Ap Asprie

เอพี ไทยแลนด์ ลุย​ตลาดคอนโดแมส ส่ง แอสปาย โฉมใหม่ ประเดิมครึ่งปีแรกเปิด​ 3 โครงการ 6,800 ล้าน

เอพี ไทยแลนด์ เดินหน้าตลาดคอนโดปี 65 ส่ง 5 โครงการใหม่ มูลค่า  13,000 ล้าน พร้อมกับเป้ารายได้ ​12,300 ล้าน  ประเดิมครึ่งปีแรก 3 โปรแจ็กต์แบรนด์แอสปาย มูลค่า 6,800 ล้าน หลังปรับโฉมใหม่ หวังครองแชมป์ตลาดแมส กับการมาของ 3 จุดขายที่มั่นใจ ในภาวะกำลังซื้อและเศรษฐกิจชะลอตัว

 

เอพี ไทยแลนด์ นับเป็นดีเวลอปเปอร์อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่ในปีนี้เตรียมรุกตลาดอย่างหนัก เพื่อสร้างการเติบโตทั้งด้านยอดขายและรายได้ จากการประกาศแผนธุรกิจในปี 2565 ก่อนหน้านี้ บริษัทได้วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดถึง 65 โครงการ มูลค่า 78,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 50,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 47,000 ล้านบาท

 

โครงการส่วนใหญ่ที่เปิดยังเป็นโครงการแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ที่สำคัญ คือ เอพี ไทยแลนด์ ยังมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ออกมาทำตลาด มากถึง  5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 65% ตั้งเป้ายอดขายคอนโดทั้งปีที่ 12,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้กลุ่มสินค้าคอนโดรวม (100% JV) ที่ 12,300 ล้านบาท

 

ในแผนการเปิดตัวคอนโดทั้ง 5 โครงการปีนี้ เอพี ไทยแลนด์ได้วางแผนช่วงครึ่งปีแรกนี้ จะเปิดตัว​ 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,800 ล้านบาท ประเด็นสำคัญ คือ การเปิดตัวแบรนด์แอสปาย (ASPIRE) ที่มีการปรับโฉมใหม่ทั้งหมด เป็นแบรนด์ที่จับตลาดแมส มีราคาขายต่อยูนิต 1.99-2.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของตลาดอสังหาฯ  ที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงพอสมควร  คำถามสำคัญก็คือ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ เอพี ไทยแลนด์ มั่นใจต่อการเปิดตัวโครงการแอสปายครั้งนี้ ว่ากลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจะยังมีกำลังซื้อที่ดี  สามารถสร้างยอดขายและรายได้ให้กับเอพี ไทยแลนด์ได้

เอพี มองตลาดคอนโดฟื้นตัว

Ap Asprie Aroon

นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท​ เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) มองสถานการณ์ตลาดคอนโดในปีนี้น่าจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทรงตัวหรือไม่รุนแรงไปกว่าปัจจุบัน เพราะปีนี้ตลาดคอนโดเริ่มเข้าใกล้ภาวะสมดุลของดีมานด์และซัพพลาย จากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีการระบายสต็อกออกไปค่อนข้างมาก  ปีนี้​เป็นปีต่อเนื่องที่ ตลาดคอนโดขับเคลื่อนด้วยเรียลดีมานด์ในประเทศ ทำให้ผู้ซื้อได้ในราคาที่คุ้มค่า ถ้าเศรษฐกิจดี คอนโดจะปรับราคาเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

ปีนี้ยังมีมาตรการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยกระตุ้นตลาดคอนโด อาทิ การลดค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง และการผ่อนคลายมาตรการ LTV ส่งผลต่อ เซ็นติเมนท์ที่ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ยังมองเห็นว่าตลาดคอนโดยังมีกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ในประเทศ ที่มีความต้องการซื้อคอนโดเพื่ออยู่จริงยังคงมีอยู่ เห็นได้จากยอดขายตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึง 15 ก.พ. 65 สามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า1,080 ล้านบาท เติบโตกว่า 250% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นยอดขายจากโครงการเดิมที่เปิดตัวมาก่อนหน้า เนื่องจากเอพี ไทยแลนด์ยังไม่มีการเปิดโครงการใหม่

ปรับโฉมแอสปายใหม่ พร้อม 3 จุดขาย

เอพี ไทยแลนด์ ได้มีการปรับแบรนด์โพสิชั่นนิ่ง  แอสปาย ใหม่ ภายใต้จุดยืน “LIVE AS YOU ASPIRE อิสระในทุกมิติของชีวิต”  โดยตั้งเป้าการพัฒนาให้แอสปาย คือคอนโดในกลุ่มแมสเซกเมนต์ที่ดีที่สุด จากกระบวนการทำงาน ที่เรียกว่า AP Empathy Design ซึ่งเป็นการหาความต้องการจริงของกลุ่มลูกค้าในแต่ละทำเล เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง ๆ และตอบสนองความต้องการนั้นไปในแต่ละทำเล ​ซึ่งทำให้แบรนด์แอสปาย มี 3 จุดขายใหม่ ได้แก่

Ap Asprie Rachayothin

1.Modular Layout

การออกแบบห้องที่มีดีไซน์ใหม่กว่า ​ 40 รูปแบบ โดยเน้นความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ตามรูปแบบการใช้ชีวิตไฮบริดของคนปัจจุบัน ที่ไม่ได้ทำอาชีพเดียว หรือมีกิจกรรมเพียงอย่างเดียว คนหนึ่งคนอาจจะมีหลายหน้าที่และบทบาทแต่กต่างกันไป ทำให้มีความต้องการใช้พื้นที่แตกต่างกัน​ และในแต่ละทำเล รูปแบบดีไซน์ฟังก์ชั่นห้องก็จะแตกต่างกันไปด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มเป้าหมายแต่ละทำเล

2.The Best of MESpace  

มีการออกแบบให้แต่ละโครงการในแต่ละทำเล มีพื้นที่ส่วนกลาง ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละทำเล ที่ผ่านมาบางโครงการมีพื้นที่ส่วนกลางให้กับลูกบ้าน แต่ไม่ตรงกับความต้องการที่จะใช้งาน ทำให้ลูกบ้านไม่ได้ใช้พื้นที่ส่วนกลางนั้น เช่น แอสปาย ปิ่นเกล้า-อรุณอัมรินทร์ กลุ่มเป้าหมายเป็นบุคลากรทางการแพทย์  จึงจัดทำพื้นที่ส่วนกลางที่เน้นความรีแลกซ์ และเน้นความเป็นส่วนตัว

3.Entry Level Price

การกำหนดราคาของแต่ละทำเล จะเน้นการขายในราคาที่คุ้มค้า โดยโครงการแอสปาย ปิ่นเกล้า-อรุณอัมรินทร์ มีราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 94,000 บาท แอสปาย รัชโยธิน  ราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 79,600 บาทและสุขุมวิท – พระราม 4 ราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 99,000 บาท

3 จุดขายใหม่จะเป็น wining point ที่จะทำให้แอสปายโฉมใหม่ในปีนี้ เหนือกว่าคู่แข่ง ในเซ็กเมนต์เดียวกัน หรือเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดที่มีอยู่

อัตราผลตอบแทนเช่า 5%

นอกเหนือจากการวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าแล้ว เอพี ไทยแลนด์ มองว่า อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในคอนโดยังสูง โดยเฉพาะผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Rental Yield) ถึง 4.5 – 5% ในทำเลที่ได้เข้าไปพัฒนาโครงการ

ทำเล MRT สถานีบางยี่ขัน – บางขุนนนท์ – แยกไฟฉาย ผลตอบแทน 4.5 – 5%

ทำเลในโซนอรุณอมรินทร์ ถือเป็นทำเลศูนย์กลางการแพทย์และสถาบันการศึกษาชั้นนำทำเลหนึ่ง ซึ่งที่ดินหามาพัฒนาได้ยาก เนื่องจากที่ดินติดถนนอรุณอมรินทร์ ที่มีขนาดเหมาะสมกับการพัฒนาคอนโดมีจำกัด โครงการแอสปาย ปิ่นเกล้า – อรุณอมรินทร์  เป็นโครงการใหม่เพียงโครงการเดียวบนช่วงถนนเส้นดังกล่าว  ซึ่งในย่านนั้นมีความต้องการสูง เห็นได้จากยอดขายรวมถึง 75% จากทั้งหมด 11 โครงการที่เปิดขายในแนวโครงข่าย MRT สถานีบางยี่ขัน – บางขุนนนท์ – แยกไฟฉาย และยังเป็นโอกาสของตลาดปล่อยเช่าในลูกค้ากลุ่มนักศึกษา-บุคคลากรทางการแพทย์ที่น่าจับตามอง โดยอัตราการปล่อยเช่าปีล่าสุดที่ 8,000 – 15,000 บาทต่อเดือน ด้วยผลตอบแทนการปล่อยเช่า  ถึง 4.5 – 5%

