S Singha Estate Covid 2020

สิงห์ เอสเตท เจอพิษโควิด-19 ปรับเป้ารายได้ลง 50% เหลือ 9,000 ล้าน

สิงห์ เอสเตท หั่นเป้ารายได้ 50% เหลือ 9,000 ล้าน แต่ยังทุ่มงบลงทุน 5,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าตามแผนธุรกิจ 5 ปี เพิ่มโรงแรมทั่วโลกแห่ง 80 แห่ง สร้างการเติบโตและมุ่งหน้าสู่ “โกลบอล โฮลดิ้ง คอมปานี”

 

แม้ว่าปีนี้ประเทศไทยจะเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจที่ทำให้ ต้องหยุดการทำธุรกรรมต่าง ๆ แน่นอนว่าต้องทำให้ยอดขายและรายได้ลดลง แต่อาจจะมีบางธุรกิจหรือบางบริษัทที่ยังคงรักษาการเติบโตและรายได้เอาไว้ได้  หลังจากปรับตัวและปรับกลยุทธ์แสวงหาโอกาสภายใต้วิกฤตที่เกิดขึ้น

 

สำหรับบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวเช่นกัน ทำให้จำเป็นต้องปรับเป้าหมายรายได้รวมในปี 2563 ลดลงประมาณ 50% หรือมีมูลค่า 9,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่คาดว่าจะทำได้ 18,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ลดลงมาจากช่วงต้นปี ที่ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะทำรายได้ 20,000 ล้านบาท

 

 

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตทฯ เปิดเผยว่า สิงห์ เอสเตท ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนธุรกิจเดิมในระยะเวลา 5 ปี (2563 – 2567) ด้วยงบลงทุน 68,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน  แต่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน จึงได้มีการปรับเป้ารายได้รวมในปีนี้ลดลง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ภาพรวมตลาด จะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

 

บริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิกฤตโควิด-19 จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว และภายหลังวิกฤต เราเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆที่น่าสนใจพร้อมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเราจะพิจารณาลงทุนตามความเหมาะสมและมีเกณฑ์ที่เข้มงวดในการตัดสินใจลงทุน เพื่อให้ได้สินทรัพย์ที่มีคุณภาพและโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคต

โดยแผนการลงทุนระยะ 5 ปี จะมุ่งเน้นใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจที่พักอาศัย ธุรกิจอาคารสำนักงาน และธุรกิจโรงแรม

1.เดินแผนปั้นโปรเจ็กต์ปีละ 5-7 โครงการ

โดยแผนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในระยะ 5 ปี บริษัทยังพัฒนาโครงการปีละ 5-7 โครงการ และยังมุ่งขยายการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ไปในทำเลรอบเมือง  ภายใต้คอนเซปต์ “New Living and Working” เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในอนาคต เนื่องจากมองเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ที่จะขยายตัวออกจากเมืองไปยังทำเลใหม่ๆ ตามการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชน และโครงข่ายถนน ซึ่งจะเป็นโครงการแนวราบในรูปแบบมิกซ์ยูส อันประกอบไปด้วย บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม รีเทล ออฟฟิศแนวราบ  ตลอดจนโครงการที่อยู่อาศัยแบบ Wellness จะเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่มีโอกาสเกิด

S The Esst

2.เพิ่มพื้นที่สำนักงาน 300,000 ตร.ม. ใน 5 ปี

โดยในช่วงไวรัสโควิด-19 ธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก ซึ่งบริษัทได้ลดค่าเช่าให้กับผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบ และการปรับปรุงคุณภาพด้านสุขอนามัย โดยติดตั้ง Touchless Solution และ UV ในระบบปรับอากาศเพื่อตอบโจทย์ New Normal ให้กับผู้เช่าอาคาร  รวมถึงมองหาผู้เช่าใหม่ๆ ที่อยู่ในธุรกิจที่มีการเติบโตดี เช่น E-commerce, Technology และ Consumer Product

 

ขณะเดียวกันยังคงเป้าหมายขยายพื้นที่สำนักงาน 300,000 ตารางเมตร ในระยะเวลา 5 ปี  ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะยังคงมีความต้องการพื้นที่สำนักงานอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ โดยบริษัทเตรียมนำเสนอพื้นที่สำนักงานรูปแบบใหม่ “Workspace Solution” ซึ่งมีหลายรูปแบบและหลายทำเล ทั้งอาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดกลาง  ออฟฟิศแนวราบ

S Oasis

3.ขยายโรงแรมเป็น 80 แห่ง

สำหรับธุรกิจโรงแรมยังตั้งเป้าขยายจำนวนโรงแรมจาก 39 โรงแรมเป็น 80 โรงแรม ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในระยะ 5 ปี โดยมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในระดับบน (Upper Upscale Segment) และมอบประสบการณ์การพักผ่อน ในรูปแบบที่แตกต่างและสร้างสรรค์ให้กับลูกค้า

 

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาแบรนด์ใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ เป็นโมเดลธุรกิจในแบบ Asset Light Model หรือการเข้าไปลงทุนในโรงแรมที่มีศักยภาพ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่ใช้แบรนด์ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเข้าบริหาร เช่น แบรนด์ซายด์ (SAii) ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ประจำให้มากขึ้น และเพิ่มการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอของบริษัท

S Saii

เดินหน้าแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง

สำหรับแผนในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ และสร้างการเติบโตต่อเนื่อง

1.จะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการดิเอส สุขุมวิท 36 (THE ESSE Sukhumvit 36) ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 6,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 60% จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะมียอดรับรู้รายได้ 1,400 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ 5,500 ล้านบาท

 

2.ทำตลาดโครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ (The EXTRO Phayathai-Rangnam) ใหม่อีกครั้ง หลังจากหยุดทำตลาดไปเพราะสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 15%

รีวิวคอนโด อนุสาวรีย์ชัย ติดสวนสันติภาพ "THE EXTRO Phayathai-Rangnam"

3.การปรับปรุงอาคารสำนักงาน นำเสนอพื้นที่สำนักงานรูปแบบใหม่ “Workspace Solution” โดยมีหลายรูปแบบและหลายทำเล และ Co-Working Space ในทำเลใหม่ โดยเน้นเชื่อมโยงการทำงานผ่านระบบ IT ให้ลูกค้าในทุกที่ และการขยายธุรกิจโรงแรมต่อเนื่อง ภายใต้งบประมาณรวม 5,000 ล้านบาท

 

4.เริ่มเดินหน้าธุรกิจพลังงานทางเลือก (Renewable Energy) ในช่วงปลายปี ที่ประเทศมัลดีฟส์ มีขนาด 5 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในธุรกิจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการขยายธุรกิจต่อเนื่องจากธุรกิจอสังหาฯ รวมถึงการสร้างรายได้ประจำเพิ่มขึ้น

 

ตลาดคอนโดอาจจะอืด ๆ ส่วนตลาดแนวราบ เราก็มอง แต่เราคงทำไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งเชื่อว่าโควิด-19 จะผ่านไปในปีนี้ และกลับสู่โหมดเดิมในปีหน้า  คือ การแข่งขันที่รุนแรงเหมือนเดิม

ตอกย้ำการเป็น Global Holding Company

สิงห์ เอสเตท ยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์การเป็น Global Holding Company ตามแผนที่วางไว้ปี 2020  พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่นแบรนด์ของบริษัท ให้เป็น Most Trusted Brand ซึ่งนอกจากการพัฒนาโครงการให้มีคุณภาพสูงสุดแล้ว ยังต่อยอดความเชี่ยวชาญจากกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน รวมทั้งยกระดับการบริการของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระดับสากล

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด