม่เกิน 5% ในส่วนของโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ก็ยังคงเปิดตัวโดยมีจำนวนใกล้เคียงกับปีที่ 2561 และความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีปัจจัยสำคัญคือเรื่องดอกเบี้ยซึ่งอยู่ในสภาวะดอกเบี้ยขาลง ในส่วนของมาตรการกระตุ้นการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของรัฐบาลก็ส่งผลให้อุปทานมีการถูกดูดซับออกไป   “ในปี 2563 สิ่งที่ควรให้ความระมัดระวังคือผู้ประกอบการเองยังคงต้องให้ความสำคัญกับการบริหารสินค้าคงเหลือ หรือ Inventory ที่มีอยู่ในมือ โดยให้มีเหลือค้างอยู่ไม่มากจนเกินไป ตลาดปี 2563 ยังคงดำเนินต่อไปได้แต่คงต้องระมัดระวังอย่าปล่อย Supply ออกมาเยอะจนตลาดดูดซับไม่ทัน เพราะว่ากำลังซื้อในตลาดถึงแม้ยังมีอยู่ แต่มีอยู่ไม่มากนัก” ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ กล่าวในตอนท้าย   หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โครงการบ้านดีมีดาวน์ 
สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 25-30 พฤศจิกายน 2562

สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 25-30 พฤศจิกายน 2562

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับเดือนธันวาคม ช่วงเวลาที่จะทำผลงานให้ได้ตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ผู้ประกอบการจึงโหมทำแคมเปญการตลาดออกมากันอย่างหนัก ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ มีแคมเปญออกมามากมายสารพัด ยิ่งที่ผ่านมาภาครัฐออกมาตรการมากระตุ้นด้วย ผู้ประกอบการยิ่งต้องสร้างแรงจูงใจให้มากกว่า   ช่วงเวลานี้ จึงถือเป็นช่วงจังหวะที่ดี สำหรับคนที่ได้วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมสักห้อง  แต่ใครยังไม่ได้วางแผนไว้  ได้แต่เล็งหรือคิดเอาไว้บ้าง ต้องลองพิจารณาแคมเปญต่างๆ ดูว่าน่าสนใจแค่ไหน และสำรวจสภาพทางการเงินของตนเองด้วย ว่าพร้อมไหมกับการต้องแบกรับภาระหนี้ ระยะยาว 10-30 ปี  หากได้คำตอบแล้วก็ลุยเลย   ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯ  จึงถือว่าคักคักพอสมควร ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรกันบ้าง ไปอัพเดทกัน   บันยันฯ จับมือ ริชมอนทส์ คริสตี้ส์ฯ ขายโครงการหัวหิน บันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป ร่วมมือกับ ริชมอนทส์ คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท เป็นพันธมิตรทำการตลาดและขายโครงการ “บันยัน เรสซิเดนซ์ วิลล่า หัวหิน” วิลล่าระดับไฮเอนด์ ให้ลูกค้าระดับบนที่มองหาบ้านพักตากอากาศหรือที่อยู่อาศัยถาวรสุดเอกซ์คลูซีฟในหัวหิน เมืองท่องเที่ยวที่ยังคงเสน่ห์และศักยภาพการเติบโต โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ริชมอนทส์ คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบงานขายและทำการตลาดให้กับโครงการบันยัน เรสซิเดนซ์ วิลล่า หัวหิน   นายเชิ๊ท คว้อนท์ ประธานกรรมการบริหาร บันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับริชมอนทส์ คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ในการทำการตลาดโครงการบันยัน เรสซิเดนซ์ วิลล่า หัวหิน ในครั้งนี้ จะช่วยทำให้โครงการเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับบนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งโครงการบันยัน เรสซิเดนซ์ วิลล่า หัวหิน เป็นโครงการวิลล่าระดับไฮเอนด์ของบันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป ซึ่งประกอบธุรกิจบันยัน กอล์ฟ คลับ ที่มีชื่อเสียงมากว่า 10 ปี ที่หัวหิน ทั้งโครงการมีที่ดินสำหรับสร้างบ้านได้จำนวน 102 หลัง ราคาตั้งแต่ 15-80 ล้านบาท   โดยผู้ซื้อสามารถที่จะเลือกแบบวิลล่าจากแบบมาตรฐาน 4 แบบ ที่ทางโครงการมีให้ หรือปรับเปลี่ยนในรูปแบบที่ตนเองต้องการเพิ่มเติม เพื่อปลูกสร้างบนที่ดินขนาดที่เลือกเองเริ่มต้นประมาณ 100 ตารางวา ซึ่งความพิเศษของโครงการบันยัน เรสซิเดนซ์ วิลล่า หัวหิน คือ ทำเลที่ตั้ง ที่อยู่ใกล้ตัวเมืองหัวหิน และชายหาดหัวหิน มีความเป็นส่วนตัว และไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่เข้าถึงการพักผ่อนพร้อมวิวทะเลในด้านหน้าและภูเขาในด้านหลังที่สวยงาม ผู้ซื้อวิลล่ายังได้รับสิทธิ์สมัครเป็นสมาชิกบันยัน กอล์ฟ คลับ ในราคาพิเศษสุด  ทางโครงการมีบริการ Concierge คอยดูแลลูกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง และการบริการแบบโรงแรม เช่น แม่บ้าน คนดูแลสวน คนดูแลทำความสะอาดสระว่ายน้ำ และกำจัดปลวก (อ่านข่าวเพิ่มเติม) พราว จับมือ อินเตอร์คอนฯ ปั้นโปรเจ็กตลักชัวรี่ พราว เรียล เอสเตท  เปิดตัวโครงการ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน (InterContinental Residences Hua Hin)” ครั้งแรกของโครงการที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่  ภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัลในประเทศไทยบนพื้นที่กว่า 7 ไร่ติดชายหาดผืนสุดท้ายใจกลางเมืองหัวหิน บนถนนเพชรเกษม ช่วงซอยหัวหิน 71 (ตรงข้ามศูนย์การค้า Market Village) ซึ่งถือเป็นสถิติราคาที่ดินสูงสุดของหัวหิน ด้วยราคาที่มากกว่า 150 ล้านบาทต่อไร่ เพื่อมอบประสบการณ์การพักอาศัยที่เหนือระดับพรั่งพร้อมด้วยบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจรแบบโรงแรม ด้วยมาตรฐานระดับโลกในแบบฉบับของอินเตอร์คอนติเนนตัล พร้อมแต่งตั้ง ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ให้เป็นตัวแทนการขายของโครงการอย่างเป็นทางการ   นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร  บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” เป็นการต่อยอดความร่วมมือกับ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทล กรุ๊ป (ไอเอชจี) และยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ระดับลักชัวรี่ ภายใต้  แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส ซึ่งเป็นแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟที่มีเพียงไม่กี่แห่งในมหานครชั้นนำของโลกเท่านั้น เช่น บอสตัน ดูไบ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป มีต่อพราว เรียล เอสเตท และสถานะของหัวหินในการเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ  ซึ่งโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน ถือว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย ตามแนวคิด “More than just living”   ทายาทตัน ภาสกรนที เปิดตัว T-ONE อาคารสำนักงานเกรด A   "วริษา ภาสกรนที"  ทายาท "ตัน ภาสกรนที" ได้ฤกษ์เปิดอาคาร T-ONE อาคารสำนักงานและพื้นที่ Co Working Space เกรดเอแห่งเดียวในทำเลทองหล่อ-สุขุมวิท หลังมีผู้เช่าครบ 100% ภายใน 3 เดือน   นางสาววริษา ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวัน บิวดิ้ง จำกัด บริษัท ทีวัน บิวดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ได้เปิดตัว “อาคาร T-One” อาคารสำนักงานเกรด A ขนาด 43,700 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 3,500 ล้านบาทมีความสูง 47 ชั้น แบ่งเป็นส่วนพื้นที่สำนักงาน   Co-working space  ร้านอาหาร ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และพื้นที่ส่วนกลาง  ชูจุดเด่นเป็นอาคารสำนักงานสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และธุรกิจคลื่นลูกใหม่ทั้งระดับประเทศ และระดับโลก อาทิ Tencent, Joox, WeWork, Wongnai, Sanook, Etigo, Zelingo, Shiseido รวมทั้งสำนักงานใหญ่ของอิชิตัน กรุ๊ป   โดยอาคารดังกล่าวตั้งอยู่ใจกลางเมืองบริเวณ ทองหล่อ - สุขุมวิท 40 ที่มาพร้อมการคมนาคมสะดวกทุกรูปแบบ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีทองหล่อ และเข้าออกได้ทั้งถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 กับสถาปัตยกรรมแบบทวิสต์ที่สวยงามไม่ซ้ำใครจนชนะรางวัลด้านการออกแบบจาก BCI Top 10 Architects 2017 Thailand และ Asia Pacific Property Award Architecture พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยในการบริหารจัดการอาคารอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ตรงความต้องการของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์แบบ Work Hard, Play Harder (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   บลูฮิลล์ เปิดตัว "อากาศ วิลล่า เขาใหญ่" บลูฮิลล์ เขาใหญ่ ลุยตลาดนิชพรีเมียมรับปีใหม่ เปิดตัว อากาศ วิลล่า เขาใหญ่ คอนโดมิเนียมกึ่งวิลล่าสไตล์ Thai Modern Loft  มูลค่าโครงการกว่า 380 ล้านบาท  เพียง 23 ยูนิต บนทำเลใกล้กรุงเทพฯ ริมถนนผ่านศึก-กุดคล้า เดินทางสะดวกจากกรุงเทพฯ เพียง 2.30 ชั่วโมง คอนโดฯ ตกแต่งพร้อมอยู่ ขนาดเริ่มต้น 130 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 13.2 ล้านบาท  หรือประมาณ 92,000 บาทต่อตารางเมตร   นางสุพิณดา แท่นเพ็ชร์รัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท บลูฮิลล์ เขาใหญ่ จำกัด เปิดเผยว่า หลังประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวคอนโดโลว์ไรส์ ภายใต้แบรนด์ “อากาศ เขาใหญ่” บริษัทพร้อมเปิดโครงการใหม่ล่าสุด “อากาศ วิลล่า เขาใหญ่” มูลค่าโครงการกว่า 380 ล้านบาท ชูไฮไลท์ คอนโดมิเนียมสไตล์วิลล่า 1 และ 2 ชั้น 3 อาคาร สุดเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 23 ยูนิต ทุกห้องหันหน้ารับวิวทิวเขาสลับซับซ้อนแบบพาโนราม่า บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ ตอบโจทย์ชีวิตที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น เปิดรับความสดชื่นของธรรมชาติเข้ามาแทนที่ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในชีวิตประจำวัน   โครงการ อากาศ วิลล่า เขาใหญ่ วิลล่าสไตล์ Thai Modern Loft   ตกแต่งพร้อมอยู่จำนวน 23 ยูนิต แบ่งเป็น 2 ประเภทได้แก่ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด  130 - 145 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต และ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 145 - 195 ตารางเมตร จำนวน 11 ยูนิต (อ่านข่าวเพิ่มเติม)        
สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 18-24 พฤศจิกายน 2562

สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 18-24 พฤศจิกายน 2562

อาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน  กำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว  และเรากำลังก้าวเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี  2562 ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและการเตรียมตัวเริ่มต้นปีใหม่  ที่เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะเริ่มต้นกับวันใหม่  ปีใหม่  เพราะปีที่ผ่านมาอาจทำอะไรไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้   สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่ยากลำบากปีหนึ่ง เพราะเจอกับปัจจัยลบหลายเรื่อง เหลือเวลาอีกเดือนเดียวจะทำผลงานได้ตามเป้าหมายหรือไม่  คงลุ้นกันน่าดู เดือนธันวาคมคงเป็นช่วงเวลาสุดท้าย  ที่จะโหมแรงทำการตลาดกันสุดฤทธิ์ ได้ตามตามเป้าหมายหรือไม่ค่อนมาว่ากันอีกที   ส่วนรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาวงการอสังหาฯ ใคร ทำอะไร ที่ไหน  อย่างไร  มาหาคำตอบกัน   พฤกษา รุกหนักคอนโด เปิด 3 โปรเจ็กต์ “The Tree"  นายปิยะ ประยงค์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท – แวลู  บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลัง 2562 บริษัทมีการปรับกลุทธ์การเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม โดยเน้นโครงการที่เป็น Best in Class เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพในท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในทำเลใกล้รถไฟฟ้าและมีดีมานด์รองรับ  โดยในไตรมาส 4 จะเปิดคอนโดมิเนียมอีก 3 โครงการ ได้แก่ The Tree พัฒนาการ-เอกมัย, The Tree Victory Monument และ The Tree พระราม 4-สุขุมวิท มูลค่ารวม 5,100 ล้านบาท   โดยโครงการ “The Tree Victory Monument”  ถือเป็นโครงการ Highlight ของแบรนด์ The Tree โครงการแรกในระดับลักชัวรี่ มีการปรับโฉมที่ทำห้องฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร และ ห้อง Duplex ฝ้าเพดานสูง 4.9 เมตร ในราคาที่แข่งขันได้ (อ่านข่าวเพิ่มเติม) ชาญอิสสระ เปิดตัว "ดิ อิสสระ สาทร" นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันนี้ว่า คอนโดมิเนียมที่มีทำเลอยู่ในย่านกลางเมืองและชานเมืองยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ยังมีความต้องการหาสินค้าที่มีคุณภาพมาตอบโจทย์การอยู่อาศัย ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองที่มองหาคอนโดมิเนียมในย่านกลางเมือง พร้อมต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย   ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวลักชัวรี่คอนโด “ดิ อิสสระ สาทร” (The Issara Sathorn) ย่านถนนจันทน์-สาทร เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,400 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปีหน้า และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จประมาณปี 2565 ราคาเริ่มต้น 4.88 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 1-2-60 ไร่ บริเวณถนนจันทน์-สาทร มีขนาดพื้นที่ห้องเริ่มต้น 32.75-188 ตารางเมตร  มีห้องให้เลือกถึง 4 รูปแบบ ได้แก่ ห้องแบบ 1 ห้องนอน, ห้องแบบ 2 ห้องนอน, ห้องแบบ 3 ห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์ 3-4 ห้องนอน   “มั่นคงฯ” เปิดตัวสำนักงานใหม่บนถนนสุรวงศ์ นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK  เปิดเผยว่า ได้ย้ายสำนักงานใหม่มาที่ถนนสุรวงค์  เนื่องกจากสถานที่เดิมได้ครบสัญญาเช่า 30 ปี  จึงได้ย้ายสำนักงานใหม่ด้วยการลงทุน 250 ล้านบาท เช่าที่ดินย่านสุรวงศ์ ก่อสร้างอาคารขนาด 8 ชั้น ชูแนวคิด Wellbeing ภายใต้คอนเซปต์ Workplace Wellbeing   โดยภายในอาคาร บริเวณชั้น G เป็นพื้นที่ Co-Wellnest  ซึ่งพนักงานสามารถใช้พื้นที่ในการ Sharing ความรู้ต่างๆ นอกจากนี้ยังเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการได้, ชั้น P1 - P2ชั้นจอดรถ, ชั้น 5 ชั้นฟิตเนสให้พนักงานได้ออกกำลังกาย มีทั้งห้องโยคะและห้องกายภาพ, ชั้น 6, 7, 8 คือส่วนของสำนักงาน โดยที่ชั้น 8 จะมีในส่วนของห้องอาหาร (Canteen) สำหรับพนักงานด้วย และชั้นดาดฟ้า ที่จัดให้เป็น “Rooftop Organic Farm” ให้ผู้บริหารและพนักงานได้ร่วมกันปลูกผัก-ผลไม้ออร์แกนิค สำหรับไว้รับประทานอีกทั้งเพื่อให้พนักงาน ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของที่มาที่ไปของอาหาร   “แสนสิริ” เผยโฉม “KHUN by YOO inspired by Starck”   นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการ “KHUN by YOO inspired by Starck” (คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค)” ภายใต้บริษัทร่วมทุนกับ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% มูลค่ารวม 4,400 ล้านบาท ซึ่งเป็น 1st Design Branded Residence ระดับลักซ์ชัวรี่ใน Sansiri Luxury Collection ภายใต้ความร่วมมือกับ YOO Studio แบรนด์ดีไซน์สตูดิโอระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทย  ปัจจุบันมียอดขายแล้วเกือบ 70% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,800 ล้านบาท   นายปิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้เป็น 1 ในเพียงแค่ 36 โปรเจ็กต์ทั่วโลกที่ฟิลิปป์ สตาร์ค ร่วมรังสรรค์ ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 148 ยูนิต   มาตรฐานทั่วไปที่มีในตลาด จึงถือเป็นอสังหาฯ ที่มีศักยภาพสูงมากในการลงทุนแบบ Passion Investment  ซึ่งโครงการ KHUN by YOO inspired by Starck ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ 100% พร้อมโอนกรรมสิทธ์แล้วตั้งแต่วันนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 18.9 ล้านบาท  ปัจจุบัน Sansiri Luxury collection คอลเลคชั่น สร้างยอดขายรวมแล้วกว่า 17,700 ล้านบาท ได้แก่ 98 Wireless ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงจำนวน 3 ยูนิต, บ้านแสนสิริ พัฒนาการเหลือเพียงจำนวน 3 หลัง ตลอดจน THE MONUMENT Thong Lo ที่มียอดขายแล้วถึง 60% จากทั้งหมดของโครงการ   "ลลิล" ส่ง 7 โครงการรับกำลังซื้อ ย่านรังสิต-ปทุม-ลำลูกกา นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN)  เปิดเผยถึงศักยภาพของทำเลรังสิตว่า พื้นที่ในทำเลรังสิตตั้งแต่ลำลูกกา รังสิต-องครักษ์ และคลองหลวง ถือเป็นพื้นที่ของการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นทำเลที่มีความสะดวกในด้านการเดินทางจากโครงข่ายคมนาคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ถนนวิภาวดีรังสิต ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ถนนวงแหวนฝั่งตะวันออก เป็นต้น   ขณะที่ในปัจจุบันรถไฟฟ้าทั้งสายสีแดงธรรมศาสตร์ รังสิต-บางซื่อ และรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต ที่จะเปิดให้บริการในอนาคต และมีแผนจะขยายเส้นทางไปถึงถนนวงแหวน จะทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เช่น การขยายสนามบินดอนเมือง รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เกิดขึ้นในอนาคต และห้างเดิมที่มีให้บริการอยู่แล้วจะทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่มีความพร้อมและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ทำเลรังสิตกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง   ทั้งนี้ โครงการที่อยู่อาศัยในทำเล ลำลูกกา-รังสิต ถือเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในเมือง ซึ่งโครงการทาวน์โฮมของบริษัทฯ ในทำเลรังสิต ราคาเริ่มต้นประมาณ 2 ล้านบาท ได้ห้องนอน 3 ห้องนอน และที่จอดรถ 2 คัน ส่วนบ้านราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 2 ล้านกว่า - 6 ล้านบาท  บริษัทจึงได้เปิด 7 โครงการมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ในทำเลดังกล่าว ได้แก่   1.โครงการไลโอ บลิสซ์ รังสิต-คลองหลวง   2. โครงการไลโอ บลิสซ์ ลำลูกกา-คลอง 2  3.โครงการบุรีรมย์ รังสิต-ลำลูกกา คลอง 4  4. โครงการลลิล ทาวน์ ลำลูกกา คลอง 4-5  5. โครงการลลิล ทาวน์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 6   6. โครงการลลิล ทาวน์ รังสิต-คลอง  2 และ 7. โครงการไลโอ บลิสซ์ รังสิต-คลอง 4  รวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท   BAM เดินหน้าขายหุ้น IPO   นางทองอุไร ลิ้มปิติ ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า ได้เปิดให้ประชาชนจองหุ้น IPO ได้ในวันที่ 25 - 29 พฤศจิกายนนี้  ผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขา ในช่วงราคาเสนอขาย 15.50-17.50 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO ด้วยจำนวนรวมกันไม่เกิน 1,535 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 280 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 1,255 ล้านหุ้น   นอกจากนี้ อาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Greenshoe) จำนวนไม่เกิน 230 ล้านหุ้น รวมทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 1,765 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 5 บาท เพื่อนำเงินจากการระดมทุนไปขยายธุรกิจโดยซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายในอนาคต ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือชำระหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดที่ออกโดยบริษัทฯ และ/หรือตั๋วเงินจ่าย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (อ่านข่าวเพิ่มเติม)          
[PR News] SC Asset จับมือ 6 พันธมิตร เพิ่มบริการผ่านแอป “บ้านรู้ใจ”

[PR News] SC Asset จับมือ 6 พันธมิตร เพิ่มบริการผ่านแอป “บ้านรู้ใจ”

SC Asset จับมือ 6 พันธมิตร ปล่อยบริการใหม่ ที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องที่อยู่อาศัย ทั้งการรีไฟแนนซ์ ประกันภัย และส่งแก๊ซ ผ่านแอปพลิเคชัน “บ้านรู้ใจ” ตอบโจทย์ human-centric สู่การเป็น “Living Solutions Provider”   แอปพลิเคชัน "บ้านรู้ใจ" ของ SC Asset  ได้ถูกออกแบบและพัฒนาไว้บนแพลตฟอร์มหนึ่งเดียว โดยรวบรวมทุกสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทั้งบ้านและคอนโด ด้วยฟีเจอร์ใหม่ Rue Jai Subscription “ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต” โดยรูปแบบ คือ บริการแพ็กเกจดูแลที่อยู่อาศัยแบบรายเดือน ครอบคลุมตั้งแต่การทำความสะอาดบ้าน ดูแลสวน ซัก-รีด ฯลฯ    SC Asset จับมือพันธมิตร เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชั่น นายดิเรก ตยาคี Head of Living Solutions บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ 6 พันธมิตรทั้งกลุ่มธนาคาร ประกันภัย และ บริษัทแก๊สชั้นนำ เปิดบริการใหม่ในแอปพลิเคชัน "บ้านรู้ใจ"  ของ SC Asset  ได้แก่ บริการรีไฟแนนซ์ ซึ่งได้ร่วมกับ 4 องค์กรพันธมิตร ได้แก่  ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารยูโอบี  ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และ Refinn  “ปัจจุบันผลตอบรับบริการรีไฟแนนซ์ดีมาก มีลูกบ้านยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ผ่านแอปพลิเคชั่นกว่า 400 ล้านบาท และดำเนินการยื่นเรื่องจดจำนองเรียบร้อยคิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท สำหรับอนาคตจะมีการขยายการให้บริการด้านการเงินต่างๆ เพิ่มมากขึ้น อาทิ เปลี่ยนบ้านให้เป็นเงิน การกู้เงินเพื่อตกแต่งบ้าน และการดูแลในเรื่อง Wealth Management ด้วย” ประกันเดินทางร่วมกับการประกันบ้าน นอกจากนี้ ยังมีบริการ “ประกันภัย” จากบริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด ที่ร่วมนำเสนอแพ็คเก็จประกันเดินทางแบบใหม่ร่วมกับการประกันบ้านในระยะเวลาที่ต้องการ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของวงการประกันภัย และเป็นบริการพิเศษเฉพาะสำหรับลูกบ้านของ SC เท่านั้น เพื่อให้ลูกบ้านรู้สึกสบายใจ ไร้กังวล เวลาเดินทางไปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นทริปสั้นๆ หรือทริปยาว และในอนาคตก็จะมีบริการด้านประกันภัยอื่นๆ เช่น พรบ.รถยนต์ เป็นต้น บริการส่งแก๊สถังใหม่ทุกเดือน นายดิเรก กล่าวอีกว่า แอปพลิเคชั่น บ้านรู้ใจ ยังมีบริการจัดส่งแก๊ส โดยความร่วมมือกับบริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการจัดจำหน่ายแก๊ส LPG ที่ร่วม co-creation สร้างสรรค์บริการใหม่ๆ โดยจัดบริการส่งแก๊สถังใหม่ให้เป็นประจำทุกเดือน หมดปัญหาความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นเมื่อแก๊สหมดระหว่างทำกับข้าว โดยแผนในอนาคต คือการร่วมกับ SC จะนำต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่นมาพัฒนาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันให้เกิดความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนถังแก๊สเพิ่มขึ้น “จุดเด่นที่สำคัญของแอปพลิเคชัน บ้านรู้ใจ นอกจาก Conversation การสนทนาผ่านเจ้าหน้าที่รู้ใจ ด้วยบริการตลอด 24 ชั่วโมง คือ การมีฟีเจอร์ “Rue Jai Subscription” ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิตรวมไปถึงการร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญมอบบริการที่พิเศษหลากหลายไว้บนฟีเจอร์ โดยไม่ได้จำกัดแค่เรื่องที่อยู่อาศัยเท่านั้น ยังตอบโจทย์ human-centric สำหรับชีวิตประจำวันอีกด้วย” ลูกบ้านสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "บ้านรู้ใจ" ผ่าน IOS และ Google Play ได้ฟรี    
ถอดกลยุทธ์ “พฤกษา” เติบโต 5% ได้อย่างไรในภาวะตลาดอสังหาฯ ติดลบ

ถอดกลยุทธ์ “พฤกษา” เติบโต 5% ได้อย่างไรในภาวะตลาดอสังหาฯ ติดลบ

ตลาดอสังหาฯ 9 เดือนหดตัว 22% ส่อแววตลาดชะลอตัวต่อเนื่องถึงปีหน้า “พฤกษา” ชู 4 กลยุทธ์ปรับตัวรับมือและรักษาการเติบโต หั่นโปรเจ็กต์เล็กลง จับตลาดเรียลดีมานด์ และมีกำลังซื้อสูง ปักหมุดในทำเลศักยภาพ ปี 63 เตรียมอีก 15 โปรเจ็กต์ใหม่สร้างการเติบโต 5%   ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเติบโตลดลงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม เป็นการลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยลดลง 22% จากมูลค่า 385,926 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา เหลือ 299,789 ล้านบาท เฉพาะไตรมาส 3 ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ลดลงไปถึง 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าประมาณ 100,629 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 3 ปี 2561 มีมูลค่าสูงถึง 154,415 ล้านบาท   แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการหลายราย ต้องปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนใหญ่จะเปิดโครงการเมื่อมั่นใจในทำเลที่ตั้ง และการทำตลาดสำหรับโครงการนั้น แต่หากยังไม่มั่นใจ หรือพิจารณาดูแล้วโครงการที่จะเปิดยังมีความต้องการไม่มากพอ ผู้ประกอบการมักจะเลื่อนไปเปิดตัวโครงการไปในปีหน้าแทน หรือไม่ก็ปรับลดขนาดให้โครงการเหมาะสมกับสภาพแต่ละทำเล   ทั้ง 2 เรื่อง เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหยิบมาใช้ เป็นวิธีการสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ และไม่ทำให้ธุรกิจมี “ความเสี่ยง” มากเกินไป ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำตลาดอย่างกลุ่ม “พฤกษา” ที่เลือกเปิดเฉพาะโครงการในทำเลที่มั่นใจจริงๆ เท่านั้น อย่างเช่นในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาก็เลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ โดยเลื่อนมาเปิดในไตรมาสสุดท้าย และไปเปิดในปี 2563 แทน   นายปิยะ ประยงค์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท – แวลู  บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มสถานการณ์อสังหาฯ ในปี 2563 เชื่อว่าคงจะไม่เติบโต และอาจจะลดลงต่อเนื่องในอัตรา 10-20% ทำให้กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท – แวลู จะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 15 โครงการ มีมูลค่าเฉลี่ยโครงการละ 1,000 ล้านบาท  แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 50% และคอนโดฯ  50% ซึ่งใกล้เคียงกับปีนี้ที่เปิดตัว 16 โครงการ   “โครงการใหม่ในปี 2563 จำนวน 30% เป็นโครงการที่เลื่อนเปิดจากปีนี้” ถอด 4 กลยุทธ์การเติบโตกลุ่มพฤกษา สำหรับกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจปีหน้ากลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-แวลู คือ 1.โครงการเปิดใหม่จะไม่เน้นโครงการขนาดใหญ่ จะมีจำนวนยูนิตเฉลี่ย 200-300 ยูนิตต่อโครงการ พื้นที่โครงการแนวราบจะลดขนาดลงและกระจายเข้ามาใกล้ใจกลางเมืองมากขึ้น เช่น บ้านเดี่ยวเคยพัฒนาบนเนื้อที่ 80 ไร่ จะลดเหลือ 20-30 ไร่ เป็นต้น   2.จับตลาดกลุ่มเป้าหมายคนเมือง มีรายได้ 50,000-150,000 บาทต่อเดือน เนื่องจากมองว่าเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง   3.ขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่ตลาดระดับบนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 5 ล้านบาท ขึ้นไป และกลุ่มลูกค้าคอนโดฯ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท   4.เลือกเปิดตัวโครงการในทำเลที่มีศักยภาพ และมีช่องว่างทางการตลาด การแข่งขันไม่รุนแรง ทั้งในพื้นที่กลางเมืองกรุงเทพฯ​ และปริมณฑล รวมถึง พื้นที่ต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นเขตอีอีซี เชียงใหม่ และภูเก็ต     “ในครึ่งปีหลัง 2562 บริษัทมีการปรับกลุทธ์การเปิดขายโครงการคอนโดฯ โดยเน้นโครงการที่เป็น  Best in Class เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพในท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในทำเลใกล้รถไฟฟ้าและมีดีมานด์รองรับ” โดยล่าสุด เปิดตัวโครงการ “The Tree Victory Monument”  ถือเป็นโครงการสูงของแบรนด์เดอะทรี (The Tree) โครงการแรกในระดับลักชัวรี่ มีการปรับโฉมทำห้องฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร และ ห้อง Duplex ฝ้าเพดานสูง 4.9 เมตร  ในทำเลย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ  ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท ซึ่งตัวอาคารมีขนาดความสูง 31 ชั้น  1 อาคาร มีชั้นจอดรถใต้ดิน 3  ชั้น มีห้องพักจำนวน 253  ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท   โครงการ “The Tree Victory Monument” ถือเป็น 1 ใน 3 โครงการที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 นี้ มูลค่ารวม 5,100 ล้านบาท  โดยจะเปิดตัวอีก 2 โครงการ จะเปิดคอนโดมิเนียมอีก 3 โครงการ ได้แก่ The Tree พัฒนาการ-เอกมัย และ The Tree พระราม 4-สุขุมวิท     นายปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ในไตรมาสสุดท้าย น่าจะได้รับอานิสงค์จากมาตรการภาครัฐ ทำให้ตลาดฟื้นตัวดีขึ้นแต่ยังคงติดลบจากปีที่ผ่านมา แต่คงติดลบน้อยลงจากเดิม 22% น่าจะเหลือติดลบประมาณ 15-20%  ซึ่งพฤกษา เรียลเอสเตท-แวลู  เตรียมนำสต๊อกโครงการสร้างเสร็จในกลุ่มบ้านเดียว มูลค่า 3,000 ล้านบาท และคอนโดฯ มูลค่า 3,000 ล้านบาท มาจัดแคมเปญโปรโมชั่นฟรีทุกค่าใช้จ่าย และลดราคาขาย 5-10%   “ในปีนี้ กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท – แวลู  คาดว่าจะมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 20,000 ล้าน และมีเป้าหมายยอดขาย 17,000 ล้านบาท ปัจจุบันทำยอดขายได้แล้ว 15,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคงวางเป้าหมายการเติบโตไว้ 5%”  
รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562

รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562

รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด ปลายเดือนพฤศจิกายน 2562 ยังมีโปรโมชั่นจากหลาย Developer โดยเฉพาะโครงการพร้อมอยู่ให้ได้เข้าไปชมสถานที่จริงก่อนตัดสินใจคว้าราคาดีๆ และยังมีโครงการเปิดตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดขายเป็นครั้งแรกในช่วงนี้เช่นกันค่ะ       THE ORIGIN Phahol-Saphanmai เปิดจองครั้งแรก THE ORIGIN Phahol-Saphanmai คอนโดใหม่ บนทำเลฮอต รถไฟฟ้า สายสีเขียว สถานีสายหยุด 23 พ.ย.นี้ เปิดจองครั้งแรก ราคา เริ่ม 1.49 ล้าน ลงทะเบียนจองสิทธิ์ ส่วนลด 200,000 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม THE ORIGIN Phahol-Saphanmai The Tree Victory Monument เปิดรอบ VVIP DAY คอนโดตัวล่าสุดจากพฤกษา ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ ห้องเพดานสูง 4.9 เมตร ทุกยูนิต Facility ส่วนกลางบนชั้นRooftop Skyline ต่อเนื่องกันถึง 6 ชั้น เปิดรอบ VVIP DAY ในวันที่ 23-24 พ.ย. นี้ Exclusive Offer รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท จองภายในงานรับเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ธนาสิริ กรุ๊ปจัดโปรโมชั่นพิเศษ ในงาน Hello winter ธนาสิริได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ ในงาน Hello winter หนาวนี้ต้องรีบจอง แถมฟรี ! แอร์ทั้งหลัง เมื่อจองบ้านพร้อมอยู่ในโครงการที่สนใจ พร้อมรับของแถมเพิ่มสูงสุด 10 รายการ  โดยมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ในทำเลใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วนและห้างสรรพสินค้า ชั้นนำ ในราคาเริ่มต้น 2.59-13.9 ล้านบาท  โดย 5 โครงการบ้านคุณภาพในเครือธนาสิริ กรุ๊ปที่นำมาร่วมรายการ ได้แก่ ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร, ธนาคลัสเตอร์ ราชพฤกษ์, ธนาคลัสเตอร์ เวสต์เกต, ธนาซิโอ รัตนาธิเบศร์, สิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต Rich Point @BTS วุฒากาศ จัดงาน Pre-sale Rich Point @BTS วุฒากาศ คอนโดใหม่ทำเลคุณภาพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ 0 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS วุฒากาศ เริ่ม 1.99 ลบ.* เตรียมจัดงาน Pre-sale จองสิทธิ์ก่อนเพียง 5,000 บาท* รับส่วนลดสูงสุดทันที 300,000 บาท* ได้เลือกแบบ เลือกห้อง เลือกชั้น ก่อนใคร เปิดจอง 30 พ.ย. นี้ LPN โปรส่งท้ายปี ดีลปิดไตรมาส จัดเต็มทั้งลด ทั้งแถม ทุกโครงการพร้อมอยู่   คอนโดมิเนียม ลุมพินี วิลล์ พระนั่งเกล้า–ริเวอร์วิว พิเศษ 999,000 บาท* ลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว 2 พิเศษ 1.23 ล้าน* ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 76-แบริ่ง สเตชั่น (2) พิเศษ 1.36 ล้าน* ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์–บางแวก พิเศษ 1.24 ล้าน* ลุมพินี วิลล์ สุขสวัสดิ์-พระราม 2 พิเศษ 1.29 ล้าน* ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 พิเศษ 945,000 บาท* ลุมพินี เพลส รัชดา–สาธุ พิเศษ 2.78 ล้าน* ลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98 (2) พิเศษ 1.19 ล้าน* ลุมพินี พาร์ค พหล 32 พิเศษ 2.59 ล้าน* ลุมพินี พาร์ค วิภาวดี–จตุจักร พิเศษ 2.19 ล้าน* ลุมพินี สวีท เพชรบุรี–มักกะสัน พิเศษ 2.99 ล้าน* ลุมพินี สวีท ดินแดง–ราชปรารภ พิเศษ 2.79 ล้าน* ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร–สะพานควาย พิเศษ 2.99 ล้าน* ลุมพินี พาร์คบีช ชะอำ 2 พิเศษ 2.55 ล้าน* ลุมพินี ซีวิว ชะอำ (B) พิเศษ 1.02 ล้าน* ลุมพินี พาร์คบีช จอมทียน พิเศษ 2.83 ล้าน* ลุมพินี วิลล์ นาเกลือ–วงศ์อมาตย์ พิเศษ 1.90 ล้าน*   บ้าน บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ลาดปลาดุก–บางไผ่สเตชั่น พิเศษ 1.99 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ รังสิต-คลอง 2 เฟส 1 พิเศษ 1.89 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ รังสิต-คลอง 2 เฟส 2 พิเศษ 1.20 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ เพิ่มสิน–วัชรพล พิเศษ 2.79 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า เฟส 2.1 พิเศษ 2.79 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า เฟส 2.2 พิเศษ 4.79 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์พาร์ค ท่าข้าม-พระราม 2 พิเศษ 2.90 - 5.39 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์เพลส พระราม 2–ท่าข้าม พิเศษ 5.89 ล้าน* บ้านลุมพินี สวนหลวง ร.๙ พิเศษ 11.00 ล้าน* อนันดา โปรเหนือโปร 6 คอนโดพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ฟรีโอน จดจำนอง ทุกราคา ทุกยูนิต เริ่ม 1.59-2.69 ล้านบาท วันที่ 23-24 พ.ย. นี้ ไอดีโอ โมบิ บางซื่อ-แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ ไอดีโอ โมบิ วงศ์สว่าง-อินเตอร์เชนจ์ ไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ ไอดีโอ ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ ไอดีโอ โอทู เอลลิโอ เดล มอสส์ พหลโยธิน 34 เสนา ให้ก่อนมาตรการรัฐ คืนค่าธรรมเนียมโอน ค่าจดจำนอง เสนา ดีลดี จอง 999 บาท รับเลย samsung galaxy note 10* และยังได้คืนค่าธรรมเนียมโอน 1% และค่าจดจำนอง 1% ทั้งบ้านและคอนโด 21 โครงการพร้อมอยู่ 26 ต.ค.-31 ธ.ค. 62 MAVISTA เปิดบ้านตัวอย่างหลังใหม่ ลดสูงสุด 5,000,000 บาท MAVISTA Krungthep Kreetha บ้านเดี่ยวสุดหรู พร้อมเข้าอยู่  ฉลองเปิดบ้านตัวอย่างหลังใหม่ 5 หลังสุดท้ายก่อนปิดโครงการ รับส่วนลดสูงสุด 5,000,000 บาท* เริ่มต้น 90 ล้านบาท* วันนี้-30 พ.ย. นี้ บ้านหลังแรก พร้อมโอน รับ 3 สิทธิ์ ตอบรับมาตรการรัฐ บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด บ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 5 ล้าน พร้อมโอนภายในปีนี้ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดอีก 200,000 บาท*    บ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ได้สิทธิ์ลดค่าโอน และจดจำนอง และสามารถใช้สิทธิ์ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท* จากโครงการดังนี้   Villaggio รังสิต - คลอง 2 ราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท Indy รังสิต – คลอง2 ราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท ชัยพฤกษ์ ศรีนครินทร์ ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท Villaggio บางนา – เทพารักษ์  ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท Villaggio ศรีนครินทร์ – บางนา  ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท Villaggio บางนา ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท Indy 2 ศรีนครินทร์ ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท Villaggio 2 พระราม 2 ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท Villaggio ประชาอุทิศ 90 ราคาเริ่มต้น 3.6 ล้านบาท Villaggio เพชรเกษม – สาย4 ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท Indy ประชาอุทิศ 90 ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท พฤกษ์ลดา วงแหวน – หทัยราษฏร์ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท The Key สาทร – เจริญราษฎร์ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท Villaggio เกาะเรียนราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท Indy อยุธยา ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท โปรแรงแห่งปี จาก Goldenland โกลเด้น ทาวน์ เพชรเกษม-พุทธมณฑลสาย 3 ทาวน์โฮมโครงการใหม่ สุดยอดทำเลทอง 2 กิโล ถึงรถไฟฟ้า ติดถนนใหญ่+ใกล้เดอะมอลล์ มาพร้อมฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ อลังการสโมสร+โรงหนังส่วนตัว พร้อมสวนสวยรอบโครงการ ราคาพิเศษ เริ่ม 2.39 ล้าน* วันที่ 16-24 พ.ย. นี้ The Vision ลาดพร้าว – นวมินทร์ เปิดจองครั้งแรก เปิดบ้านดีไซน์ใหม่ ใหญ่ทุกห้องนอน ทำเลทองย่านลาดพร้าว-นวมินทร์ บ้านใหม่ดีไซน์หรู Vision Smart เปิดจองครั้งแรก 23 พ.ย. นี้ รับส่วนลดสูงสุด 350,000 บ.* ราคาเริ่มต้น 2.59 ลบ.*       
พลัสฯ แนะ 5 วิธี ดีเวลอปเปอร์หน้าใหม่ รับมือวิกฤตอสังหาฯ  

พลัสฯ แนะ 5 วิธี ดีเวลอปเปอร์หน้าใหม่ รับมือวิกฤตอสังหาฯ  

แม้ว่ารัฐบาลจะดีเดย์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งมีผลใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เกิดวิกฤตอสังหาฯ​ ไม่น้อยเลยจากปัจจัยลบต่างๆ   แต่ด้วยระยะเวลาที่ธุรกิจอสังหาฯ ต้องเผชิญกับความยากลำบาก  เป็นวิกฤตอสังหาฯ จากผลกระทบของมาตรการ LTV เศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ที่ต่อเนื่องยาวนานกว่า ขณะที่ผลบวกจากมาตรการที่จะใช้ในปีนี้เหลือระยะเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น ขณะที่ วิกฤตอสังหาฯ ดูเหมือนว่าปัจจัยลบยังต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงปีหน้าด้วย เพราะภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเป็นปกติ   5 วิธีรับมือ วิกฤตอสังหาฯ   บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะที่ดำเนินธุรกิจบริหารงานขายมานานกว่า 20 ปี พลัสฯ ได้ให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการหน้าใหม่  เพื่อรับมือกับปัญหาและปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น  กับคำแนะนำ 5 วิธี ปรับตัว รับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น ได้แก่   1.คอยติดตามสถานการณ์ตลาดและข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้เป็นการชะลอตัวในหลายประเทศ จึงอาจกระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลก หากผู้ประกอบการรายใดมีเป้าหมายเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ก็จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิดว่ากำลังซื้อยังดีหรือไม่ 2.หา Demand เฉพาะในแต่ละพื้นที่ และลงทุนให้เหมาะกับขนาดตลาดหรือความต้องการที่มี เมื่อสถานการณ์ของตลาดนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (Investor) ได้รับผลกระทบจากการควบคุมการปล่อยสินเชื่อของภาครัฐฯ   การศึกษากลุ่มที่เป็นผู้อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ควรสำรวจตลาดโดยเฉพาะเรื่องยอดขายของโครงการในบริเวณนั้นๆ และจำนวนยูนิตเหลือขาย  ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง หากพัฒนาสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในทำเลนั้นๆ จึงต้องศึกษาและวิจัยตลาดอย่างละเอียดและตั้งราคาที่สมเหตุสมผล   3.ความรู้เกี่ยวกับตลาดและทำเลต้องแน่น ทำเลที่ตั้งของโครงการเป็นสิ่งที่ลูกค้าพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ การเลือกทำเลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเข้าใจตลาดในทำเลนั้นและสามารถวิเคราะห์ศักยภาพทำเลได้อย่างแม่นยำ เพื่อการพัฒนาโครงการที่เหมาะสมและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าด้วย และวางแผนเปิดตัวโครงการให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น พิจารณาเรื่องเวลาและจังหวะการเปิดตัวที่เหมาะสม และมีแผนรองรับที่มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ตลาด   4.Customer-Centric ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยต้องเข้าใจ Insight ของลูกค้าว่ากลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตและความต้องการด้านที่อยู่อาศัยอย่างไร เพื่อออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์และวางกลยุทธ์การขายและการตลาดที่ตรงใจลูกค้า  นอกจากนี้ การปรับสเปคโครงการเพื่อให้ตั้งราคาได้เหมาะสม กับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจ และเน้นโฟกัสโครงการเดิมที่มีอยู่เพื่อระบายสต็อก   5.ทำการตลาดที่แข็งแกร่ง สามารถสื่อสารภาพลักษณ์ที่สะท้อนจุดเด่นของโครงการ และเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย การออกแบบห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง ต้องสะท้อนภาพลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมาย ต้องมีความประณีตในการพัฒนาและเลือกสรรสิ่งต่างๆ เพื่อสะท้อนความใส่ใจในทุกรายละเอียด การตลาดที่ดีจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของผู้พัฒนาโครงการและตัวโครงการ     รวมถึงสามารถสื่อสารจุดเด่นของตัวโครงการ ให้เชื่อมโยงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อทำตลาด ให้ความสำคัญกับการสร้าง Brand Story ที่สามารถสะท้อน Personality ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ทั้งในแง่ Functional และ Emotional   “พลัส” เดินหน้าลงทุน-หาลูกค้าใหม่ สู้ วิกฤตอสังหาฯ        นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ  รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารธุรกิจใหม่และสนับสนุนงานขาย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายราย ออกมาปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น   สำหรับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในส่วนของงานบริหารงานขาย ยังเดินตามแผนโรดแมพระยะยาวที่วางไว้ ด้วยการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าไปกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการต่างชาติ และกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ ในการเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับลูกค้า เป็นมากกว่าตัวแทนขาย เข้าไปมีส่วนร่วมให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อน-ระหว่าง-หลัง การพัฒนาโครงการ   เพื่อให้แต่ละโครงการมีรูปแบบที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และออกแบบกลยุทธ์การบริหารงานขายและการตลาดที่ตอบโจทย์ Customer-Centric และที่สำคัญคือเคียงข้างและให้คำปรึกษาลูกค้าผู้ประกอบการในทุกสถานการณ์ ไม่ทอดทิ้งลูกค้า ซึ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัวนั้นลูกค้าหลายรายโดยเฉพาะรายใหญ่ล้วนมีการปรับตัวที่ดี   “นอกจากนี้พลัสฯ ยังได้ทำการสำรวจเทรนด์ความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบันพบว่า คอนโดมิเนียมในทำเลที่เดินทางสะดวก มีการเชื่อมต่อด้านคมนาคมที่หลากหลาย ยังคงตอบโจทย์ลูกค้าในทุกยุคสมัย ในปีนี้ทำเลสุขุมวิทตอนกลางถือว่ามีความโดดเด่น ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกในทุกด้านของการใช้ชีวิต”   อย่างไรก็ตาม หากดูจากเทรนด์ของโครงการใหม่ที่เปิดในปีนี้จะพบว่า ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย และมีการออกแบบ Facility ตลอดจนการบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น และมีเทคโนโลยี IoT ใช้อำนวยความสะดวกในโครงการ จะได้รับความสนใจจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น   ทั้งนี้ ธุรกิจ Sole Agent หรืองานบริหารงานขายของพลัสฯ ปัจจุบัน (เดือนพฤศจิกายน 2562) มีลูกค้ารวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการโดยประมาณอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 50%  กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 20%  
พร็อพเพอร์ตี้ กูรู เปิด 7 เทรนด์อสังหาฯ ปี 63

พร็อพเพอร์ตี้ กูรู เปิด 7 เทรนด์อสังหาฯ ปี 63

พร็อพเพอร์ตี้กูรู เตรียมจัดงาน Asia Real Estate Summit 2019 ระดมกูรูด้านอสังหาฯ และวิทยากรชั้นนำทั่วโลก ชี้เทรนด์อสังหาฯ ในปีหน้า ชูไฮไลท์เรื่องเทคโนโลยี กำลังจะเข้ามาผลิกโฉมวงการที่อยู่อาศัย พร้อมเปิด 7 เทรนด์อสังหาฯ​ ไทยในปี 63      นายเจสัน เกรกอรี กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ กูรู อินเตอร์ชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมจัดงานสัมมนาให้ความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์  "Asia Real Estate Summit 2019" ระหว่างวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2562  โรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok โดยภายในงานวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาฯ  และที่เกี่ยวข้องระดับโลก มาร่วมบรรยายสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน พร้อมอัพเดทเทรนด์การเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ต่อวงการอสังหาฯ ในอนาคต   สำหรับหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ การออกแบบให้เหมาะกับมนุษย์ : โซลูชั่นที่ชาญฉลาดและการบูรณาการแบบครบวงจรที่มนุษย์ต้องการ บรรยายโดย Tim Kobe ผู้ก่อตั้ง Eight,lnc และผู้สร้างต้นแบบของ Apple Store หรือ Charles Reed Anderson ผู้ก่อตั้ง CRA & Associates บรรยายในหัวข้อ “การสร้างอาคารที่ปลอดภัยและระบบนิเวศที่ชาญฉลาด สำหรับบ้านของคนเอเชีย” ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ วิธีการพัฒนาเทคโนโลยี ที่สามารถตระหนักถึงการสร้างเมืองอัจฉริยะที่แท้จริง เป็นระยะต่อไปของ Internet of Things (IoT) ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอสังหาฯ ในเอเชีย ทั้งปัจจุบันและอนาคตอย่างไร   นายเจสัน กล่าวอีกว่า ภายในงานยังมีการอภิปรายเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G ในหัวข้อ "5G การปลดปล่อยคลื่นลูกใหม่แห่งการเชื่อมต่อ" เป็นการนำเสนอประเด็น ความก้าวหน้าของ Internet of Things (IoT) ในอาคารและบ้านอัจฉริยะของคนเอเชีย การแนะนำและการปรับใช้เทคโนโลยี 5G สามารถพัฒนาเมืองอัจฉริยะได้อย่างไร ความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 และคุณสมบัติการเชื่อมต่อในภูมิภาค ซึ่งจะมีผู้ร่วมอภิปราย ได้แก่ นายอัศนีย์ วิภาตเวทย์ หัวหน้าส่วนงานผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร และบริการระหว่างรประเทศ AIS ดร.เจษฎา ศิวรักษ์ หัวหน้าฝ่ายรัฐกิจและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด และ Look Fan หัวหน้ากลุ่มทุน TechNode “ไฮไลท์ของงานครั้งนี้ จะเป็นเรื่องเทคโนโลยี และเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเทรนด์ที่เกิดขึ้นในการพัฒนาอสังหาฯ ปัจจุบัน คือ การพัฒนาโครงกางการไปตามแนวเส้นทางการเดินทางของคน เช่น ระบบรถไฟฟ้า จากเมื่อก่อนอสังหาฯ จะถูกพัฒนาในเขตซีบีดี ในใจกลางเมืองธุรกิจ แต่วันนี้ไม่ใช่ซีบีดีอาจจะอยู่พื้นที่รอบนอก แต่เดินทางเข้ามาในเมืองได้”สำหรับเทรนด์ตลาดอสังหาฯ ประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในปี 2563 กูรูพร็อพเพอร์ตี้ มองว่าจะมี 7 เรื่องดังนี้   1.ผู้บริโภคยุคมิลเลนเนียล เลือกซื้ออสังหาฯ โดยมองเรื่องการลงทุนเป็นหลัก ต่างจากผู้บริโภคในอดีตที่ต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกับคนในครอบครัว   2.ตลาดอสังหาฯ​ในเมืองไทย มีความหลากหลายมากที่สุด ด้านราคามีตั้งแต่ราคาต่ำสุดไปจนถึงแพงสุด โดยตลาดที่เป็นกลุ่มใหญ่ คือ ตลาดระดับราคาที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ ในราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทลงมา   3.ทำเลการพัฒนาอสังหาฯ ยังมุ่งเน้นตามแนวรถไฟฟ้า แต่มีการพัฒนาพื้นที่ใหม่สำหรับตลาดอสังหาฯ อย่างเช่น พื้นที่อีอีซี ทำให้มีการขยายพื้นที่การพัฒนาออกไปรองรับ เช่น โซนบางนา     4.ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างจุดขาย และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันมากขึ้น   5.ทิศทางการพัฒนาอสังหาฯ ในปี 2563 ผู้ประกอบการยังลงทุนต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมตลาดจะยังไม่เติบโต แต่ไม่ถึงกับติดลบ ซึ่งรูปแบบการพัฒนาจะมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น มีการพัฒนารูปแบบใหม่ เช่น การพัฒนาที่อยู่อาศัยรวมกับโรงแรม ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละรายจะพัฒนารูปแบบโครงการ ตามความถนัดของตนเอง ในแต่ละเซ็กเมนต์   6.ดีเวลลอปเปอร์จะพัฒนาโครงการ โดยขยายตลาดไปสู่กลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่โฟกัสตลาดคนไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ พัทยา และจังหวัดภูเก็ต   7.การนำเอาเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในด้านการขายอสังหาฯ เช่น การใช้เทคโนโลยี 3D เพื่อดูห้องตัวอย่างและโครงการ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศแล้ว รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ มีโอกาสที่ถูกนำเข้ามาใช้ประเทศไทย เช่น ฟินเทค ระบบการประเมินคุณสมบัติผู้กู้ซื้ออสังหาฯ ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ Home Loan Pre Approval Online เป็นต้น   “ปีหน้าตลาดอสังหาฯ ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ แต่จะมีความไดนามิกซ์มาก ยังมีการเปิดโปรเจ็กต์ใหม่ แม้จะน้อยลง ผู้ประกอบการแต่ละราย จะปรับตัวไปตามความถนัดของตัวเอง”        
“พฤกษา” ยังท็อปฟอร์ม โชว์ผลงาน Q3 ครองแชมป์เบอร์ 1 ตลาดอสังหา

“พฤกษา” ยังท็อปฟอร์ม โชว์ผลงาน Q3 ครองแชมป์เบอร์ 1 ตลาดอสังหา

พฤกษา โชว์ฟอร์มไตรมาส 3 ยังรักษาแชมป์ผู้นำเบอร์ 1 ตลาดอสังหาฯ ทำยอดขายได้ 14,113 ล้านบาท เติบโต 15%  และมีกำไร 916 ล้านบาท เตรียม 3 กลยุทธ์โค้งท้ายปีกระตุ้นเป้าหมาย พร้อมขน 9 โครงการเปิดตัว มูลค่า 8,800 ล้านบาท   นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่า บริษัทยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และรักษาความเป็นผู้นำตลาด โดยมียอดขาย 14,113 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ 8,517 ล้านบาท เติบโต  9.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ลดลง 23.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีกำไรอยู่ที่ 916 ล้านบาท ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 42.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา   ด้านผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัททำยอดขายได้ 37,480 ล้านบาท ลดลง 3.7% มีรายได้ 28,179 ล้านบาท ลดลง 6.8% และมีกำไร 3,534 ล้านบาท ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทเปิดโครงการใหม่ ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบางทำเลยและบางโครงการ  ยังไม่ผ่านเกณฑ์ในการพิจารณาเปิดโครงการของบริษัท และในบางทำเลยังมีปริมาณลูกค้าไม่มากพอ ทำให้บริษัทเปิดโครงการทั้ง 14 โครงการ มูลค่า 15,396 ล้านบาท เลื่อนเปิด 4 โครงการไปในไตรมาสสุดท้ายและปีหน้า  จากแผนเดิมเปิด 18 โครงการ มูลค่า 18,683 ล้านบาท   “แม้ว่าสภาวะตลาดในไตรมาส 3 จะชะลอตัว การเปิดโครงการใหม่ของพฤกษา ยังมีอัตราการสูงขึ้นถึง 30% ดีกว่าตลาดที่มีอัตราการขายเฉลี่ย 27% สะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์ การเลือกเปิดตัวโครงการ Right Location Right Time และ Right Target” ยังรักษาแชมป์ผู้นำเบอร์ 1 ตลาดอสังหาฯ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดรวมที่มีกำลังซื้อชะลอตัวลง แต่บริษัทยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดเบอร์ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงสุดอยู่ที่ 12% จากมูลค่าตลาดรวม 299,789 ล้านบาท และยังคงรักษาความเป็นผู้นำใน 3 ตลาดหลัก ได้แก่  ผู้นำตลาดเบอร์ 1 ในตลาดทาวน์เฮ้าส์ ด้วยสัดส่วน 22%  จากมูลค่าตลาดรวม 60,625 ล้านบาท ผู้นำตลาดเบอร์ 1 ตลาดคอนโดฯ สัดส่วน 9% จากมูลค่าตลาดรวม 160,293 ล้านบาท  ส่วนตลาดบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด  พฤกษามีส่วนแบ่ง 8% อยู่ในอันดับ 5 จากมูลค่าตลาดรวม 73,832 ล้านบาท   โดยยอดขายในไตรมาส 3 มูลค่า 14,113 ล้านบาท  แบ่งเป็น กลุ่มคอนโดฯ  มูลค่า 6,734 ล้านบาท เติบโต 51.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเติบโต 17.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา กลุ่มคอนโดฯ-แวลู  มียอดขาย 3,749 ล้านบาท เติบโต  151.3% จากไตรมาสก่อนหน้า และเติบโต 8.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา กลุ่มคอนโดฯ พรีเมียม มียอดขาย 2,985 ล้านบาท  เติบโต 1.3% จากไตรมาสก่อนหน้า และเติบโต 31.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ 5,480 ล้าบาท  ลดลง 1.1% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 19.3% จากปีที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มบ้านเดี่ยว มียอดขาย 1,899 ล้านบาท ลดลง 17.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 14.7% จากปีที่ผ่านมา   ส่วนรายได้ในไตรมาส มูลค่า 8,517 ล้านบาท แบ่งเป็น  กลุ่มคอนโดฯ มูลค่า 2,809 ล้านบาท  เติบโต 6.9% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 27.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  กลุ่มคอนโดฯ-แวลู มีรายได้ 1,454 ล้านบาท ลดลง 31.5% จากไตรมาสก่อนหน้า  และลดลง 62.6% จากช่วงเดียวของปีก่อน กลุ่มคอนโดฯ พรีเมียม มีรายได้ 1,355 ล้านบาท เติบโต 168.4% จากไตรมาสก่อนหน้า กลุ่มทาวน์เฮ้าส์ มีรายได้ 3,923 ล้านบาท  เติบโต 6.5% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 25.4% จากปีที่ผ่านมา และกลุ่มบ้านเดี่ยว มีรายได้  1,776 ล้านบาท  ลดลง​ 21.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 9.5% จากปีที่ผ่านมา   เดินหน้าเปิด 9 โปรเจ็กต์ใหม่ไตรมาสท้าย สำหรับแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสสุดท้าย บริษัทเตรียมเปิดตัวอีก 9 โครงการ มูลค่า 8,800 ล้านบาท โดยเลือกเปิดตัวโครงการที่มีศักยภาพ โดยบริษัทเตรียม 3 กลยุทธ์สำคัญในไตรมาสสุดท้าย เพื่อผลักดันยอดขายและรายได้ ได้แก่ 1.การขยายตลาดไปสู่เซ็กเม้นต์ที่มีศัยกภาพ  เป็นการขยายตลาดไปยังกลุ่มบนมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ภัสสร ในระดับราคา 7-10 ล้านบาท และแบรนด์เดอะปาล์ม ในระดับราคา 10-15 ล้านบาท   กลยุทธ์ที่ 2 การเปิดโครงการใหม่จะมุ่งเน้น กลยุทธ์ Right Location, Right Timing และ Right Target  และ 3.การใช้ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างยอดขายและการตลาด โดยบริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่สามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 16,092 ล้านบาท นอกจากนี้  บริษัทได้เตรียมร่วมกับธนาคารพันธมิตร ในการช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกค้ากู้ผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น หลังจากที่ผ่านมาธนาคาเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้อัตราการปฎิเสธสินค้ามีถึง 8%   โดยทั้งนี้บริษัทได้มีแผนช่วยเหลือลูกค้า ที่มีปัญหาการกู้เงินไม่ผ่าน  ให้กลับบ้านซื้อบ้านได้อีกครั้งผ่านโปรแกรม Win back ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้ถึง 4,878 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของยอดขายรวม   “กลยุทธ์ตลาดคอนโดฯ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโปรดักส์ ทำเลที่มีศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า ต่อไปจะพัฒนาโลว์ไรซ์มากขึ้น เพื่อป้องกันควาเสี่ยง และได้รายได้กลับมาเร็ว”   ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในไตรมาส 3 มีมูลค่าตลาดฯ ติดลบถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รวมไปถึงมาตรการ LTV และการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวดขึ้น โดยทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีแผนช่วยเหลือลูกค้าที่มีปัญหาการกู้เงินไม่ผ่านให้กลับบ้านซื้อบ้านได้อีกครั้งผ่านโปรแกรม Win back ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ ได้ถึง 4,878 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของยอดขายรวม   “ในไตรมาสสุดท้ายสิ่งที่กังวลมากที่สุด คือ บรรยากาศ ที่มีข่าวไม่ดีเยอะ ซึ่งตลาดยังมีความต้องการ คนยังต้องการมีบ้านอีกมาก ปีนี้บริษัทน่าจะรายได้ 45,000 ล้านบาท อาจจะไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนพรีเซลล์น่าจะทำได้ 50,000 ล้านบาทและทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายมากที่สุด”  
“เรียลแอสเสท” เจอพิษ LTV เดินหน้าปรับกลยุทธ์บุกตลาดแนวราบ