ตลาดคอนโดรัศมี 1.5 กม.จาก BTS รัชโยธิน

ทำให้ย่านรัชโยธินเป็นทำเลศักยภาพในการลงทุน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าในอนาคต ซึ่งได้ผลบวกจากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) เปิดทำการ  จากการสำรวจซัพพลายพบ 15 โครงการ จำนวน 9,024 ยูนิต มียอดขายแล้วกว่า 87% ในขณะที่ 3 ปีที่ผ่านมาพบการเปิดโครงการใหม่ลดลงต่อเนื่อง และสินค้าคงเหลือขายปัจจุบัน พบราคาขายเฉลี่ย 125,000 – 150,000 บาท/ตารางเมตร   โดยอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) ในย่านนี้ที่มีอัตราที่ดีเช่นกันที่ประมาณ 5% และพบภาพรวมอัตราการปล่อยเช่าปีล่าสุดที่ 9,000 – 20,000 บาทต่อเดือน  และ

ตลาดคอนโดโซนพระราม 4 – สุขุมวิท

ในรัศมี 1.5 กิโลเมตรจาก BTS พระโขนง ตลาดคอนโดในย่านพระราม 4-สุขุมวิท ​พบยอดขายรวมที่เกิดขึ้น 76% จากทั้งสิ้น 21 โครงการ  โดยภาพรวมอัตราการปล่อยเช่าปีล่าสุด อยู่ที่ 9,500 – 20,000 บาทต่อเดือน  หรือผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Rental Yield) ถึง 5% ทำให้ภาพรวมตลาดของคอนโดในทำเลนี้ เป็นที่สนใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง​​​​

Ap Asprie 1

เอพี ไทยแลนด์วางเป้ารายได้คอนโด 12,300 ล.

ณ  วันที่ 15 ก.พ. 65 บริษัทฯ มีสินค้าคอนโดมิเนียมอยู่ระหว่างการขายจำนวน 15 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 27,530 ล้านบาท และมีสินค้าคอนโดรอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 18,300 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดเอพี มูลค่า 1,500 ล้านบาท และเป็นโครงการร่วมทุน มูลค่า 16,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้ มูลค่า 9,790 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2567

 

ในปีนี้เอพี ไทยแลนด์ ยังเตรียมรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ 3 คอนโดใหม่ ได้แก่ แอสปาย เอราวัณ ไพร์ม LIFE สาทร เซียร์รา และ RHYTHM เอกมัย เอสเตท มูลค่ารวม 12,800 ล้านบาท  รวมถึงยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขาย 6,550 ล้าบาท แบ่งเป็นโคงการของเอพี ไทยแลนด์พัฒนามูลค่า 400 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนมูลค่าประมาณ 6,100 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับยอดขายได้ถึงปี 2566

ปีนี้กลุ่มคอนโดวางเป้ายอดขาย 12,000 ล้านบาท  และรายได้ 12,300 ล้านบาท  สำหรับปี2564 ที่ผ่านมา เอพี ไทยแลนด์  มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบและกลุ่มคอนโดฯ (100% JV) มากถึง 40,015 ล้านบาท และด้านกำไรสุทธิปี 64 (Net Profit) สูงถึง 4,543 ล้านบาท โตกว่า 7.5% และสำหรับความท้าทายของตลาดคอนโดในปีนี้ คือ ทิศทางของตลาดยังคงปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว  กลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ในเซกเมนต์กลางถึงกลางล่างที่มองหาคอนโดใหม่ในทำเลซิตี้โซนได้ทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และหลายดีเวลลอปเปอร์ต่างกระโดดลงมาแข่งขันในตลาดมากขึ้น

ปีนี้ผู้ประกอบการยังมองว่าเป็นปีที่ท้าทาย นอกเหนือจากการคาดการณ์ที่แม่นยำ การเลือกที่ดินที่ใช่ การพัฒนาตอบโจทย์อินไซต์ลูกค้าในแต่ละโลเกชั่นจริง ๆ จะทำให้คอนโดตอบโจทย์​ ชนะคู่แข่ง และมีตลาดรองรับอยู่ได้

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด