กลุ่มบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค แถลงแผนธุรกิจปี 63 เดินหน้าสร้างรายได้และยอดขายกว่า 20,000 ล้าน พร้อมใช้กลยุทธ์ “Product Strategy” ผลักดันสู่เป้าหมาย ทั้งการเปิดโปรเจ็กต์แนวราบ 12 โครงการ การออกบ้านแบบใหม่ พัฒนาบ้านป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเดินหน้าหั่นหนี้ 10,000 ล้าน หวังลด D/E เหลือ 1.2
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ และ นางสาวศิริรัตน์ วงศ์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการเงิน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ร่วมด้วย นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาววิลาวัณย์ เหลืองนาคทองดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND ร่วมกันแถลงถึงแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัท ประจำปี 2563
เติบโต 6.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 16,400 ล้านบาท แบ่งเป็น
-พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มูลค่า 15,400 ล้านบาท รวมโครงการในประเทศญี่ปุ่น
-แกรนด์ แอสเสทฯ มูลค่า 1,000 ล้านบาท
ธุรกิจโรงแรม มูลค่า 3,300 ล้านบาท
-โรงแรมในประเทศ 2,000 ล้านบาท
-โรงแรมในญี่ปุ่น 1,300 ล้านบาท
การขายที่ดินและการลงทุน 2,000 ล้านบาท
ธุรกิจให้เช่า 300 ล้านบาท
โครงการแนวราบ 10,000 ล้านบาท
โครงการร่วมทุน 1,500 ล้านบาท
โครงการคอนโดมิเนียม 6,500 ล้านบาท
ในประเทศ 4,500 ล้านบาท และประเทศญี่ปุ่น 2,000 ล้านบาท
มี 4 แนวทางสำคัญ ได้แก่
-การเปิด 12 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 18,560 ล้านบาท แบ่งเป็น
บ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่า 17,110 ล้านบาท
ทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ มูลค่า 1,450 ล้านบาท
-การเพิ่มแบบบ้านใหม่ 26 โมเดล
-การเปิดตัวบ้านคอนเซ็ปต์ใหม่ Pure Air Technology หรือ “บ้านป้องกันฝุ่น PM 2.5”
-การเป็นองค์สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ด้วยการการปลูกต้นไม้ใหญ่ 5,000 ต้นในโครงการต่างๆ การติดตั้งแผงโซล่าร์ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้พลังงานสะอาดในสำนักงานและคลับเฮ้าส์
-โครงการคอนโดฯ 2,500 ล้านบาท
-โครงการวิลล่า ในจ.ระยอง 500 ล้านบาท
เพื่อลดอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ให้ต่ำกว่า 1.5 เท่า จากปัจจุบันมี D/E ที่ 1.7 เท่า ซึ่งหากทำได้ตามแผนที่วางไว้จะมี D/E เหลือ 1.2 เท่า โดยวางแผน
-ขายหุ้นโรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน ขั้นต่ำ 40% คิดเป็นมูลค่า 2,500 ล้านบาท จากมูลค่า 6,000 ล้านบาท
-การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม ยู คิโรโระ ในประเทศญี่ปุ่น สามารถมาลดหนี้ได้ มูลค่า 1,500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 1,700 ล้านบาท
-ขายหอพักยูนิลอฟท์ และที่ดินใน จ.เชียงใหม่ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งวางแผนขายให้กับโรงเรียนนานาชาติ
-ขายที่ดินย่านรามอินทรา มูลค่า 2,500 ล้านบาท
-ขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 2,500 ล้านบาท
โดยจะขายสต็อกเก่าที่มีอยู่ 6,800 ล้านบาทที่สร้างเสร็จแล้ว จะรับรู้รายได้ปีนี้ 4,200 ล้านบนาท โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้ หรือ Backlog ช่วงสิ้นปี 2562 มูลค่า 2,845 ล้านบาท แบ่งเป็น Backlog จากโครงการคอนโดฯ 1,427 ล้านบาท ซึ่งในปี 2563 จะมีรายได้จากโครงการคอนโดฯ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ ไอ คอนโด กรีนสเปซ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ และโครงการ เมโทร สกาย วุฒากาศ และมี Backlog จากโครงการแนวราบ 1,118 ล้านบาท และเป็น Backlog จากโครงการคอนโดฯ ยู คิโรโระ 300 ล้านบาท
-ร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ เพื่อพัฒนาโครงการ “เลค เลเจ้นด์” บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ 2 โครงการ มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท
-ร่วมมือกับ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลราชพฤกษ์ตัดใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท จากนอกเหนือจากคอนโดมิเนียม ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาทแล้ว ในปีนี้ยังจะร่วมกัน
-ร่วมทุนกับ เซกิซุย เคมิคอล พัฒนาโครงการในเพิ่มอีก 1 ทำเล มูลค่ารวม 3,100 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีการร่วมมือกันใน 4 ทำเล
ภาพรวมการร่วมทุนของกลุ่มบริษัทขณะนี้มีมูลค่าทั้งสิ้น 26,500 ล้านบาท เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัท ปีที่ผ่านมาบริษัทยังประสบความสำเร็จจากโครงการ “ยู คิโรโระ” คอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีรายได้เข้ามา 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้ว 2,600 ล้านบาท หรือ 70% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง สามารถโอนกรรมสิทธิ์ปิดโครงการได้ภายในปีนี้