“เรียลแอสเสท” เจอพิษ LTV เดินหน้าปรับกลยุทธ์บุกตลาดแนวราบ

เรียลแอสเสท โดนผลกระทบ LTV เร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจครึ่งปีหลัง ต่อเนื่องจนถึงปีหน้า บุกตลาดแนวราบในพื้นที่โซนตะวันออก ชี้ยังมีศักยภาพสูงจากระบบคมนาคมรอบด้าน ขณะที่แผนปี 63 เตรียมเปิด 3 โปรเจ็กต์ 3,600 ล้าน นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ (LTV)  ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่เริ่มใช้วันที่ 1 เมษายน 62 ที่ผ่านมา ประกอบกับตัวลูกค้าประสบปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง  ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดต่อการยื่นขอสินเชื่อ   นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น ปัญหาส่งครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ปัญหาการประท้วงในประเทศฮ่องกง และแนวโน้มกำลังซื้อจากต่างชาติลดลง โดยเฉพาะจากประเทศจีน  ซึ่งเป็นปัจจัยกระทบต่อภาพรวมอสังหาฯ ในปีนี้ แต่หากพิจารณาจากตลาดอสังหาฯ​ ในโซนภาคตะวันออก  ยังถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ  เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งเรื่องการเดิน มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(สำโรง-ลาดพร้าว) มีแหล่งที่อยู่อาศัย และหากในอนาคตเกิดโครงการรถไฟรางเบา (LRT) ที่จะวิ่งจากบางนา-สุวรรณภูมิ จะสร้างความคึกคักและเพิ่มศักยภาพของการอยู่อาศัยมากขึ้น ล่าสุดโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบินได้รับการลงนามเป็นที่เรียบร้อย   ในปีนี้บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์ในครึ่งปีหลัง  และต่อเนื่องถึงปี 2563 โดยชูในเรื่อง Active Wellness มาใช้ในการพัฒนาโครงการ ซึ่งเริ่มนำร่องกับโครงการ เซนส์ บางนา-สุวรรณภูมิ ที่ออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวรวมมากถึง 29,600 ตร.ม.มีพื้นที่ปั่นจักรยาน 2,600 ตารางเมตร และลู่วิ่ง ความยาวถึง 7,400 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นเทรนด์และความต้องการของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน   “แม้ว่าบริษัทยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งประเภทคอนโดมิเนียม และแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ แต่บริษัทต้องปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการทุกรูปแบบของลูกค้า”   นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพการก่อสร้าง และการใส่ใจในการบริการที่มีต่อลูกค้า ผ่านวิสัยทัศน์ We  build real matters for living  เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสถึงความคุ้มค้าที่ได้รับจากโครงการผ่านทางคุณภาพบ้าน  รวมถึงการใส่ใจในเรื่องสุขภาพ   ด้านนายวีระชัย หาญจริยากูล ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ ธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 หลังจากตลาดชะลอตัวช่วงประกาศใช้มาตรการ LTV   โดยช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา บริษัททำยอดขายโครงการแนวราบได้  600 ล้านบาท มาจากโครงการโฮมออฟฟิศ คาสเคด บางนา , บ้านเดี่ยว  โครงการ วีรัณยา วงแหวน-อ่อนนุช , ทาวน์โฮม เพล็กซ์ เกษตร-นวมินทร์ และบ้านแนวคิดใหม่ โครงการเซนส์ สายไหม 56   “ตลาดโครงการแนวราบ การแข่งขันสูง เนื่องจากผู้ประกอบการหลายค่าย หันมาเล่นตลาดแนวราบมากขึ้น ซึ่งในส่วนของบริษัท ก็มีจุดแข็งหลายด้าน มีเครือข่ายทางธุรกิจที่พร้อมสนับสนุน” ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินผืนใหญ่อยู่บนทำเลบางนา-สุวรรณภูมิ ประมาณ 180 ไร่ มีแผนจะทยอยนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบต่อเนื่องได้ถึง 8 ปี หรือมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท   ล่าสุด บริษัทฯได้นำที่ดิน 23 ไร่ มาพัฒนาโครงการ เซนส์ บางนา-สุวรรณภูมิ รูปแบบทาวน์โฮมและบ้านแฝด จำนวน 160 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 810 ล้านบาท แบ่งพัฒนาเป็น 4 เฟสๆละ 40 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 4.99-6ล้านบาท ซึ่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 จะเปิดรอบวีไอพีก่อน   ส่วนแผนพัฒนาโครงการในปี 2563 จะพัฒนาโครงการอย่างน้อย 3 โครงการ รวมมูลค่า 2,600 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการทาวน์โฮม แบรนด์ สตอรี่ส์ จำนวน 200 ยูนิต โครงการบ้านเดี่ยว แบรนด์ วีรัณยา จำนวน 150 ยูนิต รวมทั้ง 2 โครงการมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท และโครงการบริเวณสุขาภิบาล 2 ภายใต้แบรนด์ เพล็กซ์ ที่จะเปิดกลางปีหน้าจำนวจน 227 ยูนิต มูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท.        
3 บิ๊กอสังหาฯ ขนโปรเจ็กต์ “บ้านและคอนโดฯ” จัดแคมเปญออนไลน์ 11.11

3 บิ๊กอสังหาฯ ขนโปรเจ็กต์ “บ้านและคอนโดฯ” จัดแคมเปญออนไลน์ 11.11

เทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ “11.11” หรือวันที่ 11 พฤศจิกายน เกิดขึ้นจากแนวคิดของอาลีบาบา ในช่วงปี 2552 ที่ต้องการจัดแคมเปญในวันคนโสดของจีน ด้วยการลดราคาครั้งใหญ่ของปี ความสำเร็จของแคมเปญที่อาลีบาบาจุดประกายขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันทุกวันที่ 11 พฤศจิกายน นักการตลาดและแบรนด์สินค้าแทบทุกชนิด ใช้โอกาสนี้จัดแคมเปญเพื่อสร้างยอดขาย ที่สำคัญแคมเปญ 11.11 ลุกลามไปออกไปนอกประเทศจีน แน่นอน ประเทศไทยก็ไม่พลาดที่จะจัดทำแคมเปญนี้   ปัจจุบันมีแบรนด์สินค้ามากมายที่จัดทำแคมเปญ 11.11 ซึ่งไม่ใช่แค่สินค้าคอนซูเมอร์  แฟชั่น หรือสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้นที่ทำแคมเปญนี้ แม้แต่สินค้าขนาดใหญ่อย่าง “บ้านและคอนโดมิเนียม” ยังเข้ามาขอมีส่วนร่วมกับแคมเปญ 11.11 ด้วยเช่นกัน อย่างน้อยๆ ปีนี้มีผู้ประกอบการ 3 รายที่จัดแคมเปญออนไลน์ 11.11 SC Asset x Lazada จอง 11 บาท รับส่วนลดสูงสุด 1 ล้าน นายณัฏฐกิตติ์  ศิริรัตน์ Head of Marketing บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกับ บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด  รุกขยายฐานลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ จัดทำแคมเปญแคมเปญช้อปกับ Lazada “11.11 Biggest One Day Sale” ช้อปวันเดียวได้ทุกดีล 11 พฤศจิกายนนี้   ด้วยการนำ 9 โครงการ ทั้งคอนโดฯ  บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 3-9 ล้านบาท  ซึ่งสามารถจองเริ่มต้นเพียง 11 บาท ได้รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 1 ล้าน เฉพาะวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ และหากโอนภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2562 จะได้รับเพิ่ม Cash back 10,000 บาท พร้อม iPhone 11   สำหรับโครงการที่จัดโปรโมชั่นในครั้งนี้  ได้แก่  โครงการเซ็นทริค รัชโยธิน  ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีรัชโยธิน เพียง 150 เมตร โครงการแชมเบอร์ส เฌอ รัชดา-รามอินทรา บ้านเดี่ยว 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเพฟ ประชาอุทิศ, รังสิต, ปิ่นเกล้า-ศาลายา บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โครงการวี คอมพาวด์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า ทาวน์โฮม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเวิร์ฟ พระราม9, ติวานนท์-รังสิต และเพชรเกษม 81 "ออริจิ้น" เตรียม 13 โครงการ จอง 111 บาท  นายรัฐพล เตชะเลิศสิริมงคล  ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  หลังจากบริษัทได้เปิด Official Store ให้จองคอนโดฯ พร้อมอยู่ในแบบออนไลน์ผ่าน LazMall ถือว่าได้รับกระแสตอบรับดีเกินกว่าที่คาดหมายไว้  ทำให้บริษัทจับมือกับ Lazada อย่างต่อเนื่อง จัดโปรโมชั่นส่งท้ายปีกับการเปิดตัวแคมเปญ  11.11 CRAZY SALE  X 10 YEARS ORIGIN ร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี ออริจิ้น   ด้วยการเปิดให้จองคอนโดฯ พร้อมอยู่ 13 โครงการ ใกล้รถไฟฟ้าและโครงการในพื้นที่อีอีซี ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท ผ่านแอพฯ LazMall ด้วยเงินจองเพียง 111 บาท  เฉพาะวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 เท่านั้น  นอกจากนี้ ยังได้รับส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท ค่าส่วนกลางฟรี 5 ปี ค่าจดจำนอง ค่าโอน 1% ค่ากองทุนอาคารชุด ค่าประกันมิเตอร์น้ำ, มิเตอร์ไฟ ตามเงื่อนไขของบริษัท   สำหรับโครงการที่บริษัทนำมาจัดโปรโมชั่น 13 โครงการ ได้แก่  1.ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์  2.เคนซิงตัน สุขุมวิท เทพารักษ์ 3.นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท แพรกษา 4.นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 5.บี ลอฟท์ สุขุมวิท 107 6.บี ลอฟท์ ไลท์ สุขุมวิท 115 7.ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา 8.นอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง 9.เคนซิงตัน เกษตร แคมปัส 10.นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์  11.ไนท์บริดจ์ สกาย ริเวอร์ โอเชี่ยน  12.ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ และ13.ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร   พฤกษา จับมือ ช้อปปี้ ขายคูปอง 11 บาทได้ 200,000 บาท นางสาวอังคณา ลิขิตจรรยากุล รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พฤกษาได้มีการเปิดตัวร้านค้า “Pruksa Real Estate Official” อย่างเป็นทางการบนแพลทฟอร์มช้อปปี้ พร้อมเปิดตัวแคมเปญ 6.6 Mid-Year Sale  ซึ่งถือเป็นการเปิดประสบการณ์รูปแบบใหม่ในการซื้อที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางออนไลน์  อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้เข้าถึงตลาดกลุ่มมิลเลนเนียลที่เป็นกลุ่มที่นิยมการใช้สื่อดิจิทัลมากขึ้น   ทั้งนี้เทรนด์การจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้บริโภคยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันช้อปปี้มีผู้ใช้งานชาวไทยมากกว่า 30 ล้านคน จึงได้ออกแคมเปญใหม่ “11.11 ลดอลัง ปังทุกยูนิต” เพียงกดซื้อคูปองผ่านช้อปปี้ในราคา 11 บาท  สามารถนำไปแลกรับส่วนลดมูลค่าสูงถึง 200,000 บาท ในการซื้อทาวน์โฮมพร้อมอยู่แบรนด์ บ้านพฤกษา พฤกษาวิลล์ เดอะคอนเนค และพาทิโอ ในยูนิตที่เข้าร่วมโครงการกว่า 111 ยูนิต ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 62  พิเศษสำหรับ 11 ยูนิตแรกที่โอนบ้านภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2562  รับเพิ่มอีก 11,111 Coins   นอกจากสิทธิประโยน์และข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ใช้ช้อปปี้ในช่วงแคมเปญ “11.11 ลดอลัง ปังทุกยูนิต” แล้ว ยังมีการมอบส่วนลดพิเศษ 1.5% ให้กับ Shopee Seller ที่ปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 600,000 ราย เพื่อสนับสนุนให้ผู้ต้องการทำธุรกิจได้มีที่อยู่อาศัยพร้อมกับสามารถทำธุรกิจได้ควบคู่กัน โดยพฤกษามีบ้านหลากหลายแบบกว่า 14 แบรนด์ที่ออกแบบด้วยความเข้าใจ  และตรงตามความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม  
สรุปข่าวอสังหาริมทรัพย์รอบสัปดาห์ วันที่ 4-10 พฤศจิกายน 2562

