เลือกซื้อบ้าน
3 ปัจจัยสำคัญของ “คนสูงวัย” เลือกซื้อบ้าน จากปัจจัยภายใน ยังคงเน้นความคุ้มค่า ขนาด และสิ่งอำนวยความสะดวก ขณะที่ปัจจัยภายนอก เน้นทำเลที่ตั้ง การเดินทางด้วยระบบสาธารณะ และความปลอดภัย พร้อมเลือกโครงการตอบโจทย์ชีวิตพร้อมอยู่ และใกล้ชิดธรรมชาติ
แม้ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-Aged Society) ที่มีจำนวนผู้สูงอายุถึง 28% ของประชากรในประเทศ ตามข้อมูลของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แต่ปัจจุบันเราไม่ต้องรอถึงตอนนั้น ประเทศไทยก็เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) เรียบร้อยแล้ว ทำให้หลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญ และทำตลาดกับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้
สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่ขายบ้านหรือที่อยู่อาศัย ก็ให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะบ้านคือปัจจัย 4 สำคัญที่ต้องมี และแม้ว่าก่อนหน้านี้คนสูงวัยอาจจะมีบ้านอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะไม่ได้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เป็นคนสูงอายุ ในวัยเกษียณ จึงทำให้คนกลุ่มนี้ยังมีความต้องการซื้อบ้าน หรือเปลี่ยนบ้านหลังใหม่ให้เหมาะสมกับช่วงวัยของตนเอง โดยเฉพาะโครงการที่มีบริการเพิ่มทางด้านการแพทย์ร่วมด้วย
1.เน้นความคุ้มค่า
ผู้สูงอายุ มากกว่าครึ่ง (51%) ให้ความสำคัญกับการเลือกบ้านที่ให้ความคุ้มค่ามาเป็นอันดับแรก โดย พิจารณาจากราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรเป็นหลัก
2.ขนาดที่อยู่อาศัย
3.สิ่งอำนวยความสะดวกภายใน
ผู้สูงวัยสัดส่วน 45% เลือกบ้านที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน ซึ่งจะต้องตอบโจทย์การอยู่อาศัยและสอดคล้องกับวิถีชีวิตในช่วงวัยเกษียณด้วย
1.ที่ตั้งโครงการ
ที่ตั้งโครงการยังเป็นปัจจัยแรก ของผู้สูงอายุ ในการเลือกซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัย ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามมากถึง 66% ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องทำเลที่ตั้งโครงการมากที่สุด
2.เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เป็นเรื่องสำคัญของผู้สูงวัย เพราะยังมีความจำเป็นในการออกไปใช้ชีวิต โดยสัดส่วน 55% ของผู้สูงอายุ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
3.ความปลอดภัยของทำเล
เนื่องจากผู้สูงอายุคำนึงถึงการใช้ชีวิตในระยะยาว นอกจากต้องการโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก รองรับการใช้ชีวิตประจำวันด้วยตนเองได้อย่างสบายใจแล้ว ยังจะต้องมีความปลอดภัยด้วย
ถ้าพูดถึงตัวบ้านเป็นหลัก การเลือกซื้อของคนสูงวัย ก็มีเกณฑ์ที่ใช้การพิจารณาเลือกโครงการดังนี้
เมื่อต้องเลือกซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ผู้สูงอายุเกือบครึ่ง (46%) จะเลือกโครงการที่ตกแต่งให้ครบแบบพร้อมเข้าอยู่ (Fully Furnished) มากที่สุด โดยมีเหตุผลสำคัญมาจาก ช่วยประหยัดเวลาในการตกแต่ง และไม่ยุ่งยาก สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที
ขณะเดียวกันก็มีผู้สูงอายุอีกจำนวนหนึ่ง ที่สนใจโครงการที่ตกแต่งห้องให้บางส่วน (Fully Fitted) และไม่มีการตกแต่งใด ๆ เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่ถึง 70% ชื่นชอบการตกแต่งห้องในสไตล์ของตัวเองมากกว่า และมีผู้สูงอายุอีกจำนวนหนึ่ง สัดส่วน 37% คิดว่าสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ได้ดีกว่า
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตที่บ้านเป็นหลัก จึงเห็นความสำคัญของบทบาทที่อยู่อาศัยในการเสริมสร้างสุขภาพกายควบคู่กับสุขภาพจิตที่ดี เมื่อพิจารณาคุณลักษณะภายในและบริเวณรอบบ้านที่จะช่วยให้มีสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น
โดยผู้สูงอายุกว่า 2 ใน 3 (70%) ต้องการที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้สวนสาธารณะและใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด เนื่องจากการมีพื้นที่สีเขียวไว้พักผ่อนหย่อนใจนั้นจะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ดี และมีผลทางจิตวิทยาทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น รวมทั้งต้องการพื้นที่เปิดโล่งมากขึ้นภายในละแวกบ้าน 68% ตามมาด้วยยูนิตที่มีระยะห่างมากขึ้น 64% เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและต้องการความสงบ
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุยังเข้าใจและให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมแนวคิดรักษ์โลก เกือบ 2 ใน 3 (65%) คาดหวังว่าโครงการที่พัฒนาใหม่ทั้งหมดควรจะมาพร้อมกับหลังคาโซล่าเซลล์ (Solar Rooftop) เพื่อช่วยประหยัดรายจ่ายและลดการใช้พลังงานไฟฟ้า สะท้อนให้เห็นว่าผู้สูงอายุมีความตระหนักถึงความสำคัญของการใช้พลังงานทางเลือก
ที่มา : ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง