หากต้องการจะเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดฯสักแห่ง จะสามารถทราบได้อย่างไร ว่ารายได้ที่มีจะสามารถผ่อนบ้านไหว การประเมินกำลังซื้อและความสามารถในการผ่อนบ้าน คอนโดฯ ก่อนตัดสินใจซื้อจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น นอกจากนั้น การประเมินถึงความเป็นไปได้ยังส่งผลให้ผ่านการกู้ด้วย ซึ่งรายได้กับราคาบ้านต้องสอดคล้องกัน ไม่มีหนี้สินมากเกินไป
วันนี้เรามี 8 วิธีที่จะสามารถประเมินกำลังซื้อ ความสามารถในการผ่อนบ้าน คอนโดฯ มาให้ได้อ่านกัน
1. วงเงินกู้ 30-50 เท่าของรายได้สุทธิ
ตามปกติธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้ 30-50 เท่าของรายได้สุทธิ แต่ก็ขึ้นอยู่กับอาชีพและฐานรายได้ของผู้กู้ด้วย
2. 1 ใน 3 ส่วนของรายได้สุทธิ
ธนาคารให้ผู้กู้ผ่อนบ้านได้เพียง 1 ใน 3 ส่วนของรายได้สุทธิ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวงเงินกู้ด้วย โดยอ้างอิงจากความสามารถในการผ่อน ยกตัวอย่าง มีรายได้เดือนละ 20,000 บาท ผ่อนบ้านได้เต็มที่ประมาณ 6,000 – 7,000 บาท
3. 20,000 บาท รายได้ขั้นต่ำ
รายได้ขั้นต่ำที่จะสามารถซื้อบ้านหรือคอนโดฯราคา 1 ล้านบาทได้อย่างสบายๆ อยู่ที่ 20,000 บาท
4. เงินงวดผ่อนต่อเดือนอยู่ที่ 7,000 บาท
การกู้เงิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันคือ 7-8 % จำนวนเงินงวดผ่อนจะตกเดือนละ 7,000 บาท ระยะกู้ 20-30 ปี
5. หนี้บัตรเครดิตถูกนำมาคิด 10% ของภาระหนี้สิน
หลายคนที่มีปัญหากู้ไม่ผ่านเพราะมีหนี้สินมากเกินไป ทั่วไปการคำนวณภาระหนี้ส่วนของบัตรเครดิตจะอยู่ที่ 10% จากยอดหนี้ ซึ่งก็คือการชำระขั้นต่ำ
6. 90% ของราคาประเมินคือวงเงินกู้ซื้อคอนโด
วงเงินกู้สูงสุดที่จะได้รับในกรณีขอกู้ซื้อคอนโดฯใหม่ อยู่ที่ 90%
7. 95% ของราคาประเมินคือวงเงินกู้ซื้อบ้าน
วงเงินกู้สูงสุดที่จะได้รับในกรณีขอกู้ซื้อบ้านจัดสรร อยู่ที่ 95%
8. 70-80% ของราคาคือวงเงินกู้ซื้อบ้าน คอนโดฯ มือสอง
วงเงินกู้สูงสุดที่จะได้รับในกรณีขอซื้อบ้าน คอนโดฯ มือสอง อยู่ที่ 70-80% แต่หากเป็นสินทรัพย์ของธนาคารนั้น อาจได้วงเงินกู้สูงกว่าทั่วไป
จาก 8 ข้อข้างต้น เราสามารถนำมาเป็นเกณฑ์พิจารณากำลังการซื้อของเราได้อย่างคร่าวๆ โดยเปรียบเทียบจากรายได้สุทธิ และหนี้สินที่มี ตรงส่วนนี้ก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่า หากยื่นเรื่องขอกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านหรือคอนโดฯ โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติมีมากน้อยเท่าใด ลองศึกษาและคำนวณกันดูนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก home.co.th