สรุปข่าวอสังหาริมทรัพย์รอบสัปดาห์ วันที่ 4-10 พฤศจิกายน 2562

นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา วงการอสังหาริมทรัพย์ก็มีข่าวดี หลังจากรอคอยมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้มีผลบังคับใช้เสียที หลังจากเดิมที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาก่อนหน้า  แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะให้มีผลเมื่อไร โดยมาตรการดังกล่าวได้ประกาศกระทรวงมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ถือว่าเป็นข่าวดีที่รอคอย ซึ่งทำให้เกิดบรรยากาศความคึกคักมากขึ้น  และเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมของตลาดอสังหาฯ เพราะดีเวลลอปเปอร์หลายราย เริ่มทำแคมเปญออกมารองรับ เพื่อสร้างยอดขายในช่วงเวลาสุดท้ายของปีนี้  แม้ระยะเวลาจะสร้างผลงานเหลือน้อยเต็มทีก็ตาม   ส่วนรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นบ้าง ในแวดวงอสังหาฯ​ ตลาดบ้านและคอนโดฯ  ไปอัพเดทกันเลย เปิดทรู ไอคอน ฮอลล์ 2,000 ล้าน หลังการเดินทางของ “ไอคอนสยาม” ศูนย์การค้าบิ๊กโปรเจ็กต์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ครบรอบ 1 ปี  สิ่งต่างๆ ที่ได้ประกาศว่าจะดำเนินการออกมา ก็เป็นไปตามแผน ล่าสุด ได้เปิด “ทรู ไอคอน ฮอลล์” อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นศูนย์การประชุมและการจัดแสดงงาน และความบันเทิงต่างๆ แห่งใหม่ของประเทศไทย บนพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่ชั้น 7 และชั้น 8 ของโครงการไอคอนสยาม โดยถือเป็นศูนย์การประชุมที่ทันสมัยขนาดใหญ่แห่งแรกในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา   นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เปิดเผยว่า ทรู ไอคอน ฮอลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของไอคอนสยาม คืออีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาติ และเป็นศูนย์การประชุม การจัดแสดงงานและความบันเทิงที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา ซึ่งจะดึงดูดงานประชุมและการแสดงที่สำคัญและเหนือระดับอย่างไม่เคยมีมาก่อน เข้าสู่ประเทศไทย โดยความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ ทรู ไอคอน ฮอลล์ อยู่ที่ทัศนียภาพที่สวยงามอลังการแบบพาโนรามาของแม่น้ำเจ้าพระยา”   “การเปิดทรู ไอคอน ฮอลล์ จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่ทรงพลังตัวใหม่ ที่มาช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมไมซ์ (Meetings, Incentives, Conventions & Exhibitions: MICE) ของไทยให้เติบโต รวมทั้งช่วยกระตุ้นการพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรีด้วย นอกจากนั้น ยังช่วยให้โรงแรมระดับ 4-5 ดาวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีอัตราการเข้าพักสูงขึ้น ตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกแห่งใหม่ของแม่น้ำเจ้าพระยาได้เป็นอย่างดี”   กลุ่มทุนไต้หวันเดินหน้าลุยอสังหาฯ การเปิดตัวโครงการใหม่ ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการคนไทยเท่านั้น โครงการจากกลุ่มทุนต่างชาติก็มีออกมาต่อเนื่องเช่นกัน  เพราะยังคงมั่นใจในตลาดอสังหาฯ  เมืองไทย ล่าสุด กลุ่มทุนจากไต้หวัน ‘พีทีเอฟ เรียลตี้’ เปิดโครงการ  “MAYFAIR PLACE VICTORY MONUMENT ” มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ด้วยการชูจุดขายในเรื่องการันตีผลตอบแทน Yield 5% นาน 2 ปี นายถงหยุ่ย โทนี่ ยิ่ง กรรมการผู้บริหาร บริษัท พีทีเอฟ เรียลตี้ (2018) จํากัด ในเครือ พีทีเอฟ เรียลตี้ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยว่า แม้ในปีนี้ตลาดจะอยู่ในภาวะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในอีก 1-2 ปี ข้างหน้า ในขณะเดียวกันตลาดผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และประเทศไทยมีแนวโน้มการลงทุนที่ดี เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน   สำหรับในส่วนของกลุ่มบริษัทพีทีเอฟ เรียลตี้นั้น ได้มีการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯมาอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 10 ปีที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แต่การลงทุนพัฒนาอสังหาฯของบริษัทฯนั้นจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวาซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาแล้ว 4 โครงการรวมมูลค่ากว่า 5,400 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโด เดอะ ราชดำริ, โครงการเมแฟร์ เพลส สุขุมวิท 64 ,โครงการเมแฟร์ เพลส สุขุมวิท 50 โดยทั้ง 3 โครงการดังกล่าวปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงการที่ 4 คือโครงการDEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 ปัจจุบันมียอดขายกว่า 60% จากมูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เริ่มก่อสร้าง ปี 2562 คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2563 (อ่านข่าวเพิ่มเติม) เปิดตัว “สมาคมไทยบิม” รับมือดิจิทัล เป็นเพราะเทคโนโลยี และดิจิทัลได้เข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตของคนปัจจุบันในทุกเรื่อง ส่งผลให้ทุกวงการต้องปรับตัวรับมือให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว รวมถึงวงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ไทยด้วย  โดยเฉพาะในเรื่องการออกแบบและการก่อสร้าง เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ  อย่างเช่นการออกแบบ 3 มิติ ที่ใช้คอมพิวเตอร์อย่าง “BIM” (Building Information Modeling) แต่เพื่อเป็นมาตรฐานและการยอมรับในระดับสากล จำเป็นต้องมีคนมาคอยตรวจสอบและกำกับดูแล ทำให้เกิดมีการจัดตั้งเป็นสมาคมแบบจำลองสารสนเทศอาคาร (TBIM) ขึ้นมา   ศ.ดร.อมร พิมานมาศ ศาสตราจารย์สาขาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะนายกสมาคมแบบจำลองสารสนเทศอาคาร (TBIM) เปิดเผยว่า ในอนาคตเทคโนโลยีจะเข้ามา Disrupt ธุรกิจก่อสร้างมากยิ่งขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างและงานออกแบบของไทยต้องเร่งพัฒนาศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพด้านงานออกแบบรองรับเศรษฐกิจยุคไทยแลนด์ 4.0 เป็นการปฏิรูปหรือปฏิวัติอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยโฉมใหม่ทั้งระบบ เพื่อสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ทุกรูปแบบและองค์กรเติบโตก้าวทันกระแสการพัฒนาของโลก   เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติในปัจจุบันนี้กำลังเปลี่ยนโฉมงานออกแบบใหม่ไปสู่ระบบ 3 มิติ ด้วยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า “BIM” (Building Information Modeling)  ซึ่งในขณะนี้กระบวนการ BIM ในประเทศไทย ยังไม่มีมาตรฐานการทำงานที่ชัดเจน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีองค์กรกลาง คือ สมาคมแบบจำลองสารสนเทศอาคาร (Thai Building Information Modeling Association; TBIM) เพื่อช่วยสร้างกรอบการทำงาน และมาตรฐานให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน   โดยระบบ BIM จะสร้างแบบจำลองเสมือนจริงใน Computer ทำให้ผู้ทำงานเกี่ยวข้องสามารถเห็นส่วนประกอบทุกส่วนตรงกัน โดย BIM จะสร้างเป็นโมเดล 3 มิติขึ้นมาพร้อมกับ Intelligent Information อาทิ รายละเอียดวัสดุ เพื่อคำนวนปริมาณวัสดุก่อสร้าง ปรับปรุงกระบวนการออกแบบก่อสร้างและคำนวนพลังงานที่จะใช้ในอาคาร สร้างแบบจำลอง หรือ Digital Prototype Model ที่เสมือนจริง และเปลี่ยนจากการสร้างแบบบนกระดาษมาสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและประสานข้อมูลบน Cloud สะดวกในการทำงานนอกสถานที่โดยสามารถใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง Tablet ได้อีกด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การส่งมอบอาคารที่มีคุณภาพสูงขึ้นจากมาตรฐานของตลาดในปัจจุบัน (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   เมืองไทยประกันชีวิต ลุยธุรกิจอสังหาฯ ดูเหมือนธุรกิจอสังหาฯ จะเป็นตลาดที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ ทำให้หลายคนอยากเข้ามาเป็นผู้ประกอกบการด้านอสังหาฯ ไม่เว้นแม้กระทั้งเมืองไทยประกันชีวิต ที่ได้กระโดดเข้ามาพัฒนาโครงการสำนักงานให้เช่า เพราะมองเห็นโอกาสจากความต้องการที่มีอยู่มากมาย ประกอบกับเคยมีประสบการณ์บริหารอาคารเมืองไทยภัทรมาก่อน ล่าสุด จึงเปิดตัวโครงการอาคารสำนักงาน 66 Tower (ซิคตี้ซิกส์ ทาวเวอร์)    นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า ได้ขยายธุรกิจมาสู่อสังหาริมทรัพย์  ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานเกรด A ภายใต้ชื่อ 66 Tower (ซิคตี้ซิกส์ ทาวเวอร์) มูลค่า 3,800 ล้านบาท บนเนื้อที่ 4 ไร่ อยู่บริเวณถนนสุขุมวิท 66 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อุดมสุข 150 เมตร ปัจจุบันได้ก่อสร้างแล้ว 15% มีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2564 (อ่านข่าวเพิ่มเติม) “ASA” จัดงาน ASA Real Estate Forum 2019 ปิดท้ายกับการจัดงานอาษา เรียลเอสเตท ฟอรัม 2019 ( ASA Real Estate Forum 2019 ) โดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ASA) ภายใต้คอนเซ็ปต์งาน  “เมืองอัจฉริยะ เมืองนวัตกรรม เมืองเพื่อทุกคน” ชวนทุกภาคส่วนร่วมวางรากฐานสร้างเมืองอัจฉริยะเมืองนวัตกรรม ชูการสร้างเอกลักษณ์เมือง (City Identity) เน้นความต่างเป็นจุดขายเพื่อพัฒนาเมืองแห่งอนาคตที่ยั่งยืน   นายอัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ในการสร้างเมืองอัจฉริยะและเมืองนวัตกรรมมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพของประชาชนอย่างตรงจุด โดยการนำเทคโนโลยีเข้าไปปรับใช้ พร้อมกับการออกแบบโครงสร้างอาคาร ที่อยู่อาศัยให้เกิดประโยชน์การใช้สอยอย่างเต็มประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากในแต่ละพื้นที่ มีอาชีพและวิถีชีวิตที่ต่างกัน ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและเมืองนวัตกรรม จึงต้องสร้างเมืองที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว (City Identity) กำหนดทิศทางที่ชัดเจนและสอดรับกับความต้องการในพื้นที่   โดยที่ผ่านมาภาครัฐได้มีการวางองค์ประกอบของเมืองอัจฉริยะใน 7 ด้าน ที่ช่วยให้แต่ละพื้นที่ มีทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 1. Smart Environment สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ 2. Smart Government การปกครองอัจฉริยะ 3. Smart Mobility การสัญจรอัจฉริยะ 4. Smart Energy พลังงานอัจฉริยะ 5. Smart Economy เศรษฐกิจอัจฉริยะ 6. Smart Living การใช้ชีวิตอัจฉริยะ และ 7. Smart People ประชาชนอัจฉริยะ   ภายในงานมีการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ผ่านงานสัมมนา อาทิ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมการผังเมืองไทย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) อีกทั้งในการจัดงานครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายในหัวข้อ อนาคตประเทศไทย อนาคตเมืองนวัตกรรมสำหรับทุกคน และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี บรรยายในหัวข้อ Thailand : Country of Opportunities & Equality    
รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด เดือนพฤศจิกายน 2562

รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด เดือนพฤศจิกายน 2562

โปรโมชั่นบ้าน-คอนโด ช่วง 2 เดือนสุดท้ายที่มีมาตรการรัฐลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนองมาช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯ โดยการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย ต้องมาดูกันแล้วค่ะว่าจะมีโปรโมชั่นไหนที่ตอบรับมาตรการนี้ได้ดีบ้าง   อนันดา จัดงาน “IDEO Experience 2019” เปิดประสบการณ์ที่อยู่อาศัยใหม่จากแบรนด์ “ไอดีโอ”คอนโดใกล้รถไฟฟ้า พบ 2 โครงการใหม่ล่าสุด และ 2 โครงการพร้อมอยู่   ได้แก่ สามย่าน / พระโขนง / วงเวียนใหญ่ / ท่าพระ ราคาเริ่มต้น 2.69 – 3.69 ล้านบาท ที่ให้คุณออกแบบเวลาชีวิตได้อย่างลงตัว พร้อมจำลองบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางให้ได้สัมผัสก่อนใคร  วันที่ 3-11 พฤศจิกายน 2562 ที่ สามย่าน มิตรทาวน์ ชั้น G   LIFE LADPRAO VALLEY 11 วัน ราคาเดียว Life Ladprao Valley คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า สถานีห้าแยกลาดพร้าว จัดโปรโมชั่น 11 วัน 11 ยูนิตหลุดดาวน์ 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. ราคาเดียว 5.19 ล้าน* วันที่ 1-11 พ.ย. 62    CMC BIG THANKS ช่วยผ่อนนานสูงสุด 10 ปี หรือฟรีทองคำมูลค่า 9 บาท  บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC จัดงานใหญ่ส่งท้ายปี ในงาน“CMC BIG THANKS” ขนทัพโครงการคุณภาพ ทำเลเด่น ตามแนวรถไฟฟ้า พร้อมจัดโปรโมชั่นเด็ดสุดคุ้มที่รอให้คุณเข้าไปจับจอง ไม่ว่าจะเป็น ซื้อตอนนี้ CMC ช่วยผ่อนนานสูงสุดถึง 10 ปี, แจกฟรีI PHONE11 PRO, ทองคำมูลค่า 9 บาท  และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย   แล้วพบกันในงาน ‘’CMC BIG THANKS” ตั้งแต่วันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30–19.00 น. ณ CMC Privilege Lounge ชั้น 7 โรงภาพยนตร์ ไอคอน ซีเนคอนิค ศูนย์การค้าไอคอนสยาม   “ออริจิ้น” ฉลอง 10 ปี ลดแรง! คอนโดพร้อมอยู่ลดสูงสุด 2 ล้านบาท ออริจิ้น ฉลองครบรอบ 10 ปี ส่งโปรแรงแซงมาตรการรัฐ ภายใต้แคมเปญ10 ปี Origin ลดกระหน่ำสะท้านวงการ สูงสุด 2 ล้านบาท ร่วมกับ 12 คอนโดพร้อมอยู่ ทำเลรถไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 1.39 ลบ.* สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 ธ.ค 62   นอกจากนี้ แคมเปญ 10 ปี Origin ยังมอบโปรพิเศษสุดในรอบปีอีกมากมาย อาทิ *ฟรี! ค่าส่วนกลาง 5 ปี ค่าจดจำนอง ค่าโอน 1% ค่ากองทุนอาคารชุด ค่าประกันมิเตอร์น้ำ, มิเตอร์ไฟ และพิเศษสุด! รับดอกเบี้ย 2.50% 3 ปีแรก* สำหรับผู้ขอสินเชื่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส) ผ่อนต่ำ วงเงิน 1 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,300 บาท/เดือน นาน 40 ปี*   โครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ 10 ปี Origin ได้แก่ 12 โครงการพร้อมอยู่ ดังนี้ KnightsBridge Phaholyothin Interchange      ราคาเริ่มต้น 2.69 ลบ. Kensington Sukhumvit Thepharak                  ราคาเริ่มต้น 1.39 ลบ. Notting Hill Sukhumvit Praksa                        ราคาเริ่มต้น 1.59 ลบ. Notting Hill Sukhumvit 105                              ราคาเริ่มต้น 1.89 ลบ. B-Loft Sukhumvit 107                                        ราคาเริ่มต้น 1.59 ลบ. B-Loft Lite Sukhumvit 115                                 ราคาเริ่มต้น 1.99 ลบ. KnightsBridge The Ocean Sriracha                 ราคาเริ่มต้น 3.59 ลบ. Notting Hill Lamchabang                                  ราคาเริ่มต้น 2.39 ลบ. Kensington Kaset Campus                                 ราคาเริ่มต้น 3.89 ลบ. Notting Hill Jatujak Interchange                     ราคาเริ่มต้น 3.79 ลบ. KnightsBridge Sky River Ocean                       ราคาเริ่มต้น 4.99 ลบ. KnightsBridge Tiwanon                                     ราคาเริ่มต้น 2.79 ลบ.   LPN จัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าซื้อง่าย ราคาต่ำสุด ไม่ต้องรอปีหน้า โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี LPN ขานรับมาตรการรัฐกระตุ้นอสังหาฯ ได้นำสินค้าทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมที่อยู่ในระดับราคาไม่เกิน  3  ลบ. จำนวน 9 โครงการ  โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01 % ของราคาประเมิน และลดค่าจดจำนองจาก 1 % เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยจะต้องโอนฯ และจดจำนองในคราวเดียวกัน ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2562 – 24 ธ.ค.2563   คอนโดมิเนียม ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร-สะพานควาย โปรโมชั่น “Member Get Member” เพื่อนแนะนำเพื่อน รับค่าแนะนำสูงสุด 1 แสนบาท ลุมพินี เพลส รัชดา-สาธุ โปรโมชั่นพิเศษ “Member Get Member” เพื่อนแนะนำเพื่อน รับค่าแนะนำสูงสุด 1 แสนบาท ลุมพินี พาร์ค วิภาวดี-จตุจักร ส่งมอบวันที่ 2 – 3 พ.ย.นี้ ลุมพินี วิลล์ สุขสวัสดิ์-พระราม 3 ลุมพินี เพลส พระราม 3  – ริเวอร์ไรน์ บ้านพักอาศัย บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ รังสิต คลอง ๒ บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ลาดปลาดุก – บางไผ่สเตชั่น บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ เพิ่มสิน – วัชรพล บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ราชพฤกษ์ – ปิ่นเกล้า   แมเนอร์ สนามบินน้ำ แมเนอร์ สนามบินน้ำ คอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา วิว 180 องศา จัดโปรโมชั่น Final Call 20 ยูนิตสุดท้าย ลดราคา 2 ล้านบาท ทุกยูนิต ตั้งแต่ 1 ต.ค.-25 ธ.ค. 62   Nue Noble Srinakarin–Lasalle เปิดจองรอบพิเศษ โครงการใหม่ล่าสุดจาก Noble คอนโดห้องหน้ากว้าง ติดรถไฟฟ้าศรีลาซาล เปิดจองรอบพิเศษ 17 พ.ย. 62 เริ่ม 1.59 ล้าน* ผ่อนเพียง 4,900 บาท/เดือน*   SC Asset x Lazada   จองเริ่ม 11 บาท รับส่วนลดสูงสุด 1 ล้าน SC Asset x Lazada   จองเริ่ม 11 บาท รับส่วนลดสูงสุด 1 ล้าน กับ คอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม 9 โครงการทำเลคุณภาพภายใต้แคมเปญ “ช้อปวันเดียวได้ทุกดีล 11 พ.ย.นี้”   โดย 9 โครงการทำเลคุณภาพสร้างเสร็จพร้อมอยู่ของ SC  ทั้งคอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม เริ่ม 3-9 ล้านบาท  จองง่าย จ่ายน้อยกว่า  เริ่มเพียง 11 บาท* ลดเพิ่มสูงสุด 1 ล้าน* เฉพาะวันที่ 11 พ.ย.นี้ และโอนภายใน 25 ธ.ค. 62 รับเพิ่ม Cash back 10,000 บาท พร้อม iPhone 11*   ได้แก่   คอนโดแต่งครบโครงการเซ็นทริค รัชโยธิน  ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีรัชโยธิน เพียง 150 เมตร คอนโดอารมณ์บ้านโครงการแชมเบอร์ส เฌอ รัชดา-รามอินทรา บ้านเดี่ยว3 โครงการ ได้แก่ โครงการเพฟ ประชาอุทิศ , รังสิต , ปิ่นเกล้า-ศาลายา บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดโครงการวี คอมพาวด์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า ทาวน์โฮม3 โครงการ ได้แก่ โครงการเวิร์ฟ พระราม9 , ติวานนท์-รังสิต , เพชรเกษม 81   เจ เอส พี จัดโปรแรง “Sale เร็วกว่ามาตรการรัฐ” เจ เอส พี จัดโปรแรงที่สุดแห่งปี "Sale เร็วกว่ามาตรการรัฐ" เพื่อลูกค้าที่สนใจ บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด อาคารพาณิชย์ บนทำเลศักยภาพ รังสิต แพรกษา เพชรเกษม กัลปพฤกษ์ บางปู รัตนาธิเบศร์ บางประกง และศรีราชา ไม่ต้องรอสิ้นถึงปี พิเศษ! เพียง 799,999 บาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท วันนี้ถึง 10 พ.ย. นี้ เท่านั้น      
PS x Shopee จัดแคมเปญ 11.11 ขน 111 ยูนิตจับตลาดมิลเลนเนียน

PS x Shopee จัดแคมเปญ 11.11 ขน 111 ยูนิตจับตลาดมิลเลนเนียน

พฤกษา จับมือ ช้อปปี้  จัดแคมเปญออนไลน์ จับตลาดคนรุ่นใหม่ “มิลเลนเนียล” ขนทาวน์โฮม 4 แบรนด์จำนวน 111 ยูนิต ขายคูปอง 11 บาท แลกรับส่วนลด 200,000 แสน หวังสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้าใหม่   นางสาวอังคณา ลิขิตจรรยากุล รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับช้อปปี้ (Shopee) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ จัดทำแคมเปญ “11.11 ลดอลัง ปังทุกยูนิต” ด้วยการจัดโปรโมชั่นจำหน่ายคูปองผ่านช้อปปี้ราคา 11 บาท สามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดมูลค่าสูงถึง 200,000 บาท ในการซื้อโครงการทาวน์โฮมพร้อมอยู่  4 แบรนด์ ได้แก่ บ้านพฤกษา พฤกษาวิลล์ เดอะคอนเนค และพาทิโอ โดยบริษัทนำเอาทาวน์โฮมพร้อมอยู่มาจัดแคมเปญจำนวน 111 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวม 400 ล้านบาท ซึ่งสามารถซื้อคูปองได้ตั้งแต่วันที่ 6-30 พฤศจิกายน 2562 สำหรับ 11 ยูนิตที่โอนบ้านภายในวันที่ 27 ธันวาคมนี้  จะได้รับเพิ่ม 11,111 Coins จากช้อปปี้ด้วย  นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ ให้ส่วนลด 1.5% ในทุกโครงการกับร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าในช้อปปี้ (Shopee Seller) ที่มีอยู่กว่า 600,000 ราย หากซื้อโครงการของพฤกษา ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม “แคมเปญคนี้เป็นการต่อยอดจากความสำเร็จ แคมเปญ 6.6 Mid-Year Sale ที่จองโครงการพฤกษา 6 บาท ได้รับส่วนลด 20,000 บาท ที่ทำยอดขายได้ถึง 60 ล้าน” เป้าหมายสำคัญของการจัดแคมเปญในครั้งนี้  พฤกษาต้องการสร้างการรับรู้ในแบรนด์พฤกษา  (Brand Awareness) ในกลุ่มมิลเลนเนียล ที่ถือว่าเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ ปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 20 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ ส่วนการเลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของช้อปปี้  เนื่องจากเป็นผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซ และเป็นช่องทางอีคอมเมิร์ซที่กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วม (Engagement) มากที่สุด นางสาวอังคณา กล่าวอีกว่า การจัดแคมเปญดังกล่าว บริษัทยังคงใช้งบประมาณเดท่าเดิม ในสัดส่วน 1% ของยอดขาย แต่การทำตลาดออนไลน์ ถือว่ามีต้นทุนด้านการตลาดและการขายลดลง ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบตลาดว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยหากประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้  บริษัทจะจัดแคมเปญในลักษณะดังกล่าวต่อไป และจะนำเอาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ มาจัดแคมเปญในอนาคตด้วย
“วิลล่า คุณาลัย” กวาดรายได้และกำไร 9 เดือนเติบโตก่อนเข้าตลาด

“วิลล่า คุณาลัย” กวาดรายได้และกำไร 9 เดือนเติบโตก่อนเข้าตลาด

วิลล่า คุณาลัย  สร้างรายได้และกำไร 9 เดือน โตต่อเนื่อง ก่อนเทรดในตลาดหุ้น ขณะที่มาตรการภาครัฐช่วยกระตุ้นตลาดโค้งท้ายปี และส่งผลดี 2 โครงการทาวน์โฮมของบริษัท  นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN  เปิดเผยว่า ภายหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุด บริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมความพร้อมในการเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น และมูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25%  ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท   สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 461.09 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 43.15 ล้านบาท ซึ่งเติบโตอย่างอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบจากปี 2561 ทั้งปีที่มีรายได้ 447.09 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 11.56 ล้านบาท  ผลประกอบการเติบโตดังกล่าว  เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการขายโครงการคุณาลัย จอย ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2562 เป็นต้นมา   นอกจากนี้ ยังมีการโอนโครงการคุณาลัย ซิมโฟนี ที่มีการปรับปรุงแบบบ้านใหม่ รวมถึงสินค้าบ้านเดี่ยวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบตามผลิตภัณฑ์ที่ขายดีของกลุ่มบริษัทฯ จึงทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น  ส่งผลให้บริษัทสามารถขายและโอนบ้านได้ในปริมาณที่สูงขึ้นตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 2561 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 และมีรายได้จากการขายที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2561 นางประวีรัตน์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ​เพิ่มขึ้นเป็น 9.36% ของรายได้รวม โดยเป็นผลจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นตามยอดโอนกรรมสิทธิ์ ต้นทุนขายเมื่อเทียบสัดส่วนต่อรายได้จากการขายที่ลดลงจากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านที่มีต้นทุนการก่อสร้างที่ต่ำกว่าปีก่อน ๆ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเทียบสัดส่วนต่อรายได้จากการขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิของงวด 9 เดือน ปี 2562 เพิ่มขึ้นอย่างมาก   สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้  คาดว่าจะมีการปรับตัวคึกคักมากขึ้น ภายหลังภาครัฐได้มีมาตรกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์  ซึ่งโครงการของ “วิลล่า คุณาลัย”  ได้รับอานิสงส์จากมาตรการนี้ด้วย โดยโครงการ ที่สอดรับนโยบายดังกล่าว ได้แก่ โครงการ คุณาลัย บีกินส์ โครงการทาวน์โฮม และโครงการ คุณาลัย บีกินส์ 2 โครงการทาวน์โฮม เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ในระดับราคา เฉลี่ยไม่เกิน 3 ล้านบาท
“พีทีเอฟ เรียลตี้” ทุนไต้หวัน  ยังมั่นใจอสังหาฯ ไทย เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง

“พีทีเอฟ เรียลตี้” ทุนไต้หวัน ยังมั่นใจอสังหาฯ ไทย เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง

เปิดแผนกลุ่มทุนไต้หวัน ลุยตลาดอสังหาฯ เมืองไทย มั่นใจยังเติบโตและมีดีมานด์ พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง และเตรียมปรับพอร์ตธุรกิจจากคอนโดฯ สู่แนวราบ หนี้การแข่งขันและยอดขายคอนโดฯ ชะลอตัว   นายถงหยุ่ย โทนี่ ยิ่ง กรรมการผู้บริหาร บริษัท พีทีเอฟ เรียลตี้ (2018) จํากัด ในเครือ พีทีเอฟ เรียลตี้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย  ยังมีศักยภาพการเติบโต จากภาวะเศรษฐกิจของไทย ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากภาคการท่องเที่ยว และการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนต่างชาติ รวมถึงยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยของคนไทย ซึ่งตลาดอสังหาฯ ของไทยดีกว่าหลายประเทศในเซาท์อีสเอเชีย  แม้ว่าในปีนี้ตลาดอสังหาฯ จะอยู่ในภาวะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังเชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในอีก 1-2 ปี ข้างหน้า   “ตลาดผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และประเทศไทยมีแนวโน้มการลงทุนที่ดี เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน” สำหรับแผนลงทุนของบริษัทยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่อง  โดยมุ่งพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม  ในทำเลเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งจะพัฒนาครั้งละ 1 โครงการ หากโครงการที่พัฒนาอยู่ มีอัตราการขาย 60-70% บริษัทจะหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่  เนื่องจากต้องการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง  ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้พัฒนาโครงการคอนโดฯ มาแล้ว 4 โครงการรวมมูลค่ากว่า 5,400 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโด เดอะ ราชดำริ, โครงการเมแฟร์ เพลส สุขุมวิท 64 ,โครงการเมแฟร์ เพลส สุขุมวิท 50 โดยทั้ง 3 โครงการดังกล่าวปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงการที่ 4 คือโครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 ปัจจุบันมียอดขายกว่า 60% จากมูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เริ่มก่อสร้าง ปี 2562 คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2563 ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ  MAYFAIR PLACE VICTORY MONUMENT (เมย์แฟร์ เพลส วิคทอรี่ โมนูเมนต์) มูลค่าโครงการรวม 1,200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการยื่นขอ EIA คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในกลางปี 2563 การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 สำหรับโครงการเมย์แฟร์ เพลส วิคทอรี่ โมนูเมนต์ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายซื้อเพื่ออยู่อาศัย  และซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าระยะยาว ซึ่งบริษัทการันตีผลตอบแทนในอัตรา 5% นาน 2 ปี  โดยจากประสบการณ์บริหารและนำห้องของลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว  มาปล่อยเช่ารวมทุกโครงการกว่า 250 ห้องชุด โดยผลตอบแทนที่ลูกค้ากลุ่มนักลงทุนได้รับ อยู่ในอัตราประมาณ 4-5% ต่อปี  โดยทุกโครงการที่เปิดขายมีสัดส่วนการซื้อ เพื่อลงทุนอยู่ที่ประมาณ 30 %   นายถงหยุ่ย กล่าวอีกว่า นอกจากแผนพัฒนาโครงการคอนโดฯ แล้ว บริษัทยังวางแผนพัฒนาโครงการแนวราบ ประเภทบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมในอนาคต ซึ่งมองทำเลลาดพร้าวและสุขุมวิท เนื่องจากปัจจุบันตลาดคอนโดฯ มีการแข่งขันสูง อัตราการขายได้ช้าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่โครงการแนวราบยังมีความต้องการ และระดับราคาใกล้เคียงกับห้องชุดคอนโดฯ  แต่ได้พื้นที่มากกว่า ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าเริ่มมองหาซื้อโครงการแนวราบมากขึ้น
5  เหตุผลสำคัญ  ทำให้ทำเลย่านแจ้งวัฒนะเป็นทำเลธุรกิจใหม่ในอนาคต

5 เหตุผลสำคัญ ทำให้ทำเลย่านแจ้งวัฒนะเป็นทำเลธุรกิจใหม่ในอนาคต

ถนนแจ้งวัฒนะ ปัจจุบันเริ่มมีความหนาแน่น ของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม จากผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ จากก่อนหน้าทำเลในโซนนี้ มีการพัฒนาโครงการประเภทแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม เพราะต้องยอมรับว่าบริเวณแถวแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด และนนทบุรี เป็นพื้นที่ชานเมืองราคาที่ดินยังไม่สูงมากนัก สามารถนำมาพัฒนาเป็นโครงการแนวราบได้    ปัจจุบันย่านแจ้งวัฒนะเริ่มมีความโดดเด่น และกำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งย่านสำคัญ ด้านเศรษฐกิจและการค้า จากการพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ถือเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ ซึ่งเมื่อระบบคมนาคมขนส่งสะดวกมากขึ้น การพัฒนารูปแบบต่างๆ ก็จะมีเข้ามามากขึ้นด้วยเช่นกัน    นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริเวณแจ้งวัฒนะเป็นทำเลศักยภาพที่มีความโดดเด่น เป็นย่านเศรษฐกิจและย่านธุรกิจการค้า มีโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานหลากหลายรูปแบบ ที่อยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาจากผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย ซึ่งได้เริ่มเข้ามาจับจองที่ดินบริเวณนี้ สิ่งที่ตอกย้ำให้ย่านแจ้งวัฒนะกำลังกลายเป็นย่านเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญในอนาคต คงมาจาก 5 เหตุผลนี้ 1.การพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้า ปัจจุบันแจ้งวัฒนะอยู่การพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี  ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้าง และกำหนดเปิดให้บริการประมาณปี 2564  อีกทั้งยังมีส่วนต่อขยายจากสถานีศรีรัช–เมืองทองธานี ที่ออกแบบเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Straddle Monorail)    โดยจุดเชื่อมต่อจะอยู่บริเวณสถานีศรีรัช  ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สายหลัก ไปทางทิศตะวันตก และเลี้ยวขวาเข้าสู่เมืองทองธานีไปตามซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 แนวทางเดียวกันกับทางพิเศษอุดรรัถยา ต่อเนื่องไปยังจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณทะเลสาบเมืองทองธานี ประกอบด้วยสถานีรับส่งผู้โดยสาร 2 สถานี ได้แก่ สถานี MT-01 ตั้งอยู่บริเวณอิมแพ็คชาเลนเจอร์ (Impact Challenger) และสถานี MT-02 ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของทะเลสาบเมืองทองธานี รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร   หากโครงการแล้วเสร็จจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการเดินทางของประชาชน จากบริเวณถนนแจ้งวัฒนะเข้าสู่พื้นที่เมืองทองธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่น และเป็นที่ตั้งของยูนิตงานต่างๆ ด้วย เช่น ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เอสซีจี สเตเดี้ยม ธันเดอร์โดม และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นต้น โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น 3 สาย คือ   1.รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ (ปัจจุบันเปิดให้ใช้บริการอยู่) โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี   2.รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-รังสิต  ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้าง  และเปิดให้บริการประมาณต้นปี 2564 โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีหลักสี่   3.รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ  เป็นโครงการในอนาคต 2.ทำเลใกล้สนามบินดอนเมือง บริเวณแจ้งวัฒนะตั้งอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง  ซึ่งในปัจจุบันสนามบินดอนเมืองมี 2 อาคารคือ Terminal 1 และ Terminal 2 โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณปีละ 30 ล้านคน และในอนาคต บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้เตรียมแผนในการพัฒนาระยะที่ 3 (Terminal 3) และคาดว่าในอนาคตจะมีการเพิ่มเที่ยวบินและคาดว่าจำนวนผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการจะเพิ่มขึ้นถึงปีละ 40 ล้านคน และสูงถึง 50-60 ล้านคน  ในช่วงปี 2568-2573  ในส่วนการเดินทางทางน้ำบริเวณนี้ยังมีท่าเรือปากเกร็ด ซึ่งคอยรองรับการเดินไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร และยังมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เข้าถึงโดยการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของรัฐบาลอีกด้วย 3.จุดศูนย์รวมยูนิตงานขนาดใหญ่ ทั้งรัฐและเอกชน ในย่านแจ้งวัฒนะถือว่ามียูนิตงานขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นจากภาครัฐหรือเอกชน โดยเฉพาะการมีศูนย์ราชการ สถานที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมของยูนิตงานราชการสำคัญเอาไว้ ทำให้แต่ละวันมีคนจำนวนมากเดินทางเข้ามาในย่านนี้  เพื่อติดต่อราชการในยูนิตงานต่างๆ ไม่นับรวมกับจำนวนข้าราชการที่ทำงานในยูนิตงานต่างๆ อีกมหาศาล ยิ่งทำให้บริเวณดังกล่าวกลายเป็นแหล่งธุรกิจที่สำคัญมากยิ่งขึ้น 4.บิ๊กโปรเจ็กต์ ด้านศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมขนาดใหญ่ การพัฒนาโครงการเมืองทองธานี ตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งมีการพัฒนาศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชีย โดยมีพื้นที่รวมกว่า 140,000 ตารางเมตร โดยเฉพาะ อิมแพ็ค มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ใช้บริการจัดงานแสดงสินค้า นิทรรศการ ประชุม-สัมมนา งานเลี้ยงสังสรรค์ งานแต่งงาน คอนเสิร์ต กิจกรรมพิเศษอื่นๆ หมุนเวียนจัดงานรวมกว่า 1,000 งานต่อปี และมีจำนวนผู้เดินทางมาเยือนกว่า 10 ล้านคน    ภายในโครงการเมืองทองธานี ยังมีการพัฒนาโครงการอีกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า พื้นที่รีเทล โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ อีกสารพัด ทำเมืองทองธานีมีความหนาแน่น ทั้งจำนวนประชากรผู้เข้ามาอยู่อาศัย และการติตต่อธุรกิจต่างๆ  ย่านแจ้งวัฒนะ ยังถูกเติมเต็มไปด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ บิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ แม็คโคร คอมมูนิตี้มอลล์ และโครงการอื่นๆ อีกหลายโครงการ 5.บิ๊กดีเวลลอปเปอร์แห่เข้าพัฒนาโครงการ ทำเลที่มีแนวโน้มเติบโต และกลายเป็นย่านสำคัญในอนาคต  ปัจจัยชี้วัดอีกประการ คือดูได้จากการเข้าไปพัฒนาโครงการของบิ๊กดีเวลลอปเปอร์ต่างๆ เพราะหากทำเลนั้นไม่มีศักยภาพเพียงพอ ดีเวลลอปเปอร์จะไม่เข้าไปจับจองพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการอย่างแน่นอน ปัจจุบันในย่านแจ้งวัฒนามีบิ๊กดีเวลลอปเปอร์หลายรายเข้าไปพัฒนาโครงการแล้ว อาทิ   กลุ่มบางกอกแลนด์ พัฒนาโครงการศูนย์การค้า คอสโม บาซาร์ พื้นที่รวม 80,000 ตารางเมตร มีทั้งโรงภาพยนตร์เครือเอสเอฟ ซีนีม่า ซิตี้ 5 โรง ซูเปอราร์เก็ต ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ร้านค้า และร้านอาหาร กลุ่มบีแลนด์ยังวางแผนนำที่ดิน 600 ไร่ บริเวณทะเลสาบเมืองทองธานี  พัมนาโครงการเลเชอร์ แอนด์ เอ็นเตอร์เท็นเมนท์ คอมเพล็กซ์ มูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาทอีกด้วย   ความเคลื่อนไหวของบิ๊กดีเวลลอปเปอร์อื่นๆ ที่เริ่มเตรียมตัวเข้ามาพัฒนาโครงการในย่านแจ้งวัฒนะก็มีอีกหลายราย อาทิ  กลุ่มแอล.พี.เอ็น. ซื้อสนามฟุตบอลสยามสปอร์ต ขนาดที่ดิน 26 ไร่ กลุ่มเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ซื้อตึกร้างในเมืองทอง เพื่อเตรียมพัฒนาเป็นโครงการคอนโดฯ กลุ่มพฤกษา เรียลเอสเตท ซื้อที่ดิน 170 ไร่ เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และกลุ่มแสนสิริ ซื้อที่ดินบริเวณตลาดสวนมะลิ ขนาด 30 ไร่ เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการคอนโดฯ  เปิดข้อมูลตลาดคอนโดฯ ย่านแจ้งวัฒนะ นอกเหนือจาก 5 เหตุผลสำคัญดังกล่าวแล้ว ทางไนท์แฟรงค์ ยังได้จัดทำผลวิจัยสนับสนุน ให้เห็นว่าย่านแจ้งวัฒนะมีอีกหนึ่งย่านสำคัญในด้านธุรกิจและตลาดที่อยู่อาศัย โดยรายงานว่า ตลาดคอนโดฯ บริเวณแจ้งวัฒนะในช่วงกลางปี 2562 ที่ผ่านมา  มีจำนวนทั้งสิ้น 18,942 ยูนิต โดยคอนโดฯ ในบริเวณนี้มีจำนวนห้องชุดใหม่เกิดขึ้นมากตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากมียูนิตงานราชการเริ่มย้ายสถานที่ทำการเข้ามาอยู่ในบริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ เพื่อรองรับ   แต่หลังจากเริ่มเปิดขายมากขึ้นในปี 2554  ในปีต่อมาพบว่า จำนวนห้องชุดใหม่เริ่มชะลอตัวลงและเพิ่มขึ้นสลับกันไปจนถึงปี 2561 และในปีนั้นเองได้เริ่มมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงมีนบุรี-แคราย จึงทำให้มีห้องชุดใหม่เปิดขายเพิ่มขึ้นมาเป็น 2,013 ยูนิต และครึ่งปีแรกของปี 2562 มีห้องชุดใหม่เปิดขายเพิ่มขึ้นมาจำนวน 1,838 ยูนิต และคาดว่าทั้งปี 2562 จะมีคอนโดฯ เปิดขายใหม่ในบริเวณนี้ประมาณ 3,000 ยูนิต กราฟแสดงอุปทานคอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะ ปี 2554 ถึงกลางปี 2562 ช่วงกลางปี  2562 คอนโดฯ บริเวณแจ้งวัฒนะ มีจำนวนที่ขายไปแล้วประมาณ 12,271 ยูนิต จากจำนวนคอนโดฯ ที่เปิดขายทั้งสิ้น 18,942 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขา 64.8% มีจำนวนคอนโดฯ เหลือขายประมาณ 6,671 ยูนิต จำนวนห้องชุดที่ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีประมาณปีละ 1,350 ยูนิต เนื่องจากบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีศักยภาพเป็นบริเวณธุรกิจใหม่ แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่   โดยกลุ่มผู้ซื้อคอนโดฯ ในบริเวณนี้ คือ บุคลากรของหน่วยงานต่างๆ ในย่านนี้ และผู้ปกครองนักเรียนและนักศึกษาที่ศึกษาในสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ที่สำคัญ ราคาคอนโดฯ ยังจับต้องได้ หากรถไฟฟ้าสายสีชมพูแล้วเสร็จการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น  ราคาขายจึงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย   นอกจากนี้ กลุ่มผู้ซื้อคอนโดฯ  ในบริเวณนี้  มักซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และมีบางส่วนซื้อเพื่อปล่อยเช่า บางส่วนซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินโดยคาดว่าคอนโดฯ ในบริเวณแจ้งวัฒนะ มีระดับราคาที่สามารถปรับตัวขึ้นได้ในอนาคต ยิ่งเมื่อระบบรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้วเสร็จ ย่อมทำให้ราคาขายคอนโดฯ ในบริเวณนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น กราฟแสดงอุปทาน อุปสงค์ และ อัตราการขายคอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะ 2554 ถึงกลางปี  2562   การพัฒนาคอนโดฯ บริเวณแจ้งวัฒนะ ส่วนใหญ่เป็นระดับเกรดซี โดยระดับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯ เกรดซี ช่วงกลางปี 2562 มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 72,438 บาทต่อตารางเมตรเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี 2554 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 53,680 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดฯ ในบริเวณนี้จากปี 2554 ถึง กลางปี 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 7 ปี (Compound Annual Growth Rate:CAGR) อยู่ในอัตรา 5% ในปี 2562 เริ่มมีการพัฒนาคอนโดฯ เกรดบี บริเวณแจ้งวัฒนะ และราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯ เกรดบี บริเวณแจ้งวัฒนะอยู่ที่ 80,150 บาทต่อตารางเมตร ณ กลางปี 2562 กราฟแสดงราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะ 2554 ถึงกลางปี  